20
ทำไมมองอะไรก็หงุดหงิดไปเสียหมด สกายเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงลงมาถึงหน้าโรงพยาบาลกำลังจะกวักเรียกแท็กซี่ข้อมือขาวก็ถูกรั้งไว้จากคนที่เป็นสาเหตุให้เขาหงุดหงิด
“กลับบ้านกันครับ” ตรัยคุณบอกเสียงนุ่มแล้วรั้งข้อมือน้องให้เดินตามแต่สกายในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะฟังอะไรทั้งนั้น
แค่ได้ยินเสียงพี่คุณเขายังหงุดหงิดเลยเหอะ ก็น้ำเสียงแบบนี้ไม่ใช่หรือไงที่เอาไว้คุยกับคนอื่นด้วย ก็หลงคิดเข้าข้างตัวเองตั้งนาน ไอ้กายไอ้โง่เอ๊ย
“ยังไม่เลิกงานไม่ใช่หรือไงพี่” สกายถามกลับเสียงนิ่งแถมยังยืนไม่ยอมเดินตามแรงรั้ง
“งานพี่เสร็จหมดแล้วครับ ป่ะกลับกัน” สกายยังขืนตัวไว้ คนพี่มองเด็กน้อยของเขาที่จู่ๆ เกิดดื้อแพ่งขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่รบกวนพี่ดีกว่าเดี๋ยวผมกลับเองจะกลับบ้านแฝด” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีที่ฟังน้องพูดจบ
“ไหนว่าวันนี้อยากกินหอยลายผัดฉ่า”
“ไม่อยากกินแล้ว ไปนะพี่หวัดดีครับ” สกายแกะมือปลาหมึกของพี่คุณออกแต่คุณหมอหนุ่มไม่ยอมให้ความร่วมมือ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านแล้วกัน”
“ไม่ต้องพี่ผมกลับเองได้ ไม่อยากรบกวนจะแวะไปหาแพรวที่มหาลัยก่อนด้วย” ชื่อของคนที่ตรัยคุณไม่ใคร่ได้ยินนักหลุดออกมาจากปากน้องทำให้แรงที่กระชับข้อมืออีกคนอยู่แรงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
“พี่ไปส่ง”
“ผมบอกว่าไม่ต้อง” สกายเริ่มเสียงแข็ง ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งได้ยินเสียงพี่คุณยิ่งหงุดหงิด แม่งโคตรหงุดหงิดเลยเว้ยเมื่อไหร่จะปล่อยซักที!
“ฟ้าครับ” สกายหันหน้าหนีกำมือแน่น ตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับพี่คุณจริงๆ นะ อย่าทำให้เขาโมโหจะได้ไหม
“ให้พี่ไปส่งนะ มีอะไรไปคุยกันในรถนะครับ” ตรัยคุณบอกน้องเสียงอ่อน เขาไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไรแต่เขาไม่ชอบเลยที่เรามึนตึงกันแบบนี้
แล้วก็รู้สึกใจหายที่แก้วตากลมใสไม่ยอมสบมองเขา
“นะครับ” สกายถอนหายใจยาวแล้วพยักหน้าโดยที่ยังไม่ยอมมองหน้า
“นำไปดิพี่แล้วก็ปล่อยผมเหอะ ผมเดินเองได้” ตรัยคุณยอมปล่อยตามที่น้องต้องการร่างสูงเดินนำไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล สกายมองแผ่นหลังกว้างแล้วถอนหายใจ
“
คุณคะ”
ทั้งสองคนชะงักเท้าหันไปทางต้นเสียง หญิงสาวสวยหมดจดคนหนึ่งร้องเรียกพี่คุณด้วยน้ำเสียงดีใจก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามากอดแขนคนที่อยู่หน้าสกายไปไม่กี่ก้าว
“ริน?” ตรัยคุณเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าก่อนใบหน้าหล่อจะสบมองสกายที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง
“คิดถึงคุณมากเลย ทำไมรินโทรหาไม่ติดเลยล่ะคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างตัดพ้อ
“ช่วงนี้ผมยุ่งนิดหน่อยครับแล้วรินมาถึงเมื่อไหร่”
“วันนี้เลยค่ะ พอลงเครื่องแล้วก็รีบมาหาคุณเลย เอ๋แล้วหนุ่มน้อยคนนี้เป็นใครคะเนี่ย พี่ขอโทษที่เสียมารยาทน้าพอดีพี่ดีใจมากไปหน่อยที่เจอคู่หมั้นตัวเองที่ติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่กลับมาไทยเลยร้อนใจไปหน่อย พี่ชื่อเนรินค่ะ”
สกายรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจเหมือนมีใครเอาอะไรแหลมๆมาทิ่มแทง หัวสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ ก่อนเสียงพี่คุณจะเรียกให้เขาหลุดจากภวังค์
“ริน” เสียงพี่คุณกดต่ำอย่างที่สกายไม่เคยได้ยิน แต่หญิงสาวดูจะชินจึงยิ้มอ้อนกอดแขนอีกฝ่ายแล้วแกว่งไปมาเบาๆ
“ง่ะ ไม่อารมณ์เสียสิคะคุณ ดูสิน้องหน้าซีดแล้วน้อง…”
“สกายครับ เป็นน้องของพี่ดรีมเพื่อนพี่คุณขอโทษที่เสียมารยาทครับ” สกายพยายามทำสีหน้าปกติที่ทำได้ยากเหลือเกินตอบอีกฝ่ายโดยที่ไม่มองหน้าพี่คุณ
“อ๋อน้องของดรีม แล้วกำลังจะไปไหนกันคะ รินมารบกวนทั้งคู่หรือเปล่า” สกายยิ้มบางส่ายหน้าพร้อมโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ครับ ผมแค่จะติดรถพี่คุณไปลงสถานีรถไฟฟ้าเฉยๆ”
“อย่างนั้นคุณก็ว่างใช่ไหมคะ” หญิงสาวหันไปถามคนที่เงียบอยู่ด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ตรัยคุณมองน้องที่กำลังจงใจหลบหน้าเขานิ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วก้มลงตอบหญิงสาว
“ว่างครับ” เคลียร์ให้จบๆ ไปทีละเรื่องแล้วกัน ร่างสูงคิดในใจ โดยไม่รู้เลยว่าคำตอบนั้นทำให้ทั้งสองคนที่ได้ยินตีความต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ดีใจที่สุดเลยถ้าอย่างนั้นไปดินเนอร์กับรินนะคะ” ตรัยคุณพยักหน้าตกลงแล้วหันไปมองเด็กน้อยของเขา
“แต่ต้องไปส่งน้องก่อนนะครับ”
“ได้เลยค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกพี่ผมกลับเอง พี่ไปดินเนอร์กันเถอะเย็นกว่านี้เดี๋ยวรถติด หวัดดีครับ” สกายพูดรัวยกมือไหว้ทั้งคู่แล้วหันหลังก้าวไวๆ ออกมา
เจ็บซ้ำซ้อนจริงกู เป็นไงล่ะผลของการคิดไปเองแล้วมองเพียงแค่ด้านเดียว พอได้เห็นด้านอื่นของพี่คุณก็ทำให้สกายประจักแจ้งว่า
เขาไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร พี่คุณมีคนๆ นั้นของเขาอยู่แล้ว ไม่มีทางจะมาคิดเป็นอื่นกับเด็กกะโปโลแบบเขาแถมยังเป็นผู้ชายอีก
ตาสว่างเลยกู
สกายเดินเตะฝุ่นมายังสถานีรถไฟฟ้าใกล้โรงพยาบาลไม่ได้จะแวะไปหาแพรวหรือใครอย่างที่อ้างไว้ กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมือถือตัวเองก็ส่งเสียงดังขึ้น
“ไรหมาเชน”
‘อยู่ข้างถนนหรอวะหมากายเสียงดังสัด’
“แม่นอย่างกับเห็นภาพ เออกูอยู่ข้างถนนกำลังจะไปขึ้นรถไฟฟ้ามึงโทรมาไม”
‘ไปไหนวะ’
“กลับบ้าน”
‘บ้านเรา?’
คำพูดของเชนทำให้สกายชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินจู่ๆ ก็รู้สึกร้อนที่กระบอกตา ใบหน้าหล่อก้มมองปลายเท้าตัวเองก่อนจะยิ้มบาง
“อือบ้านเรา”
‘อยู่ไหนเดี๋ยวกูไปรับ’
“ไม่เป็นไรมึง”
‘กายอย่าดื้อ อยู่ไหนกูจะไปรับ’
“ไม่เป็นไรจริงๆ มึง”
‘มึงเป็น! บอกกูมากายว่าอยู่ไหนอย่าให้พูดซ้ำ’
สกายเดินมาหลบใต้ทางขึ้นรถไฟฟ้า ร่างสูงทรุดตัวนั่งยองมือหนึ่งถือโทรศัพท์อีกมือยกขึ้นปิดหน้า
“เชน…มาหากูที กูอยู่xxx”
‘รออยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน กูจะรีบไป’
สกายวางสายจากเพื่อนแล้วถอนหายใจยาวพลางเงยหน้าสูดน้ำมูก เขาไม่ได้ร้องไห้แค่เกือบจะร้อง ไม่ได้อยากอ่อนแอให้เพื่อนเห็นและก็ไม่รู้ด้วยว่าเพื่อนจับได้อย่างไร
“อย่างกับคนอกหักเลยกู หึ!” ยิ้มมุมปากคุยกับตัวเองสักครู่มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ว่า?”
‘14นาฬิกา รีบขึ้นมาอย่ามัวแต่ทำเอ็มวี’
สายถูกตัดไปแล้ว สกายมองรถคันสวยของเพื่อนแล้วรีบวิ่งไปยังรถด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กที่รอพ่อแม่มารับกลับบ้าน
“ทำไมเป็นมึงอ่ะ หมาเชนไปไหน” สกายรัดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็หันไปถามบีสท์เพื่อนรัก
“กูโทรหาเชนพอดีมันบอกจะมารับมึงกูอยู่ใกล้กว่าเลยบอกมันว่าจะมารับเอง”
“อ้อ” สกายร้องอ้อพยักหน้าหงึกหงักแล้วเอนตัวพิงเบาะมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ถ้าอยากพูดกูจะฟัง” เสียงทุ้มของเพื่อนรักเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ สกายยิ้มสายตายังคงมองวิวข้างทาง
“เหมือนตกจากสวรรค์เลยว่ะ คิดว่าตัวเองสำคัญมาตลอด คิดว่าพิเศษสุดท้ายก็ได้รู้ว่าเขามีคนของเขาอยู่แล้ว กูแม่งโคตรมโน” สกายแค่นยิ้มพูดถึงความโง่งมมั่นหน้าของตัวเอง
“คนของเขาจริงแท้แค่ไหน”
“แท้ชนิดที่คำว่าคู่หมั้นตีแสกหน้ากูเลย” คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของเพื่อน
พวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าพี่หมอคุณจริงจังกับเพื่อนเขา การกระทำของอีกฝ่ายชัดเจนเสมอแล้วเรื่องนี้มันคืออะไร บีสท์ต้องการคำอธิบายจากอีกฝ่าย เพราะถ้าความจริงเป็นอย่างที่เพื่อนเขาบอกก็อย่าได้หวังว่าจะเฉียดเข้าใกล้สกายได้อีก
“ได้คุยกันหรือยัง” สกายส่ายหน้า บีสท์รู้ดีว่าเพื่อนนิสัยเป็นอย่างไร เมื่ออารมณ์ไม่คงที่สกายมักจะหลบเลี่ยงการพูดคุยกับอีกฝ่าย นิ่งเงียบและเก็บตัวอยู่คนเดียวหรือไม่ก็หนีหายไปติดต่อไม่ได้เลยก็มี
ครั้งล่าสุดที่มันหายไปก็คงเป็นตอนที่แพรวคบกับโฟล์ค กายมันไม่ได้เสียใจที่แพรวไม่เลือกมัน มันยินดีกับเพื่อนจากใจจริงแต่ลึกๆ ข้างในแล้วปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันก็เจ็บ
ความรักมักมีหลายด้านเสมอ
“ไม่อยากได้ยินเสียง” ใบหน้าหล่อยิ้มมุมปาก มาอีหรอบนี้เพื่อนเขาคงทั้งโกรธ น้อยใจและพ่วงคำว่าหึงไปด้วยอย่างแน่นอน
“โกรธไหม”
“โกรธแต่ก็โกรธตัวเองด้วยเหมือนกัน”
“โกรธตัวเองทำไม”
“ถ้าไม่หวั่นไหวก็ไม่เจ็บ ความรู้สึกโกรธพี่มันก็จะไม่มี”
“อย่าโทษตัวเอง รอฟังอีกฝ่ายก่อน” สกายหน้างอตวัดสายตากอดอกมองเพื่อน
“ต้องฟังอีกหรอวะเต็มตาขนาดนั้น เด็กอนุบาลยังดูออกเลย”
“ต้องฟัง”
“แต่กูไม่อยากคุยไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากยุ่งแม่ง” บีสท์ขำความเอาแต่ใจของเพื่อน
“จะให้ไปคุยให้ไหมล่ะ ไปได้นะ” บีสท์เสนอตัวแต่สกายส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่อยากให้เพื่อนวุ่นวาย มันเป็นเรื่องของเขาอีกอย่างคือเขากลัวใจเพื่อนตัวเอง กลัวมันจะไปกระทืบพี่คุณก่อนได้คุยกันน่ะสิ
“เดี๋ยวเคลียร์เองแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“ตามใจ” สกายยิ้มขอบคุณเพื่อนก่อนจะเอ่ยอ้อน
“แวะพารากอนแปบได้มั้ยอ่ะช่วงนี้อินคุกกี้” บีสท์กระตุกยิ้มอ่อน
“เหมือนซันเลยช่วงนี้กินแต่ขนม” สกายทำหน้าปุเลี่ยนเมื่อเห็นหน้าและน้ำเสียงที่เพื่อนกล่าวถึงคนรัก มันทั้งรักและเอ็นดู
“เหม็น” สกายจิกกัด
“ขี้แตกหรือไง” คนโดนตอกกลับถลึงตาใส่
“เหม็นความรักมึงนั่นแหละ!” คนขี้โมโหสวนทันควัน บีสท์หัวเราะพอดีกับหักพวกมาลัยเข้าจอดในห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่เพื่อนอ้อนจะมา
“หึหึ ไปเร็วรีบซื้อรีบกลับฝากเลือกเผื่อพวกที่เหลือด้วยนะ เดี๋ยวกูไปดูหนังสือให้ยูก่อน” สกายยกมือทำท่าโอเคแล้วแยกกับเพื่อนลงมาด้านล่างส่วนบีสท์ขึ้นไปชั้นบน
สกายเดินเลือกซื้อขนมของตัวเองและของเพื่อนๆ ด้วยความเพลิดเพลิน อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่อไม่คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเจอมา เสียงจากข้อความแชทสีเขียวดังขึ้นเป็นระยะสกายค่อนข้างมั่นใจว่าข้อความเหล่านั้นถูกส่งมาจากใคร เพราะนอกจากข้อความแล้วสายที่โทรเข้าก็มาจากคนๆ เดียวกัน
“บล็อคแม่งดีมั้ยเนี่ย” คนตัวข่าวบ่นกับตัวเองไม่ทันได้ดูทางจึงชนเข้ากับคนที่เดินสวนออกมาจากร้านค้าร้านหนึ่ง
“โอ่ะ! ขอโทษครับๆ”
“ขอโทษครับผมไม่ทันได้มอง อ้าวนาย” อีกฝ่ายชี้หน้าเขาแล้วยิ้มทัก สกายเอียงคอมองคนหน้าตาดีที่สูงกว่าเขานิดหน่อยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งเจออีกฝ่ายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนไปรับซันที่ท่ามหาราช
“เพื่อนซันใช่ป่ะ โทษทีนะมัวแต่ก้มมองโทรศัพท์เจ็บตรงไหนไหม” สกายเอ่ยขอโทษเพื่อนของแฟนเพื่อน อีกฝ่ายยิ้มแล้วโบกมือปฏิเสธ
“ไม่เจ็บกูก็ขอโทษเหมือนกัน กูคิงนะมึงสกายใช่ไหม” สกายพยักหน้า
“ใช่”
“มาซื้อของหรอ” อีกฝ่ายชวนคุย สกายมองว่าอีกฝ่ายดูน่าคบหาจึงเอ่ยตอบด้วยท่าทีสบายๆ
“อื้อมาซื้อขนม” พร้อมกับโชว์ขนมหลากหลายยี่ห้อให้อีกฝ่ายดู
“ซื้อเยอะนะ” คิงถามกลับยิ้มๆ สกายเผลอพองแก้มขมวดคิ้วมองถุงขนมในมือก่อนจะตอบ
“ของกูแค่คุกกี้ที่เหลือของพวกที่บ้านเถอะมีของเพื่อนมึงด้วยเนี่ยใช้งานกูเยี่ยงทาสเลย สั่งเอาๆ อย่างกับกูเป็นทาสในเรือนเบี้ยของมันคอยดูนะกลับถึงบ้านกูจะเอาหมากฝรั่งไปแปะผมมัน” ได้ทีจึงเอ่ยฟ้อง อากัปกิริยาเหมือนเด็กน้อยช่างฟ้องของสกายทำเอาคนฟังอมยิ้ม ไม่คิดว่าคนปากร้ายที่เคยเจอจะมีมุมน่ารักๆ อย่างนี้
“มายังไงช่วยถือป่าว” คิงเสนอตัวอย่างมีน้ำใจแต่สกายยิ้มส่ายหน้าปฏิเสธ
“ขับรถมาไม่เป็นไรมึงขอบใจมาก มึงก็มาซื้อของหรอ”
“มาเดินเล่นเฉยๆ”
“อ้อ งั้นกูไปนะ เจอกันคิง” สกายยิ้มโบกมือให้อีกฝ่าย
“อื้อเจอกันกาย” ร่างสูงอมยิ้มมองคนขี้ฟ้องเดินจากไปก่อนจะส่งข้อความไปบอกเพื่อนของตัวเองให้ระวังโดนหมากฝรั่งแปะผมพอซันส่งสติ๊กเกอร์หมีไฟลุกกลับมาก็หลุดขำ
“เหมือนเด็กทะเลาะกันถ้าได้เห็นคงน่ารักไม่หยอก”
ทางฝั่งสกายเมื่อแยกกับคิงแล้วก็เดินเฉิดฉายเหมือนหมาเชนตอนที่มันซิปร่นแล้วไม่รู้ตัวดีที่เขาไม่ได้เป็นแบบมัน ร่างสูงโปร่งเดินขึ้นมารอบีสท์ที่หน้าร้านหนังสือเพราะมองเข้าไปเห็นเพื่อนกำลังจ่ายเงินพอดี สักครู่เพื่อนหน้าดุก็เดินออกมา
“ทำไมยูฝากซื้อเยอะจัง” สกายเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะปกติยูมันจะฝากแค่เล่มสองเล่มเท่านั้นไม่มาเป็นสิบแบบที่บีสท์กำลังถืออยู่ในตอนนี้
“อ้อ อันนี้ซื้อให้ซันได้ยินมันบ่นกับยูว่าอยากได้” พอฟังคำตอบปุ๊บสกายก็อยากจะเบ้ปากให้เบี้ยวไปถึงบ้านแฝด คนบ้าอะไรจะหลงเมียได้ขนาดนั้น
“จ้าๆ กูอยากกระชากหัวมึงมากอ่ะบีสท์ รำคาญความรักเมียของมึง”
“ลองมีเมียดูไหมล่ะ อาจจะหลงเหมือนกูก็ได้” สกายหัวเราะกับคำแนะนำของเพื่อน
“ตอนนี้เบรคก่อนว่ะ เอาเรื่องเรียนก่อนหัวใจกูยังไม่แข็งแรงถ้าถูกซ้ำเดี๋ยวจะบางกว่าผ้าอนามัย”
“มึงนี่มัน…” บีสท์หยุดปากเพราะไม่รู้ว่าควรด่าเพื่อนว่าอะไรดีส่วนสกายนั้นยิ้มแผล่
“กลับบ้านกันๆ กูจะอยู่บ้านให้หนำใจเลย” สกายบอกพร้อมกับดันหลังเพื่อนให้เดิน วางแผนไว้แล้วว่าจะอยู่บ้านแฝดยาวไปเรียนค่อยให้พวกพี่ฉายคอยไปรับไปส่งเพราะเขานั้นขี้เกียจขับรถ
“นี่”
“ว่า?” สกายเลิกคิ้วหันไปมองเพื่อนที่ควบตำแหน่งสารถี
“อย่าหายไปโดยไม่บอกนะ”
“อือ หายไม่ได้ตารางสอบแน่นเอี๊ยด” บีสท์หัวเราะเบาๆ แล้วผลักหัวเพื่อน
“นี่ถ้าไม่สอบแสดงว่ามึงจะหายหัวใช่ไหม” สกายเงียบสักแปบก็พยักหน้า
“ก็นะ คิดไว้ว่าอยากไปอยู่ที่เงียบๆ สักพัก”
“โดยที่ไม่มีพวกกู?”
“บางฟีลมันก็อยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวอ่ะ ไม่ใช่ว่ามีพวกมึงแล้วไม่ดีนะแน่นอนว่าดีมากแต่กูก็ไม่อยากให้พวกมึงเป็นห่วง”
“แล้วรู้ไหมว่าหายไปอ่ะพวกกูโคตรเป็นห่วงเลย” คราวนี้คนเอาแต่ใจยิ้มแห้งเอียงตัวเอาหัวไถแขนเพื่อนอย่างออดอ้อน
“ก็รู้ กูขอโทษนะเอาเป็นว่าถ้าไปจะบอกก่อน” บีสท์บังคับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกข้างวางแช่ไว้บนหัวเพื่อน
“อย่าทำให้เป็นห่วง”
“อื้อ”
“รู้ใช่ไหมว่ามึงสำคัญกับกูมาก” เสียงทุ้มของบีสท์และความอุ่นของมือที่สัมผัสอยู่บนศีรษะทำให้สกายน้ำตาคลอ
“รู้”
“ดี”
“ขอบคุณนะไอ้พี่บีสท์”
“หึหึ ไม่เป็นไรไอ้น้องกาย”
เพราะว่าสกายเกิดหลังบีสท์เดือนกว่าทำให้ตอนเด็กๆ สกายมักจะเรียกบีสท์ว่าพี่เพราะว่าเพื่อนตัวใหญ่กว่า เกิดก่อนและชอบปกป้องพวกเขาเสมอ พอโตขึ้นมาก็เริ่มเรียกแค่ชื่อเฉยๆ วันนี้ได้กลับไปเรียกเหมือนตอนเด็กอีกครั้งมันก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจแปลกๆ เหมือนว่าตัวเขาได้รับการปกป้องอีกครั้ง
ในวันนั้นที่พี่คุณจากไปบีสท์ก็อยู่กับเขา ความรู้สึกในวันนั้นแม้จะเลือนลางในตอนแรกแต่ ณ ตอนนี้สกายกลับจำความรู้สึกนั้นได้ชัดเจน ความรู้สึกที่ถูกทอดทิ้ง เขาในตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมพี่คุณต้องไป ไม่เข้าใจว่าการจากลาเป็นอย่างไรจึงเสียใจจะเป็นจะตายยังดีที่มีพวกเพื่อนทำให้ความเศร้าในตอนนั้นมลายหายไป
พอมาวันนี้ความรู้สึกเจ็บปวดกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งและเขาเองก็รู้สึกว่ามันรุนแรง เพราะสกายรู้แล้วว่า
ความรู้สึกตัวเองเป็นอย่างไร มันตื้อไปหมดจากที่รู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นคนอื่นอยู่ใกล้พี่คุณจนมารู้ว่าพี่คุณมีคนสำคัญของตัวเองแล้ว
ทุกอย่างมันเกิดเร็วจนเขาไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอย่างไรก่อน หึง เสียใจหรือโกรธ ความรู้สึกพวกนั้นมันตีรวนในอกจนสกายรู้สึกเจ็บไปหมด อยากหนีไปให้ไกลๆ แต่พอได้เจอเพื่อน ได้ยินน้ำเสียงห่วงใย ได้เห็นการกระทำที่ใส่ใจและพร้อมจะปกป้องเขาเสมอ
มันทำให้สกายคิดได้ ว่าต่อให้เขาไม่มีพี่คุณก็ยังมีคนอื่นที่รักเขาถึงจะไม่ใช่ในความหมายนั้นแต่มันก็ทำให้สกายมีกำลังใจก้าวเดินต่อไป
อกหักครั้งเดียวไม่ตายหรอกน่า
เจ็บนิดๆ นะเจ็บนิดๆ เจ็บเหมือนมดกัดนิ๊ดเดียว โว้ยยยย มาเป็นเพลงเก่าเลยกู สกายหลุดหัวเราะให้กับความคิดบ้าบอของตัวเอง
“เป็นบ้า?”
“เป็นคนหล่อ” สกายตอบกลับผลที่ตามมาคือถูกผลักหัวออกจากไหล่เพื่อนอย่างแรง
“หลับไปเลยไป”
“เชอะนอนก็ได้” สกายเอนเบาะนิดหน่อยหันไปคว้าผ้าห่มจากเบาะหลังมาห่มตัวเองและหลับตานอนตามเพื่อนบอก
พี่คุณมึงดูได้เลยครับ เท่าฟ้าคนนี้สตรองมากเวอร์! โนสนโนแคร์ใดใดทั้งสิ้น!
tbc
talk. หลบไปคนสรองจะเดิน มาดูกันว่าจะสตรองได้แค่ไหนไอ้หนูอ่อนด๋อยของเจ้ #ฟ้าของคุณ