ตอนที่ 22ผมคิดผิดรึเปล่านะ ที่เลือกกลับมาที่นี่?
"ยินดีต้อนรับค่ะท่าน ทางเราได้เตรียมห้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญท่านขึ้นไปได้เลยค่ะ"หญิงสาวสุดสวยในชุดพนักงานต้อนรับรีบจ้ำออกมาจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันที หล่อนยื่นคีย์การ์ดมาให้ผมแล้วตรงดิ่งไปกดลิฟต์อย่างว่องไว
กระฉับกระเฉงสมกับที่เป็นคนของบ้านใหญ่จริงๆนะ...
ทั้งๆที่ปกติแล้ว คนที่แต่งตัวล่อแหลมแถมยังสกปรกมอมแมมอย่างผมไม่น่าจะถูกปล่อยให้เข้ามาได้ ดูเหมือนระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ยังดีอยู่การอบรมพนักงานเองก็ยังคงเข้มงวด
ผมขยับยิ้มอย่างพอใจ แล้วจึงเดินนำคุณศรที่คงเอาไว้ซึ่งสีหน้านิ่งๆไม่ได้มีท่าทีตกอกตกใจอะไรกระความอลังการของสถาณที่ ไปที่ลิฟต์แยกเฉพาะ..สำหรับผมเพียงคนเดียว
"ต้องการอะไรโทรลงมาได้ตลอดนะค่ะ"เธอโค้งหลังให้เบาๆในขณะที่ผมเข้าไปลิฟต์
"ช่วยจัดอาหารมาให้สองชุดด้วย"ผมสั่งเธอ เป็นการทดสอบกลายๆว่าที่แห่งนี้ยังคงเป็นที่ของ'ผม'อยู่แน่หหรือไม่ เพราะมีเพียงคนที่ถูกอบรมมาโดยคนสนิทของผมเท่านั้นที่จะรู้ว่าควรจัดอาหารอะไรมาให้ผมในเวลาที่ผมสั่ง'อาหาร'
"ค่ะ"เธอขานรับ พร้อมๆกับประตูลิฟต์ที่ปิดลง
ความเงียบน่าอึดอัดกระจายอยู่ทั่วทุกอณูของลิฟต์หรู พวกเราต่างมองสบตากันในกระจก แต่กลับไม่มีใครพูดอะไร
"ไม่ยักรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของคอนโดหรูใจกลางเมือง"ในที่สุดเขาก็ทักผมขึ้นมา นัยย์ตาของเขามีแววขบขันอะไรบางอย่างที่ผมเองก็อ่านไม่ออก
"ก็...นะครับ"
อืม...ทุกท่านฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมเป็นเจ้าของคอนโดหรูนี้จริงๆ แล้วถ้าจะถามว่าคุณศรรู้ได้อย่างไร ก็คงจะเป็นเพราะ...มีคนรู้จักของเขาแนะนำที่นี่ให้กระมังครับ
ที่นี่คือ TNG คอนโด คอนโดหรูใจกลางเมืองที่มีบรรยากาศและอากาศที่ดีราวกับอยู่ต่างจังหวัด คอนโดแห่งนี้มีเพียงสิบห้าชั้น ซึ่งเปิดขายเพียงห้องในชั้นหนึ่งถึงสิบสี่ แต่ละชั้นมีสองห้อง ราคารวมๆอยู่ที่ราวๆสี่สิบล้านขึ้นไป ที่นี่รับเพียงเงินสด ไม่มีการผ่อน ชั้นสิบห้า เป็นที่อยู่ของเจ้าของคอนโดซึ่งนานๆทีจะเข้ามาพักสักครั้ง
สถาณที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นจึงมีมหาเศรษฐีมากมายยอมจ่ายสดงดเชื่อเพื่อห้องเพียงห้องเดียวของคอนโดแห่งนี้
ดังนั้นคอนโดแห่งนี้จึงเรียกได้ว่ามีคนสำคัญอาศัยอยู่มากพอสมควร หากเกิดอะไรขึ้นกับที่แห่งนี้ ไม่แน่ว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะหยุดชะงักลงก็เป็นได้
ติ๊ง!
ลิฟต์เปิดขึ้นที่ชั้น 15 เบื้องหน้าของผมเป็นประตูบานใหญ่ซึ่งข้างๆมีช่องเสียบคีย์การ์ดและใส่รหัส
ผมกดจิ้มเลขอย่างรวดเร็วพร้อมเสียคีย์การ์ดทันทีก่อนประตูจะอ้าเปิดออกเองอัตโนมัติ
"ห้องใหญ่ดีนะ"เบื้องหลังบานประตูคือห้องห้องโถงกว้างรูปวงกลมที่มีเพียงของประดับตกแต่งห้องเล็กน้อย และแชนเดอร์เลียอันใหญ่ โดยตรงกลางห้องคือบันไดวน และตามผนังห้องมีประตูห้องต่างๆอยู่มากมาย
ผมเดินนำคุณศรไปยังประตูทางด้านซ้ายซึ่งเป็นห้องรับแขก นั่งคุยกันที่นี่น่าจะสะดวกมากกว่า
"ทีนี่ก็เล่าให้ผมฟังได้แล้วครับ"ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีแดงกำมหยี่ ผายมือไปยังโซฟาฝั่งตรงข้ามซึ่งยังว่างอยู่
"อืม...ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะที่ลากเธอเข้ามาในเรื่องงี่เง่าของตระกูลแบบนี้"คุณศรที่นั่งลงเรียบร้อยแล้วโค้งหัวขอโทษผมด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะโงหัวขึ้นมา แล้วอธิบายด้วยเสียยงเรียบเฉื่อยๆ
"ครอบครัวของฉันมีกิจการหลายอย่างในครอบครอง สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่มาอย่างมั่นคง แต่แล้วพอถึงคราวพ่อของฉัน เขากลับบริหารงานผิดพลาด จนถึงกับทำให้ทางเราเสียงบริษัทในเครือไปถึงเกือบครึ่งหนึ่ง อาจจะเรียกได้ว่าโชคดีก็ได้ที่เขาไร้พรสวรรค์ทางด้านบริหารแต่กลับทำได้ดีในด้านขยายอำนาจด้านมืดของตระกูลเรา
พ่อของฉันเป็นผู้ชายที่มักมาก ชอบคิดว่าตัวเองเป็นจุดศูยน์กลางของโลก และใจร้อน ดังนั้นทันทีที่ตัวเองทำทุกอย่างพัง เขาก็แก้ปัญหาอย่างลวกๆสำหรับด้านสว่าง โดยการกระจายเหล่าลูกชายชูกสาวที่มีเกือบยี่สิบคนของเขาออกไปควบคุมบริษัทเล็กใหญ่ที่ตนเองยังพอมีอำนาจอยู่
แต่อาจจะเป็นเพราะมันใกล้ถึงจุดจบของตระกูลเราด้วยล่ะมั้ง แทนที่ทุกอย่างจะดีขึ้น เหล่าเด็กน้อยผู้ไร้ประสบการ์ณแถมยังโดนกดดันจากทั้งพ่อและบอร์ดบริหารจึงต่างก็ทำล้มเหลวกันไปเสียหมด และสำหรับพ่อแล้วเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงคนไร้ประโยชน์อีกต่อไป อำนาจมืดที่อยู่ในมือจึงออกมาจัดการให้เหล่าพี่น้องของฉันหายไปทีละคนๆ แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าออกปาก"
"จนสุดท้ายแล้วมันก็เหลือเพียงไม่กี่คน นั่นก็คือ พี่ชายของฉัน พี่สาวลูกคนเดียวของเมียคนแรก แล้วก็ พี่ชายจากเมียคนสุดท้ายของพ่อ แม่ของฉันเป็นเมียคนที่แปดของพ่อ มีลูกสามคน คนโตที่สุดถูกพ่อเก็บไปแล้วหลังจากทำงานพลาดจึงเหลือแต่ฉันและก็พี่ชาย พวกเราไม่ได้ถูกคาดหวังอะไรมากมายนัก และด้วยเพราะยังเด็กพ่อจึงพรากเราออกจากแม่แล้วส่งไปให้คนด้านมืดดูแลในฐานะ'ผู้คุ้มกันขององค์หญิงน้อยในอนาคต'พร้อมกับพี่ชายจากเมียคนล่าสุดซึ่งดูเป็นคนขี้โรคแต่กลับมีไหวพริบเป็นเลิศ พวกเราถูกฝึกฝนเพื่อเป็นหน่วยคุ้มครองพิเศษให้กับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อ ลูกสาวคนแรกที่เกิดกับภรรยาคนแรกของเขา
พอฉันอายุได้ 19 ก็ถูกส่งไปคุ้มครองพี่สาวคนละแม่ของตัวเองในรั้วมหาลัยชื่อดังทันทีพร้อมพี่ชายของฉันจนพวกเราทั้งหมดเรียนจบ พี่สาวก็เริ่มมีส่วนเข้ามาบริหารบริษัทที่พ่อให้ลูกน้องคนสนิทช่วยพยุงเอาไว้ ฉันกับพี่ก็ยังทำหน้าที่เดิม พ่วงคอยช่วยบริหารอย่างลับๆ จนกระทั่งพ่อตายไป ตามจริงอำนาจที่เหลือควรจะตกสู่มือพี่สาวผู้ซึ่งทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากการเที่ยวเล่น แต่ดูเหมือนพี่ชายผู้แสนจะใจร้อนและเก็บกดของฉันจะหมดความอดทนเข้าพอดี..."
"เขายิงพี่สาวทิ้ง ก่อนจะเริ่มแทรกแซงอำนาจทั้หมดให้เข้ามาเป็นของตัวเองโดยมีพี่ชายอีกคนช่วยเหลือในช่วงแรก ก่อนที่เขาจะหายไป ไม่ว่าจะพยายามตามหาเท่าไร นักวางแผนและแฮคเกอร์ชั้นยอดก็ราวกับไม่เคยมีตัวตน ดังนั้นงานทางด้านสว่างที่ตอนแรกจะให้เขาขึ้นเป็นประธานจึงให้พี่ชายของฉันขึ้นแทน"
"แต่เขาเหมือนพ่อไม่มีผิด ถนัดการใช้อำนาจด้านมืดแต่ไม่สามารถบริหารบริษัทที่เป็นด้านสว่างได้ แถมยังหลงผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้น ฉันจึงตัดสินใจเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้ฉันเป็นคนดูแลด้านสว่างและใช้อำนาจครึ่งหนึ่งที่มีอยู่อย่างลับๆคอยสนับสนุนจนในที่สุดพี่ของฉันก็ยอมลงจากตำแหน่งปล่อยให้ฉันเข้ามาดูแลแทน"
"ช่วงนั้นทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี บริษัทกำลังจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่แล้วปลิงตัวใหญ่ก็เริ่มเข้ามาข้องแวะด้วย อลิสาลูกสาวของไฮโซชื่อดังซึ่งหมั้นกับพี่ชายของฉันอยู่ถอนหมั้นแล้วมาหมั้นกับฉันแทน ตอนแรกฉันตั้งใจจะปฏิเสธเรื่องนี้ เพราะตระกูลของเธอน่ะความจริงใกล้จะล้มละลายเต็มที่แล้ว รับเข้ามาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่พี่ชายของฉันกลับใช้ความเป็นพี่เป็นน้องตวบคุมฉัน แล้วก็เป็นอย่างที่เธอเห็น อลิสพยายามในการเข้าถึงตัวฉัน แต่ฉันก็กันเอาไว้ในระยะที่เหมาะสมเสมอ แล้วทีนี้จู่ๆฉันก็ดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อลิสเลยตัดสินใจลงมือขั้นเด็ดขาดโดยใช้อำนาจผ่านทางพี่ชายของฉัน เพราะเธอเข้าใจว่าฉันยังอยู่ภายใต้อำนาจของพี่ชายฉัน"
"แล้วตกลงคุณ...เอิ่ม พี่ศรไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของพี่ชายแล้ว?"ผมกระแอมเล็กน้อย เมื่อทันทีที่เรียกสรรพนามผิดสายตาคมที่เหม่อลอยเมื่อครู่ก็ตวัดฉับมามองอย่างคาดโทษทันที
"ฉันเป็นไทตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก แม้จะยังทำตัวเหมือนอยู่ในอำนาจพี่ชาย แต่มันก็แค่ละคนตบตาเท่านั้นแหละ ฉันกำลังรอโอกาสเทคโอเวอร์ทุกสิ่งทุกอย่างของพี่อยู่"
เลวใช้ได้เหมือนกันนนะนี่ เฝ้ารอแทรกซึมเพื่อหาโอกาสทรยศพี่ในไส้ตัวเอง
"ฉันไม่มีทางเลือกหรอก...ถ้าไม่ทำ อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเราก็คงจะตกไปอยู่ในมือของอลิสแน่"
ผมพยักหน้าเออออแบบเข้าใจ เรื่องอำนาจเงินๆทองๆมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆนั่นแหละบ้านผมเองก็แตกแยกด้วยสาเหตุนี้เหมือนกัน...
"แล้ว...ถ้างั้น หลังจากนี้ พี่ศรคิดจะทำอะไรต่อไปครับ"ก็เล่นประกาศโจ่งแจ้งแล้วนี่ว่าไม่คิดจะอยู่ภายใต้พี่ชายอีกต่อไป ต่อจากนี้ตระกูลของคุณศรคงเกิดศึกภายในขนาดใหญ่ขึ้นแน่ๆ
"รออีกสักสองสามวัน เดี๋ยวทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง..."คุณศรยิ้มออกมาเล็กน้อยแววตาวาววับด้วยประกายหมายมาด
"งั้นเราก็อยู่ที่นี่กันไปสักสองสามวันแล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปดูห้องให้ถ้าหิวน้ำอะไรก็หยิบเอาในตู้เย็นที่มุมห้องนะครับ"
ผมผายมือไปยังมุมห้องที่มีตู้เย็นเล็กๆตั้งอยู่ก่อนจะเดินออกมาเพื่อเข้าไปเช็คว่าห้องไหนสามารถใช้ได้บ้างแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อข้อมือถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือใหญ่
"มานี่เดี๋ยวสิ"คุณศรกระตุกมือส่งให้ร่างของผมล้มลงแนบลงไปกับอกของเขา สักพักผมก็รู้สึกว่าโลกเอียงวูบ รู้ตัวอีกทีก็ลงไปนอนกอดกับคุณศรอยู่บนพื้นพรมหนานุ่มเสียแล้ว
ผมกำลังจะดิ้นออกแต่เมื่อมองไปแล้วสบตาเข้ากับสายตาประหลาดของคุณศรผมก็มีอันต้องนิ่งงันรู้สึกตัวชาๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ผมกดหน้าตัวเองลงกับอกคุณศรหลับตาลงนิ่งข่มความรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าเอาไว้ รู้สึกตัวแข็งท่อยังไงพิกลเมื่อมืออุ่นๆลูบเบาๆที่กลุ่มเส้นผม
"ขออีกแปบนะ"เพียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหูพร้อมลมหายใจร้อนๆที่พัดไปมาบริเวณแก้มให้ขนลุกเล่น
ถึงมันจะทำให้ผมรู้สึกแปลกๆก็เถอะ...
แต่...ให้ตาย! อยู่อย่างนี้ไปอีกสักพักก็ดีเหมือนกันนะ>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ให้ตาย!!กว่าอิงจะมาลงให้ได้ จะอ้วกออกมาเป็นสายเลือด!!!
ไม่ได้อยากจะมาอัพช้าไปเกือบอาทิตย์นะค่ะ แต่มันยุ่งเหยิงจริงๆช่วงนี้ เลยไม่ได้มาอัพเลย
ขอโทษจริงๆน้า รอปิดเทอมก่อนเถอะ อิงจะมาอัพให้บ่อยๆเลย
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ค่ะ
ป.ล.แอบสงสัยค่ะว่านิยายของอิงมันสนุกจริงๆเหรอ?คนแต่งเองแต่งไปแต่งมากลับรู้สึกเหมือนมันแปลกๆไม่น่าจะสนุกได้?