สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ  (อ่าน 97138 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #180 เมื่อ02-07-2017 09:30:40 »

 :a1: แปลงร่างเป็นจิ้งจกไปเกาะขอบเตียงแทนละกัน

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #181 เมื่อ02-07-2017 09:38:26 »

อุรพีนี่สาววายป่ะ 555

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #182 เมื่อ02-07-2017 09:50:07 »

ผัวตามมางัอแล้ว ใจอ่อนอีกตามเคย 555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #183 เมื่อ02-07-2017 12:09:03 »

 :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #184 เมื่อ02-07-2017 17:30:40 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #185 เมื่อ02-07-2017 18:06:57 »

เดี๋ยวนะ แอบงง
ยกเลิกพิธีแต่งงาน เพราะผิดกฎของเผ่าพันธุ์ แต่ร่วมหอ (ตามความคิดคนอื่นที่ไม่รู้เรื่อง) ได้เหรอ
งั้นมันไม่ใช่การสนับสนุนให้ผิดจารีตหรืออย่างไร

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #186 เมื่อ02-07-2017 18:34:47 »

เดี๋ยวนะ แอบงง
ยกเลิกพิธีแต่งงาน เพราะผิดกฎของเผ่าพันธุ์ แต่ร่วมหอ (ตามความคิดคนอื่นที่ไม่รู้เรื่อง) ได้เหรอ
งั้นมันไม่ใช่การสนับสนุนให้ผิดจารีตหรืออย่างไร




คนในเผ่าเขารับรู้อยู่แล้วว่าผิดจารีตตั้งแต่แรก ดูได้จากที่พวกไม้หอมผาแดงไปตักน้ำค่ะว่าอุรพีพาชายมา มีงานหรือไม่ก็ผิดารีตตั้งแต่ต้นเนื่องจากในความเข้าใจของคนอื่นคือสองคนนี้ร่วมรักกันไปแล้วค่ะ ถ้าสมับนี้คือหนีไปอยู่ด้วยกันพ่อแม่รับรู้แต่ไม่จัดงาน ซึ่งไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างเพราะความจริงมันไม่ใช่อย่างนิยายหรือโชคดีแบบอุรพีนะคะ #ข้อคิดนิดนึง #ขอบคุณสำหรับคำถามทำให้ท่านยุ่งฉุกคิดมาได้

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #187 เมื่อ02-07-2017 23:15:07 »

โอยยยยยยยยคุณนภนต์ ท่านเป็นไพโบล่าหรือไม่ เดี๋ยวเต๊าะ เดี๋ยวด่า เดี๋ยวรัก เดี๋ยวแค้น โอยยยยย ข้าตามท่านไม่ทันจริงๆ =____=

เกลียดสุดคือประโยคนี้
"ข้าเองก็มั่นใจว่าเมียข้าทำใครท้องไม่ได้”
ของท่านนภนต์มาก อะไรจะมั่นใจปานนั้น หมั่นไส้555555

สนุกดีค่ะ ตามต่อไป เย่ รอวันน้องลันได้พิสูจน์ตัว

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.17 P.6 (1/07/2560)
«ตอบ #188 เมื่อ06-07-2017 12:25:17 »



สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : 18















ผืนพนากันติทัตนั้นแสนกว้างขวางทั้งยังรกทึบ การจะตามใครสักคนนั้นมิต่างอะไรกับงมเข็มเล่มเล็กในมหาสมุทรที่แสนกว้างใหญ่  ทั้งรพีพงศ์และนาคินทร์ที่ดั้นด้นเดินทางตามหานภนต์และชลันธร บัดนี้ทั้งสองก็ได้เข้าสู่ป่ากันติทัตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่นาคินทร์ได้ล่ำลาอาชามีปีกอย่างมารุตเป็นที่เรียบร้อยและกว่าจะจากลากันได้นั้นก็ใช้เวลาพักใหญ่  ก็พ่อมารุตของนาคินทร์นั้นต้องการที่จะเดินทางไปด้วย

“พ่อมารุต ไม่ต้องตามข้าดอก พ่อกลับไปที่ของพ่อเถิด” นาคินทร์เอ่ยกับมารุตที่ไม่ยอมกลับไป ทั้งยังจะเดินตามทั้งคู่เข้าไปยังป่ากันติทัต

‘ฮี้..ฮี่..’ มารุตร้องครางเสียงอ่อนเบาๆ บ่งบอกความเศร้าที่มี ไม่ว่าจะเป็นเทวา มนุษย์ธรรมดาหรือแม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เมื่อมีจิตเชื่อมถึงกันก็ล้วนแต่มีมิตรภาพผูกพันดังเช่นมารุตกับนาคินทร์

“พ่อเป็นห่วงข้าอย่างนั้นหรือ” นาคินทร์ถามต่อ มารุตไม่ได้ร้องออกมา เจ้าม้าปีกกลับใช้ภาษากายแทน ใบหน้ายาวนั้นคลอเคลียไล่ไปตามบ่าอย่างอาวรณ์ นาคินทร์เผยยิ้มออกมาเล็กน้อบ นึกเอ็นดูอาชามีปีกตัวนี้เสียจริง มือเรียวยื่นพลางไปลูบที่แผงขนคอเบาๆ

“พ่อไม่ต้องห่วงข้า ผัวข้าเป็นถึงบุตรแห่งเทพทินกร เขาไม่ปล่อยข้าให้เป็นอันตรายดอกนะ” นาคินทร์กระซิบข้างใบหูใหญ่เมื่อต้องโป้ปดให้รพีพงศ์เป็นคนรัก มารุตหันชำเลืองมองหน้ารพีพงศ์ที่ยืนมองม้าหนึ่งตัวกับนาคาหนึ่งตนด้วยความหมั่นไส้ เพราะล่ำลากันอยู่นานทำให้การเดินทางนั้นล่าช้า แต่จะโวยวายก็ใช่ที่เพราะถ้าไม่ได้ทั้งสองก็คงมาที่นี่ได้ล่าช้าเช่นกัน ว่าแล้วก็เลิกสนใจนาคากับเจ้าม้าแกลบ ก่อนจะถอยห่างออกไปยืนอีกด้าน

“เจ้าพูดอันใดหรือ เจ้าม้ามารุตจึงยอมกลับไป” เมื่อนาคินทร์ที่จูงมารุตรีบเดินตามเข้ามาใกล้ผู้ที่ถูกนาคน้อยอุปโลกให้เป็นผัวเอ่ยถาม ทำให้ใบหน้าขึ้นสีก่อนจะรีบส่ายหน้าไปมา

“ไม่มีอันใดสำคัญดอก ท่านอย่าใส่ใจเลย ข้าว่าเราขอบคุณมารุตกันดีกว่า” นาคินทร์บ่ายเบี่ยงเชิญชวนร่างสูงกล่าวขอบคุณสัตว์พาหนะที่มาส่งทั้งสองถึงป่ากันติทัตแห่งนี้

“ข้าขอบน้ำใจเจ้ามากมารุต ที่ยอมมาส่งข้ากับนาคินทร์” รพีพงศ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน แม้น้ำเสียงจะนิ่งแต่แฝงถึงความจริงใจ

‘ฮี้…’ มารุตรับรู้ความจริงใจของรพีพงศ์ท่าทีของม้าปีกดำเองก็ดูจะอ่อนลงกว่าแต่ก่อน

“ข้าต้องไปแล้วนะพ่อ ข้าหวังว่าจะได้พบพ่ออีกครั้ง…ข้าขอบใจพ่อจริงๆ” นาคินทร์เอ่ย มารุตเองก็คลอเคลียบ่าเล็กเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลากันไปในเส้นทางของตน

ดวงตาคู่สวยฉายแววความโศกเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนรพีพงศ์รับรู้ความรู้สึกของนาคินทร์ที่คงจะเสียใจที่จากลากัน หากความโศกานั้นกลับอยู่กับนาคาผู้นี้ได้ไม่นาน เมื่อย่างเข้าสู่ป่ากันติทัต ที่เต็มไปด้วยสรรพสิ่งที่น่าสนใจให้นาคินทร์คลายความเศร้าไปได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณหรือจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมากมายหลากหลายชนิดนั้นสามารถเรียกร้อยยิ้มของนาคินทร์ให้ปรากฏบนใบหน้างดงามนี้

“ท่านรพีพงศ์ ดูนั่นสิ...กวางสีขาวตัวนั้นสิที่เขาของมันเป็นสีทองด้วย ช่างงดงามยิ่งนัก ไม่เหมือนกับที่โลกมนุษย์เลยนะกวางส่วนมากขนสีน้ำตาลทั้งนั้น” นาคน้อยกระตุกแขนของผู้ร่วมเดินทางแล้วชี้ให้ดูมฤคาขนขาวที่เดินเล็มยอดหญ้าห่างจากทั้งสองไม่ไกลนัก รพีพงศ์เองก็มองตามแล้วยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้หาใช่รอยยิ้มที่เกิดจากการพบเห็นกวางแต่เป็นรอยยิ้มเอ็นดูกับความสดใสราวกับเด็กน้อยของนาคินทร์

“ท่าน..นั่น…กระต่ายใช่หรือไม่”

“นั้นก็คล้ายตัวกระรอก แต่ทำไมมันเหมือนจะร่อนและบินได้ด้วย…ทะ…ท่านรพีพงศ์ กระรอกมันบินข้ามต้นไม้ดูสิ...”

ไม่ใช่แค่กวางเผือกเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งใดในป่าแห่งนี้ ทุกสรรพสิ่งที่นาคินทร์ได้พบเจอก็ล้วนทำให้ตื่นเต้น นาคินทร์เองก็ไม่ต่างอะไรกับชลันธรที่ไม่ค่อยได้ออกจากนครบาดาล พอได้ออกมาก็ใช้ชีวิตอยู่โลกมนุษย์แต่และใจก็อยู่ภายใต้การควบคุมของ…กนธี

‘ท่านกนธี’ พอนึกถึงบุรุษที่เป็นรักแรก ร่างบางกลับหยุดกระโดนโลดเต้น ดวงใจน้อยๆ ก็พลันเจ็บแปลบแสนเจ็บปวด สำหรับนาคินทร์แล้วกนธีนั้นคือบุรุษผู้สง่างามและเก่งกาจที่สุดในสายตา ที่สำคัญที่สุดคือได้เล็งเห็นค่าในตัวของนาคินทร์ จากนาคชั้นต่ำที่มีชีวิตอยู่กันเพียงสองแม่ลูกใต้ร่องเหวท้องทะเลลึก ถูกกนธีพบเข้าโดยบังเอิญเมื่อครั้งที่ค้นหาดวงใจพระสมุทรครั้งใหญ่ และเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถทำให้ตนนั้นต้องการความรัก แต่ในยามนี้เมื่อไม่เป็นที่ต้องารแล้ว ก็จะลืมเลือนไปให้หมดสิ้น นึกย้อนไปก็สมเพชตัวเองเสียจริงที่ตอนนั้นคิดสั้น ครั้นจะอยากกลับลงน้ำไปหาแม่ก็ไม่ได้  เมื่อชีวิตเป็นของตนก็จะขอใช้ชีวิตนี้อย่างอิสระ เพราะเวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีนั้นไม่เคยรอใคร ทุกเรื่องที่กำลังจะเข้ามานาคินทร์อยากให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้

“นาคินทร์ เจ้าเป็นอันใด” รพีพงศ์ที่ปล่อยให้เชลยของตนวิ่งวุ่นเดินชมป่า ถึงกระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของตนที่อยู่ดีๆ ก็หยุดนิ่ง แม้แต่มุมปากที่เคยยกยิ้มตอนนี้กลับหายไป

“ข้าหาได้เป็นอันใดไม่ เพียงแต่เหนื่อยนิดหน่อยก็เท่านั้น” เพียงคำแก้ตัวให้อีกฝ่ายมิรู้ด้วยสาเหตุ ก่อนพลางเบือนใบหน้าทำทีมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้รพีพงศ์ผิดสังเกตได้

“คิดถึง อาลัยอาวรณ์เจ้ามารุตหรือ...” มิรู้ด้วยเหตุ เทพหนุ่มจึงเอ่ยถาม 

“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะคิดมิได้หรือ ในชีวิตข้าจะมีสิ่งรักและผูกพันธ์เพียงกี่สิ่งกัน...”  ตอบไปตัดเพ้อดั่งว่า นาคน้อยก็ยังคงปกปิดเรื่องของกนธีต่อไป

“ข้าขอโทษ...” ช่างแปลกใจทั้งคนพูดและคนฟัง  นาคินทร์ไม่นึกว่าจะได้ยินคำๆ นี้จากปากรพีพงศ์

“มิเป็นไร...ว่าแต่กลิ่น...กลิ่นหอมนี้มาจากไหนกัน” กลิ่นหอมชวนดอมดมลอยตามลมฟุ้งทั่วบริเวณ นาคินทร์ที่สัมผัสได้กลิ่นนี้เดินตามหาที่มาของกลิ่นจนไปพบกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปก็พบกับมวลผกาสีขาวกำลังผลิบานอยู่เต็มต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า

ต้นพะยอมยักษ์ที่เติบใหญ่ในป่ากันติทัตนานนับสหัสวรรษ ในปีหนึ่งนั้นต้นพะยอมนี้จะผลิดอกสีขาวนวลออกมาให้มวลหมู่ภมรได้เคล้าคลอเคลียดูดดื่มน้ำหวานอยู่เพียง 1 สัปดาห์ หากแม้นผู้ใดได้สัมผัสกลิ่นดอกพะยอมแห่งแดนหิมพานต์นี้ ก็ล้วนหลงใหลเฉกเช่น แมลงภู่ ผึ้ง ผีเสื้อเหล่านี้ ที่กระพือปีกบินวนมิยอมออกห่าง รวมไปถึงนาคินทร์ที่ต้องมนต์ความหอม บัดนี้นาคน้อยนั้นก็เดินเข้าไปใต้ร่มเงาแห่งต้นพะยอมนี้

ดั่งต้องมนต์เมื่อแรกเห็น ร่างอรชรย่อกายลงนั่งแล้วก้มเอื้อมมือเก็บดอกพะยอมที่ร่วงหล่นลงบนพื้นมาไว้ที่ฝ่ามืออีกข้าง หยิบจับขึ้นดอมดมกลิ่นหอมพลางเรียกความสุขและรอยยิ้มกลับคืนสู่นาคินทร์อีกครั้ง เห็นทีนาคินทร์ต้องขอบคุณต้นพะยอมยักษ์นี่เสียแล้วที่ทำให้ลืมความทุกข์ไปช่วยขณะ

“ท่านรพีพงศ์ ท่านลองมาดมดอกพะยอมดูสิ แม้จะร่วงตกลงพื้นดินแต่กลิ่นหอมก็หาได้หมดไป” นาคินทร์ยืนขึ้นแล้วหยิบดอกพะยอมยื่นให้เทวินทร์รูปงามที่เดินตามมาติดๆ ได้ลองดมดูบ้าง

“ท่านลองดมดูสิ” นาคินทร์ยื่นดอกพะยอมในมือจ่อที่ปลายจมูกคมหมายให้รพีพงศ์นั้นเพลินใจ ด้วยความไร้เดียงสาหารู้ไม่ว่าตนกำลังจะมีภัย

…‘กลิ่นเอ๋ย…กลิ่นพะยอมแก้ว ความหอมเจ้านั้นหาสิ่งใดได้เปรียบเว้นเสีย...นาคาตรงหน้าข้า’… สูดดมเพียงเล็กน้อย กลิ่นผกาในหัตถาเล็กหาใช่เพียงส่งกลิ่นหอมธรรมดาให้ชื่นใจแต่ยังปลุกเสน่ห์ในตัวของผู้ที่ได้สัมผัส รพีพงศ์ต้องมนต์กับดักสิเน่หาพะยอมเข้าให้แล้ว…อันนาค งู นั้นโดยปกติก็มีกายที่ยั่วยวน พอได้ผนวกกับกลิ่นหมอจากดอกพะยอมนี้ ยิ่งทำให้รัชทายาทบัลลังก์พระอาทิตย์เริ่มลุ่มหลง แทบครองสติตนไม่อยู่

“เจ้าออกไปก่อน...ไปให้ไกลจากข้าก่อน...” รพีพงศ์พยายามข่มใจตนเอาไว้มิอยากให้ตัณหาเข้าครอบงำจิตใจแล้วทำร้ายนาคินทร์จนผิดคำสัตย์สัญญาที่เคยให้ไว้

“ท่านเป็นอะไรไป...อยู่ดีๆ มาไล่ข้าเยี่ยงนี้ไม่กลัวข้าหนีหรอกหรือ...” นาคินทร์แสร้งถาม ในใจก็ตั้งคำถามว่าเหตุใดรพีพงศ์ถึงมีท่าทางแปลกไปจากเดิม

“อย่าพูดมาก ข้าสั่งให้เจ้าออกห่างไปก่อนก็ออกไปเสียสิ ไปให้ไกลข้าบัดเดี๋ยวนี้!!!” ต้องเอ่ยตะคอกเสียงดังด้วยหวังให้นาคน้อยนั้นปลอดภัยจากความไม่มั่นใจของตน เม็ดเหงื่อร้อนเริ่มผุดพรายเต็มหน้าผาก จากแรงกำหนัดที่พุ่งทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบข่มใจไว้ไม่อยู่เสียแล้ว นาคินทร์พอโดนรพีพงศ์ขึ้นเสียงใส่ก็ตกใจมิใช่น้อย หากก็ยังไม่ทำตามคำสั่งอยู่ดี

“อย่าเพิ่งโมโหโกรธาข้าสิท่านรพีพงศ์ สูดดมกลิ่นดอกพะยอมหอมๆ นี่อีกเสียก่อนแล้วท่านจะอารมณ์ดี” แทนที่จะออกไปให้ไกลตามสั่ง นาคินทร์ผู้มิรู้เดียงสากลับเดินเข้าหารพีพงศ์ มือเรียวถือดอกพะยอมยื่นจ่อใต้จมูกโด่งให้รพีพงศ์ได้สูดดม

ตอนนี้ดอกพะยอมนั้นไม่ใช่สิ่งที่สุริยะบุตรสนใจ ด้วยอารมณ์ดิบถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอยู่เหนือสติเสียแล้ว หัตถาใหญ่ที่เคยกุมดาบบัดนี้กลับจับกุมข้อมือเล็กกระชากกายบางเข้าหาตน แขนยาวที่ว่างเข้ากอดรัดเอวนาคาตรงหน้าไว้ไม่ให้หนี พร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงจุมพิตหนักยังริมฝีปากสีแดงสด นาคินทร์พยายามขัดขืนบ่ายเบี่ยงแต่มิอาจสู้แรงได้ ริมฝีปากบดเบียดเต็มแรงจนรู้สึกแสบร้อนดั่งไฟรน นาคน้อยจึงไม่อาจทนเผยอปากให้ลิ้นร้อนเข้ามาหยอกเย้าด้วยความเอาแต่ใจ

“อื้อ..อืม…” นาคินทร์ร้องท้วงในลำคอ ยามที่ฝ่ามือที่กอดรัดเอวเมื่อครู่ เริ่มลูบไล้ตามเอวคอดลงมาแล้วสอดเข้าไปในสาบเสื้อ ผิวนุ่มลื่นมือชวนให้รพีพงศ์อารมณ์พลุ่งพล่านกว่าเก่า เทพหนุ่มลูบวนที่หน้าท้องที่หดเกร็งเพราะความเสียวซ่านลากผ่านขึ้นไปยังแผ่นอกบางที่ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีสดทั้งสองข้าง

“อื้อ….” กายบางดิ้นเร่าขยับกายหนี อยากจะร้องออกมาดังๆแต่ถูกอีกฝ่ายปิดปากเอาไว้ ยิ่งนิ้วโป้งบดขยี้ยอดอกร่างกายนั้นก็เหมือนจะหมดแรง

รพีพงศ์ดันนาคินทร์ให้แผ่นหลังชิดกับลำต้นของต้นพะยอม จึงถอนจูบ หลังจากที่อิ่มเอมกับการตักตวงความหวาน ปลายจมูกคมซุกไซ้ลงที่ซอกลำคอ สูดขาวดมกลิ่นหอมแห่งตัณหาที่เหนือกว่าดอกพะยอมหรือมวลบุษบาที่เคยได้พบเจอ แม้จะเคยลิ้มลองครั้งหนึ่งแล้วแต่ครั้งนี้นั้นแตกต่าง...ด้วยแรงฤทธิ์ร้ายกลเสนห่าแห่งดอกพะยอม

“ทะ…ท่านรพีพงศ์ หยุด…อื้อ..ข้าเจ็บ”  นาคินทร์ร้องขอออกมา เมื่อถูกรพีพงศ์ดูดเม้มหนักจนเกิดรอยช้ำ

…‘สุดท้ายทุกคนก็เหมือนกันหมด คำพูดที่สัญญาไร้ซึ่งน้ำหนักดั่งลมปากที่บางเบา…มองเห็นข้าเป็นเพียงที่ระบายตัณหา’… คิดแล้วก็นึกน้อยใจตนเองที่เกิดมาเป็นได้เพียงเบี้ยล่างเท่านั้น มิใช่ชนชั้นสูงที่ใครใคร่ถนอม ในขณะที่ถูกรพีพงศ์เล้าโลมร่างกายจนอ่อนระทวย ภาพความทรงจำที่ถูกเทวาผู้นี้ขืนใจก็ปรากฏขึ้นมา เพียงแค่คิดน้ำตาเม็ดใสก็หลั่งรินออกมาอาบแก้มขาว

“ท่านรพีพงศ์…ฮือ..หยุดเถิด..ข้าขอร้อง” นาคินทร์ร่ำไห้เว้าวอนขอความเมตตาจากผู้ที่กำลังหื่นกระหายร่างกายของตนราวกับสัตว์ป่าร้ายที่กำลังลิ้มรสเหยื่อแสนโอชะ

คำขอร้องที่ถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตา แต่ทว่าอีกฝ่ายหาได้สนใจไม่ ด้วยบัดนี้สำนึกผิดชอบชั่วดีนั้นจางหายไป กระหายตัณหาที่จะได้ครอบครองเสพสมนาคาเนื้อหวานเข้ามาครอบงำในจิตใจแทน รพีพงศ์เลื่อนมือลงมานวดเค้นบั้นท้ายก่อนจะปลดผ้าที่ปกปิดกายท่อนล่างจนร่วงหล่นลงกองกับพื้นเช่นเดียวกับหัวใจของนาคินทร์     …‘นี่ข้า...จะต้องพลีกายให้ท่านอีกแล้วหรือ...ท่านรพีพงศ์’…

…‘เจ้านาคเอ๋ย ฟังคำข้าเอาไว้ ความรักและหัวใจของเจ้ามันมีค่ายิ่งนัก จงมอบให้คนที่เห็นคุณค่าในตัวเจ้าเถิด’… ชั่วเสี้ยววินาทีแห่งความคิดนั้น นาคินทร์ที่กำลังจะถอดใจมิรู้ด้วยสิ่งใดนั้นดลใจให้หวนนึกถึงคำที่ฤาษีวิทูได้กล่าวไว้กับตน... เมื่อได้สติจึงได้ตระหนักว่าตนนั้นถึงแม้จะอยู่ในฐานะเชลยแต่ก็จะต้องปกป้องเกียรติของเอาไว้ไม่ให้ใครย่ำยีได้อีก

“หยุด!!!...หยุดกระทำเช่นนี้กับข้าบัดเดี๋ยวนี้!!!  ท่านรพีพงศ์…ฮึก…ไหนสัญญากับข้าแล้วมิใช่หรือ...มีสติแล้วนึกถึงคำมั่นที่ท่านลั่นวาจาสิ...ว่าจะไม่ขืนใจข้า!!!... ท่านรพีพงศ์!!!....ฮึก..ฮือ..” กำหมัดเล็กทุบตีไปตามแผ่นหลังกว้างปากก็ร้องออกมาดังก้องและดูเหมือนว่าครั้งนี้จะได้ผล รพีพงศ์มีกำลังต้องกำหนัดมนตราพะยอม ได้สติขึ้นมาและหยุดการกระทำหยาบโลนของตนลง

“ฮือ…ฮือ…ฮึก..ฮือ…” ร่างเล็กร้องไห้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น มือเรียวดึงผ้าที่หล่นอยู่มาปกปิดกาย รพีพงศ์มองตามก็รู้สึกผิดที่ทำร้ายคนตรงหน้า

“นาคินทร์…เอ่อ…ข้า..” รพีพงศ์นั่งลงแล้วเอื้อมมือไปแตะบ่าที่สั่นเทิ้มแต่กลับถูกนาคินทร์เบี่ยงกายหนี ตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาพอมองลึกลงไปก็พบว่ามีทั้งความเสียใจ ผิดหวังและความกลัว

“ท่านเห็นข้าเป็นเพียงเชลย เป็นเพียงนาคชั้นต่ำไร้ค่าใช่หรือไม่ จึงได้กระทำกับข้าเยี่ยงนี้…ฮือ…ทั้งที่ท่านเคยสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายข้า หากข้าทำดีกับท่าน…ฮึก..แต่แล้วทำไมท่านยังทำ…ท่านไม่ต่างอะไรกับคนใจร้ายที่ทำร้ายจิตใจข้า” ต่อว่าไปพลางสะอื้นไห้ให้อาดูร รพีพงศ์ผู้นี้คงไม่ต่างอะไรกับกนธีผู้ที่ตนเคยรัก

“นาคินทร์...เจ้าหยุดกรรแสงก่อนแล้วฟังข้า” รพีพงศ์รู้สึกผิดจับใจและอยากจะอธิบายสาเหตุที่ทำให้ตนนั้นเกิดกำหนัดจนควบคุมตนเองไม่ได้

“ข้าไม่ฟัง..ฮึก..ไม่ฟัง” นาคินทร์ไม่อยากจะได้ยินคำพูดของเทพผู้ไม่รักษาสัญญาอีกต่อไป

“เจ้าดื้อกับข้าอีกแล้ว” รพีพงศ์ดึงนาคินทร์เข้ามากอดหวังปลอบ แม้จะถูกนาคน้อยขัดขืนก็ตาม

“ปล่อย…ปล่อยข้า!!”

“ข้าไม่ปล่อยจนกว่าข้าจะพูดจบ เจ้าเห็นดอกพะยอมนี่ไหม ดอกพะยอมที่เจ้าเก็บมานั้นเป็นดอกพะยอมพันปีที่เหล่านางฟ้า นางสวรรค์ นำไปบดเป็นผงเพื่อทากายในยามที่ถูกเรียกให้รับใช้เหล่าทหารเทวา ฤทธิ์ของดอกพะยอมพันปีนั้นคือทำให้คนที่ต้องจับมีเสน่ห์ เย้ายวน แก่ผู้ที่ได้พบเห็นจนเกิดกำหนัดได้”

“ถ้าเยี่ยงนั้น…” นาคินทร์พอจะเดาออกแล้วว่าเหตุใดรพีพงศ์ถึงได้เข้ามาปลุกปล้ำ

“ใช่...อย่างที่เจ้าคิดนาคินทร์ เจ้านั้นเก็บดอกพะยอมผนวกกับพวกนาคมีกายเย้ายวนอยู่แล้ว ข้าจึงได้ปฏิบัติกับเจ้าเยี่ยงนี้....คือ ข้า....”

“แล้วเหตุใดจึงไม่บอกข้าเล่า ข้าจะได้ไม่ต้องสัมผัสดอกพะยอมนี้” นาคินทร์พูดเสียงแผ่ว กลับกลายเป็นว่าตนก็มีส่วนผิดที่ไปสัมผัสดอกพะยอมพันปี

“ก็เจ้าวิ่งถลาเข้าไป ข้าก็พูดห้ามไม่ทัน พอข้าไล่เจ้าให้ออกห่าง เจ้าก็ยิ่งมาใกล้ข้าอีก ข้าก็ลืมเรื่องดอกพะยอมนี้ไปชั่วขณะเสียด้วย...ก็เลยมิได้เตือนเจ้า”

“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ข้าเป็นคนผิดสินะ” นาคินทร์เอ่ย…‘ทั้งที่รู้อยู่ว่าดอกพะยอมอันตราย ไฉนจึงไม่บอกตอนขับไล่ข้า แสร้งตอบว่าลืม...มีหรือข้าจะเชื่อท่าน’…

“ข้าขอโทษ” รพีพงศ์กระซิบข้างใบหูนิ่ม เทพหนุ่มรู้ตัวดีว่าตอนนี้นาคินทร์คงไม่พอใจที่สถานการณ์พาไปให้เหมือนทุกอย่างเป็นความผิดของคนในอ้อมกอดจึงได้เอ่ยคำขอโทษที่กลั่นออกมาจากใจ นาคินทร์ที่ได้รับคำขอโทษนั้น ถึงจะไม่แน่ใจนักว่าเทพหนุ่มจะมาไม้ไหนกับตนอีก แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ถึงจะยังตีหน้านิ่งไม่ยอมผ่อนทีท่าคลายกังวลให้

“ไม่รู้...ข้าโกรธท่านอยู่ดี…ท่าน..ท่านทำข้าเจ็บ ไม่ใช่คนรักกันจะมาทำแบบนี้กับข้ามิได้...” นาคินทร์เอ่ยออกมา รพีพงศ์จึงยอมผละอ้อมกอดแล้วไล่สายตาดูร่องรอยที่ตนได้ฝากเอาไว้บนกายบาง…ไม่แปลกใจเลยหากนาคินทร์นั้นจะไม่พอใจตน

“เจ้าจักให้ข้าทำเยี่ยงไร เจ้าจึงจะหายโกรธข้า” ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องงอนง้อเชลย รพีพงศ์กลับเลือกที่จะเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้นาคินทร์เสียเอง อาจจะเป็นเพราะได้รับการอบรมมาอย่างดีที่เมื่อกระทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบ

“หากข้าวอนขอท่าน ท่านจะทำให้ข้าจริงหรือ” นาคินทร์เอ่ยออกมาน้ำเสียงตื่นเต้น ช่วงชีวิตนี้นาคินทร์ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญเยี่ยงนี้มาก่อน รพีพงศ์พอได้เห็นท่าทางของนาคินทร์ก็กลั้นยิ้มเอาไว้…‘ดูไปดูมา นาคน้อยตนนี้ก็ใสซื่ออยู่มิใช่น้อย’

“เพียงเจ้าเอ่ยปากมาข้าจักทำให้ ยกเว้นขอร้องให้ข้าปล่อยเจ้า” รพีพงศ์พูดดักทางเอาไว้

“ข้ามิได้ขอให้ท่านปล่อยตัวข้าดอก ข้าขอ…”

. . .

จันทราขึ้นทอแสงพบท้องนภาแทนสุริยาที่ลาลับ ทั้งสองจึงจำต้องหยุดเดินทางต่อ ค่ำคืนเช่นนี้พระพายนั้นได้เป่าสายลมให้พัดทั่วผืนพนา จนสรรพสัตว์น้อยใหญ่ล้วนต่างกลับไปยังถิ่นที่อาศัยหมายจะหลบลมหนาว ในเพลานี้นาคินทร์เองก็นั่งกอดเข่ามองรพีพงศ์ที่หอบหิ้วกิ่งไม้มาก่อกองไฟให้หมายมอบไออุ่น แม้นาคจะเป็นสัตว์เลือดเย็นแต่อากาศในป่ากันติทัตนั้นช่างหนาวเกินกว่าจะทนได้โดยเฉพาะยามที่ไร้ซึ่งทินกร

“ท่านรพีพงศ์…ข้าหนาวเหลือเกิน เร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ” นาคินทร์เอ่ยเสียงสั่น

“ประเดี๋ยวเจ้าก็หายหนาวแล้ว เป็นแค่เชลยตัวจ้อยริบังอาจมาเร่งข้าเชียวหรือ” รพีพงศ์ที่กำลังนั่งจัดเตรียมกิ่งไม้มาทำเป็นฟืนเอ่ยออกมาไม่จริงจังมากนัก สิ่งที่นาคินทร์ขอช่างเล็กน้อยสำหรับตนเสียจริงเพียงแค่ให้มอบความอบอุ่นคลายหนาวยามค่ำคืน หากเรื่องเล็กน้อยนี้คงจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนาคน้อยของตนที่นั่งตัวซีดสั่นเป็นลูกนกจนอดที่จะสงสารมิได้

‘พรึบ’ รพีพงศ์ใช้ดัชนี้ชี้ไปที่กองฟืน พลันแสงสว่างแห่งอัคคีก็โชติช่วงขึ้นมา นาคินทร์ยกยิ้มขึ้นมาที่ได้รับความอบอุ่นแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

“หายโกรธข้าหรือยัง อุ่นขึ้นบ้างหรือไม่” รพีพงศ์ซักถาม…‘ดูจากรอยยิ้มคงจะหายโกรธตนแล้ว’ รพีพงศ์สันนิษฐาน

“ข้าหายโกรธท่านแล้ว ส่วนความอบอุ่นจากกองไฟที่ท่านก่อให้นั้น ข้าสัมผัสได้บ้างถึงจะไม่มากพอให้ข้าหายหนาวแต่ก็ดีกว่าไม่มีสิ่งใดทำให้ข้าอบอุ่น” นาคินทร์ตอบตามความเป็นจริง

“เยี่ยงนี้เจ้าจักนอนได้หรือ…นาคินทร์” รพีพงศ์ถามด้วยความเป็นห่วง สำหรับบุตรแห่งพระอาทิตย์อากาศหนาวเพียงเท่านี้ไม่สามารถทำอะไรตนได้อยู่แล้วเหลือเพียงนาคินทร์ที่แม้จะก่อไฟให้ก็นั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ดี

“ไม่เป็นไรดอก ข้านอนได้” นาคินทร์ล้มตัวนอนลงให้รพีพงศ์ได้เห็นว่าตนนั้นทนต่อความหนาวนี้ได้

ทว่าทันทีที่นาคินทร์ล้มตัวลง รพีพงศ์ก็เข้ามานอนอยู่เคียงข้าง ไหนจะจะใช้แขนแกร่งข้างหนึ่งสอดให้นาคินทร์ได้หนุนนอน ส่วนอีกข้างก็รั้งเอาเอวบางมากอดไว้ให้ชิดกาย

“ท่าน…ท่านจะทำอันใดข้า” นาคินทร์ตกใจคิดว่ารพีพงศ์จะข่มเหงน้ำใจเฉกเช่นเมื่อตอนกลางวันนี้

“ข้าไม่ทำอันใดเจ้าดอก นอกจะกอดเจ้าเพียงเท่านั้น” รพีพงศ์ยิ้มออกมา จะไม่ให้ยิ้มได้อย่างไรในเมื่อได้เห็นพักตราที่แดงก่ำราวผลอุลิตสุกของนาคินทร์ ครั้นที่เคยคิดว่าพวกนาคจะใจแข็ง หน้านิ่ง เห็นทีคงจะไม่ใช่กับทุกตัว

“เหตุใดถึงมากอดข้าเล่า ถ้าอยากหาอะไรกอด ท่านก็ไปกอดขอนไม้ตรงนั้นสิ”

“ข้าอยากกอดเจ้าหาใช่ขอนไม้ไม่…” คำพูดของรพีพงศ์ยิ่งทำให้ใบหน้าของนาคินทร์แดงหนักเข้าไปอีก บัดนี้หัวใจของนาคินทร์เต้นระรัวจนกลัวว่าจะทะลุออกมานอกอก หากดวงใจดวงน้อยนั้นมีปีกบิน คงเหลิงลอยลมพบเมฆินทร์ได้ดั่งใจนึก

“และข้านั้นก็ทำตามคำขอเจ้าด้วย เจ้าบอกให้ข้ามอบความอบอุ่นใช่หรือไม่ ไออุ่นจากกายข้านี่แหละร้อนพอที่จะทำให้เจ้าหายหนาวได้ ข้ารู้ว่าเจ้าหายหนาวอยู่ใช่หรือไม่” รพีพงศ์พูดต่อ นาคินทร์เองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไออุ่นที่แผ่ออกมาจากบุรุษวงษ์พระอาทิตย์ผู้นี้ช่วยทำให้ตนคลายความหนาวได้จริง

“ข้า...ข้าหายหนาวแล้ว” นาคินทร์ตอบ

“ฮึ ไม่เสียแรงที่ข้านั้นสละกายมาสัมผัสเจ้า” รพีพงศ์พูดหยอกเล่นเอาคนฟังหน้าเสียไม่พอใจ

“ถ้าลำบากมาก ท่านก็อย่าได้กอดข้าหรือแตะต้องตัวข้า!!!” นาคินทร์เอ่ยน้ำเสียงปนน้อยใจ พลางดึงแขนที่กอดรัดออก แต่รพีพงศ์กลับกระชับอ้อมแขนแกร่งให้แน่นกว่าเก่า

“ข้ายังพูดไม่จบ…การเสียสละครั้งนี้สำหรับข้าถือว่าคุ้มยิ่งนัก ที่ได้เห็นเจ้าเขินจนหน้าแดง เกิดมาข้าเพิ่งจะรู้ว่านาคนั้นเขินเป็น จะว่าไปเวลาเจ้าเขินมันน่ารักน่าแกล้งยิ่งนัก”

“ท่าน…ท่านรพีพงศ์บ้า!! ไยถึงชอบแกล้งข้านัก” นาคินทร์เผลอตัวว่ารพีพงศ์ที่มาเอ่ยหยอกจนตอนนี้นาคินทร์อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ...‘ท่านไม่ได้ชอบพอข้า...ไยจึงช่างเจรจาเกี้ยวพาข้าเยี่ยงนี้ด้วยเล่า’...

“นี่เจ้าว่าข้าหรือ ปากเก่งเสียจริง...เห็นทีข้าจะต้องมอบไออุ่นให้กับปากของเจ้า ลิ้นของเจ้าเสียแล้ว”  รพีพงศ์แสร้งทำหยอกแกมเป็นดุ นาคินทร์ถึงได้รู้ตัวว่าตนบังอาจไปต่อปากต่อคำเสียแล้ว

“ข้าขอโทษ” นาคินทร์เอ่ย ในใจหวังให้รพีพงศ์ให้อภัย

“ข้ายกโทษให้ก็ได้ เห็นว่าวันนี้ข้าเองก็ทำไม่ดีกับเจ้าไว้มาก…” รพีพงศ์เอ่ยจบ ก็มิได้พูดอะไรต่อเพียงจ้องมองและสบสายตาคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีเสียงพูดอะไรต่อนับจากนี้ เมื่อสายตาคมถูกปิดลง ใบหน้าที่หล่อเหลาก็ซุกเข้าไปที่ท้ายทอยขาวทำให้นาคินทร์สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ...นี่หรือบุรุษที่ทั่วทั้งสามโลกขนานนามว่าหากได้สบตาต้องยอมพลีกายขึ้นเตียงด้วย...แล้วเขามากอดก่ายเราอยู่เช่นนี้...ข้าเองก็มิใช่ก้อนหินไร้ความรู้สึกใดๆ นะท่านรพีพงศ์...

“ท่านรพีพงศ์ขยับใบหน้าออกไปหน่อยมิได้หรือ... ข้า…ข้านอนไม่หลับ” นาคินทร์เอ่ยเสียงแผ่ว หวังให้เทพหนุ่มเคลื่อนกายเพื่อหมายคลายกังวลใจ แต่รพีพงศ์กลับไม่ขยับตามคำขอ นาคินทร์จึงหันเพียงหน้าเล็กน้อยแล้วเหลือบมอง…รพีพงศ์นั้นเข้าสู่ห้วงนิทราเสียแล้ว

... ‘แม้นิทราก็ยังคงรูปงาม...มิต่างจากยามตื่น ยามร้ายก็ร้ายเหลือกำลัง ยามดีก็แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ และที่ข้าไม่ไปจากท่านทั้งๆ ที่ตอนนั้นข้าสามารถจะหนีจากท่านได้ ก็เพราะไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ไหนหากมีท่านอยู่ด้วยข้ามิไม่เคยหวั่นอันตรายใดๆ หากวันหนึ่งข้าต้องไกลห่างกันจากท่านจนสุดกู่ ข้าคงพร่ำเพ้อถึงอ้อมแขนกับลมหายใจอบอุ่นนี้เป็นแน่... ข้ามิอยากรู้สึกเช่นนี้ทุกค่ำเช้า กลัวใจตัวเองเหลือเกินท่านรพีพงศ์ ข้ากลัว...กลัวว่าเมื่อทุกอย่างนั้นจบลงแล้วทุกวัน ข้านั้นต้องเฝ้ามอง...เหม่อ คร่ำครวญเรียกหาท่าน ข้าคงทำได้แต่ครวญเสียงเพลงฝากลมเพื่อคลายทุกข์ตรมที่ท่วมท้นอุรา ฝากพระพายกระซิบถึงท่าน...ว่า ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน

ดั่งครานี้ข้านั้นเหมือนกำลังฝันที่ท่านกำลังกอด ยิ่งคิดคราใดใจไหวหวั่น หากตื่นมาแล้วพบว่าความจริงแล้วคนในใจท่านเป็นชลันธร มิใช่ข้า...มันคือความจริงที่ข้าต้องผ่านไปให้ได้ใช่หรือไม่ท่านรพีพงศ์

ข้ามิหวังอะไรมากอีกแล้ว... ขอแค่ว่ารุ่งสางวันพรุ่งตื่นขึ้นมา ขอให้ได้พบหน้าท่านก็เพียงเท่านี้...หากเทวาแห่งความฝันล่วงรู้ถึงประสงค์ของข้า ข้ามิอยากให้ค่ำคืนนี้ข้าหลับฝันเรื่องใดๆ อีกเพราะข้าชอบเวลานี้เสียเหลือเกิน...

ราตรีสวัสดิ์...ท่านรพีพงศ์’...























...........................................

มาแล้วค่ะ มาแล้วค่ะ ท่านยุ่งมาแล้วค่ะ

หลายคนหรือทุกคนนั้น ข้ารู้นะว่าพวกท่านรอคู่ปากเปื่อยอยู่ อิอิอิ

คู่นี้น่าเบื่อเนอะไม่มีสีสันอะไรเลย5555 อยากให้เขาทะเลาะตบๆๆๆๆตีๆๆชกกันไรงี้ 5555

ขอบคุณทุกท่านมากที่ติดตามมหากาพย์สุดแสนยิ่งใหญ่ของข้า ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าปลื้มใจยิ่งนัก

สุดท้ายนี้ข้าขอขอบน้ำใจพวกท่านมาก ที่รอข้า อ่านนิยายข้า แสดงความเห็นเป็นกำลังใจให้ข้าข้ารักทุกท่านนะ ติชมข้าได้ตามสบาย ข้ายินดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2017 20:58:08 โดย TanYung0209 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
«ตอบ #189 เมื่อ06-07-2017 19:08:46 »

ก็สุขระคนเศร้ากันไป

ปล. สมเพช เขียนแบบนี้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2017 19:18:49 โดย sirin_chadada »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
« ตอบ #189 เมื่อ: 06-07-2017 19:08:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
«ตอบ #190 เมื่อ06-07-2017 20:02:32 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
«ตอบ #191 เมื่อ06-07-2017 20:55:27 »

ก็สุขระคนเศร้ากันไป

ปล. สมเพช เขียนแบบนี้นะคะ


ขอบคุณที่บอกนะคะ  ตามแก้ๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
«ตอบ #192 เมื่อ06-07-2017 20:57:01 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
«ตอบ #193 เมื่อ06-07-2017 23:50:07 »

คู่นี้เราว่าไม่น่าเบื่อนะคะ ออกจะชอบมากกว่าคู่อื่นๆอีก ชอบแนวดราม่านิดๆแบบนี้ ฮะๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
«ตอบ #194 เมื่อ07-07-2017 09:20:31 »

รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.18 P.7 (06/07/2560)
«ตอบ #195 เมื่อ08-07-2017 00:23:45 »

คู่นี้ก็เรื่อยๆมาเรียงๆ

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #196 เมื่อ26-07-2017 13:16:18 »



สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung 0209

File : 19













ทั่วทั้งผืนกันติทัตไพรีบัดนี้เรือนยอดไม้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกธวัลหนาทึบ บ่งบอกถึงสภาพอากาศที่หนาวเหน็บมิต่างจากช่วงเหมันตฤดูเลยสักนิด หากว่ากำลังหลับใหลอย่างสบายอยู่ก็คงมิหมายจะตื่นฟื้นจากนิทราแสนสุขนี้เมื่อแสงรวีย่ำรุ่งสาดส่องลอดลงมาถึงพื้นป่า ก็ถึงเวลาที่ห้วงแห่งนิทรานี้ได้ผ่านพ้นไป เหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่จึงได้ออกมาจากที่ซุกหัวนอน บ้างก็หาอาหารบ้างก็จำศีลในถิ่นอาศัยอันแสนอบอุ่น หากแต่มีสองชีวิตที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ กายบางที่ได้รับไออุ่นจนหลับสบายกอดก่ายเทพหนุ่มไว้โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาแก่ผู้ที่กำลังตระกองกอดตนเช่นกัน

รพีพงศ์ตื่นจากนิทรามาได้สักพักใหญ่แล้วแต่มิอาจจะขยับกายได้เพราะเกรงว่านาคน้อยที่ตนกำลังกอดอยู่นั้นจะตื่นขึ้นมาดวงตาคมดั่งราชสีห์จับจ้องไปที่ใบหน้าหวานที่มีเสน่ห์ไม่ต่างจากยามตื่นแม้เส้นผมดำขลับจะปรกหน้าบ้างแต่ก็มิอาจบดบังความงามนี้ได้ตั้งแต่รพีพงศ์เกิดมานั้นบุรุษที่โสภากว่านางอัปสรนอกจากชลันธรและบุษยะผู้รับใช้ในพระผู้สร้างแล้ว นาคินทร์ก็เป็นอีกบุรุษหนึ่งที่ทำให้ใจรพีพงศ์…สั่นคลอน

“อื้อ” เสียงหวานครางอือเมื่อถูกปลายนิ้วของรพีพงศ์ลูบเบาๆ ผ่านสันกรามอย่างเอ็นดู...ผู้กระทำชะงักเล็กน้อยแล้วแสร้งปิดตาลงแกล้งหลับเพื่อรอดูปฏิกิริยาของนาคินทร์ต่อไป

เปลือกตาหวานค่อยๆเปิดออกเผยดวงตาสวยที่นัยน์ตานั้นมีเงาสะท้อนของใบหน้าหล่อเหลาของรพีพงศ์ที่อยู่ห่างกันเพียงฝ่ามือกั้นกลางเอาไว้จนสามารถสัมผัสลมหายใจอุ่นที่ถ่ายทอดออกมาตั้งแต่ที่ได้ทำความรู้จักกับเทพบุตรจากสุริยะวงศา นับว่าเป็นครั้งแรกที่นาคินทร์ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาใกล้ๆเยี่ยงนี้ดั่งคำที่นาคินทร์เคยได้ยินมาเห็นท่าจะเป็นจริงที่บุตรแห่งพระอาทิตย์มีเสน่ห์ที่แสนเร่าร้อนดั่งกองฟอนที่เย้ายวนด้วยสีแสงชวนให้เหล่าแมลงปีกใสโผบินเข้าหา

…‘ยามตื่นนั้นดุเสียเหลือเกินชวนให้ข้านั้นเกรงกลัว…พอยามหลับกลับน่ามองชวนให้ข้านั้นหวั่นไหวข้าอยากขอบน้ำใจท่านเหลือเกินว่า...นิทราที่ผ่านมานั้น ข้าแสนสบายและอบอุ่นเพียงไหน...แต่ข้าเองไม่มีสมบัติมีค่าอะไรตอบแทน จะมีเพียงจูบนี้แทนคำขอบคุณให้ท่านเท่านั้น’…

จิตใจเตลิดไกลหวั่นไหวเสียจน...นาคินทร์ไม่รู้ตัวว่าบัดนี้ใจตนนั้นได้กลายเป็นแมลงเม่ากระพือปีกบางใสบินเข้าสู้กองฟอนไฟตรงหน้า ใบหน้าสวยเลื่อนเข้าประชิดใกล้จนกระชั้นชิดอีกฝ่ายที่แกล้งหลับกลับตื่นเต้นใจรัวไม่อาจจะคาดเดาว่านาคน้อยผู้ใสซื่อนั้นก็กำลังจะทำอะไรกับตน แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับที่คิดไว้ในใจเท่าไหร่นัก เมื่อนาคินทร์ค่อยๆ ทาบทับริมฝีปากของตนลงไปที่ริมฝีปากอุ่นหนาเบื้องหน้า

เมื่อจุมพิตได้ครู่หนึ่ง...“อ๊ะ!..อื้ม”…เสียงเล็ดรอดที่ทำให้นาคินทร์รู้ตัวว่าตนนั้นเป็นแมลงเม่าตกหลุมพลางกองฟอนไฟนี้เข้าเสียแล้ว ไฟร้อนที่ซ้อนเร้นไร้ซึ่งเปลวเพลิงนั้นเริ่มโหมกระพืออยู่ภายในใจ รพีพงศ์ขบเม้มริมฝีปากล่างสวยให้เปิดออกแล้วแทรกชิวหาร้อนเข้าไปมอบความอบอุ่นปนหวานหัตถาใหญ่จับเข้าที่ท้ายทอยดันเข้ามามิให้หนี นาทีนี้นาคินทร์รู้แล้วว่ารพีพงศ์นั้นรู้สึกตัวแล้ว แต่ไยกลับไม่ผละหนีทั้งยังกลับจูบตอบกลับอย่างดูดดื่ม ดวงตาเบิกโพลงนาคน้อยพยายามผละริมฝีปากและดันกายหนีแต่ผู้ที่เข้ารุกล้ำก็มิยอมละการครอบครองริมฝีปากบางเสียที เทพหนุ่มค้นพบบางอย่างว่านาคินทร์นั้นก็มีความร้อนแรงแห่งตัณหาซ้อนเร้นอยู่ภายในเช่นกัน จะแลกจูบหรือ...รพีพงศ์ก็ไม่น้อยหน้าผู้ใดเช่นกัน เมื่อจุดไฟในกายนาคินทร์จูบตอบกลับย้ำวนเวียนจนสมใจแล้วจึงได้ถอนจูบออก

“ทะ..ท่าน” นาคินทร์ทั้งเขินทั้งตกใจจนแทบพูดอะไรไม่ออก พวงแก้มขาวทั้งสองนั้นขึ้นสีแดงก่ำดั่งผลไม้สุก ด้วยความร้อนที่แผ่ซ่านวูบวาบไปทั่วพักตราในยามนี้อีก

“ใบหน้าเจ้าแดงเยี่ยงนี้แสดงว่าข้าให้ความอบอุ่นเจ้าได้สำเร็จฮึ!หากเจ้าหนาวมากจนหลงละเมอต้องคิดมาลักหลับข้าเยี่ยงนี้แล้วล่ะก็ ทีหลังปลุกข้าให้ตื่นเสียเถิด ข้ายินดีที่จะมอบไออุ่นนี้เข้าไปในโพลงปากแสนหวานของเจ้าทุกเมื่อทุกยาม”…รพีพงศ์เอ่ยทั้งยกยิ้มกับท่าทางอากับกริยาของนาคินทร์ที่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองตน

“ลักหลับ...ข้าได้หาลักหลับท่านไม่ แล้วข้าก็ไม่ได้อยากให้ท่านมอบไออุ่นในปากข้า!!ด้วย...” เสียงเหมือนจะดุกลับไป ถึงนาคินทร์จะเถียงขึ้นมาแต่รพีพงศ์กลับไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย

“กระนั้นหรือ…แล้วที่เจ้าใช้ริมฝีปากเจ้ามาแตะที่ริมฝีปากข้าเจ้าจะอธิบายข้าว่าอย่างไร”

“คือ…คือข้า…” นาคินทร์หาให้คำตอบได้ไม่

“เจ้าคงหาคำตอบดีๆให้ข้ามิได้สินะแต่มิเป็นไรดอก ข้าจักมิถือสาหาความโทษโกรธเจ้า…จะถือเสียว่าได้ลิ้มลองของหวานยามเช้าก็แล้วกัน” รพีพงศ์ยิ้มเยาะออกมานิ้วโป้งก็เกลี่ยริมฝีปากของนาคินทร์เล่นชวนให้นาคน้อยหงุดหงิดจนเผลออ้าปากเตรียมจะกัดนิ้วอีกฝ่าย

“หยุด! …ถ้าเจ้าคิดจะกัดนิ้วข้าละก็...ข้าขอเตือนเลยว่าครานี้ ข้าจะลงโทษเจ้าจริงๆ แน่...!!!”

“ก็ท่านชอบแกล้งข้าก่อน...ข้าเลยอยากเอาคืนท่านบ้าง” ถึงนาคินทร์พูดเสียงอ่อนเหมือนเกรงกลัว แต่จริงแล้วมิได้กลัวเกรงบุตรพระอาทิตย์เลยสักนิด

“เชลยอย่างเจ้า...ริคิดการจะต่อกรกับข้ากระนั้นหรือ...เจ้ามันน่าตียิ่งนัก” มิพูดเปล่าฝ่ามือเทพหนุ่มที่หยาบกร้านตีลงไปที่บั้นท้ายนิ่มไม่เต็มแรงเท่าไหร่นัก

“ท่านรพีพงศ์!!”

“อย่ามัวแต่เรียกชื่อข้าแล้วทำหน้าบึ้งตึง...จงคิดว่าจะรีบลุกออกจากแขนข้าหรือว่าเจ้าจะนอนลวนลามข้าเยี่ยงนี้ต่อไป”

“ท่านชอบแกล้งข้า...ข้าจะไม่คุยกับท่านแล้ว” นาคินทร์ฮึดฮัดแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเซเล็กน้อยเนื่องจากเสียการทรงตัวยังดีที่รพีพงศ์นั้นก็ลุกขึ้นมาประคองไม่ให้นาคินทร์เสียหลักล้มลงไปอ้อมแขนกว้างโอบกอดประคองกายบางเข้าแนบชิด ทุกอย่างนั้นดูรวดเร็วไปเสียหมด สองใบหน้าประจันกันเพียงคืบ มิมีคำพูดใดๆ ต่างรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันละกัน สองสายตามองผ่านประสานกันอยู่ครู่หนึ่ง เพียงชั่วอึดใจนาคินทร์จึงเป็นฝ่ายได้สติและพูดขึ้นมาก่อน

“ข้ายืนเองได้ปล่อยข้าเถิด...เมื่อคืนยังกอดมิพออีกหรือ...” นาคินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ในใจนั้นร้อนรุ่มมิได้สงบเหมือนดั่งคำพูด

“ไหนว่าจะไม่พูดกับข้าไงเล่า...ดังนั้นเจ้าจงเงียบปากเสีย ถ้าเจ้าพูดอะไรอีกข้าจักลงโทษเจ้า...” เมื่อพูดจบเทพหนุ่มจึงยอดคลายอ้อมกอดที่ช่วงพยุงกาย ใบหน้าของนาคินทร์นั้นง้ำงอเล็กน้อยเพราะถูกรพีพงศ์ยียวนกวนประสาทแต่เช้า ร่างบางได้แต่ยืนนิ่งๆ น้อยใจ เพราะทำอะไรก็ไม่ถูกใจ จ้องแต่จะขู่ลงโทษตนอยู่ตลอดเวลา

“มัวแต่จะยืนนิ่งอะไรอยู่เล่า...ไป...ข้าจักพาเจ้าไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธาร…เดินตามข้ามา...”

...บางทีตอนนี้อาจจะเหนื่อยใจที่จะพูดนัก...แต่ก็ต้องยอมไปเพราะหากค่ำนี้ไร้รพีพงศ์เห็นทีคงจับต้องไข้ป่าหนาวสั่นเป็นแน่ แล้วว่าก็เดินทอดน่องตามเทพหนุ่มตรงไปยังลำธาร…

...รพีพงศ์...ในใจของท่านกำลังคิดการอันใดอยู่...

อีกฟากฝั่งหนึ่งของลำธารนางสิงห์อุรพีพร้อมด้วยฉมาก็ได้พาชลันธรและนภนต์หลบออกมาจากถ้ำหินอ่อนตั้งแต่รุ่งสางเพื่อส่งทั้งสองยังทางออกของถ้ำตามคำที่เคยให้สัญญาไว้

“ข้าขอบน้ำใจพวกท่านที่ช่วยเหลือข้าทั้งยังเมตตารับเป็นพ่อของลูกในท้องของข้าอีก...”อุรพีเอ่ยกับชลันธรแล้วหันมาทางนภนต์ที่ยืนหน้านิ่งไม่พูดจา ก็คงจะหงุดหงิดที่เมื่อคืนนางอุรพีเข้าไปขัดในคราที่นภนต์กำลังจะหอมแก้มของชลันธร

“ท่านอย่าได้โกรธข้าเลยท่านแค่ไม่ได้หอมแก้มเมียท่านแค่ครั้งเดียวเองจากนี้ไปท่านยังมีเวลาอีกเยอะที่ท่านจะได้ทำ” อุรพีเอ่ยทั้งนภนต์และชลันธรพากันชะงัก...‘หลังจากนี้อย่างนั้นหรือ…มันยังจะมีโอกาสอีกหรือไม่ที่จักได้ทำ...’ ชลันธรได้แต่คิดเพราะในเมื่อนภนต์นั้นยังคงคิดว่าตนเป็นผู้ลอบวางยาพิษสังหารนางกวินตาผู้เป็นมารดาของคนรักนภนต์เองก็คิดไปอีกทางว่าชลันธรคงจะโกรธและหมดรักจากตนไปคงไม่ฟังคำขอโทษจากตนที่เคยเข้าใจผิดเพราะจากเหตุการณ์ที่ชลันธรถูกทำร้ายด้วยพิษชนิดเดียวกับแม่ของตนนั้นนภนต์ค่อนข้างแน่ใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันเพียงที่ตนทำตัวร้ายใส่ก็เพราะนิสัยทนงตัวเย่อหยิ่งปากแข็งซึ่งทำให้ตนได้เกือบสูญเสียคนรัก…

“ข้าหาได้ถือความคนท้องดอกนะเจ้าอย่าได้กังวลเลยแต่...ถ้าเจ้าไม่มีครรภ์ก็ไม่แน่อาจจะได้ลิ้มรสฝ่ามือข้าเป็นแน่แท้” นภนต์พูดออกมาผู้ที่ฟังก็รู้ว่าเทพเวหาผู้นี้หยอกเอิ้นเท่านั้นมิได้มีเจตนาทำร้ายนางไกรสรราชสีห์เลยแม้แต่น้อย

“ผัวข้า...ท่านดูผัวของท่านสิขู่จะทำร้ายข้า…” อุรพีเองก็เล่นกับนภนต์ด้วยนางสิงห์ทำทีกอดแขนออเซาะชลันธรที่ยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“อุรพีเจ้านี่หาเรื่องให้ผัวเมียขาเทะเลาะกัน...” ฉมาแยกลูกสาวออกจากชลันธร

“โธ่…ท่านพ่อ” อุรพีกระเง้ากระงอดไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ถูกขัดใจฉมาเริ่มกังวลว่าลูกสาวจะเลี้ยงหลานของตนให้เข้มแข็งได้หรือไม่ผู้เป็นพ่อเริ่มกลุ้มใจ

“ท่านฉมา…อุรพี...เราเห็นทีว่าเราจะต้องรีบเดินทางต่อเสียแล้ว เกรงว่าล่ำลากันอยู่นาน จะเสียเวลาเปล่า...” ชลันธรเอ่ยเพราะอยากจะเดินทางไปวิมานของเทพกาลเวลาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์โดยเร็วที่สุดดังนั้นชลันธรจึงจำต้องรีบร่ำลาสองสิงห์พ่อลูกคู่นี้

“นั่นสิ...อย่าได้มัวพูดคุยพิรี้พิไรกันอยู่เลยข้ากับลูกสาวของข้านั้นก็ทำให้ท่านเสียเวลามามากพอแล้วอย่างไรเสียข้าไม่มีสิ่งใดจะมอบให้นอกจากคำอวยพรขอให้ท่านทั้งสองปลอดภัยทั้งนี้หากมีการหน้าอันใดที่ท่านต้องประสงค์ที่ใช้กำลังและสติปัญญาของข้า ก็จงตั้งจิตมั่นแล้วระลึกถึงข้าข้าจักกรีฑาเหล่าพี่น้องไกรสรราชสีห์ไปพบท่านในมิช้าที แม้นมีการยากลำบากอันใดขวางกั้นอยู่ข้าก็จะไปพบท่านให้จงได้...” ฉมาให้คำสัตย์แก่นภนต์และชลันธรสร้างความซาบซึ้งใจให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก

“ข้าขอบน้ำใจท่านมากขอให้ท่านรวมถึงเหล่าพี่น้องไกรสรราชห์ที่ท่านดูแลอยู่นั้นดำรงตนอยู่ในศีลธรรมเช่นนี้ตลอดไป” นภนต์เอ่ยขอบคุณด้วยความตื้นตันใจ

“ท่านชลันธร...ท่านเองก็อย่าลืมกลับมาเยี่ยมเยือนที่นี่บ้างนะข้าอยากให้ท่านได้พบกับลูกของเรา” อุรพีเอ่ยย้ำเตือนชลันธรก่อนจากลา

“ไว้เราทำภารกิจสำเร็จเมื่อใด แล้วมีโอกาสเราจะมาหาเจ้าและลูกของเราให้จงได้...เราให้สัญญา”ชลันธรเอ่ยคำสัญญามั่นแก่อุรพี

“เอาล่ะข้าว่าเห็นการสมควรแล้วขืนชักช้าเหล่าลูกสมุนพี่น้องของข้าอาจจะตื่นออกมาหากินและเห็นพวกท่านอาจจะลำบากได้” ฉมาเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่สมุนของตนจะออกมาชำระกายออกล่าอาหาร

“อืมนั่นสิช้ามิได้แล้ว...ถ้าเช่นนั้นพวกข้าก็ขอลาท่านทั้งสองตรงนี้…จนกว่าจะได้พบกันใหม่...ท่านฉมา...อุรพี...” นภนต์เอ่ยแล้วโค้งศีรษะลงเล็กน้อย วงแขนกว้างโอบเข้าเอวบางประคองชลันธร เดินข้ามลำธารใสที่เย็นเสียจนทำให้ชลันธรตัวสั่นนภนต์เองก็รับรู้ได้ว่าชลันธรในร่างมนุษย์คงจะทนความหนาวเย็นนี้ไม่ได้

“ท่าน..ท่านทำอะไร” ชลันธรร้องออกมาไม่ดังมากนักเมื่อร่างกายลอยละลิ่วเหนือผืนน้ำจากการที่ถูกเทวาหนุ่มช้อนตัวขึ้นมาอุ้มเอาไว้

“พี่รู้ว่าเจ้านั้นคงเย็นเท้าพี่เลยอุ้มเจ้าขึ้นมา” นภนต์ให้คำตอบทั้งยังใช้สรรพนามแปลกไปจากเดิม

“เพลานี้ไม่มีท่านฉมาหรืออุรพีท่านไม่จำเป็นพูดกับเราเฉกเช่นคนรักดอก…ท่านนภนต์”

ร่างสูงหยุดยืนนิ่งกลางลำธารใสที่กระแสน้ำกำลังไหลผ่าน ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงที่ฟังแล้วเหมือนจะราบเรียบแต่เต็มไปด้วยทุกความรู้สึกออกมา...“พี่ขอโทษ…”

“ท่านพูดอะไรของท่านมาขอโทษข้าเรื่องอันใดเล่า…” เพียงประโยคหนึ่งที่ได้ยินถึงกับทำให้ชลันธรขมวดคิ้วงุนงงกับ คำพูดของนภนต์ ไหนจะสิ่งที่แสดงออกมาในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นท่าทางแววตาน้ำเสียงคำพูดซึ่งชวนให้ชลันธรนึกถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อนที่ผ่านมา

“พี่ขอโทษเจ้าในทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง ทุกๆเรื่องที่พี่ทำให้เจ้าต้องเสียน้ำตาและเสียใจ ขอโทษที่พี่โมโหเจ้า โกรธเจ้าจนขาดสติ ไม่เชื่อว่าเจ้านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์…ทำให้เจ้าต้องลำบากเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ พี่มันเลวเอง พี่ขอโทษนะ...ชลันธร”นภนต์ตัดสินใจกล่าวคำขอโทษที่จุกแน่นอยู่ภายในใจมาแสนนานให้คนที่โอบอุ้มไว้ยิน หากจะว่าไปแล้วอาจจะเป็นการยากที่เทพชั้นสูงผู้เป็นใหญ่จะเอื้อนเอ่ยคำๆ นี้ออกมา แต่สำหรับนภนต์แล้วการกล่าวขอโทษออกมาเมื่อรู้ว่าตนนั้นทำผิดไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่แสดงออกถึงความกล้าที่หาญจะรับผิดชอบในสิ่งที่ก่อไว้กับผู้เป็นดวงใจของตน

“ฮึก…ท่านพี่...ฮือ…เหตุใดท่านพี่ถึงเพิ่งจะมาเชื่อข้า..ฮึก…ฮือ..อ…ท่านพี่ปล่อยให้ข้าทนทุกข์…ใจร้าย...ท่านพี่ใจร้าย” สุดจะฝืนสะอื้นกลั้นไว้ คำขอโทษที่ผ่านสายลมมาให้ได้ยลยินนั้นเรียกหยดน้ำตาของชลันธรให้พรั่งพรูมิยอมหยุดไหล...อิงแอบใบหน้าสวยที่ต้นแขนของเทพหนุ่ม ด้วยจากความรู้สึกทั้งดีใจทั้งน้อยใจที่มีต่อชายผู้นี้…ในที่สุดชลันธรก็ได้ยินคำขอโทษที่ตนนั้นเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน

“ยังไม่สายไปใช่หรือไม่...” เทพหนุ่มปลอบประโลมขวัญด้วยจุมพิตบางเบาแนบกลางหน้าฝากคนรักกลางสายน้ำ แต่ชลันธรก็มิยอมที่จะหยุดสะอื้นไห้ ประกอบกับมีโขลงกุญชรแก้วโขลงหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาเพื่อดื่มกินน้ำในลำธารนี้ นภนต์จึงได้อุ้มชลันธรหลบมายังอีกฝั่งของลำธาร

ร่างสูงค่อยๆ วางกายบางให้ยืนหยัดบนผืนฝั่ง แล้วรวบกอดร่างอรชรที่สะอื้นไห้เอาไว้แนบอุรามือเรียวกำหมัดแน่นทุบตีแผ่นหลังกว้างคล้ายเป็นการลงโทษคนที่ไม่ยอมเชื่อใจ

“ถ้าเจ้าตีพี่แล้วเจ้าสบายใจเจ้าก็ตีพี่เถิด แต่อย่าตีให้พี่ตายไปเสียเล่า...หากพี่ตายไปใครไหนเล่าจะกอดกายเจ้า ใครไหนเล่าจะปกป้องกายและดวงใจนี้...”พอได้ยินคำว่า...ตาย...ชลันธรก็หยุดทุบตีแผ่นหลังเทพเวหาทันที อดีตพระสมุทรเทพไม่คิดจะให้คนรักสิ้นชีพชีวาวาย

“ถ้าคิดว่าตายแล้วข้าจักหายโกรธกริ้วท่านพี่แล้วล่ะก็…ฮึก..ข้าไม่ยอมให้ท่านพี่ตายดอก ข้าจักให้ท่านพี่อยู่กับข้า ให้ข้าลงทัณฑ์เทวาอย่างท่านพี่ให้สาแก่ใจข้า...”ชลันธรขืนตัวออกจากอ้อมแขนซึ่งตัวนภนต์เองก็ไม่คิดรั้งเอาไว้ ชลันธรเช็ดคราบน้ำตาที่นองหน้าแล้วเอ่ยวาจาคาดโทษกับอีกฝ่ายนภนต์ได้แต่แสร้งยืนทำหน้าเศร้าไปตามคำขู่คาดโทษนั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าเสียอย่างไรชลันธรก็พูดไปอย่างนั้น มิกล้าที่จะลงทัณฑ์อะไรตนจริงจัง คงเอ่ยด้วยอารมณ์น้อยใจเสียมากว่า  ว่าแล้วร่างบางก็เดินหนีตนไปนั่งพักที่โขดหินริมลำธาร ที่อีกฝั่งโขลงกุญชรแก้วกำลังลงเล่นดื่มกินน้ำอย่างสำราญใจ นภนต์เดินตามเข้าไปใกล้ๆ และนั่งลงเคียงข้างมิห่าง แต่ทั้งสองก็ไม่ยอมพูดอะไรกัน  นภนต์รู้ดีว่าใจของชลันธรกำลังโกรธ ขืนไปเย้าแหย่หรือง้องอนในยามนี้เห็นทีจะมิเป็นการดีเป็นแน่แท้...

“เหตุใดเล่าท่านพี่ถึง...กล้าที่...จะเอื้อนเอ่ยขอโทษข้า” เมื่อพอสงบใจได้บ้างชลันธรก็เป็นฝ่ายตั้งคำถามและเปิดปากพูดก่อน

“อันที่จริงพี่นั้นสงสัยเรื่องพิษที่เจ้าและท่านแม่เคยได้รับ มันมีส่วนคล้ายคลึงกันมาก พี่จึงอดคิดไม่ได้ว่าผู้ที่วางยานั้นคงต้องการให้พี่ผิดใจกับเจ้า คงหมายให้เจ้าต้องทัณฑ์เทวาให้มอดม้วยแต่กลับกลายเป็นว่าเจ้านั้นโดนสาปให้เป็นไปเกิดมนุษย์จึงได้ตามจองล้างจองผลาญเจ้า” นภนต์เอ่ยสิ่งที่ได้คิดสันนิษฐานเอาไว้

“แล้วไยท่านพี่ถึงไม่รีบขอโทษข้าตั้งแต่คราแรก...ปล่อยให้ข้า...”ชลันธรหันหน้ามาหานภนต์  เทพหนุ่มเลื่อนมือหนาข้างหนึ่งมากอบกุมมือบางเอาไว้

“พี่ผิดเอง...ที่ปากหนักไม่ยอมเอ่ยออกไป...พอเห็นพระศุกร์มาเกี้ยวเจ้าพี่ก็โพล่งดุด่าว่าเจ้าก็ด้วยเพราะพิษรักแรงหึงจนเจ้าหนีพี่ไปพี่ถึงตระหนักได้ว่าถ้าพี่ไม่ปรับความเข้าใจกับเจ้าพี่อาจจะสูญเสียเจ้าไปตลอดกาล” นภนต์บอกความในใจที่มีให้กับคนตรงหน้าพลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มใสอย่างเบามือ

“เจ้าจะอภัยให้พี่ได้หรือไม่...คนดี...”นภนต์ถามชลันธรพยักหน้าแล้วโผกอดนภนต์เป็นคำตอบเทพเวหาเองก็กอดตอบเช่นกันมุมปากยิ้มกว้างออกมาความปลื้มปิติอัดแน่นตรงอกกว้างแทบล้นปรี่ภาพโขลงกุญชรแก้วตรงหน้าต่างยังคงพ่นน้ำและดื่มกินอย่างสำราญมิได้สนใจทั้งสองเลยแม้แต่น้อย

“พี่ขอบน้ำใจเจ้ามาก…ชะ..”


ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #197 เมื่อ26-07-2017 13:17:11 »

(ต่อ)


“ชลันธร!!!” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยร้องเรียกชื่อของร่างโปร่งจากชายป่า ทั้งนภนต์และเจ้าของนามต่างก็หันไปยังต้นเสียงก็พบกับสุริยบุตรอย่างรพีพงศ์ที่กำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมกับนาคินทร์

“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่ป่ากันติทัตนี้ด้วย...รพีพงศ์” นภนต์เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาที่ไม่เชิงจะเป็นคำทักทายที่บ่งบอกถึงความยินดีเท่าไหร่นัก

“ข้าเองก็ไม่ใคร่อยากจะเจอท่าน...” รพีพงศ์เองก็โต้ตอบกลับไปนาคินทร์ที่ได้เห็นใบหน้าที่แสนเย็นชาของนภนต์ ก็เลื่อนกายยืนหลบเข้าด้านหลังของรพีพงศ์ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ ทั้งกับนภนต์และชลันธร

“แต่เจ้าอยากจะเจอเมียข้ามิใช่หรือ...เห็นทีเจ้าต้องทำใจเสียแล้วรพีพงศ์ เพราะจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่ามีชลันธรที่ไหนก็จะมีข้าอยู่ทีนั่น...ก็คง...จะต้องเจอข้าไปทุกที่ละนะ” นภนต์พูดข่มราวกับเด็กน้อยที่โอ้อวดว่าตนมีของล้ำค่ากว่ารพีพงศ์ที่ได้ยินก็ยืนหน้าบึ้งตึงไม่พอใจนัก โดยเฉพาะที่นภนต์เอ่ยออกมาเต็มปากเต็มคำว่าชลันธรเป็นเมีย...

“เอ่อ...ท่านพี่กับรพีพงศ์อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ การได้พบเจอของพวกเรานั้นล้วนเป็นพรหมลิขิต พวกเรานั้นควรจะยินดีมิใช่หรือ” ชลันธรพูดแทรกชึ้นมาก่อนที่เทพทั้งสองจะเปลี่ยนจากใช้วาจาเป็นการใช้ดาบมาเชือดเฉือนกัน

“หาใช่พรหมลิขิตดอกชลันธร ข้านั้นตั้งใจดั้นด้นตามมาช่วยเหลือเจ้าเพราะเกรงว่าอยู่กับท่านนภนต์แล้วเจ้าจะไม่ปลอดภัย” รพีพงศ์ตอบชลันธรและมิวายพูดจากระทบนภนต์เล็กน้อยพอเป็นพิธี

“ผ่านมาก็ตั้งหลายร้อยปีแล้ว ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้านั้นยังคงไม่ล้มเลิกความคิดริจะตีท้ายครัวข้าอีก” นภนต์เกิดความหึงหวงก็พูดโพล่งออกไป

“ท่านเองก็เช่นกัน ผ่านมากี่ร้อยปีก็ยังโง่มิต่างจากเดิม มิรู้อีกหรือว่าใจของคนที่ท่านรักนั้นคิดเช่นไร... และครานี้ข้ากลับมาแล้ว แล้วก็จะช่วงชิงหัวใจของชลันธรมาเป็นของข้าให้จงได้”รพีพงศ์เอ่ยออกมา นภนต์ที่ได้ยินก็ได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ …‘บังอาจ!!...บังอาจนักรพีพงศ์ เจ้าบังอาจมากที่มาประกาศสงครามช่วงชิงความรักกับข้ากระนั้นหรือ...รพีพงศ์’

“รพีพงศ์...” ชลันธรตกใจมิน้อยไม่คิดว่ารพีพงศ์ยังจะรักตนอยู่ในเมื่อตนนั้นเคยปฏิเสธไปแล้ว

“เจ้าไม่ต้องห่วงชลันธร ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ” รพีพงศ์ยิ้มให้กับชลันธรแม้ใจจะรู้ว่าบัดนี้ชลันธรและนภนต์คงกลับมาคืนดีกัน จากการที่ได้เห็นทั้งสองกอดกันที่ริมลำธารในก่อนหน้านี้รพีพงศ์ก็พอจะเดาออก แต่ที่น่าแปลกใจนั้นก็คือตนกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากมาย จะมีก็แต่เพียงความวูบโหวงในใจเท่านั้นและการที่ประกาศสงครามแย่งชิงดวงใจชลันธรนั้นรพีพงศ์เพียงต้องการหยั่งเชิงเพื่อจะดูท่าทีของนภนต์ด้วยหวังว่านภนต์จะโกรธาจนคุมสติไว้ไม่อยู่

“ถ้าเจ้าไม่อยากให้ชลันธรลำบากใจก็กลับไปเสียสิ...”นภนต์ได้ทีก็ออกปากไล่ศัตรูหัวใจผิดไปจากที่รพีพงศ์คิดนภนต์ไม่ได้แสดงกิริยาหยาบคายใส่ตน

“ข้าคงจะกลับไปอย่างที่ใจของท่านต้องการมิได้ดอก เพราะข้าตั้งใจแล้วว่าจะมาช่วยเหลือชลันธรล้างมลทินที่ท่านได้ป้ายไว้...”

“พอเถอะ...รพีพงศ์ท่านต้องการมาช่วยเหลือเรา เรานั้นพอจะเข้าใจได้แล้วเหตุใดถึงได้พานาคินทร์มาที่นี่ด้วยเล่า” ชลันธรที่สงสัยตั้งแต่ทีแรกที่พบเจอ ไม่ว่ารูปลักษณ์ที่ดูผิดแผกไปจากเดิมแถมด้วยท่าทางที่แปลกๆ ของนาคินทร์แล้วด้วย พอได้โอกาสก็ซักถามทันที

“ข้าว่าให้เจ้าตัวนั้นเป็นผู้ให้คำตอบน่าจะเป็นการดีกว่า...นาคินทร์จะยืนหลบอยู่ไย...ออกมาได้แล้ว” รพีพงศ์เรียกนาคน้อยที่ยืนหลบอยู่ตรงแผ่นหลังของตนให้ก้าวออกมา นาคินทร์ก้มหน้าก้มตาแม้จะตั้งใจจะขอโทษชลันธรอยู่แล้วหากพอได้เห็นเทพแห่งท้องนภาที่อยู่เคียงข้างก็พาลกลัวจนตัวสั่นเล็กน้อย  แต่ก็จำต้องเดินออกมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริง...

‘หมับ’ รพีพงศ์จับมือสวยเอาไว้แล้วบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจเพื่อที่นาคินทร์จะต้องเผชิญหน้ากับผลที่จะได้รับเมื่อสารภาพความผิดรวมทั้งจะได้รู้ว่า...รพีพงศ์จะคอยอยู่เคียงข้างเอง

“ท่านชลันธร...ข้าขอโทษ” นาคินทร์คุกเข่าลงมือทั้งสองพนมขึ้นไว้กลางอก แล้วกราบลงแทบเท้าอตีดพระสมุทร ชลันธรเลิกคิ้วแปลกใจทั้งคำที่นาคินทร์ใช้เรียกและคำขอโทษที่นาคินทร์นั้นพูดกับตน… นี่เราเป็นเพื่อนกันมิใช่หรือ...เหตุใดถึงได้เป็นแบบนี้...

“ข้านาคินทร์ นั้นเป็นนาค...ข้าเป็นผู้...ฮึก...ฮือ...อ...ผู้ที่นำพิษไปเคลือบไว้ที่เขี้ยวงูทะเลและควบคุมอสรพิษตัวนั้นให้ทำร้ายท่าน...ฮือ..”นาคินทร์สารภาพออกมาทั้งน้ำตา ชลันธรอึ้งไม่น้อยไม่คิดว่าผู้ที่วางยาตนนั้นจะเป็นเพื่อนที่ชิดใกล้และคบกันมาได้ขวบปี รวมไปถึงเรื่องที่นาคินทร์นั้นกลับมิใช่มนุษย์แต่เป็น...นาค

“เจ้าทำกับเราอย่างนั้นทำไมนาคินทร์...ฮึก...ทำไมเจ้าถึงทำร้ายเรา” ชลันธรยอบกายลง พูดกับนาคินทร์ดวงตานั้นกำลังเอ่อล้นด้วยน้ำตา แม้จะมิได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรแล้ว...แต่กลับกันนั้นชลันธรรู้สึกเสียใจมากกว่า...ที่เพื่อนสนิทที่สุดในมหาวิทยาลัยนั้นจะเป็นคนที่กล้าหักหลังทำร้ายตน

“ท่านก็มีความรักของท่าน และข้าก็มีความรักของข้า ข้าทำไปเพราะข้าตาบอดมืดในความรัก เมื่อท่านผู้นั้นหมายสิ่งใดข้าจำต้องทำและหนึ่งในนั้นก็คือ...ทำร้ายท่าน...”

...นาคินทร์เคยมีความรักกระนั้นหรือ...ชลันธรที่ได้ยินแต่ได้แต่ครุ่นคิด

“บอกข้ามาใครเป็นผู้บงการและส่งเจ้ามาทำร้ายชลันธร!!! บอกข้ามาบัดเดี๋ยวนี้!!!” นภนต์ยอบกาบลง เข้ามาประคองกอดชลันธรที่ตอนนี้น้ำตาได้ไหลรินร้องไห้จนตัวโยนได้ เอ่ยวาจาตะคอกใส่นาคินทร์ที่นั่งร่ำไห้มิต่างกันนภนต์ต้องการรู้เรื่องผู้บงการแผนอุบาทว์นี้เพราะเชื่อว่า เรื่องพิษครานี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของมารดาเป็นแน่

“ข้าบอกไม่ได้...ฮึก...ข้าบอกไม่ได้...ฮือ” นาคินทร์เลือกที่จะไม่ตอบอะไร ถึงแม้จะตัดใจจากกนธีแล้วก็ตาม แต่อย่างไรเสียกนธีเองก็เคยมีบุญคุณและช่วยเหลือมาก่อน จึงคิดที่จะปิดบังเอาไว้แม้ตัวตายก็ขอให้ความลับนี้ตายไปพร้อมกัน

“ถ้าเจ้าไม่บอกข้าว่าผู้ใดเป็นผู้บงการเจ้าแล้วล่ะก็ ข้าจะกุดหัวเจ้าเสีย แล้วฉีกกายเจ้า โยนร่างให้เป็นอาหารเหล่าครุฑบริวารของข้า !!!” ไม่ใช่แค่คำขู่ให้นาคน้อยนั้นหวาดกลัว...แต่นภนต์จะทำจริงๆ ถ้าหากนาคินทร์นั้นไม่ยอมบอกผู้บงการเรื่องเลวร้ายอัปรีย์ที่เกิดขึ้นนี้

“ท่านอย่าทำอะไรแม้แต่จะคิดเป็นอันขาด นาคินทร์เป็นเชลยของข้าและข้านั้นเพียงเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ในการตัดสินโทษทัณฑ์และชะตาชีวิตของนาคินทร์ได้” รพีพงศ์เข้ามาขวางด้วยความที่รู้ว่าแม่ทัพหลวงแห่งสรวงสวรรค์สามารถกระทำตามคำที่เอ่ยออกมาเป็นแน่แท้แต่นาคินทร์นั้นมากับตนการที่จะให้คนอื่นมาเข้าก้าวก่าย ก็จะดูเหมือนว่าข้ามหน้าข้ามตากันไปหน่อย

“เจ้าบอกมิได้จริงๆหรือนาคินทร์” ชลันธรถามเสียงแผ่ว

“ข้าขออภัยที่ข้าบอกท่านมิได้...ฮือ..ฮึก...สิ่งที่ข้าบอกได้ในตอนนี้คือคำขอโทษและต้องการที่จะชดใช้สิ่งทำไว้กับท่าน...ฮือ..ขอให้ท่านอภัยให้ข้าด้วยเถิด” นาคินทร์ก้มลงกราบแทบเท้าของชลันธรอีกครั้งด้วยสำนึกในสิ่งที่ตนได้เคยกระทำผิดไว้จริงๆ

“เจ้าอย่ากราบเราเลย...ลุกขึ้นมาเถิด ถึงเราจะเอาโทษอะไรกับเจ้าก็คงมิมีอะไรดีขึ้นมา รังจะเป็นการผูกกรรมกันไปเปล่าๆ เราให้อภัยเจ้าแล้วนาคินทร์ มองหน้าเราสิ...หากเจ้าสำนึกผิด...” ชลันธรจับไหล่เล็กที่สั่นระริกให้ นาคินทร์เงยหน้าขึ้นมองแล้วลุกยืนขึ้นมาพร้อมกันชลันธรไม่คิดจะคาดคั้นเอาคำตอบอันใดอีกเพราะพอจะเข้าใจว่าคนเรานั้นสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อความรักไม่ว่าสิ่งที่ทำลงไปจะถูกหรือผิดศีลธรรมแค่ไหนก็ตาม

“ฮึก...ข้าขอบพระคุณท่านที่เมตตาข้า...ฮือ”

“ชลันธร เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่านาคตนนี้จะแสร้งทำดีกับเจ้า บางทีนี่อาจจะเป็นแผนการชั่วของนาคินทร์กับผู้เป็นนายก็เป็นได้ ดั่งโบราณว่าไว้ นาคงูนั้นมากด้วยเล่ห์กล หาไว้ใจได้ไม่...” นภนต์พูดเตือนสติคนรักก็ด้วยความเป็นห่วง ภาพเหตุการณ์ที่ชลันธรทุรนทุรายใกล้สิ้นลมเพราะพิษร้ายยังคงเป็นภาพติดตาที่มิอาจลบเลือนไปในความทรงจำของนภนต์ได้

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้ายืนยันว่านาคินทร์นั้นไม่มีแผนร้ายใดๆอีก และเพลานี้นาคินทร์ก็เป็นเชลยของข้าจึงอยู่ในสายตาของข้าโดยตลอด...ก็อย่างที่ชลันธรเอ่ย...เอาโทษอะไรกับนาคินทร์ก็คงมิมีอะไรดีขึ้นมา...ข้าเคยเค้นเอาความจริงมาแล้วแต่นาคินทร์ก็มิยอมพูดกระไรเช่นกัน...” รพีพงศ์ยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้กับนาคินทร์ จนนภนต์รู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่แรกเหมือนกับว่าระหว่างรพีพงศ์และนาคินทร์คงมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่าง

“ข้าขอยืนยันด้วยบริสุทธิ์ใจ...ว่าข้านั้นไม่ได้คิดการจะทำร้ายท่านชลันธร” นาคินทร์ให้คำสัตย์กับนภนต์รวมถึงทุกคนในที่นี้ด้วย

“ฮึ...ข้าจะยอมเชื่อเจ้าก็ได้ แต่อย่างไรเสียเมื่อใดที่ได้พบกับเทพแห่งกาลเวลาแล้วไซร้ ข้ากับชลันธรก็จะได้รู้ว่า...ใครคือคนที่เจ้านั้นคอยปกป้องปกปิดความเลวระยำนี้เอาไว้...” นภนต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา นาคินทร์ได้แต่นิ่งเงียบในใจก็คิดว่าอะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิดเมื่อถึงเวลานั้นจริงแล้ว กนธีคงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำไว้เช่นกัน เพียงแต่ตนจะไม่ขอยื่นมือเข้าไปเปิดโปงเรื่องนี้เอง ส่วนชลันธรพอเห็นว่าบรรยากาศเริ่มคลี่คลายก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาทำลายความเงียบงัน

“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าบอกเราว่าจะชดใช้ความผิดให้กับเรา สิ่งแรกที่เรานั้นจะให้เจ้าทำนั่นก็คือ...กลับมาเป็นสหายเรา เฉกเช่นที่เราสองอยู่โลกมนุษย์และเจ้าก็ต้องเรียกเราว่า...ลัน...เหมือนเดิม...” ชลันธรเอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้ม ผู้ที่ได้ยินทั้งสามต่างอึ้งไปตามๆ กันกับสิ่งที่ชลันธรเอ่ยออกมา

“ข้าจะยังสามารถเป็นเพื่อนกับท่านได้อีกหรือ...?” นาคินทร์ถามย้ำอีกครั้ง กลัวว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นผิดเพี้ยน ไม่คิดว่าชลันธรจะยังอยากเป็นมิตรสหายกับผู้ที่เคยทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด รวมทั้งตนก็ยังเป็นนาคในตระกูลต่ำชั้นมาก มีอาจจะเทียบเคียงอดีตพระสมุทรได้

“เราบอกให้เจ้าเรียกเราว่าอันใดเล่า...คินทร์”

“ฮึก...ลัน...”

นาคินทร์ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง อีกทั้งยังโผเข้ากอดชลันธรแน่น อดีตเทพแห่งมหาสมุทรเองก็โอบกอดกลับไป...เพื่อนนั้นก็ยังคงเป็นเพื่อน...มิตรภาพของทั้งสองมิเคยจางหายไป นาคินทร์สัญญากับตัวเองว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเพื่อนที่เป็นมนุษย์คนแรกและคนเดียวของตนเองตลอดไปให้สมกับที่ชลันธรไว้ใจ ทั้งสองกอดกันอยู่นานด้วยความจริงใจที่มีให้กันจนลืมนึกไปว่ายังมีเทพหนุ่มรูปงามยืนมองทั้งคู่อยู่ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

‘เหตุใดเมียข้าถึงได้...อ่อนต่อโลกเยี่ยงนี้...เฮ้อ...โลกมนุษย์คงเรียกเรื่องแบบนี้ว่า...โลกสวย...กระมัง’ …นภนต์

‘นาคินทร์...นี่เจ้าบังอาจ...กอดผู้อื่นที่มิใช่ข้า…’ …รพีพงษ์

 





































...

สวัสดีนี่ท่านยุ่งเองนะ จำเค้าได้ป่ะ จ๊ะเอ๋ // เล่นไรไม่เข้ากับหนังหน้าตัวเอง 5555

ท่านยุ่งมาแล้วหลังจากที่หายไปร่วมสองอาทิตย์ ขอโทษด้วยนะคะหวังว่าจะไม่หายนะคะ

ตอนนี้มีมาม่านิดๆเบาๆนะคะ ก่อนจะปิดท้ายด้วยโลกสวยจากปากผู้ชายที่โหดๆนิ่งๆและความหวงของอิตารพีที่แบบแค่นี้ทำเป็นหวงลองเจอแบบนภนต์สิ ผู้หญิงจะเอาเมียตัวเองไปทำผัวเลยนะเว้ย!!!!



สุดท้ายนี้ท่านยุ่งขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน รอ เป็นกำลังใจ แสดงความคิดเห็น

ขอบคุณนะคะ

ป.ล. ท่านยุ่งอาจอัพนิยายช้าเร็วสลับกันไป แนะนำให้ติดตามข่าวคราวจากเพจเฟสบุ๊ก​ Ginger Ale 's fiction ​​

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #198 เมื่อ26-07-2017 13:25:55 »

กรี๊ดดดดด อัพแล้วววว ขอปาดก่อนนนน

เขาขอโทษกันแล้ววววว หวังว่าจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง เรื่องเริ่มคลี่คลายแล้ว ดีจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2017 14:01:54 โดย Petit.K »

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #199 เมื่อ26-07-2017 14:43:50 »

เค้าเข้าใจกันแล้ว เอ่อ ทำไมชลันธรหายโกรธง่ายเยี่ยงนี้ อย่างว่ากาลเวลายาวนานก็ทำให้ความโกรธละลายลงได้ แต่นภนต์ยังนิสัยไม่ดีอยู่นะ 55+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
« ตอบ #199 เมื่อ: 26-07-2017 14:43:50 »





ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #200 เมื่อ26-07-2017 16:47:18 »

กลับมาแล้ว~

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #201 เมื่อ26-07-2017 18:17:10 »

โถ...มนุษย์ผัว เอ๊ย เทพผัว ฮา

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #202 เมื่อ26-07-2017 19:47:09 »

ถ้าผัวเทพจะขี้หึงเยี่ยงนี้

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #203 เมื่อ26-07-2017 20:06:48 »

 :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.19 P.7 (26/07/2560)
«ตอบ #204 เมื่อ27-07-2017 17:30:24 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.20 P.7 (06/08/2560)
«ตอบ #205 เมื่อ06-08-2017 17:45:46 »

​สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung 0209

File : 20













ล่วงผ่านเวลาไปสามราตรี ทั้งสี่ก็ยังคงได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังวิมาน ณ เชิงเขาจิรันดร ซึ่งมองด้วยสายตานั้นสถานที่อันเป็นเป้าหทมายอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่กลับตรงข้ามกับความเป็นจริงที่แม้จะมองเห็นด้วยตาก็มิอาจจับต้องได้ เฉกเช่นความรักหากได้รักกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดสนิทกัน แม้จะมองเห็นหน้ากันทุกวันคืนแต่ก็มิอาจสัมผัสหัวใจของอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง ประโยคที่ว่ายิ่งใกล้ก็เหมือนยิ่งไกลคงจะเหมาะสมกับความรักในรูปแบบนี้

รพีพงศ์เคยตกอยู่ในห้วงความรักเยี่ยงนี้ ด้วยกาลก่อนตนนั้นทั้งรักทั้งหลงชลันธร แต่ก็ไม่สามารถจะสัมผัสจับต้องให้สมใจปรารถนากับความรู้สึกรักที่ล้นออกจากอกได้ เมื่อครานั้นรพีพงศ์ทำได้เพียงข่มความเจ็บปวดมองแผ่นหลังเล็กที่มีแขนแกร่งของนภนต์คอยโอบกอดไว้  แต่ครานี้รพีพงศ์กลับแปลกใจที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่มองเห็นชลันธรถูกโอบกอดด้วยเทพแห่งท้องนภาดั่งเช่นเคย

ต่างจากนาคินทร์เองที่เพลานี้ก็กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรู้สึกบางอย่างที่มิอาจจับต้องสิ่งที่หมายใจ เพราะสิ่งที่หมายนั้นอยู่สูงเกินจะเอื้อม ก็ด้วยรพีพงศ์นั้นมีใจมอบให้อดีตเทพมหาสมุทร นาคาน้อยรู้ตัวดีว่าตนแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ยามนอนรพีพงศ์ก็ไม่กอดกายให้คลายหนาวดั่งราตรีก่อนๆ ได้มองเทวาบุตรหนุ่มผ่านกองไฟที่กลางกั้น  นาคน้อยจึงทำได้เพียงตัดใจและข่มความรู้สึกไว้ใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง แสร้งรอยยิ้มยามอยู่กับชลันธรแม้จะหน่วงใจสักแค่ไหน หลายวันที่อยู่ด้วยกันนาคินทร์ก็ยังทำหน้าที่ตามสัญญาที่ให้ไว้กับตนเองนั่นก็คือดูแลชลันธรรวมถึง…คอยกันท่ารพีพงศ์และสนับสนุนให้นภนต์ให้อยู่กับชลันธร

การผจญภัยด้วยเดินเท้าครั้งนี้ชวนให้เหนื่อยล้า บ้างก็เหนื่อยกายบ้างก็เหนื่อยใจ ดังนั้นยามที่ได้ยินเสียงสายน้ำกระทบกับหินเล็กหินใหญ่ ดั่งน้ำทิพย์ชโลมจิตใจที่เหนื่อยล้าให้แจ่มใส ผู้ที่ชื่นชอบในสายนทีทั้งสองไม่รอช้า ต่างวิ่งเข้าหาต้นกำเนิดของเสียง การได้เจอวารีใสไหลเย็นผ่านชั้นหินท่ามกลางป่ากันติทัตนับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับชลันธรและนาคินทร์ ไม่รอช้าอดีตเทพสมุทรและสหายรักต่างก็วิ่งถอดผ้าลงไปในน้ำตกเล็กๆ เบื้องหน้า โดยที่มิได้เขินอายเทพหนุ่มร่างสูงทั้งสอง ก็ด้วยเป็นชายเหมือนกันสองเทพหนุ่มที่ติดตามนั้นก็มิสามารถร้องห้ามได้ไม่ทัน ก็ได้แต่ปล่อยให้คนงามทั้งสองลงเล่นน้ำอย่างสมใจ

บัดนี้ได้มีหนึ่งมนุษย์หนึ่งนาคารูปกายงามกำลังเพลิดเพลิดกับการสาดน้ำใส่กัน ใครพบเห็นก็นึกคิดว่านี่อาจเป็นเทวาผู้มากด้วยบารมีกายทิพย์กำลังลงสรงเล่นน้ำสำราญใจ แท้ที่จริงแล้วหาใช่เทวาไม่กลับเป็นเพียงมนุษย์และนาคที่เป็นบุรุษเพศเท่านั้น

“ท่านพี่นภนต์ ไม่ลงเล่นน้ำกับพวกเราหรือ” ชลันธรตะโกนถามคนรักที่นั่งอยู่บนโขดหินใหญ่ไม่ไกลจากที่ชลันธรและนาคินทร์เล่นน้ำอยู่

“เจ้าเล่นกับนาคินทร์เถิดชลันธร พี่จะอยู่เฝ้าไม่ให้เจ้านั้นเป็นอันตราย” นภนต์เอ่ย แม่ทัพหลวงแห่งสวรรค์บัดนี้รับหน้าที่เป็นยามเฝ้าดูคนงามให้ปลอดภัย ว่าการเป็นยามฟังแล้วอาจจะดูน่าเบื่อนัก ที่จะต้องนั่งเฝ้าโดยมิสามารถเคลื่อนกายขยับไปไหนได้ หากสำหรับนภนต์แล้วการเฝ้ายามครั้งนี้นั้นช่างคุ้มค่ายิ่งนัก ที่ได้ยลโฉมชลันธรที่เปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ ถึงจะเคยเห็นมาก็หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นชลันธรเปลือยกายลงเล่นน้ำอย่างสำราญใจ ถึงแม้จะกังวลที่รพีพงศ์ก็ได้ยลเช่นกัน ใจก็นึกหึงหวงแต่หากโวยวายกลัวว่าชลันธรจะขุ่นเคืองหมดสนุกในยามสำราญเยี่ยงนี้  ก็ถือเสียว่าให้ได้ยลให้อิจฉาตนที่ได้ทั้งใจทั้งกายชลันธร...

แม้กายขาวของทั้งสองช่างดูน่าชม…แต่นภนต์ก็จับจ้องเฉพาะแต่ชลันธรเท่านั้น ในใจเพียงได้แต่คิดลามกด้วยกำหนัด...‘ชลันธร...พี่นี้อยากจับให้นอนราบบนโขดหินแล้วย่ำยียิ่งนัก’… 

“ท่านรพีพงศ์ท่านเองก็ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิ” นาคินทร์แสร้งชวนอีกฝ่ายทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ารพีพงศ์นั้นไม่ถูกกับน้ำเอาเสียเลย ด้วยสายพระโลหิตนั้นดำรงด้วยวงศ์สุริยาเต็มกายจึงมิใคร่จะถูกกับน้ำที่สามารถดับไฟร้อนได้

“ข้าไม่เล่น...เจ้าเล่นเถิดนาคินทร์” รพีพงศ์เอ่ยจากริมธารแล้วนั่งมองนาคินทร์เล่นน้ำต่อ พักตร์หล่อคมแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม…นาคินทร์คือเหตุผลเดียวที่ทำให้รพีพงศ์ไม่เจ็บปวดกับความรักที่มีให้กับชลันธร จะเรียกได้ว่าในความคิดของรพีพงศ์นั้นมีแต่นาคินทร์เสียแล้ว มันน่าขันยิ่งนักที่เชลยมามีอิทธิพลต่อจิตใจเทพหนุ่มถึงเพียงนี้

“เจ้ายิ้มอะไรของเจ้ารพีพงศ์...หรือว่าเจ้าคิดลามกกับชลันธร... หยุดมองเมียเราเสียถ้าไม่อยากถูกควักลูกตา” เทพนภนต์ผู้หวงเมียเป็นที่สุดตรัสแกล้งเย้ารพีพงศ์ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของตน

“อย่าคิดว่าข้าจะเป็นแบบท่านสิ…ท่านนภนต์ แล้วอีกอย่างข้าหาได้มองชลันธรไม่” รพีพงศ์ส่ายหน้าให้กับความคิดของนภนต์ สุริยะบุตรเริ่มสงสัยว่านภนต์นั้นมาเป็นแม่ทัพหลวงได้อย่างไรทั้งความคิดความอ่านนั้นดูประหลาดยิ่งนัก

“ก็แล้วไป...ในเมื่อเจ้าบอกกับข้าว่าไม่ได้มองชลันธร แต่ในน้ำนั่นมีอยู่สอง ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นเจ้าคงมองนาคินทร์ใช่หรือไม่เล่า...” นภนต์แกล้งถามออกไปตรงๆ ทั้งที่หลายวันมานี้ ไม่สิตั้งแต่วันที่นาคินทร์มาขอโทษชลันธร ความห่วงใยของรพีพงศ์ที่มีต่อเชลยในปกครองมันมากล้นจนตนยังรู้สึกได้

“ข้า….”

“ลัน!!! อย่าแกล้งเรา!!!”

รพีพงศ์ไม่ทันจะได้ตอบคำถามเทพนภนต์เสียงร้องของนาคินทร์ก็ดังเข้าแทรกเทวาทั้งสองที่ละสายตาจากคนในความดูแลได้หันไปมองพร้อมกัน ใจก็คิดว่าคงจะเกิดอันตรายแต่สิ่งที่ได้เห็นกลับทำให้นภนต์รวมถึงรพีพงศ์ที่ไม่ถูกกับน้ำยังต้องรีบจ้ำอ้าวลุยลงไปในน้ำ

“ตัวคินทร์เนี่ยนุ่มนิ่มน่ากอดเหมือนเดิมเลย” ชลันธรที่กอดรัดเอวบางจากด้านหลังยิ่งไปกว่านั้นก็ฝังปลายจมูกของตนไปยังแก้มนิ่ม

“ลันปล่อยเราเลย…อ๊ะ…แล้วมาหอมแก้มเราอีกมันน่านัก” นาคินทร์เอ็ดชลันธรไม่จริงจัง แก้มขาวนั้นเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้มให้ดูงดงามยิ่งกว่าเก่า

“มันน่าอะไรไหนบอกเรามาสิ”

“มันน่าจับจุ๊บปากไงล่ะ..จุ๊บ” ไม่ใช่แค่พูดลอยๆ นาคินทร์นั้นลงมือทำจริงทันทีที่ริมฝีปากแดงระเรื่อสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มนาคินทร์ก็ถูกรพีพงศ์ดึงแขนเช่นเดียวกับนภนต์ที่คว้าเอวบางของคนรักมาสวมกอด

“ถ้าชลันธรน่าจุ๊บ เจ้ามันก็น่าโดนข้าจับโยนให้ครุฑกินยิ่งนัก” นภนต์เอ่ยน้ำเสียงติดดุคล้ายกับพ่อหวงลูกสาวก็ไม่ปานนิ้วโป้งก็ลูบริมฝีปากของชลันธร…‘ริมฝีปากนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่จะสัมผัสได้’…

“ถ้าจะลงโทษนาคินทร์ ข้าจะเป็นผู้ลงโทษเองเพราะนี่เป็นเชลยของข้า” รพีพงศ์พร้อมส่งสายตาขุ่นมัวไปยังนาคน้อยที่ยืนหน้าสลด

“พอกันทั้งคู่เลยเราไม่ให้ใครลงโทษนาคินทร์ทั้งนั้น นาคินทร์เป็นสหายของเราและเราทั้งคู่ก็เล่นหยอกล้อถือว่าเป็นเรื่องปกติ” ชลันธรออกตัวปกป้องนาคินทร์

“นี่เจ้าไม่ได้คิดจะเอานาคินทร์มาทำเมียเจ้าใช่หรือไม่ชลันธร” นภนต์เริ่มหวาดระแวงยิ่งช่วงนี้ดูเหมือนชลันธรจะมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน ครั้งก่อนเป็นอุรพีครั้งนี้เป็นนาคินทร์หรือนี่

“ท่านพี่บ้า!!! ท่านก็รู้ว่าข้าเมียท่าน!!!” ชลันธรโวยวายแล้วสาดน้ำใส่นภนต์ นาคินทร์เองก็ได้ทีปลีกตัวออกมาจากร่างสูงแล้วร่วมมือกับชลันธรสาดน้ำใส่ให้จอมคิดมากขี้หึงขี้หวงเปียกปอนไปทั้งตัว จากที่ไม่อยากเล่นน้ำเทพหนุ่มทั้งสองก็ต้องรับมือกับคนงามแสนซนทั้งสองที่กระหน่ำสาดจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นไหนจะเสียงหัวเราะเยาะนี่อีกอยากจะจับจูบให้เงียบเสียจริง

ในระหว่างที่สำราญใจกับการเล่นน้ำนั้นทั้งสี่ก็หาได้รับรู้ไม่ว่ามีมัจฉาตัวหนึ่งว่ายน้ำวนอยู่โดยรอบคอยลอบมองอยู่ได้พักใหญ่เมื่อถึงเวลาที่เห็นสมควรเจ้ามัจฉานี้ก็ว่ายทวนกระแสน้ำออกห่างไป ปลาตัวเล็กพลันขยายร่างใหญ่ขึ้นเกล็ดปลาสีหม่นกระจายออกทั่วบริเวณเผยผิวกายคล้ายมนุษย์ผมสีครามเข้มสยายจนน่ากลัว ‘พรายน้ำ’ รีบว่ายไปยังถ้ำใต้น้ำซึ่งเป็นดั่งประตูมิติสู่โลกแห่งท้องทะเลมุ่งหน้าไปยังวิมานมุกสีครามเพื่อรายงานผู้เป็นใหญ่ . . . วิมานพระสมุทร

“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าเห็นทั้งสี่ที่น้ำตกสุราลัย!!”

“ข้าแน่ใจเสียยิ่งกว่าขอรับพระสมุทร ข้านั้นจำอดีตเทพพระสมุทรรวมถึงนาคินทร์ได้ดี ตอนที่ข้าไปพบนั้นกำลังเล่นน้ำกอดรัดกันอย่างสนุกสนานเสียเหลือเกิน นาคินทร์เองดูมีความสุขดียิ่ง พอถูกเทพรูปงามกอดแขนไว้ก็ยิ่งยิ้มกว้าง” พรายน้ำเอ่ยในสิ่งที่ได้เห็นอย่างละเอียด 

‘มีความสุขกันอย่างนั้นหรือพอข้าทิ้งเจ้าก็หาผัวใหม่ มันน่านักนาคินทร์ คอยดูเถิด นี่จะเป็นรอยยิ้มครั้งสุดท้ายของพวกเจ้าแล้วเพราะข้าจะทำลายพวกเจ้าให้แหลกละเอียดดุจดั่งเม็ดทรายใต้ท้องทะเล’…กนธีกำหมัดแน่น…ด้วยอารมณ์โกรธแค้นจากความคิดที่อยู่ในใจ

“มัจฉาฉายเจ้านำรางวัลให้กับนางพรายน้ำนี่เสียแล้วส่งคนให้ไปบอกท่านเทพทั้งสองด้วยว่า...ถึงเวลาที่ข้าต้องขอให้ท่านทั้งสองช่วยเหลือข้าแล้ว...” กนธีเอ่ยให้มัจฉาฉายทหารคนสนิทรีบทำตามประสงค์ของผู้เป็นนายเหนือหัว กนธีเองก็หาได้สั่งแล้วนั่งนิ่งเฉยไม่ เร่งเรียกประชุมเหล่าไพร่พลหารือกันเป็นการใหญ่ในครั้งนี้

…‘ชลันธรหลานรักข้าคิดถึงเจ้าเสียเหลือเกิน’…

. . .

“เห็นหรือไม่ว่าพวกเจ้าทำพวกข้าเปียกปอนไปหมด” รพีพงศ์ปากก็ดุบ่นนาคินทร์ ส่วนมือก็ไล่จับเกศาดำขลับให้หายเปียกชื้นด้วยความร้อนภายในไปด้วย จนนภนต์ที่เห็นอยู่นั้นอดที่จะพูดล้อให้อีกคู่อายเสียไม่ได้

“เจ้านี้ช่างดูแลเชลยดีเหลือเกินนะ... รพีพงศ์”  นภนต์ที่เห็นรพีพงศ์ที่ดูแลนาคินทร์อย่างดี ซึ่งมิต่างจากที่ตนดูแลชลันทร์กล่าวเย้าแหย่ในสิ่งที่ได้เห็น

“ข้าหาได้ดูแลดีอะไรดอก เพียงแต่ผมของนาคินทร์นั้นหากได้ปล่อยไว้ให้แห้งเองก็มิต่างจากกองฟางในนาข้าว” รพีพงศ์เอ่ยเสียงเรียบทั้งที่รู้อยู่ว่าเส้นผมดำสวยนี้นุ่มมือเพียงใด

“ดูท่านว่านาคินทร์สิ...เราว่าผมของนาคินทร์สวยมากยิ่งไว้ยาวแบบนี้ช่างแตกต่างจากตอนเป็นมนุษย์ดูงามเสียจนอิสตรียังอิจฉา” ชลันธรเอ่ยชมทั้งรอยยิ้มถ้าไม่นับบุษยะนาคินทร์นั้นก็ถือได้ว่าเป็นบุรุษรูปงามที่สุดเท่าที่ตนได้พบเห็น

“เจ้าเองก็งามไม่แพ้ใคร แต่ว่าตอนนี้อย่ามัวนั่งอมยิ้มตัวเปียกเยี่ยงนี้ยังไม่คิดจะนุ่งผ้าอาภรณ์หรอกหรือ...เปลือยกายเช่นนี้มิอายฟ้าดินบ้างหรือไร...หรือว่าจะรอให้พี่แต่งองค์ทรงเครื่องให้” นภนต์เอ่ยตอนนี้ตนรพีพงศ์และนาคินทร์ต่างก็หาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหมดแล้วยกเว้นชลันธรที่ยืนตัวเปลือยเปล่าท่อนบนอยู่ แต่ท่อนล่างมีเพียงภูษาสีขาวผืนบางปกปิดไว้

“ไม่ต้องเลยนะท่านพี่...ข้าเปลี่ยนเองได้...เลิกมองกายข้าได้แล้ว...แล้วก็ส่งเสื้อผ้ามาให้ข้าเสียสิ ถืออยู่ในมือเยี่ยงนั้นข้าจะผลัดเปลี่ยนได้อย่างไรเล่า...” ชลันธรเอ่ย นภนต์ยิ้มแล้วขำ มือหนาจึงส่งเสื้อผ้าให้ชลันธรตามคำขอ พอได้รับก็พาชลันธรหลบเข้าไปที่โขดหินใหญ่เพื่อแต่งกายให้เรียบร้อย

“นี่ชลันธร...พี่ขอสั่งห้ามเลยนะ ตั้งแต่บัดนี้ไปห้ามเจ้าเปลือยกายเล่นน้ำแบบนี้อีกไม่ว่ากับใครก็ตาม โดยเฉพาะมีเจ้ารพีพงศ์อยู่ด้วยแบบนี้...” กำลังจะถอดผ้า นภนต์ก็เอ่ยสั่งห้ามไม่ให้ชลันธรลงเปลือยกายเล่นน้ำอีกเพราะหึงหวงกายงามมิอยากให้ชลันธรเห็น

“ไม่ !!! ท่านพี่จะขัดความสำราญข้าหรือ...จะหึงหวงก็ให้มีขอบเขตบ้าง นาคินทร์นั่นก็สหายข้า...รพีพงศ์ก็เช่นกัน ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้นข้ามิอายดอก...”

“เจ้าไม่อายแต่พี่หวง... เจ้ามิใช้ตัวคนเดียวอีกแล้วชลันธร...เจ้ามีพี่...พี่ที่เป็นผัวเจ้า...ผัวก็ย่อมหวงเมียเป็นธรรมดา...”

“แต่...”

“ไม่มีแต่...เรื่องนี้ถือว่าพี่ขอ...มิรู้รพีพงศ์จดจำกายเปลือยเจ้าเอาไปสำเร็จความใคร่หรือเปล่าก็มิรู้...”

“ท่านพี่ไยพูดเช่นนี้...” ชลันธรหน้าแดงก่ำเรื่องแบบนี้ใครใคร่เอามาพูดกันคงจะมีเพียงนภนต์เท่านั้นที่ไม่รู้จักอาย

“พี่เป็นบุรุษพี่ย่อมรู้ว่าบุรุษเพศด้วยกันคิดเช่นไร เมื่อได้สบต้องของสวยงามเช่นนี้...”

“ที่ท่านพี่รู้ดีเพราะท่านเองก็ทำใช่หรือไม่ ท่านพี่นภนต์” ชลันธรได้ทีก็สวนกลับไป

“อย่างพี่ไม่ต้องสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองดอกในเมื่อพี่สามารถลงมือทำได้จริง” นภนต์เอ่ย พระกรแกร่งคว้าร่างอรชรของชลันธรมากอดเกี่ยว

“ท่านพี่พูดอันใดออกมา น่าเกลียดยิ่งนัก” ชลันธรไม่พูดเปล่าใช้มือตีเบาๆ ที่แขนของนถนต์

“ถ้าไม่ให้พี่พูดเจ้าก็สัญญากับพี่เสียว่าจะไม่เปลือยกายเล่นน้ำให้ผู้ใดได้เห็นอีก แม้แต่นาคินทร์หรือบุษยะผู้เป็นสหายรักของเจ้า”

“ก็ได้...ต่อไปข้าจะไม่เปลือยกายเล่นน้ำอีก...” ชลันธรให้คำสัญญาด้วยความจำใจ ถึงจะขัดใจในสิ่งที่นภนต์นั้นขอยู่บ้าง  แต่บางเรื่องก็ต้องยอมทำตามคำขอของนภนต์บ้าง

“แต่ว่าหากอยู่กับพี่สองต่อสอง นั้นเป็นข้อยกเว้น...”

“ท่านพี่นี่ลามกไม่เลิก...ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว!!!” ชลันธรกระทืบเท้าปึงปังแล้วเดินออกมาจากหลังโขดหินด้วยชุดใหม่โดยมีเสียหัวเราะของนภนต์ตามหลัง

“รพีพงศ์…อันที่จริงเจ้าเองน่าจะมีคนช่วยให้เจ้าสุขกายสบายใจแล้วมิใช่หรือ” นภนต์ที่เดินตามชลันธรออกมาเอ่ยกับรพีพงศ์ แต่สายตานั้นจับจ้องที่นาคินทร์

“ข้าไม่มี” รพีพงศ์เอ่ยเสียงเรียบ โดยมิรู้ว่าคำตอบของตนจะทำให้นาคินทร์ถึงกับกลืนก้อนสะอึก

“ข้าว่าข้าปากแข็ง ปากหนักแล้ว เห็นทีจะสู้เจ้ามิได้…แล้วข้าจะรอดูว่าเจ้าจะปากแข็งถึงเมื่อใด ใช่ไหมนาคินทร์” นภนต์เหน็บแนมรพีพงศ์ก่อนจะลงท้ายด้วยการถามนาคินทร์ที่นั่งเงียบไม่พูดอะไร

“คือข้า…” นาคินทร์ตะกุกตะกักไม่รู้จักให้คำตอบใดกับเทพเวหา

“ท่านพี่ก็ถามอะไรไม่เข้าท่า ดูสินาคินทร์สีหน้าเคร่งเครียดเชียว” ชลันธรที่ตรวจดูเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้วก็พูดขึ้น

“ท่านนภนต์กับท่านรพีพงศ์แค่พูดหยอกกันหาได้มีเรื่องใดดอก” นาคินทร์พูดกลบเกลื่อนให้เลิกพูดจาเรื่องนี้เสีย

เวลานั้นเองรพีพงศ์จัดการทำผมมวยให้นาคินทร์เป็นที่เรียบร้อยทั้งหมดก็เริ่มเดินทางต่อไป  แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะก้าวย่างไปไหนก็มีลมพายุลูกใหญ่หอบเข้ามา ลมนั้นพัดแรงจนต้นไม้ใหญ่แทบจะต้านทานไม่ไหว นอกจากนี้ยังมีอัสนีบาตฟาดลงมาสู่พื้นดินดังเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหว

“เกิดอะไรขึ้น!” รพีพงศ์เอ่ยขึ้นมาในใจหวั่นว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีท่าว่าจะเกิดพายุ

“อ่ะ…ท่านพี่!!..ท่านพี่นภนต์”

“ท่านรพีพงศ์!!!”

ทั้งชลันธรและนาคินทร์ถูกลมพายุหมุนหอบเอาร่างให้ออกห่างจากเทพทั้งสองให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า แล้วก็กระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง ทำให้นภนต์และรพีพงศ์ต้องรีบแยกย้ายกันไปตามคนรัก เมื่อชลันธรถูกลมหอบร่างไปได้สักพักก็ดูเหมือนว่าพระพายจะใจดีปล่อยชลันธรลงสู่พื้นล่าง ชลันธรโล่งใจคิดว่าตนได้รอดตายจากพายุลมหอบครั้งนี้แต่เปล่าเลยใบไม้ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็หมุนโอบรอบร่างงามของชลันธรพร้อมกับควันสีฟ้าฟุ้งกระจาย นภนต์วิ่งตามมาทีหลังก็รีบยกกรแกร่งป้องหน้าไว้ เมื่อหมอกสีไพฑูรย์เริ่มที่จะจางหาย นภนต์ก็ค่อยๆ ลดแขนตามลง ตาคมก็เพ่งมองภาพที่อยู่เบื้องหน้า

“พระศุกร์!!!”

“ใช่…ข้าเอง...ไม่คิดว่าเราจะได้เจอกับท่านอีกครั้งนะท่านนภนต์... อืม...ชลันธรข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” พระศุกร์เอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ พลางใช้เรียวนิ้วยาวลูบไล้ที่ปรางค์ขาวสะอาด…‘ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติจะเป็นเทวาหรือมนุษย์…ชลันธรยังคงมีผิวกายขาวดั่งไข่มุกล้ำข้าในมหาสมุทร’…

“ท่านพี่...ท่านพี่ช่วยข้าด้วย” ชลันธรพยายามขืนกาย หากแต่ยิ่งทำให้พระศุกร์ขยับกรแกร่งกอดรัดกายบางแน่น

“พระศุกร์...ท่านจงปล่อยตัวชลันธรบัดเดี๋ยวนี้ !!!” นภนต์โกรธกริ้วหนักก็ด้วยพระศุกร์พยายามลวนลามยอดดวงใจ ทั้งทางร่างกายแล้วยิ่งสายตานั้นด้วยแล้ว นภนต์นั้นยิ่งโมโหหนักขึ้นกว่าเก่า

“หากข้าบอกว่าไม่เล่า…ท่านจะทำอันใดข้า…ฟอด”เทวากายสีฟ้ากดจมูกหอมแก้มนวลหมายเย้ยหยันเทพแห่งท้องนภา นอกจากจะไม่ปล่อยตัวชลันธรแล้วพระศุกร์ยังจุดไฟโทสะของนภนต์ให้โหมกระหน่ำกว่าเก่า

“หากท่านไม่ปล่อย ข้าจะนำเลือดของท่านมาล้างเท้าข้า !!!!”

“เจ้าคิดหรือ...ว่าเจ้าจะทำเยี่ยงนั้นได้...”  พระศุกร์ตอบกลับพร้อมยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัย

ทางด้านนาคินทร์ถูกลมพายุหอบพัดไปติดกับต้นไม้ริมน้ำตกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป ทั้งยังมีเถาวัลย์เลื้อยมาที่ขาขึ้นมารัดโอบกายเอาไว้ นาคินทร์พยายามหนี หากแต่เถาวัลย์นี้ได้ปริแตกแล้วกลับกลายเป็นหมอกควันสีชมพูเถาวัลย์ค่อยเลือนหายไปเหลือเพียงร่างกำยำรัศมีสีชมพูกำจายไปทั่วบริเวณ

“พระอังคาร!!!” รพีพงศ์ที่ติดตามไปร้องเรียกชื่อเทพแห่งสงคราม ที่ยามนี้อยู่เคียงข้างนาคินทร์

“รพีพงศ์…เจ้านั้นโตขึ้นมากเลยนะอีกไม่นานคงจะฤทธิ์มากสามารถต่อกรกับข้าได้ เฉกเช่นพระบิดาเจ้า”

“พระอังคารถึงแม้นพระบิดาข้ากับท่านจะไม่ลงรอยกันจนท่านพาลโกรธเกลียดข้า ข้านั้นก็มิได้ถือสาหาความอันใดไม่ แต่ไยจึงมาจับตัวคนของข้าด้วยเล่า ปล่อยตัวนาคินทร์มาเสียเถิด” รพีพงศ์รู้ดีว่าตนนั้นมีศักดิ์ด้อยกว่าจึงพยายามพูดจาถ่อมตน ซึ่งผิดวิสัยกับสายเลือดพระอาทิตย์ที่ใจร้อนดุดันวู่วาม อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยแก่นาคินทร์หากรพีพงศ์พูดจาไม่เข้าหูพระอังคารอาจจะทำร้ายนาคินทร์ขึ้นมาได้

“ข้าพอใจที่จะจับนาคตนนี้และข้าก็จะต้องได้…” พอได้ยินถ้อยคำที่เอื้อนโอษฐ์ของอีกฝ่ายที่มันช่างไร้เหตุผลเสียจริง ทำไมกันเทพชั้นสูงอย่างพระอังคารถึงได้ทำการเยี่ยงนี้  กระนั้นรพีพงศ์ก็รับรู้ได้ว่าพระอังคารคงไม่ปล่อยตัวนาคินทร์มาโดยง่ายเป็นแน่

“ปล่อยตัวข้าเถิด ถึงท่านจะมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน หากข้านั้นเป็นเพียงเชลย จับตัวข้าไว้แบบนี้ก็ไร้ประโยชน์”นาคินทร์เอ่ยพยายามโน้มน้าวใจผู้ที่จับตัวตนได้รับรู้ว่าคิดผิดถนัดที่มาจับคนไร้ค่าเยี่ยงตน

“เชลยรึ!…หากเป็นเพียงเชลยรพีพงศ์คงไม่ดิ้นรนไล่ตามเจ้ามาขนาดนี้ดอก ฮึ...ถึงอย่างไรเสียไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไรกับรพีพงศ์ ข้าก็จะนำตัวเจ้าไปกับข้า!!!” พระอังคารเอ่ยกับนาคน้อยเดิมทีอยากจับตัวนาคินทร์ไปให้กนธี แต่พอได้ยลโฉมนาคงามอย่างใกล้ชิดก็คิดอยากจะครองนาคาตนนี้ไปเป็นของตน

“พระอังคาร!!! ตั้งแต่อดีตชาติที่ท่านลักลอบเป็นชู้กับสนมของพ่อข้า มาบัดนี้ก็ยังไม่สิ้นลายมายุ่งเกี่ยวกับคนของข้าอีกกระนั้นหรือ เมื่อท่านมิปล่อยเห็นทีข้าคงจะต้องล่วงเกินท่านเสียแล้ว” ไม่ใช่แค่ขู่รพีพงศ์ร่ายมนต์เรียกศาสตราวุธประจำกาย แลปรากฎพระขรรค์แดงฉานด้วยเปลวไฟในทันที

“เข้ามาเลย!!! ข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้าจักเก่งกาจพอที่จะเป็นพระอาทิตย์องค์ใหม่ได้หรือไม่ รพีพงศ์…!!!”

ผืนป่ากันติทัตกำลังจะเกิดการต่อสู้ของทวยเทพไม่ว่าจะเป็นนภนต์กับพระศุกร์  หรือจะเป็นรพีพงศ์กับพระอังคารก็ล้วนตกอยู่ในสายตาของเทพมหาสมุทรกนธีที่กำลังมองผ่านแก้วนพเก้าด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะสิ่งสำคัญที่สุดคือกนธีจักต้องได้ตัวชลันธรมาให้จงได้

“ฮึ...เจ้าพวกแมลงเม่าเอ๋ย...อีกไม่นานดวงใจพระสมุทรจักต้องเป็นของข้า…เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ฮะ ฮะ ฮ่า  ฮ้า…”













......................

ข้ากลับมาแล้ว ข้ากลับมาพร้อมสุดหล่อของข้านั่นก็คือ...ป๋ากนธีผู้นี้นี่เอง #ช่วยปรบมือต้อนรับป๋าหน่อย

นอกจากป๋าแล้วยังมีพระศุกร์และพระอังคารอีกด้วย ไม่จ้องเนอะว่าตอนหน้าจะอบอวนด้วยความรักแน่นอน!!! #โนมาม่า #เชื่อนะ

#แอบมีโมเม้นลันคินทร์ #นภนต์รพีพงศ์ควรระวังตัว



สุดท้ายนี้ขอบคุณที่ติดตามกันะคะไม่ทิ้งกันไปไหนแม้ว่าท่านยุ่งจะอัพช้าก็ามที ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง...

ทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจ ทุกคำติชม ท่านยุ่งขอขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.20 P.7 (06/08/2560)
«ตอบ #206 เมื่อ06-08-2017 18:37:14 »

มีความหมั่นไส้กนธี  :z6:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.20 P.7 (06/08/2560)
«ตอบ #207 เมื่อ06-08-2017 23:08:15 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.20 P.7 (06/08/2560)
«ตอบ #208 เมื่อ07-08-2017 01:30:57 »

กนธีจะมาคว้าพุงเพียวๆไปกินแบบนี้มิได้ เรามิยอมมม

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.20 P.7 (06/08/2560)
«ตอบ #209 เมื่อ07-08-2017 09:10:30 »

รพีพงษ์ปากแข็งยิ่งนัก!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด