วอนผู้รู้ช่วยสอนวิธีเอาคลิบเพลงมาลงคู่กับนิยายหน่อยซิครับ คือบทส่งท้ายผมมีเซอร์ไพรส์เล็กน้อย อิอิ แต่ขอบอกเศร้ามาก เพื่อนอ่านแล้วยังอึ้ง อดใจรออีกนิดและขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคร้าบ
บทที่ 35
“แดน มีรถมาจอดหน้าบ้าน”
แม่เดินไปเปิดประตู แต่บอยกลับไม่ยอมเข้ามา เค้าจอดรถอยู่หน้าบ้าน ทำให้ผมต้องลุกออกจากเตียงที่นอนซมอยู่ตั้งแต่เช้า รู้สึกเนือยๆไม่อยากรับ
แขกเลยจริงๆ…
“อ้าวบอย”
บอยถอดแว่นตาดำ เขาสวมชุดแปลกไป อย่างกะกำลังจะเดินทาง
“ผมแวะมาลา”
“มาลา? นายจะไปไหนเหรอ?”
“ผมจะไปอังกฤษ คืนนี้แล้วครับ”
อังกฤษ? บอยจะไปอังกฤษทำไม?
“ทำไม…”
“คือ…ผมคิดว่าจะไปชีวิตอยู่ที่นู้นสักพัก เรียนต่อด้วยน่ะครับ…วันนี้เลยมาลาคุณ เพราะคิดว่าอีกนานกว่าเราจะได้เจอกัน”
อึ้งก็จริงแต่ไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นไปด้วย เหมือนร่างกายมันด้านชา ประสาททั้งห้ารับและตอบสนองได้ไม่ดี…มันเป็นอาการของคนตรอมใจ ซึ่งต้องทน
อยู่กับสภาพของมันแบบนี้…
ดวงตาของผมปรือขึ้นอย่างง่วงงุน เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ
“ทำไมนายไม่บอกเราก่อนล่ะ”
“ครับ…คือ ทุกอย่างมันออกจะฉุกละหุกไปเล็กน้อย แต่เมื่อวานนี้เองเพื่อนของผมเขาหาตั๋วให้ผมได้ ผมเองมีวีซ่ายุโรปอยู่เรียบร้อยแล้ว ก็เลยคิดจะ
ไป…”
“อ้อ…งั้นนายกะมาเซอร์ไพรส์เราอ่ะดิ”
“ประมาณนั้นอ่ะคับ”
บอยหัวเราะกลบเกลื่อน
เป็นเพราะอะไร?
“แล้วน้องกุ้งล่ะ คุณจัดการเรื่องทั้งหมดแล้วเหรอ?”
บอยยิ้มบางๆ ผมว่าเขาดูโล่งอกขึ้นนะ อย่างน้อยก็ดูดีกว่าผมล่ะ…
“ครับ ผมจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าให้ผมเล่ารายละเอียดเลย”
ผมหัวเราะ ก่อนจะออกเดินนำบอยออกไปคุยในที่ลับหูลับตา เราสองคนเดินทอดน่องท่ามกลางแสงแดดอุ่นๆยามเย็น และลมพัดแสนสบาย…บอย
หลุดพ้นจากวังวนความทุกข์แล้ว ผมต่างหากล่ะที่จมอยู่กับความเลวร้ายของอดีต…บอยเล่าให้ผมฟังคร่าวๆว่าเขาตัดสินใจบอกความจริงกับครอบครัวทั้งสอง ซึ่งคุณอาของ
เขาก็ต้องมีอาการฉุนเฉียวบ้างเป็นธรรมดา แต่ในที่สุดก็อนุญาตให้บอยบินไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ส่วนครอบครัวน้องกุ้งก็เข้าใจ ทว่าเรื่องของหวานกับน้องกุ้งนี่คง
ต้องฟันฝ่ากันอีกยาว…
ต้องรอดูกันต่อไป
“นายจะไม่คิดถึงที่นี่เหรอ?”
“คิดถึงซิ คิดถึงมากด้วย…แต่ผมคิดว่าไปซะดีกว่า เพราะอยู่ไปก็ปวดใจ”
“ปวดใจ?”
“ก็คุณไงล่ะ ผมปวดหัวใจเพราะคุณ”
ผมเห็นบอยยิ้ม เขาเป็นคนยิ้มง่าย ยิ้มแล้วน่ารัก ขนาดคำพูดเวลาอกหักยังดูเศร้าแปลกๆ เพราะบอยยิ้มรับมัน เขาไม่เคยบ่นถึงชะตากรรมที่ผ่านมา
ในชีวิตเลยสักครั้ง…นั่นยิ่งทำให้ผมละอายตัวเอง
…รู้ ว่านายยังรัก รู้ว่านายยังลืมไม่ลง…แต่ตัดใจเสียเถอะ ก่อนที่นายจะถล่ำลึกลงมามากกว่านี้…
“คุณสัญญาซิ ว่าจะไม่ลืมผม”
“เราสัญญาอยู่แล้ว เราไม่มีวันลืมนาย”
“…ส่วนผม จะคอยส่งกำลังใจให้นะครับ ขอให้คุณมีความสุขมากๆ”
“กำลังใจ?”
“ก็…เรื่องของคุณกับคุณชิพไง…ผมรู้นะ มองแววตาคุณก็ดูออก”
แต่ผมไม่อยากเล่าให้เขาฟัง ไหนๆคืนนี้เค้าก็จะเดินทางแล้ว ไม่อยากให้กลุ้มอกเปล่าๆ
“เออ จริงซิ ผมมีรุ่นพี่อยู่สองคนที่อังกฤษ คุณไปถึงที่นั่นแล้วช่วยติดต่อเค้าด้วยได้มั้ย ผมอยากให้รู้จักกัน ฝากบอกพวกเค้าด้วยว่าผมคิดถึงมาก”
พี่มาร์คกับพี่เมฆที่อาศัยอยู่ที่นั่นคงกำลังมีความสุข ข่าวล่าสุดคือทั้งสองเพิ่งยอมเปิดอกหลังจากที่ปากแข็งกันอยู่นาน ว่าทั้งสองเป็นแฟนกันจริงๆ…
เมื่อตอนเปิดเทอมใหม่ๆพี่มาร์คส่งรูปถ่ายงานปาร์ตี้มาให้ดู ทั้งสองดูดีมากๆๆ จนคนอย่างผมแอบอิจฉาไปด้วยเลยนะเนี้ย
“เดี๋ยวเราส่งอีเมลเรื่องรายละเอียดให้นายทีหลังแล้วกัน อ้อ เค้าชื่อมาร์คนะ ส่วนอีกคนชื่อเมฆ เป็นแฟนกัน”
“แฟนกัน?”
“ใช่ ฮ่าๆๆ เค้าก็เป็นเหมือนพวกเรานี่แหละ เพียงแต่รู้ตัวช้าไปเท่านั้นเอง”
สุดซอย เรานั่งลง ใจหายเหมือนกันแฮะ…บอยจะไปแล้วเหรอ คืนนี้เนี้ยนะ?
ช่วงเวลาสั้นๆที่ผมเริ่มรู้จักบอก มันกลับยาวนานเหมือนผมรู้จักเขามาตลอดทั้งชีวิต
วันนี้เขาจะไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว
…ทำไมทุกอย่างๆไม่เหมือนเดิม…
“เราคงคิดถึงนายมากนะ”
“ผมก็เหมือนกัน แต่เราสองคนยังคงติดต่อกันได้นี่”
“นั่นซินะ…”
สายลมเย็นพัดมา ผมสูดอาการเต็มปอด ก่อนจะเอื้อมไปค่อยๆจับมือใหญ่ของบอยมากุมไว้ จ้องมองเค้าลึกลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลดำคู่นั้นขณะพูด
“เราจะจดจำความรู้สึกดีๆ ที่นายมอบให้เราไว้ เราสัญญา”
“ผมก็คงไม่มีวันลืมคุณหรอกครับแดน…เพราะผมยังรักคุณอยู่”
“บอย…เราอยากขอร้องอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย?”
เค้าพยักหน้า
“เราอยากให้บอยตัดใจ ลืมเราในวันเก่าๆซะ…เรารักนายแบบนั้นไม่ได้หรอก แต่นายเป็นเพื่อนเรา เพื่อนที่เราไว้วางใจมากที่สุด”
เขายิ้มบาง…สีหน้าของเขาแลดูอบอุ่นดีจัง
“ผมเข้าใจครับ ผมจะพยายาม…เลิกรักคุณให้ได้สักวันหนึ่ง”
เราสวมกอดกัน มันคือความอบอุ่นบริสุทธิ์ที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง แววตาของบอยเศร้าสร้อยจริงๆ…แต่นี่คือการจากลาที่ดี ผมไม่อยากเสียน้ำตาเลย
ไม่อยากเลยจริงๆ…
“อย่าร้องไห้นะ ผมจะไปแล้ว คุณยิ้มให้ผมดูหน่อยได้มั้ย”
ผมปาดขอบตา โอเค กลั้นไว้ได้อยู่…อะไรนะ? ให้ผมยิ้มเหรอ
“อย่าแกล้งทำเป็นยิ้มเล่นๆแบบนั้นซิ”
อะไรวะ? ก็กรูยิ้มแล้วอ่ะ ก็ได้ๆ…ยิ้มดีๆก็ได้
ผมยิ้มดีๆ(?)ให้เค้าดู บอยยกมือขึ้นมาทำเป็นกล้องถ่ายรูป นิ้วมือของเขาขยับ…ก่อนจะทำท่าเก็บรูปล่องหนนั้นใส่เข้าไปในช่องอกด้านซ้าย ตรง
ตำแหน่งที่หัวใจทำงานอยู่ บอยหลับตาลง…แล้วกล่าวเบาๆว่า
“คุณคือภาพที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต”
“อืม…”
“คุณรับปากแล้วนะว่าจะไม่ลืมผม”
“คร้าบ~~~ เรารับปากแล้ว”
“แล้วอย่าลืมนะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เพื่อนคนนี้พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่คุณเสมอ…ผมจะอยู่เพื่อคุณตลอดไป”
เราสองคนคุยกันธรรมดาเหมือนบอยจะไม่จากไปในคืนนี้ แต่ความจริงมันต้องมาถึง…เขาต้องไป และผมจะไม่มีวันเห็นเขาแล้ว แม้ว่าจะรู้ซึ้งที่เขา
พูดปลอบใจว่าจะกลับมาเยี่ยม แต่ไม่มีทางเป็นจริงไปได้หรอก…
ลึกๆข้างในมันบอกผมอย่างงั้น
“แดน เงินที่แดนให้แม่ครั้งล่าสุดจะหมดแล้วนะลูก…”
ผมค่อยๆวางช้อนลง ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มต่อจนอิ่ม ความจริงกินอะไรไม่ค่อยลงอยู่แล้วล่ะ แม่ก็เช่นเดียวกัน
“…”
“แดนรู้หรือเปล่าว่าพ่อ…เริ่มไม่ค่อยดีแล้ว”
“…”
“แม่อยากไปหาพ่อเค้าแล้ว อยากไปมาก…หมอที่นู่นเค้าโทรมาบอกแม่ว่า เราควรรีบไปดูใจพ่อก่อนจะสายเกินไป...ถึงเวลาแล้วล่ะแดน แต่แม่ไม่
กลัวหรอกนะ แม่ทำใจไว้แล้ว”
ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่…เห็นน้ำตาคลอแล้วรู้สึกเจ็บหน่วงที่หัวใจ ผมกำมือแน่น…อดทนกับความรู้สึกกดดันอดสูแบบนี้ ทรมานที่ต้องแบกรับ
ความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…จะมีอีกกี่หนทางกันที่ผมสามารถช่วยแม่ได้?
“อีกอย่าง แม่คงกู้ยืมเงินจากลุงเปรมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว…แดนรู้ใช่มั้ยว่าบ้านนี้กำลังจะไม่ได้เป็นของเรา เราต้องหาที่อยู่ใหม่…”
ผมพยักหน้า แม่บอกผมแล้วเมื่อสองสามเดือนก่อน
“แต่ไม่เป็นไร เราจะหาที่อยู่ใหม่ จะหาคนปล่อยกู้เจ้าใหม่…เราจะหาทางออกและไปหาพ่อกันได้เอง”
“แต่แม่ครับ…แดนกลัว”
ผมน้ำตาไหล แต่แม่เข้มแข็งมาก ท่านไม่ร้องไห้เลย ท่านกลับโอบกอดผม
“ไม่ต้องกลัวนะ…มันจะต้องมีทางออก แดนไม่ต้องเป็นห่วง”
จากน้ำเสียง ผมรู้ว่าแม่กลัวจับใจ…สิ่งที่เราสองคนแม่ลูกกลัวมากที่สุดนั่นก็คือการสูญเสียพ่อไป และถ้าหากจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไปหาท่านก่อนจะ
สายเกินไป ผมก็ยอมแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง
ติ๊งหน่อง!...เสียงกดกริ่งเรียกที่หน้าประตู
“แดน ไปดูซิว่าใครมาหา”
ผมลุกไปที่ประตู ส่วนแม่เดินกลับเข้าครัวไป...ใครกันว่ะ? ทำไมวันนี้มีแต่คนมาหาที่บ้านผมกันเนี้ย -*-
ติ๊งหน่องๆๆๆ!!! เสียงออดดังรัว ไร้มารยาทชะมัด ผมตะโกนไปว่า ‘เออ! จะเปิดแล้ว(โว้ย)’
ทว่าพอเปิดประตูออก…แขกที่ไม่คาดฝันก็ยืนปรากฏกายอยู่ตรงหน้า จ้องมาที่ผมแน่วแน่
“สะ…สวัสดีครับ...”
โปรดติดตามตอนต่อไป