บทที่ 129 The Fifth Member
“อักขระค่ายกลเซียนสี่ทิศพิชิตมาร!”
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นทันทีที่เสียงสั่งการของชายหนุ่มร่างบางนั่นจบลง ก้อนพลังที่เกิดจากการรวมกันของพลังทั้งสี่ของพวกเขานั้นระเบิดขึ้นเสียงดัง ก่อนที่จะขยายขนาดออกอย่างรวดเร็ว ออร่าสีขาวเหลือบทองนั่นค่อยเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเรื่อยๆ จนเริ่มจะกะเกณฑ์ลักษณะได้
พลังจากค่ายมนต์ของปันนำมาซึ่งปีศาจสีขาวปนทองขนาดสูงประมาณตึกสามชั้น ร่างกายของมันห่อหุ้มไปด้วยเครื่องแต่งกายที่ประกอบขึ้นด้วยลักษณะราวกับนักรบโบราณอย่างใดอย่างนั้น ศีรษะของมันสวมหมวกโบราณที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยวัสดุแกร่งสำหรับป้องกันการโจมตีจากสรรพาวุธต่างๆ เค้าโครงหน้านั่นเผยให้เห็นเฉพาะส่วนของปากที่แยกเขี้ยวอย่างเหี้ยมเกรียมเท่านั้น ถัดลงมาในร่างกายส่วนต่างๆ ของมันนั้นถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะอยู่ทุกตารางนิ้ว ท่าทางของเครื่องห่อหุ้มเหล่านั้นดูจะทำมาจากไม้หรือพวกโลหะอื่นๆ ที่เคยเห็นในพวกรูปภาพเก่าๆ เท่านั้น แต่ด้วยเพราะเหตุใดก็ไม่ทราบได้ มันจึงดูมีลักษณะแข็งแกร่งจนบอกไม่ถูกเลย เจ้ายักษ์นั่นแผดเสียงคำรามดังลั่นไปจนทั่วบริเวณตีนเขานั่น เสียงของมันกังวานทับซ้อนกับไปมายั่วล้อไปตามทิวเขาเหล่านั้น
เพล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ก่อนที่ใครทุกคนในที่แห่งนั้นจะรู้สึกตัวได้ เสียงราวกับว่ามีวัสดุที่ประกอบขึ้นด้วยแก้วชนิดหนึ่งก็ดังลั่นขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด เฟี๊ยตมองตามไปยังที่มาของเสียงนั่นก็พบว่าที่มือซ้ายของปีศาจโบราณที่ปันได้เรียกมานั่นโหว่เป็นรูราวกับเป็นรูปปั้นที่ถูกของแหลมคมพุ่งทะลุผ่านไปฉะนั้น
เจ้านักบวชมืดเอาชนะพลังพระเพลิงของแทนสำเร็จแล้ว!
เจ้าอรินั่นปล่อยพลังความมืดที่ควบแน่นจนกลายสภาพไปจนเหมือนใบมีดที่มีลักษณะเป็นเกลียวนั่น พุ่งควงสว่านออกมาดับอำนาจของมือซ้ายของเจ้าปีศาจโบราณนั่นเสียสนิท มันฉวยโอกาสชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นในการบุกโรมรันขึ้นในจังหวะแรก
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เจ้ายักษ์ของปันนั่นเริ่มตั้งตัวได้แล้ว มันยกมือขวาที่ห่อหุ้มไว้ด้วยเกราะยักษ์นั่นซัดเจ้าปีศาจมืดที่ลอยอยู่กลางอากาศนั่นอย่างเต็มแรง จังหวะนั้นทุกคนในทีมแทบจะกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น มันเป็นความลุ้นระทึกที่สุดการโจมตีทางกายภาพของเจ้าปีศาจของปันนั่นจะสำเร็จหรือเปล่า
เฉกเช่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้ยินเสียงกระซิบอย่างลุ้นระทึกที่ดังมาจากใจของเฟี๊ยตในตอนนั้น หมัดขวาที่ประกอบขึ้นด้วยออร่าสีขาวนั่นจึงซัดเจ้าผ้าคลุมนั่นจนมีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด เจ้าไพ่สูงสุดนั่นกระเด็นไปกระแทกกับหน้าผาที่อยู่ไม่ห่างออกไปอย่างหมดรูป มือของใครสักคนหนึ่งในทีมในเวลานั้นกำขึ้นอย่างสะใจที่สุด นี่ดูจะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ว่าเจ้านั่นได้รับความเจ็บปวดขึ้นจริงๆ จังๆ บ้างแล้ว เทพเจ้าแห่งความโชคดีกำลังเริ่มเอนเอียงมาทางพวกเขา!
เจ้าผ้าคลุมนั่นใช้จังหวะที่ตนเพี้ยงพล้ำนั้นสวนกลับมาอย่างฉับพลันทันใดที่สุด ห่าเข็มสีดำสนิทปริมาณมากมายมหาศาลราวกับหยาดฝนนั่นพุ่งสวนกลับมาทางปีศาจยักษ์สีขาวสะอาดนั่นอย่างรวดเร็ว ไม่มีทางหนีได้เลย เจ้าปีศาจของปันนั่นตัวโตเกินกว่าจะหลบเลี่ยงการอาวุธจิ๋วปริมาณเกินคณานับนี้ได้!
ณ ช่วงจังหวะนั้นเอง ธันกับแทนเป็นคนที่ไหวตัวขึ้นก่อน และก้มลงแตะอาวุธในมือเพื่อจะช่วยสร้างเกราะป้องกันให้กับเจ้านักรบโบราณนั่น แต่ก็เรียกได้ว่าอาจจะเป็นความโชคร้ายก็เป็นได้ ห่าเข็มสีดำสนิทปริมาณมากนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยในขณะที่มันเดินทางตัดความมืดสนิทของยามราตรีนั่นพุ่งกลับมาที่นักรบฝ่ายเขา ชายทั้งสองรับรู้ได้แค่จิตปริมาณมหาศาลและกระจัดกระจายที่กำลังสวนพุ่งเข้ามานั่น หากแต่มันก็ยากเกินกว่าที่จะป้องกันได้อย่างทันท่วงที ธันเผลอสบถออกมาอย่างเจ็บใจที่สุด เขาพลาดอย่างที่ไม่สมควรพลาดเลย
เจ้านักรบขาวโบราณนั่นถูกเข็มนับหมื่นนับแสนนั่นพุ่งทะลุร่างจนพรุนแทบไม่เหลือชิ้นดี!
ออร่าสีขาวของมันเริ่มแหว่งไปด้วยรอยสีดำเล็กๆ เหล่านั้น ลักษณะของมันตอนนี้เหมือนกับก้อนพลังขนาดใหญ่ที่ถูกทะลุทะลวงจนมีสีดำกระจายขนาดไปทั่วตัวขนาดยักษ์นั่น เสียงคำรามของมันดังลั่นขึ้นอีกครั้งอย่างโกรธแค้น มันเอื้อมมือขวาที่ยังใช้การได้ดีอยู่นั่นไปคว้าเจ้าผ้าคลุมสีดำที่ลอยอยู่ใกล้ๆ กับหน้าผาที่ไม่ห่างออกไปนั่น ก่อนจะฟาดมันลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรง
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เจ้านักรบยักษ์โบราณนั่นใช้ตีนข้างขวาเหยียบเข้าที่ร่างของผ้าคลุมนั่นอย่างเต็มรักที่สุด!
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!”
เสียงตะโกนลั่นออกมาอย่างสะใจที่สุดดังออกมาจากใครสักคนที่อยู่ห่างออกไปนั่น อาจจะเป็นแทน ธัน หรือปัน เฟี๊ยตก็คาดเดาไม่ถูกเหมือนกันในเวลานั้น
ร่างของเจ้านักบวชมืดนั่นบี้แบนไปตามรอยนาบของตีนของเจ้ายักษ์นั่นกับพื้นที่ตอนราบกว้างบริเวณนั้นเอง พลังงานสีดำมืดลักษณะเหมือนควันเข้มข้นทะลักออกมาจากร่างนั้นราวฟองน้ำที่ชุ่มไปด้วยของเหลวสกปรกที่ถูกมือแกร่งบีบเค้นจนมันปลดปล่อยน้ำภายในออกมาจนกระจัดกระจายไปทั่ว ชายหนุ่มทั้งสี่คนแทบจะโห่ร้องยินดีในเวลานั้น เจ้าผ้าคลุมที่นอนราบคาบอยู่บนพื้นนั้น ดูจะพ่ายแพ้ให้กับอำนาจปีศาจโบราณเสียแล้ว!
“ชนะแล้วโว๊ย สิ้นสุดสักที”
เสียงของเฟี๊ยตพึมพำกับตัวเองขึ้นมาอย่างดีใจที่สุด จบสิ้นกับสักทีกับคืนที่ยาวนานและโหดร้ายในคืนนี้ เจ้าผ้าคลุมนั่นน่าจะแพ้อย่างราบคาบแล้ว เขาจะได้พักสักที สายตาของเขากวาดไปทางจีน่าที่อยู่ไกลไปอีกทางหนึ่ง เขาได้แบ่งจิตให้โกเลมไปดูแลจีน่าอยู่ตลอดเวลาแล้ว เด็กหญิงตัวเล็กนั้นกำลังตกอยู่ในปราการของทรายที่เข็มแข็งที่สุดเท่าที่เขาจะรังสรรค์ขึ้นได้ในภาวะนี้ เด็กหญิงคนที่เหน็ดเหนื่อยมามากที่สุดคนนี้ก็ควรจะได้พักผ่อนด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวก่อน นายท่าน!”
เสียงแย้งปนร้อนรนนั่นดังมาจากทางข้างหูของเขา เสียงที่เขาคุ้นเคยนั่นมีแววกังวลอยู่อย่างเห็นได้ชัด ไบเบิ้ลนั่นเอง ไบเบิ้ลที่เปรียบเสมือนคู่หูในการเดินทางของเขามาตลอด
“อะไร ไบเบิ้ล” เขาถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจในถ้อยคำเหล่านั้นนัก
“ยังไม่ชนะ นายท่าน ยังไม่ชนะ” เสียงร้องบอกนั่นร้อนรนจนเฟี๊ยตรู้สึกได้
“ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าผ้าคลุมนั่นแพ้ให้เจ้าปีศาจนั่นแล้วไม่ใช่เหรอ หรือมันยังมีลูกไม้อะไรซ่อนไว้อีก”
คำถามของเฟี๊ยตดังขึ้นอย่างงงๆ ใจของเขาเริ่มกลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้งเสียแล้ว หลังจากที่มันพองฟูได้แค่ชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้น ไบเบิ้ลเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือจนเขาเองก็ไม่อาจขัดแย้งได้เลย
“ระบบในเกมนี้มีการคำนวณความสามารถของผู้เล่นและไพ่แต่ละใบไว้อย่างชัดเจน นายท่าน พูดตามตรงคือพวกท่านทั้งสี่ในเวลานี้ยังจัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มผู้เล่นมือใหม่เท่านั้น ความสามารถยังไม่ติดร้อยผู้เล่นอันดับแรกของเกมเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่คู่ต่อสู้ในเวลานี้เป็นถึงไพ่สูงสุดอันดับต้นๆ ของเกมนี้ เหตุที่ท่านยังดูต่อกรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อในเวลานี้ เพราะว่าพวกท่านใช้พลังจิตทั้งสี่มารวมกันในไพ่ใบเดียวนั่น หากแต่ในตอนนี้ พลังจิตของพวกท่านก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว อีกประการหนึ่ง ไพ่ที่ท่านกำลังต่อสู้ด้วยมีความสามารถคือ มันจะทวีความแข็งแกร่งขึ้น เมื่อลุล่วงเข้าเวลาราตรีขึ้นตามลำดับ นั่นหมายความว่า ฝ่ายพวกท่านกำลังอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ ในขณะที่คู่ต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลา เป็นไปได้ยากถึงยากที่สุด หรือแทบจะเรียกได้ว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกท่านจะเอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้านี้ได้!”
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี ไบเบิ้ล”
เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยดังขึ้นอย่างอ่อนแรง ขาของเขาทั้งสองข้างทรุดลงกับพื้น เขาใช้ความสามารถทุกวิถีทางที่จะเอาคู่ต่อสู้ตรงหน้านี้แล้ว แต่มันก็ดูตีบตันไปเสียทุกทางเหลือเกิน
“หนี! การหนีคือคำตอบเดียวของพวกท่านในเวลานี้เท่านั้น ทำตามแผนบีที่นายท่านวางไว้ในสมองนั่นแล้ว ปัญญาของนายท่านจะนำพาให้พวกท่านพ้นภัย โปรดทำตามคำแนะนำของไบเบิ้ลเถิด นายท่าน!”
จากผู้แต่ง : ผมมีความฝันอยากเป็นนักเขียนมาตั้งแต่เด็ก ผมเลยบ้าอ่านหนังสือมาโดยตลอด ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่ง ความฝันของผมจะสำเร็จลงได้ ผมอยากเป็นนักเขียนมาโดยตลอด แน่นอน ผมไม่เคยจะมองว่านักเขียนนั้นมีข้อเสียอย่างไร
จวบจนวันนี้ วันที่ผมได้เริ่มต้นเขียนหนังสืออย่างจริงๆ จังๆ มันทำให้ผมรู้ว่าการเป็นนักเขียนมีข้อเสียอย่างหนึ่งที่ผมคิดไม่ถึงเลย นั่นคือ มันทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งกับโลกใบนี้มากเกินไป ฟังดูตลกนะ แต่ผมจะอธิบายให้ฟัง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปเห็นวัฒนธรรมใหม่ๆ โหยยย ผมจะรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาล ผมจะอิ่มเอมใจมาก เรื่องราวความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสีหน้าแววตาของคนที่ผมได้พบเจอ มันจะปะติดปะต่อกลายเป็นเรื่องราวที่ลึกซึ้ง อาจจะเรียกว่าเป็นพวกขี้มโนก็ได้นะ
แล้วมันมีข้อเสียยังไง มันมีข้อเสียเวลาชีวิตมันเศร้าไงครับ ความเศร้ามันจะลึก จะซึ้งกว่าที่คนทั่วไปเจอ ตอนเจ็บนี่ก็เจ็บเจียนตายนะครับ แบบทุกภาพ ทุกเรื่องราว ทุกความรู้สึกมันย้อนกลับมาทำร้ายอย่างโคตรทรมานอ่ะ ผมว่าเวลานักเขียนเจอเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต มันจะเหมือนว่าเขาจะจำเรื่องราวเหล่านั้นเป็นงานเขียนเรื่องหนึ่งในหัว คือมันมีเรื่องราวรายละเอียดเป็นบทเป็นตอน ลึกซึ้งกว่าความทรงจำแบบธรรมดาครับ และไอ้ความลึกซึ้งที่มากเกินไปที่แหละ ที่จะกลับมาทำร้ายในวันที่เรื่องราวเหล่านั้นไม่เหลืออยู่เลย
พูดแล้วดราม่านะครับ T^T อาทิตย์หน้าจึงขอหยุดยาวตั้งแต่พฤหัส เสาร์ และอาจจะอาทิตย์ด้วย อิอิ ห้ามโกรธ ป่วยทางใจนะฮ๊าฟ เห็นใจโหน่ยยย