บทที่ 50 Endosomes
“ใช่ collenchyma ที่เฟี๊ยตพูดถึงเมื่อกี้หรือเปล่า” ปันเอ่ยปรึกษา ขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ตัวปัญหาที่ขัดขวางการเดินทางอยู่ในเวลานี้
“ไม่น่าใช่นะปัน collenchyma เป็นเซลล์ที่ยังมีชีวิต แต่นี่ภายในกลวงไปหมดแล้วน่าจะเป็นเซลล์ที่ตายไปแล้วเหลือแต่ซากมากกว่า” เฟี๊ยตตอบตามความคิดของตน
“แล้วมันคือ?” แทนเอ่ยขึ้นบ้างอย่างเป็นคำถาม
“คิดว่าเป็น sclerenchyma ประเภท sclereids หนะ พวกนี้จะมีผนังที่แข็งแรงมาก มากจนได้รับสมญานามว่า stone cells” เขาเอ่ยตอบไปตามความรู้ทางพฤกษศาสตร์ที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างจะเอื้ออำนวย
“เฟี๊ยตคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรต่อ” ปันถามหยั่งเชิง เพราะตัวเขาเองมีความคิดว่าควรจะทำลายมันทิ้งเพื่อเปิดทางให้การเดินทางของของไหลนี่ต่อไป แต่ก็ไม่มั่นใจว่ามันจะส่งผลอะไรหรือไม่ ชายหนุ่มจึงเลือกจะถามย้ำกับเพื่อนร่วมทีมที่ดูจะเชี่ยวชาญมากที่สุดก่อน
“ก็คงต้องกำจัดมันให้พ้นทาง ความจริงแล้ว มันดูเหมือนจะไม่ได้เป็นสิ่งที่จงใจให้อยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่มันน่าจะลอยมาติดอยู่มากกว่า ถ้าทำลายมันไปได้ หนทางข้างหน้าก็น่าจะเป็นปรกติเหมือนเดิม” เฟี๊ยตตอบไปตามความคิด ความรู้ชีววิทยาตอนม.ปลายทำให้เขาคิดว่า ไม่มีเหตุผลใดที่เซลล์ประเภทนี้จะมาอยู่ในหนทางลำเลียงอาหารอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้เลย
“งั้นเรื่องใช้กำลังเดี๋ยวจัดการให้เอง” หนุ่มร่างหนาเสนอตัวขึ้นอย่างเคยชิน และเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองไม่ได้แสดงอาการขัดข้องแต่อย่างใด เขาจึงทดลองค่อยๆ ใช้ปืนของเขาดันผนังพาหนะออกไปช้าๆ อย่างนุ่มนวล อาวุธคู่ใจของแทนค่อยๆ แทรกตัวออกจากผนังนั่นโดยสวัสดิภาพและไม่ทำให้เกิดรอยร้าวใดๆ ขึ้นเลย เขาค่อยๆ บิดลำกล้องหันไปทางเป้าหมายอย่างใจเย็น ด้วยกลัวว่าหากผลีผลามทำอะไรลงไปอาจจะทำให้ถุงลำเลียงนี่ปริแตก จนทำให้ของเหลวที่อัดแน่นอยู่ภายนอกไหลเข้ามาได้ นั่นหมายความว่า มันอาจจะหมายถึงชีวิตของพวกเขาเลยทีเดียว
“Fire!” เสียงคำสั่งดังขึ้นพร้อมกับปลายลำกล้องที่สะบัดออกเล็กน้อย ลูกปืนพุ่งทะยานออกไปยังเป้าหมาย มันขยายขนาดขึ้นพร้อมกับจุดประกายไฟให้กลายเป็นลูกไฟขนาดย่อมๆ อย่างที่เฟี๊ยตเองได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไม่ทันที่กระสุนนั่นจะไปถล่มทำลายเป้าหมายได้สำเร็จ มันก็ดับลงด้วยอำนาจแห่งของเหลวที่รายล้อมรอบอยู่ จนกลายสภาพคล้ายหินก้อนหนึ่งที่พุ่งเข้าชนอุปสรรคขนาดยักษ์นั่น มันสั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีวี่แววจะภินท์พังไปแต่อย่างใด
“ไม่สำเร็จแฮะ ลูกไฟนี่ยิงในน้ำไม่ได้จริงๆ ด้วย” ชายหนุ่มผิวเข้มบ่นกับตนเอง
“เด็กอนุบาลสองยังคิดได้เลย แทน” ปันเอ่ยเหน็บแนมขึ้น อย่างไรก็ตามแทนก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดแต่อย่างใด ด้วยดูเหมือนจะใช้ความคิดค้นหาทางแก้ปัญหาเบื้องหน้าอยู่
“Lock On!” เสียงของแทนดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับปืนคู่ใจที่ระเบิดลำกล้องขึ้นอีกครั้ง วัตถุขนาดเล็กชิ้นหนึ่งพุ่งจากอาวุธนั่นเข้าปักลึกเข้าที่เซลล์ที่เหมือนก้อนหินใหญ่ขวางทางพวกเขาอยู่
“Bomb!” เสียงเข้มประกาศกร้าวเมื่อมั่นใจว่ากระสุนที่ปล่อยไปนั้นฝังตัวลงบนเป้าหมายที่ต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ทันที่ที่สิ้นเสียงของแทน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นตามมาอย่างรวดเร็ว วัตถุเมื่อกี้ที่เฟี๊ยตได้แต่สงสัยว่ามันคืออะไร บัดนี้ได้คำตอบแน่ชัดแล้ว ลูกปืนนั่นคือระเบิดแบบควบคุมการระเบิดได้นั่นเอง แรงระเบิดจากกระสุนนั่นสั่นสะเทือนก้อนหินยักษ์นั่นอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะปริร้าวกระจายตัวออกไปทั่วทั้งก้อน เศษจากเปลือกที่ดูแข็งจนเป็นหินของมันบางส่วนหลุดลอกออกมาอย่างไม่อาจทนทานแรงจากระเบิดได้
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หาได้มาจากระเบิดของแทนไม่ หากแต่เป็นเซลล์ก้อนหินนั่นที่ไม่อาจต้านทานอิทธิฤทธิ์จากการโจมตีดังกล่าว จนตัวมันแตกสลายกลายเป็นเสี่ยงๆ เปิดทางกว้างให้การเดินทางของพวกเขาไม่ติดขัดอีกต่อไป
ชื่อ The Huge Stone Cell (เซลล์ก้อนหินยักษ์) ประเภท FC (ไพ่ตัวตน) ระดับ 4 ความสามารถ ใช้ในการต่อสู้หรือก่อสร้าง
เมื่อสิ่งกีดขวางทางน้ำหลากขนาดใหญ่นั้นได้ถูกทำลายจนสิ้นไป ทางที่เคยตีบตันก็กลับเปิดโล่งอีกครั้ง ช่องโหว่ดังกล่าวเผยให้เห็นว่าของเหลวอีกฝั่งนั้นแห้งเหือดไปไม่ใช่น้อย ด้วยเพราะมันถูกเซลล์หินดังกล่าวบดบังหนทางไว้ แรงดันของของเหลวปริมาตรเกินคณานับที่ถูกสะสมกันอยู่เป็นเวลานานได้ทะลักออกไปสู่ช่องว่างทันที สภาพตอนนี้เหมือนสายน้ำที่ทะลักออกมาจากเขื่อนที่แตกกระจายด้วยไม่สามารถรองรับแรงดันของมวลน้ำมหาศาลได้ก็ไม่ปาน ของเหลวในอุโมงค์ดังกล่าวไหลพุ่งไปด้วยแรงดันมหาศาลมุ่งสู่ใจกลางของวิหารในส่วนลึกเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงตะโกนดังไม่ได้ศัพท์จากพวกเขาร้องขึ้นอย่างสับสน พาหนะของเขาในเวลานี้สูญเสียความสามารถในการควบคุมไปแล้วอย่างสิ้นเชิง คทาไพลินไม่อาจบังคับมวลของเหลวที่ขับส่งตัวเองไปตามแรงดันได้อีกต่อไป ถุงขนส่งลำเลียงพวกเขาตีลังกากระเด็นกระดอนไปมาอย่างไร้ทิศทาง เฟี๊ยต ปัน และแทนในเวลานี้ได้แต่ยึดตัวเองเกาะติดกับพาหนะไว้ให้ดีที่สุด ป้องกันการลอยไปชนกันเองให้ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ว่างแคบๆ นั้น พวกเขาเหมือนตกอยู่ในเครื่องเล่นมหาโหดในสวนสนุกอย่างใดอย่างนั้น เพียงแต่ว่า เจ้าถุงยักษ์ในกระแสของไหลนี่ไม่มีความปลอดภัยใดใดให้เขามั่นใจได้เลย บางที เหตุการณ์นี้น่าจะค่อนไปทางฝันร้ายที่ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่เสียมากกว่า เฟี๊ยตได้แต่ภาวนาในใจให้เหตุการณ์ที่น่าหวาดหวั่นใจนี่ผ่านไปได้ด้วยดี
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่พวกเขาทั้งสามคนตกอยู่ในกระแสของเหลวไหลที่เชี่ยวกราดนั่น เฟี๊ยตรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในฝันร้ายที่เขาอยากจะรีบตื่นขึ้นเร็วๆ เสียที พาหนะนั่นกระเด็นกระดอนไปตามแรงดันอย่างไม่อาจควบคุม หลายครั้งที่มันพุ่งเข้าไปกระทบกับผนังอย่างจังจนพวกเขาคิดว่าคนที่อยู่ตรงฝั่งที่กระแทกนั้นจะต้องบาดเจ็บแน่ๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ว่าผนังของมันดูจะหนาและทนแรงกระแทกได้ในระดับดีทีเดียว มีครั้งหนึ่งเฟี๊ยตรู้สึกว่าฝั่งตนเองปะทะเข้ากับผนังอุโมงค์เต็มๆ รัก แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก เหมือนว่าเจ้าถุงนั่นจะดูดซับแรงกระแทกไว้เสียหมด เขาจึงรู้สึกมึนๆ งงๆ ตื้อๆ ไปบ้างเท่านั้นเอง
ปันเองพยายามหลายครั้งที่จะใช้คทาของตนควบคุมของเหลวพวกนั้นอีกครั้ง แต่ก็ดูจะไม่มีประโยชน์อันใด เพราะเกลียวน้ำที่หมุนวนอยู่รอบๆ พาหนะของพวกเขานั้นไม่อาจต้านทานการไหลที่เชี่ยวกราดนั้นได้เลย พวกเขาในเวลานี้จึงได้แต่ปล่อยตัวไปตามกระแสน้ำอย่างแท้จริง
พวกเขาตะโกนขึ้นนัดแนะกันแข่งกับเสียงดังของสายน้ำที่ไหลบ่านั่น โดยตกลงพร้อมใจกันจะปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปอย่างนี้ เพราะว่าสถานการณ์ที่ค่อนไปทางเลวร้ายนี่ก็เรียกได้ว่ายังไม่หลุดจากแผนการมุ่งตรงสู่ใจกลางลำต้นเท่าไหร่นัก ผิดไปก็แต่ว่าดูว่าเหตุการณ์จะดำเนินไปด้วยความหวาดเสียวอยู่เสียหน่อย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกเขามีความต้องการจะเปลี่ยนแผนอย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจทำได้อยู่ดี เพราะไม่มีใครหาวิธีทางหยุดกระแสการไหลที่รุนแรงนี้ได้เลย
ฝันร้ายของพวกเขาเบาบางลงเมื่อถึงตอนช่วงหนึ่งที่สายน้ำที่เชี่ยวกราดเข้าเติมเต็มไปในช่องว่างของอุโมงค์ที่ปราศจากน้ำเพราะถูกเจ้าเซลล์เจ้าปัญหาขวางกั้นไว้นั่น ไหลมากระทบเข้ากับอีกส่วนของอุโมงค์ที่มีของเหลวหล่อเลี้ยงอยู่ก่อนแล้วเหมือนตั้งแต่ต้นการเดินทางนั้น ลักษณะการเคลื่อนที่ของพาหนะก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
พวกเขาเคลื่อนไปตามช่องว่างระหว่างเซลล์นั่นอย่างมีรูปแบบมากขึ้นคล้ายกับช่วงต้นการเดินทาง แต่แตกต่างกันตรงที่ว่าขนาดอุโมงค์ใหญ่ขึ้นมากๆ จนพวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองจมลงในแม่น้ำขนาดใหญ่เสียแล้ว พวกเขาหันมามองหน้ากันก่อนจะผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ช่วงเวลานานเท่าไหร่ไม่ทราบที่พวกเขาตกอยู่ในห้วงของความกลัวที่ดูเหมือนจะแสนยืนยาวไม่รู้จบนั่น บัดนี้ได้สิ้นสุดลงเสียที พาหนะจำเป็นของพวกเขาค่อยๆ ล่องลอยลัดเลาะไปตามเซลล์ต่างๆ โดยการกลับมาควบคุมหางเสือของปันอีกครั้ง ยิ่งผนังห่างออกไปจากพวกเขาด้วยความใหญ่โตของช่องทางการเดินทางเท่าไหร่ กระแสการไหลของของเหลวก็ถูกเร่งให้ไหลขึ้นตามไปเท่านั้น พวกเขาเดินทางลึกเข้าไปตามลำดับอย่างไม่อาจคาดการณ์ถูกได้ว่าพวกตนได้บรรลุเข้ามาไกลเท่าไหร่แล้ว และหนทางข้างหน้าจะยาวไกลไปอีกเพียงใด แต่จากการคำนวณคร่าวๆ เฟี๊ยตคิดว่าเวลานี้น่าจะใกล้ถึงช่วงพระอาทิตย์จะตกดินเต็มทน เพราะพวกเขาได้ผจญภัยในช่วงบ่ายมานานพอสมควร ท้องของเฟี๊ยตเริ่มอุธรณ์ร้องขออาหารหลังจากที่วันนี้เป็นวันที่แสนสมบุกสมบันอีกวันหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนในสายของเหลวไหลที่แสนจะกว้างใหญ่เช่นนี้ ชายหนุ่มก็ไม่อาจมองเห็นทำเลที่เหมาะกับการหยุดพักอาศัยสำหรับมื้อเย็นและค่ำคืนนี้ได้เลย
‘นี่สินะ ที่เรียกได้ว่าการผจญภัยที่แท้จริง!’
จากผู้แต่ง : ฉลองหน่อยเร็ว ครบครึ่งร้อยแล้ว ฮู่เร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วู๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เม้นๆๆ ขอเม้นยาวๆๆ

ยิ่งแต่งไปเรื่อยๆ คนแต่งยิ่งรู้ว่าตัวเองแต่งไม่เก่งเลย ตอนใหม่ๆนี่แก้แล้วแก้อีก แต่งยังไงก็ดูไม่สมู๊ตตตต ฮือ
พยายามฝึกฝนอยู่ ห้าห้า อยากแต่งให้ดีกว่านี้ เย้เย
ปูลู เม้นหน่อยๆๆๆๆๆ เม้นยาวๆๆๆๆๆ อิอิ