พิมพ์หน้านี้ - ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-01-2016 04:06:18

หัวข้อ: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-01-2016 04:06:18
อ้างถึง


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

นิยายของนิที่ลงไว้ที่ เล้านะคะ.... :o8: :impress2:
จบแล้วทุกเรื่องค่ะ
!พี่คะ รับกะเทยทานเพิ่มไหมคะ!  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24654.new) ฐา-โต้ง :m20:
 ...กู “รับ”  ไม่ได้... (ถ้าไม่ได้รัก)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=22465.0)  กิ๊ง-กันย์ :-[
+ ผมถูก My Fanclub~~จับกด!!XX+     (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25704.new) ตุลย์-ปอนด์ :m25:
ติดตามข่าวสารรวมเล่มและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
ฝากเพจ (https://www.facebook.com/Bunnypoundbread)



แจ้งข่าว*

เปิดจอง  MPREG SET  BY ๛NaaribuS๛   


ID ซื้อขาย    [TBL-081-588]


(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-0/q81/s526x395/13321714_1214424025255075_3195503837347426919_n.jpg?oh=e5e797787a5281f8542e69a9ccd3e5fa&oe=57D6F2C3)

          รายละเอียดหนังสือแบบคร่าวๆ

   1. หมอครับ... ผมอยากมีลูก
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ +- 200  หน้า
   2. คุณแม่รับจ้าง
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ  +-300 หน้า
   3. แม่ของผมเป็นผู้ชาย
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ +-100หน้า


(1 มิถุนายน 2559 - 30 กรกฎาคม 2559)

* ปกหมอครับ
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/13316950_1214424101921734_3890668633101251740_o.jpg)

** ของแถมรอบจอง
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13344499_1214424275255050_338885540807499479_n.jpg?oh=959e37ef4f7bff562da350352f692cfd&oe=57CEE4BE)
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-01-2016 04:09:50

(https://scontent.fbkk6-1.fna.fbcdn.net/hphotos-xtp1/v/t1.0-9/12744171_1137360116294800_8544368708160519032_n.jpg?oh=cfefa4bf766acfe564dc95c8a006c8ac&oe=576A52F7)

บทนำ
 
   คนโบราณน่ะเขาเป็นพวกกลัวหมอ กลัวโรงพยาบาล ถ้าไม่ใกล้ตายแล้วล่ะก็ไม่ยอมไป...


   แต่คนสมัยนี้น่ะเขาเป็นพวกกลัวตาย! รักสุขภาพไม่ว่าปัญหาเหล่านั้นจะเล็กน้อยแค่ไหน คนก็ชอบไปหาหมอ...


   หมอก็ไม่ว่าอะไร... จะป่วยจะไข้ หมอก็ยินดีรักษา แต่บางปัญหา หมอก็ไม่ค่อยเข้าใจ...


    เคสที่ 1


   “หมอคะ คือเมื่อวานหนูมีอะไรกับแฟนอ่ะค่ะ แล้วหนูก็เผลอกลืนน้ำของเค้าเข้าไป หมอ...นี่หนูจะท้องไหมคะ?”
   “ฮะ?”
    เคสนี้... ทำให้รู้เลยว่าวิชาเพศศึกษาของประเทศนี้เข้าขั้นวิกฤติ!

    เคสที่ 2

   “เป็นอะไรครับ?” หมอเอ่ยถามคนไข้ชายหน้าตาดีและแผ่รังสีบางอย่างออกมา...

   “เป็นแฟนหมอได้ไหมครับ” คำตอบพร้อมรอยยิ้มทำให้อดนึกในใจไม่ได้ว่า... กูว่าแล้ว!!

   “อะไรนะครับ?” หมอถามพลางหรี่ตาใส่เป็นเชิงดุ นี่เห็นหมอเป็นเพื่อนเล่นหรือไงกัน?

   “ล้อเล่นครับ...” เขารีบบอกพร้อมรอยยิ้มสำนึก แล้วพูดต่อ “คือ.... ไอ้หนูของผมมันไม่ได้เรื่องเลย มันชอบอ่อนยวบในระหว่างกำลังอย่างว่าทุกทีเลย”

   ปัญหาหนักขนาดนี้ยังมีหน้ามาจีบหมออีกเหรอครับ?

   “อ่า...เหรอครับ...”

   “ให้ผมทำให้ดูตอนนี้เลยไหมครับ หมอจะได้เข้าใจ”

   “ไม่ต้องครับ หมอเข้าใจ!!!”

   อะไรที่ตอบได้หมอก็จะตอบนะครับ... ถึงใจหมอจะคิดว่าวันนี้คงเป็นวันวิปโยคของหมอก็เถอะ!!



   เคสต่อมา...ทำไมคนไข้หน้าคุ้นจังครับนั่น!

   “ว่าไงครับ...”

   “คืออยากจะบอกหมอมากเลยว่า เพื่อนสนิทหมอกำลังจะแต่งงานคืนนี้... แล้วก็ถ้าเกิดว่าหมอไม่ไปเนี่ย คือหมอจะโดนกูเตะนะหมอนะ...” ทำไมต้องเตะหมอด้วยล่ะ?

   “อีกสองชั่วโมงหมอก็จะเลิกงานแล้ว ได้ไปแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ตลอดงานหรือเปล่านะ เผื่อมีเคสฉุกเฉิน ว่าแต่ทำไมไม่โทรมาวะ แค่มาเตือนเนี่ยถึงกับต้องถ่อมาต่อคิวเองเลยเหรอ อิฐ”

   “ทางผ่านน่ะ กำลังจะไปรับดาลิ้งไปงานด้วย แล้วก็ระดับนี้แล้วใครจะต่อคิว ติดสินบนพยาบาลหน้าห้องเอาก็ได้”

   “อ้อ....” ไอ้เลว!

   “แล้วเจอกันที่งานนะ” เขาบอก หมอพยักหน้าและโบกมือด้วยใบหน้านิ่งๆ


    เคสสุดท้าย... (ที่มีปัญหา)

   หมอหันไปมองผู้ชายตัวเล็ก หน้าขาว ตากลมโต พร้อมรอยยิ้มที่มุ่งมั่นเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงที่เก้าอี้

   อืม... นี่มันเคะในตำนานชัดๆ !!

   “จะปรึกษาเรื่องอะไรครับ?”

   “หมอครับ... ผมอยากมีลูกอ่ะ” หมอเลิกคิ้วนิดหนึ่งพลางคิดในใจว่าหน้าตาคนไข้ไม่เหมาะเป็นพ่อพันธ์ุเลยจริงๆ

   “อ้อครับ แล้วมีอะไรให้หมอช่วยครับ หรือว่าคุณกับแฟนมีปัญหามีลูกยาก” ตามหน้าที่ก็ต้องถามต่อ

   “ประเด็นคือผมยังไม่มีแฟนน่ะสิหมอ” แล้วไงล่ะ?

   “อืม... งั้นหมอขอแนะนำให้มีซะนะครับ”

   “แล้วต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยใช่ไหมครับ?”

   “ครับ ถ้ามีแฟนเป็นผู้ชายจะมีลูกไม่ได้นะครับ”

   “แต่... ผมไม่ชอบผู้หญิงนี่ครับ หมอทำให้ผู้ชายท้องแทนได้ไหม?”

   “!!!!!”

   หมอว่า.... วันนี้เป็นวันวิปโยคของหมอจริงๆ ด้วย!   :ling2:




หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 31-01-2016 04:12:16
น่าสนใจนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-01-2016 04:15:57
-1-

   หลังจากชะลอรถเพื่อหาสถานที่จัดงานแต่งงานอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็เจอเสียที โรงแรมนี้แหละมั้งที่จัดงานแต่งงานของไอ้พิวัฒน์ หมอหักพวงมาลัยรถเก๋งเลี้ยวเข้าไปในบริเวณโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง

   โชคดีจริงๆ ที่มาถึงโดยไม่หลงทาง! นานแสนนานแล้วที่หมอไม่ได้ขับรถออกไปไหนไกลขนาดนี้ วันๆ วนเวียนอยู่แค่บ้าน โรงพยาบาล และคลินิก แค่นั้นก็แทบจะไม่มีเวลานอนแล้ว นับประสาอะไรกับงานบวชงานแต่งของเพื่อน

   “ให้ตายสิหมอ! นึกกว่าจะมาไม่ได้ซะแล้ว!!” เสียงเจ้าบ่าวสุดหล่อร้องทักทันทีที่เจอหน้า ทำให้รอยยิ้มของหมอกร่อยลงทีละน้อยระหว่างเดินไปหาแล้วยื่นกล่องของขวัญให้เพื่อนหน้าห้องจัดเลี้ยง

   “รู้หรอกน่า ว่าไม่ค่อยมีเวลาพอจะไปสังสรรค์ได้บ่อยๆ แต่ก็อย่าทักแบบแทงใจดำขนาดนั้นได้ไหม?”

   “รู้ไงว่าหมอยุ่ง ถึงจะมาไม่ได้ เพื่อนก็ไม่โกรธหรอก”

   “ขอบใจที่เข้าใจ โชคดีหน่อยที่นายแต่งงานช้านะ ถ้าแต่งตอนเอกเทิร์นก็คงมาไม่ได้จริงๆ อ่ะ”

   “สามสิบกันแล้วนะหมอ อยากพักแล้วสร้างครอบครัวซะที ว่าแต่หมอเถอะ อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ?”

   “วันๆ อยู่แต่ที่โรงพยาบาล เอาเวลาที่ไหนหาแฟน”

   “ถ้าไม่ได้ไปไหนก็จีบพยาบาลไม่ก็คนไข้สิ ง่ายดี!”

   หมอยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร พูดมันก็เหมือนง่าย แต่ปัญหาคือ มีแฟนแล้วจะหาเวลาที่ไหนให้แฟนต่างหากล่ะ

   หมอเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างๆ อิฐ เพื่อนสนิทอีกคนที่เพิ่งไปตามหมอที่โรงพยาบาลเมื่อครู่นี้ ที่นั่งข้างๆ อิฐมีชายหนุ่มหน้าขาวคนรักของเขานั่งจิบเครื่องดื่มเงียบๆ ไม่สนใจแขนยาวของอิฐที่โอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของนั้นเลย

   “เป็นไงบ้างหมอ ไม่เจอกันนานเลยนะ”

   หมอหันไปยิ้มให้เพื่อนคนอื่นๆ ในโต๊ะ อยากจะขอโทษจริงๆ ที่ไม่ว่างมาให้เจอ แต่ถ้าในครอบครัวของใครมีหมอก็คงเข้าใจว่าตารางชีวิตของหมอไม่ได้ว่างมากขนาดนั้น

   บางครั้ง ถ้าอยากจะเจอหมอ อาจจะต้องไปหาที่โรงพยาบาล

   ซึ่งปกติจะไม่ค่อยมีคนว่างมากขนาดนั้นเช่นกัน ยกเว้น... อิฐ




   หมอเผลอเอานิ้วเคาะโต๊ะทำงานเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองเมื่อเห็นคนไข้ “หน้าเดิม” เดินเข้าห้องตรวจอีกครั้งในตอนบ่ายวันต่อมา

   “วันนี้ เป็นอะไรมาครับ” หมอถามเรียบๆ ในใจพยายามคิดไปในแง่ดีว่า คนไข้อาจจะมีโรคอื่นต้องปรึกษาไม่ใช่โรคเดิม ซึ่งเป็นอีกครั้งที่หมอเดาผิด!   

   “ผู้ชายท้องไม่ได้จริงเหรอครับ?” คนไข้ถามซ้ำอย่างจริงจัง

   “ใช่ครับ” และหมอก็ตอบอย่างจริงจังเหมือนกัน

   “มันต้องมีทางสิ แล้วทำไมทีผู้หญิงยังท้องได้ล่ะ?”

   “อย่าให้หมอต้องอธิบาย “how a baby is made” เลยนะ มันจะยาวไป เอาเป็นว่าอย่าเถียงหมอดีกว่าครับ หมอรู้ หมอเรียนมา” หมอเห็นคนไข้ก้มหน้าสลดลงก็เข้าใจว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่หมอพูดแล้วล่ะ เลยคิดว่าคงจะจบการรักษาได้สักที

   “หมอคงช่วยอะไรคุณไม่ได้อ่ะครับ ขอโทษด้วยนะ”

   แต่ที่ไหนได้เขากลับลุกพรวดพราดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วส่งสายตาเขียวมายังหมอ

   “ผมไม่เชื่อว่าหมอทำไม่ได้ ความจริงหมอทำได้ แต่ไม่อยากทำมากกว่า!”

   “ฮะ!”

   “ผมไม่ยอมแพ้หรอก แล้วผมจะมาอีก” กล่าวก่อนจะสะบัดหน้าพรืดเดินไปที่ประตูห้อง

   คำพูดทิ้งท้ายของคนไข้ทำเอาหมอถึงกับเหวอ 

   อยากรู้จริงๆ ว่าเค้าไปเอามั่นใจแบบนี้มาจากไหน?



   หมอเดินหมุนคอไล่ความเมื่อยขบขณะเดินออกจากโรงพยาบาลตอนสามทุ่มกว่า บ้านหมออยู่ไม่ไกลมากครับ ปั่นจักรยาน 5 นาทีก็ถึงทางเข้าหมู่บ้านของหมอแล้ว ถนนในหมู่บ้านกว้างขวางมีแสงสว่างตลอดทางแต่เงียบ ดังนั้นเมื่อมีเสียงรถขับตามมาจึงทำให้เป็นที่สังเกต

   หมอไขกุญแจรั้วบ้านขณะที่รถ 5 ประตูคันหนึ่งจอดติดเครื่องอยู่ห่างๆ และเมื่อเดินเข้าบ้านก็เหลือบเห็นร่างหนึ่งเดินลับๆ ล่อๆ วนอยู่หน้าบ้าน หมอขมวดคิ้วอย่างสงสัยเปลี่ยนใจจากเดินเข้าบ้านเป็นย้อนกลับมาที่ประตูรั้ว มองลอดผ่านออกไปเจอหน้าคนที่ไม่ควรเจออีกครั้ง   

   “ตามมาทำไม เป็นสโตกเกอร์เหรอไง” หมอถามอย่างข้องใจ ไปยังบุคคลน่าสงสัยที่ยืนยิ้มแหยอยู่หน้าบ้าน

   “แหะๆ” เสียงหัวเราะแก้เก้อของคนโรคจิตทำให้หมอถอนใจยาวอย่างระอา

   “เอ่อ... นี่บ้านหมอเหรอครับ” คนถูกถามเปลี่ยนเรื่องซะเฉยๆ

   “ใช่”

   “ทำไมมืดจัง อยู่คนเดียวเหรอครับ”

   “ใช่ อยู่คนเดียว” หมอเริ่มทำเสียงแข็งเป็นเชิงว่ารำคาญมากแล้ว

   “เอ่อ....”

   “กลับบ้านไปซะ หมอจะเข้าบ้านแล้ว”

   “หมอครับ คือผม...”

   “นี่... รู้ไหมว่าหมอเนี่ยต้องทำงานวันละกี่ชั่วโมง ไม่ใช่ทุกวันหรอกนะที่หมอจะเลิกงานเร็ว และไม่แน่วันที่หมอเลิกงานเร็ว อาจจะมีคนโทรตามอีกก็ได้ เพราะฉะนั้น เวลาที่หมอกลับบ้าน แสดงว่าหมอต้องการพักผ่อนจริงๆ”

   ทีแรกก็ไม่อยากจะพูดมากแบบนี้หรอกนะ แต่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ ทำงานมาตั้งนานเพิ่งเจอคนไข้ช่างตื๊อ พูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้ก็วันนี้แหละ

   “นี่ครับ....” เขาก้มหน้าแล้วยื่นถุงบางอย่างมาข้างหน้า ทำเอาหมอผงะ

   “อะไร?”

   “ผมซื้อมาฝากน่ะ เห็นหมอกลับดึกเลยกลัวว่าหมอจะหิว” เขาตอบไม่เต็มเสียงนัก

   เฮ้อ...เอากับเขาสิ

   “ขอโทษที่รบกวนนะครับ” เสียงหงอยๆ และใบหน้าเศร้านั่นทำให้หมอรู้สึกแย่นิดหน่อยที่มองเขาในแง่ร้าย ความจริงก็ลำบากใจแต่ถ้าไล่กลับไปทันทีก็คงดูใจดำมากไปหน่อย

   “เข้ามาก่อนก็ได้”

   อีกฝ่ายเงยหน้าแล้วยิ้มปากจะแตก ราวกับถูกรางวัลลอตเตอร์รี่! หมอส่ายหน้าแล้วเปิดประตูให้เขาตามเข้ามา

   แก๊ก เพียงดีดสวิตซ์ควบคุมวงจรไฟฟ้าตำแหน่งเดียว ไฟก็สว่างไสวไปทั่วทั้งบ้าน

   หมอเดินนำคนไข้เดินตัดห้องรับแขกไปยังห้องครัวเพื่อจัดการ “ของฟรี” ที่แขกซื้อมาฝาก ระหว่างนั้นคนที่เดินตามมาก็หันซ้ายหันขวามองนั่นมองนี่ไปทั่วอย่างตื่นตาตื่นใจ จนไม่ทันระวังชนเข้ากับแผ่นหลังของหมอที่หยุดกะทันหันเมื่อถึงครัว

   “ขอโทษครับ” เขาบอก แล้วถอยออกห่าง

   “โอวัลตินสักแก้วแล้วกันนะ” หมอบอกแล้วหันไปเสียบกาต้มนำร้อนโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับและใช้เวลาไม่นาน โอวัลตินร้อนๆ ก็วางลงตรงหน้าเด็กหนุ่ม พร้อมๆ กับอาหารค่ำตรงหน้าหมอ

   “กินด้วยกันไหม?” หมอถามตามมารยาทเมื่อจะลงมือทานข้าวผัดอเมริกันนั่น

   “ผมทานมาแล้วครับ หมอกินเถอะ”

   “อือ...” หมอตอบรับแล้วก้มลงตักข้าว

   “หมอโสดเหรอครับ?”

   “ใช่ จะให้เอาเวลาที่ไหนหาแฟน เวลาจะนอนยังไม่มีเลย”

   “หมอไม่มีวันหยุดเลยเหรอ?”

   “หยุดวันพฤหัส”

   “ไปเที่ยวสิครับ”

   “หมอต้องไปคลินิก”

   “อ้าว... ไม่ว่างแล้วเปิดคลินิกให้ลำบากทำไมล่ะครับ”

   “เป็นของครอบครัว เลยไม่อยากปิด”

   “คลินิกหมออยู่ที่ไหนเหรอครับ” คนไข้เริ่มซักประวัติมากกว่าหมอซะอีก ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นส่งสายตาเป็นเชิงดุ แต่ก็เจอรอยยิ้มแหยๆ กลับมา

   “แค่ที่โรงพยาบาลยังกวนไม่พอ จะตามไปกวนที่คลินิกอีกเหรอ?”

   “เป็นหมอ ก็ไม่ควรปฏิเสธคนไข้นะครับ” เหอะ!

   “ถ้าเป็นคนไข้ผู้ชายที่อยากท้องได้เนี่ย หมอสมควรจะส่งไปแผนกจิตเวชนะรู้ไหม?”

   “หมอ!! ผมไม่ได้บ้านะ”

   “เรียกว่าจินตนาการสูงส่งแทนใช่ไหม?”

   “ผมเห็นพาดหัวข่าวเรื่องผู้ชายท้องได้เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ทำไมหมอต้องโกหกว่ามันเป็นไปไม่ได้ด้วยล่ะ?”

   คนไทยอ่านหนังสือไม่เกินปีละเจ็ดบรรทัดนี่คงจริงสินะ!

   “ที่อ่านมานั่นน่ะ อ่านแค่พาดหัวข่าวเท่านั้นใช่ไหม ไม่ได้อ่านรายละเอียด?”

   “ทำไมล่ะครับ”

   “ก็ผู้ชายในข่าวน่ะไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ เป็นแค่ผู้หญิงที่แปลงเพศเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง”

   “แล้วไงล่ะครับ ถ้าแปลงเพศแล้ว สุดท้ายก็คือผู้ชายอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”

   “ยังไงก็ไม่เหมือน ตรงที่เค้าไม่ได้ผ่าเอามดลูกออก สรุปว่าไม่ใช่ชายแท้อยู่ดี พอจะเข้าใจที่หมอพูดไหม?”

   “.....” เขาเงียบ ทำท่าคิดตาม

   เฮ้อ เด็กหนอเด็ก!

   “ดื่มหมดหรือยัง? รีบกลับดีกว่านะ ดึกแล้วมันอันตราย ต่อให้เป็นผู้ชายแต่ถ้าหน้าตาดี เดี๋ยวนี้ก็ไว้ใจใครไม่ได้หรอกนะ”

   “รวมทั้งหมอด้วยเหรอครับ?” คำถามมีแววหยอกล้อ

   “หึ! อย่าทำให้หมอโดนคดีพรากผู้เยาว์เลยครับ ขอร้อง”

   “ไม่โดนหรอกครับ ผม 19 แล้วนะ” เขาตอบแล้วยิ้มใส่ตา ทำให้หมอเผลอยกมุมปาก

   “นี่เรากำลังให้ท่าหมออยู่นะ รู้หรือเปล่า?” หมอถามกลับ บางครั้งบางคราวหมอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสรุปคนตรงหน้าต้องการอะไรจากหมอกันแน่

   “หมอสน?” ในคำถามมีแววแปลกใจอยู่ในที

   “เวลาอื่นอาจจะสน แต่เวลานี้ หมอง่วงมากกว่า” หมอตอบกลับไปเสียงนิ่งๆ เป็นการตัดบทสนทนา และเด็กหนุ่มตรงหน้าก็เหมือนจะเข้าใจว่าถูกไล่!

   “โอเค งั้นผมกลับแล้วนะ” หมอพยักหน้ารับหน้านิ่งดังเดิม

   “ผมชื่อซูกัส หมอชื่ออะไรเหรอครับ?” คำถามนั้นทำให้หมอชะงัก คุยกันมาตั้งนานแต่หมอไม่ได้นึกถึงการแนะนำตัวเลย

   “ว่าน”

   “ยินดีที่ได้รู้จักครับหมอว่าน วันนี้ผมได้ความรู้อะไรดีๆ จากหมอเยอะเลย ขอบคุณนะครับ” เขายิ้มให้ทั้งปากและตาหันมาบอกอย่างอารมณ์ดี “ไว้วันหลังผมมาหาใหม่นะ”

   “อย่ามาเลย” หมอตอบกลับไปแทบจะทันที

   “อ้าว ทำไมอ่ะครับ?” ซูกัสถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าน้อยใจ

   “ถ้าคราวหน้ามาอีก... ไม่ปล่อยให้กลับง่ายๆ แบบนี้แล้วนะ” หมอบอกด้วยเสียงจริงจังเป็นเชิงขู่ แต่แทนที่คนฟังจะกลัว หมอกลับเห็นซูกัสยิ้มตอบ จนหมอเองกลับเป็นฝ่ายที่กลัวซะเอง

   ไม่เอาดิหมอ!! ห้ามปิ๊งคนไข้นะ



++++++++++


เรื่องนี้จะลงประมาณ1-2 วัน ตอนนะคะ
ความยาวประมาณ15ตอนจบน่าจะได้
MPREG ที่จะเน้นด้านวิทยาศาสตร์+ โรแมนติกนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: DuenTwinBII ที่ 31-01-2016 04:50:52
ปกติไม่อ่านแนวนี้ ชอบที่อิงวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่อยู่ๆโผล่มาเลย
ดูท่าหมอว่านจะเจองานหนักแล้วสินะ เด็กสิบเก้าเคี้ยวกรุบกรอบดีนะหมอ
รอตอนต่อไปฮับบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: PPOO ที่ 31-01-2016 05:25:14
น่ารักมากๆเลยค่ะ
รอๆ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 31-01-2016 07:14:13

ดูเฮฮาปาร์ตี้ดีจัง การดำเนินเรื่องไม่ซีเรียสดีค่ะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-01-2016 08:06:45
เปิดเรื่องก็ฮ่านิดๆๆแล้ว บท 1 มา น้องกัสก็น่ารัก หมอว่านก็เก็กดุ อิอิ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 31-01-2016 10:09:49
หมอจะปิ๊งคนไข้หราาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 31-01-2016 13:26:25
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-01-2016 13:48:53
น้องซูกัสท่าทางจะชอบหมอว่านแล้วนะเนี่ย แต่หมอว่านนี่ยังไงครับ น้องซูกัสไม่เด็กแล้วนะ คริคริ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 31-01-2016 14:12:59
รอติดตาม

ก็ไม่รู้ที่มาหาหมอเนี่ย อยากได้ ลูก หรือว่าอยากได้ หมอ กันแน่จ้ะซูกัสจ๋าา
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 31-01-2016 14:38:57
โอ๊ะ น่ารักดี ชอบๆๆ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-01-2016 14:52:22
หมอออออน่ารักอ่า ซูกัสอย่าไปโรงพยาบาลหรือคลีนิคเลยรบกวนคนไข้ที่เค้าป่วยจริง ๆ นะ แค่แวะเอาข้าวไปให้แล้วมารอหมอที่บ้านดีกว่านะลูก 555
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 31-01-2016 14:59:29
ซูกัสมาอ่อยหมอว่านเหรอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 31-01-2016 15:05:37
หนูซูกัสลูก  หนูท้องไม่ได้ค่ะ เพราะหนูยังไม่มีสามี ขั้นแรก หนูต้องเอาหมอเป็นสามีก่อน    :z1:

เป็นหมอมันเหนื่อย  5555555 #สงสารหมอ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 31-01-2016 15:36:15
ซูกัสยังไม่มีพ่อของลูกเลยค่ะ หมอสนใจไหมคะ?  :oo1: 5555555555
หมอว่านเจอศึกหนักแน่ เด็กอยากได้อยากโดน อิอิ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 31-01-2016 17:54:56
อยากมีลูกทำไงดี
เริ่มจากหาแฟนเป็นหมอก่อนใช่ไหม
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 31-01-2016 18:54:07
-2-

   “ในกรณีที่คู่สามีภรรยาแต่งงานและมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ ในระยะเวลา 1 ปีแล้วไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ถือว่าผิดปกติ ขอแนะนำให้เข้ารับการรักษาปัญหามีบุตรยาก แต่ถ้าในกรณีที่คู่รักชายกับชายมีเพศสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอ ต่อให้ยาวนานถึง 10 ปีแล้วไม่มีลูก หมอถือว่านั่นเป็นเรื่องปกตินะครับ!”

   “นั่นหมอพูดอะไรน่ะ ผมยังซิงอยู่นะ” ซูกัสขมวดคิ้วชี้แจง หมอปรายตามองคนไข้แล้วพยายามกลั้นยิ้มเพื่อรักษามาดให้ขรึมดังเดิม   

   “ถ้านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไข้ฟุ้งซ่าน หมอขอแนะนำให้หาซะนะ จะได้หมดความคิดเรื่องประหลาดๆ ซะที”

   “โธ่ นี่ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ หมอรู้ได้ไงว่าผมจะมาปรึกษาเรื่องอะไรอ่ะ”

   “ขอโทษนะครับ นี่เป็นคลินิกสูติ-นรีเวช ไม่รับปรึกษาปัญหาไร้สาระอื่นๆ”

   “แต่ผมมีเงินจ่ายนะ!!!” มนุษย์คนไข้เริ่มวีนสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้หมอเหลือเกิน!

   “อย่ามาอวดรวยกับหมอเลยครับ หมออาจจะไม่ได้รวยนะ แต่หมอก็ไม่จน ไม่จำเป็นต้องหากินกับเด็กด้วย”

   คนไข้อ้าปากเหวอ แล้วเบะปากทันทีเมื่อหมอยกหูโทรศัพท์ต่อสายใน

   “ถ้ามีเคสต่อไปก็เรียกเข้ามาเลยครับ” หมอวางสายแล้วเงยหน้าขึ้นกดดันคนไข้ที่เค้นมองหมออย่างโกรธเคือง

   “ชิ!! ไปก็ได้”





   
   สองทุ่มแล้วกว่าจะสะสางงานเรียบร้อย หมอถอดเสื้อกาวน์ออกแขวนทิ้งไว้ในห้องแล้วเดินออกมาด้านหน้าคลินิก ด้วยความที่คนไข้ที่นั่งรอมีน้อยจึงเห็นซูกัสนั่งรออยู่ด้วย หมอชะงักเท้ายืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ประตูทางเข้า ทำเหมือนว่าไม่เห็นเขา

   “เดี๋ยวก่อนสิหมอ” หมอถอนใจแรง หยุดเดินแต่ไม่ได้หันไปตามเสียงเรียกจนซูกัสต้องเป็นฝ่ายเดินอ้อมมาตรงหน้าเสียเอง ด้วยใบหน้าท่าทางที่แสดงว่ากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่

   “หมอจะไปไหนอ่ะ?”

   “กลับบ้านครับ”

   “กินข้าวหรือยัง ไปกินก่อนไหม?” ซูกัสถามและหมอกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียก่อนว่า “ผมนั่งรอหมอจนแสบท้องไปหมดแล้วเนี่ย”

   นั่นทำให้หมอเปลี่ยนใจไม่ขัดแต่ขยับขาเดินไปที่ประตูแทน

   “จำได้ว่าไม่ได้บอกให้รอนะ”

   “ถ้าไม่รอก็ไม่ได้คุยสิ อุตส่าห์แวะมาหาทั้งที ที่จริงผมมาตอนเช้าแล้วรอบนึงแล้วนะ แต่เค้าบอกว่าหมอมาเย็น”

   “เมื่อคืนหมออยู่เวรน่ะ กลับบ้านเก้าโมงเช้า” แล้วก็หลับยันห้าโมงเย็นถึงได้มาที่นี่

   “โห ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง”

   “งี้แหละ หมอน่ะกินข้าวไม่เป็นเวลา กลับบ้านไม่ตรงเวลา บางวันก็อาจจะไม่ได้กลับ ถึงมาหาก็ไม่ได้แปลจะได้เจอตลอดหรอก”

   “งานยุ่งเนอะ”

   “อื้อ...ยุ่งมาก” หมอตอบสั้นๆ ก่อนจะหยุดที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ไกลนัก ห่างจากคลินิกแค่สองคูหาอาคารพาณิชย์


   “มีอะไรก็ว่ามา” หมอเอ่ยขึ้นลอยๆ ด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการเมื่อเราทั้งคู่นั่งลงในร้านและสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

   “อะไรเหรอครับ” ซูกัสเอ่ยถามงงๆ

   “อยากคุยกับหมอไม่ใช่เหรอ? ถึงกับตามมาถึงคลินิก”

   “อ๋อ ที่จริงก็ไม่มีอะไรนะ แค่อยากเจอเฉยๆ ก็เลยมา” เขาตอบแล้วยิ้มเผล่

   “สรุปตั้งใจมาจีบหมอว่างั้น?”

   “มองง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

   “หึ... ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ทำขนาดนี้”   

   “แล้วหมอว่าไงอ่ะครับ เคสนี้พอมีหวังไหม?”

   “ยังไม่ชัวร์นะ เพราะอย่างที่รู้ๆ หมอไม่ค่อยมีเวลาว่างหรอก บางทีคบกับหมออาจจะเหมือนเท่ แต่มันอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้น หมออาจจะมีเวลาให้คนไข้ตลอด แต่กับแฟนกลับมีน้อยมาก เพราะงั้น...”

   “น่าสงสารหมอนะครับ”

   “เป็นแฟนหมอน่าสงสารกว่าอีก เชื่อดิ”

   “ถ้าผมบอกผมรับได้ล่ะ?”

   หมอก็จะบอกว่า “หมอไม่เชื่อ” แต่บังเอิญเสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้นเสียก่อน  หมอถึงไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่หยิบมือถือขึ้นกดรับสายทันที

   เป็นสายจากโรงพยาบาลแจ้งเรื่องคนไข้ฉุกเฉินที่จะคลอด และเป็นคนไข้ฝากพิเศษ หมอจึงต้องรีบไปดู

   “โอเค หมอจะรีบไปครับ” หมอบอกแล้วกดตัดสาย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารทันที

   “อ้าว จะไหนครับ” ซูกัสถามขึ้นงงๆ

   “ไปโรงพยาบาล”

   “แต่อาหารยังไม่มาเลยนะ”

   “กินไม่ทันแล้วแหละ” ผมบอกแล้วเปิดกระเป๋าเงินหยิบเงินที่น่าจะพอสำหรับค่าอาหารของสองคนวางตรงหน้าเขา “ฝากจ่ายแทนให้ด้วยนะ” 

   “ถ้าหมอไม่กิน งั้นผมก็ไม่กินด้วย” เขาบอกแล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวผมแวะไปส่งหมอที่รพ.แล้วกัน”

   “ไม่ต้อง กินไปเถอะ เธอไม่ใช่หมอนะ”

   “แต่...”

   “หยุดเถียง เพราะเธอกำลังทำให้หมอเสียเวลามากกว่าเดิมนะรู้ไหม?” คำพูดนี้ทำให้อีกฝ่ายหุบปากฉับ แล้วยอมนั่งลงแต่โดยดีแม้ว่าใบหน้าจะขัดใจ

   ความจริงหมออยากจะปลอบใจเขาสักหน่อย แต่แค่นี้มันก็เสียเวลามากแล้วจริงๆ จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

   หมอรู้ว่ามันเป็นสถานการที่ไม่ดีเอาซะเลย แค่เริ่มต้นมันก็พังแล้ว นับประสาอะไรกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

   เชื่อเถอะ มันอาจจะแย่ยิ่งกว่านี้อีก



   หลังจากนั้น หมอก็ไม่ได้เจอซูกัสอีกเลย ซึ่งหมอเข้าใจนะว่าทำไม คนส่วนใหญ่มักทนพฤติกรรมของหมอไม่ได้หรอก เวลาคนมีแฟนก็อยากอยู่กับแฟน โทรคุยกัน เห็นหน้ากันบ่อยๆ คงไม่มีใครทนได้ถ้าจะถูกทิ้งให้กินข้าวคนเดียวแบบนั้น

   อันที่จริงซูกัสไม่ใช่คนแรกหรอกที่มาจีบหมอ และย่อมไม่ใช่คนแรกที่หายไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่หมอจะชินกับความรู้สึกแบบนี้ ชุ่มชื่นและเหี่ยวเฉาในเวลาไล่เลี่ยกัน!   



   ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ได้มั้งว่าคนไข้ขาประจำนั่นจะย้อนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

   “นี่!!” หมอเริ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าแวบแรกที่เห็นเขามันทั้งตื่นเต้นและดีใจ แต่ทำไมเสียงที่ทักทายถึงส่อแววหาเรื่องอย่างนั้น

   “อะฮึ่ม... แค่กๆ” คราวนี้คนไข้เริ่มส่งเสียงส่ออาการบางอย่างทำให้คำถามเริ่มแรกเปลี่ยนไป

   “ไม่สบายเหรอ?”

   “เมื่อวานเผลอตากฝนน่ะครับ” น้ำเสียงซูกัสแหบแห้งทำให้หมอสีหน้าอ่อนลง จากนั้นจึงพูดคุยและวินิจฉัยโรคไปตามหน้าที่ สรุปว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา หมอก็จ่ายยาตามปกติ

   “ปื้ดดดดด....ฟืด” เสียงสั่งน้ำมูกรุนแรงอย่างไม่เกรงใจ ระหว่างที่หมอเขียนสั่งยา

   “เบาๆ อย่าสั่งแรง เดี๋ยวเชื้อลามเข้าหูขึ้นมาจะอักเสบนะ”

   “ก็มันอึดอัดนี่นา ฟืด...” คนไข้บ่น

   “อย่าอาบน้ำเย็น จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ ดื่มน้ำเยอะๆ อย่าทานของมัน ทานยาให้ครบ แล้วก็พักผ่อนมากๆ นะ”

   “ครับ” อีกฝ่ายตอบเรียบๆ

   “.....”

   “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมครับ? งั้นผมกลับแล้วนะ ขอบคุณครับหมอ” ลุกขึ้นยกมือไหว้

   “กัส...”

   “ครับ?”

   “หมอขอโทษนะ”

   “เรื่องอะไรเหรอครับ” เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

   “ที่ดุเราวันนั้น แล้วก็ทิ้งเราไว้แบบนั้นด้วย”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้โกรธด้วย ที่เห็นหายไปก็เพราะติดเรียนน่ะครับ ถึงผมไม่ได้เป็นหมอ ก็ไม่ได้ว่างงานหรอกครับ”

   “อ้อเหรอ? นึกว่า...” ท้อใจไปแล้วซะอีก

   “ครับ?”

   “เปล่า ไม่มีอะไรแล้ว กลับเถอะ”

   “ครับ” เขารับคำง่ายๆ แล้วลุกขึ้น “เอ่อ... ที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้โกรธหรอกนะ ฟืด.... แต่เห็นหมอขอโทษแสดงว่ายอมรับว่าตัวเองผิด แล้วถ้าหมอสำนึกผิดจริงๆ ก็ควรไถ่โทษด้วยการพาผมไปกินข้าวอีกสักมื้อนะ หมอว่างั้นไหม?”

   หมอยิ้มตอบ...

   เอาจริงๆ หมอก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ คนนิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้น่ะ


++++++++++
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2016 18:56:30
โดนเด็กเล่นแล้วหมด
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 31-01-2016 19:27:09
คุณหมอระวังตัวนะคะ เด็กน่ารักมันรุกหนัก

ขอบคุณท่านผู้แต่งค่าาา 
:z2: :z2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 31-01-2016 20:13:22
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 31-01-2016 21:08:51
อยากรู้ความเป็นไป จะท้องยังไงน้าาา
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 31-01-2016 21:19:14
อุ๊บส์...ไม่ปล่อยให้กลับง่ายๆด้วยอ่ะ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-01-2016 21:40:30
หมอตกเด็กซะแล้ว ฮิ้ววววววว
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 31-01-2016 21:44:48
   สนุกคับ สนุกมากๆ ชอบกวนๆแบบซูกัสนี่ละคับ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 31-01-2016 21:50:38
คุษหมอจ๊ะ ระวังจะโดนเด็กจับกินนะคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 31-01-2016 22:03:04
ชอบหมอค่ะ 5555
เชียร์น้องกัสนะคะ
 :laugh: :laugh:
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 31-01-2016 23:35:37
จีบหมอต้องสตรองนะน้องกัส  :laugh:
คุณหมอหวั่นไหวบ้างแล้วใช่ไหมละ เผลอๆรู้ตัวอีกทีน้องมันรวบหัวรวบหางไปแล้ว  :katai2-1: 555555555
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 01-02-2016 00:48:24
น่าร้ากกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 01-02-2016 08:43:36
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 01-02-2016 08:43:57
น่ารักอบอุ่นจริงๆ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 01-02-2016 09:55:27
น้องกัสน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-02-2016 10:17:22
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 01-02-2016 14:58:25
แหม่ๆๆ หมอก็แคร์น้องเหมือนกันเนอะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่2> [31-01-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 01-02-2016 18:58:45

-3-

   อันที่จริงแล้วแค่ทานข้าวเฉยๆ ล่ะก็ หมอคงพอเจียดเวลาให้น้องได้บ้างหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะความป้ำๆ เป๋อๆ มัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมไปว่าไม่เคยขอเบอร์ซูกัสไว้เลย กว่าจะได้เจออีกทีก็วันหยุดของอาทิตย์ต่อมาที่เขาแวะมาหาเองนั่นแหละ

   หลังจากจัดการเอกสารต่างๆ ที่คั่งค้างเรียบร้อยผมก็เดินพาซูกัสกลับมานั่งกินอะไรอยู่ที่ร้านเก่าที่เคยพาเขามาวันก่อน นั่งภาวนาไปตลอดมื้ออาหารว่าคงไม่มีใครโทรมาขัดจังหวะนี้

   “หมอรู้ได้ไงว่าผมชอบกินข้าวผัดอเมริกัน” เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าแปลกใจ เมื่อหมอสั่งอาหารนั้นให้เขาไม่รวมกับข้าวอย่างอื่นที่เพิ่มเติมมา

   “ก็เพราะว่าเราเคยซื้อมาฝากหมอไง”

   “แค่นั้นน่ะเหรอ?”

   “ถ้าจะให้พูดยาวๆ ก็คงเพราะว่าเวลาซื้อของไปฝากคนที่ไม่รู้จัก เราก็จะไม่รู้ว่าเค้าจะชอบอะไร เราก็ต้องเลือกซื้อของที่เราชอบกินก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเกิดอีกฝ่ายปฏิเสธไม่รับเราก็ต้องเอากลับมากินซะเองใช่ไหมล่ะ?”

   “แค่ข้าวกล่องเดียวนี่วิเคราะห์ได้ขนาดนี้เลยเหรอ? นี่หมอหรือโคนันเนี่ย?”

   “หมอก็พูดไปงั้นแหละ จริงๆ ก็แค่เดาน่ะ”

   “เหรอครับ แต่หมอทายถูกนะ ผมก็ชอบกินจริงๆ นั่นแหละ”

   “แล้วถ้าจะให้เดาเพิ่ม ความจริงข้าวกล่องนั้นน่ะเราตั้งใจซื้อมากินเองด้วยใช่ไหม? แต่เปลี่ยนใจยกให้หมอทีหลัง”

   “ทำไมหมอคิดงั้นล่ะ?”

   “ก็เพราะว่าเราน่ะแอบตามหมอมาไง ตามกลับมาทันทีที่หมอถึงบ้าน ดังนั้นการที่หมอยังไม่ได้กินข้าวเย็นน่ะเป็นเรื่องที่เพิ่งรู้ตอนนั้น จะแวะไปซื้อข้าวทีหลังก็คงไม่ได้ แสดงว่าซื้อล่วงหน้าไว้อยู่แล้ว”

   “เอ่อ... ผมอาจจะกินที่ร้านแล้วซื้อฝากด้วยก็ได้นี่นา”

   “ถ้ากินที่ร้านด้วยแล้วทำไมใบเสร็จที่อยู่ในถุงข้าวมันถึงระบุข้าวแค่กล่องเดียวล่ะ?”

   “อะ....โธ่หมอ... วิเคราะห์ตั้งนานทำไม มีหลักฐานอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

   “หึหึ แค่อยากรู้น่ะว่าถ้าถามเฉยๆ แล้วจะตอบไหม หมอแปลกใจว่าทำไมต้องซื้อฝาก ถ้ากัสอยากจะมากินข้าวด้วยสู้ดักรอแล้วชวนกินระหว่างทางน่าจะง่ายกว่าซื้อมาฝากเยอะ กัสรู้ได้ยังไงว่าหมอจะไม่แวะกินข้าว”

   “ครับ ความจริงก็อย่างที่หมอว่าแหละ กัสแค่อยากรู้ว่าบ้านหมออยู่ไหน เลยรอหมอกลับบ้าน แต่หมอไม่เลิกงานซะทีแล้วตอนนั้นนั้นกัสเกิดหิวเลยไปซื้อข้าวมากินระหว่างรอหมอแต่กลัวกินที่ร้านแล้วจะนานก็เลยห่อกลับมา แต่ยังไม่ทันที่จะกินข้าวหมอก็ลงจากตึกมาก่อน กัสก็เลยขับรถตามหมอมา แล้วหมอก็ไม่ได้แวะทานข้าวที่ไหน กัสเป็นห่วงก็ยกข้าวของตัวเองให้หมอแทน”   

   “แล้วทำไมต้องเอาข้าวให้หมอด้วยล่ะ ตัวเองก็คงหิวเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

   “ยังไงขากลับผมไปหากินที่อื่นเอาก็ได้ แต่หมอถึงบ้านแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านหมอมีของกินหรือเปล่า ผมก็เลย...”

   “ขอบใจนะกัส นิสัยชอบเสียสละแบบนี้เป็นหมอได้เลยนะ”

   “ไม่หรอกครับ ผมคงเสียสละความสุขส่วนตัวให้คนที่ไม่รู้จักมากมายแบบหมอไม่ได้ แล้วอันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากเป็นหมอด้วย ผมอยากมีแฟนเป็นหมอต่างหาก”

   “หยอดใส่ทุกทีที่เจอเลยนะ กลัวหมอไม่ใจอ่อนเหรอไง?”

   “ทุกทีที่ว่านี่ตั้งกี่วัน แค่ข้าวมื้อเดียวกว่าจะได้กินผมรอจนเหงือกแห้งแล้วเนี่ย”เขาทำเสียงกระเง้ากระงอด

   “อยากเจอทุกวันก็มาหาที่โรงพยาบาลสิ จะว่าไปตอนนี้แม่บ้านเหมือนจะขาดนะ”

   “โหย... นี่ผมต้องลงทุนไปสมัครเป็นแม่บ้านรพ.เลยเหรอถึงจะได้เจอหมอบ่อยๆ อ่ะ นั่นก็เกินไปนะ”

   “หรือจะมาเป็นแม่บ้านที่บ้านหมอก็ได้ ขาดเหมือนกัน แต่ไม่มีค่าจ้างให้นะ”

   “เอาจริงป่าว? ไม่มีตังค์ จ่ายเป็นตัวก็ได้หมอ ผมไม่ถือ...” ซูกัสตอบพร้อมยิ้มยั่ว...

   หมอยิ้มตอบ... เอียงคอเอานิ้วเท้าแก้ม...


   หึ.... ถึงเวลานั้นจริง ขอให้เก่งเหมือนปากเถอะ!!
   

:catrun:

   ทุกวันนี้หมอนับวันให้ถึงวันพฤหัสไวๆ เพราะหมอรู้ว่าจะมีคนไข้โรคไต(หาหัวจาม)ไปขอรับการรักษาที่คลินิก ถึงแม้บางวันจะไม่มีนัดกับคนไข้ หรือหมอจะเหนื่อยและง่วงมากแค่ไหนก็ยังฝืนถ่อสังขารไปรอทุกครั้งแล้วปั้นหน้าเหมือนกับว่าในวันนั้นหมอต้องมาที่คลินิกอยู่แล้วทั้งที่ไม่จำเป็น

   แต่ทุกๆ ความอ่อนล้าและปัญหาที่รุมเร้าไว้ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามันก็คลี่คลายสลายไปทุกๆ ครั้งที่เห็นรอยยิ้มหวานๆ ของคนไข้กำมะลอนั่น หมอใช้ช่วงที่ว่างจากการรับปรึกษาปัญหาต่างๆ ของคนไข้นั่งมองริมฝีปากบางๆ เจื้อยแจ้วเล่าเรื่องชีวิตมหาวิทยาลัยของเขาทั้งอาทิตย์โดยไม่รู้จักเบื่อหน่าย ประวัติส่วนตัวตั้งแต่เกิดยันตอนนี้ถูกถ่ายทอดออกมาเรื่อยๆ ใหม่บ้าง ซ้ำบ้างจนหมอหลงคิดไปว่าเรารู้จักกันมานานกว่าความเป็นจริงและอาจสนิทกันมากกว่าคู่รักบางคู่ที่เจอกันทุกวันเสียอีก

   หมอหลงคิดว่ารู้จักเขาดีแล้วเชียวนะจนกระทั่งวันนี้แหละที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิด

   “หมอ....เป็นไปได้ไหมถ้าจะใช้วิธีอุ้มบุญ!!” วันนี้ซูกัสมาในมุกใหม่ที่ทำให้หมออึ้ง จู่ๆ ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องทำงานของคลินิกและใช้สองมือทุบโต๊ะทำงานหมอดังปึ้งยื่นหน้ามาถามด้วยสีหน้าจริงจังสุดฤทธิ์

   “......” หมอพูดไม่ออก สรุปว่าที่ผ่านมา หมอไม่เคยรู้จักและเข้าใจเขาอย่างแท้จริงเลยสินะ!

   เฮ้อ... หมอเผลอถอนใจยาวเงยหน้าขึ้นมองคนไข้ตัวกวนคนเก่า พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้นิ่งสงบไว้ดังเดิม

   “ซูกัส ที่จริงหมอก็รู้แล้วนะเรื่องที่เราน่ะชอบหมอ ถ้าอยากจะคุยกับหมอ คุยเรื่องอื่นๆ ที่คนทั่วไปพูดกันก็ได้ จะฟุตบอล ข่าวบันเทิง เกม การ์ตูนก็ได้ ถึงหมอไม่ค่อยรู้เรื่องก็ฟังได้ทุกอย่าง เราไม่ต้องคุยเรื่องเครียดๆ วิชาการหรืออะไรที่ใกล้กับสายงานของหมอก็ได้นะ”

   “หมอ!! นี่ผมไม่ได้มาเล่นๆ นะ ผมพูดจริง ผมถามจริงๆ ว่าหมอทำได้ไหม?” อื้อหือ! วันนี้มาแบบสตรอง!

   กัสไม่ได้มาเล่นๆ นะ!

   “จนป่านนี้แล้วยังไม่ล้มเลิกความคิดอยากมีลูกอีกเหรอ? หมอนึกว่ากัสแค่หาเรื่องเรียกร้องความสนใจจากหมอเท่านั้นซะอีก”

   “ไม่ใช่นะ!! ผมจริงจังทั้งสองเรื่องแหละ ไม่ว่าจะหมอหรือลูก ผมอยากมีหมดแหละ ว่าไงล่ะหมอ อย่านอกเรื่องดิ”

   หมอถอนใจยาวอีกครั้งหนึ่งเมื่อมนุษย์คนไข้เริ่มโวยวายหน้าเครียด โดยที่ก่อนจะมาถามไม่เคยคิดจะหาข้อมูลอะไรมาก่อนเลย

   หมอสันนิษฐานว่าซูกัสคงเพิ่งจะไปเจอข่าวน้องคาเมน แล้วก็นึกเรื่องอุ้มบุญขึ้นมาได้ แต่หารู้ไม่ว่าเพราะเรื่องนี้แหละ เลยมีกฎหมายออกมาว่าห้ามมิให้มีการซื้อขายไข่ อสุจิ ตัวอ่อนและห้ามรับจ้างอุ้มบุญ จะทำได้ก็แค่ในกรณีที่เป็นสามีภรรยา (จดทะเบียนมากกว่า3 ปี) ที่มีบุตรยากจริงๆ และให้ญาติอุ้มบุญให้เท่านั้น

   เฮ้อ... อยู่ดีไม่ว่าดีจะหาคุกให้หมออีกแล้ว!!

   “อืม โอเค ถ้าอยากขนาดนั้นนะ” หมอเกริ่นก่อนจะก้มลงเปิดลิ้นชักใส่อุปกรณ์แล้วยื่นภาชนะใสมีฝาปิดส่งให้เขาด้วยหน้านิ่งๆ

   “หือ... อะไรอ่ะหมอ”

   “กล่อง... หมอขอตัวอย่างอสุจิหน่อยนะครับ เชิญที่ห้องน้ำเลย แต่เก็บเสียงนิดนึงนะ อายเค้า”

   “ฮะ!! เอาไปทำไม ทะลึ่งแล้วหมอ!” คนไข้หน้าแดงอย่างกับลูกมะเขือเทศ เห็นแล้วก็น่ารักดีนะครับ

   “ก็เห็นบอกอยากให้คนมาอุ้มบุญ หมอเลยจะขอตัวอย่างอสุจิมาตรวจก่อนว่าอ่อนไหม เผื่อถ้าเป็นหมันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยดำเนินการอย่างอื่น”

   “อะ....” คนไข้ก้มหน้าลงมองกล่องในมืออย่างลังเลและเขินอาย

   “ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ หมอก็...”

   “ทำดิ แป๊บนึงนะ” เขาบอกเสียงอ้อมแอ้มทำเหมือนจะเดินออกไป

   เฮ้ย เอาจริงดิ!! ความจริงแล้วหมอแค่หมั่นเขี้ยวอยากแกล้งเล่น ไม่คิดว่าซูกัสจะบ้าจี้ทำตามที่หมอสั่งจริงๆ

   “เดี๋ยวกัส”

   “ครับ?” เขารับคำแล้วหันหน้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง

    เอ่อ... บอกว่าล้อเล่นทันไหม แต่เหมือนจะไม่ทันนะ ขืนบอกงั้นมีหวังโดนโกรธแน่เลย

   “หมอเปลี่ยนใจแล้ว ทำในห้องนี้เลยละกัน เดี๋ยวหมอออกไปรอข้างนอก” หมอบอกแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูกดล็อกประตู
ห้องตรวจของตัวเองก่อนจะออกไป

   
   หมอนั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องตัวเอง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนไข้ที่รอตรวจ แต่คนข้างในก็ไม่มีวี่แววจะออกมาสักทีจนเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

   “อ้าว หมอว่าน ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะคะ?”

   “อ๋อ...เอ่อ...” หมอเกาคอไม่รู้จะตอบพยาบาลว่ายังไงดี “นั่งรอเพื่อนน่ะครับ”

   “หมอว่างอยู่หรือเปล่าคะ มีคนไข้ที่หมออ้อนัดไว้แล้วมาสาย แต่ตอนนี้หมออ้อเค้ากลับไปแล้ว รบกวนหมอหน่อยได้ไหมคะ”

   “อะ เอ้อ... ได้ครับ” เธอคงเกรงใจไม่อยากโทรตามคุณหมอที่เพิ่งจะกลับไป แล้วบังเอิญเจอผมนั่ง “ว่าง” อยู่พอดีเลยขอแรง จะตอบว่าไม่ว่างก็ยังไงอยู่

   “งั้นรอสักครู่นะคะ ฉันจะไปตามคนไข้แล้วก็เอาแฟ้มประวัติมาให้ด้วย” พยาบาลยิ้มให้อย่างดีใจรีบวิ่งกลับไปหน้าคลินิก

   เวรกรรม... หมอรีบลุกขึ้นเคาะประตูห้องตัวเอง

   “กัส... เสร็จยัง?”

   “แป๊บนึงน่าหมอ อย่าเร่งดิ” โอ๊ยไม่อยากจินตนาการเลยจริงๆ ว่าข้างในเป็นยังไงมั่งตอนนี้!

   “ไม่ต้องแล้วกัส ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ออกมาได้แล้วหมอจะใช้ห้อง”

   เงียบ......

   “ไม่เปิด หมอไขกุญแจเข้าไปนะ?”

   “เฮ้ย.....อย่านะ!!”

   ฟังเสียงแล้วขำ หมอยืนยิ้มเป็นหมอโรคจิตอยู่หน้าห้องอย่างใจเย็น รอจนประตูถูกเปิดออกเบาๆ และคนไข้ที่ยึดห้องหมอเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้างอง้ำ

   หมอดึงหน้าให้นิ่งขรึมอย่างเดิมแม้จะยากเย็นกว่าปกติประมาณ 350เท่า แล้วผลักประตูเข้าไปยืนข้างใน

   “ไหน... ได้ป่ะ?” หมอก้มลงถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

   “เกือบ...ถ้าไม่มีใครมาขัดจังหวะซะก่อน”

   “ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ อึดใช่เล่นนะเรา”

   “โธ่!!ของแบบนี้ไม่ใช่ง่ายๆ นะหมอ กว่าจะบิ๊วได้”

   “หมอก็ไม่อยากขัดนะ แต่พอดีหมอมีเคส เอ่อ...ไม่ทำห้องเลอะใช่ไหม?” ถามแล้วหันไปสำรวจรอบๆ ห้อง

   “จะให้เลอะอะไรล่ะหมอ!!” ซูกัสถามเสียงขุ่น

   “ครับๆ งั้นออกไปรอข้างนอกก่อนนะ”

   “ครับ” เขารับคำหน้ามุ่ย

   “คราวนี้ไม่ถึงไม่เป็นไร ไม่ต้องเครียด ถ้าคนเดียวมันยากขนาดนั้น เอาไว้วันหลังหมอจะช่วย”

   “ครับ” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วเปิดประตูออกจากห้องไปเฉยๆ จนหมออดแปลกใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่อเลย สงสัยไม่ได้ฟังมั้ง หมอส่ายหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แต่ยังไม่ทันจะนั่งลงประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมคำถามอันดังที่ตามเข้ามา

   “เมื่อกี้หมอว่าไงนะ?” หน้าตาคนถามดูเหรอหรา ตาโต จนผมไม่อาจจะอดกลั้นปั้นหน้าขรึมเหมือนเดิมได้อีกแล้วปล่อยหัวเราะออกมาทันที

   โอ๊ย จะบ้าตาย ซูกัสนี่ความรู้สึกช้าชะมัดเลย! พูดจบไปตั้งนานแล้วเพิ่งจะรู้สึกตัว


++++++++++
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 01-02-2016 19:07:42
55555 ซูกัสน่ารัก หมอก็นะ ขี้แกล้งน้อง
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 01-02-2016 19:13:17
น้องกัสเตรียมตัวเป็นแม่บ้านให้หมอเลยค่ะ
เป็นแม่บ้านให้หมอ ไม่ต้องอุ้มบุญให้ยุ่งยากด้วย
แถมได้เป็นแม่เหมือนกัน 5555
 :hao6: :hao6: o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 01-02-2016 21:23:16
กัสน่ารักกกก ติดตามค่ะ

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 01-02-2016 22:06:17
 :katai2-1:
หมอขี้อ่อยยย
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-02-2016 22:27:30
หมอขี้แกล้งเกิ๊นนนนน แต่กัสก็น่าแกล้งจริงๆนะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 01-02-2016 22:49:40
หมอแกล้งน้อง5555
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 01-02-2016 22:57:32
ซูกัสเอ้ย
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 02-02-2016 13:58:56
โอ๊ยตาย หมอแกล้งน้องอ่ะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่3> [01-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 02-02-2016 18:35:12
-4-
   
   -ซูกัส-

   “หมายเลข 1432”

   ผมลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อสิ้นสุดการรอคอย โปรดอย่าเข้าใจว่านั่นเป็นการใบ้หวยงวดต่อไปอย่างเด็ดขาด เพราะมันก็แค่หมายเลขคิวเท่านั้นเอง...

   ผมผลักประตูห้องที่ติดป้ายด้านหน้าว่า นายแพทย์บทกวี ........... เข้าไปเพื่อพบแพทย์ประจำตัวด้วยรอยยิ้มแจ่มใส แต่อีกฝ่ายกลับเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือแล้วขมวดคิ้วใส่

   อะไร จะดุอะไรกันอีกล่ะ!!

   “ทำไมมาหาที่โรงพยาบาล?” คำถามนิ่งเรียบนั่นทำให้อดเบะปากอย่างงอนๆ ไม่ได้ ยังไม่ทันพูดอะไรก็ทำท่าเหมือนจะไล่กันท่าเดียว

   “ทำไมล่ะ? หมอเบื่อขี้หน้าผมขนาดนั้นเลย?”

   “เปล่า... แค่ช่วงนี้ผู้ป่วยนอกเยอะน่ะ”

   “อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ลัดคิวใครนะ นั่งรอตั้งนานจนแทบจะหลับไปสองสามรอบแล้วเนี่ย” ผมบอกด้วยใบหน้าที่ตั้งใจให้รู้ว่ากำลังน้อยใจอยู่นะ

   “เพราะรู้ไง ถึงไม่ค่อยอยากให้มา” หมอตอบกลับด้วยเสียงอ่อนๆ รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งให้ทำให้แทบจะละลายกลายเป็นฝุ่น ทำไมบุคลิกหมอถึงนุ่มนวลอ่อนโยนขนาดนี้นะ ผิวก็ขาว นิ้วเรียวยาว แล้วยังเป็นคนตาสวยมากๆ อีกด้วย แค่นั่งมองเฉยๆ ก็เพลินแล้วอ่ะ

   “ถึงบอกจะมาหาตอนเลิกงาน หมอก็บอกว่าเลิกตอนไหนก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ”

   “เอ่อ...” แล้วหมอว่านก็เกาคอทำท่าลำบากใจทำให้ใจอ่อนซะทุกที!

    เลิกนอกเรื่องแล้วเข้าสู่ธุระสำคัญดีกว่าก่อนที่หมอจะตบะแตกร่ายยาวเอาอีก...

   “นี่ครับ” ผมเปิดกระเป๋าเป้ที่เตรียมมาแล้วล้วงหยิบภาชนะใสมีของเหลวบางอย่างบรรจุอยู่ด้านในวางลงบนโต๊ะ

   “อะไรเหรอ” หมอถามกลับด้วยใบหน้างงๆ

   “ยังจะถามอีก เมื่อวานหมอจะเอาอะไรล่ะ?” ผมตอบมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย กับตัวอย่าง...ที่นำมา

   “ฮะ?” หมอว่านทำตาโต อ้าปากค้างก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เหมือนกำลังคิดทบทวนบางอย่าง จากนั้นก็ร้องออกมา “อ๋อ.....”

   รอยยิ้มที่คลี่แค่มุมปากแต่ไม่เห็นฟันสักซี่กับแววตาที่พราวระยับมองมาทำให้รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้นอีกประมาณสามเท่าตัวด้วยความอับอายแต่ก็ต้องพยายามอดทนไว้

   อายครูไม่รู้วิชา อายภรรยาไม่มีบุตร #หมอก็เช่นกัน

   อายหมอก็จะไม่มีบุตร! ท่องไว้นะซูกัส

   “ทำตั้งแต่เมื่อไร?”

   “เมื่อเช้า”

   “แล้วเอามาให้ป่านนี้?” หมอถามพลางยกข้อมือดูนาฬิกาซึ่งน่าจะบอกเวลาประมาณเกือบหกโมงเย็นแล้ว จากนั้นก็เหลือบตาคู่สวยขึ้นมองพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ประดับที่แก้มไม่สร่างเหมือนขบขันอะไรบางอย่าง

   “ก็กัสต้องไปเรียน ไหนจะนั่งรอคิวอีก” ผมแก้ตัวแก้มป่อง

   “ใช้ไม่ได้นะ คือมันต้องตรวจภายในหนึ่งชั่วโมง”

   “หา!! แล้วทำไมหมอไม่บอกล่ะ?” อะไรกัน...งั้นก็เหนื่อยฟรีดิงี้

   “กัสก็ไม่ได้ถามหมอป่ะ?” หมอตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยยี่หระทำให้ดูกวนๆ ไม่พอยังมีหัวเราะแนบท้ายอีกต่างหาก ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโคตรพลาดเลยอ่ะ

   “แล้วไง? บ้านกัสอยู่ตั้งไกล แล้วหมอก็ยุ่ง งี้ก็ทำที่บ้านไม่ได้ใช่ป่ะ?”

   “ก็คงงั้นมั้ง”

   “แต่ที่คลินิกคนมันเยอะนี่ ใครจะไปมีอารมณ์ทำเรื่องแบบนั้น”

   “อืม... จะว่าไปก็มีอีกที่นึงนะที่เป็นส่วนตัวแล้วก็ไม่ไกลด้วย” ผมเบิกตากว้างส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างดีใจก่อนจะได้ยินประโยคถัดมา “แต่ไม่รู้ว่ากัสจะกล้าไปหรือเปล่านะ”

   หมอยิ้ม... ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว...

   ฉีกริมฝีกปากออกแต่ไม่เห็นฟัน ส่งสายตาวาวหวานชวนมอง มันทั้งมีเสน่ห์และน่าขนลุกไปในคราวเดียว เพราะไม่รู้เลยว่าในคำพูดนั้นหมอกำลังคิดอะไรอยู่

   “ที่ไหนเหรอครับ” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย จินตนาการไว้ว่าคงเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและอันตราย จำพวกตึกพาณิชย์ร้างมีผีสิง หรือห้องทดลองแสนลึกลับในคลินิกอาจจะมีซากทารกหรือหลักฐานการก่อคดีอาชญากรรม บรึ๋ยส์!!

   แล้วความคิดอันเพ้อเจ้อก็แตกกระจายไปทันทีที่หมอตอบกลับมาว่า

   “บ้านหมอ...”







   อาฮ้า... ใครก็ได้ช่วยที นี่แทบจะหุบยิ้มไม่ได้อยู่แล้ว... :mew1:


   “สตรอเบอรี่ซันเดได้แล้วครับ” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นแล้ววางไอศกรีมรสโปรดของผมลงตรงหน้า

   เฮ้อ... เสียดายจังที่ต้องมานั่งกินคนเดียวแบบนี้ ถ้าหมอมาด้วยได้ก็คงดี เหลือบมองพนักงานร้านด้วยสายตาอ้อนๆ

   “เลิกงานกี่โมง...”

   “ใกล้แล้วล่ะ คงพอๆ กับแกกินอิ่ม” พนักงานร้านสเวนเซ่นตอบกลับ ผมพยักหน้าเออออแล้วก้มหน้าลงตักของโปรดใส่ปากด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข


   “จะชวนไปไหน?” เสียงเพื่อนรักเอ่ยถามระหว่างผมดึงมือเขาเดินเล่นไปตามทางเดินของห้างสรรพสินค้า

   “ไปซื้อกกน.”

   “ที่มีไม่พอใช้?” เพื่อนถามหน้างงๆ

   “แม็ก... หมอชวนกูไปบ้าน” ผมเฉลยแล้วหันไปยิ้มจนตาปิด

   “แล้วเกี่ยวอะไรกับ.....อ๋อ..... มึงกะเตรียมไปเสียตัวเต็มที่เลยว่างั้น?”

   “บ้า!! ไม่ใช่ซะหน่อย” ผมตอบปฏิเสธ ทั้งที่หน้ายังยิ้มอยู่ มองยังไงก็รู้ว่าตอแหล!

   “แรด....” เพื่อนด่าตรงๆ ทำให้ผมหุบยิ้ม จิกตาเบาๆ

   “ทำเป็นด่า กูรู้มึงอิจฉากู ใช่มะ?”

   “ใครจะคิดอย่างงั้นกับเพื่อน มีแต่จะดีใจด้วย จะได้สมหวังสักที” พอมันตอบเรียบๆ เลิกจิกกัดก็พลอยทำให้อารมณ์ดีขึ้นหน่อย “หมอของมึงหน้าตาเป็นยังไง บอกจะถ่ายรูปมาให้ดู ป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่ปลายผม”

   “เออลืมทุกทีเลย แต่หมอเป็นยังไงเหรอ? สั้นๆ ก็คงหล่อล่ะมั้ง”

   “นั่นล่ะของแน่ ไม่งั้นคงไม่เพ้อได้ขนาดนี้...” แม็กม่าพึมพำเสียงไม่เบาเลย

   “เขาก็เหมือนหมอทั่วๆ ไปนั่นแหละ ขี้เก๊กนิดๆ ดูสุภาพนุ่มนวล ผิวขาว แต่ไม่ค่อยสูงมากนะ หน้านิ่งๆ แต่ตาหวาน เวลายิ้มทีนึงนะ ฮึ่ม... เอาใจกูไปเลย”

   “แหม่งๆ ว่ะ ทำไมฟังดูเคะจัง”

   “งี้แหละเกย์สายสุขภาพ จะให้มาหุ่นล่ำ กล้ามโต สายเถื่อนเหมือนรุ่นพี่วิศวที่มอก็คงไม่ใช่ มาจีบกันแต่ละที กูนึกว่าเค้าจะมาขู่กรรโชกทรัพย์”

   “อุ๊บ..พูดแล้วเห็นภาพเลยว่ะ ฮ่าฮ่า” แม็กม่าหัวเราะลั่น  “เออ... แต่จะว่าไป นี่แกก็เทียวไล้เทียวขื่อตามจีบหมอมาเดือนกว่าแล้วไม่ใช่เหรอ?”

   “ใช่...”

   “แล้วก็บอกว่า หมอไม่เคยแม้แต่จะจับมือแกไม่ใช่เหรอ?”

   “อือ...”

   “ไม่ใช่ว่าพี่แกไม่ชอบเป็นฝ่ายรุกหรอกเหรอ?”

   “ฮื้อ... บ้า ไม่มั้ง” ก็เหมือนจะโดนรุกอยู่นะ ทางสายตาน่ะ!

   “ก็แบบ คนชอบๆ กันมันต้องมีถึงเนื้อถึงตัวกันบ้างไม่ใช่เหรอ?”

   จะว่าไปผมก็เคยคิด หมอเป็นพวกนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แล้วก็ไม่รุ่มร่าม ไม่....

   ไม่เคยจับมือ ไม่เคยหอมแก้ม ไม่เคยอะไรเลย...

   “หรือเค้าอาจจะไม่ได้ชอบเด็กแอ๊บแบ๊วอย่างแกก็ได้”

   จะว่าไปแล้ว... แม้แต่บอกรัก หรือขอเป็นแฟน ก็ไม่เคยสักอย่างนึงเลยด้วย ถึงจะมีพูดจาให้คิดลึกบ้างก็เถอะ แต่ก็อาจจะแค่หยอกเล่นแค่นั้น แล้วเราก็เก็บไปคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายมีใจ

   “อ๊ากกกก ไม่จริง!! เลิกไซโคได้แล้ว ที่หมอเค้าไม่ทำอะไรก็เพราะว่า...หมอเค้าเป็นสุภาพบุรุษไง มึงไม่เคยเจอ ไม่รู้จักหมอจะไปรู้อะไร” ผมโวยวาย เถียงออกมา เพื่อปิดบังความฟุ้งซ่านที่เริ่มก่อตัวขึ้น

   “อ้อเหรอ? อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหมอเค้าเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ อย่างที่ว่า นั่นแสดงว่ากกน.ตัวใหม่หรือตัวเก่าก็ไม่สำคัญ เพราะต่อให้มึงแก้ผ้าต่อหน้าเค้า หมอเค้าก็จะไม่ทำอะไร จริงไหม?”

   จะว่าไป ก็คงจริง!!

   “เออ!! งั้นกลับบ้าน ไม่ต้องซื้อและ!!”
   




    ผมกลับมาบ้านด้วยใบหน้างอง้ำ นึกเคืองไอ้เพื่อนรัก ที่พูดจาอะไรออกมาแต่ละอย่างล้วนทำลายความมั่นใจและความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตรักของผมให้พังระเนระนาด

   “กลับมาแล้วเหรอคะคุณกัส” เสียงป้าน้อม แม่บ้านถามขึ้นอย่างดีใจเมื่อผมเปิดประตูรถออก

   “ครับป้า”

   “ทานอะไรมาหรือยังคะ?”

   “ทานแล้วครับ ขอบคุณนะ” ผมตอบแล้วเดินเข้าตัวบ้านหลังใหญ่ ที่ค่อนข้างเงียบ หลงเหลือเพียงไฟสลัวๆ

   “แล้วคุณพ่อ คุณแม่ล่ะ?”

   “คุณนายขึ้นไปนอนแล้วค่ะ ส่วนคุณผู้ชายยังไม่กลับ”

   ผมพยักหน้ารับ

   “ป้าน้อมก็ไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมแวะไปดูพี่ดี้เสร็จ ก็จะนอนแล้ว”

   “ค่ะ” ป้าน้อมรับคำ แล้วเดินกลับไป

   ผมเดินขึ้นบันไดบ้านแบบวน แล้วเปิดเข้าไปในห้องนอนที่ไม่ได้ล็อก ค่อยแง้มประตูเบาๆ พอมีแสงจากด้านนอกลอดผ่านเข้าไปพบว่าภายในห้องมืดสนิท และมองเห็นเงารางของสตรีคนหนึ่งนอนกอดตุ๊กผ้ารูปเด็กไว้ในอ้อมกอด ขณะที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ผมค่อยๆ ปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนพี่สาว   

   พี่แคนดี้เพิ่งสูญเสียทั้งสามีและลูกสาวไปเมื่อสามเดือนที่แล้วจากอุบัติเหตุรถยนต์ และพี่ไม่สามารถยอมรับมันได้ จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ทุกๆ วันพี่จะนั่งเหม่อลอยอุ้มตุ๊กตาและพูดคุยกับมันราวกับนั่นคือลูกสาวที่ยังมีชีวิตอยู่

   ลองปรึกษาจิตแพทย์แล้ว พี่ก็อาการดีขึ้นบ้างเพราะยา แต่ก็ยังไม่หายขาด

   ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร แต่เคยลองพาไปตามสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน พี่เหมือนจะอาการดีขึ้นบ้างเมื่อเห็นเด็ก แต่ลงท้ายก็โวยวายว่านั่นไม่ใช่ “น้องด้า” ผมเดาเอาว่าคงเพราะเด็กที่อุ้มไม่มีส่วนคล้ายตัวเอง จนผมมีความคิดงี่เง่าว่าอยากมีลูกเสียเอง เพราะไม่แน่ ถ้าเป็นลูกของผม อาจจะช่วยทำให้พี่ดีขึ้นได้...

    

   “สี่โมงครึ่งว่างไหม ไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะกัส” หมอโทรมาบอกตอนบ่าย ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเพราะร้อยวันพันปี เพิ่งเห็นหมอเลิกงานเย็นได้

   “ที่บ้านเหรอครับ?” เอิ่ม... บางทีก็งงตัวเองว่าพูดอะไรออกไป!

   “ยังก่อนดีกว่า หมอเพิ่งpost เวร ไม่มีแรงทำอย่างอื่นตอนนี้แน่ๆ”

   “ครับ?” ศัพท์อะไรของหมออีกล่ะ

   “ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าของเมื่อวานจนตอนนี้หมอยังไม่ได้นอนเลย...” บอกทีเถิด นี่มนุษย์จริงๆ ใช่ไหม?

   “เอ่อ... ถ้างั้นหมอกลับไปนอนเลยก็ได้นะครับ” ผมรีบบอกอย่างสงสาร

   “มาหน่อยเถอะ วันนี้หมออยากเจอกัส”

   เหมือนถ้อยคำธรรมดาแต่เจือลูกอ้อนเล็กน้อย ทำให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญ

   หลังเลิกเรียน ผมก็เดินตัวลอย เข้าโรงพยาบาลอย่างมีสุข ปรายตามองจุดลงทะเบียนอย่างเชิดๆ หมอเลิกงานแล้วก็ไม่ต้องรอคิวใช่ไหมล่ะ? แจ่ม!

   นี่ไงห้องหมอ  นายแพทย์บทกวี ที่รัก...

   ขอเสียมารยาทไม่เคาะประตูนะครับ...

   กึ่ก! หมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปกะจะเซอร์ไพร้ส์เต็มที่

   ผ่าง!!!! ผมยืนนิ่ง ตะลึงตาค้างกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า

   หมอนั่งที่เก้าอี้ทำงานตามปกติ แต่มีใครบางคนยืนข้างๆ คล้องแขนโอบรอบคอหมอเอาไว้ โน้มตัวลงเหมือนกำลังกระซิบกระซาบบางอย่างแก่กัน ใบหน้าคมเข้มที่แหงนเงยขึ้นมองผมอย่างสนใจนั่นลอยอยู่เกือบชิดใบรูปหน้าเรียวของหมอ มันให้ความสนิทชิดเชื้อจนเกินความพอดี และถ้าวัดความแมนจากใบหน้าและขนาดตัวแล้วล่ะก็ คุณหมอช่างบอบบางน่าทะนุถนอมเสียเหลือเกิน

   พระเจ้า. . .

   นี่ผมคงเข้าใจรสนิยมหมอผิดมาโดยตลอดเลยสินะ!!

   โหดร้าย... เกินรับได้จริงๆ ณ จุดนี้!!




++++++++++
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 02-02-2016 18:51:43
เหยดดดด เราก็ช็อคไปกับน้องกัสนะคะ  :a5:
เราชอบคู่เบี้ยน หมอ-กัส นะ อร๊ายยยยยย ภาพบาดตาบาดใจจริงๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 02-02-2016 19:22:57
 :a5: o22 o22
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 02-02-2016 19:45:50
โอ๊ย สงสารน้องกัส  :m20:

อย่าตัดสินสิ่งที่เห็นแต่เพียงภายนอกจ้ะ ต้องลองดูถึงจะรู้นะ แน่ะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 02-02-2016 19:48:33
5555555555  หมอรสนิยมแบบนี้นี่เอง  อืมๆๆ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 02-02-2016 20:37:34
 :t2: 555555
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Air_Yaoi ที่ 02-02-2016 21:05:36
 :a5: :a5: :a5: o22 o22 o22  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 02-02-2016 21:14:39
หืม คุณหมอ
ไม่ม้างงง
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 02-02-2016 22:30:31
  ๕๕๕๕ ตลกตอนเปิดประตู
 
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 02-02-2016 23:56:14
55555คิดสภาพอารมณ์ตอนกัสเปิดประตูมาเจอเลยมันบระเจ้ามากก :hao7: :hao7: :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-02-2016 00:29:32
กัสสู้ๆ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 03-02-2016 00:36:36
เขาคือใครกันเนี่ยที่แท้สาเหตุที่น้องกัสอยากมีลูกก็เพื่อพี่สาวนี่เอง
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 03-02-2016 02:33:59
ค้างงงงง จาอ่านต่อออ

ใครน่ะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 03-02-2016 03:17:58
อิฐหรือเปล่า ใช่มะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-02-2016 03:37:53
อุ้ยยย. พี่หมอทำไมทำแบบนี้อะ  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-02-2016 09:50:29
พี่หมอทำอะไรรรรร  :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 03-02-2016 11:07:30
อิฐป่าว? 5555 ตลกกัส :m20:
กัสอยากมีลูกให้พี่เลี้ยงไรงี้อ่อ?
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-02-2016 13:26:29
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: DuenTwinBII ที่ 03-02-2016 13:55:46
กัสน่ารัก คนที่อยู่กับหมอว่าน อิฐรึเปล่า
รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 03-02-2016 13:58:41
 o22
5555
พอรู้เหตุผลว่าทำไมกัสถึงอยากมีลูกแล้วแบบ อยากกอดน่นๆ เด็กดีจังลูก
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-02-2016 14:54:23
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-02-2016 15:36:12
อิฐหรือเปล่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-02-2016 18:17:30
รอดูผลงานหมอว่านค่ะ. จะท้องได้ไงน้อ :L1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่4> [02-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 03-02-2016 18:52:35
-5-

   -หมอว่าน-

   ซูกัส... รีบมาก่อนกาแฟสดจะหมดฤทธิ์เถอะ เพราะถึงตอนนั้นหมอคงสลบไปแล้วแน่ๆ

   หมอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาเพื่อให้ผ่อนคลายแต่ไม่สามารถหลับลงได้ง่ายๆ พักสายตาได้ไม่นานก็ต้องลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออกแล้วใครบางคนเก้าเท้าเข้ามา

   “Happy birthday ครับคุณหมอ...” คำทักทายมาพร้อมกับคำอวยพรด้วยน้ำเสียงล้อเลียนทำให้หมอขมวดคิ้วใส่

   “อ้าว มาได้ไงวะ” ผมเอ่ยถามเจ้าอิฐอย่างแปลกใจ เพราะตัวมันเองถึงเป็นนักธุรกิจก็คงจะยุ่งไม่แพ้หมอ

   “มาเถอะหมอ ไปกินเหล้ากัน” เขาว่าพลางเดินมาใกล้แล้ววาดแขนโอบไหล่หมอไว้ ก้มลงคุยด้วยอย่างกับว่าถ้าไม่พูดใกล้ๆ แล้วหมอจะไม่ได้ยิน...

   “ใช้อะไรคิดเหรอ? ถึงชวนหมอไปดื่มเหล้า”

   “หมอครับ... นานทีปีหน ไม่ได้อายุครบ 30 กันได้บ่อยๆ ดื่มนิดหน่อยจะเป็นไรไป”

   “หมอไม่ว่าง...”

   “อ้าว... ไหนพยาบาลหน้าห้องบอกว่าหมอกำลังจะกลับบ้านไง”

   “ก็ใช่...แต่...” นัดคนไว้

   “ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” อิฐถามชะโงกหน้าใกล้เข้ามาอีกแล้วมองด้วยสายตาจับผิด

   “หรือว่า...มีอะไรปิดบัง?”


   แอ๊ด..... แล้วใครบางคนก็เปิดประตูเข้ามาสมทบ

   ผมและอิฐต่างหันไปมองในทิศทางเดียวกัน ร่างเล็กยืนนิ่งพร้อมดวงตาที่เบิกค้างค่อยๆ ส่ายมองผมและอิฐสลับกันอย่างตกใจเหมือนเห็นผี หน้าขาวๆ ของซูกัสคล้ายจะซีดลงอย่างเห็นได้ชัด และช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีต่อมาเขาก็เบะหน้าเหมือนกำลังจะเป่าปี่ นั่นแหละทำให้หมอถึงบางอ้อ ค่อยๆ ปัดมือที่โอบไหล่ตัวเองออกแล้วลุกขึ้น

   “ซูกัส...” แค่เสียงที่เปล่งเรียกออกไปนั่นทำให้อีกฝ่ายกระพริบตาลงช้าๆ พร้อมหยาดน้ำใสร่วงเผาะ ค่อยๆ หมุนตัวเปิดประตูห้อง

   “หลบไปดิวะ!!” หมอขึ้นเสียงใส่อิฐที่ยืนเกะกะขวางทางอยู่ข้างเก้าอี้แถมยังเป็นตัวการที่ทำให้ถูกเข้าใจผิดอีก 

   เข้าใจผิดงั้นเหรอ? เดี๋ยวดิ นี่ซูกัสคิดไปถึงไหนแล้วนั่น...

   อิฐถอยออกอย่างงงๆ ปล่อยให้หมอเร่งฝีเท้าวิ่งตามซูกัสออกมา

   “กัส” โชคดีมากทีเดียวที่ซูกัสหยุดรอลิฟท์ แต่โชคไม่ดีเลยที่เสียงเรียกนั่นทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นสองสามคนหันมามองเป็นตาเดียว! และพอได้ยินเสียงหมอซูกัสก็เปลี่ยนใจเดินต่อไปทางบันได

   “เดี๋ยวสิ จะไปไหนล่ะ?” หมอถามเมื่อเดินตามเขาทันและรั้งแขนเขาไว้ได้สำเร็จก่อนจะถึงบันไดหนีไฟ

   “ผมจะกลับบ้าน” เสียงนั้นอู้อี้ตอบทั้งที่ยังก้มหน้า

   “อย่าหนีสิ ฟังหมอก่อน มันไม่ใช่อย่างที่กัสคิดนะ”

   “หมอรู้เหรอว่าผมคิดอะไร?” เหอะ!! พูดแบบนี้คงไม่รู้เลยมั้ง!

   “ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้กัสร้องไห้... นั่นก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ” หรือจะเถียง?

   “ก็ถ้าหมอมีนัดกับคนอื่นอยู่แล้ว จะเรียกผมมาทำไม?” เขาเอ่ยด้วยเสียงที่แสดงความน้อยใจพยายามเบือนหน้าหนีไปไม่ยอมมองหน้า

   “มันมาของมันเองต่างหาก หมอไม่ได้นัดใครไว้ทั้งนั้นแหละ...นอกจากกัส”

   เขาเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมองหน้าผม ดวงตากลมโตที่จ้องกลับมามีแววไหวระริกคล้ายกำลังสับสนและค้นหาความหมายในคำพูดของผม

   หมอผ่อนลมหายใจช้าๆ ยกมือขึ้นใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานแผ่วเบา ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกล่องลอยมา หมอส่ายหน้าแล้วบังคับกดกดศีรษะเล็กๆ นั่นซบกับอกตัวเอง

   “ไม่เอาสิ อย่าร้องไห้ ไว้กลับไปที่ห้องก่อน จะแนะนำให้รู้จัก”

   

   ตอนที่เปิดประตูเข้าห้องทำงานตัวเอง อิฐเดินมาถึงประตูแล้วเช่นกัน แปลว่ามันก็กำลังจะกลับ พอมันเห็นผมพาน้องกลับมา มันก็เบนสายตาจากใบหน้าลงไปที่มือของเราที่กุมกันไว้แล้วอมยิ้มแปลกๆ

   “ใครเหรอหมอ?” น้ำเสียงนั้นฟังดูกวนตีนมากที่สุดในรอบ12ปีที่รู้จักกันมาเลย

   “กัส... นี่เพื่อนหมอนะ ชื่ออิฐ รู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนี้มันทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ไม่รู้ทำไมถึงว่างตามป่วนชาวบ้านได้ตลอด”

   “สวัสดีครับ” เสียงอิฐฟังหวานขึ้นมาอีกแล้วเมื่อหันไปทักทายเด็กน้อยข้างๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่ไม่มั่นใจนัก

   “ส่วนนี่ซูกัส....” หมอหันไปมองเขาซึ่งอีกฝ่ายก็หันมาสบตาพอดีเหมือนกับกำลังจะรอฟังว่าหมอจะแนะนำเขาว่ายังไง แล้วในสถานการณ์แบบนี้ จะมีคำไหนที่เข้าใจง่ายมากไปกว่า...

   “แฟนหมอ...”

   หมอพบว่าแก้มของซูกัสเรื่อขึ้นทันทีอย่างเห็นได้ชัด ดวงหน้าเปื้อนยิ้มค่อยๆ ก้มลงหลบสายตาอย่างเขินอาย มันดูน่ามองจนหมอเกือบลืมไปว่าไม่ได้อยู่ตรงนี้กันแค่สองคน...

   “อ้อ...โอเค งั้นกูกลับเลยดีกว่า ไม่กวนละ” เสียงอิฐบอกง่ายๆ

   “ขอโทษนะอิฐ” หมอหันบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่ารู้สึกผิดเพราะเขาอุตส่าห์มาหาเพราะจำวันเกิดหมอได้ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้ายิ้มให้แล้วก้มลงกระซิบเบาๆ

   “ถึงจะผิดจากที่คิดไว้ แต่ก็...ยินดีด้วยนะหมอ” หมอเลิกคิ้วและพยายามทำความเข้าใจความหมายในประโยคของเขาจนกระทั่งประตูห้องนั้นปิดลงถึงได้เข้าใจ

   ซื้ด.... ไอ้อิฐ!!! หมอหันหน้าไปทางประตูด้วยสายตาเคียดแค้นเล็กน้อยเมื่อเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายดูถูก แต่ก็ด่าไม่ทันแล้ว

   “เอ๊ะ นี่เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอครับ?” เสียงซูกัสดังขึ้นข้างๆ เหมือนตั้งใจจะหยอกล้อ

   “อ้าว... ยังหรอกเหรอ?” หมอตีมึนถามกลับ

   “ไม่รู้สิครับ บังเอิญผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าหมอขอตอนไหน”

   ร้ายกาจ!! นี่คิดจะคั้นกันให้ตายเลยใช่ไหม?

   “ถ้าไม่อยากเป็น ก็ไม่ได้บังคับหรอกนะ จริงสิ สำหรับกัสแล้ว หมอคงไม่แมนมากพอล่ะมั้ง” หมอตอบเสียงเรียบๆ แล้วปล่อยมือเขาออก หมุนตัวเดินไปที่ประตูเงียบๆ โดยที่ไม่ได้มองหน้าเขา

   “เอ่อ... ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น” ซูกัสรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่หมอทำเป็นไม่สนใจจะฟัง

   “เดี๋ยวสิ หมอ” เขาเดินตามมาแล้วดึงชายเสื้อหมอเอาไว้ หมอค้างมือที่จับลูกบิดประตูไม่ได้ตอบอะไรทั้งที่ตอนนี้ตัวเองกำลังกลั้นยิ้มไว้แทบตาย 

   “หมอ...ผมขอโทษ” เขาบอกเสียงเศร้ากดศีรษะตัวเองลงที่หลังหมอเหมือนจะอ้อน อย่างนี้แล้วใครจะไปแกล้งต่อได้ลง

   “ที่จริงหมอก็ไม่ได้โกรธหรอกนะ แต่ถ้ากัสขอโทษแสดงว่ายอมรับว่าตัวเองผิด และถ้ากัสสำนึกผิดล่ะก็ควรไถ่โทษมาซะ” หมอตอบออกไปด้วยประโยคเดียวกันกับที่เขาเคยใช้ก่อนหน้านี้

   “ยังไงเหรอครับ?” เขาเงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย และหมอหมุนตัวกลับไปหา ยกมือขึ้นเกลี่ยข้างแก้มเขาเบาๆ แล้วยิ้มอ่อนๆ

   “หมอให้เลือกเป็นแค่สองข้อเท่านั้นล่ะ เลือกมาว่ามาจะเป็นอะไร”

   “ครับ?”





   “จะเป็นแฟนหรือจะเป็นเมีย”



 :catrun: :catrun:



   
   ทุ่มเศษ...ซูกัสขับรถเก๋งห้าประตูของเขามาส่งหมอที่บ้าน หลังจากที่เราไปทานสเต๊กด้วยกันมาแล้ว จนป่านนี้หมอยังไม่ได้บอกซูกัสเลยว่าวันนี้เป็นวันอะไร แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก เพราะซูกัสเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับหมออยู่แล้ว

   “ขอบคุณนะครับที่มาส่ง นี่ถ้าให้ปั่นจักรยานกลับสงสัยจะลงไปนอนกองที่ข้างถนน”

   “รถหมอก็มี ทำไมไม่ขับล่ะ? เสียเหรอ?” ซูกัสคงหมายถึงรถเก๋งที่จอดคลุมผ้าไว้ในบ้าน ซึ่งถ้าไม่ได้ขับไปงานแต่งเพื่อนเมื่อเดือนก่อนนู้นก็คงลืมไปแล้วว่าจับรถคันนั้นครั้งสุดท้ายเมื่อไร   

   “หมอไม่มีเวลาไปฟิตเนส เลยปั่นจักรยานไปรพ. เพราะมันไม่ไกล แล้วก็เป็นการบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย”

   “สงสารรถหมอนะครับ ซื้อมาก็ไม่ได้ขับ คงใหม่กิ๊ง”

   “เผื่ออยากได้รถใหม่แล้วบอกขายจะได้บอกว่ารถบ้าน เรียกราคาสูงๆ เพราะไม่ได้ใช้จริงๆ”

   เอาเลยซูกัส ชวนคุยต่อไปเรื่อยๆ หมอไม่ได้รู้สึกง่วงหรืออยากนอนตอนนี้เลยครับที่รัก...


   .
   .


   “หมอ...” เขาเรียกแล้วแตะมือเย็นๆลงที่แขนแล้วเขย่าเบาๆ

   “หืม....”

   “หมอหลับเหรอ?” ลืมตาขึ้นงงๆ รู้สึกกาแฟสดจะหมดฤทธิ์แล้วสินะ

   หมอหันไปยิ้มบางๆ ให้แล้วส่ายหน้า

   หมอไม่ได้หลับ หมอแค่สัปหงก!

   “คิก คิก... เข้าบ้านเถอะครับ ดูท่าหมอจะไม่ไหวแล้ว” ถูกต้อง หมอเห็นด้วย โคตรง่วงเลยจริงๆ ให้ตาย

   หมอพยักหน้าแล้วเปิดประตูรถออก

   “หมอ...”

   “ครับ?”

   “นี่หมอไม่คิดจะจูบลาแฟนสักนิดนึงเลยเหรอ?”

   “????” 

   “ผมล้อเล่นน่ะ อิอิ” เสียงหัวเราะขี้เล่นนั่นช่างร้ายกาจอีกแล้ว

   เยี่ยมเลยซูกัส... นี่แหละสิ่งที่ “เคะตัวอย่าง” ควรทำ คืออ่อยทุกๆ สามนาทีที่มีโอกาส

   หมอยิ้ม... แล้วโน้มหน้าเข้าหาคนขับรถนั่นช้าๆ เห็นเขาช้อนตาขึ้นมองแล้วเหมือนจะค่อยๆ เอนหลังหนีห่างทุกๆ ทีที่หมอยื่นหน้าเข้าใกล้

   “แน่จริงก็อย่าหนีสิครับ” หมอบอกแล้วยิ้มอ่อน ส่งสายตาท้าทาย ทำให้ร่างนั้นชะงักแข็งทื่อไปทั้งตัว เหลือแต่ดวงตาที่กระพริบปริบๆ ดูแล้วน่าขัน

   หมอพริ้มตาลงทันทีที่เรียวปากสัมผัสกลีบปากคู่งามของอีกฝ่ายแผ่วเบา ความนุ่มนิ่มหอมหวานที่เย้ายวนนั้นทำให้แสนเสียดายเมื่อผละออกจนต้องกดย้ำรอยจูบนั้นลงไปใหม่ ริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อยนั่นดุจคำเชิญชวนให้ช่วงชิมรสลิ้น พลางสำรวจภายในโพรงปากเล็กๆ นั่นอย่างเพลิดเพลินไม่รู้อิ่ม จนกระทั่งมือเล็กยกขึ้นผลักอกออกจากการกระทำดังกล่าวนั่นแหละถึงเพิ่งรู้สึกตัว...

   “หมอ...ผมหายใจไม่ออก” ถ้อยประท้วงนั้นทั้งน่าสงสารและน่ารังแกไปพร้อมๆ กันจนหมอไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกผิดดีไหม? ที่เกือบฆ่าเขาโดยไม่เจตนา

   “ถึงได้ผายปอดให้อยู่นี่ไง” หมอตอบยิ้มๆ

   “หมออ่ะ...” ดูเหมือนคนไข้ไม่ค่อยขำ เลยประเคนกำปั้นลงบนไหล่เบาๆ 1 ตุ้บ จนหมอรีบคว้าเอวเขาเข้าหาตัวแรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายตกใจ เขาผงะเงยหน้าขึ้นมองตาหมอที่เปลี่ยนจากแววตาขี้เล่นเป็นจริงจังชั่วขณะ

   “ซูกัส...”

   “ครับ?”

   “ค้างที่นี่ไหม?”

   นี่ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่อดนอนมาแล้ว 36 ชั่วโมงเต็มควรทำเลย!!

   แต่มันก็เหมือนคนดื่มเหล้าสูบบุหรี่นั่นแหละ

   รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดี...แต่ก็ยังทำ…
   
++++++++++


เดาถูกกันตั้งหลายคน!! 555
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-02-2016 19:21:24
หมออออออออ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-02-2016 19:43:57
 :katai2-1:    เชื่อแล้วว่าเคะตัวอย่างจริงๆ
เลือกข้อสอง เป็นเมียแน่นอน  :impress2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 03-02-2016 20:27:16
อิฐคือใครอ่า เพื่อนเขาโอบคอกันแนบชิดหรอ เอ้ะๆๆ ยังไม่หายสงสัย
แต่ดูเหมือนซุกัสจะช่างแม่งไปละ 55555


 :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Nene promporn ที่ 03-02-2016 21:19:53
วรั้ยยย ... พี่หมอชวนน้องกัสค้างอะ!!!
น่ารักกก อบอุ่นนนน
กอดหมอที....
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-02-2016 21:21:07
หมอออออ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: nnewy ที่ 03-02-2016 21:57:11
น่ารักมากค่ะะะะ อยากอ่านต่อแล้วว  :sad4:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 03-02-2016 22:50:28
เอาเลยจัดเลยซูกัส :mew1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-02-2016 23:24:10
ไหนๆก็ตามจีบเป็นเดือน เลือกข้อสองเลยลูก
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-02-2016 00:12:17
อร๊ายยย อีหมอร้ายนะยะ มีชวนค้างด้วย
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 04-02-2016 01:32:36
 :z1: :impress2:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 04-02-2016 02:16:41
 :o8:อยากมีแบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2016 02:51:53
 :hao7: หมอจะอดนอนต่อได้ไหม
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: darkhero305 ที่ 04-02-2016 07:51:44
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
รออ่านต่อนะคะ :katai5:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-02-2016 09:17:55
อย่าปฏิเสธหมอนะกัส หึหึ  :z1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 04-02-2016 10:02:11
เดี๋ยวหมอก็หลับคาอกกัส แอร้ย
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 04-02-2016 13:02:05
><
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-02-2016 17:48:55
หมอออออ คิดจะทะไรกัสป่ะเนี่ย ชวนค้างซะด้วย หุๆๆๆๆ :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่5> [03-02-59] อัพๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 04-02-2016 18:58:47
-6-
   
   ทันทีที่เดินเข้าบ้าน หมอก็เดินไปที่ครัวแล้วเปิดตู้เย็น

 “กัสจะดื่มอะไรสักหน่อยไหม?” ถามแก้เก้อทั้งที่ตัวหมอนี่แหละที่อยากหาอะไรดื่ม

   ทว่า.... เรือหาย!! ในตู้เย็นไม่เหลืออะไรที่คิดว่าใช้แก้ง่วงได้เลยสักอย่าง...

   “ไม่อ่ะครับ กัสยังอิ่มอยู่เลย”

   หมอปิดประตูตู้เย็นอย่างสุดเซ็งแล้วเดินกลับไปหาเขาที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่แถวๆ มุมที่จัดไว้เพื่อรับแขก แต่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมีใครมาสักคน พอหมอเดินใกล้ถึงตัวเขาก็นั่งลงตรงชุดรับแขกหันมองนั่นมองนี่เพื่อลดความประหม่า เห็นแล้วน่ารักดี หมอเดินกลับไปข้างๆ เขา ตั้งใจเบียดจนชิดทั้งที่โซฟากว้างขวางเหลือที่มากมายซ้ำยังเนียนจับมือนิ่มนั่นไว้อีกต่างหาก

   ซูกัสหันมามองโดยไม่พูดอะไร ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ แล้วก้มหน้าหนี หมอบังคับเชยคางเขาขึ้นแล้วยื่นหน้าเข้าหาทันที... แต่...

   “หมอ...” อีกฝ่ายขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “ครับ?”

   “ผมอยากอาบน้ำ”

   เยี่ยมมากซูกัส.. หมอมองข้ามความอนามัยไปได้ยังไงเนี่ย!!

   “อืม... ข้างนอกก็มีห้องน้ำ หรือจะอาบในห้องหมอก็ได้” หมอบอกแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่โอบเอวเขาไว้

   “หมอก็ปล่อยก่อนสิครับ” เขายิ้มอ่อน นี่กำลังหาทางรอดหรือยิ่งยั่วยวนหนักขึ้น หือ... เด็กน้อย

   ปล่อยก็ได้....

   หมอค่อยๆ คลายอ้อมแขนออก ซูกัสขยับตัวออกจากอ้อมกอดหมออย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง ราวกับกลัวว่าถ้าหากทำอะไรผลุนผลันแล้วจะทำให้หมอเปลี่ยนใจ

   “เอ่อ... แล้วห้องหมออยู่ไหนล่ะ?”

   “ทางนี้ครับ” หมอลุกขึ้นจับมือเด็กอนามัยพาเข้าไปในห้องนอนตัวเอง พอเห็นจุดที่น่าจะเป็นห้องน้ำเขาก็พลิกมือออก หมอนั่งลงบนเตียงมองตามเขาไปจนร่างเล็กนั่นค่อยๆ หายลับเข้าไปในห้องน้ำ

   ตามสบายเลยกัส... ถ้าคิดว่าหลังจากถ่างตาครบ 37 ชั่วโมงแล้วหมอจะรอกัสไม่ไหวล่ะก็

   บอกเลย กัสคิดผิด... ทำไมหมอจะทนรอไม่ได้

   ฮ้าว... เหมือนพลังงานกำลังจะหมดเลย

   แล้วเปลือกตาทำไมถึงหนักได้ขนาดนี้หนอ...

   ยิ่งพอเอนตัวลงบนฟูก ทำไมหมอนมันช่างนุ่มนวลชวนหนุนอย่างนี้...

   อย่าเพิ่งหลับดิหมอ แล้วซูกัสล่ะ?

   ก็บอกว่าห้ามหลับไง!!!

   แต่ทำไมเปลือกตาไม่ยอมฟัง?


 :110011:


   กริ๊งงงงง

   เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือบอกเวลา 7.20 น. ปลุกหมอให้สะดุ้งตื่นจากนิทราแสนสุขเหมือนเช่นทุกๆ วัน หมอลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วใช้หลังมือขยี้ตาอย่างงัวเงียลุกขึ้นจากที่นอนกำลังจะเปิดประตูห้องน้ำ ก็พอดีประตูห้องนอนถูกเปิดออกเสียก่อนจึงหันไปมองอย่างตกใจ แต่พอเห็นหน้าผู้บุกรุกเท่านั้นแหละ ตกใจยิ่งกว่าเดิมอีก!!

   “หมอตื่นแล้วเหรอ ผมว่าจะเข้ามาปลุกพอดี” คำถามที่หลุดออกจากปากเล็กนั่นฟังดูสดใสร่าเริงจนหมอได้แต่ยิ้มเจื่อน รู้สึกเสียเซลฟ์ขึ้นมาทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้...

   ชวนเค้าค้างที่บ้านแล้วดันหลับไปซะเฉยๆ ทำไมอ่อนงี้วะ!

   “ครับ กัสตื่นนานแล้วเหรอ” หมอถามระหว่างขยับตัวเดินไปหาเขาที่หน้าห้อง

   “สักพักแล้วครับ เลยเดินออกไปข้างนอกกะจะทำอะไรให้หมอกินซะหน่อย แต่ในตู้เย็นมีแต่ผลไม้”

   “ดีแล้วแหละ อย่าวางเพลิงบ้านหมอเลยครับ ขอร้อง”

   “โธ่หมอ ทำไมมองกัสในแง่ร้ายอย่างนั้นล่ะ?” เขาถามกลับพร้อมหัวเราะอย่างน่ารัก

   “หน้าตากัสไม่ค่อยเหมือนพ่อครัวเท่าไรนะ หรือหมอเข้าใจผิด”

   “ที่จริงก็ไม่ผิดเท่าไร แต่อยากให้เป็นไหมล่ะ ผมจะไปได้ไปเรียน” เขาถามอย่างกระตือรือร้น

   “ไม่ต้องหรอกครับ ลำบากเปล่าๆ” หมอว่าแล้วลดสายตาจากใบหน้าแสนน่ารักนั่นลงมองชุดที่เขาใส่อยู่ตอนนี้เป็นเชิ้ตขาวซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเสื้อหมอเอง

   “ขอโทษที่ยืมมาใส่โดยไม่ขออนุญาตนะครับ”ดูท่าเขาคงจะพออ่านสายตาหมอออก “เมื่อวานพอผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นหมอสลบไปแล้ว ก็เลย...” เงิบ!!   

   “หมอต่างหากต้องขอโทษ...” เผลอหลับไปได้ยังไง!!!

   “เรื่องอะไรเหรอครับ?” คำถามและใบหน้าแสดงความสงสัยได้ไร้เดียงสาจนหมอจะพูดก็อายปาก

   “ช่างเถอะ หมอก็ลืมไปแล้วล่ะ”

   “ผมว่าหมอไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เมื่อวานก็ไม่ได้อาบ” เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วดมเสื้อหมอฟุดฟิด “หือ....ก็ว่าอยู่ว่าเหม็นอะไร ที่แท้ก็กลิ่นหมอนี่เอง” หมอไม่อาบน้ำนี่บางทีก็เรื่องปกตินะ!

   หมอตีมึนไม่สนใจเนียนคว้าเอวอีกฝ่ายไว้แล้วจงใจฝังจมูกลงที่ซอกแก้ม

   “ทำไมหมอไม่เห็นได้กลิ่นเหม็นอะไรเลย มีแต่กลิ่นหอมๆ”

   “มัวแต่ลีลา เดี๋ยวหมอก็ไปทำงานสายหรอก” เขาเตือนเบาๆ เบนหน้าเรื่อสีน่าจูบนั่นออกห่าง

   “กัสทำให้หมอไม่อยากไปโรงพยาบาลมากที่สุดในรอบ 6 ปีเลยนะรู้ไหม?” หมอบอกเขาด้วยเสียงอ้อนๆ

   “อย่างอแงสิครับ ทำเหมือนกัสจะหายไปไหนงั้นแหละ”

   “ก็ไม่รู้จะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไรนี่นา...”

   “หมอไม่ต้องห่วงหรอก มีอีกแน่ๆ” เขาหันมายิ้มใส่ตาจนอยากจะ...ซะตอนนี้เลยจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามันลางานกันไม่ได้ง่ายๆ น่ะนะ

    “แต่คราวหน้าอย่าหลับไปก่อนก็แล้วกัน”

   
:myeye: :myeye: :myeye:

   ไม่เอาดิหมอ... สักวันมันต้องมาถึงอีกนั่นแหละ

   ทำไมหมอต้องกระวนกระวายใจอยากรู้ด้วยล่ะว่า “คราวหน้า” น่ะมันเมื่อไร

   สงบจิตสงบใจตรวจคนไข้ต่อไปได้แล้ว!!!

   “เป็นไงมั่งหมอ? หลินเป็นยังไงบ้าง...” เสียงพิวัฒน์เพื่อนที่เพิ่งแต่งงานไปหมาดๆ สองเดือนก่อนถามด้วยใบหน้าแสดงความกังวล หมอเงยหน้าจากผลแลปแล้วตอบเสียงเรียบ

   “ยินดีด้วยครับ ภรรยาของคุณตั้งครรภ์” หมอตอบอย่างสุภาพเพราะหลินภรรยาของเขานั่งฟังอยู่ข้างๆ ด้วย

   “จริงเหรอ?” อีกฝ่ายถามอย่างดีใจแล้วรีบเดินมากอดหมออย่างแนบแน่น

   โธ่! ต่อหน้าเมียตัวเองแท้ๆ อย่ามาทำอะไรประเจิดประเจ้อหน่อยเลย!

   “ใจเย็นก่อนได้ไหม? จะดีใจอะไรกันนักหนา” หมอถามและว่าที่คุณพ่อก็ค่อยๆ ลดความตื่นเต้นลงในที่สุด

   “โธ่! หมอไม่เคยเป็นพ่อคนน่ะจะไปเข้าใจอะไร?” อีกฝ่ายสวนกลับจนหมอหน้าหงาย

   “เบื่อพวกแทงใจดำ...” หมอพึมพำ

   “แล้วยังไงต่อ ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษไหม”

   “อย่างแรกเลยก็ฝากครรภ์ซะนะ จะได้ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด อัลตร้าซาวนด์ต่างๆ เดี๋ยวหมอเค้าจะแนะนำอีกทีนึง”

   “ฝากที่ไหนดี คลินิกหมอได้ไหม?”

   “ที่นั่นก็ดี หมออ้อก็เก่ง เดี๋ยวหมอจะฝากเค้าดูให้”

   “อ้าว... แล้วหมอล่ะ?”

   “เอาจริงๆ หมอเข้าคลินิกแค่อาทิตย์ละสองสามชั่วโมงเองนะ ไปดูเอกสารหรือช่วยเคสบ้างแล้วแต่ว่าง ส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ที่โรงพยาบาล ซึ่งถ้าอยากมาฝากที่นี่ก็แล้วแต่นายแหละ แต่จะว่าไป น่าจะฝากใกล้ๆ บ้านมากกว่าหรือเปล่า?”

   “เออ สงสัยมานานละ ทำไมหมอเปิดคลินิกแต่ไม่อยู่คลินิก จะมาทำงานที่โรงพยาบาลทำไม? ถ้าทำงานที่คลินิกเต็มเวลาน่าจะรวยกว่าที่นี่เยอะไม่ใช่เหรอ?” ถือว่าเป็นคำถามที่ดีมากๆ เลย

   “ก็เพราะคิดอย่างนี้กันน่ะสิ แพทย์ไทยถึงขาดแคลน ถึงคลินิกจะเงินเยอะกว่า แต่มันไม่ภูมิใจเท่าที่นี่นะ”

   “แหม... อุดมการณ์มันกินไม่ได้หรอกหมอ” มันว่าพลางหัวเราะ

   “ก็จริง แต่ทำไงได้ล่ะ ตัดสินใจไปแล้ว ตอนเข้ามาตอนแรกก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไรนะ เพราะเป็นแพทย์เฉพาะทาง พอมีหมอลาออกไปสองคนเท่านั้นแหละงานหนักขึ้นจม จะลาออกอีกคนก็สงสารคนที่อยู่ต่ออีก”

   “เข้าใจหมอนะ แต่บอกอะไรหมอไว้อย่าง  เอ็นดูเขา เอ็นเราขาดนะหมอ”   
++++++++++   


   และแล้วก็ถึงวันหยุดของหมอคือออกเวร 9 โมงเช้า หลับยาวยัน 5 โมงเย็นแล้วอาบน้ำแต่งตัวมาคลินิกตามปกติ

   หมอนั่งง่วงอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ในขณะที่ซูกัสนั่งเล่นมือถืออยู่ข้างๆ

   “หมอ... กัสอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น” แล้วจู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมา

   “ก็ไปสิครับ” จะให้หมอตอบยังไงได้ใช่มะ

   “หมอว่างเมื่อไรล่ะ? ไปกัน...” ทั้งน้ำเสียงและสายตามันช่างอ้อนจนหมอล่ะอ่อนใจ

   “เอ่อ... หมอยังทำงานที่นี่ไม่ครบปีเลย สงสัยจะไม่มีพักร้อน”

   “เฮ้อ... แล้วหมอจะพูดขึ้นมาทำไม ให้ไปคนเดียวกัสไม่ไปหรอก”

   แล้วกัสจะให้หมอทำยังไง? พูดงี้หมอเศร้านะครับ...

   เราทั้งสองเงียบกันต่อไปอีกจนกระทั่งสักพักซูกัสก็เริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมาใหม่

   “หมอ... วันนี้กัสไปเที่ยวบ้านหมอนะ” หันขวับคอแทบหัก! กะจะมองหน้าคนรักแต่ซูกัสก็ยังก้มหน้าลงที่มือถือตามเดิม

   “ก็ไปสิครับ” หมอตอบแล้วยิ้มกริ่ม จนเขาเงยหน้าขึ้นมา

   “หมอยิ้มอะไรอ่ะ คิดอะไรทะลึ่งอยู่แน่เลย” เอ๊ะ! ทำไมรู้....

   “เปล่าสักหน่อย แค่ดีใจเฉยๆ รับรองคราวนี้หมอจะไม่หลับ!”

   “นั่นไง คิดอยู่ชัดๆ ผมไม่ได้จะชวนหมอไปทำอย่างว่าซะหน่อย แค่อยากทำเรื่องที่ค้างคาไว้ให้เสร็จเฉยๆ”

   “หือ...ค้างคา? เรื่องอะไร?”

   “ก็เรื่องที่หมอจะตรวจอสุจิไง ลืมไปแล้วเหรอ?”

   เออ.... เอาจริงนะ ลืมเรื่องนั้นไปเลย

   “เอ่อ... กัส หมอว่าไม่ต้องทำแล้วล่ะมั้ง” หมอค่อยๆ ตอบอ้อมแอ้ม...

   “อ้าว ทำไมอ่ะ”

   “ก็... ตรวจไปก็เท่านั้น ถึงยังไงเรื่องอุ้มบุญมันก็ทำไม่ได้อยู่ดี”

   “เอ้า! ทำไมไม่ได้อ่ะ” คราวนี้ซูกัสถามซะดัง แถมยังทำหน้าไม่พอใจมากอีกด้วย

   ใจเย็นสิครับ หมอกลัว...

   “ก็มันผิดกฎหมายน่ะสิกัส” หมอพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

   “แล้วทำไมหมอไม่บอกกัสตั้งแต่ทีแรกล่ะ?” ในคำถามมันทั้งไม่พอใจระคนผิดหวังจนหมอได้แต่ติดอ่าง...

   “ก็....เอ่อ...หมอขอโทษ แต่กัสก็น่าจะรู้นะว่ามันเป็นไปได้ยาก”

   “กัสไม่รู้หรอก” เขาสวนกลับมาทันควัน “เพราะว่ากัสไม่รู้ กัสก็เลยเชื่อหมอไง แต่ถ้าหมอทำไม่ได้ หรือไม่อยากทำหมอก็น่าจะจะบอกกัสตั้งแต่แรก จะมาให้ความหวังกัสทำไมอ่ะ?” แล้วซูกัสก็สะอื้นฮักปล่อยน้ำตาไหลพรากลงมา

   “เรื่องแค่นี้ทำไมต้องจริงจังด้วย เราก็ยังเด็กอยู่ต่อให้มีลูกได้จริง แต่จะรีบมีไปทำไม ลูกคนน่ะมันไม่เหมือนลูกหมา ลูกแมว อยากเลี้ยงก็เลี้ยง อยากทิ้งก็ทิ้งได้ตามใจหรอกนะ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ”

   “ช่างเถอะ... กัสไม่ดีเองแหละ ถ้าหมอคิดว่ากัสบ้า งี่เง่า ก็ตามใจหมอแล้วกัน กัสกลับล่ะ ถ้าหมอไม่อยากช่วย กัสหาทางเองก็ได้!!” แล้วเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมตัวจะกลับ

   “เดี๋ยวสิกัส คุยให้รู้เรื่องก่อน...” คว้ามือเขา แต่ข้อมือเล็กนั่นสะบัดออกอย่างแรง

   หมอพยายามแล้วนะที่จะรั้งเขาไว้... แต่ไม่สำเร็จ



++++++++++
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 04-02-2016 19:03:52
อย่าบอกนะว่าซูกัสโกรธหมอ...โธ่!! หมดกันโอกาสแบบนั้นของหมอคงไม่หวนมาแล้วมั้งค่ะ
แล้วที่นี้หมอเราจะง้อซูกัสยังไงดีละ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-02-2016 19:13:10
เอ้าเงิบสองรอบในตอนเดียว
ซูกัสเอ๋ยยยฟังหมอก่อน
ยุคนี้ต้องไปอเมริกาเท่านั้นค่ะถ้าเป็นคู่เกย์กันนะ     เสียดายเมืองไทยปิดเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-02-2016 19:39:01
หมอ ก่อนว่าน้องถามน้องก่อนสิว่าทำไมถึงอยากมี
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 04-02-2016 21:26:19
หมอออออ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-02-2016 22:03:54
เข้ามาหาหมอเนี่ยเพราะเรื่องลูกอย่างเดียวใช่ไหมกัส รักไม่มี
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-02-2016 22:27:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-02-2016 22:44:42
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-02-2016 23:41:36
ควรจะขำดี หรือจะสงสารหมอดีเนี่ย :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 04-02-2016 23:47:31
ไงล่ะหมอ โดนโกรธแล้วววววส :hao3:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่6> [04-02-59] ที่เก่าเวลาเดิม ♥
เริ่มหัวข้อโดย: love boy ที่ 05-02-2016 12:01:18
รีบง้อเลยค่ะหมอออ ทำลูกให้กัสทั้ง 3 คนสิค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 05-02-2016 19:36:41
-7-

   1 week later. Thursday again.

    I miss you, Sugus.

   หมอเพิ่งราวนด์วอร์ดเสร็จ (ดูแลคนไข้ในหอผู้ป่วยรอบเช้า) และเตรียมตัวจะกลับบ้าน

   ตั้งแต่ตอนนั้นหมอก็ติดต่อซูกัสไม่ได้เลย เขาไม่ยอมรับสายหมอมาหลายวันแล้ว และถึงวันนี้จะเป็นวันหยุด หมอก็รู้แก่ใจว่าเขาอาจจะไม่แวะมาหาเหมือนปกติ

   บ่ายโมง... หมอสะดุ้งตื่นขึ้นไวกว่าที่เคยและไม่มีอาการง่วงเหงาอย่างที่ควรเป็นโดยไม่ทราบสาเหตุ หมอควรแวะไปคลินิกสักหน่อย แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ร่างกายและจิตใจมันอ่อนล้า เหนื่อยหน่ายชอบกล รู้สึกไม่สบายใจ ไม่มีสมาธิ ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อยากทำกิจกรรมใดๆ ไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น

   เอ๊ะ! จะว่าไป นี่เป็นอาการเกือบครึ่งของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแล้วนะเนี่ย แต่ยังดีที่หมอไม่ได้รู้สึกอยากฆ่าตัวตายขึ้นมาอีกอย่าง ไม่งั้นนอกจากรักษาคนไข้แล้วยังต้องรักษาตัวเองด้วยแน่ๆ

   โรคของผู้ป่วยนอกจากผลการตรวจซึ่งอาจจะไม่ชัดเจน ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ด้วยว่าจะวิเคราะห์ออกมาอย่างไร สำหรับหมอซึ่งไม่ได้รับการตรวจใดในตอนนี้ กลับสรุปอาการของโรคประหลาดของตัวเองได้ง่ายๆ แค่ว่า

   หมอคิดถึงซูกัส...

   และไม่ว่าเราจะป่วยด้วยโรคอะไรก็แล้วแต่ ถ้ารักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะหายง่ายกว่าปล่อยให้เป็นหนัก ดังนั้นหลังจากได้ข้อมูลที่อยู่อดีตคนไข้มาจากคลินิกตัวเอง หมอจึงขับรถมาเกาะรั้วบ้านของเขา

   บ้านซูกัสตั้งอยู่ในแถบพวกคนมีเงินอยู่กัน บ้านหลังใหญ่นั่นกว้างกว่าบ้านเดี่ยวของหมอประมาณสามเท่าได้ ให้หมอเดา เขาคงถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจจนติดนิสัยเด็กๆ อย่างที่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนิสัยดีมากๆ อยู่ดี เมื่อเทียบกับลูกผู้ดีมีเงินทั่วไปที่หมอเคยรู้จัก

   “ผมมาหาซูกัสครับ” ผมแจ้งความประสงค์เมื่อมีคุณป้าคนหนึ่งเดินมาที่ประตูรั้วหลังจากผมกดออด

   “เอ่อ คุณกัสไม่อยู่ค่ะ ไปโรงพยาบาล”

   “โรงพยาบาล... กัสเป็นอะไรเหรอครับ?” ผมรีบถามอย่างตกใจเพราะความเป็นห่วง

   “คุณกัสไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่ว่า...”

:hao4: :hao4: :hao4:


    เมื่อมาถึงจุดหมายในยามเย็น หมอเดินมะงุมมะงาหราเข้าไปในบริเวณสนามหญ้าของโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิตที่พยาบาลชี้ทางให้ จนกระทั่งพบซูกัสยืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มตุ๊กตาไว้ในอ้อมแขน นั่นคงจะเป็นแคนดี้ พี่สาวของซูกัสล่ะมั้ง หมอเดินช้าๆ เข้าไปหาและยืนนิ่งอยู่ข้างหลังรอจนเขาเป็นฝ่ายหันมาเอง

   “หมอมาได้ยังไง” คำถามนั้นมีแววแปลกใจ

   “หมอไปหากัสที่บ้านมาน่ะ ก็เลยรู้ว่ากัสมาที่นี่ หมอก็เลยตามมา”

   “ตลกนะครับ ถ้าผมกับหมอจะได้เจอกัน ต้องวนเวียนอยู่แค่ที่คลินิกและโรงพยาบาลเท่านั้นเองเหรอ?” เขายิ้มเศร้า

   “ถึงกัสจะอยู่ที่อื่น หมอก็จะไปหาอยู่ดี เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” หมอบอกเขาด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง เขามองหน้าหมอนิ่งนาน

   “งั้นเราไปคุยกันทางนู้นดีกว่านะครับ” เขาบอกผมแล้วหันไปหาพี่สาว “พี่ดี้ เดี๋ยวกัสมานะ”

   จากนั้นเขาก็เดินนำหมอไปอีกมุมที่แลสงบกว่าเดิม

   “รู้ไหมสิ่งที่ทรมานมากกว่าการบอกเลิกคืออะไร มันก็คือการหายไปเฉยๆ” หมอเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเมื่อเขาหยุดเดินแต่ยังคงหันหลังให้

   “ผมบอกตอนไหนเหรอครับว่าอยากเลิกกับหมอ?” เขาถามแล้วหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า

   “ถ้ากัสไม่อยาก แล้วทำไมถึงหายไปแบบนี้ กัสไม่รับสายหมอเลย”

   “ถ้ากัสรับ คงไม่เห็นหมอที่นี่หรอกจริงไหมครับ มันคงจะวนลูปอยู่ที่เดิมตรงที่ผมเป็นฝ่ายไปหาตลอด”

   “กัสก็รู้ว่าหมอยุ่ง ถ้าหมอมีเวลาว่างมากพอ หมอก็อยากเป็นฝ่ายไปหากัสนะ”

   “ที่จริงผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะ ถึงจะนั่งรอคิวหนึ่งชั่วโมงเพื่อคุยกับหมอแค่ 5 นาทีผมก็รู้สึกมีความสุข ผมบอกหมอตั้งแต่แรกแล้วว่าผมรับได้ จนผมเพิ่งมารู้ว่าโดนหมอหลอก หมอเห็นความตั้งใจของผมเป็นเรื่องตลกแล้วก็ใช้มันแกล้งให้ผมทำเรื่องน่าอายแบบนั้น แล้วตอนนี้ผมก็ไม่รู้เลยว่านอกจากเรื่องนั้นแล้วหมอหลอกอะไรผมอีกหรือเปล่า”

   “หมอผิดเอง หมอขอโทษ... แต่ทำไมกัสไม่เล่าเรื่องพี่สาวให้หมอฟังบ้างล่ะ ถ้าหมอรู้เหตุผล หมอคงจะบอกกัสไปตามตรง คงไม่ทำให้กัสรู้สึกแย่แบบนี้หรอก”

   “ก็หมอบอกว่า ไม่ให้คุยเรื่องเกี่ยวกับอาชีพหมอไม่ใช่เหรอ?”

   “ยกเว้นบ้างก็ได้ ถ้ามันจะเรื่องใหญ่ขนาดนี้”

   “ถึงผมเล่าไปก็เท่านั้นแหละ ขนาดคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงยังรักษาไม่หายสักที แล้วหมอสูติอย่างหมอจะช่วยอะไรได้ล่ะ”

   “ก็ช่วยเท่าที่ทำได้นั่นแหละ”

   “งั้นช่วยให้กัสมีลูกสิ มันคงเป็นวิธีเดียวในตอนนี้ที่ผมนึกออก”

   “กัสคิดเหรอว่าวิธีนี้จะช่วยได้จริงๆ”

   “หมอคงคิดว่ากัสบ้า คงรำคาญกัสมากใช่ไหมที่เอาแต่พูดเรื่องอะไรไร้สาระอยู่ตลอด แต่ถ้าหมอไม่มาเป็นกัส หมอคงไม่เข้าใจหรอกว่าการที่สุดท้ายแล้วต้องยอมให้คนที่ตัวเองรักมาอยู่ในที่แบบนี้มันรู้สึกยังไง” เขาระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มพรั่งพรูจนต้องใช้หลังมือตัวเองเช็ดออก 

   “หมอเข้าใจ ไม่มีใครอยากให้คนในครอบครัวมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ แต่อยากให้กัสลองเชื่อใจคุณหมอดูบ้าง การรักษาคนไข้ทางจิตเนี่ยมันต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องนะ กัสควรจะให้พี่สาวอยู่การดูแลของแพทย์น่ะดีที่สุดแล้วแหละ”

   “เห็นไหม? สุดท้ายแล้วพอหมอรู้เรื่อง หมอก็พูดเหมือนคนอื่น” เขาต่อว่าปาดน้ำตาป้อยๆ

   “ฟังนะซูกัส ถ้าถามหมอว่าวิธีที่กัสพูดน่ะมันมีความเป็นไปได้ไหม หมอก็คิดนะว่ามันอาจจะมีโอกาส แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จะมีหมอที่ไหนแนะนำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้ญาติคนไข้ทำ คนเป็นหมอก็มีหน้าที่รักษาตามสิ่งที่ตัวเองเรียนมา จะให้หมอพึ่งปาฏิหาริย์ได้ยังไง”

   “หมอไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติจริงเหรอครับ?”

   “ใช่ หมอเชื่อแต่วิทยาศาสตร์เท่านั้น”

   “ถ้าอย่างงั้น ที่ผมเคยคิดว่าการได้พบกับหมอเป็นพรหมลิขิต ผมก็คงบ้าไปเองด้วยสินะ” คำถามเล่นเอาอึ้งครับ เหมือนโดนพาลใส่

   “ซูกัส...มันคนละเรื่องกันเลย” 

   “ถ้าหมอคิดอย่างนั้นจริงๆ ก็กลับไปเถอะครับ ต่อไปผมคงไม่กลับไปกวนใจหมออีกแล้วล่ะ” นี่เป็นประโยคบอกเลิกที่โหดใช้ได้เลย แต่ใครจะปล่อยให้มันจบง่ายแบบนั้นล่ะ พอเห็นเขาจะหนี หมอก็รั้งข้อมือเขาไว้   

   “หมอไม่เชื่อในพรหมลิขิตหรอก” ซูกัสหันมามองหมอด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ

   “แต่หมอเชื่อในความรัก” เขาเบิกตากว้าง ในแววตาเหมือนจะอ่อนลง


“แต่สำหรับกัสคงเห็นหมอเป็นแค่เครื่องมือทำลูกเฉยๆ ล่ะมั้ง?”


   “ไม่ใช่นะหมอ!!”

   “แล้วจะให้เข้าใจว่ายังไง? ถ้ากัสจะบอกเลิกกับหมอแค่เหตุผลที่ว่าหมอเป็นแค่หมอธรรมดา หมอไม่สามารถทำในสิ่งที่กัสขอร้องได้ แต่กัสรู้อะไรไหม? ต่อให้หมอทำได้... หมอก็ไม่ทำหรอก เพราะหมอคิดมาตลอดว่า “เด็ก” สมควรจะเกิดมาท่ามกลาง “ความพร้อม” และ “ความรัก” แต่ตอนนี้กัสไม่มี ไม่มีเลยสักอย่าง!!”



 :เฮ้อ: :เฮ้อ:


   
   จนตอนนี้หมอก็งงตัวเอง ว่ามาง้อหรือมาชวนทะเลาะกันแน่ จากที่คิดว่าจะคืนดีกันง่ายๆ กลับกลายเป็นตัวหมอที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับความไร้เหตุผลของเขาจนต้องทิ้งซูกัสไว้แล้วเดินลิ่วมาที่รถโดยที่ยังไม่ทันเคลียร์อะไรกันมากกว่านี้ แต่พอหมอสตาร์ทรถกำลังจะกลับ กลับเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้ ไม่สิ... หมอน่าจะเรียกมันว่า “ความรัก” มากกว่า ซูกัสถึงได้มาเคาะกระจกรถหมออยู่แบบนี้

   จากนั้นเราก็นั่งอยู่ในรถเงียบๆ นับเป็นครั้งแรกที่หมอขับรถให้เขานั่ง คำว่า “รัก” มันศักดิ์สิทธ์จริงๆ นะครับ ไม่อย่างงั้นซูกัสที่กำลังอยู่ในโหมดทั้งวีนทั้งเหวี่ยง พูดไม่รู้เรื่องขนาดนั้นคงไม่อยู่ในอาการสงบได้ขนาดนี้หรอก

   “ผมขอโทษนะหมอ” ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นมา

   “เรื่องอะไรล่ะ?” ซูกัสสงสัยเป็นสายมาโซนะเนี่ย ต้องให้ด่าซะหน่อยถึงจะสลด...

   “ที่ผมทำให้หมอเข้าใจผิด ผมไม่ได้เข้ามาในชีวิตหมอเพียงเพราะอยากใช้ประโยชน์หมออย่างที่หมอคิดหรอกนะ”

   “เหรอครับ” หมอรับคำเรียบๆ ที่ให้ความรู้สึกว่าไม่ค่อยเชื่อนัก

   “กัสรักหมอจริงๆ นะ”

   “ถึงหมอจะเป็นแค่หมอธรรมดาที่ทำให้ผู้ชายท้องไม่ได้น่ะเหรอ” หมอถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจประชด

   “หมออ่ะ...” แล้วเขาก็ถอนใจยาวบ่งบอกว่าไม่สบายใจ แล้วเราก็เงียบกันไปตลอดทางจนถึง บ้านหมอ
   
   นี่คือการเดินทางที่ไกลที่สุดในรอบครึ่งปีเลยทีเดียว วันนี้วันเดียว...หมอกลับจากโรงพยาบาลมาบ้านตัวเอง ไปคลินิก บ้านซูกัส และโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิตแล้วก็กลับมาบ้านตัวเอง...

   “บางทีหมอก็คิดนะว่าเราสองคนอาจจะไปด้วยกันลำบาก แต่หมอก็อยากจะพยายาม ถ้ากัสอยากให้หมอมีเวลาให้ หมอก็ทำได้นะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าการละทิ้งอุดมการณ์เพื่อความรักมันจะทำให้กัสรู้สึกผิดหวังหรือเปล่า ถ้าหมอไม่ได้เป็นคนเสียสละหรืออุทิศตนอย่างที่เคยเป็น” หมอยืนพูดกับเขาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างซ๊เรียส เหมือนกำลังเลกเชอร์นักศึกษายังไงยังงั้น!

   “หมอพูดอะไรอ่ะ ที่จริงผมก็ไม่ได้ชอบหมอเพราะหมอเป็นหมอตั้งแต่แรกแล้วนะ ถึงหมอจะเป็นเด็กปั๊ม คนขายไก่ย่าง ทนายความหรือมาเฟีย ถ้ากัสได้เจอหมอ กัสก็ยังชอบหมออยู่ดีนั่นแหละ เพราะงั้นหมอไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมหรือแม้แต่จรรยาบรรณแพทย์สักนิดเลยตอนอยู่กับผม...”

   “งั้นถามหน่อย กัสชอบหมอที่ตรงไหนเหรอ?”

   “ตอบแบบตรงๆ เลยนะ หน้า...” หมอถึงกับยกมือกุมขมับ! บางทีซูกัสก็เป็นคนตรงไปตรงมาเกินไปนะ

   ตรงแบบชนประตูโขกผนังเลย!

   “หมออย่ามองกัสอย่างงั้นสิ หมอเองก็ต้องชอบกัสเพราะหน้าเหมือนกันนั่นแหละใช่ไหม?”

   หมอหันไปมองหน้าซูกัส ดวงหน้าของเด็กดื้อแต่ก็น่ารักไปด้วยในตัว มีทั้งความมั่นใจและบางครั้งแสนออดอ้อน ถ้าน้องส่องกระจกอยู่ทุกวัน คงไม่ต้องถามว่าทำไมเขาถึงได้มั่นหน้าขนาดนี้!

   “ใช่... ทีแรกก็ชอบหน้าอยู่หรอก” หมอตอบรับออกไปง่ายๆ เพราะถ้าบอกว่าไม่น่ารัก ก็โกหก!

   “เห็นมะ” คนน่ารักเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจที่การคาดเดาของตัวเองถูกต้อง...

   “แต่หน้าตามันไม่ใช่คุณสมบัติที่จะเป็นแฟนกับหมอได้หรอก เพราะถ้ากัสมีดีแค่หน้าจริงๆ ล่ะก็ หมอคงจะฟันกัสไปตั้งแต่วันแรกที่มาอ่อยหมอถึงบ้านแล้วก็จบๆ กันไป” น้ำเสียงที่จริงจังของหมอทำให้ใบหน้าของเขาเจื่อนลงแล้วเถียงกลับอ้อมแอ้ม

   “ก็...ตอนนั้นหมอง่วงนี่นา”

   “หึ! หมอโกหกต่างหากล่ะ  แค่ไม่อยากสร้างบาดแผลให้คนไข้เท่านั้นแหละ” หมอหัวเราะขึ้นจมูก นั่งลงข้างๆ แล้วหันไปมองหน้าเขาทำให้เราสบตากัน

   “ถ้างั้น... หมอจะบอกว่าชอบนิสัยกัสเหรอ?” เขาถามอย่างสงสัย และหมอยิ้มตอบ

   “คงไม่ใช่หรอกมั้ง อาจจะเป็นรูปร่างมากกว่า เพราะนิสัยกัสโคตรๆ จะไม่ดีเลย หมอคงไม่...” เขาขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดแล้วพล่ามยาวอยู่คนเดียวไม่ยอมหยุดจนหมอยื่นมือไปแตะคาง เขาจึงชะงักแล้วมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น

   “อือ...ก็อาจจะไม่ดีเท่าไร” หมอบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและรอยยิ้มที่อ่อนโยน เกลี่ยนิ้วโป้งไล้ไปตามขอบปากบางนั่นเบาๆ “แต่ก็มากพอแล้วสำหรับหมอ...”

   ถ้าไม่ตาฝาด หมอเห็นซูกัสกลืนน้ำลาย ริมฝีปากคู่เล็กที่ขยับเม้มเพียงเล็กน้อยยามสัมผัสปลายนิ้วโป้งของหมอกลับให้ความรู้สึกเหมือนถูกจูบและเชิญชวนอย่างประหลาด...

   “หมอ...อืม...” เขาส่งเสียงในลำคอเมื่อใบหน้าของหมอโน้มเข้าหาและครอบครองเรียวปากนุ่มนั่นอย่างกะทันหัน จนศีรษะเล็กๆ นั้นคล้ายจะผละหนีด้วยความตกใจ แต่ก็หมดสิทธิ์เพราะอุ้งมือของหมอที่ไล้ประคองสันคางนั้นเลื่อนต่ำลงมายึดต้นคอเขาให้ตั้งตรงเพื่อรับจุมพิตนั่นต่อไปอีก...


+++++++++++


สวัสดีค่ะ 0/ นิเองนะ

(รู้สึกเหมือน จากชื่อยูส จะไม่ค่อยมีคนรู้จักเรา555+)


ช่วงแรกๆ อ่านกันไปเพลินๆ ไม่ต้องเครียดมาก  สำหรับเรื่องผู้ชายท้องได้นั้นสำหรับเรื่องนี้คืออิงวิทยาศาสตร์พอสมควร

อาจจะทำให้อ่านแล้วมึนๆ หรือรู้สึกขัดใจในบางเรื่องก็ต้องขออภัยนะคะ

คนเขียนก็ไม่ใช่หมอ ไม่ใช่นศพ. หากมีข้อมูลใดที่ผิดพลาดต้องขอโทษล่วงหน้า และยินดีแก้ไขหากมีการท้วงติงนะคะ

จะเป็นยังไงต่อไปก็รอชมก็แล้วกัน ♥

* ลงนิยาย ประมาณ ทุ่มเศษ ของทุกๆ วัน จนจบ (ถ้าไม่มีธุระที่ไหนนะคะ)

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ ที่เป็นกำลังใจ ให้คนเขียน  / กัส+ หมอด้วยนะคะ

♥ :กอด1: :L2: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 05-02-2016 20:05:55
ลุ้นแทบตายนึกว่าจะจบไม่สวยตอนแรกเหมือนมาชวนทะเลาะมากกว่ามาง้อนะ แต่ชอบฉากจูบฟินจิกหมอน
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2016 20:12:31
นึกว่าจะทะเลาะกันใหญ่โตซะแล้ว
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-02-2016 20:23:48
 :L2: :pig4:

จำยูสได้
มาติดตาม นะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-02-2016 20:28:09
กรี้ดจากการทะเลาะสู่การบอกรักจ้า. น่ารักมากๆค่ะคุณนิ
น้องกัสก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของหมออยู่ดี
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: waterlily ที่ 05-02-2016 21:28:42
เขาจูบกันแล้ว ดีใจกรี๊ดกร๊าด  :mew1: :-[
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-02-2016 23:07:35
ตอนหน้าต้องมีมากกว่าจูบสินะ ๕๕๕
 รอ รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 05-02-2016 23:16:37
ซูกัสกับพี่หมอ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-02-2016 23:39:40
ซูกัสน่าสงสารอะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 06-02-2016 00:27:44
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-02-2016 14:51:26
เขาจูบกันแล้วววววววววว
กลัวจะทะเลาะกันไปยาว
รอลุ้นต่อออออ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7> [05-02-59] เชื่อในความรัก♥
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 06-02-2016 18:57:12
7.5

ไม่มีเนื้อหามีแต่ nc

จะว่าไป ทิ้งไว้แบบนั้น น้อยคนจะถามว่า ฉากต่อไปคืออะไร...

ที่เล้าไม่ค่อยมีคนหื่นเลยเนอะ   :mew3:

หรือ ฉากนี้มันมาเร็วเกินไปน้า... :mew2:


+++++++++++++++++++


หมอเกี่ยวรั้งเอวอีกฝ่ายไว้จนชิดอกขณะส่งปลายลิ้นค่อยๆ กวาดชิมความนุ่มนิ่ม หวานซ่อนเปรี้ยวของลูกอมรสผลไม้ชิ้นนั้นอย่างติดอกติดใจจนอยากกลืนกินเข้าไปหมดทั้งชิ้น

   “ฮ้า...” ซูกัสพ่นลมหายใจทันทีที่หมอผละจูบ หมอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงหน้าหวานกำลังปรือตามองด้วยสายตาที่แสดงความไหวหวาม หมอยิ้มอ่อน ยกมือเกลี่ยแก้มเขาเล่นแล้วจูบลงตรงหน้าผากเบาๆ พลางระริมฝีปากพร่างพรมรอยจูบไปทั่วใบหน้าหวานนั่นอย่างรักใคร่จนไล่ต่ำลงมาที่ลำคอขาวเนียน

   ไม่ช้าไม่นาน หมอก็ถอดเสื้อเขาออก ผิวกายเนียนละเอียดงดงามที่ปรากฏทำให้หมอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ไหว ความปรารถนาอันมากมายกำลังพุ่งดันผืนผ้าด้านล่างจนรู้สึกอึดอัด แต่กลับยังไม่อยากรีบร้อนให้ถึงจุดนั้นไวนัก...

   หมอค่อยๆ ประคองร่างเขาทอดตัวลงบนโซฟาแคบอย่างนิ่มนวล ระหว่างลิ้มไล่จูบผะแผ่วไปตามลาดไหล่เปลือย ลากลามมายังแผ่นอก ร่างเล็กกำลังสั่นสะท้านหอบถี่กับทุกสัมผัสที่หมอแตะต้อง ไม่ว่าจะเป็นปากหรือมือที่เริ่มเคล้นคลึงหยอกเอินไปตามเรือนร่างเล็กนั่นจนมาหยุดที่ยอดอกสีสวยจนอดไม่ได้ที่หยุดสำรวจเสียนานสองนานด้วยการดูดดุนตุ่มเล็กที่รวมความรู้สึกจนคนใต้ร่างกระสับกระส่ายแอ่นอกหาส่งเสียงครางอื้ออึงไม่เป็นภาษา จนรอยจูบเริ่มลุกลามเลื้อยต่ำไปยังหน้าท้องเนียนเรียบจนต่ำถึงสะดือแต่กลับติดขัดเพราะขอบกางเกงสีดำที่กั้นขวางจนต้องรีบปลดเข็มขัดนั้นออกโดยไว

   “หมอ... กัสอยาก...” และแล้วประโยคเดิมก็มาด้วยน้ำเสียงที่โหยอ่อน มือเล็กพยายามผลักไหล่หมอออก

   “ครับ เดี๋ยวหมอพาไป” หมอตอบกลับไปทั้งที่เขายังพูดไม่จบด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่ยอมวางมือจากการปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนล่างนั่นออกอยู่ดี

   “แต่กัสอยากไปตอนนี้...” ยังคงอ้อนต่อ แต่หมอไม่สนใจฟังเพราะมัวสาละวนกับการ “ถอด” จนเสร็จสิ้น

   “เดี๋ยว...” หมอย้ำอีกพลางจับท่อนขาเรียวเล็กนั่นไว้มั่นมิให้อีกฝ่ายดิ้นออก จูบไล่ไปตามท่อนขาด้านในขาวผ่องนั้นอย่างหลงใหลจนร่างอีกฝ่ายไหวสั่นระริกแต่มิอาจต้านทานกำลังหมอไว้ได้

   สวย...

   เรียวขารูปตัววีคู่นั้นช่างเย้ายวนจนอยากทิ้งร่างฝากฝังลงในกาย ณ วินาทีนั้น หากแต่สิ่งที่กระทำมีเพียงส่งริมฝีปากไล่ระไปตามซอกขาจนบรรจบพบความแข็งแกร่งที่กลางกายซึ่งกำลังบ่งบอกว่าโกรธเกรี้ยวต้องการการปลดปล่อย และหมอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหน้าที่นั้น

   “อ๊ะ...” ซูกัสสะดุ้งและขยับจะหนี เมื่อริมฝีปากของหมอจงใจเข้าครอบครองของสงวนของเขา ใช้ปลายลิ้นเล็มไล่ไปตามความยาวและกอบกุมส่วนประกอบใกล้เคียงด้วยอุ้งมือ

    “อย่าหมอ...มันสกปรก” ถ้อยคำทักท้วงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหากแต่หมอไม่ใคร่ใส่ใจพยายามปลุกปั่นปรนเปรอให้ต่อไปอีกจนเสียงห้ามกลายเป็นเสียงครางแผ่วด้วยความกระสันเข้ามาแทนที่จนในที่สุดร่างเล็กก็บิดเร่าขยับสะโพกเข้าออกจนกระตุกเกร็ง

   “อื๊อ....หมอปล่อย...ผม...” เขาพยายามผลักหมอออกอีกครา แต่ก็ช้าไปกว่าของเหลวบางอย่างที่พรั่งพรูออกมาจนล้นขอบปาก หมอเงยหน้าจากภาระที่แสนสุขด้วยความภาคภูมิใจ หงายมือขึ้นปาดรสชาติของเขาที่ทั้งฝาดทั้งหวานระคนกันนั่นออกช้าๆ พลางชะโงกหน้าไปมองหน้าของคนที่นอนอยู่ เห็นซูกัสยังคงหลับตา มือเล็กทั้งสองจิกเบาะโซฟาค้างไว้ หลงเหลือความเหน็ดเหนื่อยเป็นหยาดเหยื่อเม็ดเล็กๆ ซึมตามไรหน้าผาก ลมหายใจยังกระชั้นเหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายมาใหม่ๆ หมอผละออกจากท่อนขาเรียวเล็กนั่นขยับไปด้านข้างแล้วสอดแขนอุ้มร่างเขายกลอยขึ้น

   “ฮื้อ... หมอจะพากัสไปไหน” ซูกัสลืมตาขึ้นร้องถาม

   “ก็ใครบอกอยากอาบน้ำล่ะครับ?” หมอถามกลับยิ้มๆ

   เขามิได้ตอบกลับ เพียงแต่โอบแขนเกี่ยวคอหมอไว้เพื่อกันร่วงและช่วยหมุนลูกบิดประตูตามคำขอจนกระทั่งสุดท้ายได้ลงไปอยู่ในอ่างอาบน้ำตามต้องการ

   “หมอจะทำอะไรน่ะ” เขาร้องถามอีกเมื่อเห็นหมอถอดเสื้อระหว่างรอให้น้ำในอ่างเพิ่งระดับมากขึ้น ส่วนคนตัวเล็กนั่นลุกขึ้นชันเข่ากอดขาตัวเองไว้ในอ่างอยู่แล้ว

   “หมอก็จะอาบน้ำกับกัสน่ะสิ” หมอตอบตรงๆ แล้วหัวเราะกับคำถามของเขา

   “ไม่เอา กัสอยากอาบคนเดียว...”

   “ไม่เป็นไรน่า ไม่ต้องอายหมอหรอก”  หมอเห็นไปหมดแล้วล่ะ!!

   “แต่....” เขาทำท่าจะพูดต่อแต่ก็เงียบไป รีบหันหน้าเข้าหาผนังทันทีที่หมอแตะกระดุมกางเกง แล้วไม่นานหมอก็ลงไปนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง เอาฟองน้ำฟอกให้ตัวเองสลับกับถูตัวให้เขาพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี...

   “ไม่ต้องแล้ว กัสอาบเองดีกว่า” เขาเริ่มงอแงขึ้นอีกเมื่อรู้สึกได้ว่าหมอเริ่มอยากจะลวนลามเขามากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

   “หมออาบให้ดีกว่านะ สะอาดเอี่ยมอ่องทุกซอกทุกมุม” หมอโฆษณาสรรพคุณ ไม่วายโน้มตัวลงเป่าลมหายใจเบาๆ ที่ต้นคอเขา

   “ฮื้อ... ไม่เอาแล้วหมอ แกล้งกัสอยู่ได้” เขาโวยวายทำท่าจะลุกขึ้นจากอ่าง แต่หมอคว้าแขนเขาไว้เสียก่อน

   “ครับๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ตามสบายนะครับที่รัก...” หมอตอบกลั้วหัวเราะ เป็นฝ่ายลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำเสียเอง หมอดึงผ้าม่านปิดไว้แล้วเดินไปชำระตัวที่ฝักบัว พันเอวด้วยผ้าขนหนูผืนหนาเดินวนมาแปรงฟันต่อ

   หลังจากเสร็จธุระของตัวเองแล้วหมอก็หยิบแปรงสีฟันที่ไม่ได้ใช้บีบยาสีฟันวางลงตรงอ่างล้างหน้า

   “หมอบีบยาสีฟันให้แล้วนะครับ” หมอตั้งใจบอกซูกัสที่เห็นเพียงเงายังขยับตัวอาบน้ำอยู่หลังผ้าม่านแต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับ

   “เอ๊ะ ทำไมเงียบไป หรือกัสจะเป็นลมไปแล้ว!!” หมอแสร้งทำเสียงตกใจเป็นห่วง ตั้งใจลงส้นเดินไปหา แต่อีกฝ่ายรีบร้องออกมา

   “อย่าเข้ามานะ หมอ!!” เสียงห้ามอย่างร้อนรนทำให้หมอพยายามกลั้นหัวเราะแทบแย่

   “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ งั้นหมอออกไปรอข้างนอกนะ กัสไม่ต้องรีบอาบก็ได้ ถ้าอยากให้หมอหลับไปก่อนอย่างคราวที่แล้วอีก”

   หมอปิดประตูห้องน้ำ ทิ้งซูกัสให้มีเวลาส่วนตัวตามที่เขาร้องขอ ส่วนตัวเองเดินมาเปิดลิ้นชักในห้องหยิบของที่ตระเตรียมไว้มาสักพักแล้วออกมาวางบนเตียง

   เอ... แต่คิดอีกทียัดไว้ใต้ผ้าห่มดีกว่า เดี๋ยวไก่ตื่น...
   


   หนังสือในมือค่อยๆ เพิ่มจำนวนหน้าที่อ่านแล้วไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่หมอเงยหน้าขึ้นมองที่ประตูห้องน้ำที่นิ่งสนิทนั้นเป็นระยะว่าเมื่อไรมันจะเปิดออกอีกครั้ง จนในที่สุดร่างเล็กนั่นก้าวขาเล็กๆ เดินออกมาโดยทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูที่พันเอวไว้เช่นเดียวกันกับหมอ เอ่อ... ลงท้ายก็ต้องถอดอยู่ดีเลยไม่รู้จะหาอะไรใส่ทำไม...

   หมอปิดหนังสือที่ตอนนี้ลืมไปแล้วว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรวางทิ้งไว้ที่โต๊ะ คว้าผ้าขนหนูแห้งๆ เดินไปหาซูกัสที่ยืนเก้ๆ กังๆ ดั่งเด็กหลงทางอยู่หน้าห้องน้ำ

   “หนาวไหม?” นี่คือคำถามเริ่มต้น แล้วแปะผ้าขนหนูลงบนศีรษะขยี้เบาๆ เพื่อเช็ดผมเปียกให้แห้ง โอบเอวเขาไว้หลวมๆ ไม่ให้รู้สึกว่าถูกลวนลาม...

   “นิดนึงครับ”

   “ต้องหรี่แอร์หรือเปล่า?”

   ซูกัสส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นยิ้มบาง หมอยิ้มตอบจับจูงพาเขามายังตำแหน่งที่ต้องการ เตียง... จับตัวเขาให้หันหลังเอนพิงตัวหมอในขณะที่ยังเช็ดผมให้ต่อไปเรื่อยๆ

   “เมื่อกี้ หมออ่านอะไรเหรอครับ”

   “หนังสือนิยายแปลแนวฆาตกรรมน่ะ จะอ่านไหมล่ะ?”

   “ไม่ดีกว่าครับ น่ากลัว”

   “แล้วกลัวหมอไหม?” เขาหมุนคอหันมามองหน้าหมอเพื่อควาญหาคำตอบ

   “ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าควรกลัวไหม” เขาตอบ มีรอยยิ้มฉาบอยู่ที่หน้าเหมือนจะท้าทายในที

   จะอ่อยกันอีกเหรอ? ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ หมอมองสบดวงตาคู่สวยคล้ายกำลังจะอ่านใจเขา

   อืม... แต่ในความขลาดกลัวก็มีความกล้า ซูกัสเป็นคนอย่างนั้นแหละ   

   หมอยิ้ม หยุดเช็ดผมให้เขาแล้วรั้งตัวซูกัสเข้ามากอดไว้จนแน่น ริมฝีปากสองคู่ค่อยๆ บดเบียดเข้าหากันอย่างโหยหาเพื่อแลกอากาศหายใจ นาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ถูกผลักพลิกให้จมลงบนฟูกหนา หมอฝังจมูกลงบนแก้มขาวหอมกรุ่นติดจมูกที่แม้จะพรมจูบครั้งแล้วครั้งเล่าเท่าไรก็ยังไม่รู้สึกอิ่ม ค่อยๆ จูบไซร้ไปตามซอกคอขาว

   “ทิ้งรอยไว้ได้ไหม?” หมอถาม เห็นคอขาวๆ แล้วมันเขี้ยว

   “โรคจิตเหรอหมอ?” ซูกัสถามแล้วหัวเราะ

   “นิดนึง... แต่ถ้ากัสไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร” เหมือนอีกฝ่ายลังเลในคำตอบเล็กน้อย

   “แล้วแต่หมอ... ผมยังไงก็ได้” เขาตอบมีท่าทีเขินอาย

   หมอยิ้มอ่อน ลูบฝ่ามือเบาๆ ลงที่หน้าผากเหมือนเสยผมเขาขึ้นเพื่อให้เห็นใบหน้าชัดๆ แล้วโน้มจูบที่ปาก ขบเม้มริมฝีปากบนซ้ำๆ อย่างนั้น ค่อยๆ สอดนิ้วลงแทรกระหว่างซอกนิ้วกดยึดมือเล็กไว้ให้ติดเตียงพลางใช้จมูกปากลากผ่านแก้มไปที่คางและขบเบาๆ ที่ซอกหู ขบเม้มที่ซอกคอหนักสลับเบาจนเขาต้องย่นคอส่ายหน้าหนี

   “อ๊ะ...อืม...” เสียงครางหวานก้องขึ้นอีกคราเมื่อปลายลิ้นไล่วนลงที่ยอดอกสีสวยที่แข็งเป็นไตเพราะอารมณ์หวาม ปากและมือเล้าโลมให้ร่างเล็กนั่นตกอยู่ในภวังค์แห่งรสเสน่หา จมูกปากค่อยๆ เลื่อนลากต่ำลงมายังสะดือและหน้าท้องเนียนเรียบนั่นอีกครั้ง เพียงสัมผัสที่ลากไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของเขาก็สร้างความพึงใจมากพอแรงแล้ว ไม่นับเสียงลมหายใจหอบขาดห้วงที่ฟังแล้วเหมือนกระตุ้นความอยากให้มากขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่าตัว

   หมอปลดผ้าขนหนูออก ใช้ปากกับความแข็งขืนที่เพิ่มขนาดขึ้นในอุ้งมือจนเสียงครางดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างที่ปากและมือที่ร่วมกันทำหน้าที่ปลุกเร้าอารมณ์หวามของคนตรงหน้าให้แล่นเตลิด หมอก็เริ่มควานหาตัวช่วยออกมาเทใส่นิ้วโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

   “อื๊อ...” เสียงหวานครางในลำคออย่างตกใจทำท่าจะผละหนีเมื่อปลายนิ้วเย็นๆ เพราะเจลที่โชกชุ่มเคลื่อนเข้าไปเพื่อขยับขยายช่องทางนั่นทีละน้อย

   “ใจเย็นๆ กัส แค่นิ้วเอง” หมอพยายามปลอบ แต่นิ้วชี้ก็ยังขยับเข้าออกเบาๆ อยู่อย่างนั้น ซูกัสปรือตาขึ้นมองด้วยสายตาออดอ้อน เหมือนคนไข้ใกล้ตายพยายามร้องหาความเมตตาจากหมอ...

   หมอพยายามปลุกอารมณ์หวามโดยการไล้ปลายลิ้นไล้เลียความร้อนรุ่มด้านหน้าต่อขณะที่เพิ่มนิ้วเพื่อกระตุ้นช่องทางด้านหลังเพิ่มอีก ร่างเล็กแอ่นเกร็งบิดเร่าอย่างทรมาน แต่กลับสร้างความพอใจให้หมอมากขึ้นไปอีก...

   หมอไม่แน่ใจว่าจะเร็วไปหรือเปล่า...แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองทนมานานแทบจะทนไม่ไหว จึงละจากร่างงามที่ทิ้งกายระทดระทวยอยู่กลางเตียงนั่นแล้วพยายามสวมถุงยางลงบนความแข็งแกร่งนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมชะโลมเจลหล่อลื่นสูตรเย็นลงบนนั้นเพิ่มอีก เพียงไม่ถึงนาทีที่ผละจาก หมอก็กลับไปโอบร่างของซูกัสไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง จูบที่มุมปากเบาๆ อย่างสุดรัก ค่อยๆ สอดนิ้วเรียวเข้าออกช่องทางรักให้อีกฝ่ายเกิดความคุ้นชิน ซูกัสยกมือขึ้นโอบกอดหมอไว้ ปากเล็กพยายามจูบหมอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกระหายและหมอก็จูบกลับพลางสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดพันลิ้นเขาไว้อย่างดูดดื่มทั้งที่ด้านล่างก็ยังไม่หยุดการโลมเล้า

   “อึ๊ก... อื๊อ...” ใบหน้าเล็กส่ายไปมา ขยับสะโพกหนีเมื่อความรุ่มร้อนกดลงที่ปากทางคับแน่นนั่นแทนที่นิ้วทั้งสามที่ถูกถอนออก เพียงขยับเข้าไปนิดเดียวอีกฝ่ายก็เกร็งตัวต่อต้าน หมอรีบโน้มหน้าลงจูบขมับที่เริ่มชิ้นเหงื่อกระซิบปลอบประโลม

   “อย่าเกร็ง... นะครับคนดี” ซูกัสไม่ตอบอะไรเพียงจิกเล็บลงบนผ้าปูที่นอนเท่านั้น

   “เจ็บนิดเดียว... เท่ามดกัด” หมอพูดต่อ เป็นถ้อยคำที่ใช้หลอกเด็กตอนจะฉีดยาให้!

   “ผมไม่ใช่เด็กนะ จะได้เชื่อที่หมอหลอก!” เขาเถียงออกมาทันที ทำให้หมอแทบหลุดหัวเราะ

   “ถ้ากลัวมาก จะเอายาชาสักเข็มสองเข็มไหมล่ะครับ รับรองว่าจะไม่เจ็บแต่ไม่รับประกันความสนุกนะ อาจจะหายไปประมาณ150เปอร์เซ็นต์!” หมอแซวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

   “หมอ!!.....อื๊อ....” ระหว่างที่ถาม หมอก็มิได้รอคำตอบ ค่อยกดความต้องการลึกลงไปทีละน้อย จนอีกฝ่ายต้องร้องตอบกลับมาพร้อมช่องทางนั้นบีบรัดขึ้นเรื่อยๆ และหมอรู้ว่าต้องนิ่งไม่ควรดึงดันฝืนมากไปกว่านี้

   “ผ่อนคลายหน่อยกัส นะครับ” หมออ้อนพลางจูบซ้ำๆ ที่แก้มเขา ลูบไล้สัมผัสไปร่างงามนั้นจนทั่ว

   “ก็กัสเจ็บ...” เขาเถียงกลับ น้ำเสียงคล้ายเสียงสะอื้นของเด็กขี้แยอยู่เล็กน้อย หมอจึงปิดปากเขาด้วยริมฝีปากตัวเอง สอดลิ้นเข้าไปหยอกเย้าในโพรงปากเล็กของคนใต้ร่าง ไม่วายส่งมือลูบไล้ตามแผ่นหลังเนียนนั่นเพื่อให้อีกฝ่ายลืมความเจ็บและค่อยๆ ยอมรับสิ่งนั้นเข้าไปในร่างกายทีละนิด ทีละนิด....จนสุดโคน

   “ดีจัง...กัส...” หมอชมด้วยเสียงที่เกือบเพ้อ ค่อยๆ ส่งปลายนิ้วเกลี่ยรอยน้ำตาที่ซึมอยู่ประปรายจากหางตาเขา อีกฝ่ายพริ้มตาลง ขบเม้มริมฝีปากค่อยๆ ผ่อนลมหายใจให้ช้าลง ช้าลง หมอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายความสุขที่เอ่อท้นท่วมอกอยู่ ณ ตอนนี้ มันมากมายจนล้นเพราะมาพร้อมกันทั้งกายและใจ เพราะความคับแน่นที่โอบรัด... เติมเต็มความต้องการให้อย่างเหลือล้น และร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดนั้นช่างน่ารักจนอยากกอดให้นานเท่านานไม่อยากปล่อย

   “ไม่ต้องกลัวนะ หมอจะทำเบาๆ” หมอปลอบ เขาลืมตาขึ้นมองหมอ ดวงตามีแววส่ายไหวเหมือนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเชื่อหมอดีหรือไม่ แต่แล้วก็พยักหน้า

   “เด็กดี..” หมอยิ้มตอบ จูบปากและแก้มเขาย้ำๆ อีกขณะค่อยขยับสะโพกช้าๆ เพื่อให้อีกฝ่ายได้ปรับตัวอีกสักนิด

   หมอจูบที่คอเขา ขมเม้มดูดดุนหนักสลับเบาดังเดิม ซูกัสกระชับกอดที่กอดไว้แน่นขึ้นอีกตามแรงกระแทกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหมอเริ่มครางประสาน ค่อยๆ บังคับหมุนร่างเขาให้คว่ำลงกับเตียงทั้งที่ยังสอดใส่อยู่และรั้งสะโพกมนให้สูงขึ้นเพื่อสัมผัสที่แนบชิดกว่าเก่า ระหว่างที่ขยับเคลื่อนกายช้าๆ ก็ส่งมือไปยังส่วนอ่อนไหวของเขา

   หมอจูบย้ำไปตามแผ่นหลังเนียนเรียบนั่นอย่างเผลอไผลขณะเคลื่อนกายต่อไปตามจังหวะของอารมณ์ ทั้งปรนเปรอความต้องการของคนด้านหน้าพร้อมๆ กันไปด้วย เสียงครางกระเส่าที่ลอยเข้าหูทุกครั้งที่ความรุ่มร้อนเคลื่อนกายเข้าออกช่างหวานน่าฟัง ความเสียวซ่านที่เพิ่มสูงขึ้นทุกทีๆ จนต้องเร่งจังหวะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

   “หมอ... อือ.....อ๊า...” เสียงครางอย่างหวานดังขึ้นพร้อมการปลดปล่อยความต้องการลงในมืออุ่น ช่องทางคับแน่นบีบรัดเพราะอาการกระตุกเกร็งทำให้ความแข็งกร้าวที่เคลื่อนเข้าออกถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ จนต้องปลดปล่อยตามมา

   ซูกัสทิ้งตัวลงบนฟูกอย่างอ่อนแรง ในขณะที่หมอค่อยๆ ผ่อนลมหายใจหอบลึกนั่นและใช้พลังที่เหลือเพียงน้อยนิดประคองไหล่เขาไว้ไม่ให้ทรุดลงทั้งตัวแต่ค่อยๆ ทอดกายลงซบศีรษะบนหมอน หมอค่อยๆ ถอดถอนความแข็งกร้าวที่อ่อนลงนั้นออกจากกายเขาอย่างช้าๆ และอ่อนโยนที่สุด

   หลังจากจัดการทิ้งซากอารมณ์ลงในถังขยะแล้วหมอก็นำผ้าขนหนูผืนน้อยเช็ดทำความสะอาดตัวเองแล้วหาเสื้อผ้าใส่ จากนั้นย้อนกลับที่เตียง พลิกตัวซูกัสให้นอนหงายและเช็ดตัวให้เขาด้วย ซูกัสลืมตาขึ้นเมื่อความเย็นแตะลงที่กายเขาอีกครั้ง

   “หมอทำอะไร?” ถามด้วยน้ำเสียงหวาดๆ

   “เช็ดตัวให้ จะได้นอนหลับสบายๆ” 

   “อ้อ...แล้วไป” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงโล่งอก สงสัยกลัวว่าหมอจะทำอีก

   ใจจริงหมอก็อยากทำอีก แต่หมอรู้ว่าแค่นี้เขาก็คงเจ็บมากพอดูแล้ว จึงไม่อยากทำร้ายใจอีกฝ่ายด้วยการเอาแต่ใจตัวเองให้มากนัก...

   “ทำไม...อยากทำอีก?” ถึงรู้อย่างนั้นหมอก็ยังถามกลับล้อๆ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ หมอยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน

   “งั้นก็ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าด้วยนะ นอนหลับทั้งอย่างนี้เผื่อกลางคืนนอนดิ้น เดี๋ยวพรุ่งนี้จะป่วยเอา”

   ซูกัสลุกขึ้นยื่นแขนให้หมอใส่เสื้อให้เหมือนเด็ก หมอใส่เสื้อผ้าให้เขาจนเรียบร้อยแล้วจับเขานอนลงห่มผ้าให้เหมือนส่งเด็กเข้านอน แต่ร่างเล็กนั่นกลับจ้องมองกลับมาด้วยดวงตากลมโตไม่ยอมหลับ หมอลุกขึ้นเดินไปปิดไฟในห้องจนดับสนิทแล้วเดินกลับมาที่เตียง เลิกผ้าห่มลงไปนอนข้างๆ ไม่ลืมประทับรอยจูบลงที่หน้าผากมนเบาๆ แล้วโอบกอดเขาไว้ กดศีรษะเล็กเข้าหาตัวให้ซบที่อกเหมือนบังคับให้หลับลงไปด้วยกัน...


     หมอหลับตาลงครู่ใหญ่ กำลังจะดิ่งสู่ห้วงนิทราอยู่รอมร่อ แต่ร่างบางนั่นกลับขยับตัวพลิกกายหันหลังให้จนหมอลืมตาขึ้น เห็นเงาร่างนั้นก็รู้สึกรักและเอ็นดูสุดซึ้งจึงฝังจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มนั่นแล้วสูดกลิ่นหอมเข้าปอด สอดแขนกอดเอวเขาไว้แน่นแล้วหลับตาลงอีก...

   ไม่รู้เหมือนกันว่านานหรือเปล่าที่ร่างเล็กดิ้นออกจากอ้อมกอดอีกครั้งแล้วขยับยุกยิก ถอนใจแรงเหมือนคนนอนไม่หลับทำให้หมอรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง หมอลืมตาขึ้นแล้วบอกกับคนข้างตัวว่า...


   “ซูกัส... ถ้าไม่อยากถูกมดกัดอีกรอบ อย่ายั่วหมอครับ!!”
   
++++++++++



 :o8:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-02-2016 19:36:10
 :-[.   หมอเชี่ยวไป๊

ขอบคุณค่ะ. มีคำผิด ขลาดกลัวเขียนเป็นขาด ค่ะ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-02-2016 20:36:43
สงสารหมอ ห่างหายมานาน  :hao6:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2016 20:49:10
เรียบร้อยโรงเรียนหมอ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-02-2016 21:12:55
หมอกินเด็กแล้วววววววววว
เสร็จจนได้ กัสขยับบ่อยแบบนี้คืนนี้โดนอีกรอบแน่ อิอิ
จมกองเลือกแปป
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 06-02-2016 22:06:59
กัสเสร็จหมอจนได้
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 06-02-2016 22:36:03
อ๋อยยยยยยยยยยยยยย >\\\\\\\<
อ่านไปจิกหมอนไป ทำไมมันละมุนละม่อมจนแทบจะวิ่งไปตะกายฝาบ้านแบบนี้

หมออออออออออออกินซูกัสอร่อยมั้ย?
คือแบบ...&฿)(;&/@&:฿฿:7389:9'/).).?./฿-&&-&.!(

#วิ่งไปตะกายฝาบ้านแปบ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-02-2016 22:42:22
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 06-02-2016 23:48:59
รอลุ้นคับ น้ำยาหมอจะแรงรึป่าว ถ้าน้ำยาหมอแรงจริงครั้งนี้ก็ต้องท้อง ๕๕๕
 รอ รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 07-02-2016 10:28:17
เสร็จหมอซะแล้ว
 :hao6:
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-02-2016 13:42:09
น้องกัสจะท้องไหม คุณหมอน้ำยาดีหรือเปล่า อิอิ
หัวข้อ: Re: <อบอุ่น> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่7.5> ............[06-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 08-02-2016 10:20:40
-8-

   -ซูกัส-
   
   บนเตียงของหมอว่าน… ในอ้อมกอดของหมอว่าน...

   อุ่นจัง... ผมไม่เคยโดนผู้ชายที่ไหนนอนกอดแบบนี้มาก่อนเลย มีความสุขซะจนอดคิดไม่ได้ว่าอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาดสองฉาดเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป แต่ความจริงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น ความแสบที่บั้นท้ายที่ยังรู้สึกได้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วล่ะว่าคงไม่ได้ฝันไปจริง ๆ นี่กัสกับหมอ... นี่เรา.... อ๊ากกกกก


   ไหนแม็กบอกหมอเค้าจะไม่ทำอะไรไงล่ะ รู้งี้ซื้อกางเกงในใหม่ซะก็ดี

   เอ๊ะ! ไม่ดิ สุดท้ายมันก็แทบไม่ได้ใช้อยู่ดี งั้นช่างมันเถอะ แต่ถ้าเล่าให้แม็กฟัง มันต้องด่าแน่เลยว่า....   

   แรด!!

   รู้สึกเหมือนเสียงแม็กม่าดังก้องตีลังกาอยู่ภายในหัวหลายตลบ

   ถึงงั้นก็เหอะ! ใครจะสน? พนันกันไหมล่ะต่อให้แม็กมาอยู่ตรงนี้ แม็กก็แม็กเหอะ มันก็ต้องแรดเหมือนกัสแหละ!

   ก็ดูหมอสิ ดูหมอ...

   เอ่อ... เพราะไฟดับลงแล้วก็เลยมองไม่เห็น แต่... ทำไมนึกออกขึ้นมานะ เสียงนุ่มๆ และใบหน้าของหมอตอนที่..

   พอยังซูกัส?? นี่เพ้อจบหรือยัง?? หมอเค้าหลับไปแล้วนะ แกควรจะหลับบ้างได้แล้วนะ แต่ว่า...

   คร่อกกกกก.... เอ่อ.... แสบท้อง...

   ผมพลิกกายไปมา นอนไม่หลับ แล้วจากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ

   “ซูกัส... ถ้าไม่อยากถูกมดกัดอีกรอบ อย่ายั่วหมอครับ!!”

   อะฮ้า... นี่มดยักษ์สิไม่ว่า ถึงกัดเจ็บทะลวงไส้ขนาดนี้!

   “อะไรของหมอ ใครยั่ว?” ผมหันไปถามหมอพร้อมคิ้วที่ขมวด

   “ก็กัสขยับยุกยิกทำไมครับ ไม่ยอมนอน”

   “ก็กัสนอนไม่หลับ...” ผมตอบกลับไปเสียงอ่อย

   “แปลกที่?”

   “หึ! กัสหิว!!”

   “ฮะ!!!!!!!” ผมมองไม่เห็นหน้าหมอหรอกเพราะมันมืด แต่คิดว่าพี่แกต้องเหวอมากแน่ๆ

   หมอคงลืมไปว่าหมอแวะไปหาผมที่โรงพยาบาล แล้วผมก็(หนี)ตามหมอกลับมา แล้วอยู่ดีๆ หมอก็.... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) จากนั้นหมอก็จูบราตรีสวัสดิ์ส่งซูกัสเข้านอนเลย

   โอเค... หมออาจจะอิ่มอกอิ่มใจจนไม่หิวข้าวหิวปลา ถึงผมไม่ค่อยได้ทำอะไรแต่เสียพลังงานไปตั้งสองน้ำ! กัสจะหิวน่ะมันผิดตรงไหนเหรอ? แล้วยังมีหน้ามาหาว่าคนอื่นเค้ายั่วอีก ตัวเองหื่นเองก็บอก!

   “งั้นรอนี่นะ เดี๋ยวหมอมา...” คุณหมอลุกขึ้นจากเตียงอย่างกระตือรือร้น เดินออกจากห้องไปทั้งๆ ที่ไฟยังดับสนิท

   และแล้วไม่ถึงสิบนาทีหมอก็กลับมาเปิดไฟในห้องจนสว่างจ้าเห็นถาดในมือเสิร์ฟให้ถึงเตียง ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอนที่พลิกไปพลิกมาอยู่ครู่ใหญ่เพราะความหิวจัด ชะโงกหน้าไปดูอย่างสนใจ

   โจ๊ก.... คิดว่าเป็นโจ๊กสำเร็จแต่ใส่ไข่ด้วย

   “ทานของย่อยง่ายๆ แล้วกันนะ ในครัวไม่ค่อยมีอะไรเลยไม่ครบห้าหมู่ ขอโทษด้วย” หือ... นักโภชนาการมาเอง

   แต่หิวขนาดนี้ใครจะสน ต่อให้ต้มมาม่าให้ กัสก็กินหมดอ่ะ!

   “ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบ ยื่นมือจะรับชามโจ๊ก แต่คุณหมอยึดชามไว้ใช้ช้อนตักโจ๊กขึ้นเป่าแล้วป้อนให้ถึงปาก

   อ้ำ.....

   “จืดๆ นะครับ หมอไม่ปรุงให้กัสหน่อยเหรอ?”

   “ทานรสจัดมากไม่ดีหรอก ยิ่งถ้าลดน้ำหนักอยู่ล่ะก็งดเค็มได้ยิ่งดีเลย ทานมากร่างกายจะสะสมน้ำ”

   “หมอหาว่ากัสอ้วน?”

   “เปล่าซะหน่อย แค่พูดถึงเฉยๆ” หมอตอบยิ้มๆ ยื่นช้อนมาจ่อที่ปาก ผมกินโจ๊กนั่นอีกคำเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจแล้วรีบยื่นมือไปคว้าชามไว้ในมือแทน

   “ผมกินเองดีกว่า กว่าหมอจะป้อนแต่ละคำ... แล้วหมอไม่กินเหรอ?”

   “หึ แอปเปิ้ลลูกเดียวก็อิ่มแล้ว” หมอหยิบแอ๊ปเปิ้ลในถาดขึ้นมากัดกร้วม

   “ไม่เห็นครบห้าหมู่เลย...” ผมบ่นบ้าง

   “ก็มันชินน่ะ หมอไม่ค่อยทานข้าวเย็นหรอก กลับมาก็เหนื่อยแล้วอยากนอนมากกว่าเลยกินรองท้องแค่นั้น เรื่องปกติของหมอนั่นแหละ ดูแลตักเตือนคนอื่นไปทั่ว แต่ตัวหมอเองบางครั้งไม่ได้รักษาสุขภาพสุดๆ อย่างที่คนอื่นคิด ความจริงอาชีพหมอมีอายุเฉลี่ยสั้นที่สุดเลยรู้ไหม?”

   “ฮ้า จริงเหรอ?” ผมถามอย่างตกใจ

   “ไม่แน่ใจตัวเลขนะ น่าจะน้อยกว่าอายุเฉลี่ยคนไทย 5-10ปี มั้ง” โห ทำไมเยอะจัง...

   “โหย... งี้ไม่ดีนะ ปกติหมอก็อายุมากกว่าผมตั้ง10 ปีแล้ว ถ้าหมอตายก่อนผมตั้งห้าปี เท่ากับผมต้องอยู่คนเดียวตั้ง 15 ปีเลยนะเนี่ย เหงาแย่เลย” ผมเบะหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

   “อายุเฉลี่ยเนี่ย มันคืออายุคนหลายๆ คนรวมกันแล้วเอามาหารนะ ไม่ได้แปลว่าหมอจะตายก่อนซูกัส15 ปีเป๊ะๆ ซะหน่อยนะ” เออ จริงสิ  เช็ดน้ำตาแป๊บ...

   “ไม่รู้แหละ ถ้าหมอส่วนใหญ่อายุสั้นเพราะมัวแต่ดูแลคนไข้จนไม่มีเวลาดูแลตัวเองล่ะก็ กัสจะดูแลหมอเองนะ โอเคไหม?”

   “หือ? ดูแลยังไง”

   “อะเอ่อ... ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยากดูแลหมอเฉยๆ ทำยังไงก็ได้ ให้หมออยู่กับกัสไปนานๆ ” แปลกจัง คนที่เจอกันแค่สองเดือนเนี่ยทำให้เรารู้สึกอยากอยู่กับคนๆ นี้ไปทั้งชีวิตได้เลยเหรอ...

   “ขอบใจนะซูกัส ขอบใจ” แล้วหมอว่านก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่มองแล้วแสนอ่อนโยน เขายกมือลูบหัวผมเบาๆ “ถ้าคนอย่างกัสเรียกว่านิสัยไม่ดี โลกนี้ก็คงมีแต่คนเลวแล้วล่ะ”

   ไม่จริงซะหน่อย... ผมไม่ได้เป็นคนดีหรอก

   แต่...ผมแค่รักหมอ
   


   ผมขดตัวอยู่ในผ้าห่มจนสาย ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรหักโหมมากนัก เสื้อผ้าก็ครบถ้วนดีแต่ตอนตื่นกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อไม่สบายตัวเท่าไรนัก เหมือนไข้จะขึ้น ผมลืมตาขึ้นพบว่าหมอยื่นยัดบางอย่างใส่ปาก...

   เอ๊ะ! นี่ทำใครคิดลึกหรือเปล่า? ได้ข่าวว่าคือปรอทวัดไข้...

   “มีไข้จริงๆ นะเนี่ยถึงจะไม่สูงก็เถอะ อุตส่าห์ระวังแล้วแท้ๆ” หมอบ่นงุ้งงิ้งแล้วเดินหายไป กลับมาอีกทีพร้อมผ้าผืนเล็กและอ่างน้ำเช็ดตัวให้ผมอีก ให้ตายสิ! เมื่อวานเพิ่งบอกว่าจะดูแลหมอแท้ๆ เลยทำไมกลายเป็นว่าถูกหมอดูแลอีกแล้วล่ะเนี่ย   

   “หมอไม่ไปทำงานเหรอครับ” ผมถามเสียงอ่อยระหว่างยื่นเขนให้หมอเช็ดตัวให้อย่างว่าง่าย

   “ไปสิ แต่คงเข้าช้าหน่อย โทรไปบอกให้หมอคนอื่นราวด์เช้าแทนให้แล้ว กัสล่ะ ไปเรียนไหวไหม?”

   “เอ่อ...จากสภาพนี้ กัสว่ากัสโดดดีกว่า” วันนี้วันศุกร์พอดี พักยาวสามวันไปเลย ขืนไปทั้งๆ แบบนี้คงได้โดนแม็กม่าซักจนขาวแน่นอนว่าไป “แรด” ที่ไหนมา...

   “ไว้หมอจะเขียนใบรับรองแพทย์ให้นะ” โอ้... รู้สึกเหมือนมีคนสนับสนุนให้ซูกัสสามารถโดดเรียนอย่างถูกต้อง!

   “ไม่ต้องหรอกหมอ ปกติกัสไม่ได้โดดบ่อยๆ ขาดแค่วันเดียวคงไม่มีผลอะไรหรอก” วันนึงเรียนตั้งหลายวิชาผมไม่รู้ด้วยว่าจะเอาใบลาไปยื่นใครอาจารย์คนไหน

   “หมอขอโทษนะ กัสเจ็บมากไหม?” หมอถาม ในน้ำเสียงมีแววรู้สึกผิดเด่นชัด

   “หมอจะขอโทษทำไมล่ะ ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ชอบ” พูดจบแล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแม็กม่าด่าด้วยคำเดิมแบบรัวๆ แร่ดๆๆๆๆๆๆ

   “หึ! ก็ได้ งั้นเปลี่ยนจากขอโทษเป็นขอบใจแทนแล้วกัน เมื่อวาน...หมอมีความสุขมากจริงๆ” หมอบอกยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างเอ็นดู รอยยิ้มของหมอเวลาที่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้... กร๊าวใจซูกัสมากจริง! ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยายามหดคอให้สั้นลงอีกแล้วพยายามมุดตัวจมหายลงไปในผ้าห่ม...



   
   วันนี้ทั้งวันผมขลุกตัวอยู่แต่บ้านหมอ ทำให้หมอไปโรงพยาบาลสายเพราะต้องดูแลหาข้าวปลา เช็ดตัวและอื่นๆ เป็นนาน บ่ายๆ หมอก็กลับมาดูอาการคนไข้ส่วนตัวอีกครั้ง ทำเอาผมรู้สึกผิดเลยทีเดียวที่ทำให้ต้องวุ่นวายไปๆ มาๆ แบบนั้น พอผมเอ่ยปากขอโทษขึ้นมา หมอก็ยิ้มตามแบบของหมอแล้วตอบกลับมาว่า

   “ซูกัสเป็นคนไข้ที่หมอดูแลแล้วมีความสุขมากที่สุดเลยนะ และก็คิดอยู่ว่าต่อให้ไม่ป่วยไข้ก็อยากดูแลซูกัสไปตลอดตราบเท่าที่ตัวเองจะอยู่ได้ เฮ้อ... นี่เพิ่งเข้าใจจิตใจพวกตาแก่มีเมียเด็กตอนนี้นี่แหละ ขนาดจะตายก็ห่วงเมีย”

   “โห เปรียบซะ!! หมอไม่ได้แก่หงำขนาดนั้นสักหน่อย”

   “แต่จริงๆ นะ ถ้ามีช่วงเวลาที่เราต้องจากไปไหนไกลๆ หมอก็กลัวนะว่าจะไม่มีคนอยู่ดูแลซูกัสน่ะ จนอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้ามีลูกได้ก็คงดีเนอะ”

   “นั่นสิ มีกันๆ” ผมรีบตอบรับทันทีด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทั้งๆ ที่เดาได้ว่าหมอคงจะตอกกลับมา ว่าด้วยเรื่องที่มาของเด็กต่างต่างนานาอีกมากมาย แต่ครั้งนี้... หมอกลับนิ่งเงียบไปนั่งมองผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า...

   “หมอตัดสินใจแล้วนะกัส ว่าจะลาออกจากโรงพยาบาล” หมอตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบมีรอบยิ้มอ่อนโยนฉาบอยู่ตลอดเวลา

   “อ้าวทำไมล่ะ?”

   “ก็จะได้มีเวลาให้กัสมากขึ้นไง”

   “ถึงกัสจะบ่นบ้าง แต่กัสก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้หมอเลิกเป็นหมอซะหน่อยนะ”

   “ไม่ได้เลิกเป็นหมอหรอก แต่ว่าจะเรียนต่อเฉพาะทางต่อยอดน่ะ แต่สำหรับหมอถึงจะเรียนก็ไม่เหมือนเรียนหรอก คล้ายๆ ย้ายที่ทำงานมากกว่า”

   “30 แล้วยังจะเรียนอีกเหรอ?”

   “อายุปกติต่างหาก กว่าจะจบแพทย์เป็นหมอทั่วไปก็ 24 ใช้ทุนอีก 3ปี ก็ 27 เฉพาะทาง 3 ปี ก็30 ถึงจะต่อเฉพาะทางต่อยอดได้” โห อะไรจะเรียนเยอะขนาดนั้น!

   “อ้อ... เรียนเยอะขนาดนี้นี่เองถึงว่าไปโรงพยาบาลทีไรได้เจอแต่หมอหน้าแก่ๆ” ยกเว้นพี่หมอว่านคนเดียว แลหน้าเด็กกว่ารุ่นพี่วิศวที่ม.ซูกัสจมเลย!

   “หมอจบใหม่ก็เยอะนะ แต่อาจจะจับฉลากไปอยู่กันแต่ไกลๆ จะว่าไปรวยๆ อย่างซูกัสนี่ ที่จริงถ้าไม่สบายน่าจะไปโรงพยาบาลเอกชนมากกว่าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาโรงพยาบาลที่หมออยู่ได้ล่ะ?”

   “เอ่อ...ที่จริง... โรงพยาบาลหมอแค่อยู่ใกล้ม.กัสแค่นั้นเอง กัสไม่รู้หรอกว่ามันของรัฐหรือเอกชน แต่อยู่ดีๆ ก็มาเจอหมอเฉยเลย กัสว่านี่มันพรหมลิขิตชัดๆ หมอทำให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่แบบ...ต่อให้ไม่ป่วยก็อยากมา”

   “แต่สิ่งที่กัสทำอ่ะ ทั้งมาหาหมอแล้วคุยเรื่องประหลาดๆ หรือแอบสะกดรอยตามคนอื่นแบบนี้น่ะ พฤติกรรมคนโรคจิตทั้งนั้นเลยรู้ไหม?”

   “แต่ตอนนั้นกัสอยากมีลูกจริงๆ นะ”

   “ถามจริงๆ นะซูกัส ถ้าสมมุติว่าพี่สาวกัสหายแล้วอ่ะ กัสจะยังอยากมีลูกอยู่อีกไหม?”

   “หมอจะถามทำไมล่ะ ถึงกัสจะอยากมี หมอก็บอกเองว่าหมอทำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”

   “ใช่.. ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้ แต่หมอเชื่อนะว่าสักวันต้องเกิดขึ้นได้ วิวัฒนาการทางการแพทย์น่ะก้าวหน้าเร็วมาก ที่จริงแล้วตอนนี้ที่สวีเดนมีการปลูกถ่ายมดลูกให้ผู้หญิงที่ไม่มีมดลูกแต่รังไข่ทำงานปกติ แพทย์ได้ทำเด็กในหลอดแก้วฝังลงไปจนเธอตั้งครรภ์ได้ คลอดเป็นลูกชายด้วยนะ แถมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลในสหรัฐก็กำลังคิดค้นครรภ์เทียมที่สามารถอุ้มท้องในเพศชายได้อีก เอ่อ...ถึงตอนนี้จะทำสำเร็จแค่ในหนูก็เถอะ แต่ไม่แน่วันดีคืนดีอาจจะสำเร็จในคนก็ได้จริงไหม? หมอเลยอยากถามล่วงหน้า ถ้าวันนั้นมาถึง... กัสอยากมีลูกกับหมอไหม?”

    อะไรของหมอเนี่ย ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ที่เถียงว่าทำไม่ได้มาตลอด บทหมอบอกว่าจะทำได้ก็ยกข้ออ้างมาซะยาวเป็นพรืดขนาดนี้เลยเหรอ

   “ถ้าสำเร็จก็ดีนะครับ ถึงอนาคตพี่ดี้จะหายแล้ว ผมก็อยากมีลูกกับหมอนะ”

   “อาจจะอีกสิบหรือยี่สิบปี ถึงตอนนั้นกัสจะรอได้ไหม?”

   “ได้สิครับ ถ้ากัสยังอุ้มท้องไหว นานแค่ไหนก็จะรอ”



++++++++++


   5 เดือนต่อมา... โรงพยาบาลจิตเวช

   “กัสไม่อยู่ตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ... พี่ดี้คิดถึงกัสไหม?” ผมถามพร้อมก้มตัวลงกอดร่างพี่แคนดี้ไว้จากด้านหลัง พี่แคนดี้ซึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งยาวแบบมีพนักหันหน้ามามองผมด้วยแววตาสดใสและรอยยิ้มที่แสดงออกว่าดีใจเหมือนคนปกติ แต่กลับไม่ยอมพูดอะไร ผมปล่อยกอดแล้วขยับไปนั่งข้างๆ

   “กัสซื้อช็อกโกแล็ตมาฝากพี่ด้วยนะ” ผมบอกเปิดถุงที่ถือมาดึงกล่องช็อกโกแล็ตขึ้นมา

   “กว่ากัสจะอ้อนหมอให้พาไปญี่ปุ่นได้ต้องรอเกือบครึ่งปี แต่พอได้ไปจริงๆ ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรกลับมา จะให้เลือกพวกเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง กัสก็เลือกไม่ค่อยถูก เลยได้แค่ของกิน ถ้าพี่ดี้ไปด้วยก็คงดีเนอะ” ผมหันไปมองหน้าพี่ซึ่งจ้องมองกลับมาเงียบๆ ทำไมนะ รู้สึกเหมือนแววตาที่มองกลับมาถึงอ่อนโยนเหมือนพี่แคนดี้คนเก่ามากเหลือเกิน

   “กัสอยากให้พี่แคนดี้หายไวๆ จัง จะได้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน กัสอยากแนะนำหมอให้พี่แคนดี้รู้จัก กัสอยาก...ฮึก... ให้คนที่กัสรักสองคนรู้จักกัน...ฟืด” ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

   อีกแล้วสิ! มาทีไรก็พูดแต่แบบนี้! แล้วก็บ่อน้ำตาแตกมันทุกรอบเลย ฮือ... ผมก้มหน้าใช้หลังมือทั้งสองปาดน้ำตาออกเหมือนเด็ก แต่ก็ไม่ยอมหยุดสะอื้นง่ายๆ แล้วระหว่างที่นั่งร้องได้เป็นเด็กขี้แยอยู่นั้นเอง พี่แคนดี้ก็ยื่นมือมาแตะที่ไหล่เบาๆ เหมือนจะปลอบ

   “ไม่เอาสิซูกัส... ร้องไห้แล้วไม่น่าดูเลย...” ผมเงยหน้าขึ้นเบิกตากว่างเพ่งดูใบหน้าพี่สาว หัวเต้นรัวด้วยความดีใจและตื่นเต้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้อีกครั้ง

   “พี่แคนดี้?” นี่อย่าบอกนะว่า... พี่แคนดี้...หายดีแล้วจริงอ่ะ ฮือ...

   พี่จ๋า.... ผมรีบโผเข้ากอดพี่ไว้ทันทีเหมือนลุกเล็กๆ อ้อนคุณแม่ทีเดียว

   “พี่คิดถึงกัสจัง” พี่แคนดี้บอกเอามือลูบหลังผมเบาๆ “รอตั้งหลายวันแน่ะว่าเมื่อไรกัสจะมา ที่แท้หนีไปเที่ยวกับแฟนมานี่เองก็เลยลืมพี่”

   พี่แคนดี้บอกผลักผมออกจากอ้อมกอดแล้วขยับตัวหนี เบะหน้างอนซะเฉยๆ

   อะไรอ่ะ!!! ที่จริงกัสก็รู้หรอกนะว่าพี่อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่พอถามหมอ หมอก็ยังบอกว่าขอดูอาการอีกหน่อย กัสก็ไปเที่ยวอค่อาทิตย์เดียวเอง แล้วพี่ดันมาหายเอาตอนกัสหายไปเที่ยวมาเนี่ยนะ!

   “ไม่ใช่อย่างงั้นนะ!!! กัสไม่ได้ลืม...แต่กัสไม่รู้นี่ว่าพี่จะหายตอนนี้” ผมรีบแก้ตัวทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนกลัวว่าพี่สาวจะโกรธ

   “พี่ล้อเล่นน่ะ เห็นกัสมีความสุขพี่ก็ดีใจแล้ว... กลับบ้านกันนะกัส” ผมพยักรับยิ้มทั้งน้ำตา

   “แต่ก่อนที่เราจะกลับบ้าน... ให้กัสแนะนำคนๆ นึงให้พี่รู้จักก่อนนะครับ”



+++++++++++++


**แก้คำผิดให้แล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ

+++++

บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เรื่องนี้ท้องแบบ วิทยาศาสตร์นะคะ ดังนั้นที่ซูกัส ไม่ท้องไม่ใช่เพราะ เชื้อหมอไม่แรง แต่เป็นเพราะ...



หมอใส่ถุงยางคับ!  :hao7:

(ไม่ใช่ละ55)


หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-02-2016 10:44:45
เย้ มีแต่เรื่องดีๆนะคะ หลังจากรักกัน ดีใจ  :katai3: 

รอค่ะ  :L2: 
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 08-02-2016 11:21:12
พี่สาวหายแล้วส่วนซูกัสน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 08-02-2016 11:31:25
คราวหน้าสดเลยหมอ
ซูกัสจะได้ท้อง 555555 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-02-2016 13:39:21
 :L2: :pig4:

ติดตามความรัก และน้ำยาพี่หมอ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-02-2016 16:31:14
กัสจะท้องได้ไงหว่าาาา  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 08-02-2016 18:51:11
แอร๊ยยยย  กัสจะพาพี่หมอมาแนะนำตัวอ่ะๆ    :impress2:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-02-2016 23:01:10
รอครั้งหน้าที่หมอจะไม่ใส่ถุงยาง  :hao7:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 09-02-2016 10:53:22
พี่สาวหายแล้ว ดีใจด้วยนะซูกัส

รอหมอเรียนต่อแล้วคงมีวิธีทำให้กัสท้องได้แหละ รอหมอ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-02-2016 11:10:24
ขอเดาว่าถ้ากัสอยากได้ลูกจริงๆก็ทำได้แต่ไม่ใช่ลุกแท้ๆนะ ให้หมอจดทะเบียนสมรสกับพี่แคนดี้ ทำอิคซี่เสร็จแล้วคลอดออกมาก็จะเป็นลูกของหมอกับพี่แคนดี้  เป็นหลานของซูกัสแต่กัสเลี้ยงด้วย ถ้ากัสอยากมีลูกจริงๆโดยไม่ต้องผ่าตัดอะไรนะ
มดลูกเทียมอะไรนั่นมันจะดีกับเด็กจริงๆเหรอทั้งสังคมของเด็กในตอนที่โตด้วย รอเฉลยนะคะคุณนิ   :pig4: 
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 8> [08-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 09-02-2016 12:29:25
-9-





   -หมอว่าน-


   “การรักษาภาวะมีบุตรยากมีหลายวิธี ง่ายสุดเลยคือการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง หรือ Intra-uterine insemination (IUI) สำหรับกรณีที่อสุจิเดินทางไปหาไข่ได้ลำบาก อาจจะเป็นเพราะช่องคลอดมีภาวะกรดด่างเป็นต้น เป็นวิธีที่ใกล้เคียงธรรมชาติมาก แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างจึงไม่ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป วิธีต่อมาคือการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ In-vitro Fertilisation (IVF) เป็นการปฏิสนธินอกร่างกาย โดยการเก็บไข่จากช่องคลอดแล้วนำไปผสมกับอสุจิเพื่อให้มีการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ เมื่อได้ตัวอ่อนแล้วค่อยย้ายกลับไปฝังในโพรงมดลูก วิธีต่อมาคืออิ๊กซี่ หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection (ICSI) วิธีนี้...” ระหว่างที่หมอกำลังเลกเชอร์วิชา “ผสมเทียม” ให้คนไข้ประจำตัวฟังอย่างละเอียดในห้องแล็บของคลินิก คนฟังที่ตอนแรกก็เหมือนจะฟังเงียบๆ ก็เริ่มจะทนไม่ไหว

   “หมอ!!! เดี๋ยวๆ มันมีกี่วิธีเนี่ย?” ซูกัสร้องถามยกมือห้ามไม่ให้หมอพูดต่อ บ่งบอกว่าตอนนี้กำลังมึนได้ที่

   “7-8 ได้มั้ง”

   “โห... งั้นพอเถอะ อธิบายไปผมก็ไม่เข้าใจหรอก หมอสรุปมาเลยดีกว่าว่าเราต้องใช้วิธีไหนอ่ะ” คนไข้พิเศษซึ่งมีปัญหาตั้งครรภ์ยากเอ่ยขัดด้วยความใจร้อน

   “วิธีแรกตัดไป อืม... ตัดกิฟท์กับซิฟไปด้วยเพราะน่าจะทำได้เฉพาะกับผู้หญิงนะ ส่วนกัส...เอ่อ... ความจริงแล้วหมอก็มั่นใจในน้ำเชื้อตัวเองพอสมควรนะ เลยคิดว่าแค่เด็กหลอดแก้วก็น่าจะพอ แต่เพราะเคสนี้มันเสี่ยงมาก หมอก็เลยคิดว่าจะไม่ทำอะไรโดยเอาแค่ความเชื่อของตัวเองมาตัดสิน เลยกะจะข้ามขั้นพวกเด็กหลอดแก้ว อิ๊กซี่ อิมซี่ ยาวไปทำ Blastocyst Culture เลย” ซูกัสเริ่มเกาหัวอีกครั้ง

   “หมอ...ขอร้อง พูดภาษาคนเถอะ”

   “แล้วซูกัสเห็นว่าหมอพูดภาษาต่างดาวอยู่หรือไงครับ?”

   “อธิบายง่ายๆ แบบไม่ต้องวิชาการน่ะเป็นไหมหมอ?”

   “โอเค... งั้นรวบยอดเลยนะ วิธีอื่นๆ จะเหมือนทำเด็กหลอดแก้วธรรมดา แต่จะไม่ปล่อยให้อสุจิผสมเอง โดยถ้าแพทย์จะฉีดอสุจิเข้าไปในไข่เพื่อเพิ่มโอกาสในการสำเร็จนี่คืออิ๊กซี่ ถ้าใช้กล้องส่องเพื่อคัดอสุจิที่แข็งแรงที่สุดด้วยจะเรียกว่าอิมซี่ หลังจากได้ตัวอ่อนมาแล้วเลี้ยงต่ออีกห้าวันในแล็บเรียกว่าบลาสโตซิสต์ คัลเจอร์ ถือว่าเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้มากเลย แล้วตั้งแต่อิ๊กซี่ขึ้นมาเนี่ย สามารถแช่แข็งตัวอ่อนเก็บไว้ได้ด้วยนะ แต่เราจะตกลงกันก่อนว่าเราจะมีลูกกันแค่คนเดียว หลังจากซูกัสคลอดแล้วหมอจะผ่าเอามดลูกเทียมออกทันที โอเคนะ”

   “เอาออกทำไมอ่ะหมอ ทิ้งไว้ไม่ได้เหรอเผื่ออยากมีอีกไง” ซูกัสเริ่มต่อรองตั้งแต่ยังไม่มีอะไรอยู่ในตัวเขาเลยด้วยซ้ำ

   “จริงอยู่นะมดลูกเทียมที่ว่าเนี่ยสร้างขึ้นจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยการเพิ่มเซลล์เลียนแบบเนื้อเยื่อของมดลูก ซึ่งตอนนี้หมอยังไม่พบว่ามันจะมีอันตรายอะไร แต่เพราะปัญหาทางจริยธรรมที่ห้ามไม่ให้ทดลองของพวกนี้กับมนุษย์ และซูกัสก็ยังเป็นผู้ชายคนแรกที่จะลองอีก หมอจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรจริงๆ ดังนั้นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่อวัยวะที่จำเป็นต่อร่างกายของเราและไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่มันก็ไม่ต่างจากไส้ติ่งหรอก ถ้ามีโอกาสตัดออกไปซะก็ปลอดภัยกว่าทิ้งไว้ กันไว้ดีกว่าแก้ไง”

   “ครับเข้าใจละ ว่าแต่มดลูกเทียมที่ว่าน่ะจะไปหามาจากไหน?” เป็นคำถามที่ดีเลย

   “ก็ทำวิจัยอยู่นี่ไง แต่บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะสำเร็จเมื่อไร” หมอเคยบอกซูกัสไปแล้วว่าอาจจะนานเป็น 10 ปีด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้มันจะมีหวังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก หมอก็อยากจะอุบไว้เซอร์ไพร้ส์เขาอยู่ดี   

   “ไหนเคยบอกว่าที่อื่นมีทำแล้ว แบบนี้ไม่เรียกว่าก๊อปเหรอ?”

   “ของอย่างเดียวกันแต่วิธีทำต่างกันน่ะไม่เรียกก๊อปหรอก ก็เหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไงมีหลายรส ถึงจะต้มยำกุ้งเหมือนกัน แต่วัตถุดิบและปริมาณเครื่องปรุงต่างกันก็ไม่ผิดแล้วจริงไหม?”

   “อืม... ผมเพิ่งเข้าใจคำว่าหัวหมอตอนนี้แหละ ถ้าไม่เป็นหมอแล้วไปเป็นพวกทนายคงดีเนอะ พูดประโยคนึงกลับผิดเป็นถูกได้เลย”

   “นี่ชมหรือด่าหมอครับ?”

   “ชมสิ... ตรงไหนด่าอ่ะ?” เขาตอบกลับมา ไม่มีท่าทีว่าประชดเลย

   “ถ้าบอกก๊อปแนวคิดมาแล้วมันผิด จะให้หมอเลิกทำตอนนี้เลยก็ได้นะ ถ้ากัสเปลี่ยนใจไม่อยากมีลูกแล้ว”

   “โธ่หมอ อย่ามางอนดิ กัสแค่แซวเล่นเฉยๆ แต่กัสสงสัยนะ เราฝังตัวอ่อนแบบไม่ต้องมีมดลูกไม่ได้เหรอครับ เอ่อ...ที่จริงผมเพิ่งดูจูเนียร์มาน่ะ” ได้ข่าวว่าหนังเก่ากึ้กมากเลยนะเนี่ย!

   “อ๋อ... จูเนียร์ที่อาโนลเล่นใช่ไหม? ถ้าทำแบบในหนังแล้วผู้ชายท้องได้จริงคงท้องกันเป็นว่าเล่นเลยล่ะ เพราะมันทำง่าย ถ้าเรามีไข่อยู่ล่ะก็ หมอทำให้กัสท้องตอนนี้เลยยังได้ แต่ลองถามตัวเองก่อนดีกว่าว่าจะ“กล้า” ท้องไหม?”

   “ทำไมล่ะครับ?” เขาถามอย่างสงสัย

   “ก็ความจริงแล้วการท้องนอกมดลูกเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในผู้หญิง1ในหมื่นเลย แต่เวลาตั้งครรภ์ปกติรกที่เป็นตัวแลกเปลี่ยนอาหารจะยึดกับผนังมดลูก เมื่อคลอดก็จะหลุดลอกออกมาง่ายๆ แต่ถ้าเราท้องโดยไม่มีมดลูก รกอาจจะไปยึดติดกับอวัยวะอื่นในช่องท้องทำให้เกิดการตกเลือดได้ ในกรณีของผู้หญิงถ้าตรวจพบการตั้งครรภ์นอกมดลูกก็ยังต้องผ่าตัดออกเพื่อความปลอดภัยเลย แต่ถ้ากัสคิดว่าแกร่งมากพอจะท้องแบบนั้นโดยไม่เป็นอะไร จะลองดูก็ได้นะ?” หมอถามกลับยิ้มๆ เป็นเชิงหยอก แต่อีกฝ่ายกลับเบะหน้าใส่แล้วโวยวาย

   “หมอ!! ทำไมพูดงั้นล่ะ กัสแค่อยากมีลูก กัสไม่ได้อยากตายนะ  นี่คบกันยังไม่ถึงปี หมอก็เบื่อกัสจนถึงขนาดวางแผนฆาตกรรมกันแล้วเหรอเนี่ย!!” ซูกัสใส่ความยาวเป็นพรืด ทำราวกับหมอคิดจริงจังว่าจะให้เขาลองทำเรื่องอันตรายแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นแหละ

   “เปล่าซะหน่อย ก็เห็นสงสัยมาก ก็เลยถามดู”

   “ชิ...” เขาส่งเสียงรอดไรฟันงอนๆ เห็นแล้วน่ารักน่าเอ็นดูปนมันเขี้ยว

   “มานี่ซิครับ ซูกัส” หมอบอกเขาที่ยืนอยู่ห่างๆนั่นให้ขยับมาใกล้

   “หือ? ทำไมครับ?” เขาถามอย่างสงสัยแต่ก็เดินเข้ามาอย่างไม่ลังเล

   หมอยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว

   “ทำไมชอบลวนลามผมอยู่เรื่อยเลย...” อีกฝ่ายจับแก้มแล้วถาม

   “ชอบน่ะสิ... ไม่ได้เหรอ?”

   “ไม่ได้บอกว่าไม่ได้” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม หมอขยับเข้าไปกอดเขาไว้ ลูบแขนเขาไปมาเพลินๆ   “กัสเบื่อหมอไหม?”

   “หือ.. เบื่ออะไร ทำไมต้องเบื่อ?”

   “ไม่รู้สิ ก็หมอชอบพูดอะไรยากๆ ใช่ไหมล่ะ? ต้องแปลไทยเป็นไทยตลอด”

   “ไม่หรอก...กัสโง่เองมากกว่า เลยไม่เข้าใจอ่ะ ดีนะที่ไม่เรียนหมอ ไม่งั้นสมองทึบๆ อย่างกัสนี่คงเรียนไม่ไหว”

   “ความจริงคนเรียนหมอก็ไม่ได้ว่าต้องฉลาดมากๆ นะ แค่หัวพอใช้อาศัยความอดทนและขยันเพิ่มเท่านั้น อีกอย่างหมอน่ะฉลาดแคบ โง่กว้าง”

   “ยังไงเหรอครับ”

   “ก็ถ้าถามเรื่องโรคต่างๆ ที่เรียนมาก็จะตอบได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่กับเรื่องง่ายๆ บางอย่างที่กัสคิดว่าหมอน่าจะรู้ หมออาจจะไม่รู้ก็ได้”

   “เช่น?”

   “ไม่รู้สิ เดี๋ยวต่อไปก็รู้เองแหละ”

   แอ๊ด... เสียงประตูกระจกเปิดออกทำให้หมอผละออกจากร่างซูกัสทันทีแล้วหันไปมองที่หน้าประตู

   “อ้าวขอโทษค่ะหมอว่าน อ้อนึกว่าห้องว่าง” เสียงหมออ้อเอ่ยปากขอโทษ ทั้ง ๆ ที่หมอเองต่างหากที่เอาห้องแล็บคลินิกมาใช้ส่วนตัว

   “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะกลับแล้วด้วย” หมอหันไปยิ้มตอบ เห็นหมอรัชนกหรือหมออ้อหันไปมองซูกัสอย่างสนใจ

   “เอ๊ะ! น้องชายหมอว่านเหรอคะ น่ารักจัง” เธอร้องถามพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส

   “อ๋อ เปล่าครับ นี่ซูกัส แฟนหมอเองแหละ” หมอบอก ยิ้มเขินๆ เพราะมองจากสายตาแล้วหมออ้อคงขำนั่นแหละที่หมอคบคนที่อ่อนกว่าแบบนี้

   “อ้อ... ที่แท้หมอก็สายโลลินี่เอง” นั่นไงว่าแล้ว...ว่าต้องโดน!

   “เอ่อ กัส นี่หมออ้อนะเป็นสูติแพทย์มือดีของที่นี่อีกคน”

   “สวัสดีค่ะ”

   “สวัสดีครับ” ทั้งสองทักทายและยิ้มให้กันตามมารยาท

   “งั้นผมไปแล้วครับ เชิญตามสบาย” หมอบอกเธอยิ้มๆ จูงมือซูกัสเดินออกมาที่หน้าประตูแล้วหันไปช่วยถอดกาวน์ยาวสำหรับใส่ในห้องแล็บของเขาออกแขวน ก่อนจะถอดให้ตัวเองแล้วเดินออกมาจากห้อง

   “ผมเข้าใจแล้วแหละ ทำไมหมอบอกว่าหมอฉลาดแคบโง่กว้าง” ซูกัสเอ่ยขึ้นเมื่อประตูห้องแล็บปิดลง

   “ทำไมล่ะ?”

   “ก็โลลิน่ะมันแปลว่าชอบเด็กผู้หญิง ถ้าชอบเด็กผู้ชายต้องเรียกว่าโชตะต่างหาก เรื่องง่ายๆ ขนาดนี้หมออ้อเค้าก็ไม่รู้” คงไม่ใช่แค่หมออ้อไม่รู้หรอก หมอว่านก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ศัพท์เฉพาะแบบนี้!!

   
++++++++++




   1 ปีต่อมา...


   หมอสั่งให้ซูกัสอดข้าวอดน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดฝังมดลูกเทียมลงในช่องท้องของเขา โดยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนวิสัญญีแพทย์สมัยเรียนให้มาช่วยตอนคลินิกปิด และการผ่าตัดก็สำเร็จลงด้วยดี หมอนั่งเฝ้าซูกัสในห้องนอนที่ตกแต่งเพิ่มเติมที่ชั้นสามของคลินิกซึ่งปกติแทบไม่มีใครขึ้นมา

   “อื๊อ... เจ็บจังเลยหมอ” ซูกัสบ่นทันทีที่ตื่นขึ้นเต็มตาอีกครั้งภายหลังจากที่ตื่นมาแบบงัวเงียรอบหนึ่งหลังผ่าตัดเสร็จและหลับไปอีกเพราะฤทธิ์ยาสลบที่ยังหลงเหลือ

   “อยู่เฉยๆ ก่อนสิ ขยับมากเดี๋ยวก็แผลก็เปิดหรอก” หมอเตือนด้วยเสียงที่เผลอดุ

   “หิวน้ำ” รมยาสลบทำให้คอแห้ง และมีข้อเสียหลายอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะไม่แน่ใจว่าจะผ่าตัดนานเกินสามชั่วโมงไหมล่ะก็คงใช้วิธีบล็อกหลังแทนไปแล้ว

   “ครับ เดียวหมอเอาน้ำให้นะ” หมอบอกรินน้ำเปล่าใส่แก้วจับหลอดให้คนไข้ดูดอย่างทุลักทุเล

   “จะอ้วกอ่ะ” เขาว่าทำท่าผะอืดผะอมจนหมออดสงสารไม่ได้

   “อาจจะคลื่นไส้บ้างหลังรับยาสลบน่ะ เดี๋ยวก็หาย” หมอปลอบทั้งที่เป็นอาการปกติของคนไข้หลังรับยาสลบที่เห็นจนชินตา แต่พอเป็นคนคนที่เรารักกลับทำให้หมออดสงสารไม่ได้

   “อ้าว...ผมนึกว่าท้องแล้วซะอีก” หมอขมวดคิ้วไม่แน่ใจว่าพูดจริงหรือเล่นมุก

   “ซะที่ไหนล่ะ เมายาสลบจนเพ้อแน่เลย ฝังแค่มดลูก ยังไม่ได้ใส่ตัวอ่อนลงไป”

   “แล้วนี่...”

   “ชู่... ไม่ต้องถามแล้ว หมอไม่อยากไห้พูดเยอะ มันสะเทือนแผล”

   “แต่...” ยัง...ยังจะดื้ออีก

   “ตอนนี้ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ หมออยากให้พักไปก่อนอีกสักพักค่อยลองเดิน กัสพักผ่อนให้มากๆ ก่อน แล้วก็จะให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอร์โรนปรับสภาพร่างกายทีละนิด แล้วก็ดูอาการว่าร่างกายของกัสจะต่อต้านมันไหมค่อยเพิ่มลดฮอร์โมนอีกที มีเวลาอีกหลายเดือนระหว่างรอแผลผ่าตัดหายกว่าจะดำเนินเรื่องฝังตัวอ่อนต่อไป ช่วงนี้ยังทานข้าวไม่ได้ไปอีกหลายวันแหละ หมอจะให้อาหารน้ำไปสักพักนะ อ้อแล้วก็....”

   “เข้าใจแล้วครับ คุณหมอ” ซูกัสรีบรับคำเหมือนรำคาญทั้งๆ ที่หมอยังพูดไม่จบทำให้รู้สึกอยากจะกอดแน่นๆ สักทีให้หายมันเขี้ยว แต่เกรงจะทำให้แผลเปิดซะเปล่าจึงทำได้แค่ก้มลงแตะจมูกที่ปลายจมูกเขา

   “ไม่พูดแล้วก็ได้ พักผ่อนตามสบายนะครับ...ว่าที่คุณแม่”




++++++++++


ที่จริงว่าจะโพสสักทุ่มนึง แต่มาเห็นคอมเม้นคุณ 月亮 แล้วก็เลยโพสเลยละกัน

เพราะเหมือนว่าจะพอเดาเรื่องได้แล้ว แหะๆ


ขอเดาว่าถ้ากัสอยากได้ลูกจริงๆก็ทำได้แต่ไม่ใช่ลุกแท้ๆนะ ให้หมอจดทะเบียนสมรสกับพี่แคนดี้ ทำอิคซี่เสร็จแล้วคลอดออกมาก็จะเป็นลูกของหมอกับพี่แคนดี้  เป็นหลานของซูกัสแต่กัสเลี้ยงด้วย ถ้ากัสอยากมีลูกจริงๆโดยไม่ต้องผ่าตัดอะไรนะ
มดลูกเทียมอะไรนั่นมันจะดีกับเด็กจริงๆเหรอทั้งสังคมของเด็กในตอนที่โตด้วย รอเฉลยนะคะคุณนิ   :pig4: 


ทฤษฎีมดลูกเทียมที่หมออ้างถึงนั้น ตอนนี้มีอยู่จริงๆ (ยังไม่สำเร็จในคน) แต่คิดว่าทำรองรับสำหรับคู่สามีภรรยาที่ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์เองไม่ได้เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก ไม่ได้ทำเพื่อคู่รักร่วมเพศค่ะ และถึงจะทำสำเร็จขึ้นมาจริง นิเชื่อว่าก็คงไม่ต่างกับกรณีอุ้มบุญค่ะ คือต้องไม่ได้รับการยอมรับง่ายๆ ถ้าจะนำไปใช้สำหรับคู่รักร่วมเพศ (ไม่ว่าจะทั่วโลกหรือในไทย คงถกเถียงเป็นปัญหาเหมือนกฏหมายแต่งงานในเพศเดียวกันยาวแน่ๆ)

สำหรับในนิยายที่นินำเสนอ นิดึงทฤษฎีพวกนี้มาใช้ก็ไม่ได้ชี้โพรงหรืออะไรนัก ถามว่าดีหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เพียงแต่เมื่อนิแต่งนิยายแนวท้องได้ นิก็จะแต่งในแบบของนิ คือถ้าไม่ใช่ อิทธิปาฏิหาริย์ ก็ต้องอ้างอิงด้วยวิทยาศาสตร์ได้

นิไม่อยากแต่งนิยายแนวนี้ขึ้นมาโดยไร้เหตุผลเท่านั้นเองค่ะ อย่างน้อยก็ควรมีที่มาที่ไป ให้คนอ่านรู้สึกเชื่อถือในงานเขียน และให้ความรู้ร่วมด้วย ส่วนจะดีหรือไม่อย่างไรนั้น ถือเป็นสิทธิ์ของคนอ่านที่จะต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

**ส่วนตัว นิคิดว่าหมอทำไม่ถูกนะคะ แต่ไม่ว่าจะหมอ หรือใครๆ ก็ตามบนโลก ย่อมมีความต้องการและความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น แต่ในการตัดสินใจที่ผิดนั้น หมอก็ทำลงไปเพราะรักและอยากมีลูกกับคนที่ตัวเองรักจริงๆ ค่ะ♥

ยังไงก็ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ยาวๆนะคะ ติชมได้ เสมอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-02-2016 12:47:35
เย้.  คุณนิใจดีจัง. เลยได้อ่านก่อนเวลา. 
เราดีใจนะที่กัสมีมดลูกแล้ว นี่สิถึงจะเป็นนิยายแนวmpreg จริงๆอิงวิทย์.  :katai2-1:
พอดีทำงานด้านนี้ค่ะเลยสงสัยนิดหน่อย เขียนได้ดีแล้วค่ะข้อมูลแน่นแล้ว ไม่ต้องมากไปน้อยไป
ทีนี้ก็ขาดแค่ไข่บริจาคและน้ำเชื้อ หมอเอาไงดีคะของกัสคนนึง ของหมอคนนึงดีไหม
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-02-2016 13:08:19
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 09-02-2016 13:16:40
ชอบความน่ารักของน้องซูกัส

ส่วนพี่หมอเราจริงใจ รักเมีย สายโชตะตัวจริง!!
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-02-2016 13:29:54
ว้าวๆ ใกล้ความจริงแล้ว ว่าที่คุณแม่
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-02-2016 13:54:35
มันคือการสมมุติโดยการอ้างอิงวิทยาศาสตร์ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดหรือไม่มีความเป็นไปได้ แต่มันก็ทำใก้เรื่องดูมีที่ไปที่มาสมจริงขึ้นนะคะ รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-02-2016 23:44:58
อิๆๆ รออ่านต่อค่ะ จะเป็นคุณแม่แล้วววว ว่าแต่ไม่รอเรียนจบก่อนหรอ??
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-02-2016 00:05:17
หมอน่ารักนะ รักซูกัสจริงๆ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 9 > [09-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 10-02-2016 13:39:31
-10-
   
   -ซูกัส-

   ผมเคยคิดว่าคนป่วยก็ทานอาหารปกติได้มาตลอด แม้อาหารของโรงพยาบาลจะจืดกว่าอาหารที่คนทั่วไปกินกันก็ตาม แต่หลังจากผ่าตัดฝังมดลูกเทียมแล้วผมทานข้าวไม่ได้เลยสองวัน ได้ทานแต่อะไรก็ไม่รู้ที่หมอเรียกว่า “อาหารน้ำ” วันละ5-6 รอบ ถึงได้เข้าใจคำว่า “นอนหยอดน้ำข้าวต้ม” เป็นยังไงเอาตอนนี้แหละ! อยากจะขอบใจหมอที่ช่วยชี้ทางสว่างเสียจริง! แต่ถึงจะบ่นก็เถอะ ถ้าเพื่อลูกของเราแล้วล่ะก็เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ อีกอย่างหมอก็วางแผนไว้อย่างดีเลือกผ่าตัดฝังมดลูกตอนปิดเทอมหนึ่งของปีสี่ ผมเลยมีเวลาพักผ่อนเยอะไม่มีผลกระทบกับการเรียน แต่ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องราวมันจะบานปลายกว่าที่คิด!

   “ซูกัสเป็นยังไงมั่งลูก...” เสียงคุณแม่เอ่ยถามทันทีที่ท่านเปิดประตูห้องนอนพิเศษของคลินิกที่ผมกะจะใช้พักฟื้นเงียบๆ เข้ามาด้วยอาการตกใจเกินเหตุ รีบเดินเข้ามายืนข้างเตียงแล้วจับมือผมไปกุมไว้ เหมือนดั่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้รับอุบัติเหตุปางตาย (ถึงอาการตอนนี้เกือบใกล้เคียงก็เถอะ!)

   “เอ๊ะ...แม่มาได้ยังไง?” ผมถามอย่างแปลกใจแล้วก็หันไปมองหน้าพี่แคนดี้ที่ตามแม่มาด้วย

   “ไม่กลับบ้านเกือบอาทิตย์ โทรมาก็ไม่รับสาย ไม่สบายทำไมไม่บอก!” แม่ดุซะดังลั่น จนผมได้แต่เงียบ ทั้งที่ในใจนึกเถียง ถึงผมจะเป็นอะไรไป ถ้าพี่แคนดี้ไม่บอก กว่าพ่อกับแม่จะรู้คงผ่านไปเป็นเดือนแล้วล่ะมั้ง เพราะที่ผ่านมาคุณพ่อมักจะยุ่งอยู่กับงาน ส่วนคุณแม่มักจะสนใจแต่งานเลี้ยงและการเข้าสังคมไม่เคยใส่ใจผมเลยสักนิด นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ผมสนิทกับพี่แคนดี้มาก

   “ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ” ผมตอบสั้นๆ

   “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว โชคดีนะที่มีแฟนเป็นหมอเก่ง เลยผ่าตัดได้ทันก่อนไส้ติ่งจะแตกไปซะก่อน” คำพูดของคุณแม่ทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น จากผ่าตัดฝังมดลูกไหงมันกลายเป็นผ่าตัดไส้ติ่งอย่างนั้นล่ะ?

   “ฮะ อะไรนะ?” ผมทำหน้าเหวอหนัก ไอ้เรื่องที่พูดมานั่น สาบานเลยว่าผมไม่เคยเล่าให้ท่านฟังแน่ๆ แต่พอเห็นหน้ากลั้นหัวเราะของพี่แคนดี้แล้วก็เข้าใจ จับตัวคนร้ายได้โดยไม่ต้องสืบ!

   “จะอะไร มีแฟนก็ไม่บอก ป่วยก็ไม่บอก ทำไมทำตัวห่างเหินขนาดนี้นะซูกัส ดีนะที่แคนดี้บอกแม่ ไม่งั้นถ้าลูกชายหนีตามใครไปก็คงยังไม่รู้!!” เฮ้ย! แรง!!! ทำไมคุณแม่พูดตรงและแทงใจดำขนาดนี้

   “โธ่แม่...”

   “ไม่ต้องมาโธ่หรอก เอาไว้พ่อเรากลับจากสิงคโปร์ก่อนเถอะ!”

   อะไร? นี่แม่มาคนเดียวยังไม่พอ จะพาคุณพ่อมาอีกเหรอ?

   “แล้วนี่... ไหนคุณหมอที่ว่า... ชื่ออะไรนะดี้”

   “ว่านค่ะ พี่หมอว่าน..” พี่แคนดี้ตอบแม่ออกไปด้วยรอยยิ้ม พี่แคนดี้เพิ่งจะอายุ 27 ปีนี้ และเธอก็เรียกหมอว่านว่า “พี่หมอ” แบบที่ผมไม่เคยเรียกเลยสักครั้ง

   “หมอไปเรียนครับ เดี๋ยวก็คงมา” ผมตอบ

   “อ้าวยังเรียนไม่จบอีกเหรอ? ไหนว่า 30 กว่าแล้วไง” แม่หันไปไล่บี้เอากับพี่แคนดี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำหน้าเหมือนตอบไมได้ เลยหันมาทางผมต่อ ผมเลยต้องตอบเสียเอง

   “เรียนเฉพาะทางต่อยอดน่ะครับ จบไปก็เป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว”

   “ตกลงหมอเค้า... เป็นหมอผู้ชายจริงๆ ใช่ไหม?” คราวนี้ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง...

   “ครับ...”    

   “กัส....” แม่เรียกแล้วมองหน้าผมนิ่งนานเหมือนมีบางอย่างจะพูด  ผมเดาออกว่าแม่จะพูดอะไร เลยยั้งท่านไว้เสียก่อน

   “ผมรู้ว่าพ่อกับแม่อาจจะไม่ชอบ... แต่ผมกับหมอรักกันจริงๆ เราไม่ใช่เด็กที่คิดอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เราคิดไปไกลมากกว่านั้น คิดไปถึงการสร้างครอบครัวแล้วด้วยซ้ำ ผมอยากให้แม่เข้าใจนะ...”

   “แม่เข้าใจ แม่รู้จักกัสดี ลองปักใจอะไรไปแล้วก็วิ่งหัวชนฝาจนกว่าจะได้นั่นแหละ แต่แม่ไม่ยังไม่รู้จักหมอ... ไว้พ่อกลับมาก่อน แล้วหมอพร้อม พาไปพบคุณพ่อด้วย”

   “ครับ...” ผมรับคำ อย่างจำใจ พลางคิดต่อ.. ทำไมมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นล่ะ!
   

   แม่กับพี่แคนดี้กลับไปแล้ว ปล่อยผมอยู่กับนางพยาบาลที่หมอจ้างมาดูแล เกือบสามทุ่มแล้ว ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์สั้นและเอกสารบางอย่างในมือเหมือนกับทุกๆ วัน ผมหันไปมอง พบว่าเป็นหมอจึงลดแทบเลตที่แอบขอให้พี่แคนดี้เอามาให้เล่นแก้เซ็งลงยัดไว้ใต้ผ่าห่มอย่างเร่งร้อน…. กลัวหมอด่า! แต่เห็นสายตาที่ส่งมาทิ่มแทงก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าไม่ทัน...

   “บอกให้พักผ่อน... ยังจะเล่นอีก!” หมอเดินเข้ามายืนข้างเตียงแล้วดุผม ทำไมฟังแล้วน่ารักมากกว่าน่ากลัวกันนะ

   “เพิ่งจะเล่นก่อนหมอมาไม่ถึงห้านาทีเอง” ผมตอบ แอบไขว้นิ้วใต้ผ้าห่มเพราะโกหก

   “ทานข้าวได้แล้วใช่ไหม” หมอถามระหว่างที่อ่านเอกสารในมือต่อไปอีกบ่นพึมพำ “ไม่มีไข้ ความดันปกติ....”

   “ครับ แต่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวต้มแล้วอ่ะหมอ”

   “อาหารอ่อนมันย่อยง่ายดี...”

   “กัสเบื่อ...” ผมบ่นงุ้งงิ้งส่งสายตาออดอ้อน ที่หมอเห็นแล้วก็ยิ้มขำ

   “อยากกลับบ้านหรือยังครับคนไข้...”

   “อือ...ใจนึงก็อยาก อีกใจนึงก็ไม่”

   “ทำไมล่ะ...”

   “หมอหล่อ เลยอยากอยู่กับหมอมากกว่า” ผมบอกแล้วส่งสายตาหวานเชื่อม หมอเหล่ตามามองแล้วก็ยิ้ม...ยิ้มแบบหมอ... ซึ่งผมโคตรชอบเลย ยิ้มแบบคิดอะไรบางอย่างในใจ

   “จนป่านนี้แล้วนะกัส” คุณหมอเอ่ยลอยๆ ยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่จากแก้มผม ค่อยๆ โน้มตัวลงมาหา “ยังไม่เลิกอ่อยหมออีก”

   อะฮ้า... นี่ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่ชมหมอนิดเดียวเอง ทำไมหมอหาว่าอ่อยไปได้    

   แต่ถึงหมอจะว่ายังไงผมก็ไม่สนหรอก ถ้าผลของมันคือการที่หมอก้มลงแตะปากสวยนั่นลงบนปากซีดๆ ของคนไข้อย่างผม หัวใจของผมเต้นรัว ยิ่งจูบนั่นลึกซึ้งมากขึ้นเท่าไรยิ่งชุ่มชื่นและมีความสุข จนตามมาด้วยเจ็บแปล๊บแถวหน้าท้อง

   “อื๊อ..ซื้ด...” ผมเผลอร้องขึ้นเมื่อหมอผละริมฝีปากนั่นออกไป

   “เป็นอะไร?” คำถามดูแปลกใจในอาการของผม

   “เจ็บแผล...”

   “จูบที่ปากทำไมเจ็บแผล อ๋อ... สงสัยกัสคงเกร็งหน้าท้องล่ะมั้ง” แล้วหมอก็หลุดหัวเราะ “ขอโทษนะ ไม่จูบละก็ได้”

   ไม่เอาสิหมอ อย่าเอาความสุขเล็กๆ ของคนไข้ไปเลย คราวหลังกัสจะไม่โอดครวญอีกแล้ว... ฮือ....

    แล้วหมอก็หันไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง แสดงว่าเลิกราวด์วอร์ดแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนตัวเองเป็นญาติคนไข้แทน

   “หมอ...วันนี้แม่มาด้วยล่ะ” ผมเอ่ยขึ้นลอยๆ

   “แล้วท่านว่ายังไงบ้างล่ะ?” ถามกลับเรียบๆ ไม่มีทีท่าตกใจอะไรสักนิด

   “ก็ถามว่าทำไมไม่บอกว่าผ่าตัดไส้ติ่ง เฮ้อ... ถึงจะโกหกก็เถอะแต่ความจริงพี่แคนดี้ไม่น่าบอกแม่เลย”

   “หมอเป็นคนให้แคนดี้บอกคุณแม่เองแหละ”

   “อ้าว...ทำไมล่ะหมอ?”

   “ก็ท่านถามว่าซูกัสหายไปไหนตั้งหลายวัน จะให้โกหกว่าไปเรียน อยู่มหาวิทยาลัยนี่ก็ช่วงปิดเทอม แล้วอีกอย่างกัสก็ไม่สบายอยู่ หมอก็ไม่ค่อยอยู่ เลยคิดว่าบางทีถ้ามีแม่มาเยี่ยมกัสอาจจะรู้สึกดีก็ได้”

   “ซะที่ไหนล่ะหมอ ผมล่ะโคตรอึดอัดเลย ยิ่งแม่รู้เรื่องหมอแล้วด้วย ไหนจะพ่ออีก ยังบอกอีกนะให้หมอไปหา ผมคิดทั้งวันจนหัวจะระเบิดอยู่แล้วว่าจะอธิบายยังไงดีท่านถึงจะเข้าใจกันน่ะ”

   “ไม่เอา...ไม่เครียดนะครับ ความเครียดน่ะไม่ดีต่อร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดโรคตั้งหลายอย่าง กัสน่ะอยู่เฉยๆ ก็พอแล้ว ที่เหลือหมอจะจัดการเอง ถึงหมอจะเป็นสายวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ไสยศาสตร์แต่กัสเชื่อใจหมอได้...” ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้าหมอ ทำไมนะรอยยิ้มอ่อนโยนนั่นยังฉาบไว้ตลอดเวลา ราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อน  นี่หมอมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าพ่อกับแม่ผมจะไม่คัดค้านเรื่องของเราน่ะ...

   “ร่างกายปกติ ฟื้นตัวดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน อาทิตย์หน้า หมอจะให้กลับบ้านแล้วนะ”

   “ครับหมอ”

   “แล้วถ้าคนไข้ออกจากคลินิกแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนครับ?”

   “จะที่ไหนล่ะถ้าไม่ใช่ที่บ้าน?”

   “หมอหมายถึง... จะไปอยู่บ้านตัวเอง หรืออยู่บ้านสามีครับ?”

   ฮื้อ...หมอ...  :o8:






++++++++++


   ม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะบริหารธุรกิจตอนช่วงสายคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ผมนั่งฟังกลุ่มเพื่อนสามสี่คนเม้าท์นั่นนี่ไปเรื่อยๆ ระหว่างรอเวลาเข้าเรียนวิชาต่อไป

   กึ่ก… แก้วกาแฟสตาร์บัคส์วางลงตรงหน้า ผมค่อยๆ ขยับศีรษะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของนักศึกษาชายคนหนึ่งซึ่งจัดว่าหน้าตาหล่อพอใช้ ผู้ซึ่งอาจหาญจะจีบหนึ่งใน “คู่เบี้ยน” ประจำคณะได้ลง

   “พี่กัส... ผมซื้อมาฝากครับ” เอ...ถ้าเรียกว่าพี่แสดงว่าเป็นรุ่นน้อง ทำไมหน้ายังกะเรียนปี 5 ก็ไม่รู้

   “ขอบคุณครับ” ผมตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวาน  ไสแก้วไปให้คนข้างกาย “รู้ได้ยังไงนะว่าเพื่อนพี่ชอบสตาร์บัคส์มาก วันหลังซื้อมาอีกนะครับ รสไหนก็ได้หมด”

   “เอ่อ...” ชายผู้โชคร้ายหน้าเจื่อน... รีบถอยทัพโดยไว

   “ตายแล้วซูกัส... รู้ไหมว่านั่นใคร? อดีตเดือนคณะนิเทศเลยนะยะ” เสียงกุล เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา

   “แล้วยังไง... กัสมีแม็กอยู่แล้วทั้งคน...เนอะ...” ผมเอ่ย เอียงคอซบแม็กม่าที่นั่งดูดน้ำฟรีอย่างสบายใจ

   “พอเถอะกัส ขนลุก ใครมาเห็นเค้าจะเข้าใจเป็นเบี้ยน” แม็กม่าห้ามด้วยเสียงเฉยชา เป็นเชิงว่ารำคาญการเกาะติดเป็นตังเมของผมเต็มทน

   “ช่างปะไร.. ดีซะอีกจะได้เลิกมายุ่ง รำคาญ” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจนัก ยังคงกอดแขนซบไหล่อีกฝ่ายตามเดิม

   “ใช่สิ! ตัวเองมีแฟนลอยลำไปคนเดียวแล้วนี่ เลยไม่สน แต่ไม่คิดจะใจบุญปล่อยเพื่อนให้มีคนมาจีบมั่งเลยหรือไง?” แม็กม่าเอ่ยประชดตามแบบของเขา ทำให้ผมเบี่ยงตัวออกจากห่างแล้วส่งสายตาแปลกใจ

   “แม็กอยากมีแฟนกับเค้าด้วยเหรอ? เห็นวันๆ ทำหน้าบอกบุญไม่รับตลอด ใครเค้าจะกล้ามาจีบ” ผมแซวแล้วหัวเราะ

   “หึ! ก็เพราะมีเคะสายแบ๊วอย่างแกอยู่ด้วยตลอดไงล่ะถึงไม่มีใครมาจีบซะที ไม่รู้เลยสินะว่ามีแต่คนเค้าด่าทั้งนั้นแหละ ว่าไม่มีอะไรคู่ควรกับซูกัสเลยสักนิด จนก็จนกว่าแถมยังหน้าธรรมดา การที่ซูกัสชอบเนี่ยช่างเป็นมหาโชคของแม็กม่าเสียเหลือเกิน!! หารู้ไม่ นี่ไม่ได้ภูมิใจเลยสักนิดเดียว! การที่มีคนอย่างแกอยู่ใกล้ๆ เนี่ย มันเป็นอะไรที่ซวยสุดๆ” แม็กม่าเบะปากใส่แล้วด่าตรงๆ ทำให้ผมชะงักอ้าปากค้างแล้วค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากแขนเขาและลุกขึ้นยืน...

   “ใจร้ายยยยย เราเลิกกัน!!!” ผมพูดใส่หน้าแม็กม่าซะเสียงดัง เบะหน้าเหมือนจะร้องไห้

   เสียใจ... ทำไมต้องบ่นยาวขนาดนี้ด้วย ที่จริงผมไม่เคยอยากให้คนอื่นเข้าใจผิดสักหน่อย แต่เพราะแม็กเป็นเพื่อนสนิทที่รักมากและอยู่ด้วยกันตลอดเท่านั้นเอง ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะรำคาญขนาดนี้! ฮือ...

   ผมป้ายน้ำตาที่ซึมๆ เพราะความน้อยใจ ขยับขาก้าวออกจากโต๊ะ

   “จะไปไหนซูกัส จะถึงคาบเรียนแล้วนะ” เสียงกุลเรียกในขณะที่แม็กยังคงเงียบอยู่ ทำให้ความรู้สึกน้อยใจที่มีอยู่แล้วยิ่งเพิ่มจนล้นขึ้นมาอีก รีบเดินออกมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

   ระหว่างที่เดินออกมา ผมดึงมือถือขึ้นต่อสายหาคนที่คิดว่าพึ่งพาได้มากที่สุด

   “หมอ....”

   “โทษนะกัส หมอติด ER” หมอหมายถึงเคสฉุกเฉิน ทำให้รู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องไร้สาระมารบกวน

   “ไม่มีอะไรครับ...ฮึก... แค่นี้นะหมอ” ผมบอกแล้วกดวางสายทันที...      

   ผมโดดเรียนคาบนั้น นั่งหลบร้องไห้อยู่ในมุมแคบๆ ของห้องสมุดจนเที่ยง

   หิว... แสบตา… แต่ยังคงน้อยใจอยู่จึงไม่อยากออกไปไหนจนกระทั่งหมอโทรมา

   “ซูกัส เรียนอยู่หรือเปล่า หมอว่างแล้วนะ”

   “ผมอยู่ห้องสมุดน่ะ“

   “แล้วทานข้าวหรือยัง”

   “ยังเลยครับ กัสอยากกินข้าวกับหมอน่ะ” ผมรีบอ้อนทั้งๆ ที่รู้ว่าหมอมาไม่ได้

   “ได้สิ อีกสิบนาทีจะถึงม.แล้ว เจอกันหน้าคณะ...”

   เฮ้ยเดี๋ยว!!! จะมาจริงดิ!



     
   “เมื่อเช้าแกได้อยู่ไหม ตอนซูกัสบอกเลิกแม็กม่าน่ะ”


   “อะไรนะ? จบตำนานรักคู่เบี้ยนแล้วเหรอ?”



   “คราวนี้แหละ คณะเราหัวบันไดไม่แห้งแน่นอน”




   ฮึ้ย...นินทาอะไรกัน! น่ารำคาญ!

   ผมไม่สนใจ เสียงนินทาเซ็งแซ่ที่เกิดขึ้นเมื่อผมเดินมายังจุดนัดหมาย เอาแต่ชะเง้อชะแง้ไปยังถนนเพื่อมองหาหมอ

   “แม็ก...นั่นไงซูกัส...  กัส!!!” ผมปรายตาไปมองคนเรียก เห็นกุลลากแม็กให้เดินเข้ามาหา

   “หายไปไหนมาเนี่ย รู้ไหมว่าเป็นห่วง” เสียงแม็กม่าเหมือนดุมากกว่าจะง้อ

   “ชิ! เลิกกันแล้ว...ให้มันจบๆ ไป” ผมพูดใส่หน้าแม็กด้วยโทสะ ความน้อยใจยังคงอยู่

   “แค่พูดความจริงเข้าหน่อย ถึงกับจะเลิกคบกันเลยหรือไง?” อีกฝ่ายถามแล้วส่งสายตาเชือดเฉือน...

   “ก็ใครล่ะอยากเลิกก่อน...” ผมเถียงกลับ

   “ไม่เอาน่ากัส... แม็กอุตส่าห์มาง้อ หายงอนได้แล้ว” เสียงกุลไกล่เกลี่ย

   “ก็แม็กเกลียดกัสนี่ ไม่รักกัส แล้วจะต้องมาง้อทำไม? ” ผมเบะหน้างอนต่อ ทำไมรู้สึกอยากร้องไห้อีกแล้ว

   “เฮ้อ... กัสครับ แม็กขอโทษนะ กลับมาเหมือนเดิมนะครับ” แม็กพยายามดึงมือผมไปจับไว้แล้วง้อด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเกินพอดีจนผมแปลกใจ

   “ไหนบอกไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด แล้วทำแบบนี้ทำไมวะแม็ก” ผมถามเสียงเบาอย่างไม่เข้าใจ ปกติมันไม่ชอบให้ผมทำตัวงุ้งงิ้งออดอ้อนให้คนอื่นเข้าใจผิดมาตลอด แต่นี่กลับมาทำซะเองหน้าคณะเนี่ยนะ มันผิดวิสัยแม็กม่า!

   “ช่างเถอะ ปลง... จะยอมทนอีกครึ่งปี เพราะถ้าไม่มีกันชนอย่างฉันล่ะก็ คงมีไอ้หนุ่มมามาตามวอแวแกไม่จบไม่สิ้น” คำอธิบายนั้นทำให้ผมถึงบางอ้อ...

   โธ่แม็ก นี่รำคาญแต่ยังจะใจบุญ

   แต่มันคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ... วันนี้กัสจะปลดปล่อยแม็กไปซะที พอกันทีตำนานรักคู่เบี้ยน...

   “ขอโทษนะแม็ก... เราคงไปกันไม่ได้แล้วล่ะ” ผมบอกเขาด้วยโทนเศร้าที่เร่งโวลลุ่มให้ดังขึ้นกว่าปกติ เหมือนอยากให้คนอื่นๆ ได้ยิน แล้วรูดมือเขาออกจากแขนตัวเอง แม็กม่ากับกุลทำหน้าเหวอ

   “กัสมีคนใหม่แล้ว”

   เสียงซุบซิบที่เบาลงเพื่อพยายามแอบฟังว่าพวกเราคุยอะไรกันตอนแรกค่อยๆ ดังขึ้นอีกเหมือนผึ้งแตกรัง ในระหว่างที่เราสามคนยืนเงียบมองหน้ากัน ไม่ถึงชั่วนกกระจอกกินน้ำก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล่นมาจอดเบื้องหลัง เพื่อนทั้งสองและแทบจะทั้งหมดที่อยู่หน้าคณะหันไปมองด้วยสายตาที่สนใจปนทึ่ง

   ผมพลิกกายไปทางถนน เห็นคุณหมอสุดหล่อคนเดิมออกจากรถ mercedes benz คันงามที่ถึงจะติดป้ายขาว แต่ยังใหม่กิ๊ง หมอว่านในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน ออร่าความเท่สามารถทำให้คนแถวนั้นเงียบปากเหมือนไม่มีตัวตนได้เป็นครู่ทีเดียว

   “รอนานไหม? กัส” คุณหมอเดินมาหา เอามือแตะข้อศอกผมไว้แล้วกระซิบถาม

   “ไม่หรอกครับ” ผมรีบปฏิเสธ สังเกตเห็นหมอหันไปมองเพื่อนสองคนที่ยืนด้วยกัน “เอ่อ..นี่เพื่อนกัสนะ ชื่อ แม็กม่าแล้วก็กุล”

   “สวัสดีครับ” หมอเป็นฝ่ายทักทายก่อนแล้วยิ้มละลายโลก... ช็อตนี้พากันตายหมู่ทั้งคณะ!

   “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” แม็กม่ากับกุลทักกลับด้วยเสียงลอยๆ แบบยังไม่เลิกตะลึง

   “หมอมารับซูกัสไปทานข้าวน่ะ ไปด้วยกันไหม?” หมอบอกแล้วชวนอย่างอัธยาศัยดี แม็กกับกุลหันมามองหน้าผมเหมือนขอความคิดเห็น แล้วผมก็เค้นสายตาใส่และส่ายคอนิดๆ เป็นเชิงห้ามแบบไม่ให้หมอรู้สึก...

   ร้อยวันพันปี หมอจะว่างมาหาที่คณะ พวกแกห้ามไปขัดฟินฉันนะเฟ้ย!

   “เชิญหมอกับกัสตามสบายเลยค่ะ พวกเรามีงานต้องทำต่อพอดี” เยี่ยมมากเพื่อน...

   “ครับ งั้นขอตัวก่อนนะครับ..” หมอบอกพร้อมรอยยิ้มเทพเจ้าที่แทบจะฆ่าเพื่อนซูกัสตายอีกรอบ..

   แล้วร่างของผมก็หมุนตามแรงแขนที่หมอเอื้อมมาโอบรั้งพาเดินไปที่รถ ผมมองนิ้วเรียวที่พาดอยู่บนไหล่ตัวเองแล้วทำให้อุณหภูมิร่างกายเหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย..

   “แล้วนี่เด็กขี้แย เลิกร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไร” หมอถาม ยกมือแตะจมูกผมเบาๆ เหมือนหยอกล้อ

   “หมอรู้เหรอ?” ผมถามกลับอย่างแปลกใจ

   “เสียงร้องไห้ของกัสน่ะ หมอฟังบ่อยจนร้องตามได้เป็นทำนองเลยล่ะ” ให้ตายเถอะ ผมเป็นเด็กงี้แยขนาดนั้นเลยเหรอ?

   “เพราะผมร้องไห้... หมอก็เลยมาปลอบกัสเหรอ?” เพราะวันปกติหมอจะไม่ว่างก็เลยไม่เคยมาหาผมที่มหาวิทยาลัยเลยสักครั้งเดียว

   “ใช่.. สำหรับคนอื่น หมอจะรักษาร่างกายของเค้าให้หาย แต่สำหรับซูกัส... หมอจะดูแลทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ”
   



++++++++++



พักเรื่องท้องมาหวานๆ กันมั่ง

สำหรับเรื่องนี้มี 15 ตอนจบนะคะ  ถือว่าเป็นนิยายที่สั้นมากๆ เลย มาเร็วเคลมเร็ว 555+

อาจจะเป็นนิยายท้องได้ที่ไม่ค่อยเห็นความน่ารักของเด็กเท่าไร เพราะนิไม่ค่อยถนัด (แปว)


ยังไงก็ทักทายพูดคุยกันได้ที่เพจนะคะ

ช่วงนี้มีเปิดพรีนิยายด้วยเรื่องนึง เผื่อใครตังค์เหลือจะได้ไปช่วยอุดหนุน 555+

แฟนเพจ (https://www.facebook.com/Bunnypoundbread/?ref=hl)
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-02-2016 14:00:54
 :o8:  หวานน่ารักมากเลย หมอว่านสุดยอด  :mew1: 
จากนี้รอหมอไปสู่ขอกับคุณพ่อคุณแม่น้องกัสเนอะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 10-02-2016 14:27:18
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมพอส ที่ 10-02-2016 17:54:39
หมอว่านหล่ออะ เท่อะ ชอบบบบบ

มาเป็น กลจ.ให้น้องกัสจ้าาาาาา   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 10-02-2016 18:06:36
เคยอ่านเจอ การวิจัยถุงการตั้งครรภ์เทียมสำหรับผู้ชายที่ประสงค์จะตั้งท้องแทนภรรยา เพราะมีบางคู่สามีภรรยาที่ประสบปัญหาการมีบุตรยากไม่สามารถมีได้เลย
คุณหมอว่านนี้น่ารัก และซูกัสก็น่ารัก จะจบแล้วเหรอเนี๊ยะ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 10-02-2016 21:59:40
รอรวมเล่ม แอร้ย
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-02-2016 22:07:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 10-02-2016 22:38:04
หมั่นไส้ซูกัสมากส่วนหมอว่านน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 11-02-2016 18:56:31
แม่ะ หวานกันซะ  :-[
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 10 > [10-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 11-02-2016 19:30:22
-11-

   -ซูกัส-


   เชื่อแล้วล่ะ... ถึงไม่พึ่งไสยศาสตร์หมอก็แก้ปัญหาทุกอย่างได้จริงๆ ผมถึงกับอึ้งเลยทีเดียวตอนที่คุณหมอพานายทหารยศสูงท่านหนึ่งมาคุยกับพ่อและแม่ให้ที่บ้านของผม ท่าทีขึงขังที่คุณพ่อเตรียมไว้รับหน้าว่าที่ลูกเขยนี่ดูเจี๋ยมเจี้ยมลงไปทันตาเมื่อเจอผู้ใหญ่ฝ่ายหมอเข้าไป จะไม่ให้กลัวได้ยังไง เล่นใส่ชุดในเครื่องแบบติดบั้งอะไรไม่รู้มาเต็ม...   
   
 “ผมก็เข้าใจหรอกนะ ว่ามันอาจจะเป็นความรักที่ผิดแปลกไปสักหน่อย แต่โลกนี้มันก็หมุนเร็วขึ้นทุกวัน แก่ๆ อย่างเราถ้าตามไม่ทันก็จะหกล้มได้” นับเป็นวาทะที่ชวนงงมากทีเดียว แต่ไม่น่าเชื่อว่าคุณพ่อจะเก่งถึงขนาดฟังเข้าใจเลยตอบรับว่า

   “ครับ”

   “ว่านน่ะเป็นหลานชายแท้ๆ ของผมเอง พ่อของเค้าเป็นแพทย์ทหารยศพันเอกพิเศษ เสียดายอายุสั้นประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกตั้งแต่ว่านยังเรียนไม่จบ ส่วนแม่ของว่านเป็นสูติ-นรีเวชที่เก่งมากทีเดียวแต่ก็เป็นมะเร็งเพิ่งจะเสียไปเมื่อสี่ปีก่อนได้เพราะครอบครัวเขาไม่เหลือใคร จึงต้องมาขอร้องให้ผมมาพูดให้ ทีแรกผมก็โกรธเหมือนกัน แต่พอคิดอีกทีมันก็ไม่มีใครอายุก็ปาเข้าไป32 แล้วด้วย มันคงไม่มาขอร้องผมเพราะความคิดชั่ววูบหรอก น่าจะคงรักลูกของคุณจริงๆ ดังนั้นถึงจะดูประหลาดๆ ไปหน่อยที่ผู้ชายสองคนจะรักกัน แต่ถ้าเด็กมันรักกันขนาดนี้.. ก็ควรจะให้โอกาสคนสองคนได้พิสูจน์ความรักนั้นบ้างจริงไหม?”

   การหว่านล้อมอันยาวนานของผู้ใหญ่ฝ่ายหมอยังคงยืดเยื้อยาวนานไปอีกไม่จบแค่นั้น  ผมกับหมอซึ่งเด็กสุดไม่ได้มีปากเสียงอะไรเลยนอกจากนั่งฟัง... แม่ก็เช่นกัน... เหลือแต่พ่อที่คอยรับคำครับๆ เพราะความเกรงใจบั้งบนบ่าคนพูด จบท้ายคุณลุงของหมอก็ไสพานสินสอดยัดเยียดให้พ่อกับแม่ไป กลายเป็นบรรยากาศการสู่ขอที่มาคุสุดๆ ไปเลย...

++++++++++

   หลังจากผ่านด่านพ่อตามาได้ หมอก็เหมือนจะได้ใจเกินเหตุ พาลูกขายเขามานั่งกินลมชมวิวเตร็ดเตร่เที่ยวแพแถวกาญจนบุรีทันทีทันควัน  ตกเย็นอากาศกำลังดีผมนั่งตักหมออยู่บนเก้าอี้ยาวระหว่างทอดมองทิวทัศน์เรื่อยเปื่อย ต้นไม้เขียวขจี น้ำใส รอบๆ ที่พักที่เป็นเรือนแพ ดูแสนโรแมนติก..

   “หมอนี่จริงๆ เลย กะจะมัดมือชกพ่อกัสเลยสินะ ถึงให้ลุงมาพูดให้แบบนี้...”  ผมบ่นอยู่ในอ้อมกอดของหมอที่ตัวเองเอนตัวพิง ทิ้งน้ำหนักไว้ได้อย่างเชื่อมั่นไว้ใจ

   “ที่จริงแล้วหมออยากพูดเองนะ แต่มาคนเดียวก็ไม่รู้จะโดนลูกซองหรือเปล่าก็เลยต้องหาแบ็กมากันเหนียว แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าลุงแกจะร่ายยาวขนาดนั้น” จะว่ายาวก็ยาวจริงๆ นั่นแหละ นั่งฟังพูดประโยคเดิมวนซ้ำไปมายังกับกรอเทป!

   “โชคดีจัง ที่หมอมีคนมาช่วย ผมยังกลัวตลอดเลยว่ามันจะเป็นยังไง ถ้าพ่อไม่ยอมรับ”

   “จบแบบนี้ก็ถือว่าแฮปปี้ดีนะ แต่ถึงพ่อกัสเค้าไม่ยอมตอนนี้ เอาไว้กัสเรียนจบก่อนเถอะ ยังไงก็ต้องยอม” คำพูดนั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจนผมต้องพลิกกายหันไปมองหน้าหมอ

   “ทำไม... หมอจะชวนผมหนีตามเหรอ?”

   “พาหนีทำไม ให้กัสอยู่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวพ่อกัสก็เอามาให้” คำเฉลยยิ่งพาให้งงหนัก

   “เอ๊ะ ทำไมล่ะ?”

   “อ้าว... ก็ทำลูกชายท้องป่องแล้วนี่ จะไม่ยกให้ก็เกินไป” คำตอบนั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ แล้วหน้าแดงขึ้นทันทีส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายลั่น

   “หมอ!!!!” อดคิดไม่ได้นะว่า หมอที่แสนดี... พอบทจะเจ้าเล่ห์ ก็ร้ายกาจกว่าที่คิดเยอะเลย!

   “ถ้ากัสเรียนจบแล้ว ยังไม่ต้องหางานทำนะ เอาไว้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หมอเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ซึ่งถึงหมอจะไม่บอกผมก็คิดไว้อย่างนั้นแหละ ให้ไปทำงานทั้งๆ ที่ท้องโตคงตลกน่าดูเลย...

   “พอหมอเรียนจบก็กะจะพักเหมือนกัน คงอยู่แต่คลินิก รับเคสเบาๆ แล้วก็ดูแลกัสไปเรื่อยๆ แล้วต่อไปจะเป็นอาจารย์หมออย่างที่มีคนแนะนำหรือจะอยู่คลินิกฟูลไทม์ค่อยคิดอีกที”

   “แล้วแต่หมอครับ กัสยังไงก็ได้” ผมตอบกลับไป แล้วยิ้มให้ดูน่ารักมากที่สุด ซูกัสน่ะเป็นช้างเท้าหลัง หมอว่ายังไง กัสก็ว่าอย่างงั้นแหละ

   “แล้วกัสคิดบ้างหรือยังว่าเราจะใช้ไข่จากไหน?” เจอคำถามนี้เล่นเอาผมงง เพราะนึกว่าหมอจะหาทางออกเตรียมไว้หมดแล้วเสียอีก

   “เอ๊ะ หมอสังเคราะห์ขึ้นมาไม่ได้เหรอครับ?”

   “จนปัญญาน่ะ” เมื่อเจอคำตอบแบบนั้นทำเอาใจแป้ว จากที่หัวสมองโล่งขาวเป็นช้างเท้าหลังอยู่เมื่อครู่ กลายเป็นเร่งรีบระดมสมอง(อันน้อยนิด) ช่วยคิดทันที

   “อืม... ถึงหมอจะบอกว่ามันผิดกฎหมายก็เถอะ แต่ถ้าเราแอบๆ ซื้อ ไม่ให้คนอื่นรู้ก็ไม่น่าเป็นอะไรนี่ครับ ยังไงหมอก็มีคลินิกสูติ- นรีเวชเป็นของตัวเองอยู่แล้วน่ะ”

   “บอกตามตรงนะ ตอนแรกหมอก็คิดอย่างกัสนี่แหละ คงไม่ยากถ้าจะขอซื้อไข่จากคนไข้ที่มาคลินิกแบบลับๆ เพราะในความรู้สึกของหมอต่อให้เราจะใช้ไข่ของใครก็ตามหมอก็ไม่สนใจหรอก หมออยากมีลูกกับกัสและจะมองว่าเค้าเป็นลูกของกัสแค่นั้น แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าเราได้ไข่จากคนที่จะทำให้เค้ามีลักษณะคล้ายกัสมากที่สุด” คำถามนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วงุนงง

   “คือยังไง ผมงง” คำถามโง่ๆ ของผมทำให้หมอชะงักไปนิดนึง

   “ผู้หญิงที่สามารถบริจาคไข่ให้ได้โดยไม่ต้องซื้อ และจะไม่มีทางฟ้องร้องหรือทำให้เกิดคดีความขึ้นในอนาคต แล้วก็มีส่วนคล้ายกัสมากๆ ลองคิดดูสิว่าคือใคร?” คำถามนั้นทำให้คิดว่าหมอคงมีคำตอบในใจนานแล้ว เพียงแต่ไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง

   “หมอหมายถึง...พี่ดี้เหรอ?”

   “เอ่อ... หมอคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรานะ แต่นั่นก็แล้วแต่กัสกับพี่สาวจะตัดสินใจยังไง เพราะเรื่องแบบนี้มันก็ละเอียดอ่อนพอสมควร”

   “ผมเข้าใจ การที่เราจะใช้ไข่จากคนในครอบครัวคงจะเซพสุดแล้วจริงๆ แล้วถ้าเป็นไข่ของพี่แคนดี้ เด็กของออกมาเหมือนลูกของหมอกับกัสจริงๆ เลยล่ะ แต่กัสไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ดี้เค้าจะยอมหรือเปล่า” ผมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความกังวล

   “ลองไปคุยดูก่อน เพราะมันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา แต่ถ้าพี่สาวกัสเค้าไม่ยอม หมอก็จะลองหาทางอื่นดูอีกที และถ้าหากว่าจะใช้ไข่ของคนอื่นจริงๆ แล้วเด็กออกมาไม่เหมือนกัสเลย หมอก็หวังนะว่ากัสจะรักเค้าเท่าเดิม”

   “โธ่ ต้องรักสิหมอ อยู่ในท้องมาตั้ง 9 เดือนจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง แต่ก็นั่นแหละ ผมจะลองขอพี่แคนดี้ดูก่อน เผื่อว่าพี่เค้าจะโอเค”


   หลังจากกลับมาจากไปเที่ยว ผมก็ลองไปคุยกับพี่แคนดี้ ซึ่งพี่แคนดี้ตอบตกลงอย่างง่ายดาย เพียงแค่ถามกลับซ้ำๆ หลายครั้งว่าผมจะปลอดภัยแน่ๆ หรือเปล่า ถึงในความเป็นจริงตัวผมเองจะกังวลอยู่บ้าง แต่ก็รับคำมั่นเหมาะเอ่ยชมว่าหมอว่านน่ะเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีทางปล่อยให้ผมเป็นอันตรายแน่ๆ อยู่แล้ว พี่ก็เลยวางใจ แต่เราพักเรื่องไข่ไปก่อนเพราะตอนนี้ผมยังเรียนไม่จบ...

   กระทั่งผมผมเรียนใกล้จบเต็มทีแล้ว และอยู่ในช่วงสอบ หมอก็นัดพี่แคนดี้มาตรวจร่างกาย อัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นไข่และนัดวันเก็บไข่ ในระหว่างนั้นผมก็เกิดคำถามมากมายขึ้นมาอีก

   “ถ้าเอาไข่ออกมาแล้ว อนาคตพี่แคนดี้เค้าแต่งงานใหม่นี่ยังท้องได้อยู่ใช่ไหม?” ผมถามขึ้น

   “แน่นอนสิ ร่างกายผู้หญิงผลิตไข่ทุกเดือนอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้รับการผสมก็กลายเป็นประจำเดือนน่ะ”

   “แล้วนี่ ตอนเอาไข่ออกมามันจะเจ็บไหมครับ?”

   “ถามหมอ หมอก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่สังเกตคนไข้ บางคนก็เดินตัวปลิวกลับบ้านได้เลย บางคนก็มีอาการเจ็บๆ บ้างจนต้องนอนพักเป็นวันก็มี ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน”

   “อืม...เดี๋ยวนะ เราเอาไข่ออกมายังไงนะ?”

   “เก็บจากทางช่องคลอดไง...” หมอตอบกลับมาด้วยเสียงที่แสนจะธรรมดามากทีเดียว

   “ช่องคลอด... ช่องคลอดมันก็...ฮะ!!... แล้วใครจะเป็นคนเก็บ..หมอเหรอ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงตกใจเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้

   “ก็หมอน่ะสิ จะเป็นใคร?”

   “งั้นก็ต้อง...” ผมเอ่ยค้างแค่นั้น นึกภาพพี่แคนดี้ขึ้นขาหยั่งแล้วหมอก็... อ๊ากกกก ทนไม่ได้ “ไม่เอาอ่ะ เอาออกมาทางอื่นได้ไหมเนี่ยหมอ”

   “เก็บไข่นะ จะให้เอาออกมาทางไหน!!” หมอเถียง สีหน้าบ่งบอกว่าเพลียใจกับผมเหลือเกิน “คิดมากน่าซูกัส นี่หมอน่ะทำคลอดมาไม่รู้กี่คนแล้ว ไม่รู้สึกอะไรหรอก”

   “หมอไม่รู้สึก แต่ผมรู้สึกนี่นา” ผมโวยวายไม่ยอมท่าเดียว

   “นี่สรุปว่ากัสหวงหมอ หรือหวงพี่สาวกันแน่”

   “ก็หวงทั้งสองคนแหละ”

   “รู้ทั้งรู้ว่าหมอไม่ชอบผู้หญิงงั้นเหรอ?”

   “ไม่ใช่แบบนั้น... แค่ขอไข่มาก็เกรงใจพี่จะแย่อยู่แล้ว ยังจะต้องให้ผู้ชายคนอื่นทำแบบนั้นอีก ถ้าเป็นหมออื่นก็ว่าไปอย่างยังเจอแค่ครั้งเดียว นี่เป็นแฟนน้องชายนะหมอ ยังต้องเจอะเจอกันอีกตั้งกี่ครั้ง” ผมอธิบายยาวยืด สมมุติตัวเองว่าถ้าผมเป็นพี่แคนดี้คงมองหน้ากันไม่ติดแน่เลยอ่ะ คิดในใจต่อว่าหมอว่านนี่บางเรื่องก็ฉลาดรู้ดีไปหมด แต่คอมมอนเซนส์แบบนี้ทำไมเข้าใจยากจัง...

   “อืม... ก็จริงของกัส” ในที่สุดหมอก็เถียงไม่ขึ้น “ขอโทษนะที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เพราะงานทำให้หมอไม่รู้สึกอะไร คนไข้ก็เหมือนเป็นงานที่ต้องทำตามปกติ อีกอย่างเพราะเรื่องนี้มันไม่ค่อยถูกต้องหลายๆ อย่าง เลยอยากจะให้รู้กันแค่ไม่กี่คน อะไรทำเองได้ก็อยากทำเอง แต่ถ้ากัสไม่สบายใจ หมอจะให้หมออ้อมาเก็บไข่ให้ก็ได้ แต่เราจะบอกหมออ้อแค่ว่าพี่แคนดี้เป็นคนไข้ของหมอเท่านั้นนะ ไม่เอ่ยถึงความสัมพันธ์อื่นๆ ”

   “ครับ ยังไงก็ได้” ผมตอบรับง่ายๆ


   ขอแค่คนที่ทำหน้าที่นั้นไม่ใช่หมอว่านก็พอแล้วล่ะ!
   

++++++++++


รู้ที่มาของไข่แล้วนะคะ

มีคนถามนิว่าแบบนี้เรียกว่าอุ้มบุญหรือเปล่า

นิว่าไม่ใช่ค่ะ เพราะคนที่อยากมีลูกไม่ใช่พี่แคนดี้+หมอ

กรณีของซูกัสที่อยากมีลูกเองจึงไม่ใช่การอุ้มบุญ แต่เรียกว่า "การตั้งครรภ์เองโดยวิธีรับบริจาคไข่" ค่ะ ♥


หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11 > [11-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-02-2016 19:41:39
หมอว่านน่ารักอ่ะ  เจ้าเล่ห์ใช้ได้เลยน้าาาาา อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักๆๆๆๆ :m3: :m3
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11 > [11-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-02-2016 19:45:32
 :katai2-1:    ลงตัว. อิอิ
ใกล้จะได้ท้องแล้วนะกัส พร้อมยังเอ่ย
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11 > [11-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 11-02-2016 20:24:51
เย้ๆ ซูกัสจะเป็นคุณแม่แล้ว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11 > [11-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 12-02-2016 16:21:00
 :hao7:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11 > [11-02-59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 12-02-2016 18:40:37
-11.5-


            -ซูกัส-
 
            ห้องนอนบนชั้นสามของคลินิกที่ถูกตกแต่งไว้สำหรับผมยังคงเหมือนเดิม เรียบๆ สะอาดตา เตียงนอนขนาดหกฟุตที่แตกต่างจากเตียงของโรงพยาบาลทั่วไปทำให้รู้สึกว่าเหมือนห้องนอนที่บ้านมากกว่าห้องพักคนไข้ ผมมาที่นี่คนเดียวตามคำสั่งแพทย์... โดยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหมอว่านถึงบอกให้มารอที่นี่ ทั้งที่จะรอในห้องตรวจของหมอก็ได้ แต่ถึงจะมีความสงสัยมากมายผมก็ยังเลือกที่จะทำตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเงื่อนไข

            ผมนั่งอ่านหนังสือนิยายเล่มบางๆ บนเตียงกว้างนั่นฆ่าเวลาระหว่างรอพี่แคนดี้เก็บไข่ ทั้งๆ ที่หมอบอกว่าใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงแต่กลับนานแสนนานในความรู้สึกของผม กระทั่งในที่สุดหมอก็เปิดประตูห้องเข้ามา

            “พี่ดี้เป็นยังไงบ้างครับหมอ” ผมรีบถามอย่างตื่นเต้น วางหนังสือนิยายที่อ่านค้างไว้ทันทีโดยไม่แม้แต่จะหยิบที่คั่นมาคั่นไว้ ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหาหมอทันทีโดยไม่รอให้เขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา

            “ฟื้นแล้ว แต่เหมือนจะยังลุกไม่ไหวนะ หมอก็เลยให้นอนพักไปก่อนจนกว่าจะดีขึ้น”

            “งั้น เดี๋ยวกัสลงไปดูพี่นะ” ผมบอกอย่างกระตือรือร้นขยับตัวจะเดินไปที่ประตู แต่เพียงสวนกับร่างสูงโปร่งของเขา หมอกลับคว้าแขนผมเอาไว้เสียก่อน ผมหันกลับมามองด้วยสายตาแสดงถึงคำถาม

            “ยังไม่ต้องไปหรอก ปล่อยพี่เค้านอนพักก่อนเถอะ อย่ากวนเลย” คำพูดหมอทำให้ใบหน้าผมเศร้าลงทันทีที่ไม่ได้ลงไปดูอาการพี่เสียหน่อย แต่ถ้าผมไปดูแล้วจะเป็นการรบกวน ก็ไม่ไปดีกว่า

            “ไม่ต้องห่วงหรอก พี่สาวกัสเค้าแค่อ่อนเพลียนิดหน่อย ไม่มีอันตรายอะไร” หมอปลอบญาติคนไข้ซ้ำอีกทำให้ความกังวลใจของผมลดลงไปมากโข

            “ครับ” ผมรับคำแล้วยิ้มบางๆ  และนาทีต่อมามือเล็กของผมก็ถูกหมอจับไปกุมไว้ มืออุ่นๆ หมอทำให้รู้สึกอุ่นใจนัก แต่น่าแปลกที่นิ้วเรียวยาวนั่นมิได้อยู่เฉยเท่านั้นกลับเกลี่ยไล่สัมผัสถูไถปลายนิ้วของผมไม่หยุดจนอดจั๊กจี้ไม่ได้

            ผมก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกหมอไล้ปลายนิ้วนั่นซ้ำๆ ด้วยความรู้สึกประหลาด ค่อยๆ แหงนเงยขึ้นสบตาที่ส่อแววอบอุ่นและทอประกายหวานของหมอที่มองจ้องลงมายังดวงตาของผม...

            ผมลอบกลืนน้ำลายดังกรึ๊บโดยอัตโนมัติ พยายามขยับร่างที่อยู่ดีๆ ก็ถูกสาปให้แข็งทื่อ ไปไหนไม่เป็นนั่นให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยไว โดยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เอ... หรือเพราะนานแล้วที่หมอไม่ได้ลวนลามผมแบบนี้กันนะ...

            “อะ...ร้อนจัง...เราลงไปข้างล่างกันดีไหมครับ” ผมบอกหมอด้วยเสียงที่เกือบติดอ่าง ดึงมือของตัวเองที่อีกฝ่ายไล้ลูบลามยาวมาถึงข้อมือเล็กออกอย่างนุ่มนวลแล้วพลิกกายหมุนออก

            “เดี๋ยวสิ...ซูกัส”

            สวบ... ไม่เพียงคำพูดที่รั้งผมไว้ แม้แต่อ้อมแขนอุ่นนั้นก็ด้วยที่โอบรัดรวบร่างผมไว้หมดทั้งลำตัวและแขนสองข้างราวงูรัดเหยื่อ แผ่นหลังของผมปะทะกับอกแกร่งของเขา แม้หมอมิใช่ผู้ชายหุ่นงามกล้ามสวยอย่างหนุ่มเพาะกาย แต่ก็มิได้ปล่อยตัวเองให้ลงพุง หมอยังมีกล้ามเนื้อและพละกำลังอย่างบุรุษทั่วไปพึงมี


            ผมรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะบ้า เพราะอยู่ดีๆ หัวใจก็สั่นรัว รู้สึกวูบวาบขึ้นมาบริเวณท้องน้อย แค่ถูกสัมผัสกอดและตลอดเวลาที่ปลายนิ้วเรียวนั่นไต่ระลากไปตามท่อนแขนเล็กของผม กระทั่งเมื่อจมูกโด่งกดลงมาที่แก้มและซอกคอ ผมก็ย่นคออัตโนมัติ ตัวสั่นระริก ปวดมวนในท้องไปหมด อ้อมกอดนั้นรัดรึงแนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวจะหลอมรวมเราเป็นหนึ่งเดียวกัน แทบทุกส่วนของร่างกายที่แนบสนิททำให้รู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขืนกำลังเพิ่มขนาดบดเบียดเสียดสีกับบั้นท้ายของผม

            “ร้อนจริงเหรอ...หมอจะได้เพิ่มแอร์” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามอยู่ข้างหูและพูดน้ำเสียงยั่วเย้า “แต่แปลกนะ บ่นร้อนแค่ทำไมตัวสั่นอย่างกับจับไข้”

            น่าเจ็บใจนักที่อีกฝ่ายเอาแต่แกล้งผมอยู่ฝ่ายเดียว

            “หมอ... ” ผมพยายามขยับตัวออก ฝืนตัวพลิกกายหันกลับไปหาเขา

            “ครับ...” ตอบรับโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวรอยยิ้มทั้งปากและตานั้นยังค้างไว้ดังร่ายมนต์สะกด... ไม่วายยกมือขึ้นประคองสันคางผมไว้แล้วไกล่นิ้วลูบไปมาเหมือนจะปลุกความต้องการของผมให้หนักขึ้นเรื่อยๆ ชั่วอึดใจเดียวที่ผมไม่อาจหักห้ามความรู้สึกนั้น เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาเขาพร้อมดวงตาที่พริ้มลงเกือบทันทีที่สองปากแตะกัน สองลิ้นที่คุ้นเคยต่างทักทายหยอกล้ออย่างแสนรักเป็นนาน

            “อืม...” เสียงผมครางในลำคออย่างเคลิบเคลิ้ม เมื่อหมอผละจูบที่ลึกซึ้งอันทำให้หัวใจโลดเต้นไม่เป็นจังหวะนั่นเคลื่อนคล้อยไปตามสันคางและลำคอของผม สองมืออุ่นที่ลูบไล้ตามบั้นท้ายกลมมน ทั้งพลิกพาผมเคลื่อนตัวมาถึงเตียงตั้งแต่ตอนไหนก็สุดรู้!

            ตัวผมที่เอนลงเหมือนนอนหงายแต่หลังไม่ติดเตียงเพราะวางมือทั้งสองค้ำไว้และงอข้อศอกเล็กน้อยค่อนข้างตกใจที่ร่างสูงโปร่งของหมอโถมตัวตามมาคร่อมและจู่โจมด้วยจุมพิตอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนผมถึงกับหอบฮัก ผลักร่างของหมอออกระหว่างกอบโกยลมหายใจเข้าปอด

            “หมอ... นี่เราจะทำกันที่นี่จริงเหรอ?” ผมถามอย่างประหม่า เนื่องด้วยคิดว่าคลินิกตอนกลางวันดูเป็นสถานที่ไม่เอื้ออำนวยให้ทำอะไรประเจิดประเจ้อนัก

            “ใช่... ที่นี่... แต่ไม่ถึงขั้นนั้น”

            “ฮะ?” ผมอุทานกลับอย่างไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “ขั้นนั้น” และที่ไม่เข้าใจหนักกว่าเก่าคือจากที่กางแขนคร่อมผมอย่างคุกคามเมื่อครู่อีกฝ่ายกลับถอยทัพกลับไปยืนที่ข้างเตียง

            “ช่วยหมอหน่อย...นะครับ” คำตอบนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรกระจ่างขึ้นเลยสักนิด มีเพียงเสี้ยวอารมณ์ที่หวามไหวไปกับเสียงอ้อนของหมอจนต้องเอ่ยถามกลับ

            “ช่วยอะร...” ถ้อยคำถามชะงักค้างไปทันทีที่หมอเริ่มต้นปลดเข็มขัดตัวเองออก ทำให้ผมเริ่มหายโง่ขึ้นมาฉับพลัน

            ผมนั่งตัวแข็งทื่อที่เดิม เหมือนคอตัวเองถูกแช่แข็งไว้ในห้องเย็นจนขยับไม่ได้เอาแต่กระพริบตาปริบๆ ใคร่ครวญว่าควรทำตัวแบบไหนระหว่าง “เด็กหนุ่มกร้านโลก” ที่แสดงบทรักอันเร่าร้อนอย่างช่ำชองโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องสอน... หรือวางท่าเป็น “ลูกกวางน้อย” ไร้เดียงสาหาทางวิ่งหนีราชสีห์หนุ่มดีนะ!

            อาฮ้า...  คิดเยอะไปแล้วซูกัส...

            ผมเกือบสะดุ้งทันทีที่มือใหญ่ของหมอแตะเข้าที่มือเล็กของผม ดึงรั้งให้ยื่นมือไปแตะบางอย่างที่ผงาดขึ้นหลังจากหมอเปลื้องกางเกงบางส่วนออก ทำให้หลุดจากห้วงความคิดเพ้อเจ้อ

            “หมอ...” ผมเรียกเสียงอ่อน ขณะอีกฝ่ายจับมือผมให้สัมผัสความอ่อนไหวอันแข็งแกร่งในกำมือแล้ว ขยับมือผมเป็นการชักนำให้สาวแก่นกายของเขาให้อุ้งมือเล็กเร่งจังหวะขึ้นไปเรื่อยๆ

            “เร็วอีกกัส... อีกนิด” หมอสั่งพลางโน้มตัวลงมาซบคางลงที่บ่าของผม จูบที่เน้นหนักขบเม้มอยู่ตรงซอกคอย้ำๆ สลับกับเสียงลมหายใจผะแผ่วทำให้ผมพลอยหายใจถี่ตามไปอย่างลืมตัวและผ่อนความเร็วลงเรื่อยๆ จนคิดว่าแค่มือยังไม่พอให้อีกฝ่ายถึงฝั่งไปได้ง่ายๆ

            “ให้ผมใช้ปากไหม” ผมเอ่ยถามอ้อมแอ้ม... ปกติแล้วผมไม่ทำหรอก เพราะหมอไม่ได้บอกให้ทำ และผมก็ไม่อยากเสนอตัวทำอะไรให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า  ผมแรด! (ไปมากกว่านี้) แต่วันนี้ผมรู้สึกว่ามันแปลกกว่าทุกวัน เพราะหมอไม่พยายามเล้าโลมผมให้มากๆ อย่างที่ผ่านมา แต่เหมือนจะเน้นไปที่ตัวเองมากกว่า

            “ไม่ดีกว่า...ไว้คราวหลัง...” เขาตอบแล้วจับมือผมออกจากตัวตนของเขา น้ำเสียงเคร่งเครียดทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ และอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย แหงนเงยขึ้นมองหน้าหมอที่มีสีหน้าครุ่นคิดยิ่งทวีความสับสนมากขึ้น...

            หมอเครียดเรื่องอะไร?

            “ขอโทษนะกัส...” จู่ๆ อีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นมาอีก แววตาที่ส่งมามีแววรู้สึกผิดแต่ก็ไม่มีทางเลือก ผมได้แต่มองหน้าหมอด้วยความมึนงง เมื่ออีกฝ่ายพรวดพราดส่งมือมาแตะที่กระดุมกางเกงขาสั้นของผมอย่างว่องไว

            อ้าว... อะไรของหมอ!!

            ผมตามอารมณ์หมอไม่ทันแล้วตอนนี้ ทีแรกเหมือนจะไม่ทำอะไร แค่ใช้ผมเป็นตัวบิวท์ ตอนนี้เปลี่ยนใจซะงั้น แต่พอเห็นแกพยายามจะปลดกางเกงผมอย่างยากลำบากผมก็รำคาญเล็กน้อยจึงพยายามถอดให้เอง เหลือแต่เสื้อยืดแขนยาวที่ยังใส่อยู่

             เฮ้อ... จะทำอะไรก็ทำเถอะหมอ ผมงงไปหมดแล้ว

            “คว่ำไป...” คำสั่งฟังเฉียบขาดกว่าปกติจนน่าแปลกอีกครั้ง

            “ฮะ?” ผมส่งเสียงสูงทันทีอย่างตกใจ ยังคงนิ่งอยู่ไม่อยากทำตาม ด้วยแรงค้านในใจ...

            ก็ใจคอจะเสียบไปเลยเหรอไง มันเจ็บนะหมอ...

            “นะ แป๊บเดียว” โทนเสียงสั่งเปลี่ยนเป็นอ้อนอีกครั้ง ผมได้แต่กัดปากพลิกคว่ำลงอย่างจำใจ

            ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสูงโปร่งก็ขยับเข้ามาเสียดสีกายแกร่งลงที่ผิวเนื้อเปลือยตรงสีข้าง ก่อนจะขยับเคลื่อนไปตามแก้มก้นของผม จนผมได้แต่กลั้นหายใจอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทุกครั้งที่ความรุ่มร้อนขยับเสียดสีใกล้เคียงปากทางคับแคบนั้นซ้ำซากไปมาแต่ไม่มีทีท่าว่ามันจะถูกขยับขยายหรือรุกล้ำแต่อย่างใดทั้งจากนิ้วเรียวหรือแก่นกายแข็งนั่น... มีเพียงสองมือใหญ่ที่ตะโบมโลมลูบก้นกลมหนักขึ้น และขยับสะโพกเสียดสีแก่นกายอันเร่าร้อนกับซอกก้นของผมต่อไปแต่เพียงภายนอก และเร่งจังหวะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หยุดชะงักแล้วรีบขยับกายออกจนพ้นตัว ทิ้งผมกัดฟันกับความทรมานที่ถูกปลุกเร้าเอาไว้แต่ไม่อาจไปถึงจุดสิ้นสุดนั่นจนอยากจะร้องขอให้ช่วยทีแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่นอนหอบนิ่งที่เดิมไม่ได้ขยับตัวลุกขึ้นมองว่าหมอละจากร่างผมแล้วไปไหน จนในที่สุดเขาก็ก้มลงจูบแก้มผมฟอดใหญ่

            “หมอขอโทษจริงๆ นะกัส แต่เอาไว้กลับไปบ้านก่อนแล้วหมอจะไถ่โทษให้นะครับ”

            ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองหมออย่างแปลกใจในคำขอโทษนั้นแล้วถึงกับอ้าปากหวอเมื่อพบว่าคุณหมอแต่งตัวกลับไปเรียบร้อยดังเดิมอย่างรวดเร็ว กำลังถือกล่องใสที่ปิดสนิทบรรจุของเหลวบางอย่างไว้ในมือ

            “หรือถ้าทนไม่ไหวจะช่วยตัวเองคนเดียวไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวหมอจะล็อกประตูให้” อันที่จริงก็จริงของหมอแหละว่าผมทำคนเดียวได้... เพียงแค่ผมไม่ชอบทำเรื่องนั้นคนเดียวนี่นา...

            “แล้วหมอจะรีบไปไหน?” ผมถามด้วยเสียงอ้อน พลางยกมือดึงชายเสื้อหมอไว้เป็นเชิงขอให้อยู่ก่อน

            “จะลงไปทำลูกต่อที่แล็บน่ะ” คำตอบของหมอโคตรทำร้าย แต่เข้าใจขึ้นทันที...

            เพราะจะใช้เพื่อเพื่อการนี้ เลยใช้ปากก็ไม่ได้ สวมถุงยางก็ไม่ได้ เลยสอดใส่ไม่ได้ด้วย สรุปว่าเซ็กส์ที่ผ่านมามีจุดประสงค์เพื่อสืบพันธ์จริงๆ สินะ!

            เมื่อได้ทราบเหตุผลนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกผ่อนคลายลง ถึงแม้ร่างกายซูกัสจะอัดอั้นทรมานมากแค่ไหน ต่อให้อารมณ์จะหงุดหงิดงุดเงี้ยวเพียงใดที่ไม่ได้รับการเติมเต็มให้สมอยาก... แต่เพื่อลูกแล้ว เป็นอีกครั้งที่ผมยอม...


          “งั้นหมอรีบไปเถอะ แม้จะแค่วินาทีเดียวผมก็ดีใจ ถ้าจะได้เจอเค้าไวขึ้น”



           
 
++++++++++
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11.5 > [12-02-59] อัพๆๆๆๆ♥
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-02-2016 19:11:25
เอ็นดูหมอว่าน ฮ่าๆ. ปั๊มลูกดีๆอย่ามือสั่นนะ
ขอบคุณค่ะ.
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11.5 > [12-02-59] อัพๆๆๆๆ♥
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-02-2016 19:36:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11.5 > [12-02-59] อัพๆๆๆๆ♥
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 12-02-2016 20:14:44
จะได้เห็นหน้าลูกหมอว่านกับซูกัสแล้วใช่ไหม
ตื่นเต้น แต่ที่แน่ๆรอดูหมอไปไถ่โทษ :hao6:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11.5 > [12-02-59] อัพๆๆๆๆ♥
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-02-2016 20:24:44
แหมหมอก็มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยนะ บอกกันก่อนก็ได้ นึกว่าจะมีดราม่า555
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11.5 > [12-02-59] อัพๆๆๆๆ♥
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-02-2016 14:40:05
ว่าแล้ว หมอเตรียมทำลูกจริงด้วย
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11.5 > [12-02-59] อัพๆๆๆๆ♥
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 13-02-2016 16:37:45
เตรียมพร้อมจะตั้งครรภ์แล้ว
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 11.5 > [12-02-59] อัพๆๆๆๆ♥
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 13-02-2016 18:52:58
-12-

   -หมอว่าน-


   หลังจากฝังตัวอ่อนลงในมดลูกเทียมแล้ว แพทย์พบว่าซูกัสมีอาการของโรค “เห่อลูก” เข้าขั้นโคม่าทีเดียว สังเกตได้จากจำนวนที่ตรวจตั้งครรภ์ใช้แล้วหลายแบบหลายยี่ห้อที่กองสุมในถังขยะตั้งแต่วันแรกที่ฝังตัวอ่อน ถึงแม้หมอจะบอกเขาแล้วว่ายังเร็วเกินไปที่จะตรวจพบก็ตาม ซูกัสก็ยังดื้อตรวจอยู่ดีวันละสองครั้งเป็นอย่างต่ำ!

   ถึงแม้หมอจะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ เพราะตามปกติแล้วแพทย์ทั่วไปจะเจาะเลือดคนไข้ตรวจประมาณสองสัปดาห์หลังฝังตัวอ่อนก็ตาม แต่เมื่อเห็นคนรักมีท่าทีกระตือรือร้นตื่นเต้นและลุ้นระทึกเช่นนั้นก็ได้แต่ปลงตก

   อยากทำอะไรก็ทำ... เอาตามที่สบายใจเลยครับที่รัก!


   ในระยะสามเดือนแรก เป็นช่วงที่แพทย์ต้องคอยดูแลควบคุมฮอร์โมนคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด และโดยเฉพาะซูกัสที่เป็นผู้ชายแล้วด้วยฮอร์โมนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซูกัสจึงต้องมาฉีดฮอร์โมน (เอสโตรเจน+โปรเจสเตอร์โรน)ที่คลินิกบ่อยๆ

   “เจาะเลือดตอนนี้เลยไหมหมอ สิบวันแล้วนะ” เขาถามขึ้น

   “แต่หมอว่ารอไปอีกสี่วันค่อยเจาะเถอะ จะได้ชัวร์ๆ” หมอตอบเรียบๆ พอเหลือบตาขึ้นเห็นใบหน้าซูกัสที่งอง้ำเพราะถูกขัดใจก็คลายยิ้ม “ซูกัสนี่ดีจังนะไม่กลัวเข็ม”

   “จะให้กลัวอะไรล่ะ? ตั้งแต่ฝังมดลูกเทียมกัสฉีดฮอร์โมนทุกเดือนเลย ภาวนาทุกวันไม่ให้มีนม”

   “กลัวไปได้... หมอไม่ได้ให้ในปริมาณที่มากเหมือนสาวประเภทสองที่จะแปลงเพศเค้าได้รับสักหน่อย ขนาดผู้หญิงทั่วไป มีฮอร์โมนหญิงไหลเวียนไม่รู้เท่าไรยังแบนก็มี” หมอปลอบให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ถึงฮอร์โมนนั่นจะมีผลทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ชอบ แต่ถ้ามันจะช่วยให้ลูกยังอยู่กับเรา หมอก็รู้ว่าซูกัสก็จะไม่เอ่ยปากปฏิเสธแน่นอน

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงประตูห้องถูกเคาะและเปิดออก ร่างโปร่งบางแต่ทะมัดทะแมงในชุดกาวน์ยาวก้าวเข้ามา

   “ขอโทษที่รบกวนนะคะหมอ อ้อขอปรึกษาอะไรด้วยหน่อยได้ไหมคะ”

   “ได้ครับ” หมอตอบแล้วลุกขึ้นหันไปบอกซูกัสที่นั่งอยู่ที่เดิม

   “กัสรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวหมอมา”

   “เร็วๆ นะหมอ... กัสหิวแล้ว”

   “สั่งอะไรมากินก่อนไหมล่ะ? ถ้ากลัวนาน”

   “ไม่เอา...” เขาตอบกลับมาทันทีโดยไม่ต้องคิด ใบหน้ามีความหงุดหงิดเจืออยู่เล็กน้อย

   “โอเค หมอจะรีบกลับมา แล้วไปหาอะไรกินกัน”
   


   เนื่องจากเคสที่หมออ้อมาปรึกษาค่อนข้างยากเราจึงคุยกันนานกว่าที่คิด กว่าที่หมอจะกลับมาที่ห้องก็พบว่าซูกัสรอจนฟุบหลับกับโต๊ะไปแล้ว เพลียง่ายแบบนี้หรือว่า....

   “กัส... ตื่นเถอะ นอนแบบนี้เดี๋ยวก็ปวดหลังแย่หรอก” ผมเดินมาแตะตัวเขาเขย่าเบาๆ เพื่อปลุก

   “อือ...” ซูกัสครางอือปรือตาขึ้นมองหมองงๆ “กลับมาแล้วเหรอหมอ ทำไมไปนานจัง”

   “ขอโทษครับ เคสยากนิดหน่อย”

   “กัสหิว... ลูกกัสก็หิว” ซูกัสบอกหน้ามุ่ย แต่ทำไมหมอขำ

   “ครับ หมอรู้แล้วไม่ต้องทำหน้าดุก็ได้” หมอบอกแล้วถอดกาวน์สั้นที่ใส่เฉพาะในคลินิกแขวนไว้ เหลือเพียงเชิ้ตสีฟ้าและกางเกงแสล็กที่ดูสภาพเท่านั้นยามที่ออกจากคลินิกเพื่อไม่ให้คนอื่นเดาได้ว่าประกอบอาชีพอะไร

    “กลับบ้านกันเถอะ” หมอบอก พยุงแขนเขาขึ้นยืนจับจูงมือคนหิวเก่งให้เดินตามออกมาจากห้อง

   ระหว่างที่เดินออกมาหมอหันไปเห็นหมออ้อพอดีจึงหันไปบอกลาตามมารยาท

   “หมออ้อครับ ผมกลับแล้วนะครับ”

   “ค่ะหมอว่าน” เธอตอบรับกลับด้วยรอยยิ้มหวาน และหมอยิ้มตอบตามปกติ จากนั้นก็เดินพาซูกัสมาที่รถเก๋งของตัวเองที่จอดอยู่

   “หมออ้อเค้าสวยเนอะ” จู่ ๆ คนข้างๆ ก็เอ่ยชม

   “อือ” หมอตอบรับสั้นๆ โดยไม่ได้ใส่ใจนักจนกระทั่งอุ้งมือที่ถูกหมอกุมไว้ค่อยๆ บิดมือออกหมอจึงหันไปมอง เห็นอีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตาบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย..

   “กัสอยากกลับบ้าน...” รู้สึกเหมือนพบเจอเดจาวู!

   “ครับๆ หาข้าวเย็นทานก่อนนะ ที่ไหนดี?”

   “ไม่หิวแล้ว กัสอยากกลับบ้าน”

   “ซูกัส...” หมอเรียกด้วยเสียงต่ำ “งอนอะไรหรือเปล่า?”

   “เปล่า...”

   “งั้นก็ไปกินข้าวก่อนค่อยกลับนะครับ”

   “ก็กัสบอกว่า...”

   “กัสไม่หิวแต่ลูกกัสหิว... เพราะงั้นต้องกินนะครับ” หมอสรุปจบเพียงแค่นั้น อีกฝ่ายจึงเลิกเถียงในที่สุด...



   หลังจากกลับจากทานข้าวแล้ว เราสองก็อยู่ท่ามกลางความเงียบงันมาตลอด ซูกัสทานน้อย พูดน้อย สีหน้าแสดงออกว่าไม่พอใจอะไรบางอย่างตลอดเวลาอย่างเห็นได้ชัด หมอได้แต่เงียบไม่ได้ถามอะไรเขา ทั้งๆ ที่ในหัวพยายามใคร่ครวญสะระตะว่าเขากำลังโกรธเคืองเรื่องใดอยู่กันแน่จนกระทั่งหมอจอดรถที่โรงจอดรถ ซูกัสลงจากรถแล้วเดินลิ่วไปที่ประตูบ้านอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รอ หมอมองตามอย่างไม่สบายใจ ล็อกรถล็อกบ้านเรียบร้อยแล้วจึงเดินมายืนข้างหลังซูกัสที่เปิดประตูบ้านออก

   “ฮึ้ย... หมอ” ซูกัสร้องอย่างตกใจเมื่อหมอกอดต้นขาแล้วยกร่างเขาขึ้นทั้งตัวแล้วพาเดินเข้าตัวบ้าน อ้อมแขนเล็กพยายามยึดบ่าหมอไว้แน่นเพราะกลัวตก 

   “จูบหน่อยซูกัส” หมอพยายามร้องขอ แต่อีกฝ่ายเบนหน้าหนีไม่ทำตาม

   “ฮื้อ...” เขาร้องเมื่อหมอกระแทกหลังของเขากับผนังห้องรับแขก เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาเสียเอง ซูกัสขมวดคิ้วพลิกหน้าหนีปากหมอที่พยายามจูบเขาอย่างออดอ้อนจนจมูกของหมอได้แต่หอมแก้มเขาซ้ำซากไปมาอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดเขาก็ยอมจูบตอบกลับมาจนได้

   “ปล่อยได้แล้ว ไม่หนักหรือไง”

   “ดีกว่าปล่อยให้งอนต่อไปเฉยๆ ถ้าไม่หายก็ไม่ปล่อย..” หมอบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ยังคงแตะจมูกอยู่ที่พวงแก้มหอมกรุ่น ค่อยๆ ปล่อยร่างเขาลงยืนที่พื้นอย่างนุ่มนวล...

   “รู้ด้วย?”

   “กัสน่ะอ่านง่ายจะตายไป คิดอะไรน่ะออกมาทางสีหน้าหมด” ที่จริงหมอรู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่ก็เหมือนผู้ชายทั่วๆไปนั่นแหละที่ไม่ค่อยรู้ว่า “เรื่องอะไร”

   “เหอะ! หมอจะบอกว่ากัสงี่เง่าอีกใช่ไหมล่ะ?” เขาถามพลางเชิดหน้างอนอีกครั้ง

   “จะว่าไปก็ใช่”

   “หมอ!!” ซูกัสเรียกเสียงดัง

   “ก็กัสหึงหมออ้อใช้ไหมล่ะ ไม่ไร้สาระเหรอ?” หมอถามกลับไป...

   “ไม่รู้ดิ ก็หมอชมว่าเค้าสวย” คำตอบนั่นเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าที่มุ่ยอยู่น้ำเสียงบ่งบอกว่างอนเต็มที่

   “สวยไปก็กินไม่ได้... หมอไม่ได้ชอบผู้หญิงซะหน่อย แล้วที่สำคัญ หมออ้อเค้าก็แต่งงานแล้วด้วย”

   “จริงเหรอครับ?” เขาถามอย่างแปลกใจ คงเพราะหมอไม่เคยเล่าให้ฟัง

   “อือ...ทีนี้เลิกงอนได้แล้วใช่ไหม?”

   “อื้อ...ก็ได้” ตอบแบบยังพยายามรักษาฟอร์มอยู่ดี

   “นี่สงสัยซูกัสคงท้องจริงๆ ซะล่ะมั้ง” หมอแซวพร้อมหัวเราะ

   “ทำไมล่ะ?”

   “ก็คนท้อง แรกๆ มักชอบหงุดหงิด หิวบ่อยแล้วก็อ่อนเพลียง่ายด้วย เหมือนกัสจะเริ่มมีอาการหน่อยๆ นะ”

   “จริงเหรอครับ?” คำถามนั้นมีแววตื่นเต้นดีใจแล้วก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าแสดงความสงสัย “แต่ทำไมพอตรวจแล้วยังขีดเดียวอยู่เลย”

   “ปริมาณ hcg คงยังน้อยเกินไปที่จะตรวจพบล่ะมั้ง หมอถึงยังไม่เจาะเลือดตอนนี้ เพราะถ้าไม่เจออะไรนอกจากเจ็บฟรี เดี๋ยวกัสจะจิตตกไปซะเปล่า”

   “หมอพูดแบบนี้ผมก็ใจชื้นเลย” ซูกัสบอกด้วยรอยยิ้มดีใจแล้วรีบผละจากอ้อมกอดของหมอเดินเข้าห้องนอนไป

   และหลังจากนั้นชุดตรวจตั้งครรภ์แสดงผลขีดแดง 1 ขีดก็เพิ่มขึ้นอีกสองอันในถังขยะ

   ทั้งๆ เคยบอกไปแล้วแท้ๆ นะว่าตรวจตอนตื่นนอนจะแม่นยำกว่า!


   
   และความพยายามนั่นยังดำเนินมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง...

   “เย้!!!!!”  นั่นคือเสียงที่ดังลั่นบ้านในวันที่สิบสองหลังจากฝังตัวอ่อน...เสียงย่ำเท้าตึกตึกดังก้องจากทางห้องน้ำมาจนถึงครัวที่หมอกำลังหั่นผักเตรียมทำอาหารให้คนไข้คนพิเศษสุดรับประทาน

   “ใจเย็นสิซูกัส อย่าวิ่งเดี๋ยวก็ล้มหรอก” หมอเตือนด้วยเสียงดุ 

   “ก็ผมตื่นเต้นนี่นา ดูสิหมอ...สองขีดแล้ว...” เขาบอกรีบยื่นหลักฐานเป็นชุดตรวจตั้งครรภ์มีขีดแดงสองขีดให้ดู

   “ยินดีด้วยครับคุณแม่...” หมอกล่าวยกมือขึ้นลูบผมเขาอย่างเอ็นดู

   “เช่นกันครับคุณพ่อ...” เขาตอบกลับมาแล้วยิ้มทั้งน้ำตาเพราะความปลาบปลื้มพลอยทำให้หมอต้องยิ้มตามไปด้วย ค่อยๆ จับมือเขาไว้ไล้นิ้วโป้งกับหลังมือขาวแล้วดึงร่างซูกัสเข้ามาหาตัวเอง ซูกัสค่อยๆ กางแขนโอบหมอแน่น... แนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอยากจะแสดงว่าเขาดีใจมากแค่ไหน และหมอเองก็ดีใจไม่น้อยไปกว่ากัน...

   “เอาล่ะ ฟังหมอดีๆ นะ ต่อจากนี้ไปกัสต้องดูแลตัวเองดีๆ ห้ามวิ่ง เดี๋ยวจะล้ม เดินได้แต่อย่ามาก ห้ามออกกำลังกายอย่างหนัก ห้ามเครียด ห้ามนอนดึก ห้าม...”

   “หมอ!!! ใจเย็นๆ สิ กัสฟังไม่ทัน!!!” หมอชะงักปากที่กำลังจะพ่นคำเตือนมากมายภายในหัวอย่างลืมตัว แล้วยิ้มให้ซูกัสอย่างเขินๆ ที่เผลอพูดมากจนเกินไป...

   เอ่อ...หมอเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าระหว่างหมอกับซูกัส...ใครเห่อลูกมากกว่ากัน!!


++++++++++
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 13-02-2016 19:39:45
จะมีเบบี๋แล้วนะซูกัส   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อยากเห็นหมอว่านเห่อลูก แพ้ท้องแทนเมีย
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-02-2016 20:02:26
โชคดีมากๆๆๆๆๆ. เย้ ยินดีด้วยนะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
ถ้าหมอว่านไม่ห้ามคงวิ่งรอบบ้านใช่ไหมกัส :กอด1:   
รออีกเก้าเดือนเองไวจะตาย เอาใจช่วยให้ผ่านทุกอย่างไปด้วยดีนะ.
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-02-2016 20:53:18
กัสท้องแล้ว เย้ๆๆๆ เห่อลูกทั้งคู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-02-2016 20:57:49
ดีใจด้วย
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-02-2016 23:39:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 14-02-2016 00:32:25
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 14-02-2016 00:48:18
สรุปว่าเห่อเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-02-2016 01:51:43
เห่อลูกทั้งคู่แหละ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 14-02-2016 04:08:24
ซูกัสมีน้องแล้ว....คุณหมอตอนแรกไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำขอซูกัส พอตอนนี้เห่อลูกแซงหน้าไปซะแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 12> [13-02-59] คนเห่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 14-02-2016 18:58:21
-13-
   
   เมื่อซูกัสอายุครรภ์ได้ราว 6 สัปดาห์อาการแพ้ท้องก็ตามมาทันทีเหมือนเงาตามตัวและหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหมออดรู้สึกสงสารเขาไม่ได้ ความรู้มากมายในหัวตีกันให้วุ่นจนไม่รู้จะเริ่มจากอะไรก่อนดี

   “ตื่นแล้วเหรอครับ... ทานบิสกิตสักหน่อยนะ แล้วก็นอนพักต่อสักยี่สิบนาทีแล้วค่อยลุกนะครับ”

   “ช่วงแรกๆ  อย่าเพิ่งดื่มนม เปลี่ยนเป็นดื่มน้ำขิงระหว่างวันแทน”

   “แต่ละมื้อไม่ต้องทานมาก แต่ทานวันละหลายๆ มื้อ”

   “ถ้าอยากทานของเปรี้ยวก็ให้ทานผลไม้สดพวกสตรอเบอรี่แทนของดอง”

   แต่ถึงจะพยายามหาวิธีไม่ให้แพ้มากก็เหมือนจะไม่หายซะทีเดียว

   “อ้วก...แหวะ...” อาการคลื่นไส้อาเจียนเริ่มต้นในตอนเช้าและทุกครั้งที่ได้กลิ่นแปลกๆ จนซูกัสไม่สามารถย่างเท้าเข้าครัวได้เลย (ดีเท่าไรแล้วที่ไม่เหม็นหมอด้วย) ช่วงนี้หมอจึงเป็นคนทำอาหารที่เหมาะสำหรับคนท้องให้เขา โชคดีที่ตอนนี้หมอเรียนจบแล้วและเลือกเข้าคลินิกแค่สองสามวันต่อสัปดาห์เพื่อใช้เวลาที่เหลือดูแลซูกัสที่บ้าน

   ซูกัสหิวบ่อย แต่ถ้ากินมากก็อาเจียนออกหมด อ่อนเพลียจนนอนทั้งวัน ท้องอืดและชอบบ่นว่าปวดหลัง จนหมออดกังวลไม่ได้ ความเครียดทำให้หมอพลอยมีอาการปวดหัวและอยากจะอาเจียนบ้างเป็นบางครั้ง

   “น้ำขิงไหมครับหมอ” ซูกัสเอ่ยถามเมื่อหมอเดินออกจากห้องน้ำหลังจากโก่งคอกับอ่างล้างหน้าแต่ก็ไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำลายเหนียวๆ หมอรับแก้วน้ำขิงในมือเขามาดื่มแล้วถามเมื่อเห็นรอยยิ้มกลั้นขำในหน้าที่ซีดเซียวนั้น

   “ขำอะไรครับ?”

   “ไม่คิดว่าคุณหมอจะแพ้ท้องแทนผม” ซูกัสตอบยิ้มๆ ระหว่างเราเดินจากห้องน้ำไปที่ห้องรับแขก

   “ทำไมล่ะ? เค้าว่าถ้าใครแพ้ท้องแทนเมียแปลว่ารักเมียมาก กัสไม่คิดว่าหมอรักกัสมากหรือไง?” หมอถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

   “ไม่รู้สิครับ มันไม่ค่อยวิทยาศาสตร์เลยอ่ะ”

   “แล้วความรักมันฟังดูวิทยาศาสตร์ไหมล่ะ?” หมอวางแกวน้ำขิงไว้ที่โต๊ะชา และเราทั้งสองนั่งลงที่โซฟา

   “นั่นสิครับ ไม่ค่อยวิทยาสาสตร์แต่หมอบอกว่าเชื่อในความรักนี่นา”

   “ความจริงมีคนอธิบายความรักในหลักวิทยาศาสตร์ด้วยนะ พออ่านแล้วก็น่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน เพราะอธิบายโดยใช้หลักฮอร์โมนน่ะ”

   “จริงเหรอครับ ความรักเกิดจากฮอร์โมน?” ซูกัสทวนคำคล้ายกับไม่เชื่อ

   “กัสน่าจะเคยได้ยินคำว่าฟีโรโมนใช่ไหมล่ะ?”

   “ครับ สารที่หลั่งออกมาแล้วเพศตรงข้ามได้กลิ่นก็เกิดความหลงใหล ฟังดูเหมือนจะธรรมดาแต่พอรู้ว่าสารนี้ผลิตมาจากรักแร้ก็รู้สึกทะแม่งๆ อ่ะ น่าจะเหม็นมากกว่าหอม”

   “ที่จริงมันก็เกิดได้จากหลายจุดนะ ผิวหนังหรืออวัยวะอื่นๆ ก็ได้ แล้วฟีโรโมนก็ไม่ได้รับรู้ด้วยจมูกแต่รับรู้ด้วยสมองต่างหาก”

   “ถ้างั้นที่หมอบอกว่าตัวผมหอมก็โกหกน่ะสิ”

   “ไม่ได้โกหก รู้สึกจริงๆ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่ากลิ่นฟีโรโมน กลิ่นสบู่หรือว่า กลิ่นสาป”

   “หมอ!!!” ซูกัสลากเสียงยาวมุ่ยหน้าเป็นเชิงตัดพ้อ

   “ที่จริงแล้วฟีโรโมนเนี่ยมันก็เป็นแค่สารกระตุ้นที่ทำให้สนใจเท่านั้นนะ เหมือนตัวช่วยคัดสรรคนที่ใช่ให้เรา นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าคนบางคนอาจจะดีแสนดีแต่ทำยังไงเราก็ไม่รักอาจจะเพราะฟีโรโมนไม่ตรงกัน ส่วนทฤษฎีความรักเท่าที่จำได้จะมี 3 ช่วงนะคือ ช่วงเกิดตัณหา ช่วงคลั่งรัก แล้วก็ช่วงผูกพัน โดยฮอร์โมนเพศสองตัวคือเทสโทสเตอร์โรนกับเอสโตรเจนจะทำให้เกิดตัณหาอยาก...” หมอหันไปมองหน้าซูกัสด้วยดวงตาวาวหวาน

   “อะฮึ่ม... อะไรหมอ...คิดทะลึ่งอีกล่ะสิ!” ซูกัสเดาถูกอีกครั้ง ทำให้หมอยิ้มรับเป็นคำตอบแล้วพล่ามต่อ

   “เอ่อ...แล้วก็มีฮอร์โมนตัวอื่นๆ ที่ทำให้หลงใหล คิดถึงอีกฝ่ายจนไม่ได้กินไม่ได้นอน พอล่วงเลยช่วงคลั่งรักไปก็มีฮอร์โมนตัวอื่นที่ทำให้เกิดความผูกพันอยากอยู่กับคู่ของตัวเองไปตลอด ในสัตว์บางชนิดจึงพบว่ามันจะมีคู่ครั้งเดียวตลอดชีวิตของมันและหนูชนิดหนึ่งเมื่อคู่ของมันตายไป อีกตัวก็ตรอมใจตายตามไปด้วย”

   “ถ้าหากคนรักของเรา เค้ารัก ซื่อสัตย์และดูแลเราอย่างดีที่สุดตลอดชีวิตของเขา ต่อให้รู้ว่าต้องตายไปพร้อมๆ กับเขามันคงจะเป็นความตายที่มีความสุขมากนะครับ” ซูกัสเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความซาบซึ้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลกลิ้งลงมาข้างแก้มทั้งๆ ที่ยิ้ม หมอยกมือขึ้นปาดน้ำตาเขาเบาๆ

   “คุณแม่นี่อ่อนไหวจริงๆ เอะอะก็ร้องไห้ตลอด” หมอแซวซูกัสแล้วหัวเราะเบาๆ

   “มันซึ้ง จริงๆ นะครับ” ซูกัสแก้ตัว ซึ่งหมอไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะมันเป็นอาการปกติของคุณแม่ตั้งครรภ์อยู่แล้วที่จะมีอารมณ์จนอยากร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล

   “ที่จริงก็ซึ้ง แต่มันคงเกิดขึ้นได้ยากกับมนุษย์นะ เพราะอย่างน้อยชีวิตของเราก็ไม่ได้มีแค่คนรักเพียงอย่างเดียว ไหนจะพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแม้แต่ลูกของเรา”

   “ครับ...เค้าคงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กัสอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปถ้าหากไม่มีหมออยู่แล้ว... แต่ถ้าหากว่ากัสเป็นฝ่ายที่จากไปก่อน หมอก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้เพื่อลูกของเราเหมือนกันนะครับ”

   หมอไม่ได้ตอบ เพียงยื่นมือไปกุมมือบางของซูกัสมากุมไว้ในอุ้งมือแล้วขยับตัวเขาหาเขา กดศีรษะเล็กให้ซบกับบ่าตัวเองพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมเจือจางบางอย่างที่ตรึงติดจมูก หมอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบกลิ่นของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และเพราะอะไรถึงชอบกลิ่นของซูกัสมาก หรือฟีโรโมนของซูกัสมันเป็นกลิ่นพิเศษที่ดึงดูดเพศเดียวกันมากกว่าเพศตรงข้าม ในระหว่างที่ความรักเล่นงานหมออย่างหนักหน่วงมาตลอดสองปีกว่านี้หมอเฝ้าถามตัวเองว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในช่วงไหนของความรัก...

   ตัณหา เพ้อคลั่ง หรือผูกพัน หรืออาจจะพร้อมกันทั้งสามในเวลาเดียวกันก็เป็นได้...

   ยังไงก็ตามหมอไม่อาจตอบรับคำขอของซูกัสได้ เพราะหมอก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าหมอจะสามารถอยู่ต่อไปโดยไม่มีซูกัสได้จริงหรือเปล่า...



   
   อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ท้องซูกัสใหญ่กว่าปกติทั้งที่เป็นท้องแรก นั่นเป็นผลมาจากครรภ์แฝดทำให้หมอยิ่งหนักใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก การมีลูกแฝดนอกจากทำให้แพ้ท้องมากขึ้นแล้วยังทำให้มีภาวะโลหิตจางและเป็นอันตรายมากทีเดียว หมอต้องให้กินธาตุเหล็กและต้องเตรียมเลือดไว้ในกรณีฉุกเฉิน และในระหว่างที่หมอไม่อยู่บ้าน หมอก็ไม่กล้าปล่อยให้ซูกัสอยู่คนเดียวเลย ดังนั้นหมอจึงพาซูกัสไปส่งที่บ้านของเขาตอนที่หมอมาทำงาน กำชับว่าหากมีอะไรผิดปกติให้โทรหาได้ตลอด

   พอถึงวันหยุด หมอไปรับซูกัสที่บ้านแต่เช้า ซูกัสยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่ตลอด แต่รู้สึกได้ว่าเขามีความสุข...

   “ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องดื่มกาแฟ” หมอบอกเขาเมื่อซูกัสเอ่ยปากว่าจะขอแวะไปร้านกาแฟสด ตอนที่หมอแวะเติมน้ำมัน

   “ไม่ได้ดื่มกาแฟ แค่อยากกินชาเขียวสักแก้ว”

   “ชาเขียวก็คาเฟอีนเยอะไม่ต่างจากกาแฟหรอกน่า ที่จริงก็ดื่มได้นะ แต่ต้องควบคุมไม่ให้เกินวันละ300 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้าทำได้ไม่ดื่มเลยจะดีกว่า”

   “เอ่อ...งั้นกัสไม่ดื่มแล้วก็ได้” เขาตอบเสียงอ่อย มองแล้วก็น่าสงสาร

   “เป็นน้ำผลไม้แทนแล้วกันนะครับ” หมอสรุปคล้ายบังคับ หลังจากเติมน้ำมันเสร็จก็เลี้ยวรถเข้าซองแล้วลงไปซื้อน้ำผลไม้ในเซเว่น รวมถึงซาลาเปา มาให้ซูกัสกินแก้หิวด้วย

    ระหว่างทางกลับบ้านซูกัสนั่งกินซาลาเปากับน้ำผลไม้ในรถ

   “ดีนะคนที่ท้องเป็นผมไม่ใช่แม็กม่า รายนั้นน่ะติดกาแฟมากเลย ถ้าวันไหนไม่ได้กินวันนั้นหงุดหงิด ถ้าเขางอนผมล่ะก็ ผมต้องง้อโดยซื้อกาแฟสตาร์บัคส์มาให้กินทุกทีเลย ทั้งๆ ที่ถ้ามันซื้อเองเห็นกินแต่ลาเต้เซเว่น ราคานี่ต่างกันลิบลิ่ว”

   หมอหัวเราะที่ซูกัสนินทาเพื่อนสนิทให้ฟัง หมอจำได้ว่าเคยพบหน้าเขาครั้งเดียวเองตอนที่แวะไปหาซูกัสที่มอ. แต่เรื่องราวของแม็กม่าจะถ่ายทอดจากปากซูกัสซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเหมือนแม็กม่าเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งของหมอทีเดียว

    “จะว่าไปตั้งแต่ปิดเทอม กัสไม่ได้เจอแม็กเลยนะ ได้ข่าวว่ามันได้งานที่บริษัทนำเที่ยวแถวๆ ลาดพร้าว ชื่ออะไรอิดๆ นี่แหละ” ทำไมข้อมูลเบื้องต้นมันคุ้นๆ อย่างนั้นนะ...

   “อิทธิฤทธิ์ คอป หรือเปล่า?” หมอถามกลับไปขำๆ เหมือนอยากจะแซวเล่นมากกว่าจริงจัง

   “ใช่...เอ๊ะ! หมอรู้จักหรอ?” คำตอบรับของซูกัสทำให้หมอค่อนข้างแปลกใจ ไม่คิดว่าโลกจะกลมได้ขนาดนั้น...

   “จะว่าไปก็รู้จักนะ... หรือว่าวันนี้เราจะแวะไปเยี่ยมเพื่อนซูกัสกันดีล่ะ?”





   “หมอ... ผอมลงหรือเปล่า” อิฐถามทันทีที่เจอหน้า มันค่อนข้างแปลกใจที่หมอสามารถลากสังขารตัวเองมาพบมันถึงบริษัทได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

   “เอ่อ...” หมอกำลังคิดว่าจะตอบอย่างไรไม่ให้เสียฟอร์มแต่ไม่ทัน...

   “หมอเค้าแพ้ท้องน่ะครับ” ซูกัสตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ทำให้หมอหันไปมองด้วยสายตาคาดโทษแต่อีกฝ่ายยิ้มรับไม่แคร์...

   “ว่าแต่ถ่อมาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่า?” อิฐถามเป็นงานเป็นการ

   “หมอพาซูกัสมาหาเพื่อนน่ะ บังเอิญมากว่าทำงานที่นี่พอดี”

   “จริงเหรอ? บังเอิญจัง อยู่แผนกไหนล่ะ?”

   “ทดลองงานอยู่แผนกบัญชีน่ะครับ”

   “อ้อ... งั้นเดี๋ยวให้เลขาพี่พาซูกัสไปส่งหาเพื่อนนะครับ” อิฐบอกซูกัสอย่างใจดีแล้วยกหูโทรศัพท์ต่อสายในสั่งเลขาให้ทันที ไม่ถึงนาทีเลขาของอิฐก็เปิดประตูห้องเข้ามา

   “ซูกัสไปคนเดียวได้ไหมครับ เดี๋ยวหมอขอคุยกับอิฐสักพักนึงนะแล้วเดี๋ยวจะตามไป” หมอบอกเขา

   “ได้ครับ ถ้าผมหิวแล้วจะโทรตามนะ” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี หมอพยักหน้ามองตามร่างเล็กที่ตอนนี้มองแล้วเหมือนเขาเริ่มมีพุงทั้งๆ ที่ร่างกายผอมซูบ..เดินออกจากห้องทำงานของอิฐไป

   “น่ารักชิบ... แต่เหมือนโทรมๆ ไม่สบายหรือเปล่า” อิฐค่อนข้างสายตาดี ช่างสังเกตเชียว

   “แพ้ท้อง...” หมอตอบเรียบๆ

   “เออ ดี! แพ้ทั้งสองคน สรุปว่าใครท้องกันแน่ล่ะ?” อิฐถามด้วยน้ำเสียงแสดงความขบขัน แต่หมอไม่สนใจจะตอบคำถาม เพราะอยากคุยธุระอื่นมากกว่า

   “อิฐ หาทนายให้หน่อยได้ไหม กูอยากเขียนพินัยกรรม”

   “ฮะ!! เร็วไปไหมหมอ... เพิ่งจะ 32 เอง”

   “เขียนไว้เฉยๆ ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะตายเร็วหรอก แต่เพราะผู้ชายจดทะเบียนสมรสไม่ได้ กูก็เลยอยากหาหลักประกันอะไรให้ซูกัสเท่านั้นเอง”

   “ท่าหมอจะเป็นเอามากนะเนี่ย แต่ที่จริงซูกัสก็เป็นลูกคนมีเงิน เค้าคงไม่แคร์สมบัติพัสถานอะไรของหมอนักหรอกมั้ง หมอบอกว่าซูกัสรวยกว่าหมออีกไม่ใช่เหรอ?”

   “อือ... มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะรวยกว่าใคร รู้แต่ว่าอยากยกทุกอย่างให้เฉยๆ เผื่อถ้าลูกโตขึ้นจะได้มีอะไรไว้ดูต่างหน้า”   

   “ลูก??” อิฐส่งเสียงสูงอย่างประหลาดใจ

   “อือ... ซูกัสท้องได้สามเดือนแล้ว” หมอตอบเรียบๆ ไม่คิดจะปิดบัง

   “หา? เพี้ยนหรือเปล่าเนี่ยหมอ ผู้ชายที่ไหนจะท้องได้?”

   “ไม่เชื่อก็ช่าง แค่ตอบมาก็พอแล้วว่าหาทนายให้ได้ไหม?”

   “อะ... ได้ๆ เดี๋ยวจะติดต่อทนายประจำตระกูลให้เลย”

   “ขอบใจ” หมอบอกแล้วยิ้มบางๆ

   “อืม... ถ้าหมอบอกว่าซูกัสท้องอยู่ แต่หมอแพ้ท้อง ก็แสดงว่าหมอแพ้แทนเมียสินะ?” หมอไม่แน่ใจว่าเขาอยากแซวเฉยๆ หรือนึกเชื่อหมอขึ้นแล้วจริงๆ แต่หมอก็ตอบกลับตามปกติ

   “มีซะที่ไหนอาการแพ้ท้องแทนเมีย”

   “อ้าว... แล้วที่หมอเป็นเรียกว่าอะไรล่ะ?”

   “เห็นซูกัสแพ้ท้องมากก็เลยเครียดต่างหากล่ะ” ใช่ อาการพวกนี้เกิดจากความห่วงใจภรรยาและลูกเท่านั้นเอง แต่หมอไม่อาจบอกซูกัสไปตามตรงได้ว่าหมอเครียดเรื่องลูกหลายๆ อย่างเพราะกลัวซูกัสจะพลอยไม่สบายใจตามไปด้วยจึงต้องยอมรับกับซูกัสว่าแพ้ท้องแทน

   “เครียดทำไมล่ะ แพ้ท้องก็เรื่องปกติไม่ใช่เหรอ”

   “อาการแพ้ท้องน่ะมันมีสาเหตุมาจากฮอร์โมน hcg ยิ่งสูงก็ยิ่งแพ้ท้องมากและการที่ฮอร์โมนสูงมันก็ทำให้วินิจฉัยไปในทางที่ไม่ดีได้ด้วยจำพวกครรภ์เป็นพิษ ท้องนอกมดลูก รกผิดปกติ หมอก็เลยเครียด แต่ตอนนี้รู้สาเหตุแล้วว่าแพ้ท้องมากไม่ใช่เพราะความผิดปกติแต่เพราะมีลูกแฝด”

   “ก็เลยหายเครียด?”

   “เปล่า เครียดกว่าเดิมอีก”

   “อะไรของหมอวะ” อิฐสบถทันที

   “ความจริงแล้วการที่ซูกัสมีลูกแฝดมันไม่ใช่ความบังเอิญแต่เป็นความผิดพลาดของหมอเอง เพราะหมอไม่แน่ใจว่ามดลูกเทียมมีความแข็งแรงมากแค่ไหน กลัวว่าจะมีโอกาสสำเร็จต่ำ แล้วตอนฝังตัวอ่อนต้องเจาะหน้าท้องด้วยหมอสงสารซูกัสไม่อยากให้เจ็บตัวหลายรอบก็เลยฝังตัวอ่อนไปสองเลยกันพลาด ที่ไหนได้ติดทั้งสองก็เลยเป็นแฝด”

   “ดีออกนะ คลอดทีเดียวสองคน ไม่ต้องท้องกันบ่อยๆ ไง”

   “มันเสี่ยงหลายอย่างน่ะ แต่ถึงยังไงหมอก็จะพยายามดูแลพวกเขาให้ปลอดภัยจนคลอดให้ได้และ”

   อิฐยิ้ม... เดินมาตบไหล่หมออย่างให้กำลังใจ

   “ผู้ชายท้องได้น่ะเป็นเรื่องยากขนาดไหนใครๆ ก็รู้ ถ้าหมอเก่งมากถึงขนาดทำให้มันเกิดขึ้นได้ เรื่องอื่นๆ ก็จิ๊บจ๊อยว่ะ อย่าไปเครียดเลย”

   “หวังอย่างนั้นเหมือนกัน...”



หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 14-02-2016 20:29:24
ขอให้ซูกัสแข็งแรง ๆ คลอดน้องปลอดภัยนะจ๊ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 14-02-2016 20:34:03
หมอว่านนี้รนับวันก็ยิ่งเป็นคุณพ่อที่น่ารัก....อยากเห็นตอนคุณหมอว่านช่วยซูกัสเลี่ยงลูกแล้วซิ
คงน่ารักน่าหยิกทั้งบ้าน แบบว่าฟินไปล้วงหน้าเลย  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-02-2016 20:43:08
สู้ๆๆน่ะหมอ  รอกัสคลอด แฝดด้วยคุ้มเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-02-2016 22:28:59
ความรักนี่เข้าใจยากจริงๆ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-02-2016 22:41:32
โชคสองเด้งไงหมอ แต่จริงที่เสี่ยงหลายอย่างเพราะเราไม่รู้ว่าถ้าแฝดจะปกติสมบูรณ์ทั้งคู่หรือไม่แถมเรื่องมดลูกเทียมก็น่าห่วงอยู่
ถ้าเคสนี้สำเร็จสวยงามต้องลงกินเนสบุ้คแน่ๆเลย ฮ่าๆ แอบเรียลจนอิน
ขอบคุณค่ะ.  :L1:   
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 14-02-2016 23:02:49
น้องแฝดลูกของซูกัสกับหมอว่านต้องปลอดภัยแข็งแรงเพราะพี่ป้าน้าอาทั้งหลายตั้งตารออยู่
 :mew1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-02-2016 23:08:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-02-2016 00:09:02
หวังว่าจะปลอดภัยทุกคนนะคะ อย่ามาม่าตอนจบนะคะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 15-02-2016 14:07:21
ลูกแฝดซะด้วย
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 15-02-2016 17:02:45
นับวันรอเด็กแฝดออกมาป่วนเลยหมอออ อย่าเครียดๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 15-02-2016 17:57:15
ขอให้ซูกัสคลอดอย่างปลอดภ

ยทีเถอะไม่อยากดราม่าอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 15-02-2016 19:17:54
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 13> [14-02-59] ทฤษฎีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 15-02-2016 20:17:04
-14-

   -หมอว่าน-

   หมอเพิ่งกลับมาจากตลาดเพื่อซื้อของใช้และกักตุนของกินที่มีประโยชน์ไว้ในตู้เย็นรวมทั้งซื้อน้ำผลไม้และขนมขบเคี้ยวไว้ติดบ้านด้วย เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาก็ได้ยินเสียงรายการเกมโชว์ดังลั่น แต่เมื่อเหลือบตามองไปที่โซฟาหน้าทีวีกลับพบร่างคนท้องนอนหลับปุ๋ย...

   “แล้วกัน... ปล่อยให้ทีวีดูคนอีกตามเคย” หมอเปรยด้วยอารมณ์ขบขันแล้วเอาของกินที่ซื้อมาไปเก็บที่ครัว ก่อนจะถือถุงของใช้ที่เหลือย้อนกลับมาหาซูกัสที่หลับสนิทไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาสักนิดเลย

   หมอนั่งลงที่พื้นข้างๆ โซฟา ปิดทีวีแล้วซบศีรษะลงบนพื้นที่ว่างข้างไหล่คนหลับ ระหว่างนั่งมองใบหน้ายามหลับของซูกัสอย่างเพลินตาด้วยความรู้สึกสุขล้นในหัวใจ ปลายนิ้วค่อยเกลี่ยไล้เส้นผมออกจากใบหน้าขาวนั่นเบาๆ แต่แล้วเจ้าของใบหน้าหวานก็ค่อยๆ ขยับส่ายหน้าหนี ขมวดคิ้วแล้วลืมตาขึ้น

   “อ้าว... หมอมาแล้วทำไมไม่ปลุก” เขาส่งคำถามแสดงความงัวเงียเล็กน้อยพยายามขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

   “ง่วงก็นอนต่อไปก็ได้”

   “นอนทั้งวันแล้วครับวันนี้...”

   “หิวไหม?”

   “อ้วกทั้งวันแล้วครับ...” คำตอบนั้นคล้ายจะสื่อว่าอยากกินแต่ถ้ากินแล้วจะอาเจียนก็เลยยังไม่กินอะไรดีกว่า

   หมอจับมือซูกัสมากุมไว้แล้วมองเขาด้วยสายตาแสดงความเห็นใจ ถ้าหากตัวเองแพ้ท้องแทนได้ก็คงจะดี เพียงแต่ถึงหมอจะห่วงใยเขาจนพลอยกินอะไรไม่ลง ปวดหัวคลื่นไส้ตามไปด้วยในบางครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้อีกฝ่ายแพ้ท้องน้อยลงสักนิดเลย

   “ขอโทษนะซูกัส หมอขอโทษ...”

   “เรื่องอะไรเหรอครับ?”

   “ที่ทำให้ลำบากเรื่องลูกน่ะ”

   “ไม่เอาสิหมอ... ขอโทษทำไมล่ะ? ผมอยากจะขอบคุณหมอมากกว่า ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเค้าจะมาอยู่กับเรา...ไม่มีวันไหนเลยที่ผมเสียใจ ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่มีความสุข ขอบคุณนะหมอ” ซูกัสบอกหมอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่น่าแปลกที่ดวงตากลับคลอไปด้วยหยาดน้ำ

   หมอยิ้มตอบ ค่อยขยับยืดตัวขึ้นโน้มศีรษะลงจุมพิตลงที่หน้าผากมนเบาๆ อย่างแสนรัก ระลากริมฝีปากไปตามไรผม แก้มนุ่มนวลหอมกรุ่นเสมอเมื่อยามเข้าใกล้ ปากเล็กที่ผลิบานยะแย้ม….   

   “หมอ.... อย่าครับ ลืมแล้วเหรอ ผมท้องอยู่นะ” ซูกัสเอ่ยปากประท้วงด้วยท่าทีเขินอาย เมื่อริมฝีปากของหมอเริ่มระบายไปทั่วใบหน้าหวานอย่างลืมตัวจนเหมือนกำลังปลุกเร้าเขาอย่างไม่ตั้งใจ...

   โธ่... ซูกัสครับ คิดไปถึงไหน แพ้ท้องจนหน้าซีดขนาดนี้.. ถึงหมออยาก... ก็ไม่กล้าหรอกครับ  แต่เมื่อเห็นใบหน้าแดงเรื่อสีนั่นแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายตามหลักความจริง...

   “แล้วยังไง ความจริงยังมีอะไรกันได้จนถึงใกล้คลอดด้วยซ้ำ เพียงแต่ต้องระวังและอ่อนโยนให้มากเท่านั้นก็พอแล้ว” หมอบอกเขาแล้วยิ้มในหน้า

   “แต่... ผม” เขาอ้ำอึ้งเหมือนคนติดอ่างเมื่อคิดหาทางปฏิเสธ เห็นแล้วยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

   “รู้ไหมซูกัส ช่วงที่สามีนอกใจภรรยามากที่สุดคือตอนไหน... ตอนท้องยังไงล่ะ”

   “หมอจะบอกว่าถ้าผมไม่ยอม... หมอจะนอกใจผมเหรอครับ” เขาเหลือบตาขึ้นมองตาเขียวอย่างไม่พอใจ

   “เปล่า... หมอแค่บอกว่ากัสไม่จำเป็นต้องอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้เกินความจำเป็นต่างหาก”

   “กัสไม่ได้อยาก...”  เขารีบเถียงทันที

   “กัสไม่อยากแต่หมออยากนี่ครับ” หมอตอบกลับโดยไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน

   “หมอ!!” เขาส่งเสียงดุ มองกลับมาด้วยสายตาที่ตกใจและแดงก่ำจนหมออดหัวเราะไม่ได้

   “หัวเราะอะไรน่ะหมอ?” เขาถามพร้อมใบหน้างอง้ำตามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หมอนั่งลงที่พื้นขณะที่มือยังกุมท้องตัวเอง รอยยิ้มยังไม่จางไปจากใบหน้า

   “ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับ หมอล้อเล่นน่ะ ไมได้จะทำอะไรหรอก... แต่ เลิกเสื้อขึ้นหน่อยนะ เดี๋ยวหมอจะทาครีมให้” หมอบอกแล้วหันไปหยิบครีมชนิดหนึ่งขึ้นจากถุงพลาสติกเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์

   “ครีมอะไรอ่ะหมอ” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นสงสัย

   “ครีมกันท้องลายครับ รีบทาตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่านะ” หมอเฉลย แล้วถือวิสาสะเลิกเสื้อเขาขึ้นเสียเอง โชว์ท้องที่โป่งนูนขึ้น หมอบรรจงไล้ครีมลงไปให้ทั่วท้องของเขาอย่างอ่อนโยนจนซูกัสที่ตอนแรกมองอย่างระแวงค่อยคลายใจเอนหลังลงนอนและเคลิ้มหลับไปในที่สุด...




   อายุครรภ์ 16 สัปดาห์...

   “หมอดูรู้หรือยังว่าชายหรือหญิงน่ะ” ซูกัสเอ่ยถามเมื่อเรากำลังดูภาพอัลตร้าซาวด์ด้วยกันที่คลินิก ตามปกติแล้วช่วงนี้จะสามารถมองเห็นเพศทารกได้แล้ว แต่เนื่องจากเป็นเด็กแฝดภาพอัลตราซาวด์จึงมองไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก หมอไม่อยากฟันธงระบุเพศลงไปเพราะกลัวหน้าแหกไม่มีใครรับเย็บในภายหลัง

   “ไม่รู้เลยครับ...” หมอตอบกลับระหว่างขยับเครื่องในมือขยับไปตามหน้าท้องของเขาเพื่อให้ภาพในจอชัดขึ้นอีก ส่วนซูกัสก็พยายามเพ่งสายตามองมันอย่างตั้งใจ “แต่หมอเดาว่าเป็นผู้ชายนะ”

   “พนันกันไหมล่ะ? ผมว่าผู้หญิง” ซูกัสคัดค้าน

   “ทำไมคิดว่าตัวเองจะเดาถูก”

   “ไม่รู้สิ ก็ผมเป็นคนอุ้มท้องนี่ครับ”

   “แต่การที่ลูกจะมีเพศชายหรือหญิงนั้นขึ้นอยู่กับโครโมโซมที่ได้รับจากพ่อนะ” หมอแย้งทำให้ซูกัสละสายตาจากจอภาพหันมามองหน้าหมออย่างสนใจ “เพราะโครโมโซมระบุเพศหญิงคือ xx เพศชายคือ xy คุณแม่จะให้ X เสมอ ส่วนคุณพ่อจะสุ่มให้โครโมโซม x หรือ y แสดงว่าคุณเลือกเพศลูกคือพ่อ”

   “อันนั้นผมเคยเรียนมาตอนม. ปลายนะ ถ้าตรงตามที่พูด อัตราการเป็นหญิงหรือชายก็น่าจะ 50 เปอร์เท่ากันสิ แต่ปัจจุบันผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายไม่ใช่เหรอครับ”

   “ใช่ นั่นก็เพราะว่าในความจริงแล้วลูกสาวทำง่ายกว่าลูกชายเยอะเลย”

   “ทำไมอ่ะครับ?”

   “ก็อสุจิที่มีโครโมโซมเพศชายเนี่ยจะแข็งแรง วิ่งเร็ว แต่ตายเร็ว ดังนั้นถ้าอยากมีลูกชายก็ต้องมีอะไรกันตอนไข่ตกพอดี สรุปคือถ้าไม่ใช่บังเอิญก็คือต้องนับวันกันเลยทีเดียว และเพราะ y แพ้กรดดังนั้นถ้าคุณพ่ออยากมีลูกชายก็ต้องพยายามทำให้คุณแม่ถึงจุดสุดยอดเพื่อให้ช่องคลอดมีสภาวะเป็นด่างเพื่อให้อสุจิ y เดินทางไปสู่เส้นชัยสะดวกขึ้น หรือไม่ก็ต้องปล่อยอสุจิลึกๆ แต่ละอย่างหมอว่ายากนะ แต่สำหรับลูกสาว อสุจิโครโมโซม x อุ้ยอ้ายแต่อดทน สามารถมีชีวิตอยู่ในช่องคลอดตั้งสามวัน แถมยังชอบภาวะกรด แสดงว่าขอแค่มีเซ็กส์สม่ำเสมอซะหน่อยก็มีลูกสาวได้ง่ายๆ แล้วจริงไหม?”

   “ทฤษฎีแน่นเปรี๊ยะ ผมล่ะอยากรู้จังว่าถ้าหมอแต่งงานกับผู้หญิง นี่จะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”

   “สงสัยต่อไปเถอะครับ ซูกัสคงไม่มีทางรู้ไปชั่วชีวิตนั่นแหละ” หมอตอบพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้คนฟังลอบกลืนน้ำลายแล้วยิ้มเขินๆ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจกลับไปที่เรอื่งเดิม

   “อืม.... ก็ถ้าหากหมอบอกว่าลูกสาวทำง่าย แล้วทำไมคิดว่าตัวเองจะมีลูกชายล่ะ?”

   “ก็หมอเก่งไง” หมอตอบพร้อมยิ้มมีเลศนัย

   “ฮื้อ...เอาจริงๆ สิหมอ”

   “ไม่บอก... เอาไว้เป็นลูกชายจริงๆ ก่อนแล้วจะบอกนะ”

   “ไม่เอาอ่ะ บอกตอนนี้เลยนะ นะ นะ...” ซุกัสส่งเสียงออดอ้อนพร้อมใช้มือเล็กเขย่าแขนหมอไปมาจนหมอใจอ่อนจนได้

   “ให้อธิบายก็ยาวอีก สรุปสั้นๆ ให้แล้วกันว่านั่นคือข้อดีของการผสมเทียมน่ะนะ”

   “โหย... ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” แล้วคนขี้สงสัยก็โวยวายอีกเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่กระจ่างขึ้นกว่าเดิม...

++++++++++

   อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ซูกัสขี้ร้อนเพราะระบบเผาผลาญที่ทำงานดีกว่าปกติ หมอให้ซูกัสดื่มนมแต่ไม่เกินวันละสองแก้ว พยายามบำรุงด้วยแคลเซียมและธาตุเหล็กตามความเหมาะสม อาการแพ้ท้องลดลงมากแล้ว ทำให้ซูกัสหิวบ่อยและกินเก่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ตอนนี้คนตัวเล็กจึงน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าตกใจ

   “ปกติแล้ว เวลาคลอดลูกน่ะ เด็กทารกเค้าหนักเท่าไรเหรอครับ?”

   “ประมาณ 3 กก. ครับ”

   “งั้น ถ้าในท้องกัสมีเด็กสองคน ตอนที่กัสคลอดก็สมควรหนักเพิ่มแค่ 6 โลถูกไหม? แล้วทำไมนี่เพิ่งจะ 5 เดือน กัสหนักขึ้นตั้ง 8 กิโลแล้วล่ะ?!!” ซูกัสโวยวายหลังจากเก้าเท้าลงจากเครื่องชั่งน้ำหนัก

   “ใจเย็นๆ ครับ น้ำหนักที่ขึ้นน่ะไม่ใช่แค่น้ำหนักเด็กเท่านั้นหรอก ยังมีรก น้ำคร่ำ มดลูก ไขมันและอาหารที่สะสมไว้ และอื่นๆ อีกเยอะ ขึ้นเท่านี้น่ะปกติครับ กว่ากัสจะคลอดน่ะ คงหนักเพิ่มสัก 7-10 โลล่ะมั้ง” ที่จริงแล้วน้ำหนักที่ขึ้นจะขึ้นมากน้อยอยู่ที่ตัวคุณแม่ ถ้าอ้วนอยู่แล้วก็ควรจะขึ้นแค่ 7-8 โล ถ้าผอมมากหมออาจจะแนะนำให้ขึ้นสัก 18 โล

   “กัสว่าน้ำหนักที่ขึ้นมาคงเป็นไขมันซะเยอะแน่เลย โอย นี่คลอดแล้วผมจะลดน้ำหนักกี่ปีเนี่ย!” เขาบ่นแล้วทำหน้าเศร้า

   “เอาน่ากินอาหารที่มีประโยชน์บำรุงเจ้าตัวเล็กไปก่อน หลังคลอดจะเป็นยังไงค่อยว่ากันทีหลังเถอะนะ” หมอพยายามปลอบโยนแม้ว่าจะมีร่องรอยขบขันใบหน้าแสดงความกังวลนั้นก็ตาม

   “ก็คงต้องอย่างนั้นแหละครับ...” ซูกัสตอบรับอย่างปลงๆ ทำให้หมอยิ้มตอบ...

   “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า... ถ้าเป็นซูกัสล่ะก็ ถึงอ้วนหมอก็รักครับ”


++++++++++



   อายุครรภ์ 30 สัปดาห์ เข้าสู่ช่วงใกล้คลอดขึ้นทุกขณะ หมอเริ่มสั่งการให้ที่คลินิกเตรียมพร้อมผ่าตัดฉุกเฉินไว้แต่เนิ่นๆ จากที่คิดว่าจะปกปิดเรื่องนี้ให้ลับที่สุด หมอก็เปลี่ยนใจติดต่อไปยังเพื่อนกุมารแพทย์ที่สนิทด้วยมาช่วยดูแลเคสร่วมกันเพื่อความปลอดภัย

   ในระยะนี้หมอเริ่มคิดเรื่องการแจ้งเกิดและเรื่องอนาคตของลูกไว้มากมาย ตั้งใจไว้ว่าเราจะไม่โกหกลูกทั้งเรื่องเจ้าของไข่และเรื่องที่ซูกัสเป็นคนอุ้มท้องพวกเขามา ดังนั้นในระหว่างที่ซูกัสตั้งครรภ์หมอจึงถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ อัดเสียงอธิบายพัฒนาการเด็กและปัญหาที่เกิดขึ้นไว้ทุกระยะเพื่อใช้อธิบายทุกอย่างให้ลูกฟังเมื่อพวกเขาโตขึ้น บางทีซูกัสว่างๆ ก็เอาวิดีโอที่ถ่ายตอนอัลตร้าซาวด์มาดูบ้างแก้เบื่อ

   ตอนนี้ซูกัสท้องโตขึ้นมากจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ค่อยได้ แต่ที่บ้านก็มีคนมาเยี่ยมเยียนตลอดหัวบันไดไม่ค่อยแห้งทั้งแคนดี้หรือแม็กม่า

    ในที่สุดซูกัสก็เจ็บท้องคลอดเมื่ออายุครรภ์ 31 สัปดาห์ ถือว่าซูกัสอดทนมากทีเดียวกับการรองรับครรภ์ที่ใหญ่ขนาดนี้เพราะเขาเป็นคนตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งสรีระผู้ชายมีอุ้งเชิงกรานที่เล็กกว่าผู้หญิงอยู่แล้วด้วยจึงไม่แปลกเลยที่จะคลอดก่อนกำหนด  ซูกัสมานอนรอคลอดที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยและอาการเจ็บท้องค่อยๆ หายไป คาดว่าน่าจะเป็นเจ็บเตือนเท่านั้นแต่ระหว่างนี้หมอก็เตรียมสถานที่และโทรให้คนมาช่วยล่วงหน้าไว้แล้ว

   เนื่องจากไม่มีน้ำเดิน มูกเลือด และสังเกตปากมดลูกก็ไม่ได้ ดังนั้นหมอจึงต้องอาศัยดูจากอาการเจ็บของคนไข้เท่านั้น ซึ่งการเจ็บท้องคลอดจริงจะเจ็บท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมากขึ้นๆ ทุกขณะ นั่นแหละหมอจึงรีบพาซูกัสขึ้นเตียงเข็นไปยังห้องคลอด

   “หมอ... ช่วยลูกเราให้ได้นะหมอ อย่าให้เค้าเป็นอะไรนะหมอ” ซูกัสเอ่ยกำชับซ้ำๆ ตลอดทางด้วยใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อ

   “ครับ... พวกเค้าจะไม่เป็นอะไร” หมอบอกเขาและยิ้มให้ บีบมือนิ่มไว้เพื่อให้อีกฝ่ายใจชื้น

   “ถ้าหากต้องเลือก... สัญญานะหมอว่าจะเลือกลูกก่อน... นะหมอ”

   “ไม่ต้องเลือกหรอก ทุกคนจะต้องปลอดภัย” คำตอบของหมอทำให้ซูกัสยิ้มทั้งน้ำตา ส่วนหมอก็ฝืนยิ้ม ยิ้มให้เขาจนเราเข้าสู่ห้องคลอดและหมอต้องปลีกตัวไปเตรียมตัวผ่าตัดสำคัญนี้...

   ขอโทษนะซูกัส...หมอขอโทษที่ต้องโกหก...

   ถ้าเป็นไปได้ หมออยากจะช่วยทั้งซูกัสและลูกไว้ให้ได้ แต่หมอไม่แน่ใจว่าสามารถทำได้จริงหรือเปล่า และในวินาทีที่ต้องเลือกแม้มันจะเจ็บปวด แต่ถึงจะถามอีกสักกี่ครั้ง คำตอบก็จะเหมือนเดิม

ไม่ว่ายังไง หมอก็จะเลือกซูกัสก่อนเป็นอันดับแรก...
   


++++++++++



ตอนหน้าจะจบแล้วนะคะ  *-*

หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-02-2016 20:23:33
 :sad4: โฮ ๆๆ ซูกัสสู้ๆ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 15-02-2016 20:24:18
ขอให้ซูกัสปลอดภัยทั้งแม่และลูกนะ
ลุ้นๆจะได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย  :mew1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-02-2016 20:28:42
เอาตรงๆนะ. หมอจะต้องแกร่งขั้นเทพที่จะทำทุกอย่างด้วยตนเอง
ในฐานะมนุษย์จะเลือกอะไรล่ะรัหว่างเมียกับลูก
เคยได้ยินมาว่าหมอจะไม่ผ่าตัดหรือรักษาคนในครอบครัว. เพราะคนเรามีความเลือกที่รักมักที่ชังอยู่แล้ว แถมยังอาจจะตีดสอนใจผิดพลาดในนาทีวิกฤติอีกด้วย
เอาใจช่วยให้ปลอดภัยทุกชีวิตค่ะ.    :3123:   
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-02-2016 20:55:40
หมอสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2016 01:09:27
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 16-02-2016 01:19:19
อย่ามาดราม่าซูกัสต้องตื่นมาช่วยหมอเลี้ยงลูกแฝดก่อนรอน้องแฝดอยู่นะ :mew1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: janny_j ที่ 16-02-2016 03:38:30
ขอให้ปลอดภัยทั้วคุณแม่ คุณลูกเลย ไม่เอาดราม่านะ ขอให้จบแบบสวยงาม อุตส่าห์พยามยามอดทนมาขนาดนี้ ต้องอยู่ด้วยกันสิ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-02-2016 11:42:00
อย่าเป็นอะไรนะครับ ที่แม่ทั้งลูกเลย คุณหมอสู้ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-02-2016 23:28:41
ขอให้รอดทั้งแม่ทั้งลูกด้วยเถอะะะะะะะะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 16-02-2016 23:42:06
 หมอทำได้ สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <บันเทิงคดี> หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 14> [15-02-59] รอ.......
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 17-02-2016 19:35:16
-15-


   สี่ปีต่อมา โรงเรียนเด็กเล็ก


   “มัฟฟิ่น... คุณพ่อมารับแล้วค่ะ” คุณครูที่ดูแลเด็กส่งเสียงเรียกเข้าไปในห้องเรียน

   “ค้าบ...” เสียงตอบรับนำมาก่อน พร้อมร่างอุ้ยอ้ายอ้วนกลมสะพายกระเป๋าเดินตรงมาหา

   “ปะป๊า...อุ้ม...อุ้ม...” มาถึงลูกจ๋าก็อ้าแขนแล้วออกคำสั่งทันที หมอยิ้มรับโน้มตัวลงอุ้มลูกชายขึ้นในอ้อมแขนแล้วหอมแก้มขาวนั้นฟอดใหญ่

   “เอ่อ... ครูครับ มัฟฟิ่นคงไม่ได้มาโรงเรียนประมาณหนึ่งอาทิตย์นะครับ พอดีมีโปรแกรมจะขึ้นเหนือ” หมอหันไปบอกคุณครูสาว

   “อ้อ...ค่ะ” เธอรับคำยิ้มหวานให้

   “กลับก่อนนะครับ” หมอลาแล้วหมุนตัวอุ้มเจ้าตัวอ้วนกลมเดินไปที่รถ   

   หนักจัง... สงสัยมัฟฟิ่นคงน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกแล้ว เขาดูสมบูรณ์พูนสุขจนไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดจริงๆ ตอนที่คลอดเขาตัวเล็กมากเพราะร่างกายยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ จนหมอเป็นกังวลมากว่าลูกจะไม่รอด แต่หลังจากอยู่ในตู้อบสามเดือน พระเจ้าก็อวยพรให้พวกเขาปลอดภัย แต่ไม่ว่ายังไงเด็กที่คลอดก่อนกำหนดก็ต้องได้รับการดูแลมากกว่าเด็กทั่วไปอยู่ดี




   หมอเปิดประตูเข้าบ้าน รู้สึกได้ว่ามีกลิ่นบางอย่างอวลเตะจมูก จนต้องพยายามสูดกลิ่นเข้าปอดลึกๆ

   “ฟิ่น.. อย่าวิ่งครับ” หมอปราม เมื่อมัฟฟิ่นวิ่งนำหน้าหมอตรงไปยังที่มาของกลิ่นโดยไว หมอเร่งฝีเท้าตามเข้าไปตรงมุมครัวที่มีร่างเล็กในชุดกันเปื้อนยืนถือตะหลิวอยู่หน้าเตา

   ปึ่ก!! ร่างอ้วนกลมวิ่งเข้ากอดซูกัสอย่างแรง   

   “เบาๆ สิครับเดี๋ยวมี้ก็ล้ม..” หมอดุ ส่ายหน้ากับความแสนซนอย่างกับลูกลิงของเจ้าลูกชาย

   “พี่ว่านมาเอาลูกไปที เดี๋ยวน้ำมันกระเด็นใส่ กัสทอดหมูอยู่” ซูกัสยกแขนขวาที่ถือตะหลิวกางออกเพราะกลัวน้ำมันหยดใส่ลูกจนดูตลก หมอเดินเข้าไปแงะขนมก้อนกลมนั่นออกจากเอวซูกัส

   “ทั้งทอด.. ทั้งหมู.. ไขมันเพียบ แค่นี้มัฟฟิ่นก็กลมจนกลิ้งได้แล้วซูกัส” หมอแซวขำๆ แต่พอหันไปหาลูกหมูจอมซนที่หมอจับไหล่อยู่นั้นก็พบว่าเขาทำปากยู่หน้างอน

   “โป้ง... ไม่ลักป๊าแย้ว...” เขาบอกเบ้หน้าดิ้นออกไป หมอหัวเราะไล่หลังเด็กขี้งอนเดินต้วมเตี้ยมออกจากครัวไป

   “งอนเก่งเหมือนแม่...” หมอว่าเหล่ตาไปยังคุณแม่ข้างๆ

   “พูดอย่างงี้สงสัยคุณหมอจะอยากอดข้าวเย็นแล้วมั้ง” ซูกัสขู่ ตักหมูทอดกระเทียมใส่จานแล้ววางลงที่โต๊ะทานข้าว

   “ถ้าไม่ให้กินข้าว จะกินลูกอมแทนนะครับ” หมอบอกแล้วกอดเอวเขาแทนที่ลูกชาย

   “อย่าครับ อายลูกบ้าง...” ซูกัสเอ่ยขึ้นเขินๆ ทั้งที่มัฟฟิ่นเดินหายไปตั้งนานแล้ว

   “แค่พ่อกับแม่รักกัน มีอะไรต้องอายล่ะหืม?” หมอถามกลับ ไม่ยอมปลดปล่อยร่างเล็กนั่นออกจากอ้อมกอด ทั้งยังฝังจมูกลงที่ซอกคอกรุ่นกลิ่นแป้งนั้นซ้ำลงไปอีกจนอีกฝ่ายเอียงคอหัวเราะคิก...

   “ปล่อยครับ... กัสจะไปอาบน้ำให้ลูกแล้ว เดี๋ยวจะได้มาทานข้าวกัน”

   “ก็ได้... อาบให้ลูกแล้ว อาบให้พ่อด้วยนะครับ”

   “โตแล้วก็อาบเองสิครับ”

   “สัญญาก่อน ไม่สัญญาไม่ปล่อยจริงๆ นะ” หมออ้อนกับซอกคอนั้นต่อ และไม่ยอมปล่อยเอาจริงๆ อีกฝ่ายจึงไม่มีทางเลือก

   “ครับ ก็ได้ครับ”


++++++++++
   


   “มัฟฟิ่นหลับแล้วเหรอ?” หมอเอ่ยถามเมื่อซูกัสเปิดประตูเข้ามาหลังจากหายไปส่งลูกเข้านอนที่ห้องข้างๆ

   “ครับ วันนี้นอนไว อ่านนิทานยังไม่จบเรื่องนึงเลย” ซูกัสตอบ เดินเข้ามายืนข้างๆ หมอที่พิมพ์เอกสารงานวิจัยของมหาวิทยาลัยที่หมอทำงานเป็นอาจารย์อยู่

   “ถึงทางมหาวิทยาลัยจะอนุมัติให้วิจัยเกี่ยวกับมดลูกเทียมอย่างจริงจังแล้วก็ตาม แต่ผมว่าคงเป็นเรื่องยากที่ประเทศไทยจะออกกฎหมายรองรับทั้งเรื่องการแต่งงานในเพศที่สามและอนุมัติเรื่องที่ผู้ชายจะเป็นฝ่ายตั้งท้องให้แพร่หลายออกไป” เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหัวข้องานวิจัยที่หมอพิมพ์รายละเอียดอยู่นั้น

   “เรื่องนั้นก็คงต้องรอกันต่อไปนั่นแหละ สักวันนึงอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้” หมอตอบกลับไปเรียบๆ มือยังรัวแป้นลงบนโน้ตบุ๊กตัวเองต่อ วินาทีต่อมาร่างเล็กที่ยืนข้างๆ ก็โน้มตัวลงกอดคอหมอไว้ ทำให้หมอชะงักมือแล้วหันไปมองหน้าด้านข้างของเขาอย่างสนใจว่าเขาจะอ้อนอะไร..

   “อาทิตย์หน้าจะถึงวันเกิดลูกแล้วนะครับ” ซูกัสเอ่ยเตือน หมอยิ้มแล้ววางมือไว้บนมือเขา

   “ครับ พี่ลาพักร้อนแล้วล่ะ”

   “จริงเหรอครับ ลากี่วัน ฉุกละหุกแบบปีที่แล้วไม่เอานะ” น้ำเสียงร่าเริงขึ้นมาและเอ่ยดักคอเพราะปีที่แล้วหมอลาได้สามวัน กว่าจะไปกว่าจะกลับเหนื่อยน่าดู

   “5 วัน จันทร์ถึงศุกร์ รวมเสาร์อาทิตย์ด้วยก็ 9 ฉุกละหุกพอไหม?” หมอตอบยิ้มๆ

   “โหย.. แจ๋ว ผมจะรีบเก็บเสื้อผ้าเลย” แล้วซูกัสก็รีบกุลีกุจอไปเก็บของโดยเร็ว

   “ใจเย็นๆ ก็ได้ครับ พี่จองตั๋วเครื่องบินไว้พรุ่งนี้” หมอหันไปบอกแต่ดูเหมือนซูกัสจะไม่สนใจฟังเลยสักนิด


++++++++++
   

   เราสามคนพ่อแม่ลูกนั่งในรถตู้ที่แคนดี้ส่งมารับที่สนามบินตั้งแต่บ่าย สามปีแล้วที่แคนดี้ย้ายมาอยู่เชียงรายกับสามีใหม่ที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่นี่ และเมื่อถึงวันเกิดของลูก หมอก็จะพาซูกัสและมัฟฟิ่นนั่งเครื่องมาเพื่อฉลองวันเกิดที่นี่ เพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่พร้อมหน้า

   “มัฟฟิ่น ตื่นได้แล้วครับ ถึงบ้านแม่แล้วลูก” เสียงซูกัสเอ่ย หันไปเขย่าร่างหมูตอนที่นอนหลับนั่น

   “ให้ลูกหลับต่อก็ได้เดี๋ยวพี่จะอุ้มลงไปเอง” หมอบอกซูกัส ทำให้มือเล็กผละออกแล้วหันไปสนใจบรรยากาศนอกกระจกรถอีกครั้ง

   ทันทีที่รถตู้จอด... ซูกัสก็รีบเปิดประตูลงไป หมอค่อยๆ อุ้มร่างเจ้าเด็กขี้เซาไว้ในอ้อมแขนแล้วก้าวลงจากรถตู้ หันไปอีกที ซูกัสก็ยืนอยู่ข้างๆ แคนดี้ ในอ้อมแขนของซูกัสมีเด็กชายที่มีหน้าตาใกล้เคียงกับมัฟฟิ่นในอ้อมแขน แต่ดูเหมือนจะผอมกว่ามัฟฟิ่นนิดหน่อย

   “ชิฟฟ่อน... คิดถึงมี้ไหมครับ?” ซูกัสถามหอมแก้มลูกชายฝาแฝดคนพี่ซ้ำๆ ไปมา

   “คิดถึงคับ” คำตอบนั้นไม่ชัดนัก แต่หมอมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู เดินเข้าไปสมทบ

   “สวัสดีค่ะพี่หมอ” แคนดี้ทักทาย

   “สวัสดีครับ”

   “เข้าบ้านไปทานอะไรเย็นๆ ข้างในก่อนเถอะค่ะ” เธอชวน

   หมอเดินตามแคนดี้และซูกัสเข้าบ้านและมัฟฟิ่นงัวเงียตื่นขึ้นพอดี

   “อ้าวตื่นแล้วเหรอฟิ่น ไหว้แม่ดี้ก่อนครับ” หมอบอก เด็กน้อยลืมตาขึ้นมองแคนดี้งงๆ แต่ก็ยกมือไหว้อย่างว่าง่าย

   “ตื่นแล้วเหรอครับ ไหนมาหาแม่ก่อนครับ” เธอบอกและอ้าแขนออก หมอส่งตัวลูกชายให้แคนดี้ไปอุ้ม


   
   จะว่าไปแล้วความสัมพันธ์ในครอบครัวเราค่อนข้างซับซ้อน ตั้งแต่ที่ซูกัสคลอดลูก ทั้งสองก็อ่อนแอมาก พวกเขาต้องดื่มนมแม่ให้นานที่สุดเพื่อชดเชยในส่วนที่ขาดหายของการคลอดก่อนกำหนด (หมอต้องขอรับบริจาคนมแม่ทั้งที่คลินิกและจากโรงพยาบาล) ถ้าหากกฎหมายมีการรองรับการตั้งครรภ์ของผู้ชายล่ะก็ หมอคงแจ้งชื่อในสูติบัตรไปตามความจริงว่าซูกัสเป็นแม่ของพวกเขา แต่เพราะไม่สามารถทำได้หมอกับซูกัสจึงต้องขอร้องให้แคนดี้แจ้งว่าเป็นแม่ของเด็กทั้งสองแทน แต่เพราะหมอและแคนดี้มิใช่คู่สมรสที่จดทะเบียนกันตามกฎหมาย หมอจึงรับรองบุตรได้เพียงแค่ทางพฤตินัย (เลี้ยงดูและให้ใช้นามสกุล)แต่ไม่สามารถจดทะเบียนรับรองบุตรได้ ลูกทั้งสองก็จะถือเป็นบุตรนอกสมรสของหมอ ซึ่งกว่าจะดำเนินการจดทะเบียนรับรองบุตรได้ต้องรอให้ลูกทั้งสองอ่านออกเขียนได้เสียก่อน (หมอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอายุสี่ขวบนี่โตพอหรือยัง) ส่วนซูกัสหมอคิดไว้ว่าเมื่อลูกทั้งสองโตขึ้นอีกหน่อยจะจดทะเบียนให้ซูกัสเป็นพ่อบุญธรรม แม้จะดูวุ่นวายและทำให้ตัดสิทธิ์การปกครองของพ่อแท้ๆ ก็ต้องยอมเพราะเราทั้งสองมิได้ต้องการกฎหมายคุ้มครองมากนัก นอกเสียจากต้องการให้ลูกทั้งสองมีสิทธิ์รับมรดกของเราในอนาคตเท่านั้นเอง ในส่วนที่ลึกซึ้งมากกว่านี้ หมอคิดว่าจะปรึกษาทนายอีกครั้ง...

   ส่วนที่พล่ามไปทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ซูกัสยอมให้แคนดี้อุปการะชิฟฟ่อนมาตลอดตั้งแต่อายุครบปีอยู่ดี แต่เป็นเพราะความรักพี่สาวของซูกัสต่างหาก ครึ่งปีต่อมาแคนดี้ก็แต่งงานใหม่และต้องย้ายมาอยู่กับสามีที่นี่ แคนดี้คงรู้สึกเหงาที่ต้องจากน้องชายและหลานทั้งสองจึงเอ่ยปากขอหลานมาเลี้ยงด้วยคนหนึ่ง ทั้งหมอและซูกัสต่างก็รู้ว่าแคนดี้เคยสูญเสียลูกสาวมาก่อนและเธอก็ยังช่วยเหลือครอบครัวเรามาตลอด จุดเริ่มต้นของการอยากมีลูกของซูกัสก็เพื่อแคนดี้ ดังนั้นถึงเวลานี้ที่แคนดี้เอ่ยปากซูกัสไม่มีทางที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว หมอและซูกัสจึงตัดสินใจยกชิฟฟ่อนให้แคนดี้เลี้ยง

   เนื่องจากแคนดี้เป็นเจ้าของใข่ที่ใช้ ดังนั้นแคนดี้จึงมีศักดิ์เป็นทั้งแม่และป้าของมัฟฟิ่นและชิฟฟ่อน ซึ่งหมอคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะไม่ปกปิดสายสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงระหว่างเรา ดังนั้นหมอจึงให้ลูกทั้งสองเรียกแคนดี้ว่า “แม่ดี้”  เรียก หมอว่า “ปะป๊า” และเรียกซูกัสว่า “มี้กัส” ถ้าหากพวกเขาโตมากพอจะเข้าใจหลักการผสมเทียมแล้วล่ะก็หมอจะเลกเชอร์วิชานี้ให้ลูกๆ อย่างแตกฉานแน่นอน...

   “แล้วนี่คุณชัชไม่อยู่เหรอครับ” หมอถามถึงสามีแคนดี้ ถือว่าเขาเป็นผู้ชายที่อัธยาศัยดีมากทีเดียวและยังยอมรับความสัมพันธ์อันซับซ้อนของเราได้ง่ายๆ อีกด้วย   

   “ยังไม่กลับหรอกค่ะ รายนั้นน่ะบ้างาน  ถ้าดี้ไม่มีชิฟฟ่อนล่ะก็เหงาตายเลย”

   “ผู้ชายก็อย่างนี้แหละครับ ยังหนุ่มยังแน่นก็ต้องอยากทำงานขยันขันแข็งให้ลูกเมียสบาย” หมอบอกพยายามเข้าข้างพี่เขยของภรรยา

   “ดี้เข้าใจค่ะ แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง” เธอตอบในระหว่างที่มัฟฟิ่นพยายามดิ้นออก “จะไปไหนคะ?”

   “ฟิ่นจะไปหามี้...” แคนดี้ปล่อยมัฟฟิ่นลงจากตักแล้วมัฟฟิ่นก็วิ่งไปรวมกับชิฟฟ่อนและซูกัสจนมองดูหวานไปทั้งระเบียง

   “ว่าแต่คราวนี้จะมาอยู่กันสักกี่วันคะเนี่ย”

   “รอบนี้ ลาได้ตั้ง 5วัน คงต้องรบกวนนานเลย” หมอบอกแสดงสีหน้าเกรงใจ

   “ดีจัง มาอยู่นานๆ ก็ดีนะคะ” แคนดี้บอกด้วยอารมณ์แจ่มใส “ซูกัสคงคิดถึงชิฟฟ่อนมาก”

   แคนดี้บอกแล้วมองออกไปนอกระเบียงบ้านที่ซูกัสอุ้มชิฟฟ่อนออกไปชมวิวไร่สตรอเบอร์รี่ที่ออกผลอยู่ประปรายด้านล่างมีมัฟฟิ่นไปเรียกร้องความสนใจอยู่ข้างๆ

   “พี่หมอคะ”

   “ครับ...”

   “ดี้ท้องได้สามเดือนแล้วค่ะ”   

   “จริงเหรอครับ? ยินดีด้วยนะครับ” หมอหันมายิ้มให้เธอ พยายามสะกดความดีใจนั้นลง นี่ถ้าหากซูกัสรู้ล่ะก็เขาคงตื่นเต้นดีใจมากกว่าคนท้องเสียอีก เพราะถ้าหากแคนดี้มีลูกของตัวเองแล้ว แคนดี้คงจะคืนชิฟฟ่อนให้เราตามที่เคยบอกไว้



   ช่วงต้นปี...อากาศเย็น หมอพาซูกัสมากางเต็นท์อยู่นอกบ้าน ต่างคนต่างใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ เพื่อป้องกันความเย็นที่จะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อใกล้เช้า กลางดึกคืนนี้ดวงดาวเกลื่อนฟ้า ขนมสองก้อนสิ้นฤทธิ์หลับปุ๋ยอยู่กลางเต็นท์ไปสักพักแล้ว หมอโอบร่างเล็กที่ใช้เวลาเกือบปีหลังคลอดในการลดน้ำหนักให้กลับมาเท่าเดิมนั่นไว้แน่นระหว่างแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้าและแสงดาวเจิดจรัส

   “พี่ว่านรู้หรือยังเรื่องที่พี่แคนดี้ท้องแล้วน่ะ” เขาถามอย่างตื่นเต้น

   “กำลังคิดเลยครับว่าต้องต่อเติมบ้านไหมเนี่ย แค่มัฟฟิ่นคนเดียวก็กลมเต็มบ้านแล้ว” หมอเย้าซูกัสเมื่อเห็นเขายิ้มหน้าบานเมื่อรู้ว่าแคนดี้ตั้งท้องลูกของตัวเองเสียที และเมื่อแคนดี้คลอดหมอคงต้องมารับชิฟฟ่อนมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน

   “พี่ว่านอ่ะ ชอบบ่นว่าลูกอ้วนทุกที”

   “ก็มันจริงนี่นา... ก็เพราะใครบางคนแถวนี้ทำอาหารเมนูไม่สุขภาพเลย แล้วยังชอบซื้อขนมมาตุนอีกต่างหาก”

   “ก็ลูกอยากกินนี่ครับ จะให้กัสเลี้ยงเค้าแบบอดๆ อยากๆ ได้ยังไง”

   “เดี๋ยวถ้าโตเป็นหนุ่มแล้วหาแฟนไม่ได้ขึ้นมาเมื่อไร เค้าก็ต้องบ่นว่า “พ่อแม่รังแกฉัน” คอยดูสิ”

   “บ่นมากนัก เดี๋ยวจะให้ลาออกมาเลี้ยงลูกบ้าง กัสทำงานนอกบ้านเอง ดูซิว่าลูกจะผอมหรือกลมกว่าเดิม ชิ!” ซูกัสเชิดหน้าใส่ทำเอาหมอต้องหัวเราะตาม

   “โอ๋ๆๆ ไม่บ่นแล้วก็ได้ อยากให้กลมแค่ไหนก็ตามสบายเลยครับ พี่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมแหละ ถ้าเป็นซูกัสกับลูกล่ะก็ถึงจะกลิ้งได้พี่ก็รัก” หมอบอกแล้วกอดคนตัวเล็กให้แน่นเข้า

   “ตบหัวแล้วลูบหลัง...” เขาว่า

    “จริงๆ นะครับ... ตั้งแต่วันที่ได้พบกับซูกัส พี่มีความทุกข์ทุกครั้งที่เห็นซูกัสทุกข์ กังวลใจทุกครั้งที่เห็นซูกัสโกรธ แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ไม่มีวันไหนเลยที่พี่ไม่รักซูกัส” หมอรีบแก้ตัวไม่อยากให้เข้าใจว่าพูดเพื่อเอาใจอย่างเดียว

   ซูกัสหันคอมาหาแล้วจ้องตาหมอแล้วก็ค่อยๆ คลี่ยิ้ม

   “กัสก็รักพี่ว่านเหมือนกัน ขอบคุณนะครับที่มอบลูกทั้งสองมาให้ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด และขอบคุณที่จะอยู่กับกัสตลอดไป” และแล้วซูกัสก็ใช้สิทธิ์การเป็นผู้นำของบ้านออกคำสั่งอีกครั้ง แต่เป็นคำสั่งที่หมอเต็มใจมากที่สุด

   “ยินดีที่สุดครับ” หมอตอบรับแล้วโน้มคอลงไปจูบที่ปากเล็กสีสดนั่นอย่างรักใคร่ กระชับกอดร่างเล็กนั่นให้แน่นขึ้นอีกเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรักและคำสัญญา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า หมอจะยอมแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง... ขอเพียงแค่ได้อยู่ดูแลพวกเขาทั้งสามคนตลอดไป


   ...The end…


เย้!! จบแล้วนะคะ จบไวเนอะ?
เป็นคู่ที่ไม่อยากอยากจะดราม่ามือที่สามเพราะเป็นแนวอบอุ่น ก็เลยเดินด้วยความรักและทฤษฎีมากหน่อย 
ยืดมากก็กลัวจะเบื่อกัน เลยไม่มีอะไรให้เล่น ก็เลยจบไว
แล้วรู้สึกว่าจบแบบนี้เท่ดี ก็เลยจบเลยดีกว่า

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นิแต่งจบแล้วตั้งแต่ก่อนโพสท์ค่ะ ก็เลยลงได้ไว
ที่จริงมีภาคต่อเป็นเรื่องของแม็กเพื่อนซูกัสอีกแต่เพิ่งจะเริ่มแต่ง
ก็เลยคิดว่าจะไม่ลงที่เล้าให้กระทู้บานปลายมากมาย

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ♥
 
ลงท้ายโปรโมตนิยายที่จะรวมเล่มนิดนึงค่ะ

เปิดจอง กระต่ายยักษ์กับจักรวาลอันอบอุ่น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25704.msg3286456#msg3286456)


หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-02-2016 19:58:35
ทั้งหวานทั้งน่ารักอ่ะ  จะมีภาคลูกๆมั้ยคะ? :mew1:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 17-02-2016 20:01:34
 o13 อิ่มใจกับเรื่องนี้อ่ะ
ทั้งหมอว่านและก็ซูกัสน่ารัก เป็นตัวละครที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นจริงๆ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-02-2016 20:21:47
 :man1:    o13.  อบอุ่นจริงๆค่ะ
น่ากินทั้งครอบครัวเลย. อื้มมอยากงับมัฟฟิ่นน้อยปุ้กๆ
ยินดีกับพี่แคนดี้ด้วยนะจะได้สมาชิกใหม่แล้ว
ขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-02-2016 20:33:12
ปกติไม่ค่อยได้อ่านแนว mpreg เท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่มักจะหน่วงตับดราม่าน้ำตาแตก แต่สำหรับเรื่องนี้เราอ่านรวดเดียวจนจบเลยค่ะ แบบแอร๊ยยย น่ารักอ่ะ พี่หมอน้องซูกัสหวานเชียว เด็กๆก็น่ารักมากๆ แฮปปี้แฟมิลี่ค่ะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-02-2016 20:50:21
น่ารักทั้งครอบครัวเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-02-2016 21:28:36
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายน่ารักๆ
เด็กๆน่ารักมาก เสียแต่ชิฟฟ่อนแอร์ไทม์น้อย ยังไม่ทันทักทายเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-02-2016 21:36:23
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 17-02-2016 22:56:55
น่ารักหมดเลยอะ ขนมทั้งนั้น อิอิ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 17-02-2016 23:13:55
น่ารักทั้งครอบครัวแต่ชื่อน้องแฝดเล่นเอาหิวเลย
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-02-2016 23:46:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-02-2016 01:02:24
น่ารักจังครับ //ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักของทั้งซูกัสและหมอว่านนะครับ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: darkhero305 ที่ 18-02-2016 07:03:06
ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 18-02-2016 09:31:15
ซูกัส-หมอว่าน น่ารัก ครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 18-02-2016 13:18:12
หวานกันทั้งครอบครัว
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 18-02-2016 14:46:38
อร๊ายยยย น่ารักอ่ะ ตอนแรกนึกว่าเหลือลูกคนเดียว ที่ไหนได้ ไปอยู่กะพี่สาวนี่เอง นับญาติแบบงงๆดี 555 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-02-2016 15:50:25
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากอ่ะ ทุกคนรักกันดูแลเอาใจใส่กันดีมากๆเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 18-02-2016 20:23:00
 :L1:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 18-02-2016 21:17:30
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 18-02-2016 22:45:51
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายน่ารักๆ :mew1: :mew1:
น่ารักทั้งครอบครัวเลยยยยยย
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 18-02-2016 22:56:07
สนุกมากๆเลย ชอบ อยากได้ต่อ :katai4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: samsui ที่ 19-02-2016 09:26:01
 :katai2-1: ขอบคุณมากนะครับ สำหรับนิยายสนุกๆ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 19-02-2016 17:41:40
คนเขียน เก่งมากค่ะ ยกนิ้วให้เลย
พี่หมอว่านกับซูกัส น่ารักอ่ะ ไม่น่ารีบจบเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 19-02-2016 22:24:52
 :mew1: สนุกมากครับ ติดตามแน่นอน
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 19-02-2016 23:19:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 20-02-2016 09:36:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-02-2016 16:26:08
จบแล้วว  :mew6:
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นอ่ะๆ  :o8:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 20-02-2016 22:29:14
ซูกัสน่ารักกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: arty136 ที่ 21-02-2016 16:21:03
อยากอ่านภาคแมกม่าครับบบ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 21-02-2016 22:23:56
อบอุ่นนนนน ><
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 21-02-2016 22:37:26
 o13
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-02-2016 19:15:58
ชื่อเด็กแฝดน่ากินมากๆเลย
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 22-02-2016 20:11:43
แฝดคลอดมาอย่างปลอดภัยก็ดีใจแล้ว
สงสารกัสตอนท้อง ตัวก็เล็ก ท้องก็โต แพ้ท้องหนักอีก
แต่หมอว่านก็รักกัสน่าดู ไม่น่าเชื่อว่าจะรักขนาดนี้นะเนี่ย
เป็นนิยายหวานๆ น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 23-02-2016 22:40:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 24-02-2016 00:01:29
แล้วสุดท้ายนี่ก็ได้ลูกอีกคนคืนใช่ป่ะ

สนุกและหวานมดกัดเลย
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 24-02-2016 12:12:29
อบอุ่น น่ารักค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 05-03-2016 06:14:22
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 05-03-2016 15:20:10
แปะ
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 05-03-2016 21:31:10
 :-[
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: Lili405 ที่ 13-03-2016 00:48:32
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ น่ารักมาก
ที่สำคัญคือชอบตรงที่มีวิทยาศาสตร์แล้วก็ให้ข้อคิดดีๆแฝงอยู่ในเรื่อง
ขอบคุณที่แต่งขึ้นมานะคะ ^^
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 21-03-2016 08:44:00
 :mew1:
หัวข้อ: Re: +++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] <ตอนที่ 15> [17-02-59] END+++
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 27-03-2016 18:19:32
ตอนพิเศษ

หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก!  Nc -18

   -หมอว่าน-

   หลังคลอด เพราะต้องดูแลลูกแฝดทั้งสองหามรุ่งหามค่ำ เมื่อมัฟฟิ่นและชิฟฟ่อนสามารถออกจากคลินิกได้แล้ว ซูกัสจึงน้ำหนักลดฮวบไปโดยรวม 7 กิโลกว่า และค่อนข้างคงที่มาสักพักหนึ่งแล้ว...

แต่ซูกัสก็ยังเหลืออีกสิบกิโลที่เพิ่มขึ้นจากเดิมตั้งแต่ก่อนท้อง ทำให้คนตัวเล็กดูเจ้าเนื้อและแก้มออกเล็กน้อย แต่หมอมองว่าเขายังไม่ได้อ้วนมาก กำลังน่ารักน่ากอดด้วยซ้ำไป ผิดกับเจ้าตัวที่ค่อนข้างวิตกกังวลเรื่องการลดน้ำหนักให้กลับไปเท่าเดิมจนหมอพลอยเครียดตามไปด้วย

   “อยากลดน้ำหนักก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่อย่าลดแบบหักโหมเลยครับ” หมอเอ่ยวอนเมื่อเห็นซูกัสประทังชีวิตด้วยไข่ต้ม เกาเหลา และผลไม้มาหลายวันแล้ว วิธีลดน้ำหนักแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพเอาเสียเลย

   “หมอไม่ได้อ้วน...หมอก็พูดได้สิ” ซูกัสมุ่ยหน้าเถียง

   หมอถอนใจยาวยืด เมื่อคุยกับคนไข้ประจำตัวไม่รู้เรื่องอีกครั้ง ซูกัสนี่บทจะว่าง่ายก็ง่ายแสนง่าย บทจะดื้อก็ดื้อจนด้านจริงๆ เลยนะ

   “แล้วหมอไม่เคยบอกหรือไง ว่าอ้วน หมอก็รักน่ะฮึ?” หมอพยายามเจรจาอย่างอ่อนหวาน

   “บอก... แต่กัสก็ไม่อยากอ้วนอยู่ดี” เขาตอบเสียงอ่อย

   “หมอก็บอกแล้วไง ว่าจะลดน่ะก็ดีแล้ว อ้วนแล้วมันก็เสี่ยงต่อโรคต่างๆ แต่อยากให้ลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทานเท่าเดิมแต่เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้เหมาะสม ลดอย่างพอดีมันจะได้ยาวยืน ขืนลดแบบฮวบฮาบจะโยโย่เอานะ” ซูกัสเงียบไป ใบหน้าแสดงว่ากำลังคิดนั่นคิดนี่อยู่

   หมอยิ้มดึงมือนุ่มมากุมไว้แล้วลูบเบาๆ

   “เชื่อหมอนะครับ” อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นมองอย่างจำนน

   “ก็ได้ครับ”
   



   หมอยิ้ม... เมื่อเย็นนี้มีกับข้าวมากมายเรียงรายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบเดือน ตั้งแต่ที่เราย้ายออกจากคลินิก ซูกัสตักข้าวจนพูนจาน เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ! ดูเปี่ยมไปด้วยความสุขจนน่าอิจฉา ทำไมเอร็ดอร่อยได้ถึงขนาดนั้น!

   “ยิ้มอะไรน่ะหมอ ก็หมอบอกไม่ให้กัสอดข้าวไม่ใช่เหรอไง?” ซูกัสอธิบายหน้าง้ำเมื่อเห็นสายตาที่หมอมองเขา

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ทานข้าวได้ก็ดีแล้ว” แต่ดูเหมือนจะกินเยอะไป!

   นี่แหละถึงไม่ให้อดข้าว เพราะยิ่งอดอาหาร ร่างกายปรับสภาพว่าเราอด พอเรารับอาหาร ร่างกายก็จะพยายามกักตุนไขมันพลังงานไว้ใช้ในยามขาดแคลนมากกว่าเก่า ถ้ากินแบบนี้ทุกวันรับรองอ้วนกว่าเก่าแน่

   “สายตาไม่ได้บอกอย่างงั้นเลย” เขามุ่ยหน้างอน วางช้อนลงทันที

   “โอ๋ๆ ไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ กินไปเถอะครับ วันนี้กินให้อิ่มไปก่อน เดี๋ยวตั้งแต่พรุ่งนี้หมอจะทำอาหารคลีนให้ทาน พร้อมโปรแกรมออกกำลังกายนะครับ มีโค้ชส่วนตัวอย่างหมอ รับรองไม่กี่เดือนหรอก กลับมาเช้งอย่างเก่าแน่นอน”

   หมอปลอบแล้วยืนยันหนักแน่น อีกฝ่ายจึงคลายหน้างอนแล้วตักกับข้าวลงใส่ในจานหมอ

   อ้วนคนเดียวไม่พอ... บังคับให้หมออ้วนตามเหรอครับ?



   หลังจากนั้น... ซูกัสก็มุ่งมั่นในการลดน้ำหนักตามวิธีของหมอ คือกินคลีนและออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นลดไขมันมากกว่าน้ำหนัก คือห้ามชั่งน้ำหนัก อาศัยแต่มองกระจก และดูเหมือนซูกัสจะสนุกกับการหัดทำอาหารแล้วด้วย เขากำลังมุ่งมั่นจะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนที่ดีในระหว่างที่ลูกยังเล็ก เพราะเราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ให้ซูกัสไปทำงานจนกว่าลูกจะเข้าโรงเรียนประถม และหมอก็ไม่ได้จ้างเด็กรับใช้ด้วย ซูกัสเลยต้องทำงานบ้านไปโดยปริยาย แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการลดน้ำหนักทางอ้อมอีกหนึ่งวิธีเช่นกัน หมอคิดว่าน่าจะได้ผลนะ ถึงจะช้าไปบ้างก็เถอะ
   
   ช่วงนี้หมอกลับจากคลินิกแต่หัววัน ตั้งใจไว้ว่าจะรอจนลูกทั้งสองอายุสักสองขวบค่อยกลับไปสอนที่มหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบมา ส่วนตอนนี้หมอจะให้เวลากับครอบครัวก่อนสิ่งอื่น...

   ค่ำแล้ว หมออุ้มมัฟฟิ่นขึ้นจากเปลเด็ก ในห้องนอนของเรา จับลูกชูขึ้นสูงกลางอากาศ เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก อย่างอารมณ์ดี ส่วนชิฟฟ่อนอยู่บ้านซูกัส เพราะแคนดี้และคุณแม่(ยาย)อาสารับเลี้ยงเด็กให้หนึ่งคนเพื่อแบ่งเบาภาระของเรา ดังนั้นเราจึงสลับกันเลี้ยงมัฟฟิ่นและชิฟฟ่อนคนละหนึ่งสัปดาห์มาตลอด…

   ระหว่างที่กำลังเล่นกับลูก ซูกัสเดินออกจากห้องน้ำ ผิวขาวซีดในชุดนอนเข้าชุดสีขาวลายการ์ตูนดูน่ารักเหมือนเด็กน้อย

   “หิวนมไหมคร้าบ มัฟฟิ่น” เขาเดินมาข้างๆ เอาผ้าขนหนูที่พาดคอสะบัดปลายผมสั้นที่ชื้นน้ำออกเล็กน้อย หมอเผลอมองลำคอขาวต่ำลงไปอีกตามรอยแหวกของเสื้อที่ลึกลงไปในความขาวเนียน กลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างแสนเสียดายเมื่อคนข้างกายขยับหายไปหยิบขวดนม (เป็นนมแม่ที่รับบริจาคมา)

   “ส่งลูกมาสิครับหมอ...” หมอสะดุ้งนิดหนึ่งเงยหน้าขึ้นยิ้มเกลื่อนความฟุ้งซ่านในใจ แล้วยื่นลูกน้อยให้เขาไป

   ซูกัสรับเด็กไปอุ้มอย่างทะมัดทะแมง ยัดขวดนมใส่ปากแล้วไกวเด็กในอ้อมแขนแล้วกล่อมเบาๆ หมอมองดูรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นอย่างเอ็นดู

   “มองอะไรหมอ... ไปอาบน้ำสิ ” ซูกัสเงยหน้าขึ้นอย่างเขินๆ แล้วรีบไล่หมอทันที หมอยิ้มกว้างรับคำเสียงยาว

   “คร้าบบบบบแม่”



   กว่าหมออาบน้ำเสร็จ ลูกก็หลับไปแล้วรวมทั้งซูกัสด้วย ไฟดวงใหญ่ถูกปิดลงเหลือเพียงโคมไฟหัวเตียงที่ส่องสว่างเท่านั้น หมอปิดไฟที่หัวเตียงลงเหลือเพียงความมืดสนิท บนเตียงนุ่ม ร่างอุ่นและนุ่มกว่าเตียงตะแคงนอนอยู่ หมอขยับตัวเย็นเข้าไปกอดเอวคนตัวเล็กภายใต้ผ้าห่มหนา เลื่อนมืออันซุกซนไปตามหน้าท้องของเขา อุ่นจัง...

    “หมอ... อย่า...” คำทักท้วงอ่อนเบาอยู่ในลำคอเหมือนคนที่เพิ่งงัวเงียตื่น หมอหยุดมือตัวเองที่เริ่มซนเปลี่ยนเป็นขยับตัวเข้าไปแนบแผ่นหลังของเขา แนบหน้าลงกับหลังคอกระชับอ้อมแขนให้แน่นเข้า

   “กัสหายใจไม่ออก...” คำตอบช่างออดอ้อนเสียนัก

   จนหมออยาก... อยาก...

   อยากร้องไห้เหลือเกิน เมื่อต้องคลายอ้อมกอดนั้น

   ในความเงียบงันหมอนอนไม่หลับ เพราะความอบอุ่น ความอ่อนนุ่ม ความหอมหวาน และความต้องการมากมายของชายชาญที่พึงมีเมื่ออยู่ใกล้คนรักยามค่ำคืนแสนหวานเช่นนี้

   กี่วัน กี่เดือนมาแล้วนะ ที่หมอไม่ได้สัมผัสความอ่อนหวานจากร่างกายของเขาอย่างลึกซึ้ง... เพื่อป้องกันไม่ให้คนท้องคลอดก่อนกำหนด และจนกระทั่งเพื่อไม่ให้แผลผ่าตัดหลังคลอดกระทบกระเทือน จนกระทั่งตอนนี้ดูเหมือนเขาจะหายดีแล้ว... แต่เมื่อความสัมพันธ์แบบนั้นมันห่างหายไปนาน กลายเป็นว่าการเริ่มต้นให้มันเกิดขึ้นแลจะยากเย็นกว่าครั้งแรกของกันและกันเสียอีก!

   ในความต้องการก็มีความเกรงใจล้นปรี่ทำให้หมอเผลอถอนหายใจยาวหนึ่งทีอย่างปลงๆ พยายามข่มดวงตาที่เบิกเพลิงให้หลับลงอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆ คนในวงแขนที่ถูกสวมกอดไว้หลวมๆ ก็พลิกกายหันมาหา จนจมูกของเราแตะกัน หมอลืมตาขึ้นในความมืด รู้สึกว่าจมูกของตัวเองถูกจมูกเล็กนั่นคลอเคลียไปมา จนหมอพลอยยื่นหน้าไปจุมพิตที่ร่องแก้มนวลนุ่มด้วยความปรารถนาอันเอ่อล้น และวินาทีต่อมาริมฝีปากเล็กก็ยื่นมาแตะปากหมอผะแผ่วสองสามที นั่นทำให้ความอดทนที่มีนั้นขาดผึง รีบโอบรัดร่างนุ่มนิ่มนั้นเข้าปะทะตัว แล้วบดริมฝีปากตัวเองเขาหาเขาอย่างแนบสนิท

   ริมฝีปากเล็กเผยอรับรสจุมพิตที่มอบให้จนหมอย่ามใจค่อยส่งลิ้นอุ่นกวาดไปตามโพรงปากอีกฝ่ายอย่างโหยหา เพื่อหยอกล้อลิ้นนุ่มของเขา เราจูบกันเนิ่นนานอย่างลึกซึ้งแสนหวาน ราวกับคนที่ไม่ได้เจอกันมานานนับปี

   หมอคลายแขนที่รั้งร่างเขาไว้แล้วพลิกตัวขึ้นในความมืด ร่างเล็กกว่าถูกคร่อมไว้ มีใบหน้าของหมอลอยอยู่เหนือใบหน้านั้น พลางไล่ปลายนิ้วไปตามปากอิ่มน่าจูบน่ารวมถึงปลายคางนั่น

   “ซูกัสครับ...” หมอเรียกเขาอ้อน

   “ครับ...”

   “รักหมอไหมครับ”

   “รักครับ” หมอยิ้มกับคำตอบง่ายๆ จูบที่ข้างแก้มและงับใบหูนั้นเบาๆ เขาพับคอหนีรอบจูบเย้าหยอกเหมือนจั๊กจี้

   “ฮื้อ...หมอ...” เขาประท้วงแล้วหันหน้ามาค้อน หมอหัวเราะชอบใจ ยื่นหน้าไปงับจมูกเขาเบาๆ

   “หมอรักซูกัสนะครับ ” หมอว่า บรรจงจูบแก้มเขาอีก

   “รู้แล้วครับ” เขาตอบรับ หมอยิ้มอ่อน

   “ซูกัส ขอหมอ... ได้ไหมครับ” หมอถามด้วยน้ำเสียงอ้อนเหมือนคนจะขาดใจ ถ้าหากเขาตอบปฏิเสธกลับมาหมอคงแย่แน่...

   “ถ้าหมอไม่รู้ แล้วใครจะรู้” คำตอบนั้นทำให้หมอเกือบหัวเราะ นั่นสินะเป็นหมอแท้ๆ ทำไมกลับไม่รู้อาการคนไข้!

   จากคำตอบนั้นหมอก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายตอบรับ จึงโน้มคอลงประพรมรอยจุมพิตที่พวงแก้มนั้นซ้ำๆ ริมฝีปากอิ่มที่เผยอรับรสจูบช่างหวานจนแทบละลาย...

   หมอจูบเขา ไล่ริมฝีปากไปทั่วใบหน้าหวานพลางแกะกระดุมชุดนอนนั้นออกช้าๆ ก้มลงจูบลำคอขาว แล้วฝังรอยลิ้นลงไปเนิ่นนาน แล้วค่อยๆ ไล่ริมฝีปากลากต่ำไปจากลำคอไปตามแผ่นอกบางอันประดับไปด้วยยอดเล็กนั่น เพียงสะกิดนิดเดียวอีกฝ่ายก็เปล่งเสียงครางอันน่าฟัง แอ่นอกขึ้นรับเรียวลิ้นที่เลียไล้ไปรอบๆ ด้วยอารมณ์เสียวกระสัน

   หวาน... ทำไมถึงหวานมากขนาดนี้ เนื้อตัวเรียบลื่นชื้นเหงื่อช่างงดงามท่ามกลางความมืด เพียงสัมผัสที่ที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของเขาก็ทำให้หมอหลงใหลจนแทบคลั่ง

   หมอพยายามสัมผัสเขาอย่างเบามือไปทั่วร่างมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่ง จนลามไปยังหน้าท้องหลังการลดน้ำหนักที่มีสัดส่วนเหมือนมีกล้ามเล็กน้อยพองาม ถึงไม่เฉียดใกล้คำว่าซิกแพ็กและมีไขมันอยุ่บ้างก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็พอจะมองในแง่ดีกว่าครอสลดน้ำหนักอะไรนั่นเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว! จนคิดว่าหมอเองก็คงต้องหันมาฟิตหุ่นให้เฟิร์มกับเขาบ้างเหมือนกัน...

   หลังจากจัดการกับเสื้อที่เกะกะ หมอก็ถอดกางเกงเขาออก เผยความเปลือยเปล่าที่แสนคิดถึง ก่อนจะฝังซุกใบหน้าที่ซอกขาด้านในอันเป็นจุดอ่อนของเขาในทันที

   “อื๊อ... หมอ...” เขาสะดุ้ง เสียงครางของซูกัสกำลังกระตุ้นอารมณ์ของหมอให้เดือดพล่าน ยิ่งเขาขยับตัวเองยื่นมือเล็กมาขยุ้มลงในกลุ่มผมยิ่งแล้วใหญ่…

    “อืม...” เขาครางต่ำรับมันอย่างพึงพอใจ และหมอก็ชอบที่เขาทำเสียงนั้น หมอยิ่งจงใจสัมผัสตรงส่วนอ่อนไหวด้วยปากและมือให้มากขึ้นอีก พยายามขยับมืออุ่นไปตามความยาวนั่นเร็วขึ้นๆ จนคนที่นอนหงายอยู่นั้นดิ้นกระสับกระส่ายจนทนไม่ไหว...

   “อ๊า....” เขาร้องออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อความต้องการแตกกระจายในเวลาต่อมา จนความเหนียวหนืดเยิ้มไหลลงมาในอุ้งมือของหมอ หมอยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อทำให้เขาเดินทางไปถึงห้วงสุขนั้นล่วงหน้า

   หมอจับร่างเล็กผลักพลิกให้นอนคว่ำ แล้วก้มจูบลงบนก้มก้นงอนนั่นเบาๆ เอนตัวทับลงไปบนตัวเขา จูบเส้นผมของคนที่คว่ำหน้าหอบเหนื่อยย้ำๆ ขณะค่อยๆ ยื่นส่งนิ้วเรียวผ่านช่องทางแสนหวานนั่นช้าๆ

   “ซื้ด... หมอ...” เขาครางแผ่วเมื่อความคุ้นเคยลอดผ่านช่องทางคับแคบนั่นทีละนิด

   ความคับแน่นที่บีบรัดนิ้วของหมอทำให้หัวใจเต้นแรง ความอยาก... เพิ่มสูงขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่าตัว แต่ก็พยายามหักห้ามความรู้สึกค่อยขยับปลายนิ้วนั้นอย่างเชื่องช้าเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้มากที่สุด...

   หมอขยับตัวไปเปิดไฟหัวเตียง แล้วควานหาถุงยางกับเจลในลิ้นชักขึ้นมาอย่างตื่นเต้น จัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปกว่าร่างเล็กที่พลิกกายขึ้นมานอนหงาย แล้วมองกลับมาด้วยสายตาประหม่า มันช่างแสนเย้ายวนเสียนี่กระไร...

   หมอคลานเข้าไปหาเขา แยกขาเขาออกสอดกายเข้าไประหว่างซอกขานั้น แล้วโน้มตัวจูบปากอิ่ม พลางขบเม้มริมฝีปากล่างนั่นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว เขายิ้มรับ แล้วมองสบตาหมออย่างอายๆ

   ในระหว่างที่เรามองตากัน อุ้งมือของหมอก็ซุกซนเปะป่ายไปตามเรียวขาของเขาช้าๆ ซูกัสหอบลึกมีสีหน้าที่แสดงว่าตกอยู่ในห้วงอารมณ์วาบหวาม หมอก้มลงเทเจลลงในมือจนโชกชุ่มค่อยไล้ไปตามความแข็งขืนด้านนอกถุงยางจนทั่ว จากนั้นเทซ้ำอีกก่อนจะส่งปลายนิ้วสอดลึกเข้าไปในช่องทางแห่งความปรารถนาอีกครั้งหนึ่ง

   “ซื้ด...หมอ...” ซูกัสหลับตาพลางกัดปากครางเสียงกระเส่า แต่ไม่อาจหยุดปลายนิ้วของหมอที่พยายามเบิกทางนั้นอย่างต่อเนื่องได้...

   หนึ่ง... สอง... ค่อยเคลื่อนเข้าออกเบาๆ ในระหว่างที่อีกมือหนึ่งเริ่มกอบกุมความแข็งกร้าวของตัวเองไว้แล้วขยับข้อมือด้วยความต้องการ...

   “กัส... กัสครับ” หมอเรียกเขาอ่อนเบาราวเสียงคราง เมื่อค่อยถอนนิ้วที่ล้วงลึกลงในช่องทางรักนั้นช้าๆ

   “ฮื้อ...”

   “....นะครับ” หมอวอนขอเขาสั้นๆ ขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้าให้ เมื่ออีกฝ่ายอนุญาต หมอค่อยจ่อความแข็งขืนที่ช่องทางสีหวานก่อนนั่นค่อยกดส่วนนั้นบังคับให้ผ่านไปตามทางรักนั้นช้าๆ

   “อ๊า...” เขาร้อง พยายามลดเสียงให้เบาลงจนเงียบหายไป คงเพราะกลัวลูกจะตื่น... หมอกัดฟันแน่นค่อยๆ สอดตัวตนเข้าไปอย่างเชื่องช้าปรานีนี่สุดให้เขาคุ้นชินเสียก่อนไม่ต่างจากมีอะไรกันครั้งแรก...

   เป็นนาน... กว่าเขาจะรับตัวตนของหมอได้ทั้งหมด มันสุดยอดมากจริงๆ หมอค่อยขยับตัวเนิบนาบท่ามกลางความเสียวซ่านและสุขสม และค่อยๆขยับสะโพกชักพาให้คนใต้ร่างรู้สึกไม่ต่างกัน...

   หมอก้มลงจูบเขา แลกลิ้นกันระหว่างที่ส่วนล่างยังไม่ผละห่างออกไป และหมอยังขยับเรือนกายเข้าออกในตัวเขาอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะเติมเต็มความรู้สึกได้ ในที่สุด หมอก็ค่อยๆ ขยับตัวถอนกายออกแล้วจับเขาหันหลัง จัดร่างกายให้อยู่ในท่าโก้งโค้ง ก่อนจะสอดแก่นกายลงไปอีกครั้ง

   “อื๊อ...” เสียงหวานครางรับตัวตนของหมอที่ค่อยขยับสะโพกเนิบนาบแต่หนักหน่วงกับก้นกลมของเขาอีกครั้ง...

   “หมอ...”

   “อา...ซูกัส” เราต่างเรียกกันและกันซ้ำซากไปมา ระหว่างความรุ่มร้อนแผ่ซ่านไปทั้งร่าง หยาดเหงื่อที่ซึมขึ้นมาทั่วผิวหนังทั้งๆ ที่ในห้องเปิดแอร์...

   ความเสียวซ่านและสุขสมสาดซัดเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำอีก จนหมอรั้งสองแขนนิ่มเข้าหาแล้วกระแทกแก่นกายปะทะร่างเขาแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะห้วงอารมณ์ที่สูงขึ้นจนห้ามตัวเองไม่อยู่ จนเสียงครางกระเส่าดังประสานถี่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพากันมาถึงจุดหมายในเวลาใกล้เคียงกัน  หมอค่อยปล่อยมือเขาลง คนตัวเล็กค่อยผ่อนกายลงกับหมอน หมอค่อยๆ ถอดถอนแก่นกายออกจากช่องทางนั้นพร้อมกับของเหลวขาวขุ่นที่ไหลทะลักอยู่ในถุงยางสีสด

   หมอทิ้งตัวลงนอนข้างเขา ในความอ่อนเพลียแต่เต็มไปด้วยความสุขเหนือคำบรรยาย ก็วาดแขนกอดก่ายร่างของเขาเข้าหาตัวเพื่อจูบที่หน้าผากมนฟอดใหญ่   

   “ผมเพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ก็ได้ด้วย” จู่ๆ เขาก็เปรยขึ้นมา

   “อะไรเหรอ?” หมอถามอย่างสงสัย

   “แทบไม่ได้แตะข้างหน้าเลย เสร็จได้เฉยเลย แปลกจัง”

   “อ๋อ...ได้สิ คนที่คิดว่าโดนทำจากข้างหลังแล้วไม่รู้สึกอะไรนั่นน่ะผิดเลย ข้างหลังก็มีพวกเส้นประสาทเยอะอยู่แล้ว แถมจีสปอตของผู้ชายก็อยู่ตรงต่อมลูกหมากด้วย เวลาที่เค้ากระตุ้นน้ำเชื้อจากพวกโคบางครั้งก็กระตุ้นจากด้านหลังนี่แหละ แต่ถึงทฤษฎีจะเป็นอย่างนั้นแต่ในทางปฏิบัติก็ไม่ใช่ว่าจะหาเจอกันได้ง่ายๆ นะอันนี้น่าจะอยู่ที่ความช่ำชอง”

   “จะบอกว่าตัวเองเก่งสินะ” ซูกัสดักคอ

   “ไม่อ่ะ คงจะฟลุกมากกว่า สงสัยทำได้แค่รอบเดียว” หมอยอมรับอย่างไม่อาย

   “เหรอครับ... แต่ไม่สำคัญหรอก ผมชอบให้หมอสัมผัสผมทั้งตัวมากกว่าเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาซอยนะ” ซูกัสตอบออกมาตรงๆ

   จะว่าไปแล้วหมอรู้สึกผิดนิดหน่อยนะที่ตอนที่สอดใส่ เห็นแก่ตัวจนลืมช่วยเขาไปพร้อมๆ กัน มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตา... อย่างเดียวเลย แต่น้ำเสียงของซูกัส ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าโกรธหรือไม่พอใจ หมอก็เลยทำเนียนเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปดีกว่า ยกประโยชน์ให้จำเลย...

   “อ๋อ เหรอครับ หมอจะจำไว้นะ” หมอยิ้มแล้วยื่นหน้าไปจูบแก้มนุ่มนั้นอีกและตั้งท่าจะสัมผัสร่างนั้นอีกครั้งตามคำเชิญชวน

   “พอแล้วหมอ... กัสหนื่อย” เสียงอ้อนของคนใต้ร่างนั้นช่างน่ารักน่าชังเสียจริง ในคำห้ามปรามกลับยิ่งเย้ายวนจนไม่อยากจะปล่อยเลย

   “ไหนว่ากัสอยากลดน้ำหนักไงครับ” หมอเริ่มหว่านล้อมเขาอีกครั้ง

   “เกี่ยวอะไรกันล่ะ” เขาถามอย่างสงสัย

   “มีเซ็กส์ครึ่งชั่วโมงช่วยเบิร์นได้ตั้ง 120 แคลเชียวนะ” หมอกระเซ้า ทั้งกดปลายจมูกจรดแก้มป่องอย่างมันเขี้ยว “ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายน่ะทั้งถูกวิธีและดีต่อสุขภาพนะครับ”

   “เจ้าเล่ห์นักนะหมอ...”

   “เจ้าเล่ห์ที่ไหน เรื่องจริงทั้งนั้น ก็ดูสิ เหงื่อออกเป็นน้ำแบบนี้ทุกวัน ไม่ผอมให้รู้ไป” หมอว่าต่อ และอีกฝ่ายคงเห็นด้วยจึงเงียบ ไม่เถียงสักคำ ได้แต่มุ่ยหน้าเอียงคอหนีด้วยสีหน้าเขินอาย แต่ก็ไม่พ้นจมูกปากที่ฝังไล่ไต่ไปตามแก้มและลำคอที่พยายามจะเชิญชวนให้ตอบรับ

   “ลดไขมันหนึ่งโล 7700 แคล มีเซ็กส์ 32 ชั่วโมงก็ลดได้โลนึงพอดี” หมอพูดต่อเพลินๆ ไมได้คิดอะไรมาก แต่ทำให้คนในอ้อมแขนตัวแข็งทื่อ หันมามองหน้าแล้วผลักอกหมอออกทันที

   “งั้นเปลี่ยนวิธีเถอะหมอ ถ้าจะนานขนาดนั้น กว่าจะลดได้โลนึงกัสตายก่อนพอดี!”



++++++++++
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 27-03-2016 18:33:51
หมอหื่นนน!  :hao7:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-03-2016 19:33:42
ได้โอกาสเลยนะหมอ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-03-2016 19:50:02
ฟลคไม่ฟลุคต้องลองอีกๆ
แบบคลีนๆไงกัส รีดให้หมดอารมณ์ดจนคลีนเลย
ขอบคุณค่ะ. น่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 29-03-2016 10:53:03
ลดน้ำหนักสูตรหมอหื่น
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 29-03-2016 12:28:30
หมอออ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 29-03-2016 14:18:03
55555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 29-03-2016 20:58:11
หัวหมอ สมแล้วที่เป็นหมอ อิอิ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-03-2016 23:21:31
ชอบจังที่คุยกันเรื่องบนเตียงอย่างไม่เขินอาย  o13
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-04-2016 02:04:25
กว่าจะลดได้สักกิโล ไม่เพลียก่อนเหรอครับ ^^
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 02-04-2016 15:32:46
 :m20: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 03-04-2016 19:25:09
 :z1:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-04-2016 22:16:47
หมอคะ อย่างหื่นสุดๆเลยค่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 30-04-2016 09:03:34
ชอบเนื้อเรื่องกระชับและอธิบายได้เข้าใจง่ายดี ซูกัสน่ารักมาก ชอบผู้ชายแบบหมอ อยากได้ๆ    :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 30-04-2016 21:15:19
อื้อหือออออ -..- พี่หมอว่านนี่...
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 04-05-2016 14:43:37
น่ารักกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 07-05-2016 11:16:27
น่ารัก​จัง​ มีภาคของ2ก้อนมั้ยน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 08-05-2016 18:28:20
หมอกับกัสน่ารักมาก ฝาแฝดก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 11-05-2016 17:50:58
เห็นชื่อเรื่องน่าสนใจ บวกกับเป็นเรื่องที่ผู้ชายท้องได้ด้วยก็เลยเข้ามาอ่าน
ไม่ผิดหวังเลยค่ะ สนุกมากๆ มีสาระและทำให้หัวเราะได้ในทุกตอน
นิสัยพระเอกและนายเอกก็น่ารักมาก เรื่องหัวใจก็เรียบเรื่อยไม่หวือหวา
ชอบตรงที่มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ไม่ปิดบัง มีเหตุมีผลดี  :hao3:
เป็นอีกครอบครัวที่น่ารักและน่าอิจฉาที่สุด
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆเรื่องนี้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 12-05-2016 21:33:50
แหม คุงหมอนี่ไม่ค่อยจะเจ้าเล่ห์เลยนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 13-05-2016 07:03:42
กร๊ากกกกกกก เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีจริงๆ อยากมีคนมาช่วยลดน้ำหนักบ้าง 555  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-05-2016 13:37:55
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-05-2016 21:14:42
ทำทุกวันวันละสีห้าชัวโมงแปปเดียวก็ผอมแล้วกัส  อิอิ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 15-05-2016 14:44:40
หมอใจเย็นๆ กัสไม่รีบลดขนาดนั้น #กัสไม่ได้กล่าว 55555  :hao7:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG]หมอครับ... ผมอยากลดน้ำหนัก! [27-03-] ++
เริ่มหัวข้อโดย: Be mine ที่ 21-05-2016 23:49:51
โอ้ยยยย ชอบบบ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 01-06-2016 23:35:29
เปิดจอง  MPREG SET  BY ๛NaaribuS๛   


ID ซื้อขาย    [TBL-081-588]


(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-0/q81/s526x395/13321714_1214424025255075_3195503837347426919_n.jpg?oh=e5e797787a5281f8542e69a9ccd3e5fa&oe=57D6F2C3)

          รายละเอียดหนังสือแบบคร่าวๆ

   1. หมอครับ... ผมอยากมีลูก
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ +- 200  หน้า
   2. คุณแม่รับจ้าง
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ  +-300 หน้า
   3. แม่ของผมเป็นผู้ชาย
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ +-100หน้า


(1 มิถุนายน 2559 - 30 กรกฎาคม 2559)
* ปกหมอครับ
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/13316950_1214424101921734_3890668633101251740_o.jpg)
** ของแถมรอบจอง
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13344499_1214424275255050_338885540807499479_n.jpg?oh=959e37ef4f7bff562da350352f692cfd&oe=57CEE4BE)

ไม่เข้าใจสิ่งใด สอบถามได้ที่เพจนะคะ

๛NaaribuS๛ (https://www.facebook.com/Bunnypoundbread/photos/pcb.1214434348587376/1214424025255075/?type=3&theater)
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 09-06-2016 19:07:44
 :-[ :-[ :- :-[ :-[ :- :-[ :-[ :- :-[ :-[ :- :-[ :-[ :- :-[ :-[ :- :-[ :-[ :- :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-07-2016 23:37:03
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: ploetkrai ที่ 12-07-2016 09:16:50
ซูกัสกับหมอน่ารักน่าเอ็นดูมากๆค่ะ
เป็น mpreg ที่ได้ความรู้มากๆ เหมือนกำลังเลคเชอร์วิชาเพศศึกษาจริงๆเลยค่ะ
แอบคิดว่าถ้าในอนาคตเรื่องแบบนี้กลายเป็นเรื่องจริงคงจะดีสำหรับหลายๆคนเลย แต่ก็คงเป็นเรื่องของอนาคต
ขอบคุณมากๆที่แต่งนิยายดีๆ ได้ความรู้ให้ได้อ่านกันนะคะ
ถ้ามีโอกาสจะติดตามผลงานคุณนิต่อไปค่ะ
ขอบคุณค่ะ : )
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 04-08-2016 19:03:16
ชอบซูกัส น่ารักดี  :impress2:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 07-08-2016 15:36:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 09-08-2016 10:29:11
ขอบคุณค่ะ
น่ารักมากๆเลย อบอุ่นมาก
ได้ความรู้ด้วย
เหมือนเป็น เรียล ไม่ใช่นิยายเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 13-08-2016 09:08:42
ฮาตอนพิเศษมาก ถึงอยากลดแค่ไหนก็กลัวตายนะ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Shxtaop ที่ 29-08-2016 00:54:47
น่ารักกกก>< คุณหมอคนเก่งน่ารักมากๆๆๆๆ o13
ชอบตอนหมอหื่นอ่ะะะ กิกิ :impress2:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆๆนะคะ :call:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: GIRL [Y] 100% ที่ 30-09-2016 15:01:21
น่ารักมากค่ะชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: pprtoy ที่ 04-10-2016 22:37:07
ขอบคุณที่หาข้อมูลค่ะ ทำการบ้านดีมากเลย มันเรียลมากค่ะ อ่านแล้วคิดตาม มันดูเป็นไปได้ ><
ขอบคุณสำหรับความรู้หลาย ๆ อย่างด้วยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 24-10-2016 01:57:47
เป็น mpreg ที่ได้ความรู้จริงๆ ตะบันหน้าอ่านจนจบรวดเดียวเลย เด็กๆ นี่น่ารักเนอะะ ชีวิตหมอรายล้อมไปด้วยเด็กน่ารักๆ ตลอดเลยเอาะ อิจค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 07-10-2017 21:44:31
หมอเจ้าเล่ห์555555555
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-10-2017 15:01:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-10-2017 00:50:45
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 12-10-2017 17:03:44
 :-[
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 16-10-2017 07:07:07
น่ารักดีค่ะ
แต่อยากให้มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กๆเยอะหน่อยจัง
มีเด็กๆออกมาแค่ตอนเดียวก็จบเลย
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 22-10-2017 10:16:25
สนุกมากเลยค่า ได้ความรู้เยอะเลย
หมอว่านก็หื่นๆอยู่นะ ส่วนน้องซูกัสก็น่ารัก >.,<
ขอตัวไปอ่านเรื่องคุณแม่รับจ้างต่อกร้อยยยย 5555

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 26-10-2017 13:36:42
น่ารัก ................. ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 17-01-2018 19:40:54


น่ารัก

หมอนี่แอบหื่นนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 01-04-2018 23:41:23
 o13 o13 o13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-04-2018 00:04:27
ตอนแรกนึกว่าหมอจะเคะ 5555

ซูกัสมีชัยมากเลยค่ะ มาแบบเรื่อยๆ และก็ได้ใจหมอมาตลอด
เจอซูกัสเข้าไป หมอถึงกับถอนตัวไม่ได้
หมอก็แอบร้ายเนาะ แหมมมม มีความอยากกอดนะ

น่ารักดีค่ะ ทำเพื่อพี่สาว โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้หรือระแวงอะไรเลย
สองแฝดจะได้มาอยู่ด้วยกันแล้วน้า

ขอบคุณมากนะคะ ตามไปอ่านคุณแม่รับจ้างต่อค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 09-06-2018 12:56:58
อยาดลดน้ำหนักบ้าง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 20-06-2018 09:43:15
ซูกัส ชิฟฟ่แน มัฟฟิ่น น่ารักกกกกกก  :กอด1: :mew1:

พี่หวานเป็นพ่อที่ดีมากๆๆดูแลลูกเมียได้สุดนอด
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-07-2018 03:53:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: pwstz ที่ 06-02-2019 19:46:30
ตามมาจากภาคสองค่ะ น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 23-04-2019 13:00:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ดีๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 24-04-2019 21:11:53
น่ารักดีค่ะ  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 26-05-2019 11:58:08
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Areya ที่ 08-01-2020 09:47:58
อบอวลด้วยความรักและความสุขหลังผ่านความพยายาม ความเอาใจใส่และความเข้าใจกัน จนลงท้ายด้วยความสุขแบบกำลังพอดี จนเหมือนควาทเป็นจริงที่เคยเกิดขึ้นได้ของ การมีลูกของกัสและหมอว่านเลยค่ะ น่ารักมากค่ะ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่คนเขียนแต่งและใจดีแบ่งปันให้อ่านด้วยนะคะ  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 14-04-2023 18:50:40
น่ารักเกิ้นนนน
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 08-05-2023 21:23:50
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 16-03-2024 20:01:13
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)