บทที่44 น้องโนไม่สบาย
ผมตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย และรู้สึกได้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่ห้องในบ้านผม ก็แน่นล่ะ บ้านผมมันก็แค่เทาว์เฮาร์เล็กๆจะไปมีห้องนอนใหญ่เท่านี้ได้ยัง แค่ห้องน้ำนี่ก็ปาไปเกือบเท่าห้องนอนผมแล้วเผลอๆจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ แล้วยิ่งไอ้ของตกแต่งที่ดูยังไงๆก็หรูหราอลังการนี่อีก ไม่ต้งบอกก็รู้ว่าที่นี่ที่ไหน
แต่ประเด็นนี้มันก็ยังไม่น่าสนใจเท่ากับไอ้ตัวข้างที่นอนเอาผมไปกอดซบอกนี่หรอก ได้กลิ่นเน่าๆลอยมาว่าฉากนี้มันเหมือนกับในระครหลังข่าวที่แม่ชอบดู
แต่กอดหรอ กอด กอดอ่ะนะ ผู้ชายตัวควายๆ2คนนอนกอดกัน เหอๆ พ่อครับแม่ครับจะมีใครว่าโนไหมที่รู้จักไม่นานก็มานอนกอดกับผู้ชายคนนี้ซะแล้วเฮ้ย
แต่ก็ชั่งมัน ฟังไม่ผิดหรอกครับชั่งมัน เพราะถึงกอดกันให้ตายผู้ชายตัวควายๆอย่างผมคงไม่ท้องหรอก พูดง่ายๆเลยก็คือ ทำให้ตายกูก็ไม่ท้อง
แต่อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้วันนี้ผมดูจะสงบเสงี่ยบกลับมาทำตัวเหนียมๆเหมือนช่วงแรกที่ตามไอ้แท็คต่อยๆๆนั้นก็คือ อาการปวดหัวนึบๆอย่างรุนแรงที่หัวรวมไปถึงไอ้อาการปวดเมื่อยตามตัวนี่อีกก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีแรงที่จะโวยวายหรือคิดอะไร
และผมก็ไม่ไหวแล้ว ขอนอนพักอีกสักหน่อยแล้วกัน
________________________________
“นี่ๆนี่ๆ”ใครเป็นหนี้ใครว่ะ แล้วมาทวงอะไรกันตอนนี้ ไปท้วงกันที่อื่นกูจะนอนนนนนนน
“นี่ นี่ๆๆนี่ๆ”คราวนี้ไอ้พวกทวงหนี้มันไม่ได้มาแค่เสียงครับแต่มันมีอ็อบชั่นเสริมโดยการเขย่าตัวผม
“อืม”ไอ้สัสกูปวดหัว มาทวงอะไรกูตอนนี้ กูไม่มีให้หรอกนะโว้ย
“มึงตัวร้อน”นี่เรียกกูจะเป็นจะตายเพราะอยากจะบอกว่ากูตัวร้อน ไอ้ห่ามึงเอ้ย ตัวกูมันร้อนกูก็ต้องรู้ซิครับ มึงไม่จำเป็นต้องมาปลุกกูเพื่อบอกเรื่องแค่นี้ก็ได้นะ ไอ้ฟัด
อารมณ์ไม่ดีครับ ง่วง ปวดหัว ปวดตัวไปหมดยังจะมากวนอีก
“อืม ปวดหัว”บ้างเวลาคำพูดคุณอยากพูดมากมายก็ต้องเก็บไว้ในใจทั้งที่อยากจะพูดเหลือเกิน เมื่อเห็นว่าคนๆนั้นที่คุณจะด่าคือใคร ก็ต้องหุบปากเก็นคำด่าไว้ในใจโดยบัลดล ไว้อาลยให้ไอ้โน 1นาที
“ไปหาหมอ” ผมพยายามหรี่ตามองไอ้คนที่ยืนคุยกับผมอย่างยากเย็น แสบตาครับก็มันเปิดม่านอ่ะแล้วดูจากแดดขนาดนี้ คงไม่ใช่ตี5แน่น
แต่ไอ้คุณชายครับมึงเห็นไหมครับแค่จะลืมตาเต็มๆกูยังทำไม่ได้แล้ว มึงลองคิดดูนะว่ากูจะมีแรงจากไหนไปหาหมอครับ เห้อ ไม่สนใจแล้ว
แล้วผมก็หลับตาดึงผ้าห่มมาห่มตัวให้ถึงคออีกครั้ง ง่วงจังเลย
“ลุก!”ไอ้แท็คตะคอกเสียงดังแล้วดึงผ้าที่ผมห่มไว้ ทีเดียวไปกองอยู่ที่ปลายเท้าเลย ขนาดผมจับไว้นะ ดีนะที่กูไหวตัวทันปล่อยก่อนไม่งั้นก็คงลอยตามผ้าห่มมาอยู่ปลายตีนตัวเองแน่นๆ
แต่มึงอย่าคิดว่าการกระทำแค่นี้ของมึงจะพรากกูจากการนิทราของกูได้ ผมก็เลยคลานไปดึงผ้าห่มมาห่มใหม่อีกครั้ง แล้วหลับตาลงไม่สนใจไอ้หน้ามารที่ยืนมองผมอย่างหงุดหงิด ถ้าให้กูไปหาหมอกูยอมนอนตายอยู่ที่เตียงนุ่มๆผ้าห่มอุ่นๆนี่ดีกว่า
“ลุก!”มันยังไม่เลิกครับ มันยังไม่เลิกทำรุนแรงกับผม ไอ้พระเอกของทุกคนเป็นคนยังไงดูกันเอาเองนะครับ ขนาดผมป่วยขนาดนี้มันยังทำกับผมขนาดนี้ มันกระชาก ขอย้ำชัดๆขีดเสียนใต้แล้วใส่ตัวหนาว่า กระชากแขนผมให้ลุกนั่ง พระเจ้าบนโลกใบนี้ยังมีคนจิตใจชั่วร้ายถึงเพียงนี้อยู่อีกหรือ
“กูปวดหัว”บอกด้วยน้ำเสียงที่โคตรแหบแห้ง กับสายตาวิงวอนว่าขอกูนอนก่อนเถอะ
“มึงจะลุกดีๆหรือให้กูอุ้มไป”แต่ก็มิได้นำพา
และในที่สุดมันก็ลากผมมาชั้นล่างสุดของคอนโดมันจนได้ และชั้นล่างสุดจะมีพวกร้านค้าต่างๆมากมายเพิ่มอำนวยความสะดวกให้
แก่คนที่ซื้อคอนโดที่ราคาน่าจะหลักๆสิบล้านนี้
มันก็มีร้านหลายอย่างอะครับ มีเซเว่นด้วยแล้วก็มีสาปา ร้านอาหาร ร้านตัดผม ท็อปซุปเปอร์ คลินิก ร้านขายยาด้วยครับ นี่ถ้ามันยกโรงหนังหรือพารากอนมาไว้ได้ เจ้าของโครงการเขาคงทำไปแล้วแหละ และโชคดีที่มันไม่ใช่ เหอๆ
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบเป็นอะไรมาค่ะ”ทันทีที่เราเปิดประตูเข้าไปในคลินิกก็เจอกับพี่พยาบาลสาวสวยที่หน้าเคาร์เตอร์ส่งเสียงตอนรับอย่างลื่นหู
แต่ขอโทษครับ ต่อให้ตอนนี้sdsnมายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีอารมณ์แลหรอกครับ(หรอ) ปวดหัวมากกกกกกกกกกก
แล้วพี่เขาก็มองเราแบบยิ้มๆครับ ก็คือผมไม่สงสัยหรอกครับ ชายชกรรณ์2คนในชุดที่ดูยังๆก็ชุดนอน ผมใส่บ็อกเซอร์กับเสื้อยืดคอกลมของเมื่อวาน(กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย ดีหน่อยที่ยังพยายามว้วนปากมาแล้ว)รองเท้าหูคีบที่ใส่เล่นทะเล ส่วนไอ้แท็ค ใส่เสื้อกามสีเทากับกางเกงผ้าร่มตราอาดีดาสที่ดูยังไงก็ของแท้คุมถึงเข่า แต่งแค่นี้มันก็หล่อแล้วดูดีมีราศีกว่าผมใส่ทักซิโด้ซะอีก เฮ้ย พระเจ้าลำเอียง ทำไมไอ้คนที่มันหน้าตาดีๆมันถึงต้องรวยด้วยครับ แล้วทำไมไอ้ชาวบ้านจนๆอย่างผมถึงหน้าตาผ้าขี้ริ้วแบบนี้ครับ อานาทจริงๆชีวิตกู
ไอ้แท็คยืนพิงเคาร์เตอร์แล้วมองมาทางผมประมาณว่า มึงป่วยมึงจัดการเองซิ แต่ถ้ามึงจะมาเพื่อให้กูทำทุกอย่างเองแบบนี้มึงให้แค่เงินกูมาก็ได้นะ
“อ้าวหมอเชนมาพอดีเลย”พี่พนักงานก็เอ่ยทักผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาพอดี
“ทำไมครับ พอดีเชนลืมมือถือไว้เมื่อวานเลยแวะมาเอามีอะไรครับ”อือหือ นี่อย่างบอกนะว่าไอ้เกรียนข้างๆผมนี่เป็นหมอ
คือจะบรรยาให้ฟังครับว่ามันมีลักษณะยังไง ตัวสูงครับ ตัดผมสกินเฮด เจาะหูเป็นราวยิ่งกว่าราวตากผ้าอีกครับ ใส่เสื้อกามสีดำ กับกางเกงบอลสีเดียวกัน มีแต่ผิวพรรณที่ขาวๆนี่แหละครับที่ให้มันไม่เหมือนเด็กแว้นเท่าไหร่ แต่ร่วมสภาพโดยร่วมแล้ว มันหมอตรงไหนครับ
“พอดีหมอก้องติดเย็บแผลอยู่ค่ะแล้วบังเอิญมีคนไข้อ่ะค่ะ คุณหมอช่วยดูหน่อยได้ไหมค่ะ ดูหน้าซีด ถ้าจะรอไม่ไหว”พี่พยาบาลหันไปพูดกับไอ้หมอแว้น(ยังไงมันก็ดูแว้นอยู่ดีอ่ะ)
แต่เอ๊ะ สภาพผมดูออกขนาดนั้นเลยหรอครับว่าป่วย แถมยังจะไม่ไหวแล้วด้วย พี่ๆดูออก แล้วทำไมไอ้ตัวข้างมันถึงดูไม่ออกยืนกอดอกเล่นไลน์อย่างสบายอกสบายใจ ขอร้องแหละเปลี่ยนพระเอกเรื่องนี้เถอะ มันจะเป็นเย่งอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชน
“ครับ เฮ้ยคนไข้ไหวไหมครับ”ราวกับฉากในหนังที่นางเอกที่ป่วยเดิมมาหาหมอได้แล้ว แต่เสือกหมดแรงตอนหมอมาพอดี ทำให้หมอตั้งรีบเข้ามาพยุง แต่ไอ้คุณชายไวพอกันก็เข้ามาพยุงผมเหมือนกัน มันดูเป็นคนดีมากถ้ามันไม่ผลักคุณหมออกจากผมและผมว่าแรงผลักคงเยอะพอสมควรหมอถึงกับเซ
“ผมดูแลได้ขอบคุณ”น้ำเสียงเย็นถูกส่งมาจากปากไอ้แท็ค คุณหมอตงคิดประมาณว่าดูแลได้แล้วพามาหากูทำไมฟระ แต่เขาเป็นคนดีไงครับคงตกใจหน้าดูที่ทำคุณบูชาโทษโปรดคนหล่อแล้วได้บาปอย่างผม
“อ่าครับ งั้นพาคนไข้เข้าห้องตรวจเลยครับ”หมอแว้นเดินนำไปเข้าห้องๆหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเคาร์เตอร์
“เดี๋ยวเพื่อนรอด้านนอกนะครับ”พอไอ้แท็คที่ช่วย(ผลัก)ผมให้เข้ามาในห้องได้แล้ว หมอก็หันไปพูดกับมันว่าให้ออกไปรอข้างนอก ธรรมดาครับ พวกคลินิกจะแบบนี้แหละครับจะไม่ให้ใครเข้าไปดูการรักษาด้วย ผมก็ไม่รู้ทำไมว่าเข้าไม่ได้ หรือแม่งจะค่อยลวนลามคนไข้ แต่เอ๊ะ ผมเป็นผู้ชาย ไอ้นี่ก็ผู้ชาย คงไม่หรอกมั้ง
“ไม่ใช่เพื่อน”ไอ้แท็คยังคงยืนนิ่งตอบ ไม่มีท่าทีเลยว่ามันจะยอมออกไป หมอที่เมื่อกี้มั่วแต่สนใจเครื่องไม้เครื่องมือตรวจถึงกับชะงัก หันกลับมามองหน้าไอ้แท็คเลย
คือมึงครับที่เข้าบอกมึงเมื่อกี้เขาหมายถึงให้มึงออกไปข้างนอก ไม่ได้อยากรู้ว่ามึงเป็นเพื่อนกูหรือเปล่า ไอ้ฟายยยยย
“ครับ?”หมอเองก็คงไม่เคยเจอคนแบบนี้ เหอๆๆทำใจครับๆ เดี๋ยวก็ชิน(หรือเปล่า)
“เป็นแฟนกัน เพราะฉะนั้นผมขอดูการรักษา เพื่อมีอะไรที่มันไม่ถูกต้อง และไม่ควร”มันเน้นหนักคำท้ายๆประโยคพร้อมลงไปนั่งเก้าอี้ยาวติดผนังเรียบร้อยแล้ว
เออ มึงนี้ปัดจะหน้าด้านก็ด้านจริงๆเนอะ
หมอก็เลยจำใจยอมให้มันนั่งดูการรักษา
“อ่ะ นี่มัน”หมอทำท่าตกใจตั้งถกเสื้อผมขึ้นเพื่อจะฟังจังหวะหัวใจ
“อะไรครับ ผมเป็นไร”ตกใจซิครับอยู่ๆหมอก็หน้าเสียขึ้นมา นี่กูเป็นอะไรร้ายแรงเปล่าเนี่ย
ผมก็ผะงกหัวขึนดูพุงตัวเองก็ต้องตกใจอย่างที่สุด
ยุง! ยุ่งกัดอ่ะ แดงเป็นจ้ำๆทั้งตัวเลย บ้างอันก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงๆด้วย นี่มันกัดผมขนาดนี้เลยหรอ ไข้เลือดออกแน่นๆเลย
“หมออะไรกัดผมอ่ะ แล้วผมจะตายไหมอ่ะ”ตกใจครับ คือผมยังไม่พร้อมตายนะครับ ยังมีแม่มีน้องต้องดูแลอีก โอ้ไม่นะ อ๊ากกกกกกกก
“หึหึ “ได้ยินเสียงไอ้แท็คหัวเราะลอยมา ไอ้นี่มันเลวทรามต่ำช้าจริงๆครับ คนกำลังจะเป็นตายเท่ากันมันกลับนั่งหัวเราะ
หมอดูตกใจกับอาการสติแตกของผมเหมือนกันก่อนที่จะทำหน้าอึ้งๆ
“หึ หมอว่าคงไม่ตายหรอกครับ เพราะมันคงทำได้แค่กัด แต่ถ้ามันทำอย่างอื่นด้วยนี่ซิหมอไม่แน่นใจ”หมอพูดแล้วหันไปมองหน้าไอ้แท็ค ที่ขมวดคิ้วไม่พอใจอะไรบ้างอย่างอยู่ คือขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่กูงงครับ ตกลงอะไรกัดกู แล้วนอกจากกัดมันทำอย่างอื่นได้อีกหรอ
“ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ไข้น่าจะเกิดจากอาการเปลี่ยนร่างกายปรับตัวไม่ทัน ก็เลยส่งผลให้ร่างการป่วยแล้วอยู่ในช่วงที่ร่างการบอกช่ำพอสมควร นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“แฮะๆ ก็นิดหน่อยครับตามภาษาวัยรุ่น”ผมก็อธิบายแบบขอไปที
เป็นหมอนี่ดีเนอะ ใครเป็นไรรู้หมด ไม่ใช่แค่อาการป่วยแถมยังรู้ไปถึงว่าทำอะไรมาถึงป่วยกันเลย พี่เนก็ทำได้หรอ โอ้ไม่นะ แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบไปถึงใส้ติ้ง
“ครับก็อย่าวัยรุ่นมากนะล่ะ ตัวยิ่งเล็กๆอยู่ แถมป่วยง่ายแบบนี้อีก เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้ทานนะครับ”แล้วหมอก็ก้มลงไปเขียนอะไรในใบสั่งยาสักอย่าง แล้วส่งให้ไอ้แท็ค
“เดี๋ยวญาตไปติดต่อที่เคาร์เตอร์รับยาได้เลยครับ”
ไอ้แท็คก็รับแล้วก็เดินออกไป พอประตูปิดลงปุป หมอก็รับตรงมาหาผมที่กำลังจะลงจากเตียงอย่างไว
“นี่ถ้าเขารุนแรงเกินมาหาหมอได้ตลอดเลยนะ หมอพักอยู่ห้อง140ชั้ง17 แต่ถ้าไม่เจอก็คลินิกนี่ก็ได้ เอานี่ไปถ้าเขาทำรุ่นแรงเกินไปก็โทรหาหมอนะ หมอจะช่วย ไม่ต้องอาย”หมอรีบเข้ามาลูบหัวลูบหางผม เอ้ย ลูบหลังผมยกใหญ่ แล้วก็เอานามใบยัดใส่มือผม
ส่วนผมหรอ เอ๋อแดกไงครับ อ้าปากพะงาบๆเตรียมตัวจะถาม ไอ้แท็คก็เปิดประตูพรวดพราบเข้ามา แล้วตรงเข้ามาลากผมออกจากห้องแล้วก็คลีนิคทันทีเลย
คือชีวิตกูมันจะมีอะไรสับซ้อนกว่ายนี้อีกไหม
แล้วมันก็ลากผมมาไกลจากคลีนิคพอสมควรจู่ๆก็หยุดเดินซะงั้นทำเอาผมที่ถูกมันจับแขนลากถูลู่ถูกังอยู่นั้นก็ชนกับหลังมันเอาอย่างจัง
ขอย้ำนะครับเพื่อจะลืม กูยังป่วย กูไม่สบาย ถนอมกูบ้างเหอะ
“เอามา”หันหน้ามาทำหน้ามารใส่ผมพร้อมแบมือมาข้างหน้า
“อะไร”อะไรของมึง อยู่ๆก็เอามา
“กูบอกให้เอามา”พูดแล้วก็ตรงมากระชากเศษกระดาษที่อยู่ในมือผมทันที เฮ้ยนั้นมันนามบัตรไอ้หมอแว้นนี่หว่า จะเอาไปทำไมว่ะ หรือว่ามันส่งชิงโชคได้ หรือว่าเป็นส่วนลดเวลาไปหาหมอครั้งต่อไป แล้วทำไมไม่บอกว่ะจะได้ขอมาเยอะๆ
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมคิดถึงคุณค่าของนามบัตรนั้นจะไม่ใช่อย่างแน่นนอน เพราะไอ้คุณชายได้ไปก็ขย่ำๆแล้วก็ปาทิ้งไปตรงสวนย่อมที่มีที่เท่าลูกเจี๊ยบดิ้นตาย ที่คอนโดจัดไว้ให้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ถุย ที่แค่นี้ แค่ยืนเฉยๆก็เกิบเต็มแล้ว ไอ้พวกซื้อนี่ก็โง่ได้ใจ แพงก็แพง ได้สวนแค่นี้ เจริญจริงๆ
พอมันระบายอารมณ์กับกระดาษที่แสนโชคร้ายไม่ต่างจากชีวิตผมเสร็จก็เดินส่ายตูด เข้าไปในคอนโดเลย แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงบ่นพึมพัมจำใจความไม่ได้ของมัน
“ไอ้ขี้หลีเอ้ย เดี๋ยวมึงเจอกู”
แล้วก็ต้องมายืนรอลิฟ ไม่รู้มันอารมณ์เสียอะไร กระน่ำกด ไม่ซิ เรียกทุบมาก ปุ่มเรียกลิฟ นี่ถ้ามันฟังขึ้นมากูว่าราคาพอๆกับคอนโดมึงห้องนึ่งเลยนะ
แต่ชั่งมันเถอะครับ ผมเหนื่อย ปวดหัวเวียนศรีษะ โลกก็โอนเอนไปมา จากนั้นใครไม่รู้ปิดไฟ แล้วผมก็หมดสติไป
แถม
แท็คtalk
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตี4แล้วครับ กว่าจะมาถึงคอนโนผมที่อยู่ห่างจากโรงเรียนมาก ก็เล่นเอาเหนื่อยพอตัว แต่อะไรก็ไม่เท่าไอ้ยาจกเผือกที่นอนหลับเป็นตายน้ำลายยืดอยู่บนหลังผม ทั้งๆที่ผมทั้งปลุกทั้งเรียกแต่มันก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด ถึงตัวจะไม่ได้หนักมากอะไร แต่การที่ต้องแบกมันพร้อมๆกับหิ้วกระเป๋าเดินทาง กับของฝากนี่ก็เอาเรื่องอยู่
“อ้าวคุณโน มีอะไรให้ลุงช่วยไหม” ลุงยามที่เดินมาตรวจตราที่จอดรถ ที่แกทำเป็นประจำก็เข้ามาหาทันที
“ช่วยยกกระเป๋าพวกนี้ทีครับ”แล้วผมก้ไม่ลังเลที่จะรับความช่วยเหลือจากลุงแก
“ดูท่าบนหลังของคุณแท็คน่าจะหนักกว่านะ ให้ผมช่วยแบกให้ดีไหม”เป็นคำพูดที่คนปกติหรือทั่วๆไปมองก็คงมองว่าลุกแกก็แค่อยากช่วยให้ได้มากที่สุด แต่ผมกลับหันไปจ้องหน้าลุงแล้วขมวดคิ้วแทบจะทันทีที่แกเสนอความคิดเห็น ทำไปเร็วกว่าที่สมองจะคำนวนเสร็จซะอีก
“555 ลุงล้อเล่นน่ะ จะให้คนแกแบกพ่อหนุ่มน้อยนั้นคงไม่ไหวหรอก หลักหักกันพอดี”แกพูดเกร็งๆก่อนที่จะก้มลงหยิกระเป๋าเสื้อผ้ากับถุงของฝาก แล้วเดินนำไปกดลิฟให้ แต่ผมไม่ตลก!
เรื่องแค่นี้แต่กลับทำให้ผมไม่พอใจขนาดนี้ได้เลยหรอ นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะไอ้ลิงเผือก
พอมาถึงห้องลุงแกก็ช่วยเอาของมาวางเก็บให้ ผมเลยเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องนอนตัวเองแล้วว่างคนบนหลังให้นอนลงกับเตียงพร้อมเดินไปเปิดแอร์ ก่อนที่จะกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่น หยิบแบงค์ห้าร้อยในกระเป๋าให้ลุงแกก่อนที่ลุงจะไหว้ผมแล้วรับไว้
บนโลกนี้มีใครที่ทำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทนมั้ง หึ ไม่มีใครบริสุทธิ์ขนาดนั้นหรอก
แล้วก็ต้องกลับไปดูคนที่หลับสนิทจนไม่รู้ว่ามีแบกหามตัวเองไปไหนมาไหนได้สบายใจขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นคนอื่นล่ะเขาจะเอามาส่งปล่อยให้หลับบนเตียงสบายๆแบบนี้หนรอ ยิ่งมองยิ่งอยากแกล้ง แต่ก็ไม่อยากให้ตื่น แต่ว่าน่าจะส่งสอนอะไรบ้างอย่างให้สำนึกมั้งนะ เพื่อจะได้ระวังตัวมากขึ้น
ถอดการเกงยีนที่ไม่สบายตัวออกให้ก่อนที่จะถอดเสื้อยืดออก
แต่
ขาว
ขาวเกินไปทั้งๆที่เป็นเด็กบ้านๆแต่ผิวพรรณกับดียิ่งกว่าลูกคุณหนูหลายคนซะอีก มองกี่ครั้งก็อดใจไม่ไหว
ผมไม่ใช่โรคจิตที่เห็นคนขาวๆแล้วต้องเกิดอารมณืทันทีอยู่ญี่ปุ่นขาวกว่านี้ก็มี แต่กับไอ้ยาจกผมกลับ...
มันหลับอยู่หลับอยู่ ท่องไว้
แต่ทั้งๆที่ในใจคิดแบบนั้นแต่ริมฝีปากกลับแตะไปที่หน้าผากมนๆนั้น กลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมาติดจมูกทำให้รู้สึกไม่พอก่อนที่จะย้ายไปที่แก้มใสๆนั้น แล้วมันก็เลยเถิดมาจนถึงทั้งหน้าอกที่มีสิ่งล่อตาล่อใจ ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้ง ก็เลยดูดให้มันเป็นรอย รอยแรกปรากฏ ก็ยิ่งชอบใจ ทำต่อไปอีกเรื่อยๆ เหมือนวาดภาพที่ตัวเองชอบ แล้วมันก็หยุดไม่ได้
“ฮือ”เสียงครางไม่พอใจของคนที่ถูกรบกวนการนอน ทำให้ร่างกายหยุดชะงักทันที ก่อนที่คนถูกกระทำจะขยับหนีไปอีกทาง
คงไม่ต้องถอดแล้วมั้งเสื้อนี่ เดี๋ยวจะกลายเป็นไม่ได้นอน
แล้วคืนนี้ชีวิตผมก็จบลงที่ห้องน้ำเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง
TBC.
เฮกันล่ะซิ(ไม่เห็นจะเฮเลย

)5555
ในที่สุดพระเอกตัวจริงก็ปรากฎพี่หมอเชน( :z6:ไม่ใช่แหละ)
พี่แท็คเริ่งหลุดความซึนออกมาแล้ว
เอาน่าทุกคนให้เวลาพี่เเกนิดหนึ่งก็คนมันไม่เคย
แต่จะว่าไปพอมานึกย้อนๆดูคู่นี้ตอนป่วยมันชั่งแตกต่างจากเก้าคีย์เหลือเกินเนอะ อิอิอิ
แบบนี้แหละเขาเรียกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน(?)555
ขอบคุณทุกคนที่ตามติดมาตลอดนะครับ อีกไม่นานสิ่งที่ทุกคนรอยค่อยก็คงจะมาถึง น่าจะไม่เกือนตอนที่52นะ