-----(ครึ่งหลัง)-------
กวินภพตัดไหมแล้ว
เมื่อวานตอนเย็นทั้งสองไปตามนัดเพื่อตรวจดูอาการที่โรงพยาบาล ถึงแม้หมอจะยังไม่ให้ทำอะไรที่ต้องใช้กล้ามเนื้อต้นแขนมากๆ แต่ชายหนุ่มก็สามารถทานอาหารเองได้แล้ว ซึ่งนั่นทำให้แว่นรู้สึกโล่งอกระคนใจหายเล็กน้อย
ไม่สิ เราจะใจหายทำไมเนี่ย?!
“แว่น...”
เสียงงัวเงียเรียกเขาจากข้างหลังทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาหันกลับไปหา ชายหนุ่มในชุดกางเกงนอนตัวเดียวเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกัยผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างของตนจนเหมือนดักแด้ แว่นพยายามกลั้นหัวเราะกับภาพตรงหน้าอย่างสุดความสามารถแล้วถามคนขี้เซา
“มีอะไรครับพี่กล้า”
“ตื่นเช้าอ่ะ...” ชายหนุ่มตอบหน้ามุ่ยทั้งที่ตายังไม่เปิดดี “แว่นไม่อยู่ พี่หนาว....”
“หนาวก็หรี่แอร์สิครับ”
เด็กหนุ่มตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก ยังคงไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้ว่าคนที่ขี้หนาวจนต้องนอนกอดเขาทุกวันทำไมถึงได้นอนแก้ผ้าเหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์ทุกคืน
“ไม่เอาอ่ะ กลับไปนอนกัน” ร่างสูงงอแง ทำท่าจะเดินเข้ามาในครัวทั้งผ้าห่มที่ยาวลากพื้นทำให้แว่นรีบเดินออกไปหาก่อนอีกฝ่ายจะทำผ้าห่มเปื้อน
“พี่กล้า อย่าเข้ามาในครัวสิครับ เดี๋ยวผ้าห่มเปื้อน”
“งืออออ” คนขี้เซายังคงดึงดันจะเดินเข้าไปในครัว เด็กหนุ่มต้องใช้ร่างทั้งร่างดันฝืนอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เข้าไปได้
“อะไรของพี่เนี่ย ไปอาบน้ำเลยไป”
แว่นดุด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้จะโกรธหรือเหนื่อยหัวใจกับเด็กโข่งตรงหน้าดี กวินภพส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินเข้าไปในห้องนอนแต่โดยดี ทิ้งผ้าห่มผืนหนาไว้บนพื้นให้เด็กหนุ่มตามเก็บอีกต่างหาก
แว่นได้แต่ส่ายหน้ามองตามอีกฝ่ายไปพร้อมรอยยิ้มบางที่ประดับอยู่บนริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะก้มเก็บผ้าห่มมาปัดเอาฝุ่นออกแล้วเอากลับเข้าไปในห้องนอน วางผ้าห่มผืนใหญ่ลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอ่านหนังสือข้างเตียงแล้วจัดการดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงทั้งสี่ด้าน
“แว่น”เสียงทุ้มดังออกมาจากในห้องน้ำ
“ครับ” เด็กหนุ่มขานตอบ สะบัดผ้าห่มแล้วปูลงบนเตียง ดึงชายผ้าทั้งสี่ด้านให้ตึงเช่นเดียวกับผ้าปูแล้วตบหมอนทั้งสองใบเข้าด้วยกันให้ฟูนุ่มน่านอน กิจวัตรที่ทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย
“ผ้าเช็ดตัวหมดอ่ะ” กวินภพตะโกนบอก แว่นขมวดคิ้ว เขาว่าเขาพับผ้าเช็ดตัวเก็บในตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนะ
“แป๊บนะครับ”
เด็กหนุ่มเดินไปยังระเบียงที่ตนตากผ้าไว้ จริงๆพี่กล้าบอกเขาว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำงานบ้านเพราะปกติมีแม่บ้านมาทำให้อยู่แล้ว แต่แว่นทนอยู่กับห้องรกๆมากกว่าสองวันไม่ได้จึงมักจะปัดกวาดเช็ดถูให้หายรำคาญใจอยู่เสมอ
“พี่กล้า ได้แล้วครั....”
ร่างสูงโผล่ร่างครึ่งท่อนบนออกมาจากห้องน้ำ เส้นผม ใบหน้า และลำตัวของชายหนุ่มมีหยดน้ำเกาะพราว แว่นรีบยัดผ้าเช็ดตัวใส่มือเจ้าของห้องแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว ใช้หลังมือเช็ดมุมปากอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าน้ำลายจะหยดลงพื้น
งื้ออออ แซ่บอ่ะ
กวินภพในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆเดินออกมาจากห้องน้ำเวลาเดียวกับที่ร่างเล็กจัดโต๊ะอาหารเสร็จพอดี ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆแว่นอย่างเคยชิน แต่คราวนี้เด็กหนุ่มกลับก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารโดยไม่สนใจเขาเลยซักนิด
“แว่น...”
“พี่กล้าทานเองได้แล้วนี่ครับ ไม่ต้องให้ผมป้อนแล้ว” เด็กหนุ่มตอบแล้วตักข้าวเข้าปากตัวเอง
“แต่พี่อยากให้ป้อนนี่” ร่างสูงทำเสียงเศร้า หูลู่ไหล่ตกเหมือนสุนัขโดนเจ้าของทิ้งไม่มีผิด
บอกตามตรงแว่นก็รู้สึกชินกับการป้อนข้าวป้อนน้ำให้อีกฝ่าย เขาถึงได้รู้สึกใจหายเล็กๆที่เวลาที่อีกฝ่ายต้องการเขากำลังจะหมดลง แต่จะให้เขาทำเหมือนตัวเองมีสิทธิ์ดูแลกวินภพทั้งที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องมีเขาแล้ว แว่นก็ไม่ได้สำคัญตัวผิดขนาดนั้น
‘แต่เขาเป็นคนสำคัญกว่านั้นล้านเท่า’
ถึงแม้คำพูดของอีกฝ่ายจะชวนให้เหลิงเพียงไรก็ตาม
ตั้งแต่วันประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัย แว่นก็ไม่เคยหยิบยกเรื่องนั้นมาพูดกับกวินภพ แสร้งทำเป็นเรื่องบนเวทีไม่เคยเกิดขึ้น
แม้ว่าใจจริงจะอยากถามอีกฝ่ายให้รู้เรื่องก็ตาม
แต่เขากลัวว่าคำตอบที่ได้อาจจะเป็นเพียงเสียงหัวเราะเยาะของอีกฝ่ายกับคำพูดที่ว่าเขาสำคัญตัวผิดแค่ไหน...
“แว่น..เป็นอะไรรึเปล่า”
กวินภพโบกมือไปมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม แว่นที่เหม่อลอยไปไกลผงะเล็กน้อย
“ครับ?”
“พี่ถามว่าแว่นเป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายเหรอ?” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วง
“อ๋อ…ไม่มีอะไรครับ เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย” เด็กหนุ่มตอบปัด ดันแว่นกรอบหนาของตนแล้วลุกขึ้นเอาจานไปเก็บที่ล้าง
“ตกลงวันนี้จะกินเค้กมั้ยครับ”
“กินๆๆๆ” คนตัวโตทำหูตั้งกระดิกหางดุ๊กดิ๊กทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘เค้ก’
“งั้นก็เป็นเด็กดีนะครับ”
แว่นหยิบเอาส่วนผสมต่างๆที่เขาซื้อมาจากร้านขายวัตถุดิบทำขนมไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยขึ้นมาวางบนเคาท์เตอร์ ยังคงแปลกใจไม่หายที่ห้องครัวของคนที่ทำอาหารไม่เป็นกลับมีทุกสิ่งที่เขาต้องการอย่างครบครัน
“พี่ทำด้วยได้มั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูอย่างไม่บอกกล่าวล่วงหน้า แว่นสะดุ้ง รู้สึกโชคดีที่ตนไม่ได้ถือของมีคมอยู่ในมือ ไม่อย่างนั้นคนที่ยืนประชิดด้านหลังเขาอยู่นี้คงได้แผล ‘ถากๆ’ เพิ่มอีกรู
“จะกินได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถาม กวินภพทำสีหน้าเจ็บปวดหัวใจอย่างเกินจริงจนแว่นเกือบทำหน้านิ่งต่อไปไม่อยู่ “ครับๆ อยากช่วยก็มา”
เด็กหนุ่มหยิบถ้วยโลหะขนาดกลางออกมาจากตู้ใต้เคาท์เตอร์สองใบแล้วเดินไปหยิบแพ็คไข่ในตู้เย็นออกมาวางข้างกัน แว่นหยิบไข่ออกมาตอกแล้วเทไข่แดงลงในเปลือกไข่สองด้านสลับไปมาให้ไข่ขาวตกลงไปในถ้วยอย่างชำนาญ ปากก็อธิบายให้ร่างสูงที่ยืนดูตาโตฟัง
“พอแยกไข่ขาวลงในชามนี้ พี่กล้าก็เอาไข่แดงใส่ในชามนี้ เปลือกไข่ทิ้งใส่ถุง ทำให้หมดนี่นะครับ”
คนฟังพยักหน้า หยิบไข่ไก่มาตอกลงบนเคาท์เตอร์ด้วยท่าทีเงอะงะ แว่นหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ แต่เมื่อเห็นไข่ฟองแรกผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยดีจึงหันไปสนใจส่วนผสมแห้งของตนแทน
“พี่กล้าครับ เดี๋ยวพี่กล้าค่อยๆเทนมลงมานะครับ” แว่นหันไปบอกคนที่ตอกไข่เสร็จเรียบร้อยแม้จะตายในหน้าที่ไปหลายฟองก็ตาม กวินภพพยักหน้า เปิดฝานมขวดใหญ่ออกแล้วค่อยๆเทลงในส่วนผสมตามที่แว่นบอกขณะที่เด็กหนุ่มคนทุกอย่างให้เข้ากัน
“พี่กล้าอยากลองคนบ้างมั้ยครับ?” แว่นหันไปถามชายหนุ่ม กวินภพพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี แต่ก่อนที่แว่นจะได้ขยับออกจากเคาท์อีกฝ่ายก็ก้าวเข้ามาประชิดด้านหลัง มือใหญ่กุมรอบมือที่กำไม้คนของแว่น กวินภพเกยคางลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มแล้วกระซิบถาม
“ทำยัังไงต่อเหรอ?”
“พี่กล้า...คนเองสิครับ” เด็กหนุ่มหลับตาข่มความรู้สึก ภาวนาให้คนที่อยู่ใกล้ไม่ได้ยินเสียงหัวใจที่ยังคงเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งทั้งที่อีกฝ่ายทำแบบนี้กับเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“ไม่เอาอ่ะ พี่กลัวทำพัง” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่แว่นไม่เคยปฎิเสธได้ เด็กหนุ่มค่อยๆคนส่วนผสมต่อโดยมีมือของกวินภพกุมมือเข้าไว้ไม่ยอมปล่อย
แว่นไม่ยอมรับหรอกนะ...ว่าเขาจงใจคนให้้ช้ากว่าความจำเป็น
หลังจากที่ส่วนผสมเข้ากันดีและถูกเทเข้าแม่พิมพ์เค้กเสร็จเรียบร้อย แว่นก็เอาเค้กเข้าเตาอบที่เปิดไว้ให้ร้อนก่อนหน้านี้แล้วเดินไปหยิบช็อกโกแลตแท่งในตู้เย็น
“เดี๋ยวทำกานาชราดหน้าเค้กต่อเลยละกันนะครับ” กวินภพได้แต่พยักหน้าตามด้วยไม่รู้ว่าไอ้นาชๆที่เด็กหนุ่มพูดถึงคืออะไร แว่นเอาหม้อใส่น้ำตั้งไฟ แล้ววางถ้วยแก้วลงไป ก่อนจะบิช็อกโกแลตใส่ลงไปในถ้วย
“ทำไม่เราไม่เอาช็อกโกแลตใส่หม้อเลยล่ะ” กวินภพถาม ตีเนียนเดินเข้ามาเกาะดูคนที่ยืนทำขนมอย่างใกล้ชิด
“ไม่งั้นมันจะไหม้น่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบ แสร้งทำเป็นไม่สนใจมือใหญ่ที่วางอยู่บนเอวของตน
“แว่นนี่เก่งไปหมดทุกเรื่องเลยเนอะ” กวินภพชม ก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่าเบาๆ “พี่อิจฉาแฟนแว่นจัง”
“หน้าอย่างผมจะไปมีได้ยังไงกันล่ะครับ” เด็กหนุ่มดันใบหน้าคมออกห่าง หรี่ไฟเพื่อไม่ให้ช็อกโตแลตไหม้แล้วเดินไปหยิบครีมมาเทใส่ถ้วยแก้วที่มีช็อกโกแลตอยู่นั้น
“หน้าอย่างแว่นมันทำไมเหรอ” กวินภพกอดอกถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็…หน้าตาชวนหดหู่ใจแบบผม ใครอยู่ด้วยก็มีแต่ซึมเศร้ากว่าเดิมทั้งนั้นแหละครับ” เด็กหนุ่มดันแว่นกรอบหนาของตนอย่างประหม่า จริงอยู่ที่เรื่องของพี่กรทำให้เขาเก็บอารมณ์ได้ดีขึ้น แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่น่าคบเท่าไหร่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ไม่เหมาะจะเป็นแฟนใครหรอก”
“เหรอ...” คนตัวสูงเอียงคอ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางที่มุมปาก “แต่พี่ชอบอยู่กับแว่นนะ”
เอาอีกแล้ว คำพูดแบบนี้อีกแล้ว
เป็นอีกครั้งที่แว่นเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจ เด็กหนุ่มยกช็อกโกแลตที่เหลวและไม่เกาะตัวกันแล้วลงพักแล้วก้มลงเปิดเตาอบเพื่อนำตัวเค้กออกมา
“แว่น อันนี้กินได้เลยเหรอ”
เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียก กวินภพใช้นิ้วชี้ปาดช็อกโกแลตเหลวในถ้วยแก้วขึ้นมาดมฟุดฟิด เด็กหนุ่มรีบวางเค้กที่แกะจากพิมพ์ลงบนตะแกรงพักแล้วดึงข้อมืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้เอาเข้าปาก
“พี่กล้า มันสกปรกนะครับ ใช้ช้อนชิมดีๆสิ”
“เสียดายอ่ะ"
ไม่พูดเปล่า คนที่ถูกจับข้อมือไว้ก้มลงเลียซอสช็อกโกแลตที่ไหลลงมา จากโคนนิ้วไปจนถึงปลาย ลิ้นสีแดงเลียริมฝีปากของตัวเอง ดวงตาสีนิลจ้องตรงมาที่เขาด้วยแววตาวาววับราวกับหมาป่ากำลังจ้องตะครุบเหยื่อ
“หวาน...”
เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
พูดอะไรซักอย่างสิวะ..
“เอ่อ...ไป...ไปหาพี่ติณณ์กันมั้ยครับ?”
อาจเป็นเพราะสีหน้าเมื่อครู่ของชายหนุ่มเหมือนกับพี่ชายมากทำให้แว่นโพล่งออกไปแบบนั้น ทว่าทันทีที่คำชวนหลุดออกจากปาก สีหน้าของชายหนุ่มก็หมองลงแทบจะในทันที
ทั้งที่แต่ก่อนอ่านสีหน้าของเขาไม่ออกแท้ๆ
นี่เรา...อยู่ใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ทำไมจู่ๆถึง...” กวินภพมีสีหน้าไม่เข้าใจ เหมือนจะหัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้
“ก็…อุตส่าห์ทำตั้งเยอะตั้งแยะนี่ครับ เอาไปฝากพี่ติณณ์กันดีกว่า” เด็กหนุ่มเดินเลี่ยงไปจัดการประกอบร่างเค้กให้เสร็จสมบูรณ์ แว่นรู้หลังจากมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานว่าติณณ์ภพก็อาศัยอยู่ชั้นเดียวกัน เด็กหนุ่มสังเกตเห็นรถมาสแตงคันหรูของชายหนุ่มที่จอดเคียงข้างกับมอเตอร์ไซค์ดูคาติและพอร์ชที่เป็นของนักศึกษาแพทย์หนุ่มทั้งหมดในชั้นใต้ดิน พอไปถามกวินภพก็อิดออกอยู่นานกว่าจะยอมรับ
“แต่พี่ติณณ์ไม่ค่อยอยู่ห้องหรอก” ชายหนุ่มรีบเสริม “สงสัยไปค้างห้องเด็กในสต็อกนั่นแหละ”
ไม่รู้ทำไม แต่จากบุคคลิกของติณณ์ภพ แว่นเดาไม่ออกจริงๆว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนั้น
“ไปกันเถอะครับ”แว่นจัดเค้กใส่กล่อง เดินดุ่มๆออกไปจากครัวโดยมีกวินภพตามเงียบๆ เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องของติณณ์ภพสองสามที เจ้าของห้องก็เปิดประตูออกพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างที่สุดที่แว่นเคยเห็น
“อ้าว น้องแว่น ไอ้กล้า มาทำอะไรเนี่ย?” ติณณ์ภพถาม
“เอ่อ...ผมอบเค้กช็อกโกแลตน่ะครับเลยแบ่งมาให้” เด็กหนุ่มตอบเมื่อเห็นว่าคนที่เด็กตามมาไม่มีท่าทีจะทักทายพี่ชายบังเกิดเกล้า
“อื้อหื้อ น้องสะใภ้ใครขยันเอาใจจริงๆ งานดีขนาดนี้ระวังโดนตีท้ายครัวนะ”รุ่นพี่ปีสี่เลิกคิ้วกวน ซึ่งแว่นไม่เข้าใจว่าทำไมตอนอยู่ต่อหน้ากวินภพ ร่างตรงหน้าถึงได้ชอบแกล้งชอบล้อน้องชายต่างจากพี่ติณณ์ภพที่เงียบเป็นเป่าสากเวลาอยู่กับพี่น้ำอุ่น
ไบโพลาร์รึไงกัน?“อ๊ะ จริงสิ ผมลืมแบ่งไว้ให้พี่เหนือเลย” เด็กหนุ่มร้องขึ้นมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“ไอ้เหนือมันแพ้ช็อกโกแลต จำไม่ได้เหรอ?”กวินภพเตือน แว่นมีสีหน้าเจื่อนลงทันที
“จริงด้วย..ผมลืมสนิทเลย”
“นี่ทุกคนรู้หมดเลยเหรอ ว่าฟ้...เหนือฟ้าแพ้ช็อกโกแลต” คนที่ก้มมองเค้กในมือของตนเมื่อครู่เงยหน้าขึ้นผม ทั้งสองพยักหน้า
“ตอนอนุบาลสามพอไอ้เหนือกินช็อกโกแลตเข้าไปก็ผื่นขึ้นเต็มตัว แถมยังทำท่าเหมือนจะอ้วกจนอาจารย์ต้องพาเป็นโรงพยาบาล” กวินภพตัวสั่นเมื่อนึกถึงภาพเพื่อนรักในวัยอนุบาลที่จู่ๆก็ล้มลงไปนอนกุมท้องร้องไห้จ้าจนเขาร้องไห้ตามอย่างตกใจ
“ที่โรงเรียนพี่เหนือก็ปฎิเสธช็อกโกแลตวาเลนไทน์จากพวกผู้หญิงตลอด บอกว่าแพ้” แว่นเล่าบ้าง “แต่เหมือนตอนม.สี่ผมได้ยินว่าพี่เขาเข้าโรงพยาบาลเพราะกินเข้าไปใช่มั้ยครับ?”
“อือ มันไม่รู้ไงว่ามีอยู่” กวินภพหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น “ขนาดปวดหัวจะเป็นจะตายมันยังร้องแง้วๆหาโทรศัพท์อยู่เลยนะวันนั้น สงสัยนัดสาวไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีคนรับสาย มันเลยยอมไปหาหมอ”
แว่นสังเกตว่าติณณ์ภพหน้าซีดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยิน แต่เขาอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้
“แต่พี่ติณณ์จะไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก มันระวังตัวมากเรื่องของกิน” กวินภพยักไหล่ “อีกอย่าง พี่ไม่ได้สนิทกับมันเท่าไหร่นี่”
เจ้าของห้องยังคงยืนนิ่งเหมือนจมอยู่ในความคิดของตน
"เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นพวกผมกลับก่อนนะครับ"แว่นสะกิดกวินภพเมื่อเห็นว่าพี่ชายของร่างสูงเข้าโหมดซึมเศร้าอย่างรวดเร็วโดยไม่บอกกล่าว
ทั้งสองถอยฉากออกมาเงียบๆแล้วเดินกลับมาที่ห้อง กระนั้นแว่นก็ยังงุนงงกับท่าทีของติณณ์ภพไม่หาย
"พี่ติณณ์นี่เขาอารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างนี้ตลอดเลยเหรอครับ?" แว่นถามโดยไม่หันกลับไปมองคนที่เดินตามมาเมื่อพวกเขากลับมาถึงห้อง แต่เมื่อไม่ได้คำตอบ เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปหาเจ้าของห้อง "พี่กล้า?"
"แว่น พี่เปลี่ยนใจเรื่องผูกปิ่นโตวันหยุดแล้ว..."ชายหนุ่มที่ยืนก้มหน้าก้มตาหาไส้เดือนอยู่บนพื้นเอ่ยขึ้นหลับจากยืนเงียบอยู่นาน
"ครับ?" จริงๆแว่นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก หลังจากกินอาหารที่เขาทำแทบทุกมื้อกวินภพคงจะตระหนักได้แล้วว่ามันไม่ได้อร่อยขนาดนั้น
"ทำให้พี่กินทุกวันเลยได้มั้ย?"
หือ?
อะไรนะ?
"พี่กล้าหมายความว่ายังไงครับ"
"อยู่ด้วยกันนะ"ชายหนุ่มยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่แว่นรู้สึกได้ว่าเสียงของอีกฝ่ายฟังดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปหาคนที่ยังคงยืนอยู่หน้าตู้เก็บรองเท้า มือขาวแตะที่ต้นแขนของกวินภพเบาๆด้วยความเป็นห่วง
"พี่กล้า เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
"อยู่ด้วยกันนะ!" ชายหนุ่มพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม"ที่นี่น่ะ พอแว่นขึ้นปีสองมันใกล้ตึกเรียนแว่นมากกว่าหอในนะ มีซุปเปอร์ใต้หอ มีห้างใกล้ๆ ปีหนึ่งพี่ไปรับไปส่งได้ทุกวัน..."
"เดี๋ยวๆ พี่กล้า หยุดก่อนครับ" แว่นรีบเบรกก่อนที่อีกฝ่ายจะร่ายสรรพคุณไปถึงดาวอังคาร "แผลพี่ก็หายแล้วนี่ครับ จะให้ผมอยู่ที่นี่ต่อทำไม?"
"พี่..." กวินภพกัดริมฝีปาก "แว่น...ไม่รู้จริงๆเหรอ?"
เขารู้แว่นไม่แน่ใจว่าทำไม แต่ในวินาทีนั้น เขารู้
แค่ไม่อยากจะยอมรับ...
'....ก่อนที่พี่เขาจะเหนื่อยจนไม่อยากพยายามต่อแล้ว'แทนไทยพูดถูก แว่นไม่ใช่คนโง่ขนาดที่จะดูไม่ออกว่าคนตรงหน้าพยายามจะทำอะไร แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจ...คือทำไม
พี่กล้าไม่ใช่พี่กร เรื่องนั้นเขารู้ดี
คนที่สามารถประกาศให้คนทั้งมหาวิทยาลัยรู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญ แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาตรงๆในตอนนี้ ไม่มีทางเป็นประเภทเดียวกับผู้ชายเลวๆที่ตามจีบเขาเพียงเพราะพนันกับเพื่อนไว้
คนที่สามารถทำให้โลกทั้งใบสว่างไสวด้วยรอยยิ้ม แต่กลับกลัวว่ารอยยิ้มของตัวเองจะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่
คนที่อ่อนโยนขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นคนเลวได้หรอก
ทั้งที่รู้อย่างนั้น...."ผมไม่รู้"
...แต่กลับไม่กล้าบอกไป
"พี่....ช่างเถอะ ถือซะว่าพี่ไม่ได้พูดแล้วกัน"
รอยยิ้มที่อยู่บนริมฝีปากได้รูปฝืนเสียจนสั่นระริก น้ำเสียงของร่างสูงฟังดูอ่อนล้า เหมือนคนที่กำลังจะยอมแพ้หลังจากที่ต่อสู้มาอย่างยาวนาน
เหมือนคนที่ยอมจำนนต่อโชคชะตา
"คนไม่ใช่...มันก็ไม่ใช่จริงๆสินะ"
----------------
ฮั่นแน่...นึกว่ามันจะหวานมุั้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งสินะ
ไรท์ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
ไม่ต้องห่วง รับประกันนั่งยันนอนยันว่าไรท์เป็นสายเฮลที่รักษาสุขภาพ ไม่กินมาม่าบ่อยๆ//หรา