บทที่ 55 The Booze of Malacca
ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เขาไม่คิดเลยว่าการออกมาจากไอ้เซลล์เทาๆ นี่จะถึงขั้นกับได้รางวัลเป็นไพ่สูงสุด แต่เมื่อคิดมาคิดไป เขาก็พบว่า อันที่จริงแล้ว การเอาตัวรอดมาจากเจ้าคุกทรงกลมนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะรูปร่างหน้าตามันไม่ได้สื่อไปให้คิดถึงการใช้กลูโคสแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเขาโชคดีมากที่มีไบเบิ้ลเป็นไพ่พรสวรรค์ประจำตัวเสียมากกว่า เขาจึงรอดจากสถานการณ์ย่ำแย่นั่นมาได้ แถมยังได้การ์ดไพ่สูงสุดมาเป็นของแถมอีกด้วย ว่าไปแล้ว ไบเบิ้ลก็เป็นไพ่ที่มีประโยชน์มากอย่างที่แทนเคยบอกไว้จริงๆ ด้วย
‘ไบเบิ้ล’ เขาเอ่ยขึ้นในใจ
“มีอะไรให้รับใช้ นายท่าน” ไพ่พรสวรรค์ของเขาตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
‘ผู้เล่นในเกมสามารถมีไพ่พรสวรรค์ซ้ำกันได้หรือไม่’ เขานึกถามขึ้น
“ไม่มี นายท่าน ไพ่พรสวรรค์ถูกรังสรรค์ขึ้นตามความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นแต่ละคนเท่านั้น ไพ่พรสวรรค์จึงคงความเป็นปัจเจกเฉพาะตน ไม่มีการเกิดขึ้นซ้ำ และไม่สามารถคาดการณ์ได้” ไพ่ของเขาตอบ
‘ดีแล้ว’ เฟี๊ยตตอบกลับ
“ทำไมหรือ นายท่าน” ไบเบิ้ลเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจในความหมาย
“อยากเป็นเจ้าของไบเบิ้ลคนเดียวในเกม หวง เข้าใจป๊ะ ฮ่าฮ่า” เฟี๊ยตเฉลยอย่างอารมณ์ดีในที่สุด
“เฟี๊ยตพูดอะไรนะ พูดกับเราหรือเปล่า ฟังไม่ค่อยชัดเลย อะไรหวงๆ นะ” เสียงดังขึ้นจากโทรศัพท์ที่เฟี๊ยตถืออยู่ ชายหนุ่มลืมไปสนิทว่าตนยังไม่ได้วางสายจากปันเพื่อที่จะควบคุมการเดินทางนั่น แถมประโยคสุดท้ายที่คุยกับไบเบิ้ลเขายังหลุดพูดมาเสียด้วย
“เปล่าๆ ปัน ไม่มีอะไรหรอก เราจะออกไปแล้วนะ เริ่มต้นดึงการไหลไปทางปันได้เลย” เฟี๊ยตพูดขึ้นพร้อมกันกับที่ถุงลำเลียงนั่นหลุดออกจากเซลล์สีเทาพอดี กระแสของไหลเอื่อยๆ ไปทางฝั่งซ้ายนั่น ค่อยๆ ดึงพาหนะเขาไปอย่างช้าๆ ตรงไปทางเพื่อนผิวขาวของเขา
“The Defensive Golem RELEASE!” เฟี๊ยตสั่งการเรียกอสูรคู่ใจของเขา ทรายปริมาณหนึ่งปรากฏขึ้นรายล้อมพาหนะของเขา โดยเว้นช่องว่างระดับสายตาไว้
“เฟี๊ยต ใช้การ์ดทำไม เจออะไรหรือเปล่า เจอมอนสเตอร์หรอ” เสียงจากปลายทางดังมาอย่างร้อนรน เมื่อเห็นเพื่อนเรียกใช้การ์ดที่ปรกติจะใช้ในการต่อสู้
“เปล่าๆ เรียกมาถ่วงน้ำหนักเฉยๆ หนะ พอดีมีอุปสรรคขวางทางนิดหน่อย เลยต้องถ่วงน้ำหนักให้จมลงมาหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะชน ไม่ต้องเป็นห่วงๆ” เป็นไปตามที่เฟี๊ยตบอก ทรายเหล่านั้นถ่วงให้พาหนะจมลงจากทิศทางเดิม จนสามารถหลบเซลล์สีเทาอีกลูกที่ขวางอยู่ตรงหน้าได้
“SEAL!” ชายหนุ่มเรียกเก็บไพ่เมื่อเห็นว่าพ้นมาได้แล้ว และเมื่อทรายดังกล่าวหายไป ถุงลำเลียงก็ค่อยๆ ลอยกลับมาอยู่ในระดับเดิม
“ปันๆๆ ขอขวาหน่อย ขวาปัน ซ้ายเฟี๊ยตนะ” เฟี๊ยตบอกผ่านสายโทรศัพท์เมื่อพบอุปสรรคเป็นเซลล์ดังกล่าวเรียงตัวกันสูงราวกับเสาขนาดใหญ่กั้นไว้ฉะนั้น
“โอเค อย่างนี้พอไหวไหม” กระแสการไหลที่เคยตรงเข้าสู่ทิศที่ปันอยู่นั้น เบี่ยงออกไปทางซ้ายของเฟี๊ยตทันทีที่ปันตอบกลับมา พาหนะของเฟี๊ยตหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างสบายๆ
“โอเคแล้ว เฉียงซ้ายปันกลับได้เลย ใกล้ถึงแล้ว” เฟี๊ยตตอบปัน พลางก้มมองหนังสือไบเบิ้ลที่ตนเรียกไว้ตั้งแต่ออกมาจากห้องนอนชั่วคราวของตน เพื่อดูแผนที่ประกอบการเดินทางมาหาเพื่อนที่ถูกคุมขังอยู่ บนหนังสือนั่นมีงูตัวเล็กตัวหนึ่งชี้ตำแหน่งที่ปันพิกัดอยู่ผ่านภาพลวงตาของมัน
“ฉายภาพมายาขนาดใหญ่ม้วนรัดถุงที่ปันอยู่ เข้าใจไหม Illusory!” เขาสั่งเจ้างูมายานั่นอีกครั้ง พร้อมกันกับที่ภาพมายาจิ๋วจากหนังสือหายไป กลายเป็นงูขนาดรัศมีลำตัวยาวร่วมเมตรที่ม้วนรัดถุงสีเทาอันหนึ่งอยู่เพื่อเป็นการบอกจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน
“ปัน เราสั่งให้งูมายาบอกพิกัดปันเรียบร้อยแล้ว อีกไม่เกินสามนาทีจะถึงแล้ว เฉียงซ้ายปันเพิ่มอีกหน่อย จะได้เข้ากลางเซลล์พอดี” เฟี๊ยตเอ่ยบอกกับเพื่อนของตน พร้อมกันกับที่กระแสการไหลเบี่ยงออกจากเดิมเล็กน้อย พาหนะของเฟี๊ยตทาบเข้ากับถุงสีเทาที่เจ้างูยักษ์นั่นรัดอยู่อย่างเป็นสัญลักษณ์ เยื่อบุทั้งสองค่อยๆ หลอมรวมกันอีกครั้ง และเพียงไม่กี่อึดใจ ช่องว่างขนาดที่คนเดินผ่านได้สบายๆ ก็ขยายออกเชื่อมถุงทั้งสองเข้าหากัน
“เฟี๊ยต เฟี๊ยตจริงๆ ด้วย รอดแล้ว!” ทันทีที่เฟี๊ยตก้าวเข้าไปสู่บริเวณดังกล่าว ชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ก่อนแล้วก็วิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง มือทั้งสองข้างก็จับไหล่เขาเขย่าไปมาอย่างดีใจ
“ใจเย็นปัน ใจเย็น ฮ่าฮ่า ดีใจเหมือนกันที่กลับมาเจอกันจนได้ นึกว่าจะต้องฉายเดี่ยวกันเสียแล้วงานนี้” เฟี๊ยตพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง เขายินดีจริงๆ ที่ได้เจอกับเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ในสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้แบบนี้ มันไม่สนุกเลยสักนิด
“ออกไปหาแทนกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน” ปันเสนอ แววตาคู่นั้นฉายชัดถึงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“โทรบอกก่อนไหม” เฟี๊ยตหยิบไพ่ที่ยังค้างอยู่ในมือชูขึ้นเป็นคำถาม เขาเองเพิ่งสั่งเรียกเก็บการ์ดโทรศัพท์ไปเมื่อครู่นี่เอง
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง เสียเวลา แปบเดียวก็น่าจะเจอกันแล้ว” ปันตัดสินใจออกมา
“โอเค งั้นไปกันเลย” เฟี๊ยตเอ่ยรับ พลางเดินนำไปยังบริเวณขอบผนังฝั่งที่จะมุ่งตรงไปหาแทน
“ปันใช้แท่งแก้วนี่แตะไปที่ผนังนั่นนะ มันเป็นสารที่ใช้กระตุ้นให้ไอ้ถุงนี่ให้เปลี่ยนสภาพเป็นถุงลำเลียงได้” เฟี๊ยตพูดพลางยื่นบีกเกอร์เดียวกับที่ตนใช้ออกจากที่คุมขังส่งให้ปัน หลังจากที่เพิ่งเรียกออกมาจากการ์ดห้องปฏิบัติการของเขาเอง
ชายผิวขาวรับไปอย่างไม่พูดอะไร มือนั่นหยิบแท่งแก้วตามที่เฟี๊ยตชี้แตะไปที่ถุงลำเลียงดังกล่าว และแล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าถุงนั่นขยับเขยื้อนออกจนกลายเป็นโครงสร้างให้เขาทั้งสองคนก้าวเข้าไป ก่อนจะปิดตัวลงจนกลายเป็นพาหนะอย่างสมบูรณ์
“เฟี๊ยตนี่อัจฉริยะชัดๆ เลย” ปันหันมายิ้มกว้างให้เขาอย่างชื่นชม
“ผู้เล่น Punnawutt สามารถใช้สติปัญญาเพื่อออกจาก The Prison of Companions (ที่คุมขังแห่งเพื่อนร่วมทาง) ผู้เล่นได้รับไพ่ชื่อ The Booze of Malacca (น้ำเมาแห่งมะละกา) ไพ่สูงสุดลำดับที่ 81 เป็นของรางวัลจากความสำเร็จดังกล่าว”
“เฟี๊ยต อย่างนี้ใช่ไหมถึงให้เราเป็นคนแตะด้วยตัวเอง เรารับไว้ไม่ได้หรอก มันควรจะเป็นของเฟี๊ยต เฟี๊ยตเก็บมันไว้เถอะ” ปันหยิบการ์ดสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้า ส่งให้เฟี๊ยตอย่างไม่ลังเล
“ไม่ได้หรอกปัน พวกเราเป็นทีมเดียวกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน จำไม่ได้หรอ ตอนยูนิคอร์นนั่น ปันกับแทนก็ให้การ์ดเราเหมือนกัน ให้เราตอบแทนปันกับแทนบ้างเถอะ” เฟี๊ยตพูดอย่างตัดสินใจแน่วแน่ ก่อนจะหันไปดำเนินแผนการมุ่งไปหาเพื่อนคนสุดท้ายในทีมต่อ โดยไม่เปิดโอกาสให้ปันได้ปฏิเสธอีกเลย
“The Seedling Bible RELEASE!”
“The Illusory Snake RELEASE!”
การเดินทางรอบนี้ไปอย่างง่ายดายมากเมื่อเทียบกับตอนที่เฟี๊ยตเคลื่อนที่มาหาปัน เพราะเมื่อมีปันร่วมในการเดินทางอย่างนี้ การควบคุมกระแสการไหลเป็นไปอย่างสะดวกขึ้นมาก เฟี๊ยตทำหน้าที่เพียงแค่ถือไบเบิ้ลที่มีภาพมายาทาบอยู่นั่นให้ปันดู ที่เหลือก็เป็นความสามารถของปันและคทาไพลินนั่นที่พาเจ้าพาหนะนั่นเคลื่อนที่ไปหาเพื่อนร่วมทีมคนสุดท้ายอย่างรวดเร็ว
“Illusory!” เฟี๊ยตตะโกนสั่งขึ้นเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเป้าหมายเต็มทน เจ้างูน้อยที่ชี้พิกัดอยู่บนสมุดเลือนหายไป กลายเป็นงูขนาดใหญ่ที่เกี่ยวประหวัดเซลล์สีเทาอันหนึ่งเป็นการบ่งชี้เป้าหมายได้เป็นอย่างดี ปันชี้คทาที่ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้านั่นไปยังพิกัดนั่น ก่อนที่พาหนะของพวกเขาจะพุ่งตรงไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว ถุงลำเลียงประกบเข้ากับเซลล์สีเทา ก่อนจะหลอมรวมกันเพื่อเปิดช่องว่างให้ผู้มาเยือนทั้งสองก้าวเข้าสู่ภายใน
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ปัน เฟี๊ยต!”
เสียงร้องของชายหนุ่มคนสุดท้ายของทีมดังขึ้นอย่างตกใจ สภาพของแทนในเวลานี้เรียกได้ว่าเกือบจะเปลือยไปทั้งเรือนร่าง ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งเนียนสนิทกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนถุงนอนที่ใช้อยู่ประจำนั้น ทั้งร่างกายมีเพียงกางเกงในแบบขาสั้นเข้ารูปตัวเดียวที่ปกปิดร่างกายอยู่ เครื่องนุ่งห่มน้อยชิ้นเผยให้เห็นร่างกายที่กำยำไปด้วยมัดกล้ามแบบนักกีฬาโดยแท้ ไหล่กว้างใหญ่ที่ผายราวกับปีกของเทพบุตรที่สยายอยู่น้อยๆ นั้น รับกับช่วงแขนที่อุดมไปด้วยลอนคลื่นของความเป็นชายที่ไล่ระดับไปตั้งแต่หัวไหล่จนปลายของมือหนานั่น ถัดจากช่วงไหปลาร้าลงมาเป็นแผงอกแกร่งที่เปลือยเปล่า สรีระอันหนาราวกับแผงเหล็กนั้นสอดประสานกับเอวที่คอดลงอย่างเล็กน้อยนั่นเป็นอย่างดี หน้าท้องปราศจากไขมันเผยให้เห็นกล้ามเนื้อทั้งหกก้อนที่ปูดหนาอย่างคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไล่ลำดับตามแนวสายตาให้ไปสิ้นสุดที่ส่วนโค้งเบื้องล่างที่แข็งแกร่งเป็นรูปตัววีที่ชวนให้หลงใหล บุคคลตรงหน้านี้สง่างามราวกับรูปปั้นของเทพบุตรโรมันที่ถูกสรรสร้างมาจากมนุษย์ที่ได้แต่จินตนาการว่ารูปร่างของบุรุษเพศที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นอย่างไร ต่างกันเพียงแต่ว่า ร่างที่อยู่ตรงหน้านี่มีลมหายใจแห่งชีวิต และกำลังส่งสายตาแสดงความตกใจถึงขีดสุดมาทางพวกเขาทั้งสองคน!
จากผู้แต่ง : เอามาลงอีกแล้ว เอ๊ะ ไหนบอกว่าแต่งไม่ทัน แต่ก็ยังปั่นมาลงต่อให้ได้ ไม่อยากให้คนอ่านรอเก้ออ่า คนอ่านก็ต้องคอมเมนท์ให้กำลังใจในความขยันคนแต่งหน่อยน้า เติมกำลังใจให้หน่อยนะครับผม
ขอบพระคุณฮะ