รบกวนช่วยอ่านก่อนด้วยนะคร้าบ
V
V
V
V
V
V
V
V
ก่อนอื่น ต้องขอขอบพระคุณทุกรีมากๆๆๆๆ
![:pig4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook_36568.1.gif)
ที่เข้ามาเม้นท์ให้ผมเยอะเเยะมากมายขนาดนี้ ซึ้งใจมากเลยครับ
![o7](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/onion069.gif)
พูดถึงเรื่องเนื้อหาตอนต่อไป หลายๆคนคงอาจกลัวว่ามันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีก...
ใช่และครับ มันยังเเรงต่อได้อีกมากมาย ผมหมายถึงแดนจะต้องเจอเรื่องร้ายอีกเยอะ แต่ก็เพราะแดนทำตัวเอง ส่วนไม่ว่าจะเป็นชิพ บอย แอล กอล์ฟ...พวกเขาต่างก็มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นเพราะการกระทำของตัวเองเช่นกัน
ผมอยากจะบอกอะไรบางอย่างแก่ชาวบอร์ดมาตั้งนานแล้วว่า...การแต่งนิยายเกย์เป็นอะไรที่ยากมากๆๆๆ และเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมเเต่งเกย์(ปกติแต่งชายหญิงอยู่บอร์ดอื่นง่ะ-_-*) แล้วก็เป็นเรื่องแรกที่ใช้สรรพนามให้ตัวเอกเป็นคนเล่าเรื่อง(ซึ่งยากมาก)
เรื่องเนื้อหาผมกลัวมาก อยากให้มันสมจริง อ้ออย่าลืมว่าไม่ว่าจะเป็นตัวละครใดๆก็ตามในนิยายเรื่องนี้ผมเอามาจากตัวจริงประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นท์เลยนะครับ อย่างน้อยก็ชิพ...แอล พี่มาร์ค อะไรเงี้ย(คนอื่นเดาเอาเองต่อป่าย อิอิ๗
ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองอ่านด้วยมุมมองที่เปิดกว้าง มันจะได้อารมณ์มากครับ คิดถึงความเป็นจริงแล้ว...เราคงเลือกให้ทะเลาะกันดีๆกับแฟนไม่ได้(หลายคนคงงง) ในชีวิตจริงเราคงเลือกมีความรักอย่างที่ใจต้องการทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
ยังไงลองแทนตัวเองว่าเป็นแดนซิครับ จะรู้สึกอย่างที่ผมอยากถ่ายทอดออกมาจริงๆ เน้นนะคับ ลองแทนตัวเองเป็นแดนดู คิดซะว่านี่คือเรื่องจริง...แล้วจารู้คับ
![:oni3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/e40b6771.gif)
และที่สำคัญ ขอร้องล่ะคับ T_T ชาวบอร์ดจ๋า อย่าเกลียดผมเลยนะถ้าเเต่งไว้เศร้ากว่านี้มากมายอ่ะ(ไม่รู้เศร้าป่าวนะ แต่ผมว่ามันก็ต้องมีคนรู้สึกแบบนั้นบ้าง...T_T อย่าเพิ่งเกลียดผมเลยน๊า TT_TT)
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกๆกำลังใจครับ
ALeX
บทที่ 22
“แม่ครับ…”
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน…ทำให้ผมไม่กล้าสู้หน้าแม่ ความรู้สึกผิดที่ผมมีอคติต่อพ่อตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเต็มไปด้วยบาป…เป็นลูกอกตัญญูยังไงไม่รู้…
“ทีหลัง…ถ้าไม่กลับมาก็โทรฯมาบอกหน่อยซิ”
แม่พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บรรยากาศ…น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางของแม่ ผมรู้เต็มอก…ต่อไปนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
“ครับ…”
ตอบเสียงอ๋อย
“ไปค้างบ้านผู้ชายมาอีกล่ะซิ”
“แม่!”
ผมอึ้ง ตกตะลึง…ทำไมแม่พูดกับผมแบบนี้เนี้ย???
นี่คือแม่แท้ๆของผม…หรือว่ามีเอเลียนมาลักพาตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว o_O*?
“ชั้นก็แค่พูดในสิ่งที่…ควรพูดมาตั้งนานแล้ว แต่ช่างมันเถอะ แค่อย่าทำให้ชั้นหนักใจเรื่องแกมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน”
สงสัยสภาวะระเบิดอารมณ์ของเมื่อวาน ทำให้สมองของแม่เกิดการกระทบกระเทือนครั้งใหญ่เป็นแน่ =_=
แม่เดินไปหลังบ้าน งานซักผ้ากองโตรออยู่ แม่นั่งหันหลังซักผ้าเสียงดังครืดๆ…ผมไม่อยากทะเลาะกับแม่ตอนนี้ อย่างน้อยก็ช่วงนี้…สองสามวันที่ผ่านมาทำให้ผมยอมรับกับอะไรได้หลายอย่างภายในช่วงเวลาอันสั้น แม้ว่าจะต้องทนขมขื่นกับมันมากเพียงใดก็ตาม
“แม่ครับ…แล้วเรื่องของพ่อล่ะ เราจะหาทางช่วยพ่อยังไงดี?”
“เราต้องประหยัดขึ้น”
อย่างกะตอนนี้ไม่ได้ประหยัดงั้นแหละ
“แล้วตอนนี้พ่อเอาเงินที่ไหนใช้…”
“…พ่อยังใช้เงินประกันสังคมได้อยู่”
“พ่อไม่ได้ทำงานแล้วเหรอ?”
“ใช่ เค้าทำไม่ไหว พวกเราถึงต้องส่งเงินไปช่วยเขา…”
ผมกำมือแน่น กัดฟันกรอด…ทำไม…ทำไมชีวิตครอบครัวของเราถึงได้รันทด บัดซบแบบนี้ว่ะ?!
“แม่…ต่อไปนี้แดนจะหางานพิเศษเพิ่ม แม่ไม่ต้องห่วงนะ แดนจะช่วยแม่กับพ่อเอง…”
อยากบอกแม่…’แม่ครับ แดนอยากเจอพ่อเหลือเกิน’…แต่ผมต้องอดทนเพื่อแม่ และในเวลานี้แม่ก็กำลังอดทนเพื่อผมอยู่เช่นกัน
ผมชะโงกหน้ามองออกไปนอกบ้าน…เห็นตัวสูงๆของไอ้ชิพจ้องมองเข้ามาอยู่ แววตาห่วงใยของมันสบกับผม…ถอนหายใจ มันพยายามให้กำลังใจผม คอยสนับสนุนผมมาตลอดทาง…แต่สิ่งที่ทำให้ผมหนักใจ นั่นก็คือเงิน…เงินมากๆ มากพอจะรักษาพ่อที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน…เลี้ยงดูแม่ให้มีความสุข หลังจากที่แม่เลี้ยงดูผมมาตลอดทั้งชีวิตโดยไม่คิดหวังอะไรตอบแทน…
…วันนี้ เป็นวันที่ผมไม่เคยสะใจใครมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
ตอนบ่ายสองโมงตรง(จำได้แม่น) ซึ่งเป็นเวลาเข้าประชุมของกลุ่มผู้บริหาร เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ห้องประชุมชั้นยี่สิบ…นังจุมซึ่งกลายร่างเป็นเลขาฯส่วนตัวของพี่เอกวิ่งแจ้นลงมา ป่าวประกาศเรื่องที่พี่โศรยาโดนต่อว่าจากผู้บริหารต่อหน้าทุกคนในที่ประชุม โทษฐาน…ปิดบัญชียอดขายประจำเดือนไม่ทันติดกันเป็นเวลาสามเดือนซ้อน
หูย เสียงนังจุมที่รัวๆๆ ดูร้อนรนเหมือนมีเรื่องใหญ่มากโคตรๆ(ซึ่งก็จริงง่ะ) มันเล่าให้ฟังว่าจู่ๆผู้บริหารผู้ใหญ่คนหนึ่งก็บ่นขึ้นมาเรื่องยอดการขาย อีกท่านที่ดูแลฝ่ายงบประมาณและวางแผนก็ฉะตรงๆมาที่พี่เอก พี่เอกซัดถอดต่อให้พี่โศ…ฮ่าๆๆๆ งานนี้แมร่งก็โดนเต็มๆอ่ะดิ
“แกต้องเห็นสีหน้าตอนที่มันโดนด่าว่า ‘ไร้ประสิทธิภาพ’ ‘ไร้คุณภาพ’…ฮ่าๆ แก~ประมาณว่าแทบจะกรี๊ดๆออกมาแล้วตอนนั้นอ่ะ แถมชียิ่งไปจ้องตาท้าทาย เลยโดนด่าบวกเรียกอบรมความประพฤติรวบยอด ฮ่าๆ! เนี้ยประชุมเลิกแล้วแต่เจ๊แกยังไม่ลงมาเลย สงสัยงานนี้…ยาวว่ะ ฮี๊ๆๆๆ”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายของมันถูกเสียงไทยมุ่งทั้งหลายหัวเราะกลบ แบบชนิดที่ว่าดังกว่า…ไม่ค่อยมีใครอยากเห็นใจเค้าหรอกครับ ขานี้ปากร้าย เอาแต่ใจ สร้างศัตรูไว้มาก ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าหากเขาล้มแล้วจะมีใครอยาก ‘กระทืบ’ ซ้ำมั้ย ทว่าคงมากอยู่หรอก อิอิ
“นี่แหละน๊า~~~กรรมตามสนอง เจ้าประคู๊ณ…ที่มันด่าชั้นไว้ว่าเป็นช้าง วันนี้ชั้นขอให้มันเป็น…”
“แช่งกันเลยเง้อ?”
“เออดิ…ชั้นขอให้มันเป็น…คางคก! อีคางคกแล้วกัน!”
ฮ่าๆๆ นินทาเจ้านายนี่สนุกดีเหมือนกัลล์เน๊อะ >.< แต่ช่วยไม่ได้ เขาบกพร่องในหน้าที่เองด้วยนี่หนา
“ขำอะไรกันอยู่เหรอครับ?”
“อ้อคุณชิพ คือว่า…”
นังจุมรีบสาธยาย อย่างงู้นอย่างงี้ ภายในเวลาสิบนาทีชิพก็รับรู้ดีเทลส์ทั้งหมดนับตั้งแต่เปิดประชุม ยันหัวข้อสุดท้าย…= =”
ชิพหัวเราะ “งั้นเหรอครับ?”
ใจผมพลันเต้นตุ้มๆต่อมๆ ในขณะที่มันเดินมานั่งลงข้างๆผม…เบียดเข้ามาใกล้…เอ่อ นอกจากจะไม่มีใครรู้ว่าผมกับมันเพิ่งคืนดีกัน แล้วเราก็เพิ่ง…ช่างมันเถอะ แต่ใจมันสั่นนะเว้ยเวลามรึงเข้ามาอยู่ใกล้ชิดแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น ในที่ทำงาน แบบเนี้ย!
มันทำให้ผมหน้าแดง >///////<
“ผมว่า…สมควรแล้วใช่มั้ยที่คนทำผิดจะต้องโดนลงโทษ”
ฮั่นแหนะ…ยังมีขยิบตาให้กรูอีก เด๋วชาวบ้านเค้าก็รู้กันหมดหรอกไอ้ชิพพพพ
“แล้วนี่ คุณชิพเพิ่งเคลียล์งานเสร็จ หรือว่า เพิ่งเสร็จจากประชุมคะ?”
“ความจริงผมประชุมเสร็จตั้งนานแล้วครับ…มันว่างๆมากกว่า เลยลงมา”
ชิพมักลงมา ‘เยี่ยม’ ชั้นสิบห้าเสมอ…
“ลงมาเยี่ยมใครเป็นพิเศษหรือเปล่าค๊า”
นังกิ๊บแซวเล่นขึ้นมา เฮ้ย! ไอ้ชิพแอบมองมาทางผมยิ้มๆ สีหน้าดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้น…จะเพราะอะไรล่ะ ฮืมๆ >.<
ผมก็ดีใจ…ที่เห็นมันมีความสุข
“เอ่อ…ประมาณนั้นล่ะคับ”
นังกิ๊บกรี๊ดกร๊าดใหญ่ สรุปเองเอ่อเองว่าเป็นตัวมัน เหอะๆ ดีแล้วล่ะ…แต่ไม่รู้อ้างแบบนี้ จะมีใครสงสัยบ้าง’เปล่านะ?
ที่จุมพูดถึง ก็เพราะชิพได้รับสิทธิพิเศษให้ได้เข้าไปประชุมในการประชุมสำคัญๆ แบบที่ว่ามีแต่ผู้บริหารระดับสูง มันเข้าไปนั่งฟังการประชุมบ่าเคียงบ่าได้เลยอะไรทำนองนั้น แต่ชิพเคยบอกผมว่าเบื่อเต็มทน ที่ต้องเข้าไปฟังคนทะเลาะกัน นั่นเป็นเพราะชิพโดนบังคับเข้าไปแท้ๆ(พูดยั่งกะนี่คือรัฐสภา =_+’)
ต่อหน้าทุกคนผมพยายามรักษาระยะห่างไว้ ซึ่งชิพก็ร่วมมือ แต่มันทำท่าอายๆเอามือเกาหัว ไอ้บ้า!...ดูๆแล้วทุกคนไม่มีใครสงสัยหรอกนะ หรือว่ากรูประสาทแดกไปเองว่ะเนี้ย (-.-‘)
พออยู่กันสองคน ไอ้ชิพก็เริ่มโอบผมบ้าง โฉบหน้าเข้ามาใกล้ๆบ้าง ทำเหมือนจะจูบ…ในที่สุดยอมได้แค่ให้ทำคล้ายๆกับ…กอดผมไว้ แค่นี้แหละ!
“นี่ยังไม่ขอบคุณกูอีกเหรอ?”
“~เรื่องอะไรวะ”
“อ้าว ก็เรื่องยัยโศรยานั่น…”
“ทำไม”
“เอ่อ…เปล่า”
ผมแบบว่า งงๆ…ก่อนจะถึงบางอ้อ
“อย่าบอกนะ ว่าที่พี่โศโดนเล่นงาน ก็เพราะมึง!”
ไอ้ชิพยักคิ้วหลิ่วตา เท่ห์ตายล่ะมึง คิดว่าตัวเองแน่มากหรือไง
“มึงทำแบบนี้ได้ไง!”
“เอาน่า ก็เค้าดูเหมือนคนร้าย ดันแกล้งแฟนกูนี่”
“ใครแฟนมึงหา?!”
“มึงไง”
ไอ้บ้า!!! พูดเสียงดังแบบนี้ได้ไง!!!
“อย่าพูดอะไรพล่อยๆแบบนี้อีกนะ ใครได้ยินเข้าจะว่าไง”
“แล้วไงล่ะ”
“คุณอุ๋มล่ะ…คุณอุ๋มแฟนมึงไง”
ชิพหุบยิ้มลง หันหน้าออกไป…ก็ผมพูดความจริง คุณอุ๋มคือแฟนตัวจริงของชิพนี่…คิดว่ายังไงถ้าเขามาได้ยินมันพูดแบบนั้น…อย่างน้อยผมก็ไม่อยากเป็นตัวการทำให้ใครเสียใจ เพราะรู้ว่ากรรมชนิดนี้ตามเร็ว แถมยังเพิ่มของแถมให้อีกต่างหาก
“ชิพ…มึงต้องเลิกทำเป็นเล่นๆแบบนี้…มึงมีแฟนแล้วนะ”
เออ ลืมไป ชิพมีแฟนแล้ว
แต่ผมก็กำลังเล่นบทเป็นแฟนลับๆ…ของมัน
ไปแย่งเค้ามา แบบนี้
…ทำไมถึง…เจ็บแปล๊บๆนะ…
ยิ่งบอกว่ามันคือแฟนผม ทั้งๆที่มันไม่ใช่ ยิ่งตอกย้ำ…ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย ระหว่างผมกับชิพ
ทว่าทำยังไง ผมก็ลืมมันไม่ลง
เพราะ ‘รัก’ คำเดียว ถึงทนให้เป็นแบบนี้
“เลิกพูดเถอะ…”
เสียงชิพเบาหวิว ผมตีสีหน้าตอนนั้นของมันไม่ออกเหมือนกัน
“แต่…”
“อย่างน้อย ก็ขอให้กูโกหกตัวเองบ้างได้มั้ย?”
ชิพถอยห่างออกไปจริงๆ มันไม่มองผม…ไม่พูด ไม่เจรจา ไม่แตะต้อง…ผมฝืนยิ้ม จับขามันเบาๆ
“ช่างมันเถอะ…”
“แดน…แล้วถ้ากูเลิกกับเค้าล่ะ มึงจะยอมเป็นแฟนกูมั้ย?”
ผม…ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
“อย่าถามแบบนี้”
“ไม่นะ กูกับคุณอุ๋มต่างรู้ดีว่าเราไม่ได้รักกัน กูบอกมึงแล้ว…คุณอุ๋มก็มีชีวิตของเขา กูก็มีชีวิตของกู เราแค่เล่นละครตบตาสังคมเท่านั้น”
“ชิพ…แล้วกูจะเชื่อมึงได้เหรอ?”
ชิพผงะ สีหน้าเหมือนโดนด่าว่าอย่างแรง…ผมขอพูดตรงๆเพราะไม่อยากให้ทุกอย่างสายไปจนเกินแก้ทีหลัง
“มึง…มึงไม่เชื่อกู?”
อืม…กูยังไม่กล้าพอที่จะเชื่อมึงหมดหัวใจ…
“…เปล่านะ ก็แค่คิดว่า…ย่ามึงต้องไม่ยอมแน่ๆ”
มันทำหน้าเศร้าๆ เฮ้อ…เอาอีกแล้ว ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมัน จุ๊บเบาๆที่กลางหัว มันกอดผมไว้แน่น
“แดน…สักวันหนึ่ง กูจะเลิกกับเขา และเป็นของมึงเพียงคนเดียว…”
คำสัญญา…ความหวัง…มันไม่สำคัญสำหรับผม คำสาบาน ที่ไม่เคยมีความหมายนับจากนี้ไป…ขอแค่ให้ชิพพิสูจน์ว่าวันนี้มันจะไม่ทำให้ผมเสียใจอีก แค่นี้…ผมก็พอใจแล้วคับ
นั่งเงียบๆ ไม่อยากขัดคอมันหรอกนะ ได้แต่ปรับเสียงให้ฟังดูร่าเริงเข้าไว้
“แต่ก็ต้องขอบคุณมากนะ…เรื่องพี่โศน่ะ”
เปล่าเลย ผมไม่ชอบให้มันทำแบบนั้น แต่แค่อยากให้ชิพยิ้ม…ผมขยิบตาให้ เรียกเสียงหัวเราะของมันจนได้…ทุกครั้งที่ผมจ้องมองตามัน มันร้าวไปทั้งหัวใจ…ทุกครั้งที่อยู่ใกล้มัน หัวใจก็เต้นแรงและช้าลงสลับกันอย่างควบคุมไม่ได้ นี่ผมเป็นอะไร หรือว่า…
ผมตกหลุมรักมันอีกรอบ?
ความจริงตั้งนานแล้วล่ะ -_-“ แต่ไม่ ไม่นะ ไม่เอาอีกแล้ว…ความเจ็บปวดแบบนั้นผมไม่อยากต้องเจอกับมันอีกเป็นรอบที่สอง ขอร้องล่ะ…อย่าให้ชิพใจร้ายแบบนั้นอีกเลย แต่ยิ่งห้ามใจ ก็ยิ่งรักๆๆมันมากยิ่งกว่าเดิม ทำยังไงดี…ผมห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้เลย
มันยากเสียยิ่งกว่าตอนเริ่มรักมันซะอีก…
โปรดติดตามตอนต่อไป