โอเค คงหมดแล้วอ่ะคับ โฮย เมื่อยมือมากมาย555+ หลายๆคนอยากให้ผมหิ้วหนุ่มกลับมา(ฮั่นแน่ รู้ทันน๊า) แต่ไม่ได้อ่ะครับ มันยังต้องเเจกจ่ายอยู่อีกหลายคน
ขอให้สนุกกับการอ่าน
พุ่ง!
บทที่ 27
แอลเดินมาลากตัวผมไปคุยยังมุมลับๆ
“แดน! ทำแบบนี้หมายความว่าไงวะ?”
ฮื้อ? อะไรเหรอ ไอ้แอลเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี้ย
“เฮ้ย ปล่อยแขนกู”
แรงไอ้แอลนี่ก็เยอะชิ*หาย ควายเรียกพี่ไม่แพ้ใครบางคน…ก็มันตัวใหญ่นี่ ทำกับกูเบาๆหน่อยได้มั้ยเล่า?
“มึงโทรฯไปนัดชิพ แล้วปล่อยให้มันรอจนถึงตีสอง มึงรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่ากูต้องเดือดร้อนไปหิ้วมันกลับมาจากร้าน”
ผมเมินสายตาหนี แอบดีใจข้างใน ฮึๆ…ชิพติดกับด้วยเหรอ
“กูไม่เห็นรู้เรื่อง” แหลไปก่อนแม่สอนไว้
“โกหก!” มันผลักไหล่ผมหัน อ้าว…อย่างงี้สวยเลยเด่ oo(>_<”)o “มึงอย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่อง มึงเป็นคนโทรฯไปเรียกให้ชิพออกมาหา มันนั่งรอจนกระทั่งร้านปิด รอ…นึกว่ามึงจะมา แต่มึงกลับหายหัว”
“ฮึ! แล้วเป็นไงล่ะอารมณ์นั้นอ่ะ? รอ…การรอคอยนี่ก็สนุกใช่เล่นใช่ม่ะ?”
“นี่…นี่อย่าบอกนะว่ามึงแกล้งมัน…มึงแกล้งปั่นหัวมันเล่นใช่มั้ย?”
เฮ้ย! ทำไมมันรู้อ่ะ โธ่เว้ย! นี่กูปากพล๊อยเผลอทำแผนแตกไปตั้งแต่ตอนไหนกันว่ะเนี้ย o_O*
“เอ่อ…”
“แดน…กูไม่นึกเลย ว่ามึงเป็นคนแบบนี้…มึงทะเลาะกับชิพก็จริง แต่มึงไม่น่าทำร้ายจิตใจมันแบบนี้ มึงหลอกมัน มันก็ไปรอ…สภาพที่กูเห็นมันไม่ต่างอะไรกับหมา สงสารมันเถอะ…สงสารมันเถอะนะ”
ผมกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกเข้มแข็งชะมัดเวลานี้ ไม่! ไม่มีวันหันหลังกลับแล้ว ยังไงเสียไอ้ชิพต้องชดใช้ผลกรรมที่มันเคยทำกับผมไว้
“ถ้ามันขอร้องให้มึงมาช่วยพูด กลับไปซะเถอะ”
“เปล่า…กูแค่สงสัย ตอนนี้ชิพนอนไข้ขึ้นอยู่ที่คอนโด…มันเพ้อหาถึงมึงคนเดียว”
ความเจ็บแปลบปลาบแล่นเข้าสู่ช่องอก…ในทันใดนั้นเหมือนมีสายฟ้าแรงสูงผ่าเข้าใส่กลางร่าง
ชิพไม่สบาย?
“…แล้ว…แล้วไงล่ะ!”
แอลส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา…ผมไม่มองหน้ามัน ตอนนี้ใจกำลังเหม่อลอยออกไปหาคนที่กำลังนอนซมอยู่…มันเพ้อถึงผม ตอนนี้จะคอยมีใครดูแลห่มผ้าให้มันมั้ยนะ? จะคอยมีใครเช็ดตัว อยู่ด้วยเป็นเพื่อตลอดทั้งคืนด้วยมั้ย…
ลืมไป…คุมอุ๋มคงกำลังทำหน้าที่นั้นอยู่ ผม…มันแค่ตัวสำรอง
แอลพูดต่อ เรียกสติผมกลับคืนมา
“แดน ขอร้องล่ะ ทำกับชิพดีๆ…มันเป็นเพื่อนกู มึงก็เป็นเพื่อนกู…กูไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีอย่างพวกมึงทั้งสองคนไป”
ร่างสูงเดินจากไป คำพูดทิ้งท้ายของแอลทำให้ผมรู้สึกเหมือนไอ้งี่เง่า เล่นอะไรไม่รู้จักโต ไม่มีความคิด…แต่ก็เป็นเพราะทำลงไปเพียงชั่ววูบ ทว่ามาคิดดูอีกที…ชิพเองก็ทำทุกอย่างลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบไม่ใช่เหรอ? ทุกครั้งที่มันทำผมเสียใจ เสียน้ำตา เสียความรู้สึก…มันก็อารมณ์ชั่ววูบทั้งนั้นแหละ
ยัง…ยังหรอก เท่านี้มันยังไม่สาสมกัน
ถ้าให้สาสม…ผมคงต้องลงมือหนักกว่านี้แน่
“บอยครับ เย็นนี้คุณว่างหรือเปล่า?”
เสียงบอยดูยุ่งๆ…แต่เย็นนี้ผมต้องการตัวเขาอย่างยิ่ง ถ้าเขาเซย์เยส บอยจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับเหตุการณ์ในคืนนี้
“ฮื้อ?…ไปได้เหรอคับ? ดีๆเลย…นายมารับเราตอน…นะ? โอเคคับ อืม…แล้วเดี๋ยวเราค่อยเจอกัน บาย”
วางสาย นิ้วเรียวกดปุ่มไล่รายชื่อลงไปอีกไม่เท่าไร และแล้วปลายสายก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?...”
เสียงไอ้ชิพอู้อี้ ฟังดูไม่ดีเท่าไรนัก…เข้าใจว่าเหนื่อยล้าจากพิษไข้ แต่ผมไม่สนใจ…เรื่องแค่นี้ชิพไม่ใจเสาะปฏิเสธข้อเสนอของผมแน่ๆ
“ชิพ…”
ผมทอดเสียงสำนึกผิด แอบแหวะกับตัวเองและอากาศที่ว่างเปล่า…ชิพเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“มีอะไรเหรอ?”
“ชิพ…มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
แสร้งทำน้ำเสียงห่วงใย…หลอกมัน เดี๋ยวได้รู้ว่ามึงจะต้องเผชิญกับอะไรแน่ชิพ…
“…ไม่หรอก”
“เรื่องเมื่อวันนั้น…กูขอโทษนะ แต่กู…กูไม่กล้าไปตามนัดวันนั้น ขอโทษที่ต้องให้รอ”
ผมพยายามใส่อารมณ์เศร้าเสียใจลงไปจริงๆ ความจริงก็แอบรู้สึกอยู่นิดๆเช่นนั้น…ไม่ซิ ไม่มีวันรู้หรอกว่าความรู้สึกที่แท้จริงข้างในนั้นเป็นอย่างไร
“ไม่เป็นไร…”
“คือชิพ กูอยากคุยเรื่องของเราสองคน…กูอยากให้มันเคลียล์ ทุกอย่างจะได้ลงตัว…กูไม่อยากเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว”
ปลายเสียงออกแนวสั่นเครือเล็กน้อย…ชิพไม่ตอบ
“มึงโกรธกูเหรอ? มึงยังโกรธกูใช่มั้ย?”
“…แดน กูไม่เคยโกรธมึงเลย วันนั้นที่กูโมโหก็เพราะหึง…กูหึงมึงหน้ามืด นั่นเพราะกูรักมึงมากจนเห็นแก่ตัว ไม่อยากมอบให้คนอื่น…”
คำพูดธรรมดาๆของมันกลับกลายเป็นว่า…ประโยคที่ทำให้ผมใจเต้นรัว รู้สึกอุ่นวาบข้างใน หัวใจพองโตเพราะความสำคัญที่ชิพมีให้…แต่แล้วผมก็ดึงตัวเองกลับสู่พื้นดิน…อย่านะ อย่าฝันลมๆแล้งๆอีก…
“พูดอะไรสักอย่างซิ? กูสารภาพแล้วนะ”
ชิพ…
ผมชักไม่แน่ใจ
“เอ่อ…อืม…งั้นเราเจอกันที่ห้างxxxนะ…กูจะรอล่ะ”
ชิพตอบตกลง เอาล่ะ…แค่นี้ก็เรียบร้อย
บอกตัวเอง ใจแข็งเข้าไว้…แข็งเข้าไว้
โปรดติมตามตอนต่อไป