บทที่ 122 Pheromone
“Could you probably do me a favor? Please (คุณพอจะช่วยเหลือฉันได้ไหมคะ)”
เด็กสาวเจ้าของตาสีฟ้าน้ำทะเลนั่นเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ท่าทีของเธอเกรงใจพวกเขาทั้งสองคนอย่างมาก ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว จีน่าน่าจะมีพื้นฐานมาจากสังคมที่ดี ดูจากการพูดจาและกิริยาท่าทางแล้ว เฟี๊ยตเดาว่าบ้านของเธอน่าจะมีฐานะอยู่ไม่น้อยเลย
“How may I help you, darling? (ผมพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง ที่รัก)”
เฟี๊ยตเอ่ยถามกลับออกไปอย่างนั้น ใจของเขาอยากจะช่วยเหลือเด็กสาวตรงหน้านี้ใจจะขาด ความสงสารในโชคชะตาที่ได้รับฟังมานั่นทำให้เขาอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเธอให้ได้มากที่สุด แต่ก็ติดตรงที่ว่าเขาไม่กล้ารับปากไปอย่างส่งเดช อย่างน้อย เขาจะต้องรับฟังคำขอร้องนั่นก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการช่วยเหลือมากเท่าไหนก็ตาม
“I was wondering if you could bring me to my house, please. (คุณสามารถช่วยพาฉันไปส่งบ้านได้ไหมคะ)”
หญิงสาวนั่นพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนมาที่เขา เฟี๊ยตยังไม่ตัดสินใจตอบลงไปในทันที หากแต่เขาหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมทีมในเชิงปรึกษาก่อน เขาไม่อยากตัดสินใจอะไรลงไปโดยพลการถึงแม้ว่าจะอยากช่วยเหลือคนตรงหน้ามากเพียงใดก็ตาม
ธันหันมามองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์มากนัก ก่อนจะพยักหน้าขึ้นเป็นเชิงตามใจเขา และหันไปนั่งมองป่ารอบด้านอย่างระแวงไพรเช่นเดิม
“Why not, darling? It’s my pleasure. (ทำไมจะไม่ได้หละที่รัก ด้วยความเต็มใจของฉันเลย)”
เฟี๊ยตตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เด็กคนนั้นโผเข้ากอดเขาอย่างเต็มรักอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพร่ำขอบคุณธันอีกคนด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มถึงกับทำตัวไม่ถูกที่จีน่าหันมายิ้มให้แบบนี้ ธันได้ยิ้มงงๆ และตอบออกไปอย่างตั้งตัวไม่ติดเท่าไหร่
“But I’m afraid to imperil both of you. (แต่ฉันเกรงว่ามันจะพวกคุณทั้งสองคนตกอยู่ในอันตราย)”
เด็กสาวคนนั้นพูดพร้อมแสดงสีหน้าไม่มั่นใจอีกครั้ง หลังจากผละออกจากตัวเฟี๊ยตและเช็ดน้ำตาเป็นที่เรียบร้อย สีหน้านั่นดูรู้สึกผิดจนเขารู้สึกได้
“Why darling? Why will we be in danger? Is the way to May so dangerous? (ทำไมเหรอที่รัก ทำไมพวกเราถึงจะตกอยู่ในอันตราย หนทางไปสู่เมืองพฤษภาคมอันตรายมากงั้นเหรอ)”
เฟี๊ยตเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาไม่คิดเลยว่าการจะไปให้ถึงเมืองพฤษภาคมนั่นจะอันตรายอย่างไร เพราะระหว่างทางมาจนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่เห็นภาพความน่ากลัวของหนทางนี่เลย จะมีบ้างก็แต่เจ้าแรดที่เป็นไพ่สูงสุดนั่น แต่พวกเขาก็คงไม่ได้เจอกับมันบ่อยๆ หรอกมั้ง
“No, the way won’t endanger all of us, but I do (ไม่ใช่เลย หนทางนี่ไม่ได้เป็นอันตรายหรอก ฉันต่างหากที่เป็น)” เด็กสาวคนนั้นพูดพลางก้มหน้านิ่ง ราวกับว่าสิ่งที่กำลังพูดอยู่เป็นสิ่งที่บีบคั้นความรู้สึกเธออยู่มาก ธันที่เคยแต่ระแวดระวังแต่บรรยากาศภายนอกหันกลับมามองเด็กสาวนั้นอย่างสนใจ
“Could you let me know why you said that? Which of you is hazardous for me, your long brown hair, beautiful reddish cheeks, or charming deep blue eyes? (ให้ผมรู้ได้ไหมว่าทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น อะไรในตัวคุณที่เป็นอันตรายต่อผมหรือ ผมสีน้ำตาลที่ยาวสลวยของคุณ แก้มนวลสีแดงระเรื่ออมชมพูนี่ หรือดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่แสนจะมีเสน่ห์ของคุณ)”
เฟี๊ยตพูดพร้อมกับใช้มือลูบศีรษะของเด็กสาวนั่นอย่างปลอบประโลม เธอดูจะมีบาดแผลกับเรื่องที่เธอกำลังจะต้องพูดออกมาไม่น้อย ความรู้สึกเบื้องลึกบอกกับเขาว่าสิ่งที่จะได้ฟังต่อไปนี้ช่างสำคัญเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่อยากให้จีน่าเจ็บปวดยามที่จะต้องเอ่ยออกมาเกินไปนัก
“You’re so kind and gentle, Phiat. (คุณใจดีและเป็นสุภาพบุรุษมากเลยเฟี๊ยต)”
จีน่าเอ่ยออกมาอย่างผ่อนคลาย ดวงตาของเธอเผยชัดถึงความรู้สึกตามที่บอกนั่น เธอรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าเธอช่างเป็นคนที่อบอุ่นเหลือเกิน
“My blood is peril. I’ve been under a curse that cannot be treated by any remedy. It has suffered for the rest of my life (สายเลือดของฉันเป็นอันตราย ฉันถูกสาปด้วยคำสาปแช่งที่ไม่อาจถอดถอนได้ด้วยการรักษาใดๆ ฉันจะต้องทุกข์ทรมานตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตฉัน)”
น้ำเสียงนั่นเล่าต่ออย่างราบเรียบราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเสียเหลือเกิน หากแต่ว่าลึกลงไปภายในดวงตาคู่นั้นแล้ว ความเศร้าเสียใจในโชคชะตานี่ยังคงฉายชัดอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย
ธันในขณะนั้นหันมามองหน้าเขาอย่างระแวดระวัง ตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อยราวกับจะสื่อบางสิ่งบางอย่างกับตัวเขา หากแต่เฟี๊ยตก็พยักหน้าอย่างเข้าใจดี
“Could you give me some explanation, darling? (เล่ารายละเอียดให้ฟังบ้างได้ไหม ที่รัก)” เฟี๊ยตเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“My ancestor transgressed the command of the god and was cursed by the magic of wind. All of the descendants have uncontrollably emitted the bewitching pheromone uninterruptedly. Its smell is attractive for dark monsters. They have hunted high and low for us to kill and consume the taste of the pheromone. The only way to avoid the mortal destination is living in a continuously wind-swept place so that the pheromone will be spread and hard to find the origin. All of my family was born and dead in the sanctuary of May. It’s the safest for us. (บรรพบุรุษของฉันล่วงละเมิดคำสั่งของเทพเจ้าและถูกสาปแช่งโดยเวทมนตร์แห่งสายลม เลือดเนื้อเชื้อไขทั้งหมดของตระกูลจะปลดปล่อยฟีโรโมนออกมาตลอดเวลาอย่างควบคุมไม่ได้ กลิ่นของมันเป็นที่ต้องใจของปีศาจมืด พวกมันจะตามล่าอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะฆ่าและดื่มด่ำกับฟีโรโมนนั่น วิธีการเดียวที่จะหลีกหนีจากจุดจบนั่นได้คือการอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีลมพัดอยู่ตลอดเพื่อที่ว่าฟีโรโมนเหล่านั้นจะถูกพัดกระจายออกและทำให้ยากที่จะหาต้นกำเนิดของมันได้ ทุกคนในตระกูลเกิดและตายที่วิหารแห่งพฤษภาคมเท่านั้น มันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเรา)”
เด็กน้อยคนนั้นพ่นความในใจออกมายาวเหยียด เสียงนั้นดูราบเรียบกว่าที่เฟี๊ยตคิดไว้มาก แต่มันก็ดูติดจะเหยียดหยามโชคชะตาของตัวเองอยู่ในที ลึกลงไปในดวงตาคู่นั้นดูจะตัดพ้อต่อฟ้าดินอยู่ไม่น้อย เฟี๊ยตทำได้แค่เอื้อมมือออกไปกระชับมือน้อยนั่นไว้เท่านั้น ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มแทนกำลังใจไปให้อย่างบริสุทธิ์ใจ
“Only in the sanctuary of May? We’re sorry to hear that. (ในวิหารพฤษภาคมเท่านั้นหรือ พวกเราเสียใจด้วยกับเรื่องราวแย่ๆ เหล่านี้นะ)”
เฟี๊ยตเอ่ยด้วยน้ำเสียงสูงขึ้นอย่างเป็นคำถาม ถ้าตระกูลของเธอต้องอาศัยอยู่ในวิหารนั่นเพื่อหลบหนีจากมอนสเตอร์ต่างๆ ตลอดชีวิต การที่เธอมาอยู่ที่นี้ ณ เวลานี้ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่อันตรายต่อตัวเธอเองและพวกเขาอยู่ไม่น้อยเลย
“Almost yes, but except for my sister, She is the only one who can control the pheromone. She has to live in the sanctuary because of me, the last survivor of our relatives, however. (เกือบจะใช่ แต่ยกเว้นพี่สาวของฉัน เธอเป็นคนเดียวในตระกูลที่สามารถควบคุมฟีโรโมนของตัวเองได้ แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็คงต้องอยู่ที่วิหารนั่นเพราะฉันซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายในตระกูลอยู่ดี)”
เด็กน้อยพูดเอ่ยถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่เฟี๊ยตเดาว่าน่าจะเป็นพี่สาวของเธอ แววตาคู่นั่นดูเปล่งประกายอย่างมีความหวังอีกครั้ง จีน่าน่าจะรักพี่สาวตัวเองอยู่มาก ธันซึ่งคอยเฝ้าระวังภัยอยู่นั้นก็หันมามองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก
“The only two survivors, you and your sister, aren’t they? (มีคนรอดชีวิตอยู่แค่ 2 คน คือเธอกับพี่สาวเธอเท่านั้นเหรอ)” เฟี๊ยตพูดพร้อมหยิบหนังสือการ์ดมากระชับอยู่ในมืออย่างเตรียมพร้อม สายตาของเขากวาดไปโดยรอบอย่างระวังภัย สายตาเขาสบกับสายตาของธันที่ดูเหมือนจะส่งความนัยผ่านมาเช่นกัน
“yes, me and my sister Joanna, the zodiac of Taurus! (ใช่ ฉันและพี่สาวของฉัน โจแอนนา โซดิแอคแห่งพฤษภ!)”
จากผู้แต่ง : สำหรับคนที่ชื่นชม(?)ว่าหลังๆ แต่ละตอนสั้นมากกกกกกก ต้องขอบอกว่า จำนวนตัวอักษรมันเท่าเดิมอ่า บางตอนบทบรรยายเยอะเนื้อเรื่องก็เดินไปน้อยไรงี้อะเปล่า แหะๆ อยากได้ยาวๆ ต้องเม้นเยอะๆ มาแลกกัน อิอิ