สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ  (อ่าน 109976 ครั้ง)

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.14 P.5 (28/05/2560)
«ตอบ #150 เมื่อ28-05-2017 12:11:58 »

ชลันธร ก็ขี้น้อยใจเกิ๊น นภนต์ก็ช่างว่า ชลันธรดูเป็นเด็กน้อยมาก โดนลงโทษมาก็นานประสบการณ์ไม่ทำให้คิดไตร่ตรองเรื่องต่าง ๆ ด้วยความคิดได้แต่ใช้อารมณ์น้อยใจ รีบล้างมนทิลแล้วค่อยมาแง่งอน

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.14 P.5 (28/05/2560)
«ตอบ #151 เมื่อ28-05-2017 14:06:19 »

ตามค่ะตามสนุกมาก :mew2:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.14 P.5 (28/05/2560)
«ตอบ #152 เมื่อ28-05-2017 16:12:06 »

ตามอารมณ์ไม่ทันจริงๆ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.14 P.5 (28/05/2560)
«ตอบ #153 เมื่อ28-05-2017 16:25:43 »

คือถือถ้าสันดานยังเป็นแบบนีอยู่ล่ะก็อย่ารักใครเลยเพราะนภนรักแต่ตัวเองเชื่อแต่ตัวเองพูดจาแต่ล่ะครั้งทำร้ายจิตใจ ยังไม่นับต้องทำให้คนดีอย่างนายเอกของเราต้องตายอย่างทรมานไม่รู้กี่ชาติแย่มาก

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.14 P.5 (28/05/2560)
«ตอบ #154 เมื่อ28-05-2017 20:47:35 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.14 P.5 (28/05/2560)
«ตอบ #155 เมื่อ28-05-2017 23:04:49 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.14 P.5 (28/05/2560)
«ตอบ #156 เมื่อ29-05-2017 21:23:49 »

อัพนิยายช้าหน่อย ท่านยุ่งไม่สบายค่ะ

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.15 P.6 (03/06/2560)
«ตอบ #157 เมื่อ03-06-2017 07:01:26 »

​สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : 15















การเดินทางที่ไม่หยุดพัก ด้วยระยะทางที่แสนยาวไกลถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงวิ่ง กายที่ต้องปะทะกระแสลมแรงบนท้องฟ้าตลอดการเดินทางนั้นก็ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียได้เช่นกัน  เมื่อกีบเท้าทั้งสี่ของอาชาอุจฉัยศรพเหยียบลงพื้นพสุธาแดนหิมพานต์พนาก่อนเวลาเที่ยงคืนไม่กี่นาที เรียกได้ว่าเส้นยาแดงผ่าแปดเลยทีเดียว หลังจากที่รพีพงศ์ได้อุ้มนาคินทร์ลงจากอาชาเทียมรถพระอาทิตย์ ม้าอุจฉัยศรพก็ควบกลับขึ้นวิมานเพลิงทันทีก่อนที่เทพสุริยาจะตื่นจากบรรทม เหลือไว้เพียงรพีพงศ์และนาคินทร์ที่ตามร่างกายมีรอยแผลยืนอยู่ท่ามกลางพงพีในราตรีที่มีเพียงแสงจันทร์และแสงดาว

“แล้วเราจะไปที่ใดกันต่อเล่า ท่านรพีพงศ์” นาคินทร์ถามขึ้น ตาโศกกวาดมองไปรอบบริเวณก็พบเพียงความมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่างใดนอกจากพระจันทร์เสี้ยวและหมู่ดาวเท่านั้น

“เพลานี้ยังมืดอยู่ อีกทั้งตัวเจ้าเองยังบาดเจ็บ ข้าคิดว่าจะพักผ่อนเสียก่อน  รอให้ฟ้าสางเมื่อไหร่เราค่อยออกเดินทางกัน” รพีพงศ์ตอบ แล้ววางหัตถาลูบไล้แก้มขาวที่มีรอยแดงจากการตบตีอย่างรุนแรง นาคินทร์คงจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมาก ถึงได้โดนลงโทษหนักมาขนาดนี้ ไหนจะเสียใจจนคิดปลิดชีพเป็นอาหารแก่เหล่าครุฑธาอีก

“ทะ…ท่าน มีอันใดกับแก้มข้าหรือเปล่า ถึงลูบไล้ไม่หยุดมือ” นาคินทร์เอียงหน้าหนีเล็กน้อย ความเขินอายถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่เมื่อแสดงออกผ่านสีแดงระเรื่อที่แต่งแต้มแก้มไม่ต่างจากร่อยรอยการถูกทำร้าย แม้จะมีเพียงแสงจันทราสาดส่องรพีพงศ์ก็มองเห็นไม่ว่าจะสีหน้าหรือความตื่นตระหนกของนาคินทร์

“ข้าเพียงคิดว่าจะหาสมุนไพรมารักษาบาดแผลให้เจ้า แต่ตอนนี้มืดจนข้ามองไม่ออกว่าต้นอะไรเป็นต้นอะไร ขืนหยิบจับสมุนไพรมีพิษอาจจะมีภัยถึงชีวิตเจ้าได้”

“ท่านอย่ากังวล หากข้าตายก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใดเศร้าเสียใจไม่”

“ดูเจ้าอยากตายเสียจริงนะนาคินทร์ แม้ความตายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ข้าก็มิหมายให้เจ้าต้องตาย อยากให้เจ้าตรองดูว่าเจ้าควรจะจบชีวิตเพียงเท่านี้หรือ” รพีพงศ์เอ่ย เทพหนุ่มไม่ชอบใจนักที่นาคาน้อยไม่คิดเห็นคุณค่าในชีวิตของตนเลยแม้แต่น้อย นาคินทร์หน้าเศร้าชีวิตเขามาจบลงเพียงเรื่องเท่านี้จริงหรือ อย่างน้อยก่อนจากไปก็อยากไถ่โทษแก่ชลันธรบ้าง

“ขอบคุณท่านที่เตือนสติข้า ข้ารู้แล้วว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพียงแต่ตอนนี้ถ้าท่านจะกรุณาช่วยข้าสักอย่างได้หรือไม่”

“เชลยอย่างเจ้าต้องการสิ่งใด ถ้าเจ้าหมายอยากให้ข้าปล่อยเจ้านั้น...เห็นทีคงไม่ได้” รพีพงศ์เอ่ยออกมาไม่จริงจัง มุมปากยกยิ้มที่นาคินทร์ไม่คิดปลิดชีพตนเอง

“ข้าหาได้หวังให้ท่านปล่อยข้าไม่ สิ่งที่ข้าขอท่านนั้นก็คือข้าอยากให้ท่านพูดจาดีๆ กับข้า ถือว่าเมตตาเชลยผู้นี้” นาคินทร์ที่ปกติไม่แยแสกับคำก่นด่าหรือการที่ต้องถูกปฏิบัติราวกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ หากนอกจากกนธีแล้วรพีพงศ์กลับเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่นาคินทร์อยากจะให้พูดดีกับตนเอง แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดก็ตามที

“ถ้าเจ้าไม่ดื้อรั้น เชื่อฟังข้า ข้าเองก็จะพูดจาดีกับเจ้า” รพีพงศ์รับคำด้วยเนื้อแท้จริงรัชทายาทสุริยเทพแม้จักใจร้อนอยู่บ้างแต่ก็หาใช่คนที่หยาบคาย

“ข้าขอบพระคุณท่านมากที่เมตตา” นาคินทร์พนมมือไหว้ รพีพงศ์เองแปลกใจที่นาคีแสนพยศจะมีท่าทีอ่อนน้อม ใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ อีกใจหนึ่งก็คิดว่านาคินทร์นั้นกลับตัวกลับใจได้

“ข้ายังมีอีกเรื่องที่จะขอ”

“พอข้าใจดีชักจะเอาใหญ่ ฮึ เจ้ายังปรารถณาสิ่งใดอีก...”

“ตอนข้าอยู่บนหลังของม้าอุจฉัยศรพข้าเห็นว่าที่ใกล้กันนี้มีน้ำตก ข้าใคร่อยากจะเล่นน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายรวมถึงรักษาบาดแผลของข้าด้วย” นาคินทร์บอกเจตนารมณ์ของตน ในใจนึกลุ้นว่ารพีพงศ์จะยอมให้ตนลงเล่นน้ำหรือไม่

“เอาสิ ข้าจะเฝ้าเจ้าเอง” รพีพงศ์เอ่ยอนุญาต แถมยังจะเฝ้าดูนาคน้อยชำระล้างกายอีกด้วย

“ไม่..ไม่ต้องเฝ้าข้าหรอก ข้าไม่คิดหนีท่านไปไหน เสียอย่างไรข้าก็ไม่สามารถใช้สายน้ำนี้เป็นทางเชื่อมต่อลงไปมหาสมุทรได้อีกแล้ว”  นาคินทร์รีบห้าม เพราะก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวเช่นกัน

“ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไร...อย่าดื้อกับข้า!!...” . . . . เสียงน้ำตกไหลรินผ่านหินที่เรียงต่อกันเป็นชั้นสูงกระทบกับผืนวารีที่อยู่เบื้องล่างเกิดเสียงก้องไปทั่วบริเวณเคล้าคลอเสียงจักจั่นเรไร สระน้ำเบื้องหน้านั้นถึงแม้จะอยู่ในยามราตรีก็งดงามยิ่งนัก รพีพงศ์จูงมือของนาคินทร์มายังโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วนั่งลง ตาก็มองนาคินทร์ที่ยังคงยืนนิ่ง

“ลงไปสิหรือเจ้าเปลี่ยนใจจะไม่ลงชำระกาย ข้ามีเวลาให้เจ้าไม่มากหรอกนะ พอแสงอรุณรุ่งปกคลุมท้องฟ้า เราจักต้องออกเดินทางอีก” รพีพงศ์เอ่ยกับนาคินทร์ที่ยืนถอนหายใจ สีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ถึงรพีพงศ์จะเคยสัมผัสมาทั้งกายแล้วก็ตาม แต่ก็มิวายไม่อยากให้เห็นกายตน ด้วยกลัวว่าบุตรสุริยะเทพเกิดอารมณ์ใคร่หมายล่วงเกินตนขึ้นมาอีก...

นาคน้อยกระวนกระวายใจหันซ้ายขวามิยอมเปลื้องผ้าเสียที จนทำเอารพีพงศ์รู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย ไหนว่าอยากมาอาบน้ำแต่ก็ไม่ยอมถอดผ้าเสียที

“หรือจักให้ข้าปลดเปลื้องอาภรณ์ให้เจ้า” ไม่ใช่เพียงแค่พูด มือหนาจับชายผ้าคลุมของนาคินทร์แล้วกระตุก

“ไม่ต้อง!! ข้าถอดของข้าเองได้!!” นาคินทร์รีบคว้าผ้าคลุมก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายแกล้งถอดออก …‘ท่านรพีพงศ์ช่างอันตรายเสียจริง ชอบแกล้งข้าแถมยังทำให้ข้าใจสั่นอีก’…

“ท่านช่วยหันไปทางอื่นไม่หรือ ข้าไม่ใคร่เปลือยกายเล่นน้ำให้ใครดู” นาคินทร์กล่าวต่อและตัดสินใจบอกความในใจให้อีกฝ่ายรับรู้ รพีพงศ์ได้ฟังก็สรวลออกมาไม่ดังมากนักแต่ก็ทำให้นาคินทร์หน้างอได้เช่นกัน

“เจ้าไม่เห็นต้องอายเลย ข้าเห็นเจ้ามาทั้งกายทุกซอกทุกมุมแล้ว อีกอย่างเจ้าเปลือยกายข้าก็ไม่รู้สึกอันใดดอก” รพีพงศ์บอกกับนาคินทร์หวังให้นาคาตรงหน้าไม่ต้องอาย ถึงจะพูดว่าไม่รู้สึกอันใดแต่มีหรือจะไว้ใจชายที่เคยขืนใจขืนกายได้...แต่ด้วยความกระหายใคร่อยากลงเล่นน้ำนั้นมีมากกว่าหวาดกลัว...อย่างมากก็คงโดนแค่ลวนลามหรือมากกว่านี้ก็ช่างมันปะไร เป็นเชลยเขา เขาอยากทำอะไรมีหรือจะห้ามได้

‘เห็นทีต้องเปลือยกายต่อหน้าท่านรพีพงศ์สินะ’ ...นาคินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ไหนๆ ก็ไหนๆ มือเรียวจึงเริ่มปลดเปลื้องผ้าคลุมที่ปกปิดร่างกายออก

‘ในเมื่ออยาชมกายเรานัก ก็ชมให้เต็มตาไปเลยแล้วกัน...’ ทันทีที่ผ้าคลุมสีเข้มหล่นลงกองกับปลายเท้าก็เผยร่างอรชรอ้อนแอ้นงดงามมิต่างจากหญิงงามหรือนางอัปสร ขาเรียวขาวก้าวสู่น้ำใสเย็นยะเยือกที่หาได้ส่งผลต่ออสรพิษเลือดเย็นไม่ ร่างบางเดินไปข้างหน้าช้าๆ องคุลีทั้งห้าลากสัมผัสผ่านสายน้ำเป็นทางยาว ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเกิดขึ้นกับนาคินทร์ที่บัดนี้ได้คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ทุกท่วงท่าของนาคินทร์ตกอยู่ในสายตาของรพีพงศ์ที่มองผ่านแสงดาราที่สาดส่องลงมา

“ฮ้า…” นาคินทร์ร้องออกมาเมื่อโผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำ หัตถาลูบเกศายาวดำสนิทไปด้านหลัง เผยใบหน้าหวานที่รอยแผลได้จางหายรวมทั้งบาดแผลจากพญาครุฑที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ผิวกายที่เคยงามนั้นกลับมาอีกครั้ง นาคาร่างเล็กดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน สายน้ำช่วยเยียวยาจิตใจให้รู้สึกดีจนเผลอลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อก่อนหน้านี้

รพีพงศ์เฝ้ามองนาคินทร์ไม่ละสายตา แม้จะพยายามหลอกตัวเองว่าไม่ได้สนใจ   ไม่มีความรู้สึกอันใดกับนาคินทร์ แต่แท้ที่จริงภาพตรงหน้านั้นเหมือนจะมีเวทมนต์สะกดสายตาสุริยะบุตรไม่ให้สามารถกันหันมองไปทางอื่นได้ หยดน้ำเกาะพราวตามแผงอกบางที่มียอดอกสีแดงสดยั่วยวนเป็นประจักษ์ ไหนจะเอวคอดเล็กชวนกอดนั่นอีก ไม่สิเอวนั้นเคยโอบเคยกอดแล้วต่างหาก ยิ่งคิดไกลไปถึงคราที่เคยสัมผัสต้องกายนี้ รพีพงศ์จำต้องกลืนน้ำลายของตนเองอีกที่ว่ามองร่างเปลือยแล้วไม่รู้สึกอะไร…แรงกำหนัดนั้นส่งผลต่อความคับแน่นตรงกลางกายที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน

“ท่านรพีพงศ์ ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิ” นาคินทร์แกล้งเหย้าเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มใบหน้า แม้ไม่ได้ตั้งใจยั่วยวนอะไรแต่ได้ขึ้นว่างูแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นความเจ้าเล่ห์ ที่ไม่ยั่วก็เหมือนยั่ว

“ไม่...เจ้าเล่นไปเถิดข้าจะนั่งรอเจ้าอยู่ตรงนี้ แล้วถ้าข้าสั่งให้เจ้าขึ้นจากน้ำเจ้าก็ต้องทำตามข้า เข้าใจหรือไม่นาคินทร์” รพีพงศ์เอ่ย เพราะยังคงครองสติได้ดี นาคินทร์พยักหน้าแทนคำตอบ รพีพงศ์เองก็หลับตาข่มอารมณ์ดิบไม่ให้พลุ่งพล่าน แต่ก็มิวายแอบปรือสายตาลอบมองอยู่เป็นระยะๆ  . . . .

เมื่อแสงอรุณแรกยามเช้าฉาบสีทองทั่วผืนป่าหิมพานต์  ไม่นานนักรพีพงศ์ที่ข่มใจควบคุมอารมณ์ของตนได้มาทั้งคืน ก็เรียกนาคินทร์ขึ้นมาจากสระน้ำ นาคาน้อยก็เชื่อฟังไม่อิดออดอะไรเพราะได้เล่นน้ำจนพอแก่ใจแล้วเช่นกัน  รพีพงศ์เสกชุดให้นาคินทร์สวมใส่แทนผ้าคลุมก่อนหน้านี้เพื่อความทะมัดทะแมงในการที่จะเดินทางต่อไป นาคินทร์ในชุดสีเขียวเข้มขับผิวขาวผ่องดูน่าชวนมอง

 “ท่านช่วยเกล้าผมให้ข้าหน่อยสิ” นาคินทร์อ้อนวอนและไม่รอคำตอบ เจ้าตัวหันหลังให้กับรพีพงศ์

“เจ้าเป็นเชลยที่สบายที่สุดรู้ตัวไหม มีอย่างที่ไหนใช้ให้ข้าเกล้าผมให้” ถึงปากจะบ่นแต่มือหนาก็รวบเกศานุ่มลื่นขึ้นมา ถักเป็นเปียแทนที่จะรวบมวยขึ้นไป ถึงจะเก้ๆกังๆอยู่บ้างท้ายที่สุด เปียสวยก็ถูกผูกด้วยผ้าแพรสีแดงเป็นที่เรียบร้อย

“เหตุไฉนท่านจึงถักเปียให้ข้าเล่า ดูแล้วเหมือนกับอิสตรีไม่มีผิด” นางคินทร์มองเงาตัวเองในน้ำ

“ข้าว่ามันเหมาะกับเจ้าดี อีกอย่างเจ้าเองก็ไม่ต่างจากอิสตรีนักหรอก” รพีพงศ์กระซิบข้างหูนิ่มอย่างมีความนัย นาคินทร์รับรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร ก็สายตาเร่าร้อนนั่นมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยเฉพาะมองที่บั้นท้ายของตนนานเป็นพิเศษ

“เอ่อ ท่านรพีพงศ์…เราจะไปที่ไหนกันต่อ” นาคน้อยเอ่ยแสร้งถามเปลี่ยนเรื่องคุย

“อืม…ตอนแรกข้าจะเดินทางไปที่ถ้ำแก้วแต่นึกขึ้นได้ อรุณเทพน้องชายข้าได้บอกว่านภนต์พาชลันธรเดินไปที่เชิงเขาคันธมาศ”

“จากที่นี่ไปยังเชิงเขาคันธมาศก็ห่างกันไม่มาก ถ้าเหาะไปเพียงอึดใจก็ถึง” นาคินทร์วิเคราะห์ตามสิ่งที่ตนได้คิดเอาไว้ ไม่นานคงจะได้พบชลันธรแล้ว

“ข้าเหาะเพียงลำพังนั้นย่อมได้แต่ข้าพาเจ้าเหาะด้วยไม่ได้ ยามข้าเหาะกายข้าจะเป็นลูกไฟขนาดใหญ่หาได้อุ้มชูกางปีกเหาะดั่งครุฑาหรือเทพนภนต์ดอก” รพีพงศ์เอ่ยเสียงเครียด

“ท่านอย่าได้กังวลเลย ท่านรพีพงศ์” เสียงหนึ่งดังมาจากในป่า ทั้งรพีพงศ์และนาคินทร์หันไปตาต้นเสียงก็เห็นฤาษีวิทูผู้เป็นอาจารย์ของเทพนภนต์

“ท่านฤาษีวิทู เหตุใดท่านถึงอยู่ที่นี่เล่า” รพีพงศ์พนมมือขึ้นไหว้ นาคินทร์เองก็ทำตาม จากนั้นเทพหนุ่มก็ไตร่ถามเพราะรู้ว่าฤาษีวิทูนั้นพำนักยังเชิงเขาคันธมาศไม่น่าจะมาอยู่กลางป่าเยี่ยงนี้

“ข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไรไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ท่านตามหาตอนนี้ดอก” ฤาษีวิทูเอื้อนเอ่ย รพีพงศ์ขมวดคิ้ว ‘หรือว่าฤาษีท่านนี้จักรู้ว่าเทพนภนต์พาชลันธรไปแห่งหนใด’

“เป็นไปอย่างที่ท่านคิดนั่นแล ทั้งเทพนภนต์รวมถึงอดีตพระสมุทรเทพนั้นต่างก็มุ่งหน้าไปยังป่ากันติทัตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หากท่านเร่งไปในครานี้ยังพอมีโอกาสจะตามทัน” ฤาษีวิทูอ่านความคิดของรพีพงศ์ออกรวมถึงสิ่งที่รัชทายาทบัลลังก์กังวลอยู่ด้วย

“ถึงกระนั้นข้ามิสามารถเหาะเหินไปเพียงผู้เดียวได้ ท่านพอจะมีวิธีที่จะชี้แนะแก่ข้าได้หรือไม่ ท่านฤาษีวิทู”

“ท่านจงเดินทางไปทางทิศบูรพา เพียงไม่กี่เพลาท่านจะเข้าสู่ถิ่นของดุรงค์ค์ปักษิณ หลังจากที่เจอแล้วท่านก็จงคิดเอาเองว่าควรจะทำเช่นไร” เพียงได้ฟังคำชี้แนะรพีพงศ์ก็กลับมายิ้มอีกครั้ง ขอแค่ให้เจอดุรงค์ปักษิณสักตัวทุกอย่างก็จะง่ายยิ่งขึ้น

“ข้าขอบพระคุณท่านมากที่ช่วยชี้แนะ ข้าและนาคินทร์ก็ขอลาท่านไว้ตรงนี้เพื่อเดินทางต่อไป” รพีพงศ์พนมมือขึ้นไหว้ ส่วนนาคินทร์นั้นรู้ว่าตนต่ำชั้นกว่ามากจึงก้มลงกราบฤาษีผู้ทรงฤทธิ์

‘เจ้านาคเอ๋ย ฟังคำข้าเอาไว้ ความรักและหัวใจของเจ้ามันมีค่ายิ่งนัก จงมอบให้คนที่เห็นคุณค่าในตัวเจ้าเถิด’ ฤาษีวิทูใช้มือวางบนศีรษะแล้วเพ่งกระแสจิตให้นาคินทร์ได้รับรู้ถึงถ้อยคำที่อยากจะเอื้อนเอ่ยก่อนต้องลากัน เป็นข้อความที่มีเพียงฤาษีวิทูและนาคินทร์เท่านั้นที่รู้

. . .

สองกายาเดินฝ่าดงไพรมุ่งหน้าไปทางทิศบูรพาเพื่อค้นหาดุรงค์ปักษิณ ม้าครึ่งนกเพื่อเป็นพาหนะไปยังกันติทัตไพรวัลย์ เดินเท้าก้าวยาวมานานแล้วก็ยังไม่พบวี่แววสิ่งที่ตามหาหรือว่าครั้งนี้รพีพงศ์ต้องปราชัยให้กับเทพเวหา ที่ไม่สามารถช่วยเหลือชลันธร ศึกรบรพีพงศ์อาจเป็นรองแม่ทัพหลวง ศึกรักเองก็เช่นกันแต่กระนั้นรพีพงศ์ไม่คิดยอมแพ้ หลายร้อยปีก่อนตนผิดที่ให้ชลันธรไปกับเทพนภนต์ แต่ครานี้จึงจักขอแก้ไขไม่ยอมเป็นพระรองอีกต่อไป

“ท่าน…ท่านรพีพงศ์” นาคินทร์กระตุกแขนแกร่งของรพีพงศ์ให้ได้สติ รับรู้สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดก็เจอสิ่งที่ตามหา

“ดุรงค์ปักษิณ!!!!”

“ท่านจะเสียงดังไปไยเล่า ประเดี๋ยวดุรงค์ปักษิณตัวนี้ตกใจวิ่งหนีเราก็จะต้องตามหาต่ออีก” นาคินทร์เผลอขึ้นเสียงดุใส่รพีพงศ์อย่างลืมตัว

“นี่เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้ารึ” รพีพงศ์แกล้งทำเป็นไม่พอใจ นาคินทร์เองก็ตกใจจนหน้าซีดคิดว่าตนนั้นจะโดนลงโทษเป็นแน่แท้

“ข้า...ข้าขอโทษ” นาคินทร์ก้มหน้า รพีพงศ์นึกสนุกที่ได้แกล้งเชลยหน้าหวานตรงหน้า

“เอาเป็นว่าข้าจะลงโทษเจ้าทีหลัง นาคินทร์เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปจับดุรงค์ปักษิณ เจ้าห้ามหนี…ห้ามแม้แต่จะคิดเข้าใจใช่ไหม” รพีพงศ์ทำทีขึงขังเสียงเข้มขู่นาคินทร์ ซึ่งนั่นก็ได้ผลนาคินทร์พยักหน้ารัวเชื่อฟัง

“นั่งหลบอยู่ตรงนี้ อย่าออกมา อย่าไปไหน” รพีพงศ์ย้ำอีกที นาคินทร์ก็นั่งหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ตาก็มองตามแผ่นหลังกว้างของเทพหนุ่มที่ตะล่อมจับอาชาครึ่งนกที่มีปีก

ดุรงค์ปักษิณตรงหน้าคืออาชาที่มีปีกและหางเป็นปักษี กายนั้นมีสีขาวบริสุทธิ์ผิดกับขนคอ หางรวมถึงกีบเท้าที่มีสีดำทมิฬ ลักษณะใหญ่โตนี้น่าจะอยู่ในช่วงโตเต็มวัยพอดิบพอดี ความใจร้อนและความคิดที่ว่าตนสามารถจับดุรงค์ปักษิณได้โดยง่ายทำให้รพีพงศ์ย่องไปทางด้านหลังหวังจะกระโดดขึ้นขี่

‘ฮี้!!!!!”

“เฮ้ย!!!!”

ไม่ทันที่จะได้สัมผัสกาย ดุรงค์ปักษิณก็เหมือนจะรู้ว่ามีภัยจึงได้หันหลังกลับแล้วยกขาด้านหน้าขึ้นมาพร้อมเหยียบรพีพงศ์ให้จมดิน อารามตกใจรพีพงศ์ล้มนอนลงบนพื้นแต่ดีที่ยังพอมีสติกลิ้งตัวหลบได้

“ท่านรพีพงศ์!!!” นาคินทร์ตะโกนลั่น ร่างบางพร้อมจะพุ่งเข้าหาคนที่นอนอยู่

“ไม่ต้องเข้ามา ข้าจัดการเจ้าม้าพยศนี้ได้!!!” รพีพงศ์ร้องห้ามแล้วลุกขึ้นกระโจนขึ้นบนหลังดุรงค์ปักษิณแต่แล้วกลับถูกเหวี่ยงตกลงบนพื้นอีกครา

“อึก!!!...ให้จับดีๆคงไม่ชอบสินะ” พาหุกระแทกลงกับพื้นปฐพีอย่างจังจนรู้สึกร้าวไปถึงกระดูก สุริยบุตรก็หาได้ยอมแพ้ใช้คาถาเสกเชือกวิเศษปรากฏในหัตถาแล้วเหวี่ยงตวัดผูกที่ขาของดุรงค์ปักษิณที่กำลังจะวิ่งหนี

‘ฮี้….ฮี้!!’ เสียงร้องดังกึกก้อง ดุรงค์ปักษิณทั้งดิ้นทั้งวิ่งวนไปมาหมายให้เชือกนี้หลุดออก รพีพงศ์ก็ออกแรงเพื่อยื้อให้อาชามีปีกนั้นได้หยุดอยู่กับที่

“เจ้าม้าครึ่งนก จงหยุดพยศบัดเดี๋ยวนี้!!!” ดุรงค์ปักษิณหาได้ฟังไม่ยังคงดื้อดึงวิ่งวนไปมาอยู่ดี นาคินทร์ที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดและรู้ดีว่ารพีพงศ์ที่บาดเจ็บเองก็เริ่มจะไม่ไหว จึงได้วิ่งออกมา

“ข้าบอกไม่ให้เจ้าออกมา เจ้าออกมาทำไมกัน!!”

“ข้าออกมาช่วยท่านอย่างไร่เล่า” นาคินทร์ตอบแล้ววิ่งไปกอดรอดุรงค์ปักษิณที่กำลังดิ้นรนหนีจากเชือกเอาไว้

“พ่ออาชาปีกงามเอ๋ยจงฟังข้าวอน…พวกข้าหาได้จับพ่อไปสังหารหรือทำอันตรายไม่ หากข้านั้นเห็นว่าพ่อสำคัญและขอวอนพ่อช่วยเหลือพวกเราโดยยอมเป็นพาหนะเพื่อการสำคัญ ได้โปรดช่วยเราด้วยเถิดพ่ออาชาปีกงาม” เสียงแผ่วหวานฝากผ่านสายลมเข้าหูของดุรงค์ปักษิณ มือสวยคอยลูบขนคอดำขึ้นลงอย่างอ่อนโยน พลันดุรงค์ปักษิณก็ยอมสงบนิ่ง ยืนให้นาคินทร์ได้ลูบตัวกอดต่อ

“ท่านรพีพงศ์ แก้เชือกที่มัดขาของดุรงค์ปักษิณนี้ออกเถิด”

“แต่มันจะหนี…”

“เชื่อข้า ดุรงค์ปักษิณตัวนี้จะยอมช่วยพวกเรา” นาคินทร์ยืนยัน รพีพงศ์จึงปลดเชือกวิเศษออกจากขา ดุรงค์ปักษิณร้องออกมาราวกับว่าดีใจที่ได้เป็นอิสระ

“พ่อเห็นไหมว่าเราไม่ทำอันตราย พ่อจะยอมให้ข้ากับท่านผู้นี้ขึ้นหลังพ่อขี่ไปยังป่ากันติทัตได้หรือยัง” ดุรงค์ปักษิณแนบใบหน้าถูกับแก้มของนาคินทร์คล้ายกับผูกมิตรแต่พอเห็นพีพงศ์กลับสะบัดหน้าหันไปทางอื่น…ดุรงค์ปักษิณตัวนี้คงจะไม่ชอบหน้ารพีพงศ์เข้าเสียให้แล้ว

“ท่านรพีพงศ์เห็นทีท่านต้องกล่าวคำขอโทษกับดุรงค์ปักษิณตัวนี้เสียแล้ว” นาคินทร์เสนอทางออก

“ว่าอย่างไรนะ ข้านะหรือต้องกล่าวคำขอโทษเจ้าม้าครึ่งนกนี่น่ะหรือ...” รพีพงศ์แทบจะคลั่งตายที่ต้องกล่าวขอโทษสัตว์ที่ทำให้ตนนั้นได้รับบาดเจ็บ

“ถ้าท่านไม่ทำเราก็จะไม่ได้ไปป่ากันติทัตด้วย เห็นทีคงจะคลาดแคล้วกับชลันธรเป็นแน่หากชักช้าไปมากกว่านี้...” นาคินทร์อ้างถึงชลันธรอย่างน้อยรพีพงศ์คงจะยอมเป็นแน่

“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกใจกลัว” รพีพงศ์กล่าวเสียงเรียบ เมื่อคิดได้ว่าชลันธรนั้นสำคัญไม่ว่าจะให้ขอโทษเป็นร้อยเป็นพันครั้งตนจักต้องทำ

‘ฮี้…’ ดุรงค์ปักษิณยอมรับคำขอโทษ นาคินทร์ยิ้มกว้าง

“ข้าขอบใจพ่อมากเหลือเกิน…อืม…ข้าว่าพ่อควรจะจักมีชื่อเสียหน่อย ข้าขอตั้งชื่อพ่อว่า ‘มารุต’ ที่แปลว่าสายลมดีไหม  เมื่อครู่ข้าเห็นพ่อนั้นวิ่งเร็วไม่แพ้กระแสลมกรดเลยทีเดียว” นาคินทร์ตั้งชื่อให้ดุรงค์ปักษิณและดูท่าทางมันจะชอบใจเสียด้วย  ลิ้นชื้นเจ้าม้าปีกหางนกนี้เย้าเลียใบหน้านาคินทร์ไม่ยอมหยุด  รพีพงศ์ทำได้เพียงยืนมองแล้วคิดให้ดังได้เพียงแค่ในใจ…. ‘เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียจริง’...

“อย่ามัวแต่คุยกันเราต้องรีบเดินทางอีก นาคินทร์เจ้าถอยออกมาก่อน” รพีพงศ์เอ่ย นาคินทร์ก็ล่นถอยออกมา เทพบุตรพนมมือแล้วร่ายมนต์ใส่ดุรงค์ปักษิณ ก่อเกิดอานนั่งและบังเหียนขึ้นมา

“เจ้าขึ้นไปก่อนนาคินทร์” นาคินทร์ปีนขึ้นไปบนหลังมารุต แต่พอรพีพงศ์จะขึ้น เจ้ามารุตก็แกล้งเดินก้าวไปด้านหน้า

“เจ้าม้าแกลบนี่ หาเรื่องข้ารึ!!!” ด้วยความใจร้อนเป็นนิสัยทำให้รพีพงศ์ไม่พอใจดุรงค์ปักษิณจอมลำเอียงตัวนี้ เอ่ยดูถูกว่าม้าแกลบ นาคินทร์เองเห็นท่าจะไม่ดีจึงก้มตัวลงโน้มหน้าชิดติดใบหูของมารุต

“พ่อมารุตเอ๋ย ได้โปรดให้ผัวข้าขึ้นขี่หลังพ่อด้วยเถิด ข้ามิสามารถเดินทางไปไหนเพียงลำพังโดยปราศจากผัวข้าเคียงข้างกายได้ดอก” นาคินทร์กระซิบแผ่วเบาไม่ให้รพีพงศ์รู้ว่าตนได้โป้ปดอะไรออกไป มารุตเองก็เข้าใจในสิ่งที่นาคินทร์เอ่ย พลางหันมองใบหน้าหล่อเหลาราวหินอ่อนสลักของรพีพงศ์

‘ฮี่..ฮี้’ มารุตร้องออกมาเป็นการอนุญาตให้รพีพงศ์ขึ้นขี่หลัง เทพหนุ่มยิ้มออกมาแล้วขึ้นขี่หลังดุรงปักษิณซ้อนหลังนาคน้อย ต้องยกความดีความชอบให้กับนาคินทร์เสียแล้วถึงไม่รู้ว่าเมื่อครู่นั้นพูดอะไรแต่ก็สามารถทำให้มารุตแสนพยศยอมอ่อนข้อให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี กระนั้นรพีพงศ์ผู้ปากแข็งก็ไม่คิดชื่นชมนาคินทร์แต่อย่างใด

“มารุตออกเดินทางได้” รพีพงศ์ออกคำสั่ง มือก็กระตุกบังเหียน มารุตสยายปีกกางออกแล้วบินทะยายขึ้นสู่ท้องฟ้า ด้วยความเร็วของดุรงค์ปักษิณนาคินทร์เกือบจะทรงตัวไม่ไหว กายบางเอียงแซไปด้านข้างจะร่วงหล่นจากหลังมารุต โชคดีที่แขนแกร่งจากคนด้านหลังนั้นรวบเอวบางเอาไว้ได้ทัน

“จริงสิจะว่าไปข้ายังไม่ได้ลงโทษเจ้าที่ขึ้นเสียงกับข้าเลย” พอเดินทางได้สักพักรพีพงศ์ก็พูดขึ้นมา นาคินทร์สะดุ้งกายเล็กน้อยกลัวว่าจะถูกลงโทษรุนแรงอย่างที่ผ่านมา

“แต่ข้าช่วยท่านจับมารุต ท่านน่าจะยกโทษให้กับข้าบ้าง” นาคินทร์อ้างความดีความชอบที่ได้ทำวันนี้ หวังลบล้างความผิดที่เผลอดุรพีพงศ์ออกไป

“ไม่!!! เสียอย่างไรเจ้าก็เป็นเชลย เจ้าจำจะต้องถูกข้าลงโทษ” รพีพงศ์พูดพร้อมกับง้างมือขึ้นมา นาคินทร์หลับตาปี๋คิดว่าคงจะโดนตบตีอีกเป็นแน่แท้ รพีพงศ์หรือว่าใครคงใจร้ายกับชนชั้นต่ำอย่างตนมิต่างจากกนธี

“อ๊ะ!! เจ็บ!!!” นาคินทร์ร้องออกมา รพีพงศ์ไม่ได้ตบตีอย่างที่นาคินทร์ได้คิดเอาไว้ หากรพีพงศ์กลับใช้มือจับปลายคางอีกฝ่ายให้ชิดขึ้นแล้วก้มลงกัดริมฝีปากสวยหนักอย่างหมั่นเขี้ยว

“ทีหลังอย่ามาขึ้นเสียงกับข้าอีก แล้วก็ต้องทำตามที่ข้าสั่งเข้าใจหรือไม่” รพีพงศ์แสร้งทำเสียงดุ ทั้งที่อยากจะขำเมื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำของนาคินทร์

“ข้า…ข้าเข้าใจแล้ว” นาคินทร์ตอบกลับน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“ดีมาก เมื่อเจอชลันธรข้าอยากให้เจ้าไปขอโทษและช่วยเหลือชลันธร เจ้าจักทำได้หรือไม่”

“ข้าทำได้” ตบปากรับคำในทันทีเพราะว่านาคินทร์เองก็ตั้งใจที่จะทำอยู่เช่นกันเพื่อชดใช้ความผิดที่ตนได้ก่อไว้กับชลันธร แต่นอกเหนือจากนี้ยังมีอยู่อีกสิ่งหนึ่งนาคินทร์ก็ยังคิดที่จะทำให้ชลันธร

‘ข้าต้องขอโทษท่านจริงๆ ท่านรพีพงศ์ ที่ข้าจะช่วยนั้นคือให้ชลันธรได้ปรับความเข้าใจและรักกับท่านนภนต์…มิใช่กับท่าน’



















...................................

มาแล้วคิดถึงไหม คิดถึงทุกคนนะ อิอิ วันนี้มีtalkมโนมานำเสนอ

ท่านยุ่ง : อิบ้า!!! อิชั่ว!!! อิคนหื่นใจร้อน!!!

รพีพงศ์ : อะไรของท่านเนี่ย เอะอะมาด่าข้า

ท่านยุ่ง : อ้าว ไม่คิดจะกัดปากข้าหน่อยหรือ

รพีพงศ์ : ไม่!!!!

ท่านยุ่ง : เลือกปฏิบัติชิบ ทีกับนาคินทร์เอะอะจูบ เอะอะกัดปาก คิดไม่ซื่อกับนาคน้อยของข้าใช่ไหม

รพีพงศ์ : ข้าจะคิดอะไร ทำอะไรก็เรื่องของข้าอีกอย่างนาคินทร์เป็นเชลยของข้าไม่ใช่ของท่าน ท่านจงเอาเวลาที่มาหยอกข้าไปเขียนกาพย์ให้เสร็จเสียเถิด ได้ข่าวว่าเพิ่งจักเขียนให้ชลันธรหนี อย่างไรก็ให้หนีมาที่ข้าก็แล้วกัน อ่อ ถ้าท่านเหงามากจนมาแกล้งข้าเล่นเยี่ยงนี้แนะนำให้ท่านไปหาผัวเสียจะได้หายเหงา ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ท่านยุ่ง : ประโยคอื่นข้าไม่เจ็บปวดเท่ากับที่ไล่ข้าไปหาผัว ÷@==$%÷×! ไอ้รพีพงศ์บ้า เกลียดคนมีคู่ ฮือ T^T



จบการtalk แค่นี้พอไร้สาระมาก 555555

หวังว่าตอนนี้ทุกคนจะชอบกัน ทีมเรือเพลิง(ขอตั้งชื่อให้เป็นทางการ)คงจะแล่นไปถึงป่ากันติทัตนะคะ ส่วนเรือเหาะผัวเมียเขายังวิ่งเล่นซ่อนแอบในป่า 555555

สุดท้ายนี้เช่นเดิมขอขอบคุณทุกคนทร่มาอ่าน คอมเม้น เป็นกำลังใจนะคะ รัก...จุ๊บ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.15 P.6 (03/06/2560)
«ตอบ #158 เมื่อ03-06-2017 08:07:48 »

ตามนั้นนะจ๊ะนาคินทร์ ถ้ารพีไม่ยอมรู้ใจตัวเองเสียที งานนี้คงได้มีมหกรรมเมียหนีกันบ้างละ

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.15 P.6 (03/06/2560)
«ตอบ #159 เมื่อ03-06-2017 20:19:44 »

ตามนั้นนะจ๊ะนาคินทร์ ถ้ารพีไม่ยอมรู้ใจตัวเองเสียที งานนี้คงได้มีมหกรรมเมียหนีกันบ้างละ


หนีไม่พ้น รพีพงศ์ไม่ปล่อยเชลยให้คลาดสายตาเป็นแน่ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.15 P.6 (03/06/2560)
« ตอบ #159 เมื่อ: 03-06-2017 20:19:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.15 P.6 (03/06/2560)
«ตอบ #160 เมื่อ04-06-2017 21:11:24 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
​ตอนนี้นิยายตอนที่ 16-17 เสร็จแล้วค่ะแต่ยังแก้ไม่เสร็จจึงเกิดความล้าช้า

ดังนั้นท่านยุ่งขอฝากทุกคนติดตามเพจในเฟสบุ๊คนะคะ จะอัพความคืบหน้าเป็นระยะและยุ่งเองก็จะปั่นตอนที่ 18-19 และเรื่อยๆเพื่อที่จะได้แก้เลยและไม่เกิดความล้าช้าอีก

ขอโทษผู้อ่าน ผู้ติดตามทุกคนนะคะ ท่านยุ่งยังอยู่ไม่ไปไหน อย่าทิ้งกันนะคะ นิยายเรื่องนี้ปั่นจนจบแน่ วางโครงเรื่องในตอนไว้หมดแล้ว

รักนะคะ คิดถึงทุกคน

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ไม่ทิ้งค่ะ..พี่รอเจ้าอยู่ทุกคืนวัน..แม้ยามฝันในนิทรา  :กอด1: :mew3:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รออยู่น้า~

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ชอบแนวนี้มากกก ติดตามมมมมๆๆๆๆ :heaven

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอต่อไปจ้า :mew2:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #168 เมื่อ19-06-2017 07:54:18 »

​สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung 0209

File : 16

















ในบางครั้ง ‘คำพูด’ เพียงเล็กน้อยนั้นก็เปรียบเสมือนโอสถชั้นดีที่เยียวยารักษาโรคภัยให้ทุเลา คำพูดแสนหวานพาให้จิตใจผู้ฟังนั้นลุ่มหลง หรือจะเปรียบดั่งขนมรสหวานที่ชวนให้ลิ้มรสแล้วปรากฏรอยยิ้มทุกครั้งเมื่อกลืนลงท้อง แต่ทว่า… ‘คำพูด’ ที่พลาดพลั้งไม่ทันคิดด้วยสติที่เอื้อนเอ่ย โดยเฉพาะเมื่อมันมาจากคนที่รักอย่างสุดหัวใจ มันก็มิได้ต่างจากคมมีดที่กรีดเฉียดลงไปในจิตใจคนฟัง หรือไม่ต่างจากเข็มปลายแหลมนับพันเล่มที่ทิ่มแทงให้เจ็บปวดไปทั่วทั้งกายใจ เช่นเดียวกับใจของที่ชลันธรในตอนนี้นั้นกำลังเผชิญกับสิ่งนี้อยู่

อดีตเทพพระสมุทรอาศัยความมืดจากเงาไม้หลบซ่อนกายมิให้นภนต์ได้เห็น มือเรียวทั้งสองซ้อนทับปิดปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ดังออกไป เว้นเสียแต่หยาดน้ำใสที่หลั่งรินไหลลงมาเป็นทางยาวเปรอะเปื้อนปรางค์ขาวอยู่นั้นมันเกินกลั้นด้วยคำพูดของคนรัก

“ชลันธร!!!…ชลันธรเจ้าอยู่ไหน!!!” คนขี้หึงแสนใจร้ายในสายตาของชลันธรร้องเรียกหาเขาไม่ยอมหยุดหย่อน แล้วเหมือนก็จะใกล้เข้ามาทุกทีๆ ชลันธรพยายามแทรกกายซ่อนเข้าไปในโพรงไม้ใกล้ๆ หมายจะให้นภนต์นั้นไม่พบเจอตน

‘แกร็ก’ เสียงกิ่งไม้แห้งบนพื้นแตกหัก เพราะเท้านั้นเผลอเหยียบย่ำยิ่งทำให้ชลันธรใจสั่น ด้วยว่านภนต์กำลังเดินอยู่บริเวณที่ซ่อนตัวของชลันธร ผู้หลบซ่อนพยายามแนบตัวเองให้เบียดชิดเข้าไปในโพรงไม้ให้มากที่สุด ภาวนาให้คนใจร้ายนั้นไม่เห็นตน

ด้วยการภาวนาของชลันธรนั้นกลับเป็นจริง มิรู้สิ่งใดดลใจเทพหนุ่มเมื่อนภนต์เดินผ่านไปอีกทิศ ปากก็ยังร้องเรียกตะโกนชื่อชลันธร จนเสียงที่ดังชัดก็ค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆ แสดงถึงระยะห่างของเทพนภนต์ และในที่สุดก็เงียบหายไป ความเงียบก็ปกคลุมบริเวณโดยรอบ ชลันธรจึงค่อยๆ เดินออกมาจากโพรงไม้ที่ซ่อนกาย

‘ฮึ...คนใจร้ายกว่าจะไปได้...’

ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบๆ เมื่อเทพเวหาไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้แล้ว ไม่ปรากฏแม้แต่เงาหรือเสียง ชลันธรโล่งใจที่หนีจากนภนต์ได้ แต่อีกใจนั้นกลับว้าเหว่ไม่น้อยที่ต้องอยู่ท่ามกลางป่ากันติทัตเพียงลำพัง

… ‘นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมายืนคิดมาก อย่างไรเสียการไปวิมานของเทพแห่งกาลเวลานั้นสำคัญยิ่งกว่า’…

อดีตเทพพระสมุทรมองหาทิศที่ตั้งของวิมานจิรันดร เมื่อกำหนดทิศทางได้แล้วก็เดินหน้าออกไปพร้อมกับคิดที่จะทิ้งหัวใจ ความรักของตนเอาไว้ที่นี่ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ… ‘เราจะต้องโกรธ ต้องเกลียด ต้องไม่รักท่านให้ได้…ท่านนภนต์’

เท้าที่ก้าวยาวไม่หยุดเปรียบเสมือนเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนผันไม่หยุดเช่นกัน ทินกรเริ่มลาลับหลีกทางให้จันทราได้เข้ามาเยือน แสงสุรีจางหาย เงามืดก็กล้ำกรายเข้ามาก่อเกิดความกลัวในจิตใจให้กับมนุษย์หนุ่มที่ยังคงเดินไม่หยุดหย่อนแม้จะหวาดระแวงอยู่บ้าง

ขณะที่ชลันธรเดินอยู่นั้น หารู้ไม่ว่ามีไกรสรราชสีห์ซุ่มหมอบอยู่หลังพุ่มไม้ ตาคมดุสีอำพันจ้องมองเหยื่อไม่วางตา กลิ่นหอมของมนุษย์ซึ่งหายากยิ่งที่จะพบเจอในป่ากันติทัตแห่งนี้ ยิ่งทำให้ไกรสรราชสีห์ตัวนี้ใคร่หมายอยากจะได้ชลันธร จึงได้ซุ่มหมอบรออย่างใจเย็นให้เหยื่อนั้นเผลอ พอได้จังหวะก็กระโจนเข้าหาชลันธรทันทีอย่างไม่ระวังตัว

“โฮก!!!!!!!!”

เสียงร้องคำรามดังของไกรสรราชสีห์ที่มาจากทางด้านหลัง ด้วยสัญชาตญาณทำให้ชลันธรรู้ตัวดีว่ากำลังมีภัยมาถึงตัว แต่ทว่ากายนั้นไม่สามารถหลบหนีไปได้ในเมื่อสัตว์ตัวโตอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด ในเวลานี้มือบางเพียงคว้าท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่พอจะหยิบฉวยขึ้นมาได้ ใช้มันมาเป็นอาวุธ

‘ปึก’

ท่อนไม้ลอยละลิ่วหวังจะให้เข้าแสกหน้าราชสีห์แผงคอแดงแต่กลับพลาดเป้า เพราะราชสีห์นั้นหลบได้ทันท่วงที ท่อนไม้ที่ปากลับกระแทกกับขอนไม้ด้านหลังจนแตกหัก กระนั้นก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจให้กับไกรสรราชสีห์ได้ อดีตเทวาแห่งมหาสมุทรจึงวิ่งหนีหมายจะเอาชีวิตให้รอดพ้นคมเขี้ยวราชสีห์นี้

‘ท่านพี่…ท่านพี่นภนต์ได้โปรดช่วยน้องด้วยเถิด’

เมื่อใดที่เข้าสู่ยามคับขันเช่นนี้ ทิฐิหรือสิ่งที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะตัดสัมพันธ์กับคนรักก็มลายหายไปหมดสิ้น ในยามที่ความกลัวเข้ามาครอบครองจิตใจนี้…เทพนภนต์คือผู้เดียวที่ชลันธรนั้นคิดถึง เทพนภนต์คือผู้ที่ช่วยเหลือชลันธรให้รอดพ้นอันตรายอยู่เสมอ

“โอ๊ย!!!” ความรีบร้อนทำให้ชลันธรไม่ทันดูจึงสะดุดกับรากไม้ล้มลง ไกรสรราชสีห์จึงตามมาทัน สัตว์สี่เท้าค่อยๆเดินย่างกรายไม่เร่งรีบ เมื่อเหยื่อตรงหน้านั้นบาดเจ็บไม่สามารถจะลุกขึ้นวิ่งหนีได้ ร่างโปร่งสั่นกลัวความตายอยู่ใกล้ตรงหน้า… ‘จากนี้ชลันธรคงเหลือเพียงชื่อ’

“โฮก!!!!!!!!!!” ไกรสรราชสีห์กระโจนเข้าตะครุบร่างชลันธรให้นอนราบกับพื้น สองกรเล็บคมกดตรึงสองแขนของร่างบางให้หยุดนิ่ง เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน ใบหน้าหนึ่งถึงจะแสนหวานแต่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนอีกใบหน้าหนึ่งใบปากกว้างนั้นเต็มไปด้วยคมเขี้ยวแสนน่าเกรงขาม นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ชลันธรรับรู้ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับวูบไป…ไร้ซึ่งความรู้สึก

. . .

ด้านเทพนภนต์ผู้ทรงฤทธิ์ดั้นด้นตามหาชลันธรที่หลบหนีอย่างไม่ลดละ ยิ่งค้นหาเท่าไหร่ก็ยังไม่ทีท่าว่าจะเจอ เพราะป่านี้นั้นกว้างขวางซ้ำยังใกล้จะค่ำแล้วด้วย...ไม่รู้ว่าชลันธรนั้นหนีหรือแอบซ่อนตัวอยู่ที่ใด …‘เห็นทีเราคงต้องย้อนรอยกลับไปที่เก่าเสียแล้วกระมัง...เผื่อชลันธรอาจจะหายโกรธแล้วกลับไปรออยู่ที่เดิม’…เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วนภนต์ก็รีบย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อพบเจอชลันธร

‘ท่านพี่…ฮือ..อ…ท่านพี่นภนต์ช่วยน้องด้วย’

เสียงหวานแสนคุ้นเคยนั้นผุดดังก้องขึ้นมาในใจ…ทุกครั้งที่ได้ยินมักจะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆกับชลันธรอยู่เสมอ ชลันธรกำลังตกอยู่ในอันตราย...ไม่ได้การเสียแล้ว นภนต์จึงรีบเร่งตามหาชลันธรโดยพลัน

“ชลันธร!!!!!...ชลันธรเจ้าอยู่ไหน!!!!” ทั้งร้องเรียกทั้งวิ่งหา ก็ไม่ยินแม้แต่เสียงลมหายใจหรือว่าเห็นแม้แต่เงา บรรยากาศโดยรอบก็มืดมิดเสียจนนภนต์เริ่มมองไม่เห็นอะไร ตนนั้นก็ไม่ได้มีเนตรเพลิงเช่นเผ่าพันธุ์สุริยะเสียด้วยสิ ที่จะสามารถมองเห็นได้ในเวลากลางคืนหรือในที่มืดมิด

‘พั่บ…พั่บ…พั่บ’ เสียงปีกขยับของวิหคน้อยตัวหนึ่งที่กำลังกลับรังบินผ่านเหนือศีรษะ ของนภนต์ เมื่อเทพหนุ่มเหงนใบหน้ามองขึ้นไปก่อนที่จะฉุดนึกขึ้นได้ว่าจะสามารถตามหาชลันธรด้วยวิธีใด

“จงบินมายังข้า” เทพแห่งท้องนภาผู้นายเหนือหัวแห่งเผ่าพันธุ์ทวิชาชาติทั้งปวงเพียงเอ่ยขานเรียกวิหคน้อยที่บินอยู่นั้นให้ลงมาหาตน กรแกร่งถูกยกขึ้นมาให้หลังมือหนานั้นเป็นฐานให้นกน้อยได้ลงเกี่ยวเกาะ

“ท่านผู้เป็นใหญ่แห่งเวหา ท่านมีอันใดหรือ” วิหคน้อยเอ่ยถาม

“เจ้าบินไปมาในป่ากันติทัตแห่งนี้เจ้าเห็นมนุษย์ผิวขาวผ่องเดินผ่านแถวนี้หรือไม่” นภนต์ถาม ใจนึกลุ้นให้สิ่งที่นกน้อยตัวนี้นั้นเห็นเป็นชลันธร

“มนุษย์หรือ...ข้าเห็นอยู่คนหนึ่งนะนายท่าน...” คำตอบเป็นไปตามคาด นภนต์เผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ

“หากมนุษย์นั้นเป็นผู้เดียวที่เดินอยู่ในป่า ก่อนหน้านี้ข้าเห็นกำลังหนีไกรสรราชสีห์ตัวหนึ่งที่กำลังตามไล่ล่า…” รอยยิ้มกว้างนั้นหายไปฉับพลัน เมื่อประโยคตามหลังนั้นสแลงหู ที่นับว่าเป็นเรื่องร้าย…ร้ายเสียจนนภนต์จุกแน่นอยู่กลางอก

“จะ..เจ้าจำได้หรือไม่ว่า...เจ้าเห็นมนุษย์ผู้นั้นอยู่แห่งหนใด” นภนต์เริ่มควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แสนสุดห่วงด้วยเสน่หา

“ท่านวิ่งตามข้ามาเถิด เดี๋ยวข้าจะบินนำท่านไปเอง” นกน้อยเสนอแล้วบินขึ้นนำในทันทีทางนภนต์ นภนต์แม้อยากจะล้มลงทรุดกับพื้น หากต้องรวบรวมแรงกาย แรงใจ ตามนกตัวนี้ไปหาชลันธร

… ‘ชลันธรเจ้าอย่าได้เป็นอันใดเลย พี่กำลังจะไปช่วยเจ้าบัดเดี๋ยวนี้ หากเจ้าเป็นอะไรไป  แล้วพี่จะมีลมหายใจอยู่ต่อไปได้เช่นไรกัน...’

“ถึงแล้ว !!!”

ไม่นานนักวิหกน้อยก็นำพานภนต์มาถึงที่หมาย นภนต์อาศัยแสงเพ็ญแขแลไปยังรอบบริเวณ ไร้ร่างของชลันธร ไร้รอยเลือด ก็ยังมีหวังมีโอกาสที่ชลันธรนั้นจะรอด ก่อนจะย่อกายลงก้มมองรอยเท้าของคนรักที่มีรอยเท้าของไกรสรราชสีห์ปะปนกันอยู่ใกล้ๆ รอยเท้ายังใหม่ มันยังเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก นภนต์ค่อยแกะรอยตามรอยเท้าไปเรื่อยๆ จนสังเกตเห็นเศษผ้าที่แสนคุ้นตาจากอาภรณ์ที่ตนได้มอบให้กับชลันธร เทพหนุ่มหยิบผ้าขึ้นมาแล้วกำแน่นเอาไว้ในฝ่ามือ รอยเท้าของชลันธรสิ้นสุดเพียงตรงนี้เท่านั้นพอทอดสายตาออกไปก็พบเจอเพียงรอยเท้าของไกรสรราชสีห์เท่านั้นนับว่าเป็นเรื่องแปลกเป็นอันมากและที่สำคัญไปกว่านั้น เทพแห่งท้องนภาสังหรณ์ใจไว้ว่าชลันธรจะต้องถูกราชสีห์แผงคอแดงจับตัวไปอย่างแน่นอน

“เจ้าต้องปลอดภัย…ชลันธร” นภนต์ให้คำมั่นแล้วตามรอยไกรสรราชสีห์ต่อไป

. . .

“อืม…” เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ที่พบตรงหน้านั้นคือเพดานของถ้ำ แห่งหนึ่ง ชลันธรส่งเสียงครางฮึมฮัมในลำคอ ‘นี่เรายังไม่ตายหรอกหรือ…จริงสิหากเราชีวาวายแล้วคงจักไม่ได้ผุดได้เกิด ดวงวิญญาณคงแตกสลายไปแล้ว ตามดวงชะตาที่ถูกกำหนดไว้’

เมื่อคิดได้อย่างนั้นชลันธรก็ตั้งสตินึกย้อนความทรงจำครั้งสุดท้าย ภาพเหตุการณ์ย้อนมาเป็นภาพไกรสรราชสีห์พุ่งเข้าหาหลังจากนั้นตนก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

‘หมับ’ ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นแขนขาวก็กอดพาดที่หน้าท้องเรียบของชลันธร นิ้วเรียวราวเทียนไขก็ลูบไล้ขึ้นมาจนถึงแผ่นอกของชลันธร อดีตเทพมหาสมุทรสะดุ้งโหยงแล้วก้มมองต่ำ บัดนี้กายของตนนั้นเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าแพรพาดปิดกลางกายเอาไว้เท่านั้น พอไล่สายตามองไปที่เจ้าของมือ หญิงสาวเกศาสีแดงสดดั่งผ้ารัตนกัมพลสยายปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าเช่นกัน… ‘เกิดอันใดขึ้นในตอนที่เราหมดสติ’ คำถามที่ต้องการคำตอบทำให้ชลันธรนั้นวางหัตถาไปที่ไหล่เนียนแล้วเขย่าเบาๆ

“ผัวข้า…ท่านตื่นแล้วหรือ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงงัวเงีย นั่นไม่สำคัญเท่ากับสรรพนามที่สตรีผมแดงนั้นเรียกขานชลันธร

“ผัว... เจ้าหมายถึงใครกัน” ชลันธรเอ่ยถาม มือบางก็หยิบภูษาเข้าห่มคลุมกายเอาไว้ไม่ให้เปล่าเปลือยเกินไปนัก ผิดกับหญิงสาวที่ไม่นึกอายทั้งที่กายไม่มีอาภรณ์มีเพียงเกศาสีแดงยาวสลวยปิดบังบางส่วนของกายเท่านั้น ด้วยแววตากลมโตที่แสนยั่วกำลังจ้องมองตน กลายเป็นว่าชลันธรต้องเบือนหน้าหนีหันไปมองทางอื่นแทน

“ท่านคิดว่าใครกันเล่า ในที่นี้มีเพียงท่านกับข้าเท่านั้น” หญิงสาวจีบปากจีบคอตอบ อีกทั้งยังกอดกายพร้อมเบียดปทุมถันอันอวบอิ่มเต่งตึงใส่ ชลันธรจึงขืนตัวและดันตัวอีกฝ่ายออกไป

“เรามั่นใจว่าเรากับเจ้าหาได้เป็นอะไรกันทั้งสิ้น” ชลันธรเอ่ยเสียงแข็ง

“เพลานี้ไม่...แต่ในอนาคตนั้นข้ามั่นใจว่านั้นจักเป็นผัวของข้า”

“เจ้าเป็นหญิงจะมาพูดจาเยี่ยงนี้ ทำตัวเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน ไม่รู้จักบัดสีหรือไร” ชลันธรพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นสตรีจะวู่วามลงมือทำร้ายก็ดูไม่ดีนัก

“ไม่…ข้าถูกใจท่านตั้งแต่ในป่าแล้ว ข้าอยากได้ท่านมาเป็นผัวแต่ท่านกลับวิ่งหนีแล้วสลบไป ข้าก็เลยคาบท่านเหวี่ยงขึ้นหลังแล้วพามา….ที่นี่”

“หรือว่าเจ้าจะเป็น….”

“ใช่แล้ว ข้าเป็นไกรสรราชสีห์ตัวนั้น ข้ามีนามว่า ‘อุรพี’ ว่าแต่ท่านมีนามว่าอันใดหรือ” นางอุรพีลุกขึ้นคร่อมตัวชลันธรเอาไว้แล้วนั่งลงบนกายที่มีเพียงผ้าแพรผืนบางกั้น

“เจ้าลงจากตัวของเราเสียก่อน แล้วเราจักตอบเจ้า” ชลันธรเอ่ย แก้มแดงปลั่งด้วยความกระดากอาย นอกจากมารดาแล้วชลันธรก็หาได้ใกล้ชิดสตรีนางไหนขนาดนี้มาก่อน

“ท่านอายหรือนี่ ก็ได้ข้าจะลงจากตัวของท่าน” นางอุรพีเอามือปิดปากกลั้นขำเล็กน้อยแล้วขยับกายลงมานั่งบนเตียงแทน ตั้งแต่เกิดมานางก็เพิ่งเจอบุรุษที่ไร้เดียงสาอย่างคนตรงหน้า

“เราชื่อชลันธร” พอเห็นว่านางอุรพีลงจากกายจึงบอกนามของตนไปตามสัญญา ชลันธรที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นนั่งตาก็มองหาอาภรณ์ของตน

“ท่านมองหาอะไรหรือ…ท่านชลันธร” นางอุรพีเอ่ยถามน้ำเสียงเย้ายวน

“เสื้อผ้าของข้า เจ้าเอามันไปไว้ตรงไหน” ชลันธรถาม ตนนั้นไม่อยากอยู่ในสภาพล่อแหลมกับสตรีสองต่อสองเยี่ยงนี้ หากใครเข้ามาเจอมีหวังจักต้องเข้าใจผิดเป็นแน่

“อุรพี!!!!!! ทหารในเผ่าบอกข้าว่าเจ้าพามนุษย์มา!!!” ‘ฉมา’ ส่งเสียงอันทรงพลังของพญาสิงห์ดังเข้ามา ก่อนที่ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นเป็นมัดกำยำนั้นจะย่างกรายเข้ามา  บุรุษผู้น่าเกรงขามผู้นี้มีหนวดเคราสีขาวแซมสีแดงที่มิได้ต่างจากเส้นผมของอุรพี กำลังตรงเข้ามายังที่อุรพีและชลันธรอยู่

“ท่านพ่อ!!! อยู่ๆจะเข้ามาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร หากข้ากำลังทำกิจกามกับชลันธรอยู่เล่า ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” นางอุรพีเอ่ยมือก็คว้าเอาผ้าที่ตกอยู่ตรงพื้นมาคลุมร่างกายเอาไว้ ไม่สะทกสะท้านที่บิดาของนางนั้นเข้ามา

“นังลูกไม่รักดี ข้าเลี้ยงเจ้าให้เป็นกุลสตรีหมายจะให้แต่งกับอินคา นี่อะไรเจ้ากลับนำมนุษย์มาเป็นผัวของเจ้า” ไม่พูดเปล่าฉมาก็ส่งสายตาไม่พอใจพร้อมสังหารมายังชลันธรที่นั่งนิ่งฟังสองพ่อลูกถกเถียงกัน

“ข้าไม่รัก ข้าไม่ชอบอินคา ท่านพ่ออย่าหมายมาบังคับข้า ท่านพ่อเองก็เห็นว่าข้ากับท่านชลันธรเป็นผัวเมียกันแล้ว อย่างไรเสียพรุ่งนี้ท่านจักต้องจัดพิธีวิวาห์ให้แก่ข้ากับท่านชลันธรด้วย” นางอุรพีเอ่ยออกมา ไม่ยอมอ่อนข้อให้ผู้เป็นบิดา ชลันธรเองก็จะอ้าปากบอกกับฉมาว่าตนยังไม่ได้ล่วงเกินอุรพีแม้แต่น้อย หากนางอุรพีหันมาส่งสายตาแกมขอร้องทำนองว่าให้ตนนั้นอย่าปริปากพูดออกไป

“ฮึ!!! ก็ได้ข้าจะจัดพิธีให้กับเจ้าและจงจำเอาไว้ว่าถ้ามีโอกาสข้าจะฉีกเนื้อมนุษย์ผู้นี้เป็นชิ้นๆ” ฉมากระทืบเท้าไม่พอใจแล้วเดินออกไป ถึงอยากจะคัดค้านแต่บุตรีมีราคีเสียแล้ว ทั้งฉมานั้นเคยสาบานกับมารดาอุรพีไว้ก่อนนางจะสิ้นชีพว่าจะดูแลเอาใจใส่อุรพีอย่าได้ขัดใจเป็นอันขาด ตนนั้นจึงตามใจอุรพีจนกลายติดนิสัยเอาแต่ใจ ฉมาจึงจำใจต้องจัดพิธีให้กับอุรพีและชลันธรด้วยความไม่เต็มใจ

“ท่านอย่าได้กลัว ท่านพ่อของข้าจะไม่ฉีกผัวข้าเป็นชิ้นๆดอก” นางอุรพีดูเหมือนจะไม่สนใจคำของฉมาสักเท่าไรก็หยิบผ้าคลุมส่งให้ชลันธร

“ใยเจ้าต้องพูดปดกับบิดาของเจ้าด้วย”

“ก็ข้าอยากให้ท่านเป็นผัวของข้าและท่านนั้นต้องเป็นด้วย” นางอุรพีเอ่ยแล้วโน้มใบหน้าลงมาประทับริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของชลันธรอย่างแผ่วเบา...

จากพื้นปฐพีแห่งผืนไพรีกันติทัต สู่การดำดิ่งลงไปจนลึกสุดจรดผืนทรายยังโลกสีครามนครบาดาล ณ วิมานของเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือใครทั้งปวงในห้วงท้องสมุทร เทพมหาสมุทร ‘กนธี’ กำลังนั่งให้บรรดานางสนมทั้งหลายคอยปนเปรอ บ้างก็ร่ายรำ บ้างก็มานั่งตักยั่วยวนชวนลิ้มรสผลไม้รสหวานในมือ บ้างก็คอยชวนคุยออเซาะหวังจะได้เล่นบทสวาทบนบรรจถรณ์ กล่าวมานั้นดูเหมือนกนธีจะมีความสุขแต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่…

“ออกไป!!! พวกเจ้าออกไปให้หมด!!!” เสียงตวาดของกนธี ไล่เหล่าสาวงามเคียงข้างกายให้ออกไป พอเหล่านางสนมถูกไล่ต่างก็รีบถอยหนีเพราะเกรงกลัวหากชักช้าไม่รีบออกไป พระสมุทรอาจจะพิโรธหนักขึ้น หากจำต้องทัณฑ์พระสมุทรด้วยแล้วก็คงจะไม่เป็นการดีแก่ชีวิตเป็นแน่แท้

‘หามีใครทำให้ข้าพึงพอใจเท่ากับนาคินทร์ไม่’

กนธีนึกถึงนาคน้อยที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อตนและตนก็เป็นฝ่ายไล่ให้ออกไป สิ่งน่าเจ็บใจยิ่งนักนั่นก็คือตลอดเวลาที่นาคินทร์จากไปแม้เพียงไม่กี่วัน กนธีกลับถวิลหานาคินทร์ทุกครั้งในยามที่อยู่ตามลำพัง…ป่านนี้นาคินทร์คงจะกลายเป็นอาหารของเหล่าพญาครุฑได้ลิ้มรสไปเสียแล้ว

“ท่านกนธี!!!” เสียงเรียกจากทหารคนสนิทนายหนึ่ง เมื่อพระสมุทรได้ยินคนเรียกหาก็กลับมามีสติอีกครั้ง

“เจ้ามีอันใดจึงกล้าเข้ามาพบข้าถึงที่นี่ หากธุระของเจ้ามิใช่การสำคัญข้าจักลงโทษเจ้าสถานหนัก”

“ขออภัยที่ข้าเข้ามาอย่างอุกอาจโดยมิได้รับอนุญาต แต่ข้ามีการสำคัญจริงๆ ข้าได้รับแจ้งจากเหล่านางเงือกที่มหานทีสีทันดรเกี่ยวกับข่าวของท่านชลันธร” ทหารกล้ารีบรายงาน

“ชลันธรอย่างนั้นรึ” กนธีแทบจะไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินหลายวันมานี้ตนเองก็ให้ไพร่พลบางส่วนสืบหาแต่ก็ไม่มีร่องรอย

“ใช่แล้วท่านกนธี จากการที่ท่านนั้นได้สั่งพวกข้าออกตามหา ข้าเองก็ได้ดั้นดนไปจนถึงมหานทีสีทันดรจึงได้ทราบว่าหลายวันก่อนนั้นบุรุษหน้าตาละม้ายคล้ายอดีตเทพมหาสมุทรองค์ก่อนถูกเทพนภนต์อุ้มบินข้ามมหานทีไปยังดินแดนหิมพานต์”

กนธียกยิ้มขึ้นมาเมื่อได้รับข่าวดี ในที่สุดโอกาสที่จะได้ครอบครองดวงใจที่ตามหามาแสนนาน พระสมุทรก็กลับมาอีกครั้ง… ‘เห็นทีราตรีนี้คงต้องคิดหาวิธีแย่งชิงตัว ‘หลานรัก’ จากนภาเทพเสียแล้ว’

“แต่…” กนธีที่กำลังอารมณ์ก็ต้องหน้าบึ้งตึงเมื่อได้ยินคำที่ชวนให้รับรู้ว่ามันไม่ได้มีเพียงเรื่องดีเท่านั้น ตาคมจ้องมองไปยังทหารคนสนิทที่ก้มหน้าก้มตาจนตัวสั่น…ท่าทางคงจะเป็นเรื่องที่ชวนให้เทพมหาสมุทรนั้นอารมณ์เสียพอควร

“แต่อะไรรีบบอกข้ามา อย่ามัวชักช้า!!!”

“นอกจากท่านชลันธรกับเทพนภนต์แล้ว…เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้พวกนางเงือกก็ยังเห็นนาคินทร์เดินทางไปป่าหิมพานต์กับท่านรพีพงศ์บุตรแห่งสุริยเทพอีกด้วย”

‘เพล้ง!!!!’

เทพมหาสมุทรเกรี้ยวกราด พระหัตถ์หนาจับของใกล้มือปาทิ้งลงพื้น ก่อนจะกำหมัดข่มอารมณ์โมโหโกรธาไม่ให้สำแดงออกมามากไปกว่านี้ ใครก็รู้ว่ารพีพงศ์นั้นมีจิตเสน่หาในตัวชลันธร การที่เดินทางไปช่วยเหลือนั้นจึงเป็นสิ่งที่กนธีคาดเดาไม่ยากและหากบุตรแห่งสุริยาจะเดินทางเพียงลำพัง กนธีนั้นมิได้คิดใส่ใจด้วย แต่ทว่านาคินทร์ที่ตนนั้นเพิ่งขับไล่กลับไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตนได้เสียอย่างไร ก้อนเนื้อตรงอกด้านซ้ายนั้นรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก…

 ‘นาคินทร์...นี่เจ้าคิดแปรพักตร์หักหลังข้ากระนั้นหรือ…ดี...เราจักได้เห็นดีกัน’

“ทหาร!!! จงเร่งจัดราชรถให้ข้า ข้าจักเดินทางขึ้นไปยังชั้นฟ้า”

เพลานี้การที่จะลงมือทำเพียงผู้เดียวเห็นทีคงจักเป็นไปได้ยาก กนธีจึงให้คนจัดเตรียมราชรถไปยังไตรทิพย์เพื่อเชิญ ‘เทวา’ มาช่วยเหลือ

“ไม่ว่าจะเป็นนภนต์ ชลันธร รพีพงศ์หรือนาคินทร์ ไม่ว่าใครก็อย่าได้หามีชีวิตรอดทั้งนั้น กนธีผู้นี้จะขอทำลายมันให้ไม่เหลือแม้แต่ซาก...”





























.................................

ข้ากลับมาแล้ว พวกท่านคิดถึงข้าและนิยายของข้าหรือไม่

ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะ...#ปากหวานไว้ก่อนเพราะมีลางร้ายว่าจะถูกคนอ่านรุมกระทืบ

ข้ากลับมาครั้งนี้ข้ามิได้มาตัวเปล่า ข้ามาพร้อมกับมาม่าแสนอร่อยรสชาติเบาๆให้พวกท่านได้กล้ำกลืนฝืนกินอย่างเต็มใจ

ต่อจากนี้นิยายข้าจะกลับมาไม่ช้าไปกว่านี้อีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่รอคอยแม้ในมือท่านจะถือมีด ถือหิน ก็ตาม

สุดท้ายนี้ข้าขอแจกสาส์นร่วมเป็นสักขีพยานความรักในงานมงคลสมรส

อุรพี ❤ ชลันธร



สุดท้ายแล้วจริงๆ ขอบน้ำใจพวกท่านที่รอข้าติดตามนิยายข้า อ่านนิยายข้า ร่วมแสดงความคิดเห็นนิยายของข้า...ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2017 08:54:22 โดย TanYung0209 »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #169 เมื่อ19-06-2017 08:13:37 »

เมื่อมนุษย์เมียได้เป๋นผัว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
« ตอบ #169 เมื่อ: 19-06-2017 08:13:37 »





ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #170 เมื่อ19-06-2017 10:54:30 »

 :z13: :z13:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #171 เมื่อ19-06-2017 12:22:03 »

ชอบคู่นาคินทร์กับรพีพงษ์   :3123:

ออฟไลน์ Ooaummii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #172 เมื่อ19-06-2017 16:47:36 »

เรารอท่านได้ รอได้จริงๆ
//กำมีด o18

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #173 เมื่อ19-06-2017 21:14:56 »

รออ่านตอนต่อไป
นาคินทร์ชอบรพี รพีชอบนาคินทร์ละสิ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #174 เมื่อ20-06-2017 22:00:49 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #175 เมื่อ22-06-2017 21:34:40 »

คิดถึงเรื่องนี้กว่าจะมาได้ :mew2:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #176 เมื่อ22-06-2017 23:26:57 »

เกิดมาเป็นชายอย่างน้อยต้องได้เป็นผัวสักครั้งนะชลันธร 555

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.16 P.6 (19/06/2560)
«ตอบ #177 เมื่อ24-06-2017 15:01:30 »

อิ่มมาม่าแล้วคว่ำชามทิ้งได้หรือไม่  :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #178 เมื่อ02-07-2017 07:44:43 »

​สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : 17













เมื่อราชรถแห่งพระอาทิตย์ขับเคลื่อนเลื่อนพาดผ่านท้องฟ้าเป็นสัญญาณแห่งวันใหม่นั้นเวียนกลับมาอีกครา ทุกสรรพสิ่งมีชีวิตต่างออกมารับแสงยามรุ่งอรุณ บ้างก็ออกหาอาหาร บ้างก็ออกมาชำระล้างกาย แต่ยังมีเทพหนุ่มองค์หนึ่งที่ยังก้าวย่างตามแกะรอยเท้าไกรสรราชสีห์ต่อไปอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดพัก

...เจ้าอยู่ที่ไหนกันชลันธร...ทำไมเจ้าถึงได้ช่างขี้น้อยใจแบบนี้นะ...เจ้าทำพี่แทบจะเป็นบ้าแล้วรู้หรือไม่…

นภนต์เพียรพยายามแกะรอยและติดตามรอยเท้านั้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงริมธารเล็กๆ สายหนึ่ง แม้จักเป็นเทพ แต่นภนต์เองก็เหนื่อยล้าจากการที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเช่นกัน ร่างสูงนั้นค่อยๆ นั่งลงที่บนโขดหินแล้วพักล้างหน้าล้างตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะได้ยินเสียงแว่วดังคล้ายเสียงย่ำเท้ามาจากริมธารอีกฝั่งหนึ่ง และตามมาด้วยเสียงที่กำลังคำรามร้อง …คงเป็นพวกสิงห์ในป่าแห่งนี้เป็นแน่ ...แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วว่าสิงห์กลุ่มนี้คือไกรสรราชสีห์ เทพหนุ่มจึงค่อยๆ ขยับกายเคลื่อนหลบซ่อนแอบหลังหินก้อนใหญ่

ไกรสรราชสีห์ที่อยู่ตรงหน้านั้นมีถึงห้าตัวและเหมือนว่ากำลังชุมนุมอะไรบางอย่างกัน แค่อึดใจก็พลันก็แปลงกายเป็นมนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ยกเว้นตัวหนึ่งที่มีอ่างดินเผายักษ์ผูกติดไว้กลางหลัง ...นี่คงจะเป็นกลุ่มไกรสรราชสีห์ที่บำเพ็ญเพียรอย่างแรงกล้ากระมังถึงได้แปลงกายเป็นมนุษย์ได้... นภนต์เก็บความสงสัยทั้งหมดเอาไว้ก่อน แล้วซุ่มมองสังเกตอย่างเงียบๆ ต่อไป…เพราะบางทีชลันธรอาจจะอยู่กับไกรสรราชสีห์กลุ่มนี้ก็เป็นได้

“ไม้หอม ประเดี๋ยวเจ้าตักน้ำขึ้นมาใส่อ่างดินเผาบนหลังผาแดงให้เต็มเสีย” หนึ่งในนั้นได้เอ่ยสั่งสิงห์แปลงผู้ที่ถือขันเงินใบเล็กตักใส่อ่างดินเผา

“ข้ารู้แล้ว ข้าจักตั้งใจตักอย่างดีให้น้ำที่จะใช้ในพิธีแต่งงานระหว่างอุรพีกับเจ้ามนุษย์นั่น”

“คิดแล้วเจ็บปวดใจแทนอินคายิ่งนัก อุรพีเหมาะสมกับอินคาราวกับกิ่งทองใบหยก เสียดายนางไม่น่าไปคว้ามนุษย์ที่ไหนก็ไม่รู้มาทำผัว”

“มนุษย์นั่นก็หาได้องอาจสมกับเป็นบุรุษไม่ ผิวกายก็ขาวราวกับไม่เคยต้องแสง แถมทั้งยังผอมบางขนาดนั้นอีก…ไม่รู้อุรพีคิดได้อย่างไร ซ้ำแล้วยังเร่งให้จัดพิธีแต่งงานเสียในวันนี้อีก”

บทสนทนาทั้งหมดนั้นก็ลอยผ่านสายลมให้นภนต์ได้ยิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามนุษย์ที่เหล่าราชสีห์พรรณาถึงจะหาใช่ใคร หากมิใช่ชลันธรคนรัก แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือการที่คนรักของตนไยต้องตบแต่งกับนางสิงห์นามว่าอุรพีนี้ด้วย…ซึ่งเมื่อพินิจดูแล้วก็เหมือนว่านางสิงห์อุรพีนี้น่าจะเป็นผู้ที่ลักพาตัวชลันธรมา... ว่าแต่แล้วนางเป็นใครกัน ... แต่กระนั้นก็เกินกว่าจะเสียเวลามาคาดเดา ไม่ว่าอุรพีจะเป็นยศฐาใดก็ตาม สิ่งที่นภนต์คิดที่ในทันควัน คือการล้มคว่ำเข้าขัดขวางงานพิธีวิวาห์แสนประหลาดนี้ให้จงได้ หากแต่มิใช้ด้วยสติตรงแต่มุ่งเข้าโรมรันให้หักเหี้ยนกันไปข้างหนึ่งก็คงมิพ้นต้องให้ผู้ที่มิรู้อิโหน่อิแหน่ต้องมาตายด้วยน้ำมือตน  ถึงตนนั้นจะมาเพียงผู้เดียว และการจะรับมือไกรสรราชสีห์ทั้งฝูงนี้มิใช่เรื่องยากก็ตาม หากบุ่มบ่ามรีบทำอะไรไปเกรงจะได้มิคุ้มเสีย แต่ถ้าหากจะให้สะกดรอยตามต่อไปก็เกรงว่าจะถูกจับได้เพราะนี่คงจะเข้าถึงถิ่นอาศัยของไกรสรราชสีห์กลุ่มนี้เสียแล้ว...

ระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีอยู่นั้นมีแมลงปอตัวหนึ่งบินผ่านหน้าพอดี นภนต์ยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา เมื่อรู้แล้วว่าจักเข้าไปในพิธีแต่งงานนี้อย่างไร หัตถาใหญ่ยกมือพนมคู่ขึ้นหยุดตรงกลางอก พร้อมตั้งจิตขยับปากร่ายบทมนต์คาถา ร่างสูงใหญ่พลัดก็ยอบกายลงกลับกลายเป็นแมลงปอตัวจ้อยกระพือปีกบางใสบินผ่านสายลมเอื่อยข้ามฝั่งแม่น้ำไปหยุดลงเกาะที่ปากอ่างดินเผา…

‘ชลันธร...พี่จักไม่ยอมให้เจ้านั้นเป็นของผู้ใด...นอกจากพี่เพียงผู้เดียว...’

ถ้ำหินขาวที่ภายในคูหาถ้ำนั้นเป็นหินอ่อนสีขาวเนื้อละเอียดเป็นที่พำนักของไกรสรราชสีห์ชั้นสูง บริเวณโดยรอบมีเหล่านางสิงห์งามคอยจัดตระเตรียมสถานที่ทั้งตกแต่งปากถ้ำด้วยหมู่มวลผกาหลากสี ส่วนหนุ่มวัยฉกรรจ์ต่างก็ช่วยกันแบกท่อนฟืนมากองไว้เพื่อใช้ก่อไฟในยามค่ำ ภายในคูหาถ้ำที่ทั้งชลันธรและนางอุรพีอยู่นั้น กำลังถูกตกแต่งประดับประดาอย่างรีบเร่งซึ่งจัดเป็นห้องส่วนตัวของหญิงสาว ทั้งนี้ทั้งคู่ยังถูกสั่งห้ามออกไปไหนจนกว่าจะเริ่มพิธี ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน ชลันธรกำลังคิดอยากหาหนทางที่จะหนี แต่ทว่าทุกทางเข้าออกล้วนมีเวรยามคอยเฝ้าผลัดเปลี่ยนอยู่ตลอด หากตนขืนดื้อหนีออกไปตัวคนเดียวแบบนี้อาจจะถูกฉมาพ่อของนางสิงห์สาวสังหารเอาได้

“ท่านชลันธร เหตุใดถึงนั่งเครียดนัก ท่านไม่ดีใจหรือที่จะได้เมียเป็นหญิงรูปงามเช่นข้า” นางอุรพีเข้ามากอดแขนเรียวของชายหนุ่มที่นั่งนิ่งไร้อารมณ์

“ข้าไม่ดีใจเลยสักนิด” ชลันธรตอบเสียงเรียบ

“ท่านโกรธที่ข้าจุมพิตท่านหรือ ข้าแค่หยอกเย้าท่านเล่นเท่านั้นเอง แต่อีกไม่กี่เพลาก็คงจะไม่เรียกว่าหยอกเย้าแล้ว...” อุรพีเอ่ยออกมากลั้วหัวเราะ นึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่เมื่อคืนหลังจากที่นางจุมพิตเบาๆ จรดลงริมฝีปากก็หน้าแดงก่ำซ้ำยังผลักนางออกเสียเต็มแรง

“เรื่องจุมพิตนั่นเราก็โกรธแต่สิ่งที่เราไม่พอใจยิ่งกว่านั้นคือการที่เราต้องอยู่ร่วมชีวิตกับคนที่เรานั้นไม่ได้รัก” ชลันธรเอ่ยออกมาตรงๆ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของอุรพีก็หายไปทันทีพร้อมกับความเศร้าสลดที่เข้ามาเยี่ยมเยือนในความรู้สึก

“เพราะเหตุใดกันเล่า...หรือว่า...ท่านมีคนที่รักอยู่แล้ว” นางอุรพีเอ่ย ชลันธรที่ได้ฟังก็เปลี่ยนสีหน้า จากหน้านิ่งเฉยก็กลายเป็นโศกาแทน… ‘แม้จะตัดใจไม่ให้รัก หากพอใครใคร่ถามถึงใบหน้าของนภนต์กลับลอยเด่นชัดอยู่ทุกขณะจิต’ แลดูเหมือนว่านางอุรพีก็พอจะเดาออกว่าชลันธรเป็นอะไร

“ข้าขออภัยที่ทำให้ท่านต้องแยกกับคนที่ท่านรัก ข้าเองมีเหตุจำเป็นที่จะต้องให้ท่านมาร่วมเตียงเคียงหมอน ข้าขอสัญญาว่าหลังจากสิ้นสุดพิธีนี้ท่านจะอยู่กับข้าไม่กี่ราตรีดอก ข้าก็จะพาท่านกลับไปยังที่ที่ข้าได้พบกับท่าน” อรพีพูดต่อ นางสิงห์สำนึกผิดที่รู้ว่าตนนั้นได้พรากคนรักออกจากกัน อุรพีจึงเข้าใจความรู้สึกของชลันธรในยามนี้เป็นอย่างดี

“แล้วไยจึงจับตัวเรามาเล่าอุรพี อีกอย่างถ้าเจ้าคิดจะปล่อยข้าก็จงพาเราออกไปบัดเดี๋ยวนี้” ชลันธรเกิดความสงสัย อดีตเทวาแม้จะเป็นมนุษย์ก็สามารถอ่านความคิดจากแววตาคมคู่สวยนี้ นางอุรพีหาได้มีความสิเน่หาต่อชลันธรแม้แต่น้อย

“ข้าจะพาท่านออกไปเพลานี้ไม่ได้” นางอุรพีรีบปฏิเสธ นางมีเหตุผลของนางที่ไม่สามารถจะบอกกล่าวกับใครได้

“ถ้าไปไม่ได้ เยี่ยงนั้นเจ้าจงบอกเหตุผลของเจ้ามา” ชลันธรเค้นหาคำตอบ นางอุรพีกลับส่ายหน้าทำให้ชลันธรรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก

“ท่านจะโกรธเกลียดข้าอย่างไรข้าไม่สนหรอก ขอเพียงท่านเข้าพิธีแต่งงานกับข้าแล้วอยู่กับข้าสักสามราตรี ข้า..ข้าขอท่านเพียงเท่านี้” นางอุรพีวิงวอนเสียงสั่นเครือ แววตาที่เคยดุดันยามเป็นไกรสรราชสีห์ได้แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยราวกับผู้ที่ผ่านความทุกข์มาแล้วนับไม่ถ้วน

“ท่านอุรพีแล้วก็…ท่าน... ข้านำชุดเข้าพิธีและเครื่องประดับมาให้” ไม่ทันที่ชลันธรจะถามข้อสงสัยต่อ ข้ารับใช้ของอุรพีก็นำชุดที่จะต้องใส่ในพิธีมาให้ทั้งสอง

“วางไว้ตรงนั้น เดี๋ยวข้าจักจัดการแต่งกายให้ผัวของข้าเอง พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” อุรพีไล่คนของตนออกไป บัดนี้ทั้งอุรพีและชลันธรต่างก็นั่งเงียบตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง

‘ท่านพี่นภนต์…ท่านพี่จะหายเคืองน้องแล้วมาช่วยน้องหรือไม่…’

ในเมื่อถามเหตุผลนางอุรพีไปก็คงจะไม่ได้คำตอบกลับมา ชลันธรจึงนึกถึงเทพนภนต์คนรักหวังไว้ว่าความคิดนี้จะลอยผ่านกระแสลมส่งไปถึงให้เทพเวหามาช่วยตนในถ้ำหินขาวนี้ . . .

“มากันแล้วหรือพวกเจ้า ลำธารก็หาได้ไกลไม่เหตุใดจึงมาช้า” นางสิงห์ลำดวนไตร่ถามราชสีห์ทั้งห้าที่ออกไปนำน้ำจากลำธารมาใช้ประกอบพิธี

“อยู่ๆผาแดงแบกอ่างดินเผาใส่น้ำไม่ไหวน่ะสิ”

“อ่างดินเผาก็ใช่จะใหญ่มากเหตุใดจึงแบกไม่ไหวเล่าผาแดง” นางลำดวนถามต่อ อ่างดินเผาดินเผาไม่ใหญ่มากต่อให้มีน้ำบรรจุอยู่เต็มอ่างดินเผาแต่ด้วยเลือดราชสีห์ที่มีพละกำลังมากจึงเป็นไปได้ยากที่จะแบกอ่างดินเผากลับมาไม่ไหว

“ไม่ใช่เพียงแค่ข้าเท่านั้น ทุกคนก็แทบจะแบกอ่างดินเผาไม่ไหวจนต้องผลัดหมุนเวียนกัน” ผาแดงตอบ อ่างดินเผาบนหลังนั้นหนักอึ้งอย่างน่าประหลาดราวกับมีใครนั้นมาขี่หลังตนด้วย

“ข้าว่าพวกเจ้ามันจ้องจะขี้เกียจมันแต่แวะเที่ยวเล่นเสียมากกว่า ทำเป็นไม่มีแรงเสียแบกไม่ไหว ช่างเถอะ เพลานี้ก็ใกล้ถึงพิธีพวกเจ้ารีบนำน้ำไปใส่ในอ่างศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว” นางสิงห์ลำดวนเอ่ย ทั้งห้าจึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเช่นเดียวกับแมลงปอจำแลงที่บินเข้าไปในถ้ำหินขาวแล้วตามหาชลันธรให้ทั่วทุกช่องคูหา

...อย่างไรเสียต้องช่วยชลันธรก่อนที่พิธีนั้นจะเริ่มขึ้น…นภนต์ให้คำสัญญากับตนเอง

ปีกบางใสกระพือบินวนตามหาเข้าออกคูหาแล้วคูหาเล่าที่เข้าไป นภนต์ก็ยังไม่พบร่างอรชรของคนรักแม้แต่เงา สิ่งที่ได้พบเห็นก็มีเพียงไกรสรราชสีห์รวมถึงฉมาที่กำลังนั่งบำเพ็ญเพียรเงียบๆ ภายในถ้ำ นั่นไม่ใช่สิ่งที่นภนต์ใคร่สนใจ… ‘ชลันธรน้องพี่ เจ้าอยู่หนใดกัน’

“เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านใส่สังวาลย์”

“ไม่ต้องเราใส่ของเราเองได้”

บทสนทนาแว่วดังแว่วออกมา แม้เสียงจะไม่ดังนักนภนต์ก็จำน้ำเสียงแสนคุ้นเคยนี้ได้…เสียงของชลันธร ไม่รอช้านภนต์ก็บินไปตามเสียงก็พบกับคนที่ตนตามหาและสาวงามผมแดงที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันคงจะเป็นนางสิงห์อุรพีที่พวกบริวารด้านนอกพูดถึงกัน นภนต์บินไปเกาะที่โขดหินเพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะทำเช่นไรต่อไป

“ท่านให้ข้าใส่ให้เถิด ข้าอยากจะทำดีกับท่านเพื่อตอบแทน” อุรพีเอ่ยแล้วคว้าสังวาลย์ขึ้นมาเพื่อจะใส่ให้ชลันธร

“ถ้าอยากจะตอบแทนก็จงบอกเรามาว่าจับตัวมาเพราะเหตุใดกันแน่ เรามั่นใจว่าเจ้าเองก็ได้ไม่อยากจะแต่งงานกับเรานักดอก” ชลันธรยังคงคิดจะคาดคั้นคำตอบจากนางราชสีห์

“ข้าบอกท่านไม่ได้...”

“ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าจะบั่นคอเจ้าให้ขาด โทษฐานที่จับคนรักของข้ามา”

เสียงแทรกที่พาเอาผู้ที่ได้ยินทั้งสองนั้นตะลึงงัน เทพเวหาอดทนรอไม่ไหว สุดท้ายก็แปลงกายจากแมงปอจำแลงกลับสู่ร่างเดิม ร่างสูงกำยำแสนสง่าเดินเข้ามาแทรกขั้นกลางระหว่างชลันธรและอุรพี ด้านชลันธรที่ยังยืนตกตะลึงอยู่หลังแผ่นหลังกว้างพอได้เห็นนภนต์ก็ดีใจเสียจนน้ำตาเอ่อคลอเบ้า สุดแสนจะดีใจที่นภนต์ไม่ทอดทิ้งและตามมาช่วยตน

“ท่านเป็นใคร” นางอุรพีซักถาม ตาคมดุประเมินดูก็รู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าหาใช่มนุษย์เฉกเช่นชลันธร แสงรัศมีสีทองที่แผ่รอบกายบ่งบอกว่านภนต์คือเทวาชั้นสูง

“ข้านามว่านภนต์เป็นเทพผู้ควบคุมน่านฟ้า อีกทั้งทัพหลวงแห่งสรวงสวรรค์” นภนต์ตอบ มือหนาก็คว้าจับข้อมือเล็กดึงเข้าหาตน ชลันธรเองมิได้ขัดขืนยังคงยืนหลบหลังแผ่นหลังกว้าง

“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน อีกทั้งยังจะมาฉุดกระชากลากผัวข้าไปไหน” อุรพีถาม นิ้วเรียวยาวทั้งสิบกางออกพร้อมกรงเล็บคมกริบที่ยื่นยาวออกมา ถึงคนตรงหน้าจักมิใช่เทวาทั่วไป อุรพีก็จะขอสู้เพื่อที่จะได้ซึ่งตัวของชลันธร

“ฮึ! นี่เจ้าพูดอะไร...ผัวเจ้าอย่างนั้นหรือ เห็นทีเจ้าคงจะเข้าใจอะไรผิดไปเสียแล้วกระมัง คนที่เจ้าเรียกว่าผัวเต็มปากเต็มคำนั้นคือ...เมียข้า...” นภนต์ไม่พูดเปล่า เห็นทีแค่แจ้งแถลงไขไปแล้วคงไม่พอ เลยโน้มกายประทับกับริมฝีปากสีสด แม้จะชิวหารุกล้ำเข้าไปในโพลงปากอุ่น หากนภนต์มองอีกฝ่ายด้วยหางตาก็พบว่าอุรพีนั้นตกใจมิใช่น้อย ส่วนชลันธรนั้นกายแข็งทื่อราวกับหินไม่คิดว่านภนต์จะกระทำสิ่งที่ตนคิดว่าน่าอายอย่างเปิดเผยต่อหน้าหญิงสาวผู้นี้ ทั้งยังเรียกตนว่าเมียอีก

“จริงหรือ…นี่คนรักของท่านจริงหรือ..ท่านชลันธร” อุรพีพยายามเดินเข้าหามนุษย์รูปงามที่หมายมั่นตั้งใจให้เป็นคู่ แต่กลับถูกนภนต์ใช้กายสูงใหญ่เป็นโล่กำบังไว้

“อืม…ก็อย่างที่เจ้าได้ยินจากท่านพี่นภนต์เอ่ยกับเจ้า” ถ้าปฏิเสธออกไปอาจจะเป็นปัญหาได้ จึงเป็นไผ่ลู่ลมโอนอ่อนตามเทพหนุ่มเสียบ้างเพื่อที่อุรพีตัดใจยุติการแต่งงานครั้งนี้

“เอาเถอะ…ต่อให้ท่านชลันธรเป็นเมียของท่าน ข้าก็ยัง...ปรารถนาที่จะเป็นเมียท่านชลันธรอยู่ดี” ผิดคาดนางไกรสรราชสีห์หาได้ตัดใจไม่ อุรพีบอกทั้งสองอย่างเด็ดเดี่ยว อย่างไรเสียชลันธรจักต้องเข้าพิธีแต่งงานกับตน

“ข้าไม่มีทางให้เจ้ามาเป็นเมียชลันธร!!!” นภนต์กัดฟันกรอด ผู้หญิงตรงหน้ากล้าดีอย่างไรมายุ่งกับคนรักของตน ถึงแม้จะไม่นิยมทำร้ายอิสตรีแต่ครั้งนี้นภนต์ใช้หัตถาใหญ่ผลักไสอุรพีให้ล้มลง ก่อนจะใช้ดัชนีชี้ไปตรงใบหน้างาม

“เพียงแต่ข้าร่ายมนต์แล้วใช้ดัชนีนี้แตะหน้าผากของเจ้า กายเจ้าก็จักเหลือเพียงเถ้าถ่าน ดังนั้นเจ้าจงฟังข้า!!!! ตัดใจจากเมียข้าเสียแล้วข้าจะมิทำร้ายเจ้าให้เกิดแม้เพียงรอยข่วน”  ท่าทางที่น่าเกรงขามทำเอานางสิงห์ที่เคยกางเล็บต้องหวาดกลัว

“จักให้ข้ากราบท่านก็ได้ขอเพียงท่านชลันธรร่วมพิธีแต่งงานกับข้า อยู่กับข้าเพียงสามราตรีโดยไม่แตะตัวข้า ข้าขอเพียงเท่านี้…เท่านี้จริงๆ” อุรพีพนมมือขึ้นแล้ว น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยสิ่งที่ต้องการ สร้างความงุนงงให้กับนภนต์และชลันธร

“เจ้าบอกมาเสียสิว่าเหตุใดข้าต้องให้ชลันธรแต่งงานกับเจ้า”

“นั่นสิ เจ้าเองก็หาได้ชอบใจข้าหรือเจ้าไม่อยากจักแต่งงานกับคนที่บิดาเจ้าจับคู่ให้” ชลันธรสันนิษฐาน เขานึกขึ้นได้ว่าฉมาเคยพูดถึงผู้ที่ชื่ออินคา

“ไม่ใช่…ข้าบอกท่านไม่ได้..ฮึก..ท่านอย่าไปไหนเลยท่านชลันธร…โปรดเมตตาเถิด” อุรพีสะอื้นไห้ออกมาเสียจนชลันธรรู้สึกเห็นใจ ด้วยหยาดน้ำใสที่พรั่งพรูผิดกับนภนต์ที่ยังคงใจแข็ง

“ผู้หญิงอะไรร้องไห้ขอความรักจากบุรุษ ทั้งน่าขัน ทั้งน่าสมเพศยิ่งนัก ในเมื่อข้าให้โอกาสเจ้าพูดเจ้าก็ยังจะดื้อรั้นยุ่งกับชลันธร เห็นทีข้าคงจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ไม่ได้เสียแล้ว” นภนต์หลับตาร่ายคาถา…

“ข้ายอมแล้ว…ฮือ..อ..อย่าทำข้าเลย ในท้องข้ายังมีอีกหนึ่งชีวิต…ฮึก..ฮือ..” นางสิงห์อุรพีผู้ที่มิเคยหาได้กลัวความตาย แต่บัดนี้ในกายของนางก็ได้มีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมา

“หมายความว่า…”

“ใช่แล้วท่านชลันธร เป็นไปอย่างที่ท่านคิด”

“เจ้าจะมาไม้ไหนอีก เจ้ากับชลันธรเพิ่งเจอกันจักท้องได้อย่างไรและข้าเองก็มั่นใจว่าเมียข้าทำใครท้องไม่ได้” นภนต์กอดเอวบางของชลันธรไว้แน่นอย่างหึงหวง

“ข้าท้องจริงๆและข้าก็ไม่ได้ท้องกับท่านชลันธร” อุรพีเอ่ย พอได้ยินเช่นนั้นแล้วนภนต์ก็รู้สึกโล่งใจมิใช่น้อยที่ชลันธรไม่เสียทีนางสิงห์สาว

“แล้วเจ้ามีลูกกับใคร เหตุใดจึงไม่ให้ผู้นั้นร่วมแต่งงานเสียเล่า” ชลันธรถามอย่างสงสัย

“อรรถพลเทพ รุกขเทวดาประจำสายธาราที่หน้าถ้ำหินขาวนี้เป็นผัวข้าและเป็นพ่อของเด็กในท้อง…ฮึก…ฮือ..อ..แต่อรรถพลเทพไม่สามารถแต่งงานกับข้าได้…ฮือ” อุรพีเล่าทั้งน้ำตามือก็ลูบท้องอ่อนเบาๆไปด้วย

“เทพผู้นั้นไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจักให้เทพนภนต์ผู้นี้พาคนรักของเจ้ามาที่นี่ก็ได้” ชลันธรเอ่ยหาทางช่วยอุรพี

“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่…อรรถพลเทพนั้นถึงกาลเวลาต้องไปจุติบนโลกมนุษย์ ซึ่งข้านั้นก็มีครรภ์เสียแล้ว ท้องข้าเองนับวันก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ หากข้าไม่หาคนมาแต่งงานด้วย ท่านพ่อข้าก็จักรู้ว่าข้าท้องไม่มีพ่อ”

“เจ้าก็เลยจับมนุษย์ผู้นี้มาเป็นผัวกำมะลอของเจ้าสินะ อุรพี!!!!” เสียงร้องก้องดังของฉมาเหมือนฟ้าฟาดกลางดวงใจของหญิงสาว ผู้เป็นพ่อที่ละจากการบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อมาดูบุตรสาวของตนกลับได้ยินทุกถ้อยคำ ทุกประโยค ที่อุรพี นภนต์และชลันธรสนทนากัน

“ทะ…ท่านพ่อ” อุรพีเลิกลั่กตกใจ เมื่อไม่คิดว่าพ่อของตัวเองจะได้ยินเรื่องราวทั้งหมด

“ข้าผิดหวังในตัวเจ้านัก!!!!” ฉมาโมโหตบหน้าอุรพีจนมุมปากบางปริแตก พอเห็นโลหิตไหลซึมออกมาก็ตกใจไม่น้อยที่ขาดสติลงไม้ลงมือกับบุตรสาว

“ฮือ…ท่านพ่อ..ข้าขอโทษ..ข้าขอโทษ” อุรพีคลานเข้าไปกอดเข่าพ่อของตน ฉมายืนนิ่งเงียบก่อนที่น้ำตานั้นจะไหลออกมาจากความรู้สึกทั้งรักทั้งโกรธในตัวอุรพี

“อย่าเรียกข้าว่าพ่อในเมื่อข้านั้นสอนเจ้าไม่ดี”

“ท่านพ่อสอนข้าดีมาเสมอ แต่ข้าไม่รักดีเอง…ฮือ..อ…ได้โปรดท่านพ่ออย่าโกรธเคืองข้า”

“ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามากอุรพี เจ้าคือแก้วตาดวงใจของข้า เจ้ากลับทำอะไรไม่คิดปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนท้อง อีกทั้งเจ้ายังลากผู้อื่นมาเกี่ยวข้องมารับผิดชอบเจ้าอีกอีก” ฉมาเอ่ยแล้วหันหน้ามาที่นภนต์และชลันธร

“ท่านเทพเวหาและมนุษย์ผู้เป็นคนรักของท่าน ข้าขออภัยแทนอุรพีด้วย ประเดี๋ยวข้าจะไปส่งท่านที่ทางออกเอง”

“แล้วอุรพีเล่า” ชลันธรเป็นห่วงหญิงสาวที่ยังคงนั่งสะอื้นไห้

“ข้าคงทำอันใดไม่ได้นอกจากต้องออกไปยกเลิกพิธีแต่งงานแล้วยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรเสียนี่ก็ลูกข้าและเด็กในท้องนั้นก็หลานข้า ข้านั้นคงต้องเลี้ยงดูต่อไป” ฉมาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือระคนความเจ็บใจ

“ท่านพ่อ..อ…..” อุรพีลุกขึ้นสวมกอดรู้สึกซาบซึ้งกับความรักของพ่อ ไม่ว่าอย่างไรผู้เป็นพ่อก็ไม่เคยทอดทิ้งตน รวมถึงครั้งนี้อุรพีรู้ตัวว่าทำผิดร้ายแรงขนาดไหน ฉมาเองก็กอดกลับฝ่ามือก็ลูบศีรษะอุรพีอย่างแผ่วเบา สายเลือดนั้นย่อมตัดไม่ขาด ความรักที่พ่อมีต่อลูกก็เช่นกันต่อให้ลูกทำผิด พ่อก็พร้อมที่จะให้อภัยและสั่งสอนชี้นำทางสว่าง

“เราคงจะแต่งงานกับลูกของท่านไม่ได้แต่ข้ายินดีที่จะรับลูกของอุรพีมาเป็นบุตรของเรา” ชลันธรเอ่ยสร้างความตกใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะกับนภนต์

“เจ้าหมายความว่าอย่างไรชลันธร” นภนต์ถาม

“เราจักรับเด็กในครรภ์เป็นบุตรบุญธรรม ท่านฉมา…ท่านไปยกเลิกพิธีโดยอ้างว่าในระหว่างบำเพ็ญเพียรบรรพบุรุษของท่านก็มาปรากฎกายและบอกว่าเรานั้นเป็นมนุษย์จึงมิอาจทำพิธีแต่งงานตามกฏของเผ่าพันธุ์ของท่านได้และตัวเราก็จักพำนักกับนางอุรพีในคูหานี้ หากพักได้เพียงสองราตรีมิใช่สามราตรีตามที่อุรพีขอ ระหว่างนี้นอกจากท่านก็จงอย่าให้ใครเข้ามา เพื่อเป็นไปตามแผนที่อุรพีนั้นเคยวางไว้ ท่านเองและอุรพีก็จักไม่เสียหน้า อีกทั้งบุตรในครรภ์ก็จะมีพ่ออีกด้วย” ชลันธรเอ่ยถึงแผนการของตนเองที่คิดไตร่ตรองขึ้นมาหลังจากเห็นน้ำตาของสองพ่อลูก

“ถ้าเยี่ยงนั้นข้าขอตัวไปแจ้งกับเหล่าไกรสรราชสีห์ตัวอื่นก่อน ขอบใจเจ้ามากชลันธร…เจ้าช่างมีเมตตาเสียจริง”

“ข้าเองขอบใจท่านเช่นแต่…คนรักของท่านจักไม่บั่นคอข้าหรือ” อุรพีเอ่ยพร้อมปรายตามองไปที่นภนต์ที่ใบหน้าในตอนนี้บ่งบอกให้รู้ว่าหงุดหงิดขนาดไหน

“ข้าจักไม่บั่นคอเจ้าเพียงแค่ข้านั้นต้องพำนักอยู่ในที่นี้ด้วย”

“เรื่องนั้นมิเป็นปัญหาดอก ข้าจะให้บ่าวไพร่จัดเตรียมเตียงนอนใหญ่ให้ท่านทั้งสองได้กอดก่ายรวมถึงฉากไม้กางกั้นเพื่อท่านจักได้เป็นส่วนตัว” อุรพีเอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้ม ถือว่าชดใช้ให้กับการที่นางนั้นพรากผัวพรากเมียเขามา

“ทำไมเราต้องนอนร่วมเตียงกับท่านด้วย…ท่านพี่นภนต์” ชลันธรโวยวายขึ้นมา

“เจ้าคงโกรธข้า ที่ข้าว่าเจ้าใช่หรือไม่…ข้าขอโทษชลันธร” ไม่รู้ว่าจริงหรือแสร้งทำไว้ตบตาอุรพีแต่ท่าทาง น้ำเสียง แววตาของนภนต์ที่แสดงออกมาต่อร่างโปร่งนั้นกลับทำให้ใจสั่นไหวสูบฉีดแรงจนเลือดแดงแต่งแต้มแก้มนิ่ม

“ท่านขอโทษเราเรื่องอะไรเล่า...หรือว่าเพียงแค่ขอโทษให้จบๆ ไปเช่นนั้นหรือ...” ชลันธรถามน้ำเสียงจริงจัง นภนต์เองก็รู้ว่าชลันธรกำลังพูดถึงเรื่องอะไร และอยากจะให้เทพหนุ่มนั้นเอ่ยสิ่งใด

“ทุกสิ่งที่ทำให้เจ้าเสียน้ำตา ทุกสิ่งที่พูดจาว่าร้ายเจ้า ข้าขอโทษเจ้าที่อารมณ์ร้อนใส่เจ้า...” นภนต์ตอบกลับได้ด้วยความสำนึกผิด ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมาสัมผัสพวงแก้มขาว นิ้วหัวแม่โป้งค่อยเกลี่ยผิวแก้มงามอย่างแผ่วเบา ทั้งคำพูดแสนอ่อนหวาน ทั้งการกระทำ รวมถึงความรักที่มีต่อนภนต์ไม่เคยจางหายแล้วอย่างนี้ชลันธรจะไม่ใจอ่อนหายโกรธยกโทษได้อย่างไรเล่า… ‘สุดท้ายน้องก็โกรธท่านพี่ไม่ลงเสียที’

“เห็นทีข้าคงต้องรีบให้บ่าวไพร่นำฉากกั้นและเตียงเข้ามาเสียแล้วกระมัง หากพวกท่านยืนเกี้ยวอยู่เช่นนี้ ดวงตาข้าคงไฟลุกด้วยความอิจฉา...ถึงแม้อีกใจก็อยากจะดูชมก็ตาม” อุรพีนึกแกล้งเย้าชลันธรที่ยามใบหน้าแดงก่ำเป็นผลอุลิตเลยลามถึงช่วงใบหู ด้วยแขนแกร่งของเทพหนุ่มนั้นกอดรั้งเอวคอดบางเอาไว้ไม่ให้ห่างกาย

“รออะไรเล่าอุพรี...เจ้าอยากจะจัดแจงเตียงหรือฉากไม้ให้เราก็รีบจัดการเสีย ไม่เยี่ยงนั้นเจ้าจักได้เห็นอะไรที่มากกว่ากอด” นภนต์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียแก้มนิ่มเล่นเอาอุรพีรู้สึกอายแทนชลันธร

“ท่านนภนต์หยุดเล่นแก้มเราได้แล้ว!!!” ชลันธรแกล้งโมโหกลบความอาย

“ถ้าไม่ให้ข้าเล่นแก้มเจ้า ข้าเล่นปากเจ้าก็ได้…จุ๊บ” นภนต์เปลี่ยนเป้าหมายประทับริมฝีปากตนลงไปหนักๆ เสียหนึ่งครา กับริมฝีปากบางสีกลีบกุหลาบโดยไม่รุกล้ำแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว อุรพีที่เห็นเหตุการณ์ก็ยืนขำให้กับชลันธรที่ทำหน้าไม่ถูก

“หยุดขำเราเลยอุรพี!!!  แล้วท่านนภนต์!!! เราโกรธท่านจริงๆ แล้ว!!!!” ชลันธรกระทืบเท้าปึงปังไม่พอใจแต่จะเดินออกไปนอกคูหาก็ไม่ได้ ก็ได้แต่ยืนให้นภนต์และอุรพีส่งสายตาล้อเลียนมาให้เท่านั้น

‘เราคิดผิดหรือคิดถูกที่พำนักอยู่ที่นี่…ให้สองคนนี้ร่วมมือแกล้งเราเล่น’



















......................................................

ข้ามาแล้ว...คิดถึงข้าหรือไม่ คิดถึงผู้ใดกันบ้าง

ข้ามาช้าเพราะข้านั้นมีเรื่องติดขัดเล็กน้อยจนถึงมาก ขออภัยพวกท่านด้วย ได้โปรดวางคบเพลิงในมือของท่านที่จะปาใส่กระท่อมสุดหรูของข้าด้วยเถิด

สิ่งหนึ่งที่ข้านั้นต้องขออภัยท่านที่ตัดชุดเพื่อร่วมงานวิวาห์ของอุรพีและชลันธรที่ต้องรอเก้อ แต่ไม่เป็นไรหากท่านได้นำเงินใส่ซองมาก็โอนมาที่ข้าได้

สุดท้ายนี้ข้าคิดถึงพวกท่านยิ่งนัก ข้าจะไม่เงียบหาย ติดตามความเคลื่อนไหวของข้าได้ในเพจ ginger ale 's fiction ของข้าได้ พูดคุยหรือจะมาป่วนข้าก็ไม่ว่า ข้าจะได้มีเพื่อนเล่น ๕๕๕๕๕



ขอบคุณทุกท่านที่รอคอย รออ่าน ติดตามผลงาน แสดงความคิดเห็นติชมกันได้เพื่อให้ตัวข้าพัฒนาฝีมือต่อไป ....ด้วยรักและฮักยู

สปอยตอนหน้า....คู่ปากเปื่อย

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #179 เมื่อ02-07-2017 08:59:52 »

ไม่มีดราม่าใช่ไหมครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด