17
“เอาไปเลยของฝาก” สกายหน้าบึ้งยื่นถุงของฝากเต็มสองมือไปให้พี่คุณที่ขับรถมารับถึงหน้าบ้านแฝด กว่าจะฝ่าพวกมันออกมาได้หน้าแทบไหม้ดีหน่อยพวกนั้นไม่ออกมาไม่อย่างนั้นสกายได้ตายจริงๆ แน่
“เป็นอะไรครับหน้าบึ้งเชียว” ตรัยคุณยิ้มถามเด็กน้อยของเขาแต่สกายไม่ตอบแถมยังส่งค้อนวงโตมาให้เขาด้วย
“ขอเป๋าตังค์หน่อยพี่” ตรัยคุณส่งกระเป๋าสตางค์ตัวเองไปให้น้องอย่างว่าง่ายพอเห็นว่าน้องเอาบัตรเครดิตใส่คืนให้ก็ถามต่อ
“จริงๆ เอาเก็บไว้ที่ฟ้าเลยก็ได้นะ” สกายส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เอา” เดี๋ยวพวกมันก็ล้อกันอีก สกายต่อประโยคเองในใจ
“เด็กดื้อ” ตรัยคุณว่าก่อนจะลูบหัวลูบแก้มน้องคาไว้อย่างที่เขาชอบทำ ใจจริงอยากจะกอดสักหมับเพราะทนความคิดถึงแทบไม่ไหวแต่พอเห็นน้องหน้าบึ้งเลยต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ก่อน
“ชิ! ดื้อก็ไม่ต้องมายุ่ง” สกายสะบัดหน้าหนีมือของคนพี่ ตรัยคุณอมยิ้มเหลือบมองเด็กน้อยของเขาบังคับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกข้างเลื่อนลงมากุมมือของน้อง สกายที่ตอนแรกทำท่าจะสะบัดออกแต่พอตรัยคุณกระชับฝ่ามือแน่นเขาก็นั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้อีกคนจับอยู่อย่างนั้น
“ต้องยุ่งสิครับไหนเป็นอะไรบอกพี่ซิ”
“หิว” สกายโกหกใครจะยอมบอกว่าเขินที่พวกเพื่อนล้อไหนจะคำพูดของพี่คุณที่นับวันยิ่งแปลกประหลาด อยากจะถามแต่ก็กลัวว่าจะมั่นหน้าเกินไป
“อยากกินอะไรดีครับ”
“พี่คุณเจียวกากหมูเป็นไหมอ่ะ” ตรัยคุณหันมองน้องด้วยความสงสัยก่อนจะพยักหน้า สกายยิ้มกว้างยกมือพี่ขึ้นมาแนบแก้ม
“ทำให้กินหน่อยสิพี่ผมอยากกินมากเลย”
“แค่กากหมูน่ะหรือครับ” สกายยิ้มพยักหน้าตาหยี
“ใช่ครับ กากหมูคลุกข้าวใส่แม็กกี้อีกนิด โอ๊ยยแค่คิดก็น้ำลายไหลแล้วอ่ะ อยากกินๆ” เอ่ยอ้อนไม่พอสกายยังเผลอเขย่าแขนคนพี่อีกต่างหาก อากัปกิริยาแบบนั้นทำให้ตรัยคุณอดใจไม่ไหวดึงมือน้องมาจูบแช่ สกายชะงักหน้าแดงอ้าปากพะงาบแต่แล้วก็เม้มปากก้มหน้า
“พี่คุณนิสัยไม่ดี”
“หืม? พี่ทำอะไรครับ” เลิกคิ้วถามน้องที่บ่นเขาแก้มแดงก่ำอย่างน่ารัก
“ไม่รู้ปล่อยเลย” สกายสะบัดมือคนพี่ทิ้งซึ่งคราวนี้ตรัยคุณว่าง่ายยอมปล่อยให้น้องนั่งเขินเงียบๆ อยู่คนเดียว เขาพอจะรู้ว่าน้องมีท่าทางแบบนี้เพราะอะไร
เมื่อวานเขาติดต่อน้องไม่ได้รู้มาจากเชนว่าเด็กดื้อถูกเพื่อนยึดโทรศัพท์เขาจึงไม่ได้ส่งข้อความอะไรไปมากมายนักจะมีก็แต่ก่อนกลับจากเชียงใหม่เขาส่งข้อความไปถามไฟล์ทกลับ ถามว่าให้มารับไหมก็แค่นั้นแต่ดูจากประโยคที่ตอบกลับมาตรัยคุณก็รู้อีกนั่นแหละว่าไม่ใช่น้องที่ตอบกลับมาคงจะเป็นพวกเพื่อนของน้องที่รุมแกล้งจนเด็กดื้อของเขางอนแล้วพาลมางอนเขาด้วยอีกคน
“แวะซื้ออะไรก่อนไหมครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อใกล้จะถึงคอนโดน้องเอียงคอคิดก่อนจะพยักหน้าแล้วชี้ไปยังร้านผลไม้รถเข็นแถวๆ คอนโดของเขาทั้งสองคน
“อยากกินแตงโมอ่ะพี่”
“ครับ” ตรัยคุณตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางปลดเข็มขัดนิรภัยคว้ากระเป๋าสตางค์เตรียมตัวลงจากรถแต่ถูกมือขาวคว้าแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็ได้พี่ พี่จะเอาอะไรไหม”
“ไม่ครับพี่จะลงไปซื้อให้เรานั่นแหละเห็นกลับมาเหนื่อยๆ นั่งพักให้สบายๆ บนรถเถอะ” สกายบึนปากแล้วถอนหายใจส่ายหน้า
“พี่คุณนี่นะ” คนพี่เห็นน้องทำท่าทางแบบนั้นก็หลุดขำ มือใหญ่เลื่อนขึ้นไปลูบผมน้องแผ่วเบา
“อะไรครับแล้วทำหน้าอะไรของเราแบบนี้หืม?”
“ก็พี่น่ะ จะตามใจผมมากไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่าครับ” สกายถอนหายใจยาวช้อนตามองคนพี่ ตรัยคุณยิ้มบางขยี้ผมน้องเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“แล้วฟ้าไม่ชอบหรือครับ”
“ก็ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกพี่ แต่มันเอ่อ...มัน...” สกายเม้มปากอยากจะบอกว่าแปลกเกินไปสำหรับการดูแลน้องชายแต่อีกใจก็ไม่กล้า
“มันอะไรครับ” สกายค้อนขวับมองคนพี่ที่ยิ้มมองเขาอยู่นั่นแล้วก็ถอนหายใจส่ายหน้าออกมาในที่สุด
คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
“มันจะทำให้ผมเสียนิสัยอย่างที่แม่ชอบว่าไงพี่” สุดท้ายสกายก็เบนความสนใจไปยังประเด็นอื่นแทน ส่ายหัวไล่ความคิดสับสนออกไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดหรอกแต่สกายไม่ได้อยากเร่งรัดอะไร
เขาชอบให้มันเป็นไปในแบบนี้มากกว่า
“โถ่ ก็พี่เห็นเราเดินทางเหนื่อยๆ มานี่ครับ”
“พี่ก็ขับรถมาเหนื่อยเหมือนกันนั่นแหละ ลงเวรแทนที่จะนอนพักผ่อนดันขับมารับผมทำไมก็ไม่รู้” สกายบ่นพี่ชายหน้าหล่อ เด็กจอมกวนส่ายหน้าแล้วควานหากระเป๋าสตางค์ของตนเอง
“พี่รออยู่บนรถนี่แหละเดี๋ยวผมมาแปบเดียว” ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ดลงจากรถไปด้วยความรวดเร็วไม่ทันได้ฟังเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกความในใจด้วยรอยยิ้ม
“ก็เพราะทนความคิดถึงไม่ไหวน่ะสิครับ”“คุณป้าคนสวยครับผมเอาแตงโม 20 บาทเอามะละกอด้วยครับ”
สกายยิ้มทะเล้นสั่งป้าเจ้าของร้านหางตาเหลือบไปเห็นร้านลูกชิ้นปลานึ่งแล้วรู้สึกอยากกินขึ้นมาตะหงิดๆ เลยเดินเข้าไปสั่งอีกถุงใหญ่ เดินกลับมารับของที่สั่งไว้ทั้งหมดแล้วเดินกลับมาที่รถก็เจอพี่คุณยิ้มรอหน้าบานเป็นจานดาวเทียม
“ซื้อมาให้พี่หรือครับ” เสียงทุ้มของคนที่นั่งประจำหลังพวงมาลัยเอ่ยถาม สกายยิ้มตามไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแค่ซื้อมะละกอมาฝากแค่นี้พี่คุณจะดีใจอะไรนักหนา
“แน่สิพี่ก็อยู่กันแค่สองคนไม่ซื้อให้พี่ผมจะซื้อให้ใครล่ะ”
“นั่นสิเนอะ” ตรัยคุณยิ้มกว้างก่อนจะออกรถอีกครั้ง
ทั้งสองกลับมาถึงคอนโดในเวลาต่อมาสกายสะพายเป้ขึ้นบ่าโดยมีคนพี่ถือของทุกอย่างให้ที่จริงพี่คุณจะแย่งไปถือทุกอย่างแต่สกายนั้นกลัวว่าตัวเองจะไม่เหลือความคูลจึงยื้อแย่งมาเป็นของตัวเองไว้ได้หนึ่งอย่าง
“เดี๋ยวผมเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนนะพี่” สกายเอ่ยบอกเมื่อทั้งคู่เข้ามาในลิฟท์แต่คนพี่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“เก็บห้องพี่ก็ได้ครับ” สกายย่นคิ้ว
“เอาไปเก็บไว้ทำไมห้องพี่ล่ะ ห้องผมก็มี”
“มันเสียเวลาครับ”
“เวลาอะไรพี่” จอมกวนของเพื่อนเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจก่อนที่จะได้แต่อ้าปากค้างสติหลุดลอยเมื่อเจอหมัดฮุคอีกดอกของคุณหมอสุดหล่อเข้าไป
“พี่อยากกอดเราจะแย่แล้ว ทนความคิดถึงมากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ”คนพี่ยิ้มกว้างเมื่อน้องว่าง่ายเดินตามเข้ามายังห้องของเขาจนกระทั่งเด็กดื้อจมหายไปในอ้อมอกของเขาอีกคนก็ยังคงความเงียบอยู่เขาเลยได้เนียนกอดเนียนหอมน้องอีกฟอดใหญ่ จนน้องเริ่มร้องงอแงออกมานั่นแหละเขาถึงหยุด
“ฮื้อ! พี่ปล่อยเลยนะเว้ยยย” ตรัยคุณขำความคิดตัวเองแต่ค่อนข้างสวนทางกับความเป็นจริงแต่สำหรับเขาไม่ว่าน้องจะงอแงหรือโวยวายจะอย่างไหนก็น่ารักทั้งนั้น
“ก็พี่คิดถึง” ตรัยคุณยังไม่ยอมปล่อย เขารั้งเอวน้องเข้ามาใกล้ขึ้นอีกพลางซบหน้าหล่อกับซอกคอขาวบอกเสียงอู้อี้อย่างเอาแต่ใจ
“ไอ้พี่บ้านิสัยไม่ดี”
“ยอมครับแต่ขอพี่กอดต่อนะ” สกายอยากขัดขืนแต่ร่างกายไม่เป็นดั่งใจหวัง ทำไมถึงอ่อนปวกเปียกได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ ยิ่งได้รับสัมผัสจากพี่คุณมากเท่าไหร่ร่างกายยิ่งไร้การขัดขืนมากขึ้นเท่านั้น
“พี่แม่งเอาแต่ใจ”
เสียงของสกายเบาหวิวหากแต่อีกคนได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อยิ้มกว้างอดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มนิ่มแรงๆ ให้น้องได้โวยวายเล่นแต่แปลกที่คราวนี้น้องนิ่งกว่าที่คาดการณ์เอาไว้แถมยังไม่บ่นอะไรเขาต่ออีกเลยทำให้เขายิ่งได้ใจ จมูกโด่งหอมแก้มน้องอยู่หลายครั้งก่อนจะไล้ลงมาเรื่อยๆ ริมฝีปากแดงฉ่ำอยู่เพียงปลายสัมผัส ตรัยคุณเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนกระทั่ง
“มากไปแล้วพี่ มากไป” สกายบอกก่อนจะยกมือปิดปากตรัยคุณได้ทันก่อนที่จะมาถึงริมฝีปากของเขา แค่นี้หัวใจก็จะวายตายอยู่แล้วถ้าจูบกันจริงมีหวังเขาคงได้ตายอย่างสงบศพสีม่วงแน่ๆ
“หึหึ พี่ก็นึกว่าเราจะไม่ขัดเสียแล้ว”
ไม่ว่าเปล่าดึงมือน้องมาจูบที่หลังมืออีกหลายครั้งจนน้องเขินหน้าแดงแจ๋ สกายถลึงตาใส่คนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว อยากจะด่าแต่ก็ไม่รู้ว่าจะด่าว่าอะไรเพราะตอนนี้เขินจนคิดคำพูดไม่ทันจะเดินหนีขาก็เสือกไม่มีแรงถึงได้ยืนอยู่ตรงนี้ให้ลุงแกตอดเล็กตอดน้อยจนหัวใจจะวายตายอยู่แล้ว
“พี่...พอ”
“ครับ พอก็พอฟ้าไปอาบน้ำนะเสื้อผ้าหยิบใส่จากในตู้พี่ได้เลย”
“แต่ผมอยากกลับหะ...ก็ได้ๆ พี่คุณแม่งเอาแต่ใจ” สกายเดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องนอนและห้องอาบน้ำของเจ้าของห้องโดยมีสายตาขำปนเอ็นดู
“ก็เด็กน้อยตามใจพี่ตลอดนี่ครับ” ตรัยคุณพูดกับตัวเองก่อนจะจัดการกับข้าวของที่น้องซื้อมาฝากเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยพลางมองไปรอบห้อง เห็นทีต้องให้ช่างมารีโนเวทห้องใหม่เสียแล้วเอาที่น้องชอบจนไม่อยากกลับห้องตัวเองเลย
“ตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่กูว่ามึงดูแปลกๆ ไปนะกาย”
มาร์คหรี่ตามองเพื่อนด้วยสายตาสงสัย วันนี้จอมป่วนของกลุ่มว่างและไม่มีอะไรทำที่บ้านก็ไม่ค่อยมีคนอยู่เพราะกิจกรรมที่มหาลัยเยอะเป็นหางว่าวเลยมีโอกาสมากวนเพื่อนจอมซ่าคิดว่ามันอาจตายคากองหนังสือไปแล้วที่ไหนได้...
ชีวิตความเป็นอยู่ของมันเยี่ยงราชาดียิ่งกว่าเขาอีก!
“อะไรของมึงเตี้ย” สกายเลิกคิ้วถามอยู่ๆ มันก็โทรมาบอกว่าอยู่ล่างคอนโดให้ลงมารับหน่อย เขารีบวิ่งกลับลงมาที่ห้องตัวเองแทบไม่ทัน
“เปล๊า ก็ไม่มีอะไร๊แค่รู้สึกว่ามึงสดใสเหมือนคนมีความรักก็เท่านั้น” มาร์คว่าเสียงเหมือนไม่ใส่ใจแต่ก็ทำให้อีกคนสะดุ้งตัวโยนดีที่เพื่อนตัวเล็กสังเกตไม่ทัน
ไม่ทันก็บ้าแล้ว! สกายเพื่อนบ้ามีพิรุธขนาดนั้น มาร์คกระหยิ่มยิ้มย่องในใจพลางมองไปรอบห้องเพื่อนบ้าที่ไม่ได้มาเสียนานแหมสะอาดเอี่ยมอ่องอย่างกับไม่เคยอยู่ หึหึหึ
“เพ้อเจ้อว่ะมึงเนี่ย แล้วมาหากูมีเรื่องอะไร” มาร์คยักไหล่
“ก็ไม่มีไรทำเลยมาหาทำไมเดี๋ยวนี้กูมาหามึงไม่ได้หรือไงเอ๋...หรือว่าเพื่อนซ่อนใครไว้”
“โว๊! มึงนี่ไปใหญ่แล้วมาร์คเลิกกับผัวคนล่าสัตว์ไปแล้วล่ะเส่ะถึงมาตามป่วนคนอื่นอยู่เนี่ย” สกายด่าเพื่อนแต่แทนที่จะโดนด่ากลับอีกคนดันหัวเราะชอบใจเสียอย่างนั้น
“ก็นะกูมันไม่โลกสีชมพูแบบมึงตอนนี้นี่”
“ไอ้บ้าจะทำอะไรก็ทำไปกูจะอ่านหนังสือ” สกายแสร้งทำท่ารำคาญแต่ก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไรเมื่อมาร์คยังคงล้อเลียนลอยหน้าลอยตาใส่จนต้องขว้างหมอนใส่หน้ามันด้วยความหมั่นไส้
“แน่ะๆ”
“อะไร” สกายถลึงตาใส่
“เปล๊าก็แค่ยินดีที่เพื่อนมีความรักเฉยๆ” มาร์คยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“บ้าบอ”
“อ่ะหรือมึงจะเถียง” คราวนี้คนที่เถียงสวนได้ตลอดเวลาเงียบทำให้มาร์คยิ้มกว้าง อะโด่เอ๊ย!
“มีอะไรเล่าให้กูฟังหรือเปล่า” สกายนิ่งไปก่อนจะพยักหน้าถอนหายใจยาวมือขาวปิดหนังสือแล้วหันหน้าเข้าหาเพื่อนสนิทตัวเล็ก
“มึงจำพี่คุณได้ใช่ป่ะ” สกายเกริ่น มาร์คพยักหน้ารับ
“เขา...หมายถึงช่วงนี้เขาแปลกๆ กับกู แบบเหมือนจะ...”
“จีบ” สกายสะดุดเมื่อเพื่อนชิงพูดก่อน คนขี้โวยวายพยักหน้าเบาๆ
“อือ”
“แล้วไงอ่ะ มึงก็ไม่ได้รังเกียจอะไรพี่เขาไม่ใช่หรือวะ หรือว่ารังเกียจ?” คนถูกถามส่ายหน้า
“คือกูไม่รู้จะทำตัวยังไงว่ะ มันสับสนอ่ะ” มาร์คยิ้มขำมองคนที่เก่งไปเสียทุกเรื่องแต่กลับอ่อนด้อยเรื่องความรัก
“ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยนี่หว่ามึง ก็แค่ปล่อยไปตามธรรมชาติ” สกายขมวดคิ้ว
“ปล่อยได้หรือวะ” มาร์คหัวเราะแล้วพยักหน้า
“ได้ดิวะเพื่อน มึงจะทำให้มันยากทำไมอ่ะ”
“มันแบบ...ไม่รู้ดิวะ อธิบายไม่ถูก”
“อย่าบอกนะว่ามึงกำลังหาเหตุผลมารองรับ” มาร์คถามอย่างไม่เชื่อแต่พอสกายพยักหน้าคนตัวเล็กก็หัวเราะเสียงดัง
ไอ้เพื่อนบ้าเอ๊ย! มึงจะทึ่มไปถึงไหนกัน
“ของอย่างนี้มันใช้หัวใจเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“แล้วถ้ามันจบเหมือนไทน์ล่ะ” สกายเอ่ยถามเสียงเบาพาลให้บรรยากาศในห้องเย็นเยียบไปโดยปริยาย ไทน์คือเพื่อนรักของพวกเขาที่ต้องจบชีวิตลงเพราะความรักที่ไม่สมหวัง
“ถ้าสุดท้ายมันเจ็บพวกกูก็จะอยู่กับมึง มึงก็รู้ใช่ไหมว่ากูจะไม่ยอมปล่อยให้มึงตาย” สกายหัวเราะน้อยๆ แล้วคว้าคอเพื่อนตัวเล็กมากอด
“กูจะไม่ตายใช่ไหมวะ”
“เออดูกูเซ่! เลิกกับแฟนมาเป็นสิบกูยังไม่เคยตายเลย” มาร์คตบอกตัวเองเสียงดัง สกายหัวเราะขำแล้วปรายตามองเพื่อนรัก
“ก็แรดมันตายไม่ได้ไม่ใช่หรือไง”
“ไอ้ฟวย กูไม่เล่นกับมึงแล้ว! กูจะกลับบ้าน!” มาร์คดีดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของสกายที่ยิ่งเพื่อนดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่น
“โอ๋ๆ กูไม่แกล้งมึงแล้วก็ได้ ไปๆ กูเลี้ยงเอ็มเค” คนที่กำลังดิ้นชะงักเงยหน้ามองเพื่อนยิ้มแฉ่งจนตาหยี
“โอ้ ศิษย์พี่ช่างมีน้ำใจอะไรเยี่ยงนี้ไปกันเถิดข้าหิวเหลือเกิน” สกายกลอกตาระอากับความเกรียนของเพื่อนตัวเอง หน้าตาก็น่ารักดีอยู่หรอกแต่นิสัยเกรียนเกินทน
อืม...จะว่าไปทำไมพี่คุณถึงไม่ชอบพวกหน้าตาน่ารักๆ แบบไอ้มาร์คมันวะ มาชอบอะไรกับคนแบบเขาแต่คิดอีกแง่พี่มันอาจจะแค่เอ็นดูตามประสาสุภาพบุรุษจุฑาเทพก็ได้นะเว้ย
อือมันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้อย่าคิดมากดิวะกายคนคูลเขาไม่คิดเยอะหรอก โว้!
tbc