15
ปัง!!
“เฮ้ยกายมึงใจเย็นๆ ดิวะ ไอ้เหี้ยโทรศัพท์พังเลยเห็นไหม!”
เชนเดินไปเก็บซากโทรศัพท์ที่สกายขว้างเข้ากำแพงมาพลิกดู ตายสนิท ไอ้เพื่อนห่านี่! สอนกี่ครั้งไม่เคยจำว่าอย่ามาลงที่ข้าวของ ใบหน้าหล่อหันไปมองคนขว้างที่ตอนนี้หัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ที่โซฟาพอดีกับตรัยคุณเดินเข้ามาในห้อง ร่างสูงมองน้องทีมองเพื่อนน้องที เห็นซากโทรศัพท์ในมือเชนหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
สกายสะบัดหน้าหนี ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะคุยดีกับใครทั้งนั้น ในหัวมีแต่คำว่าเอาคืนให้เพื่อน มีคนตัดสายเบรกรถยูเขารู้ว่ามันคือใครเหมือนกับที่ทุกคนรู้และสกายก็รู้ว่ามันคือคำเตือนเพราะมันตั้งใจตัดให้ขาดแถมยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เพื่อนเขารู้อุบัติเหตุจึงไม่เกิดขึ้น
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นล่ะจะทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบถ้าเขาเสียเพื่อนอีกคนไปจากความเห็นแก่ตัวของคนแค่คนเดียว แม่งเอ๊ยอยากกระทืบคน โมโหเว้ยโมโห!!!! สอบก็จะสอบกระทืบคนก็อยากกระทืบทำไมเกิดเป็นกูมันลำบากจังวะ
“กายมันโมโหนิดหน่อยครับพี่คุณ”
เชนเห็นว่าเพื่อนยังไงก็ไม่ตอบคำถามพี่คุณแน่จึงเป็นฝ่ายตอบแทนด้านสกายนั้นเดินดุ่มๆ เข้าไปยังห้องนอนปิดประตูดังโครม เชนได้แต่ส่งยิ้มแหยให้นายแพทย์คนหล่อแต่ดูว่าคำตอบแค่นี้พี่คุณจะยังไม่พอใจเชนจึงจำเป็นต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“แล้วก็อย่างที่เห็นครับ ไม่พอใจอะไรก็พังข้าวของผมล่ะอยากจับมันมาตีก้นจริงๆ เลย” เชนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ตรัยคุณฟังแถมท้ายด้วยการบ่นเพื่อนขี้โมโหของตัวเองในห้องอีกเล็กน้อย ตรัยคุณผ่อนลมหายออกช้าๆ
“เรื่องนี้พี่ว่าควรแจ้งตำรวจนะครับไม่ควรทำอะไรกันเอง” เขาเตือนในฐานะผู้ใหญ่แต่ดูทรงแล้วก็รู้ว่าเด็กพวกนี้ฟังแต่ไม่ทำตาม ดื้อกันหมดทั้งกลุ่มสินะ
“ลงบันทึกประจำวันไปแล้วครับแต่ก็เท่านั้นแหละพี่”
“ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะเชน อีกอย่างเรื่องเอาคืนอะไรนั่นพี่ไม่สนับสนุนเลยนะเพราะมันจะทำให้เรื่องไม่จบมีแต่ความยุ่งยาก”
“ครับ ไงก็ฝากดูมันหน่อยนะพี่ผมว่าจะกลับบ้านแฝดแปบนึง สวัสดีครับพี่คุณ”
คนเด็กกว่ายกมือไหว้แล้วเดินออกจากห้องของสกายไป ตรัยคุณส่ายหัวถอนหายใจเชื่อเถอะว่าที่พูดไปไม่ฟังหรอกเอาเถอะถ้ายังอยู่ในขอบเขตเขาก็จะไม่ว่าอะไร ถ้ายังไม่ใช่อะไรที่ร้ายแรงแต่ถ้ามันเกินขอบเขตที่เขาวางไว้เมื่อไหร่และคนของเขามีอันตรายเมื่อนั้นแหละได้เห็นดีกัน
“ฟ้าครับพี่ขอเข้าไปนะ” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับและประตูไม่ได้ล็อคตรัยคุณจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป ภายในห้องนอนเห็นเด็กดื้อของเขานอนคลุมโปงอยู่ที่เตียงจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“เชนเล่าให้พี่ฟังหมดแล้วนะ ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนเร็ว” ตีก้นน้องเบาๆ สองสามทีร่างในผ้าห่มก็ขยับยุกยิกโผล่หน้าออกมา ตรัยคุณดึงมือน้องให้ลุกขึ้นนั่ง สกายขยับตัวนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหาคนพี่ เอ...เหมือนเดจาวูเลยแฮะท่านั่งนี้
“ห้ามทำอะไรโดยพละการนะครับ” สิ้นคำพูดของคนพี่สกายก็ยู่หน้าทันที
“ไม่ฟังได้ไหมอ่ะ” เด็กดื้อเถียงเลยโดนบีบแก้มไปตามระเบียบ
“ถ้าแก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมาเรื่องมันก็ไม่จบสักทีสิครับ” ตรัยคุณคว้ามือทั้งสองข้างของน้องมาบีบเล่น
“แต่มันทำเพื่อนผมก่อนอ่ะ”
“พี่ถึงบอกให้พวกเราไปแจ้งความ” คราวนี้สกายเบะปาก
“พี่คิดว่าแจ้งความแล้วจะจับตัวคนผิดได้หรือไง ตำรวจไทยมาตอนจบทุกที อื้อ!” สกายร้องโวยวายเมื่อโดนตรัยคุณบีบปากแต่ก็มีท่าทีอ่อนลงเมื่อคนพี่สีหน้าจริงจัง
“อย่าพูดอย่างนี้ครับ พี่เชื่อว่าคนผิดอย่างไรก็ต้องถูกจับมาลงโทษเชื่อในกระบวนการยุติธรรมหน่อยสิครับ”
คำพูดของพี่คุณก็เหมือนคำพูดของคุณครูไม่ก็แม่คือเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ถามว่าสกายฟังไหม ฟังสิแต่จำหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง คนพี่เห็นเด็กน้อยลอยหน้าลอยตาน่าหมั่นเขี้ยวจึงหลุดยิ้มบีบแก้มเด็กดื้อของเขาไปมา
“แก้มช้ำหมดแล้วพี่”
“ก็เรามันดื้อพูดอะไรก็ไม่ฟัง”
“ไม่รู้ไม่ชี้” สกายยิ้มตาหยีดูก็รู้ว่าจงใจกวนคนพี่ ตรัยคุณยิ้มส่ายหัวอย่างอ่อนใจบีบแก้มเด็กดื้ออีกหนึ่งทีแล้วตีหน้าขาน้องเบาๆ
“ไปครับ” สกายหน้าเหวอ
“ไปไหนพี่” เพราะทำหน้าตาน่าเอ็นดูเลยโดนบีบจมูกไปอีกหนึ่งที
“เดี๋ยวพี่พาไปซื้อมือถือใหม่ครับ ก็เด็กดื้อที่ไหนก็ไม่รู้โมโหแล้วทำลายข้าวของ ถ้าทำอีกพี่ตีจริงๆ นะ” สกายยิ้มปะเหลาะพลางเอียงหัวซบไหล่คนพี่อย่างออดอ้อน
“ตีผมลงหรอพี่ตีผมลงหรอออออ” ว่าพลางช้อนตาอ้อน เห็นแล้วมันน่าจับฟัดแต่ตรัยคุณรู้ดีว่าถ้าทำคงโวยวายใหญ่โตแล้วก็พาลงอนเขาไปตามระเบียบ คนพี่จึงได้แค่บีบจมูกอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วดึงน้องให้ลุกจากเตียง
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ”
“ไปทั้งอย่างนี้เลยก็ได้พี่ สบายๆ” ปากว่าแต่การกระทำนั้นเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าหาเสื้อยืดกางเกงยีนส์มาใส่เรียบร้อย ก็ดูหน้าพี่ท่านสิดุอย่างกับจะงับหัวที่เปลี่ยนนี่ไม่ได้กลัวนะแค่ขี้เกียจทะเลาะเฉยๆ เถอะ
สามสิบนาทีถัดมาสกายก็เดินเฉิดฉายอยู่ที่ห้างดังใจกลางเมืองข้างกายมีชายหนุ่มหล่อเดินไม่ห่างดีที่พี่คุณใส่ชุดไปรเวทเลยเหมือนพี่ชายน้องชายมากกว่าอาเสี่ยกับอีหนู เอ๊ะ...นี่เขาคิดอะไรของเขา
“เอาแบบไหนดีครับฟ้า” ตรัยคุณสะกิดแขนน้องที่มัวแต่มองโน่นนี่ไม่ได้สนใจโทรศัพท์ที่เขายื่นให้ดูตรงหน้าสักนิด
“เอาแบบเดิมก็ได้พี่”
เรื่องของใช้สกายไม่ใช่คนเรื่องมากเอาแค่ใช้งานได้ก็พอ ตรัยคุณคุยกับพนักงานขายอีกเล็กน้อยก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ ส่วนสกายนั้นลอยตัวอยากจ่ายให้ก็จ่ายเถียงไปเดี๋ยวลุงแกก็บีบปากอีก บีบจนปากเขาจะเล็กเท่ารูเข็มอยู่แล้ว
“คราวหลังถ้าโมโหอะไรห้ามทำลายข้าวของอีกนะครับ” สกายปากยื่นก่อนจะยกมือไหว้รับกล่องโทรศัพท์ที่พี่คุณยื่นมาให้ บอกว่าเอารุ่นเดิมลุงแกก็จัดให้ซะรุ่นใหม่ล่าสัตว์ เอ๊ยล่าสุดราคาเหยียบสี่หมื่น
ขนตูดลุกซู่แต่ถ้าขนหน้าแข้งพี่คุณไม่ร่วงสกายก็ยินดีรับ รวยนักใช่ไหม หึ!
“ครับๆ”
ตรัยคุณได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ หลังจากซื้อโทรศัพท์ให้เด็กดื้อของเขาเสร็จแล้วก็พาน้องมากินข้าวจากนั้นน้องก็อยากซื้อหนังสือเพิ่มอีกนิดหน่อยเขาจึงมาช่วยเด็กน้อยของเขาเลือกจนบ่ายแก่ๆ ก็พาน้องกลับมาอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือของเขา
“ลุกขึ้นมาอ่านดีๆ สิครับ” เขาบ่นน้องที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านคว้านลึกเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็อ่อนใจและขัดใจไปในที ดูสิผิวขาวๆ มีตำหนิหมด สกายที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นเงยหน้ามองคนพี่ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“แบบนี้สบายดีพี่” ป่วยการจะบ่น ตรัยคุณปล่อยให้เด็กดื้อของเขานอนเอกเขนกอยู่บนพื้นพรมส่วนตัวเขานั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา
“หลังสอบเสร็จไปไหนหรือเปล่าครับ”
“ไปเชียงใหม่กับพวกเพื่อนอ่ะพี่”
สกายกลืนข้าวลงท้องเอ่ยตอบ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคุณชายที่มีคนคอยทำทุกอย่างให้ เขามีหน้าที่แค่อ่านหนังสืออย่างเดียว ข้าวปลาอาหารพี่คุณเตรียมให้พร้อมนี่ไม่รวมไปรับไปส่งซื้อของโน่นนี่ให้ โอ้โหเฮะ ทำไมเกิดเป็นคุณเท่าฟ้าเขาดีอย่างนี้วะ
“แล้วพี่คุณไปไหนป่าวพี่”
“อยู่เวรยาวเลยครับ” สกายทำหน้าเห็นใจแล้วก็ยิ้มกว้างมือขาวเอื้อมไปบีบมืออีกคนเป็นการปลอบ
“ไม่เป็นไรนะพี่เดี๋ยวผมซื้อของฝากมาให้เยอะๆ เลย” ตรัยคุณยิ้มก่อนจะยื่นบัตรเครดิตของตัวเองให้น้อง สกายตาโตโบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่
“เฮ้ยไม่เอาพี่ ผมซื้อฝากไงซื้อฝาก”
“แต่อันนี้พี่ฝากซื้อครับ ฝากซื้อมาให้คนที่โรงพยาบาลด้วยนะส่วนจากนั้นเราจะเอาไปใช้อะไรก็ได้” ไม่ว่าเปล่าตรัยคุณจับมือน้องแบออกแล้ววางบัตรเครดิตของตัวเองบนมือน้อง
“เดี๋ยวผมก็รูดให้เต็มวงเงินซะนี่ทำตัวป๋าดีนัก” คนพี่หัวเราะเท้าคางมองเด็กดื้อตรงข้าม
“จะรูดให้เต็มเลยหรือครับรู้ไหมว่าวงเงินเท่าไหร่” สกายหรี่ตาพิจารณาบัตรเครดิตในมือตัวเอง ดูก็รู้ว่ามันต้องเยอะแน่แต่ใครจะสนเล่า
“ไม่รู้แหละก็พี่ให้ผมมาใช้เอง” ตรัยคุณขยี้ผมน้องอย่างหมั่นเขี้ยวแถมท้ายด้วยการลูบแก้มน้องเบาๆ
“ใช้ไปเถอะครับพี่จ่ายได้ ให้เลี้ยงเราตลอดชีวิตพี่ก็เลี้ยงไหว”
“กายมึงไหวป่ะวะ สอบแค่นี้สติมึงหลุดลอยไปเลยหรือไง”
แวนโบกมือตรงหน้าเพื่อนพลางถามกลั้วหัวเราะ เนมเองก็มองเพื่อนด้วยความแปลกใจ วันนี้สกายมาแปลกเหมือนคนไม่มีสติ หรือมันวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วแต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะวันนี้สอบตัวที่กายมันเทพ แล้วมันจะเป็นอะไร
“มึง...” สกายเรียกเพื่อนแค่นั้นแล้วก็เงียบ จะโทษก็ต้องโทษพี่คุณคนนิสัยเสีย แม่งเอ๊ยเรียบเรียงคำพูดไม่เป็นประโยคเลยเนี่ย
จากที่เมื่อคืนเจอประโยคฮุคของตาลุงนั่นเข้าไปแล้วเขาก็สติหลุดลอยชนิดที่ว่าเดินกลับมาห้องอาบน้ำนอนตื่นมาสอบทำข้อสอบได้อย่างไรก็สุดจะรู้ได้ ขนาดตอนนี้นั่งรอสอบตัวต่อไปสติเขายังไม่ค่อยเข้าร่างดีเลย อยากจะคุยกับเพื่อนมากกว่านี้แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรสุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ
พี่คุณนะพี่คุณ นิสัยไม่ดีเลยแม่ง!
พูดอย่างกับจะขอเขาแต่งงาน เหี้ย! คิดอะไรของกูเนี่ย! สกายสะดุ้งตบแก้มตัวเองแรงๆ จนเนมและแวนตกใจรีบดึงมือเพื่อนไว้คนละข้าง
“กายไปวัดกับกูไหมเอาจริง”
แวนถามเสียงเครียด สกายได้แต่หันมองเพื่อนตาปริบๆ ซึ่งทำให้อีกสองคนขนลุกซู่ ผิดปกติ เพื่อนเขาต้องถูกองค์แม่อะไรเข้าสิงแน่นอนเพราะถ้าเป็นสกายตัวจริงมันต้องด่าเขาเสียหมาไปแล้ว ไม่นิ่งเงียบแล้วมองแบ๊วใส่อยู่แบบนี้หรอก
“หรือให้กูวิ่งไปนิมนต์หลวงพ่อมาที่นี่เลยดีวะ” เนมเองก็เริ่มอยู่ไม่สุข สกายมองเนมทีมองแวนทีแล้วก็อ้าปากคล้ายจะพูดอะไรแล้วก็หุบลงส่ายหน้าก้มอ่านหนังสือต่อ
“มึง...กูเริ่มกลัวมันแล้วเนี่ย” แวนกระซิบคุยกับเนมซึ่งอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เป็นอะไรกัน” เสียงดังขึ้นจากด้านหลังทำให้สองหนุ่มสะดุ้งสุดตัวพอหันไปเจอเชนที่ยืนเท้าเอวมองการกระทำแปลกๆ ของสามว่าที่หมออยู่เนมกับแวนก็แทบร้องไห้ด้วยความดีใจ
“มึงช่วยด้วยเพื่อนมึงผีเข้า” แวนเขย่าแขนเชนขอความช่วยเหลือ เชนเลิกคิ้วพอเห็นว่าเนมเองก็พยักหน้าเป็นไปในทางเดียวกับแวนก็ต้องเดินอ้อมไปดูสกายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่นิ่งๆ นิ่งจนเกินไปเหมือนว่ามันไม่ได้อ่าน
“กาย” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมาพอเห็นว่าเป็นเพื่อนรักก็ลุกพรวดจนสามคนที่เหลือสะดุ้ง
“พุทโธ ธัมโม สังโฆ อย่าได้เบียดเบียดซึ่งกันและกันเลย” แวนพนมมือท่องบทสวดเชนทั้งขำทั้งสงสารหันไปมองเพื่อนบ้าที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้น
“มึงไปกับกูเร็ว” สกายบอกแค่นั้นแล้วก็ลากเชนออกจากโต๊ะด้วยความว่องไว
“มึงเป็นอะไรวะกายเพื่อนมึงกลัวใหญ่แล้วนั่น” สกายส่ายหน้าแล้วเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นจนเชนเริ่มเวียนหัวจึงยึดไหล่ของเพื่อนไว้
“กาย”
“หือ?”
“มึงเป็นอะไรวะ”
“คือ...มึง”
“อะไร” อ้าปากแล้วก็เงียบ
“มึงไม่ได้โดนผีสิงอย่างที่เนมกับแวนมันบอกใช่ไหมกูเริ่มกลัวแล้วนะเว้ย” สกายส่ายหน้าแล้วถอนหายใจทิ้งตัวนั่งยอง เชนเห็นดังนั้นจึงนั่งตาม
“เป็นอะไรวะ”
“พี่คุณ” คราวนี้เชนเบิกตากว้างจับเพื่อนสำรวจทั้งตัว
“พี่เขาจับมึงทำเมียแล้วหรือวะ โอ๊ย! ไอ้ก๊ายตบกูทำไม” จากมือที่สาละวนกับเพื่อนอยู่ดึงกลับมากุมหัวตัวเองแทบไม่ทัน
“ไม่ถีบหน้ามึงก็ดีเท่าไหร่ละ ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดเว้ย”
“อ่าวก็มึงเรียกพี่คุณแล้วก็เงียบไปกูก็คิดว่ามึงตกเป็นของพี่เขาแล้วสิ” สกายหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุก่อนจะถอนหายใจยาว
“พี่คุณแม่งพูดอะไรแปลกๆ” เชนเลิกคิ้วก่อนจะทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจก็นั่งยองๆ แล้วมันเมื่อยอ่ะ
“เขาพูดว่าอะไร”
“เขาให้บัตรเครดิตกูมา”
“อ่าฮะ”
“บอกให้เอาไปใช้ซื้ออะไรก็ได้ที่เชียงใหม่” เชนเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้เพราะเสียงเพื่อนเริ่มเบาลง ใบหน้าหล่อยิ้มอย่างถูกใจโดยที่สกายยังไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ก้มหน้ามองหญ้า
“แล้วไงต่อ”
“กูก็เลยบอกว่าเดี๋ยวแม่งรูดให้เต็มวงเงินแม่งเลย”
“อือฮึ”
“แล้วทีนี้นะมึง พี่มัน...พี่มันแม่ง!”
“พี่เขาทำอะไร”
“พี่คุณแม่งบอกว่าใช้ไปเถอะให้เลี้ยงกูทั้งชีวิตก็ไหว มึงดูพี่มันเด้!!!!” สกายร้องโวยวายกับเพื่อนที่ยิ้มกว้างอยากจะหัวเราะดังๆ พี่หมอคุณแม่งคนจริงแต่ไม่รู้จะขำหรือสงสารดีที่ไอ้เพื่อนบ้าของเขายังคงไม่รู้สึกตัว
“ชัดเลยมึง”
“ชัดอะไรวะไอ้เชน พูดดีๆ กูไม่เข้าใจ” เชนยักไหล่กระหยิ่มยิ้มย่องลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ตูดแล้วเต๊ะท่ายืนล้วงกระเป๋า
“เรื่องแบบนี้มึงต้องรู้ด้วยตัวเองเว้ย ไปดีกั่ววววววบรัยยยยย” เชนเดินผิวปากจากไปด้วยอารมณ์เบิกบานผิดกับสกายที่ร้องด่าตามหลังแต่พี่เชนคนหล่อหาได้สนใจไม่
เห็นทีเรื่องนี้ต้องขยาย ฮริฮริ เพื่อนจะเป็นฝั่งเป็นฝาทั้งทีแถมหลัวเพื่อนยังรวยมากด้วย เกิดเป็นเท่าฟ้านี่ดีจริงๆ พี่เชนคอนเฟิร์ม!
tbc
#ฟ้าของคุณ