บทที่ 90 Eventually
“สะเดาอินเดีย Spout!”
คู่ต่อสู้ของเขาพับเก็บความเมตตาไปแล้วจนหมดสิ้นจริงๆ เพราะขณะที่ชายหนุ่มกำลังนอนกุมดวงตาคู่นั้นอย่างทรมาน หญิงเฒ่าก็จัดการส่งยาพิษอีกขนานมาซ้ำเติมต่อแบบไม่ให้พักขอเวลานอกสักนิด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการจะป้องกันตัวสำหรับเวลานี้เลย แค่ทรงตัวยืนให้อยู่ดูท่าเฟี๊ยตยังจะทำแทบไม่ได้แล้ว
ครูของเขาเริ่มต้นด้วยการดับจิตของเขาเป็นอันดับแรก โดยการใช้ยาพิษกัญชาที่มีฤทธิ์ในการหลอนประสาทอย่างสูงทำให้ชายหนุ่มประสานจักระแทบไม่ได้เลย การต่อสู้ที่ใช้จิตไม่ได้ก็เหมือนปิดประตูชนะไปแล้วกว่าครึ่ง แถมยาดังกล่าวยังก่อให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งแวดล้อมจนไม่อยากต่อสู้อีกด้วย
หลังจากดับจิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงชราก็ส่งกรดมดแดงมาปิดการมองเห็นของเขาต่อ พิษของมันดับการมองเห็นโดยสิ้นเชิง ต่อด้วยการซ้ำสะเดาอินเดียที่มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทหู พิษของมันทำให้ระบบการได้ยินผิดปรกติ เกิดเสียงก้องไปก้องมาตลอดจนไม่อาจแยกแยะเสียงที่เกิดจากพิษกับความเป็นจริงได้
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
น้ำตาของชายหนุ่มซึมออกมาพร้อมกับเสียงร้องอันแสนเจ็บปวดทรมานนั่น นี่มันไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดาแล้ว มันดูเหมือนการฆ่าให้ตายอย่างทรมานมากกว่า เฟี๊ยตหมดท่าทางที่จะพยายามต่อสู้เสียแล้ว มือของเขากวาดสะเปะสะปะไปมากอย่างทุรนทุราย
“ว่านนางกวัก Spout!”
หญิงเฒ่าหยิบหลอดทดลองอีกหนึ่งหลอดเขวี้ยงลงบนพื้น ทันทีที่ภาชนะนั่นแตกออก ไอระเหยสีขาวจางๆ ก็พุ่งตรงไปที่เฟี๊ยตที่กำลังล้มนอนลงอยู่อย่างหมดท่าอย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ ปกคลุมไปตามผิวหนังที่อยู่นอกเสื้อผ้านั่น ควันพิษชำแรกไปตามผิวกายของชายหนุ่มอย่างน่ากลัว
มือทั้งสองข้างของเฟี๊ยตที่เคยกวาดสะเปะสะปะอยู่แถวใบหน้านั้น เลื่อนมาอยู่บริเวณที่หมอกพิษนั่นเพิ่งสัมผัสโดนไปอย่างรวดเร็ว ว่านนางกวักออกฤทธิ์ระคายเคืองผิวหนังภายในเวลาเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น รอยปื้นแดงปรากฏเต็มพื้นที่ของผิวที่เคยเนียนขาวนั่น ผื่นที่เป็นผลจากการอักเสบค่อยๆ ผุดขึ้นบนแขนของเขา ก่อนจะลามไปทั่วบริเวณที่ไอระเหยของว่านนางกวักจะไปสัมผัสได้
บางทีสภาพของชายหนุ่มตอนนี้อาจจะน่ากลัวกว่าความตายจริงๆ ก็เป็นได้ สมองที่มึนงงและหวาดกลัว สายตาที่เห็นแต่ภาพหลอนก่อนจะมองไม่เห็นอะไรในที่สุด หูที่ได้ยินแต่เสียงแว่วไปมาจนไม่อาจแยกแยะความจริงกับพิษยาได้ และอาการแสบร้อนที่ลามไปทั่วร่างกาย เขาเคยจินตนาการการต่อสู้ของนักวางยาไว้มาก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะโหดเหี้ยมทารุณได้ถึงเพียงนี้
หญิงเฒ่ายืนมองลูกศิษย์ตัวเองกำลังเจ็บปวดทรมานด้วยฝีมือตนเองอยู่นั้น ก่อนจะตัดสินใจเสียบหลอดยาพิษที่ตนหยิบขึ้นมาเพื่อเผด็จศึกกลับเข้าที่เดิม ครูจอมสารพัดพิษค่อยๆ เดินตรงเข้ามาที่ที่ลูกศิษย์กำลังล้มนอนลงอย่างหมดท่านั้น ดวงตาที่ลึกโปนหรี่ลงเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอว่าเจ้าหนะไม่เหมาะกับเส้นทางสายนี้หรอก” เสียงแหบแห้งนั่นพูดขึ้นด้วยเนื้อความที่ดูหมิ่นๆ ตรงข้ามกับเสียงที่กอปรด้วยความเอ็นดูน้อยๆ นั่น
“ข้าไม่ยอมแพ้หรอก” เสียงของเฟี๊ยตดังขึ้นอย่างแหบห้าว ชายหนุ่มหันหน้าไปคนละทิศคนละทางกับครูของเขา ภาพที่ดับมืด หูที่ฟั่นเฟือนคงจะทำให้การรับรู้สูญเสียไปอย่างสมบูรณ์
“กลับไปซะ เลิกล้มความคิดจะเป็นนักวางยาเสีย อย่าให้ชีวิตเจ้าต้องมาแปดเปื้อนด้านมืดเลย เจ้าไม่ภูมิใจกับมันเท่าไหร่นักหรอก” หญิงชราเอ่ยต่ออย่างจริงจัง
“ใครจะรู้!”
“Tetrodotoxin Spread!”
เฟี๊ยตในขณะนี้ที่ท่าทางเหมือนสิ้นไร้ไม้ตอกนั้น หยิบยาพิษสีเหลืองอ่อนหลอดหนึ่งเขวี้ยงลงแตกตรงหน้าครูของเขาอย่างรวดเร็ว ไอพิษสีเหลืองอ่อนแพร่กระจายออกเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ครอบคลุมคนตรงหน้าเขา หญิงชราตัวแข็งเกร็งอย่างฉับพลันทันใด ก่อนจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างควบคุมร่างกายไม่ได้
“ครูแก้พิษไม่เก่งหรอก ผมรู้ ยาพิษตำรับแผ่พุ่งของครูก็ไม่เหมาะกับการตั้งรับเลย นั่นแปลว่าถ้าผมโจมตีครูได้เพียงครั้งเดียว ผมอาจจะเอาชนะครูได้ ทั้งๆ ที่ฝีมือผมด้อยกว่ามาก” เฟี๊ยตลุกขึ้นยืนตามปรกติ ราวกับว่าอาการเจ็บปวดทรมานเมื่อครู่นี้เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น เขาเลือกหยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะปล่อยตัวยาให้กระจายตัวไปตามผิวของเขา อาการแสบแดงร้อนและผื่นคันที่เคยปรากฏค่อยๆ หายไปจนหมดเกลี้ยงในที่สุด
“นี่เจ้าไม่ได้ตาบอดหรอกเหรอ” เสียงชรานั่นเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ ดวงตาปูดโปนนั่นเบิกกว้างอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ระบบกล้ามเนื้อถูกปิดตายไปเสียแล้ว
“ครูเล่นไม่เปิดช่องว่างให้ผมเลย ผมเลยต้องสร้างโอกาสขึ้นมาเอง” เขาเดินเข้าไปใกล้คู่ต่อสู้ของเขาอย่างระแวดระวัง มือยังคงจับมั่นอยู่ที่ยาพิษสีสวยที่เตรียมไว้ใช้ในขั้นตอนถัดไป
“ตามหลักนักสู้ทุกคนจะมีสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยมเสมอเวลาที่รู้สึกว่าคู่ต่อสู้พร้อมจะต่อสู้อยู่ด้วยเช่นกัน แต่นักสู้เกือบร้อยทั้งร้อยจะย่อหย่อนความรอบคอบลงและเปิดช่องโหว่มากขึ้นเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะชนะ หรือไม่ก็กำลังได้เปรียบอยู่มากๆ” เขาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“แปลว่าทั้งหมดที่เห็นเมื่อกี้เจ้าเล่นละครตบตาข้า” เสียงแหบพร่านั่นกลั่นออกมาจากลำคอของหญิงชราอย่างลำบากยากเย็น
“อาจจะเรียกว่าแบบนั้นก็ได้นะครู พอดีผมกินยาน้ำรางจืดเข้มข้นอยู่แล้ว ยาพิษที่กินเข้าไปเลยถูกดูดซับไว้หมด ที่เหลือก็ตามน้ำไปตามยาพิษที่ครูใช้” เฟี๊ยตพูด
“เจ้าเล่ห์นักนะ” ครูของเขาพูดกึ่งเยาะๆ
“เรียกว่าใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้ดีกว่าครับ ทักษะการสู้ของผมแข่งกับคนอื่นไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก ผมจำเป็นต้องใช้สมองกลบจุดบอดของผม” เขาพูดพลางทรุดตัวลงข้างครูของเขาที่นอนแข็งเกร็งอยู่อย่างนั้น
“ฆ่าข้าสิ ฆ่าข้าตามความต้องการของเจ้า ถ้าเจ้าฆ่าข้าได้ ความดำมืดจะครอบคลุมจิตใจเจ้าได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเจ้าจะได้กลายเป็นนักวางยาอย่างสมบูรณ์” หญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างห้าวหาญ
“ผมทำแน่!” เฟี๊ยตเอื้อมมือไปหยิบยาพิษสีใสบริสุทธิ์หลอดหนึ่งในกระเป๋าขึ้นมา ลั่นทมเป็นดอกไม้พิษที่เขาเลือกใช้ ปริมาณยาที่เข้มข้นมากจะดับการทำงานของหัวใจเหยื่อได้ทันที ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทรมาน ความรู้สึกก็เหมือนแค่นอนหลับไปเฉยๆ
มือของเขาสั่นน้อยๆ เขาค่อยๆ ใช้นิ้วดีดจุกปิดหลอดยาพิษนั่นออก ไอสารปริมาณหนึ่งลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากภาชนะนั่น เขาควบคุมไม่ให้มือของเขาสั่นไม่ได้เลย
“ผม ผมทำไม่ได้!” เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก หลังจากที่ถือขวดยาพิษค้างไว้เป็นเวลาชั่วครู่หนึ่ง สายตาเขาจ้องมองปากของหญิงชรานั่น แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ลงมือทำสิ่งใดลงไปอยู่ดี การฆ่าคนที่เป็นผู้มีพระคุณของเขามันยากเกินกว่าที่มโนสำนึกของคนอย่างเขาจะก้าวข้ามไปได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคิดไว้แล้วไม่มีผิด ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าทำให้ดู!” เสียงหญิงชราห้วนและกระชากจนรู้สึกได้ และแล้วเฟี๊ยตก็ต้องสบถมาอย่างตกใจ เมื่อมือของคู่ต่อสู้เขาที่ไปหยิบหลอดยาพิษเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบตวัดหลอดทดลองลงกับพื้นจนแตกละเอียด ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวจะดูแข็งเกร็งและเชื่องช้ากว่าปรกติมาก แต่มันก็รวดเร็วเกินกว่าเขาจะรู้สึกตัวอยู่ดี เขาพลาดอย่างน่าเจ็บใจที่สุด
“ดองดึงหัวขวาน Spout!”
เสียงแหบแห้งนั่นเอ่ยอย่างกระท่อนกระแท่น แต่อิทธิฤทธิ์ของมันก็ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะสั่งการให้น้ำยาพิษสีแดงสดนั่นพุ่งตรงเข้าสู่ริมฝีปากเขา ถึงแม้ว่าจะเบนจากเป้าหมายไปบ้าง แต่น้ำยาส่วนหนึ่งก็หลุดรอดเข้าไปในลำคอเขาจนได้ รสแสบปร่าของมันแทรกซึมไปตามทางเดินอาหารของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาเริ่มมีอาการมึนงงในทันที ก่อนจะตามมาด้วยอาการปวดท้องอย่างมาก เขาเอามือกุมท้องอย่างทรมาน เฟี๊ยตรู้สึกราวกับว่ามีมือยักษ์ที่มองไม่เห็นกำลังบิดลำไส้ของเขาให้เหลวแหลกไปเสียอย่างนั้น รอบนี้น้ำตาของเขาไหลพรากโดยไม่ต้องเสแสร้งแม้แต่น้อย
เสียงโอดครวญของเขาดังขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกปวดเกร็งไปตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว พิษของความเจ็บปวดทรมานกำลังแทรกไปตามร่างกายเขาอย่างที่เขาไม่อาจจะทานทนได้ ตัวเขาบิดไปมาอย่างทุรนทุราย
เขารู้สึกเจ็บเสียดตรงบริเวณหน้าอกข้างซ้ายเขาอย่างมาก ราวกับว่ามีคมมีดร้อนค่อยๆ มาเฉือนหัวใจเขาออกที่ละชิ้นอย่างใดอย่างนั้น น้ำตาเขาไหลออกมาด้วยความทรมานอันเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ เขารู้สึกร้อนและปวดตรงที่อยู่ของก้อนเนื้อชิ้นสำคัญนั่นเป็นอย่างมาก เฟี๊ยตค่อยๆ รู้สึกคันและแสบไปทั้งลำตัว เหมือนกับใครเอาหมามุ่ยมาทาตามตัวเขาอย่างใดอย่างนั้น ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งๆ ที่จมูกของเขาก็ทำงานตามปรกติดี และในตอนนั้นเองเขาก็เจ็บที่บริเวณก้นกบอย่างมาก ราวกับว่ามีใครเอาค้อนยักษ์มากระหน่ำทุบลงไปอย่างแรง ในที่สุด ชายหนุ่มก็ฟุบสลบลงไปกับพื้นอย่างเกินจะทนทานกับพิษของความเจ็บปวดทรมานนั่นไหว
ในเบื้องต้นมันหนักแน่นราวกับภูผาแสนยิ่งใหญ่ ก่อนจะอ่อนไหวเบาบางราวขนนกในท่ามกลาง และปิดฉากด้วยความเวิ้งว้างว่างเปล่าในที่สุด
ความตายมันมีรสชาติเป็นอย่างนี้นี่เอง...
จากผู้แต่ง : วันนี้ขอแอบมาลงไวนิดนึงงง ออกไปงานแต่งเพื่อน คงกลับดึกมาก ไม่อยากให้คนอ่านรอนานค๊าบบบ
![:katai2-1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/katai2.gif)