ขอโทษทีครับคือเผอิญคอมที่บ้านผมเสีย วันนี้เลยออกมาใช้คอมนอกบ้าน ช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยยังไม่ได้เริ่มแต่งภาค3เลย ขอโทษด้วย
เมื่อวานหลังกลับจากเรียนพิเศษ(เดี๋ยวนี้เรียนตั้งแต่8โมงถึงหกโมงครึ่ง...)กะจะมาลงนิยาย คอมดันเสียอีก เลยล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ ซึ่งก็เอามาลงให้รวดสามตอนเลย หวังว่าคงจะถูกใจกันนะครับ
ปล.นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่ละครช่องเจ็ดนะครับ อิอิ
ไม่เห็นมีนังเย็นกับนังสาลี่ และคุณหญิงแย้มสักหน่อย หุหุ
บทที่ 31
“หวาน”
ผมเคาะประตูห้องไอ้หวาน ต่อไปนี้เราไม่ได้ไปทำงานแล้ว(แย่เหมือนกัน ไม่มีเงินเก็บน่ะซิT-T) ผมก็มาสิ่งสถิตอยู่แถวมหา’ลัยแล้วก็หอไอ้หวานนี่แหละ
แกร๊ก! เสียงเปิดประตูเข้าไป หืม!!! ทำไมห้องไอ้หวานมันรกอย่างงี้เนี้ย O[]O!! ยี้~~~ซกมกอย่างแรง ว่าแต่ไอ้เจ้าของห้องไปไหนเนี้ย?
“หวานๆ”
อ้อ เรียกตั้งนานไปเจอมันนอนคุดคู้อยู่ในห้องนี่เอง เอ๊ะ เสียงมันคุยโทรศัพท์กับใครหรือเปล่าว่ะ
“บอกว่ายอมไม่ได้ยังไง!”
เสียงไอ้หวานว๊ากลั่น ตามด้วยโนเกียราคาถูกที่น่าสงสารบินวอนไปกระทบฝากำแพงเข้าอย่างจัง หล่นปุกลงกลายเป็นซากไปโดยปริยาย
มันล้มลงนอนนิ่ง ผมแง้มประตูเข้าไปดู…มันร้องไห้อยู่นี่หว่า
“หวาน…”
ผมค่อยๆนั่งข้างมันบนเตียง กอดปลอบมันเบาๆ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“น้องกุ้ง…น้องกุ้งเขาต้องเลิกกับกู”
“ทำไมล่ะ? ทำไมน้องเค้าต้องเลิกกับมึง?”
“ก็เพราะ…น้องเค้าจะแต่งงานน่ะซิ”
ผมอึ้งไปแป๊บ พยายามตั้งสติให้ถูก เพราะถ้าเผื่อผมตีโพยตีพายไปด้วยอีกคน ไอ้หวานที่เพิ่งระเบิดอารมณ์สติแตกไปหยกๆต้องบ้าตามไปด้วยแน่
“…น้องเขาต้องแต่งงานเหรอ?”
“ใช่ บ้านน้องเค้าจะจับแต่งงาน แต่งกับ…”
เสียงไอ้หวานขาดหายไปในลำคอ…ไม่จบ
“แต่งกับใครวะ”
“…แต่งกับ…ใครไม่รู้ แต่แดน…กูรับไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว หากว่ากูต้องเห็นน้องเค้าแต่งงานไป กูต้องหัวใจสลายแน่ๆ…ยิ่งกูเห็นว่าน้องเค้าไม่ได้อยากแต่งงาน แต่อยากอยู่กับกู แต่กูทำอะไรไม่ได้…กูยิ่งทนไม่ได้”
“อ้าว ก็ดีแล้วนี่ น้องเค้ายังรักมึงอยู่”
“แต่กูล้มเลิกแผนแต่งงานบ้าบออะไรนี่ไม่ได้ เพราะฝ่ายชายเขาคงไม่ยอม…”
อ้อ ปัญหาบรรพบุรุษจุ้นจ้านนี่เอง...ผมเองก็หมดปัญญาแก้เช่นกัน
ตลกดีเนอะ ชีวิตคนนั้นน้ำเน่ายิ่งกว่าในนิยายอีก
อย่างกะน้องกุ้งเป็นลูกสาวเจ้าพ่อที่ต้องถูกจับแต่งงานทั้งๆที่มีคนรักแล้ว 555+ โคตรเหมือนนิยายจริงๆเลยว่ะ ให้ตายเถอะ…
“แล้วทำยังไงดีละ…กูจะช่วยมึงคิดหาทางออก”
“ไม่มี…ไม่มีทางออก กูไม่อยากให้มึงเข้ามายุ่ง…แค่นี้ก็มากพอแล้ว”
ฮื้อ? มันพูดว่าไงนะ
“อะไรนะ…กูยุ่งด้วยงั้นเหรอ?”
“ปะ…เปล่าหรอก ไม่มีอะไรหรอก”
ผมคอยอยู่เป็นเพื่อนมัน บริการหาข้าวหาปลา แถมยังต้องจัดห้องให้มันอีก วู้!~~เหนื่อยโว้ย แถมยังหมดเวลาไปทั้งวัน ปากมันเอาแต่พล่ามๆเรื่องน้องกุ้งกับถามผมอยู่นั่นแหละว่าเมื่อไรผมกับบอยจะลงเอยกันสักที เชรี่ยยยย กูชักรำคาญ +^+”*
“มึงถามแบบเนี้ยทำไมวะ?>”
“~ก็แค่อยากรู้อ่ะ”
“ถ้าอยากรู้ก็ได้…กูกับบอยไม่มีวันลงเอยกัน เราสองคนเป็นแค่เพื่อน ครั้งแรกที่กูนอนกับมัน มันยังคิดว่ากูเป็นผู้ชายขายตัวอยู่เลย ทีนี้พอใจยัง?”
ไอ้หวานเงียบไป เฮ้อ…โล่งหูสักที นี่ถ้าไม่นับว่ามีเรื่องหนักใจผมตบกะโหลกมันไปหลายทีแล้วนะเนี้ย ฮืมๆ -“- (แง่งๆ~~)
“แม่ เงินที่แดนเอาไปเข้าธนาคารให้แม่เห็นหรือยัง?”
กลับมาถึงบ้านเหนื่อยๆก็มีเรื่องต้องมาครุ่นคิด ผมเดินแยกจดหมายกับขยะทิ้งขณะเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เสียงแม่ผัดอะไรอยู่ไม่รู้หอมฉุยเชียะ พอเงยหน้าขึ้น…
“ชิพ…”
ไม่ทันสังเกต มันเข้ามาอยู่ในบ้านผมได้ไง???
“แดน…อย่าเพิ่งโวยวายนะ นั่งลงก่อน”
งงดิ? ใครกันเปิดประตูต้อนรับมันเข้ามา...นอกจากแม่
ทว่าแม่ของผมไม่ชอบขี้หน้าชิพ ตั้งแต่มันหายตัวไปเมื่อห้าปีก่อน
“ชิพ มึงเข้ามาได้ไง แม่...แม่รู้เรื่องหรือเปล่า?”
“เออน่า แกอยู่เฉยๆเหอะ ชั้นให้เค้าเข้ามาแล้ว”
ร่างเล็กของแม่ยืนทำตาค้อนใส่ผมอยู่ขณะกำลังทยอยยกจานผัดผักบุ้งกับไข่เจียวแล้วก็กับข้าวง่ายๆอีกสองสามอย่าง พร้อมด้วยจานข้าวสามที่ มิน่าละแม่ถึงจัดกับซะอลังการ(มากกว่าสองอย่างก็อลังการแล้วคับ) เพราะมีแขกเป็นไอ้ชิพนี่เอง…
“นั่งลงซิ กินได้แล้ว”
ผมอ้าปากจะถาม แต่สายตาคมกริบที่แม่มองมา ปรามผมไม่ให้พูดต่อไป
ระหว่างที่กินแม่นั่งเงียบๆ ท่านทำเหมือนไม่รู้จักชิพ จริงๆนะคือแม่พูดเหมือนกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชีวิต…แต่มองดูแววตาผมรู้ว่าแม่โกรธชิพ ด้วยเรื่องอะไรน่ะเหรอ? เหอะๆ…ไม่น่าถาม =”=
ชิพหน้าเสียเล็กน้อย ผมนั่งข้างๆมัน ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันนี้แม่ของผมเปลี่ยนไปมาก ท่านได้รับความกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความสุขความสดใสในตัวแม่พลันทรุดโทรมหรือจางหายไป...อันเป็นผลมากจากความเครียดที่แม่ปกปิดผมมาตลอดนับแต่พ่อเริ่มป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้เล็ก
“แดน ถามเพื่อนซิลูกว่ามาทำไม?”
แม่ถามผมแบบนี้ ก็แสดงว่าไม่อยากคุยกับชิพตรงๆน่ะซิ...มันก้มหน้าลง โหนกแก้มของมันเจือสีแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัดเพราะความอับอาย กระนั้นมันก็ยอมทนนั่งอยู่ตรงนั้น
“ผมมาเยี่ยมแดนครับ…”
แม่กระแทกตัวลุกออกไปทันที ตามด้วยเสียงล้างจานที่ค่อนข้างดัง จานกระทบกับช้อนส้อมคล้ายคนล้างกำลังใส่อารมณ์...ชิพหันมามองผมตาปอยๆ
“กูมาหามึง มีเรื่องสำคัญต้องพูด”
นับแต่ที่ผมเลิกฝึกงานที่บริษัทของชิพ เราต่างคนต่างมีชีวิตและธุระปะปังที่ต้องจัดการ กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอันแตกต่าง...ผมกลับมาเรียนหนังสือเก็บตัวที่เหลือๆของผม เพื่อตามความฝันที่ว่าสักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสยืนถ่ายรูปกับพ่อกับแม่ ในมือถือปริญญาใบแรกของชีวิต สวมชุดครุยน่าเกรงขาม ครอบครัวของเรายิ้มอย่างมีความสุข...ส่วนชิพเองก็มีฝันของมันเช่นกัน เวลาว่างที่เราสามารถเจอกันได้ก็คือช่วงเย็นหรือวันหยุด นัดกันที่คอนโดของชิพ และถ้าคืนไหนผมต้องการมันทอดกายอยู่เคียงข้างยามค่ำคืน ผมก็จะออกไปหา ซึ่งพักหลังมานี่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเช่นนั้น (=_=*)
ผมมีความสุขมากเมื่อได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับชิพ...คนที่ผมรัก
สักพัก แม่เดินออกมาพร้อมกับถ้วยลอดช่องใส่น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบหน้าตาน่ารับประทาน แต่อึ้งที่ว่าแม่ถือออกมาเพียงถ้วยเดียว ทั้งๆที่ชิพนั่งอยู่...แม่นั่งลงก่อนจะชายตามองไปที่มัน
“เอ้า ของโปรดเธอไม่ใช่เหรอ? ชั้น...ยังจำได้”
แม่เลื่อนถ้วยใส่ลอดช่องฝีมือแม่ครัวเอกให้ชิพโดยที่ท่านไม่ได้มีอาการอิดออดหรือประชดประชันเลยแม้แต่นิด ลอดช่องสีสวยๆถูกวางไว้ตรงหน้าชิพ...มันเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ผม ดวงตาคลอหยาดน้ำใส...ก่อนจะยิ้มกว้างกล่าวขอบคุณแม่เสียงสั่นๆ
“ขอบคุณครับ...แม่”
แม่ของผมพยักหน้า “แดน...เดี๋ยวปิดบ้านให้เรียบร้อยนะ แม่ขึ้นบ้านอาบน้ำนอนและ”
ว่าแล้วแม่ก็ขโยกขเหยกเดินขึ้นบันไดไป ส่วนจานชามผมเสนอตัวว่าเดี๋ยวจะช่วยกันกับไอ้ชิพล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยและจัดเก็บเข้าที่เอง ตอนนี้มันนั่งหน้าบาน ตักลอดช่องเข้าปากด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ มันทำท่าจะป้อนแต่ดันแกล้งตักพลาดจนหกใส่ตัวผม ต่อยมันไปทีหนึ่ง มันหัวเราะ ผมยิ้ม...มันก็ยิ้มให้ผม ความรู้สึกอบอุ่นดีๆเริ่มกลับเข้ามาอีกแล้ว คราวนี้ผมไม่กลัวมันอีกต่อไป
เปล่าเลย ผมพร้อมจะเปิดรับมันเต็มที่เลยต่างหาก
เราสองคนกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งตรงส่วนหย่อมกลางซอย ตรงต้นไม้ใหญ่มีเสาไฟสว่างจ้าเปิดอยู่เป็นระยะๆ ตรงนี้มีดวงเดียว รอบด้านเลยมืด มีเพียงผมกับมัน ทุกอย่างเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ ผมเอาหัวเอนพิงซบมัน...รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“มีเรื่องอะไรถึงได้มาหาถึงบ้านวันนี้”
ชิพขยับตัว กลิ่นหอมจางๆประจำตัวมันห้อมล้อมผม...ให้หลงไหลไปกับชิพ
ผมหลงรักชิพ
เพราะมันเตือนผมอยู่ในใจตลอดเวลา
“~หอมแก้มก่อนแล้วจะบอก”
“ฮื้อ ไม่เอาหรอก”
แฮะๆ เล่นตัวงั้นแหละคับ =o=*
พอมันเงียบ ผมเลยต้องยอมจำใจชะโงกขึ้นไปหอมแก้มมันโดยปริยาย ทว่าคราวนี้มันไม่ได้เพียงแค่หอมแก้ม แต่มันแอบบังคับผมจูบเลยต่างหาก =_=* ยอมมันก็เพราะรสจูบหอมหวาน ที่ปลุกอารมณ์ได้กระเจิงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ...
“เกิดอะไรขึ้น?”
ผมถามงงๆ สมองมันมึนๆ...ไม่เคยนึกเลยว่าจูบที่เพิ่งผ่านมาจะเป็นอะไรที่เซ็กซี่ที่สุดของชิพ ยิ่งกว่าตอนเราอยู่บนเตียงด้วยกันซะอีก >///<
ชิพหัวเราะ “งงเลยเหรอ?”
“เออดิ” อ้าว…ก็แค่แปลกใจ อีกอย่างเมื่อคืนก่อน คืนก่อนๆ คืนก่อนๆๆโน้นชิพก็น่าจะไม่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่แล้วนี่…
“รักกูป่าว?”
เอ๊ะ ชักจะยังไง
“ไม่เอาๆและ มีอะไรรีบพูดมาเลยดีกว่า”
“เฮ้ย~~~ เดี๋ยวก่อนเด่ มึงนี่ทำตัวเป็นแฟนที่อ่อนหวาน น่ารักเหมือนใครอื่นเค้าเป็นบ้างมั้ยเนี้ย?”
“อ้าว ถ้าอยากได้แบบนั้นก็เชิญออกไปตามหาเอาเองซิ”
ผมเมินหน้าใส่ชิพงอนๆ เชิด! มันเข้ามาคลอเคลียแป๊บเดียวก็ใจอ่อน โกรธมันไม่ไหวหรอก น่ารักแบบเนี้ย >o<
“บอกกูหน่อยนะ...บอกกูหน่อยว่ารักกูหรือเปล่า?”
ชิพหอมแก้มผม จากนั้นมันก็จับคางเชยหันมาให้เราได้สบตากัน ผมจ้องมองแววตาลึกซึ้งนั่น...มันเปี่ยมไปด้วยความหมาย ความทรงจำ มากมายที่ถ่ายทอดออกมา...มันแทนคำตอบทั้งหมด ทั้งหมดที่ผมมี
มันจูบผม แม้ไม่ได้ตอบมัน แต่ผมรู้ว่าชิพเข้าใจ...จูบมันด้วยความรักเปี่ยมล้น จนผมตกใจว่าทำไมหัวใจของผมถึงรักใครคนหนึ่งได้มากมายขนาดนี้ นั่นคือชิพ ผมรู้สึกอยากกอดชิพไว้ตลอดไป แบบนี้ หยุดเวลาทุกอย่าง มีเพียงเรา สองคนตลอดไป...
ผมไม่เคยชอบใช้คำว่าตลอดไป
แต่ผมจะรักเค้าตลอดไป
ชิพผละจูบ แววตาของมันบ่งบอกว่าคืนนี้กรูเสร็จมันอีกแหงๆ =_=* แต่แล้วมันก็ยัดอะไรบางอย่างเข้ามาในมือของผม งง???
“อะไรเนี้ย?”
มันเป็นเงิน...เงินแบ๊งค์พันปึกหนึ่ง เยอะพอสมควร ชิพให้ผมทำไม?
“แดน...กูรักมึง และถ้ามึงรักกูนะ มึงต้องรับเงินจำนวนนี้ไป”
ผมอึ้ง พูดยิ้มๆ...”นี่มึงล้อเล่นหรือเปล่า?”
“เปล่านะ กูขอแค่อยากช่วยเหลือมึง...กูไม่รู้หรอกว่าจะทำยังไงดี มีทางเดียวเท่านั้นที่ เอ่อ...กูถนัด รับเงินนี้ไปซะ แล้วเข้าใจกูด้วย”
“ไม่ชิพ กูรับไว้ไม่ได้หรอก กูทำไม่ได้…”
ผมยัดเงินคืนใส่มือชิพกลับไป แต่มันก็ไม่ยอม คราวนี้กำมือผมไว้แน่น
“คิดซะว่าให้ยืนก็ได้...จนกว่าเรื่องทุกๆอย่างจะดีขึ้นนะ”
จำนวนเงินนี้มากพอทำให้เรามีค่าเช่าบ้านต่อได้อีกสองสามเดือน พร้อมทั้งสาธารนูปโภคต่างๆ...แต่ทำแบบนี้ก็เท่ากับรับเงินชิพมาฟรีๆ โดยไม่ได้ทำอะไรตอบแทนเลยนะซิ?
อีกอย่าง ผมเองก็มีศักดิ์ศรี ผมรู้ว่าชิพรวยมหาศาล แต่ก็ไม่เคยแบมือขอเงินใคร และไม่เคยคิดอยู่ในหัวสมองด้วย
“ชิพ บอกตามตรง...กูรับไว้ไม่ได้หรอก มึงอย่าทำแบบนี้อีก กูไม่ได้โกรธมึงหรอกนะ กูเข้าใจ...แต่ว่ากูเอาเงินฝ่ายเดียวจากมึงมาจริงๆไม่ได้”
“หมายถึงต้องแลกเปลี่ยนน่ะเหรอ?”
“กูไม่มีอะไรจะให้หรอก ฉะนั้นนะ เก็บเงินคืนไปเถอะ”
“รู้อะไรมั้ยแดน? มึงมีอย่างหนึ่งที่ให้กูได้...ความรักไง มึงให้หัวใจกูมาแล้ว กูทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นมึงต้องลำบาก เห็นแม่มึงลำบาก กูรักมึง...รักมาก จนกูเจ็บไปด้วยที่มึงต้องมาเผชิญเรื่องร้ายๆแบบนี้”
ตอนนั้น ภาพใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของชิพตรงหน้า อยู่ในท่ามกลางแสงสลัวจากเสาไฟ แสงนวลๆอ่อนๆส่องให้ผมมองเห็นชิพได้ชัดเจนขึ้นว่า...มันคือสิ่งที่สวยงามที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของผม ผมขอแค่ให้เคยได้รักมัน ครั้งหนึ่งในชีวิต...แค่นี้ก็พอแล้ว
“ร้องไห้ทำไม? ไม่เอาน่า~~ขี้แยอีกแล้วนะคนเก่ง”
ชิพจูบซับน้ำตา จูบจริงๆ! ไม่อยากจะเชื่อว่าชิพอ่อนโยนกับผมได้ถึงขนาดนี้
“กูไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย”
“นอกจากจะดื้อ ขี้แย แล้วยังปากแข็งอีก เนี้ย~~~ใครบอกว่าตาคลอๆแบบนี้จะไม่ร้องไห้ มึงอ่ะชอบให้กูต้องเช็ดน้ำตาให้อยู่เรื่อย”
ผมร้องไห้ออกมาจริงๆก็คราวเนี้ย มันตื้นตันใจไปหมด...มันกอดผมไว้ อ้อมกอดอบอุ่นแข็งแรงที่จะคงให้ความรู้สึกเหนือคำบรรยายเช่นนี้ตลอดไป...
“แต่แม่กูคงไม่ยอมด้วยหรอก”
ไม่วายหาข้ออ้าง แต่ชิพมองด้วยสายตาดุๆเหมือนบอกว่า ‘หยุดได้แล้ว’
“มึงก็แค่บอกแม่ว่า...มึงทำงานได้เงินมาซิ อย่าบอกว่ากูให้”
“แต่…”
“แล้วถ้าแม่บอกว่าให้เอาเงินมาคืนกู...ก็บอกว่าเงินนี้ให้แล้วให้เลย ไม่รับคืนครับ”
“อ้าว? ก็ไหนเมื่อกี้บอกให้ยืมไง”
“เอ่อ...แฮะๆ ก็ประมาณนั้นอ่ะ อย่าซีเรียสดิ”
เจ้าบ้า! ไม่ให้ซีเรียสได้ไง เงินจำนวนเยอะมากมายแบบนี้ นี่ถ้าแม่รู้เข้าเอาผมตายแน่ ไม่เอาดีกว่า ตัดสินใจคืนชิพไปดีกว่าหมดเรื่องหมดราว
“เห้ยๆ บอกแล้วไงว่าเงินนี้...เป็นของมึงแล้ว ถ้ามีปัญหากับแม่ก็หาทางเลี่ยงๆ เข้าใจป่ะ?”
ไอ้ชิพมันเลวมากคับ =_= มันหัดเสี้ยมสอนให้ผมโกหกแม่ตัวเอง ทั้งๆที่ผมก็ทันแกวมันนะ แต่ใครก็ตามอย่าเอาเป็นตัวอย่างนะครับ (=o=”)<<<
“แดน...มีเงินเงินแล้ว มีความสุข...มีความสุขเพื่อกูเถอะนะ”
แม่ต้องไม่เห็นดีงามด้วยแน่ร้อยเปอร์เซ็นท์ แต่ถ้านี่คือความสุขของชิพ ผมจะยอม...ยอมเพื่อมัน
“ก็ได้ชิพ”
ชิพจูบหน้าผากผม “~ดีมาก...”
มือของมันเลื่อนไปตรงเอวของผม เริ่มแล้วไง...ผมดึงตัวออกก่อน สบตามัน โอยไอ้หื่น! มองกรูตาเป็นมันแบบนั้น ไอ้...ไอ้บ้าลามก!@
“เอ่อๆ รู้แล้วๆ...จะให้รีบไปขึ้นรถได้แล้วใช่มั้ย”
ชิพพยักหน้า(เหมือนหมา)แสนรู้ ขำก็ขำมันนะไอ้ช็อคชิพของผมเนี้ย >o<
“รีบไปเถอะก่อนที่กูจะไฮเปอร์มากกว่านี้”
โดนล็อคแบบเนี้ย หนีไปไหนไม่ได้หรอก ไม่อยากด้วย...
เพราะผมเองก็อยากๆโดนล็อคเหมือนกันแหละ o_O*<<<