[15]
PART 2
((อะ. . .ไอ้บ้า พูดมาได้)) มันแหวผมลั่น ผมก็หัวเราะ ก่อนเราจะคุยกันเรื่อยๆ อีกสักพัก ไอ้ครีมเริ่มจะตาเขียว ส่วนมันเองก็ต้องไปทำงานต่อ เพราะไอ้กรมาตาม บอกว่าหมดโควตาพักแล้ว
“เดี๋ยวคืนนี้ค่อยสไกป์กัน” ผมบอก พูดตรงๆ เลยคืออยากเห็นหน้ามัน ความจริงกะจะคุยสไกป์กับมันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และตั้งใจว่าจะทุกคืนด้วย แต่เมื่อคืนดันทะเลาะกันซะก่อน ไม่เป็นไร งั้นเริ่มคืนนี้ก็ได้
((อยากเห็นหน้ากูหรอ คิดถึงกูสินะสินะ)) มันว่าเสียงล้อเลียน
“เออ” ผมก็ตอบกลับไปทันทีเหมือนกัน มันเงียบเลย สงสัยจะเงิบ จากนั้นเราก็คุยกันอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป ผมก็ไปต่อยมวยกับไอ้พวกนี้อีกค่อนวัน ก็ไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านประจำที่ต้องมากินทุกทีเวลากลับบ้าน ส่วนครีมพอดังแล้วก็แยกวง เห็นว่าบ่ายนี้มีเรียนพิเศษ ก็เลยแยกไปก่อน
“น้องบ่าว หลบมาป่าไหน กินไหรๆ มื่อหนี่พิเศษเล้ย”
(น้องชาย กลับมาตอนไหน กินอะไรดี มื้อนี้พิเศษเลย) พี่ดลเจ้าของร้านออกมาต้อนรับถึงหน้าร้านเลย มีการพูดภาษาใต้อันเป็นเอกลักษณ์ อย่างว่าลูกค้าประจำที่นานๆ ทีจะมากิน พี่แกเป็นหนุ่มใต้แท้ๆ ลูกชาวเล ผิวคล้ำ(แต่ไม่ดำ) ตาคม หน้าตานี่หล่อทีเดียว เรียนจบปริญญาโทมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แล้วมาเปิดร้านอาหารบริหารเอง ร้านแกไม่ได้กิ๊กก๊อกนะ ใหญ่เลยแหละ แล้วก็มีหลายสาขา หลายจังหวัด แต่แกจะอยู่สาขานี้มากกว่า
“เต็มเท่เล้ยพี่บ่าว เนือยมาก”
(เต็มที่เลยพี่ชาย หิวมาก) ไอ้แม็คก็ตอบรับเป็นภาษาถิ่นเดียวกับคนถาม พี่แกก็ยิ้มๆ พาไปนั่งที่ประจำ ไม่รู้แกจำได้ยังไง เพราะมากินเฉพาะช่วงปิดเทอม หลังจากนั้นก็สั่งอาหารกัน สั่งเหมือนกับว่าชาตินี้จะไม่ได้กินข้าวอีก
“หรอยเหมือนเดิมเล้ยพี่บ่าว”
(อร่อยเหมือนเดิมเลยพี่ชาย) ไอ้แบงค์ปากหวาน พร้อมยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างประกอบ พี่ดลแกยิ้มกว้าง บอกว่าอร่อยก็กินเยอะๆ มากินบ่อยๆ พวกผมก็รับคำ เพราะแถวนี้ร้านแกนี่ดังและขายดีมาก เพราะทั้งสะอาด ราคาไม่แพง และบรรยากาศดี อยู่ริมทะเล คนเยอะแต่ไม่วุ่นวาย
“หว่างๆ ม่าหล่าวนา โชคดี๋ๆ”
(ว่างๆ มาอีกนะ โชคดีๆ) พี่ดลพูดตอนออกมาส่งพวกผมที่หน้าร้าน พวกผมไหว้ขอบคุณแกที่เลี้ยงมื้อนี้ รับปากแกว่าจะมาอีกบ่อยๆ แล้วออกมาจากร้าน
พอออกจากร้านพี่ดลพวกเราก็ไปเที่ยวกันรอบเมือง ไม่ขับรถนะครับ อาศัยรถตุ๊กๆ กินบรรยากาศและวิถีชีวิตที่นานๆ จะได้กลับมาสัมผัสสักที คนสงขลาน่ารัก มีแต่รอยยิ้ม เป็นเมืองที่สงบ เพราะความวุ่นวายจะไปอยู่ที่หาดใหญ่แทน หึหึ รถราก็มีไม่เยอะ ไม่ติดเหมือนในตัวเมืองจังหวัดอื่นๆ อยากชิลก็ไปเช่าเสื่อนั่งริมทะเล เพราะทะเลที่นี่มีที่ร่มค่อนข้างเยอะ คนมานั่งชิลก็เยอะ ร้านอาหารก็แยะ มีให้เลือกตามใจชอบ ตั้งแต่ที่เป็นแบบรถเข็นยันร้านใหญ่ๆ รสชาติค่อนข้างถูกปาก บรรยากาศก็สะอาดสะอ้านดี เหมาะกับการมาเที่ยวเป็นครอบครัว ชิลๆ
เที่ยวกันจนหมดเวลางานของพระอาทิตย์ พระจันทร์เข้าเวรแทน พวกเราสามคนก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะคืนนี้มีนัดกันไปท่องราตรี พวกเพื่อนๆ สมัยอนุบาล (คือได้เรียนด้วยกันแค่ช่วงอนุบาลเพราะพอขึ้นชั้นประถมพวกผมสามคนก็ต้องขึ้นไปเรียนกรุงเทพฯ) พอพวกมันรู้ว่าพวกผมกลับมาก็โทรหาไอ้แม็ค นัดกันเที่ยวเรียบร้อย ที่เที่ยวก็ไม่ใช่ที่ไหน ผับดังแถวนี้แหละ ขี้เกียจขับรถไกล
“ออกไปไหนมั้ยลูกคืนนี้” กลับมาถึงบ้าน แม่ที่กำลังเล่นกับไอ้ข้าวเหนียวอยู่ที่ห้องรับแขกก็ทักขึ้น ผมยิ้มเข้าไปกอดท่าน ก่อนจะบอก
“ครับ นัดกับพวกไอ้ซันเอาไว้” พวกไอ้ซันนี้ก็กลุ่มเพื่อนสมัยอนุบาลนี่แหละครับ ไอ้ซันเป็นหัวโจก เที่ยวโป้งเพื่อนเขาไปทั่ว ผมยังเคยโดนมันโป้งเลย แต่ผมไม่ง้อหรอก เพราะวันต่อมามันก็ลืมและเข้ามาเล่นกับผมเอง หึหึ
“ขับรถเองรึเปล่า” แม่ถามอีก ผมรู้ว่าท่านเป็นห่วง คงกลัวว่าผมจะเมาแล้วขับรถ ซึ่งผมไม่เคยทำแบบนั้น ผมจะรู้ลิมิตตัวเองเสมอ ไม่ต้องการให้ทั้งตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน
“ครับ”
“ระวังตัวเองนะลูก” แม่เตือน ผมรับคำ หอมแก้มท่านทั้งสองข้าง แล้วขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องของตัวเอง พอจัดการตัวเองเสร็จ ก็ส่งข้อความไปบอกไอ้ตัวดีเขาหน่อย โดยใช้โปรแกรมแชทสีเขียวชื่อดัง
ไปท่องราตรีแป็บบบบบ<<<
กดส่งไป แค่อึดใจเดียวก็ขึ้นว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความเรียบร้อย หลังจากนั้นก็มีข้อความตอบกลับเข้ามา
>>>กูก็ไป คริคริ
ผมเลิกคิ้วกับข้อความของมัน แสดงว่าคืนนี้มันก็ออกเที่ยวเหมือนกัน
ไปกับใคร<<<
>>>ไอ้คิม ไอ้ออม ไอ้ไอซ์ ไอ้แม็กซ์ ไอ้มิกซ์
ถ้ามึงพูดว่าไปกับเพื่อนแก๊งค์มึง มึงก็ไม่ต้องพิมพ์ยาวแล้วฟ่าเอ๊ยยย ผมขำน้อยๆ ไม่เป็นไรแบบนี้กูชอบ ละเอียดดี หึหึ
ห้ามอ่อย<<<
>>>ห้ามสีชะนี
ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่อ่านข้อความที่มันส่งมา นึกแล้วส่งข้อความกลับไปกวนตีนมันดีกว่า หึหึ
สีเกย์ได้ใช่ป่ะ<<<
>>>(สติ๊กเกอร์กระต่ายโดนถีบ)
(สติกเกอร์กระต่ายหัวเราะ<<<
ใครถามเดี๋ยวบอกว่ามีแฟนแล้ว<<<
ผมตอบอย่างเอาใจ แต่ตั้งใจว่าจะทำจริง อยากเห็นหน้าชะมัดว่าตอนนี้มันยิ้มอยู่หรือเปล่า
>>>ดีมาก
>>>ขับรถระวังๆ ด้วย
ระวังตัวด้วย ห้ามให้ตัวเองโดนสี<<<
>>>รู้แล้วๆ
>>>(สติกเกอร์หมีเขิน)
ผมยิ้มกับตัวเอง แล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ในชีวิตนี้ตั้งแต่เริ่มมีแฟนมาไม่เคยต้องทำอย่างนี้มาก่อน นึกจะไปไหนมาไหนก็ไป ไม่เคยต้องรายงานใคร ไม่เคยต้องบอกใคร แต่พอคบกับมัน มันก็ไม่ได้บอกหรอกนะว่าต้องทำ แต่ผมทำเอง ความรู้สึกของผมมันบอกว่าต้องทำ หึหึ เลี่ยนตัวเองฉิบหายกู
((อยู่ไหนวะ?)) ไอ้แม็คโทรมาถาม ปลายสายนี่เสียงดังมาก มันคงจะถึงที่นัดเรียบร้อยแล้ว
“อยู่ข้างหลังมึงไง” ผมบอก แล้วใช้มือตบไหล่มันอย่างเบา แต่ทำไมมันทรุดวะ หึหึ
“ไอ้ห่าตบมาได้ แล้วมึงรับโทรศัพท์กูทำไมวะ เปลืองฉิบ” มันโวยวาย
“ไอ้งก” ผมว่ามัน ก่อนจะถาม “ไอ้แบงค์ล่ะ” เพราะผมยังไม่เห็นเงาไอ้แบงค์เลย
“กูมาแล้ววววว” ไอ้แบงค์ร้องเสียงมาก่อนตัว พอมันมาสมทบกันครบแล้ว พวกเราก็เข้าไปข้างในทันที ปรากฏว่าพวกไอ้ซันมากันครบแล้ว
“มาแล้วเว้ย เด็กเทพๆ” ไอ้ซันร้องเรียก พวกมันชอบเรียกพวกผมสามคนแบบนี้ มันให้เหตุผลว่าไปอยู่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก เก๋ไก๋ไฮโซ พวกผมก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา คัดค้านอะไรมันก็ไม่ฟัง
“หล่อกว่าเดิมอีกวุ้ย” ไอ้เกน หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสมัยอนุบาลร้องทัก เมื่อพวกผมนั่งลงให้พวกมันเห็นหน้าชัดๆ เรียบร้อยแล้ว
“แน่นอนดีดรีเดือนและเพื่อนเดือนมหาลัย” ไอ้แม็คว่าอย่างอวดๆ มือก็ชงเหล้า งานถนัด
“เดือนมหาลัยนี่กูเข้าใจเว้ย แต่เพื่อนเดือนนี่เกี่ยวไรวะ” ไอ้กรีน หนุ่มทันตะมหาลัยดังของจังหวัดพูดขึ้นบ้าง
“คนหน้าตาดีเขาก็มักจะเลือกคบคนหน้าตาดีด้วยกันไง เข้าใจยากตรงไหน” ไอ้แม็คพูดอีก พวกไอ้ซันเบะปาก ส่วนผมก็ยกยิ้มเฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะหลักฐานบนหน้ามันฟ้อง หึหึ
“มึงถามมันดิ มันอาจจะจำใจคบก็ได้” ไอ้แกรนด์ว่าอีก ไอ้นี่ก็หนุ่มนิเทศ หล่อสมกับคณะที่มันเรียนนั่นแหละ
“มึงจำใจคบกูหรอไอ้คีน” ไอ้แม็คก็บ้าจี้หันมาถามผมจริงๆ
“อืม” รับแม่งเลย ไอ้แม็คอ้าปากค้าง
“ไม่จริง แม็คก็คิดนะ ว่าแม็คหล่อ ไม่จริงใช่มั้ยยยย” มันทำท่ารับไม่ได้แบบโอเวอร์แอ็คติ้ง ฟูมฟายจนไอ้แบงค์รำคาญเอาแก้วเหล้ายัดปากมัน แต่มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ยิ้มรับบอกว่าไอ้แบงค์เป็นห่วงมัน ก็แล้วแต่มึงจะคิดแล้วกัน เอาที่มึงสบายใจ
“ไอ้ห่านั่นเป็นไร นั่งเงียบ” ไอ้แบงค์ถาม พร้อมบุ้ยปากไปทางไอ้เจที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา
“เฮิร์ท” ไอ้ซันกระซิบบอก
“เฮิร์ท?” ไอ้แบงค์ทวน เพราะคนอย่างไอ้เจนี่ไม่น่าเฮิร์ทได้
“เออ เมียทิ้ง“ ไอ้ซันบอก ก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่พวกมึงมีเมียกันยังวะ?”
“หึหึ” พวกผมหัวเราะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะไอ้ที่มานี่ มีแฟนเป็นผู้ชายทั้งสามคนเลย ทั้งผม ไอ้แบงค์ และไอ้แม็ค ถ้าบอกนี่พวกมันจะช็อคกันรึเปล่าวะ
“อ้าวห่านี่ ถามไม่ตอบ เสือกหัวเราะ” ไอ้ซันโวย จนสุดท้ายพวกผมก็บอกไป แต่ผิดคาด ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่อึ้งเท่าไหร่ แค่พยักหน้าเออ-ออเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ไม่ตกใจ?” ผมถาม
“ตกใจห่าไร สงสารมากกว่า” ไอ้กรีนว่า
“สงสาร? สงสารใคร” ไอ้แบงค์ถามอีก
“สงสารผู้หญิงดิ ผู้ชายหล่อๆ บนโลกนี้หายไปอีกสี่” ไอ้ซันว่า
“สี่?” พวกผมทวนคำงงๆ พวกกูมีแค่สามนี่หว่า
“เออ ไอ้สัดนั้นอีกคน” ไอ้ซันบุ้ยปากไปทางไอ้เจ
“เฮิร์ท? เมีย? ผู้ชาย?” ไอ้แม็คถามงงๆ
“เออ เพิ่งถูกเขาทิ้งมา” ไอ้ซันบอกอีก
“ทำไมวะ?” ไอ้แบงค์ถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะไอ้เจเนี่ยถือว่าเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็คอีกคนหนึ่งก็ว่าได้ เรียนเก่ง บ้านรวย หน้าตาดี นิสัยก็ดี ไม่น่าจะโดนทิ้งง่ายๆ
“พ่อแม่มันไม่ยอมให้คบกันว่ะ ฝ่ายนู้นก็กลัวว่ามันจะเสียอนาคต เลยบอกเลิกแม่ง” ห่า ดราม่าไปอีก นึกถึงครอบครัวตัวเองเลยทันที รู้สึกโชคดีมากที่แม่เป็นสาววาย พ่อกับพี่เคนก็เข้าใจและยอมรับได้ ไม่อย่างนั้นผมคงนึกไม่ออกว่าตัวเองควรจะทำยังไงถ้าต้องเจอกับสถานการณ์แบบที่ไอ้เจเจอ แต่ก็แอบหวั่นๆ กับฝั่งครอบครัวไอ้ฟ่านิดหน่อย ลูกเขาเคยเจ็บปวดมาขนาดนั้น ไม่รู้จะยอมรับผมได้เต็มร้อยหรือเปล่า
“กูอยากพยายามนะเว้ย แต่แม่งไม่ยอมสู้ไปกับกูเลย” ไอ้เจที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นในที่สุด พูดจบก็กระดกเพียวไปหมดแก้ว “บอกแค่ว่าไม่อยากทำลายชีวิตกู ไม่อยากให้กูทะเลาะกับพ่อแม่ ทำไมไม่ถามกูสักคำว่ากูต้องการแบบไหน” แล้วมันก็กระดกอีก ไอ้กรีนนี่เทกันไม่หวาดไม่ไหว สุดท้ายก็ยัดทั้งขวดใส่มือมัน
“เขารักมึงไง เลยต้องทำแบบนั้น เขาเองก็เจ็บไม่แพ้มึงหรอก” ไอ้แกรนด์ปลอบ
“แล้วกูไม่เจ็บหรอวะ กูรักมันเหี้ยๆ ไม่เคยรักใครมาก่อน ทำไมๆ . . . ฮึก” แล้วมันก็สะอื้นออกมา จนนัดสังสรรค์ของเพื่อนอนุบาล กลายเป็นนัดปลอบไอ้เจไปซะได้
ผ่านไปจนราวๆ ตีสอง ไอ้เจเมาแอ๋ ร้องเรียกแต่เมียมัน ส่วนคนอื่นๆ ก็กรึ่มๆ แต่ยังไหวกันอยู่ ก็เลยโทรตามให้เมียมันมาหา
พอเขามาไอ้เจโผเข้าไปกอดเขาทั้งตัวร้องไห้เป็นเด็กๆ เมียมันก็ร้องไห้เงียบๆ ไม่สะอึกสะอื้น แววตาที่มองไอ้เจก็มีแต่ความเจ็บปวดความเศร้า แต่ที่ชัดที่สุดคงเป็นความรัก เล่นซะไอ้แม็คน้ำตาซึมไปด้วย ปลอบกันพักใหญ่เมียไอ้เจก็ขอตัวกลับ ตอนแรกไอ้เจจะไปด้วย แต่เมียมันแค่ส่ายหน้าเบาๆ ก้มลงไปจุ้บปากมัน บอกรักและฝากให้พวกผมดูแลมัน แล้วเดินออกไปทั้งน้ำตา ไอ้เจถึงกับทรุดลงตรงนั้น จนเพื่อนๆ ต้องพากันไปส่งที่บ้าน
พอไปส่งไอ้เจเสร็จโดยมีพ่อแม่มันรอรับอยู่หน้าบ้าน แววตาท่านทั้งสองที่มองไอ้เจก็มีแต่ความเจ็บปวดเหมือนกัน ผมว่าอีกไม่นานหรอก ไอ้เจอาจจะมีข่าวดีก็ได้ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนเห็นลูกตัวเองเจ็บได้หรอก
ผมก็แยกกับไอ้พวกนั้นกลับบ้านตัวเอง พอขึ้นบนห้องได้ ก็อาบน้ำใส่ชุดนอน ไม่รู้ไอ้ฟ่ากลับมาหรือยัง ว่าแล้วก็ลองส่งข้อความไปหามันดู
กลับมารึยัง<<<
>>>รอจนจะหลับแล้ว
>>>เมารึเปล่า
เปล่า<<<
เปิดคอมดิ<<<
>>>(สติกเกอร์กระต่ายโอเค)
พอได้รับคำตอบตกลงแล้ว ผมก็จัดการเปิดโน๊ตบุ๊ค เปิดโปรแกรมสไกป์ทันที พอเปิดปุ๊บหน้าจอก็เด้งว่ามันโทรเข้ามา ผมกดรับทันที ภาพที่ปรากฏขึ้นมาทำเอาผมอยากจะว๊าบกลับไปกรุงเทพเดี๋ยวนี้ ก็ไอ้เสื้อเชิ้ตตัวเดียวแบบที่มันชอบใส่นั่นแหละ ไม่รู้จงใจหรืออะไร เพราะพอมันเห็นว่าผมมีปฏิกิริยามันก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที
“อ่อยกูหรอ” ผมแซว
((แล้วไง? จะกลับมาหากูหรอ)) มันเลิกคิ้วถามกวนๆ
“ฝัน?” ผมกวนตีน
((ชิส์ คอยดูถ้ากลับมากูจะเล่นตัวให้)) มันเบะปากใส่ผม จากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยๆ มันก็เล่าว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง มันทำอะไรมาบ้าง ผมเองก็เหมือนกัน แอบอวดนิดหน่อยว่าได้ไปเที่ยวรอบเมืองมา มันก็ทำท่าอิจฉาใหญ่ ผมก็เลยเกทับมันว่าชวนมาแล้วไม่มาเอง มันก็กวนตีนว่ามันเที่ยวดื่มด่ำมลพิษที่กรุงเทพก็ได้ หึหึ แต่ที่พลาดไม่ได้ก็คือเรื่องไอ้เจ ผมก็เล่าไป ไอ้ตัวดีนี่ถึงขั้นน้ำตาซึม
((น่าสงสารจัง คนเขารักกันแท้ๆ)) มันพูด มือก็ปาดน้ำตาที่ซึมๆ ตรงหางตาไปด้วย
“อืม. . .แต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านเรื่องนี้ไปได้เอง” ผมบอก ออกแนวปลอบ ผมเชื่อว่ายังไงความรักที่มันสองคนที่มีให้กันจะช่วยให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น พ่อแม่ไอ้เจจะรับเรื่องนี้ได้เอง เพราะไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนเห็นลูกตัวเองต้องทนทุกข์ ต้องเจ็บปวดได้หรอก
((เรื่องของเราจะเป็นแบบนี้มั้ย)) มันพึมพำเบาๆ แต่ผมได้ยิน
“พ่อแม่มึงจะขัดขวางเรารึเปล่าล่ะ” ผมถาม มันส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ “ไม่ขัดขวาง?” ผมถามอีก
((ไม่รู้)) มันว่าเสียงเบา ก้มหน้าลงจนแทบชิดอก มันบอกอีกว่าพ่อแม่รู้ว่ามันเป็นเกย์ ท่านทั้งสองก็รับได้ แต่ที่มันไม่แน่ใจก็คือท่านทั้งสองจะยอมรับผมได้หรือเปล่า ผมก็ฟังมันพูดไป คิดไปว่าก็ไม่แปลก ท่านเคยเห็นลูกตัวเองเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ท่านก็คงอยากจะเลือกคนที่ท่านมั่นใจที่สุด มาให้ดูแลลูกท่าน
“ฟ่า. . .อย่าเพิ่งคิดมากสิ เรื่องมันยังไม่เกิด” ผมปลอบ ไม่รู้จะห้วนไปรึเปล่า แต่ผมปลอบคนได้แค่นี้จริงๆ ถ้าเป็นคำพูด แต่ถ้าเป็นปลอบโดยใช้สัมผัส (กอดครับกอด) ผมคิดว่าผมถนัดนะ
((นั่นสิ ช่างมันก่อน ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เอ้อ มึงรู้มั้ยว่าวันนี้น่ะ. . .บลาๆๆๆ)) แล้วมันก็เล่าๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อีก ผมก็ไม่อยากจะขัดหรอกนะว่าเมื่อกี้มึงเล่าไปแล้วรอบนึง ขอแค่มันลืมเรื่องที่กังวลเมื่อกี้ก็พอ
ผมก็ฟังมันเล่าไป ตอบรับมันบ้าง หัวเราะบ้างตอนที่มันเล่าเรื่องตลกๆ ตอบมันบ้างเวลาที่มันถาม มันก็พูดไปเรื่อย เจื้อยแจ้วไม่ได้หยุด
“ง่วงก็นอน ตาจะปิดอยู่แล้ว” ผมพูดเมื่อเห็นว่ามันที่นอนเลื้อยอยู่บนเตียง ตาปรือจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ เสียงพูดก็เบาลง
((นอนไม่หลับ)) มันบอก แต่ตามึงนี่คือจะปิดอยู่แล้ว
“ร้องเพลง เล่นกีตาร์ให้ฟัง เอามั้ย?” ผมเสนอ คือสงสารมัน ดูก็รู้ว่าง่วงมาก
((จริงนะ?)) มันลืมตาโพลง เด้งตัวขึ้นมานั่งอย่ารวดเร็ว ผมตอบรับก่อนจะไปหยิบกีตาร์ที่มุมห้อง กลับมาอีกทีก็เห็นมันขดตัวอยู่ในผ้าห่ม โดยวางโน๊ตบุ้คไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง แล้วมันก็นอนตะแคงหันหน้ามาทางกล้อง ทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้นั่งอยู่ข้างๆ มัน
“เพลงอะไรดี?” ผมถาม มันทำท่าคิดแป็บนึงก่อนจะบอก
((แล้วแต่มึง)) อ้าว กูเห็นทำท่าคิด นึกว่าคิดได้ซะอีก ไง๊หวยออกมาว่าแล้วแต่กูวะ ผมขมวดคิ้วคิดเพลงที่จะเล่น แวบหนึ่งที่มองหน้ามัน ตัวโน้ตเพลงๆ หนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว ผมยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ กรีดนิ้วไปที่สายกีตาร์เป็นท่วงทำนอง
หลับตาลงยังรู้สึก ท่ามกลางความอ้างว้างในหัวใจ. . .
ค่ำคืนยาวนาน กับความเดียวดาย และลมหายใจที่ว่างเปล่า
อยากให้เธอได้สัมผัส. . . กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
ว่าทุกเวลา ที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอ ให้เธอได้รู้และเข้าใจ. . .
ว่าคิดถึงเธอ เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไป
ให้เธอได้รู้ จะแทนความหมายความห่วงใย ฉันคิดถึงเธอ. . .
อยากให้เธอได้สัมผัส กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
อยากให้เธอได้สัมผัส กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
ว่าทุกเวลา ที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอ ให้เธอได้รู้และเข้าใจ
ว่าคิดถึงเธอ เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไป. . .
ให้เธอได้รู้ จะแทนความหมายความห่วงใย ฉันคิดถึงเธอ
ก็ฉันมีเพียงเธอ. . .คิดถึง. . . by พีซเมกเกอร์
Cr. Siamzone.com
TBC.