บทที่ 128 Reunion
“นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ เฟี๊ยต”
“ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะ เฟี๊ยต”
ประโยคทั้งสองดังขึ้นทั้งๆ ที่ชายทั้งสองคนยังหันหลังอยู่อย่างนั้น แทนและปันยังคงปล่อยพลังเวทย์เป็นจังหวะๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้านักบวชนั่นบุกจู่โจมเข้ามาได้อย่างถนัดนัก
ประโยคแรกดังมาจากชายร่างหนาที่กำลังกวาดปลายกระบอกปืนไปตามผ้าคลุมสีดำสนิทที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศนั่น เสียงนั่นปนความยินดีไว้อย่างชัดเจน
ในขณะที่อีกประโยคหนึ่งนั้น ดังมาจากชายผิวขาวอีกคนที่กำลังเริ่มต้นร่ายมนต์เพื่อสร้างกำแพงเวทย์ หลังจากจบประโยคสั้นๆ ประโยคนั้น เจ้าของใบหน้าเรียวได้รูปนั่นหันมาสบตากับชายหนุ่มชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นแสดงความรู้สึกผิดออกมาอย่างปิดไม่มิด เฟี๊ยตเองก็ไม่มั่นใจนักว่าขณะนี้ปันรู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่พวกเขาต้องแตกกลุ่มกันบ้าง แต่ที่แน่ๆ ตัวเฟี๊ยตเองในเวลานี้ไม่ได้มีเศษเสี้ยวของความขุ่นข้องหมองใจปนอยู่อีกต่อไปแล้ว เขาไม่โทษใครในเหตุการณ์ที่ผ่านมานั่นอีกเลย
“ขอโทษด้วยที่ต้องเรียกมากลางดึก คิดหาหนทางไม่ออกแล้วจริงๆ”
เฟี๊ยตตอบไปอีกประโยคโดยที่สื่อความไปกลางๆ อย่างนั้น นี่ยังโชคดีว่าปันและแทนยังอยู่ในเกมด้วยในเวลานี้ มิฉะนั้น เขาก็ดูจะคิดหนทางไปต่อไม่เป็นเสียแล้ว
“เฮ้ยย ไม่เป็นไร แต่โชคดีจริงๆ ที่ยังอยู่ในเกม เพราะว่าถ้าหลับไปคืนนี้ก็ตื่นพอดี เกือบไปแล้ว บังเอิญแท้ๆ เลยนะเนี่ย”
เสียงของชายหนุ่มผิวเข้มเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดมาก ปากที่พูดอยู่นั่นก็เผยรอยยิ้มออกมา อย่างที่คนที่มีอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ
“เอ่ออ ผมว่าเรื่องทักทายกันเอาไว้ทีหลังดีไหมครับ หาทางจัดการไอ้นักบวชนี่ก่อนดีไหม”
เสียงของธันดังขัดขึ้นมาอย่างเกรงๆ หลังจากที่เห็นว่าปันทำท่าจะหันมาพูดอะไรสักอย่างกับเฟี๊ยตที่ดูจริงจังขึ้นไปอีก เขาเข้าใจว่าชายทั้งสามคนนี่อาจจะเป็นเพื่อนกันมาก่อน การจะทักทายด้วยความที่เจอกันนานก็คงเรียกได้ว่าไม่แปลก หากแต่ว่ามันดูจะไม่เข้ากับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้านี่เท่าไหร่นัก
“ขอข้อมูล”
เสียงชายผิวแทนดังออกมาด้วยความจริงจังมากขึ้น คิ้วคมคู่นั้นขมวดเล็กน้อย หลังจากพบว่าการต่อกรด้วยไฟของเขานั้น ถึงว่าจะดูได้ผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาชนะได้เลย
“ไพ่สูงสุดลำดับที่ 13 The Revival Bishop of Darkness from Kongka River มันไม่สามารถถูกโจมตีด้วยอาวุธธรรมดา แถมยังสามารถสะท้อนกลับมาได้ด้วย พวกเราคิดว่ามันจะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีสายเวทมนตร์เท่านั้น ความคิดเห็นนะ”
เฟี๊ยตเรียบเรียงข้อมูลในสมองกลั่นออกไปเป็นคำพูดอย่างรวดเร็ว แทนพยักหน้าอย่างเข้าใจในการสื่อสาร ในขณะที่มือก็ยังกวาดหาไปตามอากาศ เพื่อค้นร่องรอยของเจ้าผ้าคลุมปีศาจนั่น
“ปันกับแทนมีไพ่การโจมตีสายเวทย์ที่โหดๆ บ้างหรือเปล่า”
เฟี๊ยตถามกลับออกไปอย่างที่ใจคิด เขาต้องการรู้ไพ่ที่มีโอกาสจะจัดการกับเจ้านี่ได้มากที่สุด ถ้ามันจำเป็น เขาอาจจะต้องการแผนการให้รัดกุมเพื่อที่จะให้ประโยชน์ในการใช้ไพ่นั่นสูงสุด การทำงานเป็นทีมนับได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในภาวะคับขันแบบนี้ ธันก็เพิ่งจะได้พบกับปันและแทนครั้งแรกแบบนี้ เขาเองในฐานะที่เป็นคนกลาง จึงดูจะเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างขาดไม่ได้เลย
“จะว่ามีก็มีนะ ใบนั้นที่เพิ่งได้มาใหม่จะใช้ได้เปล่าวะ ปัน”
เสียงของแทนดังขึ้นส่งไปยังเพื่อนสนิทของตนอย่างปรึกษาหารือ ดวงหน้านั่นชำเลืองไปทางเพื่อนชายของตนเล็กน้อย สีหน้าเข้มนั่นแสดงความครุ่นคิดอย่างชัดเจน
“ก็น่าจะได้นะ แต่วิธีการใช้วุ่นวายโคตร”
ริมฝีปากอมชมพูนั่นเม้มลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมาหลังจากที่เงียบใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง ปันเพียงแค่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น ตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยจะมั่นใจเลย
“ยุ่งยากขนาดไหน ว่ามา!”
“The sky walker RELEASE!”
ตึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
สิ้นเสียงคำพูดของเฟี๊ยตยังไม่ทันถึงอึดใจได้ ธันก็ตะโกนสั่งการ์ดคู่ใจอย่างฉับพลันทันใดนั่นเอง กำแพงล่องหนป้องกันพวกเขาจากลูกบอลสีดำสนิทนั่นได้อย่างหวุดหวิด ทันทีที่มันสัมผัสกับโล่ล่องหนนั่น มันก็แตกกระจายออกราวกับหยดหมึกที่ตกลงในน้ำอย่างใดอย่างนั้น ธันหันมาพยักหน้าให้กับชายทั้งสามที่เหลือเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์น่าเชื่อถือพอจะพูดคุยกันต่อแล้ว เด็กหนุ่มสายฟ้านั่นซื้อเวลาให้กับทีมอีกครั้ง แทนในขณะนั้นเอื้อมมือไปตบไหล่ของเจ้าของผลงานนั่นอย่างอารมณ์ดี ส่วนชายหนุ่มผู้มาใหม่อีกคนก็คลี่รอยยิ้มออกน้อยๆ อย่างที่ไม่มีใครเข้าใจความหมายเลย
“โอเค ทุกคนทำตามแผน!”
เสียงเฟี๊ยตดังลั่นออกมาอย่างฮึกเหิม เขายิ้มออกมาอย่างเป็นกำลังใจให้ผู้ร่วมทีมอีกครั้ง หลังที่ใช้เวลาปรึกษากันร่วมสองนาทีกว่าๆ เห็นจะได้ ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างมั่นใจ แววตาของชายหนุ่มทุกคนในเวลานี้มีหล่อเลี้ยงไปได้ด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ถึงขีดสุด
“สาม สอง หนึ่ง ศูนย์!”
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงนับของเฟี๊ยตสิ้นสุดประสานพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้องของอาวุธของเจ้านักบวชนั่นที่ปะทะกับกำแพงล่องหนนั่น ธันถอดใจออกจากการ์ดดังกล่าวในวินาทีนั้นเอง หอกแห่งความมืดที่ราวกับหล่อมาจากน้ำหมึกอันกล้าแกร่งพุ่งตรงมาจากคู่ต่อสู่นั่น หอกอันแรกกระแทกเข้ากับกำแพงนั่นอย่างแรงและแตกสลายกลายเป็นธุลีไปแล้ว ในขณะที่อีกสองอันที่เหลือผ่านพ้นปราการที่เด็กหนุ่มได้ถอนกำลังออกไป และพุ่งตรงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว!
“The Defensive Golem RELEASE!”
“The Fire Extender RELEASE!”
“The Water of The Earth RELEASE!”
“The Duplet of Wind RELEASE!”
เสียงทั้งสี่ตะโกนลั่นออกไปแทบจะพร้อมเพรียงกันในช่วงจังหวะเฉียดตายนั่นเอง ชายหนุ่มทั้งสี่คนพุ่งตัวออกจากตำแหน่งที่เป็นเป้าหมายของหอกมืดนั่นอย่างว่องไวที่สุด
เฟี๊ยตวิ่งตัดตรงไปทางด้านซ้ายมือสุดของผาแคบๆ นั่น ก่อนจะกระโดดลอยตัวลงจากหน้าผานั่นอย่างมั่นใจ มวลทรายปริมาณมหาศาลรวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นโกเลมที่แสนจะคุ้นเคย มันปรากฏตัวขึ้นและใช้มือใหญ่ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากเศษเล็กเศษน้อยนั่นรองรับเจ้านายมันไว้อย่างมั่นคง ปีศาจทรายนั่นพุ่งตัวลงไปยังพื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว พื้นที่ราบกว้างทางด้านล่างนั่นเป็นเป็นหมายของมัน
ในขณะที่เจ้าของร่างกำยำสีแทนเข้มผู้มาใหม่เบี่ยงตัวออกทางขวาเล็กน้อย พร้อมกับเรียกใช้การ์ดธาตุไฟคู่ใจ ไม้เท้าอันยาวกว่าเมตรมาอยู่ในมือของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว แทนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะออกแรงเป่าไปอย่างสุดแรง เมื่อลมหายใจเหล่านั้นของเขาพัดผ่านไม้เท้ารูปที่เป่าลูกโป่งนั่น มันก็กลายสภาพกลายเป็นวัวสีแดงตัวขนาดเขื่อง แทนโหนตัวเองกับเขาอันกุดสั้นนั่นไปทรงตัวอยู่บนหลังโค้งนั่นอย่างรวดเร็ว เจ้าวัวยักษ์นั่นหายใจฟืดใหญ่ก่อนจะควบตะบึงลงจากหน้าผานั่นสู่พื้นที่ว่างตอนล่าง ราวกับว่าแรงโน้มถ่วงไม่มีผลต่อมันแม้แต่นิดเดียว
ส่วนร่างบางเจ้าของคทาไพลินนั่นถอยตัวไปทางด้านหลัง ก่อนจะเหยียบแง่หินที่วางตัวเป็นลักษณะบันไดตื้นๆ นั่นขึ้นไปเกือบสองเมตร ก่อนจะเทคตัวกระโดดลอยจากทางลาดชันที่ขึ้นไปนั่นอย่างน่าหวาดเสียวที่สุด แต่ก่อนที่ร่างบางนั่นจะกระแทกเขากับแง่หินแหลมคมเหล่านั้น ของเหลวปริมาณมากมายราวจากหลุดจากทางน้ำนั่นทะลักเข้ามารองรับร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว มันก่อตัวรวมกันกลายสภาพราวกับเป็นพาหนะลำใหญ่ มวลน้ำนั่นดีดตัวขึ้นสูงก่อนจะพุ่งลงสู่พื้นดินเบื้องหน้าตามเพื่อนชายสองคนนั่นไปติดๆ
เด็กหนุ่มคนสุดท้ายเรียกใช้ไพ่อีกใบที่เฟี๊ยตไม่เคยเห็นมาก่อนนั่น บนมือทั้งสองข้างของเขาถูกสวมด้วยแหวนสีทองตัดขาวที่ราวกับปรากฏขึ้นจากเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ มือทั้งสองของเขาตวัดไปมาราวกับกำลังปั้นวัตถุที่มองไม่เห็นอย่างใดอย่างนั้น ร่างกายของเขาถูกดันลอยขึ้นสูงจากพื้นดินด้วยอิทธิฤทธิ์ของแรงลมไม่เบานักนั่น อากาศบริเวณนั้นควบรวมตัวกันกลายเป็นพายุขนาดย่อมๆ ก่อนจะกลายสภาพเปลี่ยนเป็นแรงส่งให้เด็กหนุ่มนั่นเหาะตัดอากาศลงสู่ปลายทางที่พวกเขาสี่คนนั่นหมายไว้ตามแผนการ
“The Ring of Fire!”
เสียงของแทนประกาศลั่นทันทีที่เท้าของธันลงมาแตะพื้นด้านล่างเป็นคนสุดท้าย เจ้าปีศาจที่กำลังติดตามพวกเขามาทางทุ่งโล่งถัดจากผานั่นออกมาถูกตรึงไว้ด้วยกงล้อขนาดใหญ่ที่ประกอบขึ้นด้วยไฟจากคำสั่งของชายร่างหนานั่น เจ้านักบวชแห่งความมืดถูกตรึงอยู่กลางอากาศไว้ด้วยมนต์วิเศษแห่งพระเพลิง มันคำรามอย่างโมโหและเกรี้ยวกราด เสียงแหบพร่าของมันที่ปนไว้ด้วยโทสะนั่นทำให้ความรู้สึกของคนทั้งสี่เยียบเย็นไปหมดเลย
“Liu Pei’s Treatise on War Strategies (ตำราพิชัยสงครามของหลิวเป้ย) RELEASE!”
ปันตะโกนดังลั่นพร้อมกับเขวี้ยงการ์ดสีน้ำตาลอ่อนใบหนึ่งไปกลายอากาศ มันฉายแสงวาบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลายสภาพเป็นก้อนแสงขนาดใหญ่พุ่งลงสู่พื้นดิน แล้วจึงแผ่ซ่านออกเป็นร่องรอยลายเส้นขนาดใหญ่ ราวกับมีจิตรกรชั้นเอกกำลังลากพู่กันขนาดยักษ์ลงสีลานกว้างในยามราตรีนั่น แสงสีขาวสะอาดนั่นกระจายตัวกลายเป็นรูปกงล้อขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนไปด้วยทรวงทรงเรขาคณิตที่ไม่อาจจะเข้าใจได้ ภาพวาดนั่นถูกแทรกไปด้วยอักขระภาษาจีนมากมายที่สร้างความรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในค่ายมนต์ขนาดใหญ่อย่างใดอย่างนั้น
พวกเขาทั้งสี่คนวิ่งแยกออกไปเป็นสี่ทิศตามแผนการที่ได้ตกลงกันไว้อยู่ก่อนแล้ว ปันมุ่งหน้าสู่สุดวงกลมทางทิศเหนือ ธันสาวเท้าสู่ทิศตะวันตก ในขณะที่ทิศตะวันออกนั่นเป็นของแทน และเฟี๊ยตผู้ซึ่งวิ่งไปถึงตำแหน่งในกงล้อเป็นคนสุดท้ายนั่นประจำทางทิศใต้
“Sand Strom!”
“Hurricane!”
“El nino!”
“Water Spout!”
รอยอักขระของวงล้อกลนั่นที่สว่างวาบขึ้นราวกับขานรับกับการปลดปล่อยพลังของชายทั้งสี่ฉะนั้น มวลทรายของเฟี๊ยต คลื่นอากาศของธัน กระแสความร้อนของแทน และสายเกลียวของเหลวจากปันต่างโพยพุ่งไปตามคำสั่งของบุคคลทั้งสี่นั่น และวิ่งเข้าหากันตรงพื้นที่ว่างตรงกลางค่ายกลที่อยู่เหนือศีรษะพวกเขาไป พลังงานทั้งสี่ปะทะกันอย่างรุนแรง ก่อนจะเกิดแสงสว่างวาบแสบตาสาดกระจายไปทั่วบริเวณอีกครั้ง วงแหวนค่ายกลนั่นปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาจนพวกเขาทั้งสี่คนรู้สึกเยียบเย็นไปหมดเลย
“อักขระค่ายกลเซียนสี่ทิศพิชิตมาร!”
จากผู้แต่ง : ขอส่งใบลากิจปนๆกับลาป่วย(ทางใจ)นะครับ สุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ วันเสาร์งดลงแน่ๆ ส่วนวันอาทิตย์ถ้ากลับมาแต่งทันจะลงให้นะครับ อาทิตย์หน้าก็ไปสิงคโปร์สามวันครับ คงต้องส่งใบลาอีก ให้ด่าในใจได้นะครับ แต่ห้ามเลิกอ่านนิยายผม สงสารผมนะ อิอิ