สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ  (อ่าน 96398 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #90 เมื่อ18-04-2017 15:36:27 »

รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #91 เมื่อ20-04-2017 18:05:55 »



สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung

File : 09











“ท่านกนธี!!!”

เสียงเรียกที่ตื่นตระหนกด้วยเหตุตรงหน้านั้นคือยอดดวงใจที่สภาพเหมือนความเป็นความตายเฉียดเข้าใกล้เท่ากัน นาคินทร์แทบถลากายลงยังอ่างน้ำ โดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่จะเปียกปอน แขนเรียวรีบสอดพยุงเข้าท้ายทอยให้กนธีที่กึ่งหลับอยู่นั้นนอนหนุนแขน ใบหน้าที่หล่อคมเอียงหันเข้าซุกแผ่นอกขาวผ่านเสื้อตัวบางที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ นาคินทร์รับรู้ได้ถึงลมหายใจโรยรินของคนรัก

“ท่านกนธี…ฮึก..ก…ท่านกนธีเกิดอะไรขึ้น…ฮือ..อ..” ทันทีที่เห็นคนรักในสภาพนี้ น้ำใสก็ไหลจากดวงตาอย่างหยุดมิได้ นาคินทร์ปล่อยโฮออกมาด้วยรู้สึกกลัวในสิ่งที่เห็นอย่างถึงที่สุด ทำให้กนธีนั้นมีสติขึ้นมาเล็กน้อย มือหนายกขึ้นเกลี่ยปาดเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มใสให้ มือบางจึงจับกุมมือของกนธี วางแนบพวงแก้มตนเอาไว้

“เจ้าร้องไห้ทำไม…แค่ก..แค่ก นาคินทร์” เสียงพูดและกระแอมที่แหบพร่า ของกนธี

“ก็ข้าเห็นท่านเป็นเยี่ยงนี้..ฮือ..อ…จะไม่ร้องไห้ได้อย่างไร...ด้วยข้าไม่เคยเห็นท่านอ่อนแอหรือเจ็บป่วยหนักขนาดนี้มาก่อน” นาคินทร์พูดปนสะอื้นไห้ ร่างบางแทบจะขาดใจยามเห็นใบหน้าซีดเซียวของเทพมหาสมุทร

“อาการปกติของข้า เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไปเลย...เพียงได้พักสักราตรีก็จะดีขึ้น  อั่ก อั่ก.” กนธียิ้มฝืนก่อนจะกุมหน้าอกที่อยู่ๆ ก็ปวดตุบขึ้นมา

“ไยท่านพูดราวกับเรื่องธรรมดา มันจะปกติได้เยี่ยงไรกัน ในเมื่อท่านมีสภาพเจ็บหนักขนาดนี้..ฮึก…บอกข้าได้หรือไม่ว่าจะต้องทำเช่นไร ท่านจึงจะหายขาดจากอาการนี้ได้ หากข้ารู้ด้วยวิธี ข้าจะช่วยท่านแม้ต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็ยินดี” นาคินทร์บอกกับกนธีด้วยความสัตย์จริง เพื่อกนธีแล้วนาคินทร์นั้นพร้อมที่จะทำทุกอย่าง พร้อมทำให้ทุกสิ่ง ไม่ว่าอะไรก็ตาม

“การควบคุมมหาสมุทรนั้นให้สงบสุข ถึงแม้บางครั้งจะต้องลงโทษเหล่ามนุษย์ด้วยการทำให้เกิดภัยพิบัติ สิ่งเหล่านี้ข้าต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก เลยทำให้ข้าร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ ” กนธีบอกสาเหตุที่ร่างกายของตนทรุดโทรม

“แล้วด้วยเหตุใดเทพพระสมุทรองค์ก่อนถึงไม่ประชวรด้วยอาการเช่นนี้เล่า?”

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องดวงใจพระสมุทรหรือไม่?”

“ดวงใจพระสมุทรหรือ...ใช่...ข้าเคยได้ยิน…ว่ากันว่าดวงใจพระสมุทรเป็นอัญมณีสีครามเข้ม ที่ทรงอนุภาพด้วยพลังควบคุมทุกสิ่งในผืนน้ำและที่สำคัญดวงใจพระสมุทรเป็นสมบัติสืบต่อส่งต่อกัรของเทพมหาสมุทร แล้วเหตุใดจึง... หรือว่าจะ….”

“ใช่ อย่างที่เจ้าคิดอดีตเทพมหาสมุทรทุกองค์มีดวงใจพระสมุทร แต่ข้ากลับไม่มี  แม้ข้าจะดิ้นรนตามหานับตั้งแต่ชลันธรลงไปจุติยังโลกมนุษย์แสนนานนับร้อยๆ ปี…สุดท้ายดวงใจพระสมุทรกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ข้ารู้สึกได้ว่าดวงใจพระสมุทรนั้นน่าจะผนึกอยู่ในกายของชลันธรเป็นแน่” กนธีขบเขี้ยว ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ ทั้งที่ได้รับการแต่งตั้งครองบัลลังก์แห่งชลธิศ แต่กลับไร้ดวงใจพระสมุทรที่ควรจะพึงมี

“นาคินทร์เจ้าจะช่วย ตามหาและนำดวงใจพระสมุทรมาให้ข้าได้หรือไม่?” กนธีถามเสียงแผ่วเบามุมปากก็มีโลหิตสีทองไหลออกมา แม้จะไม่มากแต่มันก็ทำให้นาคินทร์ร้อนใจไม่น้อย

“ได้…ข้าจะช่วยท่าน...ข้าจะนำดวงใจพระสมุทรมาให้ท่าน เพียงท่านบอกข้ามาว่าจักให้ข้าทำการอันใด ข้านั้นก็ยินดีเพื่อจะให้ท่านมีชีวิตอยู่กับข้า” นาคินทร์โอบกอดกายกนธีแน่น ถึงตอนแรกยังลังเลที่จะต้องทำร้ายชลันธรเพื่อนผู้แสนดีกับตนเสมอมา แต่บัดนี้นาคินทร์จำต้องเลือกกนธี ผู้เป็นที่รักมากกว่า

“ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้าจงรักภักดีกับข้ามาโดยตลอด” กนธียิ้มบางที่มุมปากออกมาเพียงแค่นี้ก็ทำให้นาคินทร์สุขใจขึ้นมากโข

“ข้ายินดีที่ได้รับใช้ท่านทุกอย่าง ว่าแต่ข้าจะนำพาชลันธรมาได้อย่างไร ในเมื่อเทพนภาติดตามตลอดเวลาแบบนั้น” นาคินทร์พูดออกมาจากใจ…ใจที่มีรักบริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยม

“ก็ด้วยเล่ห์ของเจ้า พวกงูนั้นมากด้วยเล่ห์กลมิใช่หรือ เทพหน้าโง่อย่างนภนต์มันตามเจ้าไม่ทันแน่ๆ หากดวงใจพระสมุทรแผงอยู่ภายในกายชลันธรจริงๆ ไม่ว่าร่างนั้นจะเป็นหรือตาย ข้าก็สามารถนำดวงใจพระสมุทรออกมาได้ทั้งนั้น...”

“ได้ข้าจะพยายามทำให้จงได้...”  นาคน้อยรับปากยอดดวงใจอย่างหนักแน่น

“แต่ตอนนี้เจ้าจงเช็ดเลือดที่มุมปากให้ข้าแล้วดูดดื่มมันเสียบัดเดี๋ยวนี้สิ” กนธีเอ่ย นาคินทร์ยิ้มหวานก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดแล้วดูดกลืนกินคราบเลือดที่ติดปลายนิ้วเรียวของตัวเอง

“เลือดของข้ารสชาติถูกใจเจ้าหรือไม่” กนธีถามเสียงพร่า

“เลือดของท่านหอมหวาน หากแต่ข้าไม่ปรารถนาที่จะลิ้มรสหรือเห็นท่านมีโลหิตหลั่งไหลออกจากกายอีก” นาคินทร์ตอบกลับไป

“ใครๆ ก็อยากดื่มโลหิตทองจากกายเทพทั้งนั้น ว่าแต่แล้วถ้าข้าอยากจะให้เจ้าช่วยมอบความสุขให้ข้า เจ้าจะทำได้หรือไม่?” มือหนากระชากคอเสื้อให้นาคินทร์โน้มใบหน้าลงมาใกล้เพียงแค่ฝ่ามือคั่น นาคินทร์รู้ทันทีว่ากนธีนั้นต้องการอะไร

“มีหรือที่จะไม่ได้ ความประสงค์อันใดของท่าน ข้านั้นไม่เคยขัด ข้าจะมอบความสุขให้กับท่านตามแต่ท่านต้องการ”

นาคินทร์เพียงโน้มลงบดเบียดริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากหนาที่เผยอปากคอยท่า ลิ้นร้อนทั้งสองต่างตวัดเกี่ยวพันไปมาสลับกับดูดดุนอย่างไม่มีใครยอมใคร กายหนาขยับกายนั่งพิงกับขอบอ่างขณะเดียวกันกายบางขยับเข้าขึ้นนั่งคร่อมตักของเทพมหาสมุทรซึ่งไร้อาภรณ์ปกปิด  ริมฝีปากยังคงมอบรสจูบแสนหวานให้กันและกัน นาคินทร์รับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนของกนธีที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน ถึงแม้จะสบสนในใจแต่ติดกับด้วยพันธนาการรักของกนธีเสียแล้ว คงยากที่จะดิ้นหนีหลุดออกไปได้

‘จุ๊บ..จุ๊บ..’

ด้วยกนธีดูดเม้มริมฝีปากล่างแดงสดนั้นหนักหน่วง จนเกิดเสียงชวนเร้าอารมณ์ ก่อนจะผละออก สายตาคมคายเพ่งพินิจหน้าสวยหมดจดอย่างหื่นกระหาย เช่นเดียวกับนาคินทร์ที่กายใจนั้นพร้อมจะมอบความสุขให้กับอีกฝ่ายตามความต้องการ

กนธีขบกัดลงปลายคางนาคินทร์เบาๆ แล้วพรมจูบลงมาจนถึงลำคอขาว เทพมหาสมุทรบรรจงแต่งแต้มรอยรักสีกลีบดอกกุหลาบทีละรอยจนรอบคอระหง สร้างความเสียวซ่านจนร่างบางครวญเสียงหวานออกมาไม่หยุดหย่อน

“อ๊ะ..อย่า..า..กัดสิ..”

ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พายุทะเลคลั่งมีหรือจบสงบโดยง่าย กนธียังคงขบกัดเบาๆ จนมีรอยฟันปรากฏขึ้นมา ลิ้นร้อนตวัดรอบบาดแผลจนนาคินทร์รู้สึกเจ็บระคนความเสียวกระสัน จนนิ้วงามต้องจิกลงบนบ่าของเทพพระสมุทรเพื่อระบายอารมณ์ใคร่นั้น กนธีมิได้หยุดอยู่ที่ซอกคอขาว พลางพรมจูบลงมาเรื่อยจนถึงแผงอกไล่ จนถึงยอดอกที่ชูชันขึ้นมาผ่านเสื้อตัวบางที่แนบเนื้อ กนธีไม่ลังเลที่จะลงปลายลิ้นตวัดหยอกเย้าสลับไปมาซ้ายขวา มือหนาสอดเข้าในสาบเสื้อลูบผ่านผิวลื่นเนียนตามเอวคอดขึ้นจนถึงยอดอกงาม

“อ๊า.า…อ่ะ…อ่าาา.า…”


ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #92 เมื่อ20-04-2017 18:06:26 »

เสียงครวญของนาคินทร์นั้นดังระงม กนธียังคงคลึงเล่นบนยอดอก แต่เปลี่ยนจากริมฝีปากมาเป็นนิ้วมือแทน  ยอดอกสีหวานแข็งเป็นไตด้วยแรงบดคลึงขยี้ขย้ำ จนร่างบางแอ่นอกรับเข้าหาให้เทพพระสมุทรได้สัมผัสอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับสะโพกมนก็บดเบียดกับแก่นกายยักษ์ใต้น้ำที่ขยายตัวพร้อม นาคินทร์พลางขยับตัวให้แก่นกายถูไถไปตามร่องก้นผ่านกางเกงนักศึกษาสีดำ

“อืม...ม..ม…”

กนธีครางเสียงพร่า ด้วยแก่นกายใหญ่ถูกบดเบียด  ใจร้อนรนด้วยตัณหา มือหนาเร่งเร้าปลดเข็มขัดกางเกงนักศึกษาสีดำนั้นพอหลวม แล้วรูดลงซิปกางเกง  ตรงเข้านวดเค้นส่วนอ่อนไหวของนาคินทร์ที่ตื่นตัวเสมอกัน

“อ่า.า....ท่านกนธี..อื้ม..หยุดก่อน”

มืออัศจรรย์ที่นวดเค้นสามารถนั้นเรียกเสียงครางหวานออกมาได้  เจ้าของกางเกงนักศึกษาสีดำตัวนี้รู้ว่า อาภรณ์นี้พึงเป็นอุปสรรคเสียจริง จึงร้องให้คนที่กำลังเล้าโลมหยุดเค้นก่อนชั่วคราว นาคินทร์จึงยืนขึ้นและถอดกางเกงพร้อมกางเกงชั้นในโยนออกไปให้พ้นทาง กนธีรวบคว้าเอวบางของเข้ามาใกล้จนส่วนอ่อนไหวด้วยแรงเค้นนี้จ่ออยู่ตรงหน้า  เพียงลิ้นชื้นไล่เลียที่ส่วนปลายเบาๆ ก็นำพาความเสียวซ่านให้ใจร่างบางนั้นเตลิดไกลจนแทบไร้แรงกายทรงตัวอย่างพญานาคาถูกจี้จุดไชสะดือเสียด้วยซ้ำ

“งื้อ.อ….อื้ม.ม…อ่า.า….อ่ะ…อ๊ะ”

ด้วยตั้งแต่ร่วมประเวณีมีความสัมพันธ์ทางกายมาไม่รู้กี่ครา นาคินทร์ก็มิเคยได้รับการปฏิบัติจับสัมผัสอย่างนี้มาก่อน ทุกครั้งที่ร่วมเสพสังวาสด้วยเทพพระสมุทร  มักจะไร้ซึ่งความปราณี ทั้งยังรุนแรงและดุดันอยู่เสมอ  แต่ครานี้กลับทะนุถนอมกายบางเยี่ยงสิ่งมีค่า ไหนจะใช้ปากหยักลงครอบแก่นกายเข้าปรนเปรอดูดดุน เรียงเร้าเสียงครางให้ร่างบางจนมือบางสอดเข้าขยุ้มเกศาดำขลับเพื่อระบายตัณหาอารมณ์  ยิ่งร่างสูงตวัดลิ้นพร้อมกับเร่งเร้าขยับริมฝีปากบีบจังหวะขึ้นเรื่อยๆ  ทั้งแรงมือหนาขย้ำบั้นท้ายนิ่ม นาคน้อยก็พร้อมที่จะปลดปล่อยตัวตนให้ออกมาในไม่ช้านี้

“อ่ะ…อ่า.า…ท่านกนธี…ข้าจะปลดปล่อยแล้ว..อึก…”

นาคินทร์บอกเสียงสั่นหมายจะให้กนธีรีบถอนโพรงปากนั้นออกเสียก่อน  แต่คนทำนั้นหามีความรับรู้ไม่กลับเร่งแรงปากร้ายขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังใช้ฟันขบครูดท่อนเนื้อในโพรงปากหมายเพิ่มความเสียวกระสันเมื่อร่างบางใกล้ถึงจุดหมาย

“อ่า….า…..อ๊า.า…”

ในที่สุดนาคินทร์ปล่อยพิษรักเข้าไปในปากอุ่น  พระสมุทธกลืนกินหยาดเชื้อนาคาสีขาวขุ่นอย่างมิได้นึกรังเกียจ ถึงกระนั้นกนธีก็ไม่ลืมกลืนเข้าไปเสียหมด คงกักกั้นบางส่วนด้วยอมไว้

เมื่อละริมฝีปากออกแล้วรั้งกายร่างบางให้นั่งคร่อมตักตน มือหนาข้างหนึ่งดันศีรษะของนาคินทร์ให้มาซุกแผงอกกว้าง มืออีกข้างนั้นรองรับน้ำรักที่กนธีได้คายออกมา

“อึก..อื้อ…อ…”

นาคินทร์ที่แทบหมดแรงครางออกมาเบาๆ ยามนี้กนธีใช้น้ำรักในฝ่ามือประโลมป้ายไปที่ช่องทางสีหวาน นิ้วเรียวก็ลูบไล้ตามรอยจีบพับวนไปมา สัมผัสเบาแสนวาบหวามนี้ดึงเร้าดัชนีเทพที่สอดเข้าไปอย่างช้าๆ จนนาคน้อยกายกระตุกเกร็ง แม้จะผ่านสมรภูมิรักกับกนธีนับไม่ถ้วนครั้ง  เพียงร่างสูงขยับดัชนีเข้าออก แล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปเพื่อขยายช่องทางหมายให้รับแท่งร้อนที่พร้อมรบนั้น

“อ่า.า…ท่านกนธี…ข้า...ข้า...ทรมานเหลือเกิน..อ่ะ..อ่ะ”

นาคินทร์รู้สึกวูบวาบในช่องทางและช่องท้องอย่างทุกครั้งอย่าคนกระหายน้ำ  ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน ใจเพียงใคร่ปรารถนาได้สิ่งอื่นที่ไม่ใช้แค่ดัชนีของกนธี  เทพมหาสมุทรยกยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาก็นึกแกล้ง กนธีขยับนิ้วออกมาจนนาคินทร์รู้สึกโล่งที่ด้านหลัง

“ทรมานหรือ...”

“ใช่...วอนท่านโปรดเมตตาข้า”

“ถ้าเจ้าทรมานนัก ก็จงทำตามแต่ใจให้หายทรมานเสียสิ…นาคินทร์”

ด้วยนาคน้อยนั้นรู้ดีในความกล่าวของพระสมุทร  สะโพกงามยกขึ้นเล็กน้อย  มือบางฉวยเอื้อมคว้าจับแท่งร้อนที่ชูชัน  ที่เจ้าของนั้นจ้องเพ่งพินิจใบหน้าสวยอย่างมิวางตาด้วยใจเต้นรัวระทึกด้วยท่าทางที่คนงามกำลังขับความใคร่ที่พวยพุ่ง เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่นาคินทร์จัดแจงด้วยตัวตน  ยามเมื่อส่วนปลายจ่อตรงเข้าที่ปากทาง จากที่เคยนึกว่าจะค่อยๆ กดกายลงนั่งรับให้แกนกายนั้นให้เข้าเยือนอย่างเคย แต่กลับนึกได้ว่าเมื่อครู่พระสมุทรได้ทำการกลั่นแกล้งตน ยามเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนี้ ก็ต้องลองแกล้งทรมานใจเอาคืนเสียบ้าง  เจ้านาคน้อยช่างมิได้เกรงกลัวในกนธี

เมื่อปลายทวนสัมผัสด้วยรอยพับจีบ นาคินทร์ก็หยุดลดกายลงเสียอย่างนั้น แต่กลับโยกมือให้ปลายแกนกายที่กอปรกำเสียดสีสัมผัสไปมากับปากทางเข้า  ความเสียวสะท้านวิ่งผ่านจากสัมผัสปลายทวนสู่ร่างกายที่กำยำอย่างเป็นที่สุด ยามอยากเข้าก็ไม่ได้เข้านี่ นาคินทร์กำลังทำอะไร ด้วยแปลกใจกับลีลารักของนาคน้อย

“อ๊า..า..นาคินทร์นี่เจ้ากำลังทำอะไร  หมายจะทรมานข้าหรือ..?”

“อ้า ท่านมิชอบหรือ...”

“เปล่า...แต่ยามนี้ ข้าอยากเข้าไปในกายเจ้าแล้ว  นั่งลงมาเถิดคนดีให้ข้านี้ได้เข้าไปอย่างเช่นเคย...”

คำวอนแสนหวานจากพระสมุทรมีหรือที่นาคน้อยจะกล้าขัด ด้วยใจนี้เป็นของเขา กายก็ของเขา  นาคินทร์ก็หยุดโยกทรมานแกนกายเพื่อเร้าสัมผัส แล้วค่อยๆ ลดกายลงรับความหฤหรรษ์นั้นเข้าไป 

“อ้า...เจ็บ..”

ก็เจ็บเช่นนี้เสียทุกครั้งอย่างเสียงร้อง  แต่นาคินทร์ไม่เคยที่จะไม่สุขสมด้วยความเจ็บนี้  เมื่อกลืนกินกายพระสมุทรเพียงครึ่งความยาว  กนธีกลับแกล้งกระแทกสวนแทรกแกนกายตนเข้าไปในคราวเดียวให้เสียสุด  ความเจ็บที่แสนหวานนั้นนาคินทร์หมายรองรับด้วยพอใจ

…ทั้งจุก…ทั้งรู้สึกดี

ร่างบางยังนั่งคร่อมตักนิ่งๆ สักพักพอให้ร่างกายได้ปรับตัว ก่อนจะเริ่มโยกตัวขึ้นลงอย่างช้าๆ แล้วเร่งจึงไต่ระดับความเร็วอย่างเอาแต่ใจ  มือเล็กนั้นกดลงที่ลาดไหล่ทั้งสองของกนธีเพื่อยึดมั่นไว้  มือสากใหญ่ข้างหนึ่งจับมั่นไว้ด้วยเอวเล็ก  ส่วนอีกข้างให้นิ้วเรียวปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของนาคินทร์ออกแล้วจึงโยนไปให้ไกลห่าง เพียงโน้มใบหน้าลงลากลิ้นสัมผัสผ่านกลางอก ดูดเม้มสร้างรอยราคีพรมทั่วไป

“อืม…อ่า.า…อ่ะ..อ๊ะ…อ๊า.า….”

“อืม...ม...เก่งจริงๆ…นาคินทร์  เจ้าเก่ง...”

เสียงครางระงมสัปดนของทั้งสองดังลั่นห้องน้ำพร้อมกับเสียงสายน้ำกระเซ็นออกนอกอ่าง เพราะจังหวะการโยกกายของนาคินทร์นั้นอยู่ในสายตาของกนธีตลอดเวลา ยามนี้คนงามมิได้ต่างอะไรกับนางกินรีที่กำลังเริงเล่นน้ำในสระอโนดาตเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นภาพที่น่ายลยิ่งนัก

เมื่อร่างบางคุมเชิงศึกสังวาสไปสักพัก ถึงกายบางจะเริ่มอ่อนกำลังแต่ใจนั้นมีความต้องการอย่างล้นเหลือ กนธีเองก็เหมือนจะรับรู้ได้เหมือนเช่นกัน จึงประคองร่างนาคินทร์ให้เอนลงนอนหงายหลังช้าๆ ส่วนกายท่อนล่างยังคงเชื่อมติด มือหนาเอื้อมคว้าเข็มขัดนักศึกษาของนาคินทร์ที่อยู่ใกล้ แล้วใช้ผูกมัดข้อมือบางติดไว้กับราวจับข้างอ่างน้ำอย่างรู้ใจ เพียงแทรกกายเข้าหาให้สุดทางอีกครั้งแล้วดันขาเรียวให้ชิดแนบอก  ไร้ซึ่งแรงต้านทานใดๆ ท่วงท่านี้ทำให้นาคินทร์อึดอัดภายในอย่างเป็นที่สุด

“อ๊า.า…อ่ะ…อื้อ..อ….อ่า.า…” “ชอบหรือไม่  พอใจในสิ่งที่ข้าทำหรือไม่...”

ร่างกายที่กระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างหนักหน่วงและรวดเร็วนั้น มันทำให้คนใต้ร่างที่กำลังมีความสุขจุกล้นเสียจนจะพูดจาอะไรออกมาก็มิได้  แต่เพียงแลเห็นสีหน้าที่เป็นสุขทุกการกระทำก็เข้าใจ เร่งประคองแรงส่งและบทรักที่ตนมอบให้จนสุดทาง  ฟันคมขบกัดไปตามบ่าหนาและไหปลาร้าจนเลือดซิบ กายบางสั่นสะท้านด้วยแรงกระแทกนั้นอย่างต่อเนื่อง เขาชอบใจที่จะถูกมัดข้อมือทุกครั้งที่ร่วมรักกับกนธี  ไม่ว่ากายหนานั้นจะกระทำรุนแรงใส่…นาคินทร์อิ่มเอมกับทุกบทรักที่ทรมานเขาเสียทุกครั้ง

“อืม…อ้า…ข้างในเจ้ามันร้อนลื่นเสียจนข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ”

ทุกครั้งที่ส่งแก่นกายใหญ่เข้าไปสำรวจส่วนเร้นลับที่ทั้งร้อนและอ่อนนุ่ม  ก็จะถูกแรงตอดรัดถี่ที่เกิดขึ้นภายใน ยามที่เขาเสือกกายกระแทกเข้าไปตรงจุดสัมผัสกระสัน  มันก็ทำให้นาคินทร์นั้นครวญครางแทบบ้าคลั่ง  สายน้ำภายในอ่างรักก็ไม่สามารถจะดับความร้อนรุ่มภายในใจได้

“อ้า...อ่ะ......อ้า.....เสียว..ว…อื้อ..อ.....”

‘พั่บ..พั่บ..พั่บ’ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นเคล้ากับเสียงสายน้ำที่ล้นกระจายออกเป็นวงกว้าง บ่งบอกความหนักหน่วงที่เกิดขึ้นกับทั้งสอง ทั้งฝ่ายกระทำที่สอดแทรกความเป็นชายในกายเล็กอย่างไม่ออมแรงและฝ่ายถูกกระทำใต้ร่างที่ยกสะโพกรับทุกแรงส่งที่มอบให้อย่างตั้งใจ “อ่า…อ่ะ…อ่ะ…อ๊ะ….มะ…ไม่ไหว…ข้าไม่ไหวแล้ว...”

ร่างบางกระตุกเกร็งด้วยแก่นกายเล็กปลดปล่อยหยาดน้ำรักออกมาปะปนกับสายน้ำในอ่างอย่างไร้การสัมผัสใดๆ  กนธีเองด้วยอารมณ์ที่พุ่งทะยานถึงขีดจำกัดจึงเร่งจังหวะรักจนสุดถึงจุดหมาย  ปลดปล่อยหยาดเชื้อสีขุ่นแห่งพระสมุทรเข้าไปภายใน นาคินทร์รู้สึกอุ่นวูบวาบในช่องทางด้านหลัง 

ทั้งกนธีและนาคินทร์พักหอบหายใจถี่สักพัก ก่อนมือหนาจะแก้มัดให้นาคินทร์แล้วประคองกายบางเข้าสวมกอดโดยที่ไม่คิดจะถอนแกนกายใหญ่ที่แสนจะอึดอัดนั้นออกไปแต่อย่างใด

 “เรียกข้าว่าท่านพี่ เพราะๆ เสียสิคนดี” กนธีเพียงกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูนิ่มแล้วเกยคางบนลาดบ่าของนาคน้อย นาคินทร์ถึงกับชะงักใจไม่นึกฝันว่าจะได้เอื้อนเอ่ยคำนี้กับกนธี ประหลาดใจอย่างมากจากท่าทีทุกครั้งที่แสนเย็นชาทำไมกลับเอ่ยด้วยวาจาหวานล้ำถึงเพียงนี้ นี่เขากำลังฝันไปใช่หรือไม่ แต่จะฝันไปได้เช่นกันเพราะสัมผัสที่เจ็บร้าวด้านล่างนั้นเป็นของจริง ด้วยตื้นตันใจจนหยาดน้ำใสไหลแอบแก้มแดงระเรื่อ นาคน้อยสวมกอดแนบใบหน้าลงซุกอกกนธีแน่น…ทำให้ไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นของเทพมหาสมุทร

“ไยยัง ทำไมยังไม่เรียกท่านพี่อีกเล่าคนดี  ถึงอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นเมียข้า...มีสิทธิ์เรียกได้ตามฐานะนั้น”

“ทะ…ท่านพี่..ท่านพี่กนธี”  พูดไปด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนน่ารัก นาคินทร์พูดออกมาด้วยสำลักความสุขที่มากล้น ดั่งราวกับสิ่งที่เกินคาดฝัน ได้ยอมรับว่าตนนั้นเป็นเมีย หาใช่แค่สิ่งระบายตัณหาเมื่อยามอยากใคร่ ดีใจจนเนื้อเต้นเกร็งไปทั้งกาย พรั่งพรูหยาดน้ำใสที่ไหลอาบชุ่มทั่วกลางอกแน่นแห่งพระสมุทร

“นาคินทร์ ไยน้องร้องไห้เช่นนั้นเล่า นี่น้องไม่ดีใจหรือ...หรือคำว่าท่านพี่ มันไม่ไพเราะ?” กนธีแกล้งถามด้วยเสียงเศร้า

“ข้าดีใจจนร้องไห้ต่างหากเล่า…ข้าดีใจที่ท่านพี่ใจดีกับข้า ข้ายินดี…ข้ามีความสุขที่ได้เรียกท่านว่าท่านพี่” นาคินทร์รีบตอบกลัวว่ากนธีจะไม่สบายใจ มือบางพลางเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกจากแก้มขาว แล้วสวมกอดรอบคอของกนธีเอาไว้แน่น

“ไยไม่แทนตัวว่าน้องเล่า อย่างที่ข้าเรียกเจ้า...”

“ข้าเรียกเช่นนั้น ได้หรือ...?” นาคินทร์ถาม ใจนั้นก็อยากเรียกแต่มิบังอาจเทียบเคียงกับพระชายาคู่บารมีของกนธีได้

“ได้สิ...ก็ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเป็นเมีย”

“ท่านพี่...กอดน้องแน่นๆ หน่อยได้หรือไม่...” พอกนธีตามใจเข้าหน่อย นาคินทร์ก็ออดอ้อนโดยไม่รู้ถึงความนัยที่แท้จริง

“ได้สิคนดี...พี่นี้อนุญาต” กนธีดึงนาคินทร์เข้าสวมกอดเข้าไว้ นาคินทร์เองก็กอดตอบแล้วแนบอิงใบหน้าไว้ตรงแผ่นอกกว้าง

‘ตั้งใจกอดข้าไว้แน่นๆ ล่ะนาคินทร์ เพราะอีกไม่นานดวงใจพระสมุทรจักต้องเป็นของข้า’



.

.

.



ณ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำของคณะวิทยาศาสตร์ นักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ทางทะเลทุกคนก็มายืนรออาจารย์นภนต์ซึ่งได้นัดแนะกับนักศึกษาเมื่อสัปดาห์ก่อนไว้ การได้เข้าชมในครั้งนี้ทำให้นักศึกษารู้สึกดีไม่น้อย เพราะไม่ต้องนั่งเรียนอุดอู้ในห้องบรรยายสี่เหลี่ยมเหมือนกับทุกๆ วัน นอกจากนี้ก็ยังได้ความรู้และเพลิดเพลินไปกับสัตว์น้ำนานาชนิดทั้งที่อาศัยในน้ำจืดและน้ำเค็มอีกด้วย

“เฮ…โหมสูว่าฉันสวยยัง (เฮ้…พวกเธอว่าฉันสวยยัง)” ชมพู่สาวสวยประจำสาขาที่พลาดทุกตำแหน่งในการประกวดดาวมหาวิทยาลัยปีนี้เพิ่งจะทาลิปสติกสีอ่อนๆ แบบฉบับสาวเกาหลีซึ่งขัดกับลุคคมเข้มตามฉบับสาวใต้อย่างเธอมาก ถามเอาความกับกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอ

“ชมพู่พูดอะไรเราไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เพื่อนในกลุ่มถามเพราะไม่เข้าใจภาษาถิ่นที่ชมพู่พูดออกมาด้วยความเคยชิน ภาษาถิ่นภาคใต้ฟังยากแถมคนพูดยังพูดเร็วอีก

“ฉันถามพวกเธอว่าสวยยัง” ชมพู่แปลให้ เพื่อนทุกคนต่างก็พยักหน้ารัวๆ

“สวยตรงไหนวะ…โบร๋อีตาย อยู่เหมือนโหลกมุดถูกวัวครด (สวยตรงไหนวะ…ขี้เหร่จะตาย เหมือนลูกละมุดถูกวัวแทะ)” กัสหนุ่มใต้จอมกวนที่เดินเข้ามาได้ยินชมพู่พูดพอดี ก็ไม่อดที่จะจิกกัดเบาๆ ด้วยภาษาถิ่นใต้เช่นกัน 

“คนตาไม่ถึงไม่เข้าใจหรอก ว่าฉันนี่สวยที่สุดและจะหยุดที่พี” ชมพู่เอ่ยแล้วส่งสายตาไปยังรพีพงศ์ที่ยืนยิ้มแห้งๆ อยู่อีกด้านหนึ่งใกล้กับชลันธรและนาคินทร์

“อาดดิกดิก (แรดมากๆ แรดอย่างระริกระรี้ อาดเป็นขั้นกว่าของคำว่าอ้อล้อ)”กัสบ่นออกมาก่อนส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ชมพู่ที่ได้ยินก็ถลึงตาใส่เหมือนกับผีที่พร้อมจะหลอกคน แต่กัสก็ไม่นึกกลัว

“โถ่ๆ น้องชมพู่พูดยังกะไอ้พีจะหยุดอยู่ด้วยอย่างนั้นแหละ...” กัสพูดแซวต่อแบบเบรคคนสวยหัวทิ่มบ่อ  แต่คราวนี้ชมพู่ก็ไม่ได้สนใจอะไรคำพูดของกัสอีก เพราะถ้ามาต่อล้อต่อเถียงกับกัสจะแลดูไม่ดีเป็นสาวปากจัดในสายตาของรพีพงศ์

“นี่ชมพู่แล้วเธอเอาอาจารย์นภนต์ไปไว้ที่ไหน? ล่ะ” น้ำปั่นเพื่อนสาวในกลุ่มถาม หล่อนรู้ดีว่าชมพู่นั้นหลงใหลได้ปลื้มอาจารย์นภนต์มากขนาดไหน

“นี่น้ำปั่น เธอไม่รู้หรือไง พีน่ะหล่อจะตาย หล่อทำลายล้างกว่าเดือนคณะวิทยาหน้าหวานๆ ที่ได้รองเดือนมหาลัยของเราซะอีก นี่เสียดายนะถ้าพีมาเร็วกว่านี้เดือนคณะวิศวะไม่ได้เกิดแน่ๆ...”  ชมพู่พยายามร่ายยาวความหล่อเหลาของรพีพงศ์ ขวัญใจคนใหม่ของสาวแท้สาวเทียมในสาขา ให้เพื่อนๆ ฟัง  เล่นเอาเจ้าตัวที่ได้ยินก็เขินไปไม่ใช่น้อย

“เอาจริงๆ นะนี่ น้ำปั่น แกไม่รู้เหรอว่าชมพู่เบนเข็มแล้ว ก็อาจารย์นภนต์คบกับลันนะสิ” อีติ๋ม หรือที่แม่ของนางเรียกนางว่าน้องไอติม เพื่อนชายแต่นิสัยออกสาวประจำกลุ่มอีกคนของชมพู่ตอบ

ด้วยข่าวการคบกันระหว่างนภนต์และชลันธรแพร่สะพัดไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยนั้นรวดเร็วอย่างกับติดจรวด ก็เนื่องมาจากเหตุการณ์ในห้องสมุดที่นภนต์หึงหวงชลันธรกับรพีพงศ์จนเกิดเรื่องราวใหญ่โต ชลันธรที่เดินเข้ามหาวิทยาลัยก็โดนจับจ้องและถูกผู้คนซุบซิบนินทา ชลันธรเองก็พยายามไม่สนใจอะไรเพราะตอนนี้ความสัมพันธ์ของตนและนภนต์ก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ตั้งแต่ทะเลาะกันในวันนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมติดต่อกันเลย โดยชลันธรก็ถือว่าตัวเองไม่ผิดจึงไม่คิดจะพูดคุยก่อน

“ลันอย่าไปสนใจเรื่องที่คนอื่นพูดเลยนะ” นาคินทร์บีบมือของชลันธรเบาๆ เป็นกำลังใจให้เพื่อน ขณะเดียวกันก็ต้องคอยหลบสายตาที่คอยจ้องมองของรพีพงศ์ไปด้วย

“ผมเองก็ขอโทษนะที่ทำให้เกิดเรื่อง ว่าแต่ลันคุยกับอาจารย์นภนต์หรือยัง?” รพีพงศ์ถามตีหน้าเศร้า ทั้งที่แอบสะใจอยู่ไม่น้อยถ้าสองคนนี้แตกหักกันได้ รพีพงศ์ก็หมายจะแทรกกลางระหว่างนภนต์และชลันธรอยู่แล้ว

“ยังเลย แต่พีไม่ต้องคิดมากหรอกนะ” ชลันฝืนยิ้มออกมาหวังจะให้รพีพงศ์สบายใจ

“เฮ้ย! อาจารย์มาแล้ว” นักศึกษาคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาทำให้นักศึกษาคนอื่นๆ ที่ยืนจับกลุ่มพูดคุยก็อยู่ในความสงบ

นภนต์เดินฝ่ากลุ่มนักศึกษาเข้าไปที่หน้าประตูทางเข้า ขณะที่ผ่านชลันธร เทพแห่งท้องนภาก็เหลือบมองคนขี้งอนที่หันมองไปทางอื่นและรพีพงศ์ที่ส่งรอยยิ้มแห่งชัยชนะมาให้ตน มันช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!!! ตลอดเวลาตั้งแต่ทะเลาะกันนภนต์ก็ไม่ได้ติดต่อหาชลันธรถึงอย่างนั้นก็คอยแอบตาม แอบมอง อยู่ห่างๆตามหน้าที่และความรู้สึกลึกๆในใจที่นภนต์พยายามหาเหตุผลมาหักล้างว่าไม่ได้รู้สึกดีกับชลันธร

“สวัสดีครับทุกคน ขอโทษที่ผมมาช้านะครับพอดีว่ามีธุระนิดหน่อย” นภนต์กล่าวทักทายและเหตุผลที่มาสาย เพราะเมื่อเช้าเขาถูกเรียกไปคุยเรื่องข่าวการคบหาระหว่างตนและชลันธรซึ่งการพูดคุยก็จบไปด้วยดี

“วันนี้นักศึกษาทุกคนก็รู้แล้วนะครับว่าจะต้องศึกษาเรื่องอะไร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมจะให้พวกคุณเข้าไปด้านในนะครับ อย่าลืมว่าเมื่อศึกษาเสร็จก็สรุปเป็นรายงานส่งให้กับผมตามที่ตกลงกันไว้ด้วย อ่อแล้วงดใช้เสียงด้วยนะครับ  เกรงใจนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมด้วยอาจารย์หัวหน้าสาชาท่านกำชับมา...” นภนต์เอ่ย ก่อนจะเดินนำนักศึกษาทุกคนเข้าไป

นักศึกษาทยอยเดินเข้าไปซึ่งภายในนั่นมืดแต่ก็พอมีแสงไฟสลัวๆ ให้ได้มองเห็น แล้วก็ค่อยๆ สว่างขึ้นเพราะแสงไฟจากตู้ปลานั้นสว่าง ด้วยอากาศที่เย็นสบายและความเงียบสงัดทำให้ทุกคนมีสมาธิที่จะเดินดูและบันทึกสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ กลับไปเป็นหัวข้อในการทำรายงาน ปลาสายพันธุ์ต่างๆ หรือจะเป็นพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ปู หมึก หอย ปะการัง ที่หาชมได้ยากถูกจัดแสดงไว้อย่างน่าสนใจ สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจกันมากรวมไปถึงชลันธรด้วย

เมื่อมาถึงส่วนแสดงสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล อดีตเทพมหาสมุทรจดจ่อกับการมองเหล่าปลาทะเลตัวเล็กๆ สีสันสดสวยต่างๆ อย่างคุ้นเคย ชลันธรชอบทะเลและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลทำให้ตนตัดสินใจเลือกเรียนสาขานี้ เช่นเดียวกับนาคินทร์พอได้ซึมซับบรรยากาศใต้ท้องทะเลแบบนี้ก็รู้สึกสดชื่นเหมือนได้รับพลังเข้ามาจนรู้สึกมั่นใจในการที่จะทำในเวลาเร็วๆนี้  ผิดกับรพีพงศ์ที่ยืนหน้าไม่สบอารมณ์เพราะรู้สึกอึดอัดไม่ชอบอากาศหนาวเย็นและมืด เพราะสายเลือดแห่งทินกรนั้นชินกับการอยู่กับอากาศร้อนๆ เสียมากกว่า ซ้ำยังถูกนภนต์เพ่งเล็งจนรู้สึกอึกอัดน่ารำคาญ

“ลันเรารู้สึกว่าอาจารย์นภนต์จะมองลันอยู่นะ ไปคุยกับอาจารย์หน่อยไหม?” ไม่ใช่แค่รพีพงศ์ นาคินทร์เองก็รู้สึกได้ว่านภนต์นั้นกำลังมองชลันธรอยู่

“ถ้าเขาอยากคุยก็ต้องมาคุยเองสิ” ชลันธรหันไปมองนภนต์ก่อนจะหันกลับมาดูปลาต่อ ความจริงแล้วชลันธรคิดถึงนภนต์ใจจะขาดอยากพูดคุยกับคนรัก แต่ครั้งนี้เขาไม่ผิดจึงอยากจะให้นภนต์เป็นฝ่ายงอนง้อ เอ่ยขอโทษตนเองก่อน

“เฮ้อ~…แล้วเมื่อไหร่จะคืนดีกันนะ” นาคินทร์พูดลอยๆขึ้นมา รพีพงศ์จ้องเขม็งมายังนาคน้อยด้วยความไม่พอใจ นาคินทร์เองก็พยายามไม่รับรู้มองไปทางอื่น กลับรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำที่สามารถทำให้รพีพงศ์อารมณ์เสียได้ นี่ถือซะว่าเป็นการเอาคืนที่นาคผู้ไร้อำนาจจะทำได้นั่นคือพูดให้ชลันธรคืนดีกับนภนต์

เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงนักศึกษาทุกคนต่างก็เข้าศึกษาสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลกันครบทุกห้อง รวมถึงห้องจัดแสดงสัตว์ทะเลมีพิษที่เปิดใหม่ด้วย จึงพากันแยกย้ายกลับออกไปจนหมดเช่นเดียวกับกลุ่มของชลันธร ที่เป็นกลุ่มสุดท้ายก็กำลังเดินออกไป

“เออ ลันเรากลับก่อนนะ” นาคินทร์บอกลาแล้วรีบวิ่งออกไป โดยไม่ให้ชลันธรหรือรพีพงศ์ได้ตั้งตัว

“อะไรของคินทร์ อยู่ๆ ก็วิ่งออกไปสงสัยจะแอบมีแฟนไว้ที่หอแน่เลย” ชลันธรพูดติดตลกโดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นกับตน

ใช่มันคือเหตุการณ์เลวร้าย… นาคินทร์จะเป็นผู้หมุนกงล้อแห่งโชคชะตาในครั้งนี้… การกระทำที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา...

นาคินทร์ที่น้ำตาคลอเบ้าก็หลบไปยืนอยู่หลังตึก วันนี้นาคน้อยเหนื่อยกับการต้องเสแสร้งแกล้งเป็นคนอารมณ์ดีทั้งที่ใจนั้นหมองหม่น แต่เพื่อกนธีที่รักยิ่งเหนือสิ่งใดแล้ว จึงจำเป็นต้องทำถึงแม้ว่าจะรักเพื่อนอย่างชลันธรมากมายขนาดไหนก็ตาม เมื่อจิตที่เป็นสมาธิตั้งมั่นและเปลือกตาปิดลง ริมฝีปากบางขยับร่ายมนต์เพียงอึดใจ สะกดจิตเพื่อนชายในสาขาคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านมาให้กลับไปหาชลันธร

“ลันๆ อาจารย์นภนต์ให้ลันไปพบที่ห้องสัตว์ทะเลมีพิษ” ปิงปองถ่ายทอดคำพูดมาจากผู้ที่สะกดจิตตนออกมา ชลันธรเองตกใจเล็กน้อย แต่ก็ดีใจที่นภนต์นั้นยอมพูดคุยกับตนก่อน

“ขอบใจมากนะปิงปอง” ชลันธรวิ่งกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง ซึ่งรพีพงศ์เองก็เดินตามไปด้วย

“เดี๋ยวไอ้พี !! มึงห้ามเข้าไปเป็นอันขาด อาจารย์นภนต์ต้องการให้ลันเข้าไปคนเดียว” ปิงปองที่ถูกสะกดจิตจับบ่าของรพีพงศ์ แล้วพูดห้ามปราม

“นายรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์ให้ลันเข้าไปคนเดียว ในเมื่ออาจารย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลันอยู่กับใคร” รพีพงศ์ดึงมือที่จับบ่าตนออกแล้วเดินเข้าไป พลันประตูพิพิธภัณฑ์ก็ปิดลงต่อหน้าต่อตา พอรพีพงศ์ออกแรงเปิดก็เปิดไม่ออก…ประตูถูกกำกับด้วยเวทมนต์

“โอ๊ย!!!...” ปิงปองร้องออกมาก่อนร่างกายจะสลบล้มพับลงไป รพีพงศ์จึงหันหลังกลับแล้วเดินเข้ามาดูปิงปอง ด้วยรอบกายเขามีไอสีเขียวเข้มกระจายทั่ว นี่มันกลิ่นอายพวกพญานาคชัดๆ หรือว่า...นาคินทร์ !!!

“พาเขาไปโรงพยาบาล!!” รพีพงศ์สั่งกับเพื่อนในสาขาที่เข้ามามุงดู  ส่วนตนนั้นก็ออกตามหานาคินทร์ที่น่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากจุดนี้

‘นาคินทร์...หากชลันธรเป็นอะไรไปเพราะเจ้า…ข้าขอสาบาน ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดจนเจียนตาย และข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง’

ทางด้านชลันธรที่เดินกลับเข้ามาในห้องจัดแสดงสัตว์ทะเลพิษ พอหันไปด้านหลังก็ไม่เห็นรพีพงศ์ตามมา ก็คิดว่าเพื่อนของตนคงอยากจะให้เขาปรับความเข้าใจกับอาจารย์หนุ่มคู่รัก ไม่นานชลันธรก็เดินเข้าไปในห้องที่ใช้เป็นที่นัดหมาย

“พี่นภนต์…ลันมาแล้วครับ” ชลันธรเอ่ยขึ้นมาพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องสัตว์ทะเลมีพิษเลย

“พี่นภนต์หลบอยู่ที่ไหนครับ ออกมาเลยนะ หยุดแกล้งลันได้แล้ว!!!” ชลันธรเดินสำรวจไปรอบๆ เผื่อว่านภนต์อยากจะแกล้งหรือเซอร์ไพรส์แบบที่ตนเห็นในซีรีย์แต่กลับไม่พบเจอสิ่งใดนอกจาก…

‘เพล้ง!!!!’

อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังจากการแตกของกระจกแผ่นหนาของตู้จัดแสดงงูทะเล ด้วยเสียงที่ดังทำเอาชลันธรตกใจเป็นอย่างมาก เศษกระจกใสและน้ำทะเลเปียกนองกระจายเต็มพื้นห้อง  งูทะเลลายตัวยาวสีน้ำเงินสลับดำตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากตู้ มันกำลังมุ่งเข้าหาชลันธรที่ยืนตัวแข็งอยู่ไม่ไกล

“งู…งูทะเล!!!” ชลันธรตื่นตระหนกแล้วพยายามรวบรวมสติวิ่งไปยังที่ประตู

‘ปัง!!!...ตึง!!!’

ประตูห้องปิดลงเสียงดังสนั่น ชลันธรทั้งผลักทั้งดึงทั้งทุบประตูก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับ พอมองไปด้านหลังอสรพิษลายดำแห่งทะเลตัวนั้นก็เลื้อยเข้ามาใกล้ตัวเขาเรื่อยๆ

“ฮึก..ก…พี่นภนต์…ฮือ..อ…พี่นภนต์ช่วยลันด้วย…พี่นภนต์ได้ยินลันไหม!!!!...ฮือ..อ…” ชลันธรร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว ปากก็ร้องเรียกคนรักที่มักจะช่วยเหลือตนทุกครั้งที่เกิดเหตุร้าย และครั้งนี้ชลันธรก็หวังว่านภนต์จะออกมาช่วยตนเช่นกัน

“พี่นภนต์…ฮือ..อ…โอ๊ย!!!!!”

คมเขี้ยวของอสรพิษร้ายลายดำแห่งท้องทะเล กัดผ่านถุงเท้าฝังขมเขี้ยวลงที่ข้อเท้าของชลันธร ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ร่างโปร่งล้มลงไปนอนกองกับพื้นในทันที พิษร้ายแล่นเข้าสู่ร่างกายของชลันธรอย่างรวดเร็วที่สำคัญพิษนี้ไม่ใช่พิษงูทะเลธรรมดาแต่เป็นพิษที่พญานาคคายออกมาตอนสมสู่กัน เป็นพิษที่กนธีมอบให้นาคินทร์มาป้ายไว้ที่เขี้ยวของงูทะเลลายดำตัวนี้ตอนที่แอบเข้ามาเมื่อก่อนหน้า

“อัก…แค่ก..แค่ก..ก..”

ด้วยฤทธิ์แรงพิษทำให้ชลันธรนอนดิ้นทุรนทุรายไปมา มือก็กุมไปที่หน้าอกของตน ร่างบางร้อนรุ่มราวถูกไฟเผา ชลันธรหายใจไม่ออกและติดขัดก่อนจะกระอักเลือดออกมา เลือดที่ปนเปื้อนไปด้วยพิษสีเขียวปนม่วงสุดน่ากลัว ดวงตาสวยที่ยามนี้มีน้ำตาไหลออกมากำลังจะปิดสนิท แม้ยามนี้จะไม่สามารถขยับริมฝีปากพูดได้แล้ว แต่ด้วยสติและภายในใจยังกึกก้องไปด้วยเสียงแห่งคำวอน

‘ท่านพี่นภนต์…ถ้าท่านพี่ได้ยินแล้ว โปรดช่วยข้าด้วยเถิด...โปรดช่วยข้าที...’



























.........................................

มาแล้วนะคะมาแล้ว

ตอนนี้เสียเลือดเสียเนื้อก็ไม่เบา

จัดไปเต็มๆอ่านแล้วเม้นกันหน่อยนะคะตอนนี้ ทุ่มเทขี้เลื่อยในสมองมาก NC แต่งไม่เก่งขออภัย ต้องคุมตัวเองไม่ให้SM

ส่วนหนูลันเรามาเอาใจช่วยกันว่าจะเป็นยังไง มาลุ้นกันเลยค่ะ พี่นภนต์อยู่ไหน!!!!!!



ป.ล. ท่านยุ่งมีสอบตั้งแต่เสาร์นี้จนถึงจันทร์จะไม่ได้อัพเดทนิยายนะคะ

ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านมาคอมเม้นเป็นกำลังใจช่วยกดไลค์กดแชร์...รักนะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #93 เมื่อ20-04-2017 18:29:27 »

ว่าละเชียวว่ากนธีต้องหลอกใช้ความรักของนาคินทร์
จะมีใครมาช่วยชลันธรทันไหมหนอ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #94 เมื่อ20-04-2017 20:09:01 »

นภนต์จะมาช่วยทันมั้ยอ่ะ :katai1:

นาคินทร์นี่น้าาา รีบๆตาสว่างทีเถอะ

ยิ่งถ้าลันรู้นี่ แบบคงเศร้าอ่ะ :mew2:

รอติดตามมม :mew1:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #95 เมื่อ20-04-2017 20:40:03 »

Yกำลังเข้มข้นเลย
นาคินหนิงนาถ้ารู้ว่าโดนหลอกใช้จะทำหน้ายังไงหน๋อ :ling2:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #96 เมื่อ20-04-2017 23:00:01 »

ความรักมันเป็นเรื่องทีน่าเศร้า

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #97 เมื่อ20-04-2017 23:00:55 »

ค้าง อยากอ่านต่อ สนุกมาก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #98 เมื่อ21-04-2017 00:12:38 »

ช่วยลันด้วย!!

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #99 เมื่อ21-04-2017 00:50:47 »

ลันจ๋าอย่าเป็นไรน้าา
นาคินทร์นี่คือความรักทำให้คนยอมทำทุกอย่างจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
« ตอบ #99 เมื่อ: 21-04-2017 00:50:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #100 เมื่อ21-04-2017 01:29:42 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #101 เมื่อ23-04-2017 01:09:35 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ KnightDevil

  • Love is neither smile or cry.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.09 P.4 (20/04/2560)
«ตอบ #102 เมื่อ27-04-2017 22:03:02 »

ฮือ สงสารอ่าทั้งลันทั้งนาคินทร์เลย โดนหลอกใช้แบบนี้ ;(

หวังว่าปัญหาจะคลี่คลายเร็วๆน้า เอาใจช่วยคุณนักเขียนให้มาต่อไวๆนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #103 เมื่อ29-04-2017 10:13:40 »

สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : 10

















‘นาคินทร์อย่าให้ข้าได้เจอเจ้า... ข้าใคร่อยากจะฉีกกายเจ้านัก…’

รพีพงศ์วิ่งวุ่นตามหานาคินทร์ไปทั่วบริเวณ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะอยู่ไม่ไกลนัก บุตรแห่งพระอาทิตย์ใช้เนตรเพลิงในการตามหา ด้วยไฟแค้นที่สุมอยู่กลางอกตลอดเวลานั้น หากได้เจอนาคาจอมเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดที่หมายมั่น คงไม่แคล้วที่จะเข่นฆ่าฉีกร่างแล้วแผดเผาด้วยเพลิงไฟไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก

ด้วยสัญชาตญาณเดรัจฉานชั้นสูง นาคินทร์ก็รับรู้ว่าอันตรายนั้นกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ จึงแปลงกายเป็นงูดินสีนิลเลื้อยไปยังที่ลับตาไกลคน ซึ่งอาคารเรียนร้างที่ใกล้จะทุบทิ้งนั้นก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมแก่การกบดาน นาคินทร์ในร่างงูดินได้เลื้อยไปยังห้องเรียนที่เต็มไปด้วยละอองฝุ่นและหยากไย่ อสรพิษน้อยขดตัวอยู่ใต้โต๊ะตัวหนึ่งแล้วตั้งจิตให้นิ่งเพื่อให้พลังงานในกายนั้นดับสูญ วิธีนี้จะช่วยให้นาคินทร์รอดพ้นจากเนตรทิพย์ทั้งปวงได้

รพีพงศ์เองออกตามหานาคินทร์อย่างไม่ลดละ พยายามสอดส่องมองหาอย่างไรก็ไม่พบเจอ ทั้งที่ใช้เนตรเพลิงแล้วก็ตาม บุตรพระอาทิตย์เริ่มจะถอดใจก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าตึกอาคารเรียนร้างอาคารหนึ่งหลังมหาวิทยาลัย

“…หรือว่าจะอยู่ที่นี่...” ทุกข้อสงสัยในใจนั้นรพีพงศ์ไม่เคยปล่อยผ่าน เทวาหนุ่มย่างกรายเข้าไปในอาคารเรียนร้างง่ายๆ ประตูที่ล็อกไว้เพียงสัมผัสด้วยฝ่ามือที่กรุ่นไฟ เหล็กลูกบิดก็ถูกหลอมละลายดั่งไขผึ้งและเปิดออกอย่างง่ายดาย ด้วยความเงียบเชียบและความเปลี่ยว อาคารเรียนแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยขยะและเหล่าหนูสกปรกจำนวนมาก บางจุดก็พบร่องรอยคนที่เข้ามาแสวงหาประสบการณ์ความเต้นตื่นในสถานที่แปลกใหม่ ด้วยถุงยางอนามัยที่ถูกถอดทิ้งเกลื่อนพื้น

บรรยากาศที่แสนจะวังเวงและเต็มไปด้วยเหล่าวิญญาณชั้นต่ำ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีพลังงานความร้อนที่มากล้นเข้ามา แทบที่จะไม่ต้องไตร่ถามว่าเป็นใคร ต่างก็หนีตายอีกครั้งอย่างจ้าละหวั่น เพียงบาทาข้างขวากระทืบลงพื้นจนเสียงดังลั่น ร่างของเทวดาเจ้าที่ของอาคารแห่งนี้ที่ยามนี้ชราภาพมากแล้วก็ปรากฏกายขึ้น

“มีการอันใดให้ข้ารับใช้หรือ...ท่านรพีพงศ์...”

“เจ้าที่...ข้าขอรบกวนเจ้าหน่อย...เมื่อครู่มีอะไรแปลกๆ ผ่านเข้ามาที่นี่บ้างหรือไม่...”

“คือ...คือ...ข้า...”

“คือข้าอะไรเล่า มัวแต่อั้มๆ อึ้งๆ อยู่นั่น...จงรีบพูดมาบัดเดี๋ยวนี้...”

“คือข้าเองก็ชราภาพมากแล้ว ด้วยหูตานั้นฝ้าฟาง ท่านรพีพงศ์อย่าได้ถือสาข้าเลย...” เนื่องจากอาคารถูกปล่อยทิ้งร้างไว้จึงไม่มีใครมาทำพิธีเซ่นไหว้แก่เทวดาเจ้าที่ ทำให้เจ้าที่นั้นชราและกายทิพย์ทรุดโทรมจนไม่สามารถดูแลสถานที่ได้อย่างเต็มที่จนภูตผีชั้นต่ำ เข้ามาสิงสถิตอยู่มากมาย

“อย่างนั้นเจ้าก็จงไปให้พ้นหน้าข้าเสียบัดเดี๋ยวนี้...” กายทิพย์เทวดาเจ้าที่ผู้ชราสภาพทรุดโทรมมิต่างจากอาคารเรียนเก่าๆ แห่งนี้ก็รีบเลือนกายหายไปในทันที

ถึงจะขุ่นเคืองใจเล็กน้อย ด้วยสอบถามจากเทวดาเจ้าที่ไม่ได้ความ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ใจของรพีพงศ์บอกว่าอย่างไรเสียนาคินทร์ก็ต้องซ่อนกายอยู่ที่นี่เป็นแน่  จึงสาวเท้าก้าวขึ้นบันไดไปบนตึก รองเท้าหนังสีดำกระทบกับพื้นปูนขัดมันที่เต็มไปด้วยฝุ่นจนเกิดเสียงกระทบ  ชวนให้เหล่าภูตผี ทนไม่ได้ต้องหนีออกมา รวมถึงผู้หลบหนีที่ได้ยินนั้นแทบจะคุมสติดับจิตตนเองแทบไม่ได้เช่นกัน

‘กึก…กึก..กึก’ เสียงฝีเท้าเข้าใกล้มาเรื่อยๆ นาคินทร์รู้ได้ทันทีว่ารพีพงศ์กำลังเดินเข้ามาให้ห้องที่ตนได้ซ่อนตัวเสียแล้ว วินาทีนี้นาคินทร์ลุ้นระทึกและหวังว่ารพีพงศ์จะรีบออกจากห้องไป ตนก็จะหลุดพ้นจากเงื้อมมือเพลิงมัจจุราชในร่างเทพหนุ่มนี้ได้ เพราะขนาดตนหลับตาก็รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่พร้อมปลิดชีวิตได้ในทันที

‘แปะ’

เสียงของแมงมุมตัวใหญ่ตกลงที่ปลายหางของงูดิน ด้วยความตกใจนาคินทร์จึงหลุดจากการดับจิตทำให้เนตรเพลิงมองเห็นพลังงานความร้อนจากใต้โต๊ะตัวใหญ่กลางห้องเรียนรวมตัวหนึ่ง รพีพงศ์ก้มลงมองดูก็พบงูดินถูกแมงมุมเกาะที่ปลายหาง นาคินทร์ในร่างงูดินรีบเลื้อยหนีแต่ก็ถูกรพีพงศ์จับได้เหวี่ยงและโยนกายกระแทกเข้าไปที่กำแพง

“โอ๊ย!!!!” เสียงร้องที่ถูกแรงเหวี่ยงมหาศาล ทำให้นาคินทร์เจ็บปวดจนคลายมนต์กลับมากลายร่างเป็นมนุษย์ เมื่อกายบางเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีปลายแหลมของพระขรรค์สีเงินวาวจ่อตรงคอของตนเสียแล้ว

“จงบอกข้ามานาคินทร์ เจ้าทำการอันใดกับชลันธร!!!” รพีพงศ์ตะคอกถามเสียงดังลั่น

“ไม่ใช่ธุระโองการอะไรของท่าน” แม้รู้ว่าเปล่งวาจาตอบรพีพงศ์ไปแบบนั้น จะทำให้อีกฝ่ายระคายหู นาคินทร์ก็เลือกที่จะพูดออกไปดีกว่าจะบอกความจริงออกไป

“ข้าถามเจ้าก็ตอบมานาคินทร์ อย่าให้ข้าต้องโมโห!!!”

“เพลานี้ท่านก็โมโหอยู่มิใช่ดอกหรือ?” นาคินทร์แสยะยิ้มทั้งที่ความกลัวเกาะกุมจิตใจ

“เจ้า!!!!!” รพีพงศ์โมโหจนตัวสั่นก่อนจะง้างมือถือพระขรรค์เตรียมแทงลงตรงกลางคอขาว นาคินทร์รีบเคลื่อนกายหนีหลบไปได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะแปลงกายกลับสู่ร่างที่แท้จริง… ‘พญานาคนาคินทร์’

นาคาสีรัตติกาลแผ่แม่เบี้ยขู่อีกฝ่ายแล้วพ่นไฟกรดที่เต็มไปด้วยพิษออกมาโดยที่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายนั้นได้ทันตั้งตัว ถึงแม้โดยสันดานจะเป็นนาคที่ขี้อายขี้กลัว แต่ทุกอย่างที่ทำนั้นเพื่อกนธีแล้ว นาคินทร์จำต้องสู้ด้วยใจรักที่มั่นคง ด้วยหมายใจจะให้รพีพงศ์ต้องเกรงกลัว แต่ก็เปล่าเลย และซ้ำยังต้องประหลาดใจยิ่ง เมื่อเห็นว่ารพีพงศ์นั้นยิ้มเยาะ เยี่ยงเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังเล่นกลปาหี่ง่ายๆ บางอย่างก็เท่านั้น  ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม

“นี่เจ้าคงจะไม่รู้สินะว่าคือบุตรของสุริยะเทพ ไฟกรดเด็กเล่นของเจ้า ทำอะไรข้ามิได้ดอก”

รพีพงศ์ฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายตะลึงอยู่นั้นปักพระขรรค์ลงไปที่ส่วนปลายหางของพญานาคนาคินทร์เพื่อไม่ให้เลื้อยหนีไปได้ ความเจ็บปวดนั้นออกมาตามเสียงกรีดร้องทุรนทุราย รพีพงศ์ปล่อยให้นาคินทร์ร้องสักพักจึงดึงพระขรรค์ออกให้ เลือดสีเขียวที่ไหลซึมก็เริ่มทะลักออกมาเป็นวงกว้าง

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบในสิ่งที่ข้าถามอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นข้าจะ...เฮ้ย!!!!”

คำว่า...โปรดสัตว์ได้บาป...คงจะใช้กับเหตุการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี บุตรแห่งพระอาทิตย์ที่คิดว่าตนกำลังจะได้รับชัยชนะแล้วกลับถูกนาคาเลื้อยรัดร่างกายแน่นจนไม่สามารถขยับร่างกายไปไหนได้ แต่ท่าทางกลับไม่ได้กังวลกับสิ่งที่นาคินทร์ทำนัก

“สมแล้วที่เจ้าเป็นอสรพิษ…อั่ก..ก…เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ” รพีพงศ์พูดจบก็รวบรวมสมาธิบริกรรมคาถา อยู่ๆ แสงรัศมีสีชาดก็สว่างจ้าออกมาพร้อมกับความร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวกายที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นเพลิงไฟลุกท่วมร่างของรพีพงศ์  ด้วยกายที่กรุ่นไฟนั้นมีหรือพญานาคนาคินทร์จะทนความร้อนไหว กลับต้องคลายรัดแล้วเลื้อยหนี แต่ก็หนีไปไม่ได้ไกลแล้วก็ต้องหยุดล้มลงนอนรอบกองกับพื้น และกลับกลายร่างเป็นมนุษย์เช่นเดิม เพื่อหมายใช้กายมนุษย์ที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูนั้นทำให้เทวาหนุ่มนั้นใจอ่อน  รพีพงศ์เองก็หยุดร่ายคาถาไฟที่ลุกไหม้เมื่อครู่ก็มอดดับลงเหลือเพียงร่างกายที่กำยำเปล่าเปลือยเพราะอาภรณ์ที่สวมใส่ถูกไฟเผาไหม้ไปจนหมด  เผยร่างที่แท้จริงให้นาคินทร์ได้ยลเป็นขวัญตา รูปร่างหน้าตานั้นเปลี่ยนแปลงจากเดิม ไม่ใช่นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ที่นาคน้อยนั้นได้เห็นอยู่เมื่อครู่ ดูเป็นผู้ใหญ่ที่อายุอานามไม่ได้ดูห่างจากนภนต์เทพมากนัก

“ถึงข้าจะหนีไปก็ไร้ประโยชน์ ท่านชนะข้าแล้ว…ถ้าท่านประสงค์อยากจะเอาชีวิตข้า ก็จงเอาไปเสียเถิด” นาคินทร์พูดออกมาเสียงแผ่วเบา มือเรียวก็จับแผลที่ข้อเท้าซึ่งตอนนี้โลหิตสีเขียวยังคงไหลออกมาและไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุด

“ตอนแรกข้าว่าจะฆ่าเจ้าให้พ้นๆ ไปเสีย แต่ข้ากลับมาคิดอีกครั้ง คนขี้ขลาดขี้กลัวอย่างเจ้ามีหรือที่จะทำการนี้เอง จำต้องมีคนบงการให้ริทำการนี้เป็นแน่... เพียงเจ้าบอกมาว่าใครส่งเจ้ามาทำร้ายชลันธร ข้าจะเว้นโทษตายให้เหลือเพียงฐานะเชลยเท่านั้น” รพีพงศ์ย่อตัวลง มือก็จับที่คอขาวแล้วบีบแน่นจนนาคินทร์รู้สึกเจ็บปวด

“ข้าทำเอง หาได้มีผู้ใดบงการไม่” นาคินทร์โกหก นาคน้อยยอมตายดีกว่าบอกออกไปว่ากนธียอดดวงใจนั้นเป็นผู้บงการ

“เจ้าปดข้า!!!” รพีพงศ์โมโหยิ่งกว่าเดิม แรงบีบก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนนาคินทร์เริ่มหายใจไม่ออก ไหนจะไอร้อนที่ทำให้แสบร้อนนี่อีก

“ขะ…ข้าหาได้ปดท่านไม่..อึก..ก…” นาคินทร์ยังคงยืนยันคำตอบเดิม

“ข้าไม่ได้โง่!!! ข้ารู้ว่ามีคนร่วมวางแผนฆ่าชลันธรร่วมกับเจ้าอีกคน ฮึ ซึ่งเจ้าคงจะรักมันมากสินะถึงได้ปกป้องขนาดนี้ แต่ข้าก็ไม่แปลกใจดอกในเมื่อพวกเจ้าร่วมสังวาทไม่อายฟ้าอายดินกันริมหาดแสมสารถึงใจขนาดนั้น” รพีพงศ์หยุดบีบคอนาคินทร์แล้วผลักนาคินทร์ให้ล้มลงไปนอนกับพื้น

“แค่ก…แค่ก..แค่ก”

นาคินทร์สำลักออกมาจนน้ำตาคลอเบ้า มือบางลูบลำคอที่มีรอยแดงจากฝ่ามือใหญ่ นาคน้อยคิดว่ารพีพงศ์คงรู้ว่ามีคนร่วมกับแผนการฆ่าชลันธร แต่คงไม่รู้ว่าเป็นใครถึงได้มาเค้นคำตอบจากตน

“ต่อให้ท่านฉีกร่างข้าให้ไปเป็นอาหารของเหล่าครุฑ ข้าก็จะไม่มีวันบอกท่าน” นาคินทร์เอ่ย ด้วยชีวิตและวิญญาณนาคินทร์นั้นยอมสละได้เพื่อคนที่รัก

“ข้านับถือในความรักและความซื่อสัตย์ที่เจ้ามีต่อผู้บงการยิ่งนัก เอาเป็นว่าข้านั้นจะไม่ฆ่าเจ้าก็ได้ แต่ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น เจ้าจะต้องจดจำข้าไปจนวันตาย...นาคินทร์!!!” รพีพงศ์มองรูปร่างกายขาวที่แสนบอบบางของนาคินทร์ก็นึกเสียดาย หากต้องตายด้วยคมพระขรรค์ ในเมื่อมีวิธีอื่นที่สามารถสาวไปถึงตัวผู้บงการเช่นกัน

 มือหนาตรงเข้าฉีกกระชากเสื้อผ้าชุดนักศึกษารวมถึงถอดกางเกงที่หุ้มกายนาคน้อยนั้นจนขาดวิ่น นาคินทร์พยายามขัดขืนแต่ก็มิอาจสู้แรงได้ สุดท้ายก็ตกอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเช่นกัน

“ท่าน…ท่านจะทำอะไรข้า…ไม่นะ…เอามือท่านออกไป” นาคินทร์รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่เลวระยำที่กำลังคืบคลานเข้ามา มือบางพยายามจะปิดป้องส่วนกายที่ไร้อาภรณ์ปกปิด รพีพงศ์ใช้โอกาสนี้หยิบเศษเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นมามัดมือและปิดปากของนาคินทร์

“ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ว่าข้าจะทำอะไร อย่าเสแสร้งแกล้งทำเป็นใสซื่อนักเลย…นาคินทร์ เจ้านาคร่านสวาท.!!!”

“หยุด....หยุดเดี๋ยวนี้  รพีพงศ์..ท่านหยุดเถอะ...” เสียงพูดอู้อี้ผ่านผืนผ้าที่ปิดกันนั้นไม่ได้ทำให้รพีพงศ์ใจอ่อนลงแต่อย่างใด

“อยากให้หยุดหรือ...ทำไมกันเล่า ในอาคารแบบนี้มันไม่ดีตรงไหนกัน...หรือว่าเจ้าต้องการแบบนอกสถานที่ เฉกเช่นชายหาดริมทะเล อะไรแบบนั้นใช่หรือไม่...”  พูดจบแล้วรพีพงศ์ก็คลายมัดปากให้นาคินทร์ได้พูดบ้าง

“ไม่...ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น...รวมถึงท่านด้วย...”

“ฮึ...เหรอ...จำไว้นะนาคินทร์ จากนี้ต่อไปเจ้าจะลืมข้าไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว แล้วก็จะพร่ำเรียกหาข้าอยู่ทุกค่ำคืน...” รพีพงศ์ไม่สนใจคำพูดอะไรของนาคินทร์นัก  มือหนากลับใช้ผืนผ้ามัดปิดริมฝีปากบางอีกครั้ง แล้วโอบอุ้มกายบางที่ไร้แรงขึ้นพาดบ่าไปยังโต๊ะกว้างกลางห้องเรียนรวม  กายหนาไม่ได้ค่อยๆ วางร่างที่พาดบ่าแกร่งนั้นอย่างเบามือ เขากลับปล่อยให้ร่างบางหล่นกระแทกลงบนโต๊ะนั้นอย่างจงใจ  ร่างแสนบอบบางที่บาดเจ็บอยู่แล้วพอถูกปฏิบัติด้วยการกระทำแสนหยาบคายไร้ความปราณีก็ยิ่งเจ็บปวดจนหยาดน้ำใสที่คลอในดวงตานั้น ไหลลงอาบแก้มนิ่มเป็นทางยาว

“ร้องไห้หรือ...สำออยนัก...!!! ข้าไม่เชื่อหรอกว่านาคอย่างเจ้าจะเจ็บปวดเป็น พวกงูนั้นมากด้วยเล่ห์...น้ำตาของเจ้ามันตบตาข้าไม่ได้หรอก...นาคินทร์!!! ” รพีพงศ์เกลียดการเสแสร้งแกล้งทำเป็นที่สุด ยิ่งคนตรงหน้าที่ทำตัวอ่อนแอทั้งที่ใจนั้นอำมหิตคิดฆ่าได้แม้กระทั้งคนที่แสนดีกับตนอย่างชลันธรแล้วด้วย… ‘เจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอกนาคินทร์...’

“ฮึก...ฮือ.อ..” นาคินทร์ร้องไห้ออกมาโดยไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอเหตุการณ์ระยำตำบอน ถูกข่มขืออะไรแบบนี้ แม้ว่าอยากจะพูดว่า...อย่า...ออกมาอย่างสุดเสียงในตอนนี้ แต่ก็ยังยากลำบากด้วยผืนผ้าที่มัดปิดปาก รพีพงศ์นั้นใจร้ายกว่าที่นาคินทร์คิดเอาไว้

“ร้องไห้ออกมาจนน้ำตาท่วมโลกันตร์ ข้าก็ไม่ใจอ่อนหลงเชื่อมารยาเจ้าดอก แล้วจงรับรู้เสียด้วยว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”

รพีพงศ์ยิ้มเยาะ ก่อนยื่นมือหนากระชากขาเรียวร่างบางให้เข้ามาใกล้ แขนแกร่งนั้นยันกับพื้นโต๊ะแล้วโน้มกายก้มลงขืนจูบนาคินทร์ผ่านผืนผ้า ย้ำยีจิตใจให้ได้อาย เจ้าของริมฝีปากนิ่มเม้มปากตามสัญชาตญาณ ทั้งยังพยายามเบือนหน้าหนีหลบหลีกจนรพีพงศ์ต้องจับปลายคางของนาคินทร์แล้วออกแรงบีบ

“อ๊ะ!!!”

นาคินทร์ส่งเสียงร้องออกมาในลำคอด้วยความเจ็บปวดที่โลดแล่นบริเวณปลายคาง รพีพงศ์อาศัยจังหวะนี้ประทับริมฝีปากผ่านผ้าผืนบางที่มัดปากเอาไว้อีกครั้ง อีกฝ่ายที่พยายามหลบหลีกไม่ยอมเล่นด้วย จนรพีพงศ์ผละปากออก แล้วเปิดผ้าขึ้นให้เห็นริมฝีปาก

“อื้อ..อ..!!!”

ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกลาการจู่โจม รพีพงศ์ก้มขบไล่ริมฝีปากล่างของนาคินทร์ ก่อนจะบดจูบเบียดริมฝีปากแสนกระหายไร้ความนุ่มนวล มีแต่ความเจ็บปวดให้กับนาคน้อยจนริมฝีปากนิ่มบวมเจ่อ รพีพงศ์จึงได้เปลี่ยนเป้าหมายใหม่

เทพหนุ่มเริ่มลากลิ้นมาที่ปลายคางขึ้นไปตามแนวสันกรามจนถึงหูนิ่ม ร่างสูงเกร็งลิ้นแล้วแหย่ไปในรูหูของนาคินทร์จนคนโดนกระทำนั้นเกร็งไปทั้งตัว ลมหายใจของกายบางหอบหนักกระชั้นถี่ บุตรแห่งสุริยะเทพมิหยุดเพียงเท่านี้ เขาโลมเลียไปที่หลังใบหูแล้วดูดเม้มจนเป็นจ้ำสีเนื้อช้ำเล็กๆ นาคินทร์สั่นสะท้านพยายามขืนกายเบี่ยงหลบ แต่ถูกรพีพงศ์จับศีรษะเอาไว้ ท้ายที่สุดนาคินทร์ที่ถูกรพีพงศ์หยอกเย้าเล้าโลมก็หยุดขืนกาย และทำได้เพียงนอนนิ่งๆ เท่านั้น พอเล่นกับใบหูนิ่มจนหนำใจ ร่างหนาเลื่อนลงเปลี่ยนตำแหน่งลงมาที่คอระหง รพีพงศ์ค่อยๆ สร้างรอยราคีดูดเม้มรอบๆ คอขาวจนไม่ต่างจากปลอกคอล่ามสัตว์เลี้ยง

“อั่ก…อื้อ..อ..” นาคินทร์ร้องออกมาเพราะเจ็บจากการดูดดุน รพีพงศ์ไม่ยอมออมมือออมแรงให้แม้แต่น้อย ด้วยสร้างรอยแต่ละครั้งก็มิวายจะใช้ฟันซี่คมขบกัดจนเกิดรอยฟันจางๆ นาคินทร์ก็ทำได้ใช้มือที่ถูกมัดนั้นพยายามดันกายร่างหนาออกเพราะทนก็การปลุกเร้าอารมณ์ร่วมไม่ไหวเนื่องด้วยใจมิได้รักใคร่รพีพงศ์หากปล่อยตัวไม่ขัดขืนคงไม่มีหน้าไปสู้กนธีได้ 

ด้วยแรงที่มีน้อยนิดนั้นหรือจะต้านทานเทพผู้หื่นกระหายตัณหาได้ รพีพงศ์กลับไม่สะทกสะท้านอะไรสักนิด  ซ้ำยังเอาคืนนาคาใต้ร่างด้วยการใช้ปลายดัชนีบดขยี้เม็ดบัวสีชมพูอ่อนทั้งสองข้างบนแผงอกขาวซีดจนชูชัน ตามด้วยใช้ปากครอบดูดดุนจนชุ่มน้ำลายสลับไปมาทั้งสองข้าง

‘อา.า…อย่า.า…อย่าทำ..อื้อ’

ถึงใจจะร้องบอกให้หยุดแต่กายและสัญชาตญาณกลับทรยศ นาคินทร์แอ่นอกรับเข้าหาริมฝีปากร้อนตามจังหวะดูดดุนที่รพีพงศ์มอบให้ ปฏิกิริยาของนาคินทร์นั้นกระตุ้นอารมณ์ดิบของรพีพงศ์ได้ไม่น้อย…ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากทำรุนแรงให้กายเนียนนี้แหลกสลายคามือ

รพีพงศ์เลื่อนใบหน้าลงมาเล้าโลมที่หน้าท้องที่เรียบเนียน มือหนาทั้งสองก็ลูบเอวคอดลงมาที่บั้นท้ายแน่นแล้วขย้ำฝ่ามือลงอย่างรุนแรง จนแผ่นหลังของกายบางนั้นนอนแทบไม่ติดพื้นโต๊ะ ด้วยกระสับกระส่ายเขยื้อนกายไม่หยุด

ใจนาคาน้อยนั้นอยากจะเอาพระขรรค์เงินข้างกายรพีพงศ์มาเสียบแทงให้ทะลุดวงใจตนเองนัก ที่ร่างกายกำลังหลงระเริงเพลิงไฟตัณหา…ร่างกายที่มอบให้เพียงกนธีกำลังจะแปดเปื้อนด้วยน้ำมือเทพชั้นสูงผู้ใจร้าย  นาคินทร์ที่ได้แต่คิดถึงใบหน้าของกนธี หยาดน้ำใสนั้นก็เอ่อล้นไหลลงออกมาอาบแก้มอีกครั้ง

เทพหนุ่มไม่สนใจหยาดน้ำตานั้นเลยสักนิด เขาใช้ฝ่ามือร้อนดั่งไฟลูบเนื้อนิ่มกลมกลึงแล้วลากผ่านขึ้นมาที่เรียวขา รพีพงศ์จับขาของนาคินทร์ให้อ้าออกกว้างก่อนจะดันให้แนบชิดติดอกคนใต้ร่าง เทพหนุ่มละจากหน้าท้องแบนราบ ตาคมมองไปใบหน้าของนาคินทร์ที่มีน้ำตานองหน้า นาคินทร์หลบสายตาหันไปทางอื่น ร่างบางนั้นรู้สึกอับอายและไม่รู้ว่าถ้าผ่านพ้นราตรีนี้ไปจะกลับมีหน้าที่ไหนไปพบเจอกับกนธี

“มองหน้าข้า…นาคินทร์” รพีพงศ์เอ่ยเสียงพร่า มือก็กำรอบแท่งร้อนของตนเองพลางปลุกเร้าให้กลางกายนั้นแข็งตัว

นาคินทร์แม้จะตกเป็นรองก็อวดดี ไม่ยอมทำตามที่รพีพงศ์สั่ง จนรพีพงศ์อยากจะสั่งสอนให้หลาบจำ ไม่มีการเล้าโลม หรือหล่อลื่นใดๆ ต่อจากนี้อีก  แกนกายใหญ่ขนาดเท่าข้อมือค่อยๆแทรกเข้าไปทีละนิดจนผสานแนบชิดไร้ช่องว่าง เพียงแค่นี้ก็สร้างความเจ็บปวดและอึดอัดให้กับนาคินทร์ไม่น้อย แล้วเริ่มรู้สึกเจ็บแสบมากยิ่งขึ้น  ร่างบางเดาได้ไม่ยากว่าช่องทางของเขาคงฉีกขาดเป็นแน่แท้ นาคินทร์ได้แต่อดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ผิดกับรพีพงศ์นั้นกำลังสะใจกับการกระทำที่เขาได้ทำลงไป เทพหนุ่มสังเกตความเจ็บร้าวที่เขาก่อขึ้นด้วยปลายนิ้วเท้าของกายบางจิกเกร็งอยู่ตลอดเวลา

“เจ็บนักใช่หรือไม่...นาคินทร์  วันนี้แหละที่เจ้าจะต้องจดจำรพีพงศ์ผู้นี้ไปชั่วกาล...”

“อ่า.า…อืม.ม….” เสียงครางที่พยายามอดกลั้นทำใจรพีพงศ์พอใจ เมื่อขยับแก่นกายเข้าสัมผัสกับผนังนุ่มอุ่นภายในกายของอีกคน รพีพงศ์หยุดนิ่งค้างไว้ก่อนจะเริ่มขยับกายเป็นจังหวะช้าๆ เนิบนาบ แต่บางครั้งก็หนักหน่วง ส่วนนาคินทร์ที่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ ทั้งปวดกาย ปวดใจที่ตนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สภาพจิตใจตอนนี้น่ะหรือไม่ตายก็เหมือนตาย

‘กึง!!...กึง..กึง!!!’ จากจังหวะช้าๆ รพีพงศ์ก็กระแทกแรงๆ ให้หนักขึ้น ส่งผลให้โต๊ะตัวเก่าขยับโยกจนเกิดเสียง แต่มิใช่เพียงแค่โต๊ะเท่านั้นที่ขยับโยก กายบางก็เช่นกันที่ขยับโยกไหวไปตามแรงกระแทก

...เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บเหลือเกิน... เจ็บจนแทบจะหมดสติเสียให้ได้ นาคินทร์พยายามกัดฟันแน่นและข่มกายด้วยจิกเกร็งปลายเท้า ตั้งแต่เกิดมาผ่านการร่วมรักกับกนธีมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ทำไมกับรพีพงศ์ถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนัก  ทุกความเจ็บปวดที่เคยได้รับมาในชีวิตราวกับเศษธุลี ไม่มีครั้งใดที่จะเจ็บปวดทั้งกายใจได้ถึงเพียงนี้

 ร่างกายของนาคินทร์นั้นขยับไปตามแรงส่งด้วยความรุนแรงที่ถูกมอบให้ ความเจ็บที่ถูกคนบนร่างใช้มือกดเรียวขาจนแผลตรงขาอ่อนแนบติดตัวนาคินทร์ส่งผลให้โลหิตไหลออกมาเปรอะเปื้อนผิวขาว

“ฮึก…อึก.ก…ฮือ..ฮือ..” นาคินทร์อยากวอนขอเหลือเกินว่าให้รพีพงศ์หยุดทำร้ายตนได้แล้ว รพีพงศ์พอได้ยินเสียงร้องไห้ความรู้สึกชั่วดีก็แวบเข้ามา…รู้สึกดีราวกับได้ขึ้นสวรรค์ที่ได้ร่วมเสพสังวาทกับกายงามของนาคินทร์…แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับตกนรกที่ตนได้ทำตัวหยาบช้าราวกับไม่ใช้เทพชั้นสูงและคล้ายกับว่าคนนั้นไม่ซื่อสัตย์กับชลันธร

หากจะให้ถอยยามนี้คงไม่ทัน เมื่อได้ขึ้นขี่หลังเสือไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้อารมณ์ชักจูงไปในครรลองของมัน แม้ความสุขที่ได้ปลดปล่อยจะแลกกับความทุกข์ทรมานของนาคินทร์รวมถึงเกิดความสับสนว้าวุ่นใจในตนเองของรพีพงศ์

“...เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนาคินทร์ อดทนหน่อยสิ...” หลังมือหนาเลื่อนเข้ามาเช็ดเหงื่อเม็ดโตที่พุดพรายบนใบหน้าสวยที่อิดโรย เหมือนจะเป็นคำปลอบ แต่ก็มิได้หยุดย่ำยีกายและใจที่แตกสลาย  ดวงตาที่บอบช้ำนั้นปิดแน่นสนิทเมื่อรพีพงศ์เคลื่อนกายอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง  มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาบอก มันยังคงเจ็บหน่วงทุกครั้งที่ถูกแกนกายนั้นกระแทกเข้ามา

เจ็บจนยากจะเกินทน... ในศีรษะนั้นกำลังหมุนวนเหมือนกับนาคน้อยหลงเข้าไปอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวนที่หาทางออกไม่ได้...หน้าตาที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความสุขสมเลยสักนิด ยิ่งทำให้รพีพงศ์ยิ่งได้ใจ นาคินทร์นั้นอยากจะกลั้นใจให้ตายในบัดเดี๋ยวนี้  ให้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ก็หาตั้งสติกลั้นใจนั้นได้ไม่... รพีพงศ์กระแทกกระทั้นกายเข้าออกอยู่พักหนึ่งก็ปลดปล่อยสายน้ำขุ่นเข้าร่างบางอีกครั้ง 

ร่างกำยำนั้นหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอะไรอีก นาคินทร์ยังคงอึดอัดเพราะแกนกายใหญ่ยังแทรกอยู่ ในใจได้แต่เป็นกังวลว่าหากกนธีล่วงรู้เรื่องนี้จะเป็นเช่นไร คิดไกลจนอยากจะตายหนีอายเสียดีกว่าให้ใครต่อใครมาตราหน้าว่าเป็น...นาคาสองผัว...แบบนี้ยิ่งนัก 

จนเวลาผ่านไปสักพักรพีพงศ์จึงยอมถอนแกนกายออกให้ นาคินทร์ที่ยังคงมีสติอยู่แต่ก็นอนตะแคงข้างนิ่งร่างกายไม่ไหวติงแม้จะสะอึกสะอื้นแต่ก็ไม่ได้รับการปลอบโยนใดๆ  เขาลุกเดินออกไปมองพระจันทร์สกาวแสงที่ริมหน้าต่างพักหนึ่ง ยามนี้รพีพงศ์กลับรู้สึกสับสนในใจยิ่งนัก ไม่นานก็เดินกลับมาหานาคินทร์นี่ยังนอนสะอื้นไห้เพียงลำพัง มือหนาลูบเส้นผมที่เหนียวไปด้วยเหงื่อชุ่ม แล้วก็พูดบางสิ่งกับนาคินทร์

“เป็นอย่างไรบ้างเล่านาคินทร์... ลืมเรื่องเมื่อครู่ไม่ลงใช่หรือไม่... ตอนนี้เจ้ากำลังด่าข้าว่าไอ้เลว ไอ้ระยำ ไอ้สัตว์นรก อยู่ใช่หรือไม่...หากเป็นเยี่ยงนั้นแล้วเจ้าก็จงด่าว่าข้าต่อไปเถิด  เรื่องของข้ากับเจ้า มันเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น  เจ้าจะต้องอยู่กับข้าต่อไป เพราะคนที่บงการเจ้าจักต้องตามหาเจ้าเป็นแน่...โดยที่ข้าไม่ต้องออกแรงตามหาให้ยุ่งยาก หรือบังคับถามเจ้าให้เสียอารมณ์  แล้วข้าก็จะข่มขืนเจ้าอีกหลายครั้ง และอีกหลาย ๆ ครั้ง หากเจ้ายังทำตัวแข็งขืนกับข้า...จำไว้เล่านาคินทร์!!!”


ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #104 เมื่อ29-04-2017 10:15:36 »

(ต่อ)

ในช่วงเวลาเดียวกัน ณ ห้องสัตว์ทะเลมีพิษ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำของคณะวิทยาศาสตร์

‘ท่านพี่นภนต์…ถ้าท่านพี่ได้ยินแล้ว โปรดช่วยข้าด้วยเถิด...โปรดช่วยข้าที...’

เสียงร้องขอความช่วยเหลือแล่นเข้าสู่โสตประสาท นภนต์ที่ยังอยู่ที่นั่นซึ่งกำลังยืนใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวระหว่างเขากับชลันธร ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย

‘ชลันธร…’

จิตใจที่กำลังลังเลนั้นเลือนหายไปชั่วขณะ นภนต์หลับตาแล้วตั้งจิตหาตัวเจ้าของเสียงขอความช่วยเหลือ ภาพนิมิตที่ปรากฏเป็นภาพของร่างโปร่งนอนราบอยู่กับพื้นใกล้กันนั้นมีงูทะเลเลื้อยเข้าหา นภนต์ลืมตาขึ้นแล้วรีบวิ่งตรงไปยังห้องสัตว์ทะเลมีพิษ ทุกย่างก้าวก็หวังว่าจะไปช่วยชลันธรได้ทัน

‘โครม!!!!’ พอถึงหน้าห้องนภนต์ก็ผลักประตูให้เปิดออกแต่ประตูบานใหญ่กลับไม่ขยับ ฝ่ามือหนาจึงปล่อยพลังทำลายประตูจนพังลง โชคดีที่ไม่โดนกายชลันธรที่นอนอยู่ใกล้ๆ

“ลัน!!!..” นภนต์ย่อตัวลงแล้วประคองคนเจ็บมาไว้ในอ้อมกอด ชลันธรได้ยินเสียงคนรักก็ได้สติขึ้นมา พอสายตานั้นได้สบเห็นใบหน้าของนภนต์ กายบางอดไม่ได้ที่จะคลี่รอยยิ้มแสนหวานออกมาให้ แม้อย่างน้อยก่อนจะสิ้นลมหายใจ ตนก็ได้พบเจอใบหน้าคนที่รักที่สุดและได้มอบรอยยิ้มแสนหวานนี้ให้เป็นครั้งสุดท้ายภายใต้อ้อมกอดนี้ก็ยังดี นภนต์เองก็สำรวจรอยเขี้ยวงูตามตัวชลันธร ก็พบว่ามีเพียงแค่ที่ข้อเท้า เมื่อพบก็รีบปลดเนคไทออกแล้วผูกมัดที่ข้อเท้าของชลันธรจนแน่น

“ฟ่อ…” งูทะเลลายดำที่ต้องเวทมนต์เลื้อยเข้ามาหมายจะจู่โจมนภนต์ เทวาหนุ่มจึงกางปีกสีทองปิดคลุมร่างตนและชลันธรเอาไว้ ก่อนจะปล่อยขนสีทองนับสิบพุ่งไปที่ลำตัวและหัวของงูทะเลจนตัดขาดเป็นท่อน ๆ

งูทะเลตายคาที่แล้วระเหยเป็นควันสีเขียวมรกต นภนต์รู้ทันทีว่างูตัวนี้ถูกกำกับด้วยเวทย์มนต์คาถาไม่อย่างนั้นคงออกมาจากตู้กระจกไม่ได้และที่น่าเจ็บใจคือด้วยทิฐิของเขา ทำให้ต้องคลาดสายตาจนเกิดเรื่องเช่นนี้ ...เขาไม่สามารถปกป้องชลันธรจากอันตรายได้...

“แค่ก..อึก…แค่ก” ชลันธรสำลักเลือดออกมาอีกรอบที่มุมปาก เลือดที่ออกมาพร้อมกับพิษสีเขียวปนสีม่วงทำให้นภนต์ตกใจด้วยรู้สึกว่าสีของโลหิตเช่นนี้นั้นช่างคุ้ยเคย…ชลันธรไม่ได้โดนพิษของงูทะเลธรรมดา แต่พิษนั้นที่น่าจะเป็นพิษอย่างเดียวกับเมื่อครามารดาของตนนั้นเคยได้รับ หากผิดแผกก็ตรงมีสีม่วงเจือจางกว่าก็เท่านั้น

“พิษเช่นนี้มีเพียงผู้เดียวที่รู้วิธีการขับออกได้...ไม่ได้การแล้ว…ลันอดทนหน่อยนะ” นภนต์อุ้มและโอบกอดชลันธรไว้แนบอก ก่อนจะวิ่งออกจากห้องนั้น เมื่อมาถึงโถงกว้างกลางอาคาร เทพหนุ่มสยายปีกทองนั้นออกอีกครั้ง ก่อนขยับแล้วพุ่งทะยายบินขึ้นไปจนทะลุหน้าต่างกระจกสีบนยอดอาคาร ทำให้เกิดเสียงดังลั่น

ท่ามกลางเวหา กายขาวในอ้อมแขนนั้นปรือตาขึ้นมามอง… ‘ทำไมพี่นภนต์ถึงมีปีกแล้วบินได้นี่เราคงตายแล้วสินะถึงได้เห็นพี่นภนต์เป็นเทวดาแบบนี้...’ ก่อนที่ความคิดใดๆ นั้นจะเตลิดไกล ชลันธรก็หลับสายตาลงอีกคราแล้วสลบไปอีกครั้ง ด้วยสายลมเย็นบนท้องฟ้าที่พัดผ่านกายทำให้ความร้อนจากพิษร้ายได้ทุเลาลงบ้าง

นภนต์นั้นมุ่งหน้าตรงไปยังป่าหิมพานต์เชิงเขาคันธมาศ อย่างไรเสียก็ต้องข้ามผ่านมหานทีสีทันดร ซึ่งคั่นกลางระหว่างโลกมนุษย์กับป่าหิมพานต์เอาไว้ การข้ามมหานทีสีทันดรให้เร็วที่สุดนั้นต้องเหาะเหินเดินอากาศเท่านั้น ไม่สามารถที่จะล่องเรือบนพื้นวารีหรือนั่งสัตว์พาหนะ ราชรถเทียมใดๆได้ ขนาดพญาครุฑที่มีพละกำลังมากก็ยังแทบจดหมดแรงกว่าจะถึงฝั่ง จะมีก็แต่เพียงเหล่าเทพเวหาและเหล่าบริวารบนท้องฟ้าไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถข้ามผ่านได้

เทวาหนุ่มบินผ่านกลุ่มพญาครุฑที่จ้องมองเทพปีกทองด้วยความสนใจ ด้วยเพราะมีร่างมนุษย์รูปงามในอ้อมแขนแกร่ง ถึงกระนั้นนภนต์หาได้สนใจสายตาเหล่านั้นไม่ สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้คือการที่จะต้องพาชลันธรไปรักษาตัวให้รอดพ้นจากความตายให้เร็วที่สุด

“ท่านอาจารย์!!...ท่านอาจารย์โปรดช่วยข้าด้วย!!!” นภนต์บินลงมาที่หน้าอาศรมแห่งหนึ่ง ณ เชิงเขาคันธมาศ ก่อนจะตะโกนเรียกหาผู้เป็นอาจารย์

“มีการอันใดหรือนภนต์” ฤาษีเฒ่านามว่า ‘วิทู’ ผู้เป็นปราชญ์ด้านวิทยาอาคม ทำหน้าที่สอนศิลปวิทยาให้กับวงศาของเหล่าเทพนภามาตั้งแต่รุ่นแรก เดินออกมาจากอาศรมตามเสียงที่ร้องเรียก แล้วพิจารณาลูกศิษย์ที่อุ้มกายมนุษย์ท่าทางอิดโรยอยู่ตรงหน้า

“ท่านอาจารย์ โปรดช่วยชลันธรด้วยเถิด เขาโดนพิษเช่นเดียวกับพระมารดาข้าแต่…มีโลหิตที่ต้องพิษนั้นเจือสีม่วงออกมาด้วย” นภนต์เอ่ยด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนไม่สมกับเป็นผู้สุขมเยือกเย็นอย่างเช่นเคย ทำให้ฤาษีวิทูรู้ในทันทีว่ามนุษย์นามเดียวกับอตีดเทพท้องสมุทรผู้นี้มีความสำคัญต่อเทพนภาเป็นอย่างมาก

“เจ้าโปรดวางมนุษย์น้อยคนนี้ให้นอนอยู่บนแท่นศิลานี่เสียก่อน ข้าจะช่วยหยุดพิษในกายเบื้องต้นให้ ระหว่างนี้เจ้าเองก็ไปนำผลของต้นทับทิมสุบรรณจากเขาสรรพยามาให้ข้าเสียก่อน” ฤาษีวิทูเอ่ย นภนต์จึงค่อยประคองวางร่างโปร่งไร้สติไว้บนแท่นศิลาแล้วรีบทะยานบินไปยังเขาสรรพยา ส่วนฤาษีวิทูเองก็บริกรรมคาถาต้านพิษในกายของชลันธรไม่ให้แพร่ไปมากกว่านี้

‘อดีตเทพมหาสมุทรท่านจงอดทนไว้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น…’

‘...อดทนอีกนิดชลันธรของพี่ พี่จะไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาด...’

นภนต์เร่งบินไปยังเขาสรรพยาที่อยู่ไม่ไกลจากเขาคันธมาศมากนัก โชคดีที่เขาเคยมายังที่แห่งนี้เพื่อเก็บผลของต้นทับทิมสุบรรณไปรักษานางกวินตาผู้เป็นพระมารดามาแล้วคราหนึ่ง จึงรู้ว่าต้นทับทิมสุบรรณนั้นอยู่ตรงจุดใด จิตใจเริ่มคลายกังวลเมื่อได้เห็นผลทับทิมจำนวนมากกำลังสุกงอม เมื่อกายถึงแผ่นพื้นก็รีบเร่งเข้าหมายเก็บผลสุกของทับทิมสุบรรณสีแดงสด

“โอ๊ย!!” พอเอื้อมมือปลิดผลทับทิมสุวรรณ ก้อนหินขนาดเท่ากำมือลอยลิ่วโดนมือของนภนต์ เทพหนุ่มหันซ้ายหันขวาก็ไม่พบใคร ด้วยไม่อยากจะสนใจกลัวจะเสียเวลาจึงเอื้อมมือเก็บผลใหม่อีกครั้ง

‘ตุบ’ ก้อนหินลอยมาอีกรอบ แต่คราวนี้นภนต์หลบได้ก้อนหินจึงกระทบกับต้นไม้ต้นหนึ่งจนหักโค่นแทน นภนต์มองไปที่ต้นทางก็ยังไม่พบผู้ใด

“ออกมาเถิด อย่างไรเสียก็ออกมาสู้ๆ กันซึ่งๆ หน้า อย่าได้หลบซ่อนเลย” นภนต์เอื้อนเอ่ย

ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ที่ไม่คิดว่าจะหลบอยู่ตรงนั้นก็ปรากฏกายออกจากที่ซ่อน แม้หน้าตาจะหล่อเหวาแต่ด้วยเขี้ยวโค้งที่โผล่พ้นขอบปากก็ทำให้ใครเห็นก็หวาดกลัวอยู่ดี ยักษารูปงามนามว่าชวคิรินท์ (ชะวะคิริน) ผู้ดูแลเหล่าต้นทับทิมสุบรรณและสมุนไพรทุกชนิดของเขาสรรพยา ยืนเผชิญหน้ากับนภนต์อย่างไม่นึกเกรงกลัวว่าอีกฝ่ายเป็นเทพท้องนภา

“เหตุใดจึงเอาก้อนหินมาขว้างปาข้า” นภนต์ถาม

“ด้วยท่านนั้นบุกรุกเข้ามาและคิดจะขโมยผลทับทิมสุบรรณ ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ดูแลเหล่าต้นทับทิมสุบรรณนี้ ข้าจะต้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้หรือเก็บผลทับทิมสุบรรณไปได้” ชวคิรินท์ตอบ

นภนต์ฉงนใจที่รู้ว่ายักษาตนนี้เป็นผู้ดูแล ด้วยครั้งที่มารดาของตนต้องยาพิษ นภนต์ก็ได้นำผลทับทิมสุบรรณไปรักษาโดยง่าย ด้วยที่ผู้ดูแลนั้นเป็นนางยักษ์นามว่า...กุมผกา...เป็นผู้คอยปลิดผลมาให้ตนยังคงซาบซึ่งไมตรีของนางอย่างมิคลาย

“เหตุใดจึงเป็นท่าน...นางยักษ์กุมผกามิใช่ผู้ดูแลหรอกหรือ อีกอย่างข้ามิได้เจตนาขโมย ข้าเพียงจะนำผลทับทิมสุบรรณไปรักษาคนรักของข้าเท่านั้น ขอโปรดจงเห็นใจ ท่านใคร่อนุญาตให้ข้าสักสองสามผลได้หรือไม่” นภนต์บอกเจตนาที่ต้องมาเก็บผลทับทิมสุบรรณ

“กุมผกาที่ท่านพูดถึงนั้นนางเป็นเมียข้าเอง ยามที่ข้าจำศีลฝึกวิชาอยู่นั้นนางจะมาเฝ้าต้นทับทิมสุบรรณแทนข้า แต่นางชอบแจกจ่ายให้เหล่าเทวาเทพบุตรรูปงามไปยาบำรุงกำลัง โดยไม่ได้ของแลกเปลี่ยน ของมีค่าตามกฏที่ข้านั้นกำหนด ข้าจึงจับนางขังไว้เมื่อสองร้อยปีก่อนจนถึงบัดเดี๋ยวนี้” ชวคิรินท์เอ่ย นภนต์ก็นึกย้อนเหตุการณ์ที่นางกุมผกาตามคลอเคลียและคอยเก็บผลทับทิมสุบรรณให้ตน

“ส่วนท่านถ้าอยากได้ก็ต้องทำตามกฏของข้า นำของสำคัญมาแลกกับผลทับทิมสุบรรณจากข้าไป ท่านก็จะได้ผลไม้วิเศษนี้ไปช่วยชีวิตคนของท่าน...ว่าอย่างไรเล่าเทพนภตน์”

“ท่านต้องการสิ่งใดจากข้าเล่า จงโปรดบอก...” ใจหนึ่งก็นึกกลัวหากยักษาตนนี้เอ่ยสิ่งมีค่านามว่า...ชลันธร...ออกมา ก็คงได้สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่เจ้ายักษ์นี่ไม่รู้จักชลันธรนี่ คงมิใช่หรอกกระมัง

“ข้าต้องการอาวุธประจำกายของท่าน คันธนูและศรอัสนี” ยักษาบอกสิ่งที่ต้องประสงค์ นั่นก็คืออาวุธวิเศษที่อดีตพระผู้สร้างได้ประทานให้เทพแห่งนภาในครั้งที่ได้รับสถาปนา นภนต์ได้ฟังก็โกรธจนตัวสั่นที่ยักษ์ตนนี้หวังสูงต้องการอาวุธที่มีแสนยานุภาพถึงเพียงนี้ แต่ถึงจะไม่พอใจมากขนาดไหนนภนต์ก็จำยอมด้วยเวลาที่บีบคั้นจนต่อสู้ไปก็เสียเวลาเปล่า จึงเรียกคันธนูและศรอัสนีออกมา เพื่อรักษาชลันธรให้รอดชีวิตนภนต์จำเป็นต้องมอบอาวุธประจำกายให้ชวคิรินท์ไป

“นี่คือคันธนูและศรอัสนีที่เจ้าต้องการ” ชวคิรินท์ยินดีที่ได้รับอาวุธของเทพแห่งท้องนภา มาครอบครอง เมื่อได้รับแล้วก็ไปเด็ดผลทับทิมสุบรรณมาให้นภนต์จำนวนหนึ่ง

“รีบนำไปรักษาคนรักของท่านเถิด และจากนี้ไปหากท่านจะต้องการผลทับทิมสุบรรณเมื่อไหร่ เราจักให้โดยไม่มีการแลกเปลี่ยน”

นภนต์ได้รับผลทับทิมสุบรรณแล้วก็รีบบินกลับไปยังเชิงเขาคันทมาศ ในใจก็หวังไว้ว่าชลันธรจะอดทนและอยู่รอตนนำผลทับทิมสุบรรณไปรักษา…พี่ยอมแลกสิ่งสำคัญกับชีวิตของเจ้า…ชลันธรเจ้าอย่าได้มอดม้วยมรณาไปเสียก่อนเล่า...ชลันธร

“ท่านอาจารย์ นี่ขอรับผลทับทิมสุบรรณ” นภนต์วางผลไม้วิเศษที่ตนแสวงหามาไว้ตรงหน้า สายตาก็ชำเลืองมองชลันธรที่มีเม็ดเหงื่อสีม่วงอ่อนผุดพรายเต็มใบหน้า ไหนจะเลือดปนพิษที่คนบาดเจ็บสำลักออกมาเป็นระยะๆ จนนภนต์เองก็อดเป็นกังวลไม่ได้ว่าจะต้องเสียชลันธรไป

ฤาษีวิทูนำผลทับทิมสุบรรณบดคั้นลงในชามดินเผาแล้วเทน้ำจากสระรถการะจนได้โอสถน้ำสีแดงราวกับโลหิตพญาครุฑ จากนั้นฤาษีวิทูก็แบ่งโอสถถอนพิษนี้ออกเป็นสองถ้วย

“จงรับยาทั้งสองถ้วยนี่ไปเสียนภนต์” ฤาษีวิทูมอบถ้วยยาให้ นภนต์ก็รับมาไว้ในมือ

“ท่านอาจารย์ช่างดีกับข้าเหลือเกิน แต่เหตุใดถึงมีสองถ้วยหรือท่านอาจารย์” ความสงสัยทำให้นภนต์ตั้งคำถาม

“ถ้วยหนึ่งให้มนุษย์ผู้นี้ดื่มแก้พิษ ส่วนอีกถ้วยก็ให้คนรักของเขากินเสีย” นภนต์ได้ฟังก็ยิ่งฉงนใจมากขึ้น แต่ฤาษีวิทูเองก็รู้ว่านภนต์คงจะต้องการความกระจ่างในสิ่งที่ตนได้กล่าวไว้ จึงพูดต่อ

“พิษที่มนุษย์ผู้นี้ได้รับเป็นพิษชนิดเดียวกับที่มารดาท่านได้รับก็จริง แต่เป็นพิษในครานี้เกิดจากการร่วมสังวาทของพวกนาคา ดังนั้นการถอนพิษนี้คือต้องป้อนยาให้คนต้องพิษและคนรักเพื่อที่จะได้ร่วมสังวาทและขับพิษนี้ออกมาจากกายผู้ต้องพิษ” นภนต์ได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย นี่มันพิษประหลาดอะไรกัน...

“ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นแล้วล่ะก็ข้าจำต้องขอลาท่านอาจารย์ก่อน ข้าจักต้องพาชลันธรไปพบคนรัก...” เทพหนุ่มก้มลงกราบลาฤาษีวิทูและอ้างพาชลันธรไปหาคนรัก ฤาษีวิทูเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่เทพนภาคงจะเขินถ้าจะพูดตามตรง ซึ่งความจริงแล้วคนรักของชลันธรนั้นจะหาใช่ใครอื่นไกล ก็คือนภนต์เทพนั่นเอง แม้จะเป็นเพียงการพูดจาเสแสร้งแกล้งทำของเขาก็ตาม

นภนต์กำถ้วยโอสถแล้วปิดตาลง พลันถ้วยโอสถก็หายไป ร่างสูงเดินเข้าไปช้อนกายชลันธรขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง แล้วเหินบินไปยังถ้ำแก้ววิมานของตน

เมื่อนภนต์พาร่างที่หายใจรวยรินทะยานบินขึ้นไป อาจารย์ผู้ชาญปัญญาก็แย้มยิ้มออกมาด้วยกลั้นอารมณ์ขันจากท่าทางและคำพูดของเทพหนุ่มเอาไว้ไม่อยู่  ก็ได้แต่เอาใจช่วยศิษย์รักคนสุดท้องและคู่ชีวิตของเขาด้วยกาลต่อไปข้างหน้า ทั้งสองนั้นต้องเผชิญและผ่านพ้นอุปสรรคที่จะเข้ามาไปให้จงได้

“ชะตาเจ้าทั้ง 2 ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว...”



















................................

กลับมาแล้ว คิดถึงกันบ้างไหม

ท่านยุ่งไปสอบมาเลยปั่นช้า อัพช้า เป็นอาทิตย์เลย

หวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนชื่นชอบนะคะ อิอิอิ มาม่าอืดเบาๆ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาเม้น มาเป็นกำลังใจนะคะ จุ๊บๆๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #105 เมื่อ29-04-2017 11:55:37 »

แหม วิธีแก้พิษช่างดีต่อใจแม่ยกเหลือเกิน ครุคริ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #106 เมื่อ29-04-2017 13:18:35 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #107 เมื่อ29-04-2017 13:34:33 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #108 เมื่อ29-04-2017 14:36:25 »

ไม่ชอบนาคินทร์เลยรวมไอ้เทพท้องฟ้านั้นด้วยทุกๆอย่างเกิดขากความไม่เชื่อใจจริงๆ อาวุธคงถูกยึดไปให้ตัวร้ายแน่ๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #109 เมื่อ29-04-2017 14:55:08 »

อยากอ่านตอนเขาถอนพิษกันอ่าา
สายหื่นนำทัพพ
แอบสงสารนาคินทร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
« ตอบ #109 เมื่อ: 29-04-2017 14:55:08 »





ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #110 เมื่อ29-04-2017 16:11:42 »

พิษอะไรช่างเป็นใจให้เสียตัว คิๆ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #111 เมื่อ29-04-2017 16:31:23 »

โอ๊ยๆวิธีแก้พิษ  :impress2:

อาวุธโดนยึดไปซะแล้วววว

อยากสงสารนาคินทร์แต่ก็ไม่รู้สิ ว่าจะสงสารดีมั้ย เหอๆ :hao4:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #112 เมื่อ30-04-2017 00:34:56 »

สนุกมาก รออ่านตอนต่อไป
 นาคินทร์คิดว่ากนทีจะรักตัวเหรอ

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.10 P.4 (29/04/2560)
«ตอบ #113 เมื่อ01-05-2017 07:53:34 »

 :a5: งงกับรพีมากเลยไหนบอกว่ารักชล แต่แทนที่นางจะหาทางช่วยหน่องชลก่อน กลับมาตามจับผู้ร้ายแล้วปล่อยให้หน่องชลนอนแบ่บในห้อง  :mew5: เมื่อไหร่พระเอกจะเลิกโง่(รู้ความจริง)  รอตอนต่อไปปปป

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.11 P.4 (6/04/2560)
«ตอบ #114 เมื่อ06-05-2017 18:13:22 »

​สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : 11













พิษใดในโลกหล้ามีหรือจะเท่าพิษรัก ขนาดโกรธเกลียดชิงชังยิ่งนักแต่ด้วยแรงรัก จะปล่อยวางเฉย ให้คนที่แนบกายนั้นดับดิ้นจะได้หรือ  เทพนภนต์เร่งสะบัดปีกโผบินพากายงามที่ต้องพิษในอ้อมแขนไปยังถ้ำแก้ว  ซึ่งภายในเป็นวิมานสถานแห่งเทพนภาที่งดงามเพราะธรรมชาติสร้างสรรค์มิใช้ฝีมือเนรมิตดั่งวิมานเทพองค์อื่นๆ ถึงจะตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก แต่เวทย์มนต์ของพระฤาษีวิทู ที่สะกดฤทธิ์ของพิษนี้ก็เริ่มคลายลง  ส่งผลให้ชลันธรกระอักโลหิตพิษออกมาจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของตนและนภนต์คนรัก เทพหนุ่มสุดแสนจะเป็นห่วงปานใดก็ได้แต่ภวนาใจให้คนงามนั้นอดทน

‘เจ้าจงอดทนเอาอีกสักนิดเถิดชลันธร…เราจะต้องผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปด้วยกันให้จงได้’

กระแสจิตแสนห่วงใยหมายบอกคนที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ชลันธรยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงของคนรักดังก้องภายในใจ แต่ความร้อนจากพิษร้ายที่รุนแรงราวกับเปลวเพลิงก็พรากรอยยิ้มงามให้หายไป แผดเผาร้อนรุ่มแผ่ทั่วทุกอณูภายในร่างกาย

“ร้อน…อึก..ก…ร้อน…ลันร้อนเหลือเกินพี่นภนต์”

ชลันธรร้องออกมาอย่างทุรนทุรายทั้งที่ดวงตานั้นยังลืมไม่ขึ้นเสียด้วยซ้ำ แต่เป็นความร้อนที่แปลกประหลาดนักเหงื่อกาฬที่เคยมีกลับไม่ผุดพราย ผิวกายที่ขาวซีดแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ปานสีดำรูปนาคาปรากฏขึ้นเด่นชัดที่เรียวขาสวยข้างที่ถูกงูทะเลนั้นฝั่งขมเขี้ยวพิษไว้  พิษสวาทแสนร้ายของนาคากำลังเล่นงานอดีตเทพมหาสมุทรให้ทรมาน

หรือนี่คง...จะเป็นผลพวงของพิษอุบาทว์นี้อย่างที่ท่านอาจารย์บอก... หากมิไปพาพบคนรักแล้ว คงจะไม่ควร เนื่องด้วยการถอนพิษนี้จำต้องร่วมสังวาทประเวณี กายผู้ต้องพิษจะร้อนรุ่มทุรนทุรายจากภายใน และไม่สามารถระบายความร้อนนั้นได้ พิษร้ายจะทำให้ทนทุกข์ทรมานมาก ซ้ำยังจำต้องเกิดกำหนัด หากไม่รีบทำการรักษาให้ทันท่วงทีชลันธรก็จะถึงแก่ความตายในที่สุด... นภนต์เองก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับชลันธรในตอนนี้ เมื่อได้ประจักษ์อาการเหล่านั้นแก่สายตาตนเอง  ยิ่งต้องเร่งแรงบินไปถ้ำแก้วโดยในเร็วไว

ด้วยแรงปีกกระพือบิน บังเกิดลมพายุหมุนอย่างรุนแรง จนต้นไม้ใหญ่หลายต้นบริเวณหน้าถ้ำแก้วหักโค่นจากแรงลมที่นภนต์กระพือปีก  เทพหนุ่มมิได้สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ยามนี้สิ่งเดียวที่เป็นกังวลนั่นก็คือการได้ช่วยเหลือชลันธรให้รอดชีวิต ความขุ่นเคืองภายในใจมลายสิ้น เพียงเห็นร่างบางนั้นทุกข์ทรมานด้วยพิษร้าย

ถ้ำแก้วนั้นงดงามไม่ต่างจากวิมานบนสรวงสวรรค์ของเหล่าเทพยาดา  ในแต่ละคูหาถ้ำนั้นมีแก้วมณีมีค่าแตกต่างกันไป  คูหาแก้วเพชรเป็น คูหาที่นภนต์พำนักอยู่ เมื่อต้องแสงจากโคมประทีป ที่จุดขึ้นพลันกระทบก็ปรากฏแสงระยิบระยับน่าดูชม  นภนต์โอบอุ้มชลันธรที่ดิ้นทุรนทุรายไปมาจนแทบจะอุ้มร่างนั้นไว้ไม่อยู่  ปีกทองเลือนหายเมื่อฝ่าเท้าเหยียบลงผิวพื้นถ้ำ พร้อมด้วยเร่งฝีเท้าไปยังคูหาแก้วเพชร แล้ววางร่างโปร่งให้นอนราบลงบนบรรจถรณ์ไม้จำหลัก

“พี่นภนต์..แค่ก..ช่วยลันด้วย..ลัน..มะ..ไม่ไหวแล้ว” ชลันธรทุรนทุราย มือขย้ำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ เท้าก็ขยับจิกเกร็งไปกับเตียงนุ่ม

นภนต์นั่งลงเคียงข้างบนเตียงกว้างแล้วจับร่างชลันธรให้นั่งพิงอกตน ก่อนจะร่ายมนต์นำถ้วยยาที่ได้จากการผสมน้ำทับทิบสุบรรณทั้งสองถ้วยออกมา แล้วจัดแจงยกดื่มเข้าไปในคราวเดียวถ้วยหนึ่ง ส่วนถ้วยที่เหลือเมื่อพิจารณาดูแล้วหากให้ชลันธรดื่มเอง อาจจะหกจนต้องเสียยา การขับพิษนี้คงต้องล้มเหลว... “ลันเดี๋ยวพี่จะป้อนยาขับพิษนะครับ...อย่างป้วนทิ้งล่ะ” นภนต์จำต้องดื่มเข้าไปอีกถ้วยแต่กลั้นกลืนไว้ เทพหนุ่มโน้มใบหน้าลงแล้วจับปลายคางของคนที่แนบอกให้หันมา นภนต์ประกบริมฝีปากลงที่ริมฝีปากนิ่มแล้วสอดลิ้นเปิดริมฝีปากส่งยาวิเศษไหลผ่านลงเข้าโพรงปากให้ชลันธรได้ดื่ม

“ฮืม.ม…” เสียงครางเบาในลำคอ กายโปร่งกลืนยาที่นภนต์ได้ป้อนให้จนหมด แต่กระนั้นนภนต์กลับมิยอมถอนปากออกยังคงหยอกเหย้าตวัดลิ้นชลันธรที่เกี่ยวลิ้นรับอีกคนอย่างเชื้อเชิญ  ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเริ่มการนี้จะหยุดอธิบายให้คนงามฟังกลางครันวิธีขับพิษคงมิเป็นการดี  นภนต์บดเบียดริมฝีปากแนบชิดยิ่งกว่าเก่าจนไม่มีระยะห่างให้อากาศแทรกผ่านเข้าออก  มือหนาก็ปลดกระดุมเสื้อสีขาวเปื้อนเลือดและกางเกงของคนที่นั่งพิงอกแล้วค่อยๆ ถอดออก แต่มันชักช้าไม่ทันใจชลันธรจึงช่วยถอดอีกแรง ให้เสื้อผ้าน่ารำคาญนี้พ้นๆ จากกายไปให้ไกล เมื่อไร้อาภรณ์ใดๆ ก็เผยให้เห็นผิวกายเนียนแดงก่ำจากพิษนาคา...

หากเป็นเมื่อก่อนชลันธรคงขัดขืนในสิ่งที่นภนต์กระทำล่วงล้ำเช่นนี้ไปแล้ว ด้วยหวงเนื้อหวงกาย ถึงจะเคยให้นภนต์สัมผัสบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม แต่ผลพวงจากพิษราคะร้ายที่กุมใจ ชลันธรจึงมิได้ขัดขืนในสิ่งที่นภนต์กำลังกระทำการล่วงเกิน...กลับปล่อยกายปล่อยใจให้คนเทพผู้มีปีกตักตวงความงามจากกายตน 

นภนต์ดูดปลายลิ้นชื้นแล้วถอนจูบ ชลันธรมองด้วยสายตาที่ฉ่ำเยิ้มแสนยั่วกามรมณ์  ไม่ว่าตอนนี้จะกระทำการใดยามนี้ช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก นภนต์อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มแดงระเรื่อลงฟอดใหญ่ แต่ชลันธรที่ต้องพิษร้ายไม่ได้ต้องการเพียงแค่นี้ นภนต์เองก็รับรู้ได้ด้วยกายบางนั่งบดเบียดสะโพกกลมกับกลางกาย ไหนจะพยายามโน้มหน้าของตนลงก้มต่ำหมายจะจูบต่อ

“ฮื้อ.อ…อืม…พี่นภนต์ช่วยลันที ลันร้อน  ร้อนเหลือเกิน...” เสียงครางหวานร้องระคนคำอ้อนเชื้อเชิญ นภนต์ไม่ยอมจูบแต่กลับก้มลงซุกไซร้สูดดมซอกคอขาวอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากหนาดูดเม้มข้างคอระหงอย่างหื่นกระหาย  บังเกิดร่องรอยสีกลีบกุหลาบรักนับไม่ถ้วนทั่วทั้งลำคอและลาดไหล่เนียน พร้อมกับมือหนาสวมกอดเอวบางไว้แนบแน่น  อีกข้างคอยบดคลึงเม็ดพลายยอดอกสีชมพูหวาน ให้พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจนแข็งขืน  ชลันธรถูกปลุกเร้าอารมณ์สวาท ได้แต่แอ่นอกรับความเสียวกระสันที่นภนต์มอบให้ จนกายบางอ่อนยวบเคลิบเคลิ้มไปกับการกระทำเทพท้องนภา

“อ่า.า..พี่นภนต์..อืม.ม…อ๊า…ฮึก...ฮ้า.า...ช่วยลันด้วย ลันไม่ไหวแล้ว...” ร่างบางวอนขอผู้มีที่ลมหายใจติดขัดรดต้นคอเขาให้ช่วยเหลือปลดปล่อยอารมณ์อยากตัณหานี้  อารมณ์ใคร่ที่ค่อยๆ ทะยานไต่ระดับขึ้นของมนุษย์น้อยในอ้อมกอดจนมากล้น เพียงปลายนิ้วที่ยังสะกิดเล่นเมล็ดบัวบนยอดอกกายบางที่ไร้เครื่องนุ่งห่ม  หรือยามที่มือสากลูบผ่านหน้าท้องที่แบนราบลงไปจนถึงส่วนอ่อนไหวอดีตเทพสมุทร  ร่างบางนั้นดิ้นเร้าครางเสียงกระเส่าขับท่าทางที่แสนยั่วแต่งดงามราวนางกินรีเริงระบำให้ได้ยล

“เสียว…อืม.ม…อ่า.า…อ่ะ เสียวเหลือเกิน” หากไม่เสียวนั่นสิถึงจะแปลก ในเมื่อนภนต์เริ่มนวดคลึงส่วนเนื้อที่เมื่อครู่ยังนิ่มอ่อน ให้แข็งขันอย่างช้าๆ แต่หนักหน่วง สร้างความกระสันรักจนร่างบางสั่นสะท้านมิหยุดหย่อน แกนกายเล็กแข็งขืนขึ้นสู้มือหยาบ นภนต์เองก็ไม่ความคิดที่จะหยุดเพียงเท่านี้ เทวดาหนุ่มรูดรั้งขยับแกนกายของชลันธรขึ้นลงอย่างช้าๆ

“อ่ะ…อ่า..า..อ๊ะ…อื้อ..” ชลันธรปล่อยให้นภนต์ทำตามอำเภอใจ ด้วยหมายระบายแรงใคร่ที่มีมากล้น กายงามเงยหน้าขึ้นบรรจงจรดริมฝีปากดูดเม้มต้นคอแกร่งเทพหนุ่มจนเกิดจ้ำรอยสีรักมิต่างกัน  ความอึดอัดจากความต้องการกันและกันมากขึ้นเข้าครอบงำทั้งสองให้ดำดึ่งสู่ห่วงแห่งกามรมย์ หยาดน้ำใสสีม่วงก็ปริ่มออกมาจากปลายแก่นกายเล็ก

“ลันครับ…ชันเข่าตั้งขึ้นมาให้พี่หน่อยสิครับคนดี”

เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู ราวสะกดใจให้ชลันธรทำตามอย่างว่าง่าย ยามนี้หัวใจนั้นเตลิดไกลไร้เสียงพูด ขาเรียวงามยกตั้งชันเข่าขึ้นและถูกหัตถาจับแยกออก เผยเห็นบุพผางามที่ยังมิเคยมีผู้ใดได้แตะต้อง นภนต์ใช้มัชฌิมา(นิ้วกลาง)ป้ายหยาดน้ำใสของชลันธร ลงลูบวนตามรอยจีบของปากทางรักสีสวยก่อนจะสอดแทรกลิ้นชื้นลงเข้าไปทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน…

“อ้า.......อ้า.........อ้า.........” คนงามเปล่งเสียงหวานครางระงมด้วยรับสัมผัสจากปลายลิ้นที่แปลกใหม่ กายบางแทบหลอมละลายดั่งไขผึ้งเมื่อต้องความร้อน  ด้วยเนื้องามที่นภนต์ใคร่ใฝ่ฝันมานับร้อยๆ ปีนั้นอยู่ตรงหน้า แล้วมีหรือจะไม่กระตือรือร้นตักตวง ยิ่งยามนี้กายงามกำลังขับความงามอย่างถึงที่สุด ฉุดกระตุกเกร็งจิกปลายเท้าเป็นระยะ เมื่อปลายลิ้นเร่งเร้าสัมผัสจุดเร้นลับที่อ่อนไหว แล้วส่งดัชนีร้ายดันเข้าไปสัมผัสภายใน ...ช่างคับแน่น... คือ สิ่งแรกที่นภนต์รู้สึกได้… มันช่างคับแน่นเสียจนนภนต์อดคิดไม่ได้ว่าส่วนนี้จะสามารถรองรับความใหญ่โตของตนได้  นิ้วมือจึงเพิ่มจำนวนจาก 1 เป็น 2 เร่งขยับ และปรับเพิ่มเข้าไปอีกทีละนิ้วเพื่อขยายปากช่องทางให้กว้างขึ้น

“อ๊า...ไม่ ไม่...” นิ้วร้ายเร่งกระแทกเข้าช่องทาง ถึงจะครวญครางแต่กลับร้องห้ามเสียอย่างนั้น แม้ช่องทางจะบีบรัดนิ้วเป็นสัญญาณบ่งบอกความพร้อมของร่างโปร่งก็ตาม...

“ไม่อะไรหรือ คนดี ลันไม่พอใจหรือที่พี่ทำ...อดทนหน่อยเถิดพี่กำลังรักษาลัน” ด้วยสงสัยเสียงห้ามปราม แต่นิ้วร้ายก็ยังมิหมายที่จะหยุดกระทำ

“ไม่ครับ  ไม่เอานิ้ว...” ถึงยามนี้นภาเทพจึงเข้าใจแล้วว่าชลันธร คงอยากให้ส่วนที่แกร่งที่สุดในกายเขาได้เข้าไปในช่องทางที่นิ้วมือกำลังผลุบเข้าออกอยู่เป็นแน่ 

“ใจร้อนเสียจริงคนดี ...ได้...พี่จะทำให้ลันพอใจบัดเดี๋ยวนี้...” นภนต์ถอนนิ้วออกแล้วจัดแจงท่าทางของชลันธร ยันกายบางให้นอนคว่ำราบลงกับเตียง แขนแกร่งสอดรั้งเอวบางตั้งขึ้นให้สะโพกกลมนั้นลอยเด่นชัด  นภนต์ปลดเปลื้องอาภรณ์ที่แสนรุ่มร่ามท่อนล่างออก เผยแท่งร้อนที่พร้อมรบ เมื่อจดจ่อที่ปากทางแล้วจึงค่อยๆ ดันสอดประสานเข้าภายใน ถึงแม้ชลันธรจะโดนพิษร้ายให้เกิดกำหนัดแต่ชลันธรก็ยังบริสุทธิ์ไร้ใครเคยล่วงเกินจุดนี้ ดังนั้นนภนต์จึงระวังให้ชลันธรเจ็บน้อยที่สุด

“อ่ะ…อ๊า.า….เจ็บ!!!...” เสียงร้องว่าเจ็บก็มาพร้อมหยาดน้ำตาใสคลอเบ้าเมื่อความใหญ่โตได้ทะลุผ่านเข้าไป นภนต์หยุดนิ่งไม่ขยับครู่หนึ่งเพื่อให้ร่างกายของคนรักได้ปรับตัว ถึงคนที่ตั้งรับแกนกายที่ใหญ่โตจะเคยเห็นและเคยสัมผัสมันมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่เคยจะให้เข้ามาในกายเขาเช่นนี้  ครั้งแรกกับคนคนนี้ไม่ว่าความเจ็บปวดจะมากมายขนาดไหนก็แสนเป็นสุข...

“ลัน…ผ่อนคลายนะครับ อย่าไปคิดว่ามันเจ็บนะ..เชื่อใจพี่นะ…ลัน” กายหนาก้มลงจรดริมฝีปากจูบพรมแผ่นหลังหวังปลอบโยน นภนต์ทั้งจูบและพูดปลอบ ชลันธรก็ปล่อยกายใจให้ไปตามอารมณ์โดยไม่คิดว่ามันเจ็บของที่นภนต์พูด  ครั้นเทพหนุ่มเห็นสีหน้าไร้กังวลนั้นก็ค่อยๆ เริ่มขยับโยกเข้าออกไปในช่องทางหฤหรรษ์

“อ่า.า…พี่นภนต์ อ่ะ....อ๊ะ..อื้อ.อ…”

“อืม.ม…ลัน”

เพียงขยับเข้าออกเบาๆ ก็เรียกเสียงครางให้กับทั้งสองได้ ในกายนั้นทั้งลื่นทั้งอุ่น จวนทำให้นภนต์แทบคลั่ง เช่นเดียวกับชลันธรที่แม้จะเจ็บจุก แต่กลับสุขสันต์กับบทบาทและลีลารักที่นภนต์กระแทกกระทั้นเข้ามาในกาย พิษบ้าประหลาดอะไรทำไมต้องรักษาด้วยวิธีการเยี่ยงนี้...

ทะเลคลั่งมีหรือจะฤาอิ่ม ไม่เพียงแรงกระแทกกระทั้นอย่างเดียวที่ชลันธรได้รับ ฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปตามแผ่นอกแล้วเลื่อนลงกอบกุมส่วนอ่อนไหวนั้นก็ยิ่งเร้าอารมณ์มากขึ้นไปอีก จนอดไม่ได้เลยที่จะส่งเสียงหน้าอายออกมาลั่นคูหาเพชร

อารมณ์ตัณหาที่มีอยู่ของเทพเวหาถูกปลุกเร้าด้วยเสียงครางหวาน สติเตลิดไกลพาใจที่โชกโชนราวกับเพลิงไฟเผาไหม้ไพรวัลย์ ให้เร่งรัดขยับกายเร็วขึ้น...ไม่เจ็บ แต่เสียวซ่าน...คนที่ถูกกระทำได้แต่ระบายความรู้สึกนั้นผ่ายนิ้วเรียวจิกขยุ้มภูษาที่ปูเตียงจนยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้าเดิมที่เคยงดงาม

“พี่นภนต์…อ่ะ..อ่า.า..พี่นภนต์..อือ..อ…” คนงามเอ่ยชื่อคนรัก พอได้ฟังเทพหนุ่มก็อยากจะเห็นใบหน้าของชลันธรยิ่งนัก ในยามปกติก็ว่างามแล้ว ตอนที่เรียกนามตนนี้ในนาทีนี้จะเป็นเช่นไร นภนต์ถอนกายที่แสนอึดอัดนั้นออก  มือหนาดันคนใต้ร่างให้พลิกกายนอนหงาย  ขาสวยถูกจับยกขึ้นมา ก่อนลากไล่ด้วยปลายลิ้น ผ่านปานดำรูปนาคาขึ้นมาจนถึงท่อนขาอ่อน นภนต์สร้างสัญลักษณ์ด้วยรอยจูบนับสิบไว้กับขาทั้งสองข้าง หากเป็นตอนสติคนงามสติยังดี คงสร้างความปั่นป่วนใจให้กับชลันธรไม่น้อย เพราะต้องปกปิดรอยรักเหล่านี้ไม่กล้าให้ใครต่อใครได้เห็น ไม่รู้สิ่งใดเข้าดลใจ นภนต์คว้าเอาหลังเท้างามเข้ามาใกล้ แล้วก้มจรดพรมจูบลงปลายเท้าอย่างทะนุถนอม แล้วเป่าลมปากอย่างเผ่าเบา

“เพี้ยง...พี่จูบให้แล้ว หายเจ็บหายป่วยไวๆ นะครับ...” ปลอบขวัญคนงามราวเด็กน้อยวิ่งหกล้ม จะมีก็แต่เพียงได้ยิ้มเล็กๆ นั้นกลับมาให้ชื่นใจ  เทพหนุ่มวางเรียวขาสวยพาดไว้ที่ลาดไหล่แกร่งของตน ก่อนจะดันส่วนที่เคยถอนออกมาให้เชื่อมติดกายแนบชิดกันอีกครั้ง

“ซี๊ด..ด….อืม..ม…ลัน”

“อ๊า.า..ฮ้า.า..อืม.ม….พี่นภนต์”

ทั้งสองต่างครวญครางไปด้วยชื่อของอีกฝ่าย พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของกันและกัน นภนต์เร่งเร้าขยับกาย เข้าออกอย่างต่อเนื่อง มือนิ่มของชลันธรก็ปัดป่ายไปมาและโอบกอดที่แผ่นหลังกว้าง เม็ดเหงื่อชื้นผุดพรายขึ้นริมไรเส้นผม จนนภนต์ต้องก้มลงจูบซับแล้วรับรอยยิ้มจากชลันธร เทวดาหนุ่มอดไม่ได้ที่จะมอบจูบแสนหวานให้เป็นรางวัล

“อ่า.า…อ่ะ…อ่า.า…อ่า…พี่นภนต์..อื้อ..อ…พี่นภนต์..อีกนิด…อ่า.า…”

“ครับ…ลัน…ฮืม.ม..”

ครวญเสียงดั่งบทเพลงรัก และไม่มีที่ท่าว่าจะบรรเลงจบ ยังคงดำเนินต่อไปตามท่วงทำนองที่หนักหน่วงเอาการ เสียงเตียงไม้สลักขยับโยกไหวไปด้วยแรงขับเคลื่อน  และแล้วท่อนสุดท้ายของบทเพลงก็มาถึง นภนต์เร่งบรรเลงไม่หยุดจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันเคล้าคลอกับเสียงครางกระเส่า  บทเพลงนี้จบลงด้วยน้ำรักขาวปะปนด้วยสีม่วงดำ ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากกายของร่างบาง ตามด้วยน้ำรักของนภนต์ที่เต็มไปด้วยยาแก้พิษจากผลทับทิมสุบรรณ หลั่งเข้าภายในกายชลันธร  เพียงแค่อึดใจรูปรอยนาคาสีดำที่เรียวขาขาวก็ค่อยๆ เริ่มมีสีจางลงจนนภนต์สังเกตได้

‘เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง…หากร่วมเสพสังวาท พิษในกายของชลันธรจะถูกขับออก รวมทั้งยาในกายเราจะเข้าแทรกช่วยรักษา’

“น้องลัน” นภนต์เรียกคนที่นอนหายใจหอบถี่ แม้ว่าจะดูเหนื่อยแต่สีหน้าของชลันธรนั้นก็ดูดีขึ้นกว่าเก่า ถึงกระนั้นนภนต์ก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ดี

“ครับ..พี่นภนต์” ชลันธรขานรับ ริมฝีปากสีสดก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยให้กับคนรัก

“ดูเหมือนพิษในกายจะยังไม่หมด อยากให้พี่รักษาลันอีกไหมครับ…ปานนาคมันยังไม่จางเลย” นภนต์เอ่ย ฝ่ามือหนาลูบวนที่ปานทมิฬไล่ขึ้นไปตามเรียวขาขาวจนถึงขาอ่อน

“เหรอครับ...งั้นพี่นภตน์ก็ช่วยทำให้ปานนาคมันหายไปด้วยเถอะครับ” ชลันธรพูดเสียงแผ่ว พร้อมซุกใบหน้าไปที่แผงอกกว้างเป็นการยืนยันคำตอบ

“ได้ครับ...คนดี...”  คำขานรับปากตอบกลับคนหน้าสวย พาลส่งให้เทพนภนต์ยิ้มออกมาก่อนจะทำการรักษาถอนพิษร้ายออกจากชลันธรต่อไป . . . เมื่อราตรีผ่านพ้น รุ่งอรุณแห่งทิวากาลเข้ามาแทนที่ หนึ่งเทพ หนึ่งมนุษย์ นอนกอดเกยบนเตียงกว้างหลังจากที่ถอนพิษสวาทร้ายหมดสิ้นในรุ่งสาง นภนต์ผู้เป็นเทพนั้นเพียงได้หลับพักไม่นานก็กลับมามีพละกำลังเฉกเช่นดั่งเดิม  บัดนี้เทพบุตรรูปงามได้ตื่นขึ้นมามองใบหน้าของคนที่เขาห่วงแสนห่วง รักแสนรักที่กำลังนอนหลับใหลก่ายอกกว้างต่างหมอนหนุน

‘ท่านพี่นภนต์…ข้านำดอกไม้ทะเลมาให้ท่านได้ชม’

‘ชลันธรเจ้าอย่าดื้อกับพี่สิ’

‘พี่รักเจ้านะ…ชลันธร’

‘น้องเองก็รักท่านพี่นภนต์’

‘เจ้าโกหก!!!!....เจ้ารักมัน เจ้ารักรพีพงศ์!!!!”

‘เจ้าวางยามารดาของข้า!!! เจ้ามันร้ายกาจ…ชลันธร’

‘เราไม่ได้ทำ…ฮึก..ฮือ..อ…เราไม่ได้ทำ’

เสียงจากอดีตกาลที่แสนชัดเจนที่เกิดขึ้น ก้องดังอยู่ในความคิดของชลันธรดั่งภาพฝัน

‘จุ๊บ’ นภนต์จรดริมฝีปากแตะหน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบาแต่กลับทำให้ดวงตาของชลันธรค่อยๆ เปิด ลืมขึ้นมาเพราะถูกรบกวน

“ลัน…พี่ขอโทษที่ทำให้ตื่น นอนต่อเถอะนะ เดี๋ยวพี่จะกอดลันเอาไว้ไม่ไปไหน...” นภนต์ยิ้มให้พร้อมกับสวมกอดกายบางนั้นไว้ ชลันธรมองนภนต์ด้วยสายตาที่สับสนและงงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ไยถึงได้มานอนกอดก่ายนภนต์อยู่เช่นนี้ ก่อนจะผลักดันกายให้ออกจากอ้อมแขน แล้วรีบลุกขึ้นถอยห่าง กำลังจะก้มมองสำรวจร่างกายของตัวเองก็เห็นกายแกร่งตรงหน้านั้นเปลือยเปล่า เมือก้มมองตกใจที่กายตนนั้นเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน ช้ำยังเต็มไปด้วยร่องรอยการร่วมรัก ชลันธรตกใจมือก็กุมขมับพยายามตั้งสติในสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ครั้งในอดีตที่วนกลับเข้ามาจนชลันธรรู้สึกสับสน  นภนต์นั้นรู้สึกแปลกไปทำไมชลันธรจึงละกายตนไปยืนอย่างนั้น เหมือนว่ากำลังจะสับสนอยู่  มือหนาหมายเอื้อมคว้ากายบางมาให้ล้มลงนอนแนบซุกแผ่นอกของตนครั้ง แต่กลับถูกร่างบางนั้นถอยห่างออกไป

“อย่ามากอดรัดเรา…ท่านนภนต์” คำพูดแสนเย็นชาและสรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้นภนต์ฉงนใจ เหตุใดชลันธรถึงพูดกับตนเช่นนี้ เมื่อราตรีที่ผ่านมามีแต่แนบแน่นด้วยกายเขามิยอมห่าง

“ทำไมลันพูดกับพี่แบบนี้ล่ะครับ...หรือว่าลันจะ...”

“ใช่ เป็นอย่างที่ท่านคิดเราจำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว” ชลันธรพูดเสียงเรียบ

นภนต์ได้ฟังก็ตกใจ เหตุไฉนชลันธรถึงจำเรื่องราวเมื่อครั้งเป็นเทพมหาสมุทรได้ หรือจะเป็นเพราะพิษนาคที่ชลันธรได้รับ นภนต์เก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนจะนั่งมองชลันธรที่รีบดึงภูษาที่บางเบาปิดคลุมกาย

“เจ้าจะปิดทำไมเล่าชลันธร ข้าเห็นกายเจ้าหมดแล้ว มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว ไม่เห็นต้องอายเลย” นภนต์เอ่ย มุมปากยกยิ้มขึ้นมา สรรพนามที่ใช้เรียกก็แปรเปลี่ยนเหมือนเมื่อครั้งเก่าก่อน

“เราไม่ใช่พวกหน้าด้านที่จะเปลือยกายต่อหน้าใคร ถึงท่านจะเคยได้มันไปแต่จากนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้มันอีก...” ชลันธรพูดโต้ตอบกลับไป มือก็สาละวนจับผ้ามาคลุมกายจนมิดชิด

“ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ข้าแต่เป็นรพีพงศ์คนรักเจ้า เจ้าคงจะไม่พูดเยี่ยงนี้แน่” นภนต์ประชดประชัน

“เราก็บอกไปแล้วอย่างไรเล่า...ว่าเราไม่ได้รักรพีพงศ์!!! เราบอกท่านมาตลอด แต่ท่านก็หากระจ่างใจไม่ ซ้ำยังยัดเยียดความผิดให้แก่เรา ว่าเราเป็นคนชั่วช้าที่คบบุรุษในคราเดียวถึงสองคน” ชลันธรโมโหปนน้อยใจ ทั้งที่รักนภนต์มากแม้ว่านภนต์จะตัดสินโทษให้ตนโดนสาป รักทุกขเวทนากรรมหลายร้อยชาติ ถึงอยากจะเกลียด อยากจะโกรธขนาดไหนแต่พอได้อยู่ตรงหน้าเทพแห่งท้องนภา อดีตเทพมหาสมุทรอย่างตนก็แพ้พ่ายให้กับความรักที่ยังไม่เสื่อมคลาย คงมีเพียงนภนต์ที่ลืมรักที่มีไปเสียหมดสิ้น

“เจ้ากล้าสาบานหรือไม่เล่าว่าเจ้ากับรพีพงศ์ไม่เคย….” นภนต์ถามแล้วหยุดพูดต่อ

“ท่านพูดต่อสิ…พูดให้จบ เรากับรพีพงศ์ไม่เคยอะไร” ชลันธรถามกลับ

“ช่างมันเถอะ ถามไปเจ้าก็คงไม่ตอบข้า”นภนต์คว้าภูษาข้างเตียงมาคลุมกายแล้วลุกออกไป

“ท่านจะไปไหนกลับมาคุยกับเราให้รู้เรื่อง!!!” ชลันธรโวยวายไล่หลังทั้งปาหมอนใส่ นภนต์ไม่สนใจชลันธรและเดินออกมายืนที่หน้าถ้ำแก้ว เทพหนุ่มสับสนกับความรู้สึกของตนเอง ทั้งที่ควรเกลียดอดีตเทพองค์นี้ แต่เหตุใดกลับยังรักยังห่วงใจ ทั้งที่อยากทำลายให้ย่อยยับแต่กลับยังถนอมรักษา อุตส่าห์อดทนตัดใจถึงสองร้อยเก้าสิบเก้าชาติแต่พอได้เจอแค่เสี้ยววินาทีเดียวกลับตกหลุมรักหัวปักหัวปำอีกครั้ง ยิ่งตอนเห็นชลันธรกำลังแย่ตนก็กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทั้งที่ควรดีใจที่ชลันธรจะได้สิ้นชีวา ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองในครั้งที่วางยามารดาตน

‘นภนต์….ตัดใจเจ้าควรตัดใจจากความรักจอมปลอมนี้ จำเอาไว้สิว่าชลันธรทำอะไรไว้กับเจ้า เจ้าห้ามใจอ่อนเป็นอันขาด’ นภนต์เตือนสติของตนเอาไว้พลางนึกเหตุการณ์ครั้งเก่า”...

คืนพระจันทร์เพ็ญเวียนหมุนครบกำหนด ชลันธรได้บอกกับนภนต์ว่าไม่สามารถพบเจอได้ แต่คืนนั้นใจนภนต์กลับกระวนกระวายยากที่จะปิดตาหลับลง จึงโบยบินลงท่องในป่าหิมพานต์ ก็พบเห็นรพีพงศ์กำลังโอบกอดชลันธรอยู่ริมสระอโนดาด

‘นี่สินะสาเหตุที่ไม่สามารถพบข้าได้…ชลันธร  เจ้ากลับปฏิเสธข้ามาพบเจอกับรพีพงศ์…เจ้าช่างใจร้ายยิ่งนัก’

นภนต์กำหมัดแน่นยืนสะกดอารมณ์ของตนเอาไว้ยามที่เห็นรพีพงศ์คอยลูบเกศานุ่มของคนรักตน นภนต์ไม่ชอบใจเพราะรู้ว่ารพีพงศ์นั้นคิดเช่นไรกับชลันธร จนนภนต์หึงหวงและทะเลาะกับชลันธรหลายครั้งหลายครา

‘ข้ารักเจ้ารพีพงศ์’

คำบอกรักที่มอบให้บุตรแห่งพระอาทิตย์จากชลันธร ได้ลอยลมเข้าโสตประสาทของนภนต์ที่ลอบมองอยู่ไม่ไกลมากนัก  ด้วยภาพที่ประจักษ์แก่สายตา ถึงกับทำให้เทวายอดนักรบผู้แข็งแกร่งนั้นหลั่งน้ำหยาดน้ำใสออกมา จนต้องหันหลังกลับ นภนต์ทนไม่ได้ที่จะมองภาพเหล่านั้น…ดวงใจที่เคยแข็งแกร่งยามนี้กับปวดร้าวราวเข็มพิษนับพันนั่นพุ่งเข้าทิ่มแทง  ...พิษความรักมันช่างทรมานเหลือเกิน ชลันธร...เจ้าหักหลังและนอกใจเรา...

‘เพล้ง!!’

เสียงของตกแตกดังมาจากในถ้ำแก้ว นภนต์รีบวิ่งกลับเข้าไปด้านในเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับชลันธร โดยไม่รู้ตัวเลยว่าพฤติดรรมของนภนต์ย้อนแย้งกับความคิดเมื่อครู่อยู่มากโข

 ชลันธรที่รู้สึกเหนียวกายคิดอยากจะลงไปชำระร่างกายในสระมรกต ด้านในสุดของคูหามรกตจึงลุกออกจากเตียงแต่พอเท้าสัมผัสกับพื้นความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาส่งผลให้ร่างโปร่งล้มลง มือที่จะค้ำยันโต๊ะก็ปัดไปโดนแจกันจนตกแตก

“เกิดอันใดขึ้น” นภนต์เอ่ยถามคนที่นั่งล้มพับใกล้กับเศษแจกันที่กระจายเต็มพื้น

“เราอยากอาบน้ำแต่เราไม่มีแรงเลยล้มลงกับพื้น” ชลันธรตอบ มือก็จับสะโพกที่กระแทกกับพื้น นภนต์ได้ฟังก็เดินตรงเข้าหาชลันธรแล้วอุ้มชายหนุ่มขึ้นมา

“ท่านอุ้มเราทำไม ปล่อยนะ” ชลันธรตาเบิกกว้างที่อยู่ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นมา

“ข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำ” นภนต์ตอบแล้วอุ้มชลันธรไปยังสระมรกตที่น้ำในสระเป็นสีเขียวมรกตใสช่วยรักษาอาการบาดเจ็บตามร่างกายได้เป็นอย่างดี

“ปล่อยเรา!!!! เราเดินเองได้!!!! ปล่อยเราบอกให้ปล่อยเรา ไม่ต้องมาอุ้มเรา!!!” ชลันธรโวยวาย มือก็ทุบตีอกนภนต์ไปด้วย

‘ตูม!!!!’

กายบางที่ดื้อรั้นถูกเทพหนุ่มโยนลงไปในสระมรกตจนสายน้ำสาดกระเซ็นกระจายออกมานอกเป็นวงกว้าง ชลันธรรีบตะกายน้ำขึ้นมาจนโผล่สู่ผิวน้ำ คนงามสำลักน้ำออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องนภนต์ที่ยืนอยู่ใกล้ขอบสระอย่างแค้นเคือง

“ท่านโยนเราลงในสระทำไม ท่านนภนต์!!!” ชลันธรถามด้วยความไม่พอใจ

“ก็เจ้าบอกให้ข้าปล่อยเจ้า ข้าก็ปล่อย” นภนต์บอกหน้าตาย ในใจก็แอบขำอยู่ไม่น้อย

“ท่านโยนเราลงมา เรากำลังเจ็บไม่รู้หรอกเหรอ…ท่านนภนต์ท่านทำเราเจ็บแท้ๆ ท่านมันใจร้ายที่สุด” ชลันธรตัดพ้อ

‘เรื่องที่เจ้าเจ็บถึงข้าจะทำก็จริงแต่ก็เพื่อช่วยรักษาชีวิตเจ้า...หากข้าใจร้ายอย่างที่เจ้าว่า...ข้ามิปล่อยให้เจ้าตายด้วยต้องพิษนาคานั่นแล้วหรือ...แต่ถึงข้าจะร้ายอย่างไรก็คงไม่ร้ายเท่าเจ้าหรอกชลันธร...ร้ายที่ทำให้ข้าสับสน ร้ายที่ทำให้ข้ารักเจ้าไม่เสื่อมคลาย’



































...........................................

ฉันแพ้ให้เธอทุกทาง...โอ้ ที่รัก

สุดท้ายนภนต์ก็รักชลันธรอยู่ดี ไอ้ที่วางท่านี่คืออะไร๊!!!! ไหนบอกจะขัดขวางน้อง ขัดขวางสิโว้ย!!! เด็กนั่นวางยาแม่แกนะเว้ย!!!! #ทีมคนบาปอยากให้ผัวทุบตีเมีย

ตอนนี้ไม่มีอะไรมากก็แค่รักษา ถอนพิษเฉยๆ ไรท์ไม่ถนัดเลยค่ะแถมโดนแก้เยอะ ต้องขอบคุณพี่สาวสุดสวยที่คอยบรีฟงานไง สกิลคำจึงงดงามขึ้นมามากโข อันตัวไรท์ยังติดนิสัยNC หยาบๆตรงๆอยู่ ขนาดแก้แล้วสุดท้ายก็แก้อีก แก้จนจะเปลือยกายแล้ว 55555 ผลก็คือนิยายอัพช้าเพื่อที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด โปรดให้อภัยด้วยนะคะ



สุดท้ายนี้เช่นเดิม ขอบคุณ ขอบใจ ขอบพระทัย ไอเลิฟยู ทั้งผู้อ่าน ผู้เม้น ผู้ติดตาม ผู้เป็นกำลังใจ รักนะทุกคน




ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.11 P.4 (6/04/2560)
«ตอบ #115 เมื่อ06-05-2017 19:10:02 »

ความคิดขัดแย้งกับการกระทำจริงๆท่านนภนต์เนี่ย :ruready

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.11 P.4 (6/04/2560)
«ตอบ #116 เมื่อ06-05-2017 19:17:23 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.11 P.4 (6/04/2560)
«ตอบ #117 เมื่อ06-05-2017 22:39:43 »

น้องลันคงใกล้ได้เอาคืนแล้ว

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.11 P.4 (6/04/2560)
«ตอบ #118 เมื่อ06-05-2017 23:54:04 »

ถอนพิษเสร็จดราม่าซะงั้น!?

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.11 P.4 (6/04/2560)
«ตอบ #119 เมื่อ06-05-2017 23:55:33 »

นภนต์แพ้ใจตัวเองที่รักชรันธร อิอิ
  รออ่านตอนต่อไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด