12th Diagnosis: Bipolar|| บางทีสิ่งที่เห็น...ก็เป็นแค่ภาพลวงตา
"อือ..."
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นในความมืดพร้อมกับขายาวที่พาดอยู่บนเอวของตนจากด้านหลังเช่นทุกวัน แต่ที่ต่างออกไปเห็นจะเป็นมือใหญ่ที่วางอยู่บนหน้าท้องแบนราบภายใต้เสื้อนอน
แว่นพยายามย้ายมือหน้าออกจากหนาท้องของตนอย่างเบามือที่สุด แต่คนที่นอนหลับสนิทอยู่กลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ร่างสูงรั้งคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้จนเด็กหนุ่มแทบจะจมหายไปในร่างของชายหนุ่ม
"พี่กล้า...ผมจะไปทำกับข้าวครับ" เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง พยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดที่แน่นหนาราวกับกรงเล็บราชสีห์
"อือ...หอมก่อน" ร่างเล็กหยุดดิ้นทันที เอี้ยวคอหันกลับไปมองคนที่เขานึกว่ากำลังหลับสนิทอยู่ ถึงแม้คนตัวโตจะหลับตาอยู่ แต่รอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าคมบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกกับเหตุการณ์นี้อยู่ไม่น้อย
"พี่กล้า ปล่อยครับ" แว่นย้ำอีกครั้ง แต่กลับได้รับการตอบแทนเป็นอ้อมกอดที่หนาแน่นกว่าเดิม "พี่กล้า!"
"ดิ้นอย่างนี้เดี๋ยวพี่ตื่นนะ..." เสียงทุ้มที่แหบพร่าจะการเพิ่งตื่นนอนกระซิบข้างหูอย่างหยอกเย้า ทีแรกแว่นไม่เข้าใจความหมาย
ของอีกฝ่าย แต่เมื่อรู้สึกถึงพี่กล้าจูเนียร์ที่กำลังสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นกำลังสะกิดเขาอยู่ด้านหลัง ร่างเล็กก็หยุดค้างตัวแข็งทื่อทันที
ไอ้ตัวนั้นน่ะนอนต่อไปเถอะครับ
"หอมก่อนเดี๋ยวปล่อย" ใบหน้าคมที่ซุกอยู่กับซอกคอขาวกระซิบ ริมฝีปากได้รูปและคางที่มีไรหนวดน้อยๆเสียดสีกับลำคอขาวจนเด็กหนุ่มต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงประหลาดในลำคอ
กวินภพที่ยังคงหลับตาอยู่ยิ้มเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วเบาในลำคอราวกับลูกแมวน้อยของร่างหอมกรุ่นในอ้อมกอดของตน ชายหนุ่มเอียงแก้มให้เมื่อรู้สึกถึงร่างในอ้อมกอดที่ยอมพลิกตัวกลับมาหา
ใบหน้าขาวยื่นเข้ามาใหล้ ชายหนุ่มรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นของเด็กหนุ่มที่รินรดใบหน้าของตน ก่อนจะ...
"อื้อๆๆๆๆ" บีบจมูกเขาไว้แน่น ร่างสูงพยายามหายใจทางปากแต่ถูกมือเรียวตะปบไว้จนต้องยอมคลายอ้อมกอดจากเอวบาง
"อรุณสวัสดิ์ครับพี่กล้า ไปอาบน้ำได้แล้วครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แล้วเดินออกไปเตรียมตัวทำอาหารเช้าเช่นทุกวัน กวินภพลูบจมูกที่แดงก่ำของตัวเองอย่างน้อยใจ เขานึกว่าจากเรื่องเมื่อคืนอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากกว่านี้เสียอีก
ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่เดินออกจากห้องไปมีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าที่เห่อร้อนด้วยความเขินอาย
"เย็นนี้ผมมีเข้าห้องเชียร์ น่าจะเลิกซักสองทุ่มครึ่งนะครับ" แว่นบอกเมื่อรถสปอร์ตคันหรูจอดเทียบหน้าอาคารเรียนรวมอันเป็นภาพที่เห็นจนชินตาจนเหล่าแฟนคลับเลิกเม้าท์ไปนานแล้ว กวินภพพยักหน้า
"เดี๋ยวพี่มารับ ถ้าเลิกเลทก็โทรมานะ" ชายหนุ่มว่า กดปลดล็อครถให้เด็กหนุ่มเช่นทุกวัน
"พี่กล้า"
"หืม?" ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากรูปกระจับเคลื่อนเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
น่ากิน...ริมฝีปากนิ่มกดลงบนแก้มอีกข้างของชายหนุ่ม "ทีหลังขอกันดีๆก็ได้นะครับ"
คราวนี้กวินภพไม่ยอมให้คนชอบเล่นทีเผลอหนีไปง่ายๆ หันหน้าเอาจมูกโด่งเป็นสันกดแก้มนิ่มหอมกลิ่นแป้งเด็กจนจมอย่างหมั่นเขี้ยวอยู่นานกว่าจะยอมปล่อย แว่นยกมือแตะแก้มตัวเองหน้าแดงก่ำ แล้วเปิดประตูลงจากรถไปโดยไม่พูดอะไร
ชายหนุ่มมองส่งร่างเล็กขึ้นตึกไปพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะรีบบึ่งรถกลับไปยังที่จอดของคณะก่อนที่ตนจะเข้าเรียนสายไปมากกว่านี้
"ฮั่นแน่ เหม่อๆ เป็นไง แผนกูเจ๋งใช่มั้ยล่า~" เหนือฟ้าตบไหล่เพื่อนที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวราวกับคนบ้าอย่างอารมณ์ดี "บอกน้องไปแล้วใช่มั้ย?"
กวินภพส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะถูกเพื่อนรักโบกหัวป้าบใหญ่
"มึงมัวทำอะไรอยู่?" เหนือฟ้าอยากจะบีบคอเพื่อนรักให้ไปที่ชอบที่ชอบให้รู้แล้วรู้รอด กวินภพรีบยกมือปัดป้องตัวเองแล้วรีบอธิบายก่อนจะโดนเพื่อนรักกระทืบ เหนือฟ้านิ่งฟังบอกเล่าของเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างสมเพชเวทนา "ตอนนี้มึงก็รู้แล้วว่าน้องก็ขี้กลัวแบบมึง หลังจากนี้มีอะไรก็อย่าคิดเองเออเอง คุยกันให้รู้เรื่อง เข้าใจมั้ย?"
กวินภพพยักหน้า
"ดี ตอนเที่ยงกูมีนัด ไม่ต้องรอกูนะ" เหนือฟ้าบอก หันกลับไปจดเลคเชอร์ตามอาจารย์ลวกๆ กวินภพได้แต่พยักหน้า เหนือฟ้าไม่เหมือนเขา เรื่องความรักเพื่อนสนิทของเขาไม่เคยบอกอะไรให้ชายหนุ่มรับรู้ แต่พักนี้ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเรื่องหนักใจกับคนที่กำลังคบอยู่คนนี้พอสมควร
เหมือนสมัยเด็กๆที่ร่างโปร่งแอบมีแฟนโดยไม่ยอมบอกเขา
แม้เหนือฟ้าจะไม่เคยบอกชื่อของอีกฝ่ายให้เขารับรู้ แต่บางครั้งที่มาค้างที่บ้านเขา กวินภพจะได้ยินเสียงเพื่อนรักสะอื้นอยู่ในห้องน้ำตอนกลางดึก
เหนือฟ้าไม่เคยยอมให้เขาเห็นน้ำตา
"มึง...ถึงกูจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่กูก็ฟังมึงระบายได้นะ" กวินภพเอ่ยขึ้นลอยๆ เหนือฟ้าที่ก้มจดเลคเชอร์ไม่หือไม่อือ ประหนึ่งว่าตนไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก
ทั้งที่มืออีกข้างกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วเป็นสีขาว....
"สรุปเมื่อคืนยังไงวะแว่น พี่กล้าแซ่บอ่ะดิ" แทนไทยกระซิบถามล้อเพื่อนรักในคาบเรียนวิชาบังคับของมหาวิทยาลัยที่แว่นยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องเรียน
"พ่อแม่ส่งมาเรียนก็เรียนไปมึง" แว่นไม่ตอบ แต่สีหน้าเปล่งปลั่งของเพื่อนตอบคำถามให้แทนไทยเรียบร้อยแล้ว
"รายงานที่แจ้งไปตอนต้นเทอม ครูขอรายชื่อกลุ่มภายในอาทิตย์หน้าด้วยนะ" อาจารย์ประกาศออกไมค์
แว่นลืมไปสนิทว่าอาจารย์ประจำวิชาให้จับกลุ่มสามคนทำพาวเวอร์พอยต์นำเสนอรายงาน แว่นก็แทนไทยจับฉลากเรื่องการขายเรือนร่างของเด็กมหาวิทยาลัยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่พวกเขายังไม่ได้หาสมาชิกคนที่สามเลย
"มึง ชวนคนนั้นป่ะ" แทนไทยชี้ไปที่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าสุด แว่นแทบไม่เคยคุยกับอีกฝ่าย แต่เขารู้ว่าคนที่นั่งจดตามอาจารย์อย่างขะมักเขม้นชื่อมีน เป็นเด็กที่สอบเข้ามาด้วยคะแนนสุดที่สุดในชั้นปี ได้รับทุกแยกต่างหากจากมหาวิทยาลัยซึ่งครอบคลุมค่าเทอมทุกเทอม นอกจากนั้นยังเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุดในคณะ ตัวเล็กกว่าแว่นเสียอีก แถมยังหน้าตาน่ารักที่สุดแม้จะเทียบกับผู้หญิงในคณะ ปากนิดจมูกหน่อย หน้าตาเหมือนเด็กญี่ปุ่น ตาโตๆผิวขาวๆแก้มแดงๆ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่เด็กหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นสีธรรมชาติรับกับดวงตากลมโตสีใกล้เคียงกัน แต่น่าแปลกที่คนตัวเล็กไม่ค่อยพูดจาอะไรกับใคร พอเรียนเสร็จก็ตรงดิ่งกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่กิจกรรมบังคับอย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าเลย
แต่ก็นะ...ใช่ว่าแว่นจะเป็นมนุษย์รวยเพื่อนเสียเมื่อไหร่
"มีน รอก่อน"
แทนไทยตะโกนเรียกร่างที่กอดกระเป๋าเดินดุ่มๆออกมาจากห้องทันทีที่อาจารย์ปล่อยคลาส เจ้าของชื่อสะดุ้งแล้วมองซ้ายขวาอย่างตกใจจนแว่นตีแขนเพื่อนรักดังป้าบ
"มึงเห็นมั้ยเขาตกใจหมดแล้ว" เด็กหนุ่มดุ เดินตรงไปหามีนที่ยังคงหันซ้ายขวามองหาต้นเสียง "เอ่อ...มีน รายงานมีกลุ่มรึยัง"
แว่นที่นานๆที่จะได้ก้มหน้าคุยกับคนอื่นถาม ร่างเล็กมองเขาตาโต ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ กอดกระเป๋าไว้แนบอกแทนเกราะกำบัง
ทะ...ทำไมเขารู้สึกเหมือนกำลังแกล้งหนูแฮมสเตอร์เลยอ่ะ?!
"งั้นอยู่กลุ่มเดียวกันป่ะ พวกเราขาดคนนึงพอดี" แทนไทยโผล่เข้ามาร่วมบทสนทนา ทว่าร่างสูงใหญ่และความสดใสอันล้นเหลือของเด็กหนุ่มลูกครึ่งอังกฤษยิ่งทำให้คนตัวเล็กหดตัวหนีอย่างตกใจ
"...ว่าไง สนใจมั้ย?" แว่นพยายามถามด้วยน้ำเสียงเวลาเขาใช้พูดกับลูกนกที่บาดเจ็บ
มีนมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
"ดีเลย งั้นเดี๋ยวไปกินข้าวกันจะได้รีบแบ่งงาน" แทนไทยที่คุ้นเคยกับสกินชิพมากกอดไหล่เพื่อนร่วมกลุ่มคนใหม่พร้อมรอยยิ้ม แว่นแอบสังเกตเห็นมีนที่สะดุ้งเฮือกอีกครั้ง แต่ก็ยอมเดินตามแรงดึงของร่างสูงแต่โดยดี
อัจฉริยะน่าจะแปลกๆแบบนี้ทุกคนล่ะมั้ง?
"มีนเป็นคนที่ไหนเหรอ?" แทนไทยพยายามชวนคนที่นั่งทานข้าวเงียบๆอยู่คุย เจ้าของชื่อตอบเสียงแผ่ว
"เราเป็นคนที่นี่.."
"เหรอ เหมือนกันเลย นี่ เคยไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือที่คลองข้างวัด..."
แว่นลอบสังเกตสีหน้าของมีนเป็นระยะ เด็กหนุ่มดูเป็นคนอัธยาศัยดีคนนึง แทนไทยถามอะไรก็ตอบตามปกติ แค่เป็นคนเสียงเบาและขี้ตกใจไปหน่อยเท่านั้น
"แว่น ทำไรวะ?" แทนไทยหันมาถามเพื่อนที่ฟังบทสนทนาไปตัดกระดาษไปบ้าง
"ตัดคูปองแลกน้ำยาปรับผ้านุ่ม" แว่นตอบ "จะหมดเขตอยู่แล้วเหลืออีกตั้งใบนึง เสียดายว่ะ"
"ไอ้นี่ ทำตัวเป็นแม่บ้านดีเด่นอะไรเบอร์นั้น" ร่างสูงหัวเราะ จะมีคนประเภทไหนที่สะสมคูปองเป็นล่ำเป็นสันจนแลกได้ยันบ้านยันรถเหมือนแว่นบ้างมั้ยบนโลกใบนี้
"เอ่อ..." เสียงหวานดังขึ้นเรียกความสนใจจากพวกเขา "เรามีเกินใบนึง..."
เสียงหัวเราะของแทนไทยหยุดลงกลางอากาศ เช่นเดียวกับแว่นที่เงยหน้าขึ้นจากใบเสร็จที่ตัดอยู่
"คะ...คือเราสะสมครบแล้วมันเกินมาใบนึงพอดี จะเอาไปก็ได้นะ" ร่างเล็กเปิดกระเป๋าเป้กลางเก่ากลางใหม่ของตนแล้วหยิบซองพลาสติกใสที่ใส่คูปองซึ่งตัดไว้อย่างเป็นระเบียบ แถมยังเขียนติดซองไว้ว่าเป็นคูปองของร้านใดบ้างออกมา
และแล้วแว่นก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวคนตรงหน้า
คนดีๆที่เสียสละคูปองน้ำยาปรับผ้านุ่มฟรีให้เพื่อนร่วมวิชาชีพ(?)แบบนี้ มันช่างน่ายกย่องยิ่งนัก
"มีอะไรเหรอ อารมณ์ดีจัง" อ้อมแขนแกร่งวางลงบนบ่าทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มพร้อมกับคางที่เกยลงบนกระหม่อมอย่างไม่ขอนุญาต แม้จะไม่หันไปมองร่างเล็กก็รู้ว่ามีเพียงคนเดียวที่ชอบทำแบบนี้กับเขา
"พี่กล้าสวัสดีครับ" แทนไทยยกมือไหว้ มีนที่ไม่รู้จักอีกฝ่ายยกมือไหว้ตามอย่างนอบน้อม
ชดช้อยดีแท้แม่คุณเอ๋ย
"กินข้าวเสร็จแล้วเหรอ?" ร่างสูงถาม
"ครับ หลังจากนี้ก็ว่าจะไปทำรายงานกันที่ห้องสมุด" แว่นตอบ พยายามทำเฉยกับนิ้วโป้งที่ถูวนเป็นวงกลมอยู่ที่หัวไหล่
"พี่ว่างพอดีเลย ไปด้วยได้มั้ย"
เด็กทั้งสามมานั่งทำรายงานในชั้นของห้องสมุดที่มีไว้เพื่อการทำงานกลุ่ม เป็นโต๊ะญี่ปุ่นกระจัดกระจายไว้ให้นักศึกษาได้ใช้งาน ซึ่งเด็กส่วนใหญ่กำลังจับจองที่นั่งอยู่ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เสียงพูดคุยปรึกษากันดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ
ยกเว้นเด็กปีสามคณะบริหารธุรกิจที่นอนตากแอร์โดยมีตักของแว่นเป็นหมอนในตอนนี้
"พี่กล้า ถ้าง่วงก็ไปนอนคอนโดสิครับ" เด็กหนุ่มบ่น คนบนตักเพียงแต่นอนมองหน้าเขาด้วยสีหน้ามีความสุขอยู่อย่างนั้นจนเด็กหนุ่มยอมแพ้ไปเอง
แว่นพยายามใช้สมาธิกับการทำงาน แต่ชายหนุ่มที่พลิกตัวซุกหน้าลงกับหน้าท้องของเขาทำให้เด็กหนุ่มต้องกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อไม่ให้จิตหลุด
"แว่น เป็นไรป่าววะ?" แทนไทยที่มองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นใต้โต๊ะถาม แว่นจะตอบเพื่อนรัก แต่ริมฝีปากร้อนที่กดจูบลงบนหน้าท้องของเขาอย่างแผ่วเบาย้ำๆทำให้เด็กหนุ่มหุบปากฉับแล้วพยักหน้าแทน
"จะถึงเวลาเข้าห้องเชียร์แล้ว ไปกันเลยมั้ย" แทนไทยชวน แว่นพยักหน้าแล้วเริ่มเก็บของ แต่มีนกลับอึกอักก่อนจะเอ่ยขึ้น
"เราต้องกลับ..."
"เฮ้ย แต่วันนี้วันให้รุ่นนะ พี่เขาเช็คชื่อ" ร่างสูงเตือน แม้จะไม่ใช่การรับน้อวระบบโซตัส แต่คณะแพทยศาสตร์ก็ถือเป็นคณะที่มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้องเข้มข้นที่สุด เพราะอาจารย์ของพวกเขาไม่ได้มีแค่อาจารย์และคนไข้ แต่ยังมีรุ่นพี่ที่ช่วยสั่งสอนประสบการณ์ให้
"เอ่อ..." เด็กหนุ่มตัวเล็กยังคงมีสีหน้าลังเล
"น่า ไปเถอะ แค่ไปเช็คชื่อก็ยังดี" แทนไทยทำตาวิ้งๆเหมือนหมาขอขนม ท่าทางที่แม้จะหมั่นไส้แต่แว่นก็ปฎิเสธมันไม่เคยจะลง
"เอ่อ..เรา...ขอโทรศัพท์ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวตามไป" มีนเก็บข้าวของแล้วเดินออกไป ทิ้งให้เพื่อนทั้งสองมองหน้าอย่างงุนงง
"พี่กล้าครับ ผมต้องไปแล้ว"
แว่นก้มลงบอกร่างที่นอนอยู่บนตัก กวินภพทำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มลุกแต่โดยดี
"มึงว่าพี่เขาจะมีเซอร์ไพร์สอะไรป่ะวะ"แทนไทยกระซิบถาม แว่นส่ายหน้า ทั้งสองนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องประชุม มีนเดินเข้ามาในห้องเป็นคนท้ายๆแล้วนั่งลงข้างแว่นเงียบๆ
ไม่ทันขาดคำ ทันทีที่เด็กคนสุดท้ายนั่งประจำที่ แสงไฟในห้องก็ดับลง
"เปลวเทียนน้อยๆ ในค่ำคืนไม่มีแสง..."เสียงร้องเพลงของรถ่นพี่ดังขึ้นก้องหอประชุม ไม่ใช่แค่พี่ปีสอง พี่ปีสาม ปีสี่ ปีห้า หรือแม้แต่พี่เอ็กเทิร์นบางคนก็มาร่วมร้องเพลงด้วย แม้แต่คนที่ไม่ค่อยอินกับอะไรอย่างนี้ยังอดรู้สึกจั๊กจี้ในอกไม่ได้
"ลำดับต่อไปขอเชิญพี่ๆผูกสายสิญจ์ให้น้องด้วยนะครับ" พิธีกรพูดออกไมค์ เหล่าพี่ๆปีสูงเดินตามหาน้องในสายของตัวเองกันให้ควั่ก น้ำอุ่นที่ถือสายสิญจ์กำนึงในมือเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาทันทีที่เห็น
"มา แว่น พี่ผูกข้อมือให้" พี่อุ่นหยิบสายสิญจ์เส้นหนึ่งออกมาแล้วเริ่มถูมันไปมาเบาๆบนข้อมือเด็กหนุ่ม "ขอให้เก็ทเอทุกตัวนะ มีอะไรปรึกษาพี่ๆได้นะ"
"ขอบคุณครับ" แว่นยกมือไหว้เมื่ออีกฝ่ายผูกข้อมือเสร็จ
"พี่อุ่น ผมอ่ะ" คนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆเริ่มงอแงเมื่อน้ำอุ่นหันไปผูกข้อมือให้กลุ่มเด็กหนุ่มปีหนึ่งที่เข้ามาขอ ดูจากสีหน้าของคนทั้งกลุ่มสิ่งที่อยากได้จากรุ่นพี่คนสวยคงไม่ใช่แค่ศีลพร
แม้จะหวงแต่แทนไทยก็ไม่กล้าพูดอะไรมากด้วยกลัวว่าพี่อุ่นจะอายเพื่อนๆ
"ใจเย็นดิวะไอ้แทน ของแบบนี้มันต้องตามคิว" อาร์ม รองเดือนคณะยักคิ้วให้เด็กหนุ่มอย่างอ้อนบาทา
"น้องอาร์มพูดถูกนะ" น้ำอุ่นยิ้มหวานให้คนรัก "อีกอย่าง ถ้าอยากได้อะไรผูกข้อมือ เดี๋ยวคืนนี้พี่หาอะไรดีๆผูกให้แทนสายสิญจ์ ดีมั้ย?"
เด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งขอให้ร่างโปร่งผูกสายสิญจ์ให้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วถอยฉากออกไปเงียบๆด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
"เอ่อ..จริงสิ พี่อุ่นผูกให้มีนหน่อยสิครับ" ร่างสูงที่แดงไปทั้งหน้าทั้งคอคว้าตัวเพื่อนที่ยืนหันหลังให้รุ่นพี่อีกคนผูกข้อมือมาทางพวกเขาแก้เขิน แต่ทว่าเมื่อเห็นร่างเล็ก รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากของน้ำอุ่นเสมอตั้งแต่แว่นรู้จักอีกฝ่ายมาอันตรธานหายไป ไม่ใช่แค่แว่นที่ตกใจ แม้แต่เพื่อนของชายหนุ่มยืนอยู่รอบข้างยังอ้าปากค้าง ไม่ต้องพูดถึงแฟนของชายหนุ่มช็อกไปแล้ว
แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับมีนที่หน้าซีเผือด ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว
มือเรียวของน้ำอุ่นแบออก ปล่อยสายสิญจ์ให้ร่วงกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แว่นขมวดคิ้ว
จงใจ?ไม่หรอกมั้ง?
"ขอโทษนะครับ ผมนี่ซุ่มซ่ามจัง" ร่างโปร่งก้มลงเก็บสายสิญจ์ รอยยิ้มหวานกลับมาประดับบนใบหน้าอีกครั้ง เอียงคอถามด้วยเสียงเนิบนาบแต่กลับทำให้ขนที่แขนของแว่นลุกเบาๆ "ยังอยากได้อยู่มั้ย?"
มีนก้มหน้านิ่ง
"เอ่อ...พี่อุ่นรีบผูกเถอะครับ จะได้ผูกคนอื่นต่อ" แม้จะไม่เข้าใจ แต่แทนไทยก็พยายามแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียดอย่างสุดความสามารถ
น้ำอุ่นถูสายสิญจ์กับข้อมือเล็กเบาๆ ก้มลงกระซิบบางอย่างข้างหูเด็กหนุ่มเสียงเบาเสียจนไม่มีใครได้ยิน มีนก้มหน้าต่ำทำให้แว่นมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอย่างไร
หลังจากผูกข้อมือเสร็จ มีนยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมแม้เสียงหวานจะสั่นเครือ
"ขอบ...ขอบคุณครับพี่..."
"อะไรนะครับ?" น้ำอุ่นถามด้วยน้ำเสียงสงสัย แต่แววตากลับเย็นเยียบจนคนมองสะดุ้ง
"ขะ...ขอบคุณครับคุณธาร"
คุณธาร?
"ยินดีเสมอครับ" รุ่นพี่ปีสี่ยิ้มบาง เดินออกไปจากห้องพร้อมๆกับพี่ปีสูงทุกคนเมื่อหมดเวลากิจกรรม
"อะไรของพี่อุ่นน่ะ" แทนไทยมีสีหน้างุนงงปนโมโห เขาไม่รู้ว่าพี่อุ่นพูดอะไรกับมีน แต่การที่เด็กหนุ่มตัวสั่นขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ "ไม่ต้องห่วงนะมีน เราจะไปคุยกับพี่อุ่นให้รู้เรื่อง"
"อย่านะแทน" มีนรีบเอ่ยห้าม “เรา...เราแค่ตกใจน่ะ"
“เรื่องอะไรเหรอ?” แว่นอดถามไม่ได้ ปกติเขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องชาวบ้านแบบโจ่งแจ้งหรอกนะ แต่มันดูมีซัมติงอย่างบอกไม่ถูก
“คือ…พี่เขาชวนเราสวดมนต์น่ะ เราไม่ทันตั้งตัวเลยหลอนๆ ไม่มีอะไรหรอก แหะๆ” มีนยิ้มเจื่อน “ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ”
หา?
คนฟังมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ แต่ก็นั่นแหละ...คนติสท์ๆอย่างพี่อุ่นอะไรก็เกิดขึ้นได้
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ของมีนดังขึ้น เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมารับอย่างรีบร้อน ผงกหัวให้เป็นเชิงลาแล้วเดินออกจากห้องประชุมไปทันที แทนไทยหันมามองหน้าแว่นอย่างงุนงง
"ว่าแต่ทำไมมีนถึงเรียกพี่อุ่นว่าคุณธารล่ะ?"
"เรียกจากชื่อจริงล่ะมั้ง?" แว่นยักไหล่
"ชื่อจริง?" แทนไทยขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แว่นไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยสังเกตชื่อของแฟนตัวเองที่ปักอยู่ทนโท่บนอกเสื้อกาวน์
"นศพ. ธารธารา ทรัพย์ดำรง"
ธารธารา... แปลว่าสายน้ำ‘อุ่นต้องทำตัวเป็นสายน้ำนะลูก’ คำพูดของมารดายังคงก้องอยู่ในหัว
‘อะไรที่ผ่านไปแล้วให้มันผ่านไป อย่าถือโทษ อย่าโกรธ อย่าผูกใจเจ็บ...’
“เพราะมันจะไม่ฉุดให้ใครตกต่ำลงนอกจากตัวอุ่นเอง” ร่างโปร่งพึมพำ มือเรียวเล่นกับแหวนเพชรน้ำงามที่ตนทำเป็นจี้สร้อยแขวนไว้ที่คอ “อุ่นรู้ครับแม่”
แต่อุ่นทำไม่ได้...ก๊อกๆเสียงเคาะประตูห้องนอนของเขาทำให้น้ำอุ่นถอนหายใจเฮือก ร้อยวันพันปีอ่อยยังไงแทนไทยก็ไม่เคยเข้าใจการเชิญชวนมาที่ห้องทางอ้อมของเขา มาวันนี้กลับโทรมาขอขึ้นมาคุยด้วยเสียอย่างนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
รู้อย่างนี้จัดหนักกว่านี้ก็คงดี
“ครับ” น้ำอุ่นเปิดประตูห้องหอพักแพทย์ที่ตนอยู่ รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าเตรียมพร้อมเผชิญหน้าคนรัก “เข้ามาก่อนสิ”
แทนไทยเดินเข้ามาในห้อง น้ำอุ่นนั่งลงบนเตียงแล้วตบที่ข้างๆให้อีกฝ่ายนั่ง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงเดี่ยวขนาดเล็กอย่างช้าๆ อย่างหวั่นใจว่าตนจะทำให้เตียงของหอหัก
“มีอะไรเหรอ?” แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่เจ้าของห้องก็ยังคงถามเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้...พี่พูดอะไรกับมีนเหรอครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างเป็นกังวล
ว่าแล้ว...“พี่สวดมนต์น่ะ” ชายหนุ่มตอบ “ช่วยภาวนาให้มีนเจอสิ่งดีๆในชีวิต”
‘จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย’“มีนก็พูดแบบนั้น...แต่มันไม่ผิดปกติไปหน่อยเหรอครับ?” แม้คำตอบที่ได้จะตรงกัน แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่าเรื่องมันไม่น่าจะมีเพียงเท่านี้ “ใครเขาสวดมนต์ให้รุ่นน้องกันบ้างล่ะครับ?”
“เหรอ พี่ว่าก็ปกตินะ” ร่างโปร่งทำหน้างุนงง “ขอโทษนะ คราวหลังจะไม่ทำแล้วล่ะ”
“ผมก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะครับ...”แม้จะอยากโกรธแต่แทนไทยก็รู้สึกโกรธคนตรงหน้าไม่ลง ทำไมพี่อุ่นถึงได้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เรื่ิยเลยนะ“แล้ว..ทำไมมีนถึงเรียกพี่ว่าคุณธารล่ะครับ?”
“ไม่รู้สิ” น้ำอุ่นส่ายหน้า “คงต้องถามเจ้าตัวล่ะมั้ง"
แม้จะไม่หมดข้อสงสัย แต่เด็กหนุ่มก็มั่นใจว่าคงไม่ได้คำตอบจากคนที่นั่งทำหน้าไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ แทนไทยจึงยอมตัดใจ
เขาก็เป็นซะแบบนี้ อะไรที่คนอื่นไม่อยากพูด เขาก็ไม่กล้าคะยั้นคะยอให้พูด“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียง แต่กลับถูกมือเรียวคว้าแขนไว้ แทนไทยหันกลับไปมองรุ่นพี่ปีสี่เป็นเชิงถาม
“นี่…จะมาห้องพี่ทั้งที แค่มาพูดเรื่องผู้ชายคนอื่นแล้วกลับไปเนี่ย ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ”เสียงหวานตัดพ้อ น้ำอุ่นเงยหน้ามองคนรักด้วยสีหน้าน้อยใจ “ถ้าไม่มีธุระ ก็ไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ?”
“เอ่อ...ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมแค่ไม่อยากรบกวน” แทนไทยรีบปฎิเสธ
“ไม่เป็นไร คืนนี้พี่ไม่มีเวร”ร่างโปร่งลุกขึ้น ก้าวประชิดคนตัวสูงกว่า มือเรียววางทาบบนแผงอกแกร่งจากการเล่นยูโด ริมฝีปากเรียวขยับยิ้มยั่วเย้า “ค้างที่นี่นะ”
“เอ่อ...คือผม..” แทนไทยอึกอัก เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือที่วางทาบอยู่บนอกค่อยๆเลื่อนลงมาที่หน้าท้องซึ่งอุดมไปด้วยมัดกล้าม “เดี๋ยวสิครับพี่อุ่น...”
"อะไรเหรอ?" เจ้าของชื่อเอียงคอ มือซุกซนไล่ปลดกระดุมชุดนักศึกษาของแทนไทยทีละเม็ด ร่างโปร่งเบียดใกล้เสียจนหากแทนไทยก้มลงเขาสามารถมองเห็นตุ่มเม็ดสีชมพูน่าทานผ่านเสื้อนอนคอกว้างอย่างง่ายดาย ร่างสูงพยายามขยับออกห่างจากชายหนุ่มอย่างแนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยาก...ใกล้ชิดกับพี่อุ่นไปอีกขั้น แต่ที่ผ่านมานอกจากจับมือกันเป็นครั้งคราว ความสัมพันธ์ทางร่างกายของทั้งคู่แทบจะเป็นศูนย์ ทั้งด้วยเวลาที่ไม่ตรงกันและความเกรงใจที่เขามีต่อรุ่นพี่ แทนไทยถูกเลี้ยงมาในบ้านที่มารดาเข้มงวดเรื่องการให้เกียรติแฟนมาก เรียกได้ว่าเขาแทบจะไม่มีประสบการณ์อะไรในสนามนี้เลย
ยิ่งเรื่องบนเตียงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แทนไทยเคยลองไปยืนพลิกหน้าหนังสือการ์ตูนที่ร้านใต้หอเพื่อศึกษาข้อมูล แต่สีหน้าเจ็บปวดของฝ่ายถูกกระทำในฉากอัศจรรย์ของหนังสือการ์ตูนที่สาวๆสมัยนี้นิยมชมชอบกันนักหนายิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกกลัวยิ่งกว่าเดิม
ถ้าจะต้องเห็นพี่อุ่นทำสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้น เขายอมบวชไม่สึกยังดีกว่า
“ผม…วันนี้ผมไม่สะดวกจริงๆ ขอตัวนะครับ” แทนไทยรีบผละออกจากร่างโปร่งทันทีที่สบโอกาส เด็กหนุ่มรีบเดินออกไปจากห้องก่อนที่ตัวเองจะหน้ามืดจับรุ่นพี่คนสวยในชุดนอนตัวบางกดลงบนเตียงแล้วเสียใจทีหลังในวันต่อมา
“….” น้ำอุ่นทิ้งตัวลงบนเตียง ยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
‘อย่าร้องไห้นะครับพี่สาว ตอนพี่สาวยิ้มแล้วสวยจะตาย เหมือนนางฟ้าเลย'
‘ถ้าใครได้พี่เป็นเจ้าสาว ต้องเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกเลยล่ะ’“ต่อให้สวยแค่ไหน...ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงมันก็ไม่มีประโยชน์ไม่ใช่รึไง” ร่างโปร่งพึมพำ
เขารู้มาตั้งแต่ต้นว่าแทนไทยชอบผู้หญิง และไม่เคยมีแนวโน้มว่าจะชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ด้วยหน้าตาของตนที่เหมือนมารดาทุกกระเบียดนิ้วจนหลายคนแทบแยกไม่ออกว่าเขาเป็นผู้ชายทำให้น้ำอุ่นอยากจะลองเสี่ยงดูซักครั้ง
เขาถึงได้ดีใจมากที่อีกฝ่ายสนใจเขาขึ้นมาจริงๆแต่ทั้งที่คบกันมาหลายเดือนแล้ว...แทนไทยกลับไม่เคยแตะต้องเขาเลย
‘ตอนพี่สาวยิ้มสวยจะตาย’
‘ยิ้มนะอุ่น...รอยยิ้มของอุ่นน่ะ สวยที่สุดในโลกเลยรู้มั้ยจ๊ะ ถ้าอุ่นยิ้ม อุ่นก็จะมีความสุข....’มือขาวเลื่อนลงจากใบหน้าเรียว รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงไม่หายจากริมฝีปาก
อุ่นยิ้มอยู่ครับแม่...
แต่ทำไมอุ่นถึงไม่มีความสุขเลยครับ_______
อะไรนะ? ใครบอกไม่ห่วงคู่พี่อุ่น?
มีใครจำน้องมีนจาก พี่ครับ รับผมได้มั้ย ได้บ้าง
จะบอกว่าเรื่องนั้นรีไรท์อยู่นาจา ไม่ได้หายไปไหน5555 ถ้าเคยอ่านเรื่องนั้น(ที่ดองแล้วดองอีก)ก็คงจะแอบคุ้นๆนามสกุลพี่อุ่นเนอะ
จิบอกว่าน้องมีนแค่แวะมาทักทาย55555
ติณณ์เหนือรอก่อนนะ ตอนหน้านี่ละ แต่จะมาลงเมื่อไหร่ไม่รู้ อ่านหนังสือไม่ทัน55555 แต่ตามสัญญา หายนานแค่ไหนก็ไม่เกินสองอาทิตย์แน่นวลลลลล