++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1  (อ่าน 123904 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เข้ามาหาหมอเนี่ยเพราะเรื่องลูกอย่างเดียวใช่ไหมกัส รักไม่มี

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ควรจะขำดี หรือจะสงสารหมอดีเนี่ย :hao7:

ออฟไลน์ cakecoco-boom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไงล่ะหมอ โดนโกรธแล้วววววส :hao3:

ออฟไลน์ love boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รีบง้อเลยค่ะหมอออ ทำลูกให้กัสทั้ง 3 คนสิค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-7-

   1 week later. Thursday again.

    I miss you, Sugus.

   หมอเพิ่งราวนด์วอร์ดเสร็จ (ดูแลคนไข้ในหอผู้ป่วยรอบเช้า) และเตรียมตัวจะกลับบ้าน

   ตั้งแต่ตอนนั้นหมอก็ติดต่อซูกัสไม่ได้เลย เขาไม่ยอมรับสายหมอมาหลายวันแล้ว และถึงวันนี้จะเป็นวันหยุด หมอก็รู้แก่ใจว่าเขาอาจจะไม่แวะมาหาเหมือนปกติ

   บ่ายโมง... หมอสะดุ้งตื่นขึ้นไวกว่าที่เคยและไม่มีอาการง่วงเหงาอย่างที่ควรเป็นโดยไม่ทราบสาเหตุ หมอควรแวะไปคลินิกสักหน่อย แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ร่างกายและจิตใจมันอ่อนล้า เหนื่อยหน่ายชอบกล รู้สึกไม่สบายใจ ไม่มีสมาธิ ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อยากทำกิจกรรมใดๆ ไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น

   เอ๊ะ! จะว่าไป นี่เป็นอาการเกือบครึ่งของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแล้วนะเนี่ย แต่ยังดีที่หมอไม่ได้รู้สึกอยากฆ่าตัวตายขึ้นมาอีกอย่าง ไม่งั้นนอกจากรักษาคนไข้แล้วยังต้องรักษาตัวเองด้วยแน่ๆ

   โรคของผู้ป่วยนอกจากผลการตรวจซึ่งอาจจะไม่ชัดเจน ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ด้วยว่าจะวิเคราะห์ออกมาอย่างไร สำหรับหมอซึ่งไม่ได้รับการตรวจใดในตอนนี้ กลับสรุปอาการของโรคประหลาดของตัวเองได้ง่ายๆ แค่ว่า

   หมอคิดถึงซูกัส...

   และไม่ว่าเราจะป่วยด้วยโรคอะไรก็แล้วแต่ ถ้ารักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะหายง่ายกว่าปล่อยให้เป็นหนัก ดังนั้นหลังจากได้ข้อมูลที่อยู่อดีตคนไข้มาจากคลินิกตัวเอง หมอจึงขับรถมาเกาะรั้วบ้านของเขา

   บ้านซูกัสตั้งอยู่ในแถบพวกคนมีเงินอยู่กัน บ้านหลังใหญ่นั่นกว้างกว่าบ้านเดี่ยวของหมอประมาณสามเท่าได้ ให้หมอเดา เขาคงถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจจนติดนิสัยเด็กๆ อย่างที่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนิสัยดีมากๆ อยู่ดี เมื่อเทียบกับลูกผู้ดีมีเงินทั่วไปที่หมอเคยรู้จัก

   “ผมมาหาซูกัสครับ” ผมแจ้งความประสงค์เมื่อมีคุณป้าคนหนึ่งเดินมาที่ประตูรั้วหลังจากผมกดออด

   “เอ่อ คุณกัสไม่อยู่ค่ะ ไปโรงพยาบาล”

   “โรงพยาบาล... กัสเป็นอะไรเหรอครับ?” ผมรีบถามอย่างตกใจเพราะความเป็นห่วง

   “คุณกัสไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่ว่า...”

:hao4: :hao4: :hao4:


    เมื่อมาถึงจุดหมายในยามเย็น หมอเดินมะงุมมะงาหราเข้าไปในบริเวณสนามหญ้าของโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิตที่พยาบาลชี้ทางให้ จนกระทั่งพบซูกัสยืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มตุ๊กตาไว้ในอ้อมแขน นั่นคงจะเป็นแคนดี้ พี่สาวของซูกัสล่ะมั้ง หมอเดินช้าๆ เข้าไปหาและยืนนิ่งอยู่ข้างหลังรอจนเขาเป็นฝ่ายหันมาเอง

   “หมอมาได้ยังไง” คำถามนั้นมีแววแปลกใจ

   “หมอไปหากัสที่บ้านมาน่ะ ก็เลยรู้ว่ากัสมาที่นี่ หมอก็เลยตามมา”

   “ตลกนะครับ ถ้าผมกับหมอจะได้เจอกัน ต้องวนเวียนอยู่แค่ที่คลินิกและโรงพยาบาลเท่านั้นเองเหรอ?” เขายิ้มเศร้า

   “ถึงกัสจะอยู่ที่อื่น หมอก็จะไปหาอยู่ดี เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” หมอบอกเขาด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง เขามองหน้าหมอนิ่งนาน

   “งั้นเราไปคุยกันทางนู้นดีกว่านะครับ” เขาบอกผมแล้วหันไปหาพี่สาว “พี่ดี้ เดี๋ยวกัสมานะ”

   จากนั้นเขาก็เดินนำหมอไปอีกมุมที่แลสงบกว่าเดิม

   “รู้ไหมสิ่งที่ทรมานมากกว่าการบอกเลิกคืออะไร มันก็คือการหายไปเฉยๆ” หมอเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเมื่อเขาหยุดเดินแต่ยังคงหันหลังให้

   “ผมบอกตอนไหนเหรอครับว่าอยากเลิกกับหมอ?” เขาถามแล้วหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า

   “ถ้ากัสไม่อยาก แล้วทำไมถึงหายไปแบบนี้ กัสไม่รับสายหมอเลย”

   “ถ้ากัสรับ คงไม่เห็นหมอที่นี่หรอกจริงไหมครับ มันคงจะวนลูปอยู่ที่เดิมตรงที่ผมเป็นฝ่ายไปหาตลอด”

   “กัสก็รู้ว่าหมอยุ่ง ถ้าหมอมีเวลาว่างมากพอ หมอก็อยากเป็นฝ่ายไปหากัสนะ”

   “ที่จริงผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะ ถึงจะนั่งรอคิวหนึ่งชั่วโมงเพื่อคุยกับหมอแค่ 5 นาทีผมก็รู้สึกมีความสุข ผมบอกหมอตั้งแต่แรกแล้วว่าผมรับได้ จนผมเพิ่งมารู้ว่าโดนหมอหลอก หมอเห็นความตั้งใจของผมเป็นเรื่องตลกแล้วก็ใช้มันแกล้งให้ผมทำเรื่องน่าอายแบบนั้น แล้วตอนนี้ผมก็ไม่รู้เลยว่านอกจากเรื่องนั้นแล้วหมอหลอกอะไรผมอีกหรือเปล่า”

   “หมอผิดเอง หมอขอโทษ... แต่ทำไมกัสไม่เล่าเรื่องพี่สาวให้หมอฟังบ้างล่ะ ถ้าหมอรู้เหตุผล หมอคงจะบอกกัสไปตามตรง คงไม่ทำให้กัสรู้สึกแย่แบบนี้หรอก”

   “ก็หมอบอกว่า ไม่ให้คุยเรื่องเกี่ยวกับอาชีพหมอไม่ใช่เหรอ?”

   “ยกเว้นบ้างก็ได้ ถ้ามันจะเรื่องใหญ่ขนาดนี้”

   “ถึงผมเล่าไปก็เท่านั้นแหละ ขนาดคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงยังรักษาไม่หายสักที แล้วหมอสูติอย่างหมอจะช่วยอะไรได้ล่ะ”

   “ก็ช่วยเท่าที่ทำได้นั่นแหละ”

   “งั้นช่วยให้กัสมีลูกสิ มันคงเป็นวิธีเดียวในตอนนี้ที่ผมนึกออก”

   “กัสคิดเหรอว่าวิธีนี้จะช่วยได้จริงๆ”

   “หมอคงคิดว่ากัสบ้า คงรำคาญกัสมากใช่ไหมที่เอาแต่พูดเรื่องอะไรไร้สาระอยู่ตลอด แต่ถ้าหมอไม่มาเป็นกัส หมอคงไม่เข้าใจหรอกว่าการที่สุดท้ายแล้วต้องยอมให้คนที่ตัวเองรักมาอยู่ในที่แบบนี้มันรู้สึกยังไง” เขาระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มพรั่งพรูจนต้องใช้หลังมือตัวเองเช็ดออก 

   “หมอเข้าใจ ไม่มีใครอยากให้คนในครอบครัวมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ แต่อยากให้กัสลองเชื่อใจคุณหมอดูบ้าง การรักษาคนไข้ทางจิตเนี่ยมันต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องนะ กัสควรจะให้พี่สาวอยู่การดูแลของแพทย์น่ะดีที่สุดแล้วแหละ”

   “เห็นไหม? สุดท้ายแล้วพอหมอรู้เรื่อง หมอก็พูดเหมือนคนอื่น” เขาต่อว่าปาดน้ำตาป้อยๆ

   “ฟังนะซูกัส ถ้าถามหมอว่าวิธีที่กัสพูดน่ะมันมีความเป็นไปได้ไหม หมอก็คิดนะว่ามันอาจจะมีโอกาส แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จะมีหมอที่ไหนแนะนำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้ญาติคนไข้ทำ คนเป็นหมอก็มีหน้าที่รักษาตามสิ่งที่ตัวเองเรียนมา จะให้หมอพึ่งปาฏิหาริย์ได้ยังไง”

   “หมอไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติจริงเหรอครับ?”

   “ใช่ หมอเชื่อแต่วิทยาศาสตร์เท่านั้น”

   “ถ้าอย่างงั้น ที่ผมเคยคิดว่าการได้พบกับหมอเป็นพรหมลิขิต ผมก็คงบ้าไปเองด้วยสินะ” คำถามเล่นเอาอึ้งครับ เหมือนโดนพาลใส่

   “ซูกัส...มันคนละเรื่องกันเลย” 

   “ถ้าหมอคิดอย่างนั้นจริงๆ ก็กลับไปเถอะครับ ต่อไปผมคงไม่กลับไปกวนใจหมออีกแล้วล่ะ” นี่เป็นประโยคบอกเลิกที่โหดใช้ได้เลย แต่ใครจะปล่อยให้มันจบง่ายแบบนั้นล่ะ พอเห็นเขาจะหนี หมอก็รั้งข้อมือเขาไว้   

   “หมอไม่เชื่อในพรหมลิขิตหรอก” ซูกัสหันมามองหมอด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ

   “แต่หมอเชื่อในความรัก” เขาเบิกตากว้าง ในแววตาเหมือนจะอ่อนลง


“แต่สำหรับกัสคงเห็นหมอเป็นแค่เครื่องมือทำลูกเฉยๆ ล่ะมั้ง?”


   “ไม่ใช่นะหมอ!!”

   “แล้วจะให้เข้าใจว่ายังไง? ถ้ากัสจะบอกเลิกกับหมอแค่เหตุผลที่ว่าหมอเป็นแค่หมอธรรมดา หมอไม่สามารถทำในสิ่งที่กัสขอร้องได้ แต่กัสรู้อะไรไหม? ต่อให้หมอทำได้... หมอก็ไม่ทำหรอก เพราะหมอคิดมาตลอดว่า “เด็ก” สมควรจะเกิดมาท่ามกลาง “ความพร้อม” และ “ความรัก” แต่ตอนนี้กัสไม่มี ไม่มีเลยสักอย่าง!!”



 :เฮ้อ: :เฮ้อ:


   
   จนตอนนี้หมอก็งงตัวเอง ว่ามาง้อหรือมาชวนทะเลาะกันแน่ จากที่คิดว่าจะคืนดีกันง่ายๆ กลับกลายเป็นตัวหมอที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับความไร้เหตุผลของเขาจนต้องทิ้งซูกัสไว้แล้วเดินลิ่วมาที่รถโดยที่ยังไม่ทันเคลียร์อะไรกันมากกว่านี้ แต่พอหมอสตาร์ทรถกำลังจะกลับ กลับเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้ ไม่สิ... หมอน่าจะเรียกมันว่า “ความรัก” มากกว่า ซูกัสถึงได้มาเคาะกระจกรถหมออยู่แบบนี้

   จากนั้นเราก็นั่งอยู่ในรถเงียบๆ นับเป็นครั้งแรกที่หมอขับรถให้เขานั่ง คำว่า “รัก” มันศักดิ์สิทธ์จริงๆ นะครับ ไม่อย่างงั้นซูกัสที่กำลังอยู่ในโหมดทั้งวีนทั้งเหวี่ยง พูดไม่รู้เรื่องขนาดนั้นคงไม่อยู่ในอาการสงบได้ขนาดนี้หรอก

   “ผมขอโทษนะหมอ” ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นมา

   “เรื่องอะไรล่ะ?” ซูกัสสงสัยเป็นสายมาโซนะเนี่ย ต้องให้ด่าซะหน่อยถึงจะสลด...

   “ที่ผมทำให้หมอเข้าใจผิด ผมไม่ได้เข้ามาในชีวิตหมอเพียงเพราะอยากใช้ประโยชน์หมออย่างที่หมอคิดหรอกนะ”

   “เหรอครับ” หมอรับคำเรียบๆ ที่ให้ความรู้สึกว่าไม่ค่อยเชื่อนัก

   “กัสรักหมอจริงๆ นะ”

   “ถึงหมอจะเป็นแค่หมอธรรมดาที่ทำให้ผู้ชายท้องไม่ได้น่ะเหรอ” หมอถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจประชด

   “หมออ่ะ...” แล้วเขาก็ถอนใจยาวบ่งบอกว่าไม่สบายใจ แล้วเราก็เงียบกันไปตลอดทางจนถึง บ้านหมอ
   
   นี่คือการเดินทางที่ไกลที่สุดในรอบครึ่งปีเลยทีเดียว วันนี้วันเดียว...หมอกลับจากโรงพยาบาลมาบ้านตัวเอง ไปคลินิก บ้านซูกัส และโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิตแล้วก็กลับมาบ้านตัวเอง...

   “บางทีหมอก็คิดนะว่าเราสองคนอาจจะไปด้วยกันลำบาก แต่หมอก็อยากจะพยายาม ถ้ากัสอยากให้หมอมีเวลาให้ หมอก็ทำได้นะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าการละทิ้งอุดมการณ์เพื่อความรักมันจะทำให้กัสรู้สึกผิดหวังหรือเปล่า ถ้าหมอไม่ได้เป็นคนเสียสละหรืออุทิศตนอย่างที่เคยเป็น” หมอยืนพูดกับเขาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างซ๊เรียส เหมือนกำลังเลกเชอร์นักศึกษายังไงยังงั้น!

   “หมอพูดอะไรอ่ะ ที่จริงผมก็ไม่ได้ชอบหมอเพราะหมอเป็นหมอตั้งแต่แรกแล้วนะ ถึงหมอจะเป็นเด็กปั๊ม คนขายไก่ย่าง ทนายความหรือมาเฟีย ถ้ากัสได้เจอหมอ กัสก็ยังชอบหมออยู่ดีนั่นแหละ เพราะงั้นหมอไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมหรือแม้แต่จรรยาบรรณแพทย์สักนิดเลยตอนอยู่กับผม...”

   “งั้นถามหน่อย กัสชอบหมอที่ตรงไหนเหรอ?”

   “ตอบแบบตรงๆ เลยนะ หน้า...” หมอถึงกับยกมือกุมขมับ! บางทีซูกัสก็เป็นคนตรงไปตรงมาเกินไปนะ

   ตรงแบบชนประตูโขกผนังเลย!

   “หมออย่ามองกัสอย่างงั้นสิ หมอเองก็ต้องชอบกัสเพราะหน้าเหมือนกันนั่นแหละใช่ไหม?”

   หมอหันไปมองหน้าซูกัส ดวงหน้าของเด็กดื้อแต่ก็น่ารักไปด้วยในตัว มีทั้งความมั่นใจและบางครั้งแสนออดอ้อน ถ้าน้องส่องกระจกอยู่ทุกวัน คงไม่ต้องถามว่าทำไมเขาถึงได้มั่นหน้าขนาดนี้!

   “ใช่... ทีแรกก็ชอบหน้าอยู่หรอก” หมอตอบรับออกไปง่ายๆ เพราะถ้าบอกว่าไม่น่ารัก ก็โกหก!

   “เห็นมะ” คนน่ารักเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจที่การคาดเดาของตัวเองถูกต้อง...

   “แต่หน้าตามันไม่ใช่คุณสมบัติที่จะเป็นแฟนกับหมอได้หรอก เพราะถ้ากัสมีดีแค่หน้าจริงๆ ล่ะก็ หมอคงจะฟันกัสไปตั้งแต่วันแรกที่มาอ่อยหมอถึงบ้านแล้วก็จบๆ กันไป” น้ำเสียงที่จริงจังของหมอทำให้ใบหน้าของเขาเจื่อนลงแล้วเถียงกลับอ้อมแอ้ม

   “ก็...ตอนนั้นหมอง่วงนี่นา”

   “หึ! หมอโกหกต่างหากล่ะ  แค่ไม่อยากสร้างบาดแผลให้คนไข้เท่านั้นแหละ” หมอหัวเราะขึ้นจมูก นั่งลงข้างๆ แล้วหันไปมองหน้าเขาทำให้เราสบตากัน

   “ถ้างั้น... หมอจะบอกว่าชอบนิสัยกัสเหรอ?” เขาถามอย่างสงสัย และหมอยิ้มตอบ

   “คงไม่ใช่หรอกมั้ง อาจจะเป็นรูปร่างมากกว่า เพราะนิสัยกัสโคตรๆ จะไม่ดีเลย หมอคงไม่...” เขาขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดแล้วพล่ามยาวอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุดจนหมอยื่นมือไปแตะคาง เขาจึงชะงักแล้วมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น

   “อือ...ก็อาจจะไม่ดีเท่าไร” หมอบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและรอยยิ้มที่อ่อนโยน เกลี่ยนิ้วโป้งไล้ไปตามขอบปากบางนั่นเบาๆ “แต่ก็มากพอแล้วสำหรับหมอ...”

   ถ้าไม่ตาฝาด หมอเห็นซูกัสกลืนน้ำลาย ริมฝีปากคู่เล็กที่ขยับเม้มเพียงเล็กน้อยยามสัมผัสปลายนิ้วโป้งของหมอกลับให้ความรู้สึกเหมือนถูกจูบและเชิญชวนอย่างประหลาด...

   “หมอ...อืม...” เขาส่งเสียงในลำคอเมื่อใบหน้าของหมอโน้มเข้าหาและครอบครองเรียวปากนุ่มนั่นอย่างกะทันหัน จนศีรษะเล็กๆ นั้นคล้ายจะผละหนีด้วยความตกใจ แต่ก็หมดสิทธิ์เพราะอุ้งมือของหมอที่ไล้ประคองสันคางนั้นเลื่อนต่ำลงมายึดต้นคอเขาให้ตั้งตรงเพื่อรับจุมพิตนั่นต่อไปอีก...


+++++++++++


สวัสดีค่ะ 0/ นิเองนะ

(รู้สึกเหมือน จากชื่อยูส จะไม่ค่อยมีคนรู้จักเรา555+)


ช่วงแรกๆ อ่านกันไปเพลินๆ ไม่ต้องเครียดมาก  สำหรับเรื่องผู้ชายท้องได้นั้นสำหรับเรื่องนี้คืออิงวิทยาศาสตร์พอสมควร

อาจจะทำให้อ่านแล้วมึนๆ หรือรู้สึกขัดใจในบางเรื่องก็ต้องขออภัยนะคะ

คนเขียนก็ไม่ใช่หมอ ไม่ใช่นศพ. หากมีข้อมูลใดที่ผิดพลาดต้องขอโทษล่วงหน้า และยินดีแก้ไขหากมีการท้วงติงนะคะ

จะเป็นยังไงต่อไปก็รอชมก็แล้วกัน ♥

* ลงนิยาย ประมาณ ทุ่มเศษ ของทุกๆ วัน จนจบ (ถ้าไม่มีธุระที่ไหนนะคะ)

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ ที่เป็นกำลังใจ ให้คนเขียน  / กัส+ หมอด้วยนะคะ

:กอด1: :L2: :L1: :pig4:


ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ลุ้นแทบตายนึกว่าจะจบไม่สวยตอนแรกเหมือนมาชวนทะเลาะมากกว่ามาง้อนะ แต่ชอบฉากจูบฟินจิกหมอน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นึกว่าจะทะเลาะกันใหญ่โตซะแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

จำยูสได้
มาติดตาม นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
กรี้ดจากการทะเลาะสู่การบอกรักจ้า. น่ารักมากๆค่ะคุณนิ
น้องกัสก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของหมออยู่ดี

ออฟไลน์ waterlily

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เขาจูบกันแล้ว ดีใจกรี๊ดกร๊าด  :mew1: :-[

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ตอนหน้าต้องมีมากกว่าจูบสินะ ๕๕๕
 รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เขาจูบกันแล้วววววววววว
กลัวจะทะเลาะกันไปยาว
รอลุ้นต่อออออ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
7.5

ไม่มีเนื้อหามีแต่ nc

จะว่าไป ทิ้งไว้แบบนั้น น้อยคนจะถามว่า ฉากต่อไปคืออะไร...

ที่เล้าไม่ค่อยมีคนหื่นเลยเนอะ   :mew3:

หรือ ฉากนี้มันมาเร็วเกินไปน้า... :mew2:


+++++++++++++++++++


หมอเกี่ยวรั้งเอวอีกฝ่ายไว้จนชิดอกขณะส่งปลายลิ้นค่อยๆ กวาดชิมความนุ่มนิ่ม หวานซ่อนเปรี้ยวของลูกอมรสผลไม้ชิ้นนั้นอย่างติดอกติดใจจนอยากกลืนกินเข้าไปหมดทั้งชิ้น

   “ฮ้า...” ซูกัสพ่นลมหายใจทันทีที่หมอผละจูบ หมอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงหน้าหวานกำลังปรือตามองด้วยสายตาที่แสดงความไหวหวาม หมอยิ้มอ่อน ยกมือเกลี่ยแก้มเขาเล่นแล้วจูบลงตรงหน้าผากเบาๆ พลางระริมฝีปากพร่างพรมรอยจูบไปทั่วใบหน้าหวานนั่นอย่างรักใคร่จนไล่ต่ำลงมาที่ลำคอขาวเนียน

   ไม่ช้าไม่นาน หมอก็ถอดเสื้อเขาออก ผิวกายเนียนละเอียดงดงามที่ปรากฏทำให้หมอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ไหว ความปรารถนาอันมากมายกำลังพุ่งดันผืนผ้าด้านล่างจนรู้สึกอึดอัด แต่กลับยังไม่อยากรีบร้อนให้ถึงจุดนั้นไวนัก...

   หมอค่อยๆ ประคองร่างเขาทอดตัวลงบนโซฟาแคบอย่างนิ่มนวล ระหว่างลิ้มไล่จูบผะแผ่วไปตามลาดไหล่เปลือย ลากลามมายังแผ่นอก ร่างเล็กกำลังสั่นสะท้านหอบถี่กับทุกสัมผัสที่หมอแตะต้อง ไม่ว่าจะเป็นปากหรือมือที่เริ่มเคล้นคลึงหยอกเอินไปตามเรือนร่างเล็กนั่นจนมาหยุดที่ยอดอกสีสวยจนอดไม่ได้ที่หยุดสำรวจเสียนานสองนานด้วยการดูดดุนตุ่มเล็กที่รวมความรู้สึกจนคนใต้ร่างกระสับกระส่ายแอ่นอกหาส่งเสียงครางอื้ออึงไม่เป็นภาษา จนรอยจูบเริ่มลุกลามเลื้อยต่ำไปยังหน้าท้องเนียนเรียบจนต่ำถึงสะดือแต่กลับติดขัดเพราะขอบกางเกงสีดำที่กั้นขวางจนต้องรีบปลดเข็มขัดนั้นออกโดยไว

   “หมอ... กัสอยาก...” และแล้วประโยคเดิมก็มาด้วยน้ำเสียงที่โหยอ่อน มือเล็กพยายามผลักไหล่หมอออก

   “ครับ เดี๋ยวหมอพาไป” หมอตอบกลับไปทั้งที่เขายังพูดไม่จบด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่ยอมวางมือจากการปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนล่างนั่นออกอยู่ดี

   “แต่กัสอยากไปตอนนี้...” ยังคงอ้อนต่อ แต่หมอไม่สนใจฟังเพราะมัวสาละวนกับการ “ถอด” จนเสร็จสิ้น

   “เดี๋ยว...” หมอย้ำอีกพลางจับท่อนขาเรียวเล็กนั่นไว้มั่นมิให้อีกฝ่ายดิ้นออก จูบไล่ไปตามท่อนขาด้านในขาวผ่องนั้นอย่างหลงใหลจนร่างอีกฝ่ายไหวสั่นระริกแต่มิอาจต้านทานกำลังหมอไว้ได้

   สวย...

   เรียวขารูปตัววีคู่นั้นช่างเย้ายวนจนอยากทิ้งร่างฝากฝังลงในกาย ณ วินาทีนั้น หากแต่สิ่งที่กระทำมีเพียงส่งริมฝีปากไล่ระไปตามซอกขาจนบรรจบพบความแข็งแกร่งที่กลางกายซึ่งกำลังบ่งบอกว่าโกรธเกรี้ยวต้องการการปลดปล่อย และหมอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหน้าที่นั้น

   “อ๊ะ...” ซูกัสสะดุ้งและขยับจะหนี เมื่อริมฝีปากของหมอจงใจเข้าครอบครองของสงวนของเขา ใช้ปลายลิ้นเล็มไล่ไปตามความยาวและกอบกุมส่วนประกอบใกล้เคียงด้วยอุ้งมือ

    “อย่าหมอ...มันสกปรก” ถ้อยคำทักท้วงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหากแต่หมอไม่ใคร่ใส่ใจพยายามปลุกปั่นปรนเปรอให้ต่อไปอีกจนเสียงห้ามกลายเป็นเสียงครางแผ่วด้วยความกระสันเข้ามาแทนที่จนในที่สุดร่างเล็กก็บิดเร่าขยับสะโพกเข้าออกจนกระตุกเกร็ง

   “อื๊อ....หมอปล่อย...ผม...” เขาพยายามผลักหมอออกอีกครา แต่ก็ช้าไปกว่าของเหลวบางอย่างที่พรั่งพรูออกมาจนล้นขอบปาก หมอเงยหน้าจากภาระที่แสนสุขด้วยความภาคภูมิใจ หงายมือขึ้นปาดรสชาติของเขาที่ทั้งฝาดทั้งหวานระคนกันนั่นออกช้าๆ พลางชะโงกหน้าไปมองหน้าของคนที่นอนอยู่ เห็นซูกัสยังคงหลับตา มือเล็กทั้งสองจิกเบาะโซฟาค้างไว้ หลงเหลือความเหน็ดเหนื่อยเป็นหยาดเหยื่อเม็ดเล็กๆ ซึมตามไรหน้าผาก ลมหายใจยังกระชั้นเหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายมาใหม่ๆ หมอผละออกจากท่อนขาเรียวเล็กนั่นขยับไปด้านข้างแล้วสอดแขนอุ้มร่างเขายกลอยขึ้น

   “ฮื้อ... หมอจะพากัสไปไหน” ซูกัสลืมตาขึ้นร้องถาม

   “ก็ใครบอกอยากอาบน้ำล่ะครับ?” หมอถามกลับยิ้มๆ

   เขามิได้ตอบกลับ เพียงแต่โอบแขนเกี่ยวคอหมอไว้เพื่อกันร่วงและช่วยหมุนลูกบิดประตูตามคำขอจนกระทั่งสุดท้ายได้ลงไปอยู่ในอ่างอาบน้ำตามต้องการ

   “หมอจะทำอะไรน่ะ” เขาร้องถามอีกเมื่อเห็นหมอถอดเสื้อระหว่างรอให้น้ำในอ่างเพิ่งระดับมากขึ้น ส่วนคนตัวเล็กนั่นลุกขึ้นชันเข่ากอดขาตัวเองไว้ในอ่างอยู่แล้ว

   “หมอก็จะอาบน้ำกับกัสน่ะสิ” หมอตอบตรงๆ แล้วหัวเราะกับคำถามของเขา

   “ไม่เอา กัสอยากอาบคนเดียว...”

   “ไม่เป็นไรน่า ไม่ต้องอายหมอหรอก”  หมอเห็นไปหมดแล้วล่ะ!!

   “แต่....” เขาทำท่าจะพูดต่อแต่ก็เงียบไป รีบหันหน้าเข้าหาผนังทันทีที่หมอแตะกระดุมกางเกง แล้วไม่นานหมอก็ลงไปนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง เอาฟองน้ำฟอกให้ตัวเองสลับกับถูตัวให้เขาพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี...

   “ไม่ต้องแล้ว กัสอาบเองดีกว่า” เขาเริ่มงอแงขึ้นอีกเมื่อรู้สึกได้ว่าหมอเริ่มอยากจะลวนลามเขามากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

   “หมออาบให้ดีกว่านะ สะอาดเอี่ยมอ่องทุกซอกทุกมุม” หมอโฆษณาสรรพคุณ ไม่วายโน้มตัวลงเป่าลมหายใจเบาๆ ที่ต้นคอเขา

   “ฮื้อ... ไม่เอาแล้วหมอ แกล้งกัสอยู่ได้” เขาโวยวายทำท่าจะลุกขึ้นจากอ่าง แต่หมอคว้าแขนเขาไว้เสียก่อน

   “ครับๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ตามสบายนะครับที่รัก...” หมอตอบกลั้วหัวเราะ เป็นฝ่ายลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำเสียเอง หมอดึงผ้าม่านปิดไว้แล้วเดินไปชำระตัวที่ฝักบัว พันเอวด้วยผ้าขนหนูผืนหนาเดินวนมาแปรงฟันต่อ

   หลังจากเสร็จธุระของตัวเองแล้วหมอก็หยิบแปรงสีฟันที่ไม่ได้ใช้บีบยาสีฟันวางลงตรงอ่างล้างหน้า

   “หมอบีบยาสีฟันให้แล้วนะครับ” หมอตั้งใจบอกซูกัสที่เห็นเพียงเงายังขยับตัวอาบน้ำอยู่หลังผ้าม่านแต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับ

   “เอ๊ะ ทำไมเงียบไป หรือกัสจะเป็นลมไปแล้ว!!” หมอแสร้งทำเสียงตกใจเป็นห่วง ตั้งใจลงส้นเดินไปหา แต่อีกฝ่ายรีบร้องออกมา

   “อย่าเข้ามานะ หมอ!!” เสียงห้ามอย่างร้อนรนทำให้หมอพยายามกลั้นหัวเราะแทบแย่

   “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ งั้นหมอออกไปรอข้างนอกนะ กัสไม่ต้องรีบอาบก็ได้ ถ้าอยากให้หมอหลับไปก่อนอย่างคราวที่แล้วอีก”

   หมอปิดประตูห้องน้ำ ทิ้งซูกัสให้มีเวลาส่วนตัวตามที่เขาร้องขอ ส่วนตัวเองเดินมาเปิดลิ้นชักในห้องหยิบของที่ตระเตรียมไว้มาสักพักแล้วออกมาวางบนเตียง

   เอ... แต่คิดอีกทียัดไว้ใต้ผ้าห่มดีกว่า เดี๋ยวไก่ตื่น...
   


   หนังสือในมือค่อยๆ เพิ่มจำนวนหน้าที่อ่านแล้วไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่หมอเงยหน้าขึ้นมองที่ประตูห้องน้ำที่นิ่งสนิทนั้นเป็นระยะว่าเมื่อไรมันจะเปิดออกอีกครั้ง จนในที่สุดร่างเล็กนั่นก้าวขาเล็กๆ เดินออกมาโดยทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูที่พันเอวไว้เช่นเดียวกันกับหมอ เอ่อ... ลงท้ายก็ต้องถอดอยู่ดีเลยไม่รู้จะหาอะไรใส่ทำไม...

   หมอปิดหนังสือที่ตอนนี้ลืมไปแล้วว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรวางทิ้งไว้ที่โต๊ะ คว้าผ้าขนหนูแห้งๆ เดินไปหาซูกัสที่ยืนเก้ๆ กังๆ ดั่งเด็กหลงทางอยู่หน้าห้องน้ำ

   “หนาวไหม?” นี่คือคำถามเริ่มต้น แล้วแปะผ้าขนหนูลงบนศีรษะขยี้เบาๆ เพื่อเช็ดผมเปียกให้แห้ง โอบเอวเขาไว้หลวมๆ ไม่ให้รู้สึกว่าถูกลวนลาม...

   “นิดนึงครับ”

   “ต้องหรี่แอร์หรือเปล่า?”

   ซูกัสส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นยิ้มบาง หมอยิ้มตอบจับจูงพาเขามายังตำแหน่งที่ต้องการ เตียง... จับตัวเขาให้หันหลังเอนพิงตัวหมอในขณะที่ยังเช็ดผมให้ต่อไปเรื่อยๆ

   “เมื่อกี้ หมออ่านอะไรเหรอครับ”

   “หนังสือนิยายแปลแนวฆาตกรรมน่ะ จะอ่านไหมล่ะ?”

   “ไม่ดีกว่าครับ น่ากลัว”

   “แล้วกลัวหมอไหม?” เขาหมุนคอหันมามองหน้าหมอเพื่อควาญหาคำตอบ

   “ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าควรกลัวไหม” เขาตอบ มีรอยยิ้มฉาบอยู่ที่หน้าเหมือนจะท้าทายในที

   จะอ่อยกันอีกเหรอ? ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ หมอมองสบดวงตาคู่สวยคล้ายกำลังจะอ่านใจเขา

   อืม... แต่ในความขลาดกลัวก็มีความกล้า ซูกัสเป็นคนอย่างนั้นแหละ   

   หมอยิ้ม หยุดเช็ดผมให้เขาแล้วรั้งตัวซูกัสเข้ามากอดไว้จนแน่น ริมฝีปากสองคู่ค่อยๆ บดเบียดเข้าหากันอย่างโหยหาเพื่อแลกอากาศหายใจ นาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ถูกผลักพลิกให้จมลงบนฟูกหนา หมอฝังจมูกลงบนแก้มขาวหอมกรุ่นติดจมูกที่แม้จะพรมจูบครั้งแล้วครั้งเล่าเท่าไรก็ยังไม่รู้สึกอิ่ม ค่อยๆ จูบไซร้ไปตามซอกคอขาว

   “ทิ้งรอยไว้ได้ไหม?” หมอถาม เห็นคอขาวๆ แล้วมันเขี้ยว

   “โรคจิตเหรอหมอ?” ซูกัสถามแล้วหัวเราะ

   “นิดนึง... แต่ถ้ากัสไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร” เหมือนอีกฝ่ายลังเลในคำตอบเล็กน้อย

   “แล้วแต่หมอ... ผมยังไงก็ได้” เขาตอบมีท่าทีเขินอาย

   หมอยิ้มอ่อน ลูบฝ่ามือเบาๆ ลงที่หน้าผากเหมือนเสยผมเขาขึ้นเพื่อให้เห็นใบหน้าชัดๆ แล้วโน้มจูบที่ปาก ขบเม้มริมฝีปากบนซ้ำๆ อย่างนั้น ค่อยๆ สอดนิ้วลงแทรกระหว่างซอกนิ้วกดยึดมือเล็กไว้ให้ติดเตียงพลางใช้จมูกปากลากผ่านแก้มไปที่คางและขบเบาๆ ที่ซอกหู ขบเม้มที่ซอกคอหนักสลับเบาจนเขาต้องย่นคอส่ายหน้าหนี

   “อ๊ะ...อืม...” เสียงครางหวานก้องขึ้นอีกคราเมื่อปลายลิ้นไล่วนลงที่ยอดอกสีสวยที่แข็งเป็นไตเพราะอารมณ์หวาม ปากและมือเล้าโลมให้ร่างเล็กนั่นตกอยู่ในภวังค์แห่งรสเสน่หา จมูกปากค่อยๆ เลื่อนลากต่ำลงมายังสะดือและหน้าท้องเนียนเรียบนั่นอีกครั้ง เพียงสัมผัสที่ลากไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของเขาก็สร้างความพึงใจมากพอแรงแล้ว ไม่นับเสียงลมหายใจหอบขาดห้วงที่ฟังแล้วเหมือนกระตุ้นความอยากให้มากขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่าตัว

   หมอปลดผ้าขนหนูออก ใช้ปากกับความแข็งขืนที่เพิ่มขนาดขึ้นในอุ้งมือจนเสียงครางดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างที่ปากและมือที่ร่วมกันทำหน้าที่ปลุกเร้าอารมณ์หวามของคนตรงหน้าให้แล่นเตลิด หมอก็เริ่มควานหาตัวช่วยออกมาเทใส่นิ้วโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

   “อื๊อ...” เสียงหวานครางในลำคออย่างตกใจทำท่าจะผละหนีเมื่อปลายนิ้วเย็นๆ เพราะเจลที่โชกชุ่มเคลื่อนเข้าไปเพื่อขยับขยายช่องทางนั่นทีละน้อย

   “ใจเย็นๆ กัส แค่นิ้วเอง” หมอพยายามปลอบ แต่นิ้วชี้ก็ยังขยับเข้าออกเบาๆ อยู่อย่างนั้น ซูกัสปรือตาขึ้นมองด้วยสายตาออดอ้อน เหมือนคนไข้ใกล้ตายพยายามร้องหาความเมตตาจากหมอ...

   หมอพยายามปลุกอารมณ์หวามโดยการไล้ปลายลิ้นไล้เลียความร้อนรุ่มด้านหน้าต่อขณะที่เพิ่มนิ้วเพื่อกระตุ้นช่องทางด้านหลังเพิ่มอีก ร่างเล็กแอ่นเกร็งบิดเร่าอย่างทรมาน แต่กลับสร้างความพอใจให้หมอมากขึ้นไปอีก...

   หมอไม่แน่ใจว่าจะเร็วไปหรือเปล่า...แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองทนมานานแทบจะทนไม่ไหว จึงละจากร่างงามที่ทิ้งกายระทดระทวยอยู่กลางเตียงนั่นแล้วพยายามสวมถุงยางลงบนความแข็งแกร่งนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมชะโลมเจลหล่อลื่นสูตรเย็นลงบนนั้นเพิ่มอีก เพียงไม่ถึงนาทีที่ผละจาก หมอก็กลับไปโอบร่างของซูกัสไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง จูบที่มุมปากเบาๆ อย่างสุดรัก ค่อยๆ สอดนิ้วเรียวเข้าออกช่องทางรักให้อีกฝ่ายเกิดความคุ้นชิน ซูกัสยกมือขึ้นโอบกอดหมอไว้ ปากเล็กพยายามจูบหมอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกระหายและหมอก็จูบกลับพลางสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดพันลิ้นเขาไว้อย่างดูดดื่มทั้งที่ด้านล่างก็ยังไม่หยุดการโลมเล้า

   “อึ๊ก... อื๊อ...” ใบหน้าเล็กส่ายไปมา ขยับสะโพกหนีเมื่อความรุ่มร้อนกดลงที่ปากทางคับแน่นนั่นแทนที่นิ้วทั้งสามที่ถูกถอนออก เพียงขยับเข้าไปนิดเดียวอีกฝ่ายก็เกร็งตัวต่อต้าน หมอรีบโน้มหน้าลงจูบขมับที่เริ่มชิ้นเหงื่อกระซิบปลอบประโลม

   “อย่าเกร็ง... นะครับคนดี” ซูกัสไม่ตอบอะไรเพียงจิกเล็บลงบนผ้าปูที่นอนเท่านั้น

   “เจ็บนิดเดียว... เท่ามดกัด” หมอพูดต่อ เป็นถ้อยคำที่ใช้หลอกเด็กตอนจะฉีดยาให้!

   “ผมไม่ใช่เด็กนะ จะได้เชื่อที่หมอหลอก!” เขาเถียงออกมาทันที ทำให้หมอแทบหลุดหัวเราะ

   “ถ้ากลัวมาก จะเอายาชาสักเข็มสองเข็มไหมล่ะครับ รับรองว่าจะไม่เจ็บแต่ไม่รับประกันความสนุกนะ อาจจะหายไปประมาณ150เปอร์เซ็นต์!” หมอแซวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

   “หมอ!!.....อื๊อ....” ระหว่างที่ถาม หมอก็มิได้รอคำตอบ ค่อยกดความต้องการลึกลงไปทีละน้อย จนอีกฝ่ายต้องร้องตอบกลับมาพร้อมช่องทางนั้นบีบรัดขึ้นเรื่อยๆ และหมอรู้ว่าต้องนิ่งไม่ควรดึงดันฝืนมากไปกว่านี้

   “ผ่อนคลายหน่อยกัส นะครับ” หมออ้อนพลางจูบซ้ำๆ ที่แก้มเขา ลูบไล้สัมผัสไปร่างงามนั้นจนทั่ว

   “ก็กัสเจ็บ...” เขาเถียงกลับ น้ำเสียงคล้ายเสียงสะอื้นของเด็กขี้แยอยู่เล็กน้อย หมอจึงปิดปากเขาด้วยริมฝีปากตัวเอง สอดลิ้นเข้าไปหยอกเย้าในโพรงปากเล็กของคนใต้ร่าง ไม่วายส่งมือลูบไล้ตามแผ่นหลังเนียนนั่นเพื่อให้อีกฝ่ายลืมความเจ็บและค่อยๆ ยอมรับสิ่งนั้นเข้าไปในร่างกายทีละนิด ทีละนิด....จนสุดโคน

   “ดีจัง...กัส...” หมอชมด้วยเสียงที่เกือบเพ้อ ค่อยๆ ส่งปลายนิ้วเกลี่ยรอยน้ำตาที่ซึมอยู่ประปรายจากหางตาเขา อีกฝ่ายพริ้มตาลง ขบเม้มริมฝีปากค่อยๆ ผ่อนลมหายใจให้ช้าลง ช้าลง หมอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายความสุขที่เอ่อท้นท่วมอกอยู่ ณ ตอนนี้ มันมากมายจนล้นเพราะมาพร้อมกันทั้งกายและใจ เพราะความคับแน่นที่โอบรัด... เติมเต็มความต้องการให้อย่างเหลือล้น และร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดนั้นช่างน่ารักจนอยากกอดให้นานเท่านานไม่อยากปล่อย

   “ไม่ต้องกลัวนะ หมอจะทำเบาๆ” หมอปลอบ เขาลืมตาขึ้นมองหมอ ดวงตามีแววส่ายไหวเหมือนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเชื่อหมอดีหรือไม่ แต่แล้วก็พยักหน้า

   “เด็กดี..” หมอยิ้มตอบ จูบปากและแก้มเขาย้ำๆ อีกขณะค่อยขยับสะโพกช้าๆ เพื่อให้อีกฝ่ายได้ปรับตัวอีกสักนิด

   หมอจูบที่คอเขา ขมเม้มดูดดุนหนักสลับเบาดังเดิม ซูกัสกระชับกอดที่กอดไว้แน่นขึ้นอีกตามแรงกระแทกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหมอเริ่มครางประสาน ค่อยๆ บังคับหมุนร่างเขาให้คว่ำลงกับเตียงทั้งที่ยังสอดใส่อยู่และรั้งสะโพกมนให้สูงขึ้นเพื่อสัมผัสที่แนบชิดกว่าเก่า ระหว่างที่ขยับเคลื่อนกายช้าๆ ก็ส่งมือไปยังส่วนอ่อนไหวของเขา

   หมอจูบย้ำไปตามแผ่นหลังเนียนเรียบนั่นอย่างเผลอไผลขณะเคลื่อนกายต่อไปตามจังหวะของอารมณ์ ทั้งปรนเปรอความต้องการของคนด้านหน้าพร้อมๆ กันไปด้วย เสียงครางกระเส่าที่ลอยเข้าหูทุกครั้งที่ความรุ่มร้อนเคลื่อนกายเข้าออกช่างหวานน่าฟัง ความเสียวซ่านที่เพิ่มสูงขึ้นทุกทีๆ จนต้องเร่งจังหวะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

   “หมอ... อือ.....อ๊า...” เสียงครางอย่างหวานดังขึ้นพร้อมการปลดปล่อยความต้องการลงในมืออุ่น ช่องทางคับแน่นบีบรัดเพราะอาการกระตุกเกร็งทำให้ความแข็งกร้าวที่เคลื่อนเข้าออกถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ จนต้องปลดปล่อยตามมา

   ซูกัสทิ้งตัวลงบนฟูกอย่างอ่อนแรง ในขณะที่หมอค่อยๆ ผ่อนลมหายใจหอบลึกนั่นและใช้พลังที่เหลือเพียงน้อยนิดประคองไหล่เขาไว้ไม่ให้ทรุดลงทั้งตัวแต่ค่อยๆ ทอดกายลงซบศีรษะบนหมอน หมอค่อยๆ ถอดถอนความแข็งกร้าวที่อ่อนลงนั้นออกจากกายเขาอย่างช้าๆ และอ่อนโยนที่สุด

   หลังจากจัดการทิ้งซากอารมณ์ลงในถังขยะแล้วหมอก็นำผ้าขนหนูผืนน้อยเช็ดทำความสะอาดตัวเองแล้วหาเสื้อผ้าใส่ จากนั้นย้อนกลับที่เตียง พลิกตัวซูกัสให้นอนหงายและเช็ดตัวให้เขาด้วย ซูกัสลืมตาขึ้นเมื่อความเย็นแตะลงที่กายเขาอีกครั้ง

   “หมอทำอะไร?” ถามด้วยน้ำเสียงหวาดๆ

   “เช็ดตัวให้ จะได้นอนหลับสบายๆ” 

   “อ้อ...แล้วไป” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงโล่งอก สงสัยกลัวว่าหมอจะทำอีก

   ใจจริงหมอก็อยากทำอีก แต่หมอรู้ว่าแค่นี้เขาก็คงเจ็บมากพอดูแล้ว จึงไม่อยากทำร้ายใจอีกฝ่ายด้วยการเอาแต่ใจตัวเองให้มากนัก...

   “ทำไม...อยากทำอีก?” ถึงรู้อย่างนั้นหมอก็ยังถามกลับล้อๆ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ หมอยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน

   “งั้นก็ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าด้วยนะ นอนหลับทั้งอย่างนี้เผื่อกลางคืนนอนดิ้น เดี๋ยวพรุ่งนี้จะป่วยเอา”

   ซูกัสลุกขึ้นยื่นแขนให้หมอใส่เสื้อให้เหมือนเด็ก หมอใส่เสื้อผ้าให้เขาจนเรียบร้อยแล้วจับเขานอนลงห่มผ้าให้เหมือนส่งเด็กเข้านอน แต่ร่างเล็กนั่นกลับจ้องมองกลับมาด้วยดวงตากลมโตไม่ยอมหลับ หมอลุกขึ้นเดินไปปิดไฟในห้องจนดับสนิทแล้วเดินกลับมาที่เตียง เลิกผ้าห่มลงไปนอนข้างๆ ไม่ลืมประทับรอยจูบลงที่หน้าผากมนเบาๆ แล้วโอบกอดเขาไว้ กดศีรษะเล็กเข้าหาตัวให้ซบที่อกเหมือนบังคับให้หลับลงไปด้วยกัน...


     หมอหลับตาลงครู่ใหญ่ กำลังจะดิ่งสู่ห้วงนิทราอยู่รอมร่อ แต่ร่างบางนั่นกลับขยับตัวพลิกกายหันหลังให้จนหมอลืมตาขึ้น เห็นเงาร่างนั้นก็รู้สึกรักและเอ็นดูสุดซึ้งจึงฝังจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มนั่นแล้วสูดกลิ่นหอมเข้าปอด สอดแขนกอดเอวเขาไว้แน่นแล้วหลับตาลงอีก...

   ไม่รู้เหมือนกันว่านานหรือเปล่าที่ร่างเล็กดิ้นออกจากอ้อมกอดอีกครั้งแล้วขยับยุกยิก ถอนใจแรงเหมือนคนนอนไม่หลับทำให้หมอรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง หมอลืมตาขึ้นแล้วบอกกับคนข้างตัวว่า...


   “ซูกัส... ถ้าไม่อยากถูกมดกัดอีกรอบ อย่ายั่วหมอครับ!!”
   
++++++++++



 :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2016 09:13:14 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :-[.   หมอเชี่ยวไป๊

ขอบคุณค่ะ. มีคำผิด ขลาดกลัวเขียนเป็นขาด ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2016 08:56:38 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
สงสารหมอ ห่างหายมานาน  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรียบร้อยโรงเรียนหมอ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
หมอกินเด็กแล้วววววววววว
เสร็จจนได้ กัสขยับบ่อยแบบนี้คืนนี้โดนอีกรอบแน่ อิอิ
จมกองเลือกแปป

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
กัสเสร็จหมอจนได้

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3
อ๋อยยยยยยยยยยยยยย >\\\\\\\<
อ่านไปจิกหมอนไป ทำไมมันละมุนละม่อมจนแทบจะวิ่งไปตะกายฝาบ้านแบบนี้

หมออออออออออออกินซูกัสอร่อยมั้ย?
คือแบบ...&฿)(;&/@&:฿฿:7389:9'/).).?./฿-&&-&.!(

#วิ่งไปตะกายฝาบ้านแปบ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
รอลุ้นคับ น้ำยาหมอจะแรงรึป่าว ถ้าน้ำยาหมอแรงจริงครั้งนี้ก็ต้องท้อง ๕๕๕
 รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
เสร็จหมอซะแล้ว
 :hao6:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องกัสจะท้องไหม คุณหมอน้ำยาดีหรือเปล่า อิอิ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-8-

   -ซูกัส-
   
   บนเตียงของหมอว่าน… ในอ้อมกอดของหมอว่าน...

   อุ่นจัง... ผมไม่เคยโดนผู้ชายที่ไหนนอนกอดแบบนี้มาก่อนเลย มีความสุขซะจนอดคิดไม่ได้ว่าอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาดสองฉาดเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป แต่ความจริงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น ความแสบที่บั้นท้ายที่ยังรู้สึกได้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วล่ะว่าคงไม่ได้ฝันไปจริง ๆ นี่กัสกับหมอ... นี่เรา.... อ๊ากกกกก


   ไหนแม็กบอกหมอเค้าจะไม่ทำอะไรไงล่ะ รู้งี้ซื้อกางเกงในใหม่ซะก็ดี

   เอ๊ะ! ไม่ดิ สุดท้ายมันก็แทบไม่ได้ใช้อยู่ดี งั้นช่างมันเถอะ แต่ถ้าเล่าให้แม็กฟัง มันต้องด่าแน่เลยว่า....   

   แรด!!

   รู้สึกเหมือนเสียงแม็กม่าดังก้องตีลังกาอยู่ภายในหัวหลายตลบ

   ถึงงั้นก็เหอะ! ใครจะสน? พนันกันไหมล่ะต่อให้แม็กมาอยู่ตรงนี้ แม็กก็แม็กเหอะ มันก็ต้องแรดเหมือนกัสแหละ!

   ก็ดูหมอสิ ดูหมอ...

   เอ่อ... เพราะไฟดับลงแล้วก็เลยมองไม่เห็น แต่... ทำไมนึกออกขึ้นมานะ เสียงนุ่มๆ และใบหน้าของหมอตอนที่..

   พอยังซูกัส?? นี่เพ้อจบหรือยัง?? หมอเค้าหลับไปแล้วนะ แกควรจะหลับบ้างได้แล้วนะ แต่ว่า...

   คร่อกกกกก.... เอ่อ.... แสบท้อง...

   ผมพลิกกายไปมา นอนไม่หลับ แล้วจากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ

   “ซูกัส... ถ้าไม่อยากถูกมดกัดอีกรอบ อย่ายั่วหมอครับ!!”

   อะฮ้า... นี่มดยักษ์สิไม่ว่า ถึงกัดเจ็บทะลวงไส้ขนาดนี้!

   “อะไรของหมอ ใครยั่ว?” ผมหันไปถามหมอพร้อมคิ้วที่ขมวด

   “ก็กัสขยับยุกยิกทำไมครับ ไม่ยอมนอน”

   “ก็กัสนอนไม่หลับ...” ผมตอบกลับไปเสียงอ่อย

   “แปลกที่?”

   “หึ! กัสหิว!!”

   “ฮะ!!!!!!!” ผมมองไม่เห็นหน้าหมอหรอกเพราะมันมืด แต่คิดว่าพี่แกต้องเหวอมากแน่ๆ

   หมอคงลืมไปว่าหมอแวะไปหาผมที่โรงพยาบาล แล้วผมก็(หนี)ตามหมอกลับมา แล้วอยู่ดีๆ หมอก็.... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) จากนั้นหมอก็จูบราตรีสวัสดิ์ส่งซูกัสเข้านอนเลย

   โอเค... หมออาจจะอิ่มอกอิ่มใจจนไม่หิวข้าวหิวปลา ถึงผมไม่ค่อยได้ทำอะไรแต่เสียพลังงานไปตั้งสองน้ำ! กัสจะหิวน่ะมันผิดตรงไหนเหรอ? แล้วยังมีหน้ามาหาว่าคนอื่นเค้ายั่วอีก ตัวเองหื่นเองก็บอก!

   “งั้นรอนี่นะ เดี๋ยวหมอมา...” คุณหมอลุกขึ้นจากเตียงอย่างกระตือรือร้น เดินออกจากห้องไปทั้งๆ ที่ไฟยังดับสนิท

   และแล้วไม่ถึงสิบนาทีหมอก็กลับมาเปิดไฟในห้องจนสว่างจ้าเห็นถาดในมือเสิร์ฟให้ถึงเตียง ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอนที่พลิกไปพลิกมาอยู่ครู่ใหญ่เพราะความหิวจัด ชะโงกหน้าไปดูอย่างสนใจ

   โจ๊ก.... คิดว่าเป็นโจ๊กสำเร็จแต่ใส่ไข่ด้วย

   “ทานของย่อยง่ายๆ แล้วกันนะ ในครัวไม่ค่อยมีอะไรเลยไม่ครบห้าหมู่ ขอโทษด้วย” หือ... นักโภชนาการมาเอง

   แต่หิวขนาดนี้ใครจะสน ต่อให้ต้มมาม่าให้ กัสก็กินหมดอ่ะ!

   “ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบ ยื่นมือจะรับชามโจ๊ก แต่คุณหมอยึดชามไว้ใช้ช้อนตักโจ๊กขึ้นเป่าแล้วป้อนให้ถึงปาก

   อ้ำ.....

   “จืดๆ นะครับ หมอไม่ปรุงให้กัสหน่อยเหรอ?”

   “ทานรสจัดมากไม่ดีหรอก ยิ่งถ้าลดน้ำหนักอยู่ล่ะก็งดเค็มได้ยิ่งดีเลย ทานมากร่างกายจะสะสมน้ำ”

   “หมอหาว่ากัสอ้วน?”

   “เปล่าซะหน่อย แค่พูดถึงเฉยๆ” หมอตอบยิ้มๆ ยื่นช้อนมาจ่อที่ปาก ผมกินโจ๊กนั่นอีกคำเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจแล้วรีบยื่นมือไปคว้าชามไว้ในมือแทน

   “ผมกินเองดีกว่า กว่าหมอจะป้อนแต่ละคำ... แล้วหมอไม่กินเหรอ?”

   “หึ แอปเปิ้ลลูกเดียวก็อิ่มแล้ว” หมอหยิบแอ๊ปเปิ้ลในถาดขึ้นมากัดกร้วม

   “ไม่เห็นครบห้าหมู่เลย...” ผมบ่นบ้าง

   “ก็มันชินน่ะ หมอไม่ค่อยทานข้าวเย็นหรอก กลับมาก็เหนื่อยแล้วอยากนอนมากกว่าเลยกินรองท้องแค่นั้น เรื่องปกติของหมอนั่นแหละ ดูแลตักเตือนคนอื่นไปทั่ว แต่ตัวหมอเองบางครั้งไม่ได้รักษาสุขภาพสุดๆ อย่างที่คนอื่นคิด ความจริงอาชีพหมอมีอายุเฉลี่ยสั้นที่สุดเลยรู้ไหม?”

   “ฮ้า จริงเหรอ?” ผมถามอย่างตกใจ

   “ไม่แน่ใจตัวเลขนะ น่าจะน้อยกว่าอายุเฉลี่ยคนไทย 5-10ปี มั้ง” โห ทำไมเยอะจัง...

   “โหย... งี้ไม่ดีนะ ปกติหมอก็อายุมากกว่าผมตั้ง10 ปีแล้ว ถ้าหมอตายก่อนผมตั้งห้าปี เท่ากับผมต้องอยู่คนเดียวตั้ง 15 ปีเลยนะเนี่ย เหงาแย่เลย” ผมเบะหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

   “อายุเฉลี่ยเนี่ย มันคืออายุคนหลายๆ คนรวมกันแล้วเอามาหารนะ ไม่ได้แปลว่าหมอจะตายก่อนซูกัส15 ปีเป๊ะๆ ซะหน่อยนะ” เออ จริงสิ  เช็ดน้ำตาแป๊บ...

   “ไม่รู้แหละ ถ้าหมอส่วนใหญ่อายุสั้นเพราะมัวแต่ดูแลคนไข้จนไม่มีเวลาดูแลตัวเองล่ะก็ กัสจะดูแลหมอเองนะ โอเคไหม?”

   “หือ? ดูแลยังไง”

   “อะเอ่อ... ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยากดูแลหมอเฉยๆ ทำยังไงก็ได้ ให้หมออยู่กับกัสไปนานๆ ” แปลกจัง คนที่เจอกันแค่สองเดือนเนี่ยทำให้เรารู้สึกอยากอยู่กับคนๆ นี้ไปทั้งชีวิตได้เลยเหรอ...

   “ขอบใจนะซูกัส ขอบใจ” แล้วหมอว่านก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่มองแล้วแสนอ่อนโยน เขายกมือลูบหัวผมเบาๆ “ถ้าคนอย่างกัสเรียกว่านิสัยไม่ดี โลกนี้ก็คงมีแต่คนเลวแล้วล่ะ”

   ไม่จริงซะหน่อย... ผมไม่ได้เป็นคนดีหรอก

   แต่...ผมแค่รักหมอ
   


   ผมขดตัวอยู่ในผ้าห่มจนสาย ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรหักโหมมากนัก เสื้อผ้าก็ครบถ้วนดีแต่ตอนตื่นกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อไม่สบายตัวเท่าไรนัก เหมือนไข้จะขึ้น ผมลืมตาขึ้นพบว่าหมอยื่นยัดบางอย่างใส่ปาก...

   เอ๊ะ! นี่ทำใครคิดลึกหรือเปล่า? ได้ข่าวว่าคือปรอทวัดไข้...

   “มีไข้จริงๆ นะเนี่ยถึงจะไม่สูงก็เถอะ อุตส่าห์ระวังแล้วแท้ๆ” หมอบ่นงุ้งงิ้งแล้วเดินหายไป กลับมาอีกทีพร้อมผ้าผืนเล็กและอ่างน้ำเช็ดตัวให้ผมอีก ให้ตายสิ! เมื่อวานเพิ่งบอกว่าจะดูแลหมอแท้ๆ เลยทำไมกลายเป็นว่าถูกหมอดูแลอีกแล้วล่ะเนี่ย   

   “หมอไม่ไปทำงานเหรอครับ” ผมถามเสียงอ่อยระหว่างยื่นเขนให้หมอเช็ดตัวให้อย่างว่าง่าย

   “ไปสิ แต่คงเข้าช้าหน่อย โทรไปบอกให้หมอคนอื่นราวด์เช้าแทนให้แล้ว กัสล่ะ ไปเรียนไหวไหม?”

   “เอ่อ...จากสภาพนี้ กัสว่ากัสโดดดีกว่า” วันนี้วันศุกร์พอดี พักยาวสามวันไปเลย ขืนไปทั้งๆ แบบนี้คงได้โดนแม็กม่าซักจนขาวแน่นอนว่าไป “แรด” ที่ไหนมา...

   “ไว้หมอจะเขียนใบรับรองแพทย์ให้นะ” โอ้... รู้สึกเหมือนมีคนสนับสนุนให้ซูกัสสามารถโดดเรียนอย่างถูกต้อง!

   “ไม่ต้องหรอกหมอ ปกติกัสไม่ได้โดดบ่อยๆ ขาดแค่วันเดียวคงไม่มีผลอะไรหรอก” วันนึงเรียนตั้งหลายวิชาผมไม่รู้ด้วยว่าจะเอาใบลาไปยื่นใครอาจารย์คนไหน

   “หมอขอโทษนะ กัสเจ็บมากไหม?” หมอถาม ในน้ำเสียงมีแววรู้สึกผิดเด่นชัด

   “หมอจะขอโทษทำไมล่ะ ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ชอบ” พูดจบแล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแม็กม่าด่าด้วยคำเดิมแบบรัวๆ แร่ดๆๆๆๆๆๆ

   “หึ! ก็ได้ งั้นเปลี่ยนจากขอโทษเป็นขอบใจแทนแล้วกัน เมื่อวาน...หมอมีความสุขมากจริงๆ” หมอบอกยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างเอ็นดู รอยยิ้มของหมอเวลาที่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้... กร๊าวใจซูกัสมากจริง! ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยายามหดคอให้สั้นลงอีกแล้วพยายามมุดตัวจมหายลงไปในผ้าห่ม...



   
   วันนี้ทั้งวันผมขลุกตัวอยู่แต่บ้านหมอ ทำให้หมอไปโรงพยาบาลสายเพราะต้องดูแลหาข้าวปลา เช็ดตัวและอื่นๆ เป็นนาน บ่ายๆ หมอก็กลับมาดูอาการคนไข้ส่วนตัวอีกครั้ง ทำเอาผมรู้สึกผิดเลยทีเดียวที่ทำให้ต้องวุ่นวายไปๆ มาๆ แบบนั้น พอผมเอ่ยปากขอโทษขึ้นมา หมอก็ยิ้มตามแบบของหมอแล้วตอบกลับมาว่า

   “ซูกัสเป็นคนไข้ที่หมอดูแลแล้วมีความสุขมากที่สุดเลยนะ และก็คิดอยู่ว่าต่อให้ไม่ป่วยไข้ก็อยากดูแลซูกัสไปตลอดตราบเท่าที่ตัวเองจะอยู่ได้ เฮ้อ... นี่เพิ่งเข้าใจจิตใจพวกตาแก่มีเมียเด็กตอนนี้นี่แหละ ขนาดจะตายก็ห่วงเมีย”

   “โห เปรียบซะ!! หมอไม่ได้แก่หงำขนาดนั้นสักหน่อย”

   “แต่จริงๆ นะ ถ้ามีช่วงเวลาที่เราต้องจากไปไหนไกลๆ หมอก็กลัวนะว่าจะไม่มีคนอยู่ดูแลซูกัสน่ะ จนอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้ามีลูกได้ก็คงดีเนอะ”

   “นั่นสิ มีกันๆ” ผมรีบตอบรับทันทีด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทั้งๆ ที่เดาได้ว่าหมอคงจะตอกกลับมา ว่าด้วยเรื่องที่มาของเด็กต่างต่างนานาอีกมากมาย แต่ครั้งนี้... หมอกลับนิ่งเงียบไปนั่งมองผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า...

   “หมอตัดสินใจแล้วนะกัส ว่าจะลาออกจากโรงพยาบาล” หมอตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบมีรอบยิ้มอ่อนโยนฉาบอยู่ตลอดเวลา

   “อ้าวทำไมล่ะ?”

   “ก็จะได้มีเวลาให้กัสมากขึ้นไง”

   “ถึงกัสจะบ่นบ้าง แต่กัสก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้หมอเลิกเป็นหมอซะหน่อยนะ”

   “ไม่ได้เลิกเป็นหมอหรอก แต่ว่าจะเรียนต่อเฉพาะทางต่อยอดน่ะ แต่สำหรับหมอถึงจะเรียนก็ไม่เหมือนเรียนหรอก คล้ายๆ ย้ายที่ทำงานมากกว่า”

   “30 แล้วยังจะเรียนอีกเหรอ?”

   “อายุปกติต่างหาก กว่าจะจบแพทย์เป็นหมอทั่วไปก็ 24 ใช้ทุนอีก 3ปี ก็ 27 เฉพาะทาง 3 ปี ก็30 ถึงจะต่อเฉพาะทางต่อยอดได้” โห อะไรจะเรียนเยอะขนาดนั้น!

   “อ้อ... เรียนเยอะขนาดนี้นี่เองถึงว่าไปโรงพยาบาลทีไรได้เจอแต่หมอหน้าแก่ๆ” ยกเว้นพี่หมอว่านคนเดียว แลหน้าเด็กกว่ารุ่นพี่วิศวที่ม.ซูกัสจมเลย!

   “หมอจบใหม่ก็เยอะนะ แต่อาจจะจับฉลากไปอยู่กันแต่ไกลๆ จะว่าไปรวยๆ อย่างซูกัสนี่ ที่จริงถ้าไม่สบายน่าจะไปโรงพยาบาลเอกชนมากกว่าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาโรงพยาบาลที่หมออยู่ได้ล่ะ?”

   “เอ่อ...ที่จริง... โรงพยาบาลหมอแค่อยู่ใกล้ม.กัสแค่นั้นเอง กัสไม่รู้หรอกว่ามันของรัฐหรือเอกชน แต่อยู่ดีๆ ก็มาเจอหมอเฉยเลย กัสว่านี่มันพรหมลิขิตชัดๆ หมอทำให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่แบบ...ต่อให้ไม่ป่วยก็อยากมา”

   “แต่สิ่งที่กัสทำอ่ะ ทั้งมาหาหมอแล้วคุยเรื่องประหลาดๆ หรือแอบสะกดรอยตามคนอื่นแบบนี้น่ะ พฤติกรรมคนโรคจิตทั้งนั้นเลยรู้ไหม?”

   “แต่ตอนนั้นกัสอยากมีลูกจริงๆ นะ”

   “ถามจริงๆ นะซูกัส ถ้าสมมุติว่าพี่สาวกัสหายแล้วอ่ะ กัสจะยังอยากมีลูกอยู่อีกไหม?”

   “หมอจะถามทำไมล่ะ ถึงกัสจะอยากมี หมอก็บอกเองว่าหมอทำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”

   “ใช่.. ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้ แต่หมอเชื่อนะว่าสักวันต้องเกิดขึ้นได้ วิวัฒนาการทางการแพทย์น่ะก้าวหน้าเร็วมาก ที่จริงแล้วตอนนี้ที่สวีเดนมีการปลูกถ่ายมดลูกให้ผู้หญิงที่ไม่มีมดลูกแต่รังไข่ทำงานปกติ แพทย์ได้ทำเด็กในหลอดแก้วฝังลงไปจนเธอตั้งครรภ์ได้ คลอดเป็นลูกชายด้วยนะ แถมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลในสหรัฐก็กำลังคิดค้นครรภ์เทียมที่สามารถอุ้มท้องในเพศชายได้อีก เอ่อ...ถึงตอนนี้จะทำสำเร็จแค่ในหนูก็เถอะ แต่ไม่แน่วันดีคืนดีอาจจะสำเร็จในคนก็ได้จริงไหม? หมอเลยอยากถามล่วงหน้า ถ้าวันนั้นมาถึง... กัสอยากมีลูกกับหมอไหม?”

    อะไรของหมอเนี่ย ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ที่เถียงว่าทำไม่ได้มาตลอด บทหมอบอกว่าจะทำได้ก็ยกข้ออ้างมาซะยาวเป็นพรืดขนาดนี้เลยเหรอ

   “ถ้าสำเร็จก็ดีนะครับ ถึงอนาคตพี่ดี้จะหายแล้ว ผมก็อยากมีลูกกับหมอนะ”

   “อาจจะอีกสิบหรือยี่สิบปี ถึงตอนนั้นกัสจะรอได้ไหม?”

   “ได้สิครับ ถ้ากัสยังอุ้มท้องไหว นานแค่ไหนก็จะรอ”



++++++++++


   5 เดือนต่อมา... โรงพยาบาลจิตเวช

   “กัสไม่อยู่ตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ... พี่ดี้คิดถึงกัสไหม?” ผมถามพร้อมก้มตัวลงกอดร่างพี่แคนดี้ไว้จากด้านหลัง พี่แคนดี้ซึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งยาวแบบมีพนักหันหน้ามามองผมด้วยแววตาสดใสและรอยยิ้มที่แสดงออกว่าดีใจเหมือนคนปกติ แต่กลับไม่ยอมพูดอะไร ผมปล่อยกอดแล้วขยับไปนั่งข้างๆ

   “กัสซื้อช็อกโกแล็ตมาฝากพี่ด้วยนะ” ผมบอกเปิดถุงที่ถือมาดึงกล่องช็อกโกแล็ตขึ้นมา

   “กว่ากัสจะอ้อนหมอให้พาไปญี่ปุ่นได้ต้องรอเกือบครึ่งปี แต่พอได้ไปจริงๆ ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรกลับมา จะให้เลือกพวกเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง กัสก็เลือกไม่ค่อยถูก เลยได้แค่ของกิน ถ้าพี่ดี้ไปด้วยก็คงดีเนอะ” ผมหันไปมองหน้าพี่ซึ่งจ้องมองกลับมาเงียบๆ ทำไมนะ รู้สึกเหมือนแววตาที่มองกลับมาถึงอ่อนโยนเหมือนพี่แคนดี้คนเก่ามากเหลือเกิน

   “กัสอยากให้พี่แคนดี้หายไวๆ จัง จะได้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน กัสอยากแนะนำหมอให้พี่แคนดี้รู้จัก กัสอยาก...ฮึก... ให้คนที่กัสรักสองคนรู้จักกัน...ฟืด” ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

   อีกแล้วสิ! มาทีไรก็พูดแต่แบบนี้! แล้วก็บ่อน้ำตาแตกมันทุกรอบเลย ฮือ... ผมก้มหน้าใช้หลังมือทั้งสองปาดน้ำตาออกเหมือนเด็ก แต่ก็ไม่ยอมหยุดสะอื้นง่ายๆ แล้วระหว่างที่นั่งร้องได้เป็นเด็กขี้แยอยู่นั้นเอง พี่แคนดี้ก็ยื่นมือมาแตะที่ไหล่เบาๆ เหมือนจะปลอบ

   “ไม่เอาสิซูกัส... ร้องไห้แล้วไม่น่าดูเลย...” ผมเงยหน้าขึ้นเบิกตากว่างเพ่งดูใบหน้าพี่สาว หัวเต้นรัวด้วยความดีใจและตื่นเต้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้อีกครั้ง

   “พี่แคนดี้?” นี่อย่าบอกนะว่า... พี่แคนดี้...หายดีแล้วจริงอ่ะ ฮือ...

   พี่จ๋า.... ผมรีบโผเข้ากอดพี่ไว้ทันทีเหมือนลุกเล็กๆ อ้อนคุณแม่ทีเดียว

   “พี่คิดถึงกัสจัง” พี่แคนดี้บอกเอามือลูบหลังผมเบาๆ “รอตั้งหลายวันแน่ะว่าเมื่อไรกัสจะมา ที่แท้หนีไปเที่ยวกับแฟนมานี่เองก็เลยลืมพี่”

   พี่แคนดี้บอกผลักผมออกจากอ้อมกอดแล้วขยับตัวหนี เบะหน้างอนซะเฉยๆ

   อะไรอ่ะ!!! ที่จริงกัสก็รู้หรอกนะว่าพี่อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่พอถามหมอ หมอก็ยังบอกว่าขอดูอาการอีกหน่อย กัสก็ไปเที่ยวอค่อาทิตย์เดียวเอง แล้วพี่ดันมาหายเอาตอนกัสหายไปเที่ยวมาเนี่ยนะ!

   “ไม่ใช่อย่างงั้นนะ!!! กัสไม่ได้ลืม...แต่กัสไม่รู้นี่ว่าพี่จะหายตอนนี้” ผมรีบแก้ตัวทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนกลัวว่าพี่สาวจะโกรธ

   “พี่ล้อเล่นน่ะ เห็นกัสมีความสุขพี่ก็ดีใจแล้ว... กลับบ้านกันนะกัส” ผมพยักรับยิ้มทั้งน้ำตา

   “แต่ก่อนที่เราจะกลับบ้าน... ให้กัสแนะนำคนๆ นึงให้พี่รู้จักก่อนนะครับ”



+++++++++++++


**แก้คำผิดให้แล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ

+++++

บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เรื่องนี้ท้องแบบ วิทยาศาสตร์นะคะ ดังนั้นที่ซูกัส ไม่ท้องไม่ใช่เพราะ เชื้อหมอไม่แรง แต่เป็นเพราะ...



หมอใส่ถุงยางคับ!  :hao7:

(ไม่ใช่ละ55)



ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เย้ มีแต่เรื่องดีๆนะคะ หลังจากรักกัน ดีใจ  :katai3: 

รอค่ะ  :L2: 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด