ตอนที่ 34 Angler Fish
หยาดฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้น ทำเอาชายทั้งสามตัวสั่นไปตามๆ กัน ไหล่ทั้งสามเบียดกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ เฟี๊ยตยกมือขึ้นกอดอกเพื่อบรรเทาความหนาวลงไปบ้าง นี่ขนาดเจ้าเอลฟ์บอกว่าเสื้อของเขาช่วยลดความหนาวจากภูมิอากาศได้แล้วนะ ยังหนาวไม่ใช่เล่นขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเขาออกเดินทางด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงแสลคตัวโปรดของเขามันจะเกิดอะไรขึ้น
“Fire”
เสียงของแทนดังขึ้นอย่างไม่เบานัก พลางหันลำกล้องปืนคู่ใจเฉต่ำลงพื้น กะระยะห่างออกจากกลุ่มไปประมาณ 3 เมตรได้ ลูกไฟที่แปรสภาพมาจากลูกกระสุนที่ออกมาจากอาวุธของชายหนุ่มนั้น ช่วยเพิ่มอุณหภูมิบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี แทนหันไปยิงลูกไฟลงพื้นไปรอบๆ เขตที่พวกเขายืนกันอยู่ และเพียงชั่วเวลาไม่นาน ชายทั้งสามคนก็พ้นจากสภาพความหนาวเมื่อครู่นี้ไปได้
“เฮ้ย ไอ้งูนั่นมันหนีหายไปแล้ว!”
ชายผู้ถือคทาไพลินเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน หลังจากที่พายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้น พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าเจ้าอสรพิษมีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยความหนาวที่มาแย่งความสนใจจากพวกเขาไปจนหมด กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็พบว่ามันหนีหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็เป็นไปตามแผนนะ ที่เหลือตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้นว่า แผนที่เฟี๊ยตวางไว้จะประสบความสำเร็จหรือเปล่า” เขาตอบอย่างไม่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“SEAL” เฟี๊ยตเอื้อมมือไปจับที่มนุษย์ชาติอาชาไนยผู้เป็นกุญแจสำคัญในแผนการล้อมจับงูยักษ์ในครั้งนี้ การ์ดใบสีน้ำตาลอ่อนกลับเข้าสู่สมุดของเขา และทันทีที่เซนทอร์ถูกเรียกกลับคืนสภาพ ความรุนแรงของพายุฝนก็ดูจะลดลงอย่างมาก ความวิปริตแปรปรวนของธรรมชาติเมื่อครู่ดูจะเบาบางไปอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้ ป่าสนโดยรอบของชายทั้งสาม เหลือไว้เพียงแต่เม็ดฝนเบาบางที่ยังคงประพรมลงมาเท่านั้น
“ที่เหลือก็แค่รอเวลาว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนหรือเปล่า” เฟี๊ยตหันมาพูดกับเพื่อนทั้งสองพลางคลี่ยิ้มอย่างสบายๆ ก่อนจะชักชวนกันไปหาที่นั่งเผื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากสถานการณ์เลวร้ายเมื่อครู่
ทั้งสามคนเลือกนั่งลงเป็นโขดหินเล็กๆ ที่อยู่บริเวณไม่ห่างไปจากสมรภูมิรบนั้นมากนัก แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสามคนจะได้พูดจาทักทายอะไรมากกว่าเดิมนัก ก็ปรากฏเสียงสิ่งของบางอย่างลอยตัดอากาศมาจากทางป่าด้านซ้ายที่อยู่ถัดออกไป เฟี๊ยตเอื้อมมือออกไปทางด้านหน้า พร้อมกับเวลาเดียวกันกับที่ของสิ่งนั้นมาถึงมือของเขาพอดี
“ชื่อ Traps of Anglerfish (กับดักของปลาตกเบ็ด) ประเภท FC (ไพ่ตัวตน) ระดับ 7 ความสามารถ ใช้ในการผนึกไพ่ตัวตน”
“ชื่อ The Illusory Snake (อสรพิษลวงตา) ประเภท FC (ไพ่ตัวตน) ระดับ 5 ความสามารถ ใช้ในการต่อสู้”
‘เลเวล 5 สู้แทบตายแค่เลเวล 5 นี่ถ้าเลเวล 10 นี่ไม่มาเป็นหิรันตยักษ์ม้วนแผ่นดินเลยหรอเนี่ย!’ เฟี๊ยตบ่นกับตัวเองพลางส่ายหัวอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเก็บไพ่ลงในหนังสือของตน
เมื่อเฟี๊ยตหันกลับไปที่เพื่อนใหม่ทั้งสองคนของเขา ก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองเขาอย่างประหลาดใจปนกับชื่นชมที่เฟี๊ยตสามารถผนึกการ์ดได้สำเร็จตามที่เขาได้บอกไว้จริงๆ
“นายทำได้ไงอ่ะ ตกลงแผนการมันเป็นยังไง” ปันที่ในขณะนี้เก็บคทาเข้าหนังสือการ์ดไปเรียบร้อยแล้ว เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนไปทางตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
“นายต้องเฉลยแล้วแหละ เพราะนายบอกว่า นายจะเล่าให้ฟังเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย” ชายผิวเข้มอีกคนกล่าวขึ้นสำทับ ฟันขาวเรียงตัวสวยกำลังเผยตัวอวดโฉมอยู่อย่างอารมณ์ดี
“โอเคๆ มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรสักหน่อย แค่มันต้องอธิบายยาวไง ก็เลยรอไว้เล่าที่เดียว จะได้ไม่ขาดตอนหนะ ฮ่าฮ่า” เฟี๊ยตเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มต้นเล่าแผนการให้เพื่อนใหม่ทั้งสองคนฟัง
“ตอนแรกที่เราเริ่มต่อสู้กับมันใช่ไหม เราพบว่าลูกกระสุนทรายของเราทำอะไรมันไม่ได้เลย จะมองว่าพลาดเป้าก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าหลายนัดที่เราเห็นว่าโดนเต็มๆ เลย แต่มันก็ดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย” เฟี๊ยตเริ่มต้น
“หลังจากนั้นเราก็เริ่มสังเกตว่าพื้นที่ป่าโดยรอบมันดูเรียบร้อยมากเกินไป เพราะว่าคู่ต่อสู้มีขนาดใหญ่มาก ควรจะมีร่องรอยที่ต้นไม้หรือป่าพังพินาศมากกว่านี้ แต่ที่เห็นมีอยู่มันน้อยเกินไป ความเสียหายที่พอจะมีอยู่บ้างก็น่าจะเป็นผลจากการโจมตีของพวกนายเสียมากกว่า” เฟี๊ยตหันไปมองชายทั้งสอง
“เราก็เลยลองโจมตีเจ้างูนั่นให้โดนจังๆ สักครั้งนึง เพื่อจะดูผลว่าเป็นอย่างไร ปรากฏว่าการโจมตีผ่านตัวมันไปเฉยๆ ราวกับว่ามันไม่มีตัวตนอยู่จริง ถึงตอนนั้น เราก็พอเดาออกในใจได้ว่า มันเป็นเพียงภาพลวงตา” เพื่อนใหม่ทั้งสองครางฮือขึ้นในลำคอ ชายทั้งสองคนอดทึ่งในความหลักแหลมของคนตรงหน้าไม่ได้
“เฮ้ย เก่งมากอ่ะ พวกเราสู้กับมันตั้งนานยังดูไม่ออกเลย ใช่ไหมแทน” ชายผิวขาวหันไปพูดกับเพื่อนอย่างชื่นชมในตัวเพื่อนใหม่อย่างเปิดเผย
“ใช่ ฉลาดจริงๆ” แทนเอ่ยตอบอย่างสนับสนุน ในขณะที่ส่งสายตามาทางเขา ราวกับว่าอยากจะบอกกับเขาโดยตรงมากกว่าจะตอบกับผู้เป็นเพื่อน
“ไม่หรอก เราโจมตีพร้อมกันมากๆ ไง มันเลยสังเกตเห็นได้ง่ายกว่าปันกับแทนแหละ” เฟี๊ยตตอบ ก่อนจะเริ่มต้นเล่าต่อไป
“หลังจากนั้นเราก็เริ่มคิดต่อว่าร่างจริงมันอยู่ที่ไหน ตอนนั้นเราคิดว่ามันจะต้องซ่อนร่างจริงไว้ที่อื่นแน่ๆ เพราะการโจมตีปริมาณมากที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณก็ไม่สามารถทำให้มันหวาดกลัวได้ เราเลยคิดว่าที่มันไม่ต้องกลัว เพราะร่างจริงของมันไม่อยู่ใกล้กับพวกเราเลย” เฟี๊ยตกล่าวเป็นลำดับ
“ช่วงเวลานั้น เราให้นายสองคนถ่วงเวลาไว้ก่อน เพราะต้องการเวลาคิดว่าร่างจริงมันน่าจะอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าร่างที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นของปลอม แต่ถ้าไม่รู้ว่าของจริงอยู่ที่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”
“อ่อ ตอนนั้นนี่เอง แทนได้ยินนายเรียกชื่องูอะไรออกมาสักอย่างด้วย มันเกี่ยวกับแผนหรือเปล่า” แทนพูดขึ้นอย่างตั้งคำถาม
“งูทับสมิงคลาหนะ งูตัวที่เราสู้อยู่อ่ะ ถึงแม้ว่าในเกมจะถือว่าเป็นงูธรรมดาตัวหนึ่ง แต่มันลอกเลียนแบบคาแรคเตอร์มาจากงูในชีวิตจริง ปรกติแล้วงูจะมีถิ่นที่อยู่อาศัยได้หลากหลายมากนะ แต่งูทับสมิงคลามีข้อยกเว้นที่ชัดเจน คือมันชอบอยู่ตามแหล่งน้ำเป็นหลัก แถมลายบนลำตัวก็มีลักษณะโดดเด่น เฟี๊ยตเลยจำได้หนะ นี่ถ้าเป็นงูพันธุ์อื่นมา ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน” เฟี๊ยตตอบ
“ตอนนั้น เฟี๊ยตเลยออกไปที่บ่อน้ำผุดนั่นใช่เปล่า” ปันเอ่ยพูดเหมือนจะประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ ได้
“เฟี๊ยตรู้ได้ไงอ่ะ ว่ามันจะอยู่แหล่งน้ำไหน ในเมื่อในป่านี้มันก็ต้องมีแม่น้ำลำคลองเยอะแยะเลยไม่ใช่หรอ” แทนเอ่ยอย่างสงสัย
“แทน ปันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรอว่า ป่าแถบนี้มีแหล่งน้ำอยู่แค่แหล่งเดียว คือแอ่งน้ำผุดที่เรากำลังจะเดินทางไปเนี่ย” หนุ่มร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดน้อยๆ
“ง่า ปันก็รู้ว่าแทนไม่ชอบเรื่องน่าปวดหัวแบบนั้นหรอก ก็แบ่งงานกันแล้วไง ปันฝ่ายบุ๋น ส่วนเรื่องบู๊ ปล่อยให้แทนจัดการเองน่า ฮ่าฮ่าฮ่า” แทนดูจะชินกับการที่เพื่อนชายตำหนิในความไม่เอาไหนเรื่องแผนการเดินทาง ชายทั้งคู่คงสนิทกันมากพอสมควร เพราะดูจะรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี
“นั่นแหละๆ ตามที่ปันบอกเลย แถบนี้มีแหล่งน้ำอยู่แหล่งเดียว แต่พอเฟี๊ยตไปถึงเฟี๊ยตก็หามันไม่เจอหนะ แถมการ์ดเวทมนตร์ที่ใช้ในการหามอนสเตอร์ก็มาหมดฤทธิ์เสียก่อนจะหาทั่วด้วยซ้ำ เราเลยต้องเปลี่ยนมาใช้แผนบี” ชายหนุ่มเล่าต่อ
“แผนบี?” ปันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงฉงน ในขณะที่ชายผิวเข้มนั่งเอามือเท้าคาง พลางใช้สายตาเหม่อมองมาที่ตัวเขาด้วยความรู้สึกใดก็ไม่ทราบได้
“อืม พอดีตอนนั้น เฟี๊ยตไปเจอเหมือนลานทรายที่อยู่ไม่ไกลจากแหล่งน้ำเท่าไหร่ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนต่อสู้กัน เฟี๊ยตเห็นงูมันเอาตัวแถกไปกับพื้นอ่ะ การแถกก็คือ การที่งูยกลำตัวขึ้น แล้วกระเถิบตัวไปทางด้านข้างหนะ” เฟี๊ยตอธิบายเพิ่มเมื่อเพื่อนทั้งสองดูจะสงสัยกับคำศัพท์ที่ไม่เคยได้ยิน
“ซึ่งปรกติงูจะแถกตัวเฉพาะบริเวณพื้นที่ที่พื้นนุ่มมาก หรือพื้นทรายเท่านั้น นั่นแปลว่าเจ้าร่างจริงของงูยักษ์ต้องอยู่ในทุ่งทรายนั้นแน่นอน แต่พอดีตอนนั้นอำนาจการ์ดเวทมนตร์มาหมดลงเสียก่อน เราเลยจำเป็นต้องใช้การ์ดกับดักของปลาตกเบ็ดดักมันไว้ พอมันเคลื่อนที่ผ่าน มันก็จะถูกจับกลายเป็นการ์ดอย่างที่เห็นที่แหละ” เฟี๊ยตพูดพลางชูการ์ดปลาตกเบ็ดใบดังกล่าวให้ดู
“แล้วนายรู้ได้ไงอ่ะ ว่ามันจะเคลื่อนที่ผ่านตรงไหน” ปันยังคงถามต่อด้วยความสนเท่ห์
“สัตว์ทุกตัวมีสัญชาติญาณที่รุนแรงต่อปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเสมอ เมื่อมันสัมผัสได้ถึงอะไรที่จะเกิดขึ้น โดยปรกติมันจะละทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับเข้าสู่ที่ที่มันคิดว่าปลอดภัยที่สุด และส่วนใหญ่ที่ที่นั้นก็มักจะเป็นที่อาศัยของมันนั่นเอง พอดีระหว่างแหล่งน้ำกับลานทรายมีทางด่านแคบๆ เชื่อมต่อกันอยู่ โดยปรกติงูชอบเคลื่อนที่ไปทางรกชัฏ แต่ในกรณีรีบร้อนนี้ อาจจะถือได้ว่าเป็นข้อยกเว้น” เฟี๊ยตเอ่ยเฉลยเรื่องราว
“นายเลยนำเซนทอร์ออกมาเพื่อเรียกฝนใช่ไหม อันนี้เราเข้าใจแล้ว แต่ที่เราสงสัยมากๆ เลยคือจะให้เรากับแทนยิงไฟมาชนกับน้ำทำไมอ่า อันนี้เราไม่เข้าใจเลย” ปันเอ่ยถามถึงเรื่องที่ตนสงสัยที่สุด
“เมื่อไฟเจอกับน้ำ น้ำก็จะระเหยกลายเป็นไอไงปัน ไอน้ำปริมาณมากจะรวมตัวกันกลายเป็นเมฆฝนบนท้องฟ้า พวกมันจะสะสมความชื้นรอวันที่กลั่นตัวออกมาเป็นฝน แต่ที่ต้องยิงลูกไฟไปในแนวพื้นราบ ก็เพื่อเร่งให้ไอน้ำระเหยขึ้นไปด้านบน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ความชื้นที่สะสมกันอยู่เบื้องล่างจะทำให้ฝนไม่ตกลงมา แทนเข้าใจถูกต้องไหมครับ เฟี๊ยต” ชายร่างหนาเอ่ยตอบแทนเขาขึ้นมา
“ก็ประมาณนั้นแหละแทน แต่เฟี๊ยตไม่คิดว่าไอน้ำที่สร้างขึ้นมันจะมากไปหน่อย จากที่คิดว่าเป็นฝน มันเลยกลายเป็นพายุฝนอย่างที่เห็น แหะๆ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นพลางยิ้มจืดๆ ให้เพื่อนทั้งสองคนละที
ขณะนี้บรรยากาศความกดดันจากการต่อสู้เบาบางลงไปมาก เหลือแต่ความรู้สึกของความอบอุ่นของมิตรภาพใหม่ๆ ที่อบอวลไปในอากาศอย่างอ้อยอิ่ง พวกเขาทั้งสามคุยต่างยกบทสนาต่างๆ มาคุยกันจนนับได้ไม่หวาดไม่ไหว ริมฝีปากของเฟี๊ยตถูกยกขึ้นโชว์รอยยิ้มครั้งแล้วครั้งเล่า รอยยิ้มดังกล่าวหาได้แสดงออกไปเพราะมารยาทไม่ แต่มันถูกใช้เพราะชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นกับเพื่อนใหม่ทั้งสองคนจริงๆ เขาใช้ชีวิตอย่างเดียวดายในเกมนี้มาร่วม 15 วัน จนบัดนี้เฟี๊ยตก็เพิ่งค้นพบว่า ตัวเขาเองนั้นต้องการคนที่คอยอยู่เคียงข้างเขามากมายเพียงใด
จากผู้แต่ง : ตอนแรกตั้งใจจะลงให้สองตอนเลย ฉลองที่ลงครบหนึ่งเดือนเมื่อวานนี้
แต่พอมาดูตอนที่มีสต๊อคไว้ก็พบว่าควรจะลงแค่ตอนเดียวแหละดีแล้ว
ไม่อย่างนั้นต้องมีบางวันอดลงเพราะแต่งไม่ทันชัวร์ 555
ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะครับ เมนท์เยอะๆ คนแต่งช๊อบชอบบบ
ใครไม่เมนท์บ่อยๆ ก็เมนท์บ่อยๆนะ ขอกำลังใจ
