[16]
PART 2
“ในที่สุดดดดด โว้วววว อิสระแล้วครับน้องๆ” พี่กรตะโกน กู่ร้อง (?) แล้วกระโดดกอดพี่เท็นเหวี่ยงไปมา พวกพี่ปีสองรวมถึงปีหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นปีสองอย่างพวกผมโห่ให้กับความไม่แคร์สื่อของพี่แก ส่วนพี่เท็นที่ปกติถ้าพี่กรถึงเนื้อถึงตัวออกสื่อพี่แกก็จะระดมทั้งมือทั้งตีนใส่ทันที แต่เวลานี้พี่แกเพียงแค่ยิ้มๆ แล้วลูบหัวพี่กรด้วยความเอ็นดูเท่านั้น เล่นเอาพี่กรยิ้มกว้างกว่าเดิมล้านเท่า (?) มีการหันมายักคิ้วสองจึ้กอวดพวกผมอีก หึหึ แบบนี้แหละพวกไม่ค่อยได้หวานกับเมีย ได้ทีนี่ต้องอวด
ที่พี่กรรวมถึงผมและคนอื่นๆ ดีใจจนต้องโห่ร้องขนาดนี้เพราะว่าการเตรียมงานรับน้องของคณะเราเป็นไปได้ด้วยดี หลังจากตะลุยแบบไม่พักเลยเป็นเวลาสิบวัน =__=;;;
“แบบนี้ต้องฉลองดิพี่” พี่กานต์ (พี่รหัสผม) ร้องบอก คนอื่นๆ ก็ตะโกนว่าเห็นด้วยทันที
“ร้านหลังมอก็โอเคนะเว้ยไอ้กร ปิดร้านเลี่ยงเลยป๋า” พี่ปีสามคนหนึ่งเสนอความคิดเห็น ถ้าดูจากคำพูดอย่างเดียวคงนึกว่าคนพูดเป็นผู้ชาย แต่ที่จริงแล้วคนพูดนี่ผู้หญิงครับ สวยด้วย แต่อย่างว่าสาววิศวะสวยห้าวอย่าบอกใคร
“เออ ว่าไงว่าตามกัน สรุปร้านหลังมอสองทุ่ม ไปกันทุกคนนะเว้ย ส่วนตอนนี้แยกย้ายกันก่อน” พี่กรสรุป
“ต้องให้พี่ขออนุญาตไอ้คีนให้มั้ย” พี่กรเดินเข้ามาถามผมยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวจัดการเอง” ผมบอก ยักคิ้วให้แกทีนึง
“เออๆ ถ้ามีไรให้ช่วยบอกได้นะเว้ย” พี่แกตบบ่าให้กำลังใจผมสองสามที ก่อนจะเดินเคียงคู่กับพี่เท็นออกไปจากที่นี่
ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น พวกผมสามคน ผม ไอ้คิม ไอ้ออม เลยตกลงกันว่าจะไปกินข้าวเย็นกันก่อน กลับไปพักผ่อนเอาแรง แล้วค่อยไปเจอกันที่ร้านเลย ตอนแรกชวนไอ้แม็กซ์ ไอ้มิกซ์ ไอ้ไอซ์ไปด้วย แต่มันสามคนขอบาย สองคนแรกให้เหตุผลว่าเลี้ยงกันในคณะมันเกรงใจ ก็นั่นแหละเด็กสถาปัตย์จะให้มาอยู่ในดงวิศวะก็ยังไงๆ อยู่ ส่วนไอ้ไอซ์ รายนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคณะหรอกครับ ติดแฟนล้วนๆ
“มึงจะให้กูไปส่งที่ไหน?” ไอ้คิมถามผมที่นั่งแชทกับไอ้คีนอยู่ที่เบาะหลัง หลังจากที่เรากินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้ว ผมคิดเล็กน้อยว่าจะไปที่ไหนดี คอนโด บ้านพ่อแม่ หรือว่าบ้านข้างมอ
“คอนโดไอ้คีนก็ได้ ไม่ไปหลายวันแล้ว ไปดูสักหน่อย มะรืนนี้เจ้าของมันกลับมาแล้ว” ผมบอก ไอ้คิมพยักหน้ารับรู้แล้วตรงไปที่คอนโดทันที
พอถึงคอนโดผมก็เข้ามาข้างใน แล้วตรงเข้าไปในห้องนอนทันที แปดวันแล้วที่ผมไม่ได้มาที่นี่ นั่นก็หมายความว่าไอ้คีนเองก็กลับไปที่บ้านมันได้แปดวันแล้วเหมือนกัน ระหว่างที่มันอยู่ที่สงขลา ผมอยู่กรุงเทพ เราสองคนคุยกันทุกวัน แชททุกเวลาที่ว่าง โทรคุยกันเช้า เที่ยง เย็น และก่อนนอนก็สไกป์ พูดถึงเรื่องสไกป์แล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะในทุกๆ คืน ไอ้คีนมันจะไม่ยอมปิดสไกป์จนกว่าผมจะหลับ บางวันไม่ปิดจนเช้าเลยก็มี ถ้าวันไหนผมเหนื่อยมากๆ จะมีบริการเล่นกีตาร์ให้ฟังเป็นการกล่อมนอน ถ้าผมจะนิสัยเสียเพราะมีคนเอาใจขนาดนี้ ไม่ต้องไปโทษใครเลย โทษมันนั่นแหละ
แต่ก่อนที่จะคิดเรื่องอื่น ตอนนี้คิดว่าจะบอกไอ้คีนยังไงเรื่องที่ต้องออกไปฉลองข้างนอกคืนนี้ดีกว่า ไม่ใช่ว่าพอมันไม่อยู่แล้วผมไม่ได้ออกไปไหน หรือมันห้ามอะไรหรอก ผมก็ออกไปกับเพื่อนตามปกติ แต่ครั้งนี้ที่ไปมันไปกันเกือบทั้งหมด เรียกว่าปิดร้านเลี้ยงเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าพี่นัทเอง. . .ก็ไปด้วย ผมเลยไม่รู้ต้องบอกมันยังไง แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เพราะหลังจากที่ผมพูดปฏิเสธไปตรงๆ พี่นัทเองก็เหมือนจะเข้าใจ ไม่ได้เข้าหาหรือมีท่าทีอะไรมากมาย เรื่องรูปที่ส่งไปให้ไอ้คีนวันนั้น ทั้งผมทั้งมันก็ลืมๆ กันไปแล้วด้วย
Rrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะที่ผมตั้งไว้ ทำให้ความคิดชะงักทันที เพราะไอ้คนที่ผมกำลังคิดถึงนั่นแหละ โทรเข้ามาพอดี ผมทิ้งตัวลงนอนกลิ้งบนเตียงก่อนจะกดรับ
“ว่าไง”
((อยู่ไหน?)) ผมหลุดยิ้มออกมานิดหน่อย นี่มักจะเป็นคำถามแรกที่มันถามหลังจากที่ผมรับสายมันเสมอ มันทำจนกลายเป็นเรื่องปกติ และผมชินแล้วที่จะต้องตอบคำถามนี้ของมันเป็นคำตอบแรก
“คอนโด”
((อืม. . .เป็นไงบ้างวันนี้)) ถ้าคำถามว่า ‘อยู่ไหน?’ เป็นคำถามแรก นี่ก็จะเป็นคำถามที่สองเสมอเหมือนกัน ผมก็เล่าเหตุการณ์ประจำวันปกติ วันนี้ทำอะไรบ้าง ไปเจออะไรมาบ้าง เหนื่อยยังไงบ้าง สลับกับมันเองที่เล่าให้ผมฟังเหมือนกันว่าวันนี้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง กินอะไรบ้าง ดูแล้วความเป็นไปของชีวิตเราช่วงนี้จะต่างกันเยอะฉิบหาย เพราะมันเที่ยว กิน ช็อป ส่วนผม ทำงานๆๆ และทำงาน อ้ากกกก กูอยากตาย
“คีน. . .” ผมเรียก หลังจากที่เราต่างคนต่างเงียบ เรียกว่าคุยกันจนไม่มีอะไรจะคุย แต่ก็ยังไม่มีใครอยากวางเท่านั้นเอง
((หืม?)) มันขานรับ ให้ตายเถอะ ผมใจสั่นทุกครั้งที่มันขานแบบนี้ มันดูละมุนๆ เอ็นดูๆ ยังไงไม่รู้ มันก็แก่กว่าผมแค่สองปีเองนะเอาจริงๆ แต่มันดูเอ็นดูผมมากอ่ะ หรือผมคิดไปเอง?
“คือว่า. . .คืนนี้”
((จะออกไปเที่ยว?)) มันถามอย่างรู้ทัน แต่รู้ไม่หมดนี่สิ
“อืม. . .ไปกับพวกพี่กร แล้วก็พี่ๆ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ด้วย” ผมรีบบอก
(หืม?))
“อะ. . .เอ่อ” ให้ตาย ทำไมกูเกร็งขนาดนี้วะ อย่าเรียกว่ากลัว เรียกว่าเกรงใจดีกว่า คริคริ
((หึหึ ไปสิ))
“ห๊ะ?” คือ. . .ทำไมง่ายจังวะ
((กูบอกว่าไปสิ แต่ดูแลตัวเองด้วย อย่าให้เกิดเรื่อง)) มันย้ำ
“โอเค!!” ผมรีบตอบรับอย่างยินดีทันที เพราะการขอไปเที่ยวครั้งนี้มันง่ายกว่าที่คิด หลังจากนั้นมันก็สั่งๆ ผมอีกหลายอย่าง ผมก็ครับๆ เออ-ออ ไปกับมัน คุยกันสักพักก็ต้องวางสายเนื่องจากแม่มันเรียกให้ไปกินข้าว แต่ก่อนวางก็ยังไม่วายย้ำผมให้โทรหามันหลังกลับจากเที่ยวอีกรอบ
พอใกล้ถึงเวลานัด ผมก็อาบน้ำ แต่งตัว เตรียมตัวออกไป วันนี้คงต้องใช้บริการแท็กซี่ เพราะไอ้คิมกลับไปบ้านพ่อแม่มัน ถ้าให้ต้องมารับที่นี่อีกก็เสียเวลาเปล่าๆ
“อยู่ไหนวะ?” ผมถามไอ้คิมที่อยู่ปลายสาย เพราะตอนนี้ผมมาถึงร้านแล้ว แต่ไม่อยากเดินเข้าไปข้างในคนเดียว
((ถึงแล้ว มึงอยู่ไหน)) มันว่า
“กูก็ถึงแล้วเนี่ย เออๆ กูเห็นมึงแล้ว” ผมบอก เพราะเห็นรถมันเลี้ยวเข้ามาพอดี
((เออ กูก็เห็นมึงแล้ว)) มันว่าอย่างนั้น ผมยืนอยู่ที่เดิม เห็นไอ้คิมลงจากรถมาพร้อมกับอีออม มันสองคนตรงเข้ามาหาผมทันที แล้วเราทั้งสามคนก็เข้าไปในร้านพร้อมกัน
“มาแล้ว นั่งนี่เลยน้องๆ” พี่กรเรียกผมสามคนให้ไปนั่งโต๊ะเดียวกับพี่แก ซึ่งมีพี่เท็น และพี่ปีสามอีกสาม-สี่คน ผมหันไปสวัสดีพวกพี่ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับพี่เท็น ซึ่งเว้นไว้สามที่อย่างกับจงใจ
“ปิดร้านเลี้ยงเลยหรอพี่ ทุ่มว่ะ” ผมแซวเพราะหันไปดูรอบๆ ก็มีแต่เด็กคณะผม มอผมทั้งนั้น ไม่มีนักเที่ยวคนอื่นๆ ปะปนสักนิด ตอนแรกนึกว่าเรื่องปิดร้านเลี้ยงนี่จะล้อเล่นซะอีก พี่กรยักคิ้วอวดๆ อย่างที่แกชอบทำ ก่อนจะส่งแก้วเหล้าผสมโค้ก ที่ดูแล้วเหล้ามันช่างเบาบาง จนเหมือนกินโค้กใส่น้ำแข็งปกติ
“โหยพี่ ขอเข้มๆ กว่านี้หน่อยดิ” ผมร้องบอก หลังจากจิบไปนิดหนึ่งก็พบว่ามันไม่ต่างอะไรจากน้ำโค้กที่ไม่ผสมเหล้าสักนิด
“มันเปรี้ยวจริงเว้ยเด็กนี้ อย่าให้เมามากนะเว้ย เดี๋ยวกูจะตายคาตีนแฟนมึง” พี่กรว่าขำๆ ผมยักไหล่ ก่อนจะคว้าแก้วใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม (เพราะเข้มกว่าแก้วแรก) มาดื่ม รวดเดียวหมดแก้ว
“เบาหน่อยสิวะ เดี๋ยวก็เมาไม่ทันไรหรอกมึง” ไอ้ออมสะกิดเตือน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
หลังจากนั้นเราก็นั่งดื่มกันเรื่อยๆ ลุกขึ้นไปเต้นบ้าง แต่ผมไม่ได้สีกับใครหรอกนะ ออกไปเต้นก็ออกไปกับพวกไอ้คิมอีออมนี่แหละ จนเหนื่อยแล้วรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเซๆ เลยกลับมานั่งดื่มที่โต๊ะตามเดิม
“ไงเรา เซเชียว” พี่เท็นแซว
“หึหึ นิดหน่อยพี่” ผมตอบรับ เพราะรู้ตัวเองว่าเริ่มเมานิดๆ แล้ว แต่มือนี่ยังกระดกเหล้าเข้าปากไม่หยุด
“มึง กูไปห้องน้ำก่อนนะ” ผมหันไปสะกิดบอกไอ้คิม เพราะเริ่มรู้สึกต้องการเอาน้ำเสียออกจากร่างกาย เนื่องจากรับเข้าไปเยอะ
“เออ ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย” ไอ้คิมถาม มันเป็นหนึ่งในไม่กี่คนล่ะมั้ง ที่ยังดูมีสติ (แต่ไม่มากเท่าไหร่) ผมสั่นหน้า ห้องน้ำแค่นี้เอง ผมไปได้สบายอยู่แล้ว ร้านนี้เองก็คุ้นเคย
ผมเดินเป๋ๆ ไปเข้าห้องน้ำ ประคองตัวเองทำธุระจนเสร็จ ก็ออกมาล้างหน้าที่เคาน์เตอร์ห้องน้ำ เพื่อเรียกสติให้ตัวเอง แต่ตอนที่ผมกำลังสาดน้ำเข้าหน้าตัวเองอยู่นั้นก็รู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามา จากตอนแรกที่มีผมเข้าแค่คนเดียว ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าผู้มาใหม่คือใคร
“พี่นัท. . .”
“ครับ. . .พี่เอง. . .ทำไมครับ? น้องฟ่าไม่อยากเจอพี่หรอ” พี่แกก้าวเข้ามาหาผมช้าๆ ทำไมผมรู้สึกว่าหน้าตาพี่แกมันน่ากลัว ดูโรคจิตๆ ไม่น่าไว้ใจชอบกล จนผมต้องพลิกตัวเพื่อมาเผชิญหน้ากัน เพราะอย่างน้อยต่อหน้า ผมก็อาจจะรับมือได้ดีกว่า แต่ไอ้อาการเวียนหัวเพราะฤทธิ์เหล้าของผมนี่สิ ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคสำหรับผมไม่น้อย
“เปล่าครับ พี่นัทมาเข้าห้องน้ำหรอ งั้นตามสบายครับ ผมเสร็จพอดี” ผมบอก และกำลังจะก้าวออกจากห้องน้ำ แต่ต้องชะงักเมื่อพี่นัทขยับเข้ามาประชิดตัวผมเร็วมาก กางแขนทั้งสองข้างคร่อมผมเอาไว้จนไม่สามารถขยับไปไหนได้
“จะรีบไปไหนล่ะครับ ทำไม? รังเกียจพี่ขนาดนั้นเลยรึไง” พี่นัทพูดเสียงเย็น ทำเอาผมขนลุกซู่ อยากจะออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ให้ตายเถอะ!! ทำไมเวลาแบบนี้ถึงไม่มีใครนึกอยากจะเข้าห้องน้ำกันเลยรึไง
“เปล่าครับ แต่ผมกำลังจะกลับแล้ว” ผมบอก
“จะรีบไปไหน อยู่สนุกกับพี่ก่อนสิ” พี่นัทพูด พร้อมกับมือใหญ่ที่คว้าเอวผมทันที มืออีกข้างก็เกลี่ยแก้มผมทำให้ต้องเบี่ยงหน้าหนีทันทีอย่างนึกรังเกียจ
“พี่นัท!! ปล่อยผมนะเว้ย ปล่อย!!” ผมร้อง พยายามดิ้นสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนไม่ขยับเลยสักนิด นึกโกรธตัวเองที่ดื่มเยอะ เมาแอ๋จนทำอะไรไม่ได้อย่างใจ
“หึหึ ปล่อยให้โง่สิ!! รู้มั้ยว่ากว่าจะได้จังหวะเหมาะๆ มันนานแค่ไหน!! ไอ้เหี้ยกรนั่นทำตัวเป็นไม้กันหมาแสนซื่อสัตย์ หึ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น มาสนุกด้วยกันเถอะ” พี่แกตะคอกเสียงดัง ก้มหน้าเข้ามาทำท่าจะจูบผม
“ปล่อย!! ไม่นะ อย่าทำแบบนี้นะเว้ย กูสู้นะไอ้สัด!!” ผมดิ้นสุดชีวิต เบี่ยงหน้าหนี ไม่ให้ริมฝีปากเราสัมผัสกัน ไม่ได้!! ผมจะให้คนอื่นสัมผัสผมนอกจากแฟนผมไม่ได้
“อย่าดิ้นสิวะ!!” ดูเหมือนว่าพี่แกจะเริ่มโมโห เพราะมือที่โอบเอวผมอยู่กระชับแน่นขึ้น มืออีกข้างก็บีบคางผมให้เงยขึ้นรับสัมผัสที่น่าขยะแขยงนั่น แต่เชื่อเถอะ ผมไม่ยอมหรอก พยายามเบี่ยงหน้าหนีสุดชีวิต มันเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ซอกคอผมแทน
!!!
ความเจ็บจี๊ดที่ซอกคอ ทำให้ผมน้ำตาเกือบเล็ด ต้องเป็นรอยแน่ๆ ถ้ามันเป็นรอยผมจะทำยังไง ผมปล่อยให้ตัวผมมีรอยของคนอื่นได้ไง!!
“ปล่อยนะ!! ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย!!” ผมดิ้นสุดแรง มันจะต้องไม่ได้สัมผัสผมไปมากกว่านี้ ไม่ได้!! ไม่ได้!!
“โธ่เว้ย!!”
ตุ้บ!!
“อึ่ก”
ผมร้องด้วยความจุก เมื่อไอ้พี่นัทมันต่อยเข้าที่ท้องผมเต็มแรงจนตัวงอ
“หึ ฤทธิ์มากนักนะ” มันพูด หน้าตาหล่อเหลานั่นไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกขยะแขยงที่มีต่อสัมผัสของมันลดน้อยลงเลย แต่ผมทำอะไรมันไม่ได้ อยู่ๆ ร่างกายของผมก็อ่อนแรงลง รู้สึกว่ามันเหนื่อย แม้แต่จะประคองตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ไอ้เลวนี่มันทำอะไรกับร่างกายผมงั้นหรอ!!
“หึหึ กว่ายาจะออกฤทธิ์ เล่นซะฉันเหนื่อยไปเหมือนกันนะ” มันแสยะยิ้มพูด
“ยะ. . .ยา. . .ยาอะไร” ผมถาม ให้ตาย ทำไมเสียงกูเบาขนาดนี้วะ ตอนนี้ผมแทบทรุดลงไปกับพื้นห้องน้ำอยู่แล้ว มีแค่มือข้างเดียวที่พยายามยันประคองตัวกับเคาน์เตอร์ล้างหน้าไว้
“ไม่ต้องห่วง ไม่อันตรายหรอก ก็แค่ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรงก็เท่านั้นเอง” มันบอก ริมฝีปากก็แสยะยิ้มชั่วร้ายอย่างที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นจากรุ่นพี่ที่ผมเคยคิดว่าดี
“ไอ้เลว ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!” ผมตะคอก แต่เสียงที่ออกมากลับเบามาก เดาว่าแม้แต่เด็กสามขวบมาได้ยินก็ไม่มีทางกลัว
“หึ กว่าจะได้ ปล่อยให้โง่สิ” มันบอกก่อนจะดันผมเข้าไปในห้องน้ำ ผลักผมให้นั่งลงกับชักโครก ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะขัดขืนอะไรสักอย่าง เพราะแม้แต่แรงจะพูด ยังไม่มีเลย มันผลักผมให้พิงไปกับผนังห้องน้ำ มือเลวๆ ก็แกะกระดุมเสื้อผมทีละเม็ดช้าๆ ปากมันก็ไซ้ ดูดไปทั่ว
ผมทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆ อยากจะขัดขืน อยากจะต่อย อยากจะถีบ อยากจะฆ่ามันให้ตาย แต่ให้ตาย!! ผมกลับทำอะไรมันไม่ได้สักอย่าง!! สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้ก็แค่ภาวนา. . .ภาวนาให้มีคนมาช่วย
คีน. . .ช่วยกูด้วย กูไม่อยากเป็นของคนอื่น
ช่วยกูด้วย. . .“ไอ้ฟ่า!! อยู่ไหนวะ!! ไหนว่ามาเข้าห้องน้ำแป็บเดียวไง”
ไอ้คิม!! เสียงไอ้คิมผมจำได้ ผมพยายามขยับตัวเองอีกครั้ง ตะเบ็งเสียงเรียกมันให้ดังเท่าที่จะดังได้ ไม่รู้ว่ามันจะได้ยินหรือเปล่า
ปังๆ!!
“ไอ้ฟ่า อยู่ในห้องนี้รึเปล่าวะ ตกถังส้วมหรือไง” ไอ้คิมทุบประตูห้องที่ผมกับไอ้พี่นัทอยู่พอดี ไอ้พี่นัทหน้าเสีย ส่วนผมก็พยายามส่งเสียงร้องเรียกไอ้คิมให้ดังที่สุด ไอ้พี่นัทมันตกใจรีบตะครุบปากผมทันที
“เงียบ!!” มันว่าเสียงเข้ม ผมพยายามดิ้นอีกครั้ง
“อ้ากกกกกก” ไอ้พี่นัทมันร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อผมกัดเข้าไปที่มือมันเต็มแรง จนมันสะบัดมืออกจากปากผมนั่นแหละ ผมสูดหายใจ ใช้แรงเฮือกสุดท้ายปลดล็อกกลอนห้องน้ำ
“เฮ้ย!! ไอ้ฟ่า” ไอ้คิมร้องอย่างตกใจรีบคว้าตัวผมไว้ เมื่อผมทรุดลงตรงหน้ามัน
“ช่วยด้วย” ผมบอกมันเสียงแผ่ว ไอ้คิมมองเลยตัวผมไปที่ไอ้พี่นัทข้างหลัง ไอ้เลวนั่นพอได้สติก็ทำท่าจะหนีออกไป แต่พวกพี่กรที่ไม่รู้มาจากไหนเข้ามาซะก่อน
“ไอ้เหี้ย!! มึงทำอะไรน้องกู!!” พี่กานต์ตะคอกพร้อมกับหมัดลุ่นๆ ต่อยเข้าไปที่หน้าไอ้พี่นัททันที ไม่รอช้า พี่กานต์กับพี่กรใส่เข้าไปอีกหลายหมัด จนไอ้พี่นัทไม่สามารถสู้ได้ สภาพสะบักสะบอมลงไปกองกับพื้น
“รีบพาไอ้ฟ่าออกไปจากตรงนี้ก่อน” พี่กานต์บอก พวกพี่ๆ พากันประคองผมให้ออกไปจากห้องน้ำ
“ไอ้คิม!! ไอ้ฟ่าเป็นไร” ไอ้ออมที่นั่งอยู่กับพี่เท็นที่โต๊ะลุกขึ้นมาช่วยไอ้คิมประคองผมทันทีที่เห็น
“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง พามันกลับบ้านก่อน” ไอ้คิมบอกแค่นั้นก่อนที่ทั้งไอ้คิมไอ้ออมและพวกพี่ๆ บางส่วนจะพาผมกลับบ้าน
>>>>><<<<<
"พี่กร. . .คือฟ่า” ผมที่นอนอยู่บนเตียงที่บ้านข้างมอ พูดกับพี่กรแผ่วเบา
“อย่าเพิ่งพูดอะไร รอบอกไอ้คีนเองดีกว่า” พี่กรพูด ผมรีบส่ายหน้าทันที
“อย่าบอกไอ้คีนนะ. . .ฟ่าขอร้อง” ผมพูดอีก ไม่ได้อยากปิดบัง แต่ก็ไม่อยากบอก ผมไม่ต้องการให้มันรู้ว่าแฟนมันดูแลตัวเองไม่ได้ จนทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้
ทั้งๆ ที่มันย้ำนักย้ำหนาว่าให้ผมดูแลตัวเอง. . .
ทั้งๆ ที่มันบอกแล้วบอกอีกว่าอย่าดื่มจนเมาไม่ได้สติ. . .
ทั้งๆ ที่. . .ฮึกกก
“แต่ถ้าไอ้คีนมารู้ทีหลัง. . .” พี่กรหน้าเสีย
“ฟ่ารับผิดชอบเอง. . .นะ. . .นะครับ” ผมขอร้องอีก พี่กรคิดหนัก แต่สุดท้ายพี่แกก็พยักหน้าจนได้ ผมยิ้ม พี่กรอยู่คุยกับผมนิดหน่อยก็ออกไป เหลือผมแค่คนเดียวในห้องนอนของตัวเอง. . .
“ฮึกกก. . .ขอโทษ. . .ขอโทษนะพี่คีน. . .ขอโทษ” ก็คงแต่ปล่อยให้น้ำตามันไหล และพร่ำขอโทษไม่หยุดปาก จนหลับไปเพราะความเพลีย. . .
TBC.