ตอนที่ 23
ผมเกลียดความรัก...เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมลงทุนลงไปแล้วไม่เคยประสบความสำเร็จให้ไปทั้งใจแต่ได้กลับมานิดเดียว
ลงทุนกี่ครั้งๆก็ขาดทุนย่อยยับตลอด เสียไปทั้งใจติดหนี้อย่างที่ไม่อาจจะถอนคืนได้ง่ายๆ
ผมจะเชื่อในการลงทุนครั้งนี้ได้ไหมนะ...ผมจะสามารถ'มอบใจ'ไปให้เขาคนนี้ได้รึเปล่า?
'บ้าน่า!นั่นมันเจ้านายนะเว้ย!'เสียงเตือนสติดังห้องกังวานภายในหัว ผมชะงักตัว สลายรอยยิ้มบนใบหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ลง แม้จะยังซบหน้าลงกับอกกว้างๆของคุณศรอยู่เช่นเดิมแต่ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไปคนละทิศละทาง
ความคิดเมื่อกี้นี้ผมเป็นคนคิดจริงน่ะหรือ? ผมคิดได้ยังไงกันว่าถ้ารักเขาก่อนเขาจะรักผมเช่นกัน คนอย่างคุณศรเนี่ยนะ! ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าที่เขาทำไปคงเพราะหวังผลบางอย่าง ไม่ใช่เพราะมีจิตพิศวาสใดๆกับผม แต่ให้ตาย ผมไปรู้สึกอย่างนี้กับเขาได้ยังไง
ยิ่งไปกว่านั้น!ผมกลายเป็นแมวเชื่องๆของเขาตั้งแต่เมมื่อไหร่กันเนี่ย?!ทำไมไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองทำตามที่เขาสั่งทุกอย่างทั้งๆที่มันไม่จำเป็นต้องทำ
ผมมุ่นคิ้วลง เริ่มรู้สึกตึงเครียดกับจิตวิทยาชั้นสูงที่ตัวเองเคยแต่ใช้กับคนอื่น แต่เพิ่งจะมาโดยเข้ากับตัวเองจังๆ ร้ายกาจจริงๆ!!
ความคิดของคนเรายากจะเข้าใจนัก ทำไมคุณศรถึงเจาะจงที่จะใช้ผม เขารู้แล้วเหรอว่าผมเป้นใครมาก่อน?แล้วเขาต้องการอะไรกับการนำผมมาเป็นเครื่องมือในครั้งนี้?มันดูไร้เหตุผลแปลกๆ เพราะถ้าเขาอยากได้เลขาที่เขาจะสามารถไว้ใจได้ เขาก็ไม่ควรเอาผมที่เคยถูกสงสัยว่าเป็นสปายตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานมาอยู่ข้างกาย ยกเว้นแต่อยากสร้างความฉิบหายให้ผม ซึ่งมันก็สำเร็จแต่เขาจะมาช่วยผมเอาไว้ทุกครั้งทำไมกัน?
"พี่ศรครับ..."ผมตัดสินใจเผยอริมฝีปากขึ้น ส่งเสียงเรียกออกไปเบาๆ รู้อยู่แก่ใจว่าหากถามออกไปคำตอบที่ได้กลับมามันอาจจะทำให้ผมเสียศูนย์ แต่มันไม่มีทางเลือก เจ็บเสียแต่เนิ่นๆย่อมดีกว่ารอให้มันฝังรากลึกไปพร้อมๆกับความระแวงและกังวลจนสุดท้ายพอถอนมันออกมา ทุกๆอย่างก็กลายเป็นรูโบ๋ไปจนหมดเหมือนที่แล้วๆมา...
"อืม..."
"ผม...."
ก็อก ก็อก
ผมสะดุ้งชะงักปากที่กำลังจะถามอย่างตรงไปตรงมาให้หุบลงเหมือนเดิมหรี่ตาลงแล้วผุดลุกขึ้นจากท่านอน
สงสัยอาหารที่สั่งเอาไว้จะมาแล้ว...
ทีนี้ก็รอดูกันล่ะว่าจะต้องเผ่นโลดอีกรอบรึเปล่า...
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนออกบางเบา เปิดประตูแง้มออกไปเล็กน้อยเพื่อรับถาดอาหารครอบฝาเงินประนีตที่ถูกวางเอาไว้ที่หน้าประตูพร้อมกับรถเข็น
ส้มตำไทย เผ็ดน้อยกับ สเต็กไก่รมควัน....
ผมกระตุกยิ้ม ดูเหมือนว่าน้องชายขี้แยของผมจะยังคงรักษาอำนาจที่ผมให้เอาไว้ได้อยู่แฮะ...
ไม่รู้ผมเคยบอกไปรึยัง ครอบครับของผมเป็นครอบครัวเล็กๆ มีพ่อหนึ่งคนมีแม่สองคนและมีผมกับน้องๆอีกสามคนรวมเป็นหกคน
ผมเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาคนแรกของพ่อซึ่งเป็นเมียเก็บไม่ได้ออกหน้าออกตา อาจเรียกได้ว่าเป็นของเล่นของพ่อก็ได้ พวกเขาอยู่กินกันไปได้สักพักก็มีผมออกมา แต่เพราะอย่างนั้นเลยทำให้แม่สุขภาพทรุดหนักลง
พ่อประกาศต่อสื่อมวลชนว่าผมเป็นเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยงจากต่างจังหวัดเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องเมียเก็บที่จะให้ใครรู้ไม่ได้ จากนั้นพ่อก็โดนกดดันจากปู่ให้แต่งงานเสียที ภรรยาคนที่สองจึงเข้ามาในครอบครัว
เธอเป็นลูกคุณหนูไฮโซผู้ดีเก่านั่นจึงทำให้ทันทีที่เธอแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฏหมายก็เริ่มเหยียดผมกับแม่แบบสุดๆ
แม่ของผมเป็นคนธรรมดาครับ แถมเป็นผู้ชายอีกต่างหาก นั่นทำให้แม้ในบ้านจะอยู่ในฐานะภรรยาคนแรกแต่สังคมภายนอกก็รู้เพียงแค่ว่า พ่อมีภรรยาเพียงคนเดียวคือคุณหนูที่เพิ่งแต่งงานกันไปหรือก็คือแม่คนที่สอง หล่อนพึงพอใจกับการเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลมาก พ่อเองก็ดูจะพอใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
ผมจะบอกความลับอะไรอย่างหนึ่งให้พวกคุณฟังยังไงก็ช่วยอุบเงียบไว้ด้วย!!
ยัยเมียคนที่สองเนี่ยเธอเป็นหมันครับ ไม่สามารถมีลูกได้ หรือก็คือ น้องๆอีกสามคนของผมก็คลอดมาจากพ่อแม่คนเดียวกันเนี่ยแหละครับ เรื่องนี้เป็นความลับมาก มากขนาดที่แม้แต่พวกน้องๆเองยังไม่รู้ มีเพียงผม แม่ พ่อ และเมียคนที่สองนั่นเท่านั้นที่รู้ ด้วยการที่มีลูกเพิ่มอีกสามคนจึงทำเอาแม่ของผมล้มป่วยหนักลงกระทันหันครับ หมอเองก็ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไรเพราะร่างกายของแม่ผมค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น
พอน้องๆเกิดมาผมก็เป็นคนเลี้ยงพวกเขากับแม่ที่เข้ามาดูบ้างเพราะป่วยหนัก ส่วนภรรยาคนที่สอง เธอก็มักจะไปออกงานออกสื่อเรื่อยเปื่อยครับ
แล้วบังเอิญมันมมีอยู่วันหนึ่ง เธอต้องการไปออกงานพร้อมน้องเล็กของผมซึ่งวันนั้นดูจะดื้อดึงเป็นพิเศษเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่คนที่สอง ตอนนั้นผมอายุได้สิบขวบมั้ง มันเป็นวันเดียวกับที่ผมฆ่าคนครั้งแรก...
สาเหคุเกิดจากความไม่พอใจแต่เริ่มแรกบวกกับการที่วันนั้นเธอลงมือทุบตีน้องชายของผมอย่างรุนแรง เมื่อประมวลผลได้ผลเสียแล้ว ผมพบว่า เธอไม่มีคุณสมบัติใดๆที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้ ด้วยความมือไวใจเร็วผมที่เพิ่งกลับมาจากฝึกยิงปืน จึงเล็งปืนที่อยู่ในมือเหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สั่งงานคนสนิทที่ติดตามผมอยู่ให้เอาศพยัยคนนี้ไปยัดใส่ใในรถที่เธอกำลังจะไป
งานเลี้ยงแล้วให้แกล้งทำเป็นว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางทาง
ตอนนั้นพ่อของผมดูจะไม่พอใจเล็กน้อยครับ แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังเริ่มเข้มงวดเรื่องธุระกิจกับผมอย่างจริงจังมากขึ้น
พอผมอายุ 15 ผมก็เริ่มบริหารกิจการคอนโดนี่อย่างเต็มตัว และเริ่มดูแลกิจการอย่างอื่นไปด้วยพร้อมๆกัน ชื่่อของผมขึ้นอยู่บนรายชื่อบอร์ดบริหารของหลายๆบริษัทในเครือ ช่วงนั้นผมก็เริ่มสร้างตัวได้แล้ว พึ่งพ่อน้อยลงแล้วก็ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน อ้อ แล้วก็ช่วงนั้นแม่เสียด้วยแหละครับ
พออายุ 17 ผมก็เลยลองเข้าเรียนในมหาลัยในคณะนิเทศเอกการแสดงดูเล่นๆฆ่าเวลา แล้วก็ได้พบกับไอ้พี่เภกเข้าและไม่นานก็หนีออกจากบ้าน
ผมใจแตกจนถึงอายุ 18 หน่อยๆแล้วจึงหนีออกมา สร้างเนื้อสร้างตัวใหม่อีกครั้งกับคอนโดที่เกือบล้มละลาย ผมได้ข่าวมาว่าพ่อเริ่มหันไปบงการน้องชายคนรองจากผมแทนครับ เขาคนนั้นอ่อนไหวง่ายและไม่ค่อนทนกับสภาวะกดดันเสียด้วย...
ช่วงนั้นเอง น้องชายคนสุดท้ายกับคนที่สามก็หนีออกจากบ้านเช่นกัน ผมจึงไม่รีรอที่จะส่งเงินไปช่วยเหลือก่อนที่เราจะกระจายแยกย้ายกันไปไม่ได้เจอกันอีกเลย
ผมใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ได้เกือบสิบปี น้องชายขี้แงที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในบ้าน ก็เริ่มโจมตีธุรกิจคอนโดของผมอย่างรุนแรงด้วยการสร้างคอนโดคล้ายๆกันและกำหนดราคาเอาไว้ถูกกว่าผมเกือบจะตอบโต้ขั้นรุนแรงไปแล้วครับ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาส่งจดหมายมาอธิบายกับผม
ช่วงนี้เป็นช่สงบททดสอบรับธุระกิจทั้งหมดจากพ่อครับ พ่อป่วยหนักมากและต้องการผู้สืบทอดแต่เขาก็ไม่ไว้ความใจแข็งของน้องชายมากพอจึงส่งบททดสอบที่ให้เล่นเหล่าพี่น้องผู้ทรยศให้ชีวิตดิ่งลงนรกให้หมด
ผมจึงให้ความช่วยเหลือทางด้านกำลังคนที่ซื่อสัตย์ไป ให้พวกเขาช่วยปิดบังเรื่องราวที่ว่า พวกเรากำลังเล่นละครตบตาพ่ออยู่ น้องชายผมเองก็ช่วยเหลือธุรกิจของผมโดยการส่งมือดีมาช่วยจัดการในช่วงที่ผมยุ่งๆอยู่ที่ต่างประเทศ
แต่แล้วหลังจากนั้นไม่นานผมก็ทราบข่าวร้ายครับ พ่อรู้เรื่องที่เราตบตาท่านอยู่ และสั่งสังหารน้องชายคนที่สามและครอบครัวของเขาที่กำลังไปเที่ยว โดยทำเหมือนมันเป็นอุบัติเหตุ
ด้วยความเลือดขึ้นหน้า ผมจึงสั่งกำลังคนของตัวเองที่ยังคงมีเหลืออยู่ในบ้านใหญ่ สังหารพ่อที่ป่วยอยู่ในทันทีเป็นเหตุให้อำนาจที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้น้องชายดีแตกออกเป็นสองขั้ว ขั้วหนึ่งตามล่าผมกับน้องคนอื่นๆ อีกขั้วหนึ่งสนับสนุนผมอย่างลับๆและคอยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีก
ชีวิตของผมก็เป็นอะไรประมาณนี้แหละครับ ผมจำเป็นต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาไม่งั้นอาจจะตายไม่รู้ตัว
"สั่งอะไรขึ้นมางั้นเหรอ"คุณศรเดินออกมาให้สภาพงัวเงียเล็กน้อย ตรงมาทางผมที่ยังถือถาดเงินค้างอยู่ที่หน้าประตู
"ส้มตำกับสเต็กไก่รมควันครับ"ผมหันกลับไป ยิ้มบางๆให้คุณศร เก็บคำถามที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในหัวลงไปก่อนชั่วคราวและจึงยิ้มแย้มพาคุณศรไปกินข้าวในครัว
ฮึ่ม...เก็บเอาไว้ก่อน รอโอกาสเหมาะๆก่อนเถอะ พ่อจะซักฟอกให้ขาวสะอาดเลยคอยดู >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>.
ฮึ่ยมาอัพแล้ววว
เป็นไงจ๊ะ คลายไปปมหนึ่ง อีกปมก็โผล่มาอีกแล้ว
![:z1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sfszvd.gif)
เป้นไปได้ก็อยากจะอัพยาวๆกว่านี้นะ แต่อิงจะสอบมิดเทอมอยู่พรุ่งนี้แล้วหนังสือยังอ่านไม่ครบเลย
![:z3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/01.gif)
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์และกำลังใจค่า ถ้าเนื้อเรื่องตรงไหนขัดแย้งกันแจ้งได้ทันทีเลยนะจ๊ะ
![:pig4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook_36568.1.gif)