ตอนที่ 19
ด้วยความเพลียจากการเดินชมคฤหาสน์?? เมื่อวาน ทำให้ผมหลับเป็นตาย...........
.............ซะเมื่อไหร่ล่ะ.............พอหลังจากคุณฟรานปลุกผมด้วยจูบนุ่มนวลในห้องน้ำแล้ว ก็ยังส่งผมนอนด้วยจุมพิตอย่างอ่อนหวานที่หน้าผาก จากไอ้ที่คิดว่าจะหลับฝันดี ก็กลายเป็นว่า.......ด้วยความเขิน.....จึงยิ่งทำให้ผมตื่นเต็มตาเลย
หลังจากนั้น....ผมก็มาคิดและกังวลอยู่เป็นนาน ว่า.......
.........วันนี้...ผมหารูปภาพนั่นไม่เจอเลย ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่มีวี่แววใดๆเลย และไม่รู้ว่าคุณฟรานจะเอามันไปไว้ที่อื่นหรือเปล่า......แต่ที่นี่เป็นบ้านของเขา เป็นที่ๆเขาอาศัยอยู่ทุกวัน....หากภาพนั้นสำคัญจริง มันก็ควรจะอยู่ที่นี่......สักที่หนึ่ง ในบ้านหลังนี้
ด้วยความกังวลใจ จึงทำให้ผม.....นอนไม่หลับ TT^TT จนล่วงเลยไปสู่วันใหม่แล้ว ผมก็ยังนอนตาสว่างอยู่นั่น.....ผมยกแขนขึ้นมาดูบาดแผลของตัวเอง ผมเกือบจะลืมบาดแผลเหล่านี้ไปแล้ว แผลที่ผมกัดมันแห้งแล้ว.....ตอนผมกัดมัน ก็มีเลือดซึมออกมานิดหน่อย
ผมสำรวจบาดแผลตามตัว.....มันเป็นเพียงแผลถลอกเล็กน้อย ตอนนี้ทั้งตัวของผมจึงมีแต่รอยช้ำเท่านั้น
และแล้ว....ผมก็มาหลับเอาตอนประมาณตีสามได้.......
................................
เช้าวันนี้.....คุณฟรานเป็นคนเข้ามาปลุกผมอย่างอ่อนโยนและบอกให้เตรียมตัวออกเดินทางอย่างกะทันหัน ผมตื่นขึ้นมาด้วยความเบลอจัด สมองแทบจะไม่ทันได้ทำงานเองเสียด้วยซ้ำ.....คุณฟรานจึงอนุญาตให้สาวใช้คนหนึ่งมาช่วยผมอาบน้ำ แต่งตัว ส่วนเขาก็คงเตรียมตัวเดินทางไปตามเรื่องของเขา
อาจด้วยเขาเห็นผมเพลียมาก....เมื่อขึ้นรถเบนซ์คันหรูที่ออกแบบมาเป็นรถลีมูซีน เพื่อเดินทางไปยังสนามบิน เขาก็ปล่อยให้ผมได้หลับอย่างสบายๆ ตลอดช่วงเวลาสั้นๆนั่น โดยไม่ได้รบกวนอะไรผม และเนื่องจากผมแทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน....จึงทำให้.......
............ผมยอมนอนหนุนตักเขาโดยไม่เคิ้นเขิน ไปตลอดทาง.............
...........แถม.....ยังหลับไปอย่างสบายใจด้วย........................................................
แล้วผมก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...ด้วยปลายลิ้นและจูบอันดูดดื่มของเขา
“อะ....อืมมมม” ผมครางออกมาเบาๆ
“คุณฟราน.....”
.....และเรียกชื่อของเขา....เมื่อเขาค่อยๆถอนตัวออก
“หึหึ....ตื่นแล้วหรือ...เด็กดี”ดูเหมือนเขาจะชอบเรียกผมด้วยประโยคนี้จัง ผม...........ต้องพยายามห้ามใจตัวเองอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้ใจดวงนี้........พลั้งเผลอไปกับเสน่ห์อันเย้ายวนของเขา
เนื่องจากเรานั่งด้านหลังด้วยกันเพียงสองคน....แล้วยังมีผ้าม่านหรือเปล่า?? ผมไม่แน่ใจ กั้นระหว่างคนขับกับคนนั่งหลัง คุณฟรานจะทำอะไรจึงไม่จำต้องเกรงต่อสายตาใครๆ
ผมเพิ่งสังเกตว่า....คุณฟรานอยู่ในชุดสูทลำลองคลาสสิค ที่สวมใสออกมาได้ดูดีอย่างยิ่ง ผมว่า...ไม่ว่าเขาจะอยู่ในชุดอะไร....เขาก็ดูดีเสมอนั่นแหละ
เรามาถึงสนามบินก็เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว เครื่องออกประมาณหกโมงครึ่ง.....เรื่องตั๋ว คนของคุณฟรานเขาจัดการแล้วอย่างเรียบร้อย
พอขึ้นเครื่องได้.....ผมก็กรึ่มๆ จะหลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คุณฟรานไม่ปล่อยให้ผมได้หลับแล้ว เขา......คอยเฝ้าวนเวียนจุมพิตผมอยู่ไม่ห่างเลย ไอ้ที่คิดว่า......เพราะไม่มีคน ตอนนั่งอยู่ในรถ เขาจึงไม่จำต้องเกรงต่อสายตาใคร.........จึงเป็น...........
....................ความคิดที่ผิด.................ดูเหมือน.....เขาพอใจจะจุมพิตผมเสียอย่าง เขาก็ไม่สนใจต่อสายตาใครหน้าไหนทั้งนั้น.......จึงเป็นผมเสียอีก ที่ต้องคอยเขินแล้วเขินอีก......จนอาการง่วงไม่กล้ามาย่างกรายเลย
“หึหึ....เธอจะหลับก็ได้นะ”
..............ฉ่า.............อย่าพูดทั้งทำหน้าทำตาวิบวับแบบนั้นสิครับ เพราะถ้าผมหลับ คุณก็ได้กำไรเต็มๆ......และตอนนี้สายตาคนที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านก็แอบแหล่ๆ มองมาที่เราสองคนด้วย
...................ผมอายครับ.........................ช่วงนี้จะเข้าช่วง low season ของการจะไปพักผ่อนตามชายทะเลแล้ว จึงมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวปิดท้ายช่วง high season อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเล็กน้อยแล้ว และถ้าสังเกตดีๆแล้วละก็....จะเห็นคนของคนฟรานนั่งอยู่ประปรายด้วย
พอเครื่องลงจอดที่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้....เราก็นั่งรถเบนซ์ลิมูซินอีกคัน เพื่อเดินทางต่อไปที่ท่าเรือ....ดูเหมือนการเดินทางหลายต่อครั้งแบบนี้ คุณฟรานจะไม่ค่อยได้ปลื้มนัก....แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่แสดงอาการนั้นออกมา....และยังคอยดูแลผมอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
..............โธ่ทำแบบนี้แล้ว ใจผมจะไปไหนรอดล่ะ............
.................เชี่ยแล้วกู......ไม่คิดๆๆ.........
ผมสะบัดๆ หัวไปมาในขนาดที่รถคันหรูกำลังวิ่งช้าๆเข้าสู่ท่าเรือ
“ฉันต้องขอโทษนะ......ที่ทำให้้เธอปวดหัว....กับการเดินทางที่ฉุกละหุกแบบนี้....”
“มะ...ไม่ใช่ครับ!!” ผมรีบหันขวับไปปฎิเสธคำพูดนั้นทันที
“ผมก็แค่คิดมากไปน่ะครับ” จึงรีบอธิบาย
“หืม.....”“ก็คุณดูแลผมดีขนาดนี้ ผมเลยรู้สึกดีจนไม่อยากจะคิดว่า...........” และรีบอธิบาย
..........ดะ........ดะ........เดี๋ยวนะ.......เดี๋ยวนะ......มึงกำลังจะพูดอะไรไอ้กรีน...............ฉ่า.......แล้วผมก็หน้าร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกันนั้นยังเสือกจะหลบสายตาขี้สงสัยนั่นอีก
.......อ๊ากกกกกกกกกกก...........
......งี้เขาก็รู้ทันกูดิวะ.........“หึหึหึ.....หลงรักฉันขึ้นมาบ้างแล้วสินะ”
..............อ๊ากกกกกกกกกกก......................ไม่จริง...ไม่จริง....ควันพุ่งเลยกู..........ผมต้องอ่อนเพลียจนรู้สึกว่าตัวเองกำลังไข้ขึ้นแน่ๆ...........
เป็นช่วงเวลาพอดีกับรถคันหรูจอด.....ผมตัดสินใจเปิดประตูฝั่งผมทันที ผมไม่กล้าสู้หน้าเขาเลยตอนนี้....เพราะผมรู้ดีว่าตนเองกำลังหน้าแดงก่ำแค่ไหน
“หึหึหึ....”เหอะ....มีความสุขจังนะ.....ในสถานการณ์แบบนี้ของผม
......................................................
“โหหหหห....”
ผมครางออกมาเบาๆ ก็..........สิ่งที่ทอดตัวนิ่งอยู่บนผืนน้ำนั้น คือ เรือยอร์ชสีขาวงามสง่าละลานเต็มไปหมดเลยครับ จนผมตะลึงไปชั่วขณะ....
คุณฟรานเดินมาแล้วฉุดผมเบาๆให้เดินเคียงคู่ไปกับเขา และเมื่อผมเดินไปตามแรงฉุดนั้น....ก็เป็นการเปิดโอกาสให้เขาใช้แขนแข็งแรงนั้นโอบกอดผมหลวมๆ ด้วย
มันอาจเป็นการแสดงความห่วงใยเล็กๆน้อยๆของเขา แต่มันก็ทำให้ผมอดที่จะใจสั่นขึ้นมาไม่ได้.....
และแล้ว.............
“สะ....สะ.....สุดยอดดดดดดด”ปกติผมจะครางออกมาเบาๆ แต่ครั้งนี้.......ผมพูดออกมาอย่างอดไม่ได้เลยจริงๆ ตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังเต้นตึ๊กตั๊กเหมือนจะกระเด็นออกมาเสียอย่างนั้น เมื่อสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมคือ.............
เรือโคลัมบัส สปอร์ต 130 (The Columbus Sport 130) เป็นผลงานของอู่ต่อเรือพาลัมโบ (Palumbo) จากเมืองเนเปิ้ล ประเทศอิตาลี ที่ได้ออกแบบและสร้างเรือยอร์ชอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมขนาดยักษ์นี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นเรือเครื่องยนต์ไฮบริด แบบเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์โตโยต้า พรีอุส ที่มีการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลและไฟฟ้า โดยทั้งสองระบบนี้จะทำงานร่วมกันตลอดเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดจำนวนการปล่อยมลพิษในอากาศ และยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย
เรือลำนี้จะเริ่มต้นแล่นจากพลังงานไฟฟ้าก่อน และหากต้องการเร่งความเร็วให้มากขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดีเซลในการขับเคลื่อนแทนได้ทันที นอกจากนี้เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มีการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ขับเคลื่อน คือ การต้องการลดมลภาวะทางเสียง ซึ่งปกติแล้วเครื่องยนต์ทั่วไปจะส่งเสียงการทำงานดังมาก
Royal Great เป็นชื่อเรือยอร์ชที่คุณฟรานพาผมเดินไปขึ้น สวยงามมาก...........
..............สวย.......สมกับชื่อจริงๆ................ผมคิดแบบนั้นจริงๆครับ Royal Great เป็นเรือที่มีความยาว 40 เมตร ภายนอกเรือตกแต่งด้วยอลูมิเนียมอย่างดี
................................................................
ในที่สุด Royal Great ก็ได้ออกสู่ทะเล ผมได้ออกเดินสำรวจภายในเรือลำนี้แล้ว ปรากฎว่ามีห้องสูทขนาดใหญ่ทั้งหมด 3 ห้อง ซึ่งได้รับการตกแต่งมาอย่างหรูหราราวกับโรงแรมห้าดาว มีห้องรับประทานอาหาร มีห้องน้ำที่มีอ่างจากุชชี่กับห้องแต่งตัวอยู่ติดกัน ส่วนบริเวณดาดฟ้าเรือมีเก้าอี้นอนเตรียมไว้ให้ผู้โดยสารพักผ่อน นอนอาบแดด ชมวิว ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเรือได้อย่างสบาย ๆ
ผมจำได้ว่าเรือสปอร์ตรุ่นนี้ คือเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรุ่นแรกของโลก ซึ่งทางบริษัทผู้สร้างเล็งเห็นความสำคัญตรงจุดนี้ ไม่น้อยไปกว่าดีไซน์ คุณภาพและเทคโนโลยีสุดล้ำของเรือเลย
ก่อนความคิดจะเตลิดไปไกลกว่านี้ คุณฟรานก็เดินเข้ามาหาผมและดึงผมเบาๆเข้ากอดอย่างเอ็นดู
“เป็นไงบ้าง....เธอเป็นผู้โดยคนแรกที่ฉันอยากพาขึ้นมาด้วยเลยนะ หึหึ”จบคำพูดนั้นเขาก็คงสังเกตปฎิกิริยาของผมทันที ถึงได้หัวเราะออกมาแบบนั้น ผมรู้สึกขนลุกชู่ขึ้นมา.....มัน.........เหนือความคาดหมายเกินไป
ต่อจากนี้ผมจะทำอย่างไร เรือลำนี้....
“Royal Great เป็นเรือของคุณเองหรอครับ”
“ใช่.....เธอชอบมันหรือเปล่าล่ะ”
“....ชอบมากครับ”
ผมตอบพร้อมทั้งสบตาของเขาเป็นการยืนยัน คุณฟรานยิ้มกว้างส่งมาให้ผม แล้วเขาก็หอมแก้มผมเบาๆ
“ฉันดีใจที่เธอชอบ...”เอ่อ.....หน้าของผมร้อนขึ้นมาเลยแฮะ......คำพูดที่แฝงความหมายอื่นแบบนั้นมาพร้อมกับสายตาเจ้าเสน่ห์ของเขา ดูเหมือนมันจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไปเสียแล้ว ไอ้คำพูดนุ่มๆ กับสายตาหวานๆนั่น....ผมจึงได้แต่ทำเป็นมองไปทางอื่นแก้เขินเท่านั้น
“หึหึ....ฉันจะปล่อยให้เธอพักผ่อนก่อน มีอะไรก็เรียกฉัน....เข้าใจไหม??”
“ค..ครับ”เอ่อ.......เขาว่างั้น....และก้มมาหอมแก้มผมเบาๆ ให้ผมได้ใจสั่นเล่น ก่อนจะปล่อยตัวผมและเดินออกไปจากห้องสูทหรูแห่งนี้......ส่วนผม......เพียงแค่คิดว่าตั้งแต่คืนนี้ หากต้องถูกกดไว้ใต้ร่างของเขาทุกค่ำคืนพร้อมกับส่งเสียงครวญคราง ผมก็อดรู้สึกสะท้านขึ้นมาไม่ได้
งานที่รับปากไว้ก็ยังไม่ไปถึงไหน...แล้วผมยังจะมาหลงอยู่ในความรื่นรมย์ของเขาอีก คิดเพียงเท่านี้ก็อดจะรู้สึกผิดต่อทอรี่ไม่ได้เสียแล้ว
เรือลำนี้เป็นเรือส่วนตัวของเขาและผู้โดยสารที่อยู่บนเรือลำนี้ ก็มีเพียงเจ็ดชีวิตเท่านั้นบอดี้การ์ดสี่ แม่บ้านหนึ่ง แล้วก็ผมกับคุณฟรานเท่านั้น.....
เรื่อแล่นออกจากท่าไปอย่างไม่รีบร้อนนัก และเขาก็รักษาสัญญานั่นอย่างดีจริงๆ.....แม้เขาจะคอยมาดูแลผมบ้าง แต่ก็เปิดโอกาสให้ผมได้ชื่นชมความงดงามของทิวทัศน์ และความหรูหราของเรือสปอร์ตลำนี้อย่างเต็มอิ่ม
จนถึงช่วงเวลาเย็น...ผมก็ได้เดินมาผ่อนคลายบนดาดฟ้าเรือ และเริ่มทำใจยอมรับกับการเดินทางไปเที่ยวเกาะกับเขา และคงไม่พ้นเป็นเกาะส่วนตัวอีกเป็นแน่
“คืนนี้...เราทานดินเนอร์กันบนนี้ดีมั้ย??”
“อ่ะ....ครับ....ดีครับ บรรยากาศบนนี้สวยงามมากครับ ผมแทบจะอยากนอนบนนี้ด้วยซ้ำ” ผมพูดแล้วยิ้มกว้าง
ก็แม้เราจะอยู่กลางทะเลกัน แต่อากาศก็ดีมาก....อีกทั้งคุณฟรานก็ตามใจผมที่แสดงออกว่าชื่นชอบเรือสปอร์ตลำนี้อย่างออกหน้าออกตา จากที่เราจะใช้เวลาเพียงชั่งโมงเศาก็ถึงเกาะ เขาก้ให้เอรือแล่นไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าเราถึงจะเข้าเกาะกัน
“อืม....เป็นความคิดที่ดีนี่ งั้นคืนนี้...เราจะ
'นอน' ดูดาวกันบนนี้ละกัน”
“อ่ะ...เอ่อ..ครับ”
บรรยากาศเหมือน.........
............ผมจะไม่ได้นอนยังไงอย่างงั้นเลยครับ.............ผมจึงได้แต่ยิ้มฝืนๆ อากาศดีแบบนี้...........ผมคงจะไม่รอดแน่ๆ
..............ถ้าผมเปลี่ยนใจกลับไปนอนห้องสูทตอนนี้...ยังจะทันอยู่มั้ยครับ..........TBC
ทักทายๆ
ขอโทษนะ..........
ช่วงนี้เครียดกับงานวิจัยมากกกกกกกกก
เครียดๆๆๆๆๆๆ อ่า
เลยไม่รับปากแล้วนะว่าจะลงวันไหน
เสียใจจังเลยที่เราไม่ตรงเวลา กระซิกๆ
ขอบคุณที่รอ
ขอบคุณที่ติดตาม
เรื่องนี้พล็อตเรื่องจบแล้ว
มีตอนพิเศษด้วย
เอ่อ.........แต่ยังไม่ได้พิมพ์น่ะ แล้วเราก็พิมพ์ช้ามากๆด้วย
รับรองว่าลงจนจบแน่นอน
อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ
ตอนหน้า nc จะเอาเบาๆ หรือ ร้อนแรงดี 555555555555
รักคนอ่านทุกคน
แต่รักคนคอมเม้นท์มากกว่า 5555
uri