สาปรัก…ทัณฑ์เทวา
Writer : Tan-Yung0209
File : 03
“ท่านชลันธร…ท่านชลันธรท่านอยู่ที่ใด”
ข้าราชบริพาร ต่างร้องเรียกหาเทวดาหนุ่มที่หนีออกมาจากนครใต้สมุทร เจ้าของนามที่ถูกตามหาได้ยินว่าเหล่าบริวารของตนอยู่ไม่ไกลนักจากที่ซ่อน ก็แทบจะกลั้นลมหายใจและนิมิตกายให้เล็กมากที่สุดเพื่อซ่อนในโพรงไม้
“ท่านชลันธรคงไม่อยู่ที่นี่ พวกเราแยกย้ายกันตามหาดีกว่า” เมื่อหาเจ้านายไม่พบเหล่านาคและทวยเทพในท้องทะเลที่ขึ้นมา ต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทิศเพื่อตามหาชลันธรในป่าหิมพานต์
“เฮ้อ…คงจะไปกันหมดแล้ว” ชลันธรโล่งอกที่ไม่มีใครตามตัวเจอ นานๆ ครั้งที่เขาจะได้ออกมาจากถ้ำใต้น้ำ อย่างไรชลันธรก็ขอเที่ยวให้สมกับความอยากเสียหน่อย
ในขณะที่ยืนอยู่ในโพรงไม้ ก็มีนกตัวน้อยที่มีขนสีทองบินมาเกาะอยู่ใกล้ๆ ชลันธรจึงเกิดความคิดที่จะออกจากตรงนี้โดยมิให้ใครติดตามเห็น
“เจ้านกน้อย...” ชลันธรในร่างเล็กเท่านิ้วก้อยก็พูดกับนกขนสีทองที่หันขวับทันทีที่ชลันธรเรียก
“เราขอขึ้นขี่บนหลังเจ้า แล้วให้เจ้าพาเราออกจากที่นี่ได้หรือไม่?” ชลันธรเอ่ย นกน้อยขนสีทองจึงย่อตัวลงเป็นคำตอบว่าจะให้ร่างเล็กได้ขึ้นขี่หลัง
ชลันธรยิ้มกว้างแล้วปีนขึ้นขี่หลังเจ้านกตัวนั้น เมื่อพร้อมแล้วจึงกระตุกเส้นขนทองเบาๆ ว่านั่งมั่นแล้ว ปีกทองกางออกกว้างสุดปลายปีกแล้วขยับขึ้นลง ทะยานบินขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว โดยที่ชลันธรไม่รู้ว่ามันจะมุ่งหน้าไปที่ใด
ชลันธรทอดสายตาลงไปเบื้องล่าง ก็ได้พบเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นการต่อสู้ของคนธรรพ์ที่แย่งชิงมักกะลีผลหรือจะเป็นเหล่านางกินรีที่กำลังลงสระอโนดาตเล่นน้ำกันอย่างสำราญใจเมื่อเจ้านกน้อยบินผ่านลงไปใกล้พวกนางก็มิได้สนใจชลันธรเลยแม้แต่น้อย มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เพิ่งเคยเห็นเสียจริงเคยได้ฟังแต่เสียงเล่าลือไม่นึกว่าแดนหิมพานต์จะน่าอัศจรรย์เยี่ยงนี้ อยู่เจ้านกก็บินทะยานขึ้น ชลันธรตกใจหลงร้องออกมาเสียงดัง ด้วยเพราะมันบินหลบโขลงพญาคชสารกำลังเดินไปทางด้านป่าผลไม้ทิพย์บริเวณหัตถีมุข
“โอ๊ะ…เจ้านกน้อยจะบินขึ้นทำไมไม่บอกเรา” ระหว่างที่ชลันธรกำลังเพลิดเพลินกับสิ่งที่ได้เห็น นกสีทองก็บินถลาลงไปที่ปากถ้ำแก้วที่เงียบสงบ
“เจ้าจะส่งเราที่นี่นะหรือ อืม...ก็ได้ที่นี่สวยมาก เราขอบใจเจ้ามากนะ” ชลันธรลงจากหลังเจ้านก ตามด้วยพนมมือร่ายมนต์แปลงนิมิตกายให้เป็นดังเดิม
“ขนาดปากถ้ำยังสวยขนาดนี้ ภายในจะสวยขนาดไหน?” ชลันธรเมียงมองปากถ้ำก็ตั้งคำถามและเดินเข้าไปหาคำตอบโดยไม่คิดจะระแวดระวังตน
‘ฟิ้ว....’
ลูกธนูพุ่งเข้ามาหาเทพที่เดินย่างเข้าไปเพียงหนึ่งก้าว ชลันธรหลบหลีกแต่ไม่พ้นคมธนูที่เฉียดแขนจนมีโลหิตสีครามไหลซึมออกมา
“อ๊ะ…นี่มันอะไรกัน...” ชลันธรกุมแขนข้างที่เจ็บเอาไว้และร่ายคาถาเพื่อจะรักษาแผล
“เหตุใดแผลถึงไม่หาย” ปกติหากใช้คาถานี้แผลตามตัวก็จะหาย...แต่นี่กลับไม่ อีกทั้งเลือดก็ยังไหลออกมาไม่หยุด
“เพราะลูกธนูของข้ากำกับคาถาเอาไว้ คนที่จะรักษาเจ้าได้ก็มีเพียงคนที่ยิงเจ้าเท่านั้น…นั่นก็คือข้า” เทวดาหนุ่มเดินออกมาจากความมืด ปรากฏกายให้เห็นความงามของร่างกายที่กำยำรวมถึงใบหน้าที่ชลันธรเห็นแล้วไม่สามารถจะละสายตาจากเขาได้เลย
“ท่านช่วยโปรดรักษาเราด้วยเถิด” ชลันธรร้องขอ เวลานี้เลือดไหลเป็นทางจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ที่ปกปิดกาย
“เหตุใดข้าจะต้องช่วยหัวขโมยอย่างเจ้าด้วย” นภนต์มองคนตรงหน้าอย่างจับผิด
“เราหาใช่หัวขโมยไม่ ท่านกำลังเข้าใจเราผิด เรามีนามว่าชลันธรผู้ที่จะดูแลสรรพสิ่งในห้วงสมุทรในเร็ววันนี้”
“คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ? เทพมหาสมุทรต้องอยู่ในมหาสมุทร เหตุใดจึงมาเดินเล่นอยู่ในป่าหิมพานต์เยี่ยงนี้” นภนต์เอ่ย ร่างสูงเดินเข้าหาผู้บาดเจ็บที่เดินถอยหนีทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน
“ที่นี่มีกฎหรือว่าห้ามเทพมหาสมุทรเข้ามา” ชลันธรถามกลับ สายตาก็มองจิกคนตรงหน้าด้วยความไม่ชอบใจนัก
“ป่าแห่งนี้ไม่ได้ห้ามเจ้า หากถ้ำแก้วนี้เป็นที่พำนักของข้าและข้าก็ไม่ยินดีที่จะให้ผู้ใดมาเดินเล่นในที่ของข้าก็เท่านั้น” นภนต์คว้าแขนข้างที่เจ็บของชลันธรแล้วกระชากเข้ามาจนคนถูกกระทำหน้านิ่วเพราะเจ็บแผล
“เราไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่พำนักของท่าน เจ้านกสีทองพาเรามาส่งที่นี่” ชลันธรเล่าความจริงให้นภนต์ฟังเผื่อจะได้เชื่อตนขึ้นมาบ้าง
“ทิชากรพาเจ้ามาอย่างนั้นหรือ?” นภนต์ถาม เทพหนุ่มแปลกใจที่พาหนะประจำตัวจะยอมพาใครมาที่ถ้ำแก้วแห่งนี้ ขนาดทหารคนสนิทเจ้านกทิชากรยังบินหนีไม่ยอมเข้าใกล้
“หากทิชากรคือนกสีทองตัวนั้น เราก็ขอตอบว่าใช่” ชลันธรเอ่ย นภนต์จึงผ่อนแรงที่บีบแขนเรียวไว้
“ท่านชลันธร….ท่านชลันธรท่านอยู่ที่ใด”
ไม่ทันที่นภนต์จะพูดอะไรออกไป เสียงเหล่าบริวารของชลันธรที่กำลังตามหานายของตนก็ดังแทรกขึ้นมา
“ท่าน…ได้โปรดให้เราเข้าไปซ่อนตัวที่นี่ได้หรือไม่?” ชลันธรเริ่มใจไม่ดี เขาไม่อยากกลับลงไปที่ใต้มหาสมุทรในตอนนี้
“แล้วเหตุใดข้าต้องช่วยเจ้า” นภนต์เอ่ย แล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน ไม่คิดที่จะสนใจไยดีชลันธรแม้แต่น้อย
“ถือว่าเมตตาเราสักครั้งเถิด หากท่านช่วยเรา ท่านต้องการอะไรเราจักให้” ชลันธรยื่นข้อเสนอ
“เจ้าพูดจริงหรือ?” นภนต์ลูบคางตัวเอง มุมปากก็ยกยิ้มขึ้น ความเจ้าเล่ห์ฉายชัดในดวงตา
“เราพูดจริง” ชลันธรยืนยัน นภนต์จึงจับมือเล็กจูงเข้ามาหลบหลังโขดหินภายในถ้ำ
“เจ้านั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาด จนกว่าข้าจะมา” นภนต์สั่งก่อนที่จะเดินออกไป
“ท่านจะไปไหน?” ชลันธรรีบคว้ามือนภนต์กลัวว่าอีกคนจะหนีไป
“ข้าจะออกไปรับหน้าคนของเจ้า” นภนต์ตอบ ชลันธรยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่นภนต์ยอมช่วย วินาทีนี้นี่เองที่นภนต์เริ่มหลงใหลในตัวชลันธร
“เราขอบน้ำใจท่านมาก” ชลันธรเอ่ยและปล่อยมือนภนต์ให้ออกไปบ่ายเบี่ยงกับผู้ติดตาม
“พวกเจ้ามีเรื่องอันใดถึงได้วนเวียนอยู่ที่บริเวณถ้ำของข้า!!!” นภนต์กล่าวด้วยเสียงอันดังก้อง ทำให้เหล่าเทพจากใต้ท้องทะเลก็วิ่งกรูเข้ามา
“พวกข้าขออภัยที่ล่วงล้ำเข้ามาในเขตของท่าน พวกข้าเพียงต้องการตามหาผู้เป็นนายเท่านั้น”
“นายของเจ้าอย่างนั้นหรือ?” นภนต์แสร้งถาม ในใจก็คิดถึงคำพูดของชลันธรที่เคยบอกว่าตัวเองเป็นเทพมหาสมุทร
“ใช่ นายของข้าคือท่านชลันธร ผู้ที่จะเข้ารับการแต่งตั้งเป็นเทวาผู้ปกครองท้องสมุทรในวันพรุ่ง” บริวารตนหนึ่งกล่าว
“ข้ายังไม่เห็นใครเข้ามาที่เขตถ้ำแก้วนี้นอกจากพวกเจ้า ข้าว่า...พวกเจ้าจงไปตามหาที่อื่นเสียเถิด” นภนต์โกหก เหล่าบริวารผู้ติดตามของชลันธรก็มองหน้ากันไปมาคล้ายจะปรึกษากัน
“ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่า พวกเราก็ขอลาไปตามหาท่านชลันธรต่อและขออภัยที่ได้รุกล้ำเข้ามา โดยมิได้รับอนุญาต” พูดจบเหล่าบริวารของว่าที่เทพท้องสมุทรทั้งหลายก็โค้งคำนับ
“เอาเถิด ข้าไม่ได้ติดใจอะไร” นภนต์เอ่ย เหล่าบริวารของชลันธรต่างก็แยกย้ายกันออกไปตามหาผู้เป็นนายต่อ เมื่อไม่มีใครแล้วนภนต์จึงกลับเข้าไปในถ้ำแก้ว
“ออกมาได้แล้ว…ชลันธร” เมื่อนภนต์เอ่ย ร่างโปร่งจึงเดินออกจากที่กำบังกาย
“คนของเรากลับไปหมดแล้วใช่หรือไม่?” ชลันธรถาม
“ใช่” นภนต์ตอบสั้นๆ
“เราขอบน้ำใจท่านมาก ท่าน….เอ่อ…มิทราบว่าท่านมีนามว่ากะไรหรือ” ชลันธรเอ่ยถาม เขารู้สึกเสียมารยาทที่เพิ่งจะถามชื่ออีกฝ่ายทั้งที่เสวนากันมาพักใหญ่แล้ว ถึงจะไม่ได้พูดคุยกันดีๆ ก็ตาม
“นภนต์ ข้าเป็นเทพแห่งท้องนภา”
“ท่านคือผู้ที่ปกครองน่านฟ้า อีกทั้งเป็นนักรบสวรรค์ผู้เก่งกาจกระนั้นหรือ...” ชลันธรพูดออกมาด้วยใจที่ชื่นชมในความสามารถของนภนต์
“อย่ามัวเสียเวลาชื่นชมข้า เวลานี้ข้าจะมาทวงสัญญาจากผู้ที่จะได้เป็นผู้ครองมหาสมุทรเช่นเจ้า”
“ท่านต้องการสิ่งใดเล่า โปรดบอกเรามาเถิด” ชลันธรคิดไว้แล้วว่าเทพที่ช่วยเหลือตนจะต้องทวงสัญญาทันที
“แน่ใจหรือไม่ชลันธร...ว่าเจ้าจะให้ข้าได้” นภนต์ยิ้มร้าย
“แน่ใจสิ ไม่ว่าจะไข่มุกหลากสีในมหาสมุทรหรือจะเป็นนางเงือกสาวเราก็สามารถมอบให้ท่านได้”
“สิ่งที่เจ้าเอ่ยนั้นข้าไม่ต้องการ สิ่งที่ข้าต้องการก็คือ...ริมฝีปากเจ้า” นภนต์เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้แล้วโอบเอวของชลันธรที่ยืนไม่ระวังตัวเอาไว้แน่น
“ท่านหมายความว่าอย่างไร…อีกอย่างช่วยปล่อยข้าด้วย” ชลันธรขืนตัวแต่ก็สู้แรงของเทพผู้เป็นนักรบไม่ได้ อีกทั้งเวลาที่ขยับตัว ขยับแขน ก็ปวดแผลจากลูกธนูอยู่ร่ำไป
“ข้าหมายความว่า…”
นภนต์ใช้มือที่ว่างเชยคางของชลันธรให้เชิดขึ้นเล็กน้อยพอที่จะรับ ใบหน้าของตนที่เลื่อนเข้าไปประทับริมฝีปากจนแนบสนิท ชลันธรเม้มปากแน่นและพยายามหันหน้าหนี นภนต์จึงใช้มือจับเข้าที่ท้ายทอย ริมฝีปากหนาก็บดเบียดรุนแรง ชลันธรรู้สึกแสบไปทั่วริมฝีปากสีสดจนเผลอเผยอปากขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากอุ่น
“อื้อ…อื้ม.ม..”
ชลันธรพยายามส่งเสียงร้องห้ามแต่มันกลับเป็นเสียงเชิญชวนสำหรับเทพแห่งท้องนภา นภนต์กวาดลิ้นจนทั่วโพรงปากเพื่อลิ้มรสความหวานที่ติดอยู่ตรงปลายลิ้น ตามด้วยตวัดลิ้นของชลันธรให้มีอารมณ์คล้อยตามเขา
ชลันธรผู้ไม่ประสีประสาในเรื่องเหล่านี้ก็ต้องแพ้พ่ายให้กับนภนต์ ขาที่ยืนอยู่ก็อ่อนยวบจนแทบจะนั่งกองกับพื้น ยังดีที่นภนต์โอบร่างโปร่งเอาไว้
“เจ้าได้คำตอบแล้วหรือไม่ว่าสัมผัสริมฝีปากคืออะไร หากไม่...ข้าจะสัมผัสริมฝีปากเจ้าอีกรอบ” ทันทีที่ผละริมฝีปาก นภนต์ก็แกล้งเหย้าแหย่ชลันธรที่ทั้งปากและแก้มแดงไม่ต่างจากสีดอกกุพชกะ (กุหลาบ)
“ท่านช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!!! บังอาจมาล่วงเกินเรา” ชลันธรทั้งโมโห ทั้งอาย เกิดมาหลายร้อยปียังไม่เคยเจอใครมาทำแบบนี้มาก่อน
“ข้าไม่ได้ล่วงเกินเจ้า ข้ารักษาแผลเจ้าต่างหาก” นภนต์เอ่ย ความจริงนภนต์ยอมรับว่าเจ้าเล่ห์อย่างที่อีกคนกล่าวหา แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมรับ
“แผลของเราหายแล้วจริงๆ ด้วย” ชลันธรดีใจจนแทบจะลืมเรื่องที่นภนต์จุมพิตไปก่อนหน้านี้ นภนต์มองชลันธรที่ไม่ต่างจากเด็กน้อย เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าได้ปกครองมหาสมุทรจะวุ่นวายขนาดไหน
“ชลันธร พรุ่งนี้เจ้าจะต้องเข้ารับตำแหน่งใช่หรือไม่?” นภนต์เอ่ย รอยยิ้มของชลันธรก็หายไปทันที
“ใช่…เรารู้ว่าอนาคตเราจะต้องรับผิดชอบภาระอันยิ่งใหญ่ เราจึงเลือกที่จะหนีออกมาท่องเที่ยวตามความฝัน ก่อนจะต้องรับตำแหน่งในโลกแห่งความจริง” ชลันธรเอ่ยน้ำเสียงเศร้าสร้อยจนนภนต์อดเห็นใจไม่ได้ เขาเองก็รับตำแหน่งในช่วงอายุไม่ต่างจากชลันธร จึงเข้าใจดีว่าวัยนี้ต้องการอิสระมากขนาดไหน
“ข้ามีข้อเสนอ...ในทุกคืนวันเพ็ญ ชลันธรเจ้าจงขึ้นสู่จากมหาสมุทรมายังถ้ำแก้วของข้าแล้วข้าจะพาเจ้าท่องเที่ยวยามราตรี” นภนต์เอ่ย
“ท่านนภนต์..ทะ…ท่านอย่าล้อเล่นกับเราเลย”
“ข้าพูดจริง ข้าให้สัญญาด้วยเกียรติของเทพแห่งท้องนภา” นภนต์กล่าวคำมั่นพร้อมยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าของนภนต์
“อืม…เราเองก็สัญญาว่าจะมาหาท่านทุกคืนวันเพ็ญ ท่านภนต์” ชลันธรเกี่ยวก้อยเป็นคำมั่นสัญญา โดยเทวาทั้งสองไม่รู้ว่านี่คือพันธะที่เกี่ยวพันถึงหัวใจ
“เฮือก!”
ชลันธรสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขาตั้งสตินับหนึ่งถึงสิบในใจพร้อมกับเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงนี่เขาฝันไปหรือไปวิ่งแข่งร้อยเมตรมากันแน่ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบห้องสีขาวที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ชลันธรเลิกผ้าห่มออกเพื่อที่จะลงจากเตียงแต่ก็พบว่าร่างกายของตนเปลือยเปล่า มือบางแทบที่จะเลิกผ้ากลับมาปกปิดร่างกายไว้แทบไม่ทัน
“ตื่นแล้วเหรอ..ลัน” นภนต์ที่ยืนพิงกรอบประตูเอ่ยถาม สายตาก็จับจ้องไปที่ร่างกายของชลันธร
......................................
สวัสดีค่ะ มาแล้วนะ
ลงช้านิดนึงเพราะเอาให้รุ่นพี่นักเขียนช่วยดูช่วยแก้คำให้ เพราะตัวท่านยุ่งยังไม่เก่งในเรื่องการใช้คำในเรื่องแนวแฟนตาซีไทย แก้ไปเยอะเลย ต้องขอบคุณพี่สาวสุดสวยมากๆ
ตอนนี้ถ้าทุกคนไม่รู้ว่านภนต์มาร้ายก็คงจะรู้สึกดีกับนภนต์ แต่เราดันรู้ไงว่านางร้าย หมั่นไส้ถูกไหม 55555 เรื่องราวที่หนูลันฝันคือเรื่องจริงในชาติภพเทวดา
ไม่อยากเมาท์มอยหอยสังข์เยอะกลัวคนลำคาญ เอาเป็นว่าขอขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน เม้น เป็นกำลังใจให้ ยุ่งอ่านเม้นทุกคนเลยค่ะ บางเม้นอยากตอบแต่กลัวหลุดสปอย 555555