บทที่47วันเบาๆ20%ที่เหลือ
หลังจากกินกันอิ่มหนำสำราญแล้ว คุณชายเขาก็อาษาล้างจาน ทำหน้าที่เมียที่ดี อิอิ จากนั้นก็พากันไปอาบน้ำแล้วมานั่งดูบอลกันที่หน้าทีวี ผมจะอธิบายการเป็นอยู่ของพวกเราให้ฟัง
ผมนั่งดูทีวีในขนาดที่ไอ้แท็คนอนหนุนตัก ไม่ใช่มันนอนดูทีวีธรรมดานะครับแต่มันหลับจริงแถมยังหันหน้าเข้าหาพุงผมอีกตั้งหาก
ลมหายใจอุ่นๆร้อนๆปะทะเข้ากับเสื้อยืดสีดำบางๆของผม ทำให้รู้สึกขนลุกแบบประหลาด
เวลามันอยู่นิ่งๆแบบนี้อย่างกับพวกนายแบบในแมกกาซีนเลย เพราะขนาดนอนหลับมันก็ยังเก็กหน้าหล่อไว้เลย เหอๆๆ พอเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเตะจมูกโด่งเป็นสันของมันดู
ของจริงเปล่าว่ะ ถ้าเป็นของจริงอะไรมันจะสวยได้รูปขนาดนั้น ผมก็เลยเอานิ้วดันปลายจมูกมันขึ้น เขาบอกว่าถ้าคนที่ทำจมูกจะทำอะไรแบบนี้ไม่ได้
แต่55555 พอดันขึ้นไปแบบนี้ จมูกโด่งๆของมันเลยกลายเป็นจมูกหมู ตลก55555 พอสุขใจเต็มที่กับจมูกอันใหม่ของไอ้แท็คผมก็เลื่อนขึ้นมาที่ขนตายาเป็นแพแต่มันไม่ค่อยหน้าครับพอไม่เห็นสายตาที่เอาแต่ดูถูกคนอื่นแบบนี้ ลองนึกๆดูมันก็เป็นแค่คนธรรมเองเนอะ
แต่มึงจะหลับลึกไปไหนกูเล่นหน้ามึงขนาดนี้ยังไม่ยอมตื่นอีก ขาเริ่มชาแล้วด้วย
ผมก็เลยลองขยับขาไปมาเล็กน้อยเพื่อให้เลือดมันวิ่งได้
“ฮือ”พอขยับปุป ไอ้แท็คมันก็ครางอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะล็อคตัวผมไว้ด้วยการขยับเอาแขนมากอดเอวผมไว้ ก่อนที่มันจะซุกหน้าเข้ามาใกล้พุงผมอีก จนทำให้ต้องขะแม่วพุงหนี
แล้วถ้าเป็นแบบนี้ผมจะทำอะไรได้อีกครับ ก็เลยปล่อยให้มันนอนไป จนมันตื่นใน2ชั่วโมงต่อมาแหละ
ขาชาไปหมดเลยๆT^Tฮือๆ
ไม่มีการสำนึกครับพอตื่นขึ้นมาพี่แกก็หิวทันที เลยสั่งให้ผมไปทอดไข่ให้มันกินข้าวอีก
เพราะเมื่อเย็นที่กินไปนั้นเป็นข้าวทั้งหมดที่มีอยู่ก็เลยต้องหุ้งใหม่อีก
นี่ผมกลายเป็นอีเย็นไปแล้วหรอครับ
บทที่48 ความสุขและความทุกข์
โรงพยาบาลครับ การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีตอนนี้นากำลังพักฟื้นอยู่ คิดถึงจะแย่ไม่ได้เจอกันเกือบๆ2อาทิตย์เห็นจะได้ ผมก็เดินถือของฝากจากภูเก็ตเต็มสองไม้สองมือทุกอย่างดูดีและสดใสไปหมด ติดก็แต่
“พี่เดินห่างๆหน่อยก็ได้ ถ้าจะเดินติดกันขนาดนี้ขี่คอกูเลยดีกว่า”ไอ้แท็คมันก็มาด้วย ทั้งๆที่ผมไม่อยากให้มันมา เพื่อแม่ถามเรื่องวันนั้นที่มันไปเอาของที่บ้านผม ผมจะได้ปฎิเสธได้ว่าไม่มีอะไร ล้อเล่น หรือมันเป็นการเข้าใจผิด แต่ถ้ามันมาด้วยแบบนี้ผมก็พูดไม่ได้ซิ
และอีกอย่างตั้งแต่เข้ามาในโรงพยาบาลมันก็แทบจะขี่คอมผมอยู่แล้ว ไม่รู้จะเดินติดอะไรหนักหนา
“ย่อตัวลงซิ”ไอ้เหี้ยครับกูประชด
“เฮ้ยมึงจะบ้าหรอ ถ้ากูแบกหมีควายอย่างมึงได้ กูก็ไปเป็นนักยกน้ำหนักแล้ว ดูตัวดิ”
“แล้วมึงจะพูดทำไม”อ้าวกูผิด
สุดท้ายผมก็ต้องเดินให้มันตัวติดจนมาถึงห้องของนา ไม่อยากเคาะประตูเพราะอยากให้นาตกใจ เลยค่อยๆย่องเข้ามาในห้องแล้ว
หมับ
“ว่าไงคนสวย สบายดีไหม ฟอด”เข้าไปกอดนาจากด้านหลังแล้วหอมแก้มไปมาข้างขวาที ข้างซ้ายที หลายรอบก่อนที่จะ
“อ้าวโนมาแล้วหรอลูก”แม่ที่เพิ่งเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“น้องโนคิดถึง”ตามด้วยนาที่มีสายน้ำเกลือโยงยางไปมา
แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะครับถ้านายืนอยู่หน้าห้องน้ำแล้วไอ้เด็กที่ผมหอมเมื่อกี้ล่ะ
คิดได้แบบนั้นก็หันไปมองคนในอ้อมกอด
“เฮ้ย!”
“แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่จ๋าพี่จ๋า”พอเด็กคนนั้นเห็นผมเท่านั้นแหละก็ร้องลั่นห้องเลยครับ
“เอ็มเป็นอะไร”แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายหล่อเหลาอีกคนวิ่งเข้ามาในห้อง
“พี่แอล ข่วยด้วยโรคจิต โรคจิต”เด็กนนั้นร้องไห้น้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้างพร้อมชี้นิ้วมาทางผม ผู้ชายคนนั้นก็ได้แต่มองผมแบบ
งงๆ
กว่าเหตุการณ์จะสงบลงได้ก็ใช้เวลานับชั่วโมง พี่ชายของเด็กคนนั้นร่วมทั้งนาที่นั่งโอ๋เด็กคนนั้นอยู่นานเห็นจะได้ ผู้ร้ายโรคจิตอย่างผมก็ทำได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ
“หึหึหึ”โดยมีผู้ที่ได้ชื่อว่าแฟนหัวเราะอยู่ข้างๆ
“หัวเราะอะไร”แม่งไม่ช่วยแถมยังเหยีบซ้ำอีก
“มึงนี่นะ”พูดก่อนที่จะดึงผมเข้าไปใกล้ตัวก่อนที่จะโยกหัวผมไปมา ผมก็ปล่อยให้มันทำครับโดยลืมไปเลยว่าที่นี่ไม่ได้มีเราแค่2
คน
“อะแฮ่ม”ผมหันไปตามเสียงกะแอมขัดจังหวะหวานแว๋ว(หรอ)ของพวกผมก็เจอเข้ากับ
“เฮ้ย หมอแว้น”ไอ้หมอแว้นครับมันมาอยู่ที่นี่ได้ไง
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ แต่ที่นี่โรงพยาบาล แล้วอีกอย่างพี่ไม่ได้ชื่อหมอแว้นแต่ชื่อเชนครับน้องโน”รู้ชื่อกูด้วย
“มาอยู่นี่ได้ไง”
“พี่เป็นหมออยู่โรงพยาบาลก็ถูกแล้วนี่ครับ จะให้พี่ไปเดินขายเครื่องกรองน้ำหรือไง”กวนตีน
“ขายหม้อดูจะเหมาะกว่า”ได้ยินเสียงไอ้แท็คเหน็บมาแบบลอยๆ
“แล้วน้องโนมาทำอะไรครับ”
“มาเยี่ยมน้องสาว เลิกเรียกว่าน้องโนได้แล้ว ขนลุกอ่ะ เรียกโนเฉยๆก็พอครับ”
“ทำไมล่ะน้องโน พี่นายังเรียกได้เลย”นาที่นั่งอยู่บนเตียงกับเด็กคนนั้นก็พูดแทรกขึ้นมา
“เอ่อ”แล้วผมจะพูดอะไรล่ะครับ
“น้องสาวหรอ บังเอิญจังพอดีพี่เป็นเจ้าของไข้ของน้องนาน่ะครับ”เจ้าของไข้ หมายถึงคนที่รักษานาน่ะหรอ อือฮือถ้ารู้ว่าเป็นหมอ
แว้น ผมจะย้ายนาไปที่อื่น ดีนะที่ผมไม่เห็นหน้ามันก่อนที่จะผ่าตัดนา เหอๆ
“ถูกต้องค่ะ”นาก็ตอบยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี โดยมีไอ้เด็กนั้นซบอกอยู่ เฮ้ย น้องกูเป็นผู้หญิงนะเฟ้ย ออกห่างๆเลย
“แล้วเป็นไรเนี่ยน้องเอ็มน้ำตาอาบเชียว”ไอ้หมอแว้นเดินเข้าไปใกล้เตียงแล้วลูบหัวไอ้เด็กนั้นไปมา
“พอดีมีเข้าใจผิดน่ะครับ”พี่ชายก็ช่วยตอบแทน
ผมยังแอบเห็นสายตาตื่นกลัวของน้องเอ็มส่งมาที่ผม นี่ผมเป็นโรคจิตจริงๆหรอครับ
“งั้นก็กลับห้องครับ ได้เวลาเจาะเลือดแล้ว”หมอแว้นบอกพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้น้องเอ็ม ช่างขัดกับบุคลิกจริงๆ
“เจาะอีกแล้วหรอ”พูดแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“ไม่เอาน่าคนเก่ง เป็นลูกผู้ชายทั้งที ดูนาซิมีเข็มติดตัวยังไม่ร้องเลย”พี่ชายก็เข้าไปปลอบ
“ใช่ๆเอ็ม เดี๋ยวก็หายจะได้เล่นด้วยกัน”นายิ้ม
“อืม”เด็กคนนั้นรับคำ แต่หน้าก็ยังคงไม่คลายความกังวล ก่อนที่พี่ชายจะอุ้มออกจากห้องไปตามด้วยไอ้หมอเชน(เรียกสักที)ที่เดินตามไปไม่ห่าง เห็นแบบนี้ก็อดสงสารพี่ชายไม่ได้ ถึงจะดูเข็มแข็งแต่จริงๆแล้วการที่ต้องมานั่งเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดทรมารอยู่ตลอดเวลาทั้งที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยมันก็ทรมาณแบบสุดๆ
ผมรู้เพราะเมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนั้น
แค่คิดถึงว่าถ้าผมเป็นพี่ชายของน้องเอ็ม ผมคงจะเจ็บปวดมากๆแน่น ก็ทำให้น้ำตาซึมแล้ว
“เป็นไร”รู้ตัวอีกทีก็สัมผัสถึงนิ้วมือไอ้แท็คที่ปราดน้ำตาออกจากห่างตาให้ ก่อนที่มันจะไหลลงมา
“สงสารเนอะ”เดินเข้าไปหานา ตอนนี้แม่กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
“ไหนของฝาก”พออยู่กันแค่นี้เจ้าตัวเล็กก็ทวงของฝากทันที
“นี่ไง ของพี่นาทั้งคนลืมได้ไง”ชูถุงของฝากจากภูเก็ตให้ดูทั้งสองมือ
“ไชโย รักน้องโรที่สุด”ร้องอย่างดีใจ แล้วพุ่งเข้ากอดผม”โอ๊ย”เพราะแผลจากการผ่าตัดยังไม่หายได้ นาที่โผล่เข้ากอดผมเลร้องเสียงดัง ทำเอาผมตกใจไปด้วยเลย
“เจ็บหรอ พี่เรียกหมอไหม”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็หาย”พูดไปรื้อของฝากไป
“จริงนะ”แบบว่าเป็นห่วงอะ
“อืม เป็นบ่อย”
“เพราะพี่นาซนไง”ลูบหัวไปมาอย่างเอ็นดู
“แฟนน้องโนหรอ”ไอ้แท็คที่เดินเข้ามายืนใกล้ผมยิ้มออกเลยครับ
“เฮ้ย รู้ได้ไง”ถ้าเป็นแม่ผมไม่แปลกใจหรอกครับ แต่ทำไมนาร็ล่ะ
“แม่บอก”พูดแบบไม่สนใจ ไอ้แท็คนี่ช่วยนาแกะขนมเลยครับ ตีสนิทหรอฟระ เดี๋ยวโดน
“แล้วแม่ว่าอะไรเปล่า”ลนครับลน ถึงจะรู้ว่าแม่รู้ก็เหอะ แต่พอมาถูกพูดใส่แบบนี้มันก็เสียวสันหลังเหมือนกัน
“แม่บอกว่า มีเงินก็โอเคแล้ว”แม่ตู
“หึหึหึ”หัวเราะทำไมว่ะ อยากจะหันไปด่ามันครับ แต่ก็อาย แม่นะแม่
“นี่ๆพี่ชายชื่ออะไรหรอ”ที่เรียกผมว่าน้องแต่กลับเรียกไอ้แท็คว่าพี่
“แท็ค”ไอ้นี่ก็มนุษย์สัมพันดีเหลือเกินเวลาแบบนี้
“นาชื่อพี่นานะเป็นน้องของน้องโน”ฟังดูงงๆกับการใช่คำในรูปประโยคของนา
“อืม”ขอบคุณที่ยังอุส่าตอบ
“พี่นา หมอบอกว่าออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน”อย่าไปปล่อยให้สองคนสนิทสนมกันเกินเหตุครับ เดี๋ยวไอ้แท็คมันจะมีพวก แค่พวกเพื่อนผมนี่ก็แย่แล้วนะ มึงยังจะเอาน้องกูไปเป็นพวกอีกคนหรอ
“หมอบอกว่าให้น้ำเกลือหมดแล้วก็นอนอีก3-4วันก็หาย”งั้นก็อีกไม่ถึงอาทิตย์ซินะ
“แต่นายังไม่อยากกลับ”พูดขึ้นแล้วทำหน้าเศร้า
“ทำไรล่ะ”
“เอ็มยังต้องอยู่อีกนานเลย นาสงสารเดี๋ยวเอ็มไม่มีเพื่อน”ตัวแค่นี้รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นแล้วหรอเนี่ย เด็กผู้หญิงนี่โตเร็วอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ
“แล้วน้องเอ็มเขาเป็นอะไรหรอ”
“ไม่รู้ แต่แม่บอกว่ามันรักษาไม่หาย เอ็มต้องอยู่ที่นี่ไปตลอด น้องโนช่วยเอ็มหน่อย นาสงสารเอ็ม”อ่า ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ
ลำพังแค่นาเองพี่ยังทำได้แค่นี้เลย
พอเห็นนาพูดแบบนี้ หัวใจผมมันก็เจ็บแปล็บๆขึ้นมาเลย ยิ่งเห็นพี่ชายเอ็มที่ทำท่าแบบนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าผมโชคดีขนาดไหนที่นาเป็นโรคที่รักษาหาย แต่ถ้าเกิดนาเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาแล้วต้องทนเจ็บปวดทรมานอยู่ตลอดเวลา ผมที่เป็นพี่ชายจะรู้สึกยังไง
เล่นกับนาสักพักแม่ก็กลับมา แม่ไม่ได้พูดเรื่องผมกับไอ้แท็ค ไม่ได้ว่าอะไร ผมก็ถามแค่เงินพอไหม แม่ก็บอกว่าพอ และเหมือนแม่จะรู้ว่าเงินที่ผมหามาให้แม่เป็นเงินของไอ้แท็คแม่ก็เลยขอบคุณมัน แต่ไอ้แท็คกลับยืนนิ่งๆไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ก่อนกลับผมก็แวะไปดูน้องเอ็มที่อยู่ห้องข้างๆ พอถามเรื่องน้องเอ็มก็ปรากฏว่าเอ็มเป็นลูคีเมีย หมอกำลังหาไขกระดูกมาปลูกถ่ายอยู่ แต่ยังไม่พบคนที่มีไขกระดูกตรงกัน หมอบอกว่าถ้าเอ็มยังไม่ปลูกถ่ายไขกระดุกใหม่เอ็มก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน3ปี
พอฟังแบบนั้นน้ำตาผมก็ไหลเอาดื้อๆเลยครับ ผมกับไอ้แท็คก็เลยไปเจาะเลือดเพื่อดูว่าไขกระดูกจะตรงกันกับน้องเอ็มไหม พี่แอลขอบคุณเรา พอผมถามว่ามีอะไรที่พวกผมจะทำได้อีกไหม พี่เขาก็บอกว่าถ้ามีเพื่อนก้อยากให้เพื่อนของผมมาตรวจดู เพื่อจะมีใครสักคนที่ช่วยเอ็มได้ ผมรับคำพี่เขาพี่เขาก็ขอบคุณพวกผมแล้วผมกับไอ้แท็คก็กลับคอนโดกัน
ตลอดทางไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกจากปากผมเลย ผมได้แต่จมกับความคิดของตัวเอง
บนโลกใบนี้ในขนาดที่เรากำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไปโรงเรียนทำงาน หรือทำเรื่องต่างๆอย่างสนุกสนาน ในเวลาที่เสียงหัวเราะมากมายดังกึกก้องบนโลก แต่เวลาเดียวกันนั้นก็ยังมีอีกไม่รู้กี่หลานคนที่ต้องนั่งทนทุกข์ทรมารอย่างแสนสาหัส
ยังมีอีกหลายล้านคนที่ต้องเสียน้ำตา ยังมีอีกมุกเล็กๆที่ได้แต่นั่งรอความตาย
ทำไมกันนะ ทั้งๆที่บ้างคนเกิดมามีความสุขตลอดชีวิต ได้รับอะไรดีๆมากมาย
แต่บ้างคน กับต้องทุกข์ทรมาณตลอดชีวิต
“เป็นอะไร”ไอ้แท็คที่เข้ามาดึงผมไปกอดแนบอกถามขึ้น
“เปล่า”ถึงผมจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจกับเศร้าอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ใจดีเกินไปแล้ว”มันพูดเป็นนัยๆก่อนที่จะจูบลงบนผมของผม ผมก็ทำได้แค่ซุกหน้าเข้ากับอกมันแล้วกอดมันกลับ
ในเวลาที่ผมมีความาสุขแบบนี้นี้ ผมก็จะไม่ลืมว่ามีอีกหลายคนที่กำลังทุกข์ใจ
...............................
พิเศษ
3เดือนต่อมาหลังจากวันนั้น น้องเอ็มก็ได้ไขสันหลังที่เข้ากับตัวเองได้ และผู้ใจบุญคนนั้นก้ไม่ใช่ใครอื่นไกล นั้นก็คือพี่เก้าแฟนไอ้คีย์นั้นเอง
และหลังจากนั้นอีก4เดือน อาการน้องเอ็มก็ดีขึ้น และได้ออกจากโรงพยาบาล ได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กวัยเดียวกัน
ใบหน้าน่ารักสมวัยยิ้มสดใสข้างกายมีเด้กผู้หญิงผมสั้นน่ารักเดินจับมือกันเข้ายังโรงเรียนประถมรัฐบาลแห่งหนึ่ง
เสียหัวเราะแห่งความสุขดังขึ้นตลอดทางเดินเข้าโรงเรียนและยังคงดังขึ้นไปตลอด3ปีที่โรงเรียนแห่งนั้น
จบ
(เฉพาะตอนพิเศษ)
Tbc.
มาแล้วๆๆ เอาอีก20ของตอนที่แล้วมาลงแล้วด้วย
เขียนตอนนี้มาเพราะไปเจอเรื่องๆหนึ่งมาแล้วก็อยากให้ทุกคนได้รู้
ว่าในขนาดที่เรามีความสุขก็ยังมีคนที่ทุกข์อยู่ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่การสวดมนต์และค่อยเป็นกำลังใจให้คนพวกนั้นแค่นั้นก็พอ
555แลดูเป็นคนดี ไปล่ะ