8th Diagnosis: Muscle Atrophy || เทไร่อ้อยขนาดนี้ ชอบพี่ซักทีเถอะครับ
แว่นลืมตาตื่นขึ้นมาบนร่างของกวินภพ
เด็กหนุ่มนอนทับอยู่บนร่างของคนเจ็บโดยมีแขนข้างที่ปกติของอีกฝ่ายรวบเอวไว้ไม่ให้ตก ความร้อนจากร่างของอีกฝ่ายและสัมผัสจากบางสิ่งบางอย่างในร่างกายชายหนุ่มที่ตื่นเช้ากว่าใครเพื่อนทำให้แว่นพยายามแกะตัวเองออกจากอ้อมแขนแกร่ง แต่นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายกอดรัดร่างเขาไว้แน่นกว่าเดิม
แว่นเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีห้า เวลาตื่นนอนตามปกติของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมา
นี่เขาจะต้องรอพี่ต้นกล้าตื่นจริงๆเหรอเนี่ย
อีกสิ่งหนึ่งที่แว่นได้เรียนรู้จากการอยู่ห้องเดียวกับกวินภพ
ชายหนุ่มเป็นคนตื่นสาย
ตื่นสายชนิดที่ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นเสียด้วย
"พี่กล้าครับ จะแปดโมงแล้วนะ ตื่นเถอะครับ" แว่นที่ยังคงไม่สามารถงัดแงะตัวเองออกจากกรงเล็บมัจจุราชได้โวยวาย จะเขย่าอีกฝ่ายให้ตื่นก็กลัวโดนแผล
พี่กล้าจูเนียร์นี่ก็ทิ่มจัง แว่นหลบจนจะไม่มีที่หลบอยู่แล้วนะ ฮือออออ
ในที่สุด ฟ้าก็เมตตาให้ชายหนุ่มคลายมืออกจากเอวบาง แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยแต่แว่นก็รีบดันตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กหนุ่มพยายามไม่สังเกตวัตถุปริศนาใต้กางเกงนอนสีเข้มที่แนบชิดสนิทสนมกับต้นขาของตนอยู่หลายชั่วโมง แต่ก็อดเหลือบด้วยหางตาไม่ได้
พระเจ้าช่วยกล้วยหอม
เด็กหนุ่มรีบเดินออกจากห้องนอนทันทีด้วยกลัวว่าหากอยู่นานกว่านี้เขาอาจจะเผลอทำน้ำลายหยดใส่พื้นก็เป็นได้ ทว่าภาพที่เห็นเมื่อครู่ยังคงไม่หายไปจากสมองง่ายๆ
พี่กล้ารีบหายไวๆนะครับ
กลิ่นอาหารหอมฉุยจากในครัวทำให้ท้องของกวินภพที่เพิ่งอาบน้ำเสียงร้องประท้วงเสียงดัง ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินเข้าไปในครัวอย่างเงียบเชียบ แว่นที่ขะมักเขม้นอยู่กับอาหารในกระทะสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงร่างที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าคมก้ม
ลงมาใกล้จนแทบจะเกยคางบนไหล่เขาได้อยู่แล้ว
“พะ…พี่กล้า เล่นอะไรครับเนี่ย”
“ก็…พี่อยากรู้ว่าปกติเค้าทำอาหารกันยังไง” ร่างสูงตอบด้วยสีหน้าใสซื่อไร้พิษภัยที่แว่นเริ่มจะคุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ
“ก็มายืนข้างๆสิครับ” เด็กหนุ่มบ่น
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวพี่เกะกะแว่น”
แบบนี้เกะกะผมยิ่งกว่าเดิมอีกครับ!!!
“แว่นทำอาหารเก่งจัง” คนแขนเจ็บที่ยังต้องให้เด็กหนุ่มป้อนยิ้มหวานให้เหมือนเด็กๆ หลังจากที่แว่นบอกว่ารอยยิ้มของเขาไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวอะไร กวินภพก็ชักจะยิ้มเรื่อยเปื่อยขึ้นทุกที แม้ว่าจะเป็นแค่เวลาที่อยู่กับเด็กหนุ่มก็ตาม
“รีบๆทานเถอะครับ เดี๋ยวพี่ชายจะมารับไม่ใช่เหรอ” แว่นเตือน ตักข้าวผัดหมูเข้าปากชายหนุ่มแล้วหันมาจัดการกับอาหารของตัวเองระหว่างที่รอให้อีกฝ่ายเคี้ยว
“จริงสิ พี่มีเรื่องจะเตือนแว่น” กวินภพเอ่ยเสียงจริงจัง แว่นเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารด้วยความสงสัย
“อะไรเหรอครับ?”
“พี่ชายพี่หล่อมาก”
หือ?เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
“เพราะฉะนั้น ห้ามชอบพี่ชายพี่เด็ดขาดเลยนะ”
โถ...นึกว่าอะไร เด็กติดพี่นี่เอง
ร่างเล็กแอบขำในใจ พี่กล้าก็มีมุมน่ารักง้องแง้งแบบนี้เหมือนกันแฮะ
“พี่จริงจังนะแว่น” อีกฝ่ายพูดต่อเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้เข้าใจถึงความซีเรียสของสถานการณ์ “พี่ชายพี่น่ะ ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ทั้งหัวดี เล่นกีฬาเก่ง แต่นิสัยนี่แย่ที่สุด”
“เดี๋ยวสิครับ...ว่าพี่แบบนี้จะดีเหรอ” แว่นถามอย่างแปลกใจ แต่กวินภพยังคงไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น
“พี่ชายพี่น่ะ ทั้งเจ้าชู้ หลายใจ จับปลาสองมือ สับรถไฟหลายราง แถมยังชอบหลอกเด็กตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักแบบแว่นด้วย"
“ด่าพี่ขนาดนี้เดินไปเรียนดีมั้ยไอ้กล้า”
ทั้งสองหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นที่ประตูห้อง ติณณ์ภพในชุดกาวน์เต็มยศยืนพิงประตูด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย แว่นหันกลับมามองหน้ากวินภพ แล้วหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้เลย
แว่นรู้สึกสงสารวัยเด็กของพี่กล้าเบาๆ เพราะถ้าทั้งสองคนเดินมาด้วยกัน แว่นก็คิดว่าคนส่วนใหญ่คงจะหันมองติณณ์ภพก่อนแน่นอน
ซึ่งแว่นไม่เคยอยู่ในกลุ่มคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว...
“มึงไม่ต้องขู่น้องมากหรอก กูไม่ชอบยุ่งกับของของใคร” ชายหนุ่มในชุดกาวน์กอดอก คิ้วหนาเลิกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ถ้ายังไม่มีเจ้าของ กูก็ไม่ผิดนะ”
“พี่ติณณ์ไปสตาร์ทรถเลยไป ต้องรีบกลับไปเรียนต่อไม่ใช่เหรอ” กวินภพไล่พี่ชายด้วยสีหน้าหงุดหงิด คนถูกสั่งโค้งคำนับอย่างล้อเลียนแล้วเดินกลับออกไป คนเจ็บที่ตอนนี้ทำหน้าบึ้งเป็นเด็กโดนแย่งขนมสะพายกระเป๋าเป้ที่ไหล่ซ้ายแล้วลุกขึ้น แว่นหยิบจานอาหารไปวางไว้ที่ล้างแล้วหยิบกระเป๋าเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้อง
“วันหลังพี่จะเรียกแท็กซี่” กวินภพพึมพำ
“ไม่ต้องหรอกครับ เปลืองเงิน” แว่นที่ยังคงเหนียวแน่นกับการเก็บทุกบาททุกสตางค์ท้วง
“แต่พี่เป็นห่วง” ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวลจนคนมองใจเต้นผิดจังหวะ
อย่าพูดจาให้ความหวังด้วยหน้าตาใสซื่อแบบนั้นจะได้มั้ยครับ?!
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คนอย่างผมน่ะ ถ้าไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่ ต่อให้ทำยังไงผมก็ไม่ชอบหรอก” แว่นยื่นยันหวังปลอบใจให้ชายหนุ่มคลายกังวล แต่กลายเป็นว่าทำให้อีกฝ่ายดูซึมลงไปยิ่งกว่าเดิม
อะไรของเขาเนี่ย?
ว่าแต่...ก่อนที่พี่ติณณ์จะเข้ามา...
พี่กล้าบอกว่าเขาน่ารักงั้นเหรอ?
“แล้วเย็นนี้จะกลับไง” ติณณ์ภพที่บึ่งรถมาหลังจากราวน์วอร์ดเช้าเสร็จถามน้องชายที่นั่งสำออยอยู่เบาะหลังกับแว่นเพราะ 'ถ้านั่งหน้าเดี๋ยวเข็มขัดนิภัยรัดแขน'
"น่าจะให้ไอ้เหนือมารับนะครับ" กวินภพตอบ "พี่ติณณ์จำมันได้มั้ย ตั้งแต่พี่เข้ามหาลัยพี่ก็ไม่ได้เจอมันเลยนี่"
"อือ" คนขับส่งเสียงตอบรับในลำคอ "มึงจะกวนเพื่อนทำไม ให้ลุงสมปองมารับมาส่งก็ได้นี่"
"ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวแม่รู้" คนอายุน้อยกว่ารีบปฎิเสธ
"อ้าว นี่มึงยังไม่ได้บอกแม่เหรอ?" ติณณ์ภพขมวดคิ้วมองน้องชายผ่านกระจกหลัง
คนเจ็บส่ายหน้า "ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วง"
"ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง หรือกลัวว่าแม่จะมาแย่งหน้าที่คนดูแล..."
"โอ๊ย!" จู่ๆกวินภพก็ร้องออกมาดังลั่นกลบเสียงของพี่ชาย แว่นรีบหันไปดูคนที่นั่งกุมแผลที่เขาเพิ่งเปลี่ยนผ้าก๊อซให้เมื่อเช้าอย่างตกใจ
"พี่กล้าเป็นอะไรครับ?" เด็กหนุ่มขยับเข้ามาดูใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง ดึงมืออีกฝ่ายออกเพื่อสำรวจผ้าพันแผลของตนที่ยังคงแน่นหนาดี
"สงสัยขยับผิดท่า เฮ้ย!" รถยนต์คันหรูสะบัดวูบ แม้จะไม่แรงมากแต่ร่างสูงที่ไม่ได้ตั้งตัวก็ถูกแหว่งไปทางเด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆอย่างควบคุมไม่อยู่
"เป็นอะไรมั้ย" กวินภพถามร่างเล็กที่เกือบโดนเขาทับ แว่นส่ายหน้า
"พี่กล้าล่ะครับ"
"ไม่เป็นไร ไม่โดนแผล"
"โทษๆ เมื่อกี้รถอ้อยมันคว่ำอยู่ข้างทาง" คนขับบอกหน้าตาย กวินภพตวัดสายตามองพี่ชายบังเกิดเกล้าด้วยสายตาคาดโทษ ส่วนแว่นก็พยายามชะเง้อมองอุบัติเหตุข้างทางอย่างสนใจ
ไหนอ่ะ ไม่เห็นมีเลย
เมื่อมาถึงลานจอดรถที่อยู่ห่างจากตัวคณะแพทยศาสตร์ไปไกลพอสมควร ติณณ์ภพเปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือ
"เดี๋ยวกูต้องเข้าเรียนแล้ว มึงนั่งรถเวียนไปคณะเองนะ" กวินภพพยักหน้า แต่แทนที่ชายหนุ่มในชุดกาวน์จะเดินจากไป ติณณ์ภพกลับเชยคางคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างน้องชายของตนขึ้นแล้วโน้มตัวลงมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
รอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ แต่กลับส่งไปไม่ถึงดวงตาคมสีรัตติกาล
"ถ้าไอ้กล้าไม่เอา มาหาพี่ได้นะ"
"พี่ติณณ์!" กวินภพดึงเด็กหนุ่มมายืนข้างหลังด้วยสีหน้าบึ้งตึง คนเป็นพี่หัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะตบบ่าน้องชายข้างที่เจ็บจนชายหนุ่มนิ่วหน้า
"มัวแต่ลีลา ระวังมันสายเกินไปจริงๆแล้วมึงจะหัวเราะไม่ออก"
นั่นเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดของติณณ์ภพ ทั้งในฐานะพี่ชาย และในฐานะคนที่ปล่อยทุกอย่างให้สายเกินแก้
กวินภพมองตามร่างของพี่ชายไปด้วยความสงสัย เช่นเดียวกับแว่นที่มองคนที่ยังคงจับข้อมือของเขาไว้ไม่ปล่อย
"เอ่อ..พี่กล้าครับ.." คนถูกเรียกหันกลับมา แว่นยกแขนที่ยังคงถูกจับไว้อย่างแน่นหนาขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้วราวกับจะถามว่าเมื่อไหร่จะปล่อยมือเขาเสียที
คนอายุมากกว่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จูงมือเด็กหนุ่มออกเดินไปยังป้ายรอรถเวียนอย่างไม่สนใจสายตาของเหล่านักศึกษาที่มองมาทางพวกเขาอย่างสนใจ
"พี่กล้า...ปล่อย..."
"ไม่เอา พี่ไม่เคยมา เดี๋ยวพี่หลง" คนเจ็บตอบด้วยสีหน้าจริงจังจนคนอายุน้อยกว่าไปไม่เป็น
พี่อยู่ที่นี่มาจนจะเรียนจบแล้วนะครับ!!!!
"ขอบใจมากนะมึง" แว่นรับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นต่างๆจากแทนไทยมาเปิดตรวจเช็ค พวกเขาเรียนเสร็จก่อนกวินภพเกือบชั่วโมง เด็กหนุ่มจึงมานั่งอ่านหนังสือรอกับเพื่อนที่โต๊ะหินอ่อนใต้คณะบริหาร รูมเมทที่บัดนี้ได้ครอบครองห้องแต่เพียงผู้เดียวแสร้งทำท่าซับน้ำตาป้อยๆ
"เหมือนกูส่งลูกสาวเข้าหอเลย..."
"เชี่ยแทน กูแค่ไปช่วยดูแลพี่เค้า"
"ปรนนิบัติพัดวีสามีเป็นหน้าที่ที่ดีของภรรยานะลูก"
"ไอ้แทน!" แว่นตบหัวเพื่อนดังป้าบอย่างหมั่นไส้ "บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ดิ"
"เออ ฝั่งมึงอ่ะไม่ใช่ แต่ทางโน้นเขาเข้าใจตรงกับมึงมั้ย" คนโดนประทุษร้ายลูบหัวตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ แว่นที่ก้มลงตรวจนับเสื้อผ้าต่อเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
"หมายความว่าไง?"
"ก็คนปกติที่ไหนเขาจะยอมให้คนไม่รู้จักไปค้างห้องตัวเองตั้งนานแบบนี้วะ มึงฉลาดขนาดนี้ก็คิดบ้างดิ" เด็กหนุ่มผมบลอนด์พยายามแย้มให้เพื่อนคิดตาม แว่นนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ส่ายหน้า
"พี่เขาใจดี..."
"นั่นมึงใช้สมองคิดแล้วเหรอ ไม่ใช่กระแสประสาทวิ่งผ่านไขสันหลังแล้ววนกลับออกมาเลยใช่มั้ย" แทนไทยเหน็บ เขารู้สึกเหมือนแว่นไม่ได้ไม่รู้ว่ากวินภพพยายามจะทำอะไร แต่อีกฝ่ายปฎิเสธที่จะรับรู้มากกว่า
"มึงจะพูดอะไร" แม้จะถามไปแบบนั้น แต่สีหน้าของร่างเล็กฉายชัดว่าไม่ต้องการรู้คำตอบ
แทนไทยได้แต่สงสารกวินภพกับความหัวดื้อของเพื่อน
"แว่น กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเจออะไรมา ถึงได้ปิดกั้นตัวเองขนาดนี้ แต่มึงลองมองในมุมของพี่เขาบ้างสิ เขากำลังพยายามอยู่นะเว้ย พยายามมากด้วย กูดูออกนะว่ามึงไม่ได้โง่ขนาดนั้น"
แว่นเบือนหน้าหนี สีหน้ามึนตึงที่เขาคุ้นเคยดีบ่งบอกว่าบทสนทนานี้จบลงแล้ว ร่างสูงถอนหายใจ
"แว่น ไม่มีใครไม่คู่ควรกับการถูกรักหรอกนะ กูอยากให้มึงลองเปิดใจบ้าง ก่อนที่พี่เขาจะเหนื่อยจนไม่อยากพยายามต่อแล้ว"แทนไทยสะพายเป้ของตนแล้วลุกขึ้น"กูไปละ ประกวดเดือนพรุ่งนี้อย่าลืมถือป้ายไฟมาเชียร์กูด้วย"
"เออๆ" แว่นตอบส่งๆขณะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ เมื่ออีกฝ่ายเดินจากไปจนลับสายตา เด็กหนุ่มถึงได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าสับสน
ก่อนที่พี่เขาจะเหนื่อยจนไม่อยากพยายามต่อแล้ว....แล้วถ้าวันที่กวินภพเหนื่อย เป็นวันที่เขายอมให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้หัวใจเกินไปแล้วล่ะ
เพราะแว่นไม่รู้จริงๆว่าถ้าหัวใจของเขาต้องแหลกสลายอีกครั้ง มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกมั้ย
"กล้า เป็นไรวะ ซึมเชียวมึง" เหนือฟ้าจิ้มแก้มเพื่อนที่นั่งฟุบอยู่ข้างๆตนในห้องบรรยาย ถึงแม้ร่างสูงจะเป็นพวกหัวกะทิที่ไม่จำเป็นต้องตั้งใจเรียนก็เก็บเอสบายๆจากการอ่านเลคเชอร์ชาวบ้าน แต่ชายหนุ่มก็ตั้งใจฟังอาจารย์สอนเสมอ กวินภพยกหัวขึ้นมองเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
"มึงจำพี่ติณณ์ได้มั้ย?"
คนถูกถามชะงัก ใบหน้าขาวซีดเผือดอย่างมีพิรุธ โชคดีที่เพื่อนรักของเขาไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนแปลงนั้น เหนือฟ้ารีบเรียกสติกลับเข้าร่าง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าปกติที่สุด
"เออ จำได้ ทำไมเหรอ?"
"เมื่อเช้ากูให้พี่ติณณ์มาส่งกูกับแว่น แล้วมึงก็รู้ใช่ป่ะว่าแว่นแม่งโคตรเสป็กพี่ติณณ์อ่ะ...."
รู้สิ...รู้ดีด้วย
เหนือฟ้าได้แต่เก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ
"แล้วไง? พี่เขาไปแตะต้องสุดที่รักมึงรึไงวะ"
"เออดิ มีเชยคงเชยคาง แม่งงงง" กวินภพทุบโต๊ะอย่างหงุดหงิดจนเหนือฟ้าต้องรีบจับแขนอีกฝ่ายไว้ไม่ให้อาจารย์สอนอยู่หน้าห้องหันมาด่า "กูยิ่งแยกไม่ออกอยู่ว่าพี่ติณณ์พูดจริงหรือพูดเล่น"
ติณณ์ภพเป็นพี่ชายที่ดี เป็นคนที่กวินภพยกย่องให้เป็นไอดอลในทุกๆด้าน แต่ชายหนุ่มก็เป็นคนประเภทที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ โดยไม่สนใจว่าจะต้องทำร้ายจิตใจใครบ้างระหว่างทาง
ข้อนี้เหนือฟ้ารู้ซึ้งดียิ่งกว่ากวินภพ
"ถ้าอย่างนั้นมึงก็รีบๆเก็บแต้มสิวะ มึงมีแต้มต่ออยู่ตั้งสามปี"เหนือฟ้าตบหลังเพื่อนให้กำลังใจ อีกฝ่ายร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บจากแผลที่ถูกกระทบกระเทือน "แถมมึงยังมีข้ออ้างให้ใกล้ชิดน้องเขาอีก กลัวอะไรวะ"
"พูดง่ายเนอะ มึงก็รู้ว่าคนอย่างพี่ติณณ์ ถ้าสนใจอะไรแล้วกัดปล่อยซะทีไหน" คนเจ็บฟุบลงไปนอนหมดอาลัยตายอยาก
มันก็ใช่...
เหนือฟ้ามองหน้าเพื่อนที่คิดกังวลไปต่างๆนานาด้วยความสงสาร เขาไม่อยากให้เพื่อนที่ตนรักจนยอมตายแทนได้ต้องมาเจ็บเพราะการเล่นสนุกของพี่ชายที่อีกฝ่ายชื่นชมบูชา
นอกจากว่าติณณ์ภพจะมีเป้าหมายที่น่าสนใจกว่า.....
"งานประกวดเดือนมหาลัยเหรอ?"
ระหว่างทางกลับคอนโดโดยมีเหนือฟ้าเป็นสารถีจำเป็นชั่วคราว แว่นลองชวนรุ่นพี่ทั้งสองไปดูเพื่อนรักประกวด กวินภพมีท่าทีอยากปฎิเสธ แต่ถูกเพื่อนผมทองตอบดักคอ
"มันไปอยู่แล้วล่ะ น้องปีสองที่ได้ตำแหน่งเดือนปีที่แล้วซิ่วไปอยู่ที่อื่น ทางกองประกวดเลยขอให้มันไปมอบมงให้"
แต่เขาก็ยังไม่ได้ตอบรับไปมั้ยล่ะ
กวินภพมองเพื่อนเคืองๆ เขาไม่ชอบไปงานอะไรแบบนั้น ตอนประกวดเขาก็จำใจทำเพราะได้เหนือมันเป่าหูเช้าเย็นว่าแว่นจะได้หันมามองเขาบ้าง
เหอะ อย่าว่าแต่มองเลย เดินสวนกันน้องยังไม่ทักเลย
"เอ๊ะ แต่พี่กล้าแขนเจ็บอยู่จะทำได้เหรอครับ?" แว่นถามอย่างเป็นสงสัย
"น้องแว่นก็ไปช่วยมันสิครับ" เหนือฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนมันเป็นทางออกเดียวสำหรับปัญหานี้
"คนอื่นก็มีนี่ครับ"
"ให้คนอื่นไปเดี๋ยวไอ้กล้าเสียกำลังใจไง" เหนือฟ้าล้อ ได้รับรางวัลที่แรงถีบอัดเบาะจากเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหลัง
"แต่จริงๆพี่ก็อยากให้แว่นอยู่กับพี่นะ" กวินภพบอก "เผื่อพี่ลืมกินข้าวกินยาตอนรออยู่หลังเวทีก็จะได้มีคนเตือน"
อื้อหือ...แถขนาดนี้แสบสีข้างมั้ยเพื่อน
เหนือฟ้าส่ายหน้าขำๆ ที่หนักกว่าคือคนตัวเล็กดันเออออตามอีกฝ่ายไปอีก
"ถ้างั้นก็ได้ครับ ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องกังวล" แว่นตอบหลังจากใคร่ครวญอยู่นาน
"หืม? เป็นห่วงพี่ด้วยเหรอ" ชายหนุ่มถามด้วยแววตาที่ทำให้แว่นรู้สึกจั๊กจี้ในอก
"คนที่ขนาดมีดปักแขนเข้าไปครึ่งนึงแล้วยังยืนยิ้มอยู่ได้ไม่สมควรจะถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวหรอกครับ" เด็กหนุ่มดันแว่นกรอบหนาของตนขึ้นปิดบังความรู้สึกในตอนนี้ "คราวนี้พี่อาจจะตกบันไดขาหักสองข้างแล้วบอกว่า 'แค่ขาพลิก' ก็ได้"
เหนือฟ้าหัวเราะลั่น หากแขนไม่เจ็บอยู่กวินภพคงได้มอบความรักให้กับศีรษะเพื่อนผ่านทางฝ่ามือไปแล้ว
“โห น้องแว่น มาอยู่บ้านพี่มั้ย เดี๋ยวพี่จะส่งเสียเลี้ยงดูอย่างดีเลย”
เหนือฟ้าชวนเมื่อเห็นอาหารเย็นที่เด็กหนุ่มวางลงจนเต็มโต๊ะราวกับเสกได้ ทั้งแกงส้ม ไข่เจียวชะอม คั่วกลิ้งหมู และแกงจืดเต้าหู้ไข่ แม้จะเป็นคนไม่ทานเผ็ด แต่แว่นก็ทำอาหารรสจัดเก่งพอควรจากการที่คนในบ้านทานรสจัดทั้งบ้าน ร่างเล็กวางข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าแขกไม่ได้รับเชิญของเจ้าของห้อง แล้ววางอีกจานลงตรงหน้าคนเจ็บก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งข้างกวินภพ
“อ้าว น้องแว่นไม่กินเหรอครับ” เหนือฟ้าถามเมื่อไม่เห็นจานของเด็กหนุ่ม
“ผมกินกับพี่กล้าครับ จะได้ช่วยป้อนสะดวก” เด็กหนุ่มชูช้อนส้อมสองเซ็ทให้อีกฝ่ายเห็นด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงราวกับเป็นเรื่องปกติ
เหนือฟ้าเลิกคิ้ว หันไปมองร่างสูงที่ยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจกับผลงานของตัวเอง
นี่มึงจะหาเมียหรือหาแม่
“แล้ว...แขนอีกข้างมันเป็นง่อยเหรอครับ” ชายหนุ่มผมทองหันกลับไปถามคนที่กำลังตักอาหารใส่จานให้เด็กโข่งที่นั่งติดกัน
“ใช้แขนซ้ายพี่เขาเลยทำอะไรเองไม่ค่อยถนัดน่ะครับ”
“อ๋อ…เหรอ....” เหนือฟ้าลากเสียงยาว เหลือบมองเพื่อนตัวดีที่หุบยิ้มฉับด้วยสายตาขบขันปนสมเพชเวทนา
กวินภพถนัดซ้าย...น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้ เพราะมารดาของร่างสูงบังคับให้ลูกชายทั้งสองที่ถนัดซ้ายทั้งคู่ฝึกเขียนมือขวาตั้งแต่เด็ก แต่หลายอย่างที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการทำ กวินภพมักจะสลับมาใช้มือซ้ายเสมอ ขนาดบางครั้งที่จดตามอาจารย์ในห้องเรียนไม่ทัน เขายังเห็นมันแอบกลับมาใช้มือซ้ายอยู่บ่อยๆ
แหม...ตอดไม่เป็นถ้าตอดเป็นนี่มึงคงได้ตั้งขบวนขันหมากไปขอน้องแล้วมั้ง
เหนือฟ้าขอตัวกลับหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ทิ้งให้พยาบาลจำเป็นกับเจ้าของห้องอยู่ตามลำพังเป็นคืนที่สาม กวินภพที่เดินออกมาจากห้องน้ำในกางเกงนอนตัวเดียวเช่นทุกวันหยุดยืนมองคนที่กำลังล้างจานอย่างขะมักเขม้น รอยยิ้มจางๆปรากฎขึ้นบนริมฝีปากได้รูป
อยากเข้าใกล้มากกว่านี้...“พี่กล้า กินยาเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ” แว่นเช็ดมือกับผ้าขนหนู “เดี๋ยวผมลงไปมินิมาร์ทข้างล่างนะครับ นมกับขนมปังหมดแล้ว พี่กล้านอนเลยก็ได้”
“พี่ไปด้วยสิ” กวินภพรีบเสนอตัว
“อย่าเลยครับ พักผ่อนดีกว่า” แว่นบอกอย่างเป็นห่วง เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมากเกินไป
“พี่แค่เดินลงไปด้วยเอง พี่อยากยืดเส้นยืดสายน่ะ” ชาายหนุ่มอ้าง คว้าเสื้อเชิ้ตมาใส่อย่างทุลักทุเลขณะเดินตามเด็กหนุ่มออกมาจากห้องต้อยๆโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของอีกฝ่าย คนตัวเล็กต้องยอมหยุดเพื่อช่วยอีกฝ่ายแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะออกจากห้อง
“แว่น พี่อยากกินขนม”
“ไม่ได้ครับ ดึกๆกินน้ำตาลไม่ดี”
“แว่น กินมาม่าได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ มันไม่มีสารอาหาร”
“แว่น....”
แว่นควรจะรู้สึกหงุดหงิดกับคำถามเซ้าซี้ของคนที่เป็นผู้กุมอำนาจการเงินในขณะนี้
แต่เด็กหนุ่มกลับพบว่าตัวเองต้องพยายามตีหน้านิ่งบอกปฎิเสธทั้งที่ในใจยิ้มแก้มแทบปริกับท่าทีเหมือนสุนัขตัวโตที่กระดิกหางขอขนมจากเจ้านายนั้น
ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นของเขาก็ได้แท้ๆ...
“ถ้าเป็นเด็กดีไม่ซื้ออะไร วันหยุดผมจะอบเค้กให้ ตกลงมั้ยครับ”
คนตัวโตหูหางตั้งขึ้นมาทันทีเมื่อไปได้ยินดังนั้น
“แว่นทำขนมเป็นด้วยเหรอ”
“อร่อยกว่าของคาวอีกครับ” เด็กหนุ่มอวดหน้าตาย ร่างสูงยอมเดินตามหลังเขาต้อยๆราวกับเด็กน้อยมาซื้อของกับแม่อย่างว่าง่ายหลังจากได้ยินคำสัญญานั้น
ถามว่ากวินภพรู้สึกอายมั้ย...
กวินภพเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านที่ติดพี่แบบสุดๆมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขารู้ดีว่าทำอย่างไรคนที่รักและโอ๋น้องขนาดหนักอย่างแว่นต้องทนไม่ได้ที่จะประคบประหงมดูแลเขาในแบบของตัวเอง
หึๆ อย่าดูถูกพลังของน้องคนสุดท้องของบ้านสิครับ
“ว้าย แก นั่นพี่กล้านี่” เสียงแหลมที่ไม่เบานักดังขึ้นจากด้านหลัง แม้จะสงสัยแต่แว่นก็ไม่กล้าหันกลับไปมอง เช่นเดียวกับกวินภพที่ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร
“อร๊ายยยย หล่อ ดี๊ดีต่อใจอ่ะแก”
“รวยด้วยนะ เห็นรถพี่เค้าป่ะ โอ๊ยยย อยากเป็นตุ๊กตาหน้ารถ”
“โหยแก ขนาดมีคนใช้ส่วนตัวมาถือของให้แบบนี้ ไม่รวยก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
น่าน....
อยู่ดีๆได้งานพิเศษเพิ่มเฉยเลย
แว่นได้แต่ยืนเข้าแถวรอจ่ายเงินอย่างเซ็งจิต แต่จู่ๆร่างที่ยืนอยู่ข้างเขาก็เอื้อมไปหยิบยานวดบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่วางอยู่บนชั้นยาหน้าแคชเชียร์มาใส่ตะกร้า
“เอ๊ะ? พี่กล้าเมื่อยเหรอครับ” แว่นหันไปถามร่างสูง
“อือ ก็เมื่อคืนแว่นอยู่บนตัวพี่ทั้งคืนเลยนี่นา พี่ก็ต้องเมื่อยบ้างสิ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติเล็กน้อย
“แก๊…แกได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินมั้ย!!”“พี่กล้า พูดอะไรแบบนั้นครับ” แว่นรีบปรามอีกฝ่ายก่อนที่แฟนคลับข้างหลังจะเข้าใจเขาผิด
“ไม่ต้องเลย พี่รู้นะว่าแว่นจะเอาคืนเรื่องในห้องน้ำเมื่อวานน่ะ” กวินภพทำหน้างอน “ที่หลังถ้าเมื่อยแล้วก็บอกสิ ไม่เห็นต้องแกล้งพี่เลย"
“โอ๊วมายก้อดดดดดด”
“คนสวยจะเป็นลม โฮกกกกก”“มะ…ไม่ได้แกล้งซะหน่อย” แว่นตะกุกตะกักหน้าแดง จะว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้พูดโกหกซักนิด
“จริงสิ เอาไอ้นี่ไปด้วยแล้วกัน” อีกฝ่ายยังคงพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม เอื้อมมือไปหยิบกล่องถุงยางอนามัยบนชั้นมาใส่ตะกร้าด้วย
“จะ…จะเอาไปทำไมครับของแบบนั้นน่ะ!!!” เด็กหนุ่มร้องอย่างตกใจ
กวินภพยิ้ม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมดวงตาวาววับที่แว่นเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักอีกฝ่ายมา
“นั่นสินะ เราไม่จำเป็นต้องใช้อยู่แล้วนี่”“กรี๊ดดดดดดดดด”กวินภพยื่นธนบัตรสีเทาให้พนักงานหน้าเคาท์เตอร์ที่ทำหน้าเหวอไม่ต่างจากความรู้สึกของแว่นในขณะนี้ เมินเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นด้านหลังอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะปิดฉากทุกอย่างด้วยประโยคสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มละลายใจ
“ไว้เรามาซื้อของเข้าบ้านด้วยกันอีกนะ”
“เป็นอะไรแว่น เงียบเชียว” กวินภพแซวเด็กหนุ่มที่เดินก้มหน้างุดตั้งแต่ออกจากร้านมาจนถึงห้อง แว่นเงยหน้าที่ยังคงขึ้นสีแดงก่ำจนถึงใบหูมองชายหนุ่มค้อนๆ แล้วสะบัดหน้าหนีด้วยความอาย
“ไม่พูดกับพี่กล้าแล้ว!”
ร่างเล็กเดินปึงปังเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เจ้าของห้องมองตามพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
น่ารักเกินไปแล้ว...--------
บางที่ก็สงสัยว่าพี่กล้าทาหน้าด้วยปูนซีเมนต์รึเปล่า
เปิดตัวพี่ชายสุดหล่อของพี่กล้าอย่างเป็นทางการรรรรร