ตอนที่ 18
(Part 2)
(โม)
10.25
นาฬิกาดิจิตอลที่ฝาผนังบอกเวลาว่าตอนนี้โคตรสาย ส่วนผม. . .อืม. . .ก็เพิ่งตื่นนั่นแหละ หันไปมองข้างตัว ไอ้แฟนตัวดีก็ไม่อยู่แล้ว เอ๊ะ. . .รู้สึกคุ้นๆ เหมือนมันบอกว่าจะไปไหน อืม ช่างเถอะๆ เดียวมันเสร็จธุระมันเดี๋ยวก็กลับมาเองนั่นแหละ ผมน่ะไว้ใจมันมากนะ เพราะมันไม่เคยทำอะไรให้ผมต้องระแวงสักครั้ง. . .ไม่เหมือนผม
ช่างเถอะ. . .แค่หลังจากนี้ผมจะไม่ทำอีกก็พอ!!
หลังจากนี้กูจะรักมึงคนเดียวจนมึงคิดไม่ถึงเลยล่ะ!!
โครกกก!!
แต่ก่อนอื่นเสียงท้องร้องคำรามบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้. . .โคตรหิว
ผมลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ต้องนั่งลงกลับไปเหมือนเดิม ยกมือขึ้นมากุมขมับแล้วนวดเบาๆ เพราะนอนตื่นสายมาก มันก็เลยทำให้ทั้งปวดหัว ทั้งเวียนหัวไปหมด พอเริ่มรู้สึกดีขึ้นก็ลุกจากเตียงไปจัดการตัวเองที่ห้องน้ำ แล้วรีบออกไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องมันร้องอีกแล้ว
ไม่รู้มุมปากมันยกยิ้มขึ้นมาตอนไหน อาจจะตอน. . .อาจจะเป็นตอนที่เห็นโพสต์อิทสีหวานแหววที่ช่างไม่เหมาะกับผมแปะอยู่บนกล่องอาหารก็ได้ ไหนจะข้อความบ้าๆ นั่นอีก รางวงรางวัลบ้าไร ไม่พ้นมึงหาเรื่องแดกกูนั่นแหละ
พอเปิดกล่องออกมาก็ อื้ม. . .ข้าวผัดปลาหมึก. . .ของโปรดผม
ผมนั่งลงที่เก้าอี้บาร์เครื่องดื่ม คิดว่ากินมันตรงนี้แหละ ขี้เกียจจะไปหาที่นั่งแล้ว ตักข้าวผัดเข้าปากแล้วมุมปากก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง รสชาติเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน แม้ว่าจะไม่ร้อนเหมือนกินตอนผัดเสร็จใหม่ๆ แต่ความอร่อยที่แสดงให้เห็นว่าคนทำมันใส่ใจแค่ไหนมันก็ทำให้อาหารจานนี้อร่อยได้ไม่ยาก ต่อให้เย็นจนชืดมันก็อร่อยอยู่ดีนั่นแหละ!!
ผมนั่งกินเรื่อยๆ จนหมด ชะเง้อมองประตูแต่ก็ยังไม่เห็นว่าไอ้แบงค์มันจะกลับมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาว่าจะโทรถามให้รู้เรื่องว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน ทำไมไม่โทรมา แต่กลัว. . .อยู่ๆ ก็เกิดกลัวขึ้นมาว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเหมือนว่าไม่ไว้ใจกันหรือเปล่า ในที่สุดโทรศัพท์ก็ถูกวางไว้ที่เดิม ตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย เผื่อว่าตอนที่ผมอาบน้ำเสร็จ ไอ้แบงค์อาจจะกลับมาพอดี
ยอมรับเลยว่าแอบคาดหวังว่าพอผมอาบน้ำเสร็จจะได้เห็นไอ้แฟนตัวดีมันทำหน้าแป้นแล้นรออยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง แต่นี่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
มัน. . .ไปไหนวะ
ผมกัดปากตัวเองแน่น เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ไอ้แบงค์จะหายไปนานขนาดนี้โดยที่ไม่โทรหาหรือส่งข้อความ ส่งข่าวอะไรมาให้ผม ทุกทีมันเว่อร์อย่างกับอะไรดี อย่างน้อยก็สองชั่วโมงมันก็ส่งข้อความมาครั้งหนึ่ง แต่นี่เกือบจะเที่ยงอยู่แล้ว แม้แต่เสียงโทรศัพท์สักแอะผมก็ยังไม่ได้ยินเลย
เอาจริงๆ ผมกลัว. . .
ผมไว้ใจมัน แต่ผม. . .ผม. . .ไม่รู้สิ. . .ผมบอกไม่ถูก ไม่รู้จะบอกความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ว่ายังไง
ระแวงมั้ง. . .
เพราะที่ผมเคยทำกับมัน มันหนักหนาสาหัสมาก มากขนาดที่ว่าถ้าเป็นผม ผมคงไม่ให้อภัยคนที่ทำกับผมถึงขนาดนี้ แต่มันให้อภัยผม มันยอมคืนดีกับผม แต่มันเหมือนมีอะไรมารบกวนจิตใจของผมตลอดเวลา มันเหมือนมีความสุข แต่มันไม่สุด. . .
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วไอ้โม ไปทำกับข้าวรอมันดีกว่า” ผมสลัดความคิดเพ้อเจ้อนั่นออกจากหัว ยิ้มให้กำลังใจตัวเองสุดๆ ก่อนจะเดินไปที่ส่วนของครัวเพื่อทำข้าวเที่ยงรอไอ้แบงค์มันกลับมา ผมทำกับข้าวไม่เป็นหรอก แต่ลองพยายามสักครั้งเพื่อคนที่ตัวเองรัก. . .มันคงไม่ยากเกินความสามารถหรอกมั้ง
อืมมม. . .กุ้งแช่น้ำปลา ไอ้แบงค์ชอบ แต่ยากฉิบหายเลย
เอาใหม่ๆ ออมเล็ตดีมั้ย แม่งกินได้เป็นจานๆ แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่อย่างผมเท่าไหร่
สุดท้าย. . .
“ข้าวไข่เจียวกุ้งสับ!!”
เออ!! มันก็คล้ายๆ กับออมเล็ต (ตรงไหน?) นี่หว่า
คิดเมนูได้แล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข จัดการเปิดอินเทอร์เน็ตหาวิธีหุงข้าว อืมๆ ไม่ยากๆ ไข่เจียวก็เห็นมันทำอยู่บ่อยๆ จำได้ๆ
“ใส่ข้าวสารสองแก้ว. . .หนึ่ง. . .สอง. . .” ผมพึมพำ มือก็ตวงข้าวสารใส่แก้วก่อนจะเทใส่หม้อหุงข้าว ขั้นตอนต่อไปก็. . .อืมม ซาวข้าว
“อ้อ. . .ซาวข้าว” ผมจัดการเปิดก๊อกน้ำใส่หม้อ เอามือขยำๆ (?) ข้าวสารในหม้อ จากนั้นก็เทน้ำออก แล้วใส่น้ำเข้าไปใหม่
“เออ แล้วกูต้องใส่น้ำแค่ไหนวะเนี่ย” ถ้าใส่น้อยไปก็ไม่สุก ถ้าใส่มากไปก็แฉะ ใส่พอดีๆ ล่ะกัน (หวังว่ามันจะพอดีนะ)
พอหุงข้าวเรียบร้อยแล้ว ผมก็จัดการเอากุ้งออกมาจากตู้เย็น เอาออกมาล้างให้สะอาด วางบนเขียงแล้วจัดการ. . .สับ!!
“เฮ้ย!!”
ไอ้กุ้งบ้า!! ทำไมไม่นอนอยู่บนเขียงให้กูสับดีๆ วะ กระเด็นออกมาจากเขียงทำไม (โทษกุ้ง?)
“เอาใหม่ๆ” พอบอกตัวเองแบบนั้นแล้วก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ กระชับมีดในมือแน่น แล้วก็ลงมือสับอีกครั้ง คราวนี้เบาแรงลงกว่าเดิมนิดหน่อย แล้วผลมันก็ออกมาดีกว่าที่คิด เพราะตอนนี้กุ้งไม่กระเด็นแล้ว!!
กว่าที่จะสับกุ้งเรียบร้อยก็เล่นเอาเหงื่อตก แต่มันก็ออกมาสวยล่ะว้า จากนั้นผมก็เลยเอาผักต่างๆ นาๆ ที่ไอ้แบงค์ชอบ ทั้งแครอท มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ ต้นหอม จัดการล้างให้สะอาด ปากก็ฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
หยิบแครอทมาเป็นอันดับแรก วางไว้บนเขียงให้มั่นแล้วคิดว่าจะหั่นแบบไหนถึงจะออกมาสวยที่สุด ก็ตกลงกับตัวเองได้ว่าหั่นแม่งเป็นลูกเต๋านี่แหละ คลาสิกสุดแล้ว
“อุ่ยยยยเสียวมือวุ้ย” เพราะเป็นครั้งแรกที่จับมีดทำอาหาร มันก็เสียวมือแปลกๆ กลัวว่าจะโดนบาดเข้า แต่พอนึกว่าไอ้คนที่ผมตั้งใจทำให้มันทำให้กินกลับมาเห็นแล้วมันจะยิ้มกว้างแค่ไหน
ต่อให้โดนมีดบาดก็ไม่หวั่นล่ะ!!
ติ๊ง!!
“อ๊ะ!!. . .”
โดนมีดบาดจนได้. . .
เพราะตกใจเสียงโทรศัพท์ที่จู่ๆ มันก็ดังขึ้นมานั่นแหละ
“หืม? ข้อความเข้า”
ตอนแรกว่าจะไปเปิดดูเลย แต่คิดดูอีกทีทำอาหารให้เสร็จก่อนดีกว่า เผื่อว่าไอ้แบงค์มันกลับมาจะได้กินเลย ผมเลยตัดใจจากโทรศัพท์ เดินไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้ตัวเอง ปิดพลาสเตอร์ ก่อนจะกลับมาตั้งใจหั่นผักต่ออีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีอะไรมารบกวน มือผมก็เริ่มจะชินกับมีดแล้วด้วย นั่นทำให้การทำอาหารของผมเร็วขึ้นนิด แอบน้ำตาไหลตอนหั่นหอมหัวใหญ่ แต่ก็บ่ยั่น พอเสร็จแล้วก็จัดการตอกไข่ ใส่ผัก ใส่กุ้งลงไป ปรุงรส(ตามในเน็ต) ตีไข่แล้วตั้งกระทะ
ฟู่ววว!! (มโนว่าเป็นเสียงทอดไข่เจียวนะคะ)
ไข่เจียวที่ฟูขึ้นในกระทะเพราะผมก็พอจะรู้มาเหมือนกันว่าต้องตั้งกระทะให้น้ำมันร้อนจัดไข่ถึงจะฟู อดจะยิ้มภูมิใจในตัวเองไม่ได้
ไอ้แบงค์. . .ถ้ามึงกินที่กูทำไม่หมดล่ะนะ น่าดู. . .
“อ้ากกก ไหม้ๆ” เพราะมัวแต่ภูมิอกภูมิใจ เลยลืมพลิกไข่ กว่าจะรู้ตัว ไข่ด้านหนึ่งก็เกือบไหม้ซะแล้ว โชคดีที่ไหม้ไม่มาก ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กินได้ หึหึ คราวนี้อีกด้านผมเลยตั้งสติกว่าเดิม มันเลยไม่ไหม้เหมือนตอนแรก ยกมาใส่จาน หันไปหยิบซอสมะเขือเทศของโปรดไอ้แบงค์มามันราดหน้าไข่เจียว
“รูปหัวใจเนี่ยนะ. . .บ้าไปแล้วกู หึหึ”
ถ้าไอ้แบงค์กลับมาเห็นคงจะหัวเราะเยาะผมแน่เลย ในเมื่อผมราดซอสเป็นรูปหัวใจหรา ไม่เค้ย. . .ไม่เคยสักครั้งที่ผมจะทำตัวมุ้งมิ้งแบบนี้
เพื่อมึงเลยนะเว้ย. . .ยิ้มกว้างๆ ตอบแทนกูด้วยล่ะ
“ฟู่ววว” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ในความสำเร็จจากการทำอาหารของผม วางจานไข่เจียวกุ้งสับบนโต๊ะอาหารอย่างเบามือ จัดการใส่ข้าวที่สุกพอดี (แต่แฉะนิดหน่อย) ใส่จานสองจาน ควันโขมงเลยวุ้ย ยิ้มภูมิใจมองผลงานตัวเองอยู่สักพัก
ข้าวสวยร้อนๆ สองจาน. . .
ไข่เจียวฟูๆ (ที่ไหม้ไปข้าง) ราดซอสรูปหัวใจ. . .
ครั้งแรกก็ออกมาดีกว่าที่คิดเลยวุ้ย. . .
พอทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เรื่องข้อความเข้าก็กลับมาอีกครั้ง ก็เลยเดินไปหยิบโทรศัพท์มาดู
เบอร์แปลก. . .
ผมขมวดคิ้วกับข้อความเข้าที่บอกว่าเบอร์ที่ผมไม่รู้จักเป็นคนส่งมา เป็นข้อความรูปภาพ ผมไม่ได้คิดอะไร ตอนแรกไม่อยากดูเพราะคิดว่าอาจจะเป็นข้อความโฆษณาธรรมดาๆ ก็ได้ แต่แวบหนึ่งในหัว มันสะกิดใจบอกให้ผมเปิดดู. . .แล้วผมก็เชื่อความรู้สึกแวบนั้น
!!!
เป็นการเชื่อความรู้สึกที่ผมคิดว่ามันผิดมหันต์ ในเมื่อภาพที่ผมได้เห็นมันทำให้ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม น้ำตาไหลพาลจะไหลออกมาเสียให้ได้ เหลือบไปมองจานไข่เจียวงี่เง่าที่ตัวเองอุตส่าห์ตั้งใจทำ ข้าวสองจานที่ตั้งใจหุงเหลือบมองมือตัวเองที่พลาสเตอร์แปะอยู่ แล้วกลับมามองภาพในมืออีกครั้ง. . .
ภาพที่ไอ้แบงค์นั่งอยู่ที่ร้านอาหารกับเด็กนั่น. . .เด็กซ่านั่น
ถ้างั้น. . .อาหารง่ายๆ งี่เง่าๆ ของผมก็คงจะไม่มีความหมายแล้วสินะ
.
.
.
.
.
Rrrrrrrr Rrrrrrrrrr
“ฮัลโหล”
เบอร์แปลกเบอร์นั้นโทรมา. . .
((รูปชัดดีมั้ยฮะ. . .พี่โม))
.
.
.
.
.
สั้นเนอะ แน่ล่ะ 60% เองนี่นา ตอนแรกจะมาให้ครบร้อยทีเดียว แต่กลัวคนอ่านจะรอนานกว่านี้ เลยเออ!! มาวันนี้แหละ แค่นี้คงไม่เป็นไร (มั้ง) เพราะช่วงนี้คนเขียนไม่ค่อยว่างเลย แต่ก็ไม่อยากหายไปนานๆ กลัวคนอ่านจะลืมเนื้อเรื่อง 5555555 จะว่าไป ได้ข่าวคู่นี้เพิ่งดีกัน แล้วที่คนเขียนเอามาให้คนอ่านอ่านนี่คือเห้ไร 555555 เอาเถอะค่ะ เราจะยาวๆ กับแบงค์โม จนกว่าไอ้เด็กที่มาสร้างความร้าวฉานให้เขาจะออกไปจากสารบบเลย (มันก็แค่ตอนหน้านั่นแหละ ทำมาพูด!!) 55555
ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ
เจอกันที่เหลือเน่อ