-08-
“ชอบแวนหรือครับ”
“หือ?...เปล่าครับ ไม่ได้ชอบ”
“แล้วทำไมถึงปล่อยให้เขาเกือบจูบ”
“ตั้งสติไม่ทัน...ผมมึน”
ตรัยคุณถอนหายใจเหนื่อยอ่อน เขาขับรถออกมาจากผับได้สักครู่แล้วจอดข้างทาง ตั้งใจจะคุยกับเด็กดื้อที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่ที่เขาพาออกจากผับและอีกหนึ่งสิ่งคือเขาอยากจะเคลียร์ความรู้สึกไม่พอใจลึก ๆ ในใจของตนเอง
“อ่ะ!”
สกายผงะเมื่อจู่ ๆ ตรัยคุณโน้มตัวข้ามฝั่งมาประชิดจนจมูกของทั้งคู่ชนกันมือแกร่งยึดไหล่คนน้องไว้แน่น สกายเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อระยะห่างลดลงเรื่อย ๆ
“พี่คุณ...ไม่”
“ใช่ครับ”
“หือ?”
ตรัยคุณยิ้มอ่อนโยนขยับกายออกห่างจากสกายเล็กน้อย มองเด็กน้อยที่มีท่าทีงุนงงกับคำพูดของเขามือใหญ่เกลี่ยแก้มขาวด้วยความเอ็นดู
“พี่บอกว่าฟ้าทำถูกแล้วครับที่ปฏิเสธ คราวหลังถ้าไม่ต้องการให้พูดออกมาเลยอย่านิ่งเฉยและปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบเพราะเขาจะคิดว่าเราเต็มใจ เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมครับ”
“ครับ”
“เก่งมากครับ จุ๊บ!”
“เฮ้ย!!! แล้วพี่จูบผมทำไมเนี่ย!!!” ตรัยคุณอมยิ้มยักไหล่ขยับตัวนั่งตรง ฟังน้องร้องโวยวายเสียงดังแถมยังมองเขาตาขวางอีกต่างหาก
“จูบที่ไหนกันพี่แค่จุ๊บฟ้าเฉย ๆ เหมือนตอนเด็ก ๆ ไงครับ”
“แต่นี่ผมโตเป็นควายแล้วนะพี่! แล้วจะจุ๊บหรือจูบผลลัพธ์ก็คือปากพี่แตะปากผมนะ!”
“หรือครับ”
“พี่คุณ!!”
“ครับฟ้า” คนพี่ตอบรับเสียงนุ่ม สกายกระแทกตัวกับเบาะด้วยความหงุดหงิด คนขี้โวยวายเม้มปากแน่นหูแดงก่ำ
พี่คุณแม่งทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ หัวใจเขาเกือบจะวายตายแล้วรู้ตัวบ้างหรือเปล่า โอ๊ยแม่งแล้วจะได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นหรือเปล่าวะเนี่ย หมด หมดกันความคูลนี้!!! เขินเป็นตุ๊ดเลยกู
“โกรธพี่หรือครับ”
สกายหันหน้าหนีไปทางหน้าต่างเรื่องอะไรจะให้พี่คุณเห็นหน้าล่ะ ร้อนจนแก้มจะระเบิดถ้าส่องกระจกคาดว่ามันต้องเป็นสีแดงแน่ ไม่ให้เห็นหรอกเว้ย
“ฟ้าครับ หันมามองพี่หน่อย”
“ไม่”
ตรัยคุณกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ โถ่เด็กน้อยเขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมดแล้วน่าจับมาฟัดแก้มสักสองสามทีจริง ๆ ตรัยคุณยื่นมือไปสะกิดแขนน้องเบา ๆ ผลก็คือสกายเบี่ยงตัวหนีแถมขยับตัวจนแทบจะหันหลังให้เขาอยู่แล้ว
“เด็กดีโกรธพี่หรือครับ”
“อย่ามาเรียกแบบนี้ด้วย!”
“พี่ขอโทษครับ ถ้าฟ้ารังเกียจพี่จะไม่ทำอีก”
สกายชะงักเมื่อเสียงทุ้มกล่าวเศร้า เขาเม้มปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวกลับมานั่งตรง เหล่ตามองพี่ชายที่ก้มหน้ามองตักตัวเองแล้วก็ใจไม่ดี
“ไม่ได้รังเกียจ...ผมแค่...แค่ตกใจ”
“แต่เราโกรธพี่”
“ผมไม่ได้โกรธ”
“แต่ฟ้าไม่ยอมมองหน้าพี่”
“มองแล้วครับมองแล้ว”
สุดท้ายคนน้องก็ยอมแพ้หันหน้ามองพี่ชาย ตรัยคุณลอบยิ้มก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาน้องแสร้งยิ้มเศร้าส่งไปให้คนตรงหน้าแล้วก็ได้ผลเมื่อเด็กน้อยของเขาร้อนรนรีบคว้ามือเขาไปกุมแล้วเขย่าเบา ๆ
“พี่คุณไม่เป็นแบบนี้สิ ผมไม่ได้โกรธพี่จริง ๆ นะ นี่ไงผมมองหน้าพี่แล้วเมื่อกี้ผมเขิ...เอ่อ...ผมตกใจเฉย ๆ”
“ไม่ได้โกรธพี่จริง ๆ นะครับ” ตรัยคุณถามย้ำ มือใหญ่เปลี่ยนมาจับมืออีกคนกุมเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ สกายรีบพยักหน้าหงึกหงัก
“ครับ ไม่โกรธเรื่องแค่นี้ผมจะโกรธพี่ทำไม”
หมับ!
“อ่ะ!”
“พี่ดีใจนะครับที่ฟ้าไม่โกรธพี่”
ตรัยคุณคว้าตัวน้องชายเข้าไปกอดลูบหัวไม่เพียงเท่านั้นคนเจ้าเล่ห์ยังกดจูบเบา ๆ ที่ขมับสวยอีกต่างหาก สกายรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองติดขัดเมื่อได้รับสัมผัสนั้นแต่เขาก็ไม่ได้ผลักไสอีกคนออกแถมยังยกแขนตัวเองกอดตอบอีกฝ่าย
ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่แต่เขารู้สึกแค่ว่าอ้อมกอดของพี่คุณมันอบอุ่นจนเขาไม่อยากให้อีกคนปล่อยก็เท่านั้น
บรรยากาศอึดอัดระหว่างเพื่อนเกิดขึ้นมาได้สองสามวันแล้วหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันเสาร์ เนมหันหน้ามองสกายทีมองแวนทีแล้วก็ถอนหายใจกับตัวเอง อยากจะวิ่งออกไปตะโกนหน้าคณะเหลือเกินว่ากูอึดอัดเว้ยแต่ก็ไม่กล้าจึงได้แต่นั่งมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วถอนหายใจอยู่อย่างนี้ คนนึงก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือไม่สนใจใครส่วนอีกคนก็นั่งจ้องหน้าไอ้คนที่อ่านหนังสือร่วมชั่วโมงแล้วสกายมันยังใส่หูฟังตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกอีกจะเงยหน้าขึ้นมาก็ต่อเมื่อใครบางคนมาหาเท่านั้น
“ฟ้าครับ” เสียงทุ้มของพี่หมอคุณเอ่ยเรียกพร้อมกับสัมผัสอุ่นที่แขน สกายเงยหน้าขึ้นมองตรัยคุณแล้วยิ้มบางสองมือถอดหูฟังออก
“สอนเสร็จแล้วหรอพี่”
“ครับ ฟ้าเหลืออีกวิชานึงใช่ไหมเรียนเสร็จแล้วโทรหาพี่นะครับ”
“ได้เลยพี่”
“ป่ะเดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องเรียน” บอกพลางดึงแขนน้องให้ลุกตาม สกายทำตามอย่างว่าง่ายเขาเหลือบมองเนมแล้วบุ้ยปากเป็นสัญญาณว่าตัวเองจะไปกับพี่คุณ เนมพยักหน้าแล้วสะกิดแขนแวน
“ไปกันมึง”
“กูเกลียดเขา” เนมชะงักเท้าที่กำลังจะเดินตามสกายหันหลังกลับมามองเพื่อนตัวเล็ก
“มึงหมายความว่าไงวะ”
“กูเกลียดหมอคุณ”
“เขาไปทำอะไรให้มึง” เนมทิ้งตัวนั่งลงอีกรอบ ถอนหายใจเอ่ยถามเพื่อนสนิท
“มึงไม่เห็นรึไง!ว่าเขาคิดอะไรกับสกายมันน่ะ!”
“แล้วไงวะ เขาจะคิดไงกับไอ้กายแล้วยังไง สำคัญตรงไหนกูว่าที่มึงควรให้ความสำคัญคือ
กายมันคิดไงกับเขามากกว่า” ปึง!
“กายมันไม่คิดอะไรกับเขาหรอก มันแค่ปฏิเสธเขาไม่ได้ต่างหาก” เนมส่ายหัวกับความดื้อดึงของเพื่อน
“มึงคิดงั้นหรือวะ”
“...”
“ยอมรับเถอะว่ามึงกำลังหลอกตัวเอง”
“ถ้าเขามีสิทธิ์กูก็ต้องมีสิทธิ์!”
“มึงมัน...” ยังไม่ทันที่เนมจะทันพูดอะไรแวนก็หอบข้าวของเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนเสียก่อน เนมถอนหายใจอย่างปลงตกเขาว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองคนดี ทั้งแวนและสกายแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยทั้งสองคนนี้อย่างไร
เรื่องของหัวใจจะให้ใครมาบังคับคงไม่ได้
“กาย” แวนเอ่ยเรียกคนตัวสูงข้างกาย สกายทำหูทวนลมสายตาจ้องมองจอโปรเจคเตอร์ด้านหน้า
“กาย” แวนเรียกอีกครั้ง สกายถอนหายใจยาวแล้วตอบโดยที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย
“เลิกเรียนแล้วค่อยคุย”
“อื้อ”
สกายควงปากกาไปมาเนื้อหาที่เรียนอยู่ไม่เข้าสู่หัวสมองแม้แต่น้อย เขาไม่อยากคุยกับแวนอย่างน้อยก็ในตอนนี้ที่อีกคนแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ว่ารู้สึกอย่างไรต่อเขา มันยากที่จะตอบรับความรู้สึกเกินเลยของเพื่อน สกายไม่ได้คิดกับแวนแบบนั้น แวนเป็นเพื่อนของเขาและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
ไม่ดีเลย ไม่ชอบความรู้สึกนี้
“กายเราจะคุยกันได้หรือยัง” แวนพูดขึ้นทันทีที่อาจารย์หมอเดินออกจากห้องเรียนและเพื่อนคนอื่น ๆ ทยอยเดินตามออกไป เนมเลิกคิ้วมองเพื่อนทั้งสอง สกายโบกมือพลางส่งเสียงบอก
“มึงออกไปก่อนเลยเนม กูมีเรื่องจะคุยกับแวนมันหน่อย”
“เอางั้นหรือวะ” เนมถามด้วยความไม่มั่นใจ
“อือ มึงกลับไปก่อนเถอะ”
“เค คุยกันดี ๆ นะพวกมึง” เนมโบกมือลาเพื่อนแล้วเดินออกไปจากห้องเรียน สกายเก็บของเสร็จแล้วหันไปมองแวนที่ยืนพิงโต๊ะอยู่ด้านข้าง
“มีอะไรจะพูดกับกูวะ”
“เรื่องเมื่อวันนั้น...กูเมา”
“อือกูไม่ได้คิดอะไร”
“
แต่กูคิด กูจำทุกอย่างได้”
“แวน...”
“กูรู้นะกายว่ามึงรู้ว่ากูคิดไงกับมึง ที่ผ่านมากูเงียบมาตลอดเพราะเห็นว่ามึงไม่ได้สนใจใคร”
“แล้วทำไมตอนนี้มึงถึงพูดวะแวนในเมื่อกูก็ไม่ได้สนใจใคร มึงช่วยเงียบแล้วเป็นเพื่อนกูอย่างเดิมไม่ได้หรือไงวะ” สกายขยี้หัวตัวเองจนยุ่ง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างดื้อดึง
“ไม่เลยกายมึงกำลังสนใจ มึงให้เขาเข้ามาในชีวิตมึง ให้เขาเข้ามาใกล้มึงกาย”
“ใคร มึงหมายถึงใคร”
“หึ! จะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่พี่หมอคุณที่แสนดีของมึงน่ะ”
“มึงอย่าลามปามถึงพี่คุณนะแวน” สกายเอ่ยเสียงแข็งเมื่อเพื่อนดึงเอาพี่ชายเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ทำไมกูเอ่ยถึงเขาไม่ได้เลยรึไงฮะ!”
“แวนมึงชักรวนแล้วนะ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่คุณเลย”
“มันจะไม่เกี่ยวได้ไง มึงรู้ไหมว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหนตั้งแต่มีเขาเข้ามา สกายมึงรู้สึกอะไรกับเขาใช่ไหม” สกายส่ายหัว
“มันไม่ใช่เรื่องของมึง” แวนน้ำตาคลอเมื่อถูกอีกฝ่ายตัดบทร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“ทำไมวะ ทั้งที่กูอยู่ตรงนี้มาตลอด กูอยู่ข้างมึงมาตลอดนะกายทำไมถึงไม่มองกูบ้าง”
“เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ” สกายถอนหายใจแล้วก้าวเดินไปจนถึงหน้าห้อง ร่างสูงโปร่งเม้มปากหันกลับมามองเพื่อนอีกครั้ง แวนมองกลับมาด้วยสายตาตัดพ้อ
“มึงยังเป็นเพื่อนกูอยู่นะแวน กูขอโทษ”
สกายเดินใจลอยมาจนถึงด้านล่าง เห็นพี่คุณนั่งหันหลังอ่านหนังสือรออยู่จึงเดินเข้าไปหา
“พี่คุณ”
“ลงมาแล้วหรือ ทำอะไรอยู่ครับพี่เห็นเพื่อน ๆ ทยอยลงมากันสักพักแล้ว”
“คุยกับแวน” ตรัยคุณนิ่งไป ร่างสูงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแต่เมื่อสกายส่ายหัวเขาก็ไม่คิดจะบังคับให้น้องบอก
“กลับกันเลยไหมครับวันนี้กินอะไรดี” ตรัยคุณเก็บหนังสือใส่กระเป๋าลุกขึ้นยืนส่งมือมาทางด้านหน้า
“วันนี้ขอกลับบ้านที่อยู่กับเพื่อนนะครับ”
“ได้ครับถ้าอย่างนั้นพี่ไปส่งนะ”
สกายพยักหน้าแล้วยื่นมือตัวเองไปจับกับมือที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว ไม่รู้หรอกว่ามันแปลกไหมที่เดินจับมือกันแต่ตอนนี้ในอารมณ์ที่ไม่คงที่ มือคู่นี้ของพี่คุณช่วยเรียกสติกลับคืนมาได้เยอะจริง ๆ
“อย่าลืมทานข้าวให้ครบทุกมื้อนะครับ พรุ่งนี้เรียนบ่ายใช่ไหม ให้พี่มารับหรือเปล่า” สกายหัวเราะไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามไหนก่อนดี
“ครับ”
“ครับนี่คือ? ตอบให้เคลียร์สิครับ” ตรัยคุณยื่นมือมาบีบจมูกเด็กจอมกวนเบา ๆ
“จะกินข้าวให้ครบทุกมื้อ พรุ่งนี้เรียนบ่ายแต่พี่คุณไม่ต้องมารับหรอกผมไปเองได้ สบาย ๆ พี่”
“โอเคครับ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ครับพี่”
สกายลงจากรถคันสวยของพี่คุณตรงหน้าบ้าน ไหว้ทักทายพวกพี่ฉายคนดูแลพวกเขาเล็กน้อยแล้วเดินหน้าเหนื่อยเข้ามาในบ้าน ยามที่รู้สึกว่าอารมณ์ไม่มั่นคงเขาแค่ต้องการกลับมาที่บ้านนี้มานั่งโง่ ๆ อยู่กับพวกเพื่อนฟังเสียงพวกมันคุยเล่นกันเพียงเท่านี้ความหนักใจจากเรื่องอื่นที่สกายเคยมีก็ทุเลาลงจนสามารถกลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่ ๆ ได้อีกครั้ง คนตัวสูงเดินเข้ามาถึงห้องรับแขกเห็นสมาชิกใหม่นั่งหน้ามึนหัวโด่อยู่ก็อดกัดไม่ได้
“แต่งเข้าบ้านพวกกูเถอะถ้ามึงจะอยู่บ้านบ่อยกว่าที่กูอยู่ขนาดนี้ซัน”
นี่ก็เป็นกิจกรรมแก้เบื่อใหม่ของสกายอีกหนึ่งอย่างคือการได้เห็นสีหน้าเอ๋อ ๆ ของเพื่อนใหม่ทำหน้าเซ็งใส่เขา ใบหน้าหวานที่ถ้ามองผ่าน ๆ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงมองค้อนเขาแล้วเอ่ยตอบ
“ถ้าถึงวันนั้นแล้วกูจะไล่มึงให้ไปอยู่บ้านรักยม”
อ่า...การที่โดนไอ้หน้ามึนพูดน้อยเถียงกลับนี่มันสนุกสกายจริง ๆ
“ร้ายกาจ!” สกายหัวเราะแล้วเตะขาซันเบา ๆ เป็นการหยอกเอิน ขยับตัวนอนแผ่ตรงโซฟาเดี่ยว
“แล้วทำไมวันนี้กลับบ้าน” บีสท์เพื่อนรักเอ่ยถามแต่ถ้าตอบแบบธรรมดามันจะไม่คูล สกายเลยเดาะลิ้นกวนเพื่อนไปนิดหน่อยก่อนจะหลับตาถอนหายใจตอบ
“เหนื่อย กลับมาชาร์ตพลังหน่อย”
“สอบเป็นไง”
“ก็ผ่านนั่นแหละ แต่อาจารย์หมออะไรกับกูนักหนาก็ไม่รู้ รำคาญเพื่อนด้วยพรุ่งนี้มีเรียนบ่ายเลยกลับมาอยู่กับพวกมึงดีกว่า”
ความจริงก็ไม่ได้เครียดเรื่องเรียนอะไรมากหรอกบอกแล้วว่าติวเตอร์เขาดีเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่คุณเขาล่ะ แต่เรื่องเพื่อนนี่ของจริงดึงพลังในตัวเขาไปเกือบหมดมันอยู่ก้ำกึ่งระหว่างสงสารและรำคาญ สกายไม่ใช่คนที่จะทนกับอะไรได้นานนักกลัวตัวเองจะระเบิดอารมณ์ใส่แวนมันเลยต้องรีบหนีออกมา
อย่างน้อยสกายก็ยังเห็นแก่มิตรภาพที่เคยมีมาระหว่างเขาและแวน จะให้ตัดความหวังแบบจริงจังใจหมาไปเลยสกายก็สามารถทำได้แต่ถ้าทำแล้วไงล่ะ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงจะเข้าหน้ากันไม่ติดต่างคนต่างอยู่ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น สกายเป็นคนให้ความสำคัญกับเพื่อนเพียงแต่ในนั้นก็มีระดับความสำคัญเช่นกัน
“ให้กูเรียกพวกที่เหลือมาไหม” เสียงทุ้มของบีสท์ดังขึ้น สกายโบกมือปฏิเสธทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ไม่เป็นไร กูไม่อยากรบกวนพวกมันแค่อยากกลับมาบ้านเฉย ๆ”
แค่อยากกลับมาอยู่ในเซฟโซนของตัวเองให้อุ่นใจก่อนจะกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่กวนใจอยู่ก็เท่านั้น
“โอะ!”
สกายสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงแรงกอดจากด้านหลังแต่พอได้กลิ่นที่คุ้นเคยก็ต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เขาลืมตาเงยหน้าขึ้นมามองแพรวที่ยิ้มหวานส่งมาให้ก่อนที่เธอจะขยี้หัวเขาแล้วเดินมานั่งตรงที่พักแขน
“เค้าเหนื่อย”
โอกาสทองมาถึงมีหรือสกายจะปล่อยให้หลุดลอยไป ไม่บ่อยหรอกที่แพรวจะยอมให้เขาอ้อน ขอสักหน่อยแล้วกันสกายทิ้งหัวลงบนตักของเพื่อนสาวอย่างออดอ้อน
“เหนื่อยก็กลับมาพัก” เสียงหวานกับสัมผัสอ่อนโยนจากเพื่อนสนิททำให้ความกังวลใจทั้งหลายของสกายหลุดลอยไปอย่างง่ายดาย
“อือ”
“แหมพอมีมันนี่โลกทั้งใบมองไม่เห็นพวกกูเลยนะไอ้ห่ากาย”
สกายแอบยู่ปากเมื่อได้ยินเสียงเหน็บแนมจากเมเปิ้ล แต่ไม่สนใจจะมองหรอกนอนตักแพรวอยู่ สกายจึงทำเพียงแค่โบกมือทักทายเธอเท่านั้น ผลที่ได้รับก็คือความเจ็บจี๊ดที่เท้าเพราะเมเปิ้ลหมั่นไส้เหยียบลงไปเต็มแรง
“เจ็บนะเม”
“สมน้ำหน้า”
เธอเบะปากใส่สกายแล้วเดินมานั่งตรงที่วางแขนอีกฝั่งของโซฟาที่สกายนั่งอยู่ สักครู่เปากับยูก็เดินถือถาดที่มีขนมของโปรดของสกายอยู่ คุณชายยูส่งน้ำผลไม้คั้นสดส่งมาให้ สกายยิ้มรับด้วยความตื้นตัน
ไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ ให้มากความแค่มีกันอยู่ตรงนี้ก็พอนี่แหละนิยามคำว่าเพื่อนของพวกเขา
“ใจว่ะ” เขากล่าวขอบคุณเพื่อน ทุกคนแย้มยิ้มมาให้อย่างรู้ความหมายในคำขอบคุณนั้นของเขา นั่งอ้อนแพรวอยู่สักพักพวกที่เหลือก็ตามมาสมทบ
“พวกมึง ๆ กูมีเรื่องมาเล่าเว้ย” แจมที่นั่งเอาหลังพิงขาแฟนตัวเองยกมือเอ่ยขึ้นทุกคนจึงละสายตาจากจอโทรทัศน์ไปมองเธอ ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยเล่าอะไรพวกผู้หญิงก็หัวเราะนำกันไปก่อนแล้ว
“ว่า ๆ” เปานั่งขัดสมาธิกอดหมอนไว้ตรงอกเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“วันนี้ตอนนั่งแอร์ลิงก์กลับมาบ้านใช่ป่ะ กำลังดีลเรื่องลิปสติกกับแตงมันอยู่ใช่ป่ะก็ไม่ได้ดูว่าคนที่ยืนข้างหน้าเป็นไง สักพักเขาเปิดโฆษณายาดมตราโป๊ยเซียนอ่ะพวกมึง เปิดเสียงดังไม่พอพูดตามโฆษณาด้วยเว้ย” พวกเขานั่งขำกันแต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นเมื่อแจมเริ่มเล่าต่อ
“ไม่จบแค่นั้นไง ความซวยของกูวันนี้คือเขาเงยหน้าขึ้นมาหากูแล้วตะโกนถามกูว่า คุณมียาดมขายไหมครับ!!! ยาดมตราโป๊ยเซียนใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกัน!!! อีเหี้ยยยยกูอยากร้องไห้พอถึงอีกสถานีนึงกูรีบลงเลยอ่ะแล้วโทรให้พี่ฉายขับรถมารับเลย คือไม่กล้าคุยกับเขาไงกลัวคนหาว่ากูบ้าแต่อีกใจนึงคือกำยาดมในเป๋าแน่นแล้วอ่ะจะส่งให้แล้ว” แจมเบ้หน้าเล่าไปหัวเราะไป พวกที่เหลือขำกันลั่น
“โคตรฮาอ่ะพวกมึง คือมันคุยไลน์กับกูอยู่ดี ๆ ก็บอกว่าแปบนะมีเรื่องพีคกูก็นึกว่ามันมีคนมาจีบ” แตงกวาหัวเราะขำเพื่อนสาว แจมถลึงตาใส่
“เรื่องนั้นไม่บอกหรอกเว้ย” เธอบอกก่อนที่ยูจะยีผมเธอเบา ๆ สกายเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ อย่าให้เขามีแฟนมั่งนะจะอวดให้คนทั้งโลกรู้เลยโดยเฉพาะไอ้คู่นี้ นั่งคุยเล่นกันอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงรถดังขึ้น แจมเป็นคนลุกขึ้นไปดู
“เชนมาละ”
“กูบอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร แห่กันมาทำไม” สกายอดบ่นเพื่อนตัวเองไม่ได้ ไม่มีใครตอบคำพูดของเขาทุกคนเพียงอมยิ้มมองกัน สกายเองก็เช่นกันทำเป็นพูดไปอย่างนั้นแหละ จริง ๆ แล้วเขาดีใจจะตายที่เพื่อนอยู่กันเยอะ
“วางไว้ตรงในครัวเลยครับพี่เมษ ขอบคุณครับ” เสียงหมาเชนดังแว่วมาก่อนที่ร่างสูงจะเดินมานั่งแหมบบนพรมข้างเปา
“ไอ้พวกห่าไม่มีใครออกไปช่วยกูถือของสักคน” เชนบ่นเสียงไม่จริงจัง
“ก็มึงไม่เรียก” เปาตอบอย่างกวนตีน
“ไงมึง”
“อือ ขอบคุณว่ะ”
สกายส่งยิ้มให้เชนเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนทุกคน พวกเขานั่งดูหนังฟอร์มยักษ์กันอยู่พักใหญ่มาร์ค นาฟและเจนก็กลับมาถึงบ้านพอดี สกายรู้สึกตัวเมื่อได้รับอ้อมกอดจากทางด้านหลังจากนาฟเหมือนที่แพรวกอดเขา เขายิ้มให้เพื่อนจับมือเธอบีบเบา ๆ แล้วก็ก้มมองไอ้แมวมาร์คที่มานั่งคลอเคลียพิงขาเขาอยู่ เจนเดินมาผลักหัวเขาแล้วเดินไปหาแตงกวา
สกายยิ้มกว้างทิ้งตัวดูหนังด้วยความสบายใจ สำหรับเขาเพื่อนกลุ่มนี้สำคัญกับเขามาก พวกเราผ่านอะไรกันมาเยอะเราถึงสามารถสื่อถึงกันได้แม้ไม่ต้องเอ่ยปากพูดออกมา เฮ่อ...ได้ชาร์ตพลังแล้วต่อไปก็เหลือแต่คิดหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องของแวนเห็นทีต้องนัดประชุมเหล่าชายหนุ่มผู้หล่อเหลาแห่งบ้านแฝดเสียแล้ว
แต่ตอนนี้...ขออ้อนแพรวต่อก่อนแล้วกัน ฮิฮิ
tbc
talk. มันจะมากไปแล้วนะพี่คุณ!!! ใจน้องเจ็บบบบบบบบบบบบบบบบบบ #ฟ้าของคุณ
ลงให้ก่อนเพราะจะรีบนอน ป่วยยย ดูแลสุขภาพกันด้วยนะทุกคนนน