ตอนที่ 22
(Part 1)
“มานอนอะไรตรงนี้” หลังจากกลับมาจากสะสางเรื่องไอ้แบงค์ ไอ้โม พามันไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว กลับมาก็เจอไอ้ตัวดีนอนขดตัวอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก เปิดแอร์ซะแรง ตัวเย็นเฉียบ
“อือออ. . .” มันครางในลำคอเบาๆ มือก็ปัดมือผมที่สะกิดมันอยู่ออกอย่างรำคาญ
“เฮ้อออ. . .” ผมถอนหายใจ มาอีหรอบนี้คงจะตื่นยากแล้วจริงๆ นี่ก็เกือบเช้าแล้ว ผมเลยจัดการอุ้มมันเข้าไปนอนบนเตียงในห้องนอนดีๆ แทน จัดการห่มผ้าอะไรให้เรียบร้อย มันเองพอได้รับความอุ่นจากผ้าห่มก็ซุกตัวเข้าทันทีเพราะทนหนาวจากข้างนอกอยู่นานสองนาน
ตอนแรกที่ผมจะออกไปกับไอ้แบงค์มันก็งอแงจะตามไปด้วย จนผมต้องยื่นคำขาดว่าให้มันรออยู่ที่ห้องถึงยอมฟัง แต่ก็แอบมีอาการปั้นปึงพอให้เห็นว่างอน
ผมจูบหน้าผากเนียนเบาๆ ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วกลับเข้ามานอนกอดมันบนเตียงแล้วหลับในที่สุด
.
.
.
.
.
ตอนนี้บรรยากาศในห้องนี่เงียบได้ที่เลยครับ เพราะนอกจากปลุกผมให้ตื่นมากินข้าวเช้าแล้วมันยังไม่ยอมพูดอะไรกับผมสักคำ หน้าบึ้ง หน้างอเหมือนจวัก ทำอะไรโล้งเล้งๆ จนผมขำกับท่าทางของมัน ก็ว่าจะง้ออยู่หรอกนะ แต่ขอดูท่าทีก่อน อยากรู้ว่าจะงอนไปได้สักแค่ไหน ดูๆ ไปแล้วก็ตลกดี
“งั่มๆ” หึหึ กัดไส้กรอกแรงจนฟันจะหลุดออกมาอยู่แล้วนั่นน่ะ
ผมก็ยังไม่ง้อ นั่งกินข้าวเช้าไปเรื่อยๆ จนหมด มันก็เดินปึงปังเข้าไปในห้องนอน ผมขำตามหลังไปล้างจานที่มันวางทิ้งไว้จนเสร็จ ก่อนจะเดินตามมันเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นว่าไอ้คนงอนมันนั่งหน้าตูมอยู่บนเตียง
“ไปอาบน้ำไป” ผมบอกเสียงปกติ มันสะบัดหน้าหนี “เร็ว. . .ถ้าช้าไม่พาไปนะ” ผมพูดต่อ มันเริ่มมีปฏิกิริยานิดหน่อย แต่ก็ยังไม่หันมามองผมอยู่ดี ผมก็เลยใช้ไม้เด็ดที่คิดว่ายังไงๆ มันก็ต้องยอมหันมาหาผมแน่ๆ “เฮ้อ. . .กะว่าวันนี้จะตามใจพาไปช็อปปิ้งสักหน่อย แต่ดูเหมือนคนแถวนี้จะไม่อยากไปซะแล้ว”
“พูดแล้วนะ!!” มันโพล่งขึ้นมาทันที ผมแอบขำในลำคอเล็กน้อย
“เออ” ผมตอบรับ
“ซื้อรองเท้าใหม่ กระเป๋าใหม่ด้วยนะ”
“เออออ”
“เสื้อผ้าด้วย”
“ครับๆ”
“แล้วก็. . .” มันกำลังจะพูดอีก แต่ผมขัดซะก่อน
“ค่อยไปเลือกที่ห้างเลย บอกแล้วว่าวันนี้จะตามใจ”
“ขอบคุณน้าาาา น่ารักที่สุดดดด” มันเดินยิ้มกว้างเข้ามาหาผมอย่างอารมณ์ดี เอาแขนคล้องคอหอมแก้มผมทั้งสองข้าง ก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที
อันที่จริงไอ้ฟ่ามันไม่ใช่คนที่จะช็อปเก่งอะไรหรอก ออกจะนานๆ ครั้งด้วยซ้ำ แต่ช็อปทีๆ หนึ่งก็เล่นเอากระเป๋าแฟบเหมือนกัน ส่วนมากเวลาซื้อมันก็จะใช้เงินตัวเอง ไม่ค่อยใช้เงินผมหรอก ยกเว้นว่าเวลาที่ผมอยากจะตามใจก็ใช้เงินผมบ้าง อย่างเช่นครั้งนี้ ดูท่าว่าเดือนนี้บิลบัตรเครดิตมาอาจจะมีตกใจกันบ้าง
อ้อ. . .เงินที่ผมใช้เลี้ยงแฟนนี่ไม่ใช่เงินพ่อแม่ผมหรอก ก็เงินผมเองทั้งนั้น ได้มาจากเงินปันผมประจำปีที่บริษัทพ่อที่แอบมีหุ้นอยู่นิดหน่อย ปีๆ หนึ่งก็หลายล้าน เงินที่ผมเล่นหุ้นบ้าง และเงินเวลาที่ไปแข่งรถเวลาไอ้พวกเพื่อนๆ มันชวนบ้าง เงินผมก็จะแบ่งสันปันส่วนกันชัดเจน ส่วนไหนเก็บ ส่วนไหนใช้ ผมไม่ใช่คนที่จะฟุ่มเฟือยอะไร เพราะฉะนั้นการที่จะใช้เงินพ่อแม่เลี้ยงแฟนมันไม่ใช่เรื่อง ถ้ายังไม่มีเงินเป็นของตัวเองก็ไม่สมควรหรอกที่จะไปทำตัวหน้าใหญ่เลี้ยงคนอื่น
“ไปกันๆ” ไอ้ฟ่าที่ออกจากห้องน้ำและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วรีบกระโดดเกาะผมทันที ผมเองก็ไปอาบมาจากอีกห้องนึงแล้วเหมือนกัน
ผมแบกลูกลิงที่เกาะหลังอยู่มาหยิบเงิน หยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกจากห้อง
ตุ้บ!!
เสียงลูกลิงกระโลงจากหลังผม พอพ้นเขตห้องมา
“อ้าว นึกว่าจะเกาะจนถึงรถ” ผมแกล้งถาม
“บ้าหรอ อายเขา” มันว่าเสียงอุบอิบ หน้าแดงหน่อยๆ ผมยิ้มมุมปากเมื่อเห็นอาการมัน ก่อนจะเดินไปกอดคอมันให้เดินไปด้วยกัน
.
.
.
.
.
“แฮ่กๆ. . .ช่วยถือหน่อย” ไอ้ฟ่าว่าพร้อมกับชูของในมือมันทั้งสองมือให้ผมช่วยถือ เพราะตอนนี้ผมเดินตัวปลิวส่วนมันก็ถือของพะรุงพะรังเต็มมือไปหมด กระเป๋ากูนี่เบาเลย
“กูก็จ่ายให้แล้วไง” ผมแกล้งพูด มันหน้างอ ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้แถวนั้นทันที
“มันหนักอ่ะ หนักๆๆๆ” มันปล่อยถุงของลงกับพื้น ก่อนจะบอกเสียงงอแง ผมตามไปนั่งข้างมันเอามือมันมาดู แดงเลย
“ใครใช้ให้ซื้อเยอะล่ะ” แกล้งว่ามันอีก
“ก็นานๆ ที” มันบอกเสียงอ้อมแอ้ม จะโทษมันคนเดียวก็ไม่ถูกเพราะผมเองก็ตามใจมันเหมือนกัน เชื่อเถอะ เป็นใครก็ต้องตามใจ เวลาเห็นมันทำตาละห้อยอยู่หน้าร้านแต่ไม่กล้าเข้าไปมันน่าสงสารน้อยซะเมื่อไหร่
“ไปกินข้าวกัน” ผมชวน มือก็รวบถุงช็อปปิ้งมาถือเองทั้งหมด มันก็ยิ้มแป้นเข้ามาเกาะแขนผมทันที
“กินอาหารญี่ปุ่นนะ” มันว่า ผมก็พยักหน้าตามใจ บอกแล้วว่าวันนี้จะตามใจมันทั้งวัน เพราะงั้นอาหารญี่ปุ่นก็อาหารญี่ปุ่น
“กี่ท่านคะ” พนักงานประจำร้านถามหลังจากที่เห็นว่าเราสองคนเดินเข้ามาในร้าน
“สองครับ” ไอ้ฟ่าเป็นคนตอบ พนักงานก็พาเราไปนั่งโต๊ะสำหรับสองคน เรานั่งลงตรงข้ามกัน ก่อนที่ไอ้ฟ่าจะเป็นคนสั่งอาหารเองทั้งหมด มันสั่งเผื่อผมได้เลยเพราะมันรู้ดีอยู่แล้วว่าผมชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร เพราะผมมันเป็นพวกกินได้ทุกอย่าง อยู่ที่ชอบไม่ชอบแค่นั้นเอง และโชคดีที่ไอ้ฟ่าเป็นคนช่างสังเกตมันถึงสามารถรู้ในเวลาอันรวดเร็วว่าผมชอบกินอะไรเป็นพิเศษ รอสักพักอาหารที่สั่งก็มาครบ “เห็ดอร่อยอ่ะ” มันบอกพร้อมกับคีบเห็ดเข็มทองมาใส่ในจานผม ผมก็คีบมากินทันที
“อืม. . .อร่อย” ผมตอบรับยิ้มๆ เพราะเห็นว่ามันทำหน้าลุ้นอย่างกับว่าเป็นคนไปช่วยเขาทอดเองกับมือ พอได้ยินผมบอกว่าอร่อยก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คีบใส่จานให้ผมไม่หยุด
“ขอโทษนะคะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา ผมกับไอ้ฟ่าเงยหน้าจากการแย่งกันกินอาหารตรงหน้าขึ้นมามองทันที
“ครับ?” ไอ้ฟ่าขานรับ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หันไปมองมัน กลับหันมาหาผมแทน
“คือว่าเพื่อนหนูชอบพี่น่ะค่ะ ขอเบอร์ได้มั้ย” น้องมันพูด ดูแล้วไม่มีท่าทางของความเขินอายสักนิด ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะยังอยู่มัธยมด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะกล้าถึงขนาดนี้
“เพื่อนน้องคนไหน” ไอ้ฟ่าถาม
“คนนั้นค่ะ” น้องชี้ไปที่ผู้หญิงอีกคนใส่ชุดสีชมพูนั่งโต๊ะเยื้องๆ กัน ดูสวยน่ารักดี แต่ผมไม่สนใจอยู่แล้ว
“น้องไปบอกเพื่อนน้องให้มาขอเองสิ” ไอ้ฟ่าบอกอีก ผมขมวดคิ้วสงสัย ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร
“ค่ะ” น้องรับคำแล้วรีบเดินไปตามเพื่อนทันที
“จะทำอะไรน่ะ” ผมเลิกคิ้วถาม เอาจริงๆ ไม่ได้เป็นห่วงผู้หญิงพวกนั้นหรอก ผมแค่อยากรู้ว่ามันจะทำยังไงกับสถานการณ์ที่มีคนมาจีบผมต่อหน้าต่อตามันต่างหาก แต่มันไม่ตอบ ยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้ผมแค่นั้น ไม่ทันที่ผมจะได้ซักอะไรต่อ น้องผู้หญิงสองคนนั้นก็มาถึงที่โต๊ะผมพอดี
“น้องหรอครับที่จะขอเบอร์มัน” ไอ้ฟ่าถามน้องชุดชมพูคนนั้น
“เอ่อ. . .ค่ะ” น้องพยักหน้าตอบรับเขินๆ หน้าแดงแปร๊ด ดูขี้อายกว่าเพื่อนคนที่เข้ามาขอเบอร์ผมคนแรกมาก
“แล้วน้องรู้มั้ยครับว่าพี่สองคนเป็นอะไรกัน” มันถามเสียงนิ่ง น้องสองคนนั้นเริ่มเลิกลั่ก
“เอ่อ. . .ก็ พะ. . .เพื่อนกันไงคะ” น้องชุดชมพูตอบเสียงสั่น
“หึหึ น้องครับพี่จะบอกอะไรให้นะ. . .ทีหลังน่ะเวลาเห็นผู้ชายสองคนมาด้วยกันอย่าเพิ่งด่วนสรุปสิว่าเขาเป็นเพื่อนกันอย่างพี่สองคนนี่. . .” มันชี้ที่ตัวมันก่อนที่จะชี้มาที่ผม “. . .แฟนกัน”
“เอ่อ. . .”
“เข้าใจนะครับ” พูดพร้อมยิ้มหวานให้น้องเขาเป็นของแถม
“อะ. . เอ่อ. . .ขะ. . .เข้าใจค่ะ. . .ขอโทษค่ะ” ดูเหมือนน้องชุดชมพูช็อคไปแล้วเพราะมีแต่เพื่อนอีกคนที่ตอบรับแล้วลากเพื่อนออกไปจากตรงนี้ พอลับร่างน้องเขาไปแล้ว ไอ้ตัวดีก็ขำใหญ่เลย
“ไปแกล้งเขา” ผมว่ายิ้มๆ
“เออดิ ดูไม่ออกไงวะว่าเราสองคนเป็นอะไรกันหรือกูแสดงออกไม่มากพอ” มันว่าทำหน้าคิด จริงจังมาก
“หึหึ ช่างเขาเถอะน่า” ผมบอกอีก ที่น้องเขาหรือคนอื่นๆ จะดูไม่ออกก็ไม่แปลก เพราะไอ้ฟ่ามันค่อนข้างจะเป็นคนเก็บอาการ คือถ้าปกติเกย์ที่ยืดอกว่าเป็นรับและออกสาวขนาดนี้ คนอื่นมองปราดเดียวก็จะดูออกทันที แต่กับไอ้ฟ่าจะไม่ใช่ มันจะไม่ค่อยออกสาวอะไรมากถ้าอยู่ข้างนอกแบบนี้ แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนมัน กับคนที่สนิทด้วยหรือกับผมพี่แกจะเต็มที่มาก ไม่มีการเก็บอาการอะไรทั้งสิ้น มีเท่าไหร่ใส่เต็มตลอด
“อิ่ม” มันพูดพร้อมลูบท้องตัวเองไปด้วยหลังจากที่วางตะเกียบ ส่วนอาหารบนโต๊ะ แน่นอนว่าฟาดเรียบไม่เหลือแม้แต่เห็ดสักเส้น
“ก็กินซะขนาดนั้น” ที่พูดนี่ไม่ได้เกินจริงเลย อาหารบนโต๊ะกว่าหกสิบเปอร์เซ็นฝีมือมันจัดการทั้งนั้น
“ชิ เดี๋ยวพาไปไหนต่อ มึงยังไม่บอกเลย” มันถามเหมือนนึกขึ้นได้เพราะว่าก่อนออกจากคอนโดผมบอกมันว่ามีที่หนึ่งที่จะพามันไปหลังจากเที่ยวเสร็จแล้ว
“ความลับ ถึงแล้วก็รู้เอง” ผมยักคิ้วบอก มันเบะปากใส่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ที่ที่ผมจะพามันไปนี้ถือว่าเป็นที่สำคัญสำหรับผม และสำคัญสำหรับมัน การที่ผมพามันไปที่นั่นก็เป็นเหมือนการให้เกียรติมันด้วย ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นยังไม่บอกก่อน ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส
.
.
.
.
.
.
ตอนแรกว่าจะให้ครบร้อยก่อนค่อยอัพ แต่ว่าไม่อยากทิ้งช่วงนานเกินเลยมาอัพก่อนดีกว่า ตอนนี้พี่คีนกับฟีฟ่ากลับมาครองกระทู้แล้ว อยากรู้มั้ยว่าพี่คีนจะพาไปไหน ได้รู้แน่กับอีก 40% ที่เหลือค่ะ
ขอให้สนุกกับการอ่าน
เจอกันตอนหน้าค่าา