ตอนที่ 39 Zodiac
“อืมม เฟี๊ยตว่าปันกับแทนคิดถูกแล้วหละที่บอกว่าวิหารนั่นอยู่ในป่า” เฟี๊ยตเอ่ยออกมาในที่สุด หลังจากอ่านบทกวีซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง
“หรอๆ ทำไมหละเฟี๊ยต มีตรงไหนบอกไว้หรอ เอาจริงๆ ปันกับแทนก็แปลไม่ค่อยออกหรอกจับได้เป็นคำๆ แค่นั้นแหละ ปันก็เรียนนานาชาติมา ภาษาไทยนี่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ส่วนแทนนี่ก็อย่างที่เห็นอ่ะเฟี๊ยต เก่งแต่เรื่องใช้กำลัง เรื่องใช้ความคิดนี่ไม่กระดิกเลย” ปันสารภาพ แต่ฟังไปฟังมาเหมือนจะมีการเหน็บแหนบเพื่อนสนิทปนๆ มาด้วย
“โหย ปัน พูดงี้ได้ไงอ่า ทีเมื่อวานแทนยังคิดเรื่องไอน้ำกับฝนออกเลย ปันก็คิดไม่ออก จริงๆ แล้วแทนเป็นคนเก่งน่า แต่แค่ไม่ชอบแสดงออก” แทนยืดอกขึ้นทำท่าภาคภูมิใจเป็นเด็กๆ
“บังเอิญ!” ปันหันไปแย้งสั้นๆ ก่อนจะหันมาปรึกษากันเฟี๊ยตเรื่องเบาะแสอีกครั้ง
“ตามกลอนนี้บอกว่า วิหารนี้ซ่อนตัวอยู่กลางดงเถื่อน” เฟี๊ยตชี้ให้ชายทั้งสองดูถึงเหตุผลที่สนับสนุนว่าสถานที่ดังกล่าวแฝงตัวอยู่ในป่าทิวสนแห่งนี้จริง
“แปลกตรงไหนอ่าเฟี๊ยต ที่ซ่อนการ์ดมันก็ต้องอยู่ท่ามกลางภยันอันตรายอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นป่าแห่งนี้เลย” แทนแย้งมาด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
“ใช่ ปันอ่านแล้วคิดถึงพวกคุกใต้ดินในปราสาทลี้ลับมากกว่าอีกนะ” ชาวผิวขาวเอ่ยสนับสนุนอีกหนึ่งเสียง
“เถื่อน ในภาษาไทย แปลว่า ป่า ก็ได้ครับ” เฟี๊ยตเอ่ยเฉลยสั้นๆ
“เฮ้ย จริงดิ เฟี๊ยตรู้ได้ไงอ่า เก่งมากๆ” ปันถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“วิชาภาษาไทยตอนม.ปลายมีสอนอยู่นะ เฟี๊ยตพอจำได้หนะ” เฟี๊ยตตอบอย่างถ่อมตัว จริงๆ ก่อนที่เขาจะเบนสายมาทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มตัว เขาก็มีความรู้เรื่องภาษาอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความคิดที่ว่าการเรียนสายวิทย์อย่างไรก็น่าจะไปได้ไกลมากกว่า เขาจึงห่างจากความรู้สายศิลป์มาพอสมควร
“อ่อ ปันก็ไม่ได้เรียนวิชาภาษาไทยตอนม.ปลายเสียด้วย” ปันพูดพลางหันมาทางชายหนุ่มคนสุดท้าย
“อย่ามามองหน้าแทน แทนเรียนโรงเรียนกีฬา วันๆ ซ้อมแต่ยิงปืน อย่าว่าแต่ภาษาไทยเลย วิชาอะไรก็แทบไม่ได้เรียนทั้งนั้นแหละ” ชายร่างใหญ่ชูสองมือยกราวกับกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนเอง เฟี๊ยตมองทั้งคู่เถียงกันไปมา แล้วก็ได้แต่โคลงหัวด้วยความขัน
“เฟี๊ยตลองแปลความให้พวกเราหน่อยได้ไหม เราว่าความจริงมันต้องมีเบาะแสอะไรมากกว่านี้อีกแน่ๆ เพียงแค่เราสองคนแปลมันออกมาไม่ได้” ปันเอ่ยขึ้น
“ขอเวลาสักครู่นะ ตอนนี้เฟี๊ยตกำลังพยายามหาคำแปลคำศัพท์บางคำที่เฟี๊ยตก็แปลไม่ออกอยู่เหมือนกัน ขอเรียบเรียงข้อมูลแปบ” เขาเอ่ยรับ
‘ไบเบิ้ล’ เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นในใจ
“ขอรับ นายท่าน” เสียงตอบดังขึ้นที่ใบหูของเขา
‘หากเราจะถามข้อมูลบางอย่างกับเจ้า เจ้าจะตอบได้หรือไม่’ เฟี๊ยตเอ่ย
“ด้วยความสัตย์จริง นายท่าน จริงๆ แล้ว ไบเบิ้ลเองเป็นหนังสือที่รวบรวมข้อมูลไว้มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของเกมนี้เลย นายท่าน แต่น่าเสียดายที่หลายครั้งคำถามของนายท่านอยู่เหนือขอบเขตของเกม จึงทำให้สุดปัญญาของไบเบิ้ลจะไขว่คว้าถึง ขอให้ไบเบิ้ลได้พยายามในครั้งนี้ดูอีกครั้งเถิด” หนังสือคู่ใจของเขาเอ่ยแก้ตัวราวกับว่ารู้ตัวดีที่หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา มันไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้เลย
‘เราต้องการความหมายของคำศัพท์บางคำ’
“ถ้าเป็นคำศัพท์ที่ปรากฏอยู่ในเกมๆ นี้ ไม่มีคำใดที่ไบเบิ้ลตอบไม่ได้ นายท่าน”
‘สีมา’
“เขตแดน”
‘รุกขัย’
“แผลงมาจากรุกขชาติ ที่แปลว่า ต้นไม้”
‘วิศิษฏ์’
“สวยงาม”
‘เสาวภาคย์’
“สวยงามเช่นเดียวกัน นายท่าน”
‘จินต์’
“คิด จินตนาการ”
‘ขอบคุณมาก ไบเบิ้ล’
“เป็นความยินดีของไบเบิ้ลมากกว่า ที่มีโอกาสได้รับใช้นายท่าน” หนังสือของเขาตอบอย่างถ่อมตัว
‘อ่อ อีกเรื่อง เอกสารที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นของจริงหรือไม่ หรือมันเป็นสิ่งที่ถูกปลอมแปลงขึ้น’ ตอนแรกเขาเกือบจะจบบทสนทนาไว้เท่านั้น แต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาจึงเอ่ยถามในประเด็นที่สงสัยต่อ
“ของจริง นายท่าน เอกสารนี้มีทะเบียนรองรับอยู่ในเกมนี้ ไม่ได้ถูกปลอมแปลงขึ้นแต่อย่างใด”
‘วิหารประจำเมือง คืออะไร ไบเบิ้ล’
“วิหาร หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง เป็นสถานที่สำหรับให้ผู้เล่นเข้าไปผจญภัยเพื่อเก็บการ์ด ซึ่งวิหารในแต่ละเมืองนั้นจะแตกต่างกันไป โดยสถานที่ตั้งของวิหารนั้นจะเป็นความลับ และไม่ปรากฏในแผนที่ฉบับใด ผู้เล่นจำเป็นต้องหาเบาะแสเพื่อไปสู่สถานที่แห่งนั้นเอง” ไบเบิ้ลอธิบาย
‘เจ้ามีแผนที่วิหารกุมภาพันธ์หรือไม่’ เขาถาม
“ตามที่ไบเบิ้ลกล่าว วิหารเหล่านี้ไม่เคยปรากฏอยู่ในแผนที่ใด ไบเบิ้ลรู้เพียงหนทางที่จะตามหาเบาะแสได้เท่านั้น ซึ่งในบัดนี้คงไม่จำเป็นสำหรับวิหารแห่งนี้ เพราะท่านได้มันมาอยู่ในมือแล้ว”
‘ถ้าเข้าไปในวิหารแล้ว เราน่าจะเจออะไรไบเบิ้ล’ ชายหนุ่มเอ่ยถามสิ่งที่เขาสงสัยที่สุดในตอนนี้ เขาไม่ชอบอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้เลย ขอเขาพอรู้อะไรเบื้องต้นไว้บ้าง จะได้พอทำใจล่วงหน้าไปก่อน
“อย่างที่ไบเบิ้ลบอก วิหารแต่ละที่จะแตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ตามตำนานเล่าว่า ภายในวิหารที่ประจำอยู่ทุกเมืองนั้น ถูกปกป้องไว้ด้วยโซดิแอคทั้ง 12”
‘โซดิแอค โซดิแอคที่แปลว่าราศีหนะหรอไบเบิ้ล ราศีเกี่ยวอะไรกับเกมนี้ด้วย’ เฟี๊ยตเอ่ยถามด้วยความงุนงง
“Zodiac เป็นชื่อเรียกของ Game Master หรือผู้ที่เป็นผู้สร้างเกมนี้ขึ้นมาทั้ง 12 คน พวกเขามีหน้าที่ควบคุมเกมให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และกติกาที่วางไว้ รวมถึงปกป้องการ์ดสูงสุดบางใบให้ถูกส่งมอบแก่คนที่คู่ควรเท่านั้น” หนังสือเล่มนั้นกล่าวเฉลย
‘นี่แปลว่าต้องไขปริศนาจนเข้าไปในวิหารได้ แล้วยังต้องไปบู๊กับเกมมาสเตอร์อีกเนี่ยนะ โอ๊ย นี่เงินรางวัลสิบล้านหรือร้อยล้านกันแน่เนี่ย’ เขาบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อรู้สึกว่าเกมนี้ซับซ้อนกว่าที่คาดคิดไว้มาก
“อย่าเพิ่งกังวลใจไปเลยนายท่าน ในทางปฏิบัติแล้วมีวิหารเพียงไม่กี่ที่เท่านั้นที่ยังคงมีโซดิแอคดูแลอยู่ เนื่องจากโซดิแอคยังมีหน้าที่อื่นที่จะต้องไปทำในเกมนี้ จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานานๆ ได้ อีกอย่าง วิหารบางที่นั้น ไม่เคยมีผู้เล่นผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปได้เลยตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา จึงทำให้โซดิแอคส่วนใหญ่เลือกที่จะทิ้งวิหารเหล่านั้นให้อยู่ตามธรรมชาติ โดยอาจจะวางกับดักหรือปริศนาบางอย่างเพื่อป้องกันการ์ดสูงสุดแทน” ไบเบิ้ลพยายามเอ่ยคลายความกังวลใจให้กับตัวเขา
‘วิหารกุมภาพันธ์เคยมีผู้ผ่านเข้าไปได้ทั้งหมดกี่คน’ เขาสุ่มถามอย่างตัวเองก็ไม่มั่นใจว่าหนังสือเล่มนั้นจะมีคำตอบให้เขาหรือเปล่า แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้ฟังคำตอบนั้น
“0 คน นายท่าน!”
“เฟี๊ยตกำลังหาข้อมูลด้วยวิธีไหนอ่ะ เห็นนั่งมองกระดาษเฉยๆ มานานแล้ว นี่แทนไม่ได้กวนตีนนะ แต่สงสัยจริงๆ” แทนพูดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้ เมื่อไม่เห็นว่าเฟี๊ยตจะหยิบหนังสือมาเปิดหรือเรียกใช้การ์ดใดๆ ตามที่ชายหนุ่มนั้นได้คาดการณ์ไว้เลย
“อืม นั่นดิ ไม่ได้จับผิดนะ คือปันก็สงสัยเหมือนกัน” ชายอีกคนเอ่ยอย่างเห็นด้วย
“เฟี๊ยตใช้หนังสือรอบรู้หนะ” เขาพูดพลางชี้ให้ดูต่างหูที่อยู่บนหูเขา
“เดิมทีไบเบิ้ลเป็นการ์ด สำหรับค้นคว้าข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในเกมหนะ แต่มันใช้ไม่สะดวก เพราะว่าต้องมาคอยนั่งเปิด เฟี๊ยตเลยมาเปลี่ยนเป็นต่างหู ที่สามารถพูดตอบให้ฟังได้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา พอเราสั่งคำถามในหัว มันก็จะตอบออกมาให้เราฟัง มันเลยดูเหมือนเรานั่งเฉยๆ ทั้งๆ ที่ความจริงเรากำลังหาข้อมูลอย่างหนะ” เฟี๊ยตยิ้มอย่างไม่ถือสา ก่อนจะค่อยๆ อธิบายให้เพื่อนทั้งสองฟัง
“เฮ้ยย เฟี๊ยตได้การ์ดใบนี้มาได้อย่างไรอ่า มันมีประโยชน์มากเลยนะ เฟี๊ยตรู้เปล่าว่าการจะหาข้อมูลข่าวสารในเกมเป็นเรื่องยากมาก อยากรู้อะไร ก็ต้องจ่ายตังค์ค่าถาม หรือไม่ก็ต้องไปแข่งขันให้ได้มา การ์ดนี้สุดยอดมากเลยอ่ะ เซฟทั้งแรง เซฟทั้งเงิน เซฟทั้งเวลา” ปันเอ่ยอย่างชื่นชมมากเมื่อได้ฟังคุณสมบัติของการ์ดไบเบิ้ลของเขา
“จริงหรอปัน เฟี๊ยตคิดว่ามันดูน่าเบื่ออ่า ความจริงเฟี๊ยตอยากได้การ์ดเท่ๆ เป็นพวกอาวุธ หรือสัตว์ประหลาดมากกว่าซะอีก เฟี๊ยตได้การ์ดมาตอนเริ่มเกมอ่า เป็นการ์ดพรสวรรค์ การ์ดพรสวรรค์ของปันกับแทนเป็นไพ่อะไรหรอ” เฟี๊ยตตอบพลางถามกลับ
“ของปันเป็นคทาไพลิน ส่วนของแทนเป็นปืนไฟอันนั้นตามที่เห็นเลย” ปันตอบ
“แปลว่าเฟี๊ยตต้องเป็นคนฉลาดมากเลยสินะ เพราะเกมจะวิเคราะห์คุณสมบัติผู้เล่น แล้วเลือกการ์ดพรสวรรค์ที่เหมาะสมออกมา ไม่แปลกใจเลยนะเนี่ย ที่จะคิดแผนการจัดการงูยักษ์ได้ภายในเวลาแปบเดียว” ชายผิวแทนพูดขึ้นบ้าง สายตาของเขาแสดงความชื่นชมออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ง่ะ เฟี๊ยตอยากได้ไพ่อาวุธมากกว่าเสียอีก ไพ่แบบนี้มันดีจริงหรอ มันใช้ต่อสู้ไม่ได้อ่า” เฟี๊ยตยังคงพูดด้วยความไม่มั่นใจ
“มันดีมากจริงๆ เฟี๊ยต ไพ่อาวุธหนะ ยังไงก็สามารถหาได้ง่ายๆ ในเกมอยู่แล้ว แต่ไพ่ข้อมูลข่าวสารสารพัดประโยชน์แบบนี้ ใช่ว่าจะหาได้ในเกมกันง่ายๆ นะ มีแต่คนอยากได้ผู้เล่นที่มีไอเทมแบบนี้ไปร่วมทีม มีการ์ดแบบนี้เหมือนมีบทสรุปเกมอยู่ในมือ โอกาสชนะพุ่งขึ้นเห็นๆ” ปันเอ่ยพลางยิ้มยินดี
“และที่สำคัญ ไพ่ใบนี้และผู้เล่นคนนี้กำลังอยู่ในทีมของเรา” แทนเอ่ยขึ้นสำทับอย่างภาคภูมิใจในตัวเขา จนเขาเองก็อดยิ้มออกมาบ้างไม่ได้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์กับคนอื่นมานานเท่าไหร่แล้วนะ
จากผู้แต่ง : หอยทากเรียกพี่มาต่อให้ละฮ๊าฟฟฟฟ อิอิ มาช้าแต่มาทุกวันนะเออ อุอิ
นิยายนี้ตั้งใจแต่งให้เป็นแฟนตาซีอ่า ความรักของเฟี๊ยตอาจจะดูมาช้า อย่ากดดันคนแต่งเบยยย เร่งฝุดๆแบ้วว
สถานการณ์ตอนนี้ย่ำแย่มาก เหลือตอนในสต๊อคสองตอนถ้วน ห้าห้า อาทิตย์หน้าอาจไม่ได้ลงทุกวันแล้ว
แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ ขอคอมเมนท์เป็นกำลังใจหน่อย อิอิ
