พิมพ์หน้านี้ - ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ALeX ที่ 29-12-2007 17:45:33

หัวข้อ: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 29-12-2007 17:45:33
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



.::.กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ .::. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)








ขอเก็บนายไว้ ให้หัวใจอุ่นรัก

“…ความรักมีอยู่ทุกหนแห่ง แม้ในหัวใจที่ทุกข์ระทมและบอบช้ำก็ตาม...”

บทที่ 1

      
       เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมหันไปตามเสียงนั่น

      “เฮ้ยแดน เป็นยังไงบ้างว่ะ ปิดเทอมที่ผ่านมามึงไปเที่ยวไหนมา?”

      เด็กวัยรุ่นสามสี่คนเดินตรงมาทางผม ไอ้คนตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มทักผมอย่างร่าเริงหลังจากที่เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้งสามเดือนเต็ม ไอ้ชัตน่ะเอง มันเป็นเพื่อนสนิทของผมมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมานี่ ในโรงเรียนชื่อดังย่าน...(อ้อ โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนชายล้วนนะครับ)

      “กูสบายดี มึงล่ะ ไอ้บิว ไอ้อ๋อง ไอ้โย่ง”

      ผมทักเพื่อนๆทุกคนที่เดินมาด้วยกัน อ้อ ลืมบอกทุกๆคนไปว่าผมชื่อแดนครับ และเรื่องราวที่ผมกำลังจะบอกเล่าให้ทุกๆคนได้รับรู้ก็คือเรื่องราวความรักของผม...ที่แม้จะไม่ได้เป็นครั้งแรก แต่กลับสลับซับซ้อนกว่านั้น

      “เฮ้ย พวกกูอ่ะร้อน ‘อิหาย แต่มึงเปิดตูดแนบไปอะเมกานี่หว่า เย็นสบายเลยดิ”

      ผมยิ้มนิดๆแก้เขิน เอามือเกาผมยุ่งๆ ผมอ้อมแอ้มตอบกลับไปว่า

      “กูไปเยี่ยมพ่อกูว่ะ ไม่ได้อยากไปนักหรอก…”

      ใช่แล้วครับ พ่อของผมขณะนี้อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำไมน่ะเหรอครับ? ก็เพราะว่าพ่อผมเป็นชาวอเมริกัน ส่วนแม่ผมท่านเป็นลูกครึ่งไทย – จีน แต่ผมนอนบ้านเดียวกับแม่ที่กรุงเทพ

      “อะไรกันว่ะ...มึงยังไม่หายโกรธพ่อมึงอีกเหรอ”

      ไอ้โย่ง หนึ่งในเพื่อนกลุ่มก๊วนเดียวกันถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ผมรู้ว่าพวกมันห่วงผม ฟังจากน้ำเสียงของพวกมัน...แต่ไม่ครับ มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกต่างๆของผมกระเตื้องดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

      พ่อของผมหย่าขาดจากคุณแม่นานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ผมเป็นเด็กๆ ซึ่งปัญญาของเด็กวัยหกเจ็ดขวบตอนนั้นคงหนีไม่พ้นความเสียใจ ความสงสัย จากความสงสัยมาเป็นโมโห โกรธเกียจ และชิงชังคนเป็นพ่อไปในที่สุด...

      ผมเสียใจไม่มีวันหายที่พ่อทำกับพวกเราแบบนี้ ทิ้งแม่ผมไป ทิ้งผมไป ไปอยู่ที่อื่น...

      ผมไม่เคยมีความคิดอยากอยู่กับพ่อ ตรงกันข้ามต่างหาก ผมอยากหลบหน้าพ่อมากที่สุด แต่ทำยังไงได้เมื่อแม่ของผมท่านคะยั้นคะยอให้บินไปหาพ่อบ้างเหลือเกิน ทั้งที่ใจลึกๆอยากอยู่กับเพื่อนในช่วงเวลาปิดเทอมอันยาวนาน(ที่รู้สึกเหมือนสั้น)มากกว่า

      “ไม่รู้ว่ะ...แต่ช่างกูเถอะ กูไม่อยากพูดถึง”

      ผมตัดบท เพื่อนทุกคนก็รู้ดีว่าผมไม่มีอารมณ์พูดถึงเรื่องเหล่านั้น มันเลยชวนกันจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร ชื่อเจ้าของร้านอาหารสุดฮิตเป็นหนึ่งในตัวเลือกทั้งหลายเหล่านั้น

      ผมสั่งอาหาร นั่งกินข้าว หัวเราะกับพวกมัน เอาเป็นเอาตายเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานานนม สักพักตอนที่อาหารตรงหน้าพวกเรากำลังจะหมด ฝ่ามือใครคนหนึ่งก็ผลักมาอย่างแรงจนเจ็บที่ไหล่ด้านหลังของผม พวกเราหยุดส่งเสียง

      “เฮ้ย! เงียบเสียงหน่อยได้ไหมว่ะพวกมึงอ่ะ กูจาแดกข้าว!”

      ผมที่ถูก ‘มัน’ เล่นงานทำใจดีสู้เสือ หันไปมองหน้า ซึ่งไม่ค่อยกล้าทำบ่อยนัก...แต่เผอิญวันนี้เป็นวันแรกที่เพิ่งเปิดเทอม ไอ้ความบ้าบิ่นที่เก็บกดไว้มันเลยเอาชนะความกลัวสำเร็จ เอาว่ะ เป็นไงเป็นกันเว้ยทีนี้!

      วินาทีแรกที่ผมสบตาไอ้จอมหาเรื่องนั่น ผมรู้ตัวเลยว่าภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี่ผมมีสิทธิล้มหน้าคว่ำลงไปกองกับพื้น นี่มันไอ้พวก ‘ฆ่าด้วยมือเปล่า’ ชัดๆ!…เคยไหมครับ ทุกโรงเรียนมันจะมีพวกไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ชอบสูบบุหรี่ และเชี่ยวชาญด้านอบายมุขต่างๆทุกกระบวนท่า ไอ้นี่ก็เหมือนกัน ดูจากสีหน้าท่าทาง แววตาหาเรื่องนี่ กร่างน่าดูเชียวครับ...(น่ากัวอ่า~~~>.<)

      พอรู้ตัวแล้วว่าผมตัดสินใจผิด เลือดภายในกายมันดูเหมือนจะเย็นเป็นน้ำแข็งไปตามๆกัน(กลัวเลือดกลบปาก) ปกติแล้วไม่มีใครที่ไหนที่เขาสติดีไปยุ่งกับไอ้พวกนี้กันหรอกครับ ยิ่งไอ้ควายนี่ยิ่งตัวใหญ่เบ้อเริ่ม สูงโคตรรร มันงี้กำมือแน่นจมกล้ามขึ้นเป็นมัดเลยครับ

      “หุบปาก แล้วพวกมึงก็แดกไปซะ”

      เนื่องจากโรงอาหารโรงเรียนนี้มันแคบครับ พวกเรามองหน้ากันด้วยดวงใจที่เต้นตึกตัก ก่อนจะรีบเก็บจานแล้วลุกหนีไปจากบริเวณนั้น และแล้วในที่สุดพวกเราก็เริ่มกลับมาใช้เสียงกันอีกครั้ง หลังจากถูกไอ้คนกร่างแผ่นดินนั่นข่มขู่พวกเรา

      “ไอ้พวกเดนสวะนั่น...ไม่ต้องไปสนใจมัน” ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น พูดอย่างสงบ แม้ว่าในใจยังอยากจะแอบเอามือไปลูบไหล่ตรงที่โดนมันผลักเอา ไอ้...แรงควายชะมัด

      พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมกลุ่มของพวกผมถึงได้แอนตี้เด็กเกเรกันนัก มันก็เพื่อน ก็โรงเรียนเดียวกัน? แต่สำหรับความคิดของผมในตอนนั้นมันไม่ใช่อย่างตอนนี้ครับ ผมเป็นเด็กดี เด็กที่ตั้งใจเรียนและอยู่ในโอวาทของครูบาอาจารย์ทุกท่านเสมอมา แม้ว่าจะมีซุกซนบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ที่บ้านไม่เคยต้องหนักใจ

      เสียงวงดนตรีดุริยางค์เริ่มบรรเลงเป็นสัญญาณให้นักเรียนเตรียมตัวออกมาเข้าแถวหน้าเสาธง ปกติแถวม.ปลาย(ผมเพิ่งขึ้นม.4ครับ เป็นเด็กม.ปลายสดๆร้อนๆ)จะอยู่กลางแดด โดยเสียสละให้น้องๆม.ต้นได้เข้าแถวในที่ร่ม

      ผมก็ทำเหมือนที่เคยทำทุกเช้า ของทุกปี นั่นคือคุยเล่นกับเพื่อนๆเป็นการหยอกล้อ จนกว่าครูจะเอาไม้เรียวมาไล่ตีนั่นแหละถึงจะเรียกได้ว่าเข้าแถวจริงๆ จากนั้นนักเรียนทั้งโรงเรียนก็จะต้องนั่งฟังพวกผู้บริหารพล่ามจนจบ เป็นอันเสร็จพิธี(ที่แสนห่วยแตก)

      แต่ผมไม่มีวันรู้ครับ ว่าเหตุการณ์หลังเข้าแถวเช้าวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปทั้งชีวิต...




บทที่ 2


      ตอนเข้าแถว สายตาของผมมันบังเอิญไปสบลงที่เป้าหมายอันไม่พึ่งประสงค์ แต่ด้วยแรงอะไรบางอย่าง...ทำให้ผมต้องเฝ้าจับตามอง สังเกตไอ้ ‘เถื่อน’ นั่นที่เล่นงานผมตอนกินข้าวเช้าในโรงอาหาร    

      ผมแอบหัวเราะเย้าะเย้ยมันใจใน ฮึ! ไอ้เถื่อนตอนนี้กำลังทำหน้าจ๋อยครับ ไม่รู้เพราะอะไร มันกำลังกอดกระเป๋านักเรียนแฟบใบหนึ่ง(ซึ่งเดาเอาว่ารู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ว่าหนังสือเรียนไม่มีวันได้เข้าไปอยู่ในนั้นได้แน่นอน) มันยืนเกาหัวงง ท่าทางเงอะงะต่างจากที่มันทำกับผมไว้ตอนเช้า สักพักครูผู้ชายเข้ามาไล่ตีมัน มันก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ถึงตอนนี้ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับภาพที่เห็น

      แต่ไม่รู้เพราะอะไร ในส่วนลึกลงไปในห้วงความคิด...ผมรู้สึกสงสารมัน

      ไม่ได้ๆ! ผมไปสงสารมันไม่ได้ครับ มัน...มันเกือบจะต่อยหน้าผมแล้วไง!

      ผมพยายามไม่หันกลับไปมอง ตั้งใจนั่งฟังผู้อำนวยการพล่ามไปเรื่อยๆ คุยกับเพื่อนข้างๆบ้าง จนในที่สุดก็ลืมมันจนได้ เมื่อหัวหน้าระดับมาปล่อยแถวทีละห้อง เข้าไปนั่งที่ในห้องเรียน ผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างแปลกประหลาด...เฮ้อ เปิดเทอมใหม่นี่ ผมจะตั้งใจเรียนให้มากที่สุด!

      ครูประจำชั้นเข้าห้องมาโฮมรูม เลือกหัวหน้า ฯลฯ จนเมื่อกระบวนการต่างๆเสร็จเรียบร้อย ครูก็ไม่ยอมออกไปสักที ผมสังเกตเห็นท่านกำลังมองนาฬิกา หน้าตาเริ่มหงุดหงิดพร้อมกับชะเง้อออกไปนอกห้องเหมือนกำลังรอใครบางคน

      “ทำไมนายนี่ยังไม่มาอีกน้า…” ครูบ่น คิ้วเริ่มขมวดเป็นเกลียว(แหะๆ ความจริงแค่ย่นหน้าผากเฉยๆ)

      และแล้วเสียงพื้นรองเท้านักเรียนที่คล้ายกับควบมาแต่ไกลก็ดังขึ้นที่ระเบียงทางเดินด้านนอกห้อง พร้อมกับที่ร่างของใครบางคนพรวดพราดเข้ามา ตายอ่า+++ไอ้เถื่อนนั่น ไอ้เถื่อนนั่นอยู่ห้องเดียวกับผมเหรอเนี่ย!

        ไอ้นั่นมันก็สบตามาที่ผมทันทีครับ โอพระเจ้า! หน้าตามันโคตรเป็นเด็กดีอ่ะครับ แต่แค่ท่าทางมันเกเรนิดๆก็เท่านั่นเอง ถามว่าผมรู้ได้ไงอ่ะเหรอ? 555+ ไม่รู้หรอก คงเพราะว่ามันขาว แล้วก็...หล่อด้วยล่ะมั้ง(ในความคิดของผมคนเถื่อนมันจะตัวดำๆ บึกๆ แบบว่าตบทีเดียวอยู่อ่ะ...อยู่ที่วัดเลยอ่ะนะ)

      มันยิ้มครับ เชื่อไหมครับ ตอนนั้นผมคิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้...แต่แค่รู้สึกว่า มันยิ้มด้วยความโล่งใจ???!!!!

      ครูประจำชั้นแนะนำให้ทั้งห้องรู้จัก ‘เด็กใหม่’ ซึ่งมันก็นอบน้อมดี ท่าทางเรียบร้อยเชียวเวลาอยู่ต่อหน้าครูแก ท่านก็ถามไปยิ้มไป(ผมโชคดีมากใช่ไหมล่ะครับที่ได้ครูดี ครูชื่อฟ้าครับ เรียกว่าครูฟ้าๆกันเป็นแถวเพราะแกเป็นกันเองกับเด็กมากกก)

      เพื่อนๆก็ให้ความสนใจกับมันไม่น้อยครับ เพราะว่าโรงเรียนผมขึ้นชื่อว่าเข้ายากมาก เปอร์เซ็นต์คนที่สอบเข้ามานับปีก็ลดน้อยลงๆ ยิ่งเข้ากลางปียิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่นี่มันม.4 เริ่มม.ปลาย เข้าได้คงไม่แปลก แต่ก็แปลกอยู่ดีแหละเพราะว่ามันต้องใช้เส้นที่ใหญ่พอดูแน่ๆ หรือไม่ก็เก่งอภิมหากาพย์

      แต่กลุ่มก๊วนของผม โดยเฉพาะผมยิ่งแล้ว ไม่ได้แสดงความต้อนรับยินดีปรีดาอะไรร่วมไปกับ ‘ไอ้เด็กใหม่’ ด้วยเลย คงรู้ใช่ไหมครับเพราะอะไร...

      “อ้าวเธอ ไปนั่งตรงนั่นไป ว่างอยู่พอดี”

      ครูฟ้าชี้มาตรงโต๊ะตัวที่ว่างอยู่ข้างหลังผมพอดี ผมซึ่งนั่งติดกับไอ้ชัตทำหน้าเหวอ แต่ก็ไม่ทันทักท้วงอะไรได้แล้ว ไอ้เวรนั่นเดินมาทรุดกายลงจับจอง ครูฟ้าท่านก็รีบออกไปสอนคาบแรกที่ห้องอื่นต่อทันที

      “เฮ้ย ไอ้ตี๋ ลุกออกไปนั่งที่อื่นดิ”

      จะบอกให้ พอมันเริ่มพูด ไอ้เสียงทุ้มๆ ห้าวๆทรงพลังอย่างแปลกประหลาดนั่นทำเอาผมขนลุกเลยทีเดียว ไอ้ตี๋ที่มันพูดถึงเหรอครับ? ไอ้ชัตผู้โชคร้ายไงครับ

      “กูพูดไม่ได้ยินไง ลุกออกไปเด่!” มันเริ่มตะคอก

      ไอ้ชัตซึ่งรู้ตัวดีอยู่แล้วเหลือบตามองผม ก่อนจะส่งแววตาขอโทษขอโพย(อย่างจะเอาตัวรอดและน่าสมเพช ไอ้เพื่อนชั่ว!)

      สรุปแล้วมันลุกครับ ลุกให้ไอ้หมอนั่น! เด็กใหม่คนนั้นก็ยิ้มหน้าระรื่นเข้ามานั่งแทนที่ไอ้ชัต ส่วนเจ้าของเดิมกระเด็นไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ผมไม่สงสารมันหรอกครับ มันอยากทรยศผมก่อนเอง

      “มึงชื่อไร?”

      “พูดกับใคร?” ผมตอบเสียงเรียบ

      “มึงแหละไอ้ฝรั่ง แหมทำเล่นตัว”

      โอย จะบ้าตาย เวลาผมอยู่ใกล้ไอ้พวกเถื่อนพวกนี้แล้วอยากจะฆ่าตัวตาย เคยเป็นไหมครับ แบบว่ากลัวมันทำร้ายร่างกายเอาอ่ะ  

      มันจ้องหน้าผมครับ ดวงตามันเรียวๆแบบเด็กที่มีเชื้อสายจีน สีน้ำตาลอ่อนพอมองออก คิ้วเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตาทั้งสองข้าง หน้าผากกว้าง จมูกโด่งใช้ได้ทว่ายังไม่เท่าผมเพราะมีเชื้อยุโรปปนมาด้วย เลยดีกรีสูงกว่านิดส์ ทว่าริมฝีปากมันนี่ซิครับ แดงปนชมพูระเรื่อเหมือนพวกในโฆษณาเลย ผิวก็ออกครีมๆขาวๆ ดูไปดูมาแล้วหน้าจิ้มลิ้มเหมือนเด็กๆ มองอีกมุมก็เข้มจัดอย่าบอกใคร(เหอะๆ)

      “ดะ...แดน” ผมตอบมันไป

      “กูอยากเป็นเพื่อนมึง กูชื่อชิพ”

      มันอยากเป็นเพื่อนผม?! ทำไงดีว่ะทีนี้

      “แต่...กูมีเพื่อนสนิทแล้ว” ผมนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดออกไปแบบนั้น

      “มีอีกสักคนจะเป็นไรไปว่ะ ไมว่ะ? กูมันเลวนักหรือไง มึงเลยเล่นตัวจริงนะไอ้สัด”

      ผมก้มหน้างุด รู้สึกเหมือนมีรังสีพิฆาตคอยจ้องมอง

      “มึงลูกคุณหนูนักเหรอไง หา?” ไอ้ชิพ เพื่อนใหม่สดๆร้อนๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้

      “เปล่าหรอก กู...” ผมดีแต่อึกอัก

      “มึงกลัวกูใช่ไหมล่า 555+ “ เอ๊ะ ไอ้เชี่ยนี่รู้ทันแฮะ

      ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง ห้องที่ผมอยู่มันคือห้องคิงของระดับอ่ะครับ ผมก็นึกสงสัยอยู่ตั้งนานแล้วว่าทำไมได้เด็กใหม่คนนี้มันถึงเข้าปุ๊บอยู่ห้องคิงปั๊บเลย พอมาตอนหลังถึงได้รู้ว่ามันเรียนเก่งโคตร โดยเฉพาะเลขมันนี่ระดับเทพเลยครับ

      “ไม่เป็นไรๆ มึงอยากให้กูพูดคะขากะมึงไหมล่ะ”

      ไอ้ชิพถามมาผมกลับงง อะไรว่ะ คะขา?

      “ก็แบบประมานว่า เรา นาย อะไรทำนองเนี่ย” มันพูดอธิบายให้เสร็จสรรพพอเห็นว่าผมไม่ตอบ

      “ไม่ต้อง คุยกับกูปกติ” ผมเริ่มผ่อนคลายลงเพราะไอ้ชิพมันเริ่มใช้โทนน้ำเสียงธรรมดา ยิ้มให้ผมด้วย...ซึ่งความจริงแล้วมันก็ดู...เอ่อ ไม่ค่อยร้ายกาจเท่าไรนัก

      ตอนนั้นผมจำความรู้สึกในสมองได้ดี...ทำไมครูคาบแรกยังไม่เข้าสักทีว่ะ ไอ้เชี่ยนี่จะได้เลิกพล่ามใส่ผมสักที แม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก็ตามหลังจากที่มันชวนคุย

      “ทำไมหน้าตามึงเหมือนฝรั่งๆวะ?”

      อ้าว ไอ้ควายนี่ “ก็กูเป็นลูกครึ่ง”

      “ครึ่งอะไร ครึ่งหญิงครึ่งชาย?” แววตาที่มันแกล้งล้อผมเล่นแวววาว เป็นประกาย

      ผมค้อนขวัก “ครึ่งไทย อเมริกัน” ผมไม่ได้ด่ามันตามหลังดั่งปกติ เพราะยังระแวงอยู่ไม่ใช่น้อย

      “โห พ่อหรือแม่มึงล่ะที่เป็นไอ้กัน”

      หน้าผมแดงเล็กน้อย เลยตอบมันไปสั้นๆเท่านั้นว่า “พ่อ”

      แล้วมันก็จ้อต่อไปครับ ตอนแรกรำคาญเล็กน้อย ทว่าจะไม่ตอบคำถามมันก็ไม่กล้าเพราะกระไรอยู่...แต่ข้อใหญ่ใจความคือกลัวฟังครูพูดเวลาเรียนไม่รู้เรื่อง แต่ที่ไหนได้ มันกลับตั้งใจเรียนมากครับ แล้วครูที่เข้าช้ามากๆๆๆคนนี้ก็โคตรน่าเบื่อ พูดอะไรเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหมด จะทำเอาผมหลับเสียให้ได้ แต่ไอ้คนข้างๆผมนี่ซิครับ จดเอาๆจนได้กระดาษเป็นหน้าๆ ถึงตอนนี้แล้วผมชักอยากจะชวนมันคุยเสียเอง กลัวหลับ แล้วโดนหักคะแนน(แป๋ววว)

      พอใกล้จะจบคาบ มันก็แอบมากระซิบชวนคุยต่อครับ “เฮ้ย มึงมีแฟนยังอ่ะ”

      “ไม่มี ไมอ่ะ” ผมตอบเรียบๆ ไม่ได้คิดอะไร

      “โรงเรียนนี้น่าเสียดายว่ะ ไม่มีหญิงเลย แต่ก่อนตอนกูอยู่โรงเรียนเก่า...ผู้หญิงชอบกูตรึม กูเป็นถึงนักบาสระดับจังหวัดเชียวนะเฟ้ย!”

      ผมพยักหน้าฟังมันพูดไปเก็บของไป พลางหยิบเอาสมุดหนังสือออกมาจากใต้โต๊ะเพราะคาบเรียนต่อไปต้องเดินไปเรียนที่ตึกวิทย์ฯ มันก็ยังตามผมมาครับ จนกระทั่ง...

      “โอย!...”

      ผมร้องเสียหลง ขณะที่กำลังก้มใส่รองเท้าอยู่หน้าห้องดีๆนั้น ใครบางคนมันก็ดันวิ่งมาชนผม ไม่ใช่เบาๆเลยนะครับ ผมงี้ล้มลงไปทั้งตัว หนังสือหนังหากระจัดกระจายเกลื่อนกล่าน ผมปัดตัวเร็วๆพร้อมกับที่เงยหน้าขึ้นไปเพื่อจะด่าไอ้เวรนั่น แต่ว่า...

      สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าแทบทำให้หัวใจของผมหยุดเต้น พูดไม่ออก กลืนน้ำลายไม่ได้ หัวใจมันเต้นแรงเร็วบวกกับความแห้งในลำคอราวกับใส่กรวดคั่วร้อนๆลงไป ผม...ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผมไม่อยากเชื่อใจตัวเอง!

      “ขอโทษนะครับน้อง พี่กำลังรีบ”

      เด็กนักเรียน...ม.6คนนั้นเริ่มวิ่งออกไปตามทางเดินอีกครั้ง แต่แค่เสี้ยววินาทีที่ผมสัมผัสสายตากับเขา และขณะที่เขาเอ่ยคำขอโทษเพียงประโยค ภาพความทรงจำต่างๆภายใจจิตใจผมมันก็ระเบิดออกมาครับ ผมจดจำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเค้าโครงใบหน้าอันคุ้นเคยนั่น...ทำให้นึก ทำให้นึกถึงทันที...

      ทำไม? ทำไมคนๆนั้นถึงได้หน้าเหมือนกัน...ขนาดนี้?!

      เหมือนมีน้ำอุ่นใสไหลมาเอ่อคลอตรงหน่วยตา ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากร้องไห้เพราะเรื่องเดิมๆอีกต่อไปแล้ว ไม่อยาก...

      “เฮ้ยเชี่ยแม่ง! ชนคนประสาไรว่ะ ไม่ดูตาม้าตาเรือ” ไอ้ชิพครับที่เป็นคนรีบเข้ามาช่วยพยุงผมเป็นคนแรก หลังจากที่มันตะโกนด่า ‘เขาคนนั้น’ จนพอใจไปอีกหลายชุดด้วยวาจาเผ็ดร้อน...ผมรีบปาดน้ำตา มันเห็นก็ชะงัก อึ้งดิครับงานนี้

      “เฮ้ยไอ้ฝรั่ง มึงโดนชนล้มแค่นี้ร้องไห้เลยหรือไงว่ะ ปอดแหกเปล่าว่ะเนี่ย?”

      ตาแดงๆทำยังไงมันก็ปกปิดไม่ได้ ผมเลยได้แต่ตอแหลมันไปตามระเบียบ “เปล่า แค่ผงเข้าตาเท่านั้นเอง”

      มันยังคงจับต้นแขนผมไว้ มองด้วยสายตาเป็นห่วง...มันส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะเอ่ยให้ผมได้ยินคนเดียวว่า “อะไรกันว่ะ เรื่องแค่นี้อย่าร้องไห้ดิ เราเกิดมาเป็นผู้ชาย ชาตินี้อย่าเสียน้ำตานะโว้ย”

      มัน...มันพูดออกมาราวกับว่าตั้งแต่เกิดมามันยังไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับสิ่งใด...

      ผมพยักหน้า ไอ้ชิพมันก็โอบคอผมพร้อมกับเดินไปเรียนที่ตึกวิทย์ฯด้วยกัน แต่ทำยังไงผมก็ลืมหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ลง มันทำให้ผมเซื่องซึม ทำอะไรไม่ถูกไปทั้งวัน...

      ผมเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร คงเพราะเรื่องเก่าๆ ที่กัดกินหัวใจของผมอยู่กระมัง ที่ทำให้ผมอยากตายตามเขาไป ตาย...ตามพี่ที่แสนดีของผมคนนั้นไป!


      (โปรดติดตามตอนต่อไป)

:a13:q

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 29-12-2007 17:54:07
ขอโทดด้วยนะครับ เลือกรูปไอคอนผิด แหะๆ....

รบกวนถามผู้รู้ด้วยและกันนะครับว่าตอนต่อไปควรเอามาลงเป็นreply ของtopicนี้ดี หรือ ขึ้นtopicใหม่ได้เลย เพิ่งเข้ามาครั้งเเรก ยังไม่รู้มารยาทของบอร์ดนี้ดีอ่ะครับ ยังไงช่วยกรุณาเเนะนำน้องใหม่อย่างผมด้วย ขอบพระคุณรุนช่องไว้ล่วงหน้าและนะคร้าบ :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 29-12-2007 18:18:23
จั๊วหัวมาก้อน่าจะหนุก อยู่นะคับ ยังงัยก้ออย่าลืมมาต่อนะคับ ติดตามด้วยคน
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 29-12-2007 18:30:09
ลงต่อๆ กันไปเรื่อยๆ ครับ เรื่องเดียวให้อยู่ในกระทู้เดียวเลยครับ อย่าไปตัง้ใหม่ เดี๋ยวจะพาลตามอ่านยากครับ เพราะว่ามันจะโดนดันตกลงไปเรื่อยๆ


เรื่องนี้เยี่ยมครับ ฝีมือใช้ได้เลย


ปล. โกรธเกลียด ครับไม่ใช่ เกียจ

แล้วก็ เลือดกบปาก นะครับ ไม่ใช่กลบ


ที่เหลือก็ม่ายมีอะไรแล้ว ที่พิมพ์ตกหล่นก็ไม่ค่อยมี แสดงว่าตั้งใจดีเยี่ยมเลย (ขนาดข้าพเจ้าทวนแล้วทวนอีก ยังมีพิมพ์ตกเลยง่ะ)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: yakumaji ที่ 29-12-2007 19:31:59
  :m1: เขียนดีจังเลยค่ะ สำนวนใช้ได้เลย อัพต่อเร็วนะ รออ่านอยู่จ้า :oni2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: satan666 ที่ 29-12-2007 20:06:27
แค่เริ่มเรื่องก็ทิ้งปมปริศนาให้สงสัยกันซะแล้ว

ดำเนินเรื่องได้ดีค่ะ น่าติดตามดี

เป็นกำลังใจให้นะคะ  :m1:

ปล. replyต่อไปเลยค่ะ ไม่ต้องขึ้นtopicใหม่
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 30-12-2007 21:15:09
 :oni2:  เรื่องนี้หนุกดี ภาษาใช้ได้เลย ชายล้วนและลูกครึ่ง  :m1:









ปล.1  ต่อกระทู้นี้เลยจะได้ต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน พอมาอัพเดทก็ค่อยมาแก้ชื่อตรงหัวข้อทีหลัง
ปล.2 ได้เจาะไข่ ALeX ด้วย รอดมาได้ไงเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ^^sky^^ ที่ 30-12-2007 21:38:29
เข้ามาให้กำลังใจคับ  รออ่านต่อนะค๊าบ
 :mc3:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiiCaLorz ที่ 30-12-2007 21:45:04

มาเป็นกำลังใจให้ค๊าฟฟ เด๋วมาอ่าน อาบน้ำก่อง  :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-12-2007 21:54:10
มาให้กำลังใจจ้า รออ่านต่อนะ  :m4: :m4:



ปล. ช่วงนี้ไม่ได้เจาะไข่เลยอะ โดนแย่งหมด  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก(นิยายน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: cargo ที่ 30-12-2007 22:57:24

                   มาให้กำลังใจค๊าบ   เป็นกำลังใจให้นะคับ    :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: บทที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 31-12-2007 00:15:07
วันนี้เอามาลงให้น้อยหน่อยล่ะกันนะคร้าบ เผอิญเพิ่งกลับมาจากการไปสังสรรค์กับครอบครัวมา ง่วงมากมายเลย ยังไงผมก็ขอขอบพระคุณแรงใจจากท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ ขอบคุณมาก แล้วจะเอามาลงให้อ่านเรื่อยๆนะครับ ขอบคุณครับ  :pig4: :m1:



บทที่ 3

      
        เดือนถัดมา เป็นการเริ่มเดือนที่สองหลังจากเปิดภาคเรียน เป็นต้นอาทิตย์ที่ทุกๆอย่างเริ่มลงตัว กิจกรรมเริ่มมีอิทธิพลควบคู่ไปกับการร่ำเรียน ความจริงแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กนักเรียนภายในโรงเรียนแห่งนี้เลยก็ว่าได้

      จิตใจของผม...มันซังกะตายอย่างไรไม่รู้ หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้น เพื่อนๆก็คอยเฝ้าถามเป็นห่วงเป็นใย โดยเฉพาะเพื่อนใหม่อย่างไอ้ชิพนี่แหละครับ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนผมตลอดเวลา

      มันชอบถามผมว่าเป็นอะไรไป นานวันเข้าก็เปลี่ยนจากถามเฉยๆ มาเป็นซัก ข่มขู่ และต่างๆนานาตามความดิบเถื่อนในสมองมัน แต่ผมก็ตอบได้คำเดียวแหละครับ ว่าไม่ได้เป็นอะไร ทั้งๆที่ผมอยากเจอหน้าพี่คนนั้นอีก เพราะมันเหมือนความจริงที่ตอกย้ำในจิตใจผม เป็นเพียงฝัน... สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ...

       ทุกๆวันหลังเลิกเรียน มันก็จะอยู่รอทำการบ้านกับผมครับ ความจริงแล้วเด็กส่วนใหญ่จะออกไปเตะบอลกันในช่วงที่มีเวลาว่าง(และดูเหมือนว่าพวกมันจะทำกันเช่นนี้ทุกครั้งที่ว่าง) แต่ชิพบอกว่ามันไม่ชอบเตะบอล กีฬาที่มันชอบมีอย่างเดียวคือวิ่งแข่ง กับเล่นบาส

      ผมปฏิเสธไม่ให้มันรอหลายครั้ง เกรงใจที่บ้านมันเพราะผมเป็นคนกลับบ้านเย็นทุกวัน แต่ไอ้ชิพไม่ยอมครับ มันบอกเองว่าจะกลับบ้านกับผม ประหยัดเงิน(ของมัน)ดี  ซึ่งไม่รู้ว่าสวรรค์เล่นตลกอะไรให้บ้านมันดันมาอยู่ในซอยถัดจากบ้านผมไปแค่สามซอย ความจริงแล้วผมไม่คอยชอบเปิดเผยที่อยู่ให้ใครรู้ยกเว้นสนิทกันจริงๆ แต่กรณีไอ้ชิพ...แม้จะรู้จักกันแค่ไม่กี่อาทิตย์ มันรู้หมดว่าผมอยู่บ้านไหน อยู่กับใคร เข้าออกบ้านเวลาใด...ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าผมยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง...555+ กับไอ้เพื่อนดิบเถื่อนที่ชื่อชิพคนนี้

      ฉะนั้นการกลับบ้านพร้อมกันของพวกเราทุกครั้งทำให้ผมกับไอ้ชิพสนิทกันมากขึ้น ผมเคยถามมันว่าเอ็งอยู่บ้านกับใคร มันก็ตอบว่าอยู่กับย่ากันแค่สองคน มันทำเสียงเศร้าๆจนผมไม่กล้าถามต่อ อีกทั้งไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันด้วย เลยได้รู้แค่นั้น

      ส่วนวันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าครับ เมื่อคืนมันนอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ยังไงชอบกล แถมวันนี้เป็นวันที่พี่ม.6จะรับขวัญน้องม.4กันด้วย สงสัยวันนี้ผมต้องเหนื่อยตายจากการถูกรุ่นพี่ทรมานแหงแก๋ (*O*”)

      นั่งมองต้นไม้ริมหน้าต่างอยู่ ไอ้ชิพก็โผล่มาราวกับรู้ใจ

      “ไงแดน”

      มันเดินมานั่งข้างๆผม แปลกแฮะ ทำไมวันนี้มันดูโทรมๆ

      “เมื่อคืนไปทำอะไรมาล่ะ” ผมยังคงเท้าคาง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

      “ฮื้อ? อยากรู้จริงๆเหรอกูทำอะไร?”

      มันใช้สายตาหวานหยาดเยิ้มมองผม แปลกชะมัด...ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หน้าอกก็ไม่รู้ ใจเต้นเร็วขึ้นมานิดส์นึง แถมตัวยังร้อนๆขึ้นมาด้วย

      “มะ...ไม่อยากรู้” ผมละล้ำละลัก บ้าที่สุด! กูล่ะเบื่อชะมัดเวลาหน้าแดงแล้วทำอะไรไม่ถูกเนี่ย เฮ้อ...

      “เมื่อคืนดูหนังดึกไปหน่อย ขอนอนหน่อย เอ้า ขยับตัวมานี่ดิ”

      พูดไม่พูดเปล่า มันเขยิบตัวมานั่งเบียดสีข้างกับผม แล้วก็นอนซบไหล่ผมไปเลยครับ ผมก็ ‘อ้าวเฮ้ย!’ เอ็งมาสร้างภาพให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดกันหมดแบบนี้ ได้ไงเนี่ย!?(ดีนะที่ยังเช้าอยู่...)

      ระหว่างที่มันหลับ(จริงๆ) มันกรนเบาๆ แสดงว่ามันคงง่วงมาก ผมมองลงไปยังซีกหน้าที่สงบนิ่ง แพขนตาของมันปิดสนิท สังเกตดูดีๆแล้วมันหน้าตาดีกว่าที่ผมประเมินไว้เมื่อวูบแรกที่เห็นอีกแฮะ

      มือของผมค่อยๆยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เอาขึ้นมา...ขึ้นมาวางไว้บนกลุ่มผมสั้นๆซึ่งนิ่มพอดู ลูบเบาๆ ผมคิดว่าตั้งแต่เปิดเทอมมานี่จิตใจของตัวเองไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรที่คาดไม่ถึง และ...

      “เฮ้ย หยุดเล่นหัวกู”

      ไอ้ชิพผงกหัวขึ้นมาค้อน แววตามันแดงๆเคืองๆ แต่แล้วมันก็จ้องหน้าผมครับ จ้องแบบเราไม่กระพริบตากันเลย แล้วริมฝีปากแดงๆของมันก็ขยับพูด

      “จะบอกได้ยังว่าหลายวันมานี่มึงมีเรื่องอะไร?”

      “ไม่มีอะไร” ผมรีบตอบทันครัว เบือนหน้าหนีทันที

      “เดี๋ยว มีอะไรเล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” มันคว้าข้อมือผม เจ็บแฮะ...ไอ้ควาย ‘ไมแรงมึงถึงเยอะยั่งกับหมีควายแบบนี้ว่ะ

      “กูไม่บอก” เอาว่ะ ตอนนี้ผมเริ่มที่จะกล้าเถียงกับมันแล้ว แต่มันทำหน้าดุ หน้าไอ้ชิพเข้มจัด น่ากลัวมากๆคับ...

      “ไม่บอก กูจา...”

      เย้ย! มันจะต่อยผมเหรอเนี่ย? โอมายกอดด์! คนยิ่งไม่มีอยู่ด้วย เอาแล้วไง...เล่นกับใครไม่เล่น ดั๊นไปเล่นกับไอ้ชิพจอมเถื่อน ซวยแน่กู หน้าบวมตั้งแต่เช้าทุกคนต้องรุมหัวเราะเยาะผมแน่ๆ!!!

      บังเอิญไอ้บิวที่เป็นหัวหน้าห้องมันเข้ามาพอดี ไอ้ชิพเลยรีบปล่อยมือ นั่งตาแป๋วผิดกับเมื่อครู่ในบัลดล

      “อ้าวเฮ้ยแดน เมื่อคืนมึงดูบอลป่าววะ เนี่ยกู...” มันวางของแล้วรีบเข้ามาคุย ผมเห็นไอ้ชิพค่อยๆทรุดตัวหลับไปตามเดิม ส่วนผมเหรอครับ...เศร้าดิคับท่าน ผมคิดถึงแต่...พี่ม.6คนนั้น...ใจมันลอยไปอยู่กับเขาหมดทั้งเนื้อทั้งตัว อยากรู้จังว่าเขาเป็นใคร อยากรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับพี่วุต?!...



      “ประกาศ...ขอให้นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่4ทุกคน รวมตัวกันที่สนามกีฬาบนตึก...เวลา16.00 น.”

      เสียงอาจารย์ที่ประกาศดังไปทั่วโรงเรียนระหว่างการเรียนการสอน เฮ้อออ~~~ หลังเลิกเรียนวันนี้ซินะที่พวกรุ่นพี่ม.6จะเล่นอะไรแผลงๆรับน้องม.4 การรับขวัญของโรงเรียนเรานี้เป็นประเพณี จะว่าไปกิจกรรมทุกอย่างของโรงเรียนนี้ถือเป็นประเพณีทั้งหมดนั่นแหละ...

      ไอ้ชิพมันโดดครับ มันบอกว่ามันเพิ่งเข้าม.4โรงเรียนนี้ ไม่ได้มีเลือดเป็นสีประจำโรงเรียน ฉะนั้นมันบอกว่าจะรีบกลับไปเล่นบาสกับเพื่อนข้างบ้านดีกว่า...ไอ้เลวนี่ไม่รู้จักรักสถาบันเอาเสียเลยจริงม่ะคับ?

      “อ้าว! น้องเร็วๆครับ วิ่งๆๆๆ”

      ไอ้พวกพี่ๆใจโหดที่คอยยืนต้อนน้องอยู่นั้นส่งเสียงเร่งให้ทุกคนวิ่ง รีบขึ้นไปเตรียมแถวรับฟังคำปราศรัย(เว่อร์ไปเปล่า) และแล้วครับ...และแล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นพี่คนนั้น คราวนี้ผมพยายามตั้งสติไม่ให้ใจเต้นแรงเกินไป…

       พี่ม.6คนนั้น...คนที่ทำให้ผมว้าวุ่นใจตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน...

      ตอนที่นั่งรอเด็กห้องอื่นอยู่ผมก็จ้องพี่เขาไปครับ ถึงแม้จะไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด แต่ก็ละม้ายคล้ายคลึงไม่ใช่น้อย คือพี่คนนี้เขาจะผิวคล้ำน้อยๆ ออกจะเข้มเหมือนคนตากแดดจัดไปเลย แต่ไม่ดูสกปรกนะครับ และจากที่ผมแอบจับตามองเขาจากระยะไกลนั้น ได้ข้อมูลมาว่าเวลาเขายิ้มแล้วจะมีลักยิ้มด้วย(เขาหันไปคุยกับเพื่อน) นี่แหละที่ไม่เหมือนพี่วุตของผมเสียทีเดียว

      ไม่รู้ว่าผมจ้องเขานานเกินไปหรือเปล่า จนเขารู้สึกตัวมั้งเลยเดินเข้ามาหา แต่ตอนนั้นใจผมมันยังไม่กลับเข้าร่างเลยนี่หว่า...แค่ใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาทีล่ะก้าวๆ...พูดไม่ออก จนเมื่อเขานั่งยองๆลงตรงหน้าพลางถามพร้อมรอยยิ้มว่า

      “มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง?”

      น้ำเสียงนุ่มๆทุ้มๆนั่นดังเข้าโสตประสาท ผมกลับตอบเขาไปแค่คำเดียว...

      “พี่วุต...”

      

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: satan666 ที่ 31-12-2007 03:02:01
ค้างนะเนี่ยยย

อยากรู้ว่าพี่คนนี้เป็นอะไรกับคนชื่อวุตรึป่าว


น่าติดตามๆ :m4:

 :mc2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: yakumaji ที่ 31-12-2007 10:05:44
 :m1: สนุกจัง ๆ งุงิ >///< ต่อไว ๆ นะ :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 31-12-2007 18:43:03
พี่วุต แล้ว งัย อะ มาต่อด่วนๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 31-12-2007 19:07:42
ตามมาอ่านแล้วจ้า  :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: มาต่อไวไวน้า    :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-01-2008 09:17:32
ในวาระขึ้นปีใหม่  2008 นี้ ALeX ขอให้ทุกคนในบอร์ดนี้และทุกๆคนในโลกนี้มีแต่ความสุข ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งเเรง คิดอะไรก็สมพรปรารถนาไปหมดนะคับ ที่สำคัญ ช่วยอย่าทำให้โลกร้อนด้วยล่ะ ขอบคุงกับ :m13: :m1:

HAPPY NEW YEAR!!!
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 01-01-2008 10:12:03
สุขสันต์วันปีใหม่คร้าบบบบ

 :mc3:  :mc2:  :pig3:

แล้วพี่วุตนี่ครายยยยยย

ยังงาย

อะไรรร

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 01-01-2008 17:18:51
- -  ค้างงง เลยอ่ะตัวเอง

สวัสดีปีใหม่เช่นกันจ่ะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: Marunaki ที่ 01-01-2008 19:59:39
มาต่อเร็วๆนะครับ & HNY สวัสดีปีใหม่ครับ :mc2:

ปล.พี่วุตใครอ่ะ ลืมๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 01-01-2008 22:12:28
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 02-01-2008 22:05:42
วันนี้กะจะเอามาลงให้สองตอน เผื่อไม่จุใจกันนะครับ  :m4:

ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มีให้กันเสมอมา  :m15:
 
ALeX


บทที่ 4



      ถึงตอนนี้คุณคงอยากรู้แล้วซินะครับว่าผมหมายถึงใคร ใครคือพี่วุตของผม? เอาล่ะ ผมจะเล่าเรื่องราวย้อนหลังให้ฟัง มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ6ปีก่อน เหตุการณ์ที่แสนเศร้าครั้งนั้น...



      เมื่อหกปีก่อน...ตอนผมอายุเพียงสิบขวบ พี่วุตคือลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับผมมากๆจนเราแทบกลายเป็นพี่น้องกันจริงๆ เป็นคู่หูกัน อาจจะโดยเพราะว่าผมเป็นลูกคนเดียว แถมพี่เขาคุยสนุกมากๆ ชอบมาแนะให้ผมเล่นแผลงๆอยู่เสมอ เวลาผมมีเรื่องอะไรก็ปรึกษาพี่เขา พี่เขาก็จะเป็นห่วงเรา คอยดูแลเราอยู่ตลอดเวลา

      พี่วุตเป็นคนขี้เล่น ผมไม่เคยเห็นพี่เขาเอาจริงเอาจังกับอะไรสักครั้ง แม้แต่เรื่องการเรียนของเขาเอง แม้กระทั่งพ่อและแม่ ซึ่งก็คือน้าสาวของผมเตือนเขาจนแทบพูดกันไม่รู้เรื่อง พี่วุตก็ไม่เคยปฏิบัติตามใครสักที

      ‘ช่างเหอะ พี่อยากทำอะไรก็เรื่องของพี่ จะไปฟังผู้ใหญ่ทำไม’


      ตอนนั้นพี่วุตอายุประมานเท่าผมในตอนนี้ อยู่โรงเรียนชื่อดังแถวๆบางรักเพราะพ่อแม่เขารวย มีปัญญาจ่ายเงินค่าเทอมได้ทีเป็นแสนๆ แต่เหตุเกิดเรื่องราวทุกอย่างไม่ใช่ในกรุงเทพฯ วันนั้นเรากลับไปเยี่ยมคุณยายที่จันทบุรีกัน เดินทางไปสองครอบครัวคืออาดล น้าทัย พี่วุต และแม่ผม แม่อร แล้วก็ตัวผมเอง

      พอไปถึงบ้านไร่ของคุณยาย ผมบ่นอยากเล่นน้ำคลอง พี่วุตก็อยากเล่น  แม้ว่ายายจะทักว่าเหนื่อยๆเพิ่งมาถึง อย่าเล่นเลย ผมก็แอบทำท่าทีไม่พอใจ

      ‘เอาน่ายาย วุตพามันไปเล่นเอง ไม่เป็นไรหรอก’

      พี่วุตพาผมเล่นน้ำคลองตรงสวนหลังบ้าน พวกเราถอดเสื้อผ้ากองไว้ตรงนั้นแล้วโดดตูมลงคลอง ผมจำได้ว่ามันสนุกมาก บรรยากาศเงียบๆที่มีแต่เสียงหัวเราะของผมกับพี่วุตเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในอากาศ…

      สักพัก ในขณะที่ผมกำลังเล่นน้ำอยู่อย่างสนุกสนาน ผมรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก ตรงช่วงตัวเหมือนมันชาๆแถมยังขยับไม่ได้อีก...ตะคิวพลันลามจับไปทั่วทั้งตัวผม และสำหรับคนที่เคยเป็นนะครับ จะทราบดีว่ามันเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน

      ผมร้อง ‘โอย...พี่วุต เหน็บกินตัวแดน’

      พี่วุตค่อยๆว่ายเข้ามา มานั่งคิดๆดูตอนนี้นะ...ผมไม่น่าให้พี่เขาว่ายเข้ามาเลย ความจริงแล้วคลองที่เล่นอยู่ก็ไม่กว้างมาก เพียงแต่มันลึกพอสมควร และกว่าจะว่ายเข้าฝั่งก็ต้องจ้วงหลายแขนอยู่เหมือนกัน พี่วุตเองก็ว่ายน้ำไม่แข็งพอขนาดช่วยคนอื่นได้ พอพี่เขาเข้ามา ผมก็ล็อคซิครับ มันเป็นสันชาติญาณ ตอนนั้นเท่าที่รู้คือไม่ไหวแล้ว ปวดไปทั้งตัว...พี่วุตช่วยพาแดนไปส่งฝั่งที ทว่า...

      ทว่าพี่วุตทำไม่สำเร็จ ส่วนผมที่หมดสติไประหว่างชุลมุนกลางน้ำรอดตายปาฏิหาริย์ รู้สึกตัวอีกทีก็ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางผู้ใหญ่ที่นั่งเฝ้ารอเราอยู่ ร้องไห้กันหมดทุกคน โดยเฉพาะน้าทัย ที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำบวมเป่ง ผมถามว่าพี่วุตอยู่ไหน?...

      คำตอบ...ทำให้ผมร้องไห้ไปหลายวัน ซึมไปหลายเดือน ทำไมรู้ไหมครับ? พี่วุตเขาเสียสละดันผมเข้ามาใกล้ฝั่งก่อน ส่วนตัวเขา...ผู้ใหญ่มาเจอผมที่ฝั่งอีกทีก็ต้องลงไปงมหาพี่เขากันแล้ว จบ...แบบที่ทุกอย่างสายจนเกินไป...

      มันคงไม่แปลกหรอกครับที่เด็กสองคนจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในยามคับขัน แต่การที่ทั้งคู่อ่อนประสบการณ์ พี่เขาเลยต้องจากผมไป...เพราะผม ผมเป็นตัวการทำให้พี่วุตต้องจากไปอย่างน่าเสียดาย มันยากที่จะยอบรับความจริงทั้งหมด แต่สิ่งเดียวที่ผมเชื่อ นั่นก็คือผมนี่เองที่เป็นตัวการทำให้พี่วุตจมน้ำตาย แทนที่จะเป็นผม...

      พี่เขาคงไม่ไหวเหมือนกัน เลยว่ายไม่ถึงฝั่ง...

      พี่เขาคงอึดอัดทรมานมากที่หายใจไม่ออก ข้างล่างนั่น พี่เขาคงกลัวมาก แต่เพื่อน้อง เพื่อผม เพื่อชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง...พี่วุตยอมสละให้ผมได้ ทั้งที่ไม่เคยยอมอะไรมาก่อน...

      พี่วุตเป็นฮีโร่ในดวงใจของผมตลอดกาล และ...ตลอดไป  

      

      “ไม่ใช่พี่วุตครับ นี่พี่มาร์ค”

      กลับมาที่พี่ม.6สุดเข้มกำลังจ้องหน้าผมอยู่(โห นอกเรื่องซะนาน) ผมสะดุ้งเหมือนจะรู้สึกตัว ก็มันไม่เคยอยู่ใกล้คนที่ทำให้ใจเต้นแรงมากขนาดนี่มาก่อนนี่หว่า>///< แต่นี้ตาจ้องตา หายใจแทบได้กลิ่นกัน(เว่อร์ๆๆๆ) ผมเลยกระเถิบห่าง พี่เขาตีสีหน้างงๆ

      “น้องเป็นอะไรหรือเปล่า? ไหวมั้ย?”

      พี่เขาเกาหัว ลักษณะที่เขากระทำยิ่งทำให้ผมใจละลายลงไปอีก o(>_<)o ฮาๆ ขอบอกว่าพี่เขาน่ารักมาก ไอ้หน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขา มันช่าง...มันช่างทำให้ผมนึกถึงพี่วุต และกระชากใจผมอย่างแรง! (เอิร์กซ์*)

      “เฮ้ย...ไอ้ดอม น้องคนนี้เขาฟังภาษาไทยออกเปล่าว่ะ”

      เขาหันไปถามเพื่อนอีกคน แต่ก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจผิดกันไปทั้งหมด ผมก็รีบตะกุกตะกักเปล่งเสียงออกไปว่า

      “อะ...อะ เอ่อ พี่ครับ! ผม...ผมหิวน้ำ!”

      เอาว่ะ มีอะไรให้พูดอยู่ในสมองก็พูดแหลนำหน้าออกไปก่อนเลยแล้วกัน -“- พี่เขาก็รีบหันมาตามเดิม สีหน้างงๆยังไม่จางหาย ทว่าคราวนี้มีแววตาปลอบโยนอยู่บ้าง

      “ไม่ได้ครับน้อง รอให้กิจกรรมเสร็จก่อนนะ เดี๋ยวพี่แจกไอติม”

      เขายิ้ม...แล้วก็ลุกจากไป วินาทีนั้นผมอยากดึงมือเขาไว้ รั้งเขาไว้ให้อยู่พูดกับผมก่อน อย่าเพิ่งเดินหนีจากผมไปไหนซิ -v- ปากก็อยากคุยกับเขา อยากถามชื่อเสียงเรียงนามของเขาว่าชื่ออะไร แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ได้ทำเลยครับ(แป๋ววว o_O”~~~) เพราะคงเขิลล์ ทั้งอายทั้งเขิลล์เลยครับ แบบว่า คนมันมียางอายมากไปหน่อยอ่ะครับ >0<

       ระหว่างกิจกรรม โอ๊ยไม่อยากจะพูด สายตาของผมจับจ้องอยู่แต่ที่ร่างสูงๆของพี่วุตกลับชาติมาเกิด จนเมื่อห้าโมงเกือบๆหกโมงเย็นนู่นล่ะเขาถึงปล่อยน้องกลับบ้าน(หลังจากทรมานมันจนสาแก่ใจ TT^TT ) ผมก็แอบเดินโซเซไปประกบพี่เขา อยากเลียบๆเคียงๆถามเขาครับว่าพี่อยู่ห้องไหน ชื่ออะไร อยากรู้จักอ่ะคับ(โห เนียนมากน่ะนั่น เหอะๆ)
      
       “เฮ้อ โคตรเหนื่อยเลยว่ะ” ผมได้ยินพี่เขาบ่นเสียงดังกับเพื่อนๆม.6ซึ่งยืนออกันอยู่ทั้งหมด

      “เอ่อว่ะ แมร่งเด็กบางคน กวนตีนกูฉิบหาย”

      “ช่างมันเหอะ เด็กคือเด็ก มันก็น้องล่ะว้า” โห พ่อพระ~~~คุณสุภาพบุรุษ >0<

      เพื่อนอีกคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทัก “ไอ้มาร์คๆ พรุ่งนี้มึงจะไปสมัครชมรมอนุรักษ์หรือเปล่า กูจาได้นัดๆกันไป”
      
       “ไปๆ ลงชื่อให้กูด้วยเลย”

      “แล้วชมนุมวิทย์กับพวกไอ้เสกล่ะ มึงเอาไหม”

      “อันนั้นคิดดูก่อน กูอาจไม่มีเวลาทำได้เต็มที่ แต่เรื่องเที่ยวนี่บ่ยั้นอยู่แล้ว”

      “แล้ว...”

      เหอะๆ ผมยืนฟังอยู่ตรงนั้น รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษของเขา ฟังจากน้ำเสียงแล้วต้องเป็นคนใจเย็น มีความเป็นมิตรสูง แล้วก็น่าเชื่อถือมากในหมู่เด็กรุ่นเดียวกันเพราะเห็นทุกคนต้องเข้ามาถามความคิดเห็นเขา ผมแอบนึกในใจว่าพี่ชายคนนี้หลบไปอยู่ที่ไหนตั้งนาน ผมอยู่โรงเรียนนี้มาตั้งสี่ปี ถึงได้ไม่เคยเห็นหน้าพี่เขาเลยสักครั้งเดียว (-.-)

      แต่อย่างว่า โรงเรียนมันกว้างใหญ่ ใครจะไปนั่งจำหน้าเด็กทุกคน

      แต่ผมแอบได้ยินนะ ว่าพี่เขาชื่อ ‘มาร์ค’

      ด้วยความปลาบปลื้มโดยส่วนตัว ผมเลยไม่ถือสาอะไรกับชื่อฝรั้งฝรั่ง(ตัวผมเองลูกครึ่งนะครับ ยังชื่อแค่แดน) แถมพี่เขาดูแล้วโคตรมาดแมน โคตรไอดอล เพอร์เฟคแมนมาเอง...ทำไงดีหนอผมถึงจะได้รู้จักเขา แล้วทำไงหนอให้พี่เขารู้จักผมให้ได้
      
       ผมอยากรู้จักเขา ผมก็ต้องพยายามตีสนิทเขาล่ะ!

      ผมอยากเป็นน้องสนิทของพี่มาร์ค ไม่รู้เว้ย...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ผมต้องรู้จักพี่เขาให้ได้ คอยดู!

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 3 มาแล้ว!!! (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 02-01-2008 22:11:18

บทที่ 5



      แผนการตีสนิทพี่มาร์ค จึงเริ่มต้นขึ้น...

      ด้วยความมุ่งมั่นของผมที่จะต้องทำความรู้จักกับพี่มาร์คให้ได้ ผมเลยกลับไปนอนก่ายหน้าผาก คิดหาวิธีการทั้งคืน ตื่นเช้ามาโรงเรียนยังแอบละเมอฝันอยู่นิดๆเลย แฮะๆ -_-“

      ไอ้ชิพมันเห็นผมนั่งสัปหงก เลยเขย่าตัวปลุก (เชรี่ยชิพแรงควายเอ้ย \(-_-*)

      “เมื่อคืนนอนดึกนี่มึงดูหนังโป๊มาอ่ะดี๊”

      ไอ้ง่า =_=*~พูดซะเสียงดัง มึงไม่ได้มีเรื่องหนักใจเหมือนกูนี่ แหม วันนี้งี้มึงตาใสเชีย สดชื่นเหมือนเพิ่งตื่นนอนเลยนะมึง

        ผมล่ะเกลียดหน้าตาทะเล้นกวนส้นตีนของมันจริงๆ...

      อันนั้นแค่คิดในใจ วาจาที่เปล่งออกมาเลยแสนสุภาพราบเรียบ “อย่าพูดเสียงดังแบบนั้นดิ อายเขา”

      “ไหน ใครไหน? มึงอายใคร อายไอ้พงศ์เหรอไง” ไอ้พงศ์คือเพื่อนเจี๋ยมเจี๊ยมที่นั่งอยู่ข้างหลังผมน่ะเอง

      “เออๆ ช่างเหอะ กูเบลอบ้างสักวันแล้วเป็นไร ทีเมื่อวานมึงยังมานอนซบ...”

      ผมไม่พูดต่อ พอๆ หยุดหน้าแดงได้แล้ว...ไม่รู้นึกถึงหน้าเข้มๆแนวเอเชียน(ปนโหดเหี้ยม)ของไอ้ชิพขึ้นมาเมื่อไร มันต้องได้รู้สึก ‘วูบ’ ในหัวอกทุกทีซิ...

       หน้ามันชวนให้ ‘คิด’ แบบนั้นอยู่เรื่อย...(แบบเลวๆ)

      “โหยไอ้กระแดะ ลูกคุณหนูตะแคงตีนเดินจังว่ะมึงอ่ะ”

      อ้าว? อยู่ๆมึงด่ากูเรื่องไรฟ่ะ? o _ O ”

      “ก๊อเปล่า...เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย เท่านั้นแหละ”

      ผมตอแหล แต่คนอย่างผมมันน่าเชื่อถือในสายตาของใครๆแม้กะกระทั่งไอ้ชิพเอง (คนมันเส้นหญ่าย~~~) คือถึงแม้ผมจะเป็นเด็ก(แอบ)ซนนิดๆ แต่เรื่องการเรียนนี่ไม่เคยหลุดครับ

      คาบแต่ละคาบผ่านไปอย่างน่าเบื่อ จนพักกลางวันเข้าแล้วอาการของผมก็ไม่ดีขึ้น ยังคงเหม่อลอย...ทว่าตอนคาบบ่ายระหว่างที่กำลังเรียนอยู่นั้น พี่เจ้าของชุมนุมทั้งหลายเขาก็ขออนุญาตเข้ามาชวนน้องเข้าชุมนุม ผมเห็นแล้วแหละว่าใครยืนอยู่ข้างนอก พี่มาร์คไงครับ พี่มาร์คคนเมื่อวานนั่นไง!

       หัวใจของผมดันเต้นตุบตับขึ้นมา สูบฉีดเลือดไปแล้วทั่วทั้งใบหน้า

      พอพี่เขาก้าวเข้ามา โลกของผมมันพลันสดใสขึ้นทันตาจากที่โคตรมืดมัว ผมใจลอยฟังคนหัวหน้าพูดอธิบายไม่รู้เรื่องหรอก แต่จับใจความได้อย่างเดียวว่าชุมนุมอนุรักษ์ฯมีพี่มาร์คเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วย

      ฟังอยู่เพลินๆ ไอ้ชิพดันสะเออะกระซิบใส่หูจนผมสะดุ้ง

      “มึงเป็นไรมากมั้ยเนี่ย? กูสะกิดแล้วไม่ยอมตอบ”

      “เอ่อ...ก็กูกำลังดูพี่เขา...” อุ๊บส์! หลุดปากไปแล้วครับ ผมกะจะเปิดปากแก้ตัวออกไปทว่าไอ้ชิพมันไวกว่า รีบถามขึ้นมาจนผมกลัวแทนว่าพี่มาร์คจะได้ยิน

      “พี่คนตัวสูงๆดำๆนั่นอ่ะเหรอ ‘ไม มึงมองเขาทำไม ชอบเขาหรือไง?”

      ไอ้เชี่ยยยย!!! ผมมองค้อนมันครับ คราวนี้แบบโกรธจริงๆ ส่งสายตาประมาณว่าให้หุบปากเสียทีไอ้สัต(ว์)...แต่ไม่ทันแล้วครับ พี่มาร์คเขาหันมาทางเราสองคน ยิ้มกว้าง...ยิ้มน่ารักมากเลยครับ ว๊าววว~~~o(>.<)o***

      “น้องมีอะไรสงสัยหรือเปล่าครับ?”

      น้ำเสียงทุ้มใหญ่นั้นสุภาพอ่อนโยนมากๆ ผมหน้าแดงแจ๋...ไม่รู้จะตอบเขาไปยังไง แต่ไอ้ชิพเด็กเวรเพื่อนของผมนี่ซิครับ มันดันทำหน้ากวนตรีนใส่เขา ผมกลัวพี่เขารุมต่อยมันทีหลังหรอก ไม่ใช่เพราะกลัวภาพพจน์ตัวเองเสียหายหรอกนะ  \(-_-*)

      “แล้วต้องไปสมัครยังไงอ่ะเพ่?” ไอ้ชิพมันเหล่มาทางผมอย่างเซ็งๆ

      “หลังเลิกเรียนน้องพบกันที่หน้าห้องชมรมพี่ครับ เดี๋ยวพี่จะจัดการเอง”

      เฮ้อ...จะขอบคุณมันดี หรือว่าเลิกคบเป็นเพื่อนมันดี…



      และแล้วครับ เย็นวันนั้นเราสองคน(คือผมกับไอ้ชิพ)ก็เดินไปตามคำบอกที่พี่มาร์คแจ้งไว้ พอถึงหน้าห้องชุมนุมก็มีคนบ้างประปรายครับ ไม่เยอะมากแล้วก็ไม่น้อยจนเกินไป ผมเห็นเด็กนักเรียนทั้งที่เป็นรุ่นน้อง รุ่นพี่ และพวกม.เดียวกัน กำลังแออัดกันอยู่ตรงโต๊ะรับสมัคร

      “ถึงที่แล้ว มึงรีบเข้าไปสมัครไป”

      อ้าว? แล้วมันจะมากับผมทำไมเนี่ย ตอนแรกก็นึกว่ามันจะมาสมัครเป็นเพื่อนด้วยกันนี่นา

      “แล้วมึงอ่ะชิพ”

      “ไม่เอาอ่ะ กู...ไม่ชอบหน้าใครบางคน”

      ตอนนั้นผมก็เกาหัวครับ 555+ ไม่รู้ว่ามันหมั่นไส้ใคร แปลกดีที่มันทำกระฟัดกระเฟียด ซึ่งอีกนานต่อมาผมถึงได้รู้ความจริง...

      พี่มาร์คกำลังนั่งรอรับสมัครอยู่ที่โต๊ะ ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้คนที่ผ่านไปมาทุกคน เชรี่ยเอ๊ยยยย...นัยน์ตาคู่นั้นแมร่งหวานชะมัด >.<  ผมแทบละลายเลยครับตอนที่เดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ใจเต้นแรงอยู่นิดหน่อย(อ่านะ)

      “อ้าวน้อง น้องคนที่ถามพี่เมื่อตอนไปชวน?” พี่เขาเงยหน้ามายิ้มให้ ไม่บอกก็คงรู้นะครับว่าหน้าผมแดงขนาดไหน รู้สึกร้อนวูบๆวาบๆด้วย

      “คะ...ครับ ผมมาสมัครเข้าชุมนุม รบกวนด้วยครับ”

      พี่เขากุลีกุจอเอาใบสมัครมาให้กรอก แล้วหันไปตะโกนเรียกน้องคนอื่น แล้วก็หันมามองผมครับ จ้อง จ้องเอาๆ (งงๆเหมือนกันล่ะฟ่ะ) ผมก็หน้าแดงอ่ะดิ คนมันเขิลล์นะเฟ้ย! (+_+’)

      “พี่รู้ว่าน้องต้องมา” นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย เสมือนจะหยุดร่างกายและจิตใจของผมไว้...”พี่ชื่อมาร์คครับ น้องชื่อ?”

      “แดนครับ”

      “น้องเป็นลูกครึ่งหรือพี่แค่คิดไปเองกันแน่” พี่มาร์คยิ่งเอาหน้าเข้ามาใกล้ใหญ่

      “พะ...พ่อผมเป็นฝรั่งครับ”

      “เหรอ น้องดูน่ารักมากเลยนะ” พี่เขาหัวเราะเบาๆ อ๊ากกก!!!...อายแทบคลั่ง

      “แล้วนี่น้องอยู่ห้องไหนนะครับ?” พี่เขาเหลือบมองไปที่กระดาษสมัครชุมนุม ผมเลยไม่ต้องตอบ “โทษทีที่พี่จำไม่ได้ อืม อยู่ห้องนี้แสดงว่าเรียนเก่งนี่เรา แล้วอย่างนี้จะไปเที่ยวกับชุมนุมได้เหร้อ?”

      “ไม่...ไม่เป็นไรนะครับพี่ ผมไปทำกิจกรรมกับชุมนุมได้สบาย” โพล่งออกไปรัวเร็ว

      “เฮ้ยยย พี่ล้อเราเล่นหรอกนา พี่ก็พอเข้าใจ แต่ก่อนพี่ก็เด็กเรียนเหมือนกัน” เขายิ้มล้อๆ ลักยิ้มปรากฏขึ้นเหนือมุมปากทั้งสองข้าง...ผมจะพอใจมากถ้าพี่เขาจะมานั่งเป็นแบบยิ้มให้ผมดูทุกวัน (ไม่ค่อยโลภมากเลยเนอะ เอิกร์ๆ *-*)

      เสร็จแล้วผมขอตัวกลับบ้านก่อนโดยไม่รอเข้าร่วมประชุมกับทางชุมนุม ผมเกรงใจไอ้ชิพมัน นับนาทีมันยิ่งเริ่มหน้าบึ้งขึ้นทุกทีๆ แต่พี่มาร์คบอกว่าไม่เป็นไร กลับก่อนได้เพราะอีกอาทิตย์จะมีประชุมใหญ่ซึ่งรวมสมาชิกทุกคน คนมีเส้นก็งี้ง่ะคับ (เชิ้บๆ) พี่มาร์คเขาคงเห็นใจ ผมอุตสาห์ดั้นด้นมาสมัครชุมนุมเขาแล้วนี่...หารู้ไหมมันเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวของผมล้วนๆเลย >.o

      

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 02-01-2008 23:20:54
 :m29: ดูท่าทางชิพจะหึงแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_uk ที่ 02-01-2008 23:31:00
สนุกครับบ ขอบคุณมากมายยย

รอตอนต่อไปครับบบบ  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 03-01-2008 00:21:20
เอาล่ะสิ

เราจะเชียร์ใครเป็นพระเอกดีเนี่ย   :m29:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: Marunaki ที่ 03-01-2008 15:38:22
ยังไงก็เชียร์พี่มาร์ค อิอิ :m1:

ปล.โพสบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-01-2008 16:25:35
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-01-2008 16:31:54
โอ่วๆๆๆ สามโอ่ว
มันจริงๆเล้ย

ชิพก็น่ารัก มาร์คก็ดันเป็นคนที่เหมือนรักแรก
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
น้องพลับขอสอง
 :m25:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 03-01-2008 17:30:37
ตามอ่านทันแล้ว เย้ๆ  :m4:

ชิพกับมาร์ค   อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน  :m13:
แต่ชอบชิพมากกว่าอะ  อ่านถึงตรงนี้นะ

รออ่านต่อจ้า  สนุกดีเรื่องนี้  o13
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-01-2008 21:30:12
เชียร์ชิพค๊าบ    :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 06-01-2008 11:38:18
เชียร์ชิพค๊าบ    :mc4: :mc4: :mc4:

เห็นด้วยอย่างแรง
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 06-01-2008 13:12:03
แล้วชิพจะเอายังงไงอะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-01-2008 21:00:14
อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายนะครับที่จะมาลงแบบ double post และก็ต้องออกตัวด้วยว่าจะมาลงช้าลงหน่อยนิดส์หนึ่ง~~~ ขอบคุณทุกๆกำลังใจด้วยนะครับ>.< :m13:


บทที่ 6



      การเล่าเรียนของพวกเราดำเนินไปได้ด้วยดี มีลำบากบ้าง สบายบ้าง มีทุกข์ก็ต้องมีสุขใช่ไหมครับ ฉะนั้นการตั้งใจเรียนของผมอย่างน้อยมันก็ไม่สูญเปล่า ผมตั้งใจเรียนทุกคาบทุกวิชา และพอตอนสอบทุกครั้งก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เรื่องแบบนั้นผมสบายใจอยู่แล้วครับ

      ผม กับไอ้ชิพ เด็กใหม่ที่ย้ายมาจากโรงเรียนอื่นสนิทกันมากขึ้นจนอาจจะเรียกได้ว่าเพื่อนสนิท ผมกับมันติดกันเป็นปาท่องโก๋ และความสนิทสนมของเราก็ทำให้เรารู้จักกันมากยิ่งขึ้น จนผมรู้เรื่องส่วนตัวของมันบางเรื่อง อย่างเช่นที่ว่ามันอาศัยอยู่กับย่าแค่สองคน(พร้อมคฤหาสห์อีกหนึ่งหลังใหญ่) ความจริงไม่ได้เป็นเพราะพ่อแม่มันเสียหรืออย่างไรครับ แต่เพราะแม่มันไปมีพ่อใหม่ พ่อมันเลยกินยาตาย ผมเข้าใจในทันทีเลยนะว่าทำไมไอ้ชิพมันถึงมีนิสัยก้าวร้าวหยาบคาย ชอบข่มขู่คนอื่นอยู่เสมอ(โดยเฉพาะกับผม T-T^^^)

      ทว่าความจริงแล้วไอ้ชิพมันเป็นเพื่อนที่ดีใช้ได้เลยครับ ซื่อสัตย์ เราพึ่งพามันได้ แล้วก็...เป็นคนอ่อนโยนเอามากๆเลยด้วย (แงะ(-_-“)) ผมไม่อยากจะใช้คำว่า ‘จิตใจเปราะบาง’ อธิบายตัวไอ้ชิพมันเลย มันเมตตากับเด็กเล็กกว่าผมอีกครับ อย่างเนี้ย...ผมว่าน่าจะจับประกวดนางสาวไทยให้รู้แล้วรู้รอด

      อย่างน้อยโชคดีอย่างหนึ่งของมันก็คือพ่อมันทิ้งสมบัติไว้ให้มากมายมหาศาล มันรับไปเต็มๆคนเดียว(เพราะพ่อมันทำพินัยกรรมไว้อย่างนั้น) แต่คนเรามันไม่ได้ดีพร้อมเสมอไป กรณีตัวอย่างเช่นไอ้ชิพที่ผมจะกล่าว มันเกิดมาเพียบพร้อมบนกองเงินกองทอง แต่หาความสุขไม่มี พ่อตาย แม่มีผัวใหม่ ก็เหมือนผม...ผมเลยรู้สึกสงสารมัน เราหัวอกเดียวกัน ปรึกษาอะไรกันก็พอจะเข้าใจกันและกันง่ายหน่อย

      กลับมาที่เรื่องการเรียน เฮ้อ...ผมแอบกลุ้มใจเล็กๆว่าการเรียนของผมอาจจะถูกแซงหน้า ไอ้ชิพไงครับ! มันเรียนเก่งโคตรพ่ออย่างที่บอก ความจริงผมไม่ซีเรียสเรื่องการแข่งขันทางการเรียนอยู่แล้ว แต่แค่แอบใจหาย...ที่ตำแหน่งของเราอาจจะตกไปเป็นของเด็กใหม่ เพื่อนสนิทผมเอง หุหุ

      แปลก ที่ไอ้ชิพผู้ซึ่งทำตัวเยี่ยง(คล้ายเลยแหละ) อันธพาล กิริยาเสเพลชอบคบเพื่อนชั่วไปวันๆ (พวกในห้องที่เหลือที่เลวกว่ามันนิดหน่อย) แต่ทำไม๊ทำไมมันถึงเรียนเก่ง อาจจะเป็นเพราะผมเคี้ยวเข็ญมันล่ะมั้ง...เปล่าหรอกครับ คนเก็บกดอย่างไอ้ชิพบ้าคลั่งชอบพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อย...

      วันนี้พี่มาร์คเดินมาเรียกผมไปเข้าชุมนุมตอนเย็นด้วยตัวเองเลยครับ ผมยิ้มแย้มทักทายเขาตามเดิม ออกจะหวาน...แบบคนสนิทสนมกันมากขึ้นด้วยซ้ำ

      ผมสนิทกับพี่เขามากขึ้นจริงๆนั่นแหละ ก็แหม เข้าชุมนุมเขาไปตั้งนานแล้ว จะไม่ให้ความพยายามของผมคืบหน้าไปบ้างก็จะกระไรอยู่ชิม๊า พี่เขาใจดีมากเป็นสุภาพบุรุษมากด้วย ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่บางครั้งพี่เขาก็ฮาแตกได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นอะไรที่ผมปลื้มมาก ยกเว้น...

      อย่างที่ทุกคนรู้ว่าพี่เขาหล่อ(มาก) ถึงขนาดขั้นเป็นไอดอล สาวๆจากโรงเรียนใกล้เคียงชอบมาตามกรี๊ดเพื่อเขาเวลาลงแข่งฟุตบอลกับโรงเรียนอื่น (ลืมบอกไปว่าพี่เขาเป็นนักกีฬาสำรองของโรงเรียนด้วย หุ่นบึกขนาดนั้น) เท่านั้นยังไม่พอ...กระทั่งเพื่อนของเขาเอง...หรือว่ารุ่นน้องบางคน (อย่างผม...) ก็แอบปลื้มพี่เขามากเหมือนกัน แต่พี่เขาไม่เคยสนใจ แม้จะเป็นดาวเป็นเดือนมาจากไหน พี่เขายังพูดนิ่มๆปฏิเสธไปจนบางคนถึงกับร้องไห้โฮกลับโรงเรียนไปเลยก็มี

      จนหลายคนหาว่าเขาเล่นตัวเป็นที่หนึ่ง แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งยวด เวลาพี่เขาบอกว่าชอบอะไร อยากทำอะไร ต้องทำอะไร พี่มาร์คจะเป็นคนที่พูดอย่างนั้นทำอย่างนั้น เวลาเขาไม่ชอบอะไรหรือมีความรู้สึกอย่างไรกับสิ่งๆนั้น พี่เขาก็จะแสดงออกมาจากความรู้สึกตรงๆ ไม่อ้อมค้อม แต่กลับสุภาพอย่างน่าประหลาด ผมเคยถามว่าทำไมถึงยังไม่มีแฟน...เขาก็ตอบตรงๆว่า

      ‘ไม่มีแฟนแล้วแปลกตรงไหนครับ? พี่ชอบใครพี่ก็จะชอบ พี่อยากคบใครก็จะคบเอง ในเมื่อมันยังไม่ถึงเวลา พี่ก็จะไม่คบกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น...’

      ดูเหมือนสีหน้าพี่มาร์คตอนนั้นออกจะเป็นแนวตั้งสัตย์ปฏิญาณเสียด้วย แหม ถ้าพี่เขามุ่งมั่นขนาดนี้ ใครจะไปกล้าขัดเขาล่ะครับ จริงม่ะ?

      

      ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนผมแอบแว๊บไอ้ชิพไปเข้าประชุมตามกำหนดการ สงสัยคงจะแจ้งรายละเอียดเรื่องการไปเข้าค่ายช่วงปิดเทอม เพราะนี่ก็ใกล้สอบปลายภาคเข้ามาทุกทีแล้ว พวกแกนนำกลุ่มกิจกรรมก็เริ่มวางแผนเอาไว้บ้าง ผมเหรอครับ? อดใจไม่ไหวแล้วที่จะได้ไปเข้าค่ายกับพี่มาร์ค เหอะๆๆ>///<

      พี่เส่ยประธานชุมนุมเริ่มพูดๆพล่ามๆ อย่างงู้นอย่างงี้ พี่มาร์คเค้าก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆผมครับ(คงเป็นเพราะพี่เขาสนิทกับผมมากที่สุดล่ะมั้ง อ้าว ก็ผมเจาะแจ๊ะกับพี่เขามากที่สุดเลยนี่นา) นั่งเบียดชิดกันมากเพราะพื้นที่ห้องชุมนุมมันแคบ คนก็เยอะ พี่เขานั่งติดกับผมจนผมสัมผัสได้ถึงไอร้อนอ่ะครับ กลิ่นเหงื่อหอมจางๆของพี่เขาด้วย...ฮูยส์...สวรรค์ (บ้า ลามก!)

      “ตัวเหม็นป่ะ วันนี้พี่แข่งบอลมา” พี่เขาหันมาคุยยิ้มๆ บอกเหมือนจะขอโทษ ผมส่ายหน้า...ไม่เป็นไรครับ ผมดมกลิ่นพี่ได้ กลิ่นอะไรของพี่ผมก็ชอบดม หอมทั้งนั้นแหละครับสำหรับผม 555+…

      สังเกตเห็นว่าพี่เขาหน้าแดงเล็กน้อย คนทยอยเข้ามาเพิ่มอีกแล้ว เรายิ่งเบียดกันมากขึ้นไปอีก บางคนเริ่มลุกออกไปยืนด้านนอก

      “สรุปเราก็ไปค่ายใช่ไหม? ไปเถอะนะ ไปกับพี่...”

      เราสองคนจ้องตากัน พี่เขายิ้มบางๆ วินาทีนั้นผมเหมือนหลงเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของพี่มาร์ค...อุณหภูมิภายในห้องชุมนุมแคบๆดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้น ความร้อนระอุลามเลียขึ้นสู่ผิวแก้มทำให้หน้าผมแดงก่ำ เหงื่อหลายหยดไล่ลงตามลำคอ เลื่อนลงไปสู่แผ่นอกสีเข้มของพี่มาร์คที่ผมเห็นได้ผ่านทางปกเสื้อซึ่งแบะออกเล็กน้อย ใจผมตะเหลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน!!!

      พี่เขาคงรู้สึกได้ว่าผมจ้องมองผิวอันมันลื่นเป็นคราบของเขา เลยค้อมหัวน้อยๆแถมยังน่าแดง น่ารักน่าชังอีกตะหาก (อิอิ) ^_^

      “พี่ขอโทษนะ ร้อนจังเลย ไอ้เส่ยพูดมากจังเว้ย”

       พวกเรานั่งฟังไปฟังมา คุยบ้างสลับกัน แต่บอกตรงๆว่าผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก มัวแต่ใจลอยตะเพิดไปกับความสุขที่มีพี่มาร์คนั่งเนื้อแนบเนื้ออยู่ข้างๆ...อูยส์ เขิลล์จังง่ะ >.<




หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 4+5 !!! เอาให้จุใจ (Double post)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-01-2008 21:02:56

บทที่ 7



      เฮ้ออออ...ปิดเทอมเสียที หลังจากสอบปลายภาคมหาหิน เด็กนักเรียนทุกคนอยากใช้เวลาว่างส่วนตัวกันเต็มแก่แล้ว โดยเฉพาะผม ที่ตั้งหน้าตั้งตารอค่ายอนุรักษ์ ณ จังหวัดชลบุรี อำเภอสัตหีบอย่างบ้าคลั่ง ส่วนไอ้ชิพนั่นมันซึมๆเงียบๆไปครับช่วงนี้ ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน ได้แต่ดูห่างๆ ความจริงแล้วไม่มีเวลาไปสนใจมันมากเหมือนก่อนอ่ะครับ แฮะๆ

      ไอ้อ๋อง ไอ้โย่ง ไอ้บิว และเพื่อนคนอื่นๆตะเวนเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาชื่อดังหลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ พวกนี้มันบ้าเรียนครับ แพ้ใครไม่ได้ แต่ละคนไม่ใช่โง่แบบควายนะครับ แต่โคตรอัจฉริยะ ไม่รู้พวกมันจะไปเรียนอยู่ทำไม ในเมื่อสมองพวกมันระดับเทพกว่าครูโรงเรียนกวดวิชาอีก???

      วันเดินทาง ชุมนุมนัดรวมตัวกันที่โรงเรียนแต่เช้า ผมตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับทั้งคืน พอมาถึงโรงเรียนเลยเพลียๆเล็กน้อย ข้าวปลายังไม่ได้กิน รีบถีบตูดตัวเองออกมาจากบ้านซะก่อน

      “อ้าวแดน กินอะไรมาหรือยัง?”

      โอพระเจ้า...พี่มาร์คผู้แสนดีครับ พี่มาร์คผู้เปรียบประดุจดั่งเทพบุตรของผม>O< เขายืนค้ำหัวอยู่พลางยื่นกล่องขนมปังมาให้ น้ำตาผมเหมือนจะร้องไห้ครับ ท้องผมที่ร้องๆอยู่ดูเหมือนจะพากันเปลี่ยนเป็นส่งเสียงสรรเสริญพี่เขาแทน โอ้...ลำแสงโฮลี่ (เว่อร์ๆ...)

      “ขอบคุณครับ” ผมส่งแววตาซาบซึ้งขอบพระคุณ...ในใจเฝ้าตั้งคำถามว่าพี่เขารู้ ‘ใจ’ ผมได้ยังไงว่าผมกำลังหิว เอ หรือว่ามันคือ...

      ‘บุพเพ’ ?…‘วาสนา’ ?...

      ผมรับมาแล้วรีบกระซวก เหอะๆ หารู้ไม่ครับ ภายใต้กิริยาตะกละมูมมามของผมนั้นถูกจับตามองด้วยสายตาลึกซึ้งของพี่มาร์ค...พี่ที่แสนดี

      พี่มาร์คยิ้ม “กินเยอะๆนะ จะได้มีแรง สรุปว่าเรายังไม่ได้กินอะไรมาเลยล่ะซิ”

      “ยังครับ” ผมยิ้มตายี๋ สาบานว่าเหมือนพี่เขาจะกระตุกไปนิด แต่แล้วก็ยิ้มต่อ รีบเดินออกไปสมทบกับเพื่อนเขาอ่ะคับ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร คุยกันอยู่ดีๆแท้ๆ

      รวมตัวกันครบก็ปากันเข้าไปแปดโมงกว่าเฉกเช่นปกติ(นัดหกโมงครึ่ง= =”) ผมก็ระโรยเต็มแก่แล้วง่ะ อยากขึ้นไปหลับสักตื่น เผื่อลงรถไปถึงสัตหีบจะได้มีแรงไปสันทนาการกับใครอื่นเขาบ้าง ขึ้นรถก็มีการแจกอาหารกันอีกรอบ เด็กทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนาน พี่ๆที่คุมแต่ละคันรถเริ่มจับไมค์ร้องเพลงบ้าง ชวนน้องๆคุยบ้าง หนึ่งในนั้นก็มีพี่มาร์คอยู่ด้วย (ในรถคันที่ผมนั่ง) แต่ที่น่าเสียดายคือพี่เขานั่งหน้าๆ มัวยุ่งอยู่กับกิจกรรมแล้วก็คุมน้องๆม.ต้น(เห็นม่ะ บอกแล้วว่าพี่เขารักเด็ก) ผมที่แอบหวังไว้เล็กน้อยเลยอดไปตามระเบียบครับ...(อย่าคิดลึกนะ)

      รถแอร์มันเย็นน่าหลับจัง...โอย...ไม่มีอารมณ์ร่วมกิจกรรมกับใครหน้าไหนแล้วแฮะ เราที่นั่งตามลำพังคนเดียวก็สบายโก๋ดิ หลังจากเช็คชื่อเสร็จผมก็สะลึมสะลือเลยคับ คนอื่นเขาจับจองที่นั่งเป็นคู่แต่ผมไม่ได้มากับคนรู้จักเลย อย่างมากสุดก็คนรู้จักแบบแค่ทักกันผิวเผินแล้วมันก็ไปนั่งกับเพื่อนสนิทมันแล้ว ผมเลยกะนอนยาว...ยาวจนไปถึงที่นั่นเลย...



      ผมรู้สึกสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากฝันกลางวันแสนหวานบนรถทัวร์สองชั้น ผมหลับไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้? รู้แต่เพียงว่ารถกำลังโยกเหยกเพราะความขรุขระกันดานของพื้นถนน และเมฆมืดครึ้มพร้อมกับเม็ดฝนซึ่งโปรยปรายลงมาทันที แต่เอ๊ะ?! ทำไมผมถึงรู้สึกอุ่นๆ นิ่มๆนุ่มๆ...เลยค่อยๆเปิดเปลือกตาหนาหนักขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ...

      ผมรีบผงะตัวออก ตายอ่า...พี่มาร์คเองเหรอเนี่ย!?

      ไม่รู้ว่าผมบ้ารู้ตัวเร็วไปเองหรือเปล่า ทว่าฝ่ามือกว้างใหญ่แสนอบอุ่นของพี่มาร์คซึ่งกุมมือน้อยๆของผมอยู่นั้นกระชับขึ้น ราวกับว่าจะให้ผมซบลงไปที่เดิมนั่นคือซอกอกของเขา พี่มาร์คมานั่งหลับข้างๆผมตั้งกะเมื่อไหร่กันนะ...นี่ผมหลับไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย!!!???

      หัวใจของผมพลันเต้นรัวแรงขึ้นจนกลัวว่าเสียงมันจะดังเป็นกลองรัว แล้วทำให้ภาพพี่มาร์คซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่ตรงหน้าจางหายไป...ขนตางอนยาวเป็นแพของพี่มาร์คปิดสนิท จมูกโด่งๆตรงเป็นสันก็อยู่ใกล้ใบหน้าของผมเหลือเกินจนแทบสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน...ริมฝีปากแดงอวบอิ่มนั้นเอนเข้ามาใกล้...ตายละหว่า? เป็นเพราะ...เป็นเพราะพี่เขาจงใจ หรือว่ารถมันโยกไปเองกันแน่

      ศีรษะของพี่มาร์คเคลื่อนตัวมาประทับที่ไหล่ผมช้าๆ ผมไม่ทันขัดขืนและพูดไม่ออก...เลยต้องจำยอมให้พี่มาร์คทั้งนอนซบกุมมือ และตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นโอบกอดน้อยๆแล้วด้วย

      โอย...ใจมันเต้นรัวเสียจะหลุดกระเด็นออกมาจากอก ตัวพี่มาร์คทั้งอุ่นทั้งหอมเหลือเกิน ผมพยายามเบือนหน้าหนีไปยังภาพชายทะเลกว้างๆ เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้ามีเมฆมืดครึ้ม ฝนตกโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย…

      ผมต้องการนึกถึงอะไรบางอย่างเพื่อมาข่มใจเป็นการด่วน คิดว่าจะผละตัวออกมาดีไหมน้า?...ถ้าพี่เขาตื่นขึ้นมาแล้วเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนจัดฉากเรื่องทั้งหมดนี่ขึ้นมาล่ะ ความสนิทสนมของเราที่ผมเฝ้าดูแลถะนุถนอมมานานนับเดือนจะได้พินาศลงภายในพริบตา?

      ผมแอบเหลือบมองหน้าพี่เขาอีกครั้ง ตาสองชั้นหวานๆกำลังปิดสนิทอยู่ ผมทนไม่ไหว...เลยเอนไปซบเขาอีกที เราหายใจอยู่ใกล้ๆกัน เป็นความใกล้ชิดที่ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อน หรือว่านี่จะเป็นความฝัน? เพราะมันหอมหวานเกินไป...ขอจงอย่าให้ฝันนี้จบลงเลย…ได้โปรด

   

      รถบัสของเราเคลื่อนเข้าสู่ที่จอดรถของค่ายที่จะมาทำกิจกรรมอนุรักษ์ป่า อ้อ ลืมบอกไปครับว่าค่ายอนุรักษ์นี้กึ่งๆค่ายอาสา ไม่ได้ออกค่ายเป็นเดือนแต่ก็อยู่เกือบๆอาทิตย์นึ่งแหนะ

      พี่มาร์ค(กลับมาที่เรื่องพี่มาร์ค) เขาตื่นแบบงัวเงียๆครับ ไอ้กระผมที่ลุ้นอยู่ว่าพี่เขาจะทำสีหน้ายังไงงี้ไม่กล้าสบตาเลย สักพักพอคนเริ่มทยอยกันลงพี่เขาก็ยังไม่ลงครับ แถมยังจับมือผมเอาไว้อยู่ด้วย

      “ลงกันเถอะ” ผมหันไปตามเสียงเรียกครับ โฮย พี่เขายิ้มแบบน่ารักสุดๆมาให้ผม ตางี้หวานเป็นประกายเชียว เหมือนชายหนุ่มเซ็กซี่ๆคนหนึ่งเพิ่งงัวเงียตื่นนอน ในใจผมตอนนั้นแอบคิดลึกๆไปกับพี่เขาบ้างแล้วล่ะ...

      เอ...แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความคิดลึกๆที่ว่านั่นมันคืออะไร พี่เขาเป็นได้เพียงแค่รุ่นพี่ที่ผมชื่นชม...เท่านั้น ไม่ใช่เหรอ?

      ลงจากรถมาเช็คชื่อเข้ากลุ่ม ร่วมกิจกรรม สักพักตอนเย็นๆฝนก็ตกหนักลงมาอีกรอบ ดังนั้นแผนที่พรุ่งนี้พวกเราจะไปเลือกซื้อต้นไม้กันคนละต้น เพื่อมาปลูกป่าในวันถัดๆไปจึงถูกล้มเลิกไปโดยปริยาย

      “แดน ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่พาไปรู้จักเพื่อน”

      พี่มาร์คที่บัดนี้เนื้อตัวเปียกโชกไปด้วยสายฝน โผล่มาทำให้สะดุ้งตกใจเล่นตอนที่กำลังนั่งเหม่อออกไปนอกทะเลO[]O!!...เหอะๆ พี่เขาใส่เสื้อนักเรียนตัวบางๆสีขาวใช่ไหมครับ เวลามันเปียก...มันก็เห็นอะไรต่อมิอะไรหมดซิคับ…

      ผมเผลอเงยหน้ามองไปที่แผงอกสีเข้มของพี่เขาแวบนึ่ง ก่อนจะลุกเดินตามพี่เขาไปอย่างว่าง่าย ในใจรู้สึกเจ็บแปล๊บยังไงไม่รู้ ช่างมันๆ...ถึงที่โต๊ะของพวกพี่เลี้ยงนั่งอยู่ ทุกคนเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัวเปียกๆกันหมดแล้ว เหลือแต่พี่มาร์คนี่แหละครับที่ยังคงห่วงชาวบ้าน เดินถามสารทุกข์สุกดิบของน้องรวมถึงตัวผมด้วย(อูยส์...พ่อพระ)

      เพื่อนๆพี่มาร์คชวนคุยไปเรื่อยตามประสา หลังจากนั้นเจ้าตัวเขาก็เข้ามาสมทบ ผมอดไม่ได้ที่จะทักหลังจากเห็นผมพี่เขาลีบลู่เพราะเปียกน้ำอยู่นานแล้ว

      “พี่มาร์คระวังไม่สบายนะครับ” ผมยิ้มจนตายี๋ (ปกติตาผมมันก็ไม่ค่อยเปิดอยู่แล้ว ชอบหรี่ๆหนีแสงแบบลูกครึ่งทำนองนั้นอ่ะ-_-*)

      “ฮื้อ เราดูตัวเองเถอะ อย่าให้เปียกฝนล่ะ เดี๋ยวป่วย ทำกิจกรรมไม่สนุก”

      “แต่พี่มาร์คตากฝน แล้วนี่ก็เริ่มเย็นแล้ว หนาวด้วย”             

      ดวงตาสองชั้นออกแนวคมๆปนหวานของพี่มาร์คหันมามองจ้องที่ใบหน้าของผม ก่อนจะยิ้ม...แล้วหันไปตะโกนโหวกเหวกกับเพื่อนเขาอีกคำสองคำ ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนหนานุ่มก็อยู่ในมือพี่เขาแล้ว

      “ห่วงพี่มาก งั้น...เช็ดให้หน่อยแล้วกัน”

      ตอนแรกผมอึ้งครับ อึ้งแบบพูดอะไรไม่ออกเลยอ่ะ เดาไม่ออกเลยว่าพี่เขาแกล้งพูดเล่น หรือว่า...อยากให้ผมเช็ดหัวให้พี่เขาจริงๆ

      ผมรับผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมา ลงมือเช็ดเบาๆที่เส้นผมของเด็กผู้ชายรุ่นพี่ซึ่งอยู่ม.6 ผมของพี่เขาเริ่มยาวแล้วและก็นุ่มมากด้วย(ม.6พวกครูเค้าจะไม่ค่อยเข้มงวดอ่ะ ชิ! ลำเอียงชะมัด) ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดไปคุยไป พี่เขายิ้มแถมยังหัวเราะแบบเป็นกันเองมาก ไม่เข้ากับท่าทางแสนสุภาพออกจะไฮโซหน่อยๆเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ...

      เอ๊ะ!...ความรู้สึกนี้มัน...

      แปลก...

      ตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนแล้ว...ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใคร...ใครสักคนเฝ้ามองมาจากทางด้านหลัง เหมือน...เหมือนว่ามันแอบมองอยู่ตลอดเวลายังไงยังงั้น...

      ขนบริเวณด้านหลังต้นคอลุกซู่ ผมชะงักมือไป จนพี่มาร์คถาม

      “เป็นไรเปล่าแดน? มาๆ แดนไปกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเองครับ”

      ผมก็คับๆตอบกลับไป กวาดสายตามองไปทั่วลานกว้างใต้ต้นไผ่ภายในบริเวณค่าย ทุกโต๊ะ...ไม่มีคนที่ผมคุ้นหน้าอยู่เลยนี่นา แต่ทำไมหนอ...ท่ามกลางฝูงเด็กนักเรียน ผมเหมือนเห็นใบหน้าใครบางคน ลอยนวลแอบแฝงอยู่ในนั้น...


                    โปรดติดตามตอนต่อไป :m12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 6+7 !!! (Double post) สองตอนใหม่ล่าสุด!!!
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-01-2008 21:11:42
ฤาชิพจะแอบตามมา   :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 6+7 !!! (Double post) สองตอนใหม่ล่าสุด!!!
เริ่มหัวข้อโดย: satan666 ที่ 06-01-2008 21:59:43

นายชิพแน่เลย อิอิ

ทำตัวลึกลับซะ  :m12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 6+7 !!! (Double post) สองตอนใหม่ล่าสุด!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 07-01-2008 00:28:22
ชิพพพพพพพพพพพพพพพ  :a2:  ชิพตามมาคุ้มแดน แน่ๆเลย   :m24:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 6+7 !!! (Double post) สองตอนใหม่ล่าสุด!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 07-01-2008 16:47:55
ใครกันนะที่ตามมา
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 6+7 !!! (Double post) สองตอนใหม่ล่าสุด!!!
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 07-01-2008 23:41:16
สนุกดี จะติดตามต่อไปน่ะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 6+7 !!! (Double post) สองตอนใหม่ล่าสุด!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DekDoy ที่ 09-01-2008 12:52:10
ใครอ่ะ...

:m12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 6+7 !!! (Double post) สองตอนใหม่ล่าสุด!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 09-01-2008 19:09:46
ขอโทดจริงๆที่มาต่อให้ได้แค่นิดเดียว ไว้มีเวลาเเล้วค่อยมาต่อเยอะๆให้นะครับ ขอบคุณครับ



บทที่ 8



      กิจกรรมช่วงเย็นของการเข้าค่ายภายในวันแรกคือการอบรมจากเจ้าหน้าที่ค่าย(ซึ่งเป็นทหาร หลายคนคงรู้แล้วว่าที่ไหน) เขาสอนเราว่าป่าชายเลนเป็นยังไง มีกี่ประเภท เรียกว่าอะไรบ้าง ฯลฯ กว่าจะได้เข้านอนก็ตั้งเกือบห้าทุ่ม เบ็ดเสร็จแล้ววันนี้แค่อบรมความรู้พื้นฐานภาคทฤษฎี ไม่ได้ลงมือปฏิบัติแต่อย่างไร

       ป่าชายเลนมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมมากนะครับ โดยเฉพาะป้องกันคลื่นลมแรงจากทะเล ไม่ให้น้ำท่วม มอบความอุดมสมบรูณ์ให้แก่ชุมชน และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ หากใครได้ไปเที่ยวก็ช่วยกันดูแลด้วย มันจะได้อยู่คู่กับเราไปนานๆ

      กลับมาที่เรื่องผม เต็นท์ที่ได้นอน...ฮุฮุ เชื่อไหมครับว่าผมได้นอนเต็นท์เดียวกันกับพี่มาร์ค ไม่ได้อ้อนวอนขอเขาด้วย! พี่เขาดึงผมมาเอง บอกว่ามีเต็นท์ส่วนตัว นอนคนเดียวก็กระไรอยู่ ส่วนผมจะไปนอนเบียดน้องคนอื่นก็ใช่เรื่อง จับผลัดจับผลู เลยได้มานอนเอกเขนกอยู่กับพี่มาร์คตามลำพัง  อิ_อิ*

      ก่อนเขาจะปิดไฟกัน ผมเดินไปแปรงฝันที่ห้องน้ำ ขาที่มันก้าวเดินอยู่พลันต้องหยุดชะงักลง อีกแล้วครับ! ความรู้สึกแปลกๆนั่นเข้าจู่โจมผมอีกแล้ว ผมเหมือนเห็นใครสักคนแวบตรงมุมห้องน้ำ ภายใต้แสงไฟอันมืดสลัวยากจะมองเห็น แต่ผมรู้ครับ...รู้ว่ามันคลับคล้ายคลับคลาจะเป็น...

      ไอ้ชิพ!!!

      ไม่จริงๆๆ+++ ไอ้ชิพไม่มีทางมาเข้าค่ายอนุรักษ์นี่ได้แน่นอน มันยังไม่ได้เป็นสมาชิกของชุมนุมเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้น...ผมคงตาฝาด มองเห็นคนหน้าเหมือนไปเอง

      ระหว่างแปรงฝัน ผมก็คิดทบทวนวิเคราะห์ไปเรื่อย...ถ้าเป็นคนหน้าเหมือนมันจริงคงแปลกพิลึก ตัวมันก็สูงๆใหญ่ๆเหมือนกัน ยิ่งสีหน้าที่แวบนั้นผมแอบสังเกตเห็น...มันเหมือนไอ้ชิพที่กำลังโมโห? โกรธ แล้วก็หงุดหงิดจัด มันจะทำหน้าตาเย็นชาไร้อารมณ์ แบบที่ผมเห็นทุกครั้งก็ยังขนลุกอยู่ทุกครั้งอ่ะคับ -_-***

      “แดน รีบเข้ามานอนเหอะ ปิดเต็นท์ด้วยนะพี่หนาว”

      ผมก้าวเข้ามาในเต็นท์ พอนอนกันแค่สองคนแล้วมันรู้สึกเหลือพื้นที่ว่างไว้กว้างขวางเหลือเกินจนดูโหวงๆ...ขณะที่เสียงพวกเต็นท์อื่นยังไม่เงียบลง แต่ระหว่างผมกับพี่มาร์คนี่...เงียบสนิท เงียบฉี่(เหอะๆ)...มีไฟฉายที่เปิดไว้กระบอก ส่วนเขานั้นล้มตัวลงนอนแล้ว นอนตะแคงข้างไปทางด้านหน้าเต็นท์

      ใจผมเต้นตึกตักขึ้นเรื่อยๆ...ก๊อคนมานตื่นเต้ลล์อ่ะอ่า~~~>.<

      “แดน หนาวเปล่า?”

      ผมเห็นพี่เขาตัวสั่นนิดๆ

      “พี่มาร์คหนาวเหรอครับ?” พร้อมมองด้วยดวงตาแป๋วแหว๋วแสนใสซื่อ

      “อือ ไม่รู้ว่าพี่หนาวเองไปคนเดียวหรือเปล่า ถึงถามไง”

      ผมบอกว่าไม่หนาว ออกจะร้อนด้วยซ้ำ…โดยเฉพาะแก้มกับหน้าอกนี่ร้อนจะแทบหายใจไม่ออกเลย

      “ถ้าพี่มาร์คหนาว เอาผ้าห่มผมไปก็ได้” อึ๋ย…หลุดปากพูดออกไปแล้ว แทบอยากตบปาก แล้วคืนนี้เราจะนอนห่มอะไรว่ะ ทำไม่คิดก่อนพูดว่ะได้แดนเอ้ยยยย!!!~~~~

      “งั้น…พี่ขอนะ แดนก็มานอนด้วยกันนี่ซิ ห่มด้วยกันไง”

      ผมก็อึ้งๆอ่ะคับ แต่ต้องเก็บอาการ ไม่ให้เห็น เด๋วไก่ตื่นจับพิรุธได้ก่อนพอดี(อ่านะ...ไม่ช่ายๆ) แต่ก็ยอมทรุดตัวลงไปนอนข้างๆเขา กางผ้าห่มคลุมทับร่างของเราทั้งสองคน โดยผมนอนหันหลังให้ ซึ่งตัวร้อนมากอย่างน่ากลัว สักพักที่ผมคิดว่าไอ้พี่มาร์คซึ่งหลับไปแล้ว(เพราะจังหวะการหายใจสม่ำเสมอมาก)อาจจะเป็นไข้ แต่ผมไม่กล้าขยับไปแตะหน้าผากเขา กลัวโดนหาว่าเเต้ะอั๋งง่ะ

      “นอนไม่หลับเหรอเรา?” เสียงนุ่มๆของพี่มาร์คดังขึ้นข้างหลังใบหูผม เสียววาบเลยคับ สงสัยพี่เขาคงรู้ว่าผมนอนดิ้นไปดิ้นมามั้ง ไอ้เราก็เกรงใจกลัวพี่เขาไม่ได้หลับ(แต่มาคิดดูอีกทีมันผ้าห่มกรูนี่หว่า -v-) ตอบแบบอ้อมแอ้มไปทีว่า

      “ครับ สงสัยแปลกที่อ่ะพี่”

      “ชวนพี่คุยเป็นเพื่อนก็ได้นะ” ผมจินตนาการเอาเองว่าพี่มาร์คกำลังนอนตะเเคงมาทางผม หลับตาพริ้มนอนสนทนากับผมอย่างมีฟามสุข โอ้วส์สสสสๆๆ สวรรค์~~~ ^o^

      เงียบ...ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยดี ระหว่างเราสองคนเป็นเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันแค่ในโรงเรียนธรรมดา ไม่ได้ลึกซึ้งแบบรู้เรื่องส่วนตัวกันและกัน ปกติเราพบหน้ากันก็ทักถึงเเค่เรื่องในชุมนุม การเรียน กีฬา ฯลฯ ผมเลยคำพูดท่วมปาก มันอึกๆอักๆจนพี่เขาหัวเราะเบาๆ

      “เฮ้ย คุยกันได้ทุกเรื่อง เอางี้ แดนน่ะมีแฟนหรือยัง?”

      คำถามทำไมมันโดนใจจังว่ะ “ยังฮะ”

      “มีใครที่แอบชอบไว้หรือยัง”

      มีบ้างแล้ว…”ยังอ่ะครับ”

      “พี่ก็มีนะ…แต่ไม่กล้าบอกเขา กลัวโดนปฏิเสธ”

      อุก…น้ำเสียงพี่มาร์คเปลี่ยนไปเป็นเศร้าๆทันที ผมคิดโง่ๆ โธ่ หน้าตาอย่างพี่มาร์คยังโดนปฏิเสธ ใครในโลกนี้มันจะไปมีแฟนกันว่ะ จริงม่ะ -_-“

      หรืออาจจะว่า…ใครกล้าปฏิเสธพี่มาร์คได้ลงคอ ถือว่าโง่มากมาย

      ทว่ามันไม่ใช่เรื่องของผมนี่…ผมไม่จำเป็น ต้อง…ต้องไปรู้สึกสงสารพี่เขาเลยสักหน่อย

      “ถ้าไม่กล้าบอก เเล้วเขาจะรู้เหรอ” ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เลยกล้าหันมาคุยสบตากับเขา เหอะๆ หน้าพี่มาร์คตอนนี้กำลังแดงก่ำใช้ได้เลย

      “นั่นซิ ถ้าพี่ไม่บอก เขาจะรู้ไหมน้า…” จู่ๆพี่มาร์คก็ยกมือขึ้นมาเสยปอยผมของผมเล่น ดวงตาหวานๆมองเลยผ่านไปเหนือหน้าผาก เอ?...ผมรู้สึกว่าใบหน้าพี่เขาเขยิบเข้ามาใกล้ยังไงๆม่ะหรุ…



      …พี่มาร์คเคลิ้มหลับไปแล้ว คงเพราะความเพลีย…ท่ามกลางความเงียบงันและแสงไฟสลัวนั้นทำให้ผมหวนคิดถึงพี่วุต พี่วุตที่หน้าตาคล้ายผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมคนนี้มาก ผมพินิจดูเค้าโครงคุ้นตาอย่างสงบ…ผมสงสัยว่าพี่มาร์คแอบรักใครนะ? ใครคือคนโชคดีคนนั้น แต่ก็นะ…มันไม่ใช่เรื่องของผมเลย ทำไมผมต้องไปรู้สึกทุกข์ร้อนกับมันด้วย?

       แต่ทำไมหัวใจของเราต้องเต้นแรงแปลกๆด้วย...

      พลิกตัวหันตะแคงให้แล้ว เตรียมกำลังจะหลับ แขนยาวกำยำข้างหนึ่งของคนที่นอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันก็วาดมาวางผาดไว้บนตัวผม…พี่มาร์ค พี่มาร์คกอดผมไว้แน่น กระชับอ้อมกอดแทบสัมผัสได้ถึงไออุ่นรวยริน เอ่อ…คืนนี้ผมคงนอนหลับฝันดี อย่างที่ไม่สามารถคิดได้อีกแล้วว่าคืนไหนจะดีเท่า คืนที่มีคนคอยกอดผมเอาไว้ แบบนี้…

       
โปรดติดตามตอนต่อไป


หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 8 มาต่อให้ก่อนแบบสั้นๆ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-01-2008 19:25:59
รอติดตามตอนต่อไป  :a12: :a12: :a12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 8 มาต่อให้ก่อนแบบสั้นๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 10-01-2008 00:25:02
มารอด้วยเลยอะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 8 มาต่อให้ก่อนแบบสั้นๆ
เริ่มหัวข้อโดย: lovely_nomore ที่ 10-01-2008 16:55:42
หวัดดีจ้า เขียนได้ดีนะจ๊ะเนี่ย ลงเร็ว ๆ แล้วกันจะได้อ่านต่อ โชคดีนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 8 มาต่อให้ก่อนแบบสั้นๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 13-01-2008 16:33:58
หายไปนาน ขอโทษด้วยนะครับ วันนี้เอามาลงซะยาว หวังว่าจะโดนใจใครหลายๆคน

ช่วงนี้เงียบมากเลย ไปไหนกันหมด? ยังไงมีเรื่องเล่าสู่กันฟังก็มาคุยกันได้นะครับ ไปกินข้าวก่อนและ  o13

ALex

ปล. ใครมีเรื่องติชม เห็นข้อผิดพลาดอะไรก็แจ้งได้นะครับ ขอบพระคุณมากด้วยที่ช่วยเตือนครับ   :m23:

บทที่ 9


      ตอนเช้าอากาศทั้งภายนอกและภายในเต็นท์หนาวมั่กๆ ผมตื่นขึ้นมายังตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า พี่มาร์คที่นอนกอดผมติดยังคงหลับอุตุไม่รู้เรื่อง แถมพอผมจะขยับลุกออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อยพี่แกยิ่งรั้งผมไว้แน่นเข้าไปอีก และแล้วก็เลยตามเลย…กว่าจะได้ออกไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ผมเลยชวดโอกาสงามๆชมแสงแรกแตะที่ขอบฟ้ากันพอดี (แต่ถ้าแลกกัน ถือว่าคุ้มอ่ะ จริงเป่า o_O*)

      ตอนที่แงะตัวเองออกมาจากอ้อมแขนพี่มาร์คได้ รูดประตูเต็นท์ออกไป สิ่งของหนักๆบางอย่างมันก็พุ่งตรงเข้ามาโดนที่หน้าขาผมครับ เจ็บจนต้องร้องโอย สายตามองไปตามทางที่ไอ้เวนนั่นปาเชรี่ยอะไรมา แต่มันวิ่งหนีไปแล้วครับ ไม่รุใคร แต่เห็นหลังมันเเว๊บๆแล้วคุ้นๆตา…

      เพื่อขจัดความค้างคาใจ เลยตัดสินใจวิ่งตามมันไปอย่างเร็ว ไอ้นั่นมันสับขาไวจริงๆ แต่ในที่สุดผมก็ตามทัน(นักวิ่งทีมชาติมาเอง) โดดเข้าไปตะครุบตัวไอ้คนที่ทำผมอารมณ์เสียแต่เช้า ได้ที่ชายหาดหน้าทางเข้าค่าย

      “เฮ้ย ปล่อยกู!”

      ได้ยินเสียงคุ้นๆหูแล้วก็ถึงบางอ้อว่าใคร ผมพลิกตัวมันขึ้นมาขณะกะลังนั่งคร่อมมันอยู่(บอกแล้วอย่าคิดลึก) ไอ้ชิพเองครับ ไอ้ห่าชิพมันกาลังจ้องมองอาฆาตแค้นผมอยู่ หน้าแมร่งโคตรดุ ตางี้คมกริบยั่งกะใบมีดโกนเลย

      “ไอ้ชิพ!” ผมโพล่งออกไปด้วยความตะลึงงัน

      “เออ กูเอง!” มันพยายามผลักผมให้ลุกออกไปจากตัวมัน แต่กรูไม่ยอมเฟ่ย กรูโมโหเลือดขึ้นหน้าแล้วนี่ฟ่า

      “มึงใช่ไหมที่ตามกูมา มึงใช่ไหมที่แอบดูกูตลอดทั้งวัน แล้วยังเสือกเอาก้อนหินมาปาใส่ขากรูอีก เจ็บนะโว้ย!”

      มือทั้งสองข้างที่คร่อมลงไปเหนือหน้ามันกำพื้นทรายแน่น ชะโงกหน้าไปข่มขู่มัน แต่ก็รู้ใช่ม่ะคับว่าคนอย่างไอ้เลวนี่ไม่มีวันกลัวอะไร มันแสร้งทำหน้าเย็นชาใส่ แม้ว่าผมจะถลึงตาให้มันรู้สึกกลัวแล้วก็ตาม

      “เออ กูเอง มีปัญหามั้ย”

      “มึงตามกูมาทำไม”

      “กู…กูว่าง ไม่มี’ไรทำ”

      “แล้วไมมึงไม่บอกกู”

      “กูไม่อยากมาขัดความสุขมึง ของมึงกับพี่มาร์คห่าอะไรนั่น!”

      

      ประโยคที่ไอ้ชิพเพิ่งตะคอกใส่หน้าผมไปถึงกับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก มันจ้องหน้าผมอย่างท้าทาย ผิดกับที่นัยน์ตาของผมกลับมีน้ำใสๆมาเอ่อคลอ

      “มะ…มึงพูดอะไรของมึง…”

      “ไม่ต้องมาทำเป็นไก๋ มึงนอนกอดกันทั้งคืน มีความสุขมากใช่ไหม มึงถึงลืมชวนกูมาด้วย มึงลืมกูตลอด!”

      “นี่มึงแอบดูกูเหรอ?!” ผมเป็นฝ่ายตะคอกบ้าง ส่วนมันเป็นใบ้ไปพักใหญ่เลยคับ ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ห่าชิพมันจะมาทำตัวเซ้นซิทีฟอะไรกันจาตอนนี้ หมั่นไส้วุ้ย! น่าจับไปทำ…ซะเลย

      “กะ…กูเปล่า”

      “กูกับพี่เขาเราเป็นแค่พี่น้องกัน” ผมรู้สึกสะกิดใจกับคำพูดโง่ๆเหล่านั้น มันเรื่องอะไรที่ผมต้องไปสารภาพให้ไอ้ชิพฟัง มันไม่ใช่เรื่องธุระกงการของมันสักหน่อย อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่มาร์คเขาอยู่แล้วด้วย…ไม่แม้แต่นิดเดียว

      “ทำไมมึงต้องหลบหน้ากู...” ผมเปลี่ยนระดับเสียงมาเป็นถามเบาๆ

      “กูบอกแล้วไง ไม่อยากขวางความสุขมึง”

      “สุขเหี้ยไร มึงคือเพื่อนกูนะ” ผมจับหน้ามันไว้ไม่ให้หันหนี มันเสือกปัดมือผมออก “มึงสมัครเข้าชุมนุมมานานหรือยัง?”

      “ก็พร้อมมึง แต่มึงไม่เคยรู้หรอก” อ้าวเฮ้ย กลายเป็นกรูผิดซะงั้น น้ำเสียงงี้ตัดพ้อกันเหลือเกินนะมรึง

      “แล้วนี่มารถยังไง ทำไมไม่มานั่งกับกู ตอนกินข้าวไปอยู่ไหนมา”

      “กู...แอบมึงอยู่ กูเหงา...พอใจยัง! ก็เพิ่งมาอยู่โรงเรียนนี้ แล้วตอนนี้มันก็ปิดเทอม กูไม่มีอะไรทำ ก็...ก็เลยตามมา แต่กูเกลียดขี้หน้ารุ่นพี่มึง กูเกลียดมึงด้วย”

      “อ้าวไอ้เลว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู?”

      “เกี่ยวซิ พี่มาร์คอะไรนั่นมันคือคนที่มึงสนใจไม่ใช่เหรอไง!”

      เอาแล้วครับ คำพูดของมันแทงลงมาในใจของผมอีกรอบ คราวนี้กรีดซ้ำรอยเดิม ผมสะอึก “กูบอกแล้วไงว่าพี่เขาแค่เป็นพี่” ผมเค้นเสียงลอดไรฟัน

      “โกหก! มึงอย่ามาตอแหลหน้าด้านๆ มึง...”

      “แล้วมึงมาสนใจเรื่องกรูทำไม?!” เออนั่นดิ ไอ้ชิพมันบ้าเป่าว่ะ

      “ก็เพราะกู...”

       วูบนั้น ที่ลมทะเลเย็นยะเยือกพัดผ่านตัวผมทั้งสองคน เราเงียบ...ในความเงียบนั้นเราจ้องตากันนิ่ง ถ้าตาผมไม่ฝาดนะคับ เหมือนตัวไอ้ชิพมันจะกระตุก สั่นน้อยๆ ดวงตาเรียวสวยได้รูปคู่นั้นมีน้ำตาเอ่อคลอที่หัวตาด้วย เราประสานสายตากันเนินนาน...อะไรบางอย่างในจิตใจของผมมันถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ผมเสมือน...เข้าใจความรู้สึกของชิพ แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะพยายามสื่อถึงอะไร?

      ว่าแล้วมันก็เริ่มเดินถอยหลัง แล้วก็หันหลังพรวดพราดวิ่งหนีไปเลย ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างๆที่หายลับตาไปแล้ว ‘ไรว่ะ ผู้ชายภาษาอะไรงอนชิบหาย เออดี ปล่อยให้มันงอนตุ๊บป๋องหนีไปอย่างนั้นเลยก็ดี กรูไม่ง้อมรึงหรอกโว้ย!!!

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 8 มาต่อให้ก่อนแบบสั้นๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 13-01-2008 16:34:51
บทที่ 10



      เดินกลับมาจากชายหาดมันก็สายๆหน่อยแล้วครับ ทุกคนตื่นกันออกมาหมดแล้ว รวมถึงพี่มาร์คด้วย เขาตื่นมาไม่เห็นผมก็เลยถามเพื่อนๆแถวๆนั้น ได้ความว่าเห็นผมวิ่งตามเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งไป

      “เมื่อเช้าไปเดินเล่นกับเพื่อนมาเหรอครับ?” สีหน้าสีตาพี่มาร์คเหมือนคนยังไม่ตื่นดี

      “ครับ” แหม...ใครนะมันปากบอนบอกว่าผมวิ่งตามเด็กผู้ชายไป เสียภาพพจน์หมดเลยตู -v-

      “เพื่อนแดนคนไหนเหรอ พี่รู้จักเขาไหม?”

      “ไม่รู้จักหรอกครับพี่…” ผมพึมพำ หลบหน้าพี่เขาออกไป

      เดินไปยังลานใต้ต้นไม้ไผ่ ฝั่งตรงข้ามผมสามารถมองเห็นได้ชัดว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น ไอ้ชิพมันนั่งคอตกอยู่คนเดียว คนเดียวจริงๆคับ...พูดไปแล้วก็สงสารมันเหมือนกัน พอมันเงยหน้าขึ้น(เหมือนมีญาณพิเศษเลยเนอะ สะเอ่อรู้ว่ากูมองอยู่เชียวนะมรึง) ผมก็ไม่กล้าค่อนขอดใส่มัน เลยได้แต่ยิ้ม กะจะเดินเข้าไปหา ถึงแค่กลางลานเท่านั้นแหละมันก็ลุกหนีผม หายไปหลังโรงครัวโน่นเลย

      เอ่อ งอนเข้าไปนะ ไอ้ควาย หน้าตาก็โคตรแมนแต่ทำไมใจปอดยั่งงี้ว่ะ

      กินข้าวเสร็จ รวมพล ฟังคำแนะนำพร้อมกำหนดการ รายละเอียดต่างๆ ฯลฯ ไอ้ชิพมันก็ยังไม่โผล่หัวออกมาสักที ไม่รู้มันไปกบดานอยู่ที่ไหน มิน่าถึงได้รอดสายตาผมไปได้ตลอดวัน แล้วอย่างนี้มันจะมากับเขาทำพรื้อไรว่ะ?

      ร่างสูงผิวเข้มๆของพี่มาร์คที่โผล่ออกมาแทนคนที่ผมตั้งใจรอต่างหาก เสื้อสีขาวสะอาดตัดกับสีผิวของพี่เขาอย่างลงตัว ดูเนี้ยบ สะอาดสะอ๊าน แล้วก็ดูเท่ห์บาดตาบาดใจมากมาย >.<~~~~

      ถัดจากพี่มาร์คและคณะพี่เลี้ยงซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องครบกันทุกคนแล้ว รถมาจอดรอเราเรียบร้อย พี่ทหาร(วิทยากร)ยืนพล่ามไปบนรถ  ระหว่างวันก็น่าเบื่อ ทำกิจกรรมตามตารางไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดพลาด กิจกรรมก็ออกจะเพลนๆ ไม่หวือหวา แต่ทุกคนก็สนุกดีนี่ เอ๊ะ! หรือว่าผมใจลอย...ก็เพราะใครล่ะครับ ไอ้ชิพมันทำให้ผมเป็นห่วง กังวล ไม่รู้ตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่ มันจะมีเพื่อนไหมน้อ? มันจะโกรธผมมากแค่ไหนกัน...

      ไอ้ชิพนะไอ้ชิพ! ทำกรูเป็นห่วงจนพลอยหมดสนุกเลย

      แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีที่พึ่ง หรือประหนึ่ง หลักยึดเหนี่ยวทางใจก็ว่าได้ พี่มาร์คชวนผมคุยตลอด เราไปถ่ายรูปกัน(กล้องเขา) จากนั้นค่อยไปกินอาหารกันที่ร้านรุ่นพี่ศิษย์เก่า ผมมองไม่เห็นไอ้ชิพ แสดงว่ามันไม่ออกมากินข้าวด้วยกันกะเขา ใจอันโอบอ้อมอารีของผมเลยบังเกิดความสงสารขึ้นมาครับ แอบห่อกลับไปค่ายให้มันกิน เผื่อหิว

      โปรแกรมพรุ่งนี้จะไปว่ายน้ำแล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับปะการัง การอนุรักษ์ปะการัง เข้าชมพิพิธภัณฑ์ครับ จบวันนี้เขาเลยให้น้องๆเข้าที่พักผ่อนเร็วหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเหนื่อยจนไม่มีแรงทำกิจกรรมกัน ผมปลีกตัวออกมาจากกลุ่มพี่มาร์คตอนมาถึง รีบเดินหาไอ้ชิพ...มันจะเป็นไงบ้างว้า? ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว สงสารมันจัง...   

      ผมเดินมาเรื่อยๆตรงที่เขากางเต็นท์กัน เต็นท์สุดท้ายที่อยู่ไกลสุด ลึกสุด ผมไม่ต้องเสียเวลาเดาเลยครับ เปิดประตูเต็นท์เข้าไปก็เห็นร่างไอ้ชิพมันนอนขดคุดคู้อยู่ มันสะดุ้งพรวดขึ้นมาครับ ผ้าห่มไปทาง หมอนไปทาง ท่าทางมันคงตกใจใช่ย่อย ตามันตื่นๆในความมืด ดี สมน้ำหน้า อยากแกล้งผมไว้มากก่อนนิ อิอิ ^_^

      “เฮ้ย เข้ามาไมว่ะ?” แน่ะ คนเขาอุตส่าห์ตากหน้าเอาข้าวมาให้กิน ยังทำปากดีอีกนะ เดี้ยๆไอ้นี่ ข้าวปลาไม่ต้องแดก เสียงแข็งกับกูดีนัก \(-_-*)

      “ข้าว จะกินข้าวหรือเปล่าห่ะ?” ในที่สุดความดีของผมมันก็ข่มใจให้พูดออกไปอย่างสงบได้(แทนที่จะเป็นคำผทุสวาทแสนร้ายกาจต่างๆนานา) เห็นมันนิ่งขึงใจอยู่สักพัก จึงค่อยขยับเข้ามาใกล้

      “รู้ได้ไงว่าอยู่นี่”

      “มึงไม่ได้ไปกินข้าวกับเขา”  ผมหมายถึงคนในค่ายทั้งหมด

      “ไม่ต้องมาสนใจกู” พูดไปมันก็คุ้ยหาของในถุงกระดาษที่ผมขอร้านมา มันหยิบไก่น่องขึ้นมาเคี้ยวเอร็ดอร่อย เวร ไอ้เนรคุณ มันไม่น่าให้กินเล้ย... =_=***

      “มึงเป็นอะไรว่ะ งอนกูซ้างั้น”

      “….” มันเงียบ แต่มีเสียงเคี้ยวไก่กร๊วบๆดังแทน

      “เออ...เรื่องเมื่อเช้ากูขอโทษ กูเองก็พูดแรงไปหน่อย” ผมนั่งบิดไม้บิดมือไม่รู้จะพูดกับมันยังไงดี อ้าว สรุปกรูต้องกลายมาเป็นคนที่กลุ้มใจ

      “หิวมากไหม…”

      “วันนี้ทำอะไรบ้าง…”

      “วันนี้กรูก็ไปเที่ยวที่...”

      ปรากฏว่าเป็นผมคนเดียวที่พล่ามให้มันฟังครับ ตอนท้ายเลยชักเริ่มไม่ค่อยพอใจ ลุกพรวดขึ้นมาเลย ผมก็รู้นะว่าไอ้ชิพมันแกล้งทำเป็นไม่สนใจไปเท่านั้นเอง มันเลยรีบคว้ามือผมไว้

      “เดี๋ยว! จะไปไหน” มันลากผมไว้ครับ เป็นเหตุทำให้ผมที่กำลังขืนตัว ล้มลงไปกองตรงประตูเต็นท์ เชรี่ยยยย มันล้มตามลงมาทับผมด้วย อูยส์ ตัวมันหนักโคตร ท้องน้อยมันลงมากดทับผมไว้ มันจ้องหน้าอึ้งๆของผม แถมยังกวนตรีนหาเรื่อง ทำให้หายใจไม่ออก ก่อนที่มันจะยิ้มออกมานิดๆ

      “ละ...ลุกออกไป” ตัวแมร่งโคตรหนัก ร้อนก็ร้อน และ...ใจผมมันก็เริ่มเต้นแรงแบบทรยศโดยไม่รู้สาเหตุ

      มันยิ้ม “ฮึๆ กลัวใครมาเห็นเข้า’ไง”

      แสงไฟนีออนอ่อนๆส่องสลัวเข้ามา ทำให้ใบหน้าของมันซีดขาว แต่ผมรู้ได้ว่าแก้มมันชมพูเรื่อๆ...ริมฝีปากสีแดงที่มันๆมากจากการกินมื้อค่ำของมันแสยะยิ้มมุมปาก ผมร้อง

      “อยา...อย่า จะทำอะไร”

      “กินมึงแทนไง” ตามันวาวราวกับเรืองแสง(บรื๋อ...น่ากัวไอ้เพื่อนปีศาจ)

      “อย่านะ...กูไม่เล่น สกปรก เชี่ยแมร่งงงง”

      “อย่าดิ้นนา~~~” มันจับเอวผมให้อยู่นิ่งแทน ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้าท้อง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นวูบวาบแทน...หน้าขาทรงพลังของมันกดทับผมไว้ไม่ให้หนี แผงอกมันกดทับลงมา ทำให้ยิ่งหายใจไม่ออก มันเจ็บหน่วงๆที่ข้างในโพรงอก…

      ช่วงเวลานั้น มันเปลี่ยนจากสีหน้าหยอกล้อมาเป็นจริงจัง หัวก้มลงมาคับ จมูกโด่งๆของมันอยู่ใกล้กับจมูกของผมแค่คืบเดียว แย่ล่ะ!!! ริมฝีปากของมันแตะลงมาที่ข้างแก้ม ไล้ลงมา ผมที่โดนมันขึงพืดเลยได้แต่หลับมาปี๋ เบือนหน้าไปอีกทางอย่างเร็ว โชว์ผิวลำคอขาวๆเนียนๆให้มันไปแทน(เหอะๆ หนักกว่าเก่าอีก)

      “แดน น้องแดน น้องแดนอยู่ไหนครับ ออกมาหาพี่หน่อย…”

      เสียงร้องเรียกชื่อผมเป็นเหมือนระฆังช่วย ไอ้ชิพมันสะดุ้ง ผมก็รีบลืมตา ผมจ้องตามันนิ่งก่อนที่จะผลักอกมันออก เสียงฝีเท้าของพี่มาร์คดังเข้ามาใกล้มากขึ้น ผมรีบลุกวิ่งหนีออกมาจากเต็นท์ไอ้ชิพ พอดีกับที่พี่มาร์คเขามาตามหาผมอยู่แล้ว เลยรีบเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่น

      “เต็นท์นั้นเพื่อนแดนเหรอ?”

      “ครับ...”

      เชื่อมั้ย ว่าก่อนผมจะเข้าไปต่อแถวรับขนมยามดึก ผมเห็นเลย...เห็นเลยว่าพอผมตอบว่าใช่ สายตาของพี่มาร์คขุ่นลงทันที เปลี่ยนไป...

      เอ...เป็นเพราะอะไรกันแน่นะ???
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 8 มาต่อให้ก่อนแบบสั้นๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 13-01-2008 16:35:40
บทที่ 11



      วันต่อๆมาฝนตกหนัก ทว่าบรรยากาศภายในค่ายก็ครึกครื้นดีครับ ไอ้ชิพที่ถูกผมลากไปร่วมกิจกรรมทำหน้าหงิกหน้างอ ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้คิดอยากยุ่งกับมันนักหรอก ดูอย่างวันก่อนที่มันมานอนทับบนตัวผมซิ เชรี่ยยย เล่นเหี่ย’ไรไม่รู้...ตัวมันอ่ะหนักโคตรๆจนผมเจ็บซี่โครงเลยครับ(จิ้นกันนิดนึ่งนะ)

      วันที่มีกิจกรรมให้เลือกปลูกต้นไม้ ซึ่งพี่ทหารเตรียมมาไว้ให้เลือกเยอะมากๆ ผมเห็นป้ายชื่อที่ติดไว้ตรงลำต้นพืชชนิดหนึ่งนั่นคือ ‘ลำพู’ เหตุผลเพราะต้นมันสวยดี ชื่อก็ธรรมดา(ที่สุด) พอดีกับที่พี่มาร์คเขาเดินๆมาคุย

      “พี่อยากได้ต้นประดู่จัง...” พี่มาร์คบ่น ยิ้มอายๆ

      “ไมอ่ะพี่ ประดู่ปลูกแถวชายเลนนี่ไม่ได้หรอก”

      “เปล่า ปลูกประดู่ เกิดมาจะได้มีคู่ไง”

      แป๋วววววว เหอะๆ อยากจาอ้วก =_=...มุขลาวแสรดดดด

       ไอ้ชิพมันเดินมามองค้อนผมตอนที่พี่มาร์คปลีกตัวออกไป ตางี้จิกเชียว

      “เฮ้ย มึงปลูกไรว่ะ”


      “ตีนเป็ด!”

      เชี่ย...ตะโกนใส่หูกรูทามเพ่มึงเหรอฟ่ะ!!!

      ตอนเย็นเราไปเล่นน้ำทะเลกัน สนุกสนานใช้ได้เลยครับ ผม พี่มาร์ค พี่ต่อ พี่สิทธิแล้วก็พี่กร(เพื่อนสนิทพี่มาร์ค)วิ่งลงน้ำกันอย่างบ้าคลั่ง รวมถึงน้องๆคนอื่นๆด้วย แต่สายตาผมเหลือบไปเห็นไอ้ชิพมันนั่งเหงาคนเดียวครับ แอบสงสารมันอยู่เหมือนกันแหละ...มันช่วยม่ะได้อ่ะ มึงทำตัวให้เศร้าหมองเองนี่หว่า

      นานๆไปผมชักเริ่มทนไม่ไหว มันมองมาที่ผมตลอดเวลาเลย เหมือนกับจะอยากลงมาเล่นด้วย...แต่ไม่กล้า พลันแววตามันก็เริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ...ไอ้ห่า มึงจะลงมาก็ลงมาซิวะ ทำฟอร์มอยู่ได้ แมร่ง!!!~~~

      “เอ่อ พี่มาร์คคับ เดี๋ยวแดนวิ่งขึ้นไปหาเพื่อนก่อนแปบนึ่ง”

      “ฮื้อ ไหน?” พี่เขาหยุดเล่นน้ำแล้วหันมามองตามมือผมชี้ พี่เขาก็นิ่งๆไปคับ แล้วก็พยักหน้า

      ผม ถ่อสังขารลากร่างอันหนักน้ำเกลือขึ้นไปถึงบนฝั่ง ไอ้ชิพจ้องตาเหมือนเหยี่ยว สุดท้ายไปยืนเท้าสะเอวค้ำหัวมัน ตบกะโหลกมันไปที(ไม่ทันคิดเพราะอารมณ์มันร่าเริงอ่ะงับ T_T)

      “เฮ้ย!” มันลุกขึ้นเลย โฮย ตางี้แมร่งโคตรน่ากัว ยืนเต็มความสูงระดับหมีควายพร้อมทั้งตั้งท่าข่มขู่ผม...ไอ้เราจะพูดขอโทษก็ไม่ทันแล้ว มือข้างนึ่งจับแขนผมแน่นจนเจ็บ อีกข้างยกขึ้นจะชก แต่มันง้างไว้ กัดกรามแน่นจนนู่นเป็นสันเลย

      “กูขอโทษ…”

      “....”

      “ไปเล่นน้ำกับกูมั้ย?” ผมพยายามยิ้มใจดีสู้เสือ แม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตามในเวลานี้ ต่อหน้าอารมณ์ที่แปรปรวนของไอ้ชิพ...ผมล่ะสั่นๆหนาวๆ...

      “ไม่!” แหน่ะ ทำงอน ยังจะนั่งกลับลงไปใหม่อีกนะ

      “ไม่เอาน่า ไหนๆมึงก็มาแล้ว ไปเล่นเป็นเพื่อนกูหน่อย นะๆ อย่างน้อยไปช่วยกันแกล้งน้องก็ยังดี” อ้าว ผมต้องตบะแตกเพียงเพื่อจะง้อมันเนี่ยนะ?!

      ผมยิ้ม เกาคางมันเล่นเหมือนแมว มันปัดออกแบบรำคาญในตอนแรกๆ พอผมง้อมันไปเรื่อยๆมันก็ค่อยยิ้มออก แต่ไอ้เหี้ยนี่มันไม่แสดงออกหรอกนะคับ ฟอร์มมันเยอะยั่งกะเจ้าพ่อหนังยุคขาวดำ

      ในที่สุด มันก็ลุกขึ้นถอดเสื้อ เตรียมโดดตูมลงทะเล...เป็นครั้งแรกที่ผมเรือนร่างของมันภายใต้เสื้อนักเรียนสีขาว หุ่นมัน...ดีมากๆจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง! กล้ามหน้าอกกับต้นแขนก็สวยมาก มันเป็นนักกีฬาว่ายน้ำกับบาสโรงเรียนเก่า ตัวมันยิ่งสูงเท่ห์ เวลามองข้างหลังงี้ก็ให้ความรู้สึกว่าหลังมันกว้างมากๆแถมเอวยังคอดสวย ไม่เหมือนเด็กนักเรียน เหมือนผู้ชายเต็มตัวมากกว่า

      เอ๊ะ!...ทำไมใจผมเต้นรัวอีกแล้ว มันเสียววาบ...ละ...แล้วทำไมผมถึงกลืนน้ำลายลงคอได้ยากลำบากแบบนี้นะ?...

      “มองไร” มันส่งสายตายิ้มขำมาที่ผม ผมรีบเบือนหน้า กะจะรีบกลับไปสมทบในทะเล แต่มันโดดมารัดคอผม เอาตัวหนักๆโถมลงมาอีกแล้ว แล้วก็ลากร่างของผมไปทางมันแทน...ไอ้แรงควายเอ๊ย!!!



      ในท้องทะเลสีคราม ฟ้าสวย น้ำใส มีนกสีขาวหลายตัวบินโฉบไปมาเหนือหัว ท่ามกลางเสียงหัวเราะและบรรยากาศสนุกสนาน ผมมองไปรอบๆตัวแล้วมีความสุขจัง...รู้สึกผ่อนคลาย ตอนนี้ผมไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ปล่อยมันให้เป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่งเท่านั้น

      ซูมมมม~~~

      “ไอ้เชี่ย!” ผมวักน้ำคืนไอ้คนที่สาดมา

      “555+ ดูหน้ามึงดิแดน ดูหน้ามึงดิ”

      ผมวิ่งเข้าไปสาดน้ำใกล้ๆหน้ามัน ผลักมันตกน้ำแล้วรีบวิ่งหนีออกมา แต่ผมมันพันธุ์ขาสั้น(กว่ามัน)ง่ะ เลยจ้วงไม่ทันนักกีฬาว่ายน้ำอย่างไอ้ชิพ ซึ่งกระโดดเข้ามาตะครุบตัวผมจนล้มลงไปในน้ำแทน ตามมาด้วยร่างของมันที่โอบกอดผมไว้ แนบเนื้อ...สัมผัสผิวกายกันและกัน

      อุ๊บ!....ใจผมมันเต้นรำอีกแล้ว

      ผิวของไอ้ชิพเวลาเปียกน้ำแล้ว...เรียบลื่นมาก มากจนมือที่วางทาบไว้บนอกไหลมาลงมาที่หน้าท้องแข็งๆของมัน...

      “ปล่อย...ปล่อยกู” ผมรีบผลักมันออก เห็นหน้ามันยังคงยิ้มร่าทว่าแดงจัด ลามลงมาถึงแอ่งชีพจรที่ผมเพิ่งเอามือวางลงไป...ขึ้น...ผมต้องการขึ้นจากน้ำเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะหายใจไม่ออก เพราะความตื่นเต้นบ้าๆนี่!

      

      วันรุ่งขึ้นผมเดินออกมาจากเต็นท์ก่อนไอ้ชิพ(ผมโดนไอ้ชิพลากมานอนเป็นเพื่อนตั้งกะไอ้วันที่ผมจับได้แล้วคับ...T_T) ก้าวยาวๆเพื่อที่จะเดินไปให้ถึงห้องน้ำเร็วเพราะลมอากาศมันเย็นมาก เวลาประมาณตีห้าครึ่งคนยังตื่นน้อยอยู่ แต่ไฟห้องอาบน้ำรวมเปิดอยู่ พร้อมกับเสียงใครบางคนตักน้ำจากอ่างลาดตัวดังซู่ๆมาแต่ไกล

      “อ้าวแดน ตื่นเช้าจัง มาอาบน้ำดิเรา”

      ผมแทบต้องขยี้ตาทั้งสองข้างเพื่อยืนยันสิ่งที่ผมเห็น...พี่มาร์คที่ใส่แค่กางเกงว่ายน้ำสปีโด้ตัวจิ๋วตัวเดียวปกปิดร่างกายทั้งเนื้อทั้งตัว บัดนี้กำลังยืนฟอกสบู่อยู่ตรงหน้าผม เหอะๆ ผมไม่รู้ว่ามาขัดจังหวะอะไรพี่เขาหรือเปล่า เลยรีบหันหลัง ทำท่าว่าจะหลบออกไป แต่พี่แกเล่นเรียกผมไว้ซะก่อน

      “เฮ้ยๆไม่ต้องเกรงใจ เข้ามาเลย พี่จะเสร็จแล้ว” (กรุณาอย่าคิดมากกับประโยคนี้)

      “เอ่อ...”

      ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆ แต่พอพี่เขากวักมือเรียก ผมก็เริ่มเดินเข้าไปวักน้ำล้างหน้าแปรงฝันอย่างอายๆ พลางมองไปที่แผ่นหลังสีเข้มซึ่งหันมาทางผม อืม...ไหล่พี่มาร์คกว้างจัง อาจจะกว้างกว่าไอ้ชิพ แต่ก็ไม่แปลกเพราะพี่เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำตอนม.ต้น รูปร่างเลยสูงใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้

      “แดน ฟอกหลังให้หน่อยซิ เอื้อมไม่ถึงง่ะ”

      แปรงสีฝันที่ถืออยู่แทบจะหักคาปากผมเลยครับ ผมสะอึก เบิ่งตากว้างแล้วตอบแบบอู้อี้

      “มะ...ไอ้อาว” ไม่อาว...ไม่อาว...ถ้าให้ฟอกต้องให้ฟอกทั้งตัว >.< (อ่ะ ล้อเล่นนน)

      “โหยอะไรกัน ทิ้งพี่ทิ้งเชื้อกับแบบนี้เลยเหรอ เร็วๆเข้า พี่หนาว”

      ผมก็ อะไรว่ะ? กูไปเป็นน้องเป็นเชื้อเขาตั้งก่ะเมื่อไร แต่ก๊อม่ายเปงราย เลยเอาสบู่มาถูๆฟอกๆไปบนแผ่นหลังกว้างๆสีเข้มของพี่เขา เสร็จแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บของบ้าง แต่แมร่งงงง พี่มาร์คเรียกไว้อีกและ เฮ้อ...จะรู้ไหมว้าว่ากรูไม่อยากอยู่นาน กรูเขิลล์ อ๊ากกกก!!! >.<

      “ขอบคุณนะ” ผมมองทั่วทั้งเรือนร่างพี่เขา เท่ห์บาดใจมากฮะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เขาถึงเป็นไอดอลโรงเรียน ตัวก็สูง หล่อก็หล่อ แถมผิวยังสวยเข้มๆแบบคนไทยอีก...

      “อ้อ ตัวนี้เป็นกางเกงว่ายน้ำของโรงเรียนน่ะ” พี่มาร์คละมือจากการเช็ดผมมาดึงที่ขอบกางเกงสปีโดตัวจิ๋ว คงเพราะผมจ้องนานไป(หรือเปล่า>?) อึ๋ย!!! อย่าดึงแบบนั้นเซ่ มันเห็นอะไรไหนต่อไหนไปหมดแย้ว!!!

       ผมหน้าแดงแทบจะทอดไข่ได้

       แม้ว่าจะอาย แต่อดใจไม่ได้จริงๆที่จะไม่ให้มองสำรวจเรือนร่างกำยำ ผิวสีเข้มเต็มไปด้วยกล้ามเนื้องดงาม...ไหนจาไอ้สปีโด้ตัวจิ๋วนั่นอีก จิ๋วสมชื่อ มันปกปิดอะไรไม่ค่อยครบถ้วนเท่าไหร่หรอกเมื่ออยู่บนตัวพี่มาร์ค...

      “ครับ...”

      แล้วผมก็ไม่เคยตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนเช้าๆอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นที่ค่ายไหนก็ตาม...



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 9 - 10 - 11 มาต่อให้แบบยาวๆ (ขอให้มีความสุขครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 13-01-2008 17:51:35
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ สนุดี มาอัพบ่อย ๆ นะครับ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 9 - 10 - 11 มาต่อให้แบบยาวๆ (ขอให้มีความสุขครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: satan666 ที่ 13-01-2008 18:07:50

หุหุ มีแต่หนุ่มๆมายั่ว  :m30:


แล้วแดนจะเลือกใครน้อ :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 9 - 10 - 11 มาต่อให้แบบยาวๆ (ขอให้มีความสุขครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 14-01-2008 01:43:30
เป็นเราป่านนี้2หนุ่มเสร็จเราแน่คิกก
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 9 - 10 - 11 มาต่อให้แบบยาวๆ (ขอให้มีความสุขครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 14-01-2008 15:53:36
มาต่ออีกแล้ว กลัวคนอ่านงอน อิอิ  :m13: :m23: :m29:

หลายคนอาจสงสัยทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง แต่คนเขียนตั้งใจครับ มีหลายตอนไง ต่อกันก็ยาวพอดูเลยครับ ติดตามได้ต่อๆไปน๊าาาา  :oni2:

บทที่ 12     



      ก่อนจะกลับวันสุดท้าย เราเดินทางผ่านป่าชายเลนนำต้นไม้ไปปลูกในป่าโกงกางด้านหลังค่าย ช่วงเช้าทุกคนรายงานตัว ฟังนู่น นี่ นั่น....ตอนสายๆหน่อยฝนตั้งเค้าครึ้ม พี่ๆเขาเลยตัดสินใจจะให้เริ่มออกเดินทางกันก่อนที่ฝนจะเทหนักลงมา

      เอาเข้าจริง กว่าจะรอนู่นรอนี่เสร็จ เดินไประหว่างทางฝนก็โปรยลงมาแล้วครับ หนักขึ้นเรื่อยๆ ผมที่เดินก้มหน้าอย่างเดียวนึกก่นด่าฟ้าบ้าบอในใจ ทำให้กรูต้องเปียกไปหมดหัวจรดฝ่าตีน...เฮ้อ ผมไม่น่ามาเลยครับไอ้ค่ายทรหดแบบเนี้ย

      “แดนๆ รอเดี๋ยว”

      ผมหันหลังไปตามเสียงเรียก ฝ่าสายฝนที่ตกหนัก พี่มาร์ควิ่งมาเดินเคียงผม

      “แดน เราเอาเสื้อพี่ไปคลุมดีกว่า พี่ไม่อยากให้ไม่สบาย”

      พี่มาร์คหรี่ตาเพื่อหลบหยาดฝนที่ไหลริน ระหว่างเรามีสายฝนโปรยปรายขวางกั้น ผมพยักหน้า สักพักเสื้อคลุมสีเข้มก็ถูกกางขึ้นเหนือร่างของเราทั้งสอง ตัวของผมเบียดชิดกับพี่มาร์ค จนรู้สึกอบอุ่น...เราก้าวเดินไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมเชื่อครับ...ว่าตอนนี้คนที่ยืนอยู่เคียงข้างผมสามารถปกป้องผมได้ ตลอดไป...



      “เฮ้แดน! ยูมานี่หน่อยเด๊ะ”

      ไอ้พี่แห้ว เพื่อนสนิทกลุ่มพี่มาร์ค คนที่เป็นผู้รับผิดชอบหน่วยพยาบาลของค่ายกวักมือเรียกผมเข้าไปหา

      “มีอะไรครับพี่” ผมถามสุภาพ หน้าตาบ้องแบ๊ว (แอ๊บอยู่ว่างั้นเหอะ  -“- )

      “ไอ้มาร์คอ่ะดิ ไข้มันขึ้นสูงเลย คืนนี้ยูไปนอนเป็นเพื่อนมันได้ป่ะ?”

      ใจผมหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม คงต้องเป็นเพราะพี่เขาเสียสละเสื้อคลุมให้ผมเมื่อบ่ายวันนี้แน่เลย โธ่...พี่มาร์คนะพี่มาร์ค

      “แล้วไม’พี่ไม่ไปเองอ่ะ” ผมย้อน

      “โว้ย! ไม่เอาเว้ย วันนี้ข้าจะไปดูบอลกับพี่ทหารนู่น เชลซีเชียวนะเฟ้ย”

      ว่าแล้วไอ้พี่แห้วเขาก็ทิ้งกล่องยาไว้ให้ พร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ อธิบายต่ออีกยาวยืดบลาๆๆ ยังดีที่มันบอกว่ามีอะไรหนักหนาให้วิ่งไปเรียกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ( อ้อแน่นอน ก็มรึงใช้กรูแล้วนี่)

      ผมเดินไปหยุดยืนที่หน้าประตูเต็นท์พี่มาร์ค กล้าๆกลัว...ตั้งแต่วันแรกที่เรานอนเต็นท์เดียวกันผมก็ไม่ได้กลับเข้าไปข้างในอีกเลย เฮ้อ...ผมสูดหายใจลึกๆ ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปดูอาการพี่เขาเลย

      ร่างสูงใหญ่ของพี่มาร์คนอนกองอยู่บนพื้น คลุมโปง มีไฟฉายแบบตะเกียงเปิดอยู่แถวๆเหนือหมอน ผมนั่งลงไปอังมือกับหน้าผากพี่เขา เย้ย!!! ทำไมตัวร้อนขนาดนี้ฟ่ะ

      “อ้าว...แดน” พี่มาร์คสะดุ้งเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นผมก็ทักด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

      “พี่มาร์คนอนพักผ่อนเถอะครับ”

      “แล้วนี่...แดนมาทำไม” ผมไม่ยอมให้พี่มาร์คลุก โถๆ แรงก็ยังไม่มี จะมาลุกเลิ้กอะไรกัน

      “พี่แห้วไปตามมา”

      พี่มาร์คเหมือนเหลือบตามองแว๊บนึ่ง “พี่ไม่รบกวนแดนหรอก กลับไปก็ได้”

      “ไม่ได้ครับ พี่มาร์คตัวร้อนขนาดนี้” เอาว่ะ ตอนนั้นไอ้เลือดแม่พระของตัวผมมันทำหน้าที่มันแล้วนี่ “พี่มาร์คนอนเถอะ วันนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อน”

      “แล้วเพื่อนแดนล่ะ...” พี่มาร์คมองด้วยสายตา(แอบ)ตัดพ้อนิดๆ

      “ช่างมันพี่ มันอยู่ของมันคนเดียวได้”

      ผมจัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อย พร้อมกับเอนตัวลงแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างคนป่วย แสงไฟในเต็นท์อาบไล้ไปทั่วผืนผ้าใบ สบายตา ผมรอสักพักจนคิดว่าพี่มาร์คหลับแล้ว กำลังจะเอื้อมมือไปปิดไฟ

      ควับ! เอ้ย!!!

      จู่ๆวงแขนของพี่มาร์คก็วาดมาพาดบนตัวผมเฉยเลย อย่างงี้ได้ไง!!! แถมยังกอดแน่นแบบคนไม่ได้ป่วย(แรงเยอะมาก) เอ หรือว่าพี่เขาจะแกล้งป่วยว่ะ...แต่ผมก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกันว่าพี่เขาจะแกล้งทำไม ตัวก๊อร้อนออกซะขนาดนั้น

      ในความเงียบ มีเสียงลมหายใจเข้าออกของพี่มาร์ค และเสียงหัวใจเต้นตึกตักอยู่ในหูของผม...ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...จนหูมันอื้อไปหมด ตาก็ออกพร่าๆนิดๆ นี่ผมเป็นอะไร ผมเป็นอะไรไปเนี่ย?!

      “ดะ...แดน” พี่มาร์คครางเบาๆ คงละเมอ ผมเลยเท้าแขนมองหน้าพี่เขายิ้มๆ ใบหน้าที่ยังคงหลับสนิทช่างดูสงบ ฉับพลันที่ผมคิดแบบนั้นยิ่งทำให้ผมปวดใจมากยิ่งขึ้น...มันทรมาน แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...

      “แดน...หนาว...”

      ผมห่มผ้าให้ แต่วงแขนแข็งแรงยิ่งออกแรงกระชับ

      โอย...ชักเริ่มร้อน...และอึดอัดแฮะ…

      “พี่...แดน...พี่ชอบ...”

      ใจผมเต้นแรงมากถึงมากที่สุด ริมฝีปากแดงสดนั้นขยับครวญครางไปมาเพราะพิษไข้ ผมพยายามจะจับใจความที่พี่มาร์คเพ้อต่อไป แต่มันไม่มีแล้ว พี่มาร์คเงียบเสียงไปแล้ว

      “…พี่...พี่ชอบแดนนะ”

      ผมสะดุ้งลืมตาโพล่งในความมืด



       ALeX

       โปรดติดตามตอนต่อไป                
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 12 มาต่อตอนล่าสุดให้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 14-01-2008 22:26:10
พี่มาร์คก็ดีซะเหลือเกินนนนนนนนนนน   :เฮ้อ:


( แต่ยังไงก็ชอบชิพ เชียร์ชิพ  :m1: )
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 12 มาต่อตอนล่าสุดให้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 15-01-2008 01:33:28
เชียร์ทั้ง2คนเลยผลัดกันเนอะฮิๆๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 12 มาต่อตอนล่าสุดให้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 15-01-2008 18:28:50
อยากเก็บเธอไว้ทั้ง 2 คน  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 12 มาต่อตอนล่าสุดให้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 15-01-2008 19:49:02
เชียร์ชิพ ครับ  :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 12 มาต่อตอนล่าสุดให้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 15-01-2008 20:53:04
เพิ่งได้อ่านง่ะ...

มาเป็นกำลังใจให้นะครับ

 :m23:  :m23:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 12 มาต่อตอนล่าสุดให้ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 15-01-2008 22:10:31
เอามาลงอีกวันครับ ถือโอกาสตอบเม้นท์เล็กน้อยน๊า~~~

คุณปั่นป่วน (ขออนุญาตเรียกพี่นะครับ ผม17) ขอบคุณมากครับที่ติดตาม ผมเองยังเลือกไม่ถูกเลยระหว่างชิพกับพี่มาร์ค อิอิ  :m4:
คุณifwedo ขอบคุณพี่มากๆครับ เข้ามาเยี่ยมตลอดเลย ช่ายๆผมก็เป็นเหมือนพี่เลยคือเชียร์ทั้ง2คน (บ้าดีเนอะ เขียนเองบ้าเอง)  :m13:
คุณbadboy_cools ขอบคุณมากเลยครับ แต่แดนคงเก็บไว้ทั้งสองคนไม่ได้...ได้เเต่เชียร์ไปเนอะ >.<
คุณmyloveisyou ขอบคุณมากเลยครับ เชียร์ชิพคนเดียวเด๋วพี่มาร์คน้อยใจน๊าจาบอกให้  :m15:
คุณXeroz ขอบคุณมากครับที่เป็นกำลังใจให้ วอนให้ติดตามต่อไปนะครับ (งัดลูกอ้อนออกมาใช้ซ๊าเลย อิอิ)  :m1:

เรื่องนี้ตั้งใจจาแต่งเป็น 3 parts อีก 2 parts ที่เหลือไม่บอกว่าเรื่องจะเปงงาย แต่ตอนจบหักมุมทุกครั้ง
ใครเเวะเข้ามาเยี่ยมแล้วผมไม่ได้ตอบเม้นท์ขออนุญาตไว้ตรงนี้เลยนะครับ ต่อไปนี้จาพยายามตอบบ้างเเล้ว อันเก่าๆก็ขอไม่ย้อนไปตอบล้ากาน เด๋วจาดูเป็นเจ๊ดันกระทู้ตัวเองอีก
ขอบพระคุณมากๆเลยครับ

ALeX


บทที่ 13



      ความรักคืออะไร?

      บนท้องฟ้ากว้างไกล สุดลูกตานั้นเต็มไปด้วยฝูงนกโบยบิน บรรยากาศที่สดใส ท้องฟ้าสีครามเข้ม ปุยเมฆสีขาวล่องลอยอย่างเป็นอิสระ ต้นไม้สีเขียวสดกระจ่างตาสะท้อนแสงแดด ผมเคลิบเคลิ้มไปกับวิวทิวทัศน์ตรงหน้าผ่านบานกระจกหน้าต่างภายในห้องนอนส่วนตัว ตอนบ่ายอันแสนสุข เงียบเชียบ สงบเงียบ และน่านอนหลับแบบนี้เป็นช่วงเวลาโปรดของผม

      “แดน แดน โทรศัพท์จากคุณพ่อลูก”

      แม่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเบิกบาน แปลก...ปกติเวลาแม่พูดถึงพ่อแม่มักจะทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่ใช่เหรอ? แต่ช่างมัน บิดาชาวต่างชาติของผมท่านอุตสาห์โทรศัพท์ทางไกลกลับมาหา ไม่รีบรับเดี๋ยวโดนพ่อด่า(แม่ผมซึ่งเป็นคนไทยบังคับให้เรียกพ่อ ไม่ก็แด๊ด)

      “เฮ้ ไอ้ลูกเสือของพ่อ” เสียงพ่ออู้อี้มาตามสาย ไม่นานนักเสียงพ่อก็ชัดเจนขึ้น

      “ว่าไงครับพ่อ” ผมสนทนากลับไปเป็นภาษาอังกฤษ เราคุยกันสองคน แต่ถ้ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย ต่อหน้าเราก็ต้องพูดเป็นภาษาไทย(พ่อฟังไทยรู้เรื่อง)

      “พ่อแค่โทรมาหา บ้างไม่ได้หรือไง?”

      “เปล่าคร้าบพ่อ พ่อโทรมาก็ดีแล้วล่ะ ผมคิดถึงพ่ออยู่เหมือนกัน”

      “ปากหวาน จะขออะไรอีกหา?”

      ผมหัวเราะ “เปล๊า ไม่มี๊ไม่มี ขอเป็นแค่ปีหน้าไม่ต้องไปหาพ่อ…”

      “ไม่ได้ ยูต้องมา” พ่อย้ำเสียงแข็ง

      “โธ่พ่อ ก็แดนต้องนั่งเครื่องบินนานๆ ตั้งหลายชั่วโมง มันน่าเบื่อนะครับพ่อ”

      พ่อเงียบไป ตายล่ะหว่า ผมทำพ่อโกรธแล้วเหรอเนี่ย???

      “...งั้น เอาไว้พ่อไปหาเราบ้างก็ได้”

      “โอเคพ่อ...หา?! พ่อว่าไงนะครับ แล้วถ้าพ่อกลับเมืองไทยพ่อจะมาพักที่ไหน แล้ว...”

      “เอาไว้เราค่อยคุยกันก็แล้วกัน พ่อต้องไปแล้ว” ดูเหมือนพ่อจะหัวเราะหน่อยๆ ก่อนจะตัดบท เป็นฝ่ายวางสายไปเองซะงั้น

      ผมวิ่งลงมาหาแม่ที่ครัวข้างล่าง เห็นแม่ล้างผักไปอมยิ้มไป ผมชักเริ่มสงสัย เลยเข้าไปจี้เอวแกล้งแม่เล่น

      “ไอ้บ้า! ไอ้ลูกบ้า ตกใจหมด”

      “แล้วแม่มัวแต่ใจลอยไปไหนล่ะครับ มัวแต่คิดอะไรอยู่ ฮั่นแน่...อมยิ้มบางๆแบบนี้ด้วยแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”

      แม่ยิ้มบางๆอยู่ก็จริง แต่แกล้งทำเสียงขรึม “คุยกับพ่อเสร็จแล้วเหรอไง”

       แม่ถามถึงพ่อ? เป็นไปได้ไงว่ะ แม่โกรธพ่อจะตายจนต้องหย่ากันตั้งแต่ผมเป็นเด็กๆ ครอบครัวเราเลยอยู่แยกกันคนละมุมโลก ผมไม่เคยซึมซับคำว่า ‘พ่อ’ เหมือนเด็กบ้านอื่นเขาหรอก...ผมรู้จักแต่แม่ แม่ที่เข้มแข็งแต่ไม่อ่อนแอ แม่ที่อ่อนโยนแต่ไม่บอบบาง ท่านเลี้ยงผมให้โตมาได้จนถึงทุกวันนี้

       หรือว่าพ่อจะกลับมาอยู่กับแม่?       ]

      “พ่อบอกจะกลับมาเมืองไทยด้วยล่ะ”

      ปฏิกิริยาสีหน้าของแม่แสดงออกมาด้วยการคลี่ยิ้มกว้าง ผมสังเกตด้วยอารมณ์สงสัย ก่อนที่เสียงออดหน้าประตูบ้านจะดังขึ้นทำลายความเงียบ

      แปลก(อีกแระ)...วันนี้ผู้คนในบ้านผมเขาเป็นอะไรกันฟ่ะ มีเรื่องอะไรดีใจกันนักหนา???

      ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยนอนคิดคืนนี้ก็ได้ ไปช่วยแม่ดูก่อนซิว่าใครมา

      ผมเดินไปยืนหลังแม่ หลบอยู่หลังประตู เห็นแม่คุยกับใครเจ๊าะแจ๊ะ เอ...แต่เสียงนี้มันคุ้นๆหูนะ

      “อ้าวแดน ไอ้แดน ชวนเพื่อนเข้าบ้านมาก่อนมา เข้ามาเลยหนูเข้ามา”

      หลังประตูบานนั้น ผมเห็นไอ้ชิพในชุดลำลองยืนยิ้มหน้าเป็นอยู่ มันสวมหมวกซะเท่ห์ กางเกงยีนส์มีอะไรไม่รู้ห้อยเห้ยเต็มไปหมด มันไหว้แม่ผม ก่อนจะก้าวเข้ามาขยิบตาให้ผมทีนึ่ง

      “บ้านแม่เล็กไปหน่อยนะ ทำตัวตามสบายเลยก็แล้วกันลูก ไอ้แดน เอ็งไปเอาน้ำเอาท่ามาเลี้ยงเพื่อนซิว่ะ ยืนเซ่ออยู่ได้”

      ไอ้ชิพเดินเข้ามาในตัวบ้านเก่าๆโทรมๆของเรา แต่ยังดีที่มีสวนร่มรื่นกว้างขวาง เลยยังพอรับแขกจะไปใครจะมาได้

      ผมยกน้ำไปเสริฟ์แขกไม่พึ่งประสงค์ ทำไมเหรอครับ? ผมไม่อยากให้มันรู้นี่ว่าในบ้านผมมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไง ยังรู้สึกเกลียดขี้หน้ามันนิดๆอยู่เลยตอนที่แอบไปค่ายด้วยกันโดยไม่บอกผม

      “มา’ไม?” ผมเริ่ม

      “จะชวนไปเดิน’ดิส”

      “เด๋วแม่ว่า” ตอบเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงยังไงไม่รุ

      “ใครว่า?” ผมลืมไปว่าแม่ยืนฟังอยู่ตรงนั้น ไอ้ชิพงี้ยิ้มกว้างเชียวครับ มันหันไปประจบแม่ผมแทน

      “ชิพขอยืมตัวแดนไปหน่อยนะครับแม่ มีรายงานต้องปรึกษากันด้วย”

      ผมทำตาโต แม่! อย่าไปเชื่อกลมันนะ แม่ห้ามผมทีซิแม่!(เวลาต้องห้ามกลับไม่ห้าม วุ๊ย!!!...-I_I-)

      “เออๆ ดีลูกดี เที่ยวเล่นไปคิดงานไป ไอเดียจะได้บรรเจิดไง”

      โครม!!!(เสียงหน้าแตก+ผิดหวัง)…เฮ้อ แม่ตูน้อ

      “อ้าว ไปเตรียมแต่งตัวซิ เพื่อนรอนานแล้ว ไปเหอะปะ เดี๋ยวแม่ให้เงิน”

      อ้าวเฮ้ย วันนี้ไหง่แม่ใจดีเป็นพิเศษเนอะ ผมมองหน้าไอ้ชิพที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม สลับกับมองหน้าแม่ โวย...ผมอยากอยู่บ้านมากกว่า ไม่อยากไปเดินห้างหรูๆกับไอ้คุณหนูไฮโซนี่ ไม่อยากไปวุ้ย!!!



      ผมโดนมันล็อคคอเดินไปด้วยกันตามซอกซอยต่างๆภายในสยามเซ็นเตอร์ ไอ้วงเวียน(centre?)อโคจรแบบนี้ผมไม่รู้ว่าพวกวัยรุ่นชอบมาเดินเล่นกันทำไมมากมาย คนก็เยอะ มืดก็มืด ร้อนก็ร้อน แต่ยังไง๊ยังไงคนมันก็ยังแห่กันมาเดินเบียดเสียดอยู่ดี

      “ไง เคยมาเปล่า?” ไอ้ชิพถาม มองหน้ามันแล้วอยากต่อยสักป๊าง ทำหน้าเยาะเย้ยกูเหรอ เดี้ยะๆมึงเจอดีแน่ อ้ายสาดดด

      “กูคนกรุงเทพ ไม่เคยมาก็ควายแล้ว”

      “แล้วไมถึงไม่ร่าเริงเลยล่ะ” มันเอานิ้วมาบีบจมูกโด่งๆของผมเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว ผมรีบปัดออก

      “กูไม่ชอบ”

      “ไมอ่ะ หน้าตาอย่างมึงก็อินเทรน ออกจะเด่นด้วยซ้ำ เป็นถึงลูกครึ่ง มึงออกมาเดินโชว์ตัวบ้างซิวะ แมวมองเยอะนะเฟ้ยที่เนี้ย มึงเข้าวงการได้เมื่อไรกูจะได้ไปอวดใครเขาได้สักทีว่ามีเพื่อนเป็นดารา”

       “มึงก็เป็นซะเองเด่”

      ความจริงหน้าตาอย่างชิพน่าจะโดนใจสาวแท้ สาวเทียม(?)ทั่วประเทศมากกว่าผม ไอ้ลูกครึ่งหน้าขาวอย่างผมเหร๊อ? ไม่อินเทรนแถมยังดูเจี๋ยมเจี๊ยมอย่างบอกไม่ถูก ดูไม่เท่ห์แบบเถื่อนๆเหมือนของไอ้ชิพเอาซะเลย

      “ไม่เอา อยากโชว์มึงอ่ะ”

      “โชว์ทำ_มึงดิ”

      “อ้าวไอ้เหี้ยนี่พูดดีๆด้วยแล้วไม่ชอบ ชอบแบบไหนห๊า!? แบบนี้ใช่มั้ยนี่ๆ”

      มันเอาไอติมที่มันอมแล้วมาป้ายแก้มผม(มานั่งพักในร้านไอติมที่มันติดกระจกอ่ะคับ แบบว่านั่งแล้วมองออกไปเห็นทางเดินที่คนเยอะๆ) อี๊~~~ ชก-กา-ปกมากมาย ไอ้เลวชิพ ไอ้ซกมก! o(>_<)***o

      “เล่นบ้าอะไรของมึงว่ะ!” ผมถลึงตาใส่ มันหัวเราะแล้วก็หยิบทิชชูจะมาเช็ดให้ ผมรีบปฏิเสธ

      “ไม่ต้อง เด๋วกูเช็ดเอง”


      “ไมอ่ะ”
      
       “เดี๋ยวคนมาเห็นเข้า คนเยอะ...” ไม่ใช่อะไร...ผมก็อายเป็นนะกั๊บ >.<

      มันอึ้งไปครับ แต่ก็ยังไม่ยอมลดความพยายาม แย่งทิชชูในมือผมไปไว้ในมือมัน แล้วค่อยๆบรรจงซับคราบไอติมสีขาวๆที่ข้างแก้มออกให้…

      “แล้วทีมึงกับพี่มาร์คล่ะ...ใครก็เห็น...” มันแอบพูดเสียงเบาขณะกำลังตั้งหน้าตั้งตาเอียงคอเช็ดแก้มให้ ใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันที แก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หน้ามันเฉยชา...

      “แล้วไมวะ” ผมชักเริ่มรำคาญ มันมีสิทธิอะไร? กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู

      มันมองตา แล้วตวัดกลับไป “…”

      “มึงชอบพี่เขา เข้าแล้วใช่ไหมล่ะ”

      เฮ้ย!!!

      “มึงว่าไงนะ???” ผมร้องเสียงหลง(ไม่อายคนที่นั่งอยู่แล้ว)

      “กูรู้นะว่ามึงชอบพี่เขา แล้วมองก็ออกอีกว่าพี่เขาก็...แอบมีใจให้มึงเหมือนกัน”

      “มึงพูดเรื่องอะไร?!”

      “กูพูดเรื่องที่มึงชอบผู้ชาย ได้ยินชัดไหม มึงชอบผู้ชาย มึงเป็นเกย์!”

      ….

      ตึง!!! O_O

      ….

      ตึง ตึง!!! O[0]O!!

      ….

      ผมพูดอะไรไม่ออกไปสามนาทีเต็ม เห็นหน้าไอ้ชิพคนพูดแล้วยิ่งเจ็บปวดใจ สับสนใจ...เฝ้าถามตัวเองว่าที่มันพูดน่ะจริงมั้ย? จริงเหรอที่ตัวผมเองชอบ...ผู้ชาย ผู้ชาย...

เกย์?!!!

      “ไง อึ้งเลยล่ะซิ”

      “...”

      “บอกตามตรง กูไม่ได้คาดหวังว่าให้มึงพูดไม่ออก แต่กูอยากให้มึงรู้จักตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น”

      มันหมายความว่ายังไงของมันวะ?

      ผมเงียบ ไร้อารมณ์จะละเลียดของหวานต่อไปแล้วล่ะครับ จนไอ้ชิพลากแก้วของผมไปจัดการต่อเอง

      “เฮ้ย ไม่ต้องกระแดะอึ้งนานขนาดนั้นก็ได้ อ้าว จะกินต่อหรือเปล่า?”

      ผมไม่ตอบ ไม่พยักหน้า มันเสือกตักไอติมจะมาจับยัดใส่ปาก แต่ผมหลบ มันเลยไถลไปโดนใกล้ๆคางอีกครั้ง คราวนี้ไอ้เลวชิพมันถือโอกาสโฉบหน้าเข้ามาใช้ปากเช็ดให้แทน...ฮึ้ย...สกปรกสิ้นดี(แต่เสียวสุดๆ...มึงถือว่ากูกำลังเบลอใช่มั้ยอ้ายเชรี่ยยย)

      “~ช่างเหอะแดน อย่าไปคิดมาก” มันถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ แลบปลายลิ้นชมพูๆออกมาเลียริมฝีปากอย่างเอร็ดอร่อย ลมหายใจร้อนๆของมันรดกับปลายจมูกของผมจนสั่นสะท้าน มันยิ้มขรึม “กูจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว...แต่ต่อไปนี้มึงต้องมาเดินสยามเป็นเพื่อนกูนะ บ่อยๆด้วย”

      …ไอ้...กูไม่อยากไปไหนมาไหนกับมึงอีกต่อไปแล้ว และไอ้ไอติมห่าโคตรแพงอะไรนี่ด้วย กูก็ไม่อยากกิน กูกินไม่ลง กูไม่ต้องการแดกอีกต่อไป...

                           


       (โปรดติดตามตอนต่อไป)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 13 +ตอบเม้นท์ของตอนที่เเล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 15-01-2008 22:21:28
 :mc3: เย้ ชิพๆลุยเลยชิพ แม่อุสาห์เปิดไฟเขียวให้  :mc2:




( ป.ล.สงสัยต้องเรียกน้องละมั้ง? เราเพิ่ง 16 เอง คุณพี่  :m14: )
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 13 +ตอบเม้นท์ของตอนที่เเล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 16-01-2008 01:24:17
โอ๊ยงั้นอายุ12บ้างล่ะกันฮิๆๆ ล้อเล่น ไงรอติดตามนะจ๊ะน้อง
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 13 +ตอบเม้นท์ของตอนที่เเล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 16-01-2008 17:32:06
              เชียร์ ชิพ อะ

  :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 13 +ตอบเม้นท์ของตอนที่เเล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 16-01-2008 20:58:02
เรื่องที่ขอถาม ไม่ช่ายอารายหรอกครับ แฮะๆ คือว่าตัวผมเองก็อยู่สวน(สวนใหญ่) เลยแค่อยากรู้ว่าบอร์ดแห่งนี้มีเด็กสวนอยู่มากแค่ไหนกันเชียว ยังไงทิ้งข้อมูลไว้สั้นๆก็ได้ครับเช่นอยู่ห้องไร เด๋วจาได้ทักที่รร.ได้ถูก ขอบคุงกับ

ALeX


บทที่ 14

       

       ผมเป็นเกย์???!!! 



      ...เกย์ คือผู้ชายที่มีอารมณ์ มีความรู้สึกลึกซึ้ง มีความรัก...กับผู้ชาย

...เกย์มักจะดูเนี้ยบ แลดูสะอาดและเน้นรูปร่าง เพื่อให้อีกฝ่ายสนใจตนเอง...

...แฟชั่นก็เกินผู้ชายปกติ ความเท่ห์ก็จะเท่ห์แบบผิดปกติเกินผู้ชาย...

                         ...จิตใจและอารมณ์ของเกย์ ภายนอกบางทีก็ดูยาก บางคนท่าทางเหมือนเกย์แต่ไม่ใช่เกย์…

…แน่นอนว่าเกย์ย่อมมีอารมณ์(อย่างว่า)กับเพศเดียวกัน...

...เกย์เวลาเห็นกล้ามของผู้ชายที่ดูแข็งแรงๆ เขาจะมีอารมณ์...

                         ...ในด้านจิตวิทยา เชื่อว่า สาเหตุของการเป็นเกย์ หรือทอม-ดี้ นั้นมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลิกภาพของแม่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาทางจิตใจของเด็กอย่างมาก…

                         …หรือว่าบ้านไหนพ่อแม่แตกแยก หย่าร้าง ลูกมีโอกาสเบี่ยงเบนทางเพศสูง...





      จากบทความทางเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต ผมอ่านทบทวนหลายครั้งจนตาลาย เกย์คือสิ่งมีชีวิตที่ผู้คนเหยียดหยามเช่นนี้จริงหรือ? พวกเขาไม่ใช่คน? พวกเขาไม่มีสิทธิอยู่ร่วมในสังคมอย่างเปิดเผย?...

      พวกเขาโดนดูถูก ว่ากล่าว รังเกียจเดียดฉันท์ แล้วผมล่ะ?...ผมจะโดนสังคมประณามอย่างนั้นใช่ไหม?

      เขา...เรียกบุคคลเหล่านั้นว่า ‘พวกผิดเพศ’…

      ผมเอนตัวนอนพาดบนโต๊ะ กุมหัว...ผมมีสิทธิเป็นเกย์...หรืออาจจะเป็นเกย์ไปแล้วอย่างที่ไอ้ชิพบอกก็ได้

      ครอบครัวของผมไม่ใช่ครอบครัวที่มีความสุขมากนัก พ่อแม่เลิกกันมาแล้วหลายปี

      ผมมีความรู้สึกแปลกๆ...ทั้งกับพี่มาร์ค และไอ้ชิพ...

       ไม่ใช่แค่นั้น ผมแทบจะเรียกได้ว่า ‘ตายด้าน’ กับความสวยงาม น่ารักของเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างจากเด็กผู้ชายหน้าตาดีที่ค่อนข้างทำให้ผมสนใจได้มากกว่า

      มาตราฐานความเป็นระเบียบของผมสูงมาก ทุกอย่างต้องเนี้ยบ สะอาด ถูกต้อง เป็นระเบียบ

      คำนวณดูแล้ว...ผม...ผมเป็นเกย์ ใช่ไหม?...

      …‘บอกตามตรง กูไม่ได้คาดหวังว่าให้มึงพูดไม่ออก แต่กูอยากให้มึงรู้จักตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น’…

      ชิพ...แดนก็ไม่รู้ตัวเอง...ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกัน ว่าแดนจะยอมรับความจริงเหล่านั้นได้ไหม…

      ชิพ...แดนกลัว แดนกลัวสังคมไม่ยอมรับแดน แดนไม่อยากเป็น...ไม่อยากเป็นเกย์!



      …‘แดน...’…

      ใคร?

      ...‘แดน...ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ เราอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้...’…

      ใคร? ใครก็ได้ช่วยที ผมกลัว กลัวเหลือเกิน...

      “แดน!”

      ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมาจากความฝัน ฝันอันเลวร้ายที่เพิ่งจบลงไปช่างน่ากลัวเหลือเกิน...ตามทางที่มืดมิด ไร้จุดหมาย มีแต่ความหนาวเย็น โดดเดี่ยว อ้างว้าง...เสียงก่นด่าประณามดังมาไม่ขาดสาย จะหันไปทางไหนก็มีแต่คนตะคอกใส่ ไม่ยอมรับ รังเกียจ...ยิ่งกว่าตัวเชื้อโรค

      “ชิพ!”

      ผมผวาเข้ากอดคอไอ้ชิพแน่น ร้องไห้โฮไปกับมัน สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆหู ชิพมันโอบกอดผมไว้แน่น ตบหลังพร้อมเอ่ยเสียงนุ่มๆปลอบใจ

      “แดน เป็นอะไรไปแดน ชิพอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ...”

      ผมยังคงกอดชิพอยู่นาน ตัวสั่นเป็นลูกนก จนมันรำคาญ(มั้ง?)เลยค่อยๆปลดแขนทั้งสองข้างของผมซึ่งรัดรอบคอของมันอยู่ออก ใบหน้าของผมเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา สายตาพร่ามัว...ยกเว้นความหวาดกลัวที่บังตา ทำให้สมองคิดอะไรไม่ออก เต็มไปด้วยความสับสน

      “ไม่เป็นไรนะ” นิ้วโป่งของชิพแตะเบาๆทั้งสองข้างแก้ม ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของผมจนหมด...แววตาแลดูอบอุ่นห่วงใยจนผมใจชื้นขึ้น แววตา...ที่หยั่งลึกลงมาในหัวใจของผม เยียวยารักษาความหวาดกลัวในจิตใจ ผมเพิ่งรู้ว่า ไอ้ชิพอบอุ่นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

      “เป็นไรมากเป่าเนี่ย? เห็นละเมอร้องไห้โฮ...ฝันร้ายเหรอ”

      “กูกลัว...กลัว...”

      “...อะไรกัน คิดมากเกินไปหรือเปล่าเรื่องนั้น…” มันเหลือบไปทางจอคอมพิวเตอร์ที่บัดนี้หน้าจอสว่าง มันคงรู้เรื่องแล้วล่ะว่าผมฝันร้ายเพราะอะไร จากเว็บไซต์สุดท้ายที่ผมได้อ่าน

      มันเขยิบเข้ามากอดผมอีกครั้ง ทำไมนะ? เวลาผมอยู่ในอ้อมกอดของมันแล้วถึงได้รู้สึกอบอุ่น อุ่นไปทั่วทั้งห้องหัวใจแบบนี้...

       เสียงของมันอ่อนโยน ไม่น่าเชื่อ...

      ผมคลายสะอื้น ปาดน้ำตา รับทิชชูที่มันส่งมาให้เพื่อสั่งน้ำมูกน้ำตาให้เรียบร้อย เห็นมันยิ้มๆ “แล้วนี่มาไง...”

      “~เป็นห่วง เลยแวะมาดู”

      “อย่านอกเรื่อง”

      “อ้าว จะเป็นห่วงเพื่อนแล้วแวะมาดูไม่ได้เหรอ ในเมื่อ...”

      “เมื่ออะไร?”

      “เปล่า” มันโกหกหน้าตาย แต่ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันคิดอะไร ช่างแม่ง(-_-)*** “ความจริงก็คือวันนี้กะจะชวนออกไปดูหนัง มาถึงแม่มึงก็จะออกไปข้างนอกแล้ว บอกฝากมึงด้วย กูเลยขึ้นมาได้” มันหมายถึงห้องที่อยู่บนชั้นสองของผม

      “ไม่ไปไหนทั้งนั้น”

      “ไมอ่า?” หน้ามันเสียไปนิด

      “แม่ไม่อยู่บ้าน”

      “ไม่เห็นเกี่ยว” ไอ้ชิพเถียงคอเป็นเอ็น

      “แม่กูไปไหน?”

      “ไม่รู้ซิ บอกแค่ว่าออกไปไหนก็ให้ปิดบ้านด้วย เท่านั้นแหละ”

      ไอ้ชิพนั่งลงที่พื้น ดึงแขนผมตามลงไปนั่งข้างๆมัน มันขำเหี้ย’ไรก็ไม่รู้ อีกอย่าง ตาผมแดงๆอยู่แบบนี้จะให้ไปไหนกับมันได้ล่ะ ไอ้โง่(ด่าเพราะสะจายยย มีไรป่าว?)

      “โกรธเหรอ?”

      “โกรธเรื่องอะไร?”

      “เรื่อง...ที่เราพูดไปเมื่อวันก่อน คิดมาก...” มันเกาหัวอายๆ หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย คงอายล่ะครับที่ต้องมาพูดเราๆนายๆกับผม ไอ้เราก็กระดากเล็กน้อย ไอ้ชิพเนี่ยนะยอมพูด ‘ดีๆ’ กับผม

      “เออ โกรธ” ผมตอบสงเดช

      “อ้าว โกรธก็หายซะจิ น้า อย่างอนน้า ไปเที่ยวกันนะ นะ” มันลูบหัวผมปอยๆ ยิ่งปัดก็ยิ่งลูบ จนผมรำคาญ มันเลยหยุด

      “ฮั่นแน่ ยิ้มออกแล้ว หายโกรธกันแล้วใช่มั้ย?”

      “…” แล้วมึงคิดว่าไง

      เวลาบทจะอ้อน...ง้อ...เลี่ยนจนอ้วกจะแตก :-<   

      “ถ้าหายแล้ว...มึงก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวซะ ไป๊!”

      อ้าว!!! (o_O)*** เมื่อตะกี้ยังพูดดีๆกับกูอยู่เลย ตอนนี้มาขึ้นเสียง แถมยังเอาตีนมาถีบกูอีก!@!! เป็นบ้าอะไรของมึงฟ่ะ! (ถ้าไม่นับว่ามันตัวใหญ่กว่าผม ได้วางมวยกันและคับ -_-)

      “ตะโกนใส่กูหาพ่อมึงเหรอ***”

      “พ่อกูตายไปแล้วเฟ้ย ไป รีบไปอาบน้ำ เตรียมออกไปกับกู วันนี้ที่จอดรถไม่ค่อยดีด้วย” บ้านมันรวยไงฮะ เป็นคุณหนู ‘เด็จย่าแม่งให้ขับรถเบนซ์ไปเที่ยวไหนต่อไหนตั้งกะอยู่ม.3

      “ไม่ไปได้ป่ะ กูง่วง” ปวดหัวจากการร้องไห้ด้วยครับ

      “ไม่ได้ เอ๊ะ!ไอ้เชี่ยนี่พูดไม่รู้เรื่อง หรือว่าจะให้กูจับแก้ผ้าอาบให้”

      มันทำตาโต ผมเลยต้องลุกเดินไปทางห้องน้ำอย่างว่าง่ายตามระเบียบ แต่แล้วมันก็ลุกตาม จับข้อมือผมไว้ แล้วดึงเข้ามากอดคับ ผมเกือบปล่อยโฮอีกรอบแล้วนะเนี้ย (~ขี้แย~ ToT)

      “ไม่ต้องคิดมากนะแดน คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ฉะนั้นเรามีโอกาสแล้วขอให้เลือกทางเดินที่ถูก เป็นคนดีแค่นี้ก็พอแล้ว เข้าใจมั้ย?”

      เอ จะว่าไปแล้วคนอย่างไอ้ชิพมันก็คิดเป็นกะเขาเหมือนกันนิ...ผมพยักหน้าอยู่ใต้คางมัน(มันสูง180กว่าๆนู่นแหนะ) ตัวมันห๊อมหอม...กอดแล้วก็พอดีไม้พอดีมือ ผมอยากถูกใครสักคนกอดแบบนี้บ้างมานานแล้ว...

       เฮ้ยๆ!!! คิดบ้าอะไรของมึงว่ะไอ้แดน

      …แต่มันให้อดคิดไม่ได้นี่ เพลินไปหน่อย แต่ก็ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน...

      “ไปอาบน้ำได้แล้ว วันนี้จะพาไปสวนสัตว์ รีบไป เดี๋ยวคนเยอะ”

      ง่ะ? วกเข้ามาที่เรื่องบังคับบังคากันอีกแล้ว

      ผมลองอีกรอบ “ขอร้อง พาคนอื่นไปได้ไหม เด็กมึงไง เยอะไม่ใช่เหรอ”

      “ก็วันนี้จะเอาเด็กคนนี้อ่ะ”

      “ใครเด็กมึง?!” มันมองอย่างเห็นอกเห็นใจแทนที่จะตอกผมกลับ ไอ้เวร(T_T)

      มันไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่ดันหลังผมไปเข้าห้องน้ำ ผมกระแทกประตูใส่หน้ามันด้วยความอัดอั้นตันใจ...แต่ในเวลาที่ผมต้องการใครสักคนมาปลอบใจ มันก็อยู่ตรงนั้นเพื่อผม ต้องการใครสักคนเคียงข้าง มันก็คือคนๆนั้นของผม...มันเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา และสิ่งที่มันพูดก็ทำให้ผมคิด เราจะแก้ไขอดีตได้อย่างไร? แล้วเราจะแก้ไขไปเพื่ออะไร? สู้เราเรียนรู้ ยอมสู้กับมัน ยอมรับมัน อย่างนั้นไม่เป็นประโยชน์กว่าหรือไง

      ผมจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และยอมรับในสิ่งที่ผมเชื่อ...อยู่ในจิตใจของผม

      ผมให้สัญญาชิพ



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 16-01-2008 23:55:09
ตอนนี้เชียร์ชิพ แหละ ฮิๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 17-01-2008 00:27:23
ดีกันทั้งคู่แบบนี้
ว่าแต่สงสารสุดคงเป็นชิฟ ที่แม้แต่จะแสดงความรักออกมายังไม่สามารถทำได้
 :m15: :m15: :m15:
ได้แต่รอคอยแดนที่แทบจะไม่รู้หัวใจตัวเอง และโอกาสยากนักจะหันมาเหลียวมองชิฟ

เพราะพี่มาร์ทก็ดีแสนดีแล้วก็อยู่ในใจมานาน
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 17-01-2008 08:52:18
แฟนคลับชิพอะ   เชียร์ชิพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: gnoy ที่ 17-01-2008 16:09:58
สวัสดีครับ Alex
เพิ่งมาอ่านครั้งแรกครับ และจะติดตามต่อไปนะครับบบบ
ผมก็เปนเด็กสวนครับ รุ่น ๑๒... (๗๒พรรษา)เท่าที่เห็นในเล้าก็จะมีพี่เตอิ้ง อีกคนนึงที่เป็นเด็กสวน

ยังไงก็จะคอยเป็นกำลังใจให้ Alex ต่อไปนะครับบบบ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: stayingpower ที่ 17-01-2008 17:46:23
 :m23:

OSK (ฟ้าใหม่) ครับ


อุ๊แม่เจ้า ... น้องข้างบนรุ่น 72 พรรษา ...... ตอนนั้นยังเป็นเด็กม . 1 ซิงๆอยู่เลยซินั่น
555
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: gnoy ที่ 17-01-2008 18:49:32
แน่นอนครับพี่เตอิ้ง ตอนนี้ก็ยังโสดและก็ซิงด้วย555

แต่ตอนนี้ปีสามแล้วแก่ขึ้นเยอะเลยครับ555

แล้วพี่เตอิ้งนี่ รุ่น ๑๑๘ ใช่ป่ะครับบบบ

ว่าแต่เมื่อไรพี่เตอิ้งจะมาเขียนเรื่องต่อละครับบบ อนานแล้วนะครับบบ

ผมแอดเมล์พี่เตอิ้งไปแล้วนะครับบบที่จริงแอดไปนานแล้วล่ะแต่ยังไม่กล้าคุย555
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 17-01-2008 22:03:34
 o2 เข้ามาอ่านครั้งแรกนะครับ อ่านทันซะที
แหะๆ เลือกลำบากนะครับนี่ ระหว่างพี่มาร์คกับชิพ
ทั้งสองคนมีเสน่ห์กันคนละแบบแฮะ  :m1:
พี่มาร์คก็ดูเป็นคนอบอุ่น น่ารัก ใจดี
ส่วนชิพก็ดูลึกลับ น่าค้นหา แล้วก็ทะเล้น ซ่าๆดี
สรุปแล้วขอเก็บไว้ทั้งสองคนได้มั้ยครับ  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 18-01-2008 18:34:05
ดีครับแดน เราชื่อไก่ น้า

เชียร์ชิพครับ อิอิ

มาอัพบ่อย ๆ นะครับ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 18-01-2008 20:59:34
สวัสดีคับ วันนี้เอามาลง 2 ตอนเน้อ อิอิ :a2: แล้วขอตอบเม้นท์นิดส์นะคับ

ifwedo คับเพ่ ขอบคุณมากๆนะครับที่เข้ามาเยี่ยม เชียร์ไอ้ช็อคโกแล็ตชิพคนนี้ต่อไปนะคับ!  :a1:

b|ueBoYhUb โห ขอบคุณมากๆคับสำหรับการวิเคราะห์ระดับเทพ o13 ตอนนี้แดนกำลังสับสน แต่อ่านตอนใหม่นี้แล้วคงเดากันได้เเละคับ (ยังไม่จบนะ อีกนานนนนน)

wutwit เย้ๆ แฟนคลับชิพสู้ๆน๊า

gnoy พี่เป็น osk 123 หรือเปล่าอ่ะคับ? ถ้าใช่รู้จักพี่อินป่ะ? เค้าเปงลูกพี่ลูกน้องผมเองล่ะ

stayingpower ถ้าพี่เตอิง (ขออนุญาตเรียกตาม) เป็นรุ่น 118 รู้จัก ไอ้จุ่นป่ะ? นั่นอ่ะพี่ชายแท้ๆของผมเองแหละ เหอะๆ (คือทั้งบ้านจบskหมดเลยอ่ะ)

gunkrub ดีคับ แต่ขอโทดด้วยจริงๆที่แดนไม่สามารถเก็บเขาไว้ได้ทั้งสองคน...แต่งจบแล้ว แบบเศร้าด้วย ฮึกๆ... :o12:

badboy_cools หวัดดีคร้าบไก่ ยินดีที่ได้รู้จักน๊า ขอบคุงมากนะกั๊บที่เป็นกำลังใจให้  :oni2:

เฮ้อ  o2 คนสุดท้ายครบแล้วนะครับ เเล้วเราค่อยคุยกานใหม่ อ้อ ปล. พวกพี่ๆอย่าเอาไปบอกพวกพี่ชายผมล่ะว่าเราเจอกันในบอร์ดนี้  :m15:


บทที่ 15      



      ‘ตื่น...ตื่น...ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง...’

      “…”

      ตุ๊บ! (เสียงผมเอาฝ่ามือตบนาฬิกาปลุก…แมร่งโคตรลาว เด๋วต้องเปลี่ยน)

      “…”

                        เฮ้อ...เปิดเทอมอีกแล้วครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องไปร่ำเรียนในภาคเรียนที่สอง เวลาส่วนใหญ่ในช่วงปิดเทอมก็อย่างที่เล่าไปอ่ะครับ ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก เพราะมันเป็นปิดเทอมเล็ก เวลาน้อย ไปค่ายกะเที่ยวตะลอนกับไอ้ชิพ แป๊บๆทีเผลอก็เปิดเทอมซะแล้ว ว้า~~~แย่จัง

      เสียงแม่ : รีบไปโรงเรียนเร็วเข้า เดี๋ยวสายวันแรกแล้วโชคร้าย

      เสียงผม : โหแม่ เชื่อเรื่องดวงตั้งกะเมื่อไหร่?

      เสียงแม่ : เปล่า พ่อแกเขาเชื่อ อ้าวนี่! รีบกินข้าวกินปลาเข้าเซ่~~~ไอ้ลูกคนนี้

      เสียงผม : (โห แอบฮาร์ดคอร์) คร้าบแม่ ผมไปและ บ๊ายบาย

      เสียงแม่ แม่เอง และแม่นั่นแหละ : พูดกับผู้ใหญ่ให้สวัสดีไม่ใช่ให้บ๊ายบายเหมือนเด็กปัญญาอ่อน เอ๊ะ! ทำไมสอนแล้วไม่เคยจำนะไอ้ลูกแดน แล้วอย่ากลับเย็นล่ะ มาให้ทันกินข้าว ให้ชิพพามาส่งบ้านก็ได้ ตั้งใจเรียน ประหยัดเงินแม่ด้วยนะลูก...ฯลฯ

      

      และนั่นคือบทสนทนาระหว่างแม่กับผม สั้นๆยามเช้าตรู่ก่อนแม่ไปทำงาน ผมไปโรงเรียนครับ(ซึ่งดูเหมือนจะไม่สั้นเพราะแม่ลากเสียงยาวมากกกก)

      เดินออกมาหน้าปากซอยสักพัก เสียงแตรรถคันหนึ่งก็ดังขึ้นระยะเผาขน ใกล้จนผมสะดุ้ง ตามด้วยรถคันใหญ่สีเงินมันปลาบซึ่งแล่นมาจอดเทียบท่า

      “เฮ้ย ขึ้นรถ”

      “เอารถไปโรงเรียนได้ไงว่ะ?” ผมถามไอ้ชิพงงๆ

      “คุณย่าท่านโทรศัพท์ไปขออนุญาตทางโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวเอาไปจอดที่วัด...” มันเอ่ยชื่อวัดเก่าแก่ตรงข้ามโรงเรียน เจ้าของที่

      อย่างที่บอกอ่ะครับ ไอ้ชิพมันลูกคนรวย มากถึงมั่กมาก~~~ถึงขนาดมีเบนซ์ขับไปกลับโรงเรียนเอง ย่ามันก็ตามใจ ถือว่าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกับมันไงครับ ท่านเลยคงกลัวเด็กมีปัญหา ขาดความอบอุ่น ฉะนั้นหลานชิพอยากได้อะไร ‘เด็จย่าจะประทานให้ทุกรายการ

      “ไม่ต้องเกรงใจ” ผมเลื่อนตัวมานั่งเบาะหน้าคู่กับมัน มันพูดประโยคนี้ทุกครั้งแหละคับที่ผมนั่งรถมัน แต่ถึงจะนั่งจนชินตูดแล้ว(ขออภัยที่หยาบคาย) ผมก็ยังเกร็งๆกับรถราคาเท่าบ้านพร้อมที่ดินของมันอยู่ดี

      มันเลี้ยวเข้าไปจอดในที่จอดรถส่วนตัว ซึ่งจ่ายเงินค่าเช่ารายปีกับทางวัด...เราสำรวจดูความเรียบร้อยก่อนเดินเข้าประตูโรงเรียน ผมไหว้ครูเวรอย่างเรียบร้อย ไอ้ชิพมันก็ไหว้เรียบร้อยอยู่หรอกครับ แต่พอลับหลัง มันก็เดินกร่างเหมือนเดิม

      ผมมองหน้ามันแล้วยิ้ม ชิพสนิทกับผมมากในปีนี้ แล้วเราเริ่มสนิทกันมากตอนไหนนะ?...ผมเห็นมันยิ้ม รอยยิ้มทรงเสน่ห์พิมพ์ใจของมัน แบบนี้ อย่างนี้ ผมจำได้ดี จะว่าไปแล้วมันก็หล่อดีนะครับ น่ารักใช้ได้(น้อยกว่าผมนิดส์นึ่ง) เวลามันยิ้มแล้วดวงตามันจะยิ้มตาม ตาหวานๆ...ยิ้มทะเล้นแบบเด็กแก่นๆ แต่ตัวใหญ่ยั่งกะตึกเอมไพร์สเตท (เอิกร์ o_O*)

       “มองไร แอบชอบเหรอ” มันทักได้กรวนส้นตรีนมาก

      “...” แอบโชว์สัญลักษณ์นิ้วให้มันนิ้วนึ่ง

      “ไม อยากได้มากนักเหรอไงมึง?”

      เราหยอกล้อกันพอสมควรแก่เวลา เข้าแถว ฟังพวกผู้บริหารช่วยรดน้ำต้นไม้ในสนามหญ้าโรงเรียน ตรวจผม เช็คชื่อ เข้าห้องเรียน เรียน เรียน แล้วก็เรียนครับ ฯลฯ

      ตอนเที่ยงผมเดินออกไปกินข้าวกับไอ้ชิพ แต่แยกกันซื้อ แล้วเสียงคุ้นๆก็ดังทักขึ้นข้างหลังผม

      “อ้าวแดน” พี่มาร์คน่ะเอง โห ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน ผมรู้สึกว่าพี่เขาหล่อขึ้นเป็นกองเลยครับ *O*

      “หวัดดีครับพี่มาร์ค” ผมยิ้ม ทักทายแบบเป็นกันเองนิดหน่อย เพราะถือว่าสนิทกันแล้ว ไม่ต้องพิธีรีตองมาก

      “กินไรอ่ะเราวันนี้...”

      พี่เขาชวนคุยตามประสาคนรู้จักกัน โดยธรรมชาติเค้าเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์สูงอยู่แล้ว แต่เปิดเทอมคราวนี้เวลาสบตากันแล้วบังเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร...แต่ผมรู้สึกว่าดวงตาของเขาเป็นประกายล้อแสงไฟ...แล้วก็หวานเยิ้มยังไงไม่รู้...

      นี่คงเป็นครั้งแรกล่ะมั้งครับ ที่เราได้พบหน้ากันหลังจากจบค่ายอนุรักษ์ของชุมนุมอนุรักษ์ธรรมชาติ(และสิ่งแวดล้อม) ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ใจเต้นกับพี่มาร์ค...คือตอนที่พี่เขาละเมอความในใจของเขาออกมา เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง...

      แม้กระทั่งตอนนี้ ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ และไม่รู้ด้วยว่าหากพี่มาร์คถามคำถามผมตอนที่พี่เขามีสติจริงๆ...ผมจะตอบยังไง

      “ว่าแต่...แดน เย็นวันพรุ่งนี้เราว่างมั้ย?”

      ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมเหรอครับ? ประชุมที่ห้องเหรอพี่?”

      “เปล่า...พี่ พี่อยากคุยอะไรกับเราหน่อยน่ะ”

      ไม่รู้ว่าผมเพิ่งเห็นพี่เขาหน้าแดงหรือเปล่า เหอะๆ แต่ท่าทางพี่มาร์คยืนอยู่ไม่สุขเลยครับ แบบว่าลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล ซึ่งปกติแล้วพี่มาร์คไม่ได้เป็นคนแบบนี้ ออกจะสุขุม สุภาพ นุ่มนวลเสมอต้นเสมอปลายมากกว่า

      “ว่าไง...ว่างป่ะ” พี่เขายิ้มอายๆ(?)มาให้ผม

      “ว่างครับ” ผมตัดสินใจตอบตกลงไปในที่สุด (เอาว่ะ กูก็อยากรู้เหมือนกัลว่าอะไร)

      “งั้น..ไปที่ห้อง 21xx นะครับ ตอนหลังเลิกเรียน แล้วพี่จะรอ”

      แล้วร่างสูงก็เดินออกไปจากแถวซะงั้น อ้าวเพ่! สรุปนี่ที่มาต่อคิวซื้อข้าวคือแค่จะมาคุยกับผมใช่ม่ะคับ งงฮะ! (o_O***)

      “ไง เขามาคุยอะไรด้วย?” ยึ๊ย!!! ไอ้ชิพนี่เอง มันเข้ามากระซิบใส่หูกรูตั้งก่าเมื่อไรว่ะ แมร่งงงง ขนลุกเลย...

      “มะ...ม่ะมี’ไร”

      “~จริงดิ…” มันทำสีหน้าเย็นชาอีกแล้วง่า ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงมันอีกแย้ว T_T

      “อะ...เออดิว้า~~~ กูพูดแล้วไม่เชื่อเง้อ...”

      ได้ข้าวแล้วก็รีบเดินหนีมันออกมาเลยครับ เฮ้อ...หมู่นี้ไม่รู้คนรอบข้างที่ผมรู้จักเป็นอะไร อารมณ์ขึ้นๆลงๆเหมือนผีเข้าผีออก เดาใจไม่ถูกไปหมดซะงั้น (~แงะ!~)




หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 14 นี่ ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 18-01-2008 21:03:05

บทที่ 16

      

      ตกเย็นของวันรุ่งขึ้น ณ ห้อง 21xx

      บรรยากาศที่เงียบงันไร้ผู้คน ประตูหน้าต่างซึ่งทำจากไม้ปิดสนิทหมด ภายในห้องเรียนตึกเก่าจึงมืดอึมทึม ผมเดินไปเปิดพัดลมกับหน้าต่างบางบานออกเพื่อเป็นการระบายอากาศ แล้วนั่งรอคนที่นัดผมมาในวันนี้

       สักพัก พี่มาร์คก็วิ่งกระหืดกระหอบมา เนื้อตัวมีแต่เหงื่อโทรมกาย ผมสวัสดีทักทายพี่เขาตามเคย

      “ดีคับพี่มาร์ค”

      “อะ...คับ แดน”

      ผมสังเกตว่าพี่มาร์คเหมือนเพิ่งออกกำลังกายชุดใหญ่มา สงสัยคงไปเตะบอลมา ส่วนแก้มเหนือลักยิ้มทั้งสองข้างก็แดงก่ำ ยังไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวพี่แกก็ยื่นกระดาษแผ่นนึ่งมาให้

      “ดะ...แดน พี่ต้องรีบไปแล้ว พวกเพื่อนพี่มัน...ซุ้มอยู่”

      ยังไม่ทันได้รีรอปฏิกิริยาจากผม พี่มาร์คก็วิ่งออกจากห้องหายไปเลยครับ ผมที่กำลังยืนถือกระดาษแผ่นเล็กๆสีขาวในมืองงเป็นไก่ตาแตก (+.+****) พี่มาร์คเป็นอะไรไปไม่ทราบ? เหมือนปกปิดอะไรสักอย่างจากเพื่อนๆของเขา เหอะๆ แถมสีหน้าตอนที่ก้าวเข้ามาในห้องนั้นก็ดูกล้าๆกลัวๆ อายๆ(หรือป่าวหว่า...)ยังไงไม่รู้

      โรงเรียนนี้ชักจะมีแต่คนบ๊องๆมากขึ้นไปทุกวัน แต่ช่างเถอะ...ผมแกะโน้ตแผ่นเล็กๆแผ่นนั้น ข้อความที่เขียนไว้ข้างในเป็นลายมือวัยรุ่นน่ารักๆ(แบบสมัยก่อนอ่ะ คงนึกออกนะฮะ) เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงิน คล้ายๆเนื้อเพลงหรืออะไรซักอย่าง หลายวรรคอยู่เหมือนกัน...



                          ...ก่อนมันจะสายไปก่อน ขอฉันได้บอกถ้อยคำบางอย่าง

 

                                       อาจไม่ฟังจับใจ แต่มันมาจากส่วนลึกที่มี



                            อยากบอกว่า ‘รัก’ ที่สุด ถึงแม้เวลาของเราเหลือน้อยลงทุกที



                                       ขอพูดคำหนึ่งคำนี้ เท่าที่เวลายังเหลือพอ...



      ฮื้อ? อะไรหว่า นี่พี่มาร์คจะมาวานให้ผมทำธุระอะไรให้กันนะเนี้ย???

      จะให้ผมไปบอกรักใครแทนเหรอ?

      ไม่เอาหรอก...ผม ไม่ถนัดจะเป็นพ่อชักแม่สื่อให้กับใคร โดยเฉพาะพี่มาร์ค...ไม่มีทางเด็ดขาด

      ...อยากบอกว่ารัก...เพียงแค่ได้ยินคำๆนี้ หัวใจของผมมันก็พากันเต้นไม่เป็นจังหวะ

      ผมเดินกลับบ้านด้วยความครุ่นคิด คิด...ว่าสิ่งที่พี่มาร์คต้องการจะสื่อให้ผมรู้ มันหมายความว่ายังไงกันแน่

      ระหว่างทางเดินไปหน้าโรงเรียน(โห อธิบายซะดูเหมือนในโรงเรียนกว้างโคตร)เจอไอ้ชิพนั่งคุยกับเพื่อนสองสามตัวของมันอยู่ตรงศาลา ผมทักทว่าไม่ได้อยากรบกวนมัน แต่ชิพก็โดดตามผมมาจนได้

      “กลับด้วยกัน” มันหิ้วของติดมือมาด้วย

      “ก๊ออยู่กับเพื่อนไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้อง เดี๋ยวกลับเอง”

      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปส่ง ไป กลับ”

      ผมพยายามจะค้าน แต่ก็เกรงใจมัน แล้วก็กลัวไอ้สายตาดุๆคู่นั้นของมันด้วย

      “แล้วนั่นอะไร”

      ตายล่ะหว่า~~~ผมลืมซ่อนกระดาษโน้ตที่พี่มาร์คให้มา มัวแต่เดินเหม่อคิดเพลินๆ เลยสะดุ้งแล้วทำท่าจะเก็บ(โคตรซวย บวก เซ่อเลยกู(+_+)) แต่ยิ่งทำเหมือนปกปิดยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ของไอ้ชิพ มันรีบคว้าไปอ่าน ไม่ทันแล้ว รู้ทั้งรู้อยู่ว่าสองคนนี้ไม่ค่อยชอบหน้ากัน ผมดันทำให้เกิดเรื่องจนได้ โง่จริงๆเลยไอ้แดนเอ้ย!

      “โหย...จดหมายรักหวานซึ้ง ของใครว่ะ?”

      “ไม่มีของใคร...”

      “มึงโกหก กรูม่ายเชื่อ” มันเข้ามาล็อคคอ อ๊อก!!!~ หายใจไม่ออกเฟ้ย!

      “กู...กูไม่รู้”

      “มึงจะบอกดีๆหรือต้องบอกด้วยน้ำตา! หา?!”

      โห ไอ้ประโยคข่มขู่คลาสสิค ผมก็ระอามันเกินกว่าจะไปคัดค้าน อ้อมแอ้มบอกไปเบาๆว่า “ของพี่มาร์ค พี่มาร์คเขาฝากกูมา”

      ทันใดนั้น ดวงตาที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ของมันพลันขุ่นมัวขึ้นมาทันทีเลยครับ นิ่งเฉย เย็นชา...มันแข็งๆไปจากเดิมที่เล่นกับผมอยู่ เราจ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ ไม่ซิ...รู้สึกเหมือนนานมาก...ไอ้ชิพก็เงยหน้าขึ้นมาจากพื้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

      “พี่มาร์ค...ให้มึงเหรอ?” เสียงมันเบาหวิวๆ สะเทือนใจยังไงชอบกล

      “ใช่ ให้มา...”

      มันขมวดคิ้วจ้องหน้าผม “…แล้วมึงตอบพี่เขาไปว่าไง”

      “จะให้กูตอบว่าไง กูยังไม่รู้เลยว่าเขาจะวานให้กูทำอะไร” อ้าวไอ้นี่ สอดรู้เชียวนะมึง

      (อย่าว่าผมเลยนะครับ ไม่ได้กระแดะทำอินโนเซนท์เจงๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าข้อความในกระดาษนั่นหมายความว่าอะไร ก๊อผมมันเด็กเรียบร้อย ด้อยประสบการณ์ ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรักๆใคร่ๆของใครพรรค์นี้อยู่ในสมองหรอกคับ =_=)

      “มึงไม่รู้จริงๆเหรอว่านี่คืออะไร...” ไอ้ชิพทำหน้าเครียด ก้าวเข้ามา

      “มะ...ไม่รู้อ่ะ” ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ พยายามคิดตามไอ้ชิพมัน เผื่อมีไอเดียบรรเจิดจนคิดออก เปล่าหรอก กูเบลอเพราะกลัวมึงต่ะหาก >O<...

      จู่ๆมันก็โฉบหน้าเข้ามาข้างๆหูผม เล่นเอาลมที่พัดเข้ามาระหว่างเราน้อยๆทำใจผมสั่น ตัวก็สะดุ้งไปนิด...มันกระซิบที่ข้างหูผม ทว่าทุกคำพูดชัดเจนจนทำให้ผมตาสว่างพร้อมไปกับไม่อยากเชื่อคำพูดของมัน

      “นี่มันจดหมายรัก แดน...เขาพยายามจะบอกมึง ว่าพี่เขา...แอบรักมึง!”



       (โปรดติดตามตอนต่อไป)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: gnoy ที่ 18-01-2008 22:11:21
น้องAlexครับพอทราบชื่อจริงกับห้องของลูกพี่ลูกน้องรึป่าว เพราะบอกชื่อเล่นอย่างเดียวพี่นึกไม่ออกครับ

ลืมถามเลย แล้วน้องAlexรุ่นอะไรหรอครับ

น้องครับน้องอยู่ชุมนุมอนุรักษ์หรอครับถ้าน้องอยู่แล้วอาจารย์ที่ปรึกษายังเป็นคนเดิมอยู่รึป่าวเอ่ย 555
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-01-2008 23:28:40
เหอ เหอ ไม่ได้อ่านหลายวัน ได้อ่านหลายตอนเลย   :m4: :m4: :m4:
ชอบชิพ ดูมีหลายบุคลิกในตัวดี  :m13:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 18-01-2008 23:56:12
มารอลุ้นว่าแดนจะทำอย่างไรต่อไป ชิพจะมีสิทธ์ พิชิตใจแดนหรือไม่  :m1:

เหมือนเดิม มาต่อไว ๆ นะครับ  :m23: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-01-2008 01:08:41
ออกตัวก่อนว่ายังไม่ได้อ่านเลย แต่เดี่ยวจะตามอ่าน

มารายงานตัวว่า 117 กุหลาบเพชรคับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 19-01-2008 02:36:17
จบเศร้าเหรอ?? จะดีเหรอออ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: mahama ที่ 19-01-2008 14:04:54
จบแบบเศร้าไม่เอานะ  :o12: :o12:

เพราะอ่านแต่เรื่องเศร้ามามากแล้ว  :m21: :m21:

ชีวิตก็เศร้า o7 o7

เพราะฉะนั้นเขียนให้จบแบบ Happy Ending นะ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 19-01-2008 14:18:55
จบแบบเศร้าหรอครับ  :m15: :m15:

ผมไม่ค่อยชอบตอนจบแบบเศร้าเลยอ่า

เพราะว่าผมจะร้องไห้ทุกครั้งที่อ่าน (จริง ๆ นะครับ)

แต่ถึงยังไงก้อจะติดตามอ่านเรื่องนี้ต่อไปครับ

สู้ ๆ ครับ แดน  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: treasure ที่ 19-01-2008 20:55:02
เด็กสวนครับ มารายงานตัว (แต่ว่าแก่แล้วนะครับ)  หัวใจวัยรุ่นเฟ้ย
พอเห็นห้อง 21xx รู้ทันทีเลยว่าตึกไหน วันหลังบรรยายถึงรร. ด้วยนะคับ เพราะคิดถึงเหลือเกิน
เป็นกำลังใจให้นะครับ น้อง o13
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 20-01-2008 17:43:48
หวัดดีคับ มารายงานตัวอีกครั้งกับอีกสองตอน เผื่อวันธรรมดาอาทิตย์นี้ไม่ว่าง จะได้ไม่เหงากัน :m4:

ตอนนี้ยุ่งเรื่องแต่งภาคสองอยู่ แนวการเขียนออกจะเปลี่ยนไปนิด ชื่อเรื่องด้วย แต่เดี๋ยวจาบอกคับ เพราะตอนนี้ยังให้เพื่อนๆช่วยกันคิดอยู่เลย แฮะๆ :m23:

ส่วนเรื่องราวจาดำเนินไปแบบไหน ขออุบไว้นะฮะ อิอิ :m13:

แต่ตัวละครหลักแทบจะทุกตัวนี่มีตัวตนจริงๆหมดเลยนะ คนที่ชื่อชิพอยู่รุ่นเดียวกับผม คนละห้องกาน แต่ผมแอบชอบมันอยู่ ฮิฮิ   :m1:

พี่มาร์คก็อยู่ม.6ตอนนี้ แอบปลื้มอยู่เหมือนกัน อนรนทนไม่ไหวเลยต้องจับเอามาแต่งนิยายซะเลย(โทดทีนะ แต่เปล่าหรอก ผมพอรู้จักกับพี่คนนี้บ้างเจงๆ)

แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งสองคนเปงเกย์อ่ะเป่า...

แต่มันจิ้นเเล้วให้ความรู้สึกแบบนั้นอ่ะ (แค่หน้าตากับหุ่นก็ซีดส์แล้ว!!!...)  :m25:

คุยแค่นี้ก่องนะคับ ไปนอนเเละ ง่วงจัง บ๊าบบาย  :a12:

ALex

ขออนุญาตตอบเม้นท์ งืมๆ

gnoy เด๋วผมไปถามชื่อเจงเขามาให้แล้วกันนะคับพี่ บ้านก็อยู่ใกล้กันแหละแต่เค้าไม่ค่อยชอบอยู่บ้าน  :เฮ้อ:

อ้อ ผมรุ่น127 พิรุณรักษ์ครับ ถ้าท่านอาจารย์ที่พี่หมายถึงคนที่สอนพระพุทธม.5ล่ะก็...ใช่คับ ยังเป็นอยู่ 555+

THIP ขอบคุงมากกั๊บ

myLoveIsYo ต้องคอยลุ้นคับ งานนี้มานไม่มีอะไรแน่นอนคับ >.<

pongsj หวาดดีคับพี่ ผม127 พิรุณรักษ์นะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน๊า

ifwedo เผอิญมานต้องจบเศร้าแบบต่อทิ้งท้ายไปช่วงภาค2นิดๆอ่ะคับ ยังไงเเข็งใจอ่านกานหน่อยน๊า  :m15: :m15: :m15:

badboy_cool ขอบคุงมากๆเลยครับที่เป็นกำลังใจให้ ผมอบอุ่นใจจริงๆ

treasure หวังว่าอ่านตอนนี้แล้วจะคิดถึงร้านอาหารในโรงเรียนเราบ้างนะกั๊บ อิอิ (ตอนนี้โจ๊กตอนเช้าๆก็ยังคงขายแพงอยู่คับ -_-" )  :seng2ped:






ตอบเม้นท์ 
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 20-01-2008 17:49:24

บทที่ 17



      ตอนนี้แล้วทุกคนคงสงสัยล่ะซิช่ะม่ะคับ ว่าผมรู้สึกยังไง?

      เอาเป็นว่า เหตุการณ์ต่อไปนี้จะอธิบายความรู้สึกของผมได้ ชนิดที่เรียกได้ว่าเต็มปากเต็มคำเชียวคับ...



      หลายวันต่อมา คนที่ผมอยากเจอหน้ามาที่สุดก็เอาแต่หลบหน้าผม ขนาดเดินไปเฉียดแถวๆห้องชุมนุมก็แล้ว เขาก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสักที...

      ตอนนี้ความเขินอาย ความไม่กล้า...มันรุมเกาะกุมหัวใจของผมไปหมดแล้วคับ ใจมันสั่น หวิวๆทุกครั้งที่แอบมองไปทุกที่ หวังว่าเขาจะปรากฏตัวสักน้อย แค่แวบเดียวก็คงดี...พอเห็นแค่หน้าคนเหมือน เนื้อตัวผมมันก็แทบลุกเป็นไฟแม้จะไม่ใช่ตัวจริงก็ตาม...

      ความไม่มั่นใจ ความสับสน ความงุนงง...นับวันผ่านไปยิ่งเพิ่มความรุนแรงทวีคูณมากยิ่งขึ้น จนผมเริ่มรู้สึกท้อแท้ใจ...เอ่อ สรุปแล้วกูเลิกตามหาแล้วก็ได้ฟ่ะ ใครจะไปง้อ ฮึ! เอาสารมาเทียบเชิญคนอื่นเขาแท้ๆ แต่กลับไม่กล้าไปงานเลี้ยงซะเอง ไอ้เจ้าชายบ้า! >_<

      จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่กับเจ้าของจดหมาย...หมายถึงความรู้สึกที่แท้จริง...แต่ผมไม่ขอคิด ตอนนี้แค่อยากเจอหน้าเขา แล้วถึงวินาทีนั้นผมจะเลือกอย่างไร ตัดสินใจอย่างไร ขอให้พรหมลิขิตเป็นตัวตัดสินให้คำตอบของมันเอง ผมแค่ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น...

      และแล้ววันนึ่ง ผ่านพ้นมาจากเย็นวันนั้นร่วมสัปดาห์ สายตาซึ่งแอบสอดแนมใครบางคนอยู่พบเป้าหมายตัวฉกาจยืนต่อคิวซื้อข้าวที่ร้านยอดนิยม(เจ๊โหด คือค่ากับข้าวมันแมร่งแพงหฤโหด) ท่าทาง ‘เป้าหมาย’ ยังคงระแวงเล็กน้อย มองซ้ายมองขวาคล้ายกับจะหลบใครบางคนจริงๆ(เข้าใจว่าเป็นผมอ่านะ = =”)

      หลังจากล็อคเป้าหมาย พร้อมจะจู่โจมแบบไม่ให้ทันตั้งตัว(อิอิ) ผมก็เดินมุ่งตรงเข้าไปกลางวงเพื่อนๆเขาเลยครับ แบบว่ากล้ามาก+หงุดหงิดแล้วอ่ะ อ้าว ก็พี่เขาเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ จะให้ผมมัวรออยู่เฉยๆเหมือนเป็นไอ้โง่ได้ไง \(-_-*) มี’ไรป่ะ?<<<

               เข้าไปต่อแถวอยู่หลังเขา ยืนกอดอกงอนๆ(แต่แหม...ก็ไม่ได้ออกอาการถึงขนาดน้านนนน)พร้อมกับจ้องมองพี่เขาไว้ไม่วางตา จนเพื่อนๆช่วยกันสะกิดแขนเจ้าตัว เหอะๆ เพิ่งรู้ตัวเรอะ?

               "อ้าวแดน!" พี่มาร์คสะดุ้งไปนิด ทำตาโตเหลอหลา ไม่ต้องเลยนายตัวดี วันนี้ผมลุยดะแน่นอน!

               "สวัสดีฮะพี่มาร์ค" ผมยิ้มน้อยๆ(เล็กน้อยเท่านั้นแหละ)ที่มุมปาก

      “แดน...” แก้มน่ารักๆของพี่มาร์คชมพูระเรื่อขึ้นมาทันทีเลยคับ(หุหุ >.o) ก่อนจะมองตาเพื่อนๆอย่างอายๆ เข้ามาลากแขนผม เดินกันไปคุยที่ข้างๆห้องสมุดซึ่งมันต่อกันกับโรงอาหาร ตรงนั้นมีคล้ายๆตรอกที่พวกชอบโดดเรียนมักมาสิ่งสถิตอยู่ แล้วก็พวกบ้าล้างหน้า ต้องสำอางค์ไว้ก่อน(ผมก็ไม่รู้เหมือนกังว่าเป็นเกย์เป่า? แต่โรงเรียนชายล้วนก็อ่านะ สรุปอะไรได้ไม่แน่นอน =_=...)

      “พี่มาร์คหลบหน้าแดนทำไม?” ผมเปิดประเด็น

      “พี่...พี่ไม่ได้หลบหน้านะ เปล่าซักหน่อย” เชอะ ชักแม่น้ำฮวงโหมาก็ไม่มีวันเชื่อ

      “ก็เห็นอยู่ว่าพี่มาร์คจะเดินหนีแดน แดนรู้หรอกฮะ”

      เมื่อไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาทำลายความเงียบ พี่มาร์คเขาก๊อค่อยๆสบตาผมนิ่งๆ เกาหัวไปพลางยิ้มไป

      “จดหมายเมื่อวันก่อนมันหมายความว่ายังไง?” ผมเริ่มใช้น้ำเสียงเข้ม คาดคั้น

      “จดหมายอะไร…”

      “พี่มาร์คไม่ต้องแกล้งมาทำไก๋ จดหมายรักนั่นไง”

      555+ สีหน้าพี่มาร์คตอนนี้ เหว๋อแดกอ่ะคับ 555+ o(>_<)o

       ประมาณว่า เย้ย!!!

       แต่ผมไม่สนใจหรอก...ก็ตอนนี้อยากเห็นพี่เขาทำหน้าน่ารักๆให้ดูนี่

      “...แล้ว...แล้วแดนรู้เหรอว่าพี่หมายถึงใคร?”

      คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเงียบเองแทน เหอะๆ แต่ก็ต้องกลั้นใจตอบไปอ่ะเนอะ แม้ว่าจะรู้สึกอายๆอยู่หน่อยบ้างก็เหอะ

      “ถ้าพี่มาร์คยื่นให้ผมในวันนั้น...ก็หมายความว่าพี่มาร์ค...”

      จู่ๆ พี่มาร์คก็ก้าวเข้ามาจับแขนผมไว้ “พี่หมายถึงเรานั่นแหละ แดน พี่อยากบอกคำๆนั้นกับแดนจริงๆ…”

      เอ่อ...ถ้าเท่าที่ผมใช้สมองอันน้อยนิดคิดตามดูแล้ว ถ้าพี่มาร์คบอกรักผม แสดงว่าพี่มาร์คก็ต้อง...เป็นเกย์เหมือนกันใช่มั้ยคับ?

       อ้อ แล้วทุกๆเหตุการณ์หวานๆแบบไม่ตั้งใจทั้งหลายนั่น...

       สรุปมันคือความจริงใช่มั้ย?

      ทำไมผมถึงไม่รู้มาก่อนนะ...น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนพี่เขาละเมอพูดความในใจออกมาตั้งกะตอนนั้นแล้วนี่นา...

      แถม...นี่แสดงว่าพี่เขาก็คงรู้ว่าผมคิดยังไง เลือกที่จะเป็น...เช่นไร

       ...จำไว้นะไอ้แดน มึงยังรู้ใจตัวเองทันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...

      “แดน...พี่ไม่กล้า แต่...ตอนนี้พี่ต้องบอกแดนแล้วว่า...ว่า พี่ชอบแดน...”

       อิอิ >.<~~~

      มิน่าวันนั้นเลยต้องหลบๆซ่อนๆ เพราะอายเพื่อน กลัวเพื่อนล้อนี่เองน่ะเหรอ?

       บัดนี้เจ้าชายหนุ่ม...หน้าแดงซะเอง >///<

      “แล้วแดนคิดว่าไง...”

      “ผมเกลียดพี่มาร์ค”

      555+ พี่เขาหน้าเสียสุดๆ ยั่งกะโดนเอาขี้หมายัดปากทำนองนั้น แต่ขอแกล้งคืนหน่อยเหอะ โทษฐานปั่นหัวผมวุ่นไปหลายวัน (รวมถึงหัวใจอันแสนเปราะบาง (^0^))

      “...แดน”

      “…555+ ล้อเล่นน่า”

      “...”

      ผมสูดลมหายใจ เอาล่ะ ไม่ว่าตอนนี้อะไรจะเกิดขึ้น ผมพยายามพูดความในใจของตัวเองออกไปบ้าง...ถึงเวลาแล้ว ที่ผมต้องยอมรับสักทีว่าผม...เป็นเกย์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผมชอบผู้ชาย ผู้ชายด้วยกัน...

      แล้วผมก็ชอบพี่มาร์คมากด้วย!

      “ผม...ผมคิดว่าพี่มาร์คเป็นพี่ที่ดี”

      “...”

      “พี่มาร์คเป็นคนน่ารักกับผมตลอด เสมอต้นเสมอปลาย”

      “...” ดูทำท่าเขา เอามือเกาหัวอายๆ เลิกแกล้งให้ใจผมสั่นได้แง้วววว!!!

      “ถ้าพี่มาร์คบอกว่าชอบผม...ผมก็คิดว่าตัวเองชอบพี่มาร์คเหมือนกันครับ”

      “…หา?! จริงเหรอครับแดน”

      พี่มาร์คยิ้มกว้าง มือที่จับต้นแขนผมอยู่แน่นแล้วบีบแน่นขึ้นกว่าเดิม ค่อยๆดึงผมเข้าไปใกล้ ตายเชรี่ยยยย! พี่มาร์คคิดจะกอดผมต่อหน้านักเรียนนับพันคน กลางวันแสกๆแบบนี้น่ะเหรอ?! (ในตรอกเกย์เนี่ยนะ?!)

      “เดี๋ยวฮะ” ผมใช้ฝ่ามือยันแผงอกหนาๆไว้ “เรื่องนี้...ต้องเป็นความลับ”

      พี่มาร์คขมวดคิ้ว

      “…ผมไม่อยากให้ทุกคน...มีปัญหากับเรา”

      พี่มาร์คไม่ตอบ เพียงแค่พยักหน้า สีหน้าเข้าใจยากชะมัด ผมเลยถือว่านั่นเป็นอันตกลง

      “แต่...ผมไม่นึกว่าพี่มาร์คจะเป็นคนโรแมนติกแบบนี้ ถึงขนาดบอกรักคนอื่นเป็นเพลงเลยนะคับ”

      พี่มาร์คหลบยิ้ม ซ่อนรอยบุ๋มที่สองข้างแก้มไว้อย่างแนบเนียน ผมรู้สึกมีความสุขที่สุด ต่อหน้าคนที่ผมปลาบปลื้ม จนกระทั่งบัดนี้ก่อเกิดเป็นความรักอันอบอุ่นมุมเล็กๆในหัวใจ...มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นแสนงดงาม อย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ถูก นอกจากจะต้องสัมผัสมันด้วยหัวใจของตัวเอง...

       เข้าใจแล้ว ว่ารักแรกสำหรับวัยใสมันเป็นยังไง

      “ก็เพราะแดนน่ารักไง พี่เลยกล้าจีบ”

      (แอบค้อน ก็พี่มาร์คพูดเสียงดังตรงคำว่า ‘จีบ’...ได้ยินแล้วมันจักกะเดี๋ยมหัวใจยังไงม่ะรุ o(>_<)o)

       “จิงดิ?” ผมยิ้มยี๋ตาให้คนที่ขึ้นชื่อว่า ‘แฟน’ สดๆร้อนๆ

      “จริงที่สุดครับ”

      เฮ้อ~~~เหตุการณ์ทุกอย่างตอนนี้มันช่างน่าเหลือเชื่ออ่ะคับ พี่มาร์คกับผมกลายเป็นแฟนกันเต็มตัวแล้ว (>.<) แถมยังเป็นแฟนคนแรกในชีวิตผมด้วย! บางครั้งคนที่เราคิดไม่ถึง ก็สามารถทำให้เราตกใจได้ในความจริงบางอย่าง เช่นที่ผมลงเอยกับเขา ผู้ซึ่งมาดแมน เป็นไอดอล สาวๆรุมกรี๊ดกร๊าด แต่กลับมาเป็นแฟนกับผม...รุ่นน้องธรรมดาๆคนนึ่ง ในโรงเรียนชายล้วนแห่งเดียวกัน

      เหอะๆ...~~~ตบมือข้างเดียวกี่ครั้ง...มันก็ดังไม่ได้ ง่ะ...~~~(=.=)



หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 15+16 แฟนคลับขอ2!!! (ใครเป็นเด็กสวนเข้ามารายงานตัวหน่อยดิค
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 20-01-2008 17:51:47

บทที่ 18

   

      ‘กริ๊ง....กริ๊ง....’

      ‘ใครกันนะ?’ ผมคิด ขณะกำลังงัวเงียตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ในเช้าวันเสาร์ ไอ้บ้าที่ไหนกันนะกล้ารบกวนช่วงเวลาแห่งความสุขของผมได้ ยั่งงี้มันน่า...

       แสงไฟบนจอมือถือกระพริบรัว เออๆไม่ต้องเร่งกูหรอก...ผมงัวเงียเพ่งดู

       รับสาย...ChocolateChip*

       ไอ้ชิพมันมาแอบเม็มชื่อแอ๊บแบ๊วแบบนี้ในมือถือผมตั้งก่ะเมื่อไรว่ะ

        ไม่เข้าใจในตัวไอ้เวงนี่เจงๆ เออ ใจจริงก็ไม่อยากรับหรอกนะ แต่ขัดใจมันได้ที่ไหน?...

      “โหล?”

      “ตื่นได้แล้วไอ้ขี้เซา อาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวจะไปรับ”

      จู่ๆโทรมาปลุกผมตั้งแต่...เก้าโมงเช้าวันอาทิตย์ เพื่อให้ออกไปร่อนเร่กับมัน เหตุผลแค่นี้เนี้ยนะ?

      ผมใบ้แดกไปแปบ งงนิดๆ “...มาถึงเมื่อไรล่ะ”

      “เดี๋ยวจะถึงแล้ว รอด้วย”

      …ตุ๊ด...(เปล่า ไม่ได้ว่าใครน้า เสียงกดปิดโทรศัพท์อ่ะคับ)

      เฮ้อ...เพื่อนๆต่างชอบผมก็คงที่ชอบเห็นใจคนอื่น หัวอ่อน ยอมคนง่ายแบบนี้ล่ะมั้งคับ…

      เข้าไปเดินผ่านน้ำ แปรงฟัน เช็ดตัว เสร็จออกมานุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบท่อนล่างอย่างเดียว เผยแผงอกกว้างเรียบๆแบบหุ่นคนผอม แต่คนที่นั่งเอกเขนกรอผมอยู่ในห้องนี่ซิคับ มันมานั่งยิ้มรอ มองผมจนตัวขาวๆเริ่มแดงเป็นกุ้งต้ม ตอนแรกไม่ได้สนใจหรอก จนได้เห็นผ่านหางตาแวบๆ...   

       “เฮ้ย!” สะดุ้งจิ คนมันไม่เคยโชว์นี่นา รีบหันหลังใส่มัน

      “อะไรว่ะ เรื่องแค่นี้ต้องทำอาย เดี๋ยวกูแก้เป็นเพื่อนก็ได้”

      ผมรีบคว้าเสื้อมาสวม หันไปห้ามมัน “แล้วนี่มาถึงนานหรือยัง”

      “เพิ่งถึง”

      “มึงจะลากกูไปไหนอีก” แผนการเปลี่ยนเรื่องของผมเป็นอันสำเร็จผล

      “ไปเป็นไม้กันหมา ไปได้ม่ะ?”

      ไม้กันหมา? ผมมองมันงงๆ ไม่ได้พูดอะไร เลยลืมสังเกตไอ้สีหน้ากวนทีน และการที่ตัวมันย่างสามขุมใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

      จนรู้สึกตัวอีกที จมูกของมันก็อยู่เหนือจมูกของผมไปนิดส์เดียว (ผมสูง170ปลายๆไล่เลี่ยกับมัน)…ลมหายใจร้อนๆของมันทำเอาผมตัวแข็งทื่อ แต่มันกลับยิ้มสะใจ -_-“

      “…มึงไม่ต้องคิดแกล้งกูหรอก กูใส่กางเกงใน”

      เฮ้อ เบื่อมันจริงๆนะ...เสร็จแล้วเราก็ลงไปไหว้แม่ ออกจากบ้านมาขึ้นรถคันหรูของมัน ขับตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง

      “มา’ไมวะ”

      ไอ้ชิพหัวเราะแทนคำตอบ

      “กูไม่ได้ต้องการให้มึงหัวเราะเหี้ย’ไรนั่นใส่กู” ผมยัวะ คงเพราะว่ามันมาขัดจังหวะการนอนของผม กะจะตื่นสายโด่งสะหน่อย ก๊อเมื่อคืนผมนอนน้อยนี่คับ...พี่มาร์คเล่นโทรมาคุยล่อเป็นชั่วโมง กว่าจะบังคับพี่แกให้ไปนอนได้นี่เล่นเอาเหนื่อยลากดิน

      “เด๋วมึงก็รู้เอง”

      เราหาที่จอดรถได้ที่นึ่งใกล้ทางเข้าห้าง ไอ้ชิพมันมองซ้ายมองขวา ก่อนจะหันมาคุยกับผมหน้าตาซีเรียส

      “แดน ช่วยกูหน่อยเหอะ...วันนี้กูจะให้มึงมาเป็นไม้กันหมาให้กูหน่อย”

      “ไม้กันหมา?” ผมเตรียมจะปฏิเสธไว้ก่อน แต่ไม่รู้ทำไมประโยคนั้นถึงได้หลุดปากออกไป “กูไม่เข้าใจ”…ง่ะ...

      “คืองี้ ตอนกูอยู่โรงเรียนเก่า...มีรุ่นน้องคนนึ่งแอบมาชอบกู เล่นตามจิกตามจับกูไม่ปล่อย จนกูทนไม่ไหว พอดีได้ย้ายมาโรงเรียนเดียวกับมึง แต่แมร่งยังตามกูมาอีกยั่งกะได้กลิ่น ฉะนั้นมึงช่วยกูรับมือด้วย...”

      ไม่ทันไร ไอ้ชิพก็ทำสีหน้าละเหี่ยใจขึ้นมาทันที เสียงถอดหายใจออกมาจากปอดของมันส่งเสียงดัง “นั่นไง...มาโน้นแล้ว เด๋วมึงก็รู้...มึงจะรู้เอง นะๆ ช่วยกูที”

      เสียงแจ๋นๆดังเข้าใกล้ก่อนใครเพื่อน ในสายตาของผม เด็กผู้หญิง...คาดว่าน่าจะเป็นม.ต้น ตัวเล็กหน้าตาน่ารักคนนึ่งวิ่งดี๊ด๊าเข้ามา เธอเป็นคนร่างเล็ก แต่รู้จักแต่งตัวอย่างกับโตเป็นสาว ทั้งสวยทั้งจัดจ้าน เข้ามาในระยะใกล้ก็กอดที่แขนของไอ้ชิพพัลวัน ถึงเนื้อถึงตัวอย่างใจถึง กลิ่นน้ำหอมฟุ้ง ทาปากแดง เออ....ผมเริ่มเข้าใจปัญหาของไอ้ชิพทีละน้อยๆ

       แต่กูไม่พร้อมเป็นตัวช่วยให้มึงนี่หว่า...

      ทว่าอีกใจหนึ่ง...ก็แอบคิดว่าน้องเขาน่ารักดี สมกับมันแล้ว

      “พี่ชิพขา~~~” โอย ทั้งเสียง ทั้งตัว ทั้งกิริยา เรียกได้ว่าดัดจริตจริงๆคับ (ขนาดผมไม่ได้แอนตี้นะเนี้ย)

      น้องคนนั้นโน้มแขนไอ้ชิพที่กำลังฝืนไว้สุดฤทธิ์ลงมาเพื่อจะได้หอมแก้ม แหวะ...

      ผมได้แต่ยืนมองมันขำๆ

      มองซ้าย ขวา กลัวผู้ใหญ่มาว่าว่าเด็กสมัยนี้ประเจิดประเจ้อ ไม่อายฟ้าอายดิน

      “เดี๋ยวๆ...เดี๋ยวก่อนแอน พี่ว่าแอนถอยไปก่อน”

      มันเหลือบมองมาทางผม ทำให้น้องแอนเสียงแหลมหันตามตามองควัก

       เชรี่ย!!! สายตางี้จิกชิบหาย

      “นี่ใครคะ?” น้ำเสียงที่ฟังแล้วดูแอบเป็นมิตร 555+ ทว่าผมรู้ว่าน้องแอนหยั่งเชิงผม(โห น้องเค้าแค่เด็กเมื่อวานซืน ของแบบนี้ไม่พลาดเรดาร์ของผมหรอก) สายตาที่มองมาหัวจรดเท้า จะยิ้มไม่ยิ้ม ดูไม่ออกว่าสรุปยินดีที่ได้รู้จักผมหรืออยากไล่ผมไปไกลๆกันแน่

      “นี่พี่แดนเพื่อนสนิทพี่ แดนนี่น้องแอน...เพื่อนเก่ากู”

      “สวัสดีครับ” ผมกล่าวยิ้มๆ น้องแอนเหลือบตามอง ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วเสแสร้ง(อย่างจงใจ)ทำเป็นดีใจ

      “สวัสดีค่ะพี่แดน เพื่อนสนิทพี่ชิพ ก็ต้องสนิทกับแอนค่ะ”

      วุ้ย! นัยน์ตายัยน้องแอนดี๊ด๊าวาวๆประหลาดชอบกล

       รู้สึกเหมือนตกอยู่ในวังวน ให้ความรู้สึกประมาณว่าละครเรื่องสงครามนางฟ้า(ตอนที่หน่อยกำลังรังแกมณีริน (-_-“))

      ผมแอบส่ายหน้าช้าๆ แล้วมองไอ้ชิพซึ่งทำหน้าอยากตายอย่างน่าสมเพช ถูกน้องแอนดี๊ด๊าถูลากถูกังเดินขึ้นห้างไป ไอ้ชิพแอบส่งสัญญาณรีบให้ผมช่วย แต่อย่างว่าน๊อ...ไอ้ผมมันแค่ก้างขวางคอ ทำบาปทำไมกันในเมื่อคนรักเขาออกจะหวาน(แบบน่ากัวๆ...)

      ตลอดเวลาผมเฝ้ามองโศกนาถกรรมด้วยรอยยิ้ม ไม่ค่อยอยากยื่นมือเข้าช่วยมันเท่าไร บางครั้งก็ทำหูทวนลมบ้างเวลามันส่งเซ็กซ์ เอ้ย! ซิกส์มา...พวกเราถูกบังคับให้เดินไปนู่นนี่ โดยมีจอมจุ๊นคล้องแขน ‘พี่ชิพ’ ไปไหนต่อไหน เริ่มจากกินไอติม(นั่งละเลียดป้อนๆแดกๆกันอยู่ร่วมชั่วโมง ส่วนผมรู้มารยาทแยกโต๊ะให้) เดินเลือกซื้อหนังสือ(ผมรู้ดีว่าไอ้ชิพไม่ชอบอ่านหนังสือ) เลือกซื้อเสื้อผ้า(ไอ้ชิพออก แต่ก็ไม่ระคายผิวมันสักเท่าไร) ดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว และอื่นๆ ฯลฯ

       ถ้าการมีแฟนทำให้เสียตังค่าขนมเยอะขนาดนี้...อย่ามีดีก่าคับ

       ความรัก เกิดขึ้นที่ข้างในหัวใจสองดวง ไม่ใช่ผิวเปลือกนอกของมัน...

      ...ตกเย็นเข้าให้แล้ว ผมเริ่มสงสารไอ้ชิพขึ้นมาจริงๆ ดูท่าทางน้องแอนไม่มีท่าทีจะยอมเลิกราปล่อยมือให้ไอ้ชิพได้หายใจหายคอบ้าง

       ดูน่าไอ้ชิพมันเบื่อหน่ายเต็มแก่

       เชื่อมั้ยคับ? ว่าวินาทีนั้นผมแอบน้อยใจมันนิดๆ...ทีกับคนอื่นมันใจเย็นได้ ยกเว้นผมคนเดียวนี่แหละ โขกสับใช้กูตามอารมณ์อยู่ได้ (อย่าเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นศันสนีย์ แป๋ว~~~...)

       อีกอย่าง น้องเขาไม่ต้องไปโรงเรียนพรุ่งนี้หรือไง? แต่ผมกับชิพต้องมีหน้าที่ เลยเอ่ยปากชวนจะกลับ

      “พี่...ก็กลับไปก่อนซิคะ” น้องแอนหันมามองควับ ตาขวางส่อแววก้าวร้าว อ้าว ไล่กูซะงั้น

      “แอน พี่ว่าแอนก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วนะ วันนี้พามาเที่ยวทั้งวันยังไม่พอใจอีกเหรอ” สีหน้าไอ้ชิพมันเหนื่อยล้าเต็มที แหม...ไอ้ชีกอ ปากห(ม)วานไปทั่ว

      “แต่พี่ชิพเขาต้องเรียนหนังสือ…” ยังไม่ทันจบประโยค นังเด็กนั่น(เปลี่ยนสรรพนามแล้วคับ)ก็หันไปแหวะใส่อากาศ ทำหน้าหงิก ปากเบ้ จงใจด่ากันตรงๆให้ผมเห็นชัดๆ

      กูเกลียดผู้หญิง...อย่างอีนี่

       รู้มั้ยมันด่าผมว่าไง

       ‘ใครสนใจแกยะไอ้ลูกครึ่งนอกคอก’

       อ้าว ปากหมางี้เปิดกันเลยดีก่า กูนอกคอกแล้วหนักหัว***มึงเง้อ \(-_-*)!!!

      “ใช่ พี่จะกลับแล้ว ยังมีงานอื่นต้องทำ” ชิพรีบปลดข้อมือบางๆของน้องแอนออก ผมหน้างอบ้างแล้วไงคับ...เหอะๆ แต่แล้วเดี๋ยวมือเล็กๆนั่นมันก็พันกลับมาใหม่ เหนี่ยวแน่นกว่าเดิมขนิดกาวตาช้างเรียกเพ่

      “แต่แอนไม่อยากกลับ แอนอยากอยู่กับพี่ชิพ”

      “ไม่ได้ กูจากลับแล้ว ไป” ผมเริ่มเล่นบทงอแงแกล้งน้องแอนบ้าง ได้ผลครับ...เจ๊แกค้อน ค้อน แล้วก็ค้อนผมจนตัวแทบยุบ

      “เออ...ได้” ผมลุก เห็นไอ้ชิพมันเก๊กทำมองนาฬิกาข้อมือ ลุกตามมั่ง “ไปและคับน้องแอน”

      น้องแอนได้แต่อ้าปากค้าง ผมนึกว่าน้องเขาจะกรี๊ดกลางห้างแล้วซะอีก 555+(ได้ดูของดีไง) ผมกับไอ้ชิพมองหน้ากันแว๊บแล้วก็รีบวิ่งออกมาที่ลานจอดรถ ไม่ต้องให้น้องเขาทันตั้งตัว เล่นกันแบบนี้แหละ งงๆ ดีและ จะให้กลับดีๆตอนแรกก๊อไม่เอา ไม่ยอมเชื่อ เหอะๆ...เป็นไงล่ะคับ 555+

                         เราหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง ขำสีหน้าน้องแอนซึ่งถูกทิ้งกลางอากาศซะงั้น นี่ถ้าพวกเราช้ากว่านี้อีกนิดส์อาจจะต้องมีการแยกตัวจลาจลกันได้

      “ขอบใจนะไอ้แดน ไม่ได้มึง กูกลับบ้านไม่ได้แน่”

      “เออ”

      “แต่แมร่ง มึงก็เชี่ย! ตอนแรกนึกว่าจะทิ้งกัน” มันเข้ามาเขกหัว

      “อ้าว ก็กูอยากแกล้งน้องเขา แล้วก็เอาคืนมึงด้วยง่ะ”

      จากนั้นเราก็คุยสนุกสนานกันไปตลอดทางกลับบ้าน หัวเราะไม่หยุดเรื่องน้องแอนจะเอาอย่างงู้น อย่างงี้...ผู้หญิงอะไร เรียกร้องชะมัดยาด คนอย่างไอ้ชิพคงจะทนได้หรอกนะ

      คนไกลตัวไอ้ชิพไม่มีวันรู้หรอกว่ามันเป็นไง เหอะๆ...


       (โปรดติดตามตอนต่อไป)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 20-01-2008 18:19:00
เหอๆๆ เห็นรวมพลเด็กสวนฯ เลยต้องขอแวะมาซักหน่อย :m23:
พอเข้ามาแล้ว... รู้สึกว่าตัวเองเริ่มแก่แล้วอ่ะ  :m29:

ขอกลับไปอ่านตั้งแต่ต้นใหม่ละกันครับ  :o12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-01-2008 18:23:11
หุหุ มีแอบหึงอ่ะเปล่าเนี่ย   :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 20-01-2008 18:48:52
มารอตอนต่อไปนะค้บ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 20-01-2008 20:58:12
อืม พอแดนตอบรับเป็นแฟนพี่มาร์คแล้วรู้สึกสงสารนายช็อกชิพแฮะ  :m23:

ว่าแต่จะจบแบบ sad ending จริงๆหรือครับ  :m15:

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 21-01-2008 12:51:41
มาต่อไว ๆ นะครับ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 21-01-2008 21:12:33
ทำไมผมรู้สึกสงสารชิพ จังเลย  :m15:

ชิพเก็บกดน่าดูนะเนี่ย แอบชอบ แอบรักแดน แต่ทำไรไม่ได้เลย  :o12:

เพราะใจแดน มีแต่พี่มาร์คคนเดียว  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 21-01-2008 22:49:22
 :serius2: :serius2:  เอาชิพกลับคืนมาน๊า  ชิพพพพพพพพ  o9 o9
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 22-01-2008 03:07:35
 :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 22-01-2008 19:20:53
น่ารักจัง  :m1: :m1: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 22-01-2008 19:30:53
สวัสดีคับ อาทิตย์นี้ยุ่งสุดๆเลยคับ ขออภัยด้วยถ้ามาต่อช้าไปหน่อย

จบแบบsad ending อ่ะคับ มันแบบหักมุมนิดๆด้วยเพราะจามีpart2ต่อ เป็นเรื่องในมหาลัยฯซึ่งกำลังแพลนๆอยู่อ่ะคับ

ใครแฟนคลับพี่มาร์ค ตอนหน้าเจอกัน  :m4:

ปล. ผมอ่ะแฟนคลับน้องโค้ก บ้านพักอลเวงฯ พี่เตอิงรีบมาต่อตอนต่อไปเร็วๆน๊า >/////<


บทที่ 19



      รถเก๋งยุโรปเคลื่อนตัวเข้าจอดเลียบกำแพงบ้านสีขาวเก่าๆ ผมลงจากรถ ชวนไอ้ชิพเข้าไปกินข้าวเย็นพร้อมแม่

       ไอ้ชิพยิ้มสว่างวาบ หน้าตาเท่ห์ๆของมันทำหัวใจผมกระตุกนิดส์นึ่ง o_O*

       “เออ ดีว่ะ เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้กูยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยเลยนี่หว่า”

       มันรีบเดินเข้าบ้านนำหน้าผมไป เกลียดมันเจงๆเวลามันทำเหมือนกับบ้านของผม เป็นบ้านของมันอย่างงั้นน่ะ...

      แม่ผมพูดไปทำกับข้าวไป แถมยังมีไอ้ชิพเป็นลูกมือ ทั้งเล่นทั้งคุย ทำครัวพร้อมทั้งเล่นกับไอ้ชิพจนเพลิน ผมนั่งเท้าคางมองแล้วอิจฉาไม่น้อย...ไอ้ชิพมันทำตัวน่ารักอบอุ่นกับผู้ใหญ่แบบนี้เสมอเลยเหรอว่ะ? ไม่เหมือนตัวตนของมันง่ะ -v- ...ไอ้ชิพคนนี้ตอนที่อยู่ในห้องครัว หยอกล้อเล่นกับแม่ของผมนั้นช่างดูมีชีวิตชีวา สดใส ดูน่ารักในสายตาของผมอย่างบอกไม่ถูกเลยเชียวล่ะคับ...

      เริ่มดึกเข้าไปทุกทีแล้ว หลังจากพวกเราฟาดข้าวกันไปหลายจาน แม่ผมออกมาส่งชิพด้วยกัน แต่จนแล้วจนรอดไอ้รถเบนซ์คันเบ้อเริ่มของมันก็ยังไม่ได้ฤกษ์ล้อหมุนออกไปสักที

      “แดน ไปดูเพื่อนซิลูก ชิพมันเป็นอะไรหรือเปล่า”

      ผมวิ่งไปตามคำแม่(ซึ่งหมู่นี้อารมณ์ดีทู๊กวัน ไม่รู้เล่นหวยกินเจ้ามือหรือเปล่า?) ไอ้ชิพก็เปิดประตูลงมาทำหน้าเสียๆ

      “รถสตาร์ทไม่ติดอ่ะครับ สงสัยแบ๊ตหมด”

      อ้าว เวรแล้วไง

      “แล้วทีนี้ทำไงล่ะลูก?” แม่ถามเสียงเป็นกังวล

      “อ้อ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ แม่พอจะมีเครื่องมือ...” มันอธิบายยืดยาว ชื่อเครื่องมือที่แม่ผมไม่รู้จัก(รวมถึงผมด้วย) สรุปแม่ผมส่ายหน้า...ก็แล้วทำไมมึงขับรถถึงไม่พกไว้ล่ะไอ้เครื่องมือสำคัญๆแบบนั้น ดี สมน้ำหน้า กลับบ้านไม่ได้ กิ๊วๆ /(>0<)/!@

      “แล้วมึงทำอีท่าไหนว๊า แบ็ตถึงได้หมด” ผมถามบ้าง ออกอาการเซ็งๆ

      “สงสัยกูลืมปิดไฟห่าสักอย่าง...”

      ผมเตรียมอ้าปากจะด่าความโง่ของมันต่อ แต่แม่แตะแขนห้ามไว้ เห็นหน้าเศร้าๆคอตกๆของมันแล้วก็น่าสมเพชอยู่เหมือนกันล่ะครับ หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากน้องแอนดี๊ด๊ามาทั้งวัน

      “เอางี้ คืนนี้ชิพนอนกับแดนแล้วกันนะลูก เดี๋ยวเราเข้าไปคุยโทรศัพท์ขอคุณย่าเขาซะ อีกอย่าง พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปโรงเรียนพร้อมกันเลยไง ดีมั้ยแดน?”

      แม่พุ่งสายตาคาดคั้นมา...ซวยล่ะหว่า...

       ง่า~~~แล้วจาให้ผมตอบอะไรเป็นอื่นไปได้ล่ะคับงานเนี้ย!!!

      “คะ...คับ...”

      “ผมไม่อยากรบกวนแม่...” ไอ้ชิพพูดเสียงละห้อย...โห ไอ้หน้าด้าน! ไอ้มารยา!

      “ไม่ต้องชิพ เข้าบ้าน แล้วเดี๋ยวแดนไปเตรียมจัดที่นอนเผื่อเพื่อนด้วยคืนนี้”

      ผมเดินเข้าบ้านด้วยอารมณ์ไม่พอใจเท่าไรนัก...ก็คืนนี้ห้องส่วนตัวของผมจะต้องถูกบุกรุก โดยแขกไม่พึงประสงค์บางคน...บ่นๆแล้วก็เดินกระแทกเท้าขึ้นชั้นบนไปจัดที่นอนให้คุณชายชิพ ฮึ้ย!!! มันน่าโมโหเจงๆ! <<<\oo(-_-*)o

      ตกลงผมให้แขก...นอนที่นอนใหญ่ ส่วนผมเดี๋ยวปูนอนแถวนั้นเอง ช่างมัน

      เดินลงมา เห็นไอ้ชิพมันยืนคุยโทรศัพท์เสียงเครียดอยู่ พูดคับๆน้ำเสียงสุภาพนอบน้อมเชียะ...บ่นพึมพำเบาๆเหมือนเกรงใจคนปลายสาย ผมไม่เคยเห็นมันมีท่าทีเป็นผู้(ดี)ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย เลยต้องเดินแอบเฉียดเข้าไปฟัง

      “…ครับคุณย่า คืนนี้ชิพนอนบ้านเพื่อนสนิท คนที่ชิพเล่าให้ฟังบ่อยๆ...คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วง”

      “…ไม่ต้องครับคุณย่า ไม่ต้องให้ลุงเอี่ยมขับรถมารับ นี่มันดึกแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนด้วยกันกับเพื่อน คุณย่าไม่ต้องห่วงชิพนะครับ ชิพจะดูแลตัวเองให้ดี...”

      ผมรีบหลบไปคุยกับแม่ก่อนขึ้นนอน ไอ้ชิพปิดโทรศัพท์เดินตามเข้ามาในครัว แม่อุ่นนมให้ไอ้ชิพดื่มก่อนตัวท่านเองจะแยกย้ายไปนอนเช่นกัน(ชั่วตานานปีไม่เคยมีอุ่นให้ผมบ้างเลยง่ะ??? *O*)

      “แล้วพรุ่งนี้ตื่นกันให้ดีๆนะ แดน เอ็งลงมาใช้ห้องน้ำข้างล่าง ในห้องเราให้ชิพเขาใช้ไป”

      ผมชำเลืองมองตาไอ้ชิพ เห็นมันยิ้มๆเกรงใจ

      เชอะ!

      ไม่สน...ผมต้องไม่สนใจ...ขาของผมมันก้าวขึ้นไปชั้นสองเองโดยอัตโนมัติ ปิดไฟ และพยายามข่มตานอนหลับให้สนิทท่ามกลางความมืดและเงียบงัน ทำไมไอ้ชิพมันต้องมานอนห้องเดียวกับผมด้วย แม่คงไม่รู้...ว่าใจผมเต้นแรงมากแค่ไหน เมื่อมีมันอยู่ใกล้ชิดกันแค่เราสองคน

       ยอมรับ...ที่ผมแอนตี้มันนัก ก็เพราะกลัวหัวใจตัวเองล้วนๆ...



      “ฮื้อ?”

      เสียงงัวเงียของผมดังขึ้น ใคร? ใครวะ??? ใครที่มันกำลังนอนเบียดผม ไม่ซิ นอนกอดผมอยู่ต่างหาก!

      “เฮ้ยยยยยย” ผมโอยเสียงยาว ร่างอุ่นๆหนาหนักข้างกายผมตอนนี้ต้องเป็นไอ้แขกหน้าเป็นแน่นอน ผมพยายามถีบๆมันออกไป แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มันรีบกระแซะเข้ามา

      “กูไม่เล่น”

      “ใครบอกกูเล่นล่ะ” น้ำเสียงมันเล่นแย้มหัวชัดๆ...ยิ่งตอนนี้อกกว้างๆของมันอยู่ชิดใกล้ จนได้กลิ่นสบู่กลิ่นเดียวกันกับที่ผมใช้

      พอมันเริ่มออกแรง ผมถึงรู้ว่านี่มันชัก...จะยังไงๆ หรือว่ามันเอาจริง? เย้ย!!!O+O*

      ตามันวาววับล้อแสงจากโคมไฟหัวนอน “คุยเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

      ไม่อาวววว...มึงจาคุยเรื่องรายยยยว้า???

       พ่อมรึงตายเหรอง่ายยย+++>///<~~~~!!!

      “เชี่ยยยย กูจานอน” ใครบอก มันปลุกผมแล้ว คราวนี้ทำกรูตาสว่าง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยนะมึง

      “เอานา” มันเลิกผ้าห่มคลุม ซุกเข้ามาที่หน้าอกผม

      มือหนาแต่นุ่มโคตรๆของมันดันทะลึ่งล้วงเข้ามาในเสื้อของผม ลูบไล้ไปทั่วแผงอกเบาๆทันที

       ผมสะดุ้ง...มันลงไปซนแถวๆขอบกางเกงแล๊ว…

      เฮ้ย!! มึงจาทาม’ไรกูว่ะไอ้ชิพ!!!

      “มึงเล่นเหี้ย’ไรเนี่ยชิพ กูบอกว่ากูจานอน...แล้วที่นอนมึงก็อยู่ตรงนู้น นี่ที่กู”

      ผมพยายามไม่ให้พูดตะกุกตะกัก...พยายามไม่ให้มันรู้ว่าใจผมเต้นแรงแค่ไหน

       มือของมันหยุดลงที่ฝั่งอกด้านซ้าย

      “ทำไมใจเต้นแรงจัง” มันอู้อี๊ขณะเอาหูแนบอกข้างซ้าย ข้างที่หัวใจของผมกำลังร่ำๆโดดออกมาเต้นระบำ เนื่องด้วยความ...

      “ไปนอน”

      “~ไม่อาวววว หนาว”

      “เอาผ้าห่มไปเพิ่ม” มันยังไม่ยอมปล่อย

      “ไม่เอาอีกน่ะแหละ กูจะนอนเบียดแกล้งมึงอย่างเงี้ย”

      ผมเงียบ อยากจะเดาใจมันให้ออก อยากจะตีความรู้สึกของมันให้ถูก...แต่ผมมืดแปดด้าน ในอ้อมแขนของไอ้ชิพ...จิตใจของผมดูเหมือนไม่ได้เป็นของตัวเองอีกต่อไป

       ดูเหมือนหลอกตัวเองชะมัดยาด

      “...แดน”

      “...”

      “กูอยากรู้...เรื่องที่มึงเครียด หายเครียดหรือยัง”

      “...มะ หมายถึงเรื่องอะไร?”

      “เรื่องที่กูบอกว่ามึงเป็นเกย์...มึงคิดออกหรือยัง”

      ตัวผมแข็งทื่อไปทั่วร่าง บัดนี้มันหายใจไม่ออก ความรู้สึกเหมือนเราจะตาย...ไปกับคำพูดแทงใจประโยคนั้น

      เจ็บจิ๊ดลงไปในหัวอก...

      “...”

      “...กูอยากจะบอกว่า...กูก็เป็น”

      ดวงตาของมันขยับเข้ามาใกล้ ทรงพลังอย่างประหลาด...กดผมให้อยู่ภายใต้อำนาจดวงตาเรียวสวยของมัน โน้มให้จิตใจของผมไม่สั่งสามารถการร่างกาย ไม่ขยับเขยื้อน นอนนิ่งๆให้มันจ้องเล่นเอาอย่างหยามใจ

      “กูไม่รู้...”

      “งั้น…” มันเลื่อนหน้าลงมาใกล้ จนกลายเป็นอยู่เหนือ คร่อม “ถ้ากูทำ...มึงจะรู้มั้ย?”

      น้ำเสียงไอ้ชิพแตกพร่า สั่น หวิว...เหมือนอารมณ์ของผมในตอนนี้ ผมเกือบจะกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อหักห้ามเสียงครางภายในใจออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ เพียงแค่ตอบไปว่า

      “อย่า...กู...กูคิดว่าใช่...”

      แล้วมันก็นิ่ง เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด นิด นิด....ผมหลับตา ไม่กล้าลืมขึ้นมองสบแววตาคมๆของมัน แต่แล้วมันก็เลื่อนตัวลงไปนอนเคียงกันเฉยๆครับ อ้าว!?(ไม่ใช่เสียดาย แค่งงเฉยๆ) ผมนึก...ผมนึกว่ามันจะ!!!...

      แสดงว่าผมนึกไปเอง มันไม่ได้จะตั้งใจทำ...อย่างที่คิดจริงๆเหรอเนี่ย?!

       อะไรว่ะ? ทำกรูหน้าแดงไปหมดเลย >///<

      ไอ้ชิพมันนอนตะแคงมองมาทางผม ยิ้มมีเล่ห์นัยน์...ทว่าผมคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่น่ารักและทรงเสน่ห์ที่สุดของมัน...ดวงตาก็แพรวพราว แถมยังบื้ออมพะนำไม่พูดอะไร

      “ไอ้บ้า!” ผมวาดหมัดชกมันเข้าที่ต้นแขนแข็งๆที

      “โอย” มือเรียวยาวลูบปอยๆ แต่ไม่ตอบโต้(อ่านะ) “ไง เสียดายหรือว่า...”

      “หยุด! ไม่ต้องพูด” ผมรู้ว่ามันจะล้อผม แต่ไม่มีทาง ไม่ใช่ตอนนี้ที่ผมรู้สึก...หมดท่า และอายจนแทบอยากหนีมุดลงดิน

      “อย่างอนดิ สารภาพกับคนอื่นแล้วมางอนเล่นแบบนี้ได้ไง” มันดึงตัวผมกลับมาเผชิญหน้า ใครวะงอนมัน น้ำหน้าอย่างมันเนี่ยนะมีคนงอน ไม่มีทาง! “ตอนนี้กูรู้แล้ว...อย่างน้อยมึงก็ซื่อสัตย์กับตัวเอง กูดีใจด้วย…มา ขอกอดหน่อย จะได้หายหนาว”

      มันไถตัวเองเข้ามากอดอีกครั้ง แปลก ในเวลาที่เราอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ปากบอกว่าหนาว แต่ความจริงแล้วผมรู้สึกร้อนรุ่มสุดๆ ร้อนกว่าหน้าร้อนเมืองไทยเดือนเมษา...

      ไม่ว่าผมจะดิ้นแค่ไหน มันก็ไม่ยอมปล่อย

      ไม่ว่าผมจะผลักดันออกเท่าไร มันจะยิ่งกอดรัดมากยิ่งขึ้น…

      “จำไว้แดน...ไม่ว่ามึงจะเป็นอะไร กูจะคอยอยู่เคียงข้างมึงแบบนี้ ตลอดไป”

      ...ผมจำได้ แม้คืนนั้นจะเป็นคืนแห่งความวุ่นวาย(น้อยๆ) ฉุกลหุไปนิด แต่มันเป็นคืนที่ผมคลายใจ หลับใหลในอ้อมแขนของใครบางคนอย่างอิ่มเอมมากที่สุดในชีวิต... 

      

       (โปรดติดตามตอนต่อไป)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 22-01-2008 20:04:00
จบแบบเศร้ารึนี่ ฮือๆๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 22-01-2008 20:10:31
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: nut499 ที่ 22-01-2008 21:17:56
พึ่งเข้ามาอ่านครับ พี่

ไม่นึกว่าจะมีรุ่นพี่ในบอร์ดนี้ด้วย 555+

นับไปนับมาเยอะเลย :oni2: :oni2:

จะติดตามผลงานครับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: gnoy ที่ 22-01-2008 22:02:03
เข้ามาดันครับบบ

น่าน มีน้องสวนฯอีกคนด้วยรึนี่

รีบมาต่อเร็วๆนะครับน้อง
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 22-01-2008 23:19:01
จบแบบเศร้าหรอ บ่อน้ำตาแตกอีกแน่ ๆ เลยเรา หุหุ

 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 23-01-2008 01:06:09
อยากให้ชิพ เป็นมากกว่าเพื่อนจังเลย อิอิ :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-01-2008 01:11:07
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผมอ่านไม่ทันเพื่อนๆๆเลย

เพิ่งมาอ่านใหม่อ่านถึงหน้า2อยู่เลย

เป็นกำลังใจให้ครับผม สู้ๆๆ

เรื่องของนายสนุกมาก

พรุ้งนี้เรามาอ่านใหม่นะคืนนี้ง่วงมากแล้ว

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 23-01-2008 19:31:19
แหม...นึกว่าชิพจะทำอะไรมากกว่านี้นะเนี่ย
ขัดใจอ่ะ...  :m16:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Marunaki ที่ 23-01-2008 20:59:09
คนแต่งเพื่อนผมเองครับ อิอิ
ใครเป็นเด็กสวนฯ ออกมาแสดงตัวกันหน่อยซิครับ อิอิ :oni1:

ปล.อย่าลืมลงแต่นิยายจนลืมทำงานล่ะ
ปล.2 เดี๋ยว เสาร์ อาทิตย์จามาอ่านทั้งหมดนะ ตอนนี้ขอตัวไปทำงานก่อน
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 19 ตอนล่าฯมาแล้ว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 24-01-2008 23:45:06
ตอนนี้เอามาลงให้แบบย๊าวยาว ถ้าคำไหนเขียนผิดบอกด้วยนะครับ ตอนนี้เร่งๆเจงๆ  :m23:


บทที่ 20



      แสงแดดอ่อนๆส่องลอดหน้าต่างห้องผมเข้ามา แยงนัยน์ตาให้ผมตื่นขึ้นหลังจากเสียงนาฬิกาปลุกดังลั่น ตามด้วยเสียงงืมงำของใครบางคนที่ข้างๆหูผม

      บ้าชิบ…ไอ้ชิพดันกอดผมไว้แน่น เลยขยับตัวไม่ได้

       อึ๊บ...แขนยาวๆของผมตะเกียกตะกายไปกดนาฬิกาปลุกให้มันหยุดร้อง ทว่ายิ่งขยับเขยื้อนตัวมากขึ้นเท่าไร อ้อมแขนแน่นๆของชิพยิ่งดูเหมือนรัดแน่นขึ้น...

       โอย! อึดอัดโว้ย...ฮะ...เฮ้ย...ทำไมมันซุกๆเข้ามาวะ...

      ...ในที่สุด ในเมื่อผมไม่มีทางหลุดออกจากวงแขนมันได้โดยไม่ทำให้ตื่น ผมเลยผ่อนแผ่นหลังลงนอนตามเดิม ประชันหน้ากับมัน แอบดูใบหน้าของไอ้ชิพตอนมันหลับ...

      จะว่าไปชิพหลับได้เหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง เหมือนมากจนผมเองก็ไม่อยากเชื่อว่า...ความรู้สึกตอนนี้คือความอ่อนโยนที่เล่นงานให้ผมรู้สึกอ่อนไหว...

       จังหวะการหายใจที่สงบราบเรียบ สม่ำเสมอของมัน อีกทั้งดวงตาที่ยังคงหลับพริ้มปิดสนิท...ทั้งหมดทำให้ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ ต้องค่อยๆยกมือขึ้นไปแตะหน้าผากเนียนเกลี้ยง แล้วลูบเบาๆ...

       ขนตางอนยาวของมันกระพริบๆ...

       กู...โดนมันหลอกอีกแล้ว!

      ”ฮื้อ?...” หมับ! ไอ้ชิพสะดุ้งคว้ามือผม แรงโคตรๆ

      “ตะ...ตื่นได้แล้วชิพ...”

      “ทำมายอ่ะ...”

      มันทำเสียงงัวเงีย น่ารักเชียวคับ...

       ดีแล้ว หากเมื้อกี้มันไม่ถูกขัดจังหวะ ผมอาจจะ...

      “ไปโรงเรียน ไปเถอะ ลุกขึ้นเร็วเข้า” ผมตะเกียกตะกายขึ้นมายืนได้ในที่สุด

      มันนิ่งไปแปบ ก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย



      ผมกับไอ้ชิพไหว้แม่ก่อนออกจากบ้าน ในมือของผมตอนนี้มีแค่นมกล่องเดียวเป็นอาหารเช้า ส่วนไอ้ชิพไม่กิน เรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนเข้าโรงเรียน ไอ้ชิพก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของผมโดยไม่รู้ตัว

      “...แดน วันนี้กลับกับเรานะ”

      “ ’ไมอ่ะ”

      “...เรา เอ่อ กู...เป็นห่วง”

      เอาอีกแล้ว...วินาทีนั้นหัวใจผมเต้นแรงขึ้นและผ่อนช้าลงในคราวเดียวกัน แก้มก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ไอ้ชิพก็เหมือนกัน...

       มันยืนยิ้มบางๆให้ผม ใบหน้าขาวๆ หล่อแบบเด็กเลว(แต่หล่อโคตร)มองตรงมาทางผม แก้มแดงเรื่อๆของมันทำให้ท่าเกาหัวเท่ห์ๆแบบฉบับไอ้ชิพลงตัว

       พอๆ...ผมคิดถึงมัน...ตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้

       สะบัดหัว เราสองคนหลบตากัน ผมอ้อมแอ้มตอบ

      “...ได้ เดี๋ยวมารอหน้าโรงเรียน”

      ว่าแล้วผมก็รีบเดินหันหลังหนีไป ไม่กล้าสบตามองมันอีก...ความรู้สึกส่วนลึกบางอย่างมันกัดกินจิตใจผม ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับไอ้ชิพมันไม่ถูกต้อง และเป็นการทรยศต่อใครบางคน...ถึงแม้มันจะยากเย็นนัก ในการหักห้ามใจตัวเองก็ตาม... 



                  ใต้ร่มไม้แผ่กิ่งก้านเย็นสบาย แสงแดดร้อนแรงตอนกลางวันไม่สามารถส่องทะลุลงมาสร้างความระคายผิวให้แก่ผู้พักอาศัยเบื้องล่างได้

      ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ ใครบางคนก็แอบโผล่มาหอมแก้มผมเข้าอย่างจัง!

      “โอ๊ย!”

      พี่มาร์คน่ะเอง /(*_*)@

      “ว่าไงคับ”

      ผมวางมือจากสมุดการบ้าน กางแขนขึ้นกันไม่ให้คนตัวใหญ่เบียดเข้ามาใกล้อีก

      “ร้อน อย่าเบียดจิ”

      “ก็คิดถึงอ๊า~~~”

      จะบ้า! ทำเสียงออดอ้อนแบบนั้น ผมก็ใจละลายหมดซิคับ (ขอแอ๊บแบ๊วหน่อยเหอะ งุงิ o(>.<)o )

      “อะไร เมื่อเช้าเราก็เจอกัน คืนนี้พี่มาร์คโทรฯหาผมก็ได้นี่คับ”
      
       “ไม่อาว พี่ต้องเรียนอีกตั้งหลายชั่วโมง ต้องแว๊บออกมาเจอแดนก่อน” แหม ดวงตาหวานๆงี้เยิ้มเข้าไปใหญ่ พี่มาร์คจะรู้ไหมน๊อว่าเป็นเอามาก...ผมหมายถึง ‘คิด’ เองมากจริงๆ

      มือใหญ่ๆเริ่มโอบหลังผม ฮูยส์~~~ร้อนระอุ

       ตัวพี่มาร์คก็ร้อนไม่แพ้กัน
       
       กลิ่นโคโลญหอมจางๆบนตัวพี่มาร์ค ทำให้ผมอยากขยับเข้าไปใกล้อีกนิด

      “ลามก”

      “ว่าพี่เหรอ? ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนา” ไอ้(เริ่มลามปาม)พี่มาร์คเจ้าเล่ห์ ยิ้มอย่างงี้มีเร้อจะแปลความหมายได้เป็นอย่างอื่น นอกจากกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ...คุณแฟนจอมฉวยโอกาส >O<

      เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ แต่ผมไม่หลงกลแล้ว...อะไรน่ะเหรอ? ก็เมื่อคราวก่อน...

      ………<<<<<<<<<……………..

       ……<<<<<………..

       …<<<……

       ‘แดน’

      เสียงเรียกหวานๆดังข้างหู จนผมต้องหันมาจากหน้าจอทีวีห้องชุมนุม(อ๊ะๆอย่าคิดมาก ตอนนั้นไปเช่าหนังมาดูกาน ก็เลยหลบไปดูในห้องชุมนุมสองคน ก๊อเท่าน๊านเอง~~~)

      ‘จุ๊บ!’

      ‘อ๊ะ?!’   

      ‘พี่มาร์ค เล่นบ้าอะไรเนี่ย!’ ผมถลึงตาใส่ โวยวายด้วย แต่พี่แกเอาแต่หัวเราะหึๆ

      ‘ก็ขโมยจูบแรกของแดนไง พี่ขอนะ’

      …นับแต่นั้นมา ผมไม่มีวันปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้คนอย่างพี่มาร์ค...ตอนที่เราอยู่ใกล้กันอีก เป็นอันขาด...

      “แดน” อ๊างส์~~~น้ำเสียงพี่มาร์คโคตรสั่น

      “อย่าเชียวนา ไม่งั้นแดนต่อย” (จริงๆด้วย)

      “กล้าเหรอ เรากล้าทำพี่เหรอ?”

      นิ้วเรียวยาวๆจิ้มเข้ามาที่สีข้างผม เฮ้ย!!! รู้ได้ไงอ่ะว่าผมบ้าจี๊???

      ผมจำเป็นต้องวิ่งหนี ทำให้งานไม่เสร็จไปอีกตามเคย เฮ้อ...ถึงแม้เราจะเพิ่งตกลงคบเป็นแฟนกัน แต่ผมเหมือนสนิทกับพี่มาร์คมานาน อาจจะเป็นเพราะนิสัยเป็นกันเองของเขา และความอบอุ่นแสนพิเศษที่ผมไม่สามารถรู้สึกได้กับใคร

      เกือบทุกเย็น ที่เราต้องไปนั่งคลุกกันอยู่ในห้องชุมนุม ดูหนังกันบ้าง ติวหนังสือกันบ้าง ผมรักรอยยิ้มของพี่มาร์ค และแววตาที่เปล่งประกายความห่วงใยต่อผู้อื่นเสมอ...อบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ รู้สึกปลอดภัยและคลายกังวลเมื่อมีพี่มาร์คคอยอยู่ใกล้และดูแล

                                แต่พี่มาร์คก็ยังไม่เคยขอผมออกเดทสักที

      อันนี้เป็นหน้าที่ของพี่มาร์คที่จะถามผมคับ…ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องเรียกร้อง(จริงป่ะ...วะ?)



      ตอนเย็น ที่ไอ้ชิพนัดผมกลับบ้านเอาไว้ ปกติแล้วผมจะเดินมารอมันคนเดียว แต่วันนี้พี่มาร์คเขาอยากตามมาด้วย ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง บอกว่าจะต้องรู้ว่าผมกลับบ้านยังไงลูกเดียว…

      นั่งรอไปสักพัก ผมก็เห็นร่างสูงของไอ้ชิพเดินมาแต่ไกล...ใจผมเต้นแรงขึ้นมานิดส์...ผมยอมรับนะครับว่าพี่มาร์คเขาดูหล่อมาก แต่ถ้าเทียบกันกับการเดินเท่ห์ๆแบบเด็กเกเรของไอ้ชิพแล้ว ไอ้ชิพดีกรีสูงกว่าพอตัว

       เคยป่ะคับ...ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเค้านิสัยไม่ดี แต่เราก็ห้ามไม่ได้ที่จะแอบหลงไปกับเสน่ห์ห่ามๆอันเป็นเอกลักษณ์...

      “ป่ะแดน กลับกันเถอะ...”

      ไอ้ชิพเหลือบไปมองหน้าพี่มาร์คที่ยืนกอดอกรออยู่ สีหน้าขรึมอย่างที่ผมนึกหนาว...ทั้งสองจ้องหน้ากันเงียบๆ(สูงไล่เลี่ยกัน) ก่อนที่ไอ้ชิพจะเอ่ยขึ้นก่อนโดยไม่ละสายตาไปจากหน้าพี่มาร์ค

      “แดน ไปขึ้นรถ”

      “ชิพซินะ...” พี่มาร์คพูดเย้ยๆ แต่หน้าตาย

      “แดน กูบอกว่าให้ไปขึ้นรถ!”

      ผมสะดุ้ง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปนอกโรงเรียน หันกลับมาเห็นทั้งสองคนคุยกันเครียดๆอีกคำสองคำ แล้วไอ้ชิพก็เดินหน้ามุ่ยออกมา นำหน้าผมไปยังฝั่งตรงข้ามที่รถเบนซ์คันหรูจอดพำนักไว้

      “ทำไมไอ้พี่มาร์คนั่นต้องมาคอยตามยุ่งกับมึงด้วย”

      มันขับรถเร็วผิดปกติ เนื่องจากอารมณ์โมโห ที่แม้แต่ผมก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้

      “อะ...เอ่อ พี่เขาเป็นห่วงกู”

      “กูเป็นห่วงมึงคนเดียวได้!”

      มันแซงรถอีกคันหนึ่งไปอย่างน่าหวาดเสียว

      “เฮ้ย...ไอ้ชิพ กูว่ามึงขับรถให้ช้าลงกว่านี้ดีมั้ย?” ต่อท้ายในใจเอง…กูไม่อยากตายเพราะมึง!

      “นี่มึงไม่รู้...มึงไม่รู้เลยใช่มั้ยว่ากูห่วงมึง?”

      “กูรู้…”

      “~แต่มึงไม่รู้ว่าเป็นเพราะ...”

      ตา...ตาของผมฝาดไปหรือเปล่า ว่าน้ำใสๆซึ่งคลอในดวงตาไอ้ชิพนั้น...คือหยาดน้ำตา...

      มันกระแทกพวงมาลัยอย่างแรง สบถออกมาดังลั่น ผมไม่เคยเห็นมันในสภาพนี้มาก่อน...คือเหมือนโกรธอย่างกะฆ่าใครได้สักคน

      มันด่ารถข้างๆคันนึ่งซะดังลั่น แล้วปาด...

      บีบแตรไล่คนนู่นคนนี้ที จนผมทนไม่ได้

      “หยุด! พอได้แล้ว! มึงอย่ามาโมโหเพราะเรื่องของกู หยุดขับรถเร็วเดี๋ยวนี้!”

       “ทำไม? นี่มันรถกูไอ้แดน”

       “มึงอย่าพาลได้ป่ะ”

        “เออ! พาลแล้วไมว่ะแมร่ง~~~”

       ผมเคยเจอกับพายุชิพมาแล้ว แต่นี่มันโคตร Tornado ชัดๆ

       “ชิพ...กูขอร้อง กู...”

      “แดน มึงรู้ แต่มึงแกล้งกู แกล้งกูให้ทรมานเล่นแบบนี้ใช่มั้ย?”

       ระหว่างเราสองคน เหมือนมันรู้สึกแปลกออกไป...

       แต่มันตอบไม่ถูก ผมไม่สามารถอธิบายให้มันฟังได้ เสียงมันคาดคั้นจนผมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นๆ

       “เฮ้ย พูดไรก็พูดมา กูไม่รู้เรื่อง”

      “~ไอ้ควาย! อย่าทำโง่ วันๆมึงเอาแต่รอนๆไปวันๆกับไอ้รุ่นพี่หน้าหม้อนั่น ไม มึงชอบเขาเหรอ? ถ้าชอบก็แมร่งไปเอากันเลยไป! กูเห็นแล้วทุเรศลูกตาว่ะ”

       “ไอ้ชิพ...มึงพูดแรงไปแล้วนะ” ผมมองมันแบบโกรธสุดๆ น้อยใจก็โคตรๆเลยอ่ะคับตอนนั้น... “กูไม่ได้เป็นแบบนั้น มึงเลิกพูดแบบนั้นนะ”

       “ไม่! กูเกลียดมัน กูเกลียดมันได้ยินมั้ย!”

       “…”

      “ไง...มึงเจ็บแค้นแทนเขาใช่ป่ะล่ะ แอบรักเขาแล้วไง ก็ยอมรับมาเด่ ไอ้ขี้ขลาด”

       วินาทีนั้นเชือกบางๆเส้นสุดท้ายของผมขาดออกจากกัน แมร่งโคตรโมโหสีหน้ากับท่าทางและทุกคำพูดของมันเลย...ไม่ทนแล้วเว้ย!!! ตั้งแต่เกิดมาพ่อผมสอนตลอดว่าอย่าให้ใครกล้ามาเรียกเราว่าไอ้ขี้ขลาด อย่างงี้ยอมได้ไง!(เผอิญไอ้ชิพเป็นคนแรก)

      “เออ! กูไม่ได้เกลียดเขา แต่กูชอบเขาแล้วไง?! ไอ้ขี้อิจฉา เขาเป็นแฟนกู พอใจหรือยัง!!!”

      ผมโพล่งออกไปอย่างไร้สติเช่นกัน โมโหจนแทบฆ่ามันได้ เดือดจนทนไม่ไหวแล้ว ต้องตะโกนใส่หน้าชิพเสียงดังบ้าคลั่ง...โดยไม่คำนึงเลยสักนิดว่ามันอาจจะวูบไป จนอาจไปชนกับอะไรเข้าก็ได้

      “...มึง...มึงว่า...ว่ายังไงนะ?”

      “...กูบอกว่าเขาเป็นแฟนกู! ได้ยินมั้ย...กูไม่รู้ว่ามึงไปเกลียดเขามากมายขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน แต่กูไม่ยอมให้มึงด่าว่าแฟนกู...”

      มันละสายตาจากถนน หันมามองโดยความเร็วยังคงระดับที่120กว่าๆ...น่าหวาดเสียวชะมัด จำได้เลยว่าใจเต้นแรงมากๆๆๆๆ ทั้งโกรธทั้งกลัว(TT^TT) ผมจะไม่มีวันไปไหนกับมันอีกแล้ว ถ้ามันไม่สัญญาว่าจะไม่ขับรถบ้าดีเดือดแบบนี้อีก

      “มึง...”

      “หยุดพูดเถอะชิพ...มึงทำตัวเป็นคนไม่มีเหตุผลเลย ยิ่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แบบนี้ บอกตรงๆ กูเบื่อว่ะ...”

      ล้อรถทั้งสี่ค่อยๆเคลื่อนเข้าจอดที่ไหล่ถนน จนเมื่อมันนิ่งสนิท...ผมนั่งนิ่งก้มหน้า ใจเต้นตึกตักรอต่อไปว่ามันจะเอาไงกับผม...หัวใจเต้นแรง กลัว ว่ามันจะเอาคืนกับที่ผมว๊ากใส่มันไปเมื่อกี้เปล่า

      ไอ้ชิพเองนั่งนิ่งหัวพิงกระจกฝั่งมัน...เหม่อมองออกไปนอกกระจก ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เมฆฝนซึ่งตั้งเค้ามานานทำท่าเหมือนจะเทสายฝนลงมาได้ทุกเมื่อ

      ผมเริ่มใจเย็นลง เนื่องด้วยความเป็นคนไม่ค่อยโกรธใคร เลยยอมลดทิฐิตัวเองทั้งๆที่ไม่ควรเลยสักนิด

       “เอ่อ...กูขอโท...”

      “ลงไป…”

      “ไอ้ชิพ กูขอโทษที่ตะโกนใส่…”

      “กูบอกให้มึงลงไปยังไง!”

      สายตาที่มันถลึงใส่ ผมเจ็บร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ ร่างทั้งร่างชา แผ่ซ่าน...ไม่รู้เพราะอะไรที่เราต้องเจ็บ มันไม่มีสาเหตุเลย แต่การที่มันทำโหดร้ายกับผม หัวใจมันตัดพ้อ น้อยใจ...เสียใจที่มันทำร้ายจิตใจผมได้ลงคอ เกลียดมัน...ที่ทำอย่างนี้กับผม

       ความรู้สึกตอนนั้นมันบอกไม่ถูก ทุกอย่างเลย...เสียงข้างในมันตะโกนก้องว่าผมเสียใจ...เสียใจที่ทำให้ชิพต้องโมโห

       อ้าว ไหงกูต้องใจอ่อนให้มันด้วยว่ะ...แบบนี้ทุกที

       ทำไงได้...ผมกลับรู้สึกผิดเองซะงั้นนี่

       สรุปแล้วกลายเป็นกูผิด?

      ผมต้องแข็งใจ กลั้นเสียงสะอื้นพร้อมน้ำตาเอาไว้ รีบลงไปจากรถให้พ้นๆหน้ามันซะ มันคงเกลียดผมมาก...เกลียดมากใช่มั้ย งั้นผมก็ไม่ง้อ ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับมันอีก ผมก็เกลียดมันเหมือนกัน!

      รถสีเงินมันปลาบของมันหักออกไปสู่ถนนอีกครั้งด้วยความเร็วสูง พรวดเดียวมันหายไปแล้ว ช่างแมร่งงง... มันอยากขับรถเร็วแล้วไปตายห่าที่ไหนก็เชิญเลย ผมไม่สนหรอก ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว...ไม่เคยห่วงมันเลยแม้แต่น้อย ไม่เลย...ผมไม่เคยอยากให้มันรู้ว่าเป็นห่วงมันมากแค่ไหนซะด้วยซ้ำ...

       ตามันปวดๆ ต้องกำมือแน่นให้ขาก้าวต่อไป แต่ทำไมนะผมถึงเจ็บเหลือเกิน...

       แล้วน้ำตามันก็ค่อยๆไหลออกมา...

      

       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 20 ตอนย๊าวยาว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 24-01-2008 23:51:48
ชิพบอกชอบแดนก็หมดเรื่องงง เสียดายจัง
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 20 ตอนย๊าวยาว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 25-01-2008 00:34:58
เอ่อ...เหนื่อยใจจริง ๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 20 ตอนย๊าวยาว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 25-01-2008 01:59:51
เง้อว...

ชิพจ๊าทามมายไม่บอกปายอ่า

แง้ สงสารมากมาย เหนื่อยจายแทนทั้งสองคน หุหุ

มาเป็นกำลังใจให้อีกนะคร้าบบบบ

 :m29:   :m29:   :m29:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 20 ตอนย๊าวยาว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 25-01-2008 02:25:43
มารอชิพครับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 20 ตอนย๊าวยาว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 25-01-2008 07:30:14
พวกปากแข็ง ขี้หึง อีกแล้ว

แบร่ๆ  :m14:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 20 ตอนย๊าวยาว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 25-01-2008 19:54:27
อ่านไปเรื่อยๆแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองของเราหลายใจนะคับ แฮะๆ  :m23:

ชิพปากเเข็ง ขอโทษจริงๆเพราะผมเอานิสัยเขามาแต่งด้วย ถ้าไม่ได้มู๊ดส์แบบนั้นผมแต่งไม่ออกง่ะ  :m1:

ตอนหน้าถ้าไม่รีบไปนอนจะมาตอบเม้นท์น๊า

ปล. ผมเล่าให้เพื่อนฟัง...สรุปผมมีรุ่นน้องที่โรงเรียนในบอร์ดนี้ด้วยเหรอ?


บทที่ 21



      ฝน...หยดแรกที่ตกลงมาจากท้องฟ้ากระทบสู่ใบหน้าของผม มันช่างเยือกเย็น และน่ากลัว...

      ตามมาด้วยหลายๆหยด เทกระหน่ำลงมา ผมเดินไปท่ามกลางห่าฝนซึ่งซัดสาดไปทั่ว เอ๊ะ...น้ำที่อยู่บนแก้มผมในตอนนี้คือฝน หรือว่าหยาดน้ำตาของผมเองกันแน่นะ?

      ทั้งหนาว ทั้งกลัว ผมรู้สึกแปลกๆ...คือมันเจ็บจี๊ดๆทุกครั้งที่วูบหนึ่ง ภาพใบหน้าของชิพปรากฏเข้ามา...ความสับสนในจิตใจของผมทำให้เสียงสะอื้นค่อยๆเล็ดลอดออกมา จนมันกล้า ด้านชา...ร้องไห้ออกมาเบาๆไม่สนใจสายตาใคร

      กว่าจะเดินกลับถึงบ้าน มันก็ดึกไม่ใช่น้อย ผมแบกเอาร่างเปียกโชกของตัวเองถึงบ้านในที่สุด หนาวจนสั่น ตาแดงก่ำ...พอแม่เปิดประตูบ้านออกมาแกก็ตกใจ รีบดึงผมเข้าบ้านไปถอดเสื้อผ้าเปียกออก แล้วยืนเปาผมให้

      “แกบอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ ไปทำอะไรมา”

      ถึงแม่จะเสียงดุ แต่การกระทำของแม่อ่อนโยน อบอุ่นที่สุด...ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด...คนที่สามารถคลายความหนาวเหน็บในจิตใจของผมได้เสมอ...

      “วันนี้แดนตกรถ...ดึกแล้ว เลยกลัวกลับบ้านไม่ทัน”

      ผมโกหก ไม่อยากให้แม่มองไอ้คนที่ไล่ผมลงมาจากรถของมันด้วยอคติ

      “แล้วแกเดินมางั้นเหรอ?”

      “ครับ”

      แม่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปเปิดเตา เพื่ออุ่นนมร้อนให้ผม

      “แกนี่บ้าเหมือนพ่อไม่มีผิด”

      แม่ยื่นนมให้ผม แล้วบอกให้รีบขึ้นไปอาบน้ำนอน แต่คืนนั้นผมนอนไม่หลับ ภาพต่างๆมันยังคงค้างติดตา...แววตาที่ไอ้ชิพมันมองผม เหมือนมีใครบางคนเอามีดมากรีดหัวใจมัน เหมือนมีคนมาทุบดวงใจมัน ปล่อยให้ทรมานจนตาย...แทบตายทั้งเป็น...

      ‘กูขอโทษ...กูขอโทษชิพ กูรู้ว่ามึงห่วงกูมากเพราะอะไร...’

      แต่ผมคงกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ เพราะผมไม่สามารถเปลี่ยนใจได้

       ผมพยายามหาเหตุผลดีๆมาเสริมความรู้สึกตัวเองให้ดีขึ้น แต่เพราะอะไรไม่รู้...จิตใต้สำนึกบอกว่าผมเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีที่สุดของมัน...นอกเหนือจากนั้น คือความว่างเปล่า...

      ‘นั่นแหละ...คือเหตุผลที่กูให้สิ่งที่มึงอยากได้จากกูไม่ได้...ชิพ’



      วันรุ่งขึ้น ไอ้ชิพไม่มาโรงเรียน อย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด

      “นี่แก ไอ้แดน บอกมันด้วยว่าอย่าหยุดบ่อย จะสอบอยู่รอมร่อนี่แล้ว”

      อาจารย์วัน ครูประจำชั้นของผม ท่านยังมีเมตตาแอบ(จิก)กระซิบบอกผม ให้ไปบอกไอ้ชิพในฐานะเพื่อนสนิท แต่มันจะเชื่อผมอยู่หรือเปล่านี่ซิคับ...อีกเรื่อง

      ตอนกลางวันผมกำลังนั่งเรียงงานให้ไอ้ชิพอยู่ พี่มาร์คก็รออยู่หน้าประตูห้อง

      “...แดน ไปกินข้าวกับพี่เถอะ”

      ร่างสูงๆยืนอยู่ตรงนั้น แต่ผมไม่ยักมีอารมณ์อยากไปตามคำชวนแสนหอมหวานนั่นแฮะ...

      “ทำงานน่ะครับพี่”

      หน้าเข้มๆยิ้ม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ตายล่ะหว่า~~~เก็บไม่ทันแล้วด้วย กระจายเต็มโต๊ะเลย หว่า~~~(T-T)

      “แดน นี่มันอะไร?”

      ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่มาร์ค เชื่อมั้ยคับ ว่าตอนนั้นผมขนลุกจริงๆ ดวงตาพี่มาร์คคู่นั้นแน่นิ่งเย็นชามาก น่ากลัวที่สุด!!! สายตาที่เขาเหลือบลงมา กับน้ำเสียงเบาหวิวเยือกเย็น ทำให้ผมมือสั่น ทำอะไรไม่ถูกในทันที

      “แดนทำงานให้คนอื่นเหรอ”

      พี่มาร์คคว้าสมุดไอ้ชิพ(มันไม่เคยเอาหนังสือกลับบ้าน)ขึ้นมาดูชื่อ ก่อนจะวางลงเบาๆ โฮยส์...ท่าทางพี่มาร์คเหมือนคนที่กำลังจะดุผมหนักยิ่งกว่าแม่ซะอีก เหอะๆ

      “แดนลอกสมุดให้...เพื่อน เพียงเพราะเขาไม่มา เท่านั้นเหรอ?”

      “เอ่อ...แดนไม่ได้...มันไม่ใช่…”

      “ไม่ใช่อะไร บอกพี่มาซิว่ามันไม่ใช่อะไร”

      ผมอึกอักตอบไม่ถูก รู้นะว่าพี่มาร์คเขากำลังหงุดหงิด แต่ยั่งงั้นพี่มาร์คก็ยังคงพูดเรียบๆกับผมอยู่ดี(ขอบคุณนะครับพี่มาร์คที่ไม่ดุแดนแรงๆ ผมรักพี่มาร์คที่ซูดส์ >.<)

      “ผม...ผมรู้สึกผิด”

      “ผิด? ผิดอะไร คนที่แดนควรจะรู้สึกผิดด้วยน่าจะเป็นพี่มากกว่านะ”

      ผมพยักหน้ากลายๆ

      “ไม่เอานาแดน...บางครั้งที่พี่ทำไม่โกรธ ไม่ได้หมายความว่า...พี่จะไม่หึง”

      เฮ้ย! พี่มาร์คอ่ะ พูดอะไรไม่รู้ แดนหน้าแดงหมดแล้วนะเฟ้ย!!!

       …หึง...

       คำๆนี้ทำให้เรารู้สึกเป็นคนสำคัญ ของเขา

      “~คนอะไร มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วทั้งที ยังคิดแอบกลับบ้านกับคนอื่นอีก”

      พี่มาร์คค่อยๆยิ้ม ปรากฏเป็นรอยบุ๋มน่ารักทั้งสองข้างแก้ม พลอยทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย และวงแขนกว้างที่วาดมาโอบผมไว้หลวมๆ

      “ต่อไปนี้ แดนจำไว้เลยนะ อย่าปิดบังพี่อีก พี่เป็นแฟนเราแล้วนะ แล้วขอบอกไว้เลยว่าแฟนคนนี้ขี้หึงมากๆด้วย”

      ผมไม่พูดอะไร พี่มาร์คก็เริ่ม...จะทำอย่างอื่น

      “เฮ้ย! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

      “หึๆ งั้นเย็นนี้ไปหาพี่ที่ชุมนุมนะ พี่จะ///…”

      พี่มาร์คกระซิบเบาๆ ประโยคที่ได้ยินยิ่งทำให้ผมใจเต้นแรงหนักหน่วง และหน้าแดงก่ำเข้าไปอีก บิดมือไม้ไปมา

      “555+ ดูแดนดิ หน้าแดงไปหมด พี่ชอบนะเวลาแดนหน้าแดง พี่คิดว่ามันน่ารักดี ดูเด่ะ แก้มแดงตัดกับผิวขาวๆ ยิ่งเวลาแดนพูดอะไรไม่ออก คิดว่ามันยิ่งน่าหอมแก้ม...”

      เรากระหนุงกระหนิงต่อกันอีกแปบนึ่ง ก่อนที่เพื่อนๆคนอื่นๆจะขึ้นมาจากโรงอาหาร(แต่มันก็ชินกับภาพพี่มาร์คในห้องแล้วล่ะ เพราะรู้ว่าสนิทกับผม) เลยทำให้เราต้องผละออกจากกัน(อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ชิ! \(-_-*))

      

       พี่มาร์คชวนลงไปโรงอาหาร ในใจผมแอบห่วงเรื่องงานไอ้ชิพอยู่ ผมสงสารมัน...เลยทำการบ้านให้มันแทน มันไม่มาโรงเรียน ไม่รู้เป็นอะไรมากหรือเปล่า...

      “แดน...เลิกกังวลเรื่องคนอื่นสักที”

      พี่มาร์คทักเสียงเรียบ เขาคงสังเกตเห็นสีหน้าไม่ค่อยสบายใจของผม

      “เพื่อนแดนคนนั้น...เขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ แดนไม่ต้องไปรู้สึกผิดอะไรกับเขาอีกต่อไป...พี่ไม่เห็นความจำเป็นเลยสักนิดที่แดนต้องไปทำดีง้อเขา เราไม่ได้ทำอะไรผิด ฉะนั้นอยู่กับพี่แดนก็ต้องเป็นของพี่ เขาน่าจะรู้...ว่าพี่หวงของพี่มากแค่ไหน”

      ดวงตาพี่มาร์คขณะกำลังพูดเปล่งประกาย จริงจัง และแสนอบอุ่น คล้ายจ้องลึกทะลุลงสู่ก้นบึ้งหัวใจ จนทำให้ผมเคลิ้มตามได้โดยง่าย...เฮ้อ พี่มาร์คจะรู้มั้ยหน้อว่ายังไงผมก็ยังอดห่วงไอ้ชิพมันไม่ได้ ก็มันคือเพื่อนสนิทผมนี่ จะให้เพื่อนทิ้งเพื่อนได้ยังไงกัน จริงม่ะ…

      “ครับ” ผมรับคำพี่มาร์คเบาๆ

       แต่บอกตามตรง ความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่มาร์ค นอกเหนือจากความรักแล้ว ผมรู้สึกผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้ง เพียงแค่มองตากันเราก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ผมรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก โดยไม่ต้องการความต้องการแตะต้องเนื้อตัวกันหรือสัมผัสทางกาย ผมก็มีความสุขกับพี่มาร์คได้...

       นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่า...รักครั้งแรก...รักอันบริสุทธิ์

      ...แววตาคู่สวยของพี่มาร์คมีความหมายเปล่งออกมาอยู่เสมอ ความหมายที่แปลว่า ‘ความรัก’...

      ...แต่แววตาเย็นชาของใครบางคน กลับเชือดเฉือน จนหัวใจของผมอ่อนล้า บอบช้ำ...

      ดี! ผมจะไม่มีวันเห็นใจมันอีก คอยดู...คอยดูเถอะ ผมจะทำใจแข็งยิ่งกว่าหิน ให้มันรู้สึกผิดให้ได้เลย คอยดูซิ! 

 


หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 25-01-2008 21:49:15
 :m15:.......ชิพ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 25-01-2008 23:54:40
 :m15: สงสารชิพ จัง  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-01-2008 23:59:41
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม สงสารชิพอะครับ

แต่ถ้าแดนไปรักชิพก้สงสารพี่มาร์ค เหมือนกัน

แล้วสุดท้ายใครกันนะที่เป็นเจ้าของใจของแดน

ผมเดาว่าน่าจะเป็น ชิพ นะครับ อิอิ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-01-2008 00:02:41
ไม่รักกันแล้วก็ต้องตัดให้ขาดหล่ะนะ
ไม่เจ็บวันนี้ ก็จะืยืดเยื้อไปอีก
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 26-01-2008 01:08:18
งานนี้มีศึกชิงนาง เอ้ย ชิงนายแดน แง๋มๆ  :m4:  :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 26-01-2008 01:14:46
อยากเก็บเธอไว้ทั้ง2คน
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-01-2008 01:18:57
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากๆๆๆๆ ใครจะเป็นพระเอกน๊า
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 20 ตอนย๊าวยาว!!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 26-01-2008 17:17:21
ก็อย่างว่าอ่ะนะ ถ้าเราจะเลือกใครแล้ว เราก็ต้องตัดคนอื่นให้ขาด
เจ็บทีเดียวดีกว่าอ่ะ  :เฮ้อ:

อ้างถึง

ปล. ผมเล่าให้เพื่อนฟัง...สรุปผมมีรุ่นน้องที่โรงเรียนในบอร์ดนี้ด้วยเหรอ?


เหอๆๆ สงสัยเหมือนกันว่ามีเด็กสวนฯเยอะแค่ไหนกันเนี่ย
พี่ก็ OSK115 อ่ะครับ...( :serius2: ม่ายยย ตูยังไม่แก่)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 26-01-2008 17:35:58
ไม่เอาพี่มาร์คอ่า จาเอาชิพๆๆๆๆ  :serius2:

ชิพจ๋า กลับมาหาแดนน้า  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 26-01-2008 19:09:03
เลือกที่จะเจ็บตอนนี้ดีกว่าที่มันจะลามกลายเป็นแผลเรื้อรังนะครับ  :m15: :m15:
ไม่ว่าแดนจะเลือกใครก็สงสารทั้งสองคนเลยอะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 21 !!! (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 26-01-2008 23:09:01
ตอบเม้นท์คับ

artday สงสารชิพช่ะม่ะคับ?

myloveisyo เข้าใจความรู้สึกคับ... :m15:

deshiwa บอกไม่ได้หรอกคับเจ้าของหัวใจของแดนคือใคร เอาไว้ลุ้นภาค 2 อิอิ

blueboyhub รับรองแดนได้เจ็บแน่ๆ...

artkung ชิงกันไปได้นิดส์นึ่งแล้วคับ

ifwedo ไม่ได้คับไม่ได๊!!!  :serius2:

maya~boy พระเอกถือว่ามีสองคนคับเรื่องนี้

13th devil คับ แต่บางครั้งเราก็เลือกที่จะเจ็บครั้งเดียวไม่ได้...(ประมานว่าเคยมาเเล้ว) :seng2ped:

kaporzung แปลกนะคับ ฐานเสียงพี่มาร์คที่โรงเรียนผมเยอะมากเลยคับ ส่วนในบอร์ดตรงกันข้าม 555+ :m20:

~gunkun~ อย่าลืมสงสารแดนด้วยนะคร้าบ

เอาล่ะ ครบแล้วน๊า ผมขอขอบคุณทุกๆกำลังใจไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆๆๆ


บทที่ 22



      หลายวันต่อมา ไอ้ชิพก็ยังไม่ได้มาโรงเรียน...

      ให้ตายซิ นี่มันจะปาเข้าไปอาทิตย์นึ่งแล้ว ทำไมไอ้ชิพมันยังไม่มาโรงเรียน บ้าชะมัด!...หรือว่ามันไม่สบาย...ไม่อยากเรียน...ไม่อยากเจอหน้าผมกันแน่...

       ห่วงมันชะมัด

       เข้าใจความรู้สึกม่ะคับ?...ว่าการที่เราคิดถึงใครคนหนึ่งตลอดเวลา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย...ช่าง น่าหงุดหงิด

      “…วันนี้นายนพเกตุยังไม่มาโรงเรียนอีกเหรอ? มีใครรู้บ้างมั้ยว่าเขาเป็นอะไร นี่หยุดไปหลายวันแล้วนะ มีใครเก็บงานไว้ให้มันหรือเปล่า? ฉันกลัวมันจะเรียนไม่ทัน...ฯลฯ”

      ‘จารย์วันมายืนหน้ามุ่ยอยู่หน้าห้อง เสียงแว๊ดๆของแกจิกไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่มีใครกลัวจริงๆจังๆหรอก ทว่าสีหน้าแกเป็นกังวล ก็อย่างที่บอกอ่ะคับ เจ๊วันทนาเขาเปรียบเสมือนแม่พระที่ต้องคอยถามไถ่ ห่วงใยคนอื่นเสมอๆ (โอ้...จริงแน่หรือจอร์จ?)

      “ไอ้แดนไง’จารย์ แดนมันสนิทกับชิพมากที่สุด” ไอ้ชัตที่โดนจิกหัวให้ขึ้นมากวาดห้องโพล่งออกมา

      “เหรอ? งั้นแกช่วยโทรศัพท์ไปหามันได้มั้ย ฉันเป็นห่วง”

      จารย์วันมองผมแบบ ‘มึงรู้หน้าที่ดีใช่ม่ะ?’ ผมก็เลยต้องพยักหน้าตอบๆไปโดยปริยาย แฮะๆ...แต่ถึงยังไงผมก็กะจะบุกไปบ้านมันเร็วๆนี้อยู่แล้ว ความจริงแล้วไม่มีใครหารู้ไม่ว่าผมกับมันเกลียดขี้หน้ากันอยู่

                        หลังจากที่ผมไปขอที่อยู่ไอ้ชิพจากเจ๊เค้ามา(ต่อไปนี้ขอเรียกชีว่าเจ๊) เย็นวันนั้นผมเอาข้อมูลออกมาดูเตรียมพร้อมบุกไปบ้านมัน

      แปลกแฮะ...ผมจำได้ตั้งแต่วันแรกว่าบ้านมันอยู่ใกล้บ้านผม แค่สองซอย มันบอก...แต่ทำไมทะเบียนที่เจ๊ให้ผมมาถึงได้...

      ผมยังไม่เอ๊ะใจเท่าไรนัก แต่ก็ไปตามที่ทะเบียนบอก บ้านมันอยู่ฝั่งธนฯนู่น ซึ่งผมไม่ค่อยเชียวชาญทางเท่าไรเพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตแค่ภายในฝั่งพระนคร...ผมไม่เข้าใจว่ามันจะโกหกผมทำไม ก็อีแค่บ้านไม่ได้อยู่ใกล้กัน ไม่จำเป็นต้องมาโกหกให้ผมรู้สึกสนิทกับมันเร็วขึ้นเลยนี่นา

      หรือว่า...มันมีเหตุผลอื่น?

       แอบโกรธมันเล็กๆด้วยล่ะ เรื่องแค่นี้ทำมาปกปิด

       รู้สึก...ตัวไอ้ชิพจะเป็นปริศนาเสียส่วนใหญ่ (ทั้งๆที่กรูคบกับแมร่งมาตั้งนาน -_-“)

      นี่เท่ากับว่ามันต้มผมซะเปื่อยมาตลอดเวลา รับ-ส่งผมเป็นประจำ แถมต้องเสียค่าน้ำมันเกินความจำเป็นอีกต่างหาก...ไอ้ชิพมันแน่มาก มันแน่มากๆ!

      หลังจากทุลักทุเลตามหาบ้านของไอ้ชิพอยู่ครึ่งชั่วโมง ผมก็หอบเอากระเป๋านักเรียนตัวเองและการบ้านกองพะเนินของมันมายืนถือ ณ หน้าประตูบ้านเหล็กดัดสุดอลังการ มองลอดเข้าไปเห็นตัวบ้านหลังงาม สีขาวโดดเด่น มีสนามหญ้ากว้างเกือบเท่าบ้านผมทั้งหลังเลยมั้ง สีเขียวขจี แล้วไหนจะรถหรูๆห้าหกคันที่จอดเรียงรายอยู่ในโรงรถนั่นอีกล่ะ ทั้งเบนซ์ บีเอ็ม นิวบิทเทิล และฯลฯ...

       เศษเสี้ยวกระผีกสวนหญ้าหน้าบ้านมันก็ใหญ่เกือบเท่าสนามบาสที่โรงเรียนแล้วอ่ะคับ...(เว่อร์ไปเนอะ แต่บ้านมันใหญ่จริงๆงับ)   

      ผมกดออดด้วยมืออันสั่นเทา(นิดๆ อ้าว! พูดจริงนะคับ ไม่ได้โม้ว) สักพักก็มีผู้หญิงใส่ผ้าถุงสีแดงเข้ม เสื้อสีขาว เข้าใจว่าเป็นคล้ายๆพนักงานภายในบ้าน ที่แต่งตัวเหมือนกันยังกะแกะออกมาจากละครช่องเจ็ด ผมพูดจริงๆนะครับว่าบ้านไอ้ชิพมันยั่งกะในนิยาย คุณชายหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย มีข้าทาสรับใช้มากมาย...มันช่างเกิดมาโชคดีกว่าเด็กคนอื่นจริงๆ พูดแล้วก็ตื่นเต้ล~~

      ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นพจมาน สว่างวงศ์ ยังไง๊ยังไงไม่รุ >O<

      “ค่า~~~ มาหาใครค้า~~~” พี่คนนั้นวิ่งมาเกาะรั้ว มองลอดออกมาพร้อมลากเสียงยาว

      “เอ่อ...ผมเป็นเพื่อนของ...ชิพ นะครับ วันนี้เอาการบ้านที่โรงเรียนมาให้”

      “อ้อ~~~ เพื่อนคุณชิพเหรอค้า ตอนนี้คุณชิพก็มีแขก แต่เดี๋ยวเชิญข้างในก่อนคะ”

      ผมเดินตามพี่กระโปรงผ้าซิ่นไปหลังบ้าน เข้าใจอีกรอบว่าเป็นครัว เหมือนที่พวกแม่บ้านชอบมานั่งเม้าท์นินทาเจ้านายในละครอ่ะ เหอะๆ ชั่วครู่น้ำก็ปรากฏตรงหน้า พี่นงค์(แนะนำตัวเรียบร้อย)ที่พาผมเข้ามาบอกว่าจะออกไป ‘เรียน’ คุณชิพก่อนว่ามีแขกมาหา ผมเลยต้องนั่งแกร่วอยู่คนเดียว ใจเต้นระทึก(เล็กน้อย)ด้วยความตื่นเต้น

      สิบนาทีก็แล้ว ยี่สิบนาทีก็แล้ว ครึ่งชั่วโมง...จนปาเข้าไปครบหนึ่งชั่วโมง ไม่ยักมีใครเข้ามาตามผมออกไปเลย อะไรวะ บ้านแมร่งใหญ่โต จะไม่มีใครว่างมาตามกูสักคนเลยเหรอไง เสียมารยาทที่สุด!

                         ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ อีกอย่างบริเวณบ้านไอ้ชิพนั้นผมไม่ชำนาญทาง ยิ่งมืดผมยิ่งไม่สบายใจ กลับบ้านดึกกลัวแม่ด่าด้วย ในที่สุดผมตัดสินใจเดินออกไปเอง ทิ้งการบ้านไว้ให้มันในครัวนั่นแหละ ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว มันจะสนใจหรือไม่ก็เรื่องของมัน

      ผมเดินอยู่บนทางเดินภายในบ้านซึ่งทอดตัวออกไปทางประตู พลันรู้สึกสะท้อนใจยังไงชอบกล...ผมน่าจะรู้สึกโล่งใจ สบายกาย แต่ทำไมนะ...ตอนนี้ถึงได้ใจหายชอบกล น้อยใจ? เสียใจ?    น้ำใสๆมันเหมือนจะไหลมารวมอยู่ตรงหัวตาที่เดียว

       รีบเดินเร็วมาก ทั้งโกรธทั้งโมโห ฉุนสุดๆ

      “เดี๋ยว”

      ผมยังคงเดินต่อไปเรื่อยเหมือนไม่ได้ยิน ตอนนั้นไม่ได้ยินอะไรจริงๆครับแค่คิดว่าตัวเองโง่เหลือเกินที่ถ่อมาถึงบ้านไอ้เวรนี่ได้(กำลังโมโหง่ะ แง่ง!!!\(-_-*))

      “เดี๋ยวเซ่~~~”

      ผมสะดุ้งเพราะไอ้เสียงเถื่อนๆ คุ้นหูนี่แหละ...ไอ้ชิพมันตามมาจับไหล่แล้วสะบัดให้ผมหันกลับไปมองหน้ามัน ใจแอบกระตุกนิดๆที่เห็นหน้ามันผอมลงผิดหูผิดตา ดวงตาก็ออกซีดๆเหมือนผีจมน้ำ หน้าแมร่งเหมือนแค๊บหมูค้างคืนอยู่แล้ว เวลาโทรมๆอย่างงี้ยิ่งดูไม่จืด

      “มา’ไม”

       มันถามห้วนๆกวนๆ แต่น้ำเสียงเย็นชา

      “ก็มึงไม่เคยอยากให้กูมาบ้านมึง วันนี้มาแล้วไง...เพิ่งรู้ว่ามึงโกหกกูมาตลอด”

      ไอ้ชิพกระพริบตาถี่ “...ไม่ใช่...ไม่ใช่เรื่องของมึง การบ้านฝากไว้แล้วใช่มั้ย ไป! อย่ามาบ้านกูอีก”

      อะไรว่ะ? งงเด่ะคับ ผมงงเหมือนไก่ตาแตก!!! ไอ้เชี่ยชิพจะขอบคุณสักคำก็ยังไม่มี ผมก็ฉุน มันก็คงฉุน แต่ผมอดไม่ได้ที่จะตามไปจับข้อแขนหนาๆนั่น

      “หยุด! มึงคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อน มึงเป็นเหี้ยอะไร...”

      “ปล่อยแขนกู!”

      เชื่อมั้ยคับ...วินาทีนั้นที่ไอ้ชิพใช้แรงควายๆของมันสะบัดแขนให้หลุดจากมือผม เด็กวัยรุ่นที่ตัวเกือบเท่ากัน...แรงของมันทำเอาผมเกือบเซ มันหันมาตะโกน ขึงตา น่ากลัวที่สุด! ผมไม่เคยเห็นมันโกรธใส่ผมขนาดนี้มาก่อนเลย แต่วันนี้มันทำ...มันจะทำให้ผมลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต

      และวันนั้นคือครั้งแรก...ที่มันสะบัดความหวังดีจากผม

      ตาชิพเริ่มแดงขึ้นมา แต่ผมไม่สนใจ เราสองคนยืนหอบกันอยู่ตรงนั้นด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการตะโกนใส่หน้ากัน โมโหใส่กันอย่างรุนแรง

      “มึงมีอะไรอีก...” น้ำเสียงไอ้ชิพที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ...ช่างเบาหวิว เยือกเย็น

      “มึงเป็นอะไร...ยังไม่หายโกรธกูอีกเหรอ”


      “กูไม่อยากเห็นหน้ามึง...”

      “กูทำผิดอะไรวะชิพ? กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจ!”

      “กูไม่รู้ มึงอยากรู้ก็ถามแฟนมึงเซ่!”

      ผมจ้องหน้ามัน เจ็บหน้าอกแปล็บๆ...

      ท่ามกลางความเงียบ ผมเห็นร่างเล็กๆอยู่ข้างหลังไอ้ชิพ...เด็กผู้หญิงที่ชอบใส่ชุดสีเปรี้ยวหวาน เสียงแหลมเล็กๆแบบดัดจริต แต่ผมยังสั้นเหมือนเด็กม.ต้นแถมยังแต่งหน้าจัด คนที่แอบชอบไอ้ชิพหัวปักหัวปำ...

      น้องแอน!

      “มึงมีแขก...”

      “ใช่...ต่อไปนี้กูจะมีแต่น้องแอนเป็นเพื่อน”

      ใจผมเต้นแรงบอกไม่ถูก มันกระตุกๆ แต่ละทีก็นำความเจ็บปวดมาสู่หัวใจของผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

       “ชิพ...กูเพิ่งรู้วันนี้นะว่ามึงเป็นคนขี้อิจฉา”

       “มึงพูดอะไรนะ!”

       ตายล่ะหว่า >.<~~~ ไปยั่วต่อมโกรธมัน ไอ้นี่ยิ่งธรรมดาอยู่ที่ไหน...ร่างใหญ่ตรงเข้ามาบีบแขนผมแน่น จนต้องนิ่วหน้าต้านความเจ็บปวด

       “ไอ้เชี้ยปล่อยแขนกู!”

       “...ไอ้แดน”

       ผมตะคอกใส่มัน แต่สู้แรงมันไม่ได้แฮะ...โชคดีที่มีระฆังช่วย

      “อ้าว...เพื่อนพี่ชิพคนนี้” น้องแอนเดินข้าวมาเกาะแขน จู่ๆเจ้าหล่อนก็เดินเข้ามาขัดจังหวะผมกับไอ้ชิพ...ทำให้มันปล่อยมือออก แต่ยังจ้องหน้าไม่ลดละ ผมก็จ้องตอบไม่ยอมเหมือนกัน

       “คุยอะไรกันอยู่คะ? สนุกเชียว”

       อี…’ตู๊ด’…(เซ็นเซอร์) เห็นๆอยู่ว่าคนกำลังทะเลาะกัน ทำไมมันต้องเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วยว่ะ แมร่ง~~ ผมล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมน้องแอนต้องทำตัวเป็นชะนีตอแหลด้วย???(ผมเกลียดแต่น้องแอนเท่านั้นนะคับ)

       ความรู้สึกอยากกระชากร่างยัยตัวเปี๊ยกนี้ออกไปตะงิดๆขึ้นมา หมั่นไส้ชะมัด “…พี่ชิพคะ คุยอะไรกันน่ะเอะอะเสียงดังจังเลย รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ น้องแอนหิวแล้ว เดี๋ยวให้นมเตรียมอาหารเย็นได้เลย”

       กระซิบกระซาบกันด้วย ฮึ้ย!!! \o(-_-*)oo

        “ไปก่อนซิครับ...”

       “แต่พี่ชิพคะ...”

      “ไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป”

       ไอ้ชิพตัดบทเด็ดขาด ฮึๆๆฮ่าๆๆๆ

      “น้องแอนว่ารีบไล่ไปเถอะคะ ถ้าพี่ชิพอารมณ์เสีย…” น้องแอนจงใจกระซิบเสียงดัง(อีกที)

      เบื่อนังเด็กไม่มีสมองนี่จริงๆ แหน่ะ...ยังมาทำหน้าเยาะเย้ย ผมแค่จ้องหน้าไอ้ชิพแล้วไม่พูดอะไร มันทำกับผมแบบนี้ได้ ผมก็ทำกับมันได้เหมือนกัน!

                        “ทำไมมึงไม่ไปเรียน”

      “เรื่องของกู”

      “กูขอร้อง...ชิพ ถ้ามึงเกลียดกูแล้วไม่ยอมไปเรียน กูยอมหลบหน้ามึง แต่นี่มันเพราะประโยชน์ของมึงเอง รู้บ้างมั้ยว่าทุกคนเขาเป็นห่วงมึงขนาดไหน?”

      “แล้วมึงล่ะ เป็นห่วงกูขนาดไหน…”

      อุก!!!...เจ็บคับ เจ็บ...ไอ้ประโยคแทงใจดำนี้ทำเอาผมอึ้งอยู่หลายนาที ไม่ใช่เพราะมันเหรอผมถึงอดนอนหลายคืน ไม่ใช่เพราะมันเหรอผมถึงนั่งเหม่อลอยทุกกลางวัน ไม่ใช่เพราะมันเหรอผมถึงได้ยอมตากหน้ามาหาถึงที่นี่...

      ความรู้สึกตอนนั้นหลากหลาย จนอยากระเบิดออกไปให้รู้แล้วรู้รอด อยากด่ามันว่าเห็นแก่ตัว มันเคยคิดถึงผมบ้างมั้ย? แต่อีกใจก็อยากร้องไห้ให้มันเห็นใจ สงสาร ตัดพ้อยังไงก็ได้ให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไอ้ชิพคนที่ผมรู้จักคนเดิม...       

      “กู...ไม่ห่วงมึง แล้วกูจะมาที่นี่ทำไม…”

      ไอ้ชิพยืนกอดอก มองผมไม่กระพริบตา(ยัยน้องแอนทำหน้างงๆ ตามใครเขาไม่ทัน)

      “กูน่าจะเป็นฝ่ายพูดคำนั้นมากกว่า...มึงรู้มั้ยว่ากูต้องเดินตากฝนกลับบ้าน วันนั้น...วันที่มึงไล่กูลงจากรถ”

      ไอ้ชิพเริ่มขยับ ตามันมีน้ำใสๆมาคลอ แต่ก็ยังไม่เสียฟอร์มทำอะไรลงไป

      “กูรู้แบบนี้...กูไม่มาก็ได้”

      ผมปาดน้ำตา เดินหันหลังไปเร็วๆ...ในใจลึกๆแอบหวังว่ามันจะรั้งผมไว้ หรือไม่ก็วิ่งตาม โอบกอดผมไว้...หรือแค่ตะโกนเรียกก็ยังดี แต่ไม่มีเลยสักนิด ไร้ซึ่งวี่แวว จนเมื่อผมถึงหน้าปากซอย ขึ้นแท็กซี่ ผมมองข้างหลังก็ไม่มีรถของมันตามมาสักคันเดียว



      คืนวันนั้นฝนตกพร่ำทั้งคืน ทำให้ผมนอนไม่หลับ...นอนฟังเสียงฝนตกกระทบหลังคาบ้านดังเปาะแปะอยู่ภายนอก เสียงน้ำไหลเย็นสบาย สงบ แต่ข้างในของผมนั้นหนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจ จากชีวิตของผมที่คิดว่าสดใส ณ วันนี้ผมมีเรื่องต้องให้คิดมากมาย ใบหน้าของใครบางคนผุดขึ้นมาหลังม่านตา...เหมือนแม้ว่าหลับตา ก็ไม่สามารถลืมได้ลง...

                        ...แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นเมื่อนึกถึงเขา...


       โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 26-01-2008 23:37:37
 :impress: :impress: :impress:

เข้าใจว่าชิพโกรธมาก

แต่สงสัยพี่มาร์คต้องคุยไรกับชิพแน่เลย

ชิพถึงได้โกรธขนาดนี้ เอาใจช่วยครับผม

เข้าใจกันเร็วๆๆนะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 26-01-2008 23:47:52
อ่านถึงตอนล่าสุด

ผมยังหาเหตุผลมาให้เห็นใจแดนไม่ได้เลยสิ... o12 :o

โลเลยังไงไม่รู้ รักใครชอบใครกันแน่เนี่ย  :serius2: :serius2:

ว่าแล้ว ก็ขอเป็น ชิพ แฟนคลับ ต่อไป อิอิ  :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 27-01-2008 00:00:07
ตกหลุมรักขึ้นไม่ไหว ใครนะใครเป็นคนผลักฉัน

อย่ามาทำหน้ายังงั้น นึกว่าฉันกลัวรึงาย  :m13:  :m13:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 27-01-2008 00:22:17
ตอบเม้นท์คับ

artday สงสารชิพช่ะม่ะคับ?





ไม่ได้สงสารครับแค่ขัดใจพอมาตอนนี้ก็ยังขัดใจอีกปากหนักจริง :m15
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 27-01-2008 01:54:14
สงสารทั้งคู่เลย

จะเข้าใจกันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 27-01-2008 02:01:49
หึ ชิพนะ  :เฮ้อ:

ทำไมไม่ฟังแดนเค้าพูดมั่งเลยอ่ะ  :m15:

เค้าเป็นห่วงนะ ถึงได้มาหา  :m21:

ทามมายยยยยยย  :serius2:

ไอ้ผู้ชายบ้าเอ๊ยยยยยยยย  :angry2:

แต่ก็ยังเชียร์อยู่ 555 ดีกันเร็วๆละกันนะคะ  :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 27-01-2008 03:47:22
โอ๊ย หงุดหงิดเฟ้ย  :serius2:
คนเค้าทำดีด้วย แล้วไม่เห็นค่ากันเลย.... :angry2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: gnoy ที่ 27-01-2008 11:12:22
โอ้ว น้อง Alex
 
เข้ามาต่อแล้วดีใจจัง

ใกล้จะสอบไฟนอลแล้วอย่าลืมอ่านหนังสือนะ

พี่มีคำถามนิดหน่อยนะครับบบ

1. อ.วันทนาเนี่ย ใช่ อ.วันธนา ทวี... ป่ะครับ
ถ้าใช่นะ น้องลองเรียกแก "เจ๊โหด"ก็ได้นะ เพราะตอนพี่เรียน พี่ก็เรียกแกแบบนั้น เจ๊แกใจดีครับ
เจ๊เคยช่วยชีวิตพี่ตอนสอบชีวะไว้ด้วยหล่ะ (พอดีเพิ่งเริ่มทุจริต55แล้วเจ๊แกคุมสอบพี่พอดี อาจารย์อีกท่านนึงจะเอาเรื่องพี่ แต่เจ๊แกช่วยพี่ไว้ครับ ถ้าวันนั้นเจ๊แกไม่ช่วยนะพี่ตายแน่555) 
2.น้อง alex เรียนวิทย์หรือศิลป์ครับบ

ปล. รีบๆมาต่อเร็วๆนะครับ พี่รออยู่นะ เดี๋ยวพี่ต้องเตรียมอ่านหนังสือสอบไฟนอลแล้ว

ขอบคุณครับบบบบ 
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 27-01-2008 11:35:05
ยังอ่านไม่จบ แต่เกิดสงสัยใจว่า โรงเรียนที่แดนอยู่เนี่ยมันใช่โรงเรียนวัดแถวบางรักอะเปล่าครับ

มันคล้ายๆกับโรงเรียนที่ผมเคยอยู่ เลยอยากรู้เท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 27-01-2008 17:07:23
รออ่านเสมอครับ

ยังไงก้อเชียร์ชิพครับ อิอิ

 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 27-01-2008 17:20:38
อืออเศร้าจัง
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 22 ตอนใหม่นะครับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 27-01-2008 18:15:30
ขอตอบเม้นท์รวมนะครับคราวนี้

ก่อนอื่นเลย ขอวอนได้ชี้แจงผู้ที่กำลังมึนๆกับแดนและชิพอยู่ ผมแต่งให้ตัวละครสองคนนี้มีนิสัยตามความเป็นจริงมากที่สุด แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่นิยายเกย์ที่หวานเลี่ยน(เกินไป) อีกอย่างผมสังเกตดูเเล้วมานก็ไม่ได้เกย์จ๋าแบบที่ว่าจะต้องบอกรักกันตลอดเวลา เกย์โรงเรียนผมแค่มันบอกว่าชอบกันนั่นก็หวานมากแล้วคับ(จริงจริ๊ง! อ้าวเด็กสมัยนี้...)ฉะนั้นน้อยมากที่จะเห็นใครมาคอยหึงหวงกันเรื่องรักไม่รัก แค่แต่งตอนที่ต้องหวานกับพี่มาร์คผมเองก็หงิดๆอยู่เหมือนกันล่ะคับ 555+

ฉะนั้นอยากให้อ่านไปจนจบ ไม่อยากให้อคติอ่ะคับ ผมทำใครเสียมู๊ดขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

อ้อ...ลืมบอกไปว่านี่คือเรื่องแต่งที่มีแค่ เค้าโครง มาจากเรื่องจริง เท่านั้นนะครับ(บอกมากไม่ได้เด๋วไม่หนุกน๊า) :m12:

อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบพระคุณทุกๆกำลังใจที่เเวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเสมอมานะคับ โดยเฉพาะพี่ๆosk พี่ๆในบอร์ดด้วย ผมรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านจริงๆ...อยากให้ได้อ่านถึงภาค3จริงๆ เรื่องนี้ผมกลั่นออกมาจากหัวใจทุกๆตอน(และหยาดเหงื่อแรงกาย) :m13: :เฮ้อ:

ส่วนอาจารย์วัน...ใช่คับ วันนั้นแหละ แต่มันเขียน วันทนา ไม่ใช่เหรอ? 555+ ผมเรียกเค้ามาเเม่อ่ะบางครั้ง จริงๆนะครับ ผมรู้สึกว่าอาจารย์เป็น 'ครู' ที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ล่าสุดนี่เพิ่งจะคุมห้องสอบร่วมกับอาจารย์วีณา 555+ ลอกกันกระหน่ำดิคับ อยากบอกว่า รักเค้ามากที่ซู๊ด~~~แหละ

โรงเรียนผมอยู่ตีนสะพานพุทธฯคับ...ตรงที่มีตลาดขายดอกไม้แหล่งใหญ่ของเมืองไทย (ใบ้แบบนี้คงสุดๆและเนอะ)

ขอบคุงกั๊บ!


บทที่ 23



      วันจันทร์ถัดมา ผมเห็นล่ะว่าไอ้ชิพมาโรงเรียน

      ...ถึงแม้ว่ามันจะทำเป็นไม่รู้จักผม ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ ยิ่งหลบหน้าผมเท่าไร...เหมือนยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากเข้าไปหามันมากขึ้นเท่านั้น และตั้งแต่เช้ามานี่เราก็สบตากันโดยบังเอิญนับครั้งไม่ถ้วน รู้ว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้(อ่านะ) ทว่าผมต้องกลายเป็นฝ่ายเบือนสายตาหนีก่อนทุกที

      คาบแรก ที่นั่งไอ้ชิพมันนั่งข้างผม แต่นับแต่วันนี้ล่ะมั้ง...มันคงเปลี่ยนใจไปตลอดชีวิต

      “เฮ้ย ลุกไปนั่งนู่น”

      ผม(แอบ)สังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ใช้หูผึ่งเอา เห็นร่างสูงๆของไอ้ชิพไปยืนข่มขู่แย่งที่นั่งไอ้ชัต ประมาณว่าให้ไอ้ชัตมานั่งข้างๆผม ที่เดิมของตัวมัน แล้วมันก็จะนั่งที่ไอ้ชัตแทน เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันรังเกียจผมมากแค่ไหน แล้วก็เป็นวิธีการประชดประชันผมที่ยอดเยี่ยมมากซะด้วย...

      ไอ้ชิพ...กูอยากจะรู้ มึงจะหลบหน้ากูไปได้ถึงไหน

      แต่ด้วยความอีโก้จัด(บ้าง)เหมือนกัน ผมก็ไม่มีทางยอมลดตัวลงไปขอโทษมันก่อนโดยเด็ดขาด มันต่างหากที่ต้องขอโทษผม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จริงม่ะ?

      ในที่สุด มันก็ได้นั่งอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากโต๊ะของผมสมใจ เชอะ ช่างแมร่งงงง~~~ผมไม่เห็นสนใจสักนิด พวกไม่รู้จักโตเอ๊ย...



      การเรียนของผมช่วงนี้นับว่าหนักพอดู ทั้งงาน ทั้งสอบ ทั้งกิจกรรมต่างๆนานา ซึ่งบางครั้งรบกวนคาบเวลาเรียน ทำให้เรียนไม่ทัน ครูทุกท่านจึงต้องพยายามแลกคาบมาทดแทน หรือไม่ก็สอนเพิ่ม ซึ่งทำให้พวกนักเรียนเซ็งมากมาย(เจอบ่อยๆอ้วกแตกเดะคับ...ยิ่งนัดเรียนเพิ่มของอาจารย์ที่ปรึกษาชุมนุมอนุรักษ์แล้วล่ะก็... = =”) แต่ก็ต้องอดทนนั่งเรียนหลังขดหลังแข็งไปเรื่อย เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทันสอบ และถ้าหากสอบตก...การเรียนม.ปลายของผมจะเหมือนตกนรก ลำบากเอามากๆเลยครับ

      พี่มาร์คช่วงนี้ก็ลำบากพอดู การเรียนของพี่เขายากใช่ย่อย ม.6แล้วนี่ เตรียมตัวสอบเอ็นทรานซ์ เดี๋ยววิ่งกวดวิชาที่นู่นที่นี่ เวลาระหว่างเราสองคนลดเหลือน้อยลงไปเป็นธรรมดา ซึ่งผมไม่คิดอะไรมาก ตราบเท่าที่เรายังซื่อสัตย์ต่อกัน เท่านั้นก็พอ...

      แฟนของผม...เขาน่ารักมากคับ แม้ไม่มีเวลา แต่เขาต้องหามันมาชดเชยให้ผมเสมอไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เสาร์ อาทิตย์ แค่ไปกินข้าวกัน ไปดูหนัง หรือนัดเจอกันเฉยๆก็ยังดี

      “พี่สอบปลายภาคเสร็จแล้วแดนไปทะเลกับพี่นะ”

      พี่มาร์คชวนผมวันนึ่ง ขณะที่เรากำลังคุยกัน พี่มาร์คพูดให้ฟังถึงเรื่องต่างๆภายในอาทิตย์ที่ผ่านมา เข้าข่ายเล่าสู่กันฟังตามประสา

      “ทะเล...ที่ไหน?” ถามไปงั้นแหละ ไม่ว่าทะเลไหน ผมชอบทะเลอยู่แล้ว แค่สงสัย ยิ่งมีพี่มาร์คไปก็เซย์เยสอยู่แล้ว ฮุฮุ *O*

      “ระยอง ลงขันกับเพื่อนแล้วไปฉลองเรียนจบกันไง”

      “แล้วนี่พี่มาร์คกะจะเข้า’มหาลัยอะไรคับ” คำถามยอดฮิต ผมก็ถามๆไปงั้นแหละ

      พี่มาร์คเอ่ยชื่อดังๆมาสองสามที่ ผมไม่ค่อยเป็นห่วงเพราะพี่มาร์คเก่งอยู่แล้ว แค่หวังว่ามันจะถูกใจพี่เขาเท่านั้นล่ะ

       “แล้วแดนจะตามไปไหวมั้ยเนี้ย?”

       ว่าแล้วก็เอนหัวไปพิงไหล่กว้างๆ อ้อนนิดส์พอประมาณ >.<

       “ไหวอยู่แล้ว เดี๋ยวกลับมาช่วย” นิ้วเรียวบีบเข้าที่สันจมูกของผมเบาๆ

       “แล้วอย่าเพิ่งไปหลงใครเข้าล่ะ”

       เรื่องแบบนี้ต้องดักคอไว้ก่องง่า TT^TT

       “ไม่มีหรอก...”

       …ผมเชื่อครับ...

      “สรุปจะไปกับพี่หรือเปล่า?” พี่มาร์คเริ่มเข้าโหมดเซ้าซี้

      “ไปซิ แดนอยากไปอยู่แล้ว”

      พี่มาร์คยิ้มตาหวานเป็นการตอบรับ อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ร้านขนมเค้กตรงข้ามโรงเรียน ในร้านติดแอร์ ติดกระจกใส เป็นที่ให้เด็กนักเรียนมานั่งทานเค้กอร่อยๆในวันสบายๆ(แต่ตอนนี้ร้านมันเจ๊งไปแล้วอ่ะ -v-)

      “เราเนี่ย น่ารักที่สุด~~~”

      นิ้วเรียวๆสีเข้มตรงเข้ามาหยิกแก้มแดงๆของผมอีกที่ เอ่อ ผมเลิกอายพี่มาร์คแล้วล่ะคับ อ้าว ก็เราเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้วนี่นา แถมเมื่อวานเรายัง...

      อิอิ ไม่บอก ปล่อยให้งงเล่นดีกว่า oO>.<Oo



      ความจริง...บอกก๊อด่ะ(>.<) เมื่อวาน เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องเก็บเอาไปนอนฝันหวานมากที่สุดในชีวิต ผมจำได้ว่าหน้ามันแดง จนเหมือนจะไหม้ ใจเต้นแรงแทบระเบิด...ก็เพราะพี่มาร์ค พี่มาร์คแฟนของผมคนนี้คนเดียวนั่นแหละ!

      คือ...เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวานน่ะเป็นวันเกิดพี่มาร์ค เราสองคนตัดสินใจจะไปฉลองกันบนสะพานพระรามแปด เหอะๆ เว่อร์ไปเหรอคับ? ไม่หรอก เพราะบรรยากาศบนนั้นน่าขึ้นไปนั่งชมวิว มันเงียบสงบดี(เผื่อไว้ในกรณีที่ผมหน้ามืดอยากจูบพี่มาร์คไง จะได้ไม่มีใครเห็น >.<) เหมาะแก่การคุยกระจู๋กระจี๋กัน ยิ่งตอนเย็นๆมองตรงไปเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา จะเห็นดวงอาทิตย์กำลังตกลับขอบฟ้า ส่องแสงสีแดงส้มเต็มไปหมด

      เราสองคนซื้ออาหารง่ายๆมาทำไปกินกัน พี่มาร์คมารับที่บ้านด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ(ตรงกันข้ามกับใครบางคน) ผมโดดขึ้นซ้อนท้ายแล้วเราก็มุ่งตรงขึ้นไปบนสะพาน เวลาประมาณห้าโมงเย็นกว่าๆ คนเริ่มเยอะพอสมควร เรารีบจองที่นั่งแล้วก็พิงรั้วกัน พอคนเริ่มบางตา เราก็ผลัดมาพิงกันและกันแทน(ฮิฮิ)

      ‘รู้มั้ย...วันนี้เป็นวันที่พี่มีความสุขมากที่สุด’

      ลมเย็นๆพัดโชยเข้าปะทะผิวหน้า ผมช้อนสายตาจากภาพเวิ้งน้ำโล่งๆกว้างใหญ่ตรงหน้า ขึ้นมามองที่พี่มาร์ค ประมาณว่าให้หยุดพูดคำหวานๆสักที ผมจวนจะละลายไปพร้อมกับความหวานของมันแล้ว (T_T)

      ‘อะไร ยังอายกันอีก’ มือพี่มาร์คคว้ามาที่ปลายคางบุ๋มๆของผม จับให้หันซ้าย ขวา จ้องหน้าแดงๆของผมด้วยความเพลิดเพลิน ตอนนั้นจำได้ว่าคนน้อยมาก มีแต่เสียงลมกับนกร้องอยู่บนฟากฟ้าจากที่ไกลๆ ท้องฟ้าสลัวลงเล็กน้อย แต่ปลายฟ้ามีแสงรำไร พอให้เห็นได้ว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของพี่มาร์คแวววาวแค่ไหน

      …ใบหน้าของพี่มาร์คเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ...จนในที่สุด จมูกของเราสองคนก็แตะกัน ผมสะดุ้งพร้อมกับดึงตัวกลับ! แต่พี่มาร์คเขาไวกว่า...รีบคว้าตัวผมไว้แล้วกดประทับริมฝีปากอ่อนนุ่มลงมาเต็มๆ...

      เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลิ้มรสสัมผัสจากของริมฝีปากผู้อื่น...ของผู้ชาย ซึ่งทั้งอ่อนนุ่มและหวาน...พี่มาร์คค่อยๆรุกล้ำเข้ามาอีก แล้วหลังจากนั้น...ผมก็ >.<

      ฉากต่อไป เป็นความลับ...

      

      เรานั่งดูแสงตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากันต่อสักพัก พี่มาร์คโอบไหล่ผมไว้ มีแอบหอมแก้มบ้างบางครั้ง เหอะๆ ดีนะที่ไม่ค่อยมีคน แถมยังมืดแล้วด้วย คนเลยไม่ค่อยสนใจ...ไม่งั้นผมไม่มีทางยอมให้พี่มาร์คทำตามอำเภอใจแบบนั้นแน่

       เฮ้อ...บอกตามตรงว่าเรื่องหนักใจต่างๆเริ่มคลายไป เข้าใจแล้วล่ะครับว่าความรักทำให้เราลืมได้ทุกสิ่งอย่าง O_O ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องที่โรงเรียน...

       สู้ผมทำให้คนอื่นมีความสุข แล้วตัวเองมีความสุขตามไปไม่ดีกว่าเหรอ?

       กับการต้องเป็นที่รองรับอารมณ์คนอื่น...พอกันทีทาสอารมณ์ o(>_<)o

      ขากลับ ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของพี่มาร์คกลับไปด้วยหัวใจเบิกบาน แขนของผมโอบกอดรอบเอวพี่มาร์คแน่น แผ่นหลังหนาอบอุ่นนั่นก็ชวนให้ผมเอนซบลงไป อืม...ทั้งอุ่นทั้งสบาย แล้วยังสายลมที่พัดผ่านเราสองคนอีก ทำให้ผมเคลิ้ม เกือบจะหลับคาหลังพี่มาร์คไปซะแย้ว

      ถึงบ้าน พี่มาร์คยื้อผมไว้อยู่นั่นแหละ แต่...แฮะๆ ผมกลัวพระมารดาออกมาเห็นภาพลูกชายคนเดียวกำลังจู๋จี๋กับผู้ชายอยู่ กลัวจะไม่งาม เลยรีบๆไล่ไอ้พี่มาร์คกลับไป (เผอิญยังรักตัวสงวนกายอยู่บ้าง :-p)

      ‘อ้อ ใช่ซิ พี่มันไม่รวย ไม่มีรถหรูขับมารับมาส่ง’

      แงะ?! ไรฟ่ะ งง แค่นี้งอนและ

      ‘ไม่เอานา แดนแค่เป็นห่วงว่าพี่มาร์คจะกลับบ้านดึก’

       ‘แล้วตอนนี้ทำไมไม่ค่อยเห็น?’

      ‘ไม่รุดิคับ…’

       ‘อ้อ นึกว่าจะรู้’

       อ้อ...นี่สรุป ไอ้พี่มาร์คหึงหรือกระแนะกระแหนกันแน่

       ‘พี่มาร์คครับ...หยุดพูดเรื่องมันเหอะ’

      เหอะๆ บางทีพี่มาร์คของผมก็ขี้งอนและขี้น้อยใจใช่เล่น แต่แบบน่ารักนะคับ เหมือนเด็กผู้ชายตัวโตเอาแต่ใจตัวเอง บางครั้งก็เกือบทำให้ผมอดใจไม่ไหว วิ่งเข้าไปกอดเขาสักทีให้หายหมั่นเขี้ยว ฮึ้ย!!!

      ‘เอ ทำไมแฟนของผมถึงได้ขี้งอนแบบนี้น๊า~~~’ ผมลดเสียงคุยให้ได้ยินกันแค่สองคน เห็นพี่มาร์คยังคงกอดอกอยู่ ผมรู้ทั้งรู้ว่าพี่เขาแกล้งงอนไปงั้นแหละ แต่ไม่รู้บ้าจี้อะไรถึงได้อยากง้อคนบ้าหน้าบึ้งคนนี้นัก

      ‘ขี้งอนแบบนี้ไม่ไปไหนด้วยแล้ว’

      ‘อ้าว...’

      555+ ได้ผลแฮะ ‘งั้นก็เลิกงอนดิ’

      ผมเดินเข้าไปป้องหู กระซิบอะไรบางอย่างกับพี่มาร์ค...เขาหัวเราะ แต่ก็ยังไม่ยอมไปไหนสักที

      ‘ขอหอมก่อน’ ไอ้พี่มาร์คถู่ซี้จะเอาให้ได้

      ‘ไม่ได้! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า’

      แต่เข้าใจมั้ยคับ? แฟนผมคนนี้นอกจากจะขี้งอน ขี้น้อยใจ เอาแต่ใจตัวเอง แล้วยังมีลูกตื้ออีกเป็นขโยง จนแล้วจนรอดผมเลยต้องยอมเสียความบริสุทธิ์ที่ผิวแก้มไปอีกที ขานั้นถึงได้ยิ้มหน้าบานขี่รถกลับบ้านไปได้



      ที่ร้านขนมตรงข้ามโรงเรียน พี่มาร์คเริ่มขยับมาใกล้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...

      “ฮือ ‘เถิบออกไปหน่อยซิ”

      “ไม่เอา อยากนั่งใกล้ๆ” นัยน์ตาคู่สวยคู่นั้นเปล่งประกาย ยิ่งสวยเมื่อพี่มาร์คยิ้มหวานมีเล่ห์นัย

      “พี่มาร์ค...คิดอะไรอยู่ ผมรู้ทันหรอกนะ!” ต้องรีบดักทางไว้อ่ะคับ

      “ฮืม...อย่าคิดมาก ก็แค่นั่งกุมมือกัน...แดนไม่ว่าอะไรหรอกนะ?”

      เฮ้อ...แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องยอมตามใจคุณแฟนเจ้าปัญหา เวลาอยากได้อะไรจากผมก็พยายามทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง แต่ช่างเถอะครับ ก็เขาน่ารักนี่...ถ้ามีแฟนน่ารักแบบนี้แล้ว ไม่รักตอบ ผมก็บ้าเกินขนาดแล้วล่ะคับ (o_O*)

      ...แปลกดีเหมือนกัน แฟนคนแรกของผมเป็นเด็กหนุ่มสุดหล่อ รุ่นพี่โรงเรียนเดียวกับผมเอง...

      เอาว่ะ ถึงแม้ว่าความรักครั้งแรกของเด็กผู้ชายคนนี้จะไม่ได้หลงรัก ‘ผู้หญิง’ ก็ตาม แต่ผมก็พอใจคับ ที่ผมได้รู้จักคำว่ารัก เรียนรู้การมีความรัก และมีคนรักเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที...



      (โปรดติดตามตอนต่อไป)

 

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-01-2008 18:32:08
 :impress: :impress: :impress:

ปานนี้แล้วชิพกับแดน ยังไม่ดีกันอีกนะครับ

นายชิพพระเอกของเราก็งอน ได้นานจังอะ

แบบนี้สงสัยโกรธเข้ากระดูกอะ

อิอิ รักสามเศร็า อะ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 27-01-2008 18:59:30
รึจะไปปิ๊งกะชิ๊พอีกทีตอนมหาลัยหว่า
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 27-01-2008 21:28:51
อืม...รุ้สึกว่าชอบพี่มาร์ค แต่อยากเชียร์เจ้าชอคชิพแฮะ
ชิพก็อย่าเล่นกับความรู้สึกของตัวเองเลย ชอบแดนก็แทนที่จะบอกไปตรงๆ
ดันไปเล่นตัวอีก เฮ้อ  :try2:

เด๋วแดนได้หายไปจากชีวิตจริงๆ แล้วจะเสียใจน้า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 27-01-2008 21:41:57
สงสารนายชิพจริงๆเลย....จะเป็นยังไงต่อไปนะ อยากรู้ๆ
จะติดตามต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: gnoy ที่ 27-01-2008 22:06:47
น้องAlexครับ

อย่าพาดพิงถึง อาจารย์ บ. ครับ ไม่ดีๆ 5555

สงสัยพี่คงอาจจะตามอ่านได้อีกไม่นานละ เพราะจะสอบไฟนอลแล้ว ต้องรีบเก็บตัว ก่อนจะโดนเก็บ

ลืมบอกไปครับคณะพี่ไม่มีมิดเทอม ไม่มีคะแนนเก็บ มีแต่สอบไฟนอลอย่างเดียวครับ ห้าข้อ ร้อยคะแนน

เลยต้องฟิตนิดนึง

รีบๆมาต่อนะครับ พี่รออ่านอยู่นะ สุ้ๆนะครับบบบ

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-01-2008 22:42:16
 :m15: ยังเชียร์ชิพอยู่ค๊าบบ  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 27-01-2008 23:16:59
แต่เรื่องระหว่าง ชิพกับมาร์ค ก็ยังไม่เคลียร์นะ ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้เอ่ย... o12 o12

ยังไงก็เชียร์ชิพต่อปายยยย :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 27-01-2008 23:35:32
 :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 27-01-2008 23:36:34
เอาใจช่วยต่อไปค่ะ  o12

รอออออ อ่านต่อ อิ อิ  :m4:

แดนต้องน่ารักมากแน่เลยอ่ะ  :m13:

พี่มาร์คถึงรักมากขนาดนี้  :m1:

และก้อทำให้นายชิพหึงเอามาก หุหุ  :m12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 27-01-2008 23:45:29
ชิพจะเป็นยังไงน้า  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 23 ขอชี้แจงบางอย่างนะคับ (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 28-01-2008 07:10:45
งานนี้ สงสัย ชอคชิพ คงจะรอให้พี่มาร์คของแดน จบออกไปก่อนแง๋ๆ ถึงจะปฏิบัติการต่อ  :m21:  :m21:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ใ&#
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 28-01-2008 14:53:07
ดีคับ เอาตอนที่24 มาลงเเล้ว ผมว่าอ่านตอนนี้คงจะเดาๆความรู้สึกชิพได้แล้วมั้งคับ (หรือเปล่า?) :m23:

เนื้อเรื่องตั้งเเต่นี้ไปจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเเล้ว อย่าพลาดนะคับ

ALeX


บทที่ 24



       “แดน อาทิตย์หน้านี้วันเกิดเพื่อนไม่ใช่เหรอลูก?”

      แม่ถามขณะกำลังยืนหันหน้าเข้าหาเตาในครัว เพื่ออุ่นอาหารเย็นสำหรับเราสองคน

       “ใครอ่ะแม่?” ผมอ่านหนังสือการ์ตูนเพลินๆอยู่ เลยไม่ได้สนใจมากนัก

       “อ้าว ก็ชิพไง พรุ่งนี้วันเกิดเค้าไม่ใช่เหรอ”

       ผมละสายตามาจากหนังสือตรงหน้าทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ยกกับข้าวสองสามอย่างขึ้นโต๊ะ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

      “แม่รู้ได้ไงคับ”

      “อ้าว ก็เราพาชิพมาออกจะบ่อย เคยคุยกันแล้วแม่ก็จำได้ ตอนเทอมแรกเห็นสนิทกันดีอยู่นี่...ตอนนี้หายๆหน้าไปนะ”

       ผมรีบหลบหน้า “ยุ่งๆกันน่ะแม่”

       สีหน้าแม่เหมือนจะงงๆกับท่าทางของผม...”มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?”

       เฮ้อ...ทำไมแม่ๆในโลกใบนี้ต้องจับผิดคนเก่งไปซะทุกเรื่องแบบนี้ด้วยนะ…

       และนอกจากจะขี้สงสัย ขี้กังวล ขี้บ่น...ยังมีความสามารถพิเศษด้านการหยั่งรู้ถึงความลับ(ชาวบ้าน) ความจำเป็นเลิศ รายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก็จำได้ขึ้นใจ

       แถมยังทำกับข้าวเก่งอย่าบอกใคร

       “ถามทำไมแม่?” ผมฉุนๆเล็กน้อย

       “อ้าว ก็หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าชิพ”

      “ชิพยุ่งๆน่ะแม่ ว่าแต่ วันเกิดแดนก็อีกไม่กี่เดือนแล้วนะ แม่มี’ไรให้ยังอ่ะ”

      ถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องพร้อมทั้งทวงของขวัญไปด้วยเลย ^_^

       “ยังเลย แต่แดนอย่าลืมของขวัญชิพด้วยล่ะ”

       ง่ะ?! -v-

       “...ทำไมแม่ต้องจำวันเกิดชิพได้ด้วยล่ะคับ ทีของแดนแม่ยังลืมเลย”

       “ใครบอก ฉันแกล้งลืมต่างหาก”

      “ไม่ ทำไมแม่ต้องเจาะจงว่าเป็นชิพด้วยล่ะ?”

      “ก็เพื่อนแกคนนี้น่ารักนี่”

       เราสองคนกินข้าวกันเงียบๆ จนแม่ลุกเอาจานไปล้าง ส่วนจานของผมยังแทบไม่ได้แตะต้อง

       “มีปัญหาอะไรกับเพื่อนก็รีบๆเคลียซะ เพื่อนดีๆอย่างชิพน่ะ...หาไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ”

       แม่ทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะเดินขึ้นไปอาบน้ำ เหอะๆ แบบนี้แหละแม่ผม...คำพูดสั้นๆที่ออกมาจากปากแม่มักต้องทำให้ฉุกคิดทุกที

       ...ดูเหมือนแม่ผมจะหลงเสน่ห์ไอ้ชิพไม่น้อย เพราะนับแต่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่เคยใส่ใจกับเพื่อนผมคนไหนมากเป็นพิเศษเท่านี้มาก่อนเลย คงเป็นเพราะชิพคุยสนุก ส่วนแม่ผมก็โดนหลอกง่ายซะด้วย (-_-“)

       ผมนั่งหน้าแดงอยู่คนเดียวสักพัก รู้สึกทั้งเสียหน้าแม่แล้วก็โมโหตัวเองที่จำวันเกิดไอ้ชิพไม่ได้ ว่าแต่...จะหาอะไรให้วันเกิดมันดีล่ะ?

        …หวังแค่ว่า มันจะยอมยกโทษให้ผมนะ...



          วันอังคาร

      สี่โมงเย็นแล้ว แต่ผมยังนั่งอยู่ข้างๆสนามบาส

       ร่างสูงๆของไอ้ชิพวิ่งไปทั่วลานกว้าง ร่างที่ปกคลุมไปด้วยกล้ามบึกๆแบบนักกีฬาเลี้ยงลูกบอลหลบหลีก ก่อนจะโดดตรงแป้นแล้วยัดลูกกลมๆลงห่วงครั้งแล้วครั้งเล่า

       ไอ้ชิพเป็นคนตัวสูงหุ่นแมนๆแบบนักกีฬา เอวมันคอดสวย เลยทำให้ตรงช่วงหน้าอกดูแข็งแรง มันเล่นถอดเสื้อโชว์ผิวขาวๆชุ่มเหงื่อตัวมันปลาบ      

       ผมนั่งรอมันอยู่ตรงกระเป๋า ไอ้ชิพไม่มองมาเลยคับ ใจตอนนั้นนึกว่าจะแป๋วซะแล้ว ทว่าพอใกล้ๆหาโมงเย็นเพื่อนมันก็กลับหมด ไอ้เชรี้ยขี้เก๊กนี่ยังทำเด่นเดาะลูกบาสเล่นอยู่คนเดียวตั้งนานอีกนะ

       พอเห็นว่ามืดลงมากแล้ว มันคงเบื่อด้วย เลยเดินมาเก็บของ

       รู้ทั้งรู้นะว่าผมนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีคนอื่น แต่มันก็ยังไม่มองไม่ทักผม แค่เอาผ้าขนหนูสีขาวขึ้นมาเช็ดเหงื่อตามลำคอและหน้าอกฟิตๆ...ก่อนจะสวมเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็วแล้วสะพายกระเป๋าออกไป

       “เดี๋ยว!”

      ผมกระโดดขึ้นยืน รีบเรียกมันแทบไม่ทัน “ชิพ...เดี๋ยวก่อน”

       มองจากมุมนี้...แผ่นหลังกว้างๆของมันหยุดกึก ลักษณะเครื่องแต่งกายยังไม่เรียบร้อยเข้ากับสมญานามแบ๊ดบอยของมัน...

       มันเดินเชิดกลับมานั่งที่เดิม เงยหน้าขึ้นถามเซ็งๆ “มีไรอ่ะ?”

       ...อยากต่อยหน้ากวนๆของแมร่งชะมัด...

       ผมนั่งลงข้างมัน “...สุขสันต์วันเกิด”

       ไอ้ชิพทำหน้างงๆ ผมหยิบกล่องของขวัญห่อกระดาษสีขาวลายทางน้ำตาลให้มัน เป็นกล่องเล็กๆที่ไม่ผูกโบว์แต่ก็ดูน่ารัก แม้แต่กระดาษผมก็เลือกสีน้ำตาลเพราะรู้ว่ามันชอบสีนี้ ของข้างในแม้ว่าจะราคาไม่แพงมากนักแต่ผมก็ต้องเสียเงินค่าขนมไปหลายบาท...แค่หวังมาตลอดว่ามันต้องชอบแน่ๆ

       “มึงรู้ได้ไง?”

      “กูจำได้” แฮะๆ...แม่กรูต่างหากที่จำได้(ขออ้างอีกที)

       มันเงียบไปครับ หมุนกล่องในมือใหญ่ของมัน นิ้วเรียวยาวพลิกนู่นเขี่ยนี่...เห็นมันไม่พูดอะไรชักเริ่มใจเสีย ทว่าสักประเดี๋ยวมันก็เอากล่องขึ้นมาแนบหูแล้วเขย่า

       “อะไรอ่ะ?”

       มันยิ้มนิดๆ...ไอ้เชี้ยยยยย~~~มึงจะเก๊กให้กูใจวายตายไปเลยหรือไง ไอ้บ้า!

      ยิ้มของมันน่ารักมาก มากเท่ากับความอยากเบิ๊ดกะโหลกมันสักป๊าบ...

       “ลองเปิดดูดิ ไม่รู้ชอบหรือเปล่า?” ไม่ชอบก็ต้องชอบ กูเดินหาซื้อให้ตั้งหลายชั่วโมง


       “ไม่เอา เดี๋ยวค่อยแกะดู”

       เฮ้อ...โล่งอกไปทีเนอะที่มันยอมพูดกับผม แปลกดีเหมือนกัน...เราสองคนเป็นทั้งเพื่อนสนิทและคู่กัด...เวลาที่ผมโมโหมันก็ง่ายแสนง่าย เวลาจะหายโกรธก็หายเป็นปลิดทิ้ง มันทำให้ผมรู้สึกสนุกและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน...บ้อบอคอแตกอะไรไม่รุ

        “เรื่องวันนั้น...”

      ผมเอ่ยปากขึ้นทำลายความเงียบ ลืมยั้งปาก...

       ไอ้ชิพเหล่ตามองกวนๆ “ไมอ่ะ?”

       “หายโกรธยังล่ะ”

       มันเงียบอีกแล้ว จ้องกล่องของขวัญอย่างกับจะเผามันให้ได้

       “หายแล้ว...”

       ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุม อึดอัดชะมัด

       “พี่มาร์คล่ะ”

       ผมสะอึกเกือบลืมลมหายใจ เงยหน้าขึ้นสบตามัน...แววตาไอ้ชิพเย็นชา บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง

       “อะ...เอ่อ...”

      “สรุปมึงเป็นแฟนกับเขาจริงเหรอ?”

       ผมไม่ตอบ...แต่เก็บกระเป๋าแล้วจะลุกหนีแทน คราวนี้มันเป็นฝ่ายหยุดผมไว้

       “กูถามว่ามึงเป็นแฟนกับเค้าจริงๆเหรอ”

      “....ใช่”

       มันพยักหน้า เหมือนว่าเข้าใจอะไรบางอย่างกับตัวเอง รอยยิ้ม...ยิ้มที่แสนเศร้า ภาพใบหน้าไอ้ชิพตรงหน้าทำให้รู้สึกหายใจไม่ออกชอบกล ผมไม่รู้...ว่าไอ้ความเจ็บจิ๊ดตอนนี้มันคือความสงสารหรือว่าความห่วงใยกันแน่

       “...อืม”

       “มึงรักเค้าเหรอ?”

       “...ใช่”

        ไอ้ชิพก้มหน้าลง ผมถามมัน “เป็นอะไรหรือเปล่า?”

      “เปล่า”

       โกหก...มึงนิ่วหน้าชัดๆ

       ระหว่างเราสองคนมันเป็นอะไรไป? เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นอยู่ นับวันยิ่งพอกพูนหนาขึ้น เราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกเหมือนเดิมไม่ได้แล้วหรือ?

       ผมอยากรู้สึกกับไอ้ชิพเหมือนวันเดิมๆ...

       อยากคุยกับมันเหมือนวันก่อนๆ...

       ผมสูดหายใจเข้าปอดลึก พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี

       “ชิพ...กูถามจริงๆ มึงมีเรื่องคาใจอะไรหรือเปล่า”

       “...”

      “แต่กูมี กูอยากรู้ว่าทำไมมึงถึงต้องโกรธพี่มาร์คขนาดนั้น ทำไม? เค้าเคยไปทำอะไรให้มึงเจ็บใจขนาดนั้นเชียวเหรอว่ะ”

       ทุกอย่างยังคงเงียบ ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรง ไอ้ชิพไม่ตอบโต้...

       “ฮ่าๆๆ”

       ฮื้อ? มันหัวเราะทำไมว่ะ?

      “555+ มึงคิดว่ากูโกรธแฟนมึงเหรอ?”

      “เออดิ…”

       “กูว่ามึงไปถามเขาเองดีกว่าว่ะ”

       ไรว่ะไอ้นี้ OoO

       “เฮ้ย...เดี๋ยวเด่?”

       “มีอะไรอีกอ่ะ?” เสียงมันเครียดๆ


      “เอ่อ...”

      พออยู่ตรงหน้ามันแล้วไม่รู้จะพูดอะไร คำพูดมากมายมันจ่ออยู่ที่ปาก แต่ไม่ยักสามารถเค้นออกมาเป็นเสียง เป็นคำพูดได้

       ไอ้ชิพหัวเราะฮึๆในลำคอ น่ากลัวชิบเป๋ง >O<

       “ไม่เป็นไรแดน...มึงยืนยันใช่มั้ย ว่ามึงกับเขาเป็นแฟนกัน”

       วินาทีนั้น...ผมมองหน้าชิพ มันยิ้มแต่เป็นยิ้มที่เยือกเย็น น่ากลัว เจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยความตึงเครียด

       “ขอถามอีกครั้ง ยังไง...มึงก็รักเขาใช่มั้ย?”

       เออดิวะ...

      “อือ...มันเรื่องของมึง กูไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”

       ผมงงกับคำพูดของมัน น้ำเสียงของมันหมายความตามนั้นจริงๆ แต่สีหน้ามันนี่ดิ อย่างกับเกลียดผมเข้ากระดูกดำยังไงยังงั้น...

       …>_< ?!




       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 28-01-2008 20:07:53
ชิพกับพี่มาร์คนี่ ต้องมีอะไรกันแน่ ๆ เลย  :o :serius2:

ชิพไล่ให้แดนไปถามพี่มาร์คอีกแล้ว แล้วแดนจะได้รับความจริงใหมเนี่ย  :m21:

หรือว่าชิพจะรู้อะไรดี ๆ เกี่ยวกับพี่มาร์ค  o12
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 28-01-2008 21:05:27
ยังคงเชียร์ชิพอยู่ งือๆ :sad2:

ปล. เขียนหนุกมากๆ ชอบอ่ะ  :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 28-01-2008 21:59:45
เชียร์ชิพด้วย ขอให้ภาคต่อไปสมหวังกะชิพน๊าคับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 28-01-2008 23:26:07
แวะมาสวัสดีรุ่นน้อง ^__^

OSK121 สสร. นะค๊าบ

เดี๋ยววันเสาร์อาทิตย์นี้จะมาตามอ่านให้ครบเลย = =

 :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 28-01-2008 23:30:48
ชิพอ่ะ ชอบเค้าทำไมไม่พูดออกไปน้า  :เฮ้อ:

แล้วก้อมานั่งเสียใจ น่าสงสารเจง

บอกเคาไปเถอะนะ  :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 28-01-2008 23:43:48
ชิพคงกุมความลับอะไรบางอย่างของพี่มาร์คไว้แง๋ๆ เลย  :m13:  :m13:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 29-01-2008 00:35:53
พี่มาร์คกับชิพไปคุยอะไรกันไว้หว่า  :o
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 29-01-2008 01:27:45
แดนหาคำตอบจากคำพูดของชิพให้เจอนะ :interest:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 24 : 01/28/2008 (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 29-01-2008 21:48:10
บทที่ 25



       “เลิกแถว!”

       เสียงเฮ้! ของเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่ดังตามมา พร้อมด้วยเสียงฝีเท้าของรองเท้าบู๊ทหนักๆดังกระแทกพื้นเป็นจังหวะเดินแถว

       เฮ้อ นี่แหละชีวิตเด็กไทย

       จะว่าไปผมไม่เคยกล่าวถึงชีวิตของการต้องเป็นร.ด.เลยนะครับ นั่นก็เพราะว่าผมแทบอยากฆ่าตัวตายทุกครั้งที่ต้องแต่งตัวด้วยชุดทหารหนาๆหนักๆออกจากบ้าน ใส่รองเท้าหนักๆ เดินตรงเรียงแถวกันเข้าไปสู่อาคารเก่าๆสีขาวเขรอะๆ แถมยังต้องไปเจอไอ้ผู้ฝึกบ้าอำนาจอีก...

       บางครั้งไอ้ความบ้าบอในชีวิตก็สร้างสีสันให้แก่เราเช่นกัน...

       ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่โรงเรียนผมต้องมาฝึกร.ด.ที่ศูนย์ฝึกแห่งนี้ ของผมอยู่ที่ปตอ. ที่เดียวกับพี่มาร์คและพ้องเพื่อนอีกหลายคน วันนี้เราเลยชวนๆกันหยุดไปเลี้ยงฉลองกันแม้ว่าจะมีเรียนต่อตอนบ่ายก็ตาม พี่มาร์คเค้าคงโดดประจำอยู่แล้วอ่ะคับเพราะอยู่ม.6 สบายผมดิ อิอิ จาได้ชวนไปนั่งกินอะไรกันแบบฉองต่อฉอง o(>_<)o

       อ้อ ลืมบอกไป...ไอ้ชิพไม่เรียนร.ด.นะครับ

       ไอ้บิว ไอ้อ๋อง ไอ้โย่ง และก็ไอ้ชัต พวกกลุ่นก๊วนผมอ่ะคับมันต้องกรูกันออกมายืนเฮๆอยู่หน้าศูนย์ฯ ทั้งๆที่ทหารเค้าก็มาไล่นะ แต่ครั้งสุดท้ายก็เลยหย่วนๆ + กูอยากเด่นซะอย่าง ฮ่าๆๆๆ (ช่วงบ่ายโรงเรียนคู่ปรับแถวหัวลำโพงมาเรียนต่อด้วยนะ -_-“…)

       “แดน”

      ท่ามกลางผู้คนที่วุ่นวายกันอยู่ตรงนั้น เสียงพี่มาร์คดังขึ้นทำให้ผมหันไป อ้อ ปีสามปล่อยแถวแล้วเหรอ งืม...

       เอ ไม่แน่ใจว่าวันนี้แดดร้อนหรือว่า...ผมตาลายไปเอง

       แค่รู้สึกว่า พี่มาร์คหล่อมากในสายตาผมอ่ะคับ 555+ >.<

       ร่างสูงๆในชุดทหาร ยิ่งทำให้ไอ้ความคมเข้มมาดแมนของเขาดูแข็งแกร่งขึ้นไปอีก รอยลักยิ้มบุ๋มๆที่สองข้างแก้มก็เย้ายวนชวนให้ผมยื่นหน้าเข้าไปหอมมอบรางวัลซะเหลือเกิน(ถ้าไม่ติดที่กรูอยู่โรงเรียนชายล้วนอ่านะ =_=*) แถมหมวกทหารที่เอียงกระเท่เร่แบบไม่จงใจอยู่เหนือดวงตาเรียวและคิ้วเข้มบาดใจ โอย...ซี๊ดส์สุดๆ

       “มองไรอ่ะ?”

      “เปล่า” ผมอ้อมแอ้ม

       “มองคนหล่อใช่อ่ะ?”

       ผมแลบลิ้นใส่ทันที เชอะ! คนรู้ทัน

       “ใครบอก อย่าหลงตัวเองเด่”

       พี่มาร์คหัวเราะฮึๆ ก่อนจะกระซิบอะไรผมบางอย่าง...ทำให้ผมสงบปากสงบคำได้จนเราเดินทางมาถึงร้านอาหารแถวบ้านผม

       ภายในร้านติดแอร์เย็นฉ่ำ คนในหมู่บ้านนี้มันชอบออกมากินกันโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่หวังกินหรูๆแต่จ่ายถูก (เออ กรูก็หนึ่งในนั้นนี่เนอะ) แล้วก็มีมุมให้พลอดรักกันอ่ะ แต่ผมไม่เคยประเจิดประเจ้อขนาดนั้นอ่าคับ...เอาเป็นว่านั่งรถซูบารุ(เขียนถูกเปล่าหว่า)เข้าไปไม่ลึกก็ถึงแล้ว

       เราสองคนเลือกที่นั่งเหมาะๆกัน พักให้หายเหนื่อย สักพักก็จะมีพนักงานมาต้อนรับพร้อมกับรอสั่งอาหาร ซึ่งไม่รู้เปงไรนะ ร้านนี้แมร่งผู้ชายโคตรรรรเยอะ >_< โดยเฉพาะออกแนวตี๋ๆแบบหนุ่มเหนือเนี้ยเยอะกันทุกฤดูกาล ประมาณว่าช่วงปิดเทอมนี่ไม่ต้องพูดถึง

       “เอากระเพราเนื้อ ของผม ส่วนของคนนี้...”

       “เดี๋ยวดูก่อนครับ ค่อยสั่งอีกที ตอนนี้ขอแค่น้ำส้มก่อน”

       ว่าแล้วหนุ่มเหนือ(ขอเรียกแบบนี้) คนที่มารับออร์เดอร์เขาก็เดินจากไป แต่ผมสังเกตดูนะ ท่าทางเขาไม่เหมือนลูกจ้างเลย น่าจะเป็น...อ้อ ใช่แล้ว คนนี้แหละลูกเจ้าของร้าน สงสัยนี่เพิ่งเลิกเรียนเลยกลับมาช่วยที่บ้านรับออร์เดอร์ลูกค้า


       ด้วยความรู้สึกที่จดจ่อกับเมนูอาหารอยู่ พี่มาร์คสะกิดเสียงเครียด

       “สั่งเร็วๆ” เย้ย!!!    *O* ‘ไมจู่ๆหน้าตาพี่มาร์คซีเรียสแบบนั้นอ่ะ

       “ฮื้อ?!!!”

       “สั่งเร็วๆ ไอ้หมอนั่นเดินเหล่ป้วนเปี้ยนไปมาหลายรอบจนนับครั้งไม่ถ้วนอยู่แล้ว”


       ท้ายเสียงกระแทกเล็กน้อย แบบค่อนข้างไม่พอใจ ไอ้เราก็แอบเหล่ๆกลับไปบ้าง แหะๆ...จริงด้วยแฮะ พี่หนุ่มเหนือลูกเจ้าของร้าน คนที่ใส่เสื้อสีขาวสะอาด ผิวดี หน้าตาหล่อแบบนายแบบเกาหลีแถมยังคาดผ้ากันเปื้อนเหมือนในซีรี่สุดฮิต กำลังมองมาที่ผมเจงๆด้วย!!!

       “ขะ...ข้าวไข่เจียวแล้วกันคับ”

        ไม่ทันที่พี่มาร์คต้องเอ่ยปาก แค่พอตวัดสายตามองไปทางเคาน์เตอร์แว๊บเดียว(เจงๆอ่ะ +o+”) พี่คนนั้นเค้าก็ก้มหัวยิ้มๆแล้วรีบมุดหายเข้าไปหลังร้านทันที

       ผมเห็นพี่มาร์คเริ่มไม่พูด บรรยากาศมาคุแบบเนี้ย...กำลังงอนได้ที่

       ผู้ชายอะไรขี้งอน ขี้อ้อนชะมัด...ยั่งกะผู้หญิง ทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่ได้เหมือนยั่งงั้นเล๊ย…

       “ทำไมต้องหว่านเสน่ห์ด้วย?”

       โครม!!! แป๋ว...อะไรว่ะ สรุปกูโดนอีกแล้วใช่ป่ะเนี้ย?

       “อะไรนะ?” ผมร้องเสียงหลง

       “รู้ว่าเค้ามองอยู่ แต่ก็เล่นด้วย”

       เฮอะ...อะไรว่ะ เป็นกรูอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ยที่ทำผิด

       อาจจะเป็นที่ผมชอบยอมคนมั้งคับ เลยเกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ชินแล้วอ่ะ...

       “ขอ...ขอโทษครับ”

       ผมพูดเสียงอ่อย ก้มลงดูดน้ำส้มหวานๆลงคอทำท่าให้น่าสงสารที่สุด

       ได้ผล!

       “...เปล่านะ...พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

       พี่มาร์คเลื่อนที่ตัวเองจากนั่งตรงข้าม รีบสอดตัวเข้ามานั่งข้างๆผมทันที อิอิ(รู้หรอกคิดไร) ท่อนแขนยาวกำยำสีเข้มโอบหลังผม มือใหญ่ลูบเส้นผมสีน้ำตาลไปอย่างเอ็นดูพลางหอมแก้มของผมเบาๆ

       เฮ้ย!

       “~พี่ขอโทษน๊า”

       “ขอโทษเรื่องอะไรคับ?” ทำเปงม่ายรู้เรื่อง แบบว่า อยากเอาคืนอ่า ^_^

       “เรื่องที่พี่...หึงไม่ดูตาม้าตาเรือ”

       ฮึๆ...ฮ่าๆ...555+ >.o

       ไอ้พี่มาร์คสารภาพออกมาจนได้นะ

       “รู้ตัวด้วยเหรอ ว่าตัวเองขี้หึง?...เหนื่อยนะเนี่ยขอบอก”

       “แล้วรู้ตัวรึเปล่าล่ะว่าตัวเองก็น่ารักจนใครๆต้องเหลียวมอง”

       ผมหัวเราะ พี่มาร์คยิ้มพร้อมทำเสียงฮึๆในลำคอ มือโยกหัวผมเล่นไปมาทั้งๆที่น่าแดงขนาดนั้น น่าร๊าก...

       อย่างที่บอกอ่ะคับ...นี่ไม่ได้อวดสรรพคุณนะ แต่ด้วยความเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ไทย-จีน เชื้อสายนี้ที่ไหลอยู่ในเส้นเลือดของผมเลยทำให้ดูแตกต่าง รู้ตัวว่าเวลาไปไหนคนก็ชอบมอง...ไอ้ผิวขาวๆของผม รูปร่างที่โปร่งแต่ไม่สูงมากนัก ผมสีน้ำตาล ใบหน้าฝรั่งๆแบบนี้แหละที่โดนเพื่อนล้อมาแล้วทั้งชั้นตอนอยู่ประถม 555+ คิดดูแล้วก็หนุกดีเหมือนกัน เพราะปัจจุบันไอ้หน้าตาแบบนี้นี่เองที่ดึงดูดทั้งคน (ไม่ว่าจะสาวหรือหนุ่มๆ) และปัญหาเข้ามาพร้อมๆกัน…

        ถึงคราวที่พี่หนุ่มเหนือเอาอาหารมาเสริฟ รอบนี้เล่นหูเล่นตาแพรวพราว ยังดีนะเนี้ยที่ผมทนเฉยๆไว้ได้ ที่ลำบากสุดคือการทนกลั้นขำพี่มาร์ค...ทำท่าอย่างกะอยากจะลุกขึ้นไปตันหน้าใสๆไอ้หนุ่มเหนือเข้าให้ได้

       “พี่มาร์คครับ...”

       ผมเอ่ยขึ้นลอยๆ...

       “ฮื้อ?”

       “ทำไมพี่มาร์คต้องไม่ถูกขี้หน้ากับชิพด้วยล่ะครับ”

       

       ...เกิดความเงียบแสนอึดอัดขึ้นระหว่างเราทันที

       “ผมแค่...สงสัย”

       พี่มาร์คเมินหน้าออกไปนอกกระจก เงียบไปนานมากและเลิกกินอาหารตรงหน้า พลอยทำให้ผมหยุดเคี้ยวไปด้วย...ใจเสียยังไงไม่รู้

       พลันสีหน้าพี่มาร์คก็ค่อยๆหมองลงๆ...

       “แดนอยากรู้เรื่องนี้จริงๆเหรอ?...”

 

       แสงไฟจากโต๊ะเขียนหนังสือส่องกระทบผนัง เงาดำๆปกคลุมทั่วห้องนอนไปหมด จะมีก็แต่แสงไฟจากรั้วที่เล็ดลอดผ่านเข้ามาทางผ้าม่านได้เพียงเล็กน้อย...ผมนั่งเท้าคางไปกับหนังสือเรียนที่อ่านค้างไว้พลางทอดสายตามองเข็มนาฬิกาทำหน้าที่ของมัน...ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่หยุดพัก เข็มเล็กๆวิ่งไปรอบหน้าปัดบ่งบอกเวลาด้วยหน้าที่ของมันเสมอ

       ผมจ้องมองมันเคลื่อนตัวช้าลง...ช้าลง...ช้าจนลืมทุกอย่าง ในที่สุดเข็มก็หยุดเดิน...

       ความคิดของผมแล่นไปยังคำพูดของพี่มาร์ค ความจริง...เกี่ยวกับทั้งสองคน เรื่องบาดหมางระหว่างชิพเมื่อหลายปีก่อน...ความจริงทั้งหมด

       

       ...หลายปีก่อน...พี่มาร์คซึ่งเป็นคนต่างจังหวัดมีน้องสาวลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมากชื่อน้องฟ้า...

       บ้านของพี่มาร์คเป็นครอบครัวฐานะปานกลาง ทว่ามีความสุข อบอุ่น แม้ว่าจะเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านแต่ก็มีญาติแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆ หนึ่งในนั้นมีน้องฟ้าเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกัน

       ข้างๆบ้านเล็กที่อบอุ่นของพี่มาร์ค...บ้านหลังใหญ่อันโอ่โถงกว้างขวาง ทว่าอ้างว้าง จะแว่วได้ยินก็แต่เสียงของใครบางคนทะเลาะกันเท่านั้น...เสียงที่เคียดแค้นโกรธจัดตะโกนใส่กันอย่างบ้าคลั่ง...พ่อแม่ไอ้ชิพ

       เด็กชายนพเกตุ ซึ่งตอนนั้นอายุยังน้อยมากและเด็กเกินจะทนรับสภาพครอบครัวที่ง่อนแง่น และความจริงที่พ่อแม่มันต้องแยกทางกัน...

       น้ำเสียงที่พี่มาร์คพยายามถ่ายทอดให้ฟัง...แม้ว่าชิพจะร่ำรวย แต่ไม่มีความสุข ชิพเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่น พี่มาร์คซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าเห็นว่าโตมาด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ทว่าไม่เคยได้ทัก ไม่เคยได้เอ่ยปากชวนชิพไปวิ่งเล่นด้วยกันที่คลองท้ายสวน เพราะด้วยความโดดเดี่ยวของชิพและความจู้จี้ของ ‘คุณย่า’ ของมัน

       ชิพเหมือนไม่เป็นที่ต้องการ…

       ผมไม่สงสัยในความดื้อรั้นเอาแต่ใจในตัวมันเลยสักกะผีก

       มีเพียงคนเดียวที่ให้ความสำคัญ...น้องฟ้า

       น้องฟ้าเป็นเพียงคนเดียวที่แสดงความอ่อนโยนกับชิพ เอาใจใส่ ห่วงใย ดูแล แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆที่คิดว่าชิพเป็นเด็กเกเร ก้าวร้าว และไม่มีใครอยากคบ

       เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆและเด็กผู้ชายที่แก่ปีกว่าเพียงไม่เท่าไรเต็บโตมาด้วยกันจนถึงวัยหนุ่มสาว กระทั่งม.2...ทั้งคู่ก็ประกาศออกมาว่าเป็นคู่รักกัน

       พี่มาร์คไม่พอใจมาตลอด

       ตอนแรกชิพก็ไม่ได้สนใจอะไรในตัวพี่มาร์ค ความรู้สึกต่อมาก็คือความรำคาญ...และเริ่มสงสัยว่าทำไมพี่มาร์คต้องกีนกัดเรื่องของมันกับน้องฟ้าด้วย จนกระทั่งทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา ชิพก็เลิกเคารพนับถือพี่มาร์คในฐานะพี่ชายของแฟน ถึงขนาดชี้หน้าตัดขาดความนับถือกันเลย...

       เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น หากคืนนั้น...

       หากคืนนั้นพี่มาร์คเป็นคนพาน้องฟ้ากลับบ้าน น้องฟ้าก็คง...ไม่ตาย

       คืนวันลอยกระทง หนุ่มสาวจะนัดพากันออกมาลอยกระทง...ซึ่งนำไปถึงเรื่องอย่างอื่นในยามค่ำคืน พี่มาร์คทั้งรักทั้งหวงน้องสาว แม้ไม่ใช่น้องแท้ๆแต่ด้วยความสนิทจึงพยายามขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้น้องฟ้ารักกับชิพ ชิพก็เลยสรุปเอาเองว่าพี่มาร์คแอบหลงรักน้องสาวตัวเอง แล้วก็พาขับรถหนีไป...

       คืนนั้น น้องฟ้าไม่ได้กลับบ้าน

       กลางดึก ที่บ้านถึงรู้ว่าน้องฟ้ารถคว่ำ...โดยมีไอ้ชิพเป็นคนขับ

       คนเมา...รถสิบล้อไม่ทันระวังรถที่ไอ้ชิพขับมาด้วยความเร็วสูง ถนนทางต่างจังหวัดตอนกลางคืนมีแต่รถบรรทุกวิ่งเร็วๆ รถไอ้ชิพคว่ำหลายตลบจนสภาพรถเสียหายยับเยิน...น้องฟ้าเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แต่ชิพมีโอกาสรอดแค่ห้าสิบห้าสิบ...ซึ่งมันก็ต้องนอนพักตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานครึ่งปีโดยมีคุณย่าของมันคอยดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย

       ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าไอ้ชิพผ่านเรื่องร้ายแรงมามากมายในชีวิต

       มากเกินไปสำหรับเด็กผู้ชายที่ต้องการความรัก ความอบอุ่นอย่างมัน

       มากเกินไปสำหรับเด็กผู้ชายอายุเท่ากันกับผม...
       
       ผมคงทำได้ไม่ดี...ผมคงเก่งและเข้มแข็งได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของมัน

       ชิพ...กูไม่เคยเห็นบาดแผล ไม่เคยรับรู้ความเจ็บปวดอะไรทั้งทางร่างกายและภายในจิตใจของมึงเลย...
      
       ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้ว

       ทำไมนะ...ตอนนี้ผมถึงเจ็บปวดร่วมไปกับมันด้วย

       จู่ๆน้ำตาใสๆอุ่นร้อนก็ไหลพรากลงมา ไม่แน่ใจว่า...ไอ้ความรู้สึกนี้คืออะไร ความสงสารงั้นเหรอ?...

       ที่มันโกรธพี่มาร์ค คงเป็นเพราะความผิดที่กัดกินหัวใจของมัน

       ส่วนพี่มาร์ค ก็ไม่มีวันลืมเลือนเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้น...หากเค้าทำหน้าที่พี่ชายที่ดี น้องฟ้าคงไม่ต้องจากไป กลายเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของใครหลายๆคน

       ผมไม่รู้อีกต่อไปแล้ว ว่าจะเลือกเข้าใจใครมากกว่ากันดี...

       

       โปรดติดตามตอนต่อไป :oni1:








หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 29-01-2008 23:06:46
น่าสงสารชิพ พี่มาร์ค กลับมาหลอกหลอน อีกครั้งหนึ่ง  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 29-01-2008 23:28:22
เอ่อจะบอกสงสารชิพก็คงไม่ได้แฮะ
การที่ชิพขับรถพาน้องฟ้าหนีไปคงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเท่าไรอะ ก็สมควรที่พี่มาร์คจะโกรธนะ
แต่พี่มาร์คก็หวงน้องสาวตัวเองมากไปนิดสสส์

สรุปแล้วสงสารน้องฟ้าอะ ที่ต้องมาด่วนจากไปก่อน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 29-01-2008 23:56:33
ชิพนี่ ใจร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เป็นหน้าที่ของแดนนะจ๊ะ

ที่ต้องเป็นคนไปดับไฟที่มีอยู่ในตัวชิพ อิอิ  :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 30-01-2008 00:34:04
อ่านแล้วก็... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 30-01-2008 00:38:16
 :impress: :impress: :impress:

ก็สงสารชิพอะครับผม

แล้วแต่แดนจะตัดสินใจนะครับ

เอาใจช่วยครับผม เลือกใครดีโว้ย....บอกหน่อยได้ไหม.........

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 30-01-2008 02:02:06
เลือกยากจังเลย
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 17+18 จัดให้อีก2ตอน (ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: stayingpower ที่ 30-01-2008 03:07:48


จบแบบsad ending อ่ะคับ มันแบบหักมุมนิดๆด้วย


แน่ะๆๆ ตอนจบมามาแซดแบบพี่นะ ม่ะงั้นจะบอกว่าลอกเลียนแบบโดยม่ะได้รับอนุแยด คุคุคุ

จุ่นเหรอครับ จุ่นไหนหว่า มีชื่อจริงม่ะครับ ตอน ม ปลาย ไม่ค่อยจะรู้จักคนต่างห้องเท่าไหร่เลย
จริงๆเอาแค่อยู่ห้องไหนก็พอมั้ง 6xx อะไรหว่า
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 30-01-2008 04:06:09
 :เฮ้อ:...
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 30-01-2008 07:12:55
ทำไมมันถึงมีแต่ความสูญเสียเนี่ย

แดนสูญเสียพี่วุฒิ พี่มาร์คสูญเสียน้องฟ้า ... เฮ้ออ  :m15:  :m15:

ปล. เพ่ปริ้นหายไปนานเลยอ่ะ นึกว่าย้ายไปอยู่ สภ.อ. แถวๆ เชียงใหม่ ซะแล้วสิ  :m23:  :m23:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-01-2008 20:19:55
อดีตที่เจ็บปวด :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 31-01-2008 01:53:23
คือประมาณว่าเด๋วต้องไปปฏิบัติภารกิจป้องกันชายเเดนที่เขาชนไก่อ่า (-_-")@@//...คงไม่ได้เข้ามาหลายวันหน่อย เตรียมสอบด้วยอ่ะคับ เหอะๆ... :m15:

เด๋วขอตอบเม้นท์หน่อยน๊า~~ :m4:

0000000000000000000000000000000000000000000000000000

บทที่ 26



      ผมไม่ได้ตั้งใจจะจ้องมอง ‘เขา’ สองคนนั้นหรอกนะ แค่บังเอิญเท่านั้น...

      แต่วินาทีนั้นที่ผมรู้ว่าทุกอย่างเป็นอะไร ทำไมนะ...หัวใจผมถึงได้เต้นแรงขึ้น แถมยังร้อนทรมาน...เหมือนอยากตรงเข้าหาปัญหานั้นให้มันรู้แล้วรู้รอด

      นั่นไง...สองคนนั้นเดินเข้ามาใกล้แล้ว ผมหมั่นไส้ไอ้คนตัวสูงนั่นจัง! มันไม่ผิดหรอก แต่แค่...หมั่นไส้เท่านั้นเอง

      “พี่ชิพขา แอนหิวข้าวแล้วล่ะคะ”

      เสียงแหลมๆปวดแก้วหูนั้นดังมาแต่ไกล ผมอดไม่ได้ที่จะรีบมองปฏิกิริยาของคนที่พายัยนี่มาทันที...ฮึ ผมเห็นมันยิ้มระรื่น หัวเราะหน้าบาน แล้วยัง...กระซิบกระซาบกันอีกชุดใหญ่ ภาพหวานๆนี่ทำเอาผมอยากอ้วกแตกชะมัดยาด!

      “เดี๋ยวซิคับแอน มารู้จักเพื่อนๆพี่ก่อน”

      ยัยน้องแอนทำหน้าบูดนิดเดียว แล้วก็กลับมายิ้มร่าต่อ ไอ้ชิพพาร่างเตี้ยหมาตื่นของน้องแอนมานั่งกลางวงกินข้าวในโรงอาหาร โต๊ะซึ่งมีผมแล้วก็เพื่อนๆในกลุ่มนั่งกินอาหารอยู่

      “เฮ้ย พวกมึง นี่แฟนกู ชื่อน้องแอน พามาแนะนำให้รู้จัก”

      เพื่อนๆของผมทำตาโต ก็น้องแอนเขาสวยนี่ ชวนตะลึงไม่ใช่น้อยเชียวแหละ แต่ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวตุ่ยๆ จ้างให้ก็ไม่สนใจหรอก

       ...วันนี้ผมอยากพบหน้าชิพ มีเรื่องจะพูดกับมันมากมาย มีเรื่องต้องให้ปรับความเข้าใจกัน...ก็แค่หวังว่ามันจะเข้าใจ

       เอาเข้าจริงๆ...หมดอารมณ์

       เผอิญผมเป็นพวกไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครอยู่แล้ว

      พวกผู้ชายคนอื่นๆมันไล่ถามนู่นถามนี่ ดูยัยน้องแอนจะมีความสุขดีกับการถูกทุกคนห้อมล้อม เสียงผิวปากดังต่อเนื่อง สักพักไอ้ชิพก็แยกตัวออกมานั่งลงตรงข้ามผม หน้าตามันคล้ายจะสะใจ...รอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้นที่มุมปาก

      “ไง ไม่ทักน้องเขาหน่อยรึว่ะ มึงก็รู้จักกันดี” ดูเหมือนมันจะมาบังคับให้ผมไปป้อยอแฟนมันน่ะเอง

      “รู้จัก แต่กูไม่จำเป็นต้องทัก”

      “ไร้มารยาท” ไอ้ชิพแกล้งทำหน้าขมวดคิ้วกวนส้นตรีน

      “…” ...คิดจะมายั่ว(อารมณ์)ผมเหรอ? ประมาทไอ้แดนไปหรือเปล่า’น้อง???

      พอมันรู้ว่ายั่วอารมณ์ผมไม่ขึ้นแล้ว มันก็เริ่มใช้กำลังกับผม

      “เฮ้ย!” ผมขึงแขน ตายเป็นตายคับวันนี้ ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน คิดถึงคราวที่แล้ว เมื่อครั้งแรกที่เราเจอกัน มันก็ทำท่าจะฆ่าผมแบบนี้ รู้งี้ทะเลาะกับมันไปซะให้หมดเรื่องเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องคาราคาซังกันอยู่แบบนี้…

      “มึงเลิกแดกข้าว แล้วไปคุยกับน้องเขาเดี๋ยวนี้!”

      “เรื่องอะไร กูแดกข้าวอยู่ กลับไปหาเมียมึงซะเถอะกูรำคาญ” ผมใส่อารมณ์

      ระดับอารมณ์ของมันหล่นวูบอย่างรวดเร็ว น่าใจหายเชียวคับ...ไอ้ชิพหงุดหงิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่ผมมองมันเหมือนอากาศธาตุ ยิ่งตอนนี้ไอ้ชิพท่าจะหัวเสียเข้าไปอีก

      “กูกับน้องเขาไม่ได้มีอะไรกัน...” น้ำเสียงมันเบาหวิว ดูโกรธ...ผิดกับผมที่แกล้งทำใจเย็น ลอยหน้าลอยตาใส่มัน

      “อ้อ แน่ล่ะ มึงไม่ได้ชอบผู้หญิงนี่”

      “ไอ้...!”

      มันกำหมัดแน่น ท่าทางเหมือนหมาบ้าแล้วคราวนี้ ไม่รู้ไอ้ชิพเป็นอะไรของมัน อยากต่อยก็ต่อยมาเซ่ จะได้เลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย ดีจริงๆ!

      “มึงเก็บกดมากนักเหรอ? ต่อยเลยเซ่ อยากทำอะไรก็เชิญ กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงอยู่แล้วนี่ตอนนี้…”

      ผมเห็นมันน้ำตาคลอ หน้าแดงก่ำ เหอะๆ แต่ผมไม่ยักกะมีสักหยดแฮะ

       บรรยากาศร้อนระอุเข้าขั้น แต่ไม่ยักมีใครสนใจ เสียงน้องแอนยังคงกรี๊ดกราด...

       “มึงก็แค่จะบอกกับกูว่า...มึงทำใจก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว?”

       “...มึงพูดเรื่องอะไร?”

       ไอ้ชิพตอบผมด้วยคำถาม ดวงตาฉายแววสงสัยขุ่นมัวขึ้นมาทันที

      ...น้องแอนหาทางฝ่ากลุ่มเด็กผู้ชายหื่นกามออกมาได้ ตรงเข้ามาเกาะแขนไอ้ชิพ ผมมองภาพหวานซึ้งของคู่รักตรงหน้าก็เกิดสะท้อนใจขึ้นมาชั่วขณะ...ไอ้ชิพมันเคยบอกว่าตัวเองเป็นเกย์ แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมตกลงเป็นแฟนกับยัยหนู๋แอนดี๊ด๊าได้นะ? ทั้งๆที่มันก็อยากหนีเต็มแก่ แล้วทำไมจู่ๆถึงได้เป็นฝ่ายกระโจนเข้าใส่งั้นซะเอง???

       ผมไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ

      ยิ่งเห็นไอ้ชิพยิ้ม...ฝืน ยิ้ม ให้กับน้องแอนสุดที่รักของมัน วินาทีนั้นแหละที่ทำให้ผมเจ็บปวดใจมากที่สุด เคยรู้สึกกันบ้างมั้ยคับ? เวลาที่เรามองเห็นใครเขาแสดงความรักกัน ดูเหมือนตัวเองอยากเข้าไปขวาง...อยากเข้าไปดึงยัยเตี้ยนั่นออกห่างจากไอ้ชิพ...อยากให้มันหุบยิ้มหวานๆนั่นเสียที...แล้วก็อยากให้เธอหายตัวไป เป็น...ใครก็ได้เข้าไปแทนที่ตรงนั้น แต่ไม่ใช่แบบนี้ เวลานี้ ที่ผมอยากต่อยหน้ามันสักป๊างโทษฐานที่หลอกให้ผมเชื่อใจมาตลอด ทำให้ผมสับสนมาตลอด เพราะการกระทำอันกลับกลอกทั้งหลายของมัน...

      ไอ้ชิพมองหน้าผมอีกครั้ง ปรากฏเป็นรอยเยาะหยันดั่งเดิม รู้ทั้งรู้ว่าผม...ไม่เคยชอบ แต่มันก็ทำ มันจงใจให้ผมทรมานหรืออะไรกันแน่?

       “พี่ชิพขา…”

       “...จ๊ะ” ไอ้ชิพตอบ หลังใจลอยไปแป๊บ...

       “เย็นนี้เราไปดูหนังกันดีมั้ยคะ แล้วก็...”   

      ทั้งสองคนเดินเกาะแขนกันเดินหันหลังไป มองร่างทั้งสองหายลับตาโดยไม่มีท่าทีจะกล่าวคำร่ำลา...ตามันร้อนผะผ่าวขึ้นมาตะหงิดๆ...ผมรีบกินให้เสร็จ ขอตัวเพื่อนๆไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตู...เมื่ออยู่ท่ามกลางความเงียบ น้ำตาที่กลั้นไว้ตอนนั้น...ผมก็ยอมให้มันหลั่งไหลออกมา พยายามเก็บเสียง แต่ยิ่งทนมากเท่าไรเสียงมันก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น...เปิดก๊อกน้ำให้มันดังกลบ แล้วก็เริ่มทุบกำแพง...ด้วยความอัดอั้นในใจ ผมทำอะไรไม่ได้ ผมทำอะไรไม่ได้เลย...ผมมันอ่อนแอ โง่ แล้วก็ยอมให้คนอื่นแกล้งอยู่นั่น...

      ผมปาดน้ำตา...สัญญาว่าจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับคนไร้เหตุผลคนไหนอีก

      และจะไม่มีวัน ต้องเต้นตามไปกับแผน ของใครหน้าไหนทั้งนั้นด้วย...



      “เฮ้ย! ชิบหายแล้ว ลืมเอาชุดพละมา…”

      ผมครวญครางเสียงไม่เบานักหลังจากตอนพัก ขึ้นมาเช็คว่าได้เอาชุดพละใส่กระเป๋ามาด้วยหรือเปล่า ปรากฏว่าลางสังหรณ์ของผมเป็นจริงซะด้วย เฮ้อ...ทำไมวันนี้ผมถึงได้ดวงซวยแบบนี้นะ

      ถ้าคุณสงสัย ว่าทำไมผมถึงเอาจริงเอาจังกับอีแค่เรื่องลืมเอาชุดพละมา สำหรับโรงเรียนที่ผมอยู่นั้นเขาเข้มงวดเรื่องนี้มากคับ คือถ้าใครลืมเอามา ชั่วโมงนั้นที่เรียนก็จะถูกหักคะแนน แถมยังโดนทำโทษ ทั้งอาย ทั้งเหนื่อย มันก็สมควรให้เด็กทุกคนกลัวอยู่หรอก

      แต่เพราะเมื่อคืนผมอดหลับอดนอน ทำรายงานสารพัด แล้วยังช่วงนี้...ที่มีเรื่องใครต่อใครต้องให้คิด ผมเลยลืมนู่นนี่เป็นประจำ ฟุ้งซ่านจนกลัวว่าสักวันการเรียนของผมอาจจะย่ำแย่ตามลงไปด้วย...

      ผมทรุดตัวลงนั่งกุมหัว รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาจากทางด้านหลังเสมอ...จะใครล่ะครับ ก็ไม่ใช่เพราะมันหรือไงที่ทำให้ผมต้องคิดมากอยู่คนเดียว เป็นกังวลอยู่แบบนี้

      ...ถ้ามันอยากหัวเราะเยาะผม ก็เชิญ...

      แต่จะบ่นหรือโทษใครไปก็เปล่าประโยชน์ ผมรีบถามเพื่อนต่างห้อง ปรากฏว่าวันนี้ห้องที่ต้องเรียนพละมีคาบอยู่หลังห้องผมทั้งหมด จะให้ผมขอยืมไปใส่จนเปียกเหงื่อตัวเองก็กระไรอยู่ สรุปแล้วต้องยอมเลยตามเลย วันนี้ไอ้แดนต้องยอมรับกรรมโดนทำโทษสารพัดสารเพแน่ๆแล้ว…T_T///

      

      ผมนั่งไม่เป็นสุขตลอดทั้งวัน จนในที่สุด คาบพละก็มาถึง

      รู้สึกมือเท้ามันเย็นเจี๊ยบ ปวดมวลท้อง...แต่ทำใจแล้วอ่ะ โดนอะไรกูก็ยอมวะ แมร่ง~~~ @#%^ ///…

      หมดคาบภาษาไทย ผมลุกออกไปเข้าห้องน้ำด้วยความหมดหวัง กะจะล้างหน้าเพื่อเรียกกำลังวังชามาบ้าง พอสดใสขึ้นมานิด กลับมาเห็นคนในห้องมันเปลี่ยนชุดกันเกือบทุกคนแล้วผมแอบภาวนาในใจ...พระเจ้าช่วยเสกชุดพละให้ผมที!

      ล้วงมือไปใต๊โต๊ะ...อ๊ะ! นี่มันผ้าอะไร...

      เฮ้ย! นี่...นี่มันชุดพละนี่!

      ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความลิงโลด ยะฮู้! จู่ๆมันก็มาอยู่ใต๊โต๊ะผม ไม่รู้ว่าของใคร แต่ตอนนี้ไม่สนใจแล้วง่ะ ใส่ไปแล้วด้วยคับ 555+ ไอ้ชิพมันไม่มีทางหัวเราะเยาะผมได้อีก ทีนี้ผมอาจจะขโมยของมันไปซ่อน(เอาแล้วไง วิญญาณมารร้ายเข้าสิง)แต่ คิดดูอีกทีแล้ว...ไม่เอาดีกว่า ทำบาปทำกรรมกับคนอื่น เดี๋ยวมันจะเข้าตัวทีหลัง บรื๋อ~~~(o_O*)

      ผมวิ่งมาเข้าแถวคนสุดท้าย มองไปรอบๆตัวแล้วรู้สึกดีชะมัดยาด ผมมีชุดพละใส่เหมือนคนอื่นๆ ยกเว้น...

      ไอ้ชิพ...ไอ้ชิพโดนเรียกออกไปนอกแถวเพื่อรอรับการทำโทษ

      หน้าตามันไม่สลด แต่มองมาที่ผม...ด้วยแววตาที่ผมคิดว่าประชดนิดๆแกม ‘เป็นห่วง’?...

      ผมขมวดคิ้ว จ้องตอบมันกลับไป แต่แล้วมันก็กลับไปตีสีหน้าเย็นชาอีกครั้ง พร้อมกับยืนกอดอกรอลงไม้เรียวจากครูพละสุดโหด(หัวเขาโล้นๆ ตัวอ้วนๆ หน้าตาเหมือนพวกโรคจิต) แล้วก็ถูกสั่งให้วิ่งรอบสนามสามรอบ รวมถึงหักคะแนนอีกด้วย

      วินาทีนั้น เข้าใจทันทีว่านี่คือชุดพละของไอ้ชิพ...



      ตอนเย็น ด้วยความรู้สึกผิดที่แอบคิดอกุศลกับ ‘เพื่อน’ คนหนึ่งเอาไว้ ผมดักรอมันจนเมื่อเก็บของเสร็จ เตรียมตัวกลับบ้าน

      “ยังไม่กลับเหรอ”

      บ้า! บ้าชะมัดไอ้แดน!...ผมหลุดปากถามมันออกไปแบบนั้น ทั้งที่รู้ว่ามันกำลังหอบของกลับบ้านอย่างเห็นได้ชัด แต่ปากมันสั่งให้พูดอะไรสักอย่าง ในหัวมันคิดไม่ทันเพราะความตื่นเต้นง่ะ แต่มันก็คงรู้ล่ะมั้งคับว่าผมจงใจอยู่รอมันจนคนสุดท้าย วัดใจกันแค่ว่าใครจะลุกก่อนเท่านั้นเอง ซึ่งก็คือมัน ส่วนผมก็คว้ากระเป๋าเดินตาม

      “...” มันทำฟอร์มเงียบ ไม่ตอบ แล้วก็ก้มหน้าเดินเลี่ยงผ่านผมไป หน๊อย...ไอ้เชี่ยนี่

        “เอ่อ…เรื่องวันนี้ กูขอบคุณนะ”

      ผมเดินไปดักหน้ามัน ไอ้ชิพทำสีหน้ากวนส้นทีนใส่ ท้าทาย ประมาณว่ามองด้วยหางตา ขมวดคิ้ว รำคาญผมยั่งกะเป็นแมลงวัน…แต่ผมไม่สนใจ(โว้ย!)

      “มึงขอบคุณกูเรื่องอะไร?”

      “กูรู้ชิพ...มึงเอาชุดพละมาให้กู”

      “ไร้สาระ” มันส่ายหัวแล้วออกเดินต่อ อ้าว เดินหนีกูแบบนี้เลยเหรอ? เด๋วก่อนเซ่!!!

      “เดี๋ยว...” ผมวิ่งไปดักอีกครั้ง(ตื้อเก่งอ่ะคับ งุงิ >O<) “ถูกตี เจ็บป่าวอ่ะ?”

      ด้วยความเป็นห่วง ผมเลยถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับด้านหลังของมัน ตรงที่คาดว่าใต้เสื้อจะเป็นรอยเฆี่ยน(โรงเรียนผมครูบางคนยังตีเด็กอยู่) มันสะดุ้ง

      “ไอ้เชี่ยยยย กรูเจ็บนะโว้ย’สาดดดด” มันโวยลั่น

      “เออๆ กูขอโทษ” ผมแอบยิ้ม เหลือบมองมันจู๋ปากซี๊ดซ๊าด น่ารัก(แปลกๆ)+ฮามากๆ!!!

      “ยิ้ม’ไร” มันเองก็ยิ้ม แหม ทำฟอร์มอยู่ก็บอกมาเถอะไอ้หอกหัก \(- v -*)

      “ทีหลัง…มึงไม่ต้องทำเพื่อกูขนาดนี้ก็ได้”

      “มึงรู้สึกผิด หรือดีใจกันแน่ล่ะ” มันย้อน

      “…กูนึกว่ามึงจะสมน้ำหน้ากู กูขอโทษก็แล้วกัน เอางี้มั้ย...มึงจะขออะไรกูก็ได้ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ กูจะทำ…”

      ผมก้มหน้า มองแต่เท้าตัวเองด้วยความรู้สึกผิด เห็นไอ้ชิพมันหัวเราะหึคำเดียว ก่อนจะบอกให้ผมเงยหน้าขึ้น

      “เข้ามาใกล้ๆ”

      “~หา?...”

      “เออ! มึงหูไม่หนวกหรอก เข้ามาใกล้ๆนี่สิ”

      ผมเกาหัว เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของมันแล้วเสียวสันหลังวาบยังไงชอบกล ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงไอ้ชิพหรือเปล่า...

      แต่ตอนนั้น...ผมค่อยๆก้าวเข้าไปทีละน้อย ทีละน้อย จนเกือบใกล้มันแล้ว ไม่รู้อะไรดึงดูดผมเข้าไป...จะเพราะดวงตาที่เรียวสวยของมัน...หรือว่าร่องรอยแห่งความดื้อรั้นหยิ่งทรนงตรงมุมปากของมันกันแน่นะ?

       สายตาของมันเบนไปทางด้านหลังผมแวบเดียว ผมกะจะเหลียวตามมัน แต่ไม่ทันซะแล้ว...เพราะมันรีบคว้าต้นแขนของผมแน่น ดึงเข้ามาประชิด แล้วบดเบียดจูบเร็วๆแสนหนักหน่วงลงมาบนริมฝีปากของผมทันที!

      ผมตะลึง ตัวแข็งทื่อ ทั้งตกใจทั้งงุนงง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นให้มันกอดหน้าด้านๆ บดจุมพิตลงมา...จูบที่หอมแต่ไม่หวาน กลับเผ็ดร้อน และ...หิวกระหาย ต่างจากความรู้สึกของใครอีกคนที่ผมเคยประกบปากด้วย

      ผมรู้สึกว่ามันก็เหมือนๆกัน...เพียงแต่จูบครั้งนี้...มันช่าง...มีชีวิตชีวา!

      ยามที่ไอ้ชิพถอนริมฝีปากออกมา ลมหายใจอุ่นร้อนของมันหอบหน่อยๆ แถมยังปิดเปลือกตาแน่นคล้ายเจ็บปวดทุรนทุราย...ผมจ้องหน้ามันค้าง นึกไม่ถึงว่ามันจะทำกับผมได้ลงคอแบบนี้...

       ขนตาของชิพปรือขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของมันบ่งบอกความรู้สึกลึกซึ้งที่ผมไม่สามารถอธิบายได้...ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ชั่วอึดใจเท่านั้นที่ผมรับรู้ ความอุ่นวาบในอก ความเสียวซ่านแล่นวูบๆอยู่ในช่องท้อง

      จากนั้น ไอ้ชิพขยับปากพูดอะไรไม่รู้อีกสองสามคำ คือว่ามันไม่ได้ยินไงคับ หูของผมมันอื้ออึงไปชั่วขณะ แบบว่ามีแต่เสียงหัวใจเต้นดังก้องไปหมด

                         ...ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ...

       ............   

      ร่างสูงของไอ้ชิพหายไปแล้ว ผมนับหนึ่งถึงสิบใหม่อีกครั้งเพื่อให้รู้สึกตัว ค่อยๆหันหลังกลับมาช้าๆ เพื่อจะได้สบตากับใครบางคน...ที่ยืนมองภาพเหตุการณ์ทุกอย่างนับตั้งแต่เริ่มต้น นานพอ...จะได้รู้ว่าไอ้ชิพมันคิดยังไงกับผม

      พี่มาร์ค!...

      แววตาคู่หวานคู่นั้นฉายแววเจ็บปวด มากมาย...อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันตัดพ้อ แสดงความเจ็บช้ำออกมาจนผมรู้สึกเหมือนโดนมีดเฉือน...นัยน์ตาสุดแสนเย็นชาที่สามารถเปล่งประกายออกมาแผดเผาเราได้ในเวลาเดียวกัน...สายตาที่มองผมแล้วรู้สึกเหมือนตัวเล็กนิดเดียว...พร้อมทั้งประณามว่า ‘คนทรยศ คนทรยศ คนทรยศ!...’

       คำสั้นๆเหล่านั้นดังสะท้อนก้องไปมาอยู่ในหู

      ผมพยายามเปล่งเสียงออกไป แต่พูดไม่ออก หาเสียงตัวเองไม่เจอ

      ‘อย่า! พี่มาร์คอย่าเพิ่งหนีไปไหน ฟังแดนก่อน ฟังแดนก่อน!’

       แต่สิ่งที่เล็ดลอดออกมา เป็นแค่เพียงคำพูดอึกอัก แผ่วเบา...

      พี่มาร์คใช้สายตาเคียดแค้นมองผมสักพัก ก่อนจะส่ายหัว...เดินจากไป

      ‘อย่าเพิ่งนะคับพี่มาร์ค! พี่มาร์คเข้าใจผิด มัน...ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่มาร์คเห็น!...’

      ทว่า...ไม่มีใครยืนให้ผมเห็น อีกต่อไปแล้ว...



       โปรดติดตามตอนต่อไป


หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 25 ตอนใหม่มาแล้วนะคร้าบ~~~(ผมsk127 พิรุณรักษ์ครับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 31-01-2008 01:56:08
myLoveIsYou หลอกหลอนคงไม่อ่ะคับ ห่ำหันกันมากกว่า ฮุฮุ
 :angry2:
~GuNKuN~ 555+ มีคนสงสารน้องฟ้าด้วย ความจริงน้องฟ้าเป็นเด็กดีนะ ชิพต่างหากดื้อเอง  :m29:

kaporzung จะให้แดนดับยังไงดีอ่ะคับ ช่วยคิดหน่อยซี~~~ :m13:

Saku ...หวังว่าคงถูกใจตอนใหม่นี้นะคับ

deshiwa บอกไม่ได้คับ!!! ได้แต่ให้ลุ้นๆๆๆ  o7

ifwedo สักคนล่ะคับ...จะได้หัวใจแดนไปครอง

stayingpower อ๊ากส์ๆๆๆๆ~~~ ผมคิดถึงโค้กอ่ะคับพี่เตอิง อ้อ ไม่ได้ตั้งใจเลียนแบบนะคับ (ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย) พี่ชายผมชื่อกฤษณ์ เป็นหัวหน้าห้องอ่ะคับ เพื่อนๆชอบเรียกไอ้หมีด้วยอ่ะ (นึกออกเปล่าหว่า???)

artday ...

artkung แล้วแน่นอนคับ ต้องมีการสูญเสียอย่างอื่นๆตามมา... :m15:

THIP ทุกคนมีเรื่องราวเป็นของตัวเองคับ ขนาดผมยังมีเล๊ย 555+

ปล.ขอขอบคุณทุกๆความคิดเห็นและผู้อ่านทุกท่านนะครับ รักมาก ถึง มากที่สุด
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 31-01-2008 02:06:06
เกิดเรื่องแล้วไหมล่ะนี่
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: treasure ที่ 31-01-2008 02:36:50
อาจารย์ไรตี น้อง ชิฟ ของพี่ฟะ เดี่ยวโดน

เดา ว่า ต้องเปน อ. ทน ...     เสือ....... ใช่ปะ

ว่าแต่มอสี่เรียนไรอะคับน้อง เพ่จำบ่อได้ ไม่ถูกกะวิชาพละ

ปล.. ฝากบอกชิพด้วยว่า 



รักนะ .... จุ๊บ จุ๊บ

สมัครเป็นแฟนคลับชิพด้วยคนนะ :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 31-01-2008 03:09:13
เอาคืนชิพให้ได้นะ o12
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 31-01-2008 07:31:48
หึหึ ชิพมันมาทิ้งระเบิด แล้วก้อจากไป

ทำแบบนี้ได้ไงว้า  :serius2:  :serius2:

สงสารแดนจัง

ปล. ชิพแอบน่ารักนิดๆ นะเนี่ย เสียสละชุดให้อีก  :o8:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 31-01-2008 09:09:03
มะรู้ละ ไงก็รักชิพพพพพพพพพพ อะ


 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 31-01-2008 09:45:47
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม เป็นแดนก็ต้องลำบากใจแบบนี้ละครับ

ไม่รู้จะเลือกใครดี ผมว่า ชิพคือคนที่ แดนต้องการจริงๆๆนะครับ

ส่วนพี่มาร์ค อะคือคนที่แดนโหยหามานานแบบพี่ชาย ที่ตายไปอะครับ

จึงสรุปได้ว่าแดนรักพี่มาร์คแบบพี่ชาย แต่ตอนนี้แดนยังไม่รู้เท่านั้น อิอิ

ส่วนชิพคือคนที่แดนรักแบบชู้สาว อิอิ จบ.........อิอิ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 31-01-2008 09:53:34
รักนะ แต่ไม่แสดงออก ยินยอมเสียสละ เพื่อคนที่รัก  :m4:

รักชิพจัง  :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: 13th Devil ที่ 31-01-2008 15:25:47
ม่ายยยยยยยย.... :serius2:
นายแดนจะเอายังไงก็เลือกซักทางซิฟะ!!!

แต่ 'จารย์ หัวล้าน อ้วน โรคจิต(?)เนี่ย...ใครหว่า?
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 31-01-2008 17:32:18
รออยู่เสมอครับ

ตอนต่อไปจะเป็นไงเนี้ย  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 31-01-2008 22:04:21
ชิพร้ายนะเนี่ย จูบให้เห็นจะจะ  :m4: :m4:

ปล..ไปเข้าค่าย รด. กว่าจะกลับมาก็คงวันอาทิตย์โน่นน่ะสิ  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 31-01-2008 23:12:12
นายชิพน้อ...เอาระเบิดมาลงให้แดนอีกจนได้  :เฮ้อ:
หรือว่านี่อาจจะเป็นแผนของเจ้าช็อคชิพที่จะทำให้พี่มาร์คผิดใจกับแดน
แถมยังคบกับแอนเพื่อประชดแดนอีก จะทำร้ายจิตใจแดนไปถึงไหนกัน  :m15:

แต่ก็ยังดีที่ยังเป็นห่วงแดนบ้าง ไม่งั้นเลิกเชียร์จริงๆนะนี่  :m21:
สงสารพี่มาร์คจังเลย ที่มาเจอฉากทำร้ายจิตใจ  :sad2:

รอลุ้นว่าแดนจะเลือกใคร...แต่สงสัยคงเป็นเจ้าช็อกชิพแน่เลย  :m23:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 31-01-2008 23:36:00
ตอนนี้สงสารพี่มาร์คมากๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 31-01-2008 23:51:39
ค้างอย่างแรง.. :sad2:
ชิพ ร้ายนะเนี่ยะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 01-02-2008 03:31:05
ดีค่ะ ดีใจอย่างแรง  :m1:

พี่มาร์ครู้ก็ดีแล้ว

ไปไกลๆเลยนะคะพี่มาร์ค  :m14:

เพราะแดนต้องคู่กะชิพค่ะ พี่คงรู้ตัวนะ ว่าควรไปได้แล้ว 55555555  :m20:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 01-02-2008 05:59:39
ตามอ่านทันแล้วคับ

มาเป็นกำลังใจให้นะคับ o7
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-02-2008 08:38:13
กรรมตามทัน :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 01-02-2008 08:45:36
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ รักชิพ
ชิพเอ้ย จับแดนกดซะทีซิ จะได้รุ้ๆกันไปเลย 555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 01-02-2008 22:02:51
เลือกไม่ถูกเลยเจงๆ
มันสับสนอลหม่านแทนแดนไปด้วย

ค่อยๆหยุดคิดถึงหัวใจตัวเองก่อนเถอะว่ารักใครกันแน่

สุดท้ายมันก็ต้องมีคนเจ็บนะ
แต่อย่าให้เขามาเจ็บเพราะความโลเลของเราเลย

 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 02-02-2008 18:24:47
มารอค้าบบบบ  :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 02-02-2008 18:52:58
อิอิ :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 02-02-2008 19:40:24
ฮุฮุ เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้  o13 หนุกดีคับ ชอบๆ :m4:
ผมก้อ จาไป เขาชนไก่เหมือนกัน :m15: เร็วๆนี้แหละ  :sad2: เลย เกรียนเรย ช่วงนี้

ง่า เลือกไม่ถูกเรยนะ เอาใครดี ล่ะ เห็นจายยย แดน เน้อ เกิดมาน่าตาดีก้อเงี้ย :o8:



แล้วมาต่อเร็วๆน้าคับ :a1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 26 : ลงตอนใหม่ก่อนไปรด.ที่เขาชนไก่...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 03-02-2008 21:24:01
ไปรด.เสร็จเรียบร้อยกลับมาแล้ว เหนื่อยมากมาย แต่สนุกกับการส่องหนุ่มมาก เอามาเล่าให้ฟังได้มากมาย :m13:

จากการสำรวจ หนุ่มที่หล่อมากมายคือหนุ่มทวีธาภิเษก สูง ขาว หุ่นดี โอมั่กๆๆ....5ดาว :m25:

รองลงมา หนุ่มสาธิตจุฬาฯ เค้าบอกว่าเป็นเกย์ด้วย น่ารักดี ถ้าไม่ติดว่ามีแฟนแล้วเนี้ยจีบต่อเลยนะ 555+ ....4ดาวครึ่ง :m15: :seng2ped:

และรางวัลพิเศษ หนุ่มสวนฯนี่แหละ หล่อ+มีให้เลือกเยอะเเยะมากมายตลอดกาล เอาไปเลย 10ดวง!!! :m4:

ข้างบนเนี้ย ขำๆนะคร้าบ :m20:

ตอนนี้ขอตัวไปตามอ่านนิยายในบอร์ดต่อก่อนสักสองสามเรื่อง แล้วจาไปนอนแล้ว

ต่อไปอาจไม่ค่อยได้เอามาลงนะครับ ขอตัวอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อง ปิดเทอมแล้วค่อยมาลุย

ปล.แฟนคลับชิพนี่เยอะเเยะจริงๆๆๆ น่าภูมิใจคับ ขอบคุณมากคับทุกคน :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


บทที่ 27



      “พี่มาร์ค…พี่มาร์คครับ เดี๋ยวก่อน!”

      หลังจากที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่นาน โชคดีที่ผมเรียกสติคืนได้ทันก่อนที่พี่มาร์คจะเดินหนีไปได้ไกลมากกว่านี้ ขายาวๆของพี่มาร์คก้าวเร็วมาก เร็วเสียจนผมเกือบตามไม่ทัน

      “พี่มาร์ค!”

      ในที่สุด ผมก็วิ่งตามพี่เขาทัน หน้าตาแดงๆของเขาทำเอาผมใจไม่ดีเลยสักนิด   

      “แดน…”

      “พี่มาร์คครับ…มันไม่ใช่…อย่างที่คิด” แฮกๆ...เหนื่อย...วิ่งหนีเร็วโคตรๆ...

      “ไม่ต้องพูดแล้วแดน” ตัวพี่มาร์คเย็นเชียบ ดวงตาเย็นชาคมกริบจ้องมองผมไม่กระพริบ พร้อมทั้งสะบัดแขนออก “พี่ไม่อยากฟัง…”

      “แต่พี่มาร์ค…”

      “แล้วจะให้พี่คิดยังไง…ในเมื่อ…แฟนตัวเอง…ไปยืนจูบกับคนอื่น?”

      คำว่า ‘แฟน’ ที่ถูกเอ่ยจากปากพี่มาร์คช่างทำให้ผมรู้สึกปวดใจเหลือเกิน เหมือนคำพูดมันกรีดแทงลงไปในจิตใจ…ผมรู้สึกว่าตัวเองเลวยังไงไม่รู้

      “แดน พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าพี่ก็คน…แถมเราสองคนเป็นอะไรกัน แดนก็รู้ดี” พี่มาร์คกระซิบประโยคสุดท้าย “พี่หึงเป็นนะ แล้วก็ไม่ชอบด้วย ที่ต้องเห็นภาพบาดตาแบบนั้น”

      “แต่แดนไม่รู้เรื่องเลย แดนไม่ได้เป็นคนเริ่มด้วยซ้ำ…”

      “ก็นั่นแหละ! ไอ้เพื่อนหน้าขาวของแดนคนนั้นมันแอบชอบเรา ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง?!”

      ผมอึ้ง…รู้อยู่หรอกครับว่าไอ้ชิพพอจะมีใจให้ผมอยู่บ้าง…แต่ไม่ยักรู้ว่าพี่มาร์คมองออกว่าไอ้ชิพก็เป็นเกย์ด้วย…

      “พี่มาร์ครู้?”

      “…มองออก ถึงบอกไงว่าให้เลิกยุ่งกับหมอนั่นสักที มันพยายามจะแข่งกับพี่ ท้าทายพี่ รู้มั้ยว่ามันอยากแย่งเราไป…เหมือนน้องฟ้า...พี่จะไม่พูดอีกแล้ว เพราะยิ่งพูดไปก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนเป็นคนไร้สาระมากขึ้นเท่านั้น”

      พี่มาร์คส่ายหน้าแล้วออกเดินต่อ โอย…ไม่รู้จะรีบไปตามควายที่ไหน เดินเร็วชะมัด

      ผมวิ่งไปตื้อต่อ คนตัวโตที่กำลังโกรธผมอยู่ตอนนี้ทำตัวได้ ‘งอนสะบัด’ จริงๆ

      “เดี๋ยวครับ ผมขอโทษ…”

      พี่มาร์คหันกลับมาทำหน้าดุใส่ แถมยังสะบัดมือผมออกอีก

      “พอเถอะ…เราเลิกคุยกันสักพัก…พี่จะกลับไปทบทวนว่าตัวเองบกพร่องอะไรไป สำหรับตอนนี้ พี่ก็ขอแค่ให้แดนคิดดูก็แล้วกัน ว่าควรทำยังไงกับเพื่อนเราคนนั้นดี…”

       “ตลอดเวลา...แดนเคยเห็นพี่นอกใจเหรอ? เคยเห็นพี่ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าแดนมั้ย?...พี่แค่ต้องการให้เราเป็นของกันและกัน”

       โธ่...พี่มาร์ค...ผมขอโทษครับ แต่เมื่อกี้นี้มันดวงซวยแท้ๆ...

       ไอ้ชิพ มึงแกล้งกูชัดๆ!

       “ผมขออธิบายก่อนได้มั้ย?”

       ทว่า พี่มาร์คส่ายหน้า

       “พี่แค่ต้องการอยู่คนเดียว เราสองคน...ต่างคนต่างอยู่กันสักพักเถอะ”

       วินาทีที่ประโยคนั้นเล็ดลอดออกมา..เรายืนแน่นิ่งกันอยู่เพียงสองคน สายลมเย็นๆพัดผ่านความรู้สึกต่างๆให้หลุดลอยออกไปจนตัวผมเริ่มชา แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังได้ยิน

      “พี่มาร์ค…” นี่…นี่เขากำลังจะ…

      “ไม่อย่างนั้น…เราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันอีกต่อไป”



      คืนนั้นทั้งคืน ผมนอนน้ำตานองอาบสองแก้ม…

      นี่พี่มาร์คบอกเลิกผมแล้วใช่มั้ย? นี่พี่มาร์ค…ไม่ต้องการผมต่อไปอีกแล้วใช่มั้ย?

      เวลาจะถูกทิ้ง มันให้ความรู้สึก...แบบนี้เองน่ะเหรอ?

      ผมเฝ้าทบทวนตัวเอง แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่า ผมทำผิดไปแล้วมากแค่ไหน…

      …ซึ่งผม เพิ่งรู้ตัวว่าแคร์และคิดถึงพี่มาร์คมากเท่าไร ก็ตอนนี้เอง…



      หลายวันต่อมา อาการซึมเศร้าของผมก็ยังไม่ทุเลาลง ทว่าไม่มีใครระแคะระคาย จนกระทั่งวันหยุดยาวเสาร์-อาทิตย์ ไอ้โทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมจู่ๆมันก็ดังขึ้นขัดจังหวะการนอนฟุ้งซ่านของผมพอดี -v-

      “ฮัลโหล...”

      “อาบน้ำแต่งตัวเด๊ะ เดี๋ยวไปรับ”

      ผมทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่ง เพราะไอ้เจ้าของเสียงปลายสายนั้น เกินความคาดหมายของผมจริงๆ

      “ทะ…โทรมาทำไม?”

      “เอาน่า จะถึงแล้ว รีบลงมาเลยนะ”

      ไอ้ชิพไงคับ ไอ้ชิพน่ะเอง...เสียงของมันร่าเริงยังไงชอบกล ผมจำได้ว่าตัวมันเพิ่งจะประกาศเป็นศัตรูกับผมไปหยกๆเองไม่ใช่เหรอ? แล้วที่มันหลบหน้า ทำงอน ทำโมโห โกรธใส่ผมอยู่ตั้งนานตั้งแต่วันฝนตกนั้น มันทำไปเพื่ออะไร? ในเมื่อตอนนี้มันโทรฯมาชวนไปเที่ยว(ตามเคย)อีกแล้ว แบบเหนือความคาดหมายซะด้วย หรือว่ามันมีแผนสูงอะไรมาอีกกันแน่นะ...

      ถ้าไม่นับเรื่องจูบนั่นล่ะก็...นี่คงเป็นไอ้ชิพภาคที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนแน่ๆ จู่ๆทำมาเป็นหายโกรธ ทำตัวเป็นมิตรขึ้นผิดหูผิดตา(เอ่อ...ทำตัวดีแบบน่ารักน่าใจหาย) น่ากลัวชะมัด... (+_+)



      ผมอาบน้ำแต่งตัว พยายามทำหน้าตาให้สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ สักพักหลังจากนั่งรออยู่หน้าบ้าน รถยุโรปคันหรูมันปลาบก็ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าสู่หน้าประตูบ้าน ผมเดินเอื่อยเฉื่อยไปขึ้นรถมัน ไม่ทันไรมันก็บีบแตรเร่ง แหนะ! ไอ้บ้านี่จะรีบไปไหนของมันฟ่ะ!

      คนร่างสูงในรถฉีกยิ้มกว้างเมื่อผมถดตัวไปนั่งบนเบาะข้างๆคนขับ...ซึ่งดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้วก็เหมือนเดิม ทั่วๆไป แต่ทำไมนะ?...วันนี้ผมถึงคิดว่ามันดู เอ่อ...หล่อเป็นพิเศษ แล้วยังไอ้แว่นตากันแดดกรอบบางทรงโฉบเฉี่ยวนั่นอีก...

      “ไง ‘ไมทำหน้าเศร้าอย่างนั้นล่ะ?”

      ขึ้นมามันก็พูดคุยเป็นปกติ แต่ผมอึดอัด และงง...ยังไม่สามารถพยายามทำใจพูดกับมันเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างปกติสุข มันขัดๆอยู่ข้างในใจยังไงไม่รู้ เหมือนว่าไอ้ชิพไม่สะทกสะท้านกับการทะเลาะกันครั้งใหญ่ระหว่างมันกับผมที่ผ่านมา

      “...” เลยได้แต่นั่งนิ่งเงียบๆ

      “เฮ้ย เป็นอะไรไป”

      ผมถอนหายใจ ต้องแกล้งพูดกับมัน แต่เป็นเรื่องอื่น “วันนี้แต่งตัวซะหรู นัดสาวที่ไหนไว้เหรอ?”

      “แน่นอน” มันยิ้มกว้าง แต่ผมแอบสังเกตเห็นลูกกระเดือกมันขยับอย่างยากลำบาก เหมือนจะพยายามกลืนน้ำลายผ่านลำคออันแห้งผาด...555+(แอบสะใจ) ผมกัดมันคืนบ้างจะเป็นไรไป จริงม่ะ? ไอ้คนปากแข็ง

      “ตาแดงๆแบบนี้ร้องไห้มาหรือไง”

      เชี่ย!!! จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาแทงใจดำผม

      ผมได้แต่รำพึงในใจว่ามันตรัสรู้ได้ยังไงฟ่ะ...”เปล่า” แต่น้ำเสียงตอแหลของผมมันดันสูงแบบไม่แนบเนียนไปนิดส์ (อ่านะ)

      “เหรอ งั้นนึกว่าร้องไห้เพราะเสียใจ ที่ไอ้แฟนตัวดำนั่นมันทิ้งไปแล้วซะอีก”

      ฉึก!!! เสียงมีดคมๆมันแทงเข้ามากลางอก ผมค่อยๆทำตาโต ก่อนจะรีบเก็บอาการ เหลือแต่เพียงความตกใจเล็กน้อย

      “ใครบอก”

      “กูรู้ แล้วก็ อ้อ แสดงความเสียใจด้วยนะ คงจะร้องไห้มาตลอดทั้งคืนเลยซิท่า 555+”

      วินาทีที่มันหัวเราะ เสียงอันดังก้องนั้นเหมือนจะแทรกผ่านความคิดของผม เข้าไปดังก้องอยู่ในหูแทน ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าที่มันเรียกผมมาในวันนี้เพราะต้องการเยาะเย้ยผม ของจริง แบบที่ต้องการจะซ้ำเติมจิตใจผม และก็ไม่รู้ว่าทำไม...มันถึงต้องทำตัวใจร้ายกับผมแบบนี้ด้วย

      ผมมองไปที่มัน ความแค้นน่ะอยู่ในใจ แต่แววตาที่ส่งออกไปคือความตัดพ้อ...

      “ทำไม...มึงถึงต้องทำแบบนี้กับกูด้วย”

      มันนิ่งไปนิด ดวงตาภายใต้แว่นตาดำบ้าบออะไรนั่นเล็งมาทางผม “ไม่พอใจก็ลงไปซิ”

      “งั้นก็จอด รู้อย่างนี้กูไม่มานั่งให้มึงทรมานเล่นเฉยๆหรอก”

      ทว่าไอ้ชิพหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม แล้วขับต่อไป...มุ่งตรงไปสู่ห้างสรรพสินค้าที่พวกเราเคยเดินเที่ยวเล่นกันเป็นประจำ แต่พอถึงที่หมาย บุคคลที่ผมไม่คาดฝันก็ปรากฏตัวขึ้นโดยที่ไอ้ชิพต้องเป็นส่วนรู้เห็นสำคัญด้วยอย่างแน่นอน

      “อ้าวพี่แดน สวัสดีค่ะ”

      ยัยน้องแอนดี๊ด๊า! ยัยตัวแสบนี่อีกแล้วเหรอ?...ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาเมื่อไร แต่ตอนนี้ยัยเปี๊ยกนั่นเข้าไปกอดรัดลำแขนไอ้ชิพเป็นที่เรียบร้อยแล้วเฉกเช่นทุกครั้ง แถมวันนี้ยังแต่งตัวไม่ธรรมดาอีกซะด้วย

      “สวัสดีครับน้องแอน...” ผมทักตอบ ไม่สบตาใครทั้งสิ้น

      “น้องแอนครับ วันนี้ให้พี่แดนเขาเที่ยวเล่นกับเราด้วยนะ เพราะว่า…”

      “อ้อ เพราะว่าพี่แดนเขาพึ่งอกหักมาน่ะเหรอคะ? ได้ซิคะ แหม ดีนะคะที่พี่ชิพชวนพี่แดนมา ไม่อย่างงั้นคงเหงาแย่เลย คนพึ่งอกหักใหม่ๆเนี่ย”


      ได้ยินดังนั้น ผมจึงหันไปถมึงตาใส่ไอ้เพื่อนเลว...เห็นมันทำหน้ายิ้มชอบใจ เข้าขากันดีกับยัยน้องแอนนั่น

       มันสองคนสบตากันต่อแบบคนรู้ทัน

      “โธ่น้องแอน อย่าไปพูดอย่างนั้นซิครับ พี่แดนเขากำลังเสียใจนะครับ”

      “เอ่อ...แอนขอโทษค่ะ” (เสียงกระซิบ) “ก็พี่ชิพบอกแอนว่าอย่างงั้นไม่ใช่เหรอคะ...”

       ไอ้ชิพเนียน ยังทำมาดนิ่ง

       “เอาเถอะคะ วันนี้เดี๋ยวพี่แดนเที่ยวกับเราแล้วก็จะสนุกเองน่ะแหละ จริงมั้ยคะพี่ชิพ”

      คนสองคนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น ‘แฟน’ กันหยอดคำหวาน ก่อนจะควงแขนกันเดินนำหน้าไป ปล่อยให้ผมตามหลังอยู่คนเดียว มองภาพหวานๆ แต่ไม่ยักบาดใจ มีแต่ความโมโห โมโหไอ้คนตัวสูงนั่น! จิตใจมันทำด้วยอะไร ทำไมถึงต้องแกล้งกันอย่างนี้ด้วย ทำไม?



      เวลาทั้งวัน ไอ้ชิพพายัยน้องแอนดี๊ด๊าเที่ยวซะรอบห้าง ซื้อของราคาแพงๆให้ กระซิบกระซาบกระหนุ๋งกระหนิ๋งใส่กันอย่างไม่เกรงใจใคร ส่วนผมเสียอารมณ์ที่ต้องเดินตามพวกมัน ถึงจะออกปากแล้วว่าผมอยู่ในฐานะเพื่อน(นอกคอก) แต่เหมือนถูกปล่อยเกาะให้เดินเองเสียมากกว่ายังไงยังงั้น

      มาหยุดพักที่ร้านขายไอติม หลังจากสั่งขนมหวานเย็นๆมาคนละที่เรียบร้อยแล้ว ยัยตัวเปี๊ยกปากสว่างนั่นก็เริ่มหันมาขุดคุ้ยเรื่องของผมต่อ

      “แฟนพี่แดนเขาเลิกกับพี่แดนทำไมเหรอคะ?”

      ไอ้นัยน์ตาใสซื่อ หลอกผู้ชายที่โง่พอนั่นไม่สามารถปกปิดประสงค์ร้ายจากเจ้าตัว ไม่ให้ผมรู้ไม่ได้หรอก...เมื่อโดนคำถามนี่เข้าไป ผมเลยได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตากินไอติมต่อไปเงียบๆ

      “ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรคะ...พี่แดนอาจจะยังทำใจไม่ได้ ว่าแต่เมื่อไรจะหาแฟนใหม่ล่ะคะ”

      น้องแอนซักผมไปมาอย่างไร้มารยาท จนทนไม่ได้ เลยต้องมองหน้าแบบไม่เกรงใจบ้างแล้ว เห็นไอ้อาการแอ๊บแบ๋วน่าสมเพชนั่น แม้กรูจะรู้ทั้งรู้ว่าน้องแอนกำลังเสแสร้งเป็นคนดี...แต่ความจริงกำลังสะใจกรูอยู่ล่ะซิ...’เออ! กูไม่แย่งผัวมึงหรอก’...

       แทนที่จะพูดออกไป ทว่าไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกอยากก้มหน้ารับความขมขื่นในใจไปเรื่อยๆ คล้ายกับว่าอยากทรมานตัวเองต่อไปโดยไม่มีจุดสิ้นสุด...

      ไอ้ชิพก็นั่งยิ้มสนใจฟังอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่คิดช่วยเหลือ...จู่ๆเสือกถามขึ้นมาอย่างใคร่รู้เกินความจำเป็น

      “นั่นซิ เมื่อไรจะหาแฟนใหม่สักทีละครับคุณแดน”

      ผมกำหมัดแน่น...นับหนึ่งถึงสิบข่มความอยากต่อยหน้าไอ้ชิพให้หงายหลัง

      “คงไม่ใช่เร็วๆนี้...”

      “แต่แอนจะแนะนำอะไรให้อย่างหนึ่งนะคะ รับรอง พี่แดนต้องชอบ” และแล้วน้องแอนก็พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ผมไม่มีกะใจจะพูดอะไรอีกต่อไป “น้องแอนว่าพี่แดนก็หน้าตาดี พอจะหาแฟนได้ง่ายๆอยู่แล้ว พี่แดนก็ทำใจให้ปกติไว้ซิคะ เดี๋ยวก็มีใครเข้ามาเอง อ้อ แต่ที่สำคัญอย่าไปแย่งแฟนใครเขาเข้าล่ะคะ เดี๋ยวจะหาว่าแอนไม่เตือน”

      ยัยแอนจิกสายตากลมโตแพรวพราวกลับมา ผมมองเฉยๆ ตีสีหน้าเย็นชา ระอากับยัยเด็กตัวแสบสวมบทนางร้าย สมองกลวงนี่เสียเต็มประดา...

       ไม่รู้ไอ้ชิพไปคว้าของ ‘ต่ำๆ’ พรรคนี้มาจากไหนนะ



      กว่าจะ(ไล่)ลายัยน้องแอน สลัดให้ยัยนั่นกลับบ้านไปได้ก็เล่นเอาเหนื่อยอีกตามเคย เพียงแต่ตอนนี้ไอ้ชิพดูจะสบายใจหน่อย ที่มีการจุ๊บกันข้างแก้มก่อนกลับสมใจน้องเขา ซึ่งเป็นอะไรที่ผมคิดว่าไร้สาระมาก \\\(-_-*) กับการต้องพะเน้าพะนอยัยเด็กใจแตกคนนี้ให้เคยตัว

      “ไง สนุกมั้ย?” ผมกับมันเดินไปลานจอดรถ ผมไม่ตอบ หน้ามันยังแทบไม่อยากจะมอง

      “กูถามว่าสนุกมั้ย?” มันเริ่มขึ้นเสียง ทำหน้าตาท่าทางหงุดหงิด แหม พอไม่อยู่ต่อหน้ายัยน้องแอนแฟนสาว มึงก็ทำตัวเหี้ยได้ตามใจชอบขึ้นมาเลยนะ สาดดดด @#=+//**

      “…”

                         “กูถามว่าสนุกมั้ย ได้ยินหรือเปล่า?”

      โชคดีที่ตรงประตูเชื่อมสู่ลานจอดรถขณะนั้นไม่มีผู้คน ไอ้ชิพเลยได้ตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร มันเค้นเสียงรอดไรฟันออกมาแบบโกรธจัด หน้าตาดุร้ายน่ากลัวชะมัด...ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงกลัวมันมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ผมก็โกรธมันเหมือนกัน เลยตอบกวนๆกลับไป

      “เสียงดังหาพ่อมึงเหรอ?!”

      “กูไม่สน! ไม่มีใครได้ยินอยู่แล้ว แต่มึงไม่ยอมตอบกู”

         “กูไม่ตอบแล้วจะทำไม? มันเรื่องของกู ฮึ มึงอย่ามาทำอารมณ์เสียเพราะน้องแอนลากมึงไปมาทั้งวันหน่อยเล้ย ทีกูตามต้อยๆยังไม่รำคาญ ชอบซะอีก น้องแอนน่ารักดีออกนะว่ามั้ย”

      ตอนนี้ไอ้ชิพเป็นฝ่ายกำหมัดแน่น เม้มปาก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นบ้าอะไร ผีเข้าสิง? เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำตัวไอ้น่าตืบมาก

      ผมจ้องมองมันด้วยใบหน้าเฉยเมย แม้ว่าใจจะเต้นรัวแรง...กลัว...หวาด...ก็ตาม

      “กูจะบอกอะไรมึงให้ฟัง เรื่องที่มึงพยายามประชดประชันกู หรือว่าทำเป็นโกรธ โมโห รำคาญกู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห่าเหวอะไรก็ตาม...กูเบื่อเรื่องพวกนั้นเต็มทน ฉะนั้นเลิกทำตัวให้กูสนใจได้แล้ว เข้าใจมั้ย?”

      ระหว่างที่พูดไป ผมรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ใบหน้าที่บัดนี้เย็นเชียบนิ่งเฉย ทว่า...ใบหน้าไอ้ชิพดูเหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แววตาที่ดุดันแปรเปลี่ยนเป็นหรี่ลง มีน้ำใสๆคลอหน่วย ก่อนที่จะหยดลงมาเม็ดหนึ่งจากตาแดงๆของมัน ผมรู้สึกดีจริงๆที่ได้พูดออกไป...

      “ไม่ต้องไปส่งหรอกนะ เดี๋ยวกลับเอง”

      ตอนหันหลังกลับ เดินออกมาด้วยความรู้สึกเบาหวิว...ความจริงแล้วจะหนีกลับบ้านก่อนก็ได้แต่ไม่ได้ทำ ผมต้องการพูดให้มันรู้เรื่อง ให้มันเข้าใจ มันจะมาทำตัวเอาแต่ใจเป็นลูกคุณหนูกับผมแบบนี้ไม่ได้(ถึงมันจะเป็นคนแบบนั้นก็ตามทีเถอะ) 

      เรียกแท็กซี่หน้าห้าง ฝนเริ่มตกลงมาบางๆ วันนี้ผมไม่ได้โดนไล่ลงจากรถของใคร ผมสมัครใจเดินออกมาเอง ไม่มีความลังเล ชะงักใจ หรือพะวงอะไรทั้งสิ้น แค่กลับบ้าน...กลับไปให้พ้นจากใครบางคนก็เท่านั้น เท่านั้นเองจริงๆ...

       สักพัก หน้าจอของผมก็ปรากฏข้อความหนึ่งฉบับ

       ‘มึงไม่รู้จริงๆเหรอ...ที่กูเป็นตัวเหี้ยสำหรับมึง เพราะอะไร?’

       ตาที่จ้องมองข้อความบนหน้าจอสีฟ้าค่อยๆเริ่มพร่ามัว รู้สึกว่าความอ่อนไหวในจิตใจของผมเริ่มสั่นคลอน...ทว่าเพียงแค่หลับตาลง ภาพของใครบางคนก็ปรากฏขึ้น ผมรู้สึกผิด และไม่อยากผิดไปมากกว่านี้ แม้ว่าหัวใจจะเต้นตุบด้วยความเจ็บปวดเชื่องช้า ซึ่งค่อยๆทรมานเข้ามาตามร่างกายก็ตาม

       
       ยอมรับก็ได้ว่า...ชิพทำให้ผมสับสน

       ผมพยายามสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัว แล้วกดปุ่ม ‘ลบทิ้ง’...

       มันส่งตามมาอีก

       ‘กูโกรธตัวเอง ที่ต้องยอมสารภาพกับมึงตอนนี้...เพราะกูรู้ใจตัวเองช้าไป’

       สารภาพ?

       ไอ้ชิพสารภาพ...รู้ใจตัวเองช้าไป ผมกดปุ่มพิมพ์ข้อความส่งกลับไปอย่างด่วน

       ‘ชิพ...กูขอร้อง เลิกทำแบบนี้’

       กำมือถือไว้แน่น รอมัน...รอว่าจะมีข้อความของมันตอบกลับมามั้ย?

       ตั้งนาน มีแต่ความว่างเปล่า

       มันคงถอดใจไปแล้ว...กะจะไม่ง้อมันหรอกนะ

       ผมถอนหายใจ เงยหน้าไปข้างหลังเบาะ...พยายามกลั้นอารมณ์ไว้ เพราะตอนนี้คนขับแท็กซี่เริ่มชำเหลืองมองมาด้านหลัง มองดวงตาของผมที่เอ่อคลอผิดปกติ...

       พยายามคิดถึงความร้ายกาจของมัน อารมณ์ร้ายๆของมันต่างๆนานา แต่ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด...นอกจากจะทำให้ผมยิ่งเป็นคนเห็นแก่ตัวขึ้นไปอีกแล้ว เหตุผลของมันทั้งหมด...ผมรู้แก่ใจว่ามันทำลงไปเพราะอะไร

      แล้วทำไม...ไอ้น้ำตาเจ้ากรรม...มันถึงได้ไหลออกมา มากมายแบบนี้นะ?...


       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 03-02-2008 22:32:43
สงสารแดนจัง พี่มาร์ค เหตุผลน้อยไปใหมเนี่ย

ส่วนชิพ ก็ทำเกินไปหน่อย เหนื่อยใจกับทั้งคู่จริง ๆ  :m15: :o12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 03-02-2008 22:52:30
เหนื่อยใจแทนเลยอะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 03-02-2008 23:35:01
 :เฮ้อ: เลือกไม่ถูกอ่ะ เห็นใจทุกคนเรย   :m15:

ง่า ไม่รู้เลือกใครดี ปล่อยเป็นหน้าที่ แดน ละกัน  :o8:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 03-02-2008 23:40:40
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับดูพี่มาร์ค มีเหตุผลมากๆๆครับผม

ส่วนชิพเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก

ไม่รู้จักผิดและถูกในสิ่งที่ตัวเองทำไป

แต่ยังไงก็เชียร์ชิพอยู่ดีครับ

แต่สงสารพี่มาร์ค อะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 04-02-2008 00:05:53
เชียร์พี่มาร์คครับ อย่างน้อยก็ไม่เคยทำให้ชิพต้องเสียใจ

เจ้าช็อคชิพเล่นกับความรู้สึกของแดนมากเกินไปแล้วนะ มีแต่ทำให้แดนต้องเสียใจ  :m16:

ไม่ชอบการกระทำของชิพเลยแฮะ ชอบที่จะประชดประชันแดน

การกระทำบางอย่างของชิพดูเหมือนเห็นแก่ตัวมากเกินไปนะ ถ้ารักกันจริงก็ไม่สมควรทำอย่างนี้เลยอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 04-02-2008 01:18:15
สงสารพี่มาร์คมากๆ สงสารที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-02-2008 01:39:02
เศร้าอ่ะ แต่อ่านแล้วทำให้อยากกลับไป ร.ร. จังเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 04-02-2008 02:17:49
 :เฮ้อ: .................
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 04-02-2008 07:30:21
ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าแฮะ ... ทำไมชิพใจร้ายจัง จงใจให้แฟนเข้าใจผิดกัน สงสารพี่มาร์คมากๆ

เกลียดชิพๆๆๆ ... (เกลียดไอ้พระเอกเนี่ยจะผิดไหม ???)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 04-02-2008 08:56:41
อิอิ :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-02-2008 09:47:00
น่าสงสารชิพจังเลย
อย่าไปรักคนที่เขาไม่รักเราเลย
 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bizcuit ที่ 04-02-2008 16:42:27
 :m22:

เคยไม๊คับ   เวลาที่เห็นเด็กร้องงอแง  อยากได้ของอะไรจากพ่อแม่  แล้วเอาแต่แหกปากลูกเดียวอ่ะคับ  เห็นแล้วมันจี๊ดมากเลยอ่ะ  อยากจะเดินเข้าไปตบให้เกรียนแตก (เด็กมันเกรียนป่าวหว่า??) แล้วตะโกนบอกมันว่า  "หุบปากเฟ้ย!!!!"

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่มักจะรู้สึกแบบนี้เวลาที่เห็นภาพพวกนี้อ่ะ

แต่ว่า  ขอนะคับ  อย่ามาตบผมเลยอ่ะ (ผมไม่เกรียนนะ  จะบอกให้ :m12:)  ก็ผม...



จะเอาอีก อ่ะ  จะเอาอีก  ถ้าไม่รีบมาลงเพิ่มเค้าฟ้องแม่จริง ๆ ด้วยนะเอ้า...
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 04-02-2008 22:25:35
 :serius2:  ชิพพพพพพ   :o12:




หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 04-02-2008 22:36:08
เอามาลงให้สองตอนนะครับ แต่ครั้งนี้ไม่มั่นใจเลยว่าตรวจอักษรครบถ้วน ยังไงวอนผู้ใจบุญเช็คดูให้อีกทีจะเป็นพระคุณมากมายเลยอ่ะคับ อิอิ   :m1: :m1: :m1:

ปล. ของแถมเด๋วเอามาลงให้หลังท้ายรายการ

บทที่ 28



      นับจากเหตุการณ์วันนั้น ไอ้ชิพไม่ได้พูดอะไรกับผมอีกเลย

      ความจริงแล้วไม่มีใครพูดกับผมเลยต่างหาก...

      และผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เหมือนมันด้านชา เอาแต่เรียน แม้ว่าผมจะมีเพื่อนกลุ่มอื่นบ้าง  แต่ก็ไม่ได้คุยกับพวกมันเหมือนเมื่อก่อน กระนั้นก็ไม่มีใครสังเกตว่าผมเศร้าๆไป เงียบขรึมขึ้น ความจริงแล้วแทบไม่มีใครสนใจผมเลยอีกนั่นแหละ...

      พี่มาร์ค...เอาแต่หลบหน้า นับแต่นั้นผมยังไม่ได้เจอหน้าพี่เขาเลย ไม่มีแรงไปง้อด้วย จวบจนบัดนี้...

       นั่งทบทวนความรู้สึกลึกๆภายในใจดูอีกที...ทำไมผมถึงรู้สึกเปลี่ยนไป...

      ไอ้ชิพ...ไม่ได้โกรธผม เย็นชาใส่ผม หรือว่าทำตัวร้ายกายใส่อีกแล้ว แต่มันเลิกยุ่งเลยต่างหาก ทำตัวเหมือนเป็นอากาศธาตุ ไม่ให้ผมใส่ใจอะไรทั้งนั้น ข่าวคราวต่างๆของมันไม่มีทางเข้าถึงหูผมได้ถ้าไม่ได้รู้เอง จนรู้สึกเหมือนไม่มีมันอยู่ร่วมห้อง...

      ผมไม่รู้ ไม่สนใจ ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งสิ้น...แม้แต่ตัวผมเอง ยังไม่กล้าส่องกระจกดูใบหน้าโทรมๆในตอนเช้าเลย...



      “เธอ...เดี๋ยวเที่ยงนี้ไปพบครูหน่อยนะ”


      ครูสอนภาษาอังกฤษท่านหนึ่งนัดพบผมหลังจากหมดคาบเรียนช่วงเช้า สงสัยคงจะให้ผมไปตอบปัญหาแข่งขันภาษาอังกฤษ คือยังงี้คับ ทุกๆปีตอนใกล้จะสอบกลางภาคเทอมสอง ทางหมวดภาษาต่างประเทศเขาจะคัดเด็กไปตอบปัญหาเชลล์Quiz ที่ออกโทรทัศน์อ่าคับ (หลายๆท่านคงรู้จัก)

      ด้วยความที่ผมได้เปรียบเรื่องภาษา ครูเขาเห็นแวว(มั้ง) ก็เลยเรียกไปซ้อมพวกความรู้รอบตัวตั้งแต่อยู่ม.3 (ประมาณว่าผมไม่ค่อยเก่งสังคมง่ะ) ช่วงนี้ผมยุ่งๆก็เพราะเตรียมตัวไปแข่งของหมวดนี่แหละ ส่วนเพื่อนร่วมทีมไม่รู้ปีนี้เป็นใคร เพราะปีที่แล้วพี่ม.6ที่อยู่ทีมเดียวกับผม ออกไปเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดแล้วตอนนี้

      ตอนเที่ยง ขึ้นไปเตรียมความพร้อมตามที่อาจารย์นัดไว้ ซึ่งก็ต้องนั่งรอรุ่นพี่ม.6อีกคนนานพอสมควร...เกือบหมดเวลาพักแล้วเขาถึงโพล่มา ดูท่าเหมือนวิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล

      “ขอโทษครับอาจารย์ พอดีผมถูกเรียกไปหมวดคณิตศาสตร์มา ฯลฯ...”

      รุ่นพี่วิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยอาจารย์ที่นั่งรอหน้าบูดอยู่ยกใหญ่ ก่อนจะโดนสั่งให้ไปนั่งพักเหนื่อย เขาเข้ามานั่งใกล้ๆผม แล้วจึงหันมาทักทายให้ผมได้เห็นหน้าชัดๆ

      “ดี’ คับน้อง พี่ชื่อเมฆ น้องล่ะคับชื่อ’ไร?”

      เป็นการทักทายธรรมดาๆ จากคนที่หน้าตาไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย สารภาพเลยก็ได้คับ...ว่าตอนนั้นรู้สึกเหมือนนั่งคุยอยู่กับดาราเอเอฟ(เชื่อมั้ยว่าหล่อกว่านั้นอีก>.<)

      นัยน์ตาหวานๆเรียวสวยสองชั้น จมูกไม่โด่งจัดเหมือนพวกดาราสมัยนี้ แต่ก็รับกับโครงหน้าเรียวสวยนั้นอย่างไร้ที่ติ ริมฝีปากแดงๆบางๆ ตัวสูง ไหล่กว้าง และถึงแม้จะตัดผมสั้นแบบนักเรียน มันก็ไม่ได้ลดทอนความดูดีของพี่เขาเลย

      “ชะ...ชื่อแดนครับ”

      “ว้าว! พี่นึกว่าน้องจะพูดภาษาไทยไม่ได้ซะแล้วครับ 555+ เห็นหน้าออกฝรั่งแบบนี้ น้องโตเมืองไทยหรือเปล่าครับ?”

      พี่เมฆหัวเราะเสียงนุ่ม ฟังแล้วเพลินหูจัง เป็นธรรมชาติ คนอะไรหน้าตาดี๊ดีแถมยังอัธยาศัยดีอีกด้วย น่าคบหามากมาย -_-*”*)


      “คนไทย โตเมืองไทยนี่แหละครับพี่ แค่มีพ่อเป็นฝรั่ง”

      “เหรอ ยังไงพี่ฝากตัวด้วยนะครับ ที่ได้มานี่ก็เพราะอาจารย์เรียกมาหรอก ไม่ได้สมัคร อีกอย่างพี่คงไม่เก่งภาษาเท่าเรา มีอะไรช่วยแนะนำด้วยก็แล้วกันนะคับ”

      ปากแดงๆบนหน้าขาวๆผิวขาวๆนั่นขยับไปมาอย่างที่เจ้าตัวกำลังคุยเจื้อยแจ้วกับผมแบบคนอารมณ์ดี คุยกันไม่กี่นาทีผมก็พอจะรู้แล้วล่ะคับว่าพี่เขาเป็นคนยังไง คือเป็นกันเอง มีมนุษยสัมพันธ์ แถมยังขี้เกรงใจอีกด้วย บุคลิคก็สบายๆแต่ดูดีชะมัด มีความมั่นใจในตัวเองสูง ทำให้ไอ้โรคอึดอัดต่อหน้าคนหน้าตาดีของผมผ่อนคลายลงไป เฮ้อ...พี่เขาน่าจะไปสมัครเป็นดาราจริงๆนะคับเนี่ย!!!

       คุยกับพี่เมฆ รุ่นพี่คนใหม่เพลินๆ อาจารย์ก็เรียกเราไปติวเข้มตลอดบ่ายวันนั้น ปรากฏว่าพี่เมฆฉลาดกว่าผมมากครับ ความรู้รอบตัวแน่นปึก แต่ภาษาอังกฤษพอถูไถ ผิดกับผมที่โง่ไม่เป็นสับปะรด แค่ถามว่ายอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกาชื่ออะไร ผมยังใบ้แด๊กเลยคับ เอิร์กๆo_O****(คีรีมันจาโรนะครับเพื่อนๆ :->)

      

      ตกเย็น กว่าจะเลิกติวเข้มกันเป็นวันแรก ก็ปาเข้าไปเกือบๆหกโมงกว่า(อ้อ ลืมบอกไปว่าทางหมวดมีจดหมายลาคาบบ่ายให้นะคับ) บรรยากาศเริ่มมืดแล้วเพราะช่วงนั้นเป็นต้นๆฤดูหนาว ยิ่งมืดเร็ว เงียบสงัดสุดๆ โรงเรียนเก่าแก่นับร้อยปีอย่างโรงเรียนผมก็ยิ่งเพิ่มความขลังเข้าไปด้วยความมืดสนิทที่แผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า มีแต่แสงไฟนีออนซึ่งภารโรงเปิดทิ้งไว้ประปราย แล้วก็พวกนักกีฬาโรงเรียนที่ซ้อมอยู่กลางสนามหลงเหลืออยู่เท่านั้น แถมโรงเรียนผมตึกเก่าที่หมวดวิชาภาษาต่างประเทศสิงสถิตอยู่ก็น่ากลัวมากด้วยอ่ะคับ(-_-“) พวกเราสามคน(นั่นคือเจ๊สุธาณี เพชรxxx พี่เมฆ และตัวผมเอง)พร้อมใจกันเกาะกลุ่มลงลิฟต์ตัวเก่าๆน่ากลัวๆมาด้วยกัน(เวลาลิฟต์ผ่านแต่ละชั้นก็ลุ้นทีหัวใจจะวาย เสียงครืดคราดๆหลอนประสาทตลอดเวลา) และเดินเงียบๆมาตามทางเดินอย่างเร่งรีบเหลือเกิน...

      “เขาบอกว่าตึกนี้เคย...”

      “อีเมฆ! หยุดพูดแบบนั้นนะ”

      เสียงพี่เมฆจอมแกล้งหัวเราะคิกคักแบบเด็กๆหลังถูกเจ๊สุธานีดุ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายพอจะหัวเราะตามไปกับพี่เขาด้วย

      “โธ่’จารย์คับ ผมล้อเล่งอ่าคร้าบ~~~”

      ครูท่านเอากระเป๋าถือฟาด ป๊าบ!!! ป๊าบๆๆๆ พี่เมฆก็รีบยกถุงใส่เอกสารที่แย่งของชีไปช่วยถือขึ้นมากันไว้ นั่นพอทำให้บรรยากาศวังเวงลดลงไปได้มาก จนในที่สุดเราเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน แต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป เจ๊สุธานีเค้าข้ามถนนไปขึ้นรถเมล์ที่แถวๆหน้าจราจรกลาง ส่วนพี่เมฆกลับกับเพื่อน

      “พี่รอเพื่อนน่ะ แล้วแดนล่ะ กลับยังไง”

      กำลังจะตอบพี่เมฆไป สายตาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงๆคุ้นตา ปากมันเลยชะงักกลางอากาศซะงั้น

      “อ้าวไอ้เมฆ เสร็จแล้วเหรอมึง ไป กลับบ้าน เนี่ยแม่งมืดโคต-…”

      ร่างสูงที่มองไกลๆเห็นเป็นเงาลางๆนั่นก็คือพี่มาร์คน่ะเอง! พี่มาร์คพอมองเห็นผมถนัดขึ้นก็ชะงักเหมือนกัน ก่อนจะปรับสีหน้าขรึมแล้วเดินเข้ามาใกล้ ถอนหายใจ ก้มหน้าไม่ยอมสบตา ขยับออกห่างจากผมซะเหลือเกินหยั่งกะรังเกียจยังไงไม่รู้...

      “เออใช่ ไอ้มาร์ค นี่น้องแดนนะ มึงรู้จักนี่ อยู่ชุมนุมเดียวกันกับมึงไง”

      ผมแย้งอยู่ในใจเงียบๆ...ยิ่งกว่ารู้จักอีกครับ...แต่ไม่กล้าพูดออกไป เห็นสีหน้าลำบากใจของพี่มาร์คแล้ว ผมรู้สึกอึดอัดตาม อยากหนีไปให้พ้นๆหน้าพี่เขายังไงไม่รู้

      พี่เมฆซึ่งไม่รู้เรื่องระหว่างเราเอาแต่พูดชวนคุย เลยคงลืมสังเกตว่าผมกับพี่มาร์คมีท่าทีกระอักกระอวนมากแค่ไหน แต่ละคนไม่พูดไม่จา ยิ่งพี่มาร์คไม่ได้เอาตามาแลมองผมเลย ส่วนผมหน้าแดงซ่าน...นี่พี่เขาเกลียดผมขนาดนี้เชียวเหรอ?

      “งั้น พี่กลับก่อนนะแดน แล้วเดี๋ยววันพุธค่อยเจอกัน เตรียมตัวมาดีๆล่ะเรา”

      ผมสวัสดีพี่เมฆผู้ร่าเริง และพี่มาร์ค...พวกเราเดินเคียงกันสามคน ก่อนจะพ้นประตูพี่มาร์คหันมามอง แสงไฟหน้าประตูยามช่วยให้ผมเห็นว่าแววตาพี่มาร์คเศร้าสร้อยไม่แพ้ตอนผมเสียใจใหม่ๆ ก่อนจะกลับมาเป็นเย็นชาดังเดิม...แล้วเลี่ยงจากไป 

      แต่แปลก...แค่แว๊บเดียว แว๊บเดียวเท่านั้นแหละ...ที่มีความรู้สึกหนึ่งตื้อขึ้นมาว่า...ผมอยากวิ่งตามเข้าไปกอดแผ่นหลังคุ้นเคยนั้นยังไงไม่รู้...

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 04-02-2008 22:43:53
ปล.ล. ตอนนี้แดนกำลังอยู่ในช่วงสับสน ให้อภัยกานหน่อยน๊า~~~ :m13: :m13: :m13:

บทที่ 29



      พี่มาร์คเป็นคนพูดน้อย แต่ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำเหมือนไม่รู้จักผมได้ถึงขนาดนั้น...

      ตอนเที่ยงเป็นเวลาที่นักเรียนทุกคนต้องออกไปรวมตัวกันที่โรงอาหาร เพื่อพูดคุย(ที่ออกรสชาติมาก) และกินข้าวโรงเรียน ผมเริ่มเบื่ออาหารโรงเรียนแล้วครับ ก็กินมาตั้งสี่ปี แต่ที่ไปนั่งกับเพื่อนๆเพราะขี้เกียจอุดอู้อยู่ในห้อง แล้วก็จะได้อู้งานไปในตัวด้วย เหอะๆ(ดินพอกหางหมู)

      “เฮ้ยแดน มึงจาเอาส้มตำด้วยเปล่าว่ะ เดี๋ยวกูจะไปซื้อ”

      ผมพยักหน้าในทันควัน แถมแอบสั่งเพิ่มด้วยว่าให้ใส่ปลาร้า หลายคนคงอาจไม่เชื่อว่าผมกินปลาร้าเป็น เชื่อเถอะครับ 555+ เพื่อนๆผมมันยังเชื่อเลย(แม้ตอนแรกจะแอบงงกันไปนิดส์) แต่คงเป็นเพราะผมหน้าฝรั่งไปมั้ง เลยดูเหมือนไม่ชอบอาหารกลิ่นจัดพรรค์นั้น แต่ขอโทษ ปลาร้ามันอาหารชั้นเลิศในวงเม้าท์จริงๆนี่นา >O<

      อันที่จริงแล้ว ถ้าไม่รวมไอ้พวกถิ่นกำเนิดมาจากอีสาน กลุ่มเพื่อนของผมก็ชอบการจกส้มตำกินกันในโรงอาหารเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะคุณแม่ของผมท่านปลูกฝัง(จับยัดปาก)มาตั้งแต่เล็ก ให้เป็นคนกินง่าย ไม่เรื่องมากเหมือนคุณหนูทั่วๆไป(ซึ่งช่างบังเอิญเข้ากับหน้าผมเหลือเกิน แฮะๆ O_O)

      ไอ้โย่งเป็นคนลุกออกไปซื้อที่ร้านเจ๊เหนือ(ป้าแกมาจากเหนือ) ขณะที่กลุ่มที่เหลือ อันประกอบไปด้วยไอ้ชัต ไอ้บิว ไอ้อ๋อง ไอ้กั๋ว และไอ้แว่นกำลังนั่งด่าทออ.ภาษาไทยอยู่อย่างเพลิดเพลินปากนั้น (อาจารย์PT) สายตาของผมดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของผู้ชายสองคน เดินเคียงมาด้วยกัน...พี่มาร์คที่กำลังยิ้มร่าหน้าตาระรื่น หัวเราะต่อกระซิกอยู่กับ...พี่เมฆ...ทำเอาใจของผมฟุ้งซ่าน ตะเหลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน

      ผมเฝ้าจับตามองสองคนนั้นด้วยใจระทึก เห็นเลี้ยวเข้าไปต่อคิวร้านก๋วยเตี๋ยว และแล้วสิ่งไม่คาดฝัน...สิ่งที่ทำให้ใจของผมเต้นรัวเร็ว ใบหน้าร้อนผะผ่าว กำมือแน่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติก็เกิดขึ้น พี่มาร์ค...พี่มาร์คเขาค่อยๆเลื่อนมือขึ้นแตะแผ่นหลังเหนือบั้นเอวของพี่เมฆ จากนั้นค่อยดึงเข้ามาหาตัว เหมือนจะกอดแล้วส่งยิ้มหวานๆให้กันและกัน!

      วินาทีนั้นอยากลุกพรวดขึ้นไปจับแยกออกด้วยกันทั้งคู่ แค่ความคิด ก็ไม่อยากให้พี่มาร์คทำตัวหวานๆแบบนั้น...กับใคร

      สงสัยผมคงจ้องนานไปหน่อยมั้ง จนรังสีอัมหิตมันแผ่ไปถึง...พี่มาร์คเหมือนหันหลังมากวาดตามอง แล้วก็สะดุดลงที่ผม พี่เขาทำตาโตอ้าปากหว๋ออยู่สักพักก็รีบเบือนหน้าหนีไป แวบสุดท้ายตีหน้าเหลอหลาซะด้วย ก่อนจะรีบเดินหลบหน้า เร่งพี่เมฆให้ตามไปด้วยกันแล้วก็หายไปภายในกลุ่มนักเรียนอันหนาแน่น

      ผมโกรธ หน้าแดงก่ำจนรู้สึกได้ เหมือนจะมีลมร้อนๆเป่าออกมาจากหูด้วย…นี่หรือเปล่านะที่เรียกว่าอาการหึง...แต่ใจมันเนือยๆ บอกกับตัวเองว่าถ้าเขาสองคนมีความสุขแล้ว ผมจะต้องไปขัดเขาทำไม?



      ไม่รู้ทำไมผมถึงต้องหงุดหงิดด้วย? ก็เรื่องที่พี่มาร์คกับพี่เมฆเข้าขากันอย่างน่าหมั่นไส้ เชอะ! ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากใส่ใจอะไรนักหรอก ทว่า...ทำไมมันรู้สึกตะหงิดๆยังไงไม่รู้...เหมือนผมอยากให้เขาเลิกเดินด้วยกัน กระซิบกระซาบกันแบบยิ้มๆที่ข้างหู แม้ว่าพี่เขาทั้งสองคนจะดูสนิทสนมเหมาะสมกันมากก็ตาม...

       เข้าใจความรู้สึกของใครบางคนและ...เออเน๊าะ กรรมตามทันเร็วกว่าติดจรวดซะอีก =_=




      “เฮ้ยแดน ‘จารย์เจ๊ให้มาเรียกแหน่ะ ป่ะ”
      
       เที่ยงวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังนั่งปั่นรายงานอยู่ พี่เมฆเจ้าเก่าก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาเรียกผมไปพบอาจารย์สุธานีที่ห้องหมวดภาษาต่างประเทศ นี่ก็ใกล้แข่งขันเข้าไปทุกทีแล้ว ‘จารย์ท่านเลยเรียกซ้อมถี่ขึ้นอย่างไม่เห็นใจผมเลย...ที่งานในห้องก็เพิ่มพูนขึ้นมากมหาศาลเช่นกัน อือๆ T_T’

      หลังจากเหตุการณ์วันนั้น...ทำให้ผมมองหน้าพี่เมฆอย่างไม่ค่อยจะสนิทใจอีกต่อไป...มักจะหลบตา เพราะผมกลัวว่าพี่เขาอาจจะระแคะระคายได้ว่าเรากำลังหึงเพื่อนสนิทเขาอยู่...และไม่อยากให้ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างเราแตกระแหงแต่อย่างใด

      ผมพยายามเรียนอย่างตั้งใจควบคู่ไปด้วยกับการติวเข้มพิเศษเตรียมไปแข็งขันตอบปัญหา ทว่ามันยากเหลือเกิน เมื่อมีเรื่องอื่นๆวิ่งเข้ามาวุ่นวายใจผมอยู่ตลอดเวลา อย่างเรื่องพี่มาร์คและพี่เมฆเป็นต้น...

      ผมเห็นพี่เมฆวิ่งหน้าตาตื่นมาพอสมควร เลยเกรงใจ งานเงอนทุกอย่างเป็นต้องวางมือ แล้วรีบวิ่งตามเขาไป

      พลั่ก!

       จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนชนอะไรแข็งๆเข้า แล้วก็ล้มหงายหลังตึงลงไป ตึง! อูย...เจ็บระบมก้นกบไปหมด ไอ้ผมก็วิ่งทะเล่อทะล้าออกไปไม่ดู เลยต้องลงไปนอนดูพัดลมบนเพดานซะงั้น

       ไม่ทันไร ผมก็สัมผัสได้ถึงมืออุ่นๆของใครบางคนช้อนร่างผมขึ้นมา พยุงไว้ให้ผมเกาะท่อนแขนแข็งแรงไปพลาง...ฉุดผมลุกขึ้นยืนจากการล้มจ้ำบ้ำ

      “เฮ้ย! ไอ้แดน เป็น’ไรป่าว?”

      พี่เมฆซึ่งมองงงๆเอ่ยล้อขำๆในความเปิ่นของตัวกระผมเอง(เหอะๆ) พี่เขายืนเฉยแล้วก็หันไปทางคู่กรณีทางด้านนอกประตู

      “น้องเป็นไรมากหรือเปล่าครับ?”

      ...ไอ้คนนั้นไม่ตอบ และคงไม่ได้เป็นอะไรด้วย...ก็แหงล่ะ ตัวมันใหญ่อย่างกับหมีควายปานนั้น ทว่าสายตาที่มันใช้มองผมนั้นแสนเย็นชา จนทำให้ผมกลับไปยังความรู้สึกเดิมๆอีกครั้ง...นั่นคือใจเต้นแรง และวูบวาบไปในขณะเดียวกันที่...ไอ้ชิพ...มอง...

      มันคงลืมไปมั้งว่าผมโกรธมันอยู่...แต่ไหงมันไม่ลืมแฮะว่าก็กรูงอนๆอยู่หมือนกัน

       แต่ไหงฝ่ามือของมันถึงไอ้อบอุ่นแบบนี้นะ...แล้วท่าทางของมันก็แสดงถึงความห่วงใยในตัวผม ทั้งๆที่ผมเองเป็นฝ่ายวิ่งมาชนมัน...ซ้างั้นน่ะ???

       ...ผมไม่พูด มันไม่ตอบ แค่มองแวบเดียวแล้วก็เบือนหน้าหนีไป ไม่ได้ทักทายกันเลยแม้แต่คำเดียว(ประมาณว่าเชิดกันไปคนละทาง) ก่อนจะเดินหายลับไปในห้อง ท่าทางยังห่างเหิน(กันมากขึ้น)...ซึ่งผิดกับเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิงที่ผมเคยเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของมัน

      ผมไม่รู้ว่าเราเลิกเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไร แล้วมันเลิกคุย หมองเมิน เริ่มทำตัวเย็นชากับผมตั้งแต่เมื่อไร อีกอย่าง ความห่างเหินระหว่างเราสองคน เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนผมเองก็ไม่สามารถระลึกได้...ผมไม่ได้มองหน้ามันตรงๆแบบนี้มานานมากแล้ว และบางครั้ง...ผมก็คิดถึงมันอย่างน่าใจหาย และรู้สึกใจหายวาบทุกครั้งที่ผมอยากคุยกับมัน แต่ด้วยความหยิ่งส่วนตัว เลยทำให้ผมไม่กล้าเข้าไปทักมันก่อนเรื่อยไป

      ผมพยายามบอกตัวเองว่าที่เราโกรธกันเป็นความผิดของมันคนเดียว...และผมไม่อยากคุยกับมันเพียงเพราะไม่ชอบความเอาแต่ใจของมัน...แต่ในใจอยากเข้าไปหา...ใจจะขาด...แล้วชวนมันออกไปเที่ยวเหมือนเก่าสักครั้ง แบบที่เราเคยเป็นเพื่อนรักกัน แบบที่มันชอบข่มเหงผมอยู่ร่ำไป(ซาดิสต์ป่าวว่ะตู -_-“)

       แค่คิดใจของผมมันก็กระตุกจี๊ดๆ...ความรู้สึกผิดต่อพี่มาร์คหายไปไหนหมดแล้วว่ะ?

       …หรือว่า ผมมันเป็นพวกความรู้สึกตายด้าน?...

      “เอ๊ะ ไอ้เด็กนี่แปลก ไม่พูดยังจะจ้องอีก...เพื่อนเอ็งป่าวว่ะ?”

      “เปล่า”

      “เอ็งเคยมีเรื่อง?”

      “ไม่รู้...”

      ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าทำไมปากมันตอบออกไปได้อย่างรวดเร็วปานนั้น


       โปรดติดตามตอนต่อไป...
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 27 กลับมาจากเขาชนไก่แล้ว หนุ่มเยอะมากกก~~~!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 04-02-2008 22:46:46
ของแถมที่ว่านี้ ผมคิดว่าอ่านแล้วก็ปลงดี เด๋วนี้ชาวเรามีการวางแผนเปลี่ยนชายแท้ให้เป็นเกย์กันแล้วเหรอ? แต่จะว่าไปแล้ว...มันก็น่าลองอยู่เหมือนกันนะครับ 555+  :oni2: :oni2: :oni2:

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

อ่านกันยังอ่ะ วิธีทำให้ชายแท้กลายเป็นเกย์
ทำยังไงให้ผู้ชายแท้ๆกลายเป็นเกย์

ก่อนอื่น ถามตัวเองก่อน ว่าทำไมถึงอยากให้ผู้ชายคนนั้นเป็นเกย์?

ทำด้วยความสเน่หา หรือ ความเกลียดชัง

คุณอยากให้ผู้ชายคนนั้นหันมารักคุณ หรือ ทำเพื่อใคร

จงแน่ใจก่อนว่า ที่ทำไปตรึกตรองมาอย่างดีแล้ว เพราะถ้ามันพลาด คุณกับเค้าจะมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย แต่ถ้าสำเร็จ คุณก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ไปทำให้ชีวิตคนๆนึงต้องเปลี่ยนไป

เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก่อนจะเริ่มบุก มาสำรวจตัวเองกันก่อน ว่าคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่

1. หน้าตาพอใช้ได้ขึ้นไป อาจจะไม่ต้องถึงกับดีมาก แต่ต้องดูมีสเน่ห์
2. ใจเย็น มากถึงมากที่สุด ของแบบนี้ใจร้อนไม่ได้ เดี๋ยวเหยื่อรู้ตัวเผ่นหนีซะก่อน
3. มีความจริงใจให้เป้าหมายตลอดเวลา และทำตัวให้เค้าไว้ใจได้
4. ฉลาดที่จะปกปิดความลับ แต่ต้องไม่โกหก จงรู้จักที่จะเลี่ยงแทนที่จะโกหก
5. อย่าทำสำอางต่อหน้าเป้าหมายให้มันมากนัก ใช้ชีวิตในระดับเดียวกับเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
6. รู้จักที่จะฟังมากกว่าพูด แต่เมื่อเป้าหมายมีเรื่องต้องการปรึกษา ให้แนะนำในเชิงทั่วไป อย่าเบี่ยงเบนเข้าตัวเองตลอดเวลา

ทีนี้ก็ต้องมาสังเกตุก่อนว่าเป้าหมายของเราเนี่ย มีโอกาสที่จะเบี่ยงเบนได้บ้างไม๊ สังเกตุยังไงดี

1. พวกบ้าหม้อฟันหญิงไม่เลือก แต่ก็หาแฟนเป็นตัวตนไม่ได้
2. พวกเก็บกดไม่ค่อยพูดจาแต่พยายามแสวงหารักแท้ มักแอบรักคนนู้นคนนี้ แต่ไม่กล้าซักที
3. ชอบพูดเรื่องลามก แต่ไม่เคยทำจริงๆซะที
4. พวกสะสมหนัง AV โดยเฉพาะ หนังแนว SM
5. พวกติดเพื่อนขั้นรุนแรง เอ่ยปากชวนไปไหนแล้วไม่ต้องรอคิด ไปไหนไปกัน
6. เมาง่าย (อันนี้ช่วยได้เยอะเลย) และเวลาเมาแล้วชอบทำอะไรทะลึ่งๆ

เอาล่ะ เรามาเริ่มแผนกันดีกว่า

หลังจากที่ทำความรู้จักเป้าหมายมาระยะหนึ่ง ส่วนมากคุณคงไม่บอกให้เค้ารู้ว่าคุณเป็นเกย์ (ไม่บอกน่ะดีแล้ว เดี๋ยวเหยื่อตื่น) จงจำไว้ ในช่วงที่ทำความรู้จักกัน อย่าเผยให้เค้ารู้ว่าเราชอบเค้า (บางกรณีอาจจะมาจากการเป็นเพื่อนกันแล้วรู้สึกว่าชอบ เลยอยากให้เค้าเป็น) ให้แสดงความรู้สึกออกมาว่าเค้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเรา ให้เค้าวางใจ และมองว่าเราก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเค้า

จะรู้ได้ไงว่าเค้าไว้ใจเราแล้ว?
ถ้าเค้าเล่าเรื่องในอดีต หรือเรื่องของครอบครัวให้คุณฟังล่ะก็ แปลว่าเค้าไว้ใจคุณแล้วในระดับหนึ่ง แต่ต้องสานสัมพันธ์ให้แน่นกว่านั้น เช่นเมื่อมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ให้เรียกเค้าเป็นคนแรก และบอกเค้าด้วยว่า เค้าเป็นคนแรกที่เราบอกให้รู้ อย่าลืมว่าต้องให้สัมพันธ์กับความชอบของเค้าด้วย เช่นเมื่อรู้ว่ามีคอนเสิร์ทของวงดนตรีที่เค้าชอบ ก็ให้รีบโทรไปบอกเค้าเลย จะให้ดีต้องบอกว่า มีบัตรอยู่สองใบ ไปดูด้วยกันไม๊ (ถึงจะไม่อยากไปก็ทนๆหน่อย) ตัวอย่าง

"เฮ้ย กูได้บัตร Incubus มา 2 ใบหว่ะ ไม่รู้จะไปกะใครดี"
"จริงดิ่ Incubus เหรอวะ อยากไปหว่ะ"
"ไปกับกูป่าวล่ะ" เข้าล๊อค~*

หาวิธีให้เค้าสนิทสนมกับครอบครัวของเรา จะทำให้เค้ารู้สึกว่า บ้านของเรามันน่ามาเที่ยวบ่อยๆ ชวนเค้าอยู่ทานข้าวเย็นฝีมือคุณแม่ (งานนี้ถ้าแม่ไม่เล่นด้วยล่ะแย่เลย) อีกอย่าง พ่อๆแม่ๆ มักอยากจะคุยกับเพื่อนๆของลูกอยู่แล้ว การได้คุยกันบ่อยๆ จะยิ่งทำให้เค้าไว้ใจเรามากขึ้น และเวลาเราขอไปค้างบ้านเพื่อนคนนี้ ก็ทำได้ง่ายขึ้น

จำไว้ว่าผู้ชายไม่ต้องการของขวัญวันเกิด แค่คำอวยพรกับงานเลี้ยงเหล้าในวงเพื่อนฝูงก็พอแล้ว พวกของจุกจิกไม่มีผลอะไรกับผู้ชายแท้ๆ

เวลาที่เค้าเสียใจที่สุดจงย้ำกับเค้าว่าเราจะอยู่ข้างๆเค้าเสมอ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเค้า โอกาสแบบนี้ช่วยทำคะแนนได้มาก และอาจเป็นจุดพลิกผัน

แต่จะทำยังไงให้เข้าสู่สถานการณ์แบบนี้ได้ ถ้ารอให้มันเกิดคงจะยาก สร้างมันขึ้นมาเองซะเลย (ออกจะชั่วร้ายไปหน่อย แต่ก็...) ผู้ชายแท้ๆทุกคน ย่อมแสวงหาผู้หญิงน่ารักๆสักคนมาเป็นแฟน (อย่าพยายามหาผู้หญิงมาให้เค้าโดยเตี๊ยมไว้กับฝ่ายหญิง เพราะถ้าเค้าจับได้จะซวยมาก อีกอย่างแผนนี้ต้องใช้เวลานานพอควร ดังนั้นคงไม่มีผู้หญิงคนไหนมาเสียเวลาช่วยง่ายๆ) เมื่อเป้าหมายของเราเจอคนที่ถูกใจ จงส่งเสริมเค้า หาทางช่วยให้เค้าคบกัน (และค่อยๆยุให้แตกแยกไปด้วย) เมื่อไหร่ที่เห็นว่า เค้าเริ่มที่จะชอบผู้หญิงคนนั้นเข้าขั้นจริงจังแล้วล่ะก็ เริ่มดำเนินการได้เลย (ควรมีเพื่อนชายแท้สำรองไว้หลายๆคนเพื่อการนี้) แนะนำเพื่อนชายแท้ที่ดีกว่าเป้าหมายของเรา ให้เข้าไปจีบผู้หญิงคนนั้นซะ ระหว่างนั้นก็แอบยุแยงไปด้วย แต่อย่าบอกตรงๆ เช่น

"เมื่อวานมึงไปเที่ยวกับแฟนมึงมาเหรอ" (ทั้งที่เรารู้ว่าไม่ได้ไป และแฟนมันไปกับคนอื่น)
"เปล่านี่ ทำไมเหรอวะ"
"เอ๊ะแล้วที่กูเห็นมันใครวะ" (ทำให้ดูน่าสงสัยเข้าไว้)
"เห็นใคร อะไรวะ"
"กูคงเข้าใจผิด ไม่มีอะไรหรอก แต่กูคิดว่ากูเจอแฟนมึงนะ ไปดูหนังเมื่อวาน" แล้วก็ปล่อยให้มันไปเคลียร์กันเอง

อย่าลืมเน้นย้ำให้ชายแท้เบอร์2 ที่เราส่งไปจีบแฟนมันขยันทำคะแนนต่อไป แล้วเราก็ยุยงทางฝ่ายคนของเราต่อไป

ผู้ชายนี่ก็แปลก เฮฮาก็กินเหล้า เศร้าก็กินเหล้า แต่เหล้านี่ล่ะ ช่วยได้เยอะมากๆเลย เมื่อมันอกหักดังเป๊าะ มันจะต้องนึกถึงคนที่สนิทกับมันที่สุดก่อน แน่นอน ความสัมพันธ์ที่เราอุตส่าสร้างมาจะมีประโยชน์ก็คราวนี้แหละ ดังนั้นจงใจเย็นๆ และแน่ใจว่า เป้าหมาย เห็นเราเป็น "เพื่อนคนสำคัญ" รึยัง

ทีนี้เราก็เริ่มแผนมอมเหล้า จะให้ดีควรเป็นที่บ้านของเรา ไม่ใช่บ้านของเค้า เมื่อเค้าเริ่มเมาจนสติรับรู้เริ่มพร่า แต่ยังพอรับรู้ได้ ให้บอกเค้าไปเลยว่าเรารู้สึกยังไงกับเค้า บอกไปด้วยว่า แอบชอบเค้ามานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอกความรู้สึก กลัวว่าถ้าบอกไปแล้วเค้าจะเกลียดเรา เมื่อเค้าเมาจนไม่รับรู้แล้ว จงพาเค้าไปนอน เช็ดตัวให้ (อย่าทำอะไรมากกว่านั้น) ให้เค้านอนบนเตียง โดยที่เรานอนอยู่ข้างๆเตียง (อย่านอนบนเตียง) กะว่าพอเค้าตื่นมา ให้เค้ารู้ว่าเราทำอะไรให้เค้าไปบ้าง (ถ้าคุณตื่นก่อน จงแกล้งทำเป็นหลับจนกว่าเค้าจะเรียก) เมื่อเค้าตื่นแล้ว ให้ถามเค้าว่า จำได้บ้างไม๊ ว่าเมื่อคืนเราพูดอะไรออกไป ถ้าเค้าไม่ตอบ ไม่พูดอะไรเลย ให้พูดย้ำไปว่า เราเป็นเพื่อนกันใช่ไม๊

ทีนี้ก็รอดูผลตอบรับ ว่าเค้ามองเราในมุมที่เปลี่ยนไปไม๊ ถ้ามันจะเปลี่ยนก็ตอนนี้แหละ รอลุ้นเอา


อันนี้เป็นแค่หนึ่งในหนทางพิชิตใจชายแท้เท่านั้น มีภาค 2 ต่อให้อ่าน

-------------------------------------------------------------

ต่อจากภาคแรก

ถ้าเป้าหมายของคุณไม่กินเหล้าล่ะ! จะทำยังไงดีล่ะทีนี้

เค้าไม่เมา เราเมาเองก็ได้ (เมาดิบก็พอไหว) แต่ต้องทำหลังจากที่ความสำพันธ์ดำเนินไปได้จุดหนึ่ง และต้องสนิทกันมากพอสมควร เรียกได้ว่า มาหาเราที่บ้านบ่อยๆ เวลาไม่มีอะไรทำก็มาหา

เริ่มแผนกันดีกว่า

หากเป้าหมายสนิทกันขนาดอยู่บ้านเราได้ในขณะที่เราออกไปข้างนอกล่ะก็ แกล้งทำเป็นขอตัวออกไปข้างนอกซักแปบ ให้ช่วยเฝ้าบ้านให้ที เดี๋ยวซักพักจะเดี๋ยวซักพักจะกลับ แล้วก็ออกไปข้างนอกซักราวๆ 2-3 ชั่วโมง (ต้องแน่ใจว่าเค้าจะไม่เผ่นกลับบ้านไปซะก่อน) ก่อนเข้าบ้าน แวะเซเว่นซักนิด แวะซื้อเบียร์ซักกระป๋อง แล้วเอามาพรมตามตัว ถูให้กลิ่นเบียร์ติดตามซอกคอ ดื่มซักนิดให้มีกลิ่นเบียร์ติดในลมหายใจ แล้วทำฟอร์มเมาดิบกลับเข้าบ้าน แกล้งโวยวายซักนิดให้เค้าพอรู้ว่าเรากลับมาแล้ว ถ้าสนิทกันมากพอควร เค้าต้องเข้ามาช่วยประคองเรา แล้วพาเราไปนอน (จะให้ทีแกล้งทำฟอร์มว่ามึนๆ ดูทางไม่ค่อยถนัด)

พอเค้าพาเราไปที่เตียง ให้บ่นไว้ว่าร้อน แล้วทำท่าพยายามถอดเสื้อ ถ้าเหยื่อเอ้ย เป้าหมาย ใส่ใจเราบ้างก็จะช่วยถอดเสื้อให้ แล้วให้บ่นว่าร้อนต่อไปอีกนิด (ทางที่ดี ควรมีห้องที่ไม่มีแอร์ เดี๋ยวเป้าหมายเดินไปเปิดแอร์ให้ล่ะจบกันเลย) หลังจากบ่นร้องมาซักพักลองอ้อนขอให้เค้าช่วยเช็ดตัวให้หน่อย ประมาณว่าร้อน หาอะไรเย็นๆมาเช็ดตัวให้ที พอเค้าเริ่มเช็ดตัวให้ ให้จับมือเค้าเบาๆแล้วดึงมากอดอย่างรวดเร็ว อย่าให้ตั้งตัวได้ กะจังหวะให้ดี แน่นอนว่าผู้ชายปรกติต้องตกใจแล้วผละออก ให้แกล้งละเมอถึงชื่อใครก็ได้ แกล้งเพ้อก็ได้ว่า อย่าเลิกกันเลยนะ ทำฟอร์มว่าอกหักมา ถ้าเค้าเช็ดตัวให้เราต่อ ให้ปล่อยให้เช็ดไป เค้าจะพูดอะไรมาให้ทำเป็นไม่สนใจ แต่ถ้าเค้าบอกว่าจะกลับเมื่อไหร่ ให้ทำเป็นเหมือนสลืมสลือ แล้วบอกว่าช่วยอยู่เป็นเพื่อนหน่อยได้ไม๊คืนนี้ พยายามหว่านล้อมอย่าให้เค้ากลับบ้าน ตัดพ้อไปก็ได้ว่าเราไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่เพื่อนก็ยังจะทิ้งกันเหรอ คืนนั้น ให้แกล้งทำเป็นละเมอกอดเค้าไว้ แต่อย่าทำอะไรมากกว่านั้น คราวนี้เค้าน่าจะยอมให้กอดดีๆ

ตื่นมาตอนเช้า ให้ขอบคุณที่เค้าช่วยเช็ดตัวให้ และอยู่เป็นเพื่อนเรา

แผนขั้นต่อไป หาอะไรทำสองต่อสองให้บ่อยขึ้น เช่นไปดูหนัง เน้นดราม่าคอมเมดี้เข้าไว้ ติดตลกนิดหน่อย แต่ต้องมีฉากซึ้งๆ ตัวอย่างที่เหมาะมากๆคือ 50 First Date (หาหนังที่เค้ากับสถานการณ์ปัจจุบันเอาเอง) ชวนเค้าไปซื้อของ ซื้อกับข้าวมาทำกินเอง (ควรมีฝีมือซักหน่อย) ทำบ่อยๆเข้า ยังไงมันก็ต้องเคลิ้มมั่งล่ะน่า

แต่...เมื่อไหร่คือเวลาที่ควรเผด็จศึก!

เมื่อความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปจนถึงระดับที่เรียกว่า เราเริ่มรู้สึกแล้วว่าเค้าเริ่มเอนเอียงมาหาเราบ้าง หรือเค้าไม่คิดจะเริ่มความสัมพันธ์กับหญิงใดเลย ลองถามเค้าดูก็ได้ ว่าพักนี้ไม่จีบผู้หญิงที่ไหนเลยเหรอ ถ้าเค้าตอบแนวๆว่า ยังไม่อยากมีล่ะก็ ก็เตรียมเผด็จศึกได้เลย

เริ่มต้นเผด็จศึก!

ถ้าคุณค่อนข้างแน่ใจแล้ว ว่าเค้าไม่มีใคร และก็มีใจให้คุณอยู่บ้าง เรามีวิธีสองวิธีให้คุณเลือก คือ

1. บุกกันดื้อๆ
เมื่อเค้ามาค้างบ้านเรา ให้รอเค้าหลับก่อน แล้วบุกไปที่ไอ้หนูเค้าเลย ค่อยๆทำอย่างละมุนละม่อม อย่าใจร้อน จับน้องชายเค้าเบาๆ พอให้มันงัวเงียตื่นขึ้นมา แล้วทำการ BLOW JOB ลงไปเลย ถ้าเค้าตื่นขึ้นมาแล้วขัดขืน ให้กดเค้าลงไป แล้วดำเนินการด้วยเทคนิกที่มีทั้งหมด เมื่อความ Horny เข้าครอบงำ มันจะหยุดขัดขืนเอง จงทำให้เค้าเสร็จ แต่เราจงอย่าทำของเราต่อ (อดทนไว้ โอกาสหน้ายังมี) แน่นอนว่าบางคนอาจจะแกล้งหลับ อันนี้ยิ่งสบายใหญ่เลย คืนนั้น เค้าจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เค้าจะถามอีกทีเมื่อถึงเวลาเช้า แต่ถ้าเค้าไม่พูด ให้ถามเค้าไปเลยว่า "รู้ไม๊ว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น" และตอนนี้ให้เราสารภาพความรู้สึกไปเลย และขอร้องเค้าว่าอย่าเกลียดเราเลย (ถ้าไม่สำเร็จก็มองหน้ากันไม่ติดไปเลยล่ะทีนี้) ถ้าเค้ามีใจเอนเอียงอยู่บ้าง เค้าคงไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์แน่นอน

2. ใช้ความโรแมนติกเข้าแลก
หากหน้าบางเกินกว่าจะใช้วิธีแรกล่ะก็ ลองใช้วิธี ค่อยๆเผยความรู้สึกให้เค้ารู้ เช่น บอกเค้าว่า "รู้อะไรไม๊ ช่วงเวลาที่กูอยู่กับมึง กูมีความสุขที่สุด" แน่นอนว่าชายแท้ๆต้องทำหน้าเอ๋อ และสับสนกับคำพูดของเรา แล้วทำตามสเต็ปต่อไปนี้ "กูไม่รู้ว่าถ้ากูพูดออกไปแล้ว จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไปรึเปล่า" แล้วนิ่งซักนิด รอให้เค้าพูดก่อน แน่นอน เค้าต้องพอเดาได้ ให้รีบพูดกับเค้าว่า "กูไม่อยากให้มึงเกลียดกู กูเองก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเหมือนกัน แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว และกูก็ไม่รู้จะทำยังไง ใจนึงกูก็กลัว แต่ใจนึงกูก็อยากให้มึงรู้" ถ้าเค้าเอนเอียงมาหาเราบ้าง เค้าต้องพูดว่า เค้าจะไม่มีทางเกลียดเราเด็ดขาด ถ้าเค้าพูดแบบนี้ ให้บุกไปเลย! "กูรักมึงนะ" มันต้องหวั่นไหวกันบ้างล่ะน่า แต่ถ้าไม่สำเร็จ อย่างน้อยน่าจะพอได้ความเป็นเพื่อนกลับมาบ้าง แต่อย่างน้อยเป้าหมายก็รู้แล้วว่าเราคิดอย่างไร ในกรณีชายแท้ มีแค่ 2 อย่างคือ ทำตัวออกห่าง ให้เราเลิกคิดเรื่องนี้ กับอีกอย่างคือ เค้ากำลังสับสน และพยายามที่จะยอมรับอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างที่สอง ให้ปฏิบัติต่อเค้าเหมือนเช่นเดิม จนกว่าเค้าจะยอมรับว่า เค้าก็ชอบเราเช่นกัน

อย่างที่เตือนกันไปแล้ว ว่าไม่รับประกันผลที่เกิดขึ้น ดังนั้นถ้าสำเร็จก็ดีไป แต่ถ้าไม่สำเร็จก็เกลียดกันไปเลย อยากเสี่ยงหรือไม่ ลองคิดดูเอาเอง

-----------------------------------------------------------

จะได้ผลเร้อออออ เรื่องมันคล้ายๆกับเรื่องเสียวๆตามเว็บเกย์ทั่วไปเรยอ่ะ

THX :: FWD Mail & MCThailand.com

ที่มา http://www.forwardmag.com/webboard/topic-33370.html?sid=2f9c581fb93bf11a2bdb5b0cf3495f57
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 04-02-2008 23:10:33
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม แล้วไม่วิ่งไปกอดเลยอะครับผม

ว่าแต่พี่ มาร์ค กับ พี่เมฆ เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆๆเหรอครับ

สงสัยๆๆ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 04-02-2008 23:24:50
 :impress: :impress: :impress:

จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าพี่ มาร์ค หรือ ชิพ พระเอกของเรา

ยังมีใจห่วงหา อาลัย อาวร แดน นายเอกของเราอยู่ อิอิ

เอาใจช่วยแดนนะครับ ดีกันเร็วๆๆนะครับผม

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 04-02-2008 23:28:46
เฮ้อ จะสงสารใครดีล่ะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 04-02-2008 23:52:53
ถ้านับถึงตอนนี้ คนที่เจ็บที่สุดคงเป็นแดนล่ะ

เพราะในตอนนี้ เสียทั้งแฟน(พี่มาร์ค) และ เพื่อน(ว่าที่แฟน) ชิพ

น่าเห็นใจจริง ๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-02-2008 00:13:53
ผมแวะเข้ามาเพราะยังไม่นอน เลยเข้ามาตอบเม้นท์พลางๆ...

กำลังอ่านนิยายเรื่อง "ต้องชดใช้ด้วยรัก" นี้อยู่...รู้มั้ย ผมร้องไห้น้ำตาไหลพรากรอบที่ล้านแล้ว อ่านมาสองชั่วโมงตาบวมหมดแล้วด้วย บีบหัวใจมากๆๆๆๆ  :m15: :m15: :m15:

ส่วนเรื่องของผม คงเศร้าแบบปวดๆใจได้ไม่เท่า เอ๊ะ หรือคนละแบบคับ>?(พยายามไม่หลงตัวเองแล้วนะเนี้ย???)
 :เฮ้อ:

ตอนสุดท้ายแดนจะต้องเลือกสักคน และรับรองว่าทุกๆคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาด้วยความน่ารักต้องอึ้งแน่ๆ...จะสมหวังใครบ้างหรือเปล่าต้องคอยอ่านดูนะครับ แต่ผมใบ้ว่าไอ้เราก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องบรรยายฉาก...อื้อฮื้อๆสักเท่าไร...แต่พยายามลองอ่านของชาวบ้านเค้าดูแล้วลองมาปรงเเต่งเองดู เหอะๆ...นายแดนได้น่วมแน่ ส่วนพระเอกคือxxx(เซ็นเซอร์)ก็ร้ายใช่เล่นเหมือนกัน

แต่ภาคสองกำลังแต่งๆอยู่ แมร่ง กรูโคตรเกลียดไอ้แดนเลยคับ...ถ้ามีชีวิตจริงๆก็ชีช้ำยิ่งกว่าละครเรื่องสงครามนางฟ้าอีก ไม่ได้โม้นะ แค่มันยังไม่ลงตัวเท่านั้นเอง(หมายถึงภาค2) แต่แดนจะแสดงถึงคนที่มีความรักแบบเห็นแก่ตัวมากๆ ผลมาจากภาคหนึ่ง ใครสร้างแผลใจนี้ไว้ ต้องติดตามนะคร้าบ~~~~

@~ขอบคุณทุกกำลังใจ ถ้าไม่มีคุณ...วันนี้คงไม่มีผม~๑

ALex
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 05-02-2008 00:25:33
สงสัยว่าไอ้พี่มาร์คกับไอ้พี่เมฆเนี่ย จะไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรมดาซะล่ะมั้ง

น่าสงสารแดนนะ (สมควรเหรอ???)  :m12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 05-02-2008 00:31:54
ยังไงก็เชียร์ชิพอ่ะ  o12

ชิพ ถ้าเป็นอย่างงี้ละก้อ

วิธีเดียวที่จะทำให้เค้าเป็นของเราได้ก้อคือข่มขืนนนเลย 555  :m4:

กล้ามะๆๆๆ  :m12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-02-2008 00:34:33
อ่านแล้วยิ่งนึกถึงวันเก่าๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 05-02-2008 00:41:19
จะเป็นไงต่อไปอ่ะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 05-02-2008 00:45:01
น่าสงสารแดน
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bizcuit ที่ 05-02-2008 03:58:24
อ่านกลวิธีเปลี่ยนชายแท้ให้เป็นเกย์แล้ว เกิดอาการแบบว่า  :a5:

เราพบหนทางสู่สวรรค์แล้ว  :oni1:

อ่อ  ม่ายช่ายยย 

แต่วิธีน่าลองดีเหมือนกันนะเนี่ย   :m12:

คนที่เราเล็ง ๆ ไว้ดันเป็นเพื่อนสนิทเหมือนกันซะด้วยสิ 555+

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 05-02-2008 21:04:57
มารออ่านครับ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 05-02-2008 22:36:19
รออ่านตอนต่อไปค้าบบบผม  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: gnoy ที่ 05-02-2008 22:54:58
โอ้ว น้องจ๋า

อาจารย์ สุธานี เพ็ชร..  เป็นที่ปรึกษาห้องพี่ตอนมอสี่อ่ะ

ถ้าพี่บอกชื่อพี่ไป รับรองเจ๊แกรู้จักและต้องจำได้แน่

ว่าแต่ เจ๊แกยังมีนัดเรียนเพิ่มอยู่หรือป่าวครับ

แล้วก็เจ๊แกยังพูดถ้อยคำเหล่านี้หรือไม่ เช่น "ขีดเส้นใต้ร้อยเส้น" "กาดอกจันพันดอก" "....หน่ะค่ะ" "สอนไม่ทันแล้วค่ะ ต้องนัดเพิ่ม"

แล้ว รีบมาต่อเร็วๆนะครับ เป็นกำลังใจให้น้องเสมอนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 05-02-2008 23:48:17
สงสารแดนจัง  :เฮ้อ:
หวังว่าแดนคงจะเข้าใจหัวใจของตนเองซักวันหนึ่งว่ารักใครมากที่สุด  o13

ว่าแต่มารอลุ้นใครจะเป็นพระเอกตัวจริงกันแน่หว่า  :m23:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-02-2008 01:23:03
ทุกๆคนอ่านตอนนี้ให้จบ แล้วเดี๋ยวจะเข้ามาตอบเม้นท์ไขปัญหาคาใจทุกข้อทีเดียวเลยนะคับ ขอบคุงงับ  :m4:


บทที่ 30



      ตอนนี้ผมเริ่มจะคิดได้แล้วว่าการมีความรักมันไม่เห็นน่าพิสมัยตรงไหน...

      ชีวิตวัยรุ่นของผมช่วงนี้ทำให้ผมหงุดหงิดมาก แล้วเวลาที่คนเราหงุดหงิดมากนั้นอะไรๆรอบตัวเรามักจะพลอยดูน่ารำคาญ ขวางหูขวางตาไปหมด เกิดอารมณ์อยากโดดเข้าบีบคอใครได้เสมอ แง่ง!!!~~~ :-<)

      ที่พูดถึงนี่คือรวมแม่...ผู้ที่ร่าเริงสวนทางกับผมขึ้นทุกวันด้วย

      

                         เรื่องต้นเหตุ เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ ขณะที่ผมเดินกลับลงมาจากห้องหมวดภาษาต่างประเทศกับพี่เมฆนั้น ใครคนหนึ่งที่ทำให้เชือกเส้นสุดท้ายของผมขาดลงยืนรออยู่เงียบๆที่หน้าประตูเช่นเคย แต่ไม่ได้รอผมนะ รอคนอื่นต่างหาก

      แค่มองเห็นว่าเป็นใคร ภาพตอนนั้นทำให้อารมณ์ของผมซึ่งตึงเครียดมากอยู่แล้วเกิดปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้ผมตัวชาไปแว๊บ แล้วเหมือนสมองมันหลั่งสารบ้าบิ่นออกมามากพอให้ผมกล้าเดินตรงเข้าไปหาพี่มาร์คได้ แล้วเปิดฉากกับเขาอย่างไม่ปราณี(หมายถึงกับพี่มาร์ค)

      ‘นี่กำลังประชดผมอยู่ใช่มั้ย!’

      ผมยืนกอดอก ไม่หลงเหลือความเคารพและเป็นเด็กน่ารักหัวอ่อนอีกต่อไป(ป่าวหว่า?) พี่มาร์คที่ผมเดาว่ากำลังเก๊กนู่นนี่อยู่มองอึ้งๆไปอย่างจะตกใจ ก็ผมไม่เคยก้าวร้าวใส่ใคร ยกเว้นแต่จะทำให้มันลาสต์เนิฟส์เจงๆ แบบว่า หลุดอ่านะ =_=”

      ‘อะ...อะไรนะ?’ คราวนี้พี่มาร์คเป็นฝ่ายต้องพูดตะกุกตะกักบ้าง

      ‘ผมรู้นะครับว่าพี่มาร์คทำตัวสนิทสนมกับพี่เมฆเพื่อเอาคืนผม ทำไมครับ? แค่พี่มาร์คหึงแดนเรื่องไอ้ชิพ แล้วแดนจะหึงพี่มาร์คเรื่องพี่เมฆบ้างไม่ได้หรือไง?’

      ‘เดี๋ยว...เรามาคุยกันตรงนี้ดีกว่า’

      ผมพูดเสียงดัง พี่มาร์คมองซ้าย-ขวา เพราะพี่เมฆซึ่งเดินตามผมมามองด้วยสายตางงๆ ก่อนที่ร่างของผมจะโดนลากไปหลบอยู่หลังเสา พี่มาร์คเริ่มคุยจริงจังด้วยแววตาโกรธขึงเล็กน้อย

      ‘ใช่ พี่กำลังโกรธ’ หน้าตาพี่มาร์คแดง และคงไม่แตกต่างไปจากผมเท่าไรนักหรอก แต่มันอยู่ที่ว่าผมหน้าแดงร้อนด้วยความโมโหมากกว่า

      ‘เรื่องอะไร? แดนทำผิดอะไรเหรอครับพี่มาร์ค? อ้อ ถ้าเป็นเรื่องที่พี่มาร์คเห็นวันนั้นแล้วยังฝังใจล่ะก็ ผมขอบอกได้เลยว่ามันไม่มีอะไร จนวันนี้มันก็ไม่มีอะไร และผมก็ขอโทษไปแล้ว ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพี่มาร์คจะเป็นคนคิดมากอย่างนี้ ขี้หึง แล้วก็ไม่มีเหตุผล แล้วก็...’

      ‘พอ! หยุดได้แล้ว’ พี่มาร์คกระซิบชู่ว์

      ‘พี่มาร์คก็ตอบมาซิ’ ผมคาดคั้น และพยายามแกะนิ้วมือแข็งแรงของพี่มาร์คที่บีบต้นแขนผมอยู่ ตอนนี้ผมออกจะกลายร่างเป็นแดนภาคเอาแต่ใจ ก็มันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผมอยากได้พี่มาร์คคืนเหลือเกิน...

       ในฐานะ...

       ไม่รู้ซิ...แค่คิดว่าเราคบกันมานาน ผมไม่พูดกับเขา มันดูโหว่งๆชอบกล...

       ไม่รู้ว่าฐานะอะไรว่ะ...

       แต่รู้แค่ว่าตอนนี้อยากคืนดีมากกว่า

      ‘พี่ไม่ได้งอน หรือโกรธมากมาย...หรืออยากประชดประชันอะไรประมาณนั้น’ พี่มาร์คพูดไปเอามือปิดจมูกแดงๆไป อายล่ะเซ่~~~ ‘พี่กับไอ้เมฆเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ม.1...ความจริงแล้วแดนน่าจะรู้…’

      ‘แต่ผมเคยเห็นสองคนเดินโอบกัน! ถ้าอยากเป็นอะไรกันนัก เลิกกันตรงนี้เลย ผมหลีกทางให้!’

      ‘ไม่ใช่! ถ้าพี่ชอบไอ้เมฆจริงซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ พี่คง...พี่คงทำอย่างอื่น เช่น จูบ...’

      ผมสะอึก อึ้งเล็กน้อย...เอ ไอ้ประโยคนี้ผมไม่เคยคาดหวังจากปากพี่มาร์ค มาก่อน นั่นยิ่งทำให้เขากล้าเอ่ยประโยคถัดไป

      ‘แดนน่าจะรู้...ว่าการที่ได้เห็นแฟนตัวเองยืนจูบกับใครคนอื่น มันเจ็บแค่ไหน...’

      โห...อะไรวะ นี่พี่มาร์คเล่นเปลี่ยนประเด็นมาโทษผมได้เนียนๆเลยนะเนี่ย

      ‘รู้มั้ยว่ามันเจ็บมากแค่ไหน แล้วก็ทรมานมากแค่ไหน ที่ต้องห้ามใจไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับแดนได้อีก’

      ‘พี่มาร์คเป็นพวกซาดิสต์หรือไง เห็นผมเป็นพวกชอบมีความสุขกับการถูกทิ้งงั้นเหรอ?’

      ‘...พี่ขอโทษ แต่มันก็ห้ามใจไม่อยู่นี่ที่จะโกรธแดน อีกอย่าง พี่ไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่นสักนิด...’

       ‘เพราะเรื่องน้องฟ้า...ใช่มั้ยคับ?’ ผมอ้อมแอ้มถาม

       ‘อืม…’

        ‘งั้นตอนนี้พี่มาร์คก็ยังคงห้ามใจไม่อยู่ที่จะโกรธผมต่อไปใช่มั้ยคับ?’

      เราสองคนจ้องหน้ากันภายใต้ความกดดันเงียบๆ วัดใจด้วยการสบตาแน่นิ่ง...’ปรี๊ยๆๆ’ (เสียงไฟฟ้าแลบออกจากดวงตาเราทั้งสองฝ่าย พยายามจิ้นกันสักนิดส์~~~นะคับ(-_-“)) โอ พระเจ้า! อึดอัดโคตรๆ...แต่กำลังใจครั้งนี้เกินร้อย ตายเป็นตายว่ะ! Yo_O***Y

      ‘แดน...พี่ขอโทษ…’

       และนั่นคือคำที่ผมเกลียดที่สุดที่จะได้ยินจากคนที่เรารัก...

      ‘...รู้มั้ย’ ผมพยายามกลั้นน้ำตา และบังคับให้มันหายแดงลงไป (ทว่าก็ทำไม่ได้อ่านะ -_-) ‘ผมไม่นึกมาก่อนเลยว่าพี่มาร์คจะเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ถึงขนาดนี้…พี่มาร์คไม่ฟังเหตุผลแดนเลย เอาแต่โกรธๆ...แล้วตอนนี้มาขอโทษ ก็คนมันเสียใจไปแล้ว...ความจริงไอ้ชิพมัน เอ่อ รุกมาก่อน ผมยืนอยู่เฉยๆ มันแกล้งผม ผมไม่ได้คิดพิศวาสอะไรกับมันเลย...แม้แต่นิดเดียว’

       ตึกๆ...

       ตึก!

       ไม่อยากจะเชื่อ ผมพูด...โกหกคำโตออกไปแล้วเหรอ?

       ตอนท้ายๆ...แน่ใจเร้อไอ้แดน...ที่นายไม่รู้สึกอะไรเลย...

       ผมรีบสะบัดเสียงของตัวเองภายในหัว!

       ‘ก็แล้วจะให้พูดยังไง?’ เสียงพี่มาร์คถามห้วนๆ กอดอกโกรธๆ

       ‘อย่างน้อยด่าว่าผมต่อก็ยังดี...คำว่าขอโทษ...ผมเกลียดที่สุด ส่วนผมขอโทษพี่มาร์คไปแล้ว...หมายความตามนั้นจริงๆ’

       ‘แดน...’

       ‘ผมเกลียดเวลาที่พี่มาร์คทำให้ผมต้องนึกถึงวันเก่าๆ มันเจ็บรู้มั้ย? อย่ามาป้วนเปี้ยนให้ผมเห็นซิ อย่ามาประชดให้ผมหึงซิ ถ้าเราสองคนโกรธกันจริงๆล่ะก็ พี่มาร์คยังมาทำให้ผมรู้สึกแบบเดิมๆอีกทำไม’

      ...จากนั้น ผมไม่ แม้แต่จะมองหน้าเขา เพียงแต่เดินจ้ำอ้าวผ่านพี่เมฆที่ยังคงยืนมองด้วยสายตางุนงงอยู่ จะมีใครรู้มั้ยนะ? ว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากความรัก จากความเจ็บปวดของจิตใจ มันช่างแสนทรมาน...แบบที่ไม่มีวันอธิบายได้ใกล้เคียงมากที่สุด แบบที่เจ็บปวดแสนสาหัสเหลือเกิน

      นั่นเป็นวันแรกที่ผม ‘เจ็บ’ ข้างในใจจริงๆ...และรู้แล้วว่ามันเป็นเช่นไร ส่วนวันนั้นคือวันที่สองในชีวิต ที่ผมได้เดินตากฝนกลับบ้านคนเดียว...



      จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่รู้ว่าจะนั่งเศร้าซึมรอบที่ล้านแปดไปทำไม การนอนไม่หลับ+ร้องไห้น้ำตาไหลเงียบๆอยู่คนเดียวมันไม่สนุกหรอกนะ(แล้วก็ไม่ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด) เครียดสุดกู่เลยต่างหาก(เชื่อขนมได้!) ฉะนั้นตอนนี้ผมจำเป็นต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง อะไรก็ได้ ที่มันสนุกจนทำให้ผมลืม...ลืมเรื่องทุกอย่างได้ แบบที่สมองปลอดโปร่งจนไม่มีอะไรต้องคิดเลยว่างั้นเหอะ(เล่นยาก็ได้ อะไรประมาณนั้น อ่ะ ล้อเล่นๆ :p )

       เฮ้อ...ผมกำลังจิตตกหนักเอาการ ตอนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ร่มไม้หน้าตึกสองนั้นผมพบกับใครบางคน...โดยไม่คาดฝัน

      มันเหมือนเป็นความรู้สึกที่ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง คนที่เดินผ่านไปมาตรงหน้าบนถนนตั้งเยอะแยะ แต่ต้องเป็นครั้งนี้...รังสีจากใครคนนั้นทำให้ผมใจเต้นแรง ต้องเป็นเวลานั้นพอดี ยิ่งสบตากัน มองหน้ากัน จดจำได้ว่าผมคิดถึง...มันมากแค่ไหน แค่นั้นผมก็ยิ่งปวดหัวใจ มากยิ่งกว่าตอนทะเลาะกันคราวก่อนเสียอีก

      วินาทีนั้นไม่รู้เกิดบ้าอะไรขึ้นมา(สงสัยผีเข้าสิง) ผมลุกขึ้นตะโกนเรียกมันเสียงดังลั่น
      
       “ชิพ!”

      ร่างสูงใหญ่นั่นหยุดนิ่ง ตาของผมจับจ้องที่แผ่นหลังภายใต้เสื้อนักเรียนสีขาว ใกล้เข้ามาทุกที จนผมหยุดยืนอยู่หลังมัน

      “ชิพ...”

      “...”

      “เป็นไงบ้าง…”

      บ้าฉิบ! ผมพูดคำเห่ยๆแบบนั้นออกไปได้ยังไงนะ บ้า! บ้าชะมัด!

      “มีอะไร”

      ชิพค่อยๆหันมาเผชิญหน้า หน้าหล่อๆของมัน...ใกล้แบบนี้ โอย...ผมคิดถึงดวงตาเท่ห์ๆเถื่อนๆเป็นที่สุด...เสียงมันเย็นเชียบ ใบหน้าแข็งเป็นหินราวกับจะไม่ยอมแสดงความรู้สึกใดๆออกมา


      “...เอ่อ”

      มันทำท่าจะเดินหนี เอ๊ะไอ้นี่ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับมานง่า~~~แต่ผมรั้งมันไว้

      “กูขอโทษ...”
       
       “อะไร?”

      “...กูขอโทษ...กูขอโทษชิพ เรื่องที่พูดไปวันนั้น มันแรงไป แล้วกูก็รู้ว่ามึงโกรธกูมาก แต่กูโมโห ซึ่งมันไม่แฟร์เลยสักนิด จริงมั้ย? แต่ตอนนี้กู…”

      ผมก้มหน้า ค่อยๆสะอึกสะอื้น...หมดท่า ทุกๆอย่างมันพรั่งพรูออกมาเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกต่อมัน กลุ้มใจเรื่องพี่มาร์ค เครียดเรื่องแข่งขันตอบปัญหา พูดไปพลางปาดน้ำตาไปทาง ไม่รู้มันฟังเสียงอู้อี้ๆของผมออกหรือเปล่าหรอกนะ

      ผมพล่ามไปนานเท่าไรไม่รู้ จนมารู้ตัวอีกทีก็อีตอนที่มันลากแขนผมไปหลังตึก ระหว่างสระน้ำมันจะมีตรอกเล็กๆอยู่อ่ะคับ...ลับตาคนแล้วก็เหมาะมากสำหรับพวกชอบแอบหนีเรียน

      “กูขอโทษ…” ผมพร่ำพูดแต่คำขอโทษ แล้วก็ไม่รู้จะขอโทษมันหลายครั้งทำไมด้วย หลังจากนั้นไอ้ชิพก็ค่อยๆดึงตัวผมเข้าไปใกล้....ใกล้จนผมซบหน้าอกมัน สะอึกสะอื้นอยู่ตรงใต้คาง

       สงสัยชาติก่อนผมเป็นพวกซาดิสท์แน่ๆ...

       ก็ไม่รู้ทำไม?...ไอ้ความผูกพันกับความเจ็บช้ำทางอารมณ์ ที่มีให้กับไอ้คนหน้าหล่อร่างสูงคนนี้ ถึงได้รุนแรงนัก

       มือผมสั่น อยากโดนมันรังแกอีก อยากโดนมันกดหัวใช้โขกสับอีก

       อยากโดนมันตะคอกแรงๆ ผมชินแล้ว และคิดถึงมันมากมาย

      “แดน หยุดร้องไห้เถอะนะ”

      น้ำเสียงนุ่ม ทุ้ม ทว่าแผ่วเบาของมันดังก้องไปทั่วแผงอกกำยำของมันจนสะเทือน ผมค่อยๆถอนตัวออกมา จ้องตา มองหน้า ใจเริ่มเต้นระรัวและแก้มแดงผะผ่าว...แววตาของไอ้ชิพแปลกอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน มันช่าง...เศร้า แล้วก็อ่อนล้า ส่องประกายความเข้าใจผม แต่ผมกลับไม่ยักกะเข้าใจมันเลยแฮะตอนนี้ แงะ?(*_*”)

      “…”

      ลมหายใจร้อนๆของมันเป่ารดใบหน้าผม อยากจะบอกว่าตูยิ่ง ‘ร้อน’ เข้าไปใหญ่ ใบหน้าของมันโน้มเข้ามาใกล้มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น...

      และแล้ว 555+ (อายจังเลยที่ต้องเล่าถึงตอนนี้ >.<***) ริมฝีปากอ่อนนุ่มแสนเย้ายวนนั่นก็เคลื่อนเข้ามาประทับอยู่บมริมฝีปากของผม ทั้งอุ่น...แล้วก็แฉะๆนิดๆ(เหอะๆ) จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ รสสัมผัสของชิพช่างอ่อนนุ่ม อ่อนโยน และอ่อนหวาน

      มันสอดลิ้นเข้ามา ทั้งอ่อนนุ่มและดุนดันในคราวเดียวกัน...ชิพค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาจากการครอบครอง...จ้องตาผม แต่ยังไม่พูดในทันที

       “...”

       แงะ~! พูดไม่ออกอ่ะ

       ตอนนี้ตกใจมากกว่า เมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าร่างของเราสองคนบดเบียน ท้องน้อยของผมก็ไปถูไถกับ...ความแข็งของมัน เฮ้ย!!! ไอ้ชิพเกิดอารมณ์เหรอเนี้ย???

       ยิ่งมันส่ายสะโพกน้อยๆ ขยับท่ายืน...เลือดกำเดาจะไหล ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะเนี้ย!!! >///<

       Y +O+Y///~~~O[]O!!...

      “...ชิพ…” ผมโผล่งชื่อมันออกไปเบาๆ

       “มึงสับสนอยู่หรือเปล่า?”

       งื้อ??? o_O?

       “เรื่องอะไร?...”

       “...เรื่องพี่มาร์ค มึงกังวลเรื่องนี้ใช่มั้ย?”

       ความรู้สึกข้างในมันกระพือตีขึ้นมาถึงคอ กลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว...ความเจ็บปวดหลั่งไหลออกมาอีกรอบ น้ำตาของผมร่วงเพลาะๆลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

       เจ็บจนกลั้นไว้ไม่ไหว

       เสียงของมันอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความต้องการบางอย่าง “ตอบมาคำเดียว…”

       “ใช่”

       มือมันบีบแน่นแปล๊บ...วินาทีนั้นสงสัยจังว่าถ้าผมตอบว่า ‘ไม่’ มันจะทำยังไง (แต่ก็คือโกหกไงคับ ผมไม่อยากโกหกมันหรอก)

       “...กู...เรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่มั้ย?”

      ผมหลับตาปี๊ ใจนึกพะวงกลัวต่างๆนานาไปก่อนแล้วว่ามันจะโกรธ จะงอนผมอีก แล้วเดี๋ยวลืมตาขึ้นมามันจะต่อยผมมั้ยนะ? มันจะไปฆ่าตัวตายประชดผมหรือเปล่า แต่ไม่นา...ไอ้ชิพไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นหรอก หรือว่าถ้ามันทำจริงก็คงไม่ตาย...เอ๊ะ ไม่นะ มันจะตายไม่ได้ แล้วเมื่อกี้มันจะเข้าใจมั้ยนะ ผมถึงขนาดไม่กล้ามองตามัน ผมกลัว...แล้ว...และ...

       แค่หวังว่า มันจะเข้าใจความหมายในคำๆนั้น

      ผมพล่ามในใจ จนลืมตาขึ้นมา อ้าว?! มันไม่อยู่ตรงนี้แล้ว...

      แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ไอ้ชิพต้อง ‘รัก’ ผมแน่ๆ...

       แล้วผมล่ะ? รักมันหรือเปล่า

       ไม่แน่...แต่รู้สึกดี เมื่อมีมันอยู่ใกล้ๆ

       แล้วพี่มาร์คล่ะ...

       นั่นซินะ ทำไมกรูหลายใจแบบนี้  เลวเจงๆ...\(o_o*)

       เคยมั้ยคับ? เวลาที่เราสับสน ตัดสินใจไม่ถูกจริงๆ อยากวิ่งหนีปัญหา แต่ทำไม่ได้เพราะคนอื่นๆกำลังรอการตัดสินใจของเราอยู่ เหมือนเป็นสิ่งค้ำคอให้ผมต้องทำ ในสิ่งที่ไม่อยากทำเลยสักนิดเดียว
       
         มันแค่บอกไม่ถูก คนล่ะแบบกันง่ะ...บอกตามตรง หัวใจก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเหมือนกัน =_=... :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

      ผมน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว แต่ก็เปล่า มันรักผม แต่...ผมกลับไม่ได้รับรักมัน...

      ...ชิพ...กู ขอโทษ...

       ถ้าจะบอกว่ามีใจให้...แต่รักไม่ได้นี่ ผิดมั้ยนะ?




       โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล. เขียนผิดอภัยให้ข้าน้อยด้วยเด้อ ไปนอนและ :a12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 06-02-2008 01:45:51
 :impress: :impress: :impress:

นะแดนต้องรัก๙พ ดิครับ

แต่พี่มาร์คก็สงสารครับ

ไม่รู้เชียร์ใครดีแล้วตอนนี้

สงสารทุกคนไปหมดอะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 06-02-2008 02:08:01
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 06-02-2008 02:14:53
รักสามเศร้า  :เฮ้อ:
ตอนนี้รู้สึกสงสารทั้งสามคนเลยแฮะ  :sad2:
แต่คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงเป็นแดน ไม่ว่าแดนจะเลือกใครแดนก็เป็นฝ่ายเจ็บมากสุดอยู่ดี
คนหนึ่งก็เป็นในฐานะที่แดนรัก ส่วนอีกคนก็ในฐานะที่รักแดน  :m15:
อย่านี้สงสัยแดนคงต้องไปบวชชีเพื่อหนีรักแล้ว  :m14: อะมะช่ายแระ

เรื่องอย่างนี้ แดนลองใช้หัวใจในการเลือกคนที่คิดว่าใช่ละกัน  o13
แต่ไม่ว่าแดนจะเลือกพี่มาร์คหรือเจ้าช็อกชิพ ผมก็จะเชียร์แดนต่อไปนะ  :m11:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 06-02-2008 03:35:45
เข้ามาเฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-02-2008 09:52:49
อย่างนี้เขาเรียกว่าคนเจ้าชู้ปะ
อีกคนก็หวง อีกคนก็ไม่อยากเสียไป
ไม่ไหวนะแบบนี้
เลือกให้ได้ก่อนดีกว่า ว่าจริงๆรักใคร
 :mc1: :mc1: :mc1: :mc1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 06-02-2008 10:06:43
โศกนาฏกรรมที่เกิดจากความรัก ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องล้วนสูญเสียทั้งสิ้น  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 06-02-2008 10:36:50
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแดน แดนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร แต่สุดท้ายก็ต้องเลือก

อย่างที่คุณ Alex เกริ่นไว้ในเกี่ยวกับแดนในภาคสอง คนที่ทำให้แดนเป็นไปเยี่ยงนั้น

ก็น่าจะเป็นแดนเอง

อ่านถึงตอนล่าสุดนี้แล้ว แดนดู Soft ลงไปมาก และก็คงเสียใจมากเช่นกัน

คงคิดว่าอย่างไรเสีย แดน ก็คงไม่สามามารถตัดรักจากพี่มาร์คได้

รักเขาข้างเดียวมันทรมานมากนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 06-02-2008 10:59:32
อิอิ :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: Bizcuit ที่ 06-02-2008 12:04:44
 o2 o2 o2 o2 o2

ปัญหาโลกแตกชัด ๆ เลยอ่ะคับ

ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวอ่ะ  เพราะงั้น  เราก็จะรอดูต่อไปละกันนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 28+29 ลงสองตอนเอาใจแฟนๆ + มีของแถมน่าสนใจมาฝาก!!!
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 06-02-2008 14:01:59
      ถ้าจะบอกว่ามีใจให้...แต่รักไม่ได้นี่ ผิดมั้ยนะ?


อืม ผิดป่าว
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 06-02-2008 21:40:44
เอิ่มมม เด็ดขาดซักทีก้อดีเหมือนกันนะแดน :m29:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 06-02-2008 22:23:24
รักสามเศร้านี้น่าสงสารมากๆ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 06-02-2008 22:58:31
ไม่ได้นะแดนนนนนน

พระเอกคือชิพเท่านั้นนะ   :m15:

ชิพ อย่าปล่อยแดนไปน้า  :serius2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: Bizcuit ที่ 07-02-2008 11:19:13
มาอัพเร็ว ๆ จิค้าบบบบบบ

ฉลองตรุษจีน  รอรับอั่งเปา  :mc4:  :mc4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: Bizcuit ที่ 07-02-2008 20:28:09
มาเยี่ยมเช้า - เย็นขนาดนี้  ยังไม่ยอมอัพอีกเหรอครับ  :o12:

พูดไปงั้นแหละครับ  แล้วเราก็ยังรอต่อไป

รีบ ๆ กลับมานะครับ  :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 07-02-2008 21:18:21
จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ อยากรู้ๆ จะติดตามต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 08-02-2008 09:20:46
อิอิ :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-02-2008 13:07:34
เชียร์ชิพดีกว่า ไอ้มารืคท่าทางจะงงกับตัวเองอยู่ อย่าไปเอาเลย

แปลกเนอะ ทำไมคนชอบไปสิงตรงซอกนั้นกันจัง

แต่มันติดหน้าต่างห้องเรียนชั้น 1 ตึก สามัคเลยไม่ใช่เหรอ

แอบโดดไปนั่งยังไงกันหว่า
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 30 "...................."
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 08-02-2008 13:14:07
ขอโทษด้วยที่มาช้า แต่งานเยอะมาก และมีแต๊ะเอียมาฝากทุกๆคนด้วย 555+

สองตอนนี้เป็นอะไรที่ตรวจอักษรยากมากๆ เพราะต้องระวังเรื่องคำพูดของแดนสุดๆ ยังไงก็ออกมาแล้ว ฝากไว้กับทุกๆคนด้วยนะครับ จะจบแล้วด้วย อิอิ


บทที่ 31



      “แดน เพื่อนมาหาลูกกกกก”

      แม่ตะโกนขึ้นมา เรียกผมซึ่งอยู่บนห้อง กำลังนั่งเหม่อฆ่าเวลาออกไปด้านนอกหน้าต่าง ฝนข้างนอกกำลังตั้งเค้ามืดครึ้มทะมึน คงเป็นฝนปลายฤดูแล้ว แถมช่วงนี้ยังมีมรสุมจากภาคเหนือพัดเข้ามาอีก(พูดเหมือนนักข่าวช่องห้าเลยเนอะ 555+) ส่วนผมก็ได้แต่ภาวนาให้หน้าหนาวย่างกรายเข้ามาสักที เพราะจะได้ปิดเทอมเร็วๆ(อิอิ)

      “ไอ้ชัตเหรอแม่ะ?”

      ผมเดินลงมาเนือยๆ ภายในบ้านเปิดไฟสว่าง แล้วนี่ไอ้ชัตมันจะมาหาผมกันทำไมเนี่ย? รายงานก็ไม่ได้นัดจะมาทำกันไว้ก่อนสักหน่อยนี่หว่า???

      “รู้สึกจะไม่ใช่ชัตนะ คนนี้ชื่อมาร์คล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิด”

      ผมชะงักมือค้างไว้ที่ลูกบิดประตู หันกลับมาถามแม่อีกรอบ

      “ใครนะแม่?”

      “คนที่ตัวสูงๆ ผิวเข้มๆไงลูก”

      ผมสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ปั้นสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก ก่อนจะเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับร่างสูง ที่ยืนทำหน้าสลดพร้อมกับกระเป๋าเป้หนึ่งใบ

      “แดน...”

      “พี่มาร์คมีธุระอะไรคับ”

      ผมถามเฉยๆ ไม่ได้แสดงท่าทีปั่นปึ่งอย่างที่ตั้งใจไว้ การได้เห็นพี่มาร์คครั้งนี้เหมือนเป็นการกวนตะกอนอารมณ์ของผมให้มันฟุ้งซ่านอีกครั้ง นอกเหนือจากความสับสนแล้ว...ผมยังไม่สามารถลืมเรื่องไอ้ชิพ หรือว่าใบหน้านั่น หรือแม้แต่กระทั่ง...รสจูบแสนอ่อนหวาน ปนตื่นเต้น ดิบเถื่อน เร้าใจ...

      ผมรู้สึกผิดที่ใจมันเริ่มหวั่นไหว(อีกแล้วอ่า) และรู้ตัวเลยว่าสองสามวันมานี่จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย คอยเอาแต่คิดถึงความผิดบาป จูบนั้น...ความว้าวุ่นใจต่างๆ เหตุการณ์ที่แล้วๆมาทำให้ผมเครียด และมันก็ผ่านพ้นไปยากมากเมื่อไม่มีใครอยากหันหน้าเป็นที่พึ่งให้ผมเลยสักคน...

      “แดน...พี่ขอโทษ”

      “ขอโทษ?”

      “แดน พี่รู้นะว่าแดนโกรธ...แต่ก็ใช่ พี่เป็นคนเห็นแก่ตัวจริงๆนั่นแหละ ยกโทษให้พี่นะครับแดน...พี่รู้ว่าทำผิดไปแล้ว พี่รู้...ว่าตัวเองโง่งมแค่ไหน ที่ทำร้ายจิตใจแดนได้ลงคอ พี่...”

      “แดนไม่ได้โกรธ” และกำลังจะพูดต่อไป แต่กลัวใครได้ยินเข้า เลยมองซ้ายมองขวา ก่อนจะลากพี่มาร์คขึ้นไปคุยบนห้อง(เดินผ่านแม่มาก็ไม่ได้ทักว่าอะไร)

      “~แดนไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ...แดนก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน” เออซิ กูเป็นคนนี่หว่า

      “โธ่ พี่ขอโทษนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำตัวไร้เหตุผลแบบนั้นอีกแล้ว”

      เสียงฝนข้างนอกเทกระหน่ำลงมา ภายในห้องเงียบ ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันในความมืด

      “…”

      “พี่...พี่...ผิดไปแล้ว ตอนแรกพี่ก็แค่หึง ต่อมามันก็พาลโกรธจริงๆจังๆ เพียงเพราะแค่คิดถึงแต่ภาพแดนจูบกับเจ้าเด็กนั่น...”

      “...”

       ดีนะเนี้ยที่ไม่เห็นครั้งล่าสุด คราวนี้ผิดเต็มประตูจริงๆ...

      “วันนี้พี่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปนอกเหนือจากคำว่าขอโทษ...แต่พี่รู้ว่ามันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของแดน แต่พี่อยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้มั้ยแดน? ยกโทษให้พี่ได้มั้ยครับ?”

      “...”

      “แดนจะด่าว่าอะไรพี่ก็ได้ ที่พี่ทำตัวเป็นไอ้งั่งตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่พี่คิดถึงเรื่องระหว่างเรา...พูดอะไรสักอย่างซิแดน ด่าว่าอะไรก็ได้...”

      ผมไม่ได้นึกอยากโทษอะไรพี่มาร์คเลย...แล้วจะให้ด่าว่าเค้าได้ไง ในเมื่อผมมีความรู้สึกผิดต่อเขามากมายขนาดนี้...

      ขอบตาของพี่มาร์คแดง ส่วนผม มันร้อนผะผ่าว

       เคยมั้ย? เวลาที่เราตัดสินใจอะไรลงไปเพียงเพราะความรู้สึกของคนอื่น ต้องการทำให้คนอื่นพอใจ ไม่ใช่เรา แล้วค่อยมานั่งเศร้า โทษตัวเองว่างี่เง่าสิ้นดีที่ต้องทำแบบนั้น

       นั่นแหละ...ตัวผมเลย

       “ผม...ผมจะพยายามลืมเรื่องทุกอย่าง...เรา…”

       บอกตามตรงว่าพูดได้ไม่เต็มปาก...เราสองคนรักกัน?

       ผมรักพี่มาร์คแบบพี่ชายต่างหาก

       แต่ปากไวไม่ทันใจ พี่มาร์คเข้ามาสวมกอดผมแล้ว ทำให้อึ้งจนพูดไม่ออก...

      อ้อมแขนแข็งแรงของร่างสูงตรงเข้ามาตะครุบผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดเรียบร้อยแล้ว…ผมสงสารพี่มาร์ค สงสารที่เค้าต้องมาเจอคนเลวๆแบบผม ชีวิตจริงไม่เห็นเหมือนนิยายสักนิด ผมรู้สึกผิดแต่ก็บอกเค้าไม่ได้...อยากจะรักใครผมก็ไม่กล้า...ได้แต่แบกรับความรู้สึกต่างๆเอาไว้

      “ขอบคุณนะครับแดน...”

      ฝ่ามือหนาใหญ่ของพี่มาร์คลูบไปมาบนแผ่นหลังของผม เราสองคนผละจากกัน และจากนั้น(>.<)…ใบหน้าของพี่มาร์คอยู่ใกล้ผมมาก หายใจแทบจะรดแก้มกัน ดวงตาแดงๆแสนน่ารักของพี่มาร์คคลอหน่วยอยู่ก็จริงทว่าเปี่ยมความหมาย ยิ้มที่อ่อนโยนสดใส ชวนให้ผมคิดถึง...ใบหน้าหล่อเหลานั้นค่อยเคลื่อนเข้ามาใกล้ แต่แทนที่ผมจะขืนตัวไว้ กลับยื่นริมฝีปากเข้าไปหา และแล้วกระแสบางอย่างก็ไหลผ่านเข้ามาท่วมท้มเติมเต็มร่างกายของผม จากจูบกระชากใจนั่น (เหอะๆ)…ลิ้นนุ่มๆนั้นแทรกผ่านเข้ามาหา ผมคงลืมตัว ลืมความอายไปมั้ง...เลยแลกลิ้นกับพี่มาร์คต่ออย่างไม่แคร์ แถมยังรั้งศีรษะพี่เขาไว้ด้วยอีกต่างหาก

       มันเป็นผลมาจากการระเบิดอารมณ์ที่เก็บไว้นาน...เพราะความสับสน ความสงสาร ความผูกพันและเยื่อใยเก่าๆที่ทักทอระหว่างเรา ที่เคยมีให้กันและกัน ทำให้ผมจูบเขา ทั้งๆที่รู้ว่าความรู้สึกเปลี่ยนไป ผมเฝ้าบอกย้ำกับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายจริงๆ...

       ต่อจากนั้นเหรอ?...

       นั่นซิ ต่อจากนั้นผมจะทำยังไง?

       รู้สึกกับเค้าแบบพี่ชาย แต่ไม่บอก มันก็เลวมากพออยู่แล้ว

       ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้เหรอ? ไม่ได้...ผมคงหาโอกาสเหมาะๆบอกเขา สักวัน สักวันหนึ่ง...

       แต่ตอนนี้ขอให้ความทุกข์มันไหลอาบร่างของผมก่อน ปล่อยตัวเองให้มันทรมานผมจนสาแก่ใจ...หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ความกล้าอาจจะมาเยือนผมก็ได้

       ขอเป็นคนเลวๆครั้งสุดท้าย แล้วผมจะไม่ขออะไรอีก...

      เราถอนริมฝีปาก เพียงเพื่อแค่จะมองหน้ากัน ซึ่งก็แดงก่ำ ตาหยาดเยิ้ม(มั้ง?) สมองของผมว่างเปล่า เขาจูบผมต่อ...เริ่มหอบเหนื่อย และผมก็รู้สึกร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ทันจนเจ็บปอด เหมือนมันจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆไปยังไงยังงั้น

      “เดี๋ยว...”

      ผมดึงดันตัวออกมา แพขนตาของพี่มาร์คปรือเย้ายวน บ้าฉิบ! ผมยิ่งเป็นโรคแพ้คนตาหวานกับหนุ่มร่างสูงอยู่ซะด้วย ยิ่งอารมณ์แบบนี้ หน้าตา...แบบนี้ ภาพริมฝีปากที่แดงเจ่อเย้ายวนแบบนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บจิ๊ดๆ...คนๆนี้จะไม่ได้เป็นของผมอีกต่อไปแล้ว

       เพราะแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเย้ายวนเพียงใด ใจผมต่างหากที่มันรู้สึกธรรมดา

       อ้อมกอดของเขา อบอุ่น แต่ไม่เร่าร้อน...

       จูบ...ไปตามอารมณ์ แต่ความซาบซ่าและแสงสีขาวสว่างวาบที่ระเบิดในสมอง กลับไม่มีปรากฏ

       หัวใจมันร้องบอกว่า ผมต้องการแตกต่างจากนี้

      “คืนนี้พี่ขอค้างด้วยนะ”

      “อะไรนะ!?” อะไรว่ะ บ้าที่สุด! พูดเรื่องอะไรน่ะ เสียอารมณ์หมด

      “ขอโทษที่โพล่งออกไปแบบนี้ แต่มันก่อนที่จะอดใจไม่ไหวน่ะ...พี่แบกเสื้อผ้ามาด้วยแล้ว กะว่าจะมาขอค้าง พี่ยังไม่เคยมานอนค้างบ้านแดนเลยนี่นา ขอแม่มาแล้วด้วย อีกอย่าง...เราควรนอนกอดกัน...หลังจากทะเลาะกันมานาน คิดว่าดีมั้ย?”

      ผมแทบจะฟังคำพูดหอบรัวๆของพี่มาร์คไม่รู้เรื่อง เหมือนสมองเสื่อม เบลอไปชั่วขณะ ใจมันตะเลิดเปิดเปิงหายไปตั้งนานแล้ว เลยไม่ทันฟัง ได้แต่พยักหน้าส่งเดชไป(ไอ้พี่มาร์คก็ยิ่งได้ใจไงล่ะ ฮึ!)   

       บ้าที่สุด!

      ผิวหน้าของผมแดงร้อนขึ้นมาด้วยความเขินอาย “ลงไปขอแม่ก่อน”

      “ถ้าท่านอนุญาต แล้วห้ามเบี้ยวกันนะ”

      “แต่...แค่นอนค้างนะ”

      “ก็...คืนนี้อยากกอดอ่ะ คิดถึง”

      ว่าแล้วก็เข้ามากระแซะซอกคอผมเบาๆ นิ้วเรียวๆบีบปลายจมูกผมอย่างหมั่นเขี้ยว เฮ้ย!!! คราวนี้ผมขึงตัวออกห่างได้ในที่สุด

       “อ๊ะ! พี่ขอโทษนะ” พี่มาร์คทำหน้าเศร้า

       “ผมขอเวลา...” ...ขอเวลาให้ผมได้บอกว่า...เราเป็นได้แค่พี่น้องกัน

       ใบหน้าเข้มๆนั้นพยักหน้า ยิ้ม “ครับ”

      ผมก้มหน้า ส่ายหัวเบาๆ ทำไมกรูเลวได้ถึงขนาดนี้ว่ะ ให้ความหวังกับเขา ทั้งๆที่ยังไงก็ต้องเลิกกัน...ใจมันกระตุกทุกครั้งที่นึก TT^TT


หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 08-02-2008 13:25:32

บทที่ 32



      “เฮ้อ~~~ เสร็จซักทีเนอะพี่เมฆ”

      ผมกำลังเดินคุยอยู่กับพี่เมฆที่ทางเดินหน้าตึกสอง ซึ่งเป็นอาคารเรียนสำหรับเด็กชั้นม.ปลายอย่างพวกเรา พี่เมฆเป็นคู่ทีมที่ไปแข่งตอบปัญหาภาษาอังกฤษกับผมเอง และผลที่ออกมาก็คือทีมของโรงเรียนเราได้ตำแหน่งชนะเลิศอันดับหนึ่งมาครอง (ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย) (-/\-)

      “นั่นซิเนอะ จะได้หายเหนื่อยกันสักที แต่ว่าไปมันก็ใจหายเหมือนกันนะ...”


      ผมยิ้ม ตบไหล่ปลอบใจพี่เขาสองสามที ก็แน่อยู่หรอก พี่เมฆเป็นรุ่นพี่ม.6แล้วนี่นา เวลาที่หลงเหลืออยู่ในโรงเรียนที่เราทุกคนรักแห่งนี้ก็อีกแค่ไม่ถึงสองเดือน อีกอย่างเราเตรียมซ้อมโปรแกรมนี้มานาน พี่เมฆคงคุ้นเคยกับมัน แม้แต่ผมเองยังอดใจหายวูบๆเป็นบางครั้งไม่ได้

      ผ่านมาหลายวันแล้วหลังรายการออกอากาศ เราทำดีที่สุด ภายในเวลาหลายเดือนของการ ‘เขี้ยว’ ‘เค็น’(ขึ้นภูเขา)จากท่านอาจารย์ทั้งหลายไม่ทำให้ใครผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ความทุ่มเทของพวกเราทุกคนได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ

      “พี่คงคิดถึงจารย์’สุธานีตอนต้องไปเรียนมหาลัย’ ...ก็เราสนิทกันมาตั้งนาน”

       “เด๋วอัดเสียงตอนแกสอนไว้ให้เอาเปล่า?”

       “...เอ็งอยากให้พี่นอนไม่หลับไปอีกสิบปีหรือไง”

        ผมหัวเราะรับมุกของพี่เมฆ...ขอแซวนิดส์เหอะ เจ๊สุธานีเนี้ยนะเขาจะเป็นคนที่คล่อง ไว สอนๆอยู่ใครไม่ทันใจแกเอาปากกาปาหัวบ้าง เดินไปด่า+ตีบ้าง แต่สอนดีมากนะคับ ทว่าเวลาแกพูดจะชอบลงท้ายประโยคเป็นเอกลักษณ์ว่า ‘อ่ะข่ะ’ หรือ ‘น่ะข่ะ’...

       ไม่เชื่อถามเด็กม.4ที่เรียนกับแกได้...ทุกคนร๊ากกกเจ๊กันทั้งนั้น

      “คิดซะว่าเก็บช่วงเวลาที่ดีที่สุดนี้ไว้ในความทรงจำก็แล้วกันคับพี่ อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็ทำสำเร็จแล้ว หลังจากต้องทนแกด่า ทั้งด่า ทั้งหยิก ทั้งจิก! มานานนนน”

      ผมลากเสียง แล้วก็หัวเราะไปกับพี่เมฆ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ “แล้วนี่พี่เมฆจะเข้าที่ไหน?”

      “คงเป็น…” พี่เมฆเอ่ยชื่อสถาบันชื่อดัง ผมเคยคุยกับพี่เขา เห็นที่ทำหน้าเศร้าๆอยู่ตอนนี้เป็นเพราะพ่อพี่เขาบังคับให้เข้าเรียนต่างหาก ใจจริงแล้วอยากเข้าไอ้โรงเรียนวาดรูปเก่าแก่เท่าๆกับโรงเรียนของเรา ที่อยู่ข้างๆกันนี่มากกว่า...

      “แต่ก็ยังดีนะ ที่ไอ้มาร์คมันก็จะไปด้วยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นพี่ไม่มีเพื่อนปรับทุกข์ อกแตกตายแน่…เอ คิดใหม่ดูอีกทีดีกว่าแฮะ ไม่มีมันก็ดีอยู่หรอก มันจะได้ไม่ต้องแย่งกันหลีสาวกับพี่ 555+”

      พี่เมฆหัวเราะเสียงดัง หลี่สาว? คำๆนี้ทำให้ผมตากระตุกเล็กน้อย แอบสะอึกในใจกับความหมายของมัน...แต่ว่าพี่เมฆไม่รู้นี่ว่าพี่มาร์คเป็น...เกย์

       ทว่าถ้าเขาได้เจอคนที่ดีกว่า ผมก็ดีใจด้วย...

      “นั่นไง พูดถึงก็มา ไอ้นี่ตายยากจริงๆ”

      ผมรีบสะบัดหัว ไล่ความคิดบ้าๆนั่นออกไปให้หมด พี่มาร์คไม่มีทางจีบ ‘สาว’ ไหนแน่นอน เหอะๆ (-_-“) เราสองคนเดินตรงเข้าไปหาร่างสูง ที่ยืนถือกระเป๋านักเรียนพิงรั้วเหล็กอยู่น่าโรงเรียน พอผมมองเห็นเขา สบตากัน ได้เห็นหน้า ทว่าไม่หน้ามืดหรือใจเต้นรัวแรงเพราะความคิดถึง...แค่แอบปลื้มว่าพี่มาร์คต้องไม่ไปหลีสาวที่ไหนแน่ ผมมั่นใจ

      “คุยอะไรกันอยู่ ฮือ?” พี่มาร์คถามเรียบๆ

      “เออ เรื่อยเปื่อย แล้วนี่รอใคร เมียมึงเหรอ?”

      “ใครว่ะเมียกู?” นั่นซิ ใครกัน?

      “ก็...นี่ไง ไอ้แดนไง เมียมึง ว่ะฮ่าๆๆๆๆ”

      ไอ้...ไอ้พี่เมฆบ้า!!! บ้าๆๆๆ+++ ผมก็นึกว่ามีเด็กสก๊อยกระโปรงสั้นหน้าอกตูมที่ไหนรอพี่มาร์ค ’หลี’ อยู่...กลับโดนไอ้พี่เมฆอำซะจนเข้าใจผิดหน้าดำ ตอนนี้กลายเป็นหน้าแดง แดงแจ๊ดแจ๊ไปแล้วซะด้วย -_-)

       ไอ้บ้า มาล้ออะไรกันตอนนี้...

      “อะ...อะรายไอ้เมฆ แค่เคยกลับบ้านทางเดียวกัน มึงอย่าล้อไปมากกว่านี้ล่ะ เดี๋ยว...จะยุ่ง”

      อุ๊ย! พี่มาร์คเขาก็หน้าแดง เกาหัวเขินๆท่าทางน่าร๊ากแบบฉบับพี่มาร์คคนเดิม

       สำหรับผม ก็จะเป็นพี่ชายที่แสนดีตลอดไป

      “เออๆ พอหอมปากหอมคอหน่า ว่าแต่ อย่าลืมเรื่องไปทะเลกันนะโว้ยไอ้มาร์ค นี่ก็ใกล้แล้ว กูก็จะได้รีบบอกพ่อให้จองที่พัก กูต้องไปแล้ว เดี๋ยวมีเรียนxxxต่อ ไปล่ะ”

      พี่มาร์คร่ำลาพี่เมฆกันอีกสองสามคำ ส่วนผมยกมือไหว้แล้วโบกมือให้พองาม ตอนเราสองคนมองเขาเดินข้ามฝั่งไปขึ้นรถเมล์ เฮ้อ...ผมเองยังสงสัยอยู่เลยว่าตอนใกล้จะเอ็นท์ฯแบบเด็กม.6 กรูจะมีแรงตะเวนเรียนพิเศษเหมือนใครต่อใครเขามั้ยน๊อ…=_=

      “แดนครับ”

      “ฮื้อ?”

      “นี่แดนรู้หรือยังว่าเราจะไปทะเลกันหลังสอบเสร็จ”

      ผมเงยหน้าไปหาร่างสูงที่เดินเคียงข้าง “ก็รู้ แต่ไม่ละเอียด”

      พี่มาร์คยิ้มๆ ค่อยๆเอามือมาโอบไหล่ผม เราสองคนเดินไปยังป้ายรถเมล์เพื่อรอขึ้นรถ แล้วก็เล่ารายละเอียดต่างๆของทริปให้ผมฟังทั้งหมด

      “แดนอยากไปด้วยกันมั้ย? พี่อยากให้แดนไปด้วยกันนะ”

      “ผมก็อยากไป...”

       “ไปซิ”

       “แต่...พี่มาร์คไปกับเพื่อนๆไม่ใช่เหรอคับ?”

       พี่มาร์คกระชับวงแขนขึ้น ปลอบเบาๆ

       “ไม่เป็นไรน่า...เดี๋ยวก็รู้จักกันเอง ทะเลน่ะสวยมากนะ พี่ชอบทะเล แดนก็ชอบไม่ใช่เหรอ เราจะไปลงทะเลกัน เล่นน้ำ ถ่ายรูป กินอาหารทะเล ตกเย็นก็เกากีต้าร์ร้องเพลงกับพวกเพื่อนๆรอบกองไฟ...”

      “พี่อยากใช้เวลากับแดนให้มากๆ ภายในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เราจะไม่ได้เจอหน้ากันแบบทุกวัน พี่คงคิดถึงเราแย่...”

       บรรยากาศยามเย็นชวนให้เราเดินกันช้าๆ ทอดน่องไปตามริมฟุตบาท รถที่แล่นสัญจรไปมา แสงไฟจากเสาโคมโบราณด้านหน้าเพาะช่าง...ชวนให้ผมเอ่ยคำบางคำออกมา          “ถ้าสมมติ...เราเป็นได้แค่พี่น้องกัน...พี่มาร์คจะยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีของผมอยู่มั้ย?”

       พี่มาร์คดูเหมือนยังไม่รู้ตัวว่าผมพยายามจะบอกอะไร ได้แต่ยิ้ม...

       รอยยิ้มที่ค่อยๆกรีดแผลใจของผม โดยไม่รู้ตัว

       “ทำไมแดนพูดแบบนั้น?”

       “ก็...ถ้าเผื่อผมรักพี่มาร์คแบบพี่ชาย”

      “พี่ก็จะยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับแดนเสมอครับ”

      บางครั้งผมคิดว่าการที่พี่มาร์คมีเสน่ห์ในแบบฉบับของเขา ก็คืออารมณ์ง่ายๆ ใช้ชีวิตแบบสบายๆ แต่มันมีอำนาจกับคนอื่นอย่างน่าประหลาด น่าหลงใหล แบบที่ดึงดูดเราเข้าไปทีละน้อย แต่ยาก...ที่จะถอนตัว เหมือนล่อให้หลงหัวปักหัวปำ มีความสุขกับรอยยิ้มจริงใจของเขา

       แววตาของพี่มาร์คอ่อนโยน ฉายแววสงสัย...

       “ผมอยากให้พี่มาร์คเป็นพี่ชายที่แสนดีของผม”

      “ก็เป็นอยู่แล้วไงคับ ทำไมเหรอ?”

      “…เปล่าหรอกคับ แค่พี่มาร์คดีต่อผมเหลือเกิน...”

       พี่มาร์คยิ้ม รอยยิ้มอบอุ่น พร้อมทั้งฝ่ามือที่หนาใหญ่กระชับมั่นกุมมือของผมไว้ แล้วก็ลูบหัวผมเบาๆ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีพี่ชายคนหนึ่ง ทั้งๆที่ผมไม่เคยมีพี่น้องมาก่อนเลยในชีวิต

       พอดีรถเมล์สายที่กลับบ้านของพี่มาร์คมาพอดี “พี่กลับก่อนนะ แล้วค่อยโทรฯไปหาคืนนี้นะครับ”

      พี่มาร์คไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่ผม เดือนนี้หน้าหนาวกำลังคืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งมหานครกรุงเทพ ลมหนาวเย็นๆพัดมา พร้อมกับมือของใครบางคนที่กระชากเข้ามาที่ต้นแขนของผมอย่างแรง

      “เฮ้ย!” ผมร้อง ตัวที่ถูกกระชากหมุนไปเจอหน้าใครคนนั้น แววตาที่เย็นชา...ไร้อารมณ์อย่างกับหุ่น มีอยู่คนเดียวที่ทำให้ผมใจเต้นรัวได้ด้วยสีหน้าแบบนั้น (เชรี่ยยย กูนึกว่าโจรซะอีก…)

      “ชิพ!!!”

      “นี่จะไปไหนกับมัน?”

      “ไป...ไปไหน” นี่...นี่มันอะไรกันเนี่ย??? o_O”””

      “ก็ไปทะเล อ้ออออ...เล่นน้ำ เกากีต้าร์รอบกองไฟ...แล้วตอนกลางคืนก็จะนอนกับมันด้วยใช่มั้ย?!”

      ...นอน...

      มันคิดอะไรของมัน...หา!?

      “นี่...มึงรู้ได้ยังไง...มึง มึงแอบตามกูมาเหรอไอ้ชิพ”

      มันไม่ตอบ ได้แต่จ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ คนแถวนั้นก็เริ่มมองมาทางทิศเดียวกัน แต่โชคดีหน้าหนาวมืดเร็ว เลยไม่ค่อยอาย ทว่าไอ้ชิพยังไม่หยุดพูดเสียงดังสักที

      “แล้วมันจริงมั้ยล่ะ” หน้าตามันหาเรื่อง แต่กูไม่กลัวหรอกโว้ย!!!(แฮะๆ ความจริง ก็มีอยู่บ้างเล็กน้อย…)

      “จริง! กูจะไปไหนมันก็เรื่องของกูนี่”

      “สรุปจะไปกับมันเหรอ?”

      “เรื่องส่วนตัวว่ะ!” เชรี่ย!!! กูเจ็บแล้วนะโว้ย =_=””

      ผมตะคอกใส่หน้ามัน ซึ่งมันชะงักไป และวินาทีต่อมาผมก็รู้สึกตัวว่าไม่น่าทำอย่างนั้นใส่มันเลย แววตาของมันหม่นแสงลง ทว่ามือที่จับข้อแขนของผมกลับออกแรงบีบแข็งขึ้น ชิพก็อย่างนี้แหล่ะ...ชอบใช้กำลังมากกว่าเหตุผลอยู่เรื่อย

      “ชิพ กูขอโทษนะที่ต้องพูดแบบนี้ แต่กู...เอ่อ ไม่ชอบที่มึงใช้กำลังเข้าแก้ปัญหา ถ้ามีอะไร ก็พูดออกมา” ความจริงแล้วกะจะบอกไปว่ารำคาญไอ้ท่าทีเอาแน่เอานอนไม่ได้ของมัน และก็เริ่มจะโมโหๆกับมันแล้วด้วย “ชิพ ถ้ามึงอยากไปเที่ยวด้วยกัน ไม่มีปัญหานะ ก็แค่...”

      “ไม่!” มันออกแรงลากผม แรงควายชะมัด แล้วก็ชอบไม่ออมมือเลยด้วย เหอะ! ตัวของมันเดินนำหน้าเร็วจี๊ ทำเอาตัวของผมลอยลิ่วตามทางของมันไปจนถึงรถส่วนตัว  อ้อ คงยังไม่ลืมใช่มั้ยครับว่าไอ้เด็กอายุสิบเจ็ดปีคนนี้ขับรถมาเรียนด้วยตัวเอง...

      “จะไปไหนว่ะ?”

      “มากับกูนี่!”

      มันออกรถ เพียงเสี้ยววินาทีเดียวรถก็พุ่งตัวออกไปแล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็วสูง ขณะที่นั่งอยู่ข้างๆมันผมพยายามอย่างหนักที่จะไม่เปิดปากพูดแม้แต่นิด ก็เพราะกลัวว่ามันอาจเกิดบ้าขึ้นมาได้ทุกขณะ ถ้าหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าชนเสาตอม่อล่ะ แง ผมยังไม่อยากตายตอนนี้น๊า~~~~T_T

      เวลาผ่านไปเท่าไรไม่รู้(แค่รู้สึกว่ามันนานประมาณชาติกว่ากับอีกเจ็ดสิบกว่าปีเห็นจะได้) ผมกับไอ้ชิพนั่งกันอยู่ในรถของมัน คอแข็ง ตาเหม่อลอยทั้งคู่ แล้วไม่เปิดปากพูดกันสักคำตลอดทาง ตอนนี้เราอยู่กันที่หน้าบ้านผมแล้ว แบบ...ประมาณว่าบรรยากาศอึดอัด มาคุๆ รู้สึกทะแม่งๆยังไงชอบกล

      ผมลอบมองหน้ามัน ไม่เห็นมันแสดงปฏิกิริยา เลยทำท่าจะเปิดประตูลง ช่วงเวลานั้นแหละที่มันขยับตัวรวดเร็วปานสายฟ้า(โอเคๆ...ไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอก แต่ไม่ทันเห็นก็แล้วกัน) โน้มกายเข้ามาโอบผมไว้ แล้วจูบผมเข้าที่ริมฝีปากซะอย่างงั้น

      เย้ย!!!?

      เอ่อ...เอาอีกแล้ว ไอ้ความรู้สึกเหมือนมีกลองดุริยางค์ทั้งวงมารัวดรัมอยู่ในอก จนเสียงมันดังก้องอย่างกับอยู่ในสเตเดียมที่ไหนสักแห่ง บ้าเอ๊ย! ผมเกลียดชะมัดเวลาไอ้บ้าชิพมันทำกับผมแบบนี้...

      แล้วไหนจะยังปลายนิ้วมือของมัน ที่กำลังสัมผัส อยู่ที่โคนต้นคอด้านหลัง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไหลผ่านทั่วร่าง ราวกับจะน๊อคเอ๊าท์ผมไปได้นานเป็นวันๆ...เดือนๆ...ปีๆ...ยังไงยังงั้นเลย...

      “แดน กูรักมึง...”

       ……………….

      ……...........

       ……….

        ...ตึง...

      ..........

       ……

      …จะหาว่าผมเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ แต่ในหูผม ได้ยินเสียง ‘ตึง!’ ดังก้องทันทีที่มันเอ่ยคำๆนั้นจบ...วินาทีที่มันถอนริมฝีปากออก ลมหายใจร้อนๆหอบหนักอย่างกับไปวิ่งมาเป็นสิบๆกิโล

      ‘รัก’...ตอนแรกผมไม่สามารถซึมซับความหมายของมันได้มากนัก เพราะหัวยังมึน เหมือนมีค้อนมาทุบ หูอื้ออึงไปหมด ปวดท้อง ลืม...ลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหายใจไม่ออก(ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก)...สมองขาดอำนาจในการสั่งการร่างกายให้ขยับตามหัวใจ ว่าอยาก...อยากโผเข้าไปกอด...

      ...แต่ผมก็ไม่ทำ และนึกเกลียด โทษตัวเองที่ทำตัวน่ารังเกียจ...แดน มึงเพิ่งตัดใจจากพี่มาร์คได้แล้วนะ! ไอ้แดน!...แต่แล้วหัวใจผมมันก็ร่ำร้อง ว่าเราอยากได้ยินคำๆนี้มาจากคนนี้มานานแสนนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ไงล่ะ คำว่ารักมันหลุดออกมาจากปากคนตรงหน้าแล้ว ทำไมผมถึงทำใจยอมรับมันไม่ได้ ทำไม?

       ไม่ใช่ซิ...ไม่ใช่ยอมรับไม่ได้...

      ...ทว่าในส่วนลึก ผมรู้สึกเหมือนได้ลอยขึ้นไปบนฟ้า ไม่มีวันตก ไม่มีวันเสียศูนย์ เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกอย่างจะไม่มีทางเป็นไปไม่ได้...

      หรือว่านี่...ผมเองก็รักมันเข้าให้ซะแล้ว!

   

      “แดน...”

      เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นขัดภวังค์ อ้อ ไอ้ชิพน่ะเอง...มันสะกิดผม สติสตังเลยย้อนกลับมาใหม่ ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนกันนะ ในรถ...ของชิพ แล้วทำไมใบหน้าของมันถึงได้อยู่ใกล้ผมแบบนี้นะ ลมหายใจร้อน หน้าแดง อ้อ เพราะเราพึงจูบกันไปสดๆร้อนๆน่ะเอง

      หา?!!!

      มิน่าทำไมหน้ามันถึงเป็นแบบนั้น ผมรีบดึงตัวเองออกห่าง มันกลับรุกเข้ามาอย่างไม่รอช้า แหม...สติดีเชียวนะมรึง...

      “แดน กูรักมึงจริงๆนะ เลิกกับพี่มาร์คอะไรนั่นเถอะ กูรักมึงมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร ที่แน่ๆตอนนี้หยุดคิดถึงมึงไม่ได้แล้ว...ไม่ได้แล้วจริงๆ”

      “เอ่อ...” อย่าคาดขั้นกูมากนักได้มั้ย กูไม่ไหวแล้วโว้ย!!!

      “โทรฯไปซิ เอาซิ โทรฯเลย บอกเขาว่าขอเลิก หรือ...หรืออะไรก็ได้! แล้วไม่ต้องไปไหนกับเขาทั้งนั้น ไปกับกู เราจะ-“

       มันอึกอัก

       “แล้วทำไมที่ผ่านมา มึงถึงชอบทำตัวร้ายกาจกับกู”

       เออ นั่นซิ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังยอมตามมัน

       “แดน...กูไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไง แต่พอได้เจอมึง...กูก็รู้ว่าไอ้ความสุข ความอบอุ่น ทุกๆครั้งที่คิดถึงมึงนี้คือความรัก...กูโกรธตัวเองที่ไม่รู้จะบอกมึงยังไง พอมึงเป็นแฟนกับพี่มาร์ค กูก็โมโห ที่มันมาแย่งมึงไป ทำไม...ทำไมกูถึงรักมึงไม่ได้บ้าง”

       “กูอยากรักมึง บอกมึงใจจะขาด...แต่มึงมีแฟนแล้ว กูก็อยากทำให้มึงหึงบ้าง อยากให้มึงสนใจ...มึงหึงกูบ้างมั้ย? มึงรักกูมั้ยแดน?”

      เอ่อ...ชิพ กูทั้งหึงมึง ทั้งหมั่นไส้มึงในคราวเดียวกัน...

       แต่คำถามหลัง ลำบากใจที่จะตอบ

       “แล้วให้กูทำยังไง”      

      “ก็เลิก...แล้วกูเอง กูนี่แหล่ะจะเป็นคนคอยดูแลมึงเอง เป็นแฟนมึง ทำให้มึงมีความสุข ของร้องล่ะ...กูรักมึง และ...และยอมแลกกับอะไรทั้งนั้นเพื่อให้มึงตอบตกลง”

      ผมจ้องหน้ามัน เชื่อมั้ยครับ? เป็นครั้งแรกที่รู้จักคนอย่างมันมา ไอ้ชิพ...ผู้ที่แข็งกระด้างและเชื่อมั่นว่าตัวมันเองแข็งแกร่งที่สุดในโลก บัดนี้กลับกำลังร้องไห้น้ำตาอาบไหลสองแก้ม หนำซ้ำ ยังสะอึกสะอื้นเหมือนเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ไม่ต้องการอะไรเลยนอกจาก...ความรัก

      “ชิพ กูขอโทษ...” ผมไม่ได้ร้องไห้ หน้าตาเฉยๆนะตอนนั้น แบบประมาณว่าธรรมดามาก แต่รู้อะไรมั้ย? ว่าหัวใจของผมเจ็บปวดมาก มากกว่าตอนที่เรารู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต ครั้งนี้หนักมากที่สุด...รู้สึกเหมือนประมาณว่าชีวิตจะจบสิ้นแล้ว อะไรทำนองนั้นเลย...เพราะผมรู้ดีว่าคำพูดที่ผมตัดสินใจจะพูดต่อไป มันจะฆ่าไอ้ชิพ และหัวใจของผมทั้งเป็นเช่นกัน…

      “ถึงกูเลิกกับพี่มาร์คแล้ว กูก็รักมึงไม่ได้ กู...ไม่ได้รักมึง”

      เงียบ...ไม่มีใครพูดอะไรต่อ จากนั้นมันค่อยๆถอยตัวกลับไปนั่งที่เดิม คอตก ไหล่หลู่ลงอย่างคนพ่ายแพ้ยับเยิน ซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน...แววตา แววตาที่เตือนผม ว่าทุกครั้งจะสดใส ร่าเริง หรือไม่ก็ทำให้ผมใจเต้นแรง ภาพเหตุการณ์ต่างๆนานาไหลย้อนกลับเข้ามา เพียงแต่บัดนี้แววตาของชิพว่างเปล่า หลงเหลือแต่เพียงความอ่อนล้า เหม่อลอย...ผมรู้สึกคล้ายกับมีก้อนอะไรบางอย่างอัดแน่นขึ้นมาจุกอยู่ในอก สะอึกในชั่ววินาที

      ทำใจแข็งเปิดประตูรถ วิ่งหนีเข้าบ้าน

       เรื่องทั้งหมดนี่เป็นเพียงความฝัน ภาพลวงตา เดี๋ยวสักพักแม่ก็จะมาปลุกผมให้ตื่นขึ้นเหมือนทุกวันใช่มั้ย? ทำไมความรักของผมมันต้องวุนวายมากขนาดนี้ ต้องทำให้หลายคนเจ็บปวด เพราะตัวผมเอง...เพราะผมเองทั้งหมดเลย

       ผมโกหกมัน...เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาลงเอยกับคนอย่างผมอีกแล้ว…

       แม้แต่ชิพ ผมก็ไม่ควรค่ากับความรักของมัน

      เจอแม่ แม่ก็ทักเป็นปกติ ถามว่าเป็นยังไงบ้าง ผมยังไม่เข้าใจเลยแม้แต่บัดนี้ว่ามีปัญญายืนคุยกับแม่ได้ยังไงตั้งหลายนาทีโดยไม่ได้ระเบิดอารมณ์ ‘นั้น’ ออกมา คงเพราะเจ็บจนชาไปชั่วขณะล่ะมั้ง จนเมื่อขึ้นถึงห้อง ค่อยๆเดินไปชะโงกดูรถของไอ้ชิพเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ผมถึงกับต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นๆให้ไหลชโลมใจทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียน ก่อนที่ใบหน้าจะเหยเก และร้องไห้เสียงดังมากไปกว่านี้...โดยไม่สนว่าเสียงน้ำจะช่วยกลบไม่ให้แม่ได้ยินได้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆมันไม่ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่เลยจริงๆ...



       โปรดติดตามตอนต่อไป :bye2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 08-02-2008 14:00:50
เพราะแดน และ แดน ก็ทำตัวเอง  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 08-02-2008 14:10:41
ใช่แล้วครับ myloveisyou...แดนกำลังต้องชดใช้ผลกรรมอยู่ อิอิ :m12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 08-02-2008 14:16:09
 :impress: :impress: :impress:

รู้สึกเกลียดแดนก็วันนี้ละครับ

แดนตัดสินใจผิดไปนะครับ

กับพี่มาร์คแดนไม่ได้รักแบบคนรัก

เราก็บอกตามนั้น อย่าให้พี่มาร์คคิดไปเองแบบนั้น

แต่คนที่จะกลายเป็นคนที่สงสารที่สุดก็คือพี่ มาร์ค นะครับ

แนะนำว่าบอกความจริงกับพี่มาร์ค ว่าที่จริงแล้วแดนรู้สึกยังไง

แต่ก้เป็นกำลังใจให้นะครับ ต้องมีทางออกที่ดีที่สุดแน่ครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 08-02-2008 14:23:41
อย่าเพิ่งเกลียดแดนเลยครับ deshiwa...เดี๋ยวแดนได้บอกแน่ อีกไม่กี่ตอนอ่ะคับ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 08-02-2008 14:24:54
ฮือออออออออออออออออออออออออออ

สงสารชิพอ่า.........................


 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 08-02-2008 15:29:52
รอลุ้นตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-02-2008 15:45:29
ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 08-02-2008 19:06:19
:เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 08-02-2008 19:34:04
โกรธแดน  :m16:
ทำไมทำอย่างนี้ ปฏิเสธหัวใจตนเองไปเพื่ออะไรกัน  :serius2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 08-02-2008 20:28:06
ซาดสต์รึเปล่าเนี่ยยย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 08-02-2008 21:27:21


          ขาดตอนเยย
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 08-02-2008 22:50:45
ฮืออออออ  :m15: อะไรกัน  แดนอ่ะ  ทำไมไม่บอกตรงไปเรย จาได้จบๆ ไปซะที

ยื้อไป ยื้อมา มันจาเจ็บกันทุกฝ่ายเรยอ่ะดิ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 08-02-2008 23:40:18
อ่านมาถึงตอนนี้ รู้สังหรณ์ใจว่า แดนจะเสร็จพี่มาร์ค ที่ทะเลแน่ ๆ  o12 :m23:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 08-02-2008 23:48:03
แดน ทำไมทำแบบนี้อ่ะ  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

สงสารชิพมาก  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 09-02-2008 02:21:32
อ่านทันละ

มาถึงตรงนี้สงสารชิพจังเลยอ่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 09-02-2008 20:52:57
เอามาฝากสามบทนะครับ คงไม่ได้เข้ามาอีกนานนนนนนนน สอบง่ะ งุงิ

ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ

ปล.ตอนนี้กำลังเขียนภาคสองอยู่ งงๆดี เป็นงี้ทุกครั้งเลยครับเวลาเขียนเรื่องใหม่ ไอเดียกระฉูดเเต่เรียงไม่ถูกนี่ก็แย่เหมือนกัน 555+

ALeX


บทที่ 33



      “อ้าวเฮ้ยยย~~~พวกมึง ตื่นๆๆ ถึงทะเลแล้วโว้ย ตื่นได้แล้ว”

      เสียงตะโกนโวกเหวกของพี่กร สารถีที่ขับรถพาพวกเรามาถึงจังหวัดระยอง พี่กร เพื่อนก๊วนเดียวพี่มาร์คชี้โบ้ชี้เบ้ไปทางทะเล ให้พวกเรามองตามไปใหญ่

      “เฮ้ย กูขับรถให้พวกมึงนั่งมาสบายๆตั้งไกล กระตือรือร้นหน่อยซิว่ะ!”

      ทุกคนภายในรถตู้ของพ่อพี่กรเออออกันแบบงัวเงียๆ สมาชิกอันประกอบไปด้วยพี่กรคนขับ พี่เมฆ พี่โอม พี่ดอม พี่ป็อบ พี่อุ๋มแฟนพี่ดอม พี่สาเพื่อนพี่อุ๋มอีกที แล้วก็พี่มาร์ค...ทุกคนล้วนชะโงกคอมองออกไปนอกกระจก ส่วนผม...ออกจะมึนๆเพราะมัวแต่คิดอะไรรกสมองอยู่ ซึ่งมีอยู่เรื่องเดียวที่กวนใจผมได้ แม้จะพยายามรอบที่ล้านเพื่อตัดมันออกจากใจไปซะที (+-+”)

      “เป็นอะไรหรือเปล่าแดน พี่เห็นเงียบๆ”

      พี่มาร์คน่ะเอง...ผมส่ายหัวตอบไปว่าแค่เมารถ จะให้เขารู้ได้ยังไงว่าผมทะเลาะกับผู้ชายคนอื่น...ขืนพี่มาร์ครู้ ผมได้คอขาดกันพอดี...รู้ๆอยู่ว่าพี่ชายผมหน้ามืดแค่ไหนเวลาหึง =_=’

      พวกเราทุกคนมุดตัวออกมายืนสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกรถจนครบ ลมทะเลเย็นๆโชยมา พัดพาเอากลิ่นทะเลจางๆติดมาด้วย ผมสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดและพบว่าอาการปวดหัวกลุ้มใจต่างๆค่อยๆจางลง...จางลง เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น และบรรยากาศครื้นเครงทำให้ผมผ่อนคลายใจขึ้นบ้าง

      พี่กรยืนบิดขี้เกียจอยู่นาน ท่าทางแกคงปวดเอวน่าดู ส่วนคนอื่นๆช่วยกันยกกระเป๋าเข้าบ้านพักที่พี่กรเปิดเอาไว้ บ้านก็เป็นของพ่อพี่กรอีกนั่นแหละ แค่โทรศัพท์มาสั่งแปบเดียวคนทำความสะอาดก็สามารถเตรียมบ้านพักตากอากาศรับรองแขกได้ทันทีแบบสบายๆ โดยมีป้าสมบรูณ์แม่บ้านประจำคอยดูแล ‘คุณหนูกร’ อยู่ตลอดเวลาห้าวันสี่คืน

      “โธ่ป้าสมบรูณ์ครับ เลิกหอมแก้มผมได้แล้วครับ”

      ผมอดหัวเราะไปกับภาพตรงหน้าไม่ได้ ก็ป้าสมบรูณ์กำลังหอมแก้มรับขวัญคุณหนูกรอยู่ยกใหญ่ เพราะภาพพี่กร หนุ่มตี๋ตัวอ้วนใหญ่ถูกคุณป้าแก่ๆรัดคอ ก็น่าขำไม่ใช่น้อย

      “คุณกรไม่ได้มาเที่ยวตั้งนาน ป้าก็ต้องคิดถึงให้นานเป็นธรรมดาซิคะ ไปค่ะ คุณกรพาเพื่อนไปพักผ่อน ห้องผู้ชายอยู่ทางด้านซ้ายมือ ห้องผู้หญิงอยู่ขวามือติดห้องน้ำ ห้องครัวอยู่ทางด้านหลังนะคะทุกคน เดี๋ยวพักหายเหนื่อยกันสักสิบห้านาทีค่อยตามป้าไปที่ห้องครัวแล้วกัน ป้าเตรียมผลไม้แช่เย็นอร่อยๆไว้ให้ทานเยอะแยะเลย”

      พี่ผู้หญิงในชุดคล้ายๆกันกับป้าสมบรูณ์อีกสองคนรีบเข้ามาหิ้วกระเป๋าพวกเราไป ทว่าด้วยความเป็นสุภาพบุรษ...เรายืนยันว่าจะดูและตัวเองโดยไม่รบกวนคนอื่น รีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ พอเข้าไปในห้องที่ป้าสมบรูณ์บอก พี่กรกลับขมวดคิ้วออกมา

      “ห้องใหญ่นี่นอนได้มากสุดแค่ห้าคน...ป้าสมบรูณ์ครับ เปิดห้องเล็กให้ผมหน่อยได้ไหม?”

      “อ้าว นอนกันไม่พอเหรอค่ะ แหม ป้าก็นึกว่าจะนอนรวมกันห้องเดียวได้แล้วเชียว ลืมไปว่าหนุ่มๆของป้าตัวโตกันหมดแล้ว หญิง เอากุญแจห้องริมระเบียงให้คุณกรสิ”

      “กูขอโทษจริงๆว่ะเพื่อน...ขออาสาสองคนแล้วกัน ต้องแยกไปนอนห้องริมระเบียงนู่น ไม่มีแอร์นะ”

      “กูเองก็ได้กร” พี่มาร์คเอ่ยแทรกขึ้นด้วยความรวดเร็ว...ผมเห็นแววตาพี่มาร์ค เข้าใจความหมายว่าทำไมพี่มาร์คถึงไม่ยอมปล่อยโอกาส ‘ทอง’ นี้หลุดลอยไป

      สรุปแล้วพี่มาร์คและผม ได้ไปนอนแยกในห้องเล็กอีกห้องซึ่งไม่มีแอร์ ทว่าผิดคาด ห้องริมระเบียงที่ว่านี้กลับมีลมพัดเย็นสบายสมชื่อ เย็นกว่าเปิดแอร์อีก อีกอย่างมีวิวสวยๆเห็นตัวสะพานไม้ที่ทอดออกไปสู่ทะเล ตั้งอยู่ด้านหลังบ้านไม้ชั้นเดียวแห่งนี้ แสงแดดก็ส่องทะลุถึงทำให้ห้องดูโปร่ง เย็นสบาย และน่าอยู่กว่าห้องนอนใหญ่หลายเท่า

      “ที่สำคัญ เป็นส่วนตัวดี”

      พี่มาร์คกล่าวราวกับได้ยินความคิดของผม ยิ้มแปล้...พลางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงสีขาวกลางห้อง…ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดที่ผมจะนอนห้องเดียวกับรุ่นพี่ผู้ชายสองต่อสอง เหอะๆ ถ้าหากเราสองคนไม่ได้เป็นเกย์เหมือนกันหรอกนะ

      “ทำไมมีแค่เตียงเดียว”

      “แดนก็น่าจะรู้ว่าทำไม”

      พี่มาร์คยิ้มมีเล่ห์นัย ความจริงแล้วเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าที่มีเตียงแค่หนึ่งหลัง...ตอนนี้ดูจากรูปการณ์ กรูชักอยากเปลี่ยนห้องนอนซะแล้วแฮะ (-_-“)      



      เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้ากระทบฝั่งเป็นจังหวะระลอกที่แว่วมาแต่ไกล เสียงนกทะเลร้องก้องอยู่รอบๆตัวบ้าน...สายลมเอื่อยๆพัดเข้ามาในห้องพร้อมกับลมอบอุ่น แสงแดดข้างหน้าแรงกล้าและส่องลอดทะลุผ่านทางบานหน้าตาเข้ามาทำให้ผมตื่นนอนจากการนอนกลางวัน ผมนอนลืมตาเหม่อมองผ้าม่านสีขาวบางเบาปลิวตามสายลมสักพัก พี่มาร์คก็ขยับตัว

      “ตื่นแล้วเหรอ?”

      ผมพยักหน้ากับแผงอกกว้าง เย้ย!...นี่ผมกำลังนอนกลางวันอย่างมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพี่มาร์คเหรอเนี้ย?

       ว่าแล้วก็ถอยตัวเองออกมา พยายามรักษาระยะห่าง เกลียดตัวเองที่สุดเลย...

      “คิดอะไรอยู่…”

      ผมเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ หนุ่มผิวเข้ม นัยน์ตาคมลึกสองชั้น...จมูกโด่ง ที่สำคัญคือแผงขนตาที่งอนยาวดูน่าหลงไหล กำลังหลุบต่ำลงและมองมาที่ผม...ถึงขั้นนี้ตามหน้าตามคอผมก็แดงๆร้อนๆไปหมด และแล้วจมูกโด่งๆนั่นก็วูบลงมาตามลำคอ...ลึกไปตามซอกไหล่

      ผมว่าแล้ว...ว่าพี่มาร์คต้องถือโอกาสกับผมแบบนี้(บรรยากาศอ่ะเนอะ เหอะๆ -_-)

      สารภาพเลยว่า...ความจริงแล้ว ถึงแม้เราสองคนเป็นแฟนกันก็จริง แต่ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้น...แบบว่า...อย่างงั้นมาก่อน

       ผมพยายามดึงดันตัวออก แปบเดียวเท่านั้นข้อมือของผมก็ถูกยึดไว้ ด้วยมือแข็งแรงของพี่มาร์ค

       “~ทำไม?”

       “เอ่อ...พี่มาร์คครับ ผม...”

       “ไม่ต้องพูดแล้ว~~~”

       ไอ้พี่มาร์คดำเนินการต่อ ส่วนผมที่โดนมัดมือไว้กลายๆมันลำบากมากรู้มั้ย? ฮึ!

       “อย่าครับพี่มาร์ค! ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

       เสียงของผมค่อนข้างสั่น แต่ก็ดังพอสมควรที่จะหยุดการกระทำของพี่มาร์คได้ ใบหน้าที่คร่อมอยู่เหนือร่างของผมแดงก่ำ ดวงตาก็เหมือนไม่ใช่พี่มาร์คแสนอบอุ่นคนเดิม...

       เป็นแววตาที่...ฉายความต้องการอย่างน่ากลัว

       ผมควรจะทำในสิ่งที่สมควรทำตั้งนานแล้ว ก่อนที่ทุกๆอย่างจะสายเกินไป

       “เรื่องอะไร” เสียงนุ่มๆนั่นไม่มีความสงสัยเลยสักนิด(ก็มัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ -_-“)

       “คือ...ผม...ผมทำไม่ได้”

       “หมายความว่ายังไง?” พี่มาร์คเริ่มขมวดคิ้ว

       หากใครเอาเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจมาวัดผมตอนนี้ล่ะก็ สเกลมันคงพุ่งปรี๊ดหลุดปรอทแน่ๆ

       “นี่...สิ่งนี้ไงคับ ผมไม่สามารถ...ทำได้”

      “หมายความว่า...”

       “ผมคิดว่าพี่มาร์คเป็นพี่ชายที่ผมรักมากที่สุดครับ”

       พูดไปแล้ว...โล่งชะมัด! แต่ความดีใจตรงนั้นพัดผ่านเข้ามาเยือนหัวใจผมแค่เสี้ยววินาที หลังจากนั้นความรู้สึกผิดทั้งหลายก็หลั่งไหลเข้ามาท้วมท้นจิตใจของผมแทน...

       ความเงียบระหว่างเราสองคน แยกไม่ออกเหมือนกันว่าเพราะอะไร

       

       “แดน...แดนหมายความว่ายังไงนะ”

       ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้น พี่มาร์คอึ้งจนปล่อยผมออกจากพันธนาการในที่สุด...ผมนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเค้า จ้องมองเข้าไปในแววตาที่เจ็บปวด

       “ผมรักพี่มาร์คนะครับ แต่ก็แบบพี่ชาย...ไม่ได้โกหกแต่ผมรู้สึกแบบนั้นมาตลอดจริงๆ...เพราะผมเลวเองที่ไม่สามารถบอกตัวเองว่าก่อนหน้านี้ผมรู้สึกกับพี่ยังไง ตอนนี้ผมรู้แล้ว...ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครเจ็บ แต่ผมขอโทษ-“

       ขณะที่ช่วงเวลาแห่งความกระอักกระอ่วนนั้นผ่านพ้นไปพร้อมทั้งคำพูดที่พรั่งพรูออกจากปากผม...พี่มาร์คขัดขึ้นเสียงเย็นเยียบ

       “เพราะชิพใช่มั้ย?”

       ผมอึ้ง ใช่แล้วชิพคือสาเหตุที่ผมเปลี่ยนไป

       “…”

       “นี่หมายความว่า แดน...แดนรักมันใช่มั้ย?”

       ผมไม่ตอบ ไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น ได้แต่นั่งร้องไห้น้ำตานองหน้า เหตุการณ์หลังจากนั้นจำไม่ได้ว่าพี่มาร์คด่าอะไรบ้างง่ะ เหมือนสมองมันปิดตัวเอง รู้ตัวอีกทีก็นั่งปาดน้ำตาอยู่ในห้องคนเดียวเงียบๆแล้ว...



      ทำไมนะ? ทำไมผมต้องนอนฝันแปลกๆด้วย…

       ในฝัน ผมเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียว ท้องฟ้าที่แจ่มใส ทะเลสีฟ้าครามและลมเย็นสบาย กลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นอายแห่งความสุขล่องลอยทุกหนแห่ง ทุกอย่างดูสว่างจ้าจนแสบตา แล้ว…

      ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง สายฝนเทกระหน่ำลงมา ผมพยายามวิ่งหาที่หลบฝน แต่ลานโล่งกว้างที่ผมเพิ่งเดินเล่นเมื่อครู่นี้กลับกลายเป็นทะเลทราย กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มีขอนไม้ใหญ่ตั้งอยู่มากมายเกิดเป็นเงาสีดำตะคุม ผมออกแรงเพิ่มความเร็วฝีเท้า ทันใดนั้นก็หกล้มลง ร่างสูงใหญ่ปรากฏตรงหน้า ท้องฟ้ามืดมนและเสียงฟ้าร้องทำให้ผมตกใจ ทั้งหวาด…ทั้งกลัวคนตรงหน้า

       ความรู้สึกตอนนั้น ลึกๆแล้วคือไอ้ชิพ

      ผมสะดุ้งสุดตัว เหงื่อแตกพลัก จับลมหายใจจนกลายเป็นหอบ เฮ้อ…มองไปรอบๆพลางลูบหน้าให้ตื่นๆ เนื่องจากห้องที่ผมนอนอยู่มันติดทะเล เลยไม่ค่อยได้ยินเสียงอะไรจากคนภายในบ้าน ภายในห้องว่างเปล่า

       บรรยากาศข้างนอกมืดสนิทแล้ว ความมืดเหนือน้ำทะเลเป็นความมืดที่แทบมองอะไรไม่เห็น โรยตัวอยู่รอบตัวผม…ผมรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที หนาวแบบไม่มีเหตุผล

      ภาพใบหน้าที่คุ้นเคยของไอ้ชิพวาบขึ้นมา…แค่คิดผมก็หนาวไปทั่วทั้งตัว ทำไมน่ะเหรอ? ก็ผมเพิ่งฝันถึงมันไปหยกๆ…นี่กรูเก็บกด กลัวมันมากขนาดนี้เชียวเหรอว่ะ?

      ผมนั่งกอดตัวเองอยู่ตรงนั้น ชิพ…มันจะรู้มั้ยว่าชีวิตของผมต้องวุ่นวายเพราะมัน ไม่ใช่เพราะมันผิดหรอกนะ…น้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว(เพลียแล้วอ่ะร้องไห้นานๆ…) เพราะผมไปรักมันต่างหาก รักมันตรงที่มันชอบแกล้งผม ชอบทำให้ผมยิ้ม ชอบทำให้ผมหัวเราะ ชอบทำให้โกรธ…ทำให้ผมหลงรักมันโดยไม่รู้ตัว

       แถมยังไม่ใช่ความรักอย่างที่ผมมีให้กับพี่วุฒิ หรือกับพี่มาร์ค…ไม่ใช่กับผู้ชายคนไหนๆ…แค่ผมคิดถึงหน้ามัน ปากมันก็ยิ้มออกมาเอง แค่คิดถึงน้ำเสียงของมัน ใจก็อบอุ่นขึ้นมาเอง…ยิ่งตอนมันห่วงใยดูแลผม เงอะงะไปหน่อยแต่ก็ดูน่ารักดี ไอ้ช็อคชิพ…

       ในขณะเดียวกันเรื่องต่างๆที่ผ่านมา ทำให้ผมเกลียดมันไม่น้อย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเกลียดมันมาก o(>_<)o  มันชอบทำกวนตรีน(=_+”) แล้วก็ยั่วโมโหผม…มันจะรู้มั้ยนะว่ามันอ่ะ เป็นคนๆเดียวที่สามารถทำให้ผมมีความสุขได้ แต่วินาทีต่อมาก็โมโหจนอยากจะฆ่ามัน(เปล่าหรอก มันต่างหากที่จะฆ่าผม T_T)

       ยิ้มไปร้องไห้ไป ปาดน้ำตา ยิ้มให้กับตัวเอง…จะยังไงก็ตาม หากผมกับมันได้เป็นคู่กันจริงๆสักวัน ไม่ว่ามันจะทำให้ผมเสียใจแค่ไหน ก็จะยังคงรักมันอยู่ดีน่ะแหละ ยอมมาตั้งปีหนึ่งเต็มๆแล้วนี่ 555+…



       ล้างหน้าล้างตา เดินออกมาจากห้อง เอ…คนมันหายไปไหนหมดว่ะ

       เสียง ‘ตูม!’ ตามด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดของผู้หญิงดังมาจากหลังบ้าน เอะอะโวยวายอะไรกันว่ะ ผมรีบวิ่งไปดู ปรากฏว่า…เฮ้ย! คนเล่นน้ำอยู่ในทะเลมืดๆเต็มไปหมดเลย

       เท่าที่นับหัวดู ก็ครบ…เห็นร่างในเสื้อสีขาวยืนเท้าสะเอวทำท่าตะโกนป้องปากอยู่

       “เนี้ย ดูซิคะคุณแดน ป้าบอกให้รีบขึ้น มันมืดแล้ว ก็ไม่ยอมฟัง”

       ไม่มีใครยอมฟังจริงๆคับ ก็คงเพราะเมากันหมดแล้วอ่ะ เห็นตั้งวงซะใหญ่ขนาดนั้น

       “แถมคุณกรยังเอาเหล้ามาดื่มด้วยนะคะ เดี๋ยวป้าจะโทรฯไปฟ้องคุณพ่อ…”

       “อย่าเลยครับ สนุกนานๆครั้ง พี่กรก็กินภายใต้สายตาป้าสมบรูณ์แล้วนี่ครับ”

       ผมรีบห้าม ส่วนป้าสมบรูณ์ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ส่ายหน้า

       “งั้นป้าฝากด้วยล่ะกันนะคะ ดูคุณแดนจะเป็นคนที่มีสติดีที่สุดแล้ว”

       ผมหัวเราะรับคำ เค้าว่ากันว่าถ้าอยากเล่นน้ำทะเลให้คุ้มจริงๆ ต้องเล่นตอนกลางคืน แล้วถอดเสื้อผ้าให้หมด…แต่ผมไม่กล้าหรอก (แต่อยากลองเหมือนกันแหละ แฮะๆ)

       ผมนั่งอยู่ริมหาด กอดเข่ารับลมชมดาว สักพักไอ้พี่เมฆก็วิ่งหลบมุมขึ้นมา หน้างี้แดงสุดๆ ตัวก็เปียกโชก

       “อ้าวแดน ตื่นแล้วเหรอ?”

       น้ำเสียงพี่เมฆแบบประมาณว่าสนุกสุดๆ อิจฉาคนอารมณ์ดีจังเฟ้ย! (-o -“)

      “แล้วนี่มานั่งทำอะไรตรงนี้ ไปกินเหล้าซิ”

       พี่เมฆสาธยายให้ผมฟังว่า ป้าสมบรูณ์ที่แสนดีจัดการปูเสื่อและตั้งอาหารสำหรับพวกเราไว้ที่สะพานไม้ด้านนอก ประกอบด้วยเตาเผาปิ้งย่างอาหารทะเลแบบใช้แล้วทิ้งอันเล็กๆซึ่งติดไฟร้อนพร้อมสรรพ เมื่อทุกคนทำธุระกิจส่วนตัวเรียบร้อยครบทุกคนแล้วก็เริ่มนั่งล้อมวง มีพี่ป๊อบหนุ่มอารมณ์ดี เจ้าของเสียงนุ้มๆและพี่ดอมมือกีต้าห์เทพเรียกพ่อหิ้วกีต้าไม้ตัวเขื่องมาร่วมกันขับกล่อมเพลงท่ามกลางสายลมเย็นสบาย สักพักพอเริ่มมืดหน่อย พี่กรก็แอบย่องไปอุ้มคูลเลอร์ซึ่งเตรียมไว้หลังรถมา ภายในนั้นบรรจุเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดไว้สำหรับตุนความสุขตลอดห้าวันสี่คืน ผมว่าไอ้คนเล่า(พี่เมฆ)นี่แหละตัวดี กลิ่นงี้หึ่งเชีย (-_-“)ooo

       “เปล่านะ ไอ้มาร์คต่างหาก ซดมาจะสองขวดแล้ว”

       ผมทำตาโต หา??!!!

      “แดน…มันเป็นอะไรของมันหรือเปล่า? เห็นแปลกๆไป…แดนช่วยไปดูหน่อยซิ”

       “เอ่อ…” ผมกลัวการเผชิญหน้ากับพี่มาร์คอ่ะคับ

       “พี่ฝากด้วยนะ”

       ว่าแล้วเค้าก็พุ่งตัวลงไปในทะเลอีกครั้งหนึ่ง เชี่ย~~~ไม่หนาวกันเหรอไงว่ะ ไมกูหนาวจังง่ะ

      นั่งรวบรวมความกล้าต่ออีกสักพัก เดินไปตรงที่ตั้งวงเหล้า จริงด้วยแฮะ ใครคนหนึ่งนั่งคอพับคออ่อนอยู่ตรงนั้น ผมเดินไปสะกิดเบาๆ…

      “พี่มาร์คคับ…พอเถอะ”

       รอบแรกยังไม่เงยหน้าขึ้นมา

       “พี่มาร์ค~~”

      “ฮื้อ?...”

      ผมผงะไปเล็กน้อย หน้าพี่มาร์คที่เรียกว่าเข้มๆบัดนี้เห็นว่าแดงชัดเจน ผมจับตัวดู…ตัวร้อนจี๋เลย!

       “พี่มาร์คพอเถอะ นั่งตากลมจนไม่สบายแล้ว”

      “ไม่ไป…ไม่ไป อย่ามายุ่ง!”

      คนตัวใหญ่สะบัดมือออกดื้อๆ แต่ไม่ค่อยมีแรงแล้ว ผมเลยใช้กำลังหิ้วปีกเข้ามาในบ้านโดยไม่สนใจเสียงโวยวาย (พวกในทะเลไม่ได้สนใจหรอก มัวแต่เล่นไง)

      ถึงห้อง ผมทิ้งร่างหนาหนักลงบนเตียง เดินไปหยิบผ้าขนหนูในห้องกับเปิดน้ำอุ่นรองอ่างมา ถอดเสื้อผ้าพี่มาร์คแล้วเช็ดตัวให้ ท่าทางจะหนักจริงๆนะงานเนี้ย O_O…

      “แดน…ทำไมแดน…พี่ไม่ดีตรงไหน”

      ผมชะงักมือ พี่มาร์คเพ้ออะไร?

       “แดน…พี่เชื่อใจแดน แดนไม่รักพี่?...”

      มือของผมค่อยๆลู่ตกลง สั่น…เสียงสะอื้นของผมเล็ดลอดออกมา ตามด้วยเสียงโฮเบาๆทำให้ผมต้องทิ้งตัวลงไปกอดแผงอกกว้างไว้ พี่มาร์คยังคงเพ้อไม่หยุด

       “แดน…พี่รักแดน…พี่รักแดน…”

      “ผมรู้คับ ผมรู้…”

      ความรักมีหลายรูปแบบ ผมเลือกที่จะรักพี่มาร์คแบบพี่ชายจริงๆ

       ดวงตาของผมแสบร้อนขึ้นมาทันที สักพักผมก็พบว่ายากเหลือเกินที่ต้องควบคุมใจและกายของตัวเองไม่ให้สั่นไหวไปมากกว่านี้...เบ้าตาของผมปวดตุบๆไปหมดเนื่องจากการกลั้นน้ำใสๆเป็นเวลานาน…

       น้ำตาอุ่นๆไหลรินจากเบ้าตาแสบร้อนของผม ผมกอดพี่มาร์คไว้แน่น หวังว่าพี่มาร์คคงจะให้อภัยในตัวผม ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เราก็รักกันแบบพี่น้องได้นี่

      ผมว่าพี่มาร์ครู้...ความเจ็บปวดนี้แสนทรมาน แต่ทำไมนะ...ผมถึงไม่สามารถลืมชิพ...ไม่สามารถลืมเรื่องระหว่างมันกับผมได้เสียที

       “โธ่พี่มาร์ค…พี่ชาย…ที่แสนดีของผม…”

      ผมครวญเบาๆ ไม่รู้ว่าเค้าได้ยินหรือเปล่า…กอดเค้าไว้อีกนาน จนเค้าหลับไป อ้าว ลืมให้กินยาเลย…ผมเช็ดตัวต่อจนเสร็จ เช็ดคราบน้ำตาตัวเองบ้าง…แล้วค่อยๆห่มผ้าให้พี่มาร์ค ก่อนจะเลื่อนตัวเองลงมานอนข้างล่าง ขดตัวอยู่ข้างๆเตียงด้วยความหนาว

       หนาว…จับขั้วหัวใจ

       “พี่มาร์คครับ…ผมขอโทษ”

       …นอกจากผมจะเจ็บ พี่มาร์คก็เจ็บเหมือนผมไม่แพ้กัน

      แล้วคืนนั้น ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมเพลียจนหลับไปทั้งน้ำตา
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 09-02-2008 20:54:16
บทที่ 34



       เสียงฝนตกพร่ำพร่า บวกกับลมหนาวเย็นปนละอองฝนสัมผัสผิวกายแผ่วเบา...ผมค่อยๆลืมตาขึ้น และพบว่าความปวดหัวอย่างรุนแรงคือสิ่งแรกที่ได้รับ

       มองดูรอบตัว ใจหายเล็กน้อยที่ท้องฟ้าและบรรยากาศภายนอกมืดอืมครึม ราวกับเป็นลางร้าย…เมฆก้อนดำๆตั้งเค้าว่าจะเป็นพายุลูกใหญ่ ผมชำเลืองมองข้างบนเตียง ร่างของพี่มาร์คยังคงนอนเหยียดยาวไม่รู้เรื่องอยู่ เลยไม่ปลุก

       ผมเดินไปที่ครัว ระหว่างทางมันต้องผ่านห้องโถง สภาพสมาชิกที่เหลือของบ้านทำให้ผมรู้สึกอนาถแกมขำๆไม่น้อย ผมเห็นพี่กรเจ้าของทริปนอนก่ายเอาท่อนขาขนหน้าแข่งรุงรังขึ้นไปพาดบนอกพี่ดอมมือกีต้าร์ ส่วนตัวเองนอนเปิดพุงสีขาวกลมป่อง เป็นภาพที่น่าอนาถชวนสมเพชจริงๆ...(แอบนินทารุ่นพี่ลับหลัง ไม่บาปหรอกครับ คิคิ)

       ตอนนี้ในห้องครัวเลยเต็มไปด้วยเสียงบ่นๆๆของป้าสมบรูณ์จนพี่อุ้มกับพี่สาที่รับอาสาตื่นมาช่วยงานเริ่มมีสีหน้าเอือมระอา ผมรีบเดินตัวลีบไปหยิบยาลดไข้แล้ว สายตาป้าสมบรูณ์ก็ยังเห็นผมอยู่ดี(แงะ)…นึกว่าหลบดีแล้วเชียว!!! >_<

      “คุณแดนทานข้าวมั้ยคะ”

       สายตาคมๆนั้นจับผิด ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ดูสดใสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

       “เดี๋ยวก่อนครับ เผอิญว่าพี่มาร์ค เอ่อ คนที่อยู่ห้องเดียวกับผมน่ะครับ เขาเป็นไข้สูง”

       “จริงเหรอ?”

       ว่าแล้ว ทุกคนในห้องครัวก็เดินอพยพตามผมเข้ามาในห้องนอน พี่มาร์คที่นอนเหงื่อตกอยู่ปรือตาขึ้นบางๆ ผมรีบเข้าไปนั่งข้างๆเค้า

       “พี่มาร์คครับ ตื่นก่อนนะ จะได้’ทานยา”

       “ต้องพาไปโรงพยาบาลมั้ยคะเนี้ย?”

      ป้าสมบรูณ์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

       “ไม่เป็นไรมั้งคับ เดี๋ยวผมขอเช็ดตัว วันนี้จะเฝ้าไข้เอง ไม่ต้องห่วง”

       ประตูปิดลง ผมช้อนหลังพี่มาร์คให้เขาพิงตัวผม ปลดกระดุมแล้วเช็ดตัวเบาๆ แต่ดูเหมือนพี่มาร์คจะขัดขืน…

      “พี่มาร์ค…”

      “ไม่…ไม่ต้องยุ่ง”

      ผมหน้าเสีย แต่พี่มาร์คไม่เห็นหรอก…ผมค่อยๆปล่อยร่างพี่มาร์คกลับไปนอนที่เดิม ยังไม่ลืมเป็นห่วงเรื่องยา

      “พี่มาร์คลืมกินยาครับ…”

      สรุปว่าพี่มาร์คผล๊อยหลับไปอีกและ เฮ้อ…อยากให้เค้ารู้จังว่าผมเป็นห่วงเค้ามากแค่ไหน

       “ผมขอโทษ…ผมอยากชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป…”

 

      เวลาหนึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เจอพี่เมฆคนแรก สภาพโทรมนรกไม่ต่างจากเจ้าของบ้านและแขกท่านอื่นๆ

      “ฝนตกพร่ำทั้งวันแบบนี้ เราคงอดไปไหนแน่ๆ”

      ตามแผน ภายในวันที่สองในจังหวัดระยอง พี่กรบอกว่าจะขับรถไปกินข้าวกันก่อนที่บ้านเพ แล้วก็จะวนไปที่หาดทรายทอง(ไม่รุชื่อถูกป่ะนะคับ=_=”) เย็นนู่นถึงค่อยกลับ แต่ว่าตอนนี้แม้แต่สมรรถภาพของคนขับรถเองก็น่าเป็นห่วง...แถมเพื่อนๆคนอื่นไม่มีใครกล้าขับรถของพ่อพี่กรแทนนอกจากเจ้าตัวแน่ เราเลยได้แต่นั่งแกร่วอยู่แต่ภายในบ้าน พูดคุยกันเบาๆเพราะบรรยากาศช่างเงียบเหงาหดหู่ผิดกับเมื่อวานเหลือเกิน

       “เฮ้อ...ทะเลก็เล่นไม่ได้ เซ็งจังโว้ย!”

      พี่เมฆร้องประท้วงออกมาเบาๆด้วยอาการเซ็งจัด ก่อนจะลุกออกไปหาอะไรทำกับพวกเพื่อนๆ ปล่อยให้ผมนั่งเหม่อลอยออกไปนอกทะเลเพียงลำพัง...จะว่าไปทะเลตอนฝนพรำก็สวยไปอีกแบบ ให้ความรู้สึกเศร้าๆเคล้าความโรแมนติก...ท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีเทาสร้างความหนาวเหน็บให้ยิ่งรู้สึกทวีคูณเพิ่มขึ้นง่ายๆ ผมนั่งกอดเข่าด้วยความหนาว ก่อนจะทนไม่ไหว ต้องลุกหนีเข้าห้องนอนไปโดยปริยาย



      …ฝนยังคงตกพร่ำอยู่จนถึงตอนเย็น เริ่มซาลง ทำให้สมาชิกทุกคนพอออกมาเดินสูดอากาศเย็นๆหลังฝนได้ที่สะพานไม้ ส่วนผมเฝ้าไข้พี่มาร์คทั้งวัน ไข้ลดลงแล้วแต่คงยังเพลีย ปลุกไม่ตื่น…

       ไอ้พี่กรเจ้าเก่ากับผองเพื่อนตัวดีรีบนำเอาเสื่อมาปูเช่นเคย ตั้งวงก๊งเหล้ากันตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม ประมาณสามทุ่มครึ่งสายฟ้าแลบเริ่มส่องแสงแปลบปลาบอยู่หลังก้อนเมฆดำทะมึน ผมรีบกระดกเหล้าในแก้วให้หมดๆไป

       อ๊ะ! กินเหล้าครั้งแรกอ่ะคับ เมาเร็วโคตร…(o>o<o”)

      ไอ้พวกพี่ๆมันชวนผมหรอกนะ ตอนแรกก็ปฏิเสธไปได้เรื่อย พอตอนหลังๆรุกหนักเข้า ผมเลย เอาก็เอาว่ะ จิบๆแมร่งส่งเดชนิดส์ รู้ตัวอีกที อึ๋ยo_O* เมาแล้วนี่หว่า 555+

       เข้าใจทันที ว่าทำไมคนกลุ้มชอบกินเหล้า

       จริงนะ ช่วงเวลาที่เราจดจ่ออยู่กับปากแก้ว มีเหล้าผสมเย็นๆอยู่ในมือ เหมือนเรื่องกลุ้มใจต่างๆจะพากันเลือนหายไปชั่วขณะ…ลืมหมดทุกสิ่งอย่าง เออ เจ๋งดีแฮะ…<<<(-_-“)

      ไม่รู้ว่าผมรู้สึกแปลกๆไปเองหรือเปล่า ทว่าตลอดเวลาที่นั่งอยู่ตรงนั้น ดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ...ผมมีความรู้สึก แค่ความรู้สึกอ่ะนะ ว่ามันเศร้าๆยังไงไม่รู้อ่ะคืนนี้

       ………

      ฝนเริ่มปอยลงมาแล้วจริงๆ ขณะนี้ตาของผมพร่ามัวไปหมด หูก็อื้ออึง ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะหรือเสียงดนตรีกันแน่ที่ทำเอาผมปวดหูไปหมด แยกไม่ออก ได้แต่หัวเราะเสียงดังอย่างคนบ้าคลั่งไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิดตอนนี้ กลับรู้สึกสนุกที่ได้ทำตัวเป็นเด็กเสเพลใจแตกมากกว่า

       ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลมฝนกระหน่ำลงมาอีกรอบ ทุกคนเริ่มเคลื่อนย้ายวง ตัวผมเปียกปอนไปหมด สายฟ้าแลบเพียงเสี้ยววินาทีอยู่บนท้องฟ้าส่องสว่างให้ผมพอมองเห็นทางเดินออก ผมเริ่มลุกขึ้นเดินด้วยความมึนเมา ไม่รู้ตัวหรอกว่าไปทางไหน เดินออกไปเรื่อยๆๆ ตามทางเดิน พายุฝนที่พัดหมุนรุนแรงอยู่รอบตัวไม่ทำให้ผมกลัวอีกต่อไป สนุกซะเปล่าที่ได้ทำอะไรบ้าๆแบบนี้...

       หลังจากเดินโซเซแยกย้ายกันออกมาแล้ว จำความไม่ได้ว่าใครแยกกันไปทางไหนต่อไหน...ทว่าผมเดินออกมานานและไกลมาก จนมาหยุดอยู่ที่หาดโล้งกว้างไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง คงแถวนี้แหละ...ผมคิด เสียงครืนๆของท้องฟ้าดังกึกก้อง ผมตะโกนออกไปสุดเสียงแข่งกับสายลม

      “…ฮ่าๆๆๆ ทำไม! ทำไมไอ้ชิพ!...ทำไมกูต้องรักมึงด้วย! ทำไม!!!”

      และแล้วมือใหญ่แข็งแรงของใครคนหนึ่งก็กระชากตัวผมออกแล้วดึงไปหา คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมในขณะนี้ผมลีบลู่ สูงใหญ่ ใบหน้าอันคุ้นเคยนั้นพลันวาบเข้ามาในสมอง

      “...ชิพ?!”

      ผมกระซิบ...แค่กระซิบเพียงเท่านั้น ด้วยความตกใจ ผมพลักอกมันออกไปก่อนจะวิ่งหนี...หลังต้นไม้นั่นมีทางเดินลาดปูด้วยหินหยาบๆ มีบังกะโลไม้ที่มีชานบันไดยื่นออกมา (อย่าหาว่าผมเว่อร์เลยนะคร้าบ เหอะๆ) ผมวิ่งขึ้นไป แต่ไม่ทันซะแล้ว...คนที่ตามล่ามาวิ่งไวกว่า จับผมไว้ได้ทันแล้วบดจุมพิตรุนแรงลงมาที่ริมฝีปากของผมทันที!

        “เฮ้ย!!!!...”

      ผมพยายามร้องประท้วง...แต่ไร้เรี่ยวแรง ผมพยายามบ่ายเบี่ยง...แต่ช่างรู้สึกทรมานเหลือเกินเมื่อถูกบังคับ และรู้ว่าแรงตัวเองสู้มันไม่ได้...

       ข้อมือรวมทั้งแขนของผมถูกจับอยู่ในลักษณะกอดรัด รู้สึกแปลกประหลาดมากที่สุดในชีวิตกับการต้องมายืนจูบกับผู้ชายท่ามกลางสายฝนรุนแรงตอนกลางคืนแบบนี้ ถึงแม้ว่าใจผมจะต่อต้านมากเพียงใดก็ตาม...รู้สึกผิดต่อใครบางคนจนแทบไม่อยากขอให้เขาคนนั้นให้อภัย...ทว่าร่างกายมันทำตามสัณชาติญาณตามธรรมชาติ...คือยอมให้ความสุขซาบซ่านี้ไหลจี๊ดขึ้นสมอง

       ‘เฮ้ย…ปล่อยกูน๊า!!!’ :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 31+32 ของขวัญตรุษจีนคร้าบบบ(ใกล้จะจบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 09-02-2008 20:55:50
ฮ้า~~~ สุดท้ายเเละ ฝากด้วยน๊า :m13: :m13: :m13:

บทที่ 35



       รู้ตัวอีกทีผมก็ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของไอ้ชิพ...ภายในห้องเล็กๆมืดสนิท มีเตียงตั้งอยู่กึ่งกลางห้อง ตัวผมสั่นไปหมดด้วยความหนาว ใจผมเองก็สั่นเพราะความกลัว ตื่นเต้น ไม่แพ้กัน...

       “ชิพ…ปล่อยกู”

       แต่มันไม่ฟัง…ร่างสูงเดินเข้ามาจับผมล้มลง กดไว้กับพื้น…เฮ้ย มึงจาทามไรกรูฟ่ะ??? O_O*!@#(>///

      นิ้วเรียวๆของชิพไล้ไปตามแก้มของผม ทำให้ร่างกายของเราสองคนเอนเข้าหากัน อ้อมกอดแข็งแรงของมันรัดแน่นขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บหน่อยๆ ใบหน้าของชิพถูกบดบังด้วยเงามืดของเราสองคน มันเริ่มจูบผม...จูบที่รุนแรงทว่ายิ่งต้องการเพิ่มขึ้นทุกๆวินาที

       มันเร่งถอดเสื้อผมออก เท่านั้นแหละ ผมขัดขืนมันนิดเดียวเองง่ะ…แต่ชั่ววินาทีที่ไอ้ชิพเปลื้องผ้ามันแล้วเปลื้องผ้าผม…ผมร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด >/////<

       “มึง…ทำไม…ต้อง…ปั่นหัวกูด้วย!”

      ทุกจังหวะหนักหน่วงที่มันบุกเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ผมได้แต่โดนมัน…เอ่อ กระทำ ต้องก้มหน้าไปกับพื้น หลับตาปี๋ อ้าปากร้องแต่มันไม่มีเสียง…เจ็บชิบหาย O[]O!! ไอ้ชิพยังคงเน้นกระแทกกระทั้นทุกจังหวะ ร่างผมเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ชิพ…มันตั้งใจทำร้ายผมด้วยวิธีนี้จริงๆเหรอ?

       มันโน้มลงมากอดผมจากทางด้านหลัง กัดเข้ามาที่ซอกคอ อ๊ากกกกก!!! พึมพำอะไรไม่รู้ที่หู สักพักตัวมันก็สั่น กระตุกอย่างน่ากลัว…อีกสองสามทีผมก็รู้สึกได้ถึงความแสบร้อน ณ ตรงที่ๆเราสองคนยังแนบสนิทกันอยู่…และความอุ่นร้อนของอะไรบางอย่างข้างในตัวผม

      โห…นี่ขนาดยังเหลืออันเดิร์แวร์ตัวจิ๋วของผมกับบอกเซอร์ของอีกฝ่ายเท่านั้นนะเนี้ย…เสียงลมฝนพัดกระหึมภายนอกโหมแรงขึ้น แวบเดียวที่สายฟ้าฟาดผ่าน ร่างร้อนระอุของชิพก็ทับลงมาบนตัวผม นอนบดเบียดไปด้วยกันอย่างเร่าร้อน จู่ๆมันก็กัดลำคอผมอย่างแรงอีกครั้ง ทว่าไม่ทันได้ร้องเพราะมันรีบจ่อปากมาปิดโอกาสของผมไว้...แสงวาบอีกทีผมเห็นสีหน้าเจ็บปวดแหยเกของมัน ไม่ใช่เจ็บปวดอะไร แต่เป็นเพราะมันกำลังมีความสุขมากต่างหาก...(ไอ้เลว แต่กรูเจ็บนะเฟ้ย!)

       มันกอดผมไว้ จัดท่าทางของเราให้เป็นปกติ(คือการเอาไว้อันเดอร์แวร์ออกไปให้พ้นๆขา)…มันค่อยๆเคลื่อนตัวอีกครั้ง เชรี่ย??? มึงยังไม่พอใจอีกเหรอ…

      “อะ…โอย กูเจ็บ”

      “กูก็เจ็บ…เจ็บใจที่มึงไม่เคย ไม่เคยมองเห็นกู ต้องให้กูทำแบบนี้ใช่มั้ย? มึงถึงจะยอมรับ”

       คำพูดของมันเสียดแทงใจของผม ทำให้ผมหมดแรงขัดขืน น้ำตาอยู่ๆมันก็ไหลลงมาพรากๆ…หมายความว่ามันรักที่จะใช้กำลังกับผมมากกว่ารักตัวผมใช่มั้ย?

      สักพัก ผมรู้สึกได้ถึงความเสียวซ่านแปลกๆ จังหวะของไอ้ชิพรวดเร็วกระชับขึ้น มันบดเบียดเข้ามา เพิ่มความร้อนระอุจนผมถึงกับต้องร้องครางออกมาว่า…

      “อ๊า~~~”

      ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไอ้ชิพใช้มือหนาๆของมันจับเอวผมไว้ แล้วหลังจากนั้น…>.<

      “อ๊า!!!...อ๊ะ!~~~”

      ไอ้ชิพล้มตัวลงมา กลิ้งให้ผมที่กำลังงุนงงกับความรู้สึกเสียวซ่าน ความรู้สึกสุขสุดยอดเกินบรรยาย เหมือนมีพลุนับล้านๆดวงมาแตกอยู่หลังม่านตา…นอนเคียงข้างมัน ปล่อยให้มันกอดไว้ ผ่อนลมหายใจไปพร้อมๆกัน

      

       ลมหายใจของเราทั้งคู่เริ่มผ่อนแรงลงกลับสู่จังหวะเดิม ผมนอนหันหลังให้มันพลางก้มหน้าในความมืด...และแล้วสิ่งที่คุกกรุ่นมานานระหว่างเราสองคนก็เกิดขึ้นจนได้ ผมได้มีอะไรกับไอ้เพื่อนชายหน้าหล่อคนนี้แล้ว...

       ครั้งแรกในชีวิต

       กับเพื่อนสนิท...ชิพ...

       ดูเหมือนว่าทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นไอ้ชิพนั้นน่าทึ่ง...เด็กหนุ่มที่เสน่ห์แรง เร่าร้อน...จูบของชิพตื่นเต้น รุนแรง และเย้ายวน ผิวสัมผัสของมันร้อนแรง แข็งแกร่งแล้วก็อ่อนโยนในคราเดียวกัน...

        ให้ตายเถอะ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมกำลังนอนนึกอะไรบ้าๆอยู่ข้างมัน

       รู้สึกว่าตัวเองเลวมาก ผมก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนหลอกลวง ถูกแล้วที่พี่มาร์คเคยว่าผม...คนทรยศ ผมทำผิดซ้ำซากหลายครั้งหลายครา ทั้งร่างกายและจิตใจ...

       จนรู้สึกยากที่จะให้อภัยตัวเอง

       เจ็บปวดร้องไห้ไปตอนนี้ก็เสียเวลาเปล่า...ผมได้สติลุกขึ้นท่ามกลางความมืดและเสียงฝนพรำ รู้สึกโหวงๆ...เจ็บปวดใจยังไงไม่รู้ อยากให้เป็นแค่ฝัน แค่ความฝันเท่านั้น...

       แต่ไอ้เจ้าของร่างสูงข้างๆนี่ซิ มันไม่ใช่ความฝันสักนิด

       ความน้อยใจของผมทะลักเข้ามา…มันบังคับผม ด้วยความไม่ยินยอม ด้วยความไม่เต็มใจในตอนแรก…แต่แล้วผมกลับหลงในบทรักของมันเอง แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้บอกว่ามันทำไปเพื่ออะไร

      มันแค้นผมเหรอ? ที่แอบตามมาถึงนี้เพียงเพื่อจะมาทำร้ายกัน ล้างแค้นกัน แค่นี้ ใช่มั้ย?

      “แดน...”

      เงาตะคุ่มๆลุกพรวดตาม ผมไม่ทันได้สังเกตหรอก น้ำตานองหน้าหมดแล้ว

      “แดน อย่าเพิ่งไป”

      “ไม่...ไม่ต้องพูดแล้ว” เออ... อารมณ์พาไป น้อยใจมันง่ะ (ขี้แง>~>~(+_+))

      “ไม่...” เราสองคนนั่งชิดกันบนเตียง มีผ้าห่มไว้ผืนเดียวกัน เปลือยเปล่าทั้งคู่แต่ก็ไม่อายแล้วแหละ...ชิพเอาหัวแม่มือวาดแก้มผม เช็ดน้ำตาออกไป แต่ผมเกลียดมันเวลามันทำแบบนี้ เวลามันสัมผัสอ่อนโยน...มองผมด้วยสายตาที่ผมรู้ความหมายดี...ลึกซึ้งทั่วทั้งห้วงหัวใจ...แต่ไม่ยอมรับมาโดยตลอด ตอนนี้หัวใจผมมันเต้นช้าลงและเจ็บปวด จนเหมือนทุกอัตราการเต้นแต่ละครั้งจะทำให้อกของผมทนรับต่อไปอีกไม่ได้...

       “ทำไมชิพ? แค่กูไม่ได้รับรักมึง มึงต้องทำลายกูแบบนี้เลยเหรอ?”

       ว่าแล้วก็เริ่มทุบมัน ทุบเป็นว่าเล่นโดยไม่ทันมอง ตาพร่าหมดแล้ว!

       แต่ไอ้ชิพทำสิ่งที่เกินความคาดหมาย แทนที่มันจะต่อยผมสลบเหมือด??? มันกลับ…รีบคว้าร่างผมเข้าไปกอด จูบผมที่สันมือเบาๆ…

       “แดน...กูรักมึงนะ กูฝันว่าจะได้กอดมึงแบบนี้มานานมากแล้ว”

       “ไม่...ไม่จริง มึงเกลียดกู กูก็เกลียดมึงเว้ย!”

       ฮือ…ฮึก…ฮึก…ใครบอก กูรักมึงที่สุดต่างหาก

       “ไม่ใช่!” ไอ้ชิพห้วนเสียง กอดผมแน่นจนเจ็บ “มึงอย่าโกหกกู อย่างน้อยอย่าโกหกตัวเองอีกต่อไปเลยว่า...มึงก็มีความสุข มึงรักกู…กูรักมึงมากนะ”

       ความสุข...ถ้าไอ้ความเจ็บปวดขมขื่นในตอนแรก...และความเสียวซาบซ่าในเวลาต่อมาคือความสุขอย่างที่มันว่า ก็คงไม่ผิดหรอกครับ

       ‘กูรักมึงมากนะ…’

      คำๆนี้มันค่อยๆไหลไปตามร่าง อืม…มีความสุขจัง

       ชิพทำให้ผมมีความสุข

       “…แล้วมึงทำแบบนื้ทำไม?”

      “ไม่รู้ซิ…เพราะกูทนไม่ไหวแล้วมั้ง?”

       ไอ้บ้า เหตุผลทุเรศ

      “จะสนทำไม ก็ตอนนี้กูมีความสุขแล้ว”

       เออดิ ได้กูแล้วนี่… \(-_-*)

      “กูเมา…ไม่รู้เรื่องหรอก”

       “ฮื้อ? ไม่จริง”

       เอ่อ อธิบายไงดี…สภาพผมในตอนนี้คือนั่งอยู่บนตักมันอ่ะคับ หันหน้าเข้าหากัน ไม่กล้าสบตาหรอกนะ…มันจับมือผม ค่อยๆเลื่อนเอาไปวางไว้บนหน้าท้อง ที่เต็มไปด้วยกล้ามมัดๆแข็งแกร่งของมัน ค่อยๆให้มือผมลูบลงไป…ลูบลงไป ปากมันก็ไล้ลงมาเรื่อยตั้งแต่ข้างแก้ม พลางกระซิบเบาๆว่า

      “อย่างนี้น่ะเหรอเมา…”

      ผมก้มหน้างุด…มือของผมสัมผัสเข้ากับกระบอกไฟฉายอันเขื่อง ที่รอพร้อมให้บริการแล้ว…ท่ามกลางความมืด…เสียงไอ้ชิพครางฮึมๆพึงพอใจ

      “ยอมรับหรือยัง?”

       ผมพยักหน้าช้าๆอย่างเลื่อนลอย

       “กูมีความสุข...จากไออุ่นของมึง”

       ชิพพูดเหมือนกำลังยิ้ม

       “กูก็เหมือนกัน…”

        ชิพยกตัวผมนั่งลง คราวนี้ไม่เจ็บอย่างที่คิดแฮะ…ยอมรับว่าตอนนั้นถึงแม้ว่าสมองจะยังคงมึนๆ แต่ก็รับรู้ได้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นท์ รู้สึกตัวทุกอย่าง จะเลิกก็ได้แต่…

      ไอ้ชิพกอดผมไว้แน่นอย่างนี้…(ขอโยนความผิดให้ชิพก่อนนะงวดนี้>.<)

      “แล้วกูเป็นอะไรกับมึง?” ผมถาม

      “ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น...ขอแค่ให้กูได้รักมึง...ได้มั้ย?”

       ร่างของเราขยับไปพร้อมๆกันด้วยความเย้ายวน ช้าๆ…

      ชิพกอดผม ในอ้อมแขนอบอุ่น ชิพสัญญา...สัญญา...เสียงเว้าวอนเศร้าๆนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู

      “กูสัญญา กูจะรักมึงตลอดไป...”

       “…”

      “เป็นกำลังใจ ในยามที่มึงท้อแท้...เป็นความหวัง ในยามที่มึงหมดหนทาง...มึงล่ะ รักกูรึเปล่า?...”

      ผมกอดตอบ พยักหน้ารับคำชิพ...ตอนนี้ผมหักห้ามใจตัวเองต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ผมรักผู้ชายคนนี้มาก นอกเหนือจากนั้นคือความรู้สึกดีๆที่มีระหว่างกันเสมอ ผมไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อยที่รักชิพ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้สึกผิดที่ต้องทำร้ายหัวใจพี่มาร์คแบบนี้...

       ทุกๆสัมผัส ทุกๆลมหายใจ ทุกๆถ้อยคำ...ทำให้ผมต้องจดจำและยากจะลบเลือนคืนนี้ไปตลอดชีวิต

       ผมได้ยินเสียงชิพครางเบาๆอยู่ด้านหลัง พลอยทำให้ผมยิ้มไปด้วย

      “นึกว่าจะไม่บอกซะแล้ว”

      ผมเป็นฝ่ายจูบปากมัน ก็แปลกดีนะเพราะผมไม่เคยเริ่มจูบปากชิพ ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุดของผม ตอนนี้เป็นมากกว่านั้น...ความรู้สึกที่มีมันอยู่ในตัวผม ช่างอธิบายไม่ถูก บทรักลึกซึ้งช้าๆแต่หอมหวานบรรเลงไปเรื่อยตลอดทั้งคืนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...ชิพหลับไปก่อน ข้างๆผม หนุนแขนในอ้อมกอดของผม รู้สึกถึงความละเอียดอ่อน...ผมจูบหน้าผากมันด้วยความรัก ประทับตราแทนหัวใจของผม ที่มอบให้มันแล้วหมดทั้งดวง


       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 09-02-2008 21:09:03
ขอบคุณน๊าาา จะรออ่านภาคสอง :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 09-02-2008 21:28:30
แหม่ ผมเดาผิดไปซะได้  :m23:

แต่ตอนที่ 35 แบบว่าตายไปเลย  :m25: :o8:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 09-02-2008 21:38:01
ในที่สุดชิพกับแดนก้อลงเอยกัน

ต่อไปจะเป็นยังไงน้า  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 09-02-2008 22:36:36
รอครับ พี่มาร์คผู้หน้าสงสาร :sad2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 10-02-2008 00:04:52
อ้าว เสียตัวซะละ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 10-02-2008 01:47:56
แอบสงสารพี่มาร์คนะเนี่ย ขอได้ป่ะ 555
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-02-2008 04:29:48
 :impress: :impress: :impress:

ก็เชียร์แดน กับ ชิพ อะครับ

แต่ก็สงสารพี่มาร์คอะครับ

พี่มาร์ครู้คงเจ็บปวดน่าดู

คิดแล้วก็อดสงสารไม่ได้อะครับ

แต่แดนคิดถูกแล้วครับที่ยอมมีไรกับชิพ

จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: fantastic_7 ที่ 10-02-2008 04:54:01
 :m4: กำลังสนุกเลยรีบมาต่อไวไวนะครับ เป็นกำลังใจให้ ชิพ & แดน นะครับ :m1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 10-02-2008 15:44:58
 :m25: :m1:
ในที่สุดก็ลงเอยกันแล้ว
ดีใจด้วยที่แดนเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว  :oni2:

ps. ว่าแต่พี่มาร์คไม่มีใครแล้ว...ผมขอนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 10-02-2008 18:24:20
มารออ่านต่อน๊า
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bizcuit ที่ 10-02-2008 20:43:22
อืมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :m30:  :m30:  :m30:

แรงได้อีกอ่ะครับ

 :m25:  :m25:  :m25:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: YoOl ที่ 10-02-2008 21:37:39


 :m25:

โดนไปกี่ยกหล่ะนั่น  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ^AugusZaa^ ที่ 11-02-2008 02:32:40
อ่านยังไม่จบ รี ไว้ก่อน

หนุก ดีคับ

นารักดีด้วย

คอยลุ้นว่าแดนจะลงเอยกับคราย????????
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: artkung ที่ 11-02-2008 06:48:46
โอ๊ะๆ คู่ของช็อคชิพกับแดนเนี่ย ท่าทางจะบอกรักกันแบบดิบเถื่อนแฮะ ไม่มีคำหวานๆ กันเลย 555+

ในที่สุดก็ลงเอยกันซะที  แต่น่าสงสารพี่มาร์นะครับ โดนทรยศจริงๆ นั่นแหละ

ปล. แล้วคืนนั้น แดนโดนไปทั้งหมดกี่ยกล่ะครับ (อยากรู้เหมือนชาวบ้านด้วยคน)
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 11-02-2008 06:54:46
เอ๋อ...

 :m30:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 11-02-2008 13:47:46
ลงเอยกันเสียที ตามลุ้นแทบแย่
 :oni2: :oni2: :oni2:
ชอบแรงๆแบบนี้ไม่บอกแต่แรก ชิฟจะได้จัดให้
 :m25: :m25: :m25:
สงสารก็แต่พี่มาร์ค ถ้าไม่รักเขา ก็บอกไปตรงๆเถอะ เจ็บตอนนี้ ดีกว่าเจ็บไปอีกนาน
 :mc1: :mc1: :mc1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: fulres ที่ 11-02-2008 23:24:08
ฮืออออออออออ  :sad2: พี่มาร์ค น่าสงสารอ่า :m15:

แต่ ในที่สุดก็เลือกได้แล้วเนอะว่าจะเอาคนไหน  :เฮ้อ: จาได้ไม่ต้องมีใครเจ็บอีก

 :m25: เลือกได้แล้วก็เสร็จ ทันทีเรยนะ  :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bizcuit ที่ 12-02-2008 13:49:25
 :oni1:  :oni1:  :oni1:  :oni1:

อาโหล อาโหล อาโหล อาโหล อาโหล อาโหล


อ๊ะหลั่น ลัน ล้า...


เค้าว่า  อย่าสนคนบ้า  อย่าว่าคนเมา

เพราะงั้น  ปล่อยผมไปเถอะครับ  :o8:  :o8:

รีบ ๆ อัพเร็ว ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 13-02-2008 22:58:02
เป็นกำลังใจให้ในการเขียนต่อไปนะคร้าบบบ สู้ๆ จะติดตามต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 15-02-2008 21:42:46
ให้สอบได้คะแนนดี ๆ นะครับ มารอตอนต่อไปของนายช๊อคชิพ  :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 20-02-2008 21:32:09
มารอนายแดนกับเจ้าช๊อคชิพครับ  :o8:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 33+34+35 เด๋วไม่ว่าง เอาตอนสุดยอดมาฝากคร้าบ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 24-02-2008 11:37:40
ดีครับ สอบเสร็จแล้ว เย้!!! ดีใจมากมาย วันนี้เอาตอน37มาฝาก อีกสองตอนจบแล้วน๊า... :bye2:

ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากทุกๆคนหน่อยหนึ่งอ่ะคับ คือช่วงนี้อยากอ่านนิยายแนวซาดิสมากมาย แนะนำหน่อยนะคับ ขอบคุงล่วงหน้าน๊า~~~ :oni1: :oni1: :oni1:


บทที่ 36



       ชิพ...

       ผมค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นทีละน้อย อากาศอบอุ่นห้อมล้อมรอบๆตัวผม แสงแดดอ่อนๆยามเช้าตรู่พร้อมทั้งสายลมอุ่นพัดผ่านเข้าปะทะผิว มือของผมค่อยๆกวาดไปทั่วที่นอนเพื่อหาร่างของใครบางคน...

       ผมพบเพียงความว่างเปล่า...ทว่ามีรอยยับจริง ผมค่อยๆก้มลงไปสูดกลิ่นกายของชิพที่หมอนของมัน อืม...

       ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนไหลเข้ามาในหัวผม

       ทุกฉาก ทุกตอน...มันไม่ใช่ความฝันจริงๆ

       ผมพยายามชันกายลุกขึ้น มึนๆแฮะ มองไปรอบๆก็เห็นเสื้อผ้าที่เมื่อคืนเราสองคนร้อนรนเปลื้องมันออกวางกองอยู่บนพื้น แต่ไม่มีของไอ้ชิพ

       ขาของผมลุกไปทางห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองพร้อมทั้งแต่งตัว นาฬิกาข้อมือบอกเวลาประมาณแปดโมงกว่าๆ พอมองหน้าตัวเองในกระจก แมร่ง!!! โคตรตกใจเลย~~~รอยช้ำสีแดงๆที่รอบคอเป็นผลจากความเสียวของไอ้ชิพเมื่อคืน ชัดแบบนี้กูจาปิดยังไงฟ่ะ’เชี่ยชิพ???

       เปิดประตูออกมา ส่องหาร่างไอ้ชิพเพื่อจะต่อว่ามัน แต่เดินเร็วไม่ได้...(คงรู้ใช่ม่ะคับว่าเพราะอะไร =_=”...)

       ชานด้านนอกว่างเปล่า เอะใจแปลกๆ...เลยเดินวนไปดูด้านที่ติดทะเล กวาดตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นร่างของไอ้ชิพเลย รถก็ไม่มี เสื้อผ้าก็ไม่อยู่ แสดงว่า...

       มันกลับไปแล้ว?

      ใจของผมสั่นขึ้นมาทันที

       ผมรู้สึกหนาว...มาก คือทั้งตัวและข้างในมันโหว่งไปหมด ความทรงจำที่มีชิพสัมผัส ความเร่าร้อน กลิ่นกายของมัน ยังคงวนเวียนไปมาอยู่ในหัวผม เคยมั้ยเวลาเราคิดถึงใครสักคนมากๆเพียงในช่วงเวลาสั้นๆ? มันไม่ใช่แค่โหยหา แต่เป็นความทรมานที่แทบจะระเบิดร่างกายออกเป็นเสี่ยงๆ ผมอยากเห็นหน้ามันตอนนี้ อยากกอดมันที่นี่ เดี๋ยวนี้...

       แต่มันไม่อยู่ซะแล้ว

       ผมถอนหายใจ เดินออกมาจากบ้านพักที่ไอ้ชิพเปิดไว้เมื่อคืน ระหว่างทางที่ลัดเลาะมาตามชายหาด กลับมาที่เดิมซึ่งไม่ไกลมากนั่นคือบ้านของพี่กร พยายามทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างละเอียด

       รู้สึกเหมือนไม่ใช่คนเดิม วินาทีที่ผมเป็นของมัน ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม…

       หัวใจอีกครึ่งหนึ่งจะไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว

       ไม่มีทางหวนกลับ ไม่มีทางเรียกร้องคืน...รักมันแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีทางเติมเต็มได้หากไม่มีมัน

       เพิ่งรู้ ว่าความรักมีสองด้าน...อ้อ ให้ความรู้สึกแบบนี้เอง

       รู้สึกตัวอีกทีขามันก็เดินมาส่งให้ใกล้ทางเข้าบ้านพี่กรแล้วครับ -_-* บ้านหลังใหญ่ทั้งหลังเงียบสงบ คงยังไม่มีใครตื่น...ผมแอบเดินย่องจะเข้าบ้าน ค่อยเปิดประตูเบาๆก่อนจะวิ่งไปหยิบพลาสเตอร์ปิดแผลที่ตู้ยา แล้วตรงไปยังห้องของตัวเอง

      ใจผมกระตุกวูบด้วยความรู้สึกผิด…แต่เรื่องราวทั้งหมด คงเป็นเพราะความเมา ความคาดสติ...และอารมณ์รักที่ปะทุอยู่ในใจผมตลอดเวลาที่ผ่านมา

       พี่มาร์คคงเป็นได้แค่รุ่นพี่ที่มีความรู้สึกดีๆต่อกัน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมนั้น มันผิดเกินไปที่จะรั้งคนที่ผมไม่ได้รักจริงๆไว้ จะเชิญดุด่าว่าอะไรผมก็ตามใจเถอะครับ แต่ผมบอกตรงๆว่าห้ามใจไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกแย่มากๆที่นอกใจพี่มาร์คแบบนี้

       ทำไงดี? อ๊ากกกกกกกก ผมมันเลวมากมั้ย? คิดแบบนี้แล้วจะช่วยให้กรูมองหน้าพี่มาร์คได้ติดอีกมั้ยเนี้ย??? เซ็งโว้ย…

 

       สาธุ๊!!! ขอให้พี่มาร์คยังไม่ตื่นเถอะ มีหวังผมโดนบีบคอตายแน่ ทว่า ภายในห้องว่างเปล่า

       อ้าว ไม่มีใครอยู่?

      ทันใดนั้นแหละที่เสียงโวยวายของใครหลายคนดังมาจากทางด้านนอก ตรงหน้าต่าง ผมรีบวิ่งไปชะโงกดู ไม่รู้ทำไมใครหลายคนถึงออกไปตรงหาด ชี้ๆมุงๆกันอยู่ตรงทะเล ส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย

       วิญญาณไทยมุงกำเริบคับ กูดูด้วยคนดิ ผมเลยไม่รอช้าใส่เกียร์ที่พอจะได้(อย่าลืมคับ ว่าวันนี้เกียร์มันไม่ค่อยดี...) แล่นเข้าไปสมทบ แต่มันแปลก...เสียงของชาวบ้านหลายคนเคร่งเครียดขึ้น เหมือนมีเรื่องร้ายๆไม่ดีๆ (แต่ก็ยังอยากดู) อ้อ สายตาของผมเล็งไปที่แผ่นหลังคนที่น่าจะเป็นพี่...แล้วนั่นก็พี่...กับพี่...แฟนเค้า ป้าสมบรูณ์ เอ? ทำไมป้าถึงได้ร้องไห้ตัวโยนขนาดนั้นนะ

       และแล้ว สิ่งที่ผมเห็น ก็ทำให้หัวใจของผมเกือบหยุดนิ่ง...

       นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

      ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนชายหาด คลื่นน้ำที่โถมซัดเข้ามาลูกแล้วลูกเล่าไม่สามารถปลุกเขาให้ตื่นได้...

       ทันใดนั้น

       ผมถึงได้เข้าใจว่ามันคือร่างที่ไร้วิญญาณ...

       ร่างที่อ่อนปวกเปียกลอยโคลงมาตามน้ำแล้วเกยบนฝั่งช้าๆ…เนื้อตัวซีดๆนั้นยังคงติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ บอกไม่ถูกอ่ะคับ อธิบายไม่ได้ด้วย แต่แค่รู้ว่ามันน่ากลัว น่าขนลุกมากกว่าอะไรทั้งปวง

       ภาพที่อยู่ตรงหน้าผมนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนแล้ว พี่วุต...ใจมันวูบไปเร็ว คิดไปเองเลยอ่ะคับว่าใครคนนี้คงไม่ใช่...

       หัวใจของผมมันเจ็บจี๊ดขึ้นมา

       ชาวบ้านผู้ชายและคนในชุดสีขาว ช่วยกันพาร่างขึ้นมาบนหาด พลิกร่างนั้นให้เงยหน้า...เส้นผมสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย บัดนี้ซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา พี่มาร์ค...พี่มาร์คตายแล้วเหรอนี่…นั่นคือพี่มาร์คจริงๆเหรอเนี้ย!

       ตอนแรกผมได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ขยับขาไปไหนไม่ได้...ความรู้สึกเลวร้ายกัดกินหัวใจผมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นแค่เพียงภาพในความฝัน แต่ทุกๆอย่างดูจะตอกย้ำและสมจริงเหลือเกิน...บางคนถึงกับนั่งก้มหน้าเศร้า บางคนก็แค่ส่ายหัว แต่อย่างพี่กรและก็พวกพี่ๆของเขาต่างพากันไปออมุงดูรอบพี่มาร์ค...แต่ละคนมีน้ำตาไหลนองอาบหน้า

       ทั่วร่างของผมชาหนึบ ตรงหัวตามันร้อนผะผาวขึ้นมา สมองสั่งให้ก้าวเดินออกไปช้าๆ...ที่ตรงนั้นทุกคนโวยวายจนฟังไม่รู้เรื่อง ผมเพียงได้ยินแต่เสียงป้าสมบรูณ์พูดว่า

       “อย่าให้น้ำตาโดนตัวเขานะคะ...”

      แต่ผมนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ใช่ ผมไม่อยากให้ร่างของพี่มาร์คแปดเปื้อนน้ำตาสกปรกๆของผม แต่มันยาก ยากมากเหลือเกิน...ดวงตาของผมปวดระบมไปหมดเมื่อต้องอดกลั้นไม่ให้เขื่อนตรงนั้นไหลทะลักออกมา ผมเม้มปากแน่น จนเจ็บ...ตัวงี้เปียกน้ำไปหมดแล้ว แต่ไม่สนใจ ค่อยๆเอื้อมมือไปจับแขนพี่มาร์ค...เย็น เย็นเหลือเกิน...

       “น้องอย่าเพิ่งเกะกะคับ ต้องรีบพาคนป่วยส่งโรงพยาบาล”

      ผมรีบเอามือออก แต่ชะงักคำว่า ‘ส่งโรงพยาบาล…’

       นี่…นี่พี่มาร์คเค้ายังไม่ตาย…

      นี่เรื่องจริงเหรอเนี้ย?

       “อ้าวน้อง รีบถอยไปเซ่!~~~”

      ไอ้รถพยาบาลก็ตะคอกใส่ มองผมด้วยสายตาตำหนิ

       “ผมนึก…นึกว่าเขา…”

      แต่ไม่มีใครฟังผมหรอก ผมมองร่างพี่มาร์คถูกหามขึ้นรถเข็น ประตูสีขาวเขรอะๆของรถพยาบาลปิดลง…คนหลายคนกำลังช่วยกันยื้อชีวิตพี่มาร์คไว้

       ผมกลั้นเสียงตะโกนของตัวเองอยู่ในอกลึกๆ ไม่สามารถพูดมันออกมาเพราะความช็อคล่ะคับ แต่ข้างในตอนนี้มันแตกสลาย ปวดมวนท้องไปหมด ผมหายใจไม่ออกจริงๆที่ต้องเห็นหน้าพี่มาร์คหลับตาสนิท หัวใจไม่เต้นอีกต่อไปแล้ว และไม่หลงเหลือความอบอุ่นที่เขาเคยมอบให้ผมตลอดมา...

       ไม่เคยนึกกลัวอะไรมากมายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต

       แค่คิดก็กลัว ผมไม่อยากนึกถึงมันอีกเลยให้ตายเถอะ…

       …ความวุ่นวายกลับเข้ามาแทนที่ภาพที่รถยนต์สีขาวแล่นออกไป…ตอนนั้นทุกคนเร่งรีบพากันซักถามคนในบ้านใหญ่ ไม่รู้หรอกว่าผมไปไหน…สักพักชาวบ้านที่มามุงดูก็สลายตัวไป เหลือเพียงผมคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนั้น เปียกน้ำและหนาว...ที่สำคัญคืออ้างว้างมากจนผมกลั้นใจไม่ไหว แบบสุดจะทนโคตรๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาพร้อมแรงสะอื้นจนตัวโยน

       ...ฮัก...ฮัก...

       แค้นใจตัวเองที่ผมไม่สามารถทำอะไรให้พี่มาร์คมีความสุขได้เลย ตลอดเวลาที่เราคบกัน ผมรู้ตัวดีว่าใจของผมมันไม่ได้อยู่กับตัวเอง หรือแม้แต่พี่มาร์คก็ตาม และผมปันให้ชิพมาตลอด…ทั้งๆที่พี่มาร์คทุ่มให้ผมหมดหน้าตัก...ผมรู้ ว่าผมมันไม่ควรค่าอะไรเลย ไม่มีค่าพอมานั่งร้องไห้เสียใจกับพี่มาร์คเสียด้วยซ้ำ เขาไม่คู่ควรกับผมเลย ไม่เลยสักนิดเดียว...

       เกลียดที่ทำผิดได้ถึงขนาดนี้

       มือของใครบางคนแตะที่ไหลผม มือทั้งสองข้างค่อยๆลดลงมาปาดน้ำตา ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาพร่ามัว

       พลัก!

       ผมล้มลง นอนหงาย ตามด้วยร่างของพี่เมฆที่นั่งคร่อมแล้วกระหน่ำหมัดรัวลงมาบนใบหน้าไม่หยุด เสียงหมัดกระทบกับหน้าผมดังมากจนน่ากลัว แต่โชคดีที่ไม่มีใครเลยอยู่แถวนั้น

       “มึง!...พลัก!...มึงเป็นตัวการที่ทำให้ไอ้มาร์คต้องฆ่าตัวตาย เพราะมึง!...พลัก!...มึงรู้มั้ยว่าที่มาร์คเจ็บปวดแบบนี้เพราะอะไร เพราะมันตามมึงไป มันเพ้อมากจนเดินลงทะเลไปด้วยความเสียใจ เพราะมันรักมึง! พลัก! มันไม่อยากให้มึงไปกับไอ้เหี้ยนั่น!”

       ความเจ็บปวดที่ใบหน้าผมทำให้ร่างของผมชาหนึบไปทั้งร่าง แต่มันไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่หัวใจของผม...เลือดไหลนองเต็มหน้าคละเคล้าไปกับน้ำตา ผมไม่ได้สู้ แต่เต็มใจยอมรับความผิดทุกประการ...

       “กูไม่นึกเลยว่า...ว่า ว่ามันจะฆ่าตัวตาย...”

      มือของพี่เมฆที่กำคอเสื้อผมแน่นอยู่ค่อยๆปลดออก และเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่...ร้องไห้หนักๆอยู่ตรงนั้น เราต่างหมดแรงเพราะความเสียใจ หยุดต่อยผมไปโดยปริยาย

       ผมมองใบหน้าที่ชะโงกอยู่เหนือตัวเอง หน้าแดงๆนั่นแสดงสีหน้าแห่งความเจ็บปวด จนผมเองก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน

       “ไป...มาร์คไม่ต้องการเห็นหน้ามึงอีก”

      “พี่เมฆครับ...ผมขอ ผมขอร้อง…”

      “หลังจากที่มึงทำกับมันแบบนี้ มึงยังต้องการอะไรจากมันอีก? หา! ตอบกูหน่อยซิ!!!”

       เรายืนจ้องหน้ากัน

      “…พี่เมฆรู้?”

      พี่เมฆลุกขึ้นมาต่อยผมอีกหมัด เลิกร้องไห้ตัวโยนในทันที

       “เออ! ก็กูรู้ กูถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ไง!”

      เศษกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกขย้ำไว้ลอยมาโดนหน้าผม มืออันสั่นเทาค่อยๆคลี่กางมันออกมาอ่าน ลายมือของพี่มาร์คเขียนอยู่บนนั้น ร่องรอยแห่งความบอบช้ำบ่งบอกความหมายของทุกๆค่อยคำของตัวมันดี...

       แค่เห็น ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะอ่านมัน หรือ ซึมซาบมัน...

       “ไง มึงอายหรือว่ามึงรังเกียจที่จะอ่านกันแน่ว่ะ แต่กูบอกมึงให้ก็ได้” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชด “มันบอกว่ามันรักมึง…มาก หมดหัวใจ แต่มึงทำให้มันต้องใจสลายเพราะมึงหลอกมัน มึงหลอกให้มันรักมึง ในขณะที่มึงไปเริงร่ากับคนอื่น เอ้า มึงอ่านเองเซ่! จะได้รู้ให้ชัดๆไงว่ามึงเลวแค่ไหน ว่าเมื่อคืนมึงไปไหนกับใครมา มึงทำให้มาร์คต้องฆ่าตัวตาย มึงทำให้ชีวิตของคนๆหนึ่งต้องตาย!”

      ผมได้แต่นั่งหมดแรง สมองปิดตัวลง แต่หูยังคงได้ยินเสียงพี่เมฆพูด...

       “ถึงมันจะไข้ขึ้นมาก แต่ก็ยังมีสติพอได้รู้เรื่องชั่วๆของมึง…กูเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันเป็นเกย์ แล้วก็เป็นแฟนกับมึง แต่กูไม่นึกเลย...ว่าเพื่อนดีๆของกูต้องมาเป็นแบบนี้ เพราะมึง! กูไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนไอ้มาร์ครู้อะไร แล้วมึงไปxxx(เซ็นเซอร์)ที่ไหนมา แต่กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก แค่เพื่อนกูฆ่าตัวตาย มันก็มากพอแล้ว!”

      พี่เมฆด่าผมหยาบคายมาก แต่มันก็สาสมแล้วนี่...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เขาพูดเป็นความจริงทุกอย่าง...พี่มาร์คคงเห็นภาพตอนที่ผมกอดจูบอยู่กับชิพ ด้วยความเมาบวกความเสียใจ พี่มาร์คตัดสินใจทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด ก็เหมือนผม...แต่เขาทิ้งจดหมายลาตายไว้ที่ห้องพี่เมฆ และพี่เมฆก็รู้เรื่องทุกอย่างดีมาโดยตลอด

       พี่มาร์ค ผมขอโทษ...

       ผมไม่โทษใครเลย ยกเว้นตัวผมเอง

       “กลับไปได้แล้ว กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก”

      “พี่เมฆคับ...ผมขอ ผมขอไปด้วย”

      “มึงยังหน้าด้านอยากยุ่งกับมันอีกเหรอ?”

      ผมสูดลมหายใจลึกๆ เอาล่ะ ตอนนี้ผมยอมทุกอย่าง พี่เมฆทอดสายตามองลงมาที่ผม ซึ่งค่อยๆก้มลงกราบที่แทบเท้าพี่เขา...ถ้าเป็นตอนอื่นผมคงร้อนด้วยศักดิ์ศรีที่โดนเหยียบย้ำไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้...แลกด้วยอะไรผมก็ยอม

       “ผมกราบล่ะครับพี่...ขอผมเห็นหน้าพี่มาร์ครั้งสุดท้าย”

      ในแววตาคู่นั้น ไม่รู้ว่านอกเหนือจากความเกลียดชัง...ยังมีประกายตาแห่งความสงสารหลงเหลืออยู่น้อยๆหรือเปล่า

       แล้วเขาก็เดินไปที่รถ ไม่พูดไม่จา ตอนนี้คนในบ้านไม่มีเหลือแล้ว ผมขึ้นไปนั่งข้างๆพี่เมฆที่เบาะหน้า ในรถบรรยากาศมาคุไปตลอดทาง พี่เมฆไม่ชำเลืองมองมาทางผมเลยแม้แต่นิดเดียว...



       เราสองคนตกลงกันสั้นๆว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ระหว่างทางผมสาบานว่าหลังจากเจอพี่มาร์ค ผมจะไม่มีวันมาให้ใครเห็นหน้าอีก ให้ถือว่าเป็นการจบสิ้นจริงๆ…

      “ไม่มีใครอยากเห็นหน้ามึงอยู่แล้ว…”

      รถเลี้ยวเข้าที่จอดของโรงพยาบาลในตัวเมืองแห่งหนึ่ง ไม่ใหญ่มากนักทว่าก็ดูทันสมัย ที่ชั้นบนทุกคนรออยู่แล้ว และต่างอยู่ในอาการเสียขวัญ ตำรวจสองสามนายยืนคุยกับผู้ใหญ่ของบ้านอยู่นั่นคือป้าสมบรูณ์ พี่ๆที่เหลือนั่งหน้าเศร้า ผมเข้าไปสมทบด้วยอีกคน แต่...ไม่มีใครมองผมหรือพูดกับผมเลย ได้แต่นั่งห่างๆ...และทำเหมือนไม่รู้จักผมกันทั้งหมด

       คาดว่าอาการแบบนี้ทุกคนคงระแคะระคายกันมาบ้าง

       “แล้วคุณป้าโทรฯบอกผู้ปกครองเด็กหรือยังครับ?”

       “ยังเลยค่ะ เมื่อกี้ฉุกละหุกมาก และ...ป้าไม่อยากบอกข่าวร้ายนี้กับทางบ้านเขา”

      “งั้นเดี๋ยวผมให้หมวดเขาติดต่อให้ก็แล้วกันครับ ทุกคนใจเย็นๆก่อน”

       พวกเรานั่งรอกันอยู่ตรงนั้น(ไม่รู้เหมือนกันรออะไร มึนๆหัวด้วย คิดอะไรไม่) เงียบเชียบ ไม่มีใครคุยอะไรกันเลย คือมันรู้สึกแย่มากๆอ่ะคับ ใครจะไปนึกว่าการมาเที่ยวฉลองด้วยกันครั้งนี้จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นได้ แล้วไหนจะเรื่องความรับผิดชอบ...ที่พวกเราทุกคนต้องแบกหน้าไปบอกครอบครัวพี่มาร์ค...

       ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้บอกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว

       “กูไม่น่าเอาเหล้ามาเลย ให้ตายซิ!”

      จู่ๆพี่กรก็พูดขึ้น น้ำเสียงสลดดังเบาๆ...แล้วค่อยๆปล่อยโฮออกมาทีละน้อยจนพี่ดอมที่นั่งอยู่ข้างๆต้องคอยปลอบ...ผมคิดว่าความจริงแล้วทุกคนในทีนี้ก็รู้สึกผิดกันหมดทุกคนแหละ ด้วยความซ่าและคะนองของพวกเรานั่นเอง

       สักพัก พี่ตำรวจสองคนเดิมก็เดินมาประกาศ น้ำเสียงเหมือนจะร่วมแสดงความเสียใจตามมารยาท

      “แจ้งทางบ้านให้แล้วนะครับ กำลังเดินทางมาวันนี้ครับ…”

       ทุกคนมองหน้ากัน ยังช็อคไม่หาย และไม่เชื่อว่าพี่มาร์คจะพยายามฆ่าตัวตาย…

       
       โปรดติดตามตอนต่อไป















หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 24-02-2008 12:16:23
สงสารพี่มาร์คอ่ะ  :m15:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 24-02-2008 13:25:58
เฮ้อ...ความรัก :sad2:
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์จริงๆ :sad2:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 24-02-2008 13:40:39
จากสาเหตุนี้หรือเปล่า ที่ทำให้แดน

กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวตัวและไม่ใส่ใจใคร

เกี่ยวกับความรักในที่สุด

ตอนนี้แดนคงเจ็บปวดน่าดู น่าสงสารแดนเหมือนกัน

รักสามเศร้า สุดท้าย ก็ต้องจบลงด้วยความผิดหวัง  :m15:

========================

ปล..ตกลงตอนที่ 36 หรือ 37 แน่ะครับ  :m22:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 24-02-2008 15:15:01
 :m15: :m15:พี่มาร์ค :m15: :m15:
แดนจะทำไรต่อไป...........
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 24-02-2008 15:16:40
ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-02-2008 15:39:00
มาร์คจะตายมั้ย.........แล้วชิพหายไปไหน
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 24-02-2008 16:00:33
 :impress: :impress: :impress:

อ่านแล้วสะเทือนใจมากครับ

สงสารพี่มาร์คด้วยอะครับผม

แต่ผมว่าไม่วันใดก็วันหนึ่ง พี่มาร็คก็ต้องรู้อยู่ดีครับ

แล้วชิพหายไปไหนอะรู้ปะคราวนี้ทำไรไว้อะ

มารับผิดชอบด้วยเลย อิอิ สงสารทุกคนนะครับผม

แล้วพี่เมฆ ก็แอบรักพี่มาร์คใช่ปะ อิอิ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 24-02-2008 16:49:15
อ่านแล้วเศร้าจัง แต่ว่า ตอนที่ลงมันตอนที่ 36 มะช่ายเหรอ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทที่ 37 มาต่อแล้วน๊า!!!~~~(อีกสองตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 24-02-2008 20:18:22
โอยๆๆๆ ขอโทษๆๆนะครับ ลงชื่อตอนผิด ตอนนี้ต่างหากต้องเป็นบทที่37 555+

สรุป ไม่มีใครแนะนำนิยายประมานตบจูบๆเลยเหรอ? :o o12

เออ แต่มีเรื่องจาถาม ถ้าอยากเอารูปมาแปะตรงใต้ชื่อตัวเอง ต้องทามไงอ่ะคับ???

รอคำตอบจากผู้ใจดีนะคร้าบ~~~~

งั้นตอนนี้ขอไปอ่านเรื่องอื่นก่อนนะ อิอิ


บทที่ 37



       ภายในห้องผู้ป่วย มีเตียงตั้งอยู่กลางห้อง ร่างของพี่มาร์คที่พ้นขีดอันตรายแล้วกำลังหลับสนิทอยู่ตรงนั้น มีลมหายใจ ห่มผ้าแลดูอบอุ่น ทำให้ผมโล่งใจไม่น้อย

       นอกหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีเขียวประดับอยู่ เป็นภาพต้นไม้ที่ไหวลู่ตามลมด้วยแรงของพายุฝน สายฟ้าแลบสว่างเป็นจังหวะ ผมนั่งลงที่ข้างๆเตียง มีเก้าอี้สองสามตัววางอยู่แล้ว เนื่องจากพ่อแม่พี่มาร์คเพิ่งเข้ามาดูอาการครั้งล่าสุด ตามด้วยเหล่าเพื่อนๆซึ่งตอนนี้กลับบ้านไปกันหมดแล้ว

       เหลือแต่ผมคนเดียว…ส่วนเกิน

       เป็นเวลาดึกมากพอสมควร พ่อแม่พี่มาร์คคงลงไปซื้อกาแฟ ผมเลยหลบเข้ามาได้…นั่งมองพี่มาร์คเงียบๆ ผมจับมือของพี่มาร์คไว้อย่างไม่กล้า ค่อยๆกุมมันเอาไว้แน่น

       หมอบอกว่าพี่มาร์คมีอาการน้ำท่วมปอดตอนนำส่งโรงพยาบาล โชคดีที่พี่มาร์คตัดสินใจ…ฆ่าตัวตายตอนเช้ามืด ระยะเวลาที่กว่าจะมีคนมาพบตอนเช้าเลยไม่ค่อยห่างกันมาก บวกกับที่พี่มาร์คถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งด้วย ส่วนก่อนหน้านี้พี่มาร์คมีไข้สูง เพิ่งจะได้ยาลดไข้ไป ก็อาการดีขึ้นตามลำดับ เพียงแต่ยังไม่รู้สึกตัวเท่านั้น

       แล้วหมอยังบอกอีกว่า…รอดมาได้ด้วย ปาฏิหารษ์…       

       น้ำตาผมรื้นขึ้นมา วูบหนึ่งคิดถึงพี่วุต…พี่มาร์คคงทรมานมากเหมือนกัน

       ทั้งสองคนเจอเรื่องเลวร้ายต่างๆก็เพราะผม

       จู่ๆ…มือพี่มาร์คก็กระตุก พลันทำให้ผมเงยหน้าจากการกุมมือพี่มาร์คเอาไว้

       “พี่มาร์ค!”

      ดวงตาเรียวสองชั้นเหม่อมองบนเพตาน จนทำให้ผมต้องมองตาม สักพัก…พี่มาร์คเหมือนจะรู้สึกตัวว่าผมกุมมือเขาอยู่

       “ไง…”

      เสียงนุ่มคุ้นเคยทำให้อารมณ์อ่อนไหวของผมขาดผึงลงในที่สุด ร้องไห้ออกมา ซบลงไปกับหลังมือสีเข้ม

       พี่มาร์คมองผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นไปไม่ได้…พี่ควรจะโกรธผมซิคับ ควรจะเกลียดผม รังเกียจในสิ่งที่ผมกระทำลงไป แต่ทำไม???...พี่มาร์คถึงได้มองผมและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและห่วงใยมากมายขนาดนี้

       “พ่อแม่พี่ล่ะ?”

      ผมไม่ได้ตอบ ก็ท่านเพิ่งเดินออกไป

       “แดน หยุดร้องเถอะ”

      ผมปาดน้ำตา แต่มันยังคงไหลไม่หยุด แสบไปหมด ทว่าใบหน้าพี่มาร์คที่ตอนนี้กำลังยิ้มให้ผม เอามือสัมผัสหัวของผมอย่างอ่อนโยน สงสัยจังว่าทำไมถึงสร้างความอุ่นซ่านในหัวใจของผมได้มากมายขนาดนี้…ทั้งๆที่พี่มาร์คเกือบต้องตายเพราะผม ทำไม?...

      “ลืมมันไปซะเถอะเรื่องทุกอย่าง”

      “ผม…”

      “ลืมมันไปซะ…ต่อไปนี้จะมีแต่พี่กับแดน ที่เป็นพี่น้องกัน”

       วินาทีนั้น…เหมือนแดนคนเก่า ที่อยู่ในตัวผมตายลงไป

       แดนคนปัจจุบัน คนที่มีแต่บาดแผล ตราบาป ติดแน่นอยู่ข้างใน เป็นคนเดียวแล้วที่อยู่ในสายตาของพี่มาร์ค

       แดนคนเก่า ผู้ที่ไม่เคยทำใครร้องไห้ จากไป…ไม่มีวันกลับคืนมา

       ผมกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

       “แดนเก็บความทรงจำระหว่างเราสองคนไว้ แต่มันเป็นเพียงภาพแห่งความสุขเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แดนไม่ได้รักพี่แล้ว…พี่ก็ ไม่ได้รักแดนอีกแล้วเหมือนกัน”

       พี่มาร์คตะแคงหน้ามาทางผม น้ำตาค่อยๆไหลลงมาหนึ่งหยด ทีละนิดๆจนกระทั่งเป็นทางยาว

       “…ระหว่างที่จมน้ำ พี่มีความรู้สึกว่า…ชีวิตของพี่ยังมีหนทางให้เลือกอีกมากมาย อีกยาวไกล”

      “แล้วพี่เลือกที่จะต้องมาตายแบบนี้น่ะเหรอ? ชีวิตของคนเรามีค่าเพียงแค่เจ็บช้ำ? ต้องตายเพราะความรัก? พี่เลยนึกขึ้นได้ว่าเราไม่ควรจะยึดติดกับรัก…โดยเฉพาะรักที่ไม่ใช่ของคนรัก หรือแม้แต่กระทั่งตัวเอง อย่างที่คนอย่างพี่ไม่เคยได้ความรักจากแดนเลย…”

      ผมหลับตาลง ซึบซับคำพูดพี่มาร์คไว้ และพบว่าแม้มันจะเป็นแค่คำพูดที่พี่มาร์คสารภาพ บอกเล่า ปรับทุก…แต่มันกรีดแทงลงไปในหัวใจผมได้เจ็บปวดอย่างแปลกประหลาด เกินกว่าจะบรรยายได้

       ความจริงที่ทำร้ายผมอยู่ตลอดเวลานับจนบัดนี้

       “พี่เลยอดทน…แดนจะอดทนเพื่อพี่ด้วยได้มั้ย?”

      ผมพยักหน้า พี่มาร์คยิ้มบางๆ…

       “พี่มาร์คคือพี่ชาย…พี่ชายที่ดีที่สุดของแดน ผมไม่เคยมีพี่ชาย แต่พี่มาร์คคือพี่แท้ๆของแดนแล้ว…ขอบคุณและขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา…ขอบคุณ…สำหรับความหวังดีที่พี่มาร์คมีแต่ให้กับผมเสมอมา”

      เราสวมกอดกัน เป็นกอดที่แนบแน่น ครั้งสุดท้าย…ผมรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน เหมือนว่าเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วในช่วงหนึ่งปี ตั้งแต่พบพี่มาร์ค ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์ ท้ายที่สุดแล้วภายในอ้อมกอดนี้ เป็นสถานที่ๆผมรู้สึกอบอุ่นและสุขใจจนเรื่องเลวร้ายทุกอย่างหมอดดับลง…พร้อมๆกับภาพต่างๆ ความทรงจำต่างๆ เรื่องเลวร้ายต่างๆถูกบดบังแทนที่ด้วยแสงอาทิตย์เจิดจ้า สว่างจ้าราวกับนี่ คือวันแรกก่อนที่ผมจะได้รู้จักกับทุกๆคน…และดำเนินเรื่องราวมาจนถึงจุดจบนี้…

       “เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ใช่มั้ย?”

      “ใช่คับ” ผมตอบเบาๆ…ฮื้อ?

      “งั้นถ้าพี่ไปเมืองนอก แดนยังคงจะตอบจดหมายทางไกลจากพี่ชายคนนี้อยู่รึเปล่า”

      ผมอึ้ง…แต่ถ้านี่ถือความต้องการของพี่มาร์ค ผมก็ไม่อยากห้าม

      “แล้วเรื่องเรียน…”

      “สบายมาก…ถ้าพี่ติดมหาลัยที่นี้ ก็ไม่เอาหรอก พี่คิดว่าถ้าได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหนไกลๆคงจะดีกว่า…มันทำให้ลืมเรื่องราวได้เร็วนักล่ะรู้มั้ย ส่วนมหาลัยที่นู่นคงต้องคุยกับพ่อ แต่แค่เอาหลักฐานมัธยมกับวีซ่าไปสมัคร สองปีพี่ก็จบแล้ว…แดนคิดว่าแพงไปมั้ยกับค่าจดหมายทางไกลยาวนานแบบนี้?”

      น้ำเสียงของพี่มาร์คติดตลกอยู่อีก แม้ในสถานการณ์แบบนี้ พี่มาร์คก็ยังคงทำตัวน่ารัก จนน่า…

      ภาพผมแสดงความรักกับพี่มาร์คกำลังแล่นเข้ามาในหัว ทว่าผมพยายามหยุดไว้ แล้วมันก็ค่อยๆเลือนหายไป เหลือเป็นเพียงแค่รอยยิ้มที่ผมมอบให้เขาเท่านั้น

      บอกแล้ว ว่าพี่มาร์คเป็นแต่ผู้ให้ที่แสนดี เป็นคนที่ผมไม่คิดว่ามีจริงบนโลกใบนี้…และครั้งหนึ่งผมเกือบเสียเขาไป…

       จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นอีกแล้ว

      เราสองคนนั่งกับเงียบๆ พี่มาร์คกุมมือผมตลอดเวลา ดึงไปเล่นอย่างจะจดจำเอาไว้ และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมต้องไป ทำตามคำสัญญา…ว่าผมจะเจอหน้าพี่มาร์คเป็นครั้งสุดท้าย

       “พี่จะไม่ได้เจอแดนอีกแล้วใช่มั้ย?”

      พี่มาร์คพูดขึ้นทำลายความเงียบ…เหมือนรู้...แล้วความจริงก็พุ่งเข้าทิ่มแทงผมอย่างเจ็บปวด เราสองคนต่างรู้ดี…ว่าไม่มีทางเลือกอื่นที่เป็นไปได้อีกแล้ว

       ผมพยักหน้าเงียบๆ คราวนี้ถ้าร้องไห้…ผมคงเจ็บปางตาย

       แค่คิด ภายในอกก็เหมือนจะระเบิดเป็นเสี่ยงซะแล้ว

      “แต่ขอให้รู้ไว้นะ…พี่รักแดนเสมอ”

      ผมค่อยๆปล่อยมือพี่มาร์ค เดินออกมายืนที่หน้าประตู…แต่แล้วกลับต้านทานกระแสบางอย่างไว้ไม่ไหว ทำให้ต้องหันหลังกลับไปมอง…ภาพพี่มาร์คนั่งอยู่ตรงนั้น ยิ้มให้ผม แต่เป็นรอยยิ้มแสนเศร้า เศร้าที่สุด…โบกมือให้ผม ผมเดินออกมาช้าๆเหมือนคนใกล้ตาย พยายามจดจำใบหน้านั้นไว้ให้ได้นานมากที่สุด ก่อนจะออกเดินด้วยขาแข้งที่ไร้เรี่ยวแรง บอกตัวเอง…อดทนไว้ๆ…ทุกอย่างจะหายดี ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง…

      …ทุกอย่างจะหายดี ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง…




 
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก วันนี้บทที่ 37 จริงๆและ แฮะๆๆ (ก็เมื่อวานเบลอๆเอาบท36มาลง...)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 24-02-2008 20:47:19
ตอบน้อง Alex นะครับ

วิธีการใส่รูป

1. ที่ด้านบนของบอร์ดให้คลิกที่ Profile

2. ที่เมนูด้านซ้ายมือให้เลือก Forum Profile Information

3. ที่ด้านขวามือ ให้เลือกตัวเลือก I have my own pic หลังจากนั้นก็ใส่ URL Link ของรูป ที่เราเอาไปฝากไว้ตามเว็บฝากรูปครับ

เว็บฝากรุป เช่น http://www.smileupload.com/ , http://temppic.com/ , http://www.photo2host.com/ , http://uppic.net/
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก วันนี้บทที่ 37 จริงๆและ แฮะๆๆ (ก็เมื่อวานเบลอๆเอาบท36มาลง...)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 24-02-2008 23:01:13
แล้วชิพหายไปไหนฟันแล้วทิ้งรึ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก วันนี้บทที่ 37 จริงๆและ แฮะๆๆ (ก็เมื่อวานเบลอๆเอาบท36มาลง...)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 25-02-2008 00:25:54
สะเทือนใจที่สุดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก วันนี้บทที่ 37 จริงๆและ แฮะๆๆ (ก็เมื่อวานเบลอๆเอาบท36มาลง...)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-02-2008 00:33:44
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม สงสารพี่มาร์คจังเลยอะครับ

ถ้าผมเป็นแดนผมคงน้ำตานองไปแล้ว อิอิ

เป็นกำลังใจให้พี่มาร์คเร็วๆๆเจอคนที่ดีและใช่สำหรับพี่มาร์คนะครับ

เป็นกำลังใจให้แดน เข็มแข็งไว้ครับผม ยังมีชิพที่รักแดน รออยู่นะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก วันนี้บทที่ 37 จริงๆและ แฮะๆๆ (ก็เมื่อวานเบลอๆเอาบท36มาลง...)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 25-02-2008 22:00:48
และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายจนได้นะครับ 555+ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก :m15: :m1: ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่สละเวลาเข้ามาเยี่ยมทุกคนเลยนะครับ ทุกreplyของท่านมีความหมายต่อผมมากๆ ขอบพระคุณมากนะครับ :pig4: :pig4: :pig4:

ส่วนภาคสอง ผมยังคิดชื่อไม่ออก ขอเป็นชื่อเดิมแต่เติม (2) เข้าไปตรงท้ายเท่านั้นก่อนนะงับ :m23: ใช้ชั่วคราว แล้วเปลี่ยนเมื่อไร จะเอามาบอกอีกทีนะครับ ระยะนี้กำลังแต่งอยู่ ขอแต่งให้ได้มากกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยเริ่มลงนะครับ

ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดทั้งปี

ALeX

ปล.มาขอขอบคุณ myloveisyou ไว้เป็นพิเศษด้วยนะครับที่อุตสาห์สอนให้ลงรูป อิอิ รู้บ้างหรือเปล่าว่าในรูปนั่นน่ะใคร  :m12: :m12: :m12:

บทส่งท้าย



       ผ่านไปเกือบหนึ่งปีแล้วซินะ…แต่ผมยังมีความรู้สึกว่าใครบางคนยังคงนั่งอยู่ข้างๆผม ตอนนี้ก็ใช่

       หลังจากอ่านจดหมายฉบับล่าสุดของพี่มาร์ค ที่ประทับตราไปรษณีย์ของประเทศอังกฤษไว้หร่า ผมอมยิ้มน้อยใหญ่คนเดียวอย่างกับคนบ้า พลางวนดูรูปถ่ายของพี่มาร์คกับไอ้พี่เมฆตัวดี ที่หลายรูปในจำนวนปึกนั้นส่อเค้าว่าเพื่อนรักทั้งสองคนคงจะไม่ใช่แค่ ‘เพื่อน’ กันอีกต่อไป…

      ทำไมนะเหรอ? อ้าว เพื่อนรักกันใครเค้าจะคอยป้อนไอติมเพื่อนได้หวานและน่ารักปานนั้น เพื่อนที่ไหนกันจะคอยแกล้งทำเป็นหอมแก้มเพื่อนอย่างไม่ทันระวังอยู่เรื่อย แล้วใครที่ไหนกัน…ที่เมื่อรู้ข่าวว่า ‘เพื่อน’ ต้องไปเรียนต่างประเทศ ก็รีบขอพ่อขอแม่ตามไปด้วยกันทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เมื่อยตุ้ม

      แถมจดหมาย ยังลงท้ายด้วยนัยทำนองว่า…‘หากพี่ไม่มีไอ้เมฆเป็นเพื่อนแก้เหงา พี่คงไม่มีความสุขได้มาจนถึงทุกวันนี้’…

      หวานแค่ไหน คิดเอาเองและกัน >.<~~~

      ลมเย็นๆพัดผ่านมา นานแล้วซินะที่ผมไม่ได้รู้สึกปลอดโปร่งเหมือนอย่างเช่นตอนนี้ อย่างน้อยก็ดีขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนั้น...ภาพเหตุการณ์ที่เศร้าหมอง ภาพแม่พี่มาร์คร่ำไห้ปานหัวใจจะขาดอยู่ในอ้อมแขนพ่อเขา ด้วยความรักในตัวลูกชายคนเดียว...ภาพเพื่อนๆพี่มาร์คที่นั่งหน้าเศร้า บางคนตากับจมูกแดงๆเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ

       แม้ตอนนี้มันก็ยังรู้สึก...รู้สึกว่าผมไม่สามารถผูกพันกับใครได้บริสุทธิ์ใจเหมือนอย่างเช่นความสัมพันธ์ครั้งนี้อีก ความรู้สึกที่มีใครสักคนคอยห่วงใยเรา อยากดูแลเรา ปกป้องเราตราบชั่วชีวิตเขา มีคุณค่ามากมายเช่นนี้เอง

       การที่พี่มาร์คเป็นพี่ที่แสนดี...ความรู้สึกอบอุ่นไม่มีที่สิ้นสุดนี้จะคงอยู่ในใจของผมตลอดไป

       ผมยกมือขึ้นลูบใบหน้าของพี่มาร์ค ตามด้วยพี่เมฆ...ใบหน้าอันหล่อเหลา ดวงตาสองชั้นอ่อนโยนท่ามกลางเครื่องหน้าคมเข้มนั้นมองตรงมาที่ผม น้ำตามันเริ่มไหลออกมา...ออกมาเองด้วยความตื้นตันที่ชีวิตนี้ผมได้รู้จักใครคนหนึ่ง...คนที่ทำให้ชีวิตของผมเองสวยงามขึ้นท่ามกลางความเลวร้ายต่างๆนานา

       แค่เพียงนึกถึง…ใจมันก็รู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด

       ...ขอบคุณนะครับพี่มาร์ค...

       “ขอให้มีความสุขมากๆนะครับพี่มาร์ค…”

       ผมกระซิบเบาๆ ท่ามกลางความเงียบสงบที่ลานหน้าตึกสี่(ย้อนกลับมาที่โรงเรียนนิดส์หนึ่ง) จู่ๆก็มีลมเย็นๆพัดมา ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าหนาว...

       สายลมเอ๋ย…พัดเอาคำพูดนี้ไปให้ไกล ให้ไกลจนถึงเค้าให้ได้นะ…

       …ผมอยากให้เค้ารู้ว่า ผมขอบคุณพระเจ้าทุกวัน...ที่ได้รักเขา...



       ผมค่อยๆลุกขึ้น แล้วหลับตาลง...ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นภาพสนามฟุตบอลโล่งๆ กว้างๆ…บัดนี้สนามที่เคยเขียวขจีกลับกลายเป็นทุ่งฝุ่นคลุ้งด้วยแรงลม กาลเวลาเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยน(แต่สนามหญ้าน่ะโรงเรียนไม่มีงบ แฮะๆ =+=”)…ความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างไม่ทำให้ผมเกลียดเท่าสิ่งๆหนึ่ง…ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

       แค่ผมเดินผ่าน ภาพของใครบางคนเหมือนจะคอยตามหลอกหลอน ว่ามันเคยยืนอยู่ตรงนี้ เคยนั่งอยู่ตรงนี้ เตือนให้ผมเจ็บปวด กับความเลวของมัน ความร้ายกาจของมัน…

      ในโรงอาหาร ภาพที่มันนั่งอยู่ตรงข้ามผม…ทำร้ายผมจนต้องเบือนหน้านี้ ทุกๆที่เต็มไปด้วยความทรงจำของมัน…ยังเจ็บทุกครั้ง แบบว่าแม้แต่หลับตายังไม่สามารถลบภาพนั้นออกได้สักที

       ใครกันน่ะเหรอครับที่ผมเกลียดได้ถึงขนาดนี้?

       ก็ใคร…ที่มันสัญญาว่าจะอยู่กับผมตลอดไป…

       …ถ้าไม่ใช่ ไอ้ชิพ…



       หนึ่งปีก่อน…เมื่อหลังจากอำลาพี่มาร์คเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็รีบขึ้นรถtourกลับบ้านที่กรุงเทพฯทันที

       หลายวันที่ผมเอาแต่นอนซม ใจลอย คิดถึงแต่เรื่องเก่าๆครั้งกระโน้น โรงเรียนก็ไม่ค่อยได้ไป โดดบ้าง หนีเรียนบ้าง จนแม่ด่า แต่มันห้ามไม่ได้นี่ ใจผมมันลอยไปหาแต่คนที่คิดถึง ลอยไปหาสิ่งที่ทำให้หัวใจของผมมีความสุข

      แม้มันจะเป็นเพียงความสุขอันน้อยนิด ทว่าในขณะนั้นผมรู้สึกเหมือนขาดความสุขขั้นรุนแรง จนใจมันแห้งตายไปซะอย่างงั้น

       แม่ผมก็ทราบดีเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงต้นปิดเทอม บัดนี้แล้ว...แม่ยังคงเป็นห่วงกับอาการซึมเศร้าของผมเสมอ แต่แม่ไม่รู้หรอก...ว่าผมรู้สึกยังไง

       ข้าวปลาก็ไม่กิน มันไม่อยากกินอ่ะ ทำไงได้

       ‘แดน ลูกต้องกินข้าวหน่อยนะ แม่อุตสาห์ทำ’

      ถ้าแม่พูดแบบนี้ ก็หมายความว่าแม่เป็นห่วง ขอร้องให้กิน และในขณะเดียวกันก็อย่าทำให้แม่เสียใจ

       ผมจึงจำใจต้องกิน

       เวลามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิต ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่านะ?...แต่กับข้าวที่มันอร่อยๆมาตลอดกลับขมจัดไปซะงั้นในความคิดของเรา

       ‘แดนผอมลงไปมาก...แม่รู้ว่าแดนกำลังเศร้า แต่ต้องกินนะลูก’

      ผมคับๆตอบแม่ไปงั้นแหละ เสร็จก็ขอตัวขึ้นมาหมกอยู่บนห้องเหมือนเดิม อยากจะซ่อนตัวให้หายไปจากโลกนี้ซะเลยให้หมดเรื่อง เฮ้อ...

       ผม…กลัว กลัวการเริ่มต้นวันใหม่ กลัว...ว่าวันนี้ผมจะทำให้ใครเสียใจอีก

       ผมลุกออกจากเตียง นั่งมอไซค์ฯออกไปหน้าปากซอยเพื่อรอรถเมล์ นั่งไปไม่ไกลมากนักก็ลงเดิน จำทางพอได้บ้างไม่ได้บ้าง...

       แต่ตอนนี้ก็เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูเหล็กใหญ่โต มองเข้าไปเห็นบ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา

       ผมกดออด

       ‘มาหาใครคะน้อง?’

      พี่ผู้หญิงชุดขาวกระโปรงผ้าถุงสีแดงดำถาม สำเหนียงอีสานแท้ๆ

        ‘ชิพครับ...ผมเป็นเพื่อนชิพ’

      พี่ผู้หญิงคนนั้นนิ่งไปพัก แล้วบอกว่า

       ‘ยืนรอก่อนนะ’

      รอก็รอว่ะ ดีนะที่แดดยังไม่ร้อน

       สักพัก อีพี่คนเดิมเดินหน้ามุ่ยมาและ

       ‘คุณชิพไม่อยู่แล้วนะคะ คุณไปเรียนที่เมืองนอกแล้ว’

       ‘หา?’ งง งงดิคับ งงเป็นไก่ตาแตกเลย o_O???

       เกิดอาการช็อคเล็กน้อยด้วย...’น้องคือ...น้องแดนหรือเปล่าคะ?’

       อ้าว ทำไมรู้จักชื่อกูอ่ะ? ‘ใช่คับ?’

       ‘น้องคะ’ พี่อีสาน(ขอเรียกเพราะไม่รู้จักชื่อเขาจริงๆ ไม่ได้ต้องการลบหลู่ใครนะคับ)ค่อยๆดันตัวเองออกมาจากภายในบ้าน เหมือนแกมีเรื่องสำคัญจะพูดกับผม(ซึ่งก็จริงด้วยซิ)

      ‘ต่อไปนี้น้องไม่ต้องมาอีกแล้วนะคะ พี่ไม่รู้เหมือนค่ะว่าทำไมคุณท่านถึงสั่งให้มาพูดแบบนี้...แต่ตอนนี้คุณชิพไม่อยู่แล้ว คุณเค้าไปเมืองนอกตั้งนานแล้ว และบอกว่าไม่อยากเจอน้องอีก พี่ขอโทษด้วยนะคะ แต่บ้านมหภควัตรไม่ขอต้อนรับน้องอีก อ้อ คุรท่านสั่งว่าน้องไม่ต้องติดต่อกับคุณชิพด้วยนะคะ ท่านบอกว่าคุณชิพเธอสั่งไว้ ไม่ต้องการติดต่อกับน้องอีก’

      เสร็จแล้วพี่เขาก็ก้มหน้า ปิดประตูบ้าน เดินหลังแข็งหายลับเข้าไปทันที

       ‘อะไรว่ะ?’ ผมได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ งงมาก

       ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คนยืนยันขนาดนั้น จะให้เรียกย่าชิพมาถามเลยผมก็ไม่กล้า ทำให้ผมต้องก้มหน้ายอมรับความจริงไป…ความจริงที่ว่า

       …ชิพไล่ผม?

      ไม่ซิ มันบอกคนรับใช้ให้มาบอกผม...ว่าไม่อยากเจอหน้าอีก

       ทำไม? ถ้าเรื่องแค่นี้...บอกตรงๆกับผมก็ได้

       ไม่ต้องให้คนใช้มาบอกหรอก...แต่แค่โทรมา บอกว่ามันอยู่ไหน ก็ได้...

       แต่นี่ แม้แต่จะเขียนจดหมายหากัน ก็ไม่มี...

       หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ผมไม่ได้รับข่าวคราวจากมันเลย มันไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็น หรือแม้แต่โทรมา...ให้ได้ยินเสียง ไม่งั้นผมไม่เก็บเอามันมาคิดถึงจนฝันตั้งแต่เมื่อคืนหรอก...ไม่งั้นผมคงไม่คิดถึงมันมากมายขนาดนี้

       ไม่รู้เหมือนกันมาผมไปทำอะไรผิดให้มันไม่พอใจ ให้มันหมดรักผม ทิ้งผมแบบเย็นชาไร้เยื้อใยแบบนี้

       รวมรวบสติได้แล้ว เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว แล้วไอ้ความจริงทั้งหมดทั้งปวงมันเหมือนโหมเข้ามากระแทกร่างผม ผมเดินคอตกออกมา น้ำตามันค่อยรินไหล...ไอ้ชิพมันหลอกผม ผมรักมันแล้วแต่มันหนีไปไหน? มันทิ้งผมไว้ ทิ้งผมไว้คนเดียว กับไอ้ความทรมานและคิดถึงมันแทบจะขาดใจ

       แล้วมาสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆผมตลอดไปกันทำไม? มาบอกรัก มาให้ความหวังทำไม?

       เปล่าเลย…ที่มันมีให้ คือความเย็นชา ความไร้เยื่อใยที่ราวกับเฉือนใจของผมให้ขาดวิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

       ผมพยายามกลั้นน้ำตา ปวดเบ้าตาไปหมด...เพิ่งรู้ก็อีวันนี้นะเนี้ยว่าอกหักของจริงมันเป็นยังไง(ประโยคน้ำเน่า -v-)

       ความรู้สึกตอนนั้นบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก ผมกลับบ้านไปอ้วกเลยอ่ะคับ(ประมาณว่ากว่าจะลากตัวเองกลับบ้านได้นี่ร้องไห้ไปตลอด) ใจผมมันแทบคลั่งเพราะทั้งโกรธทั้งรักไอ้ชิพมันจนจะบ้า ตอนนี้เข้าใจหมดทุกอย่างแล้วพวกความรัก ความสุข ความเศร้า ความทุกข์ ความผิดหวัง...ก็มีแต่มันนี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกทั้งหมดนั้น<<<ได้ภายในเวลาเดียวกัน

       อยากจะหัวเราะดังๆ...ชาตินี้ผมไม่ขอเจอหน้ามันอีกเลย ไอ้ชิพ!

       ถึงบ้านแล้ว ล้มตัวลงนอน ผมต้องต่อต้านกับความรู้สึกบ้าคลั่งในตัวเอง ใจหนึ่งบอกให้เลิกรักมันซะ แล้วเปลี่ยนมาเป้นอาฆาตแค้นมันแทน อีกใจหนึ่งบอกให้รักมันสุดหัวใจต่อไป

       แต่ไอ้การรอคอยใครสักคนเนี้ย ใครไม่เป็นไม่รู้หรอก…ว่ามันเหี้ยขนาดไหน

       เคยคิดมั้ยว่าพระเจ้าเล่นตลกกับเรา?

       เคยคิดมั้ยว่าชะตากรรมชอบทดสอบเรา?

       ที่แน่ๆ ผมถูกลิขิตมาเพื่อความสิ้นหวัง ฮ่าๆๆๆ

       ……………………………………………………………..

       ………………………………………………

       ………………………………..

       ///////////////////////////////

       >>>>>>>>>>>>นั่นแหละครับ เรื่องน้ำเน่าๆแกมรันทดของชีวิตเด็กมัธยมปลายอย่างผม หวังว่าเรื่องเล่านี้คงทำให้ผู้ที่อ่านรู้ตัวได้ทันท่วงทีนะครับ ว่าความรักน่ะ มันมีสองด้าน…บทมันจะหวานอิ่มใจก็แสนหวาน บทมันจะร้ายเหี้ยๆกับเราได้ก็เลวเยี่ยงซาตาน ฉะนั้น ก่อนจะเทใจรักใคร คิดให้ดี ว่าพร้อมจะเจอเรื่องเหี้ยๆเท่าเรื่องที่ผมได้เจอมาหรือเปล่า…

      ซึ่งมันไม่ได้หยุดแค่นี้ เหี้ยที…เหี้ยล่วงหน้าไปอีกตั้งห้าปี ห้าปีเต็มที่ผมอยู่อย่างอาฆาตแค้น เฝ้ารอคอย และโอกาสประสบเหมาะก็มาถึง…

       และแล้วเรื่องทุกอย่างก็บังเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง





       จบ ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก

       

แล้วเจอกานนะคร้าบบบบบ~~~ :bye2: :bye2: :bye2:


หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-02-2008 22:24:44
พี่มาร์คดีเว่อร์มากกกกกกกกกกกกกกกกกก คิดแล้วแอบเสียดายแทน

แต่ไอ้ชิพเนี่ยสิ มันยังไงอะไรกันแน่ๆ รอลุ้นภาคสองดีกว่า เอามันส์ๆเลยน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 25-02-2008 22:26:24
ตามมาอ่านติดๆ โหย เจ้าชิพสุดๆ หรือชิพมีเหตุผลไรหว่า

ภาค 2 มาเร็วๆน้า อยากรู้แดนจะแก้แค้นยังไง

ปล. ช่วยเสนอชื่อเรื่อง ไหนๆทั้แค้นทั้งรัก ลองชื่อนี้มะคับ  รอยรัก แรงแค้น
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 25-02-2008 22:29:05
สงสัยในตัวชิพเหลือเกิน  o12 :o

ภาค 2 ในระดับมหาลัย แดนคงร้ายน่าดูเลย อ่านจากบทส่งท้าย  o12

5 ปี กับ ความแค้น  :m16: :m16:

สรุปแล้ ไอ้พี่เมฆ เจ็บแทนคนที่ตัวเองรักมากที่สุด อย่าง พี่มาร์คนี่เอง  :oni2: o13
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-02-2008 22:50:24
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับจบซะงั้น

อยากให้แดน กับ ชิพ รักกันอะครับ

แต่ภาคนี้แดนไม่สมหวังไม่เป็นไร

แต่ภาค2ต้องสมหวังนะครับ

เชื่อว่าชิพจะกลับมาหาแดน

แดนอดทนรออีกหน่อยนะครับ อิอิ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 26-02-2008 00:19:43
เป็นอีกเรื่องแล้วที่เจอผู้ชายห่วยๆ  :เฮ้อ:   

แดนใจเย็นนะคะ อย่าคิดมาก


มาต่อภาค สอง ไวๆล่า อิอิ :m4:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 26-02-2008 00:23:03
ภาค2คงเกี่ยวกะแดนและชิพล้วนๆๆแน่เลย ดีแล้วต้องเอาคืนซะบ้างฟันแล้วหนีหน้า ไงรอภาค2น๊าจ๊ะ ก็เป็น รักมากแค้นมาก ไปละกันเนอะ
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 26-02-2008 00:56:01
 :oni1:มารอครับ :oni1:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 26-02-2008 08:25:06
สงสารมาร์คอะ.............

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 27-02-2008 00:47:01
 :m15: :m15: จบเศร้าจังคับ   :m15: :m15:

หวังว่าภาค2คงมาไวๆนะครับ    :sad2: :sad2:  เพราะว่าภาคนี้จบได้ค้างคามากเลยครับ   :sad2: :sad2:

+1นะครับ  สำหรับเรื่องที่น่าติดตาม  o7 o7
หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 27-02-2008 03:12:19
ร้องไห้เพราะพี่มาร์คเลย
เเสนดีไรอย่างนี้
เอาเหอะตอนนี้พี่มาร์คก็มีคนคอยดูเเล เเล้ว หุหุ
เเล้วชิพอยู่ก็หายไป
เอาสิคนเรา
บอกลาหรือไรสักคำก็ไม่มี
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ค้างๆๆ
อยากรู้ภาค 2 จะเป็นไง
5 ปีที่ทั้งรักทั้งเเค้น
หุหุ
จะเป็นไงนะ
ชิพ เจอดีซะมั่งได้มั้ย ปล่อยให้รอ....เเถมไปไม่ลาอีก

 :m16: :m16: :m16:

หัวข้อ: Re: ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก บทส่งท้าย~~~(ตอนสุดท้ายแล้วน๊า!!! ฮือๆ แต่ยังนึกชื่อภาค2ไม่ออก
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 27-02-2008 16:26:03
อา~~!!! เอาภาคสองมาลงแล้วนะครับ หวังว่าทุกคนจะชอบกันน๊า ภาคสองนี้ขอประกาศใช้ชื่อว่า "ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น" ฮึๆ  ชื่อน่ากลัวใช่มั้ยล่า แต่รับรองว่าสนุกไม่แพ้ภาคหนึ่งแน่นอนครับ

ผมอาจจะเอามาลงช้าบ้าง เร็วบ้าง ปิดเทอมนี้ไม่แน่นอนจริงๆเพราะผมมีเรียนพิเศษเยอะเเยะมากมายเลย ยุ่งๆด้วย ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุงคับ :o8:


ยิ่งรัก…หัวใจก็ยิ่งแค้น



“...ถ้าความรักคือความเห็นแก่ตัว แล้วจะผิดมั้ย? ถ้าฉันยอมทำทุกวิถีทางเพื่อรักเธอหมดหัวใจ...”


บทที่ 1

 

       ณ โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ บรรยากาศเย็นๆท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุทำให้ผมเผลอฟุบหลับลงไป ในความฝันที่เลือนลาง เกี่ยวกับใครบางคนที่ผมลืมไปแล้วนานแสนนาน...

       “เฮ้ยๆ ตื่นๆ มานอนอะไรอยู่ตรงนี้”

       เสียงห้วนๆปลุกผม เชรี่ยแมร่ง? อะไรว่ะ คนกำลังเคลิ้มได้ที่ =_+”

       “เฮ้ย ลุกดิว่ะ ดูดิใครมองมึงอยู่”

       ผมค่อยๆงัวเงียขึ้นมา เห็นมีแต่หน้าไอ้หวาน ที่สวยเด่นมาแต่ไกล

       ใช่ครับ...ผู้หญิงหน้ารูปไข่สวยหวานๆ ผมตัดประบ่าคนนี้แหละที่กำลังเอาแข้งมันขึ้นมาวางพาดไว้บนม้านั่ง กางไหล่ออก ตบกระโหลกผมเข้าให้ทีหนึ่งเบาๆ

       “จ้องอะไร นู่น มึงดูนู่น...เป้าหมายมึงนั่งอยู่นู่นแล้ว”

      ผมไม่สนใจกับท่าทางจิกโก๋หลังวังของไอ้หวานมัน...ได้แต่ส่ายหัว รูปร่างหน้าตา แม้แต่ชื่อก็แมร่งหวาน แต่ทำไม๊ ดันเป็นพวกห้าวไปซะได้ ความจริงแล้วมันนี่แหละคือคนที่เรียบร้อยที่สุดเวลาออกไปเที่ยวที่ไหน นอกเสียจากอยู่กับกลุ่มประจำของพวกเรา มันถึงจะกล้าเปิดเผย

       “ใครว่ะ”

      “อ้าวไอ้ห่า~~~นี่มึงไม่ได้ยินข่าวลือมาบ้างหรือไง ที่ว่านายนั่นน่ะ...เป็นเกย์!”

      ผมมองหน้ามันนิ่งๆ ท่าทางมันจริงจังเสียจนต้องทำให้ผมปรายตามองไปตามเป้าหมาย...ที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกันกับผมกำลังนั่งอยู่คนเดียว ภายใต้ร่มไม้มีเพียงเขา...ที่ดูเศร้าแปลกๆ เอาแต่ก้มหน้า เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก...

       ไม่รู้ซิ ความรู้สึกบางอย่างสั่งให้ผม...อยากทำความรู้จักกับเขา

       “แถมกูว่า เค้าแอบชอบมึงด้วยว่ะแดน”

      ไอ้หวานทำหน้าทะเล้น กรูเลยตบกะโหลกมันกลับไปที นี่~~~อีบ้า มรึงจาได้เลิกไฮเปอร์ซ้าที =_=”*

       ผมตัดสินใจค่อยๆลุกเดินไปหาเขา เจ้าของร่างสูงนั้นยังไม่รู้ตัว หันไปโบกมือไล่ไอ้หวานก่อนอย่างไม่ลืม ซึ่งก็ยอมหลบฉากไปแต่โดยดี

       “โทษครับ” ผมเริ่มทักเขา “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย?”

       คือ ประมานว่าเก้าอี้หินอ่อนมันเป็นแบบตัวเดี่ยวๆตามยาว เขานั่งคนเดียวก็เกือบเต็มแล้ว ผมยังจะสะเออะขอนั่งด้วยอีกนะ เหอะๆ-_-“...แต่หมายความว่าผมอยากคุยกับเขาจริงๆน่ะเองคับ

       นายคนนี้เงยหน้าขึ้นมา วูบแรกที่ทำให้ผมตกใจก็คือ...ไอ้หมอนี่กำลังร้องไห้

       โอเคๆ...ก็ไม่เชิงร้องไห้หรอก แค่ตาแดงๆ แต่เมื่อรวมกับเครื่องหน้าที่หล่อเหลาของเขาแล้ว เคล้าความเศร้าแปลกๆในแววตาของเขาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน...ทำให้ผมยิ่งอยากรู้จักมากขึ้นซะด้วยซิ…

       “...”

       นายคนนี้กระเถิบที่ให้ ผมยื่นขวดน้ำให้เขา พลางเอ่ยคำถามลอยๆ

       “ร้องไห้ทำไม?”

        ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่กล้าถามใครในสถานการณ์แบบนี้(มีหวังโดนสวนกลับเป็นหมัดแถม…) แต่เดี๋ยวนี้ม่ายรู้จะพูดอ้อมค้อมไปทำไม ถามตรงๆแมร่งเลยดีกว่า

       เขาไม่ตอบ...แต่หันหน้ามาทางผม ลักษณะแววตาที่ตัดพ้อขณะเค้าค้อมตัวลงเล็กน้อย(มันตัวสูงมากเลยง่ะ = =”) ถึงกับเรียกเสียงหัวเราะจากผมได้...เขาคงเข้าใจว่าผมหัวเราะเยาะ ทั้งๆที่จริงๆผมก็แค่ขำ...

       “นายร้องไห้เพราะอกหักเหรอ?”

      เขาค่อยๆพยักหน้า ผมยิ้ม คนเรามันจะเสียน้ำตากันได้ซักกี่เรื่องเชียว?

       “เราว่า นายเลิกคิดเถอะ คนเราต้องเดินหน้าต่อไป ดูอย่างแฟนนายซิ...เค้ายังเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีนายเลย ทำไมนายจะทำไม่ได้ล่ะ”

       “คุณ...คุณมาพูดกับผมแบบนี้ทำไม?”

       น้ำเสียงเครื่อๆของเขา...เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่วูบของความโศกเศร้าสัมผัสเข้าถึงจิตใจส่วนลึกของผมได้...ผมตกใจ รีบลบเสียงนุ่มทุ้มของเขาออกจากสมองทันที

       “เพื่อนเราเห็นนายนั่งก้มหน้าอยู่ เลยอยากให้เข้ามาถาม” เอาว่ะ ลากไอ้หวานเข้ามาเอี่ยวด้วยก่อง : P

       ผมนั่งเป็นเพื่อนเขาสักพัก พอดูท่าว่าจะดีขึ้น เลยกะลุกออกไป ให้เวลาส่วนตัวของหนุ่มคนนี้เหมือนเดิม ทว่าพอขยับ...

       “นายชื่ออะไร?”

       อ้าว กรูก็ต้องนั่งลงต่อน่ะซิ...ผมตอบเขาไปตามปกติ

       “เราแดน แล้วนายล่ะ?”

       “ผมชื่อบอย...”

      ผมพยักหน้าแกนๆ “มีอะไรอีกป่ะ?”

      “คุณมีเรียนต่อหรือเปล่า”

      “มี ก็เราเรียนภาคบ่าย”

       ยังไม่ทันพูดอะไร บอยก็รีบแทรกขึ้นมาทันที

       “คืนนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนผมได้มั้ย?...”

       ผมชะงัก มองหน้าบอยอย่างค้นคว้า เขาพูดความจริง...

       “คืนนี้ หมายถึง...”

       “~ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผม ผมเหงา...”

      ผมก้มหน้าลง แต่แล้ว พอเงยหน้าขึ้นมา ความสุขุมและหน้ากากเจ้าเล่ห์ก็ฉาบเคลือบใบหน้าผมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ฮึๆๆ อย่างที่ผมทำได้ดีเสมอมา

       “ได้ซิ ถ้านายต้องการ”

       ลุกเดินออกไป ขณะที่เดินหันหลังให้รู้สึกว่าเขากำลังมองตามมาอยู่ เย็นนี้ผมจะมารอเขาตรงนี้ ที่นี้ และไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงให้ได้ทำตามความรู้สึกของตอนนั้น ก็พอแล้ว...

       และผมก็ไม่สนใจด้วยว่าบอยจะคิดยังไง


       โปรดติดตามตอนต่อไป



หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 27-02-2008 17:12:51
จิ้มครับจิ้ม

ภาค 2 จะเป็นยังไงน้า

รออ่านอยู่ค้าบบผม
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 27-02-2008 17:48:27
บอยคือใครเนี่ย

มีบทบาทมากมั้ยในอนาคต

เเต่"คืนนี้"บอยท่าจะมีบทมาก

5555555555555555+

(ล้อเล่น ^3^)


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-02-2008 17:53:17
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับ พี่บอยเศร้าอะไรกันนักหนา

น่าเห็นใจและสนใจด้วย อิอิ

เอาใจช่วยแดนครับผมแล้วเมื่อไร่จะได้เจอชิพละครับ

 ภาคที่แล้วก็จากไปโดยไม่ล่ำลากันเลยอะ ยังคาใจอยู่นะ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 27-02-2008 18:08:29
รออ่านคับ :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 27-02-2008 19:24:28
สั้นเจงๆ ขอแบบยาวๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 27-02-2008 22:22:59
มารอคับภาค 1 เนื้อเรื่องหนักใจมากเลยคับ  :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 27-02-2008 23:37:03
แค่คนเลวๆเพียงคนนึง ทำให้แดนเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ


จะติดตามนะงับ



 o2

 o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 27-02-2008 23:45:57
ภาคนี้ แดนจะเป็นผู้ล่าใช่มั๊ย

และจะไม่แคร์ว่าใครจะเสียใจแค่ไหน เพราะความแค้นมันสุมหัวใช่มั๊ยครับ

คิดว่า แดนคงได้เจอชิพเร็ว ๆ นี้ และมหกรรมแก้แค้น ก็คงจะเริ่มขึ้น

และแดนจะไม่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อน

ถ้าผมเดาไม่ผิดนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: markyzaa ที่ 28-02-2008 01:11:43
 :m4: ภาคสองมาแล้ว
แล้วแดนจะทำอารัย  o2
อยากรู้จริง มาต่อเร็วๆนะคับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 28-02-2008 01:19:01
 :m15: :m15: แดนเปลี่ยนไป   :o :o

แต่อย่างว่า  ประสบการณ์ทำให้คนเปลี่ยนแปลงนะครับ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 28-02-2008 03:56:54
โหๆๆ ภาคนี้แดนมาพร้อมกับความแค้น มันจะออกแนวแบบว่า นายเอกจอมวางแผนเจ้าเล่ห์เป่าเนี่ย

น่าสนใจมั่กๆเลย ตามอ่านมาตั้งแต่ภาคแรกละคับ เลยมาอ่านต่อภาคสอง ติดใจๆ เหอๆ

แต่ภาคนี้ขอจบเศร้าน้อยกว่าภาคแรกหน่อยนะคับ แหะๆ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 28-02-2008 09:35:26
ยังไง ก็คิดถึงพี่มาร์คอะ...


สุดที่รักของผม...


บอกแล้วช่ายมะ...


แดนอะไม่จำเอง..


มารอดูการล้างแค้นจากแดนอย่างใจจดใจจ่อ..


ขอแบบสุดๆไปเลยนะแดน อิอิ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 28-02-2008 17:04:19
ตอนสอง+สามนี้อาจจะเเรงสักหน่อย...ผมกลั้นใจเขียนแทบตาย :o8: :o8: :o8: แต่อยากให้อินกับตัวละครของแดนน่ะครับ :angry2: ส่วนชิพ...ไม่บอกว่าจะโผล่มาเมื่อไร อันนี้ต้องติดตามนะครับ :a5: :oni1:

บทที่ 2



       ผมเดินกลับมาที่เดิมพร้อมด้วยกลุ่มพวกเพื่อน(ปากหมา)อันประกอบไปด้วยไอ้หวาน นังไก่ นังจุม ไอ้ออม ไอ้หนวด แล้วก็นังกิ๊บซี่(กระเทยผ่านศึกอีรัก)ที่กำลังเดินจับกลุ่มนินทาชาวบ้าน ปากนังกิ๊บซี่กำลังพะงาบๆพูดถึงเรื่องพระเอกหนังเกาหลีที่มันอยากกินอยู่

       “นี่แก~~~(ลากยาว) พวกแกมีภาพลับฉะเพ๊าะ! ของพี่เฉินแบบฉันหรือยังจ๊า ถ้ายังน๊า ก็รีบๆไปหามาเก็บไว้ซ้าน๊า อร๊ายยยย พวกหล่อนเนี้ยล้าสมัยไม่ทันใจกิ๊บซี่เลย”

      เสียงนังนี่ทั้งลากยาว เดี๋ยวขึ้นสูงลงต่ำ รำคาญมานเจงๆ... = =”

       “เออ อีกิ๊บซี่ เดี๋ยวผัวมึงได้ตบมึงแน่ มีรูปชายอื่นนอกจากมันอยู่ในคอมฯ”

       เสียงไอ้หนวดคู่กัดนังกิ๊บ แซวมาแว่วๆ

       “อร๊าย พี่เข้มเขาไม่ใจร้ายกับชั้นหรอก แต่แหมอีควาย มึงก็เก็บเข้าไว้ลึกๆซิยะ จะให้โชว์หร่าบนเดสท็อปสำหรับให้แม่มรึงส่องหรือไง”

       ว่าแล้ว นังกิ๊บซี่ก็ร้องโวยวายวี๊ดว้ายหนีส้นตีนไอ้หนวด เสียงแหบๆเหมือนควายออกลูกของมันถึงขนาดทำเอาไอ้หวานนิ่วหา รีบยกมือขึ้นมาปิดหู

       ผมเดินอมยิ้มส่ายหน้าระอากับไอ้พวกมิตรเฮงซวยทั้งหลาย จนกระทั่งทุกคนนั่งลงพักเหนื่อยที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว(ผมเรียนเศรษฐศาสตร์เอกบัญชี ตึกบัญชีเลยอยู่ไม่ไกลมาจากจุดรวมแก๊งอ่ะคับ ตรงข้ามกับบริหาร เอาไว้เล่าให้ฟังทีหลังล่ะกัน...) ผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคน ยืนอยู่ที่อีกฝั่งตรงข้าม เหมือนเมื่อตอนเที่ยงของวันนี้

       ร่างของบอยเมื่อยืนเหยียดเต็มความสูง นับว่าสูงมากสำหรับผู้ชายไทยทั่วๆไป แต่ผมว่าคงไม่ใช่แน่นอน เพราะเค้าโครงรูปร่างที่สูงใหญ่มั่นคงแล้ว ต้องเป็นพวกลูกผสมแบบกรูแน่ๆ(แต่กรูมันพันธุ์เปี๊ยกไง ฮือๆ T_T”)

       ดูเหมือนเขาจะยังไม่ลุกออกไปจากตรงนั้นตั้งแต่เที่ยง เพิ่งรู้ว่าใจผมมันเริ่มเต้นแรงแปลกๆ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกกับอะไรทำนองนี้มาเลยตลอดห้าปีที่ผ่านมา...

       ประสบการณ์ มันทำให้หัวใจของผมด้านชา

       ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจเจ้ากรรมถึงได้เลือกกลับมากระโดดโลดเต้นอีกครั้ง

       สายตาของเค้าที่มองมา เศร้า...ตัดพ้อ เหมือนกับจะบอกว่าผมทำให้เค้ารอนาน...การเฝ้ารอที่แสนทรมาน…

       แต่ เรื่องการเฝ้ารอนี่ ไม่ต้องมาพูดกับผมนะ รู้ดีหมดแล้ว

       ดีเสียยิ่งกว่าดีซะด้วย

       บอยค่อยๆถอยหลังหลบมุมกลับเข้าไปในร่มไม้ เป็นเพียงเงาดำๆที่มองไม่เห็นอีกต่อไป

       “เอ่อ...เฮ้ยพวกมึง เดี๋ยวกรูต้องกลับแล้ว”

       “อ้าวเฮ้ยไอ้แดน~~~ไหนบอกจาไปแดกข้าวกันก่อนไง อยู่ต่อก่อนดิ”

       เสียงโอดโอยดังระงม บอกให้ผมอยู่ต่ออย่างงู่นอย่างงี้ กูรู้ว่าพวกมึงคิด’ไรอยู่ ไม่มีกรูตัวหารมันก็น้อยลงถูกม่ะ?(เพื่อนชั่วๆแบบนี้อย่าคบนะคับ...แฮะๆ ความจริงผมก็ชอบทำเหมือนกันแหละ 555+ >.<)

       “เฮ้ย ไม่มีอารมณ์ว่ะ เอาไว้วันหลังและกัน”

       “เออๆ”

      แต่ละคนกลับไปวุ่นเรื่องส่วนตัวของชาวบ้านต่อ มีแต่ไอ้หวานนี่แหละ ที่มันพอรู้เรื่องรู้ราวกับเขาหน่อย เตือนผมด้วยความหวังดีทุกครั้งว่า

       “เฮ้ยไอ้แดน...ไปไหนระวังตัวเองหน่อย เซพๆไว้ทุกครั้งนะเพื่อน”

       มันตบบ่าผม แมร่ง~~แมนชิหาย*** ผมก๊อ เออๆ ฟังมันกรอกหูเข้าไปงั้นๆแหละ…

        

       ผมเดินไปตามทางฟุตบาท ผ่านบึงน้ำในมหาลัยฯ ผ่านร้านขายน้ำ..ตลอดทางมีเงาสีดำคอยเดินติดตามผมอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งถึงลานจอดรถฝั่งประตูหนึ่ง+สอง(ติดถนนงามวงศ์วาน) เสียงทุ้มๆที่ไม่มีพิษมีภัยก็ดังขึ้น

       “เพื่อนคุณน่ารักดี...แต่ล่ะคนเฮ้วๆกันทั้งนั้น”

      “อืม...” ผมบอก พลางไถลตัวขึ้นรถเบนซ์คันงามของบอยไปอย่างสบายๆ โยนหนังสือไว้เบาะหลังรถของมัน งืมๆ...เบาะรถแพงๆนี่นุ่มหลังดีจัง

       “ว่าแต่คุณไม่เห็นพูดเสียงดังเหมือนพวกนั้นเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า”

       พวก ‘นั้น’...ไอ้พวกนั้นน่ะเพื่อนกรูนะ

       ผมฉุนขึ้นมาทันที และมักจะควบคุมไม่อยู่ซะด้วยซิ...

       “นายจะถามทำไม เรื่องของนายหรือเปล่า?”

       “เปล่า...ผมขอโทษ ผมก็แค่อยากรู้”

       ใบหน้าของนายบอยซีดลง...คนอะไรตัวโตซะเปล่ากลับขี้น้อยใจเป็นเด็กๆไปได้ ผมไม่ค่อยอยากรู้สึกผิดเท่าไรนักหรอกน่ะ แต่ก็...

       “ช่างมันเถอะ ว่าแต่ นายจะขับไปไหนก่อนล่ะ”

       รถเบนซ์ซีคลาสรุ่นใหม่ล่าสุดแล่นไปเรื่อยๆตามถนน... ไอ้ความหรูหราร่ำรวยจนถึงขั้นซื้อรถราคาเป็นล้านๆนี้ได้ก็ดีเหมือนกันเนอะ...ทั้งเงียบ ทั้งเย็นสบาย แถมยังเท่ห์อีกต่างหาก ทว่า ดูจากลักษณะของบอยแล้วคงไม่ใช่เด็กบ้านรวยที่ถูกสปอล์ยมาอย่างจัดจนเสียคน หากแต่ดูสุภาพ มีมารยาท มีการศึกษามากเลยทีเดียว

       แล้วทำไมคนอย่างบอยถึงต้องมาทำตัวเหลวแหลกแบบผมด้วยนะ?

       รถแล่นมาถึงผับแห่งหนึ่งที่ไกลออกมาจากใจกลางเมือง แต่ก็ไม่ไกลนักหรอก บรรยากาศเงียบๆ ร้านเหล้าที่ตกแต่งหรูหราแตกต่างจากคำนิยามของร้านเหล้าโทรมๆ อับๆ ของคนจนๆอย่างผมจะมีปัญญาไป บอยดูเหมือนรู้จักกับเจ้าของร้านที่นี่ ผมก้าวตามบอยเข้าไป ร้านข้างในเปิดเพลงคลอดูดีมีระดับ จนเริ่มรู้สึกคิดผิด...นี่กรูต้องนั่งตัวลีบไปตลอดทั้งคืนเลยหรือไงว่ะเนี้ย?!!! TT^TT

       บอยเลือกมุมได้ที่ ซึ่งเหมาะมากกับสถานการณ์เช่นคืนนี้...มันสั่งชื่อเหล้าที่ไม่คุ้นหูผม คงเป็นเหล้าเมืองนอกแพงๆ

       “ของคุณเป็น?...”

       เอาว่ะ~~กูอยากลิ้มรสของนอกเหมือนกันนี่หว่า

       “เอาเหมือนเพื่อนผมแหละคับ ขอเป็นกับแกล้มนี่ดีกว่า...”

      ว่าแล้วก็จิ้มๆตามสบาย วู้! ราคาแพงขนาดที่เบิ่งตากว้างแล้วตัวเลขแทบแทงทะลุเข้าไป เลือดออกซิบๆ555+ สงสัยงานนี้ลาภปากไอ้แดนแล้ว ไม่เกรงใจเลยและกัน สั่งๆแมร่งให้หน่ำใจ

       บริกรรีบจดยิกๆลงสมุด เห็นบอยนั่งอมยิ้มบางๆ

       “ทำไม?” ผมถามห้วนๆ ฉุนนิดๆ

       “คุณหิวเหรอครับ? สั่งมากมายแบบนั้น”

       ผมไม่ตอบ แต่ยิ่งรู้สึกหน้าแดง ซึ่งเป็นอะไรที่เสียเซลล์มากกกก เฮ้อ ตั้งนานแล้วซินะที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน (คือประมาณว่าหน้าด้านมานานนนน)

       นั่งมองหน้ากัน ภาพบอยยิ้มมาที่ผม โครงหน้าเรียวๆอย่างกะนายแบบ แววตาแบบลูกครึ่งนิดส์ๆ จะว่าออกแขกก็ไม่ใช่ฝรั่งก็ไม่เชิงเพราะมันขาวมากจนตัดสินไม่ถูก จมูกก็โด่งปากก็บาง ผมสีเข้มลงตัว ลำคอยาวตรงเป็นสัน เห็นกล้ามเนื้อได้สัดส่วนซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อบางๆสีขาวนั่น...

         “นี่” ผมถาม จ้องมองลึกลงไปในแววตาเป็นประกายของบอย “คิดยังไงถึงชวนเรามา?”

       บอยดูอ้ำอึ้ง ซึ่งน่ารักสำหรับคนตัวใหญ่ไปอีกแบบ “มะ...ไม่รู้ซิ คุณคงพอช่วยผมได้”

      “หมายถึง นายชอบเราน่ะเหรอ?”

       บอยหน้าแดง ทำเป็นไม่สบตากับผม “เปล่าหรอก...แค่คุณทำให้ผมลืมเขาได้”

       “ประมาณว่าเป็นตัวแทนตัวตาย อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ”

       “อืม...”

       “แสดงว่าคุณเป็นเกย์อย่างที่เค้าลือไว้จริงๆ”

      “...”

      “แต่นายคิดว่า เอ่อ เราน่ารักใช่มั้ยล่ะ?”

       เจ้าตัวพยักหน้าหงึกๆ

       “งั้นเราคงไม่ต้องถามต่ออีกแล้วใช่มั้ย”

      ผมชงเหล้าให้บอยทันทีที่เด็กเอามาเสิร์ฟ เราสองคนพูดคุยกัน แต่พอบอยเริ่มเมา เนื้อหาหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยบอกว่า

       “เอาไว้คืนนี้ดีกว่า นายยังระบายกับเราได้อีกนาน...”


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 1 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^ oo
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 28-02-2008 17:06:12
บทที่ 3



       เสียงดนตรีเริ่มเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อยๆตามเวลา ยิ่งดึก เสียงเพลงยิ่งเปิดดังขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นปวดหูเหมือนพวกแถวอาร์ซีเอ มองไปรอบๆที่นี่มีแต่พวกนักธุรกิจหรูๆ...เสียงเพลงล่าสุดบรรเลงจบลง ผมปรบมือเบาๆร่วมกับโต๊ะอื่น(ดูเว่อร์ดีเนอะ) หันกลับมามองดูบอยอีกที อ้าว! คอพับคออ่อนซะแล้ว

       “บอย บอย!”

       “ฮื้อ?...”

       “~นี่คุณไม่เคยกินเหล้าเข้มแบบนี้มาก่อนเลยใช่มั้ยเนี้ย???”

       บอยมองหน้าผม ยกมือขึ้นมาจับ ลูบเบาๆ...สงสัยคงเบลอจนตอบไม่รู้เรื่อง

       “ทำไมคุณไม่บอกผม แย่จริงๆ”

       ผมสั่งเก็บตัง ซึ่งตัวเลขรวมถึงกับทำเอาผมตัวชาไปสิบวินาที เกือบร้องจ๊ากออกไปซะแล้ว แต่ลืมไปว่านี่มันไม่ใช่เงินกรูนี่หว่า...ว่าแล้วก็ถือวิสาสะควักเงินออกมาจากกระเป๋าตังบอย จ่ายเงิน+ทิปบ๋อยไปด้วยยี่สิบบาท(มันมองค้อนๆเหมือนจาดูถูก) เสร็จปุ๊บผมก็หิ้วปีกบอยออกมาจากร้าน ซึ่งลำบากมากเพราะบอยตัวหนักสุดๆ

       ระหว่างทางที่เดินมา น้ำหนักบวกกับไออุ่นจากร่างสูง...ทำให้ผมหวั่นไหวชอบกล...ในที่สุดก็ลากมันเข้ามาในรถได้ ผมตัดสินใจเป็นคนขับเอง เพราะดูท่าทางบอยคงจะขับเองไม่ไหวแน่

       ผมจัดท่าทางบอยให้เข้าที่ ขายาวๆของบอยดูเกะกะเหลือเกิน เสร็จเรียบร้อย ผมก็เริ่มขับรถไปตามถนนที่ค่อนข้างโล่งเพื่อมุ่งหน้าสู่คอนโดของบอยตามที่ได้ถามพี่เจ้าของร้านเอาไว้

       ดีที่ดึกแล้ว รถราไม่ค่อยมีสักเท่าไร ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นเมื่อขับรถราคาเป็นล้านของบอย(นี่ถ้ากรูทำเฉี่ยวอะไรขึ้นมานิดส์ต้องชดใช้ด้วยบ้านทั้งหลังเลยหรือเปล่านะ) ความจริงแล้วผมขับรถไม่ค่อยแข็ง แต่ทำไงได้ ผมไม่กล้าทิ้งรถบอยไว้กับร้าน เลยขับเองหมดเรื่อง (-_-“)

       ไฟแดงสุดท้ายก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนรามอินทรา ผมลอบมองหน้าบอย...แม้แต่หลับพ่อคุณยังดูน่าเอ็นดู ไม่รู้เพราะสาเหตุใด...ทำให้ผมปัดปอยผมสั้นๆที่ปรกหน้าผากของเค้าออก...ช่างเป็นค่ำคืนที่รู้สึกแปลกประหลาดอะไรเช่นนี้

       คอนโดของบอยอยู่ละแวกนั้น คือแถวสวนลุมไนท์ฯ แต่อยู่ฝั่งเดียวกับตึกLPN ไม่ลึกมาก แต่แลดูเงียบสงบ เป็นส่วนตัว หรูหรามาก ยูนิตหนึ่งคงแพงหูฉี่ชนิดที่เรียกได้ว่าผมไม่มีวันลืมตาอ้าปากขึ้นมาถึงขนาดนั้นได้แน่ๆ

       อยากรู้จริง ว่าบอยรวยเพราะใคร?

       ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้...เสี่ยคนนั้นคงบุญทุ่มมากแน่ๆ

      ว่าแล้ว ก็จอดรถเบนซ์ซีคลาสของบอยกลับคืนบ้านได้อย่างสวัสดิภาพ เรื่องใหญ่ต่อมาก็คือจะลากบอยลงมาไงดีหว่า ช่างเหอะ ผมวิ่งเข้าไปเรียกยามมาที่รถ ช่วยกันแบกร่างบอยเข้าไปภายในตัวตึกที่แมร่งโ-ค-ต-รหรู จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ ควรจะรีบกลับสู่ความเป็นจริงได้แล้ว

       “พี่ครับ ฝากเพื่อนผมด้วย”

       ผมพูดกับพี่ยาม ซึ่งเค้าก็คับๆรับคำดี

       “เดี๋ยว…”

       เสียงของบอยดังขึ้นหลังจากเงียบไปนาน...ผมถูกรั้งไว้อีกแล้ว

       “ผม...เหงา แดนอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะครับ”

       น้ำเสียงอ้อนวอนของบอยทำให้ผมลำบากใจ ตัดสินใจไม่ถูก มองหน้าพี่ยามยิ้มๆ

       “พาเพื่อนขึ้นไปซิน้อง เดี๋ยวพี่ช่วย”

       “อ้อ...ถ้างั้นไม่ต้องแล้วล่ะคับพี่ ผมพยุงขึ้นไปได้”

       แล้วเราสองคนก็ก้าวเข้ามาในลิฟต์ โดยมีแขนของบอยคล้องคอผมอยู่ กดไปที่ชั้นเก้าตามคำบอกของเค้า...ความเงียบที่ห้อมล้อมเราสองต่อสอง ช่างน่าอึดอัดจนผมเริ่มเครียด…

       ถึงห้อง ผมต้องใช้ความพยายาม+ความสามารถอย่างสูงในการเปิดประตูขณะที่มีร่างหนาใหญ่พิงทับลงมาด้วย เสียงเครื่องอ่านแถบคีย์การ์ดดังติ๊ด แล้วผมก็ได้เข้าไปยืนอยู่ในห้องของบอย ซึ่งขอบอกเลยว่า...

       ใหญ่มากกกกก~~~!!! และต้องแพงมากมายเมื่อมันตั้งอยู่ใจกลางกรุงแบบนี้ ภายในตัวห้องตกแต่งเรียบๆเหมือนห้องชายโสดทั่วไป ออกจะเรียกร้อยมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ไหนจะชั้นวางหนังสือเก๋ๆ โทรทัศน์เครื่องใหญ่ยักษ์ มุมรับแขกแสนผ่อนคลาย...ชั่ววูบหนึ่งที่ไฟเปิดทำให้ผมยิ่งเห็นภาพต่างๆชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผมอิจฉา...อิจฉาในความโชคดีของบอย ทำไมผมถึงเกิดมาได้ไม่โชคดีเท่าเขาบ้าง?...

       ผมไม่เคยอิจฉาความร่ำรวยของใครมาก่อน…เคยคิด ว่าคนเราแค่มีความสุขก็เพียงพอแล้ว...แต่สำหรับตอนนี้…นี่ซิคือความสุขที่แท้จริง หรือไม่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เราสบายได้จริงมั้ยล่ะ

       “ผมขอเข้าห้องน้ำก่อน”

      บอยพูดอ้อแอ้ ทำให้ความคิดต่างๆของผมถูกสลัดหลุดออก กลายเป็นยืนเงอะงะอย่างกะคนบ้าอยู่ตรงนั้น   

       ผมนั่งรอบอยขณะอยู่ในห้องน้ำ ที่ชุดโซฟารับแขกบุด้วยวัสดุอย่างดี ผมพยายามบอกตัวเองว่าให้ยึดความจริงเอาไว้ ผมไม่มีทางมีอะไรเทียบเท่าได้เหมือนบอย แล้วผมจะไปอิจฉาเขาทำไม...

       “แดน ผมอยู่ในนี้…”

       บอยตะโกนเรียกผมดังแว่วมาจากในห้อง ซึ่งก็คือห้องนอนใหญ่และอยู่ส่วนในลึกที่สุด...ผมก้าวเข้ามาพร้อมกับรับไอแอร์เย็นๆ ห้องทั้งห้องมืดสลัว…เดินไปนั่งลงข้างๆเตียงของบอย

       “คุณ...ช่วยเช็ดตัวให้ผมหน่อยได้มั้ย?”

      ฮื้อ? อะไรนะ??? นี่สรุปผมต้องมาคอยเป็นเบ้รับใช้มันหรือยังไง

       “ก็...คุณจะคอยอยู่เป็นเพื่อนผมคืนนี้ไม่ใช่เหรอ?”

       โชคดีที่มันมืด บอยเลยไม่เห็นผมแอบค้อนนิดส์ๆ “อุปกรณ์ล่ะ”

       “ในห้องน้ำคับ”

       เอาว่ะ<<<ไอ้โรคสันดานใจอ่อนเก่าๆที่แก้ไม่เคยหายสักทีกำเริบอีกแล้ว ผมจำใจต้องลุกขึ้นไปเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างพลาสติกเล็กๆ เอาผ้าชุบน้ำ พลางมองตัวเองในกระจก...สรุปแล้วชักจะเหมือนหนังช่องเจ็ดเข้าไปทุกทีแล้วนะooo\(-_-*)

       “ถอดเสื้อซิ” ผมสั่งเสียงเรียบ

       “คุณถอดให้หน่อยได้มั้ย ผมไม่มีแรง”

      ผมนั่งลงที่เดิม ค่อยๆปลดเปลื้องกระดุมเสื้อนักศึกษา และกางกางยีนส์ บอยในชุดเดิมถูกลอกคราบออกในที่สุด เหลือแต่อันเดอร์แวร์กระชับตัว ผมห่มผ้าเอาไว้ เวลานี้ก็ไม่นึกอยากลอบดูของใครหรอก เหอะๆ O_O...

       “เอาล่ะ ถ้านายอยากจะระบายเรื่องอะไรล่ะก็ บอกเรามาได้เลยนะ”

       ขณะที่ผมเช็ดตัวไปตามกล้ามเนื้อแผงอกกำยำของบอย พยายามตั้งสติไม่ใจลอยไปกับความเย้ายวนตรงหน้า(แพร๊บ!)…ชีวิตรักของบอยก็คล้ายๆของผม นั่นก็คือไม่เคยสมหวังในความรักที่มอบความหวังจอมปลอมเป็นสิ่งตอบแทนแก่เราตลอดมา...

       “ผมกับแฟน...เราเจอกันตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง เราเป็นแค่เพื่อนกันนานหลายเดือน จนตกลงเป็นแฟนกัน”

       “...แฟนของผมเค้าหาว่าระยะทางทำให้เราสองคนต้องไกลกัน แต่ผมว่าไม่เลย...หัวใจของเขาต่างหากที่ไม่เคยอยู่กับตัวผม”

       ประโยคเมื่อตะกี้แทงใจดำ...เหมือนเคยมีใครพูดเมื่อหลายปีก่อน ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ~~~>///<

       “ตอนนี้เขาหนีผมไปไกลแล้ว และไม่มีวันกลับมาอีก แต่ผมสงสัย...ว่าทำไมเขาต้องทิ้งความหวังลมๆแล้งๆไว้ให้ผมด้วย คุณรู้มั้ยแดน ว่าความหวังที่ค่อยๆฆ่าเราให้ตายทั้งเป็นทีละนิดๆนั่น มันทรมานเพียงใด...”

       นั่นแหละ คือสิ่งเดียวที่ผมเข้าใจถ่องแท้มาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา…

       “แฟนนายต้องเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากแน่ๆ”

       “อย่าไปว่าเขาเลย ผมมันโง่เอง...รักคนที่หลอกลวงผมมาโดยตลอด”

       “ตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้วล่ะ?”

       “ช่างมันเถอะ...ถือซะว่าเขาตายจากผมไปนานแล้ว”

        “นายคิดถูกแล้วล่ะ”

       ถึงตอนนี้ หลังจากที่ผมลากมือมาจนถึงขอบกางเกง ต่ำลงมาทางด้านล่าง...ผมสบตากับบอยเงียบๆ ท่ามกลางความมืด เสียงหอบจางๆของบอยที่รับรู้ถึงความสุขจากสัมผัสของผม ชั่วครู่เดียวที่ผมกลั้นลมหายใจถามบอยตรงๆ

       “สรุปคืนนี้ นายอยากให้เราอยู่ต่อหรือเปล่า”

       บอยค่อยๆคว้ามือผม ดึงให้ขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆกัน

       “ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูแปลก...แม้ว่าเราเพิ่งพบกัน แต่ผมกลับมีความสุขเมื่ออยู่กับคุณ...อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน”

       ผมคิดว่านี่อาจเป็นแค่เพียงคำพูดหวานๆ ที่บอยชอบพูดกับคนอื่นๆ…

       “แล้วทำไมนายต้องแกล้งทำเป็นเมา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยล่ะ”

      “…เพราะผมอยากให้คุณอยู่”

       ผมพยักหน้า “เพราะความรักมันเหี้ยกับนายมากใช่มั้ยล่ะ?”

       ใบหน้าเราค่อยๆขยับเข้าใกล้กัน ใกล้กัน…รสจูบอ่อนโยน โดยผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน...กลิ่นหอมจางๆ รสสัมผัสนุ่มๆตามมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นตามจังหวะ

       “...ใช่...” ลมหายใจของบอยขาดช่วง

       “ดี...แต่นายสัญญากับเราก่อนได้มั้ย ว่า...”

       “ว่าอะไร?...” ผมแกล้งบอยโดยการถอนริมฝีปากออกมา ทำให้เขายิ่งยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้อีก อิอิ ดูสีหน้าตอนนี้แล้วคงกำลังทนไม่ไหว และจะต้องดิ้นพลาดๆแน่ในอีกไม่ช้าหากผมยังใจร้ายแบบนี้อีก >///<

       “ห้ามคาดหวังอะไรจากเราเด็ดขาด นอกจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ...เราไม่มีอะไรจะให้นายหรอกนะ”

       ผมจับคางบอยด้วยมือเดียวแล้วสอดลิ้นเข้าไปอย่างเผ็ดร้อน...บอยตอบสนองรับแต่ยังดูไร้เดียงสากว่ามาก…มือที่แนบอยู่กับแผงอกแน่นๆรู้สึกถึงจังหวะการเต้นหัวใจ ว่ามันรุนแรงมากแค่ไหน…ร่างของผมที่เกยอยู่บนตัวเค้าเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก…ส่วนอีกมือก็ถอดของบอยออกเช่นกัน และแล้วร่างเปลือยเปล่าของเราก็กอดรัดกันแน่นอยู่บนเตียง…มีเสียงครางแผวเบาของบอกดังออกมาเป็นระลอกๆ

       สีหน้าสุขสุดๆของบอยทำให้ผมแปลกใจ…หรือว่านี้จะเป็นครั้งแรกของเขา? แล้วไหนจะฝ่ามือเทอะทะที่ผมต้องช่วยนำไปในทางที่ถูก แต่ต้องยอมรับว่าความไร้เดียงสาแบบนี้ยิ่งทำให้ผมตื่นเต้นขึ้นหลายเท่าตัว นอกจากนั้นสรีระของบอย…ที่ดีจนแทบไร้ที่ติ…อาวุธน้องบอยของเค้าก็ช่าง…

       ผมกอดเขาไว้แน่น ทุกครั้งที่หลับตาลง ผมพยายามปล่อยใจไปกับทุกๆอย่าง…ไปตามเหงื่อไคลจากกิจกรรมร้อนแรง ไปตามเรือนร่างของคู่ขาที่ผมกำลังโอบรอบอยู่…พยายามลืมความเจ็บปวดลึกๆในใจ…ที่มันกัดกินหัวใจของผมจนไม่เหลือชิ้นดี 

       ในที่สุดบอยก็ร้องครางออกมาหนักๆ…ซบหน้าลงไปในซอกไหลของผม ผมขยับตามไปอีกสักพักก็ถึงจุดหมายเดียวกัน…ล้มลงบนตัวบอย ที่โอบผมไว้แน่นอย่างกับกลัวจะสูญเสียผมไป…ทว่าไม่ทำให้ผมแปลกใจจนหยุดทุกอย่างเอาไว้ได้...หลังจากหายเหนื่อยแล้วผมก็ยังคาใจกับบอยอยู่ดี...ทำให้คืนนั้นทั้งคืนเราแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว





โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล.อาจจะเจอกันอาทิตย์หน้าเลยน๊า บ๊ายบาย :bye2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 28-02-2008 17:15:27
ภาค 1 เศร้ามากมายเลย... :sad2: :sad2: :sad2:


ภาค 2 ดู แดน อยากเป็นเด็กใจแตกยังไงไม่รู้นะคับ... :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 28-02-2008 18:03:30
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม แดนทำอย่างนี้คิดดีแล้วเหรอครับ

ไม่ใช่ว่ามาเสียใจทีหลังนะครับ อิอิ

แต่ยังไงก็เอาใจช่วยครับผม จะรอวันที่ชิพกลับมา

ไม่รู้ว่าจะกลับมาหรือป่าว อิอิ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: markyzaa ที่ 28-02-2008 18:50:49
 :serius2:จะเศร้าเหมือนเดิมรึป่าวอ่า  :o12: :sad2:
แต่แดน
ภาค 2 ดู แดน อยากเป็นเด็กใจแตกยังไงไม่รู้นะคับ... :serius2: :serius2: :serius2:
สนับสนุน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 28-02-2008 21:55:30
แดนเปลี่ยนไป

O_O

เพราะไอ้ชิพคนเดียวเลย

ชิชิๆๆๆ o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 28-02-2008 22:17:51
รูปร่างใหญ่โต ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นฝ่ายรุก เสมอไป  :m29: :m23:

แดนที่ตัวเล็กกว่าเป็นฝ่ายรุกซะงั้น หุหุ  :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 29-02-2008 02:01:08
ใครรุก ใคร รับ อะ เดาว่า บอยรุกเป่า งุงิๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 29-02-2008 02:27:03
บอยรุกครับ แฮะๆ...แค่แดนอยู่ข้างบน แล้วก็...

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 29-02-2008 02:30:48
นั่นดิ ภาคนี้แดนเปลี่ยนไป อะ เกิดไรขึ้นหว่า เง้อ :a5:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 29-02-2008 07:03:16
อ้าว บอยรุก ทำไมเราอ่านแล้วดันคิดว่า แดนรุกฟระ :m29: :m23:

แดนเปลี่ยนไปเพราะไอ้ชิพนี่แหละ ฟันแล้วทิ้ง แดนเลยแค้นนนนน   :o :serius2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 29-02-2008 10:22:24
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 29-02-2008 11:04:14
แดน เปลี่ยน ไป๋ๆๆๆๆ

น่ากลัวขึ้นเยอะ

สงสารพี่มาร์คน้อ  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 29-02-2008 13:20:34
ยังไงก็เกลียดไอ้ชิพอ่ะ เลวๆๆๆๆๆๆ  :angry2: :angry2:

มาต่อไวๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 29-02-2008 22:42:29
แดนดูเปลี่ยนไปมากมายอ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 2+3 = ขอเก็บนายไว้...ให้หัวใจอุ่นรัก...ภาคสองมาเเล้วน๊า%+!!!^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-03-2008 01:42:25
เพื่อนของผมเค้าบอกว่าผมลงนิยายเร็วเกินไป เร็วไปเหรอครับ? o2 แต่ผมแค่อยากให้ได้อ่านกันเท่านั้น แล้วบางตอนมันยังน้อยจนน่าเกลียด ก็เลยต้องลงสอง o2 ยังไง ถ้ามันเร็วไปก็บอกได้นะครับ จาได้ลงช้าๆ 555+ จาได้อู้ซะเลย ฮ่าๆๆๆ :m4: :m4: :m4:

ปล.โถๆๆๆ อย่าเพิ่งว่าแดนเลยน๊า ภาคที่เเล้วผมก็กลัวแดนจะโดนคนในบอร์ดเกลียดเอาซะเเล้ว แล้วยิ่งภาคนี้ล่ะ??? จะเหลือมั้ยเนี้ย ฮือ TT_TT


บทที่ 4



       เสียงคนเดินไปมาภายนอกห้องนอนค่อยๆปลุกผมจากการหลับใหลอันแสนสบาย เฮ้อ…นี่กี่โมงแล้ว อ้อ เกือบๆเก้าโมงกว่า ฮ้าว~~~(= o =”)

       ผมบิดขี้เกียจพลางกวาดสายตามองไปรอบห้องกว้างตกแต่งเรียบง่าย แต่หรู…พยายามคิดถึงแต่เรื่องอื่นที่ไม่ใช่ความร่ำรวยของชาวบ้าน ว่าแล้วก็ตะเกียกตะกายลุกออกจากเตียง วันนี้ตอนบ่ายๆมีธุระต้องทำที่มหาลัยสองสามอย่าง

      “อรุณสวัสดิ์ครับ แดน”

       อ้าว บอยน่ะเอง ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้อง ถือถาดอาหารและกาแฟร้อนสดๆมาด้วยพร้อมสรรพ กลิ่นหอมของอาหารตรึงผมให้ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

       “เอ่อ…ผมทำอาหารเช้ามาให้คุณ”

       อืม…มิน่าล่ะ กลิ่นหอมนี้เองที่ทำให้ต่อมหิวทำงานขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

       “เด๋วขอไปแปรงฟันก่อนนะ”

       ในห้องน้ำดูเหมือนบอยจะเตรียมแปรงสีฟันด้ามใหม่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินกลับออกมานั่งบนเตียงเช่นเดิม เห็นบอยนั่งหน้าแดงแจ๋

       “เป็นอะไร?” ยกขนมปังปิ้งอุ่นๆขึ้นมากัด

       “ก็…คุณเล่นเดินออกไปทั้ง…อย่างงั้น”

       “อ้อ” ผมยิ้มๆ หัวเราะด้วยอีกต่างหาก ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย…กะอีแค่เดินตัวเปล่าไปเข้าห้องน้ำ บอยจะอายทำไมว่ะ? ในเมื่อม่ะคืนเราก็เห็นกันมาหมดแล้วนี่ (-.-?)

      อาหารเช้าแบบอเมริกันของบอยอร่อยใช่ได้ หรือว่ากรูหิวมากว่ะ?(ใช้พลังงานหนัก…)…บอยนั่งดูผมกินเงียบๆ ส่วนตัวเองนั่งกุมมืออยู่ข้างเตียง จนผมไม่ทันสังเกต

       “แล้วของนายล่ะ ได้กินหรือยัง?”

       “ผมเรียบร้อยแล้ว”

      “เราบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกตัวเองว่าผม มันทะแม่งๆยังไงไม่รู้…”

       หากจะเรียกชื่อผมว่า ‘แดนๆ~~~’ อย่างเมื่อคืน…ตอนที่เรากำลัง…เอ่อ…กัน ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ…

      อาหารในจานอันตรธานภายในชั่วครู่ ผมเริ่มชวนบอยคุย เห็นเอาแต่นั่งจ้องไม่กล้าพูดอยู่แบบนั้น ท่าทางอึดอัดมากมั้ยเนี้ย?

       “นายขี้อายแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า?”

      “แบบไหน?”

      “อย่าเลย…เรารู้ว่าเมื่อคืนเป็นครั้งแรกของนาย”

       บอยหน้าแดงอีกแล้ว จะว่าไปเค้าก็น่ารักดี เหมือนเด็กๆ

      “เรียกว่างั้นก็ได้”

      “อ้าว แล้วนายไม่เคยมีอะไรกันแฟนเก่าเหรอ?”

       บอยนั่งเงียบไป ผมรีบแก้ตัว

       “ขอโทษนะ…เราไม่ควรพูดแบบนี้”

      “…เปล่าหรอก ความจริงแล้วผมเคยมีอะไรกับเขา แต่ก็แค่ครั้งเดียว…ก่อนที่เขาจะทิ้งผมไป”

      คำพูดของบอยต่างหากที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงจิตใจของผม ความเจ็บจี๊ดที่ไม่ได้รู้สึกมานานพุ่งขึ้นมาภายในอก ความปวดแผ่ซ่าน สมองเหมือนมีแสงวาบแล้วชาไปชั่วขณะ…เหมือนกัน…เหมือนกันเลยไม่มีผิด ผมกับบอยต้องเจอเรื่องแบบเดียวกัน กับไอ้ความหวัง ความรักจอมปลอม…แท้จริงเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น

       ถึงว่า…ทำไมกรูถึงรู้สึกเศร้าๆยังไงชอบกลว่ะ

       “…เรา…เรามารีบลืมเรื่องนั้นดีกว่า” ผม ‘รีบ’ ตัดบทเสียงห้วน ไม่อยากคิดถึงเรื่องเหี้ยๆเมื่อห้าปีก่อนอีกต่อไป

       บอยมองผมงงๆ เลยเฉเข้าเรื่องอื่นอย่างกระอักกระอ่วน = =”…

      “อะ เอ่อ…นายทำอาหารอร่อยดีนี่ ไปเรียกมาจากไหน?”

      “คุณพ่อผมเอง ท่านเป็นคนสอนน่ะ”

       “พ่อนายเนี้ยนะ?” ผมแกล้งถามแบบแปลกใจเต็มที่(ตอแหลม่ะ>.<) แต่…ความจริงแม่ต้องสอนลูกเข้าครัวไม่ใช่เหรอ? อืม ไม่ๆ พวกพ่อที่ชอบเข้าครัวก็มีเยอะแยะถมไปเน๊อะ

       “ใช่ พ่อผมเป็นเชพน่ะ”

      ผมทำตาโต “โฮ! พ่อนายเป็นเชพเหรอเนี้ย”

       โห หรูจังวะ…มิน่า ไอ้บอยถึงได้ดูลูกคุณหนูซะขนาดนั้น

      “ใช่ พ่อเราเป็นลูกครึ่งอิตาเลียนน่ะ ปู่ของเราเป็นอิตาเลียนแท้ๆเลย”

      “นั่นอธิบายได้ว่า ทำไมนายถึงดูเหมือนเรา”

       ผมหัวเราะ พลางทำให้บอยหัวเราะไปด้วย เวลายิ้มแล้วบอยน่ารักชะมัด…นัยน์ตาที่หรี่ลงดูเซ็กซี่ขึ้น รอยยิ้มกว้างที่ทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนวัยลงเข้าไปอีก ทุกอย่างช่างลงตัวสำหรับบอยจริงๆ

       เหมือนเจ้าชายรูปงาม แสนดี เพียบพร้อม แต่ขอบอก~~~โคตรน้ำเน่าเลย 555+ (หมายถึงมันดีเว่อร์อ่ะ)

      “แล้วนายได้นัยน์ตาแบบนั้นมาจากไหน อย่าบอกนะว่าแม่ของนายเป็นชาวต่างชาติอีก”

       “เปล่าหรอก…แม่เราเป็นคนไทยนี่แหละ ผมไม่รู้เหมือนกัน…”

       บอยเบือนหน้าหนี ซุกซ่อนแววตาที่รื้นน้ำใสๆคลอหน่วย ผมเห็นท่าทีและน้ำเสียงของบอยเปลี่ยนไปแทบจะในทันทีที่พูดถึงแม่…

       “เอ่อ…เราขอโทษนะ”

      หงุดหงิดจังโวย! ทำไมวันนี้พูดอะไรมีแต่ทำให้ความรู้สึกของบอยแย่ลง แทนที่ผมจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นต่างหาก…ผมว่าบอยต้องมีเรื่องราวอีกมากมายซุกซ่อนอยู่ในตัวเขาแน่ๆ ที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีดวงตาเศร้าสร้อยแบบนั้น

       “ไม่เป็นไรหรอก ผม…ไม่รู้จักแม่จริงๆนี่”

       แม้จะมองจากที่ไกลๆ ผมก็สังเกตได้ว่าขณะพูดริมฝีปากของบอยสั่นมากแค่ไหน ชั่ววูบนั้นผมอยากกอดเขาไว้แน่นๆ…หากแต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่สามารถทำให้ใครรู้สึกมากไปว่าแค่การสนองทางความใคร่ชั่วครั้งชั่วคราว หรือว่าแค่สนุกกันชั่วข้ามคืน เท่านั้น…

       ลืมไปได้เลยเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องคอยถะนุถนอม ผมเบื่อจะต้องคอยนั่งเทคแคร์ ดูแล คนที่ในอนาคตมันอาจทำเราเจ็บใจเหมือนโดนเด็กถอนผมหงอก บรื๋อ~~~ (-_-“**)

       “เราอิ่มแล้วล่ะบอย…ขอบคุณมากนะ”

      บอยเก็บถาดแล้วเดินออกไป ผมนั่งถอนหายใจอยู่คนเดียวสักพัก…ก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมกลับไปหอไอ้หวาน(ใครไม่มีที่ไปก็ลงเอยที่หอไอ้หวานน่ะแหละ) เดินออกมาเห็นบอยแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว สงสัยเขามีเรียนล่ะมั้ง?(แต่ผมเดาว่าเขาต้องอยู่ปีสี่นะ ม่ะรู้ซิ >o<…)

      “บอย งั้น เรากลับก่อนนะ”

       “เฮ้ เดี๋ยวผมไปส่ง รอก่อนๆ”

      ผมยอมให้บอยไปส่งให้ที่หอไอ้หวาน ระหว่างทางเราพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย พยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อซีเรียส ซึ่งผลออกมาทำให้ผมได้ยินเสียงหัวเราะของบอยบ่อยขึ้น รอยยิ้มสดใสของบอย…ตัวผมเองก็รู้สึกดีมากเช่นกัน

      รถจอดลงแล้ว บอยทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ทำให้รอฟังอย่างตั้งใจ

       “ขอบคุณมากนะครับแดน ที่ทำให้ผมมีความสุข…ผมสบายใจขึ้นมาก ขอบคุณจริงๆ”

       “ดีแล้วล่ะบอย นายได้ระบายกับเรา แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”…ไม่อยากจะบอกต่อว่ากรูได้รางวัลตบท้ายเป็นอาหารเช้าอร่อยๆที่มึงทำน่ะแหละ อิอิ

      “รู้สึกดีขึ้นแล้วนะ เราไปก่อนล่ะ”

       กำลังจะก้าวลงจากรถ มือของบอยก็คว้าเข้าที่ไหล่ของผม

       “เดี๋ยว แล้วเรื่องเงินล่ะ?”

      “เงินอะไร?”

      บอยค่อยๆยื่นแบงก์พันห้าใบมาที่ผม ผมมองที่มือมัน เลื่อนไปที่ใบหน้าบอยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

       “นายรับไปเถอะ ค่าตัวนายไม่ใช่เหรอ?”

       วินาทีนั้น…ความโกรธพุ่งพล่านเข้ามาเต็มๆ มันคิดยังไงถึงให้เงินผมถึงห้าพันบาท? มันคิดว่าผมเป็นอะไร ผู้ชายขายตัวงั้นเหรอ?

        คิดว่าค่าตัวผม มันซื้อได้ด้วยจำนวนเงิน…นี้ใช่มั้ย?

       อีกความรู้สึกหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กัน…อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนก็ได้…ความรู้สึกน้อยใจแปร่งๆแล่นเข้ามา ผมตกใจ…แต่ก็คิดซะว่าที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพียงเพื่อต้องการให้บอยรู้สึกดีขึ้น ให้มันได้มีเพื่อนปรับทุกข์ ไม่ใช่ต้องการเงินห้าพันบ้าบออะไรของมันนี่!

       เสียแรงเปล่าที่ผมอุตส่าห์จริงใจ…นี่หรือคือสิ่งตอบแทน

       “…บอย เงินห้าพันนี้น้อยไปหรือเปล่า?”

       บอยหน้าเสีย เตรียมควักให้อีก…แบ๊งพันจำนวนประมาณเท่าๆกันถูกเพิ่มลงไป

       “ผมไม่รู้…ว่าปกติเค้าต้องจ่ายเท่าไร ผมไม่รู้ค่าตัวคุณ ตอนนี้มีเงินสดติดตัวเท่านี้จริงๆ…นี่ผมให้คุณหมดเลย”

       ผมค่อยๆรับเงินปึกนั้นมาพร้อมทั้งจ้องมองไปที่แบงก์พันหนาฟ่อน ปกติถ้าได้ถือเงินจำนวนมากมายขนาดนี้คงตื่นเต้นดีไม่น้อย ทว่าหัวใจของผมกลับเต้นแรง ด้วยความโกรธ โมโห…

       “งั้นมันก็ไม่พอกับความหวังดีที่ผมมีให้คุณหรอก!”

       ผมปาเงินใส่หน้ามัน ตะเบ็งเสียงดังสุดลำคอ ใส่ต่อไม่ยั้ง

       “คุณคิดว่าผมเป็นใคร? คนที่คุณจะมาทำตัวน่าสงสาร อ้อนวอนให้ผมไปด้วย แล้วตบรางวัลด้วยเบี้ยเงินของคุณน่ะเหรอ? ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิดแล้ว ที่ผมช่วยคุณก็เพราะผมเห็นว่าคุณกำลังมีทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเงินแบบนี้!...คุณดูถูกผมมาก ฮึ…แต่เงินแค่นี้ซื้อศักดิ์ศรีผมไม่ได้หรอก!”

      ว่าแล้วก็กระแทกประตูรถดังปัง! วิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องไอ้หวานทันที ทิ้งให้มันนั่งซึมซับคำด่าของผมอยู่ตรงนั้น แมร่ง~~~เสียอารมณ์ชะมัด โกรธมันโคตรๆเลยอ่ะตอนนั้น ไอ้เราก็นึกว่าหน้าใสๆเป็นคนดีแสนสุภาพแบบนั้นจะไว้ใจได้ ที่ไหนล่ะ…พวกชอบดูถูกชาวบ้านดีๆนี่เอง!

       แต่แปลกนะ เพราะนอกจากผมจะเกลียดขี้หน้ามันไปโดยปริยายแล้ว…ผมยังรู้สึกเสียใจกับการกระทำของมันอีกต่างหาก

       เชอะ! ไอ้คุณหนูผู้น่าสงสาร อย่านึกเลยว่าเงินแค่นั้นจะซื้อค่ำคืนกับคนอย่างผมได้

       ไม่มีวัน!

       



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 01-03-2008 01:48:43
มะเร็วค๊าบ มาลองแบบเนี้ยกะลังดี มะค้างๆ คาๆ ใจ  :m1:

ว่าแต่ไหง แดนโดนมองว่าเป็นเด็กขายได้ฟะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 01-03-2008 07:47:19
ภาคนี้แดนดูแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยนะ

สู้ต่อไปจ้ะแดน ^^ o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 01-03-2008 10:25:15
ลง ไม่เร็วไปหรอกครับ ไม่ว่าตอนจะสั้นหรือยาว แต่ถ้ามาแบบสม่ำเสมอ ดีครับ  :m4: :m4:

เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนครับ  o13


แต่ไหง แดนโดนมองเป็นเด็กขายไปได้ไงฟระ  o12 :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 01-03-2008 12:55:15
บอยมองไปได้ไงง่ะ ชิ~!!!

คิดถึงชิพง่ะ

กลับมาไม่อยากคิดเลยจะเป็นไง

เเดนตอนนี้เเรงน่าดู

หุหุ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: Angle Froze ที่ 01-03-2008 14:25:04
หูยยยย โดนอย่างแรงอ่ะ!! ดันมาว่าแดนว่าขายน้ำซะงั้น 555 :a6:

ภาคนี้มันส์ดีอ่ะ!! แดนของเราเติบโตขึ้นแล้วสินะ....  o13


แต่ยังอยากได้ชิพกลับคืนมายังไงไม่รู้  มาต่อด่วนๆ ติดตามๆ
 :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 01-03-2008 17:39:18


        อืมนายแดนเข้มแข็งขึ้น
         
         นายชิพนะนายชิพทำไมทำอย่างงี้ 

         มาต่อไว ๆ นะ คับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 01-03-2008 17:53:13
ลงบ่อยๆๆอะดีแล้ววว
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 01-03-2008 18:31:57
มาเร็วๆอ่ะดิแล้วคนอ่านจะได้ไม่คลั่ง :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 01-03-2008 21:29:17
ถึงยังไงชิพก้อต้องคู่กะแดนใช่ป่ะคับ คนแต่ง อิอิ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 01-03-2008 22:31:54
แหะๆ ช่วงนี้กำลังสอบเลยไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านเลย

แต่อ่านแล้วก็แอบสงสัยว่าที่ชิพทำกับแดนนั้นเป็นแผนหรือเปล่า
แล้วก็เรียกพี่มาร์คให้ออกมาให้เห็นเหตุการณ์ ทำให้พี่มาร์คคิดสั้นเพราะเสียใจ

แต่ภาคใหม่นี้แดนเปลี่ยนแนวแฮะ ดูแกร่งมากขึ้นครับ
ไม่ชอบชิพเลย ทำให้แดนเป็นคนอย่างนี้  :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-03-2008 00:17:20
55555555555
สงสัยบอยจะเข้าใจผิด
ก็คงแปลกใจกระมังที่อยู่ดีๆก็มีคนมาหวังดีด้วย
สมัยนี้มันหายากจะตาย
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 4 = นี่คือภาคสองน๊าจ๊า~~~%+!!!^_^ ooo
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 02-03-2008 18:48:32
ตอนนี้ถ้ามีคำผิดเยอะ ช่วยบอกด้วยนะครับ ขอบคุงกั๊บ :m13:


บทที่ 5



       ผมกลับเข้าบ้านภายในวันต่อมา ยังหัวเสียกับเรื่องเมื่อวานไม่หาย…อ๊ะ ทำไมบ้านเงียบจังว่ะ

       เดินไปหลังบ้าน ได้ยินเสียงแม่ใช้แปรงขัดเสื้อผ้าอยู่ ผมไปยืนเกาะขอบประตูดูแม่ห่างๆ

       “กลับมาแล้วเหรอ? หายหัวไปไหนมาตั้งสองวันล่ะ”

       แม่เงยหน้าขึ้นมา ผมปรกหน้าผากชื้นเหงื่อของแม่ นัยน์ตาของแม่อิดโรยแลดูแปลกๆ…ถึงแม้แม่จะตำหนิผม และผมกำลังหงุดหงิดกับเรื่องข้างนอกมา แต่ก็ต้องระงับอารมณ์ไม่ต่อปากต่อคำ รีบเดินมาแย่งแปรงไปจากมือแม่เงียบๆ

       ระยะสองสามปีให้หลังมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแม่เปลี่ยนไป ผมไม่ค่อยได้คุยเปิดอกกับแม่ อีกทั้งอารมณ์แปรปรวนของแม่ก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น เอาแน่เอานอนไม่ได้…อาจจะเป็นเพราะผมย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ชอบทำตามใจตัวเอง ชอบอิสระ เลยไม่ค่อยได้ฟังแม่เหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นเพราะแม่แก่ลงทุกวัน โรคภัยเริ่มรุมเร้า แถมยังต้องทำงานรับจ้างเหนื่อยๆ หรือไม่…ก็เพราะฐานะทางบ้านของเราที่ทรุดลงๆเรื่อยๆ…

      “ไม่ต้องๆ แกไปพักเถอะ”

       “ไม่เอาน่ะแม่ ผมช่วยเอง แม่น่ะแหละไปพัก”

        แม่จำใจยอมปล่อยมือจางแปรงขัดที่กำไว้แน่น…แม่ของผมรับจ้างซักผ้าของบ้านคนในละแวก แล้วก็รับจ้างพับตุ๊กตาขาย ทำของชำร่วยทั่วไป บ้างก็ไปช่วยป้าข้างบ้านขายข้าวแกงที่แผงหน้าปากซอย ได้เงินมาไม่น้อยมากแต่ก็ไม่เยอะไปเช่นกัน

      เงินที่พ่อส่งมาให้ทุกเดือนเริ่มน้อยลง ผมโกรธ…แต่จำใจต้องเก็บระงับความไม่พอใจเหล่านั้นไว้ในใจ บางเดือนที่แม่เกือบต้องนำเอาของเก่าๆไปจำนำ แต่ถึงเวลานั้นผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะแม่ก็บอกว่าจะรีบไปเอาคืนมาทุกครั้งจนได้

       เมื่อหลายปีก่อน…พ่อบอกว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทย ย้ายกลับมาอยู่กับเราสองคนแม่ลูก…ผมยอมรับว่าแอบรู้สึกดีใจมากที่บ้านเราจะเป็น ‘บ้าน’ ที่สมบรูณ์แบบสักที แต่แล้วพ่อก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ผมไม่รู้ว่าเขาพูดยังไงกับแม่ แต่ตั้งแต่นั้นมาเราก็ใช้ชีวิตอย่างทุลักทุเลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่พ่อก็น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระเราได้บ้าง

       “แม่ทำไมไม่ยอมให้แดนช่วยงานบ้างล่ะ เนี้ย เหลืออีกตั้งเยอะ”

       ผมมองไปที่ผ้ากองพะเนิน รู้สึกใจหาย…สงสารแม่ที่ต้องมาทำงานหนักตอนบั้นปลายชีวิตอย่างงี้

       “แกมีหน้าที่เรียน ก็เรียนไปเถอะ เอาให้มันจบเร็วๆ หางานทำดีๆ” แม่ยื่นน้ำเย็นให้ผม พร้อมทั้งกล่าวทำพูดประโยคคลาสิคซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แล้วทีหลังอย่าหายหัวไปไหนเป็นคืนๆอีกล่ะ โทรฯมาบอกคนที่บ้านเค้าให้หายห่วงน่ะทำเป็นบ้างมั้ย?”

       เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะรู้สึก…ว่าผมมีเพื่อนที่เขาให้ที่พักได้ ไอ้หวานแม่ก็รู้จัก หอมันแม่ก็เคยไป แถมแม่ยังรู้ด้วยว่ามันเป็นทอม ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกนี่ o_O*

       “แต่แกน่าจะโทรมา รู้มั้ยว่าแม่นอนไม่หลับ”

       เสียงแม่อ่อนลง ผมพึมพำเบาๆ

       “ขอโทษครับแม่…”

      “ทีหลังอย่าทำอีกแล้วกัน”

         แม่ละจากผมไปหยิบถุงใส่อุปกรณ์พับตุ๊กตามานั่งข้างหลังบ้าน มองดูผมซึ่งกำลังซักผ้าอย่างขะมักเขม้น ผมเหลือบมองแม่เพ่งกับเส้นกระดาษที่ม้วนจนแข็ง สำหรับพับตุ๊กตา นานแสนนานในความรู้สึกของผม…กว่าที่แม่จะทำเสร็จได้แถวหนึ่งๆ

        “แม่เลิกทำเถอะ เดี๋ยวผมซักผ้าจะเสร็จแล้ว เมื่อคืนแม่นอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ?”

       “เอ่อน่า นอนกลางวันตอนกลางคืนมันจะไปหลับได้ยังไง”

       ผมเงียบไปพัก ก่อนจะโพล่งขึ้นมาว่า

       “ทำไมแม่ไม่เลิกทำงานแบบนี้ แล้วไปทำงานกับน้าทัยล่ะ?”

       ถ้าใครยังจำได้ น้าทัยคือน้องสาวแท้ๆของแม่ผม และเป็นแม่ของพี่วุฒินั่นเอง…สามีของน้าทัยซึ่งนั่นก็คืออาดล เขาเป็นเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ พวกบ้านนู่นเขาเคยชวนแม่ไปทำงานเป็นคนบัญชีด้วยตั้งนานแล้ว เพราะเขาไว้ใจแม่ บวกกับที่แม่ก็จบบัญชีมา แต่แม่กลับปฏิเสธเสียทุกครั้ง

       “โอย! ทำงานแบบนั้นไม่มีอิสระ ฉันเบื่อตาย อีกอย่างงานบัญชีของกิจการใหญ่ขนาดนั้นความรับผิดชอบสูงจะตาย แถมมันไม่ใช่กิจการของบ้านเรา ทำซี้ซั๊วส่งเดชได้ซะที่ไหนล่ะ”

       “แหม ก็เขาชวน”

       “บ้า น่าเกลียดตายเลยไปยุ่งเรื่องของเขา สู้อยู่บ้านเราดีกว่า เบื่อก็รับงานแก้เหงามาทำฆ่าเวลาไปวันๆ”

       ใครบอก…ผมรู้ว่าที่แม่รับงานเพราะไม่ค่อยมีรายได้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะ ‘ฆ่าเวลา’ แต่ทั้งที่เราสองคนรู้ดี…ก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงออกมา

       บางครั้ง ในชีวิตของคนเราก็ต้องการเรื่องโกหกบ้างเป็นธรรมดา

       “แดนตั้งใจเรียนนะลูก ปีนี้ปีสุดท้ายแล้ว…แล้วเรื่องฝึกงานล่ะว่าไง”

      ผมกับเพื่อนๆกำลังทำเรื่องยื่นหัวหน้าคณะให้อนุญาตไปฝึกงานช่วงปิดเทอมอยู่ ตอนนี้นักเรียนปีสี่ทุกคนมักจะว่างมากๆๆ(ยกเว้นพวกไม่ตั้งใจอ่ะนะ = =”) มีเหลือให้เก็บอีกสี่ห้าตัว นอกนั้นก็สบาย

       เวลาว่างตอนนี้เลยถือโอกาสฝึกงานหาประสบการณ์ ดีไม่ดีนะ บริษัทที่ผมไปฝึกเขาอาจจะใจดีให้ค่าจ้างก็ได้ อิอิ



      วันจันทร์ เป็นวันที่ผมนัดกับเพื่อนไว้ที่มหา’ลัย จะมาปรึกษากันเรื่องหาที่ฝึกงาน มีไอ้จุมเป็นหัวหน้าองค์เปิดประชุมเป็นการด่วน

      ผมเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ เอกการบัญชี ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน…คงเป็นเพราะผมอยากทำงานธนาคาร หรือไม่ก็งานเกี่ยวกับบัญชีเหมือนแม่ละมั้ง ผมถึงได้เลือกเรียนเอกนี้ (ความจริงผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไรอ่ะตอนสอบเอ็นท์ฯ =”+)

       เพื่อนๆในกลุ่มส่วนใหญ่ก็มุ่งเรียนมาทางด้านนี้เพราะจะไปช่วยกิจการที่บ้าน หรือไม่ก็อยากทำงานธนาคารหรูๆเหมือนผม ได้นั่งตากแอร์อยู่ในตึกสาขาสบายๆ มีสวัสดีการดีๆ มีเงินเดือนพอกินพออยู่ แค่นี้ก็สบายใจแล้ว

       “กูว่า ถ้าได้ทำใกล้ๆแถวๆมหาลัยนี่ก็ดีว่ะ แมร่งจาได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถเมล์”

       ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับไอ้หวาน แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเสกให้มันมีใกล้ๆคงไม่ต้องดิ้นรนหาแบบนี้อ่ะ T o T

       “แต่ท่าจะยาก…สาธุ๊! ขอให้โชคช่วยเถอะว่ะ”

      ไอ้หนวดทำท่ายกมือยกไม้

       “มึงยังไม่รู้เลยไม่ใช่เหรอว่ะ แช่งตัวเองทำไม”

      ผมพูดกับไอ้หนวด มันทำค้อนๆส่งมา เอ๊ะไอ้นี่! วอนส้นตรีนซะและ

       พวกเรานั่งเม้าท์เกาะกลุ่มกันเสียงดัง (โดยเฉพาะเสียงนังกิ๊บซี่ส่องผู้ชาย กรี๊ดกร๊าดดังหนวกหูมาก =_=”) โต๊ะข้างๆเรามันก็ม้องมองนะ…แต่ทำไงได้ สักพัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม

       “แดน ขอลอกเล็คเชอร์หน่อยดิ”

       อ้อ แอลนั่นเอง…แอลคือเพื่อนร่วมคณะของผมที่รู้จักกัน แต่ไม่ค่อยสนิท เป็นเพราะแอลเป็นพวกไม่เคยเข้าเรียน โดดตลอดว่างั้น แล้วก็เป็นพวกเรียนไม่ดี แต่ไม่รู้ทำไมมันชอบเข้ามาขอสมุดจากผมไปดูอยู่เรื่อย เข้าใจว่าผมจดดีว่างั้น?

      แอลเป็นเด็กเถื่อนๆ อยู่ในแก๊งที่วันๆไม่ค่อยทำอะไร เฮ้วๆ…รูปร่างหน้าตาก็อีหร่อบเดิม ตัวสูง ผิวเข้ม ดูหล่อร้ายกาจ เป็นพวกเสือผู้หญิงตัวยง แต่ถึงแม้มันจะเลวร้ายปานใด แต่กับผม มันจะพูดจาด้วยดีๆเสมอ(ไม่นับมึง-กู) ไม่เคยเลยที่มันจะมารังแกหรือทำกิริยาเหี้ยๆใส่

       “ฮื้อ วันก่อนยังจดไม่เสร็จอีกเหรอ?”

       มันยิ้ม ใบหน้าของมันดูเหมือนเด็กอายุสักหกขวบ ดวงตาที่ฉายแววทะเล้นซุกซนอยู่เสมอแลดูอ่อนเยาว์ ริมฝีปากอิ่มเต็มคลี่ออกเล็กน้อย รอยยิ้มขี้เล่นของมันผุดพลาย…แอลค้อมหัวอย่างเกรงใจเขินๆ

       “เอ่อ หมู่นี้ตื่นสาย เลยเบลอๆไม่ค่อยมีเวลาลอก”

       เรียนบ่ายเสือกตื่นสายเนี้ยนะ เฮ้อ…วันทั้งวันมันจะไม่มีเวลากะอีแค่ลอกสมุดเล่มเดียวเชียวเหรอไง?

      “เมื่อคืนเที่ยวดึกอีกอ่ะดิ”

       “อืม ไม่เชิงหรอก”

       ตัวมันสูงกว่าผมเยอะ หัวของมันเลยโน้มลงมา เอียงคอจ้องมองผมตาแป๋ว อรี๋ย!!!

      “ไม่ต้องมาแอ๊บแบ๊วเลยไอ้แอล มึงโดดเรียนบ่อยแบบนี้เดี๋ยวโดน’ทายหรอก”

       มันหัวเราะฮ่าๆ ผมหยิบสมุดให้มัน ซึ่งก็รีบขอบคุณยกใหญ่

       “ขอให้คุณแดนมีแฟนเยอะๆ สวยวันสวยคืนนะคร้าบ~~~”

       “อร๊ายนังแอล ทำไมแกไม่ชมชั้นแบบนั้นบ้าง! อีแดนมันจะต้องไปสวยทำไม ชั้นนี่ซิย่ะจะสวยวันสวยคืน”

       นังกิ๊บซี่รีบขัดขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น 555+ นังนี่มันตอแหลจริงๆ

       “เฮ้ยกิบซี่ แล้วมึงเคยโดนอวยพรเป็นหน้าแข้งคนป่ะว่ะ?”

      มันสะดุ้งตัวโหยง ผมยิ่งฮา สีหน้าสีตาเวลามันทำแอ๊บแบ๊วบอบบาง น้ำเสียงเล็กๆจีบปากจีบคอ

       “โธ่แอลก็…กิ๊บซี่แค่ล้อเล่นแค่นี้เอง…”

       ขณะที่มองเพื่อนๆ(ปากหมา)อันเป็นที่รักกัดกันอยู่นั้น ใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมทำให้เสียงหัวเราะเงียบลง ทุกคนต่างมองไปตามทางเดียวกัน ผมก็หันไปมองบ้าง…

      “แดน…เอ่อ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย?”

      ใจของผมเต้นแรงขึ้นมาทันที เป็นเพราะแปลกใจที่อยู่ๆ คนตรงหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ทันคาดคิด

       บังเกิดความเงียบโดยทั่วกัน…ผมมองหน้าบอย…ใบหน้าที่อมทุกข์บัดนี้ยิ่งดูหมองลงไปใหญ่ แววตาที่ฉายแววแห่งความเศร้าลึกๆไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไปแล้ว บอยดูเจ็บช้ำจากอะไรสักอย่าง

      “ใครน่ะแดน หล๊อหล่อ”

      กิ๊บซี่กระซิบขึ้นมาไม่ดูกาลเทศะ ไอ้หวานหยิกเข้าไปที เสียงร้องโอยดังตามมา

       ผมรู้สึกว่าทุกๆคนกำลังรอคำตอบจากผมอยู่…และรู้สึกว่าแอลกำลังมองผมแปลกๆด้วย

       “แดน-“

       บอยไม่ทันจบประโยค ผมรีบคว้าแขนเขาแล้วเดินไปตามทาง ระหว่างตึกมันมีที่ให้หลบมุมอยู่ เราหันหน้าประจัญกัน

       “คุณต้องการอะไร?”

       ผมเรียกบอยอย่างห่างเหิน ก็เพราะโกรธกับเรื่องที่เค้าทำเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน…

       “แดน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

       น้ำเสียงของเค้าเว้าวอน เชอะ! มาดูถูกผมแล้วคิดว่าแค่คำขอโทษมันจะพอเหรอ?

       “คุณเก็บเอาไว้เถอะ คำขอโทษห้าพันบาทน่ะ”

       ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีไป +_+” แล้วกรูโยงเรื่องคำขอโทษกับห้าพันบาทเข้าไปได้ยังไงว่ะ? นี่ยังงงตัวเองไม่หายเลย แฮะๆ (-.-)…

      “เดี๋ยว!”

      ผมรู้สึกตัวว่าถูกร่างสูงกอดจากทางด้านหลัง ในอ้อมกอดกว้างของผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กำลังยื้อผมไว้แน่น แต่ผมดันรู้สึกรำคาญมากกว่าจะซาบซึ้ง

       “แดน ผมโกหกคุณ…ให้อภัยผมด้วยเถอะ”

        ฮื้อ? โกหกเรื่องอะไรว่ะ?

       “คุณโกหกผมงั้นเรอะ?”

       “ใช่ ผมโกหกคุณ” บอยจับผมหันมา ให้สบตากัน ซึ่งมันยากเหลือเกินที่จะเมินหนีดวงตาแดงๆ มีน้ำใสคลอหน่วยแบบนี้…

       “ความจริงแล้วผมเลิกกับแฟนเก่า…ได้นานพอสมควรแล้วล่ะ แล้วผมก็มาเจอคุณ…คุณทำให้ผมนึกถึงแฟนเก่า ทำให้ผมลืมเขาไม่ได้สักที”

      “ผมแอบชอบคุณ เฝ้ามองคุณจากฝั่งตรงข้ามมาโดยตลอด แล้ววันนั้น…คุณก็เข้ามาหาผม ผมเพิ่งจะรู้ตัว ว่าคุณคือคนที่ผมลืมไม่ได้ต่างหาก…”

       ผมอึ้งไปชั่วขณะ หัวสมองคิดอะไรไม่ออกซะงั้น

       “นี่อย่าบอกนะว่า…”

       “ผมหลงรักคุณ แดน…ผมรักคุณ”

       ความรู้สึกเดิมๆหลั่งไหลเข้ามาอีกแล้ว และยิ่งรู้สึกแปลก ที่จู่ๆก็มีผู้ชายหน้าตาดี ฐานะร่ำรวยเพียบพร้อม มาสารภาพรักกลางวันแสกๆแบบนี้

      แต่ก็แอบดีใจไม่ใช่น้อยนะ อิอิ…มีคนมาหลงรัก 555+ >.<

       เพราะคำพูด และน้ำเสียงของบอยที่พูดกับผมนั้น เกือบทำให้เคลิบเคลิมและเชื่อว่าเป็นความจริง ดูจากแววตา บอยคงไม่โกหกผม…

      “แต่ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ารักผม…”

      “จำได้…คุณบอกว่าคุณไม่มีอะไรจะให้นอกจาก…” บอยยกมือขึ้นปิดจมูกแดงๆ “แต่มันห้ามไม่ได้ที่จะหยุดรักคุณนี่”

       โหย ประโยคน้ำเน่านิยายล้านปีมากเลย (+_+)

       “แล้วคุณคิดว่าผมเป็นผู้ชายขายตัวได้ยังไง? รู้มั้ยสิ่งที่คุณทำมันน่าเกลียดมากแค่ไหน”

       บอยหน้าซีดลงไปอีก ผมชักเริ่มๆจะเห็นใจ = . =

      “ผมรู้ ผมขอโทษ แต่ผมอยากให้คุณรู้สึกดีๆกับผม…ผมมีความสุขมากเมื่ออยู่ใกล้ๆคุณ”

       “แล้วไอ้การจ่ายเงินห้าพันให้ผม คิดว่ามันจะทำให้ผมอยู่กับคุณงั้นเหรอ!”

       แหง่ง~~~ \(-_-*) ไอ้บ้านี่! คิดว่าพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกรูจาหายโกรธมั้ง?

       “มันไม่ถูกต้องหรอก…ผมขอโทษ”

       ผมกอดอกจ้องหน้าบอย ร่างสูงยืนนิ่งๆ…แต่แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้

       “ผมขอเป็นแฟนคุณได้มั้ย?”

       อึ้งรอบสอง…ตั้งห้าปีมาแล้วที่ผมไม่เคยปล่อยใจ(แต่ไม่เคยเก็บตัว)ไปกับใครได้มากขนาดนี้…ทำไมจังหวะของหัวใจมันถึงเต้นแปลกประหลาดไป แค่เขาขอเป็นแฟน…ผมไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวขนาดนี้เลยนี่หนา (+o+)

       ผมพยายามปลอบใจ…ว่านี่เป็นผลข้างเคียงมาจากความตื่นเต้น ที่บอยกล้าขอเป็นแฟนกับผม (หรือเปล่าว่ะ...)

       “ผมให้คำตอบคุณไม่ได้หรอก”

       สีหน้าของบอยมีแต่ความปวดร้าว…ใจหนึ่งสมน้ำหน้าที่เขามาหลงรักคนอย่างผม คนที่ไม่เคยมีอะไรให้ใครเลย…แต่อีกใจหนึ่งผมก็เจ็บปวดแทนเขา ผมอยากรักเขา อยากให้เขามีความสุข เหมือนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีได้…แต่ปัญหาก็คือผมทำไม่ได้ ผมไม่รักเขาเลย แม้อยากให้สามารถทำได้อีกครั้งแต่ว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันจางหายไปจากใจของผมนานแสนนานมาแล้ว

      “เพราะผมรักคุณไม่ได้จริงๆ”

       เดินหันหลังกลับมา รู้สึกโหว่งๆยังไงไม่รู้…จะผิดมั้ยที่ผมทำตัวร้ายกาจ ก็เพื่อเตือนตัวเอง…หวังดีกับเขาว่าอย่ามารักผมเลย คนไร้ค่าอย่างผมไม่สามารถทำให้เขามีความสุขได้ตลอดไปหรอก เชื่อซิ…

       ถ้าจะให้รักใครได้อีก มันก็ไม่ใช่ความหมายเดียวกับเขา…ความรักของผมไม่ใช่แค่มีเซ็กซ์ ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนคุย ไม่ใช่แค่คนแก้เหงา

       และผมก็กลัว…กลัวการผิดหวังจากความรัก…ไม่เอาอีกแล้วความรู้สึกแบบนั้น

       “ขอโทษนะบอย…ผมรักคุณไม่ได้จริงๆ…”



       โปรดติดตามตอนต่อไป :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 02-03-2008 19:28:07
แดน ปิดกั้นเกินไปหรือป่าวค้าบบ...น่าจะลองเปิดใจดูบ้างนะค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 02-03-2008 19:44:15
มาเร็วทันใจคนอ่านจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 02-03-2008 19:51:08
แค่ ห้าตอน ยังเผยความร้ายกาจมาขนาดนี้   :m16: :m16:

อยากรู้ว่า เมื่อแดน เจอไอ้ชิพ จะแก้แค้นไอ้ชิพ ยังไงหว่า  o12 :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 02-03-2008 20:34:44
สงสารบอยอ่ะ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 02-03-2008 20:37:17
ใจแข็งมากแดน หุหุ

แต่ต้องอย่าใจอ่อนกะชิพนะ

เพราะมันทำไว้แสบมาก  o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 02-03-2008 22:34:05
รอต่อไปจ้า :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 02-03-2008 22:42:26
อย่างงี้กับชิพจะแค้นฝังหุ่นป่าวง่ะ   :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 03-03-2008 17:38:27
สงสารบอยอ่ะ แต่แดนก็ใจแข็งดีเนอะถ้ารู้ว่ารักไม่ได้ก็ไม่ให้ความหวังก็ดีแหละ จะได้ไม่ทำร้ายบอยทางอ้อม o13
แต่ไอ่ชิพเนี่ยนะ อย่าไปใจอ่อนกะมันเด็ดขาด o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 04-03-2008 02:25:07
อ่านรวดเดียวจนจบแล้วก็   เฮ้ออออออออออออออออออออออ



 :เฮ้อ:
 :เฮ้อ:
 :เฮ้อ:
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 04-03-2008 14:10:14
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 04-03-2008 15:39:46
   ทำไมหนอ จึงรักไม่ได้

    ถ้าไม่ลืมรักเก่าแล้วจะมีรักใหม่ได้ไง 

    มาต่อไว ๆ นะค๊าบ รออ่าน อยู่

    อยากจะรู้ว่านายชิพจะกลับมาหรือป่าว

    ถ้ากลับมาแล้วแดนจายกโทษให้อ่ะ ป่าว
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 04-03-2008 20:22:07
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดด


แดน ใจแข็งง่ะ  สงสารบอยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 5 (ภาคสอง)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-03-2008 22:09:54
โทษทีนะครับมาต่อช้าหน่อย คงเพราะเรียนพิเศษเพลิน เอ๊ย! หนักไปหน่อย...ไม่ว่างเลย ยังไงยกโทษให้ด้วยน๊า~~~  o2 o7 o2

ภาคนี้ชื่อจริงของชิพเปลี่ยนไป (หรือเปล่าหว่า?) ผมเขียนชื่อเขาผิดเองแหละในภาคแรก ชื่อจริงเขาต้องแบบนี้แหละถึงจะถูก อิอิ (สงวนนามสกุลเพราะผมกับเขาอาจจะต้องใช้ร่วมกันในอนาคต... :laugh: :laugh: :laugh:)


บทที่ 6



       วันแรกในชีวิตที่ผมต้องออกจากบ้านไปทำงาน รู้สึกตื่นเต้นปนๆภาคภูมิใจยังไงม่ะรู้ดิ^_^ แม่ปลุกผมตื่นแต่เช้า กินข้าวเสร็จก็มายืนอยู่ตรงหน้าแม่ ให้เขาผูกเนคไทให้เรียบร้อย

       “วันนี้วันแรก ตั้งใจทำงานนะลูก”

       แม่กอดผมหลวมๆ…นานเท่าไรแล้วนะที่แม่เคยกอดผมแบบนี้…ยิ่งแม่ทำแบบนี้ยิ่งทำให้ผมมีกำลังใจต่อสู้กับวันใหม่มากขึ้น ผมเลยหอมแม่ฟอดใหญ่ๆไปทีหนึ่ง

       “ไอ้ลูกบ้า ไม่อายใครเค้าเหรอโตปานนี้แล้วยังหอมแม่อยู่ได้”

       แม่พูดติดตลก ผมหัวเราะร่าก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถเมล์หน้าปากซอย มุ่งตรงยังสถานที่ทำงานแห่งแรกในชีวิตด้วยแรงใจและแรงกายเกินร้อย

       สถานที่ฝึกงานในครั้งนี้ ผมไปสมัครที่บริษัทนำเข้าอุปกรณ์สุขภัณฑ์แห่งหนึ่ง อาคารพาณิชย์ของเขาใหญ่โตมาก ตั้งอยู่ย่านใจกลางสีลม-สาทร ซึ่งก็รู้ๆดีกันอยู่ว่าราคาแพงมากแค่ไหน จำวันที่ไปสมัครได้ว่า อาคารปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนลายสวย ลานกว้างๆมีน้ำพุตรงหน้าทางเข้า ผู้คนแต่งตัวสวยๆหล่อๆกันทั้งนั้น ตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้นสิบสองเป็นพื้นที่สำหรับบริษัทให้เช่า ส่วนที่เหลือจนถึงชั้นสามสิบเป็นส่วนของเจ้าของสำนักงานที่ผมว่า เพราะสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นี่ ประกอบด้วยแผนกต่างๆมากมายเต็มไปหมด

       เมื่อสามวันก่อนทางบริษัทโทรฯมาบอกว่าต้องการนักศึกษาฝึกงานอยู่พอดี เป็นอะไรที่ดีใจมากมาย เลยรีบโทรฯส่งข่าวเพื่อนๆที่ไปทิ้งใบสมัครไว้พร้อมกันทั้งหมด ปรากฏว่าก็ได้ทำงานเหมือนกัน

       เชื่อมั้ย ว่าที่ไปเดินๆหางานกันกับแก๊งมหาภัย หาเท่าไรๆก็ไม่มีคนรับ จนแอลนี่แหละที่แนะนำมา บอกว่ามีเพื่อนที่รู้จักกันเป็นเจ้าของ อะไรมันจะโชคดีปานนั้น อิอิ ^_^

      ที่ชั้นสิบสาม บริเวณต้อนรับแขก มีเพื่อนๆอันประกอบไปด้วยไอ้หวาน นังกิ๊บซี่ นังจุม นังไก่ ไอ้ออม ไอ้หนวด(เพราะยืนใบสมัครพร้อมๆกัน) แล้วก็แอลนั่งรออยู่แล้ว แต่ละคนกำลังดื่มกาแฟ อ่านนิตยสารรอเวลาอยู่ ผมสังเกตสีหน้าทุกคนว่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อย

       “ไอ้แดน ‘ไมมาช้าว่ะ”

      “รถติดชิ*หายอ่ะดิ” อ้าว ก็มันจริงง่ะ o_O*

       ผมวางกระเป๋าคาดบ่าลง ชงกาแฟให้ตัวเอง ไอ้แอลเดินเข้ามาทักตามประสาคนรู้จัก

       “แดนไม่มีรถเหรอ?”

      ผมมองหน้ามัน “ฮื้อ? ฮ่ะฮ่ะฮ่า เรามันคนจน ไม่มีหรอกรถน่ะ”

       “อืม” แอลพยักหน้าเข้าใจ “บ้านแดนอยู่ไหนล่ะ เผื่อมาทางเดียวกันได้เราจะได้มาส่ง”

      “แถว…” บ้านผมอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร

       “งั้นก็คงได้ สนใจมั้ยล่ะ? กรูจาได้แวะรับ”

       “แหม! พี่แอลอ่ะ ทีกิ๊บซี่บ้านอยู่ใกล้กว่านังแดนอีก พี่แอลยังไม่มารับเลยค่ะ...”

       เราสองคนหันไปมองนังกิ๊บซี่ กระเทยพันธุ์ดุที่กำลังนั่งกระมิดกระเมี้ยนอยู่ ผมยิ้มแหย่ ส่วนแอลมองขำๆ

       “เอ่อๆ ก็ได้ๆ ตัดปัญหาแมร่ง…เจ็ดโมงเช้าแล้วกัน ใครจะไปด้วยส่งแมสเซจมาก่อนเจ็ดโมงครึ่ง ทุกวัน เข้าใจนะ”

       จะว่าไปแอลก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ทุกคนคิด แค่ออกจะ…นอกลู่นอกทางไปหน่อย แต่แอลก็เป็นคนดี เป็นคนมีน้ำใจมากคนหนึ่ง ดูจากที่มันช่วยเหลือพวกเราให้ได้ทำงานที่เดียวกันทุกคนแล้ว แอลก็น่าคบหาเหมือนกันนะ o ^ o

       ผมมองดูนาฬิกา ได้เวลาเข้างานแล้ว ทุกคนเริ่มนั่งอยู่กับเก้าอี้ไม่ติด สักพัก พี่ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสูท ท่าทางคล่องแคล่วเหมาะกับวัยทำงาน สวมแว่นตาร่างสูงโปรงก็เข้ามาในห้อง แนะนำตัวกับพวกเราด้วยท่าทางเป็นกันเอง

       “พี่ชื่ออ้อมนะคะ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบุคคลของที่นี่เอง ก่อนอื่นจะพาไปแนะนำสถานที่ ตามมาทางนี้เลยค่ะ”

       บุคลิคของคนในบริษัทนี้ฉายแววความเก่งมาแต่ไกล ดูจากพี่อ้อม ทั้งเก่ง สวยเฉียบ ดูน่าเคารพนับถือ ผมเริ่มรู้สึกดีๆกับบริษัทแห่งนี้เข้าให้ซะแล้ว >O<

       พี่อ้อมหยุดแวะที่พนักงานหน้าฝ่ายต้อนรับก่อน เห็นพูดอะไรกันแว่วๆว่า

       “ถ้าที่เหลือมา ให้ตามขึ้นไปข้างบนนะ พี่ไม่รอแล้ว”

       ไอ้หวานกับนังไก่ และนังกิ๊บซี่กรูกันเข้ามาฟังด้วย ในที่สุดมันก็ลากผมเข้าไปเม้าท์ในวงด้วยกัน

       “เฮ้ย รู้สึกว่าจะเป็นญาติกับเจ้าของบริษัท ยังไงนี่แหละ”

      “แล้วแกรู้ได้ไงว่ะนังไก่” ไอ้หวานซัก

       “แหม ช่วงเช้ามีเวลาว่าง ฉันก็ชวนนังกิ๊บซี่ไปเม้าท์ฆ่าเวลากับพี่ตรงเคาท์เตอร์นั่นแหละ”

      “~แกนี่สู่รู้ไปทุกเรื่องจริงๆเชียวนะ...”

       ไอ้หวานทิ้งท้ายไว้ในที่สุด เสร็จแล้วเราก็เคลื่อนพลตามพี่อ้อมกันขึ้นไปข้างบน ว่าแต่ละชั้นประกอบด้วยแผนกอะไรๆบ้าง บลาๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นกฎระเบียบ ข้อบังคับ หลักการทำงาน แล้วก็เรื่องห้องครัวห้องอาหาร สวัสดีการโดยทั่วๆไป เสร็จแล้วพี่อ้อมก็เอาป้ายบุคคลเยี่ยมชมของพวกเราคืน แลกกับบัตรพนักงานชั่วคราวมาแขวนคอ...รู้สึกภูมิใจจนหุบยิ้มไม่อยู่เลยจริงๆ o(>_<)o

       “เดี๋ยวบัตรที่น้องๆแลกไว้จะส่งให้คนไปเอามาคืนให้นะคะ ส่วน- อ้าว!...คุณมาพอดีเลย พี่อ้อมบอกแล้วใช่มั้ยคะ...ว่าที่ผู้บริหารในอนาคตน่ะ ไม่ควรมาฝึกงานวันแรกสายกว่าทุกๆคน”

      พี่อ้อมที่พูดๆอยู่หยุดชะงัก แล้วปรี่เข้าไปหาผู้มาใหม่ทางด้านหลังผม เห็นแอลที่บอกว่ารู้จักสนิทสนมกันเข้าไปทักทายเสียงดังอย่างกะไม่เจอกันมานาน แล้วก็มีเสียงใครหลายต่อหลายคนกรูเข้าไปหาเขากันทั้งนั้น

       “นี่ไงแก ว่าที่ผู้บริหารในอนาคต...ฉันไม่อยากดูถูกหรอกนะ แต่มาสายอย่างงี้ อร๊าย คงเอาดีได้หรอกค่ะคุณผู้บริหารกรุ๊บกริ๊บ”

       นังกิบซี่ค่อนคอด ทำตาหูเหลือกอย่างไม่พอใจ แต่แล้ว…

       “นี่ๆแก! ฉันขอถอนคำพูดคืนทั้งหมด อร๊าย~~~ผู้ชายอะไรหล่อล่ำได้ใจขนาดนี้ จะสายแค่ไหน…กิ๊บซี่ก็ยอมค่า!~~~”

       เสียงนังกิ๊บซี่ที่เปลี่ยนไปเรียกความสนใจของทุกคน…ผมเองก็หันไปมอง แอลซึ่งกำลังกอดกันอยู่กับผู้ชายร่างสูงหลบตัวออก ทำให้ผมเห็นหน้าเขาได้ชัดๆ…

       แต่วินาทีนั้นที่ผมเห็นเขา...สมองจดจำได้ว่าเป็นใคร ตัวผมก็แข็งทื่อไปทั่วทั้งร่าง!

      “นี่นะคะทุกๆคน นี่คือคุณนภเกตน์ หรือน้องชิพ ทายาทของบริษัทแห่งนี้ แต่ตอนนี้เป็นแค่เด็กฝึกงานไปก่อนนะคะ (หัวเราะ) น้องชิพแนะนำตัวหน่อยซิค่ะ”

       พี่อ้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ…แต่มันไม่ไหลเข้ามาในสมองของผมเลย ภาพผู้ชายร่างสูงตรงหน้า ที่ตอกย้ำเข้ามาในสมองของผม จำได้…จำได้…ว่ามันคนนี้เคยทำอะไรไว้กับผมบ้าง ผมจำได้ดีว่าความรู้สึกผิดหวังกับผู้ชายคนนี้เจ็บปวดมากเพียงไหน…

      “ผมนภเกตน์นะครับ เรียกสั้นๆว่าชิพก็ได้ และนี่ก็…แฟนของผม ชื่ออุ๋ม เรียนเอกบริหารฯด้วยกันทั้งคู่ ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

        ไม่น่าเชื่อ…ว่าน้ำเสียงห้าวๆของมันจะยังทำให้ผมหนาวสั่นไปได้ทั้งตัว ผมนึกว่าจะลืมมันไปหมดแล้วซะอีก…แผลเก่าที่เพิ่งหายดีปริแตกออกอีกครั้ง ความเจ็บช้ำพุ่งทะลักออกมาจนแค่มองมัน…ผมก็เจ็บเหมือนวันที่มันทิ้งผมไปเมื่อห้าปีก่อน

       ชิพแสดงท่าทีนอบน้อม ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆกันนั้นก็ดูสวย น่ารัก เพียบพร้อมสมกัน ทั้งสองยิ้มให้ทุกๆคนตามมารยาท   จนกระทั่งสายตาของมันมาหยุดลงที่ผม…รอยยิ้มฉาบใบหน้าของมันค่อยๆหุบลง…เหลือแต่เพียงความตกใจที่ผมเองก็แสดงออกมามากไม่แพ้กัน

       บัดนี้ ตามเนื้อตัวแทบจะไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น เหมือนโลกรอบๆตัวจะพังทลายลง เสียงพูดคุยของทุกๆคนพลันเลือนหายจนแม้กระทั่งเสียงหัวใจของผมยังแผ่วบาง…ผมมองมัน ตัวของชิพสูงกว่าเดิม ดูผอมลง แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ทุกอย่างที่บ่งบอกว่าเป็น ‘ชิพ’ ยังคงอยู่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงห้าวๆ ท่าทางกร่างๆ แววตาที่พราวด้วยเล่ห์นัยบางอย่าง ริมฝีปากบางและรอมยิ้มร้ายกาจ…

       ผมออกวิ่งทันที

       วิ่ง...วิ่ง...วิ่ง...กระแทกประตูออก หนีลงมาตามทางหนีไฟ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้…เสียงของใครบางคนวิ่งตามลงมา เสียงวิ่งหนีกันดังตึงๆ

       “แดน! แดน! เดี๋ยวก่อน”

       วิ่งออกมาหน้าตึก รู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งมึนงง ตาพร่าไปหมด…มันเป็นความทรมานที่แทบจะแยกร่างเราได้ ผมยืนบีบมือแน่นขณะยืนรอแท็กซี่ตรงที่ถัดมาจากหน้าบริษัทเล็กน้อย เกือบจะสิ้นหวังแล้วเมื่อไม่มีรถคันไหนจอดรับผมซักคัน...

       ผมยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนบ้า น้ำตามันจวนเจียนจะไหลพรากๆอยู่แล้ว แต่เพราะตัวเอง…ที่ท่องเอาไว้ในใจว่า ‘อย่าร้องนะ…อย่าร้องเด็ดขาด อย่าได้เสียน้ำตาให้คนๆนั้นอีก อย่าเชียว…อย่าได้แพ้ใจตัวเองอีก อย่าร้อง…’

       “แดน!” เสียงเรียกจากใครบางคนทำให้ผมสะดุ้ง บอยที่อยู่ในเบนซ์ซีคลาสของเขากำลังจอดคาอยู่ข้างถนนตรงหน้าผม เหมือนระฆังช่วยชีวิต ผมวิ่งเข้าไปหาเขาทันที

       “บอย! ผมขอไปด้วยได้มั้ย? ขอไปด้วย-“

       “เดี๋ยวแดน เดี๋ยวก่อน!”

       เสียงของชิพดังตาม ผมไม่กล้าหันไปมอง รีบเปิดประตูแล้วกระโจนขึ้นรถ

       “ไปเลยบอย ขับไปเลย!”

       บอยทำตามคำสั่ง รถเบนซ์ซีคลาสกระชากตัวออก แล่นไปตามถนนด้วยความเร็ว ภาพของชิพดูเหมือนจะห่างไกลออกไปทุกทีๆ…

       รถที่แล่นไปด้วยความเร็ว ทำให้ผมแทบจะมองอะไรไม่ทัน หรือว่าเป็นเพราะความช็อคกันแน่…ที่จริงคือผมเบลอไปหมด เหมือนภูเขาลูกหนึ่งพังทลายลงมาใส่ผม ทับให้จมอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ…ความรู้สึกทรมานที่ยากจะบรรยาย

       “แดน! แดน!”

      ผมหันไปตามเสียงบอย แววตาเหม่อลอย

       “คุณได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า? แดน…คุณเป็นอะไร ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ใครทำให้คุณเป็นแบบนี้”

       ผมไม่ตอบ…เบ้าตาของผมร้อนผะผ่าว ปวดตุบๆไปหมด และแล้วมันก็ทนไม่ไหว น้ำตาใสๆสายหนึ่งไหลรินลงมา

       “บอย พาผมไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้…”




       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 06-03-2008 01:29:25
แค่แว๊บเดียวก็..................
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 06-03-2008 02:13:52
เริ่มสนุกกกกแย้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 06-03-2008 04:09:51
โอย...ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า :sad2:
รู้สึกโกรธเจ้าช็อคชิพที่มาหลอกปั่นหัวแดน  :serius2:
พี่มาร์คไม่อยู่แล้ว เชียร์แดนกับบอยนี่หละ
อย่าไปรีเทิร์นกับชิพนะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 06-03-2008 08:12:15
ยังไงก็คิดถึงพี่มาร์คอะ.........


แฟนคลับพี่มาร์คเท่านั้น......

ไม่สนคนอื่น................
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 06-03-2008 08:57:10
หนอยแน่ เจ้าชิพ ทำเจ็บแสบ หายหัวไป ห้าปี กลับมาอีกที พ่วงเอาแฟนสาวมาด้วย  :angry2:

แล้วที่ผ่านมาเอาแดนไปวางไว้ตรงไหน  :m16:

โกรธโว้ย โกรธมัน   :serius2: :o :เตะ1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 06-03-2008 16:47:11
ชิพ ....


ทำตัวได้ชิบหายมาก


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 06-03-2008 16:48:51
ชิพมาแล้ว อิอิ

มันส์แน่งานนี้
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 06-03-2008 17:00:29


     สงสารแดนมากมายอ่ะ

      นายชิพกลับมาทำไมอ่ะ

      อยากให้บอยเข้มแข็งกว่านี้อ่ะ


      ต้องเอาคืนมั่ง  มาต่อไว ๆ นะคับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 06-03-2008 18:37:38
เปิดตัวทายาทคนใหม่แต่ควงแฟนสาวมาซะงั้น  :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 06-03-2008 20:37:39
ความสนุกตื่นเต้น เริ่มขขึ้นอีกครั้ง <-----โฆษณาไรเปล่าเรา 5555+
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 06-03-2008 21:13:13
ไอ้ชิพ เมิงนะเมิง ฟันเขาแล้วทิ้งหนีหายไปเลย ห้าปี

ห้าปีเชียวนะเมิง  :laugh: :serius2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 06-03-2008 23:13:44
ห้าปีเชียวนะกะการที่ต้องเก็บรักร้าวแบบนั้น

แผลมันไม่หายแน่เรย กลับจะเหวอะกว่าเดิมซ๊ะอีก

เชียร์บอยแทนได้มะนี่ - -"

 :m15:   :m15:   :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 6 (ภาคสอง) ขอโทษทีน๊ามาช้าไปหน่อย o_O*!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-03-2008 23:13:44
คือ มัวแค่อ่านนิยายของเจ๊คิง เรื่องนายเงือกปลาทองอ่ะ สนุกมากกกกกกกกกกก ใครรู้จักเจ๊เป็นการส่วนตัวเรียกเจ๊มาลงตอนต่อไปด่วยเลยนะ ขอร้องๆๆๆ!!! o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7 o7

อ่ะ เอานิยายมาลง เดี๋ยวอาจจะไม่ว่างเสาร์อาทิตย์อ่ะคับ แฮะๆ  :oni1:


บทที่ 7



       ภายในสวนสาธารณะที่ร่มรื่น บอยนั่งใกล้ๆผม

       “แดน บอกผมได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”

       ตาแดงๆของผมทอดออกไปไกลแสนไกล…แสงแดดจ้าส่องเข้ากระทบตา ความรู้สึกเสียใจอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนก่อตัวขึ้น แรงสะอื้นที่อดกลั้นไว้ทำให้ผมเกือบสำลัก ตาร้อนผ่าว ผมค่อยๆก้มหน้าลงแล้วปล่อยเสียงสะอื้นออกมาในที่สุด

       บอยขยับเข้ามากอดผมไว้

       “คุณมีเรื่องอะไร…บอกผมได้นะ”

       ผมร้องไห้ซบอกบอยอยู่ตรงนั้น…ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกทุกข์ เศร้า จากบอยแล้ว…ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครมานานห้าปี ผมดูถูกเรื่องความรัก ความผิดหวัง การอกหักของคนที่เจอเรื่องร้ายๆแบบนี้มาโดยตลอด ไม่อยากเชื่อเลย…ผมเองที่กำลังเผชิญกับมัน และเพิ่งรู้ว่า…’เจ็บ’ ปางตายแค่ไหน

       นี่…นี่ผมกำลังฝันร้าย…ฝันร้ายที่ยังไม่ตื่นสักทีใช่มั้ย?

      จู่ๆฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนผมมาตลอดห้าปี กลับเป็นจริงขึ้นก็วันเนี้ย…

       ทำไมอ่ะ? ทำไมมันต้องเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมเริ่มทำใจได้แล้ว เกือบจะลืมมันได้แล้วเชียว…

       …ทำไม?...

       “ตอนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง…คุณปรับทุกข์กับผมเถอะ”

       ไม่น่าเชื่อว่าคนทื่อๆอย่างบอยจะสามารถปลอบผมได้…จนทุกอย่างมันสงบลงในที่สุด ผมถึงรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนที่บอยมอบให้ แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังทั้งหมด

       ผมเล่า เล่า เล่า และเล่า…ทุกอย่างๆมันพรั่งพรูออกมาจนรู้สึกตัว ผมหยุดพูดลง ตกใจเล็กน้อยที่กำลังเล่าเรื่องไร้สาระให้บอยฟัง บอย…ชายหนุ่มที่ผมเคยมีสัมพันธ์ทางกายด้วยเพียงเพราะพลั้งเผลอใจ…คนที่ผมรู้จักยังไม่ถึงเดือน ทั้งๆที่แม้แต่แม่ของผมท่านยังไม่เคยรู้ลึกเท่านี้มาก่อน แต่ผมกลับมานั่งเล่าให้เค้าฟัง

       “เรา…ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

       “นี่คือสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นคนรักสนุก หันหลังให้โลกแบบนี้ใช่มั้ย?”

       คำพูดที่บอยใช้อธิบายผม มันช่างตรงเผงอะไรเช่นนี้ ใช่…ผมมันเป็นพวกประชดโลก ซาดิสต์ =_=” แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร? เพราะอะไร? เหมือนกัน…

       เหมือนความเชื่อในเรื่องความดีงามแห่งความรักในความคิดของผมนั้น มันป่นสลายลงไปหมดแล้ว

       “…”

       “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี”

       ผมนั่งสงบสติอารมณ์ เอามือปาดน้ำตา บอยยังอุตสาห์ส่งผ้าเช็ดหน้าของเขามาให้ ผมมองด้วยสายตาขอบคุณ แล้วจัดการทำความสะอาดตัวเองให้ดูเหมือนผู้เหมือนคนขึ้น ไม่ใช่คนบ้า

       “ขอบคุณนะ…”

       “ไม่เป็นไร ผมแค่กำลังจะขับรถไปทำงาน แต่บังเอิญผ่านมาเห็นคุณพอดี ท่าทางไม่ปกติ…ผมเลยจอดแวะดูเผื่อคุณต้องการอะไร”

       ผมลอบมองบอย ที่บัดนี้ดูสุขุม เป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ไม่น่าเชื่อ…

       สงสัยคงต้องเปิดตามองบอยเสียใหม่แล้ว

       “นี่คือตัวตนจริงๆของนายหรือว่าเราคิดไปเองกันแน่”

       “แบบไหน?” บอยทำหน้างุนงง

       “แบบนี้…เป็นผู้ใหญ่ และ…ทำให้เราอุ่นใจได้”

       บอยหัวเราะเบาๆ เสียงทุ้มใหญ่ของเขาดังก้อง

       “ผมก็เป็นผม เพียงแต่คุณยังไม่รู้จักดีเท่านั้นเอง”

       ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ลุกขึ้น

       “เราไปนะ”

       “คุณจะไปไหน?” บอยลุกตาม แววตาฉายแววห่วงใย…ทำไมไอ้สันดานขี้แงเก่าๆของผมมันถึงได้ตามติดตัวไม่เลิกหายสักที…ประมาณว่า ยิ่งบอยดีกับผมมากแค่ไหน ผมยิ่งรู้สึกย่ำแย่ลงมากแค่นั้น

       “ไม่รู้เหมือนกัน…”

       แต่ผมไม่อยากกลับไปทำงานแล้ว ยิ่งต้องอยู่ใกล้มัน…ผมยิ่งปวดใจ

       “คุณกลัวเขาเหรอ?”

       “…”

       “งั้นคุณก็…พยายามลืมเขาซิ”

       ไอ้พูดน่ะ มันง่าย แต่ถ้าจะให้ทำน่ะ มันยาก (ไม่งั้นกรูไม่นั่งเสียใจมาตั้งห้าปีหรอก\(-_-*))

       “เอางี้มั้ย? คุณไปทำงานกับผม คุณจะได้ไม่ต้องคิดมากไง”

       ผมมองหน้าบอย ดูเหมือนเขาจะเต็มใจจริงๆ…หลังจากใช้สมองไตร่ตรองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ผมยอมไปกับบอยดีกว่าต้องนั่งฟุ้งซ่านอยู่แบบนี้ o_O*

       “ก็ได้”

       บอยพากลับมาที่รถ ก่อนถึงที่ทำงานของเขายังมีน้ำใจเลี้ยงน้ำปั่นแก่ผมแก้วหนึ่ง พออะไรเย็นๆเข้าปากดูเหมือนจะช่วยให้ผมทำใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

       “บอย แล้วนายทำงานอะไรอ่ะ?”

      “เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

 

       รถเบนซ์ของบอยแล่นมาตามถนนวิภาวดี ในที่สุดก็เลี้ยวเข้าถนนภายในตลาดประจำย่านประชานิเวศน์ รถเคลื่อนตัวเข้าจอดในโรงส่วนตัวของร้านสัตว์แพทย์แห่งหนึ่ง ผมอึ้ง

       “นายเป็นสัตว์แพทย์เหรอเนี้ย?”

      “ครับ นี่ร้านของคุณลุงผมเอง”

       ร้านคลินิกรักษาสัตว์เลี้ยงแห่งนี้ดูสวยหรู ตกแต่งเกินกว่าจะเป็นคลินิกหมาได้…ตอนแรกนึกว่าเป็นสำนักงานอะไรซักอย่าง บอยเดินนำหน้าเข้าไปในนั้น ตามด้วยผม โห! ข้างในยิ่งเว่อร์กว่าข้างนอก ทุกๆอย่างในชีวิตของบอยต้องเป็นเช่นนี้หมดเลยเหรอ พูดแล้วยิ่งอิจฉาจังโว้ย o(>_<)o

       บอยเข้าไปคุยกับพนักงานต้อนรับผู้หญิงสองคน ผมเลยมีโอกาสมองไปโดยรอบ…ลูกค้าเยอะตั้งแต่ยังไม่สายแบบนี้เลยเหรอ? แสดงว่าต้องมีแต่พวกมีกะตังแน่ๆที่พักอยู่แถวนี้

       “ร้านของคุณลุงผม ท่านคิดราคาไม่แพงหรอก บางครั้งก็รักษาฟรี”

       บอยเอ่ยขึ้นลอยๆ…คงจริงอย่างบอยว่า เพราะนอกจากใบประกาศอนุญาตจัดตั้งคลินิกที่แปะไว้ข้างฝาแล้ว ยังมีรูปลุงของบอย รับโล่กับรางวัลทำประโยชน์เพื่อสังคมอีกมากมายรวมอยู่ด้วย

       “อีกอย่าง พื้นที่ตรงนี้ก็เป็นบ้านเก่าของคุณป้า ข้างตลาด อยู่ใจกลางชุมชนดี ชาวบ้านเลยรู้จักปากต่อปาก มารักษากันเยอะพอสมควรครับ”

       บอยเริ่มงานคุณหมอ(หมา)ของเขา ท่าทางคุณลุงหมอของบอยจะยังมาไม่ถึง และบอยก็ดูคล่องแคล่วกับการรักษาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเสียเหลือเกิน จนไม่แปลกใจเลยว่าทายาทเจ้าของคลินิกสัตว์แห่งนี้คงเป็นบอยอย่างไม่ต้องสงสัย

       พักเที่ยง บอยดูท่าทางเหนื่อยมาก ผมยื่นแก้วน้ำชาดำเย็นที่แว๊บออกไปซื้อมาให้ในตลาด

       “นายเก่งมากเลยนะ”

       บอยยิ้ม พลางดูดน้ำสีชาอย่างกระหาย

       “เรานั่งดูนายในห้องแบบนี้ เกะกะหรือเปล่า”

       “ไม่เลย เชิญเถอะ”

       สรุปแล้ววันนี้คุณลุงของบอยไม่เข้าทำงาน บอยเลยยุ่งกว่าปกติ คุณลุงเค้าวางใจมากขนาดนี้เลยเน๊อะ…o_+”

       “นายทำงานมานานแล้วเหรอ?”

       “อืม ประมาณสามสี่เดือนน่ะ ตอนแรกๆก็เงอะงะนะ” บอยหยุดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “แต่คุณลุงท่านสอนผมดี จนตอนนี้ต้องขอบคุณท่านที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้”

       แววตาที่บอยพูดถึงคุณลุง ดูชื่นชมมาก

       “คุณลุงของนายคงมอบร้านนี้ให้”

       “ฮื้อ ไม่หรอก ผมไม่อยากแย่งร้านท่าน ผมคงกูเงินซักก้อน เปิดร้านหากินเองสักวันแหละ”

       แนวคิดเป็นผู้ใหญ่ของบอยทำให้ผมแอบประทับใจในตัวเขาลึกๆ…   

       เขาชวนผมหลบไปกินข้าวเที่ยงที่หลังร้าน ซึ่งพี่ๆภายในร้านก็เป็นคนไปหาซื้อมาให้ ผมมองบอยรีบกินข้าวเพราะมีแม่สุนัขใกล้คลอดถูกส่งเข้ามา เขารีบจนเม็ดข้าวติดปาก

       ผมเอื้อมมือไปหยิบออก

       บอยหน้าแดง (เฮ้ย! ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ(-_-“))

      “นายน่ารักมากนะเมื่อรักษาสัตว์พวกนั้น เราแอบมองนายอยู่ตั้งนาน ดูตั้งใจดี”

       ผมกล่าวล้อๆ

       เป็นความจริง ทุกๆวินาทีที่บอยรักษาสัตว์เหล่านั้นอยู่ บอยปฏิบัติด้วยความตั้งใจและอ่อนโยนกับสัตว์ทุกๆตัว

       เขานั่งกินข้าวเงียบๆ ผมล่ะขำกับท่าทีอายๆของเขา จนเมื่อได้อยู่คนเดียว…ความรู้สึกช็อคเมื่อตอนเช้าก็เข้าครอบงำผมอีกครั้ง และมีบางช่วงที่ผมเผลอคิดถึงเรื่องเก่าๆนาน ปวดมวลท้อง…เกร็งเขม็งจนลืมหายใจ<<<\(-_-*)…เฮ้อ…ทำไมเรื่องร้ายๆถึงต้องวนกลับมาหาผมอีกครั้งด้วยนะ ไม่เข้าใจจริงๆ…

       แต่ครั้งนี้ผมจะเข้มแข็ง ผมจะแข็งแกร่ง และไม่ยอมตกอยู่ใต้ความทุกข์ระทมแบบนั้นอีกแล้ว…

       ไม่มีทาง

    


       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 06-03-2008 23:25:38
จิ้มครับจิ้ม
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 06-03-2008 23:32:20
แหม...ดีจังที่ยังไม่ได้ไปนอน

ได้ตอนใหม่อีกตอนเยยยยยย

บอยน่ารักเจงๆ เรยแฮ๊ะ อิอิ

 :o8:   :o8:   :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-03-2008 23:35:58
โชคดี ผมเอามาลงพอดีอ่ะคับ Xeroz 5555+
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 06-03-2008 23:42:31
มาแล้ว แต่สั้นจังอ่า  :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 07-03-2008 00:20:34
โอยยยยยย

ทรมานจายว่ะ



ไหงต้องวนมาเจอกันอีกล่ะเนี่ย :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 07-03-2008 00:32:31
แวะเข้ามาอีกทีแต่แล้วก็ไม่ผิดหวัง  อยากจะบอกว่าผมกำลังติดนิยายเรื่องนี้อย่างหนักหน่วง ทำไงดี
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 07-03-2008 00:52:05
รู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ และเรื่อยๆๆๆ


สะใจมาก

 :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 07-03-2008 02:24:10
สนุกๆๆๆ :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 07-03-2008 12:33:38
ภาคสองนี้ น่าจะสนุกกว่าภาคแรก นะ   :laugh:

ภาคนี้ ทั้งนายเอกและพระเอก แรงด้วยกันทั้งคู่   :m16:

แอบเชียร์บอย จะเป็นไปได้มะครับ คนเขียน   :oni3: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 07-03-2008 13:58:22
ไม่เจอ ชิพ ตั้งนานพอกลับมา ยังทำให้เจ็บช้ำมากมาย....


แดนน่าจะมอง บอย ดีกว่านะค้าบบ...^^
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 07-03-2008 14:37:07
ใครเป็นพระเอกเนี่ย

บอยได้มั้ย

จุดจุดนี้เชียร์บอยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 07-03-2008 15:05:12


    รอติดตามตอนต่อไป ค๊าบ

   มาเร็ว ๆ นะ รออ่านอยู่
 
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 7 (ภาคสอง) โอย อยากอ่านนิยายเจ๊คิงต่อง่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-03-2008 15:12:00
รักคนอ่านทุกคน อ่านแล้วอย่าลืมโป๊ดเม้นท์ด้วยเด้อ (อิอิ เอาแบบอย่างเจ๊สองซะเลย ตอนนี้อยากอ่านมากๆๆๆน๊า :o8:)


บทที่ 8



       เจ็ดโมงครึ่ง เสียงบีบแตร ‘ปี๊นๆ’ ก็ดังขึ้น

       ‘…ใครกันนะ มาเอาเช้าปานนี้…’

      เสียงฝีเท้าแม่เดินตึงตังขึ้นมา ปลุกผมดังสนั่นตามสไตล์

       “แดน! มีเพื่อนมารอหน้าบ้านลูก แดน! ตื่นๆๆไอ้ลูกคนนี้”

       ผมงัวเงียลุกขึ้นมา ยังมึนๆอยู่

      “ใครอ่ะแม่?”

       แต่แม่เดินออกไปแล้ว ผมเลยชะโงกออกไปดู ใครว่ะ…ไม่คุ้นหน้าเลย

       มันผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมา ไอ้แอล!

       ผมรีบหลบ แต่ ไอ๊หย๋า~~~สบตากับมันแล้ว คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่

       ตอนแรกกรูกะจะโดดงานสักหน่อย แต่เมสเซจที่แอลส่งขึ้นทำให้ผมคิดหนัก จะไปก็ไม่ได้ เพราะมันบอกว่าพี่อ้อมสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้น และผมคงต้องหาคำแก้ตัวไปพูดให้เขาฟังโดยเร็วที่สุด

       อาบน้ำแต่งตัว เดินไปหามันที่กำลังพิงรถด้านข้างอยู่ มือยกบุหรี่ขึ้นสูบ

       “นิ่วหน้าทำไม?”

      “กูเหม็น ไปสูบที่อื่นนู่น”

       ไอ้แอลโยนบุหรี่ทิ้งไปอย่างไม่ตั้งใจ หน้าตาเหลอหลาตามประสาคนกระล่อนแบบมัน

       “อ้าว นึกว่ามึงสูบ ไปเหอะ เดี๋ยวทำงานสาย”

       ผมไม่ว่าอะไร ตามมันขึ้นรถอย่างว่าง่าย รถของแอลเป็นบีเอ็มอับเบิลยูซีรี่สาม(ของกลางปีที่แล้ว) กระนั้นมันก็ยังให้ความรู้สึกดีที่ได้นั่ง เบาะนุ่มๆราคาแพง ต้องยอมรับว่าคนเสเพลอย่างแอลดูแลรถดีจริงๆ

       “เมื่อวานมึงเป็นอะไรไปว่ะ”

      ผมเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เลยพยายามนั่งหุบปากเงียบๆดีกว่า

       ตลอดทาง แอลก็นั่งเงียบเช่นกัน อาจจะมีการลอบมองผมบ้างเป็นบางครั้ง มันคงสงสัยเหมือนทุกคนนั่นแหละที่ทำไมผมถึงต้องผลุนผลันรีบร้อนออกมาจากออฟฟิศปานนั้น แต่คิดดูอีกที งืม...ปล่อยให้สงสัยไปแบบนี้แหละดี ผมขี้เกียจหาข้อแก้ตัวใดๆทั้งนั้น

 

       รถจอด แอลบอกว่ามันจะแวะไปซื้อกาแฟฝากคนบนออฟฟิศซักหน่อย ผมเลยรีบเลี่ยงออกมาเพราะอยากเข้าออฟฟิศคนเดียวเงียบๆ ไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากพูดกับใครหน้าไหนทั้งนั้น

       ผมกดลิฟต์ไปที่ชั้นสิบห้าอันเป็นส่วนของแผนกบัญชีและการเงิน ประตูโลหะเปิดออกพร้อมด้วยเสียง ติ๊ง!

       ใบหน้าของใครบางคนปรากฏขึ้น มองตรงเข้ามา คนๆนั้นเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นผม

       “แดน…”

       อารามตกใจ ผมรีบกดปุ่มปิดๆๆ แต่ไอ้ลิฟต์บ้าดันทรยศค่อยๆปิดซะงั้น…ร่างสูงเลยกระแทกประตูเปิดเข้ามาได้

      ไอ้ชิพรีบกดปุ่มชั้นต่อไป แล้วกระแทกปุ่มหยุดค้าง…บัดนี้ผมกำลังยืนอยู่กับมันเพียงสองคนในลิฟต์ระหว่างชั้นสิบห้า-สิบหก…เชี่ย...ผมรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แต่เทียบเท่าไม่ได้กับความกลัวบางอย่างที่วิ่งวุ่นภายอัดแน่นอยู่ภายในอก

       “แดน…”

      “ไม่ต้องมาเรียกชื่อกู!”

       ผมตะคอกเสียงดัง ไอ้ชิพสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ๆ…ไม่อยากจะบอกว่าผมรังเกียจมันเหลือเกิน ยิ่งกว่าปีศาจร้าย ยิ่งกว่าผีห่าซาตานที่ไหนซะอีก

       “ถอยไป ถอยไปนะ!”

       วินาทีที่ผมกระโจนไปกดปุ่มหยุดค้าง มันคว้าร่างของผมไว้ได้ และความที่ตัวมันสูงใหญ่กว่ามาก เลยกดผมไว้แน่นสำเร็จ กอดผมไว้…กอดผมไว้แน่น

       ในอ้อมกอดนี้ ผมตัวสั่นอย่างรุนแรง

       แต่ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า...ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มันทำให้ผมนึกย้อนถึงคืนเมื่อห้าปีก่อนนั้น...

      แต่กระแสแห่งความเกลียดชังก็เคลื่อนเข้ามาแทนที่ ผมหลับตาลง…น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลลงมาอีกแล้ว ผมกลั้นหายใจ ผลักมันออกห่าง

       “กูขออธิบาย…”

      ผมต่อยมันล้มลง

       “กูไม่เคยรู้จักคนอย่างมึง จำไว้ กูไม่เคยรู้จักคนอย่างมึง!”

       ก้าวไปกดปุ่มสีแดงบ้าๆนั่น เชรี่ย~~~ทำไมมันช้าจังวะ แมร่ง~~~

      มือของผมถูกรวบไขว่หลัง ไอ้ชิพกระแทกปุ่มให้ลิฟต์หยุดนิ่งเหมือนเดิม

       “แดน กูขอโทษ กูขอโทษ…”

       ผมจ้องมองนัยน์ตาของมัน ที่บัดนี้แดงก่ำ น้ำตาอาบนองใบหน้าของเราทั้งสองคน…ผมหนีสายตาของมัน และพยายามดิ้นรน

       “มึง…มึงจะทำแบบนี้กับกูไม่ได้….มึงทำแบบนี้กับกูไม่ได้แล้ว…”

      ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นเลยก็ว่าได้ เข่าอ่อน…รู้สึกหมดเรี่ยวแรงซะงั้น

       “มึงไม่มีสิทธิ...มึงไม่มีสิทธิบังคับกู ไม่!”

       “แต่แดน…กูคิดถึงมึง คิดถึงเราสองคน”

       “โกหก!” ผมดิ้นแรงๆหลุดออกในที่สุด “เลว! คิดถึงเหรอ?…ใช่ กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน…ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาไม่เคยมีวันไหนเลยที่กูไม่นึกสาปแช่งมึง ให้มึงตายออกไปจากความทรงจำของกูซะที ให้ภาพของมึงหายออกไปจากหัวสมองกู! สิ่งที่มึงทำเขาเรียกเหรอว่าคิดถึง นี่น่ะหรือคำว่าคิดถึงของมึง?!”

       บอกตามตรง...แค่ผมกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่า มองบรรยากาศในโรงอาหาร เสมือนมีภาพของมันซ้อนเข้ามา เหมือนมันนั่งอยู่ตรงข้าม...ทำให้ผมมึนจนกินอะไรไม่ลง

       “แค่กูคิดถึงเรื่องชั่วๆที่มึงทำ กูไม่นึกอยากเจอหน้ามึงอีกเลย...”

       ผมหอบเพราะตะโกนด่ามัน…ส่วนชิพ มันจ้องมองผมพลางร้องไห้หนักกว่าเดิม แต่ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเจ็บปวดยังไง ผมนี่ซิ…ที่ทุกข์ทรมานจากสิ่งที่มันทำ

       “ตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงทำเหมือนกับกูไม่มีค่า ทำไมชิพ? กูทำผิดตรงไหน ทำไมต้องให้ความหวังกับกูด้วย?…กูเจ็บจนมันไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว…ต่อไปนี้มึงไม่ใช่คนสำคัญของกูจำไว้ด้วย มึงมันก็แค่คนธรรมดาๆ ที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับกู”

       “มึง...มึงเป็นแค่เพียงฝุ่นผงที่ปลิวมาเข้ามา ไม่มีค่าอะไรเลย...”

      มันเคยบอกว่า ‘รัก’...เคย ‘สัญญา’…เคย ‘อ้อนวอน’…

      แล้วมีอะไรสักอย่างมั้ยที่ผมได้จากมันจริงๆ?

      ความช้ำใจยังไงล่ะ

       …ตัวลิฟต์วิ่งขึ้นสู่ชั้นสิบหกตามปกติอีกครั้ง ประตูเปิดออก โชคดีไม่มีใครอยู่แถวนั้นเพราะเป็นชั้นเก็บเอกสาร ผมเดินอ้อมลงไปที่บันไดหนีไฟ ไอ้ชิพยังตามมาไม่เลิก

       “พอได้แล้ว!”

       ผมว๊ากใส่มัน ชิพผงะไป…ค่อยๆปล่อยมือจากผม ผมมองมันด้วยแววตารังเกียจ ขยะเขยงเหลือเกิน…ไม่เคยรู้สึกโกรธเกลียดได้มากมายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ให้ตายซิ

       ผมเดินลงมาที่ชั้นสิบห้า พอดีกับที่ชิพเดินเข้ามา ผมเมินหน้าหนี ลิฟต์อีกตัวก็เปิดออก พี่อ้อมกับแอลเดินหัวเราะกันเข้ามา ทั้งสองหยุดเมื่อเห็นตาแดงๆของทั้งผมและชิพ…ทำให้ผมรีบฝืนยิ้ม

       “ดะ…แดน เมื่อวานหายไปไหนมาทั้งวันจ๊ะ?”

       “…เผอิญที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ”

       “เรื่องอะไรบอกพี่หน่อยได้มั้ย?”

       “คนรู้จักตายครับ!”

       ผมชำเลืองมองไปทางชิพ อยากให้มันรู้ว่าผมเปลี่ยนไป แข็งแกร่งขึ้น มันไม่มีความหมายอะไรกับผมอีกต่อไปแล้ว และถึงแม้ต้องให้เจอะเจอกับมันอีกกี่ครั้ง ผมก็จะผ่านพ้นมันไปให้ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       “อ้อ…เหรอจ๊ะ งั้นวันนี้เริ่มงานเลยนะ”

       พี่อ้อมเลี่ยงๆไป ส่วนแอล…มันมองผมสลับกับชิพ แล้วรีบก้าวฉับๆเข้าออฟฟิศไปอย่างกลัวๆ…ผมกัดริมฝีปากแน่น แล้วเดินตามแอลเข้าไป คิดซะว่าวันนี้ดวงซวย ดันเจอมันจนได้

      แต่จะให้ร้องไห้เพราะมันอีก คงไม่มีแล้ว…

       ถ้างั้นทำไม? ผมถึงได้รู้สึกโหยหาทรมานกับอ้อมกอดของมันมากมายขนาดนี้นะ…





       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 07-03-2008 16:30:50
หึ มาแล้วหรอ ไอ้ชิพ  :angry2:

แดน อย่าไปสนใจค่ะ

ผู้ชายห่วยๆ

ทุเรศ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 07-03-2008 17:23:33
อยากรุ้เหตุผลเหมือนกันนะเนี่ย....



แต่เกลียดมันนนนนนนนนนนนนนน....

ไอ้ชิพบ้า...

รักพี่มาร์คมากมาย...มาร์คแฟนคลับ.. :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 07-03-2008 18:39:57
ยังไม่ได้อ่านแต่รีบรีพลายให้ก่อน
.
.
.
.
.
.
คนเขียนใจดีจัง  น่ารัก
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 07-03-2008 19:35:07
ชิพ น่าจะมีเหตุผลที่ดีนะ(?)

คิดว่างั้น
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 07-03-2008 20:04:47
ถึงชิพจะมีเหตุผลอะไร  แต่ก็น่าจะบอกกันได้นี่นา แต่กลับปล่อยเวลาให้ผ่านมาตั้ง 5 ปี หรือว่าแดนย้ายบ้าน ทำให้ชิพติดต่อมาไม่ได้ หรือแดนเปลี่ยนเบอร์โทรสับ หรือชิพทำโทรสับหาย ทำให้ติดต่อใครไม่ได้  หรือว่าชิพโดนจับขังหรือกักกันอิสรภาพ ไม่มีคอมใช้ เอ็มหรืออีเมล์ไม่ได้ หรือ หรือ.........  ช่วยบอกสาเหตุทีเถอะ แดนไม่อยากฟัง แต่เราอยากรู้อ่ะ

 
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 07-03-2008 21:30:01
อ่าครับ คนอ่านน่ารัก คนแต่งก็น่าร๊ากกกกกกครับ  :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 07-03-2008 22:03:52
  นายแดนจาร้องทามมายอ่ะ

   ต้องเข้มแข็งดิ

   ต้องแก้แค้น    :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-03-2008 22:20:34
อ่านทันแล้ว  o7 o7 o7 o7 o7
ภาคสองนี่มีเนื้อหาดูจะสนุกกว่าภาคแรกเนอะ  แต่งานนี้ยังชอบชิพอยู่นะ
หวังว่าคงมีเหตุผลดีๆ ที่ทิ้งแดนไป  :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 07-03-2008 22:52:49
ดราม่าอย่างแรง

 :m15:  :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 07-03-2008 23:12:55
เจ็บปวดๆๆๆ


โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: SataRu ที่ 07-03-2008 23:41:46
 o7 อ่านทันแล้วอะครับ รอตอนต่อไปอยู่น่ะครับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 07-03-2008 23:44:45
o7 อ่านทันแล้วอะครับ รอตอนต่อไปอยู่น่ะครับ
+1ให้ทั้งคนแต่งและ น้องรีบนนะคร้าบ


ยิ่งอ่านยิ่งบีบคั้นความรู้สึกชะมัด

5ปี แห่งความ.................. o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 08-03-2008 03:36:00
เย้ๆ ได้อ่านเพิ่มอีกแว้วววว


ดีใจๆๆ


 :oni2: :oni2: :oni2:


แต่ว่านะ .... ชิพเองก็สมควรแล้วล่ะ ... ทำยังกับแดนเป็นโสเภณีข้างถนนอย่างนั้นล่ะ ... ได้เขาแล้วก็ทิ้งไว้ คำลาสักคำก็ไม่มี แล้วก็หายไปจากชีวิต โผล่มาอีกทียังมีแฟนแล้วอีกต่างหาก .....


ถ้าไม่คิดว่าแดนเป็นโสเภณีข้างถนน แล้วจะให้คิดว่าเป็นอะไร ?

 :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-03-2008 04:04:50
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 08-03-2008 14:24:43
เพราะ ชิพ เป็นคนทำลายชีวิตของ แดน ทำให้ แดน กลายเป็ยคนแบบนี้.... :sad2: :sad2: :sad2:


เพราะฉะนั้น ชิพ ต้องอธิบายเหตุผลที่สมเหตุสมผลมา...ไม่งั้น...ไม่ให้อภัย ชิพ เหมือนกัน... :m16: :m16:

 
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 08-03-2008 20:46:10
ไม่ชอบชิพอย่างยิ่งเลยครับ ตอนนี้  :angry2:

แต่มาขอเดาว่าสงสัยเป็นเพราะเรื่องของที่บ้านชิพหรือเปล่า
เลยทำให้ชิพคบกับแดนไม่ได้ เพราะทางบ้านสงสัยแน่เลย

ตอนนี้ขอเชียร์แดนกับบอยก่อนครับ  :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 08-03-2008 21:45:35
อยากรู้เหตุผลของชิพ...ที่คงจะฟังไม่ขึ้นในความคิดเเดน..มั๊ง
รอต่อปาย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 8 (ภาคสอง)เอามาแถมเพิ่มเพราะคนอ่านน่าร๊าก งุงิ >///< (รอเจ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 09-03-2008 18:36:32
ก่อนอื่นเลยขอขอบพระคุณสำหรับทุกๆรีไพล์นะคร้าบ :oni2: :oni2: :oni2:

เอาล่ะ วันนี้ ผมมีเรื่องมาปรึกษาครับ อิอิ :o8:

คือว่า ที่เรียนพิเศษอ่ะ คนนั่งข้างๆผมเขาเหมือนกับประมาณว่าจะมาชอบ แต่เป็นผู้หญิงง่ะ...(=\=") ผมไม่กล้าบอกเค้าว่า เออ ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง อะไรประมาณเนี้ยอ่ะ (เหอะๆ)

แล้วประมาณว่า ภายในห้องมันก็มีพวกเด็กผู้ชายหล่อๆกลุ่มหนึ่ง แบบที่ไม่ค่อยสนใจเรียน แต่โคตรหล่อเลยอ่ะคนหนึ่ง...เขาชอบหันมามองตรงที่ผมนั่งบ่อยๆ (นั่งอยู่ข้างหลังเค้า) แต่ผมไม่แน่ใจหรือเปล่าว่าเขาเป็นเกย์เพราะเวลาอยู่กับไอ้เพื่อนๆของเขาแล้วเค้าก็ดูปกติดี แถมทำเหมือนมองไม่เห็นผมเลยด้วยซ้ำ

คาดว่า น่าจะเป็นยังไงอ่ะคับ?

ใครเลยเป็นแบบนี้ บอกด้วยนะทำไงแต่ไม่ซีเรียสนะ ^_^ ตอนนี้แค่ชอบเค้าเฉยๆ หล่อดี แต่ไม่ต้องการมีแฟน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ดี อ้าว แล้วกัน?... :laugh:

ALeX


บทที่ 9



       ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้ามาจากหน้าปากซอยนั้น สายตาพลันเหลือบไปเห็นใครบางคน…

       รถคันงาม…เล็กซัสเปิดประทุนป้ายแดง ร่างสูงยืนกอดอกมองมาทางผมแน่วแน่ ผมหยุดนิ่งตัวแข็งทื่อ ก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าต่อไป พยายามทำตัวเข้มแข็งและไม่สะทกสะท้านเมื่อชิพ(ตัวเป็นๆ)มาดักรออยู่ตรงนี้…

       ผมไขประตูรั้วบ้าน ไม่มองมัน ไม่เตะต้องทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของๆมัน…ทำเป็นอากาศธาตุ แต่แล้ว

       “มองกูซิ”

       มันกระชากผมหันไปมองมัน เจ็บโคตรๆ~~~ผมนิ่วหน้า ถลึงตามองมัน

       “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงขู่เล็ดลอดมาจากไรฟัน มันกล้าดียังไงถึงได้ทำกับผมแบบนี้

       “ทำไมมึงไม่ฟังที่กูจะอธิบายบ้าง…”

      น้ำเสียงหวิวๆของมันเกือบทำเอาผมใจอ่อน…

       “ก็…ก็เพราะ…ก็เพราะมันไม่มีอะไรต้องอธิบายน่ะซิ!”

      ผมกระแทกประตูจะปิดใส่มัน แต่ไอ้ชิพกระแทกประตูใส่ผมอีกที ทำให้ผมเซลง มันก้าวเข้ามาภายในตัวบ้านง่ายดาย

       “งั้นอย่างน้อยขอกูเข้าบ้านก็ยังดี”

       มันดึงดันทำท่าจะเข้าไปในบ้านจริงๆ ผมร้อง

       “อย่านะ!”

       ไอ้ชิพหยุดเดิน หันกลับมามองสีหน้าเรียบเฉย

       “งั้นก็ไปกับกู”

       ผมยืนกำมือ โกรธจนตัวสั่น…เกลียดมันชะมัดเวลาต้องบีบคั้นบังคับผม เพียงเพื่อความต้องการส่วนตัวของมัน

       “เลว...สารเลว เลวที่สุด!”

      “งั้นกูเข้าไปไหว้แม่แล้วนะ”

       ชิพทำเหมือนไม่ได้ยินประโยคนั้น ทำไมมันถึงได้เห็นแก่ตัวอย่างงี้!!!

       “อย่า…มึงอย่าได้เข้าไปเจอหน้าแม่นะ! อย่าได้เหยียบเข้าไปในบ้านกูเชียว!”

       ผมโกรธ โกรธ โกรธมันมากๆๆๆ อ๊าก!!!  O[]O!!@#$%%

       ไอ้ชิพชะงักไปเล็กน้อย ผมสาปแช่งมันอยู่ในใจต่ออีกนิดส์ กระแทกส้นเดินไปขึ้นรถของมัน แล้วเตรียมรูดซิปปิดปากเงียบไปตลอดทาง

       “หิวมั้ย?”

       หิว…แต่ปากแข็ง (อ้าว ผมทำงานเหนื่อยๆมาทั้งวันนะครับ +_=*)

       “ไม่”

       “…ไม่จำเป็นต้องเงียบไปตลอดทางก็ได้” มันพูดเหมือนดักทางผมทัน

       “แล้วจะให้กูพูดเรื่องอะไร ความสุขสุดยอดภายในห้าปีที่ผ่านมาน่ะเหรอ?”

       ไอ้ชิพพยักหน้าเรียบๆ “ขอโทษนะ…”

      “มีเรื่องอะไรมึงก็พูดมาเลยดีกว่า”

       รถจอดลงทางเบี่ยงข้างๆ ชิพเปิดไฟกระพริบ ภาพเหตุการณ์และบรรยากาศภายในรถที่แสนอึดอัดแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับผมแล้วหลายครั้งหลายครา…และผมเกลียดที่จะต้องตกอยู่ในความทรงจำเก่าๆ ที่มีแต่มอบความเจ็บปวดให้ผมตลอดเวลา

       “ห้าปีก่อน…กูต้องไปเมืองนอก เพราะคุณย่า…”

       คุณย่า?

       “อะไรนะ?”

       “ห้าปีก่อน…ตอนที่กูหนีออกมาจากบ้าน คืนนั้น…ที่กูมาหามึงที่ชายหาด คุณย่าสั่งคนขับรถให้ขับตามมา และตอนเช้า ท่านก็ลากตัวกูกลับไป ส่งกูไปอยู่เมืองนอก บังคับให้กูเลิกติดต่อกับมึง”

      ตัวผมชาวาบ ไม่ใช่เพราะกลัวย่าของมัน แต่เป็นเพราะ…

       “แดน มึงจะเชื่อกูได้มั้ย?”

       ผมมองชิพ พลางก้มหน้าลงซ่อนรอยน้ำตา

       “ชิพ ขนาดนี้แล้ว มึงยังจะโกหกกูอีกเหรอ?”

       มันทำหน้างงๆ เป็นอะไรที่ผมเกลียดชะมัด

       “ตลอดห้าปี มึงไม่เคยติดต่อมา ไม่เคยสนใจ ไม่เคยนึกถึง…วันนี้มึงกลับมาบอกว่าย่าของมึงใจร้ายส่งมึงไปเรียนต่อเมืองนอก ฮึ! อย่างน้อย อย่าโกหกตัวเองต่อไปอีกเลยชิพ ตัวมึงต่างหากที่ใจร้ายที่สุด!”

       ผมเปิดประตูรถ วิ่งลงมาเรียกแท็กซี่ คราวนี้โชคเข้าข้างผม แท็กซี่คันหนึ่งรีบเคลื่อนตัวเข้ามารับ แต่อีกคนก็ไวกว่า คว้าร่างผมไปกอดไว้ แล้วกระกบริมฝีปากลงมาทันทีทันใด

       รสจูบที่เร่าร้อน ถึงกับมึนหัวไปชั่วขณะ สายตาพร่างพร่า คิดอะไรไม่ออก…

       เคยจูบกับคนมานักต่อนัก แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลย ที่ทำให้ผม ‘จดจำ’ ได้มากถึงขนาดนี้

       ชิพถอนริมฝีปากออก ผมค่อยๆลืมตาขึ้น ประสานกับแววตาเศร้าคลอน้ำตาของมัน…ความเจ็บจี๊ดพุ่งขึ้นมาจากในหัวอก

       “แดน…ไม่มีคืนไหนเลยในตลอดห้าปีที่ผ่านมา ที่กูไม่คิดถึงมึง…”

       เราสองคนต่างเจ็บปวดเพราะความรัก…ทำไมล่ะ? ทำไมผมถึงมีความสุขไปกับมันไม่ได้ ยิ่งผมรักชิพมากขึ้นๆ…ใจผมมันก็เตือนตัวเองว่าความเสียใจ ความสิ้นหวัง น้ำตา และความเจ็บปวดทรมานรออยู่ข้างหน้า…ยิ่งผมรักชิพมากเท่าไร ความเจ็บปวดมันยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

       เฝ้าถามตัวเองว่า พร้อมมั้ยสำหรับความเจ็บปางตายแบบนั้นอีก?

       “ปล่อยกูเถอะ…”

       ชิพปล่อยตัวผมช้าๆ ผมรีบเอาหลังมือเช็ดน้ำตา…ภายในรถแท็กซี่ แอร์ที่เร่งเปิดช่างหนาวเย็น แต่มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับความหนาวในหัวใจ ภาพใบหน้าของคนที่เราพยายามลืมมาตลอดเวลาผุดขึ้นทุกครั้งที่หลับตาลง…ทำให้ผมต้องหยิกตัวเองแรงๆเพื่อลดความเจ็บปวดข้างในนั่น

       …ชิพ…มึงจะต้องโกหกกูไปอีกถึงไหน?


       โปรดติดตามตอนต่อไป




หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-03-2008 18:52:37
เหอ เหอ ว่าแล้วต้องเป็นคุณย่า  o7 o7 o7
แต่ทำไมชิพไม่ติดต่อกลับมาล่ะ แถมกลับมาคราวนี้ก็มีแฟน ญ มาด้วย  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 09-03-2008 19:49:07
ไมคราวนี้สั้นจัง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 09-03-2008 20:01:53
คำอธิบาย ฟังไม่ขึ้นอ่ะ   o12 ไม่ได้อภัย  :o :serius2: :angry2:

มีวิธีติดต่อตั้งหลายทาง  :m16: พี่มาร์ค ยังติดต่อได้เลย  :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 09-03-2008 20:10:54
พยายามจะเชื่อชิพนะ

เเต่มันต้องให้อธิบายทุกๆเรื่องก่อน

เเดนชอบหนีความจริงง่ะ

น่าจะพูดให้จบๆครั้งเดียวไปเลย

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 09-03-2008 22:51:30
 :impress: :impress: :impress:

ในที่สุดชิพก็ปรากฎตัวซะที

แต่ก็ยังรักชิพเหมือนเดิมนะครับ

เหตุผลแค่นี้ไม่เพียงพอนะครับ

มาอธิบายต่อด่วนครับผม

แต่ผมดูแล้ว แอล ก็แปลกๆๆนะครับอิอิ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 09-03-2008 23:15:13
 :เฮ้อ: รอดูต่อปาย

ทำไมวันนี้สั้นจัง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 09-03-2008 23:26:48
สั้นจริงๆครับคราวนี้
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 09-03-2008 23:38:47
ทำไมมันสั้นจังเลยง่ะ

 :m29:  :m29:

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 9 (ภาคสอง) ผู้รู้เข้ามาหน่อยซิคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 10-03-2008 01:16:02
โอ๋ๆๆๆ สั้นไปเหรอครับ งั้นผมเอามาแถมให้ก่องหนึ่งตอนก่อนไปนอนน๊า :oni1:

แล้ว...ไม่มีผู้รู้บ้างเหรอคับ? ผมไม่ได้โกหกน๊าาาา :sad2: อยากรู้จริงๆว่าควรทำไงดี คือ...ไม่กล้าบอกเค้าว่าแอบชอบอยู่อ่ะ 555+ :serius2:

ส่วนเรื่องชิพ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ชิพจะค่อยๆบอกเหตุผล ต้องคอยดูกันต่อว่าชิพจะยังมีพ่อยกคอยสนับสนุนกันอยู่หรือเปล่าภาคนี้??? :laugh:

ขอบคุงคร้าบ

บทที่ 10
 

      “นี่ๆ ขนมเค้กใครไม่รู้ แดน แกแบ่งครึ่งกินกับชั้นได้มั้ยว่ะ?"

      ไอ้ไก่จอมตะกละเห็นเค้กใครวางอยู่ไม่รู้ ก็รีบหยิบขึ้นมาประกาศจะยัดเข้าท้องกว้างๆของมันอย่างหน้าด้าน=_=” และเพื่อลดความน่าเกลียด…มันเลยรีบจิกผมที่อยู่ใกล้มือมากที่สุด มาร่วมแบ่งปันช่วงเวลาอิ่มอร่อยโดยที่กรูยังไม่ทันได้ตอบตกลงอะไรกับมรึงเลย o_O*

       คืองี้ครับ ไก่เป็นหญิงสาวร่างช้าง ที่นับวันยิ่งหากยากเข้าไปทุกที…นอกจากมันจะอ้วน เตี้ย ดำ และเปิ่นสุดๆแล้ว มันยังชอบทำหัวพะหงกๆแบบไก่ด้วยเวลามันพูด ยิ่งไอ้แว่นหนาๆของมันยิ่งทำให้ดูเหมือนป้าไก่ในเรื่องฟลายอิ้ง ชิคเก้น เพื่อนๆเลยรวมหัวเรียกมันว่านังไก่ ชื่อจริงสตรีนางนี้เขาชื่อ อรอุมา ต่ะหาก (เพราะหลายคนทนไม่ไหว เลยเรียกมันชื่ออื่นแทน)

       “เอ่อๆ กินก็ได้ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”

       นังไก่ยื่นช้อนให้ผมพร้อมทำท่าจะนั่ง ซึ่งต้องหลบที่ให้มันมากเกินผู้หญิงคนหนึ่งจะทรุดตัวลงนั่งได้ แล้วเราสองคนก็รุมหัวกันนั่งกินเค้กในห้องครัวของแผนกการเงินแห่งบริษัท ‘เพลนดิล สุขภัณฑ์’ แห่งนี้…พวกเราทั้งหมดกำลังนั่งคุยจอกแจกอยู่ในห้องครัวเล็กๆ มีพี่ๆที่ทำงานอยู่บ้างประปรายคอยพูดคุยกับคนอื่นๆ ปรากฏว่าพักเที่ยงทุกคนพร้อมใจกันไม่ลงไปไหน เพราะเย็นนี้ต้องปิดงบของปีที่แล้วก่อนสี่โมงเย็น ตั้งแต่เช้ามาเลยวุ่นวายชนิดที่ว่าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ (+.+”)

       งานที่ว่ายากก็คือการตรวจสอบตัวเลขให้ถูกต้อง และยิ่งรายการเป็นภาษาอังกฤษแล้วยิ่งยากใหญ่…สำหรับผม(และนังกิ๊บซี่)ไม่ค่อยยากเท่าไรอยู่แล้วแหละ แต่พวกที่เหลือนี่ซิ เลยต้องไปช่วยงานคนอื่นแทนเพราะไม่รู้เรื่องพวกนี้เอาซะเลย(ชิ บั่นนอก=o=”)

       “แดน เดี๋ยวไปช่วยพี่รุณต่อด้วยนะ แล้วนังกิ๊บซี่ล่ะ หายไปไหน?”

       พี่หริณ สาวประเภทสองเช่นกันแต่หน้าสวยกว่าความเหียกของนังกิ๊บซี่มากนักสั่ง นั่นแปลว่าผมหมดเวลาพักแล้ว T_T   

       “ครับๆ”

       พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงชะลูดของนังกิ๊บซี่ก็โผล่พรวดเข้ามา พร้อมกับร่างสูงของใครบางคนเดินเข้ามาด้วย

       “เฮ้อ หิวจัวเลยค่ะทุกๆคน อร๊าย! ลืมไปเลย นี่พวกเรา วันนี้คุณชิพจะให้เกียรติลงมาทานอาหารกับพวกเราด้วยนะคะ เชิญเลยค่ะคุณชิพ คุณอุ๋ม”

       ผมเงยหน้าขึ้นมองตามนังกิ๊บ(ต่อไปนี้จะเรียกมันแค่ว่ากิ๊บแทนนะครับ ขี้เกียจพิมพ์ เมื่อยมือง่ะ  = =”)…ทันทีที่ผมเห็นหน้าไอ้ชิพปรากฏเข้ามา มองมาทางผมอย่างจงใจ บังเกิดเป็นความเบื่ออาหารขึ้นมาทันที

       เพิ่งจะสังเกตว่ามีแฟนสาวของมันพ่วงมาด้วย เห็นตัวเล็กๆ ดูค่อนข้างขี้อาย แบบพูดไม่เก่งทำนองนั้น…รายนี้โดนไอ้หนวดกับไอ้ออมป้อแยกไปอีกทาง

       ไอ้ชิพไม่ยักสนใจ…ผมรู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

       เหอะ น่าจะรู้ดีมาตั้งนานแล้วซะอีก ว่าคนอย่างชิพน่ะเหรอ จะจริงจังกับใคร…

       “อร๊ายยยย~~~นั่นขนมเค้กใครคะ? ชั้นขอกินได้มั้ยฮ้า~~~ตั้งแต่เช้ามายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยอ่ะค่ะ”

       “ผู้ชาย หรือขยะสดล่ะนังกิ๊บซี่”

      นังกิ๊บรีบค้อนคนที่พูด(ซึ่งก็คือนังจุม ผู้หญิงตัวเล็กๆเซอร์ๆแต่ฝีปากร้ายกาจอย่าบอกใคร) แล้วหันมาออดอ้อนผมกับไก่ต่อ

       “น๊า เค้าขอกินน๊า”

       “ฮื้อ ไม่ได้หรอกกิ๊บ กูยังกินไม่เสร็จเลย”

       “ใช่ๆ ชั้นก็หิวนะยะ”

       ผมกับไอ้ไก่รีบแย้ง ปกป้องสิทธิมื้อเที่ยงของตัวเองอย่างรวดเร็วที่สุด

       “แหมนังไก่ หล่อนก็หิวอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ ว่าแต่เค้กนี่ของใครกัน ใช่ของหล่อนทั้งสองหรือ?”

       เออ…จะตอบมันยังไงดีว่ะ ถ้าบอกความจริงมันกูต้องอดข้าวเที่ยงอันมีค่านี้ไปแน่ๆ…แต่ถ้าโกหกมัน ผมก็ทำผิดศีลข้อสี่น่ะซิ…(คือ ประมาณว่าแม่สอนมาดีอะไรงี้อ่ะคับ อิอิ ^_^)

       “ของผมเองล่ะคับ”

       ใครบางคนโพล่งขึ้น เสียงทุ้มๆห้าวของมันดังหยุดปากของผม…นี่เค้กไอ้ชิพเหรอเนี้ย???

       “~อร๊าย เค้กคุณชิพเองเหรอค้า”

       “ใช่คับ ผมซื้อมาฝากไว้แต่เช้า เห็นว่าวันนี้ต้องปิดงบ อาจจะต้องอยู่เย็น…เลยเอามาให้เป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆน่ะครับ”

       นังกิ๊บกับสาวๆในห้องหลายคนต่างวี๊ดว๊ายชื่นชมไอ้ชิพ ส่งสายตาหวานเชื่อมกันว่อนห้อง ฮึ ชิพน่ะเหรอจะทำเรื่องพรรค์นี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเล่นละครตบตาทำตัวเป็นคนดี ที่แท้ก็เสแสร้งชัดๆ!

       “กิ๊บ งั้นกูอิ่มแล้ว” ผมกระแทกช้อนออกไปห่าง ทำท่าไม่พอใจทันที ไอ้ชิพหน้าเสียลงเล็กน้อย

       “แดน ทำไมทำแบบนี้ล่ะ” นังไก่ถาม ผมกำลังหงุดหงิดเลยวีนใส่มัน

       “ก็ใครที่ไหนไม่รู้ซื้อมา ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้ กูไม่กินหรอกของพรรค์นี้”

       “แต่แกก็กินเข้าไปตั้งหลายคำแล้วน่ะเว้ย”

       ไอ้หวานแย้ง…ผมมองไปที่กลุ้มเพื่อนๆ มีทั้งไอ้หวาน นังจุม แล้วก็แอลที่มองด้วยสายตาสงสัยมาที่ผม…

       “ช่างมันเถอะ…”

       “นี่แกกำลังหงุดหงิดเรื่องนายบอยเหรอ?”

       ไอ้หวานพูดขึ้นลอยๆ แต่กลับทำให้หลายต่อหลายคนหูพึ่งขึ้นมาแทบจะทันที

       “เปล่า…ไม่มีอะไรนี่”

       หลายคนเริ่มแซวผม อยากบีบคอไอ้พวกยิ้มๆชอบหาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นแบบนี้ชะมัด oo(= =”)o<<<

      “โถๆ มีปัญหากับแฟนมาก็ไม่บอก นั่งงมพะอำอยู่คนเดียวไปได้ เดี๋ยววันนี้เลิกงานไปเม้าท์กันที่หอไอ้หวานดีกว่า”

       “สรุปบอยคือแฟนของแดนเหรอ?”

       แอลถามขึ้นมาอย่างตกใจ นังกิ๊บรีบสาระแนตอบ (แงะ =_=”)

       “อ้าว ใช่ซิคะแอล บอยน่ะว่าที่คุณหมอเวทเทอริแนร์เรี่ยน(มันกระแดะอ่ะคับ <- -> : veterinarian)หนุ่มสุดหล่อเลยนะคะ แหม คนอะไร๊หล่อก็หล่อ แถมยังโคตะระรวยอีกต่างหากคร่า จริงมั้ยยะแดน”

       “~เอ่อ…เออ” ผมอาย…ความแดงลามเลียไปทั่ว ทั้งใบหู ต้นคอ

       “นี่แดนมีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ?”

      ไอ้แอลก็ยังคงซักไซ้ซักถามอยู่นั่นแหละ แมร่ง~~~พูดให้มันเบาๆหน่อยซิว่ะ! ;-o

       “แกก็รู้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอแอล”

      ไอ้หวานกล่าวหยอกๆ ฮืมไอ้หวาน…คราวนี้ทีของมึง อย่าตกมาทางตีนกูแล้วกัน เมื่อไรนะ…เจอดีแน่!!!

       “บอยนี่คือใครเหรอครับ”

       เสียงเย็นๆดังขึ้นเรียบๆ ภายในกลุ่มของผมเงียบกันหมดทุกคน…ต่างหันไปมองที่ไอ้ชิพ ซึ่งบัดนี้นั่งคอตรงหน้าตรง แววตาเย็นชาปรากฏความเฉียบขาดน่ากลัว ใครเห็นเป็นต้องหลบ ราวกับว่ามันกำลังมองผ่านทุกคนด้วยใบมีดโกนคมกริบ

       “อ้อ ไม่ใช่ใครหรอกครับ แฟนใหม่ผมเอง”

       ผมรีบตอบแทนทุกคน รอยยิ้มแจ่มใสฉาบหน้า ว่าแล้วก็ลุกเอาช้อนไปล้าง แล้วเดินผ่านตัวชิพไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       ผมเห็นชิพเดินตามมา เลยรีบเดินเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางพนักงานทั้งชั้น มันมองมาด้วยสายตานิ่งเฉย ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่…แต่ผมส่งสายตาท้าทายมัน ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น

       “อย่านึกว่าคุณจะก้าวต่อไปได้คนเดียวซิครับคุณชิพ คนเราทุกคน เมื่อเจ็บมากพอแล้ว…ก็จะตัดก้อนเนื้อร้ายทิ้งไปได้เอง คุณต้องลองทำดูครับ แล้วจะประหลาดใจ”

       หันหลังกลับมาที่โต๊ะด้วยความสะใจ สีหน้าของมันเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าอะไรดี ฮ่าๆๆ…สาสมแล้วล่ะที่มันเคยทำกับผมไว้ แต่แค่นี้มันยังไม่จบหรอก…เรื่องมันยังไม่จบง่ายๆเหมือนครั้งก่อนแน่นอน ผมรับรองได้

    

       งบน่ะปิดจริงๆก็สี่ทุ่ม กว่าจะได้เลิกงานออกจากออฟฟิศก็ห้าทุ่มครึ่ง พี่ๆที่ทำงานเลยกะจะพาคนทั้งแผนกไปเลี้ยงข้าวต้มรอบดึกกันที่ร้านชื่อดังย่านพระนคร ซึ่งร้านก็แน่นมากๆๆๆ เราทั้งหมดประมาณสามสิบกว่าชีวิตก็พยายามยัดกายกันเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงซึ่งติดแอร์ และอยู่ด้านในสุด พี่เอกซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเป็นคนออกเงินร่วมกับพี่โศและพี่แหม่ม ทั้งสามเป็นseniorรุ่นบุกเบิก อาวุโสมากที่สุดในออฟฟิศ

       ผมนั่งร่วมโต๊ะกับแค่เพื่อนๆ และเป็นโต๊ะเล็กที่สุด เผอิญผมได้นั่งข้างๆแอล และตรงข้ามว่างอยู่อีกสองที่ ตอนแรกไม่รู้ว่าของใคร จนกระทั่งไอ้ชิพกับแฟนสาวของมันปรากฏตัวเข้ามา หว่า~~~ต้องมานั่งประจันหน้ากับมันแบบนี้ กรูกลืนข้าวต้มไม่ลง+เม้าท์ไม่ออกชัวว์ๆ เฮ้อ! อะไรมันจะซวย+เซ็งได้มโหฬารขนาดนี้ว่ะ!!!

       พวกเราสั่งๆกันไม่เกรงใจ(ราคาไม่แพงมาก แต่อร่อย…) จนทุกคนลืมชิพกับคุณอุ๋มไปเสียสนิท อ้าว ก็เห็นนั่งเงียบๆจ๋องง๋องกันอยู่สองคนแบบนั้น ใครจะไปสนใจล่ะ…

       “เฮ้ยไอ้แดน ส่งเมนูให้ชิพดูดิ” ไอ้หวานสั่ง เย้ยO[]O!!! ทำไมต้องเป็นกรูด้วยว่ะ?

      ผมรับเมนูมาแล้วส่งๆให้มันอย่างไม่ใส่ใจ เซ็งชะมัด แค่หน้าแมร่งกรูยังไม่อยากจะมอง นับประสาอะไรกับต้องนั่งมองหน้าตอนกินข้าวกันด้วย อ้วกจะแตกล่ะซิไม่ว่า OWO”!!!

       “มากินทำไม? คุณไม่ได้อยู่แผนกนี้ไม่ใช่เหรอ”

       ผมถามชิพโต้งๆแบบนั้น จนไอ้แอลทำหน้าเหว่อ

       “เผอิญผมมาในฐานะเพื่อนของแอล และ…ว่าที่เจ้าของบริษัท”

       ผมกำมือแน่น…หน๊อยแนะ เล่นเอาฐานะใหญ่โตมาขู่เหรอ ไม่กลัวหรอกโว้ย!

      อาหารตามร้านข้าวต้มมันจะรอไม่นานไงครับ ห้านาทีก็มาถึง ผมรีบลงมือเพราะหิวมากมาย แปบหนึ่งมีมือของใครบางคนคีบเอาไข่เค็มมาวางแหมะไว้ในถ้วยของผม

       “กลัวคุณเอื้อมไม่ถึง…”

       ไอ้ชิพกล่าวพลางจ้องมาที่ผม จานไข่เค็มมันก็ไม่ไกลมาก แต่มันเกิดนึกบ้าอะไรขึ้นมาอีก? ทำแบบนี้กับกรูอย่านึกว่าจะหายโกรธง่ายๆหรอก แง่ง~~!

       แฟนของมันกำลังคุยออกรสอยู่กับนังกิ๊บที่นั่งข้างๆ ผมเม้มปากมองมันด้วยแววตาตัดพ้อ…ชั่วครู่เท่านั้นแหละ ผมก็คีบไข่ชิ้นนั้นออกไปวางไว้ในถ้วยของแอล รู้สึกขยะแขยงยังไงไม่รู้…

       “ผมว่าคุณควรดูแลแฟนคุณให้ดีๆ จะดีกว่านะ”

       ว่าแล้วผมก็คีบชิ้นหมูแผ่นขึ้นมา แล้วเอาไปวางไว้ที่ส่วนของแอลบ้าง ยิ้มขำๆแบบคนอินเลิฟซะด้วย

       “แอล มึงกินนี่เยอะๆนะ ดูซิเดี๋ยวนี้ผอมลงไปเยอะ”

       “หะ…หา?”

       ผมแอบหยิกสะโพกมันที่ใต้โต๊ะ ไอ้ห่านี่เสือกสะดุ้งโหยง เลยต้องรีบคว้าต้นขามันแล้วบีบไว้

       สงสารมันเหมือนกัลแหละ...+-+”

       “เฮ้ยแอล ข้าวติดปากอ่ะ”

      ไม่ยอมให้มันทันอึกอักอีก ผมรีบคว้าข้าวที่อยู่ในมือกรูเองนี่แหละ…ออกมาจากแก้มมัน ยัดเข้าใส่ปากทันที

       “กินให้มันระวังๆหน่อยเด่ เลอะหมดเหมือนเด็กไปได้ 555+”

      หัวเราะดังๆตบท้าย แล้วยังทำเป็นเซไปโดนแก้มมันอีกนะ…คราวนี้ฮาจริง แก้มไอ้แอลเสียความบริสุทธิ์ให้ผมแล้ว เป็นเกย์ซะด้วย 555+

       ไอ้แอลหน้าแดงแจ๋ ผมพินิจมันดีๆ…ไอ้นี่มันก็น่ารักเหมือนกันนี่หว่า~~~เลยหยิกแก้มมันเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวไปที

       “ทำไมเวลามึงอายต้องน่ารักแบบนี้ด้วยน๊า~~~ กับผู้หญิงคนอื่น…เป็นแบบนี้หรือเปล่า”

       ไอ้แอลก้มหน้างุด ไม่พูดไม่จา คงเป็นเพราะหลบสายตาของไอ้ชิพ…ผมค่อยๆเลื่อนไปสบตาชิพ…ในใจของมันคงเดือดพล่านแน่ๆ ดูจากประกายตาวูบวาบ และกรามที่ขบแน่นจนนุ่นออกมาเป็นสันเห็นชัดเจน อยากหัวเราะดังๆเหมือนคนบ้าสักที ฮ่าๆๆๆๆๆ

       จะได้รู้ไง…ว่ามันไม่มีค่าอะไรสำหรับผมเลย

       ชีวิตผมเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่มีมันด้วยยิ่งดี…

       “คุณทำแบบนี้ไม่อายใครเลยเหรอ” ไอ้ชิพกัดฟันพูดดีๆกับผม ผมตอบมันขำๆ

       “อายทำไม ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย”

       “แต่ผมอายแทนคุณนะครับ คุณแดน”

       น้ำเสียงมันกดต่ำลงแบบจะสมเพช จนผมนี่แหละ…อายซะเองจริงๆ…ผมรีบทำเป็นกินข้าวต่อไปทั้งๆที่อยากต่อปากต่อคำกับมันต่อ ชิ!

       

       งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงเกือบๆตีหนึ่งครึ่ง มีหลายคนที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น โคตรอยากกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆโครดๆ o^O*~~~

      “แดน เดี๋ยวมึงกลับยังไง ให้แอลไปส่งดีมั้ย”

       ใครคนหนึ่งถามผม ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เปลืองค่าแท็กซี่

       “ก็ดีนะ...กรูเหนื่อยโคต-“

       “ไม่ต้อง เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”

       ไอ้เชรี่ยนี่มาจากไหนว่ะ โผล่เข้ามาไม่ทันตั้งตัวแถมยังจับแขนผมไว้แน่นยั่งกะปลอกนักโทษ

       “พูดอะไรของคุณ คุณอุ๋มล่ะ?”

       “เขาเอารถมาเอง กลับไปแล้ว คุณก็กลับได้แล้ว”

       ผมขึงตัว และร้องโอยเมื่อมันเพิ่มแรงบีบ ไอ้เชรี่ยแรงควายนี่!!! เสียงร้องของผมกับท่าทางรีบร้อนของมันคงตกอยู่ในสายตาทุกคน ที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น?

       “เดี๋ยวซิ ไอ้นี่! กูยังไม่ได้ไปขอบคุณพี่ๆเลย”

       “พรุ่งนี้ก็เจอกันได้ ไป ขึ้นรถ!”

      ผมอ้าปากจะร้องตะโกนแหกปากด่ามัน แต่มันรีบผลักผมติดรถเอาไว้ ตามด้วยตัวของมันที่กดบดเบียดเข้ามา…

       “อยากให้กูจูบมึงตรงนี้ก็ลองดูซิ”

       ผมมองไปยังหน้าร้าน ไฟนีออนสีขาวตรงนั้นส่องมาไม่ถึงมุมมืดที่รถไอ้ชิพจอดอยู่ โชคดีไป…แต่ถ้าผมตะโกน แล้วมันเกิดบ้าจูบขึ้นมาจริงๆล่ะก็ ทุกคนต้องหันมาเห็นแน่ แอ๊!!!

       ด้วยความที่มันแรงเยอะกว่า ตัวสูงกว่า ใหญ่กว่า…ผมไม่มีทางดิ้นหลุด ได้แต่กัดฟันมองด้วยสายตาเคียดแค้น

      ขายาวๆของมันรีบขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย ขับรถไปตามทางกลับบ้านของผม ค่อยอุ่นใจมาหน่อยที่มันไม่คิดพาผมไปที่ไหนนอกเหนือจากนี้ เฮ้อ…

      ลมเย็นๆบวกกับความเหนื่อยล้า และความเงียบภายในตัวรถทำให้ผมค่อยๆเคลิม…เพราะไม่มีเรื่องจะคุยกับมัน หนังตาเลยเริ่มหย่อนลงๆ…กินอิ่มมาหมาดๆนี่ และแล้ว สติของผมก็ค่อยๆวูบดับหลับลงไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆทั้งสิ้นในที่สุด

      

       ลืมตาขึ้น แสงไฟอ่อนๆจากหัวเตียงทำให้ผมยกมือขึ้นป้องตาอย่างงัวเงีย ที่นี่มันที่ไหนกัน?...เตียงใหญ่ๆนุ่มสบายแบบนี้ไม่ใช่ของผม ยิ่งฝาผนังยิ่งไม่ใช่ของห้องนอนที่บ้านแน่ แล้ว?…

       ตายห่า…ไอ้ชิพพาผมมาที่ไหนเนี้ย?

       หลงกลมันซะแล้ว ผมไม่น่าเผลอหลับเลย ซวยจริงๆ!~!!!

       เสียงปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับไฟที่ดับลง ปรากฏเป็นร่างสูงของชิพที่ก้าวข้าวมา มันในชุดนอนแบบผู้ชายก้าวมาช้าๆ…ผมรีบถอยหนี ใจเต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัว+ระทึกขวัญ...

       จะเกิดอะไรขึ้น…จะเกิดอะไรขึ้น

       “แดน…เรามีเรื่องต้องคุยกัน”



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 10-03-2008 01:46:31
^
^
^

มาจิ้มๆๆๆ เลย ฮิฮิฮิ



แหม้ .... เนื้อเรื่องทำให้นึกถึงพิศาลยังไงไม่รู้สินะเนี่ย ^___^



นอกเรื่องนิดนึงละกัน .... เรื่องที่ไปชอบคนอื่นน่ะ .... ง่ายมั่กๆ เลยนา ...

ขั้นแรกก็ดีสนิทก่อนไงครับ ... เค้านั่งหน้าเราใช่มั้ย ? ก็ไม่ยาก ไปตีสนิทโดยการขอยืมปากกาไงน้อง ^___^ มุขเก่าๆ เดิม ๆที่ใช้ได้ผลเสมอ ..... หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ตะล่อมๆ ถามนู่นนี่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปก็ได้ เนียนๆ ตีสนิทง่ะ ....  หลังจากนั้น อะไรๆ มันก็จะเป็นไปอัตโนมัติเอง นายชื่ออะไร เราชื่อนี่ เรียนที่ไหน อะไรยังไง ... มันจะมาเองเรื่องพวกนี้ ....

พยายามสร้างโอกาสเข้าไว้ .... ทำเรื่องทำราวเข้าไว้ เช่น ไปกินข้าว ก็ "อ้าว บังเอิญเจอกันอีกแล้ว" อะไรเงี้ย

จริงๆ มันมีรายละเอียดออกจะเยอะแยะ แต่ว่าน้องก็ต้องดูๆ เอาเองด้วยล่ะ ขั้นต้นก็ต้องรู้จักเค้าก่อนน่ะนะ

แต่พี่ยืนยันได้อย่างนึงเลยว่า  ทำให้ผู้ชายมาชอบน่ะ ... ง่ายจะตาย ....จริงๆ นะ





ส่วนน้องผู้หญิงที่มาชอบเรา .... เราก็ทำความรู้จักไว้สิ ไม่เห็นเสียหลาย มีเพื่อนไว้เยอะๆ ดีออก มันอยู่ที่การวางตัวของเราแล้วล่ะ ว่าจะทำให้เค้ารับรู้ว่าเราเล่นด้วยหรือไม่ยังไงน่ะ .....
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 10-03-2008 02:17:06
ค้างอ่า รีบ ๆ มาต่อเน้อ

 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 10-03-2008 02:24:29
รีบมาต่อเลยน๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 10-03-2008 09:52:55
Alex ครับ วิธีทำความรู้จักง่าย ๆ เลย แบบใช้เสมอก็อย่างเช่น ยืมปากกา ยางลบ สินสอ ก็ว่ากัน หรือ ถามโจทย์ก็ได้ครับ

Alex : "นาย ๆ นายเข้าใจโจทย์ข้อนี้ใหม เราไม่เข้าใจอ่ะ ถ้านายเข้าใจช่วยอธิยายให้เราฟังหน่อยดิ"
นายคนนั้น : "ได้ ๆ เดี่ยวเราอธิบายให้ฟังนะ" หรือ "อืม เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ไปถามคนที่เข้าใจกันดีกว่า"

พอได้คุยกันทำความรู้จักกันไปสักพักหนึ่ง

Alex : "นายชื่อไรอ่ะ เรา Alex นะ เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมXXXX ชั้น ม.X อ่ะ"
นายคนนั้น : "บลา ๆๆๆๆๆ"

ค่อยดูเชิงไปนะว่านายคนนั้น มีทัศนคติต่อเกย์ กะเทยอย่างไร ถ้าเขามีทัศนคติเชิงลบก็หยุดแล้วคงระดับความสัมพันธ์ไว้แค่เพื่อน

แต่ถ้ามีแนวโน้มก็ลุยต่อโลดครับ โชคดีครับน้อง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: babyjung ที่ 10-03-2008 15:20:33
อ่านทันแล้ววว แต่ค้างอะค่ะ มาต่อเร็วๆนะ :L2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 10-03-2008 17:04:14
ชิพ ชิพ ชิพ ชิพ สู้ๆๆๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-03-2008 17:20:08
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับแดนให้โอกาศชิพอีกสักครั้งนะครับ

เพราะถึงยังไงจากที่ผ่านมาแดนก็ตัดใจจากชิพไม่ได้อยู่ดี

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-03-2008 18:19:04
คุยกันเถอะ จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจ   o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 10-03-2008 21:52:56
 :m29:


ผมอยากบอกครับว่าอ่านเรื่องนี้ภายในเวลา 2 ชม. จบจนมาถึงตอนนี้


เหนื่อยใจมั๊กๆ :m15:


ลุ้นตลอด




เฮ้อ




อย่างนี้ซินะ เพื่อนถึงบอกผมว่า ผมนี่เป็นคนที่ sensitive จริงๆๆ  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 11-03-2008 04:23:13
มันจะเป็นยังไงต่อเนี่ยยยยยย รออ่านต่อค้าบ o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 11-03-2008 12:01:03
แดน  ใจแข็งไว้น้า

ยั่วให้มันคลั่งเลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 11-03-2008 17:27:22
ขอขอบคุณเม้นท์ทุกท่าน ที่คอยส่งกำลังใจให้ผมเสมอมา อยากบอกว่ารู้สึกปลื้มใจมาก ขอบคุณมากจริงๆงับ

อ้อ แล้วก็ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ 555+ แต่ผมว่าไม่จำเป็นแล้วล่ะ เค้ามีแฟนเป็นผู้หญิงง่ะ (=_=*) ผมเลย เฮ้อ...

ตอนนี้กำลังมีโปรเจ็คแต่งเรื่องใหม่อยู่ แต่อีกนานคับ ไม่บอกด้วยเป็นไง แต่ผมว่าแต่งเองยังรู้สึกสนุกกว่าเรื่องนี้อีก 555+ (เพลินเองเปล่าว่ะกรู?) :m23:

โอเคคับ แล้วพบกันใหม่


บทที่ 11



       “เรามีเรื่องต้องพูดกัน…”

       “แต่กูไม่มีเรื่องจะพูดกับมึงนี่”

       ผมรีบถลาไปที่ประตู แต่ไอ้ชิพดันไวกว้า คว้าตัวผมไว้แล้วเหวี่ยงลงบนเตียงกว้างทันที

       “ชะ…ชิพ มึงไม่มีสิทธิทำกับกูแบบนี้นะ”

       “ขอเพียงแค่มึงฟัง…แค่มึงฟังกูเท่านั้น”

       “แต่ว่า-“

       วลีต่อไปขาดหาย เนื่องจากจุมพิตอุ่นร้อนของชิพที่ประกบลงมา ปิดปากผมไว้สนิทแน่น…ร่างหนาของมันเอนตามลงมา โดยที่หลังของผมสัมผัสได้กับเตียงนุ่มๆ…มือของชิพประคองใบหน้าของผม มือนุ่มๆใหญ่ๆของมันยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเดิม และเกือบจะเท่ากับที่ผมจดจำน้ำหนักตัวของมันที่อยู่บนร่างของผมได้…

      ชิพค่อยๆสอดลิ้นเข้ามา วูบแรกที่ผมต่อต้าน…แต่แค่ชั่วอึดใจเท่านั้นที่ชิพทำให้ผมเปลี่ยนความคิด…การต่อต้านชิพไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามต่างเป็นเรื่องยากเย็นด้วยกันทั้งนั้น

      “ฮื้อ…”

      กางเกงนอนบางๆของชิพไม่สามารถปกปิดความต้องการที่แสดงออกมาได้…ผม…ผมเกือบหลงใหลไปกับความรู้สึกต่างๆแล้ว แต่ด้วยสำนึกส่วนสุดท้าย ทำให้ผมผลักมันออกอย่างแรง

       ตามด้วยฝ่ามือของผมที่ตบหน้ามันแรงจนหัน...

       มันหันมาถลึงตา!

       ฉากต่อไป >///<…คือประมาณว่าตลอดชีวิตของผมไม่เคยอยากนึกเล่นบทซาดิสต์ซึ่มกับใครหรอกนะ แต่ชิพทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ...

       “ยะ...อย่านะ”

      มันจับคางผมไว้ บีบแรงจนเจ็บ...จับข้อแขนผมยึดไว้เหนือหัว แล้วบดจูบลงมาอย่างตะกละตะกลาม อ๊ากกก~~อย่าทำแบบนี้ยยยย!!!

       ปากกรูไม่แดงเลือดออกไปแล้วเหรอเนี้ย???

       มันยังคงกอดผม หายใจหอบแรงเพราะแรงจูบ

       “กูคิดถึงมึง…”

      แววตาของมันที่ทอดมองลงมา เกือบทำให้ผมหลงกลเชื่อมันอีกครั้งจริงๆ…(อย่าเชียวนะ!)

       “...แล้วหลังจากคืนนี้ มึงก็จะหนีไปจากชีวิตกูอีกใช่มั้ย?”

       คำพูดแทงใจดำทำให้ชิพยิ่งใจเต้นตึกตัก ภายใต้ฝ่ามือของผมที่แนบอยู่กับแผงอกของมัน สีหน้ามันหม่นลงจนกลายเป็นเศร้า…เศร้าอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

      “กูขอโทษ…กูรู้ว่าคำขอโทษมันไม่มีค่าสำหรับมึง แต่รู้ไว้เถอะ ว่ากูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ”

       “แล้ว...แล้วทำไม ห้าปี? มึงถึงไม่ติดต่อมาบ้าง”

       น้ำเสียงของผมสั่น ชิ! นี่ขนาดบังคับแล้วไม่ให้มันรู้ว่าผมกำลังตัดพ้ออยู่นะเนี้ย...มือของชิพลูบแก้มผม ชิพก้มลงจูบเปลือกตาอ่อนโยน...ซบหน้าลง

       “...ตลอดห้าปี ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากเจอมึง แต่ย่าของกู...ท่านเข้มงวดมาก แม้แต่จดหมายทุกฉบับก็ต้องผ่านมือของท่าน คนในอพาทเม็นท์ก็ต้องรายงานท่าน กู...กูขัดใจไม่ได้ ท่านไม่ค่อยสบาย แล้ว...ท่านก็เป็นผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวของกูด้วย”

       ผมอึ้งกับความตอแหลของมัน ย่าที่ไหนจะใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น?

       แล้วไอ้ความอ่อนโยนที่มันทำอยู่ตอนนี้อ่ะ…เรื่องจริงหรือเปล่า?

      “อีกอย่าง...กู กูไม่กล้ากลับมาพบมึง กูรู้สึกผิด...”

      แววตาของมันบอกเรื่องราว ความเศร้า ความทุกข์ ความรู้สึกผิด...อดีตที่คอยกัดกินใจของเรา ทั้งชิพและผมต่างเจ็บปวด ผมไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้กลับมาตามหลอกหลอนอีกจริงๆ...

       “แดน...เชื่อนะ ความคิดถึงที่กูมีมันเทียบไม่ได้กับ...ช่างมันเถอะ แต่ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เพราะกูอยากทำ กูต้องทนกับมันมาตลอดห้าปีเหมือนกับมึง มันทรมานมากเวลากูคิดถึงมึง กูรู้ว่ามึงยังรออยู่ เพียงแต่กูทำไม่ได้…”

       “ทำอะไรไม่ได้ชิพ? อย่าบอกนะว่าย่าของมึงบังคับอีก”

      “…มึงไม่รู้หรอกว่าคุณย่าเป็นยังไง”

      เอาจริงๆนะ ตอนนี้ในสายตาของผมย่ามันโคตรเหี้*เลยอ่ะ...

       “แต่มันไม่มีเหตุผล ทำไมย่าของมึงต้องใจร้าย จับมึงส่งไปเมืองนอกโดยกระทันหันแบบนั้น ห้ามติดต่อกลับมาเมืองไทย ห้ามมึงทำตามใจตัวเอง ทั้งๆที่แต่ก่อนมึงก็มีอิสระดี...ไม่ใช่เพราะคืนนั้นมึงได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วเหรอไง? มึงถึงได้รีบร้อนหนีไปแบบนั้น…”

       “...แดน มึงไม่เชื่อกู ไม่เป็นไรหรอก...แต่เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ คราวนี้กูสัญญา ว่าจะไม่ทำผิดซ้ำซากอีก”

       ผมส่ายหน้า ฮึ เชื่อมรึงตายเลยไอ้ชิพ...คำพูดลมๆแล้งๆของมันเกือบฆ่าคนตายมาแล้ว คราวนี้ผมไม่มีวันตกหลุมพรางของมันอีกแน่ -_-“

      ผมผละออก ลุกขึ้นยืน รอให้มันลุกตามแล้วเริ่มต้นพูดกันจริงๆจังๆ

       “คำสัญญาเหรอ? อย่าเลยชิพ กูหมดศรัทธากับคำๆนั้นไปนานแล้ว เอาล่ะ ทีนี้กูเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว...ปล่อยกูออกไปที”

       “~อย่าเพิ่ง...”

       มันดึงแขนผมไว้ ทำจะมากอดจูบอีก

      “กูบอกให้ปล่อยออกไปไง! ไม่งั้น...ไม่งั้นกูจะโทรเรียกแฟนกู...จะ จะโทรฯเรียกแอลให้มาลากคอมึงเข้าคุก ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนะ!”

       ได้ยินดังนั้น ไอ้ชิพหน้าตึงขึ้นมาทันที เอ๋?...

       “ทำไม? จะรีบออกไปไหนล่ะ ออดอ้อนกับไอ้แอลเหรอไง?”

      อ้อ มันกำลังหึงนี่เอง ยั่งงี้ต้องยิ่งยั่ว ให้มันคลั่งตายไปเลย 555+

       แต่ก็แอบหมั่นไส้เล็กน้อย...’ไมเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังวะ? -_-* (กรูตามม่ะทันอ่า)

       “ใช่ซี่~~~ ไอ้แอลมันแอบชอบกู มึงไม่รู้เหรอ?” ขอโต้ดนะแอล...เพื่อนขอปากพล๊อยนิดส์

       ไอ้ชิพกัดฟันแน่น กำลังพยายามระงับอารมณ์อยู่ล่ะซิ คงยากล่ะนะ ฮ่าๆๆๆ

       “แล้วไหนล่ะเมียมึง? โธ่ๆ คงนึกน้อยใจนะที่มึงไม่เคยใส่ใจดูแลเขาเลย เหอะ น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว”

       “หยุดลากคุณอุ๋มเข้ามาเกี่ยวด้วยเดี๋ยวนี้นะ…”

      น้ำเสียงของมันกดต่ำลง แววตาแข็งกร้าวขึ้น อ้อ นึกว่ากลัวเง้อ?

       …แต่ไอ้การลุกขึ้นมาปกป้องผู้หญิงของมัน วิธีการที่มันตำหนิผม ทำให้ผมโกรธมันมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก

       ไอ้คนโกหก! ยังไงมึงก็ตั้งใจโกหกกูให้กูเป็นตัวสำรองอยู่วันยังค่ำ!

      “ฮ่าๆ คุณอุ๋ม...นี่อย่าบอกนะว่ามึงรักคุณอุ๋มเข้าให้จริงๆ...กูจะบอกอะไรให้ จะง่ายกว่ามั้ยถ้ามึงเลิกยุ่งเรื่องของกูแล้วหัดใส่ใจคุณอุ๋มของมึงบ้าง”

       “มึงจะไปรู้อะไร คุณอุ๋มเป็นเพื่อนสนิทกู”

       “แล้วเค้ารู้มั้ยละว่ามึงอยู่กับกูที่นี้...เค้ามีสิทธิจะรู้นะจริงมั้ย?”

       มันย่างสามขุมเข้ามา ผมเตรียมตั้งหลักรับมือ

       “บอกให้หยุดพูดเรื่องของเขาไง!”

       “ถ้ามึงรักคุณอุ๋มนัก…มึงจะมาตอแยกับกูทำไม! มึงจะมาทำเห็นใจ ตักกับข้าวให้ จะมาทำหึง ทำเป็นสนใจดูแลกูนักทำไม ในเมื่อมึงทิ้งโอกาสของมึงไปแล้วตั้งห้าปี!”

       มือของมันคว้ามับเข้าให้ที่กลางลำแขนของผมตอนที่ตะโกนเสียงดังออกมา แล้วบีบ…ผมร้องโอดโอยขึ้นมาทันทีแล้วถึงกับทรุดตัวลงไปนั่ง ไอ้ชิพบีบแขนผมจนปวดไปถึงกระดูก(พูดจริงๆไม่ได้โกหก)…ทำไมมันแรงเยอะขนาดนี้ว่ะ

       ด้วยความเจ็บ น้ำตาถึงกับร่วงเพลาะๆ บวกกับความโกรธ น้อยเนื้อต่ำใจ…ทำให้ผมร้องไห้อีกครั้ง

       “มึงไม่สิทธิทำกับกูแบบนี้…มึงไม่มีสิทธิ”

       ผมปล่อยโฮออกมา…ไอ้ชิพค่อยๆวาดแขนโอบผม ดูเงอะงะชอบกลขณะที่มือของมันยังคงจับข้างที่แขนของผมแน่น…

       “กู…กูขอโทษ”

       “มึงไม่มีสิทธิทำแบบนี้…ตอนนี้กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู ได้ยินมั้ย! อย่ามายุ่งกับกูอีก อย่ามายุ่งอีก! รู้ไว้ซะด้วย!”

       ผมวิ่งออกมา เปิดประตูแล้วกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่าง วิ่งออกมาเรียกแท็กซี่…ไม่สนใจแล้วว่าที่นี่ที่ไหน ได้แต่ปาดน้ำตาออกจากดวงตาที่พร่ามัว ขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านไปด้วยความรู้สึกเจ็บตรงอก ผมหายใจไม่ออก…ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ไม่รู้จริงๆ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 10 (ภาคสอง) ของแถมรอบดึกก่อนไปนอนจ๊า!!!(แก้ตัวบทที่9สั้นไปคับ...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 11-03-2008 17:29:33
บทที่ 12



       วันรุ่งขึ้น ผมตัดสินใจถือโอกาสนี้อันเป็นการดียิ่งแก่วาระโดดงาน(เหมือนสมัยเรียนเลยเนอะ) เพราะถึงยังไงวันนี้พวกเด็กฝึกงานก็ไม่มีงานทำกันอยู่แล้ว ผมเลยได้นอนตื่นสาย ยันเก้าโมงโน้นถึงได้ฤกษ์ลุกจากเตียง

       โทรศัพท์เจ้ากรรมดันสั่นหงึกๆ หน้าจอปรากฏเป็นชื่อของบอย…

       บอยโทรฯมาทำไมกัน?

      “ฮัลโหล? แดนเหรอครับ วันนี้ผมว่างงานน่ะ…เลยกะจะชวนคุณออกมาเที่ยว”

       ผมชั่งใจแปบ สักประเดี๋ยว แม่ก็เดินเข้ามาในห้องครัว

       “วันนี้แม่ไม่อยู่บ้าน แกจะอยู่มั้ย?”

       ผมรีบตอบบอยไปว่า “ไปก็ได้ วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านน่ะ”

       เวลาสิบโมงสิบห้า รถเบนซ์ซีคลาสของบอยก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านผม ทักทายกันตามปกติแล้วเราก็ขึ้นรถกะจะไปตลาดแถวคลินิกบอย เพื่อหาข้าวกลางวันกินกัน

       ผมเลือกนั่งโต๊ะตรงที่ติดกระจก เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำเจ้าเก่า สั่งมาสองชามเลยเพราะหิว(แฮะๆ) ส่วนของบอยสั่งแค่ชามเดียว

      “ที่ทำงานของคุณเป็นยังไงบ้าง?”

      ถอนหายใจก่อนจะตอบ “ก็เรื่อยๆน่ะ แต่ดันมีเพื่อนร่วมงานบ้าๆ ไม่ค่อยถูกกันหรอก…”

      “งั้นเหรอ”

       บอยหัวเราะ พลางขยับแว่นสายตาที่ใส่ติดออกมาจากคอนโด ดูบอยหล่อไปอีกแบบ…เป็นมาดเคร่งขรึม ดูภูมิฐาน เป็นด้านที่ดูดีมากอีกมุมหนึ่งของบอย

       “นายหัวเราะเราทำไม?”

       “ก็สีหน้าของคุณ…เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว”

       อืม อาจจะจริงอย่างนั้นก็ได้นะ o_O*

      “คุณลองปล่อยวางซิ เล็กๆน้อยๆก็ยังช่วยได้”

      “นายอ่ะพูดง่าย แต่เราทำยากน่ะซิ”

       แกล้งมองค้อนบอยที่กำลังหัวเราะร่าอยู่นั้น ผมเบือนหน้าไปทางกระจกพลางเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนจ้องเข้ามาในร้านอยู่ตรงนั้นคนเดียว แลดูฉุนเฉียวน่ากลัว…ผมเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกมันกลมและกรูจาเฮงสุดๆแบบนี้ -T- _ -T-

       “ไอ้ชิพ!...”

      “ใครนะครับ?”

       บอยทวนถาม ผมหลุดปากไปเพราะตกใจกับสิ่งที่เห็น…ชิพออกเดินตรงเข้ามาในร้าน อึ๋ย~~~มันเข้ามาแล้ว และหยุดยืนที่โต๊ะของเรา มองผมกับบอยสลับกันไปมา…ใจผมเต้นแรงโครมครามจนแทบได้ยินได้

        บอยมองผมสลับกับชิพงงๆ “ผมรู้จักคุณหรือเปล่าครับ?”

       “คุณน่ะ…ไม่รู้จักผมหรอก แต่นายคนนี้น่ะซิ รู้จักผมดี”

       ผมเชิดหน้า เมินสายตาไม่สบกับมัน

       “อ้าว คุณเป็นเพื่อนแดนเหรอ?”

       สีหน้าไอ้ชิพเปลี่ยนไปตรงคำว่า ‘เพื่อน’…ท่าทางแบบนี้มีโอกาสสูงมากที่มันจะระเบิดอารมณ์ในอีกในไม่ช้า เหอะๆ >_<

       “เป็นซะมากกว่าเพื่อนอีก…”

       “อะไรนะครับ?” โอ้ว~~~บอยอย่าไปสุภาพกับมันน๊ากกกก >0<

       “ผมเป็นมากกว่าเพื่อน!”

       “อ้อ~คุณเป็นญาติเขาเหรอ?”

       โห นี่ถ้าบอยกำลังเล่นละครอยู่ล่ะก็ ต้องยกรางวัลสุพรรณหงส์ ลูกโลกทองคำให้เขาไปเลย ไอ้ท่าทางซื่อๆแต่ดูไม่ออกของเขายิ่งกวนอารมณ์ชิพให้รุนแรงขึ้น เย้ๆๆฮ่าๆๆๆ

       “คิกๆ!”

       อ้าว! ก็มันอดหัวเราะไม่ได้อ่ะ

       ชิพมองอย่างกะจะเอื้อมมือมาบีบคอ กล้าเหรอ?

       “ผม...ผมเป็นเจ้านายเค้า ลูกจ้างที่ดีไม่ควรหนีงานออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้”

       “แต่นายจ้างที่ดีก็ไม่สมควรยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกจ้างนะครับ โดยเฉพาะกะอีแค่เด็กฝึกงาน”

      โอ้! ซาบซึ้งมากมาย TT__TT ฮืมๆ บอยออกโรงปกป้องผมเหรอเนี้ย เยส! (ในที่สุดก็หาคนต่อกรชิพได้สักที)…ขอบคุณนะครับบอย >o<

       หากเปรียบชิพเป็นไฟ...ก็ต้องเปรียบบอยให้เป็นน้ำ คู่นี้แหละเหมาะสมกันที่สุด (o_O*?)

       ไอ้ชิพกับบอยจ้องหน้ากัน คลื่นความอึดอัดโรยตัวปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ…เห็นท่าไม่ดีและ ผมเลยวางตังไว้สองร้อยบาท แบบไม่รอทอน แล้วลุกไปคว้ามือบอยเพื่อหนีออกมาจากร้าน

       “มันเรื่องอะไรกันแดน ทำไมเขาต้องมองคุณ…เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแบบนั้นด้วย”

      “ไม่มีอะไรหรอก”

      ผมลากร่างของบอยจ้ำอ้าวออกมา ถึงลานจอดรถ เสียงกวนๆก็ดังมาจากทางด้านหลัง หยุดชะงักผมกับบอยเอาไว้

       “จะรีบไปไหนล่ะ เดี๋ยวซิคร้าบ…คุณลืมเงินทอนน่ะ”

       ผมหันไปเผชิญหน้า ชิพขมวดคิ้วและยิ้ม…ยิ้มที่เยือกเย็น มันคงกำลังคิดแผนการอะไรอยู่แน่ๆ และคนอย่างชิพ…ต้องไม่หยุดจนกว่าจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ

       อยากจะรู้จริงๆ…งานนี้มันจะได้ในสิ่งที่ต้องการมั้ย?

       “ผมทิปพนักงาน คุณเก็บมาทำไม?”

       “หึ อย่างคุณน่ะเหรอ?”

       ผมกอดแขนบอยแน่น เหมือนจะยึดเหนี่ยวไว้…เหมือนว่าผมอาจจะวูบหมดแรงลงไปได้ทุกขณะ

       ชิพมองมาที่แขนบอย มองการเกาะกุมของผม มันกระพริบตาปริบๆ…ตาฝาดรึเปล่าว่ะ ก๊อผมดันเห็นหยาดน้ำใสๆไหลมารวมกันที่หัวตาของมัน…

       และแล้วจากใบหน้าเย็นชาก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะ

       “นี่คุณจะไปไหนกัน?”

       “มันเรื่องของผมนี่ ไปกันเถอะบอย”

       “อ้อ!~~~ นี่ใช่มั้ยคือบอย…คนที่เค้าพูดกัน”

       “คุณมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า?”

       เฮ้ยๆ บอยอย่าเพิ่งโกรธจริงๆดิ ผมรับมือพร้อมกันสองคนไม่ไหวหรอกนะ แง~~~=_+”

       “บอย...เราขอร้อง อย่าสนใจเลยนะ”

       พยายามเดินหนี ทว่า...

       “นี่แสดงว่าคุณกับเค้าเป็นแฟนกัน!?”

       ชิพบีบไหล่ผมแล้วหมุนกลับมา ตะหวาดใส่ผม...เดินไปไหนต่อไม่ได้ ไอ้น้ำเสียงกวนตีนท้าทายของมันทำให้ความอดทนของผมขาดผึงลงในที่สุด กูก็คนนะโว้ย!!! และต่อไปนี้จะไม่มีคำว่า ‘กลัว’ อยู่ในพจนานุกรมนายแดนอีกต่อไปแล้ว!

       “ใช่! นี่แหละบอยแฟนของผม!!!”

       ความเงียบบังเกิดขึ้น…บอยมองผม ผมจ้องหน้าไอ้ชิพ ซึ่งกำลังมองหน้าบอยอึ้งๆอยู่เช่นกัน

      ตายล่ะหว่า~~~<<<(-.<)*>>>




       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 11-03-2008 18:44:30
เราเชื่อชิพน้า

ชิพสู้ๆๆ

เเดนทำงี้ไม่สงสารบอยเลยหรอ

เหมือนบอยเป็นคนเเก้เหงาประมาณนั้นเลย

=____+
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 11-03-2008 18:46:50
 :a6: ทำไมมันร้อนแรงอะไรแบบนี้ เอร้ยยยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 11-03-2008 18:53:48
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ลุ้นระทึกเลยทีเดียว

ฟาดฟันกันน่าดู

มันส์ดี
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-03-2008 19:17:21
งานนี้ ชิพ หัวปั่นเลยวุ้ย  :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 11-03-2008 19:29:43
 :m14: :m14:สมหน้ำหน้านายชิพพพพพ ชะมัดเลย
บอยน่ารักจังเลยน้า  เชียร์บอยดีกว่าเนอะ คิก คิก คิก o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 11-03-2008 19:42:51
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม ชอบๆๆ

งง กับ ชิพพระเอกของเรา

งงว่าอยากกลับมาคืนดีกับแดนทำไมทั้งที่ชิพก็

หนีออกจากแดนไปก่อน แล้วที่ย่าของชิพเป็นคนบังคับอะจริงป่าว

แต่บอยจะทำไงเมื่อได้ยินแดนพูดออกไปแบบนั้น

แต่แดนก็ไม่ควรทำและให้ความหวังกับบอยนะครับ

ในเมื่อไม่ได้รักบอยอะ เห็นอยู่นะครับว่าแดนยังรักชิพอยู่

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 11-03-2008 19:55:53
งวดนนี้มายาว สะใจ งวดหน้าขอแบบนี้อีกนะค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 11-03-2008 20:29:49
ไฟ กะ น้ำมัน อยู่ใกล้กันก็วอดวายจิ

 :o   :o   :o
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 11-03-2008 21:49:27
โอย ค้าง ๆๆๆ ขนาด 2 ตอนยังค้าง

จะเป็นไงต่อไปนะเนี่ย

ภาคแรกเชียร์ชิพมาตลอด แต่ภาคนี้ขอสมน้ำหน้ามันก่อนล่ะกัน  :m16: :serius2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 11-03-2008 22:18:13
 เฮ้ออออ ลุ้น
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 12-03-2008 00:58:49
บอยยยยย ไฟ๊ติ้งค่า  o12

สู้มาน :angry2:

ไอ้ชิพ เกลียดดดด ที่สุดเลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 12-03-2008 02:22:29
น้านจิ2ตอนยังค้าง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 12-03-2008 12:28:51
เอาเลย บอย+แดน ซัดไอ้ชิพกลับให้สาสม

คิดแต่จะใช้กำลัง ข่มขู่ผู้อื่น

แดนยอมมันมามากพอแล้ว อย่าไปยอมอีก

ให้มันรู้จักถึงความเป็นปวดบ้าง  :angry2:  (โหมดอินจัด)  :o8:  :oni2:

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 12-03-2008 12:42:55
+1 คับ

เพิ่งเข้ามาอ่าน

ชอบคับ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 12-03-2008 15:11:14
เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเลยคับมันจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-03-2008 16:10:57
มันส์มากกกกกกกกกกกกกกกกก ลุ้นตัวโก่งเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 12-03-2008 19:11:52
มารอตอนต่อไปค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 12-03-2008 19:15:30


      ทิ้งไปตั้ง5ปี กลับมาขอคืนดีเพียงแค่คำขอโทษ

       สะใจมากมาย ต้องได้อย่างงี้ดิ

       มาต่อไว ๆ นะค๊าบ  นาย AleX
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 11+12 (ภาคสอง) โพสสองตอนเพื่อความสนุกสนาน ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 12-03-2008 22:10:21

บทที่ 13



       ระหว่างทางกลับบ้าน…ผมไม่ได้พูดอะไรกับบอยเลยแม้แต่คำเดียว ส่วนบอยก็ขับรถไปเงียบๆเหมือนมีเรื่องคิดของเขา เราต่างฝ่ายต่างมีเรื่องครุ่นคิดในใจ…มากมาย   

       เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตะกี้ทำให้ทุกอย่างผกผัน สรุปแล้วตอนนี้บอยคือแฟนของผม

       รถจอดที่หน้าบ้าน วันนี้ยอมให้เขามารับมาส่งถึงบ้าน…แต่เรายังมีเรื่องต้องสะสางกัน ผมจึงนั่งต่อรอให้เขาเริ่มก่อน

       “คุณ…คุณหมายความว่ายังไงเรื่องที่ตลาด”

       ผมตอบไม่ถูก…ไม่รู้ซิ ที่อ้างชื่อบอยเพราะกะจะทำให้ชิพเลิกยุ่งเรื่องของผมสักที

       “…ผม…เอ่อ…”

      “ผู้ชายคนนั้นคือคนที่ทำให้คุณร้องไห้เมื่อวันก่อนใช่มั้ย?”

       ผมตกใจในคำพูด เผลอสบตามองบอย ที่ทอดสายตาสงสารมาที่ผม…ฉับพลัน ไอ้ความเสียใจข้างในลึกๆก็ลั่นประทุขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมก้มหน้าร้องไห้ พยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ

       “คุณอ้างชื่อผมเพื่อไล่เขาไป ผมเดาถูกมั้ย?”

       ถูก…ถูกต้องที่สุด ผมพยักหน้าต่อไปเรื่อยๆ…

       บอยเงียบ…ก่อนจะถามเสียงเบาหวิว

       “แล้วคุณอยากให้ผมเป็นจริงแบบนั้นบ้างหรือเปล่า?”

      ผมค่อยหยุดพยักหน้า มองตาเขา…ผมโกหกเขาไม่ได้หรอกว่าผมรักเขา ผมทำไม่ได้จริงๆ เขาเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น

      “เราขอโทษ…แต่เรารักนายไม่ได้ เราอยากทำได้นะแต่ว่า…”

      “ผมเข้าใจแล้ว…” บอยยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นทว่าแฝงความเศร้าเอาไว้มากมายเหลือเกิน จนผมต้องกัดริมฝีปากที่สั่นระริกไว้เพื่อไม่ให้ร้องไห้หนักไปมากกว่านี้

       “แต่ผมยินดีเป็นตัวแสดงให้คุณนะ ถ้าคุณต้องการ”

      “ไม่…ไม่เป็นไร เรา…ไม่อยากเอาเปรียบนาย”

      “ไม่แดน…ไม่เลย”

      บอยค่อยๆยกมือของผมขึ้นไปกุม สัมผัสอ่อนโยนจากเขาทำให้ผมหยุดร้องไห้ จ้องตาเขา…แล้วรู้สึกปลอดภัย รู้สึก…อบอุ่น

       “คุณยังจำได้มั้ย วันแรกที่เรารู้จักกัน คุณเข้ามาช่วยผมด้วยความเต็มใจ…วันนี้ผมจะคอยเป็นเพื่อนคุณ ช่วยเหลือคุณเวลาที่คุณต้องการ ให้ผมได้ทำ…เพื่อคุณเถอะนะ”

       แววตาจริงจังของบอย บวกกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกแล่นผ่านเข้ามาในหู…ผมซึ้งใจกับคำว่า ‘เพื่อน’ ที่หลุดออกมาจากปากเขามาก…เหมือนเขากำลังบอกว่า ผมสามารถไว้วางใจเพื่อนคนนี้ได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสมากเพียงใดก็ตาม

       “ทั้งๆที่ผม…ไม่มีอะไรจะให้คุณได้เลยน่ะนะ?”

      ผมปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ มองบอยที่ยิ้มอบอุ่น พยักหน้ามั่นคงจนผมทึ่งในความเด็ดเดี่ยวของเขา และนึกอยากทำได้ดีเท่าเขาบ้าง…อยากเข้มแข็งได้เท่าครึ่งหนึ่งของเขาบ้างจัง T_T

       “อืม ผมเชื่อว่าคุณจะหาทางออกที่ดีที่สุดพบในสักวัน”

       ไม่รู้หรอกว่านั่นจะเป็นความจริงหรือเปล่า…แต่อดีต...ผมยังหลุดออกจากอดีตของตนเองไม่ได้เลย แล้วจะไปมีปัญญาคิดถึงเรื่องอนาคตได้ยังไง

      “คุณสามารถทำได้ เชื่อผมซิ”

       บอยค่อยๆโอบกอดผมไว้ มันช่าง…รู้สึกดีชะมัดเมื่อมีใครสักคนคอยอยู่เป็นเพื่อนในเวลาแบบนี้

      “ขอบคุณนะครับบอย…นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราจริงๆ”

       “อืม…ไม่มีปัญหา”

       เสียงของบอยสั่นเครือหรือเพราะว่าผมหูอื้อไปเองกันแน่…ไม่สามารถล่วงรู้ได้ แต่ผมรับรู้ถึงความเจ็บปวดของบอย…คิดว่าสักวัน หากเรารักกันได้แล้ว…ผมจะทำให้เขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกให้จงได้

       ………………………………

       ……………………....

       …….////…….

       …ความรัก…มันจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไปมั้ย? ถ้าฉันจะรักใครสักคน หมดใจ…โดยที่ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักนั้น…

       แล้วความรัก…ฉันจะเป็นคนเห็นแก่ตัวมั้ย? หากฉันต้องการให้ความรักนั้นอยู่กับฉันตลอดไป ยอมทำทุกอย่าง…ทั้งๆที่ใจของฉันก็เจ็บปวดและบอบช้ำเหลือเกิน…จากความรักที่ผิดหวัง

        …ตอบฉันที ฉัน…ไม่เคยรู้เลย ไม่รู้เลยจริงๆ…

      ………..

      …...



       วันศุกร์สุดสัปดาห์…เหนื่อยล้าจากการถูกไอ้ชิพตอแยมาตลอดสามวันที่ผ่านมานี้

       ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทำไปเพื่ออะไร…ผมไม่มีวันใจอ่อนไปกับความเอาแต่ใจของมันอีกแล้ว เบื่อ…เบื่อที่จะต้องทนเจ็บใจ ทนร้องไห้ผิดหวังจากมัน ทั้งๆที่ไม่อยากเชื่อ ว่าผมเคยรักมันมากมายแบบนั้น

       “เฮ้อ…”

       เสียงถอนหายใจพร้อมด้วยอาการเหม่อลอยโดยไม่ทันระวังตัวดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของออฟฟิศช่วงเที่ยงที่เกือบว่างเปล่า ผมนั่งลงตรงม้านั่งขณะกดน้ำดื่มตรงเครื่องกรองน้ำ ทอดสายตาออกไปนอกกระจก วิวสวยๆจากมุมนี้มองกรุงเทพฯเห็นโดยรอบร้อยแปดสิบองศา…เอาหลังพิงฝาผนัง เหนื่อยทั้งกายและใจ…เมื่อไหรชีวิตของผมจะพบกับความสงบสุขเสียที?

       “ฮึ! เหม่อคิดถึงผู้ชายคนไหนอยู่”

      ไม่ทันคาดคำ เสียงเยาะหยันที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ผมหลับตาลงอย่างอ่อนล้า…ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมันจังเลย ปล่อยมันพล่ามไปดีมั้ยคราวนี้?

       “…จะพูดอะไรก็ได้ชิพ…”

       “พูดแทงใจดำแค่นี้ ถึงกับยอมแพ้เลยเหรอ?”

       ร่างสูงเขยิบเข้ามานั่งข้างๆผม…แค่หมดแรงที่จะต่อต้าน หมดกำลังใจที่จะทำพยศกับมัน เลยยอมให้ปลายเข่าของเราชนกัน…ความอุ่นวาบบ้าๆพลันไหลมาจากตรงจุดนั้น

       “ทำไมมึงต้องตามรังควาญกูด้วย?”

       ใบหน้าของชิพอยู่ใกล้มาก…จนผมเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างอันเป็นผลมาจากระยะเวลาห้าปี…ชิพดูโตเป็นหนุ่มสมบรูณ์เต็มตัว เค้าโครงหน้าไม่ค่อยเปลี่ยนยกเว้นเพรียวขึ้น ผอมลง และดูคมขึ้น

       แต่กระนั้นแววตาของมัน…ริมฝีปากของมัน ยังคงเดิม

       น้ำตาพลันคลอหน่วยขึ้นมาอย่างทรยศ

       “ไม่รู้จริงๆหรือไง?...”

       “…แต่ที่มึงทำให้กูเป็นแบบนี้ ยังไม่พอใจอีกใช่มั้ย?”

       ในดวงตาของอีกฝ่ายก็รื้นไปด้วยหยาดน้ำใสเช่นกัน มันเอื้อมมือมาจับคางตรงที่เป็นรอยบุ๋มของผม แต่ผมกลับเอามือปัดออก

       “กลับไปทำงานของตัวเองเถอะ เลิกยุ่งกับกูได้แล้ว”

       ผมลุกพรวด ปาดน้ำตา…สัญญากับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะไม่ร้องไห้ แต่ผมทำไม่ได้สักที…เวลาชิพอยู่ตรงหน้า ความคิดถึงมันพร้อมๆกับอยากตัดพ้อมันพรั่งพรูออกมา อยากบอกมันให้รู้ว่าข้างในรู้สึกยังไง

       แต่ห้าปี…ทำให้ผมปากแข็งขึ้น จนมันกลายเป็นว่าทำไม่ได้…จะหลงรักมันอีกไม่ได้แล้ว 

       ...นอกจากความเจ็บปวดแล้ว ผมจะไม่ยอมจมอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นอีกเป็นครั้งที่สองโดยเด็ดขาด

       “ทำไมแดน…เพราะกูทำผิดมากใช่มั้ย? มึงถึงได้กลายเป็นแบบนี้”

       “ถ้าหมายถึงแบบที่คนไม่มีหัวใจทำ…ก็ใช่”

       ชิพจับตัวผมให้หันไปหา ต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงมากที่สุดในการกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้มันเห็น

       “ฟังคำอธิบายของกู…ฟังคำอธิบายของกูได้มั้ย มึงจะเชื่อกูได้มั้ย?”

       “กูเชื่อจนเลิกไปนานแล้วต่างหากชิพ” ผมสะบัดมือมันออก ไม่รู้จู่ๆอะไรมาดลใจ ให้ผมพูดความในใจทั้งหมดออกไปขณะนั้น

       “มึงรู้มั้ยว่ากูทรมานแค่ไหนตลอดห้าปีที่ผ่านมา มึงรู้มั้ยว่ากูนอนฝันร้าย…ความรู้สึกตอนที่มึงจากไป ทำให้กูรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อยากต้องเจอเรื่องแบบนั้นอีก…ขอร้องเถอะ ปล่อยกูไป กูจะพยายามทำใจเรื่องเก่าๆ…เราไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้ว ไม่เคยเลยด้วยซ้ำ!”

       แต่ชิพกลับทำในสิ่งไม่คาดคิด นั่นคือคว้าร่างของผมเข้าไปกอดไว้ ตอนนั้นผมเองก็กอดมันแน่น…ไม่รู้ซิ แค่อยากมีใครสักคนไว้เป็นหลักยึด

       “กูขอโทษ…มึงรู้มั้ย? ว่ากูก็ต้องเผชิญกับค่ำคืนที่คิดถึงมึงใจแทบขาดเกือบทุกวัน…เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย? นะ”

       “แต่มึงมีคุณอุ๋มแล้ว?” ผมถามมันงงๆ

       “…ไม่สำคัญ คุณอุ๋มคือคนที่คุณย่าจับกูคู่กับเขา กูไม่ได้รักเขาเลย กูไม่ได้-“

      “มึงเลิกพูดจาไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ได้แล้ว…” ผมค่อยๆผลักมันออก มองมันด้วยแววตาปวดร้าว “เลิกโกหก และหัดแคร์ความรู้สึกคนอื่นซะบ้าง…อย่างน้อยก็ของคุณอุ๋ม มึงคิดยังไงถ้าเขามาได้ยินคำพูดนั้นออกจากปากมึง…มึงทำกับกูได้ แต่หยุดทีเถอะ…”

       “กูพูดเรื่องจริงนะแดน คุณย่า-“

       “หยุดที!” ผมแผดเสียงกร้าวใส่มันอย่างเหลืออด “เลิกอ้างเรื่องบ้าๆบอๆของย่ามึงสักที กูไม่อยากฟังแล้ว!”

       โมโหมันจนต้องกำมือแน่น ระงับความอยากเข้าไปสอยตึงเข้าที่หน้าหล่อๆนั่น กัดฟันกรอด…

       “มึงไม่เชื่อกูจริงๆเหรอ…”

       น้ำเสียงอันเบาหวิวของมัน แววตาที่เหมือนดิ่งวูบลงสู่ความสิ้นหวัง และสีหน้าเหลือเชื่อของมัน…อย่างกับเจ็บปวดจากอะไรสักอย่าง ทั้งหมดนี้ยิ่งตอกความเจ็บจี๊ดเข้าสู่หัวอกของผม…ทำไมชิพต้องมีอิทธิพลเหนือผมแบบนี้ด้วยนะ ทุกครั้งเลยที่ผมต้องแพ้…หยาดน้ำตาของมัน

       “อ้อ…แล้วมึงก็เลยต้องไปเชื่อคนอื่น อย่างไอ้แอลใช่มั้ย?”

       ผมขมวดคิ้ว งง??? อะไรว่ะ? ไอ้ชิพมันพูดอะไรของมัน ผมไม่เข้าใจ

       เชื่อมันเลยจริงๆว่ะ

       มันโคตรทำให้ผมโมโหได้ ในขณะที่ก็โคตรงงในตัวมันแทบจะขณะเดียวกัน

       มันพูดเนิบๆ แต่สำเนียงนั้นแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน เสียดสี

       “มึงก็เลยต้องไปคลอเคลียมัน ยั่วมัน…ไหนจะไอ้แว่นนั่นอีก แบบนี้น่ะเหรอที่มึงชอบ กูเพิ่งรู้นะ…มันเก่งมั้ยล่ะ? มึงถูกใจจนล่อกันไปกี่ยกล่ะ-“

       เพี๊ยะ!

       “ไอ้เลว@!”

       ดีนะ…ที่ออฟฟิศเงียบและว่างขนาดนี้(ไม่รู้มีใครจงใจเปล่า>?...) แต่ผมทนไม่ไหวจนต้องด่ามันโต้งๆซึ่งๆหน้าแบบนี้แหละ คนอะไร…ร้ายกาจอย่างน่ารังเกียจ!

       “…เลว? แต่กูก็เลือกมึง…ไม่เหมือนใครบางคน หลายใจจนไม่รู้จะเลือกใคร”

       ว่าแล้วมันก็เดินลูบๆหน้าลงส้นกลับไป ผมยังคงหอบหนักอยู่ตรงนั้น…โกรธจนหน้ามืดอ่ะคิดดู \\\(-_-*)>>>!!!

       แผ่นหลังกว้างๆของมันลับตาไปแล้ว ผมได้แต่ควบคุมอุณหภูมิที่เดือดพล่านให้ลดลง รู้สึกหน้าแดงร้อนจนแทบใช้แทนเตาถ่านได้ ฮึ๊ย!!! มันกล้าดียังไงว่ะมายุ่งเรื่องของผม แล้วก็ด่าผมอย่างกับตัวมันเป็นเจ้าของอย่างงั้น ขอบอกว่าเกลียดมันมาก มากเสียยิ่งกว่าอะไรดีเลย!!!

       ศึกครั้งนี้ จะกลายเป็นศึกแห่งความแค้น และผมต้องเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียว!

       อ๊ากกก ระบายกับใครดี…ไม่รู้ล่ะ คราวหน้ามันต้องเจอดียิ่งกว่านี้แน่ คอยดู!



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 12-03-2008 22:17:44
แอบมาอ่านตอนดึกๆ

คิดแล้วว่าต้องมาต่อ

กำลังเข้มข้น ตบจูบๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 12-03-2008 22:26:59
ภาคแรกอ่านแล้ว ไม่รู้สึกเกลียดชิพ แต่เกลียดแดน

มาภาคนี้ มันกลับกัน เกลียดไอ้ชิพมากมาย เกลียดคนที่ชอบใช้อารมณ์

เกลียดคนที่ชอบดูถูกคนอื่น เกลียดคนที่พยายามใช้แต่กำลังหักหาญน้ำใจผู้อื่น

เกลียดชิพว่ะ  :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 12-03-2008 23:02:12
ยิ่งอ่านยิ่งชอบคับ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 12-03-2008 23:30:33
น่าติดตามสุดๆ มาอัพอีกนะคับ ชอบมาก :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 12-03-2008 23:33:13
ชิพ เวลาโมโหชอบพูดประชดจัง

เเต่เเดนอ่ะฟังชิพบ้างสิ

งืออออออออออออออ

เเล้วจะได้คู้กันมั้ยเนี่ย =______="
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 12-03-2008 23:43:43
 :a6: :a6: ชิพพยายามพูดให้แดนฟัง  แต่ทำไมมันดูเลื่อนลอยไร้หลักฐานจังคับ  o12 o12

แล้วก็น่าจะเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนนะครับ  มะงั้นก็จะมีเรื่องวุ่นๆเข้ามาในชีวิตอีกเหมือนเคย  :sad2: :sad2:

รอตอนต่อไปด้วยความจดจ่อครับ  ว่าแดนจะเอาวิธีไหนมาชนะชิพได้  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 13-03-2008 00:04:07
สองคนนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องไหมนี่ = ='
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 13-03-2008 00:31:12


พูดถึงเนื้อเรื่อง :  รู้สึกสำนวนภาษามันเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้ ... ดูเป็นเล่นๆ มากขึ้นไม่จริงจังซีเรียสเท่าไหร่ .. (ชอบแบบเดิมมากกว่า)


พูดถึงตัวคนเขียน : ที่ว่าเค้ามีแฟนเป็นผู้หญิงแล้ว เลยทำให้ตัดใจ ? ... โอเค ถ้ามองแค่ว่ามีแฟนแล้วก็ดี เพราะพี่ก็ไม่สนับสนุนให้ใครไปแย่งแฟนใคร .... แต่ถ้ามองว่า "เป็นผู้หญิง" พี่ก็จะบอกว่า คิดใหม่ได้นะ ^__^ เพราะว่ามันไม่เกี่ยวซะหน่อย ฮ่าๆ อันนี้ประสบการณ์ตรง ที่ว่ามีแฟนเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่ชอบผู้ชายพี่ขอเถียง ฮ่าๆ เพราะประสบการณ์ตรง


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 13-03-2008 00:53:08
แดนฟังชิพเค้าหน่อยก็ดีน่ะ มันจะได้เคลีย :m17: มันส์ได้อีกน่ะคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 13-03-2008 01:07:48
อย่าไปยอมมันนะแดน

คำพูดแก้ตัวใครๆก้อพูดได้

ห้าปีที่ผ่านมาต้องร้องไห้เพราะมาน

ใจแข็งไว้ค่ะ  o12

บอยยยย มาปลอยหน่อยเร้วว อิอิ  :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 13-03-2008 01:16:10
มาอัพอีกนะครับชอบมากเรย :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 13-03-2008 02:33:45
ลุ้นมากมายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 13-03-2008 07:28:12
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผมไมนะชิพไม่ยอมอธิบายเรื่อง

ที่หายไปเมื่อ5ปีก่อนอะ เอาย่ามาอ้าง หรือว่าชิพพูดจริง อิอิ

แต่ยังไงๆก็เอาใจช่วยครับผม กลับมาคืนดีกันนะครับ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 13-03-2008 14:44:31
คราวนี้มายาว เพราะคาดว่าตอนต่อไปต้องอีกนานแน่ แฮะๆ  :m23:


บทที่ 14       



       หลังจากหัวเสียกับการกระทำของตัวเองตลอดสุดสัปดาห์ที่เหลือ ผมเลือกที่จะเป็นฝ่ายหลบหน้าแอลด้วยความอับอาย…และแล้วก็หมดวันอันน่าอึดอัดไป เย็นนี้ได้กลับบ้านกับนังกิ๊บซี่(ขึ้นรถเมล์ ต่อรถตู้) นั่งอยู่ในรถก็คุยกับมันเรื่อยเปื่อย นังนี่มันบ้าผู้ชาย คุยๆเรื่องไหนอยู่ก็ อุ๊ย! นั่นผู้ชาย…ขนาดผมเป็นเกย์ยังไม่สติแตกแบบมันเลย o_O*

       เหอะๆ สรุปแล้วผมมีแต่เพื่อนไม่สมประกอบใช่มั้ยเนี้ย? -_-“

       แต่จ้างให้ก็ไม่แคร์ พวกมันคือเพื่อนรักของผม หัวใจมีความสุข แค่นี้ก็พอแล้ว

       ผมเคยพูดกับนังกิ๊บ ว่าเกิดเป็นกระเทยนี่ก็ดีเหมือนกันเนอะ ไม่เห็นมันต้องคิดมาก หัวเราะทั้งวันแถมยังเผื่อแผ่ไปยังคนรอบๆข้าง

       “ก็จริงนะ…แต่มึงยอมรับได้หรือเปล่าล่ะ ที่คนอื่นจะมองมึงเป็นพวกผิดเพศ เป็นพวกไม่ใช่คน…มึงจะรับได้มั้ย?”

       ผมเลยเงียบๆ…แม้แต่คนร่าเริงอย่างน้องกิ๊บของผมยังแอบเศร้าๆ…คนทุกคนมีปมด้อย และไม่มีอะไรยากเย็นมากไปกว่าการยอมรับตัวตนของเรานี้เอง…

       “เอ่อใช่ เดี๋ยวนี้แกมีเรื่องอะไรกับคุณชิพเหรอ?”

       ผมรู้ว่าทุกคนสงสัย อยากรู้…แต่ผมบอกไม่ได้หรอก เรื่องของชิพกับผมสมควรต้องตายไปเมื่อห้าปีก่อนแล้ว

       “…มึงรีบๆลงไปได้ล่ะ ถึงบ้านและ”

       เฮ้อ โชคดีที่รถจอดแถวบ้านกิ๊บแล้ว ผมเลยถือโอกาสรีบไล่(ถีบ)มันลงจากรถไปเร็วๆ

       “อร๊าย แกยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะนังแดน ถือว่ายังค้างชำระ”

       “เอ่อๆ” ผมไสหัวมันพลางหัวเราะ

       รถเคลื่อนออกไปแล้ว ยังไงซะ นังกิ๊บซี่ก็ยังคงความเป็นตัวของตัวเองไว้ได้ทุกกระเบียดนิ้วอยู่ดี

       

       “เฮ้ย! เดินระวังหน่อยเด่ หกหมดแล้วเห็นมั้ย!!!!”

       ตายห่า~~~ O[]O!! ด้วยความเลินเล่อของผมเองล่ะครับ ถึงได้เดินชนคนที่กำลังเสิร์ฟน้ำแกงร้อนๆตรงร้านข้าวต้มหน้าปากซอย ผมรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำร้อนๆให้เค้า แต่ไอ้หมอนี่ดันตะคอกใส่

       “ไม่ต้องแล้ว!”

      “ขอโทษครับ…” ผมเอ่ยเสียงอ่อย มองดูเขาหัวเสียอยู่กับความร้อนที่ลวกตัวเข้าเต็มๆ ดีที่มีผ้ากันเปื้อนอยู่ด้วยนะ

       “มึง…มึงต้องชดใช้”

       พอเค้าเงยหน้าขึ้นมา ผมเลยได้ถึงบางอ้อว่าเป็นใคร มิน่าละคุ้นๆตา…ไอ้หมอนี่ก็คือเพื่อนก๊วนเดียวกับแอลน่ะเอง ชื่อกอล์ฟ ผมเห็นเค้าสุงสิงกันอยู่บ่อยๆ…ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเถื่อนได้ถึงขนาดนี้

       “ผมขอโทษครับ…”

       “ขอโทษแล้วมันหายมั้ยล่ะ จ่ายมาเลยห้าร้อย”

       “หา!!!”

       งง งงเด่ครับ O[]O!!%@!!! อะไรว่ะ แค่เดินชนแค่นี้ ถึงกับต้องจ่ายเงินมันห้าร้อยบาทเชียวเหรอ

      “อะไรกัน ผมแค่เดินชนคุณ”

       “ก็นั่นแหละ ช่วยไม่ได้ อยากเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอง จ่ายมาซะดีๆ!”

       มันพูดเสียงดังข่มขู่ จนใครต่อใครหันมามอง ผมรีบส่ายหน้าจ้ำอ้าวหนี แต่มันก็ตามมายื้อผมไว้ แรงมหาศาลของมันกระชากผมเดินเข้าไปหลังร้าน

       “เฮ้ย! ปล่อย ปล่อยกูนะโว้ย!!!”

       ผมดิ้นไม่หลุดจากข้อมือแข็งๆของมัน ทำไงดี…ว่าแล้วก็กะจะเอามืออีกข้างนี้แหละต่อยมัน

       “อย่าคิดเชียว”

       เสียงของมันหยุดความคิดของผมลงทันที กอล์ฟมองมาด้วยสีหน้าขนลุก ผมจ้องตามันแทบไม่ไหว กลัวไอ้ความเถื่อนบ้าบิ่นของมันสุดๆ

       แถมหลังร้านยังมีพวกมีด กระทะ อีโต้…

       มันจะฆ่าผมมั้ยเนี้ย?

       “กูรู้จักมึงหรือเปล่า?”

       เฮ้อ!!! ไอ้เชรี่ย เพิ่งนึกหน้ากูออกเหรอ? ไอ้ควาย~~~

       “แดน เราชื่อแดนไง ที่แอลชอบมาขอยืมเล็คเชอร์ไปลอกบ่อยๆน่ะ”

       กอล์ฟค่อยๆคลายมือลง แต่ยังขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อ (ไอ้ห่ารู้ตัวช้าจังว่ะ = =”)

       “แดน…กูจำไม่ได้หรอก”

       โธ่ ไอ้บ้า!!!

       “เราขอโทษนายจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจเลย ขอโทษที่เดินชน นาย…เจ็บมากหรือเปล่า”

       ผมทำท่าจะเข้าไปดูแผล แต่กอล์ฟรีบปัดผมออก

       “เฮ้ย ไปๆๆๆ อย่ามายุ่ง”

       “นายอย่าเอาเงินเราเลยนะ…เรามีไม่ถึงหรอก”

       ผมอ้อนวอนมัน ความจริงก็มีเงินอยู่หรอก แต่ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยซักนิดที่ต้องจ่ายค่าสินไหมให้มันเป็นเงินตั้งห้าร้อยบาท <<<(=_=”)

       “…มึงอยู่ในซอยนี้เหรอ?”

       “อืม” เอ่อ…งง เปลี่ยนเรื่องคุยตั้งแต่เมื่อไร (-_-“)

       “ทำไมไม่ยักเห็น?”

       “เราก็ไม่เคยเห็นนายเหมือนกัน”

       มันหรี่ตาแคบลง…คิ้วดกหนาๆของมันหลิ่วตามลงไปด้วย

      “ก็ตอนนี้คนอื่นเค้าฝึกงาน กูเลยอยู่ช่วยร้าน…”

       “นายฝึกงานที่ร้านเหรอ”

       “เออดิ ไม่งั้นจะให้ไปทำงานที่ไหนล่ะ”

       มันยืนกอดอก ถือว่าเป็นคนตัวสูง แต่ไม่สูงมากครับ เท่าๆกันกับผมนี่แหละ ทว่าดูหนาบึกกว่ากันเยอะ มันยืนจ้องผมเงียบๆเหมือนยังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี TT^TT…บอกตามตรงว่าไม่อยากมีเรื่องกับมันจริงๆ น่ากลัวอ่ะ T_T

       “ทีหลังระวังไว้ด้วยแล้วกัน…คราวหน้ามึงจะไม่โชคดีแบบนี้อีก”

       ผมยิ้มแหย่ๆ มองหน้าหล่อๆของมัน…เอ่อ ความจริงก็แปลกนะที่มันดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ(สวนทางกับกิริยาของตะเอง) กอล์ฟดูโดดเด่นก็ตรงที่คิ้วหนาๆดกดำนี่แหละ ดวงตาตี๋ๆแต่เข้ากัน มันใส่เหล็กดัดฟันด้วย(= . + ไอ้ห่า~~~แอ๊บแบ๊วน่ารักขนาดนี้ทำไมถึงกระโชกโหกหากแบบนั้นวะ) แถมมันยังทำผมเสยตั้งๆขึ้นไปอีก ผิวก็ข๊าวขาว…สรุปแล้วเท่ห์อย่าบอกใคร

       หน้ามันน่ารักเหมือนลิงเฮ้งเจีย ผมแอบเรียกมันอยู่ในใจ...’ไอ้ลิงกัง’

       “โห ทำไมใจร้ายจังง่ะ~”

       มันถลึงตาใส่ พร้อมทั้งเลิกเสื้อขึ้น เผยให้เห็นผิวขาวๆที่บัดนี้แดงร้อน และก็กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งปั๋ง

       “แล้วเนี้ย เค้าเรียกว่าอะไรว่ะ? หา?!!!”

       ผมหัวเราะแฮะๆ แล้วรีบเดินออกมาจากหลังร้าน มันเดินตามมา…เสียวสันหลังยังไงชอบกล

       “ขอบใจนะ”

       “ไม่เป็นไร แต่มึงจำไว้นะ…ว่ามึงยังค้างเรื่องกับกูไว้อยู่”

       อ้าว? -v-

       นอกจากไอ้หมอนี่จะดิบ เถื่อน และขี้โมโหเอาแต่ใจแล้ว มันขี้จุ๊ยมากๆด้วย ดูจากท่าเก๊กหล่อของมัน ดวงตาที่หรี่ลงแล้วทำเหมือนจะยิ้มแย้มหัวเท่ห์ๆ… เหอะ ดูๆไปไอ้บ้านี่ก็ตลกดีเหมือนกัน

       ผมหัวเราะขำๆ มันคงไม่มีอะไรหรอกพอเอาเข้าจริง คงเป็นเพราะกอล์ฟต้องทำตัวเข้มแข็งเพื่อให้ร้านของครอบครัวขายอยู่ตรงนี้ได้รอดปลอดภัย

       “ขำอะไรว่ะ”

       “หะ? อ้อ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”

       เอ๊ะ แล้วผมตาฝาดรึเปล่าน๊อ…ไอ้กอล์ฟหน้าแดงเรื่อเชียะ >O<
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 13 ไม่สั้นไม่ยาว แต่...กำลังพอดีคับ (อย่าคิดลึก 55+)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 13-03-2008 14:45:26
บทที่ 15



       “ทำไรอยู่อ่ะ?”

      ไอ้แอลโผล่มาจากไหนไม่รู้ สะดุ่งโหยง...เชรี่ย ไอ้เวง มาไม่ให้สุ้มให้เสียง

       “เปล๊า!”

      แอลหรี่ตาจับผิด

       “แล้วแอบอะไรไว้ข้างหลัง?”

      “ไม่...ไม่มีอะไรนี่”

      ไอ้แอลวางแฟ้มเอกสารไว้ที่โต๊ะผม นั่งพิงขอบโต๊ะและพร้อมจะไล่เรียง

       “มีอะไรบอกมาดีๆ”

      โอย ไอ้บ้า!

      “อย่ายุ่งได้มั้ยเนี้ย”

      แอลถอนหายใจเสียงดัง เฮ้อ~~~แหม ทำเป็นคนแก่ไปได้ -_-

       “อย่าทำให้เกิดเรื่องอีกก็แล้วกัน”

      ฮื้อ?

      “หมาย...หมายความว่าไง?”

      “อ้าว ก็คราวก่อนมึงทิ้งระเบิดเวลาไว้ให้กูเฉยเลย คราวนี้ไม่ช่วยแล้วนะโว้ย!”

      ว่าแล้ว ร่างสูงของมันก็เดินส่ายหัวจากไป ฉับพลัน…ผมนึกอะไรอย่างหนึ่งออกขึ้นมา!

       “เฮ้ยแอล!”

      “อะไรเหรอ?”

      “เย็นนี้ว่างป่ะวะ?”

      “...คิดดูก่อนนะ เอ่อ คงว่างมั้ง”

      “ถ้างั้น” ผมยิ้มกริ่ม เห็นมันทำหน้าเหว๋อๆเลยรีบตัดบทก่อนไก่ตื่นเสียก่อน อิอิ ^_^ “เย็นนี้เจอกันที่ห้างxxx ห้าโมงครึ่งนะ โอเค?”

       มันงงๆ แต่ก็รับปาก…ฮึๆ มันคงไม่รู้หรอกว่าผมคิดอะไรอยู่

       ความจริง...เมื่อกี้ชิพแอบเอาตั๋วหนังมาวางไว้ที่โต๊ะ(คือ ผมไปเข้าห้องน้ำง่ะ -_-“) คงมาง้อผมด้วยวัตถุต่างๆที่มันสะดวกต่อการหามาเช่นเคย =_=”…555+ หารู้ไม่ว่าวันนี้นอกจากผมจะทำเสียแผนมันแล้ว ยังจะยั่วให้มันอกแตกตายอีกต่างหาก

       ฮิฮิ จะสนุกมากแค่ไหนกันนะ?



       หกโมงเย็น แอลก็เดินดูดน้ำปั่นกับผมอยู่ในห้างเย็นๆสบายอารมณ์ เราเดินเลือกซื้อของ(ของแอล)ระหว่างทางและรอเวลาจะขึ้นไปดูหนัง มันซื้อเสื้อแพงๆให้ผมตัวหนึ่งด้วย! โห ถูกใจสุดๆ (เลยแลกกับการเป็นเบ้ถือถุงพะรุงพะรังให้มัน)

       หน้าโรงหนังไม่มีวี่แววของร่างสูง...อืม สงสัยคงถอนใจหรือไม่ก็เข้าไปก่อนแล้วมั้ง กูไม่สนใจหรอก =_=*…

       “แอล มึงจะเข้าห้องน้ำเปล่า?”

       “เข้าดิๆ แมร่งแดกน้ำเข้าไปเป็นแก้ว”

       ว่าแล้วไอ้คนตัวสูงก็วิ่งปรู๊ดไปเข้าห้องน้ำ หนังเข้าสิบนาทีแล้ว(ผมไม่รีบเพราะเป็นพวกไม่ชอบดูหนังตัวอย่างอ่ะคับ) คือที่มันแถวเอประมาณตรงกลางๆ ตอนเข้าไปก็ผ่านหลายคนอยู่ ขอโทษๆเขาเป็นการใหญ่ จนกระทั่ง...

       แสงไฟจากหน้าจอส่องให้เห็นหน้าไอ้ชิพยิ้มบาง แววตามันฉายแววดีใจ เหมือนไม่เคยนึกมาก่อน...ผมแอบตกใจเล็กน้อย(-_-“)<<<หัวเข่าของผมชิดมันมากเกินไป เลยรีบเดินหนีมา

       “เดี๋ยวซิ~~~”

      จู่ๆมันก็ดึงตัวผมล้มลงมา เย้ย!!! ชิพกอดผม หน้ามันใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ไอ้เชรี่ย>>>ในโรงหนังมึงยังกล้าทำหื่นอีกเหรอว่ะเนี้ย???

      “ขอบคุณนะที่มา”

       เฮ้ย! หอมแก้มกรูทามม๊ายยยย

       ผมเอามือเช็ดๆออก ตัวมันหอมจัง...เฮ้ยๆๆ ไม่ได้ๆ อย่าไปยอมมันนะ!

      ว่าแล้วก็สะบัดตัวออก อยู่ในนี้มันด่าไอ้เจ้าของใบหน้ากวนตรีนนี่ไม่ด้ายอ่า T_T...แม้มันจะกระซิบกับผมแบบนั้น แต่ไม่มีวันหลงกลด้วยหรอกนะ +o+”

       ชิ! เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เบื่อมันเจงๆ

       ผมกระถดตัวไป ทำงอนๆเมินเชิดหน้าใส่มัน โดยนั่งห่างจากมันมาหนึ่งเก้าอี้ อิอิ...ชิพมันมองงงๆ

       “อ้าว?...”

       ไม่ต้องอธิบายเลยครับ ไอ้แอลเป็นรายต่อไปที่เดินเข้ามา ถือป๊อบคอร์นมาด้วย ว้าว! แอลชะงักเล็กน้อยเมื่อมองหน้าชิพกับผม...มันนั่งลงตรงกลางที่ว่างที่เหลือ ก้มหน้างุดเชียวขณะที่ผมหยิบข้าวโพดกินเอาๆสบายอารมณ์

       “ไอ้แดน! หมายความว่าไงฟ่ะ?”

      แอลกระซิบถามผมร้อนรน เหอะ ไม่เห็นต้องเดือนร้อนอะไรเลย แค่ผมซื้อตั๋วอีกที่หนึ่งข้างๆ เอาแอลมาดูด้วยเป็นไม้กันหมา แถมยังได้เล่นอะไรสนุกๆด้วยอีกต่างหาก...

       “เออ มึงนั่งไปเฉยๆเหอะ ไม่ต้องพูดอะไร”

      ผมวางมาดนิ่ง แล้วพยายามตั้งใจดูหนัง แต่ไอ้ห่า~~~หนังแมร่งโคตรเลี่ยนเลยว่ะ (o_O*)…นี่ไอ้ชิพกะจะให้ผมมาดูหนังรักโรแมนติกแบบนี้กับมันจริงๆเหรอเนี้ย!???

       ฮ้าว...ง่วงจัง เบื่อสุดๆอ่ะ...เฮ้อ

       ผมเอนหัวซบลงไปที่ไหล่แอล มันเกร็งตัวเล็กน้อย...จากที่นั่งสบายๆอยู่มันก็อึกๆอักๆขึ้นมา 555+ เดี๋ยวนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบแกล้งแอล เวลามันทำหน้าตาเขินอายแล้วดูน่ารักมากๆๆ >.<

       ผมรู้สึกได้ว่าแอลอึดอัด...และชิพกำลังจับตามองดูอยู่

       “ขอซบหน่อยไม่ได้เหรอไง? แค่นี้ทำงก รังเกียจเหรอ?”

      เวลาพูดกันในโรงหนัง แค่สองสามที่ถัดมามันต้องได้ยินอยู่แล้วใช่มั้ยคับ นั่นแหละ และผมจงใจให้ชิพได้ยินด้วย...แสงสว่างรำไรส่องมาทำให้ผมแอบเห็นแอลหน้าแดง ส่วนชิพ...นั่งหน้าตึงกัดกรามแน่นแบบไม่พอใจสุดๆ!

      555+!!!

       แต่มันทำสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มองมาทางผมสักแอะเดียว…นี่…นี่ผมอยากให้มันหึงอีกเหรอ?

       ไม่ใช่! มันคือความสะใจต่างหาก…

      “ฮื้อ? ทำไมใจเต้นแรงจัง”

      “เอ่อ แดน...”

      แอลพยายามแกะตัวผมออก แต่ไม่เอาง่ะ...ง่วงแล้วด้วย ผมเลยเปลี่ยนเป็นกอดมันไว้แน่น เอาเข้าจริงๆด้วยไออุ่นจากร่างกายของแอล...บวกกับความนุ่มสบายบนตัวมัน...ในที่สุดผมก็เลยหลับไปจริงๆอ่ะดิ =_=”…
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 13-03-2008 14:47:15

       “เฮ้ยๆ! ตื่นๆๆๆ”

      ไฟในโรงเปิดสว่าง อ้าว? นี่ผมหลับจนหนังจบไปเลยเหรอ???

       “จบแล้วเหรอ?”

      “เออดิ ห้าทุ่มกว่าแล้ว”

      แอลยืนเท้าสะเอวใส่ผม ที่นั่งข้างๆว่างเปล่า...

       “ชิพล่ะ...”

      “มันกลับไปแล้ว หน้าบูดเชียว”

      ผมยิ้มเยาะ แต่ไอ้แอลเสือกเห็น มันสวดผมใหญ่

       “มึงทำแบบนี้ทำไม? รู้มั้ยว่าชิพมันเสียความรู้สึกมากแค่ไหน แล้วกู...กูต้องมาเป็นเครื่องมือให้มึงใช้ทะเลาะกับแฟนมึงเอง กูเสียเพื่อนนะโว้ย!”

       “ไม่ใช่แฟน! กูไม่เคยมีแฟนชื่อชิพ!”

       จู่ๆเลือดมันก็ขึ้นหน้า ตวาดออกไป…แต่ดีที่แอลเป็นคนใจเย็น ไม่เหมือนชิพ (เออ นั่นดิ =_=”…) มันค่อยๆพูดกับผม

       “กูรู้ว่าอย่างน้อยมึงสองคนก็เคยมีอดีตร่วมกัน แล้วมึงคงกำลังคิดเล่นอะไรแผลงๆอยู่ ขอเตือนเลยนะ…มันไม่ใช่ผลดีหรอก”

      ไอ้แอลดูเหมือนจะอ่านเกมผมออก ช่างแมร่ง ฮ้าว…ง่วงโว้ย! -.-…งัวเงียลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจพลางขยี้ตา

       “แดน…ทำไมมึงต้องจงใจทำแบบนี้ด้วย?”

      ผมทำไม่รู้ร้อน แม้ว่าในใจจะมีแต่ภาพใบหน้าของชิพที่นั่งดูหนังไปอย่างไร้อารมณ์ วนเวียนจนผมแทบนึกอะไรอย่างอื่นไม่ออก

       “มันเสียความรู้สึกนะเว้ย~~~”

       ไอ้แอลนี่เป็นเอามากแฮะ -_-*

       “แล้วทีมันทำให้กูเสียความรู้สึกล่ะ เคยคิดบ้างมั้ย?”

      ไอ้แอลมองหน้าผมนิ่งๆ...ใจหนึ่งผมก็เจ็บปวดเหลือเกิน แต่ทำไงได้...ผมอยากให้ชิพเจ็บเหมือนที่โดนบ้าง...

       กริ๊งๆ!

       “ใครโทรฯมาว่ะ?”

      …อ้อ แม่โทรมาบอกว่าวันนี้ให้ผมข้างที่หอไอ้หวาน ไม่รู้เหมือนกันไหงวันดีคืนดีแม่ไล่ลูกตัวเองออกไปนอนนอกบ้าน แงะ” =_=

       “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

      “วันนี้กูต้องไปนอนหอไอ้หวาน...เออ! งั้นวันนี้กูไปนอนบ้านมึงแล้วกัน”

      “~เฮ้ย”

      ไอ้แอลร้องเสียงหลง 555+ หน้าตาเอ๋อฉิ*หาย แต่ทำไงได้ ผมไม่มีที่ไปจริงๆนี่ ^o^

      “ก็...ก็ได้ว่ะ”

      เย้! ไอ้แอลใจดีชะมัด พูดง่ายๆแบบนี้ซิค่อยดีหน่อย ฟู่ว!...



       บ้านของแอลเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่แถวย่านลาดพร้าว ที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง อยู่ลึกในซอย ซึ่งก็เต็มไปด้วยบ้านสวยๆหลังโตๆด้วยกันทั้งนั้น รู้สึกพี่สาวกับแม่มันออกไปงานเลี้ยง ส่วนพ่อทำงานยังไม่กลับ บ้านทั้งหลังจึงเงียบสงบตามประสาบ้านคนรวยทั่วไป คือดูร้างๆตายๆยังไงม่ะรุ (*-*)

       แอลเดินนำผมขึ้นไปที่ห้องของมัน

       “แล้ว...คืนนี้นอนไงเนี้ย?”

      ผมเหลือบไปเห็นโซฟาตัวใหญ่ นี่แหละเตียงสวรรค์คืนนี้

       “กูนอนตรงนั้นก็ได้ โซฟาอ่ะ”

      “งั้น เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนนะ”

      ร่างสูงเดินหายลับเข้าห้องน้ำ อืม ห้องนอนของมันใหญ่มากกกก!!! นี่ขนาดแค่ห้องนอนนะครับยังใหญ่กว่าชั้นล่างบ้านผมอีกอ่ะ โห แล้วยังโทรทัศน์เครื่องใหญ่ เครื่องเสียงครบชุด ผมแอบถือวิสาสะสำรวจดูแนวเพลงของมัน ฮั่นแน่ ชอบฟังเพลงฝรั่งซะด้วย ก็ทำนองร็อคๆ + อาร์&แอนน์บีเทือกนั้น

       แทบไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ที่ชั้นวางมีหนังสือเยอะมากกกก~~~แถมยังเป็นหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน ของต่างประเทศก็มี…แสดงว่ามันต้องเป็นคนฉลาดซ่อนรูปแน่ๆ

       แล้ว…โอ้โห! รูปนี้มันถ่ายกับใครเนี้ย...สวยจังเลย!

       “นั่น...แฟนกูเอง”

       อืมๆ…มีแฟนสวยนี่หว่า ไม่เห็นเอามาอวดบ้างเลย = =’

      แอลโผล่ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ของผม ตัวมันโตกว่าแล้วกรูจะไปใส่ได้ไงเนี้ย? (แต่ช่างเหอะ เรื่องมากไม่ได้อ่ะ T-T)

       อาบน้ำเสร็จ รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก และพร้อมจะนอนหลับสนิทแล้ว แต่พอออกมาจากห้องน้ำ

       “อ้าว ผ้าห่มกูล่ะ?”

      ผมมองหน้าแอล ซึ่งกำลังยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างเตียง ท่าทีแปลกๆ...

       “เอ่อ...กูจะบอกว่ามึงไม่ต้องนอนตรงโซฟาก็ได้ นอนบนเตียงนี่แหละ...”

      ฮื้อ? ทำไมจู่ๆมันเกิดบ้าเปลี่ยนใจขึ้นมาเนี้ย? แล้วอย่าบอกนะว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เพราะเขินผม…

       ไอ้ติงต๊องเอ้ย! เขินได้เขินดี เด๋วจับขายงานวัดซะเลย o_O*

       …แล้ว ไหนจะให้นอนเตียงเดียวกันอีก ได้ไงเล่า?!!! ไอ้บ้า! > _ <

       แอลหน้าแดง ยกมือเกาหัวปะหลกๆ ผมมองหน้ามันอึ้งๆ...แต่ถ้ามันจะให้ผมนอนเตียงเดียวกับมัน ก็ได้...ผมจะนอน

       เวลาเดินเสื้อยืดที่ผมใส่มันจะเลยน่อง คลุมต้นขาของผมไว้ ทำให้รู้สึกแปลกชะมัดเวลาต้องอยู่ในชุดแบบนี้...เหมือน...เหมือนผู้หญิง...

       แถมยังต้องนอนเตียงเดียวกับไอ้แอลอีก!

       ไม่ได้เกิดอารมณ์เสียวอะไรหรอกนะ -_-+ แต่คือว่ามันจั๊กกะเดี๋ยมยังไงม่ายรู้อ่ะ…

       “มะ...มึงนอนฝั่งนู่นนะ ดะ...เด๋วกูนอนฝั่งนี้”

      ผมล้มตัวลงนอน ห่มผ้า แอลปิดไฟ เพียงชั่วอึดใจห้องใหญ่ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืดสลัวและความเงียบชนิดแม้แต่เสียงแอร์ยังไม่ดังเล็ดลอด...เอ่อ มันแปลกๆที่ ผมเลยยังนอนไม่หลับในทันที

       แอลนอนตัวแข็งทื่อ...จากประสบการณ์บอกผมว่ามันกำลังเกร็ง 555+ แล้วมรึงชวนกรูขึ้นเตียงทำไม? (=_=”)

       “แอล?”

      ผมเรียกมัน แต่ไอ้ห่านี่เสือกแกล้งทำเป็นหลับ คิดเมินกรูเหรอ? ฮืม เดี๋ยวพ่อแกล้งซะให้เข็ดเลย

       ผมพลิกตัวไปหามัน ลืมตาเล็กน้อยเพื่อมองหน้ามัน อิอิ มันเม้มปากแน่นขมวดคิ้ว นี่เหรอคนนอนหลับ?

       “อืม…”

       ผมแกล้งทำเป็นละเมอวาดมือลงไปบนแผงอกของมัน ก่อนจะเอาตัวไปซบ...อืม ได้กลิ่นหอมๆของความสะอาดหลังการอาบน้ำโชยมา ใจมันเต้นแรงจัง...แกล้งแบบเนี้ยมันจะรู้สึกมั้ยเนี้ย?

        ผมเริ่มหนาว เลยเบียดตัวเข้าหาแอลจริงๆไม่ได้ตั้งใจ...อุ่นจัง

       เอ๊ะ! ทำไมแอลไม่ขัดขืนเลย?

      ...ฉับพลัน ผมสำนึกได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ แอลเป็นผู้ชาย เค้ามีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง สวย...น่ารัก...ผมไม่อยากทำให้แอลเปลี่ยนไปหรอกนะ และไม่มีวันด้วย

       แต่ไอ้การกระทำที่แสดงออกอยู่นี้ คือ ‘ยั่ว’ มันชัดๆ...

       ผมรีบผละตัวออก

       ช่วงเวลาที่หันข้างให้มัน...ผมทบทวน นี่ผมเป็นอะไรไป? ความต้องการแปลกๆนี้รบกวนความรู้สึกของผมมาตั้งแต่ตอนอยู่ในโรงหนังแล้ว…ปวดจี๊ดๆ หรือเป็นเพราะมันห่างมานานตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ผมใกล้ชิดกับใครสักคน...ร่างกายของผมเลยถามหาและทำตามความต้องการทางธรรมชาติแบบนั้น

       โอย…เลือดกำเดาจะไหล เอ๊ยไม่ใช่! น้ำตาจะไหล T-T

       ไม่น๊า~~~






       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-03-2008 15:18:01
แอลน่ารักเหมือนกันน่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 13-03-2008 15:31:55
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม แอลก็แปลกๆๆนะครับ

หรือมีใจให้กับแดนของเราอะ

ว่าแต่แดนยังไม่หายโกรธชิพอีกเหรอครับ

สงสารชิพและบอย และแอลด้วยอะ สงสารๆๆ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 13-03-2008 15:34:10
แอลน่ากิน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 13-03-2008 16:24:09
ค้าง ๆ คา ๆ อ่ะ


         มาต่อเร็ว ๆ นะค๊าบ เย็นนี้รออ่านอีกรอบ 



                กำลังหนุกๆ หรือง่า แดนจะเกิดชอบแอลขึ้นมาอ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 13-03-2008 17:11:15
แอลน่ารักจังเกร็งด้วย :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 13-03-2008 17:38:34
แอลน่ารักจังเลย อิอิ  :m1:

แดนคะ แอบแรสนะคะ มีอ่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 13-03-2008 17:55:48
สนุกมากๆคับ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 13-03-2008 22:10:43
ช๊อบบ ชอบบบบบ :oni2:

มาติดเรื่องนี้อีกคนแร้วววว

อ่านตั้งแต่บ่ายเพิ่งจบตอน4ทุ่ม

แดน สุ้ๆน๊ะ

ชิพอ่ะ สุดยอด เลวได้ใจมาก ถึงใจจิงๆ((พอดีชอบซาดิสต์555+))

ไหนจะมี บอย มี แอล มี กอล์ฟ สุดยอดดดดดดดดดดดดดด

แรงได้ใจ

มาต่อ อีกน๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 14-03-2008 00:12:47
เอ่อ ... แดนแรดว่ะตอนนี้ -*-


อ่านแล้วรู้สึกตะหงิดๆ .... เห็นพฤติกรรมของแดนในตอนนี้ ตอนที่ยั่วโมโหไอ้คุณชิพแล้วนึกถึงเพื่อนๆ ของผมในชีวิตจริงเลย ... (จริงๆ แล้วหลายๆ คนก็มีพฤติกรรมแบบนี้ ไอ้พวกที่ยั่วโมโหให้สะใจเนี่ย) แต่ถามหน่อย ทำอะไรประชดๆ ไปแล้วได้อะไรดีๆ ขึ้นมามั้ย ? ถ้าเค้าโกรธแล้วเรารู้สึกดีจริงๆ รึ ? ... ก็เปล่า ก็เพราะว่ายังรักเค้าอยู่ แต่ถ้าวันนึงเค้าเบื่อเค้าหน่าย หรือยอมแพ้ แล้วทิ้งเราไปจริงๆ  คนที่จะมานั่งร้องไห้ ตีโพยตีพายโวยวายไม่ยอมรับความจริง ก็จะเป็นตัวเองอีกนั่นล่ะนะ ... แล้วทีนี้จะสมน้ำหน้าใครดีล่ะ ?

เพราะฉะนั้น มันสรุปได้ว่า เรื่องของความรัก อย่าทำอะไรประชดกัน ถ้ารู้สึกอะไร คิดอะไร ก็ให้เคลียร์ ต้องการอะไรก็บอก และทำสิ่งที่ต้องการให้มันเกิดขึ้น ฟันฝ่ามันไป  ... อย่างคุณชายแดนที่รักเจ้าชิพแต่ถ้ามัวแต่อมพะนำเอาไว้ แล้วก็ทำประชดต่อไป แทนที่จะเอาให้มันเคลียร์ๆ ไปเลย สุดท้ายทุกอย่างมันจะพัง แล้วก็จะกลายเป็นแดนที่จะมานั่งสมเพชตัวเองในภายหลัง ....


ปล. อ่านซีนนี้แล้วอินไปหน่อย เพราะว่ามันเคยเห็นพฤติกรรมแบบนี้มาแล้วจริงๆ ... พอมาอ่านเรื่องนี้เลยเป็นการดึงความทรงจำกลับมา ^___^

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 14-03-2008 09:51:45
สนุกอ่ะ แต่ค้างคาอย่างแรง o7
มาต่อไวๆนะจ้ะ :oni3:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 14-03-2008 11:30:46
คาใจอย่างแรง :serius2: ตอนต่อไปอย่าปล่อยให้นานเกินรอนะคร๊าบบบ :a11:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 14+15 ยาวสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 14-03-2008 16:13:06

บทที่ 16



       วันเสาร์ โทรศัพท์จากพี่แหม่มโทรมาปลุกผมแต่เช้า แกบอกว่าให้เข้ามาช่วยงานด่วน แถมยังตามตัวทุกๆคนอีก ผมเลยจำใจต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเนือยๆ เมื่อคืนเล่นเกมส์หนักไปหน่อย รู้งี้เก็บแรงไว้แต่เนินๆซะดีกว่า…+_=”

      “แอล มารับกูหน่อยได้ป่ะ ขึ้นรถเมล์ไม่ทันแล้ว”

       ผมกลัวไปทำงานสายแล้วจะโดนว่าเอา เลยโทรฯไปเรียกแอลให้มารับแม้ว่าจะต้องทำใจปั้นหน้าเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม(เฮ้อ...ฟู่ว! =_+”) รอไม่นานไอ้แอลก็มาถึง ดูสีหน้ามันก็ง่วงๆเหมือนกัน

       “เมื่อคืนทำอะไรอ่ะ?”

       มันทำเป็นไม่ได้ยิน

       “นี่อย่าบอกนะ...ว่า?”

       “เออๆ เลิกพูดเหอะน่า!”

       สงสัยเมื่อคืนไอ้หมอนี่เอาผู้หญิงไปค้างแน่เลย อิอิ โหเพื่อน ถ้าอิดโรยขนาดนั้นก็ปฏิเสธพี่แหม่มไปก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากถ่อสังขารมาเลย >.<

       “ใครอ่ะ? กูรูจักป่ะ”

       แอลหน้าแดง ส่ายหน้าเขินๆ วุ๊ย! คนบ้าอะไรเขินได้เขินดี

       “อายทำไมว้า…เพื่อนๆกัน กูไม่ถือหรอก”

       “แต่มึงไม่ได้ชอบผู้หญิงนี่หว่า”

       ไอ้แอลยิ้มๆ…แต่พอเห็นสีหน้าของผม มันก็เงียบไป…ผมพูดไม่ออก ความเงียบเข้ามาแทนที่

       “เอ่อ…กูขอโทษ”

      “ไม่เป็นไรหรอก”

       ไอ้แอลรีบเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เสือกมีแต่ข่าว…(ก็นี่มันตอนเช้านี่ฟ่า~~~) ผมเองไม่ชอบฟังข่าวตอนเช้าๆเพราะจะเครียด เลยทอดสายตามองออกไปข้างนอกแทน

       “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

       จะมีอะไร? ทำไมหมู่นี้ทุกคนชอบถามแบบนี้จัง

       “ไม่มีอะไรนี่” ผมตอบมันอย่างไม่รู้จริงๆ

       “แล้วเรื่องชิพล่ะ…มึงว่าไง คุยกันหรือยัง”

      ผมส่ายหน้า      

      แอลถอนหายใจ “เฮ้อ อย่าหาว่าเสือกเลย…กูว่ามึงควรจะให้โอกาสไอ้ชิพบ้างนะ?”

      ผมกัดกรามแน่น…ไอ้ชิพกล้าดียังไงเอาเรื่องของเราไปบอกคนอื่นให้มาล๊อบบี้ผม โอย!!! อยากบีบคอมันให้ตายไปเลย

       “อย่าไปโกรธชิพเลย มันเอาเรื่องของมึงมาปรึกษากู…ขอให้กูช่วยพูดให้เท่านั้นแหละ”

      นั่นแหละ!!! แต่กรูไม่ฟังหรอก นั่งเงียบๆวางท่าให้มันรู้(ซะบ้าง)ว่าผมไม่พอใจ

       “แต่แดน…มึงฟังมันอธิบายหน่อยเถอะนะ พูดจากันให้รู้เรื่อง…กูไม่อยากเห็นมึงสองคนทะเลาะกันอีกแล้ว”

       “นี่มึงรู้เรื่องมากแค่ไหนเนี้ย?” อย่าบอกนะ ว่าไอ้ชิพปากมากขนาดบอกเรื่องเมื่อห้าปีก่อนจนหมดจด =_+*

       “…ก็ แค่รู้ว่ามึงสองคนเคยเป็นแฟนกัน แค่นี้แหละ”

       แฟน?...แฟนข้ามคืนล่ะซิไม่ว่า!

       แอลเห็นผมโกรธมาก มันเลยพยายามปลอบผมด้วยน้ำเสียงเย็นๆ อ่อนๆ แต่หารู้ไม่ว่าผมโกรธเพื่อนมันมากกว่าเดิมซะอีก (แง่ง!~~>^<)

       “กูรู้จักกับชิพตั้งแต่ตอนเรียนอยู่เมืองนอก…อยู่ที่นู่นมันไม่เคยสนใครเลย ไม่เคยออกไปไหน ไม่เคยเปิดรับใคร มันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่มีแฟน แต่ไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นเกย์…แต่กูเคยถามมันก็บอกว่ามันยังลืมใครบางคนไม่ได้…”

      ใครกัน?...ใครกันที่มันลืมไม่ได้

       ตรงข้ามกับผมซะอีก ผมพยายามลืมมันให้ได้ต่างหาก

       “กูว่าอย่างน้อยชิพก็เป็นคนไม่โกหก มันเป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว…ฟังเหตุผลมันหน่อย อย่าให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้เลย”

       ผมนั่งนิ่ง ไตร่ตรองว่าจะใจอ่อนดีหรือเปล่า…

      เพราะเท่าที่แอลพูดมา มันก็…อยากจะเชื่ออยู่เหมือนกัน

       ไม่ๆ! มันอาจจะให้แอลมาพูดให้ดูดีมากเท่าไรก็ได้ ถ้าไม่ได้พิสูจน์เองผมไม่มีวันเชื่อมันหรอก

      “มันบอกว่าย่าของมันบังคับให้มันไปเรียนเมืองนอก…โกหก มันเรียนจนจบม.สี่ที่นี่แล้ว ไปต่อเมืองนอกเพื่ออะไร?”

       แอลเองก็หาคำตอบให้ผมไม่ได้ นั่นแหละ…แล้วผมจะเชื่อมันทำไม

       “…กูไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แต่ขอบอกไว้อย่างหนึ่ง…ผู้หญิงอย่างคุณย่าชิพน่ะ ไม่ได้เป็นย่าที่รักหลาน ใจดี ชนิดที่ว่าตามใจไปซะทุกเรื่องหรอกนะ”

       ผมมองหน้ามัน…’คุณย่า’ ของชิพใจร้ายปานนั้นเชียวเหรอ?

      “โอเคๆ ในแง่ของวัตถุน่ะไม่ใช่ แต่แลกกับการเป็นเจ้าชีวิต คอยบงการชีวิตไอ้ชิพทุกอย่าง…เชื่อซิ มึงกับกูต้องภาวนาไม่อยากมีย่าแบบนั้นแน่ๆ”

       ไอ้แอลพยักหน้า แววตาของมันยังคงปรากฏความยำเกรงเมื่อเอ่ยถึง ’คุณย่า’ ของชิพ…



       


       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 14-03-2008 17:01:47
โหย มาต่อให้อยากแล้วจากไป

หุหุหุ

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 14-03-2008 17:06:24
ทำไมคุณย่าโหดจะมีฉากคุณย่าบ้างไหมครับ :a1: :a1: :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 14-03-2008 17:07:35
ต่ออีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 14-03-2008 17:10:20
 :a4: :a4: :a4: :a4: :a4: :a4: :a4:
 :a4: :a4: :a4: :a4: :a4: :a4: :a4:
 :a4: :a4: :a4: :a4: :a4: :a4: :a4:

   แดนจาใจอ่อนใหม่นี่

    มาต่อไวๆ นะค๊าบ  กำลังหนุกๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 14-03-2008 17:13:10
 o7

ประมาณว่าอึดอัดยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-03-2008 18:33:35
เมื่อไหร่จะคืนดีกันค้า  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 14-03-2008 18:45:57
คุณย่าใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เเน่เลย

 :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 14-03-2008 19:50:31
มาสั้นๆ ให้ค้างอีกแล้ว  :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 14-03-2008 20:55:38
อย่าเพิ่งไปยอมมัน  เหตุผลยังฟังไม่ขึ้นอยู่ดี  :o :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 14-03-2008 21:15:10
โอ๋ๆ เอามาเพิ่มให้อีกตอนนะครับ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นไรอ่ะคับ เบลอๆ นึกว่าลงสองตอนควบกันแล้วซะอีก(เพราะตอนนี้ตอนเดียวสั้นจริงๆ =_=")

ตอนนี้แต่งภาคสองใกล้จบแล้ว เนี้ยเพิ่งจะสรุปไป เเต่งไปก็ร้องไห้ไป(อินเอง) อ่ะคับ T_T แต่รับรองว่าน่าติดตามแน่ๆ

สำหรับฉากคุณย่า มีแน่นอนนะครับ เนี้ยเพิ่งเขียนไปตะกี้เอง! แต่ผมไม่ขอเขียนมาก เพราะไม่ถนัดแนว...ลบหลู่คนแก่ ทว่าไม่ว่าจะยังไง ภาคนี้จะเป็นอีกภาคหนึ่งที่จบลงสมบรูณ์แบบเช่นเคย ฉะนั้นไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะคลี่คลายลงแน่นอนคับ

ใจเย็นๆกันนะคับท่านผู้อ่าน ส่วนตอนนี้ขอกำลังใจเป็นรีเช่นเดิม อิอิ รักคนอ่านทุกคนน๊า~~~ :oni3:


บทที่ 17 



       “แกเชื่อหรือเปล่า ว่าเมื่อวานพี่แหวนที่ดูแลเรื่องส่งงบการเงินน่ะ โดนพี่โศด่าเช็ดเลยแก~~~”

      เอาอีกแล้ว ทำไมนะ ไอ้การนินทาเรื่องชาวบ้านนี่มันกลายเป็นสันดานของคนทำงานออฟฟิศไปแล้วเหรอ?

       พวกเพื่อนของผมมันชอบมานั่งจับกลุ่มกันภายในห้องครัวเล็กๆนี้แหละ ทุกเที่ยงเลยคับ(=_=”)///// นำโดยพวกนังไก่ ไอ้หนวด นังกิ๊บซี่นี่แหละ ไม่รู้สมองพวกมันทำด้วยอะไร ช่างสรรหาหัวข้อให้มาพูดกันได้ทุกวี่วันไม่รู้จักเบื่อ

       หมู่นี้ผมสังเกตเห็นไอ้หวานเงียบๆไป ขอบตาก็ช้ำๆเหมือนคนอดนอน สงสัยมันมีปัญหาเรื่องความรักกับเค้าบ้างมั้ง

       “หวาน เอ็งเป็นอะไรว่ะ?”

       ผมหาโอกาสพูดกับหวานเบาๆตอนที่ทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว เห็นมันนั่งเศร้าแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ หวานเป็นเพื่อนสนิทของผม เวลาที่ผมอ่อนแอมันก็จะดูแลผม เวลาที่มันอ่อนแอผมก็จะดูแลมัน

       “ไม่เป็นไรหรอก…”

      “อือ อย่าโกหกหน่อยเลย เป็นแบบเนี้ย…ต้องเรื่องความรักแน่นอนเลยใช่มั้ย?”

       มันส่ายหัวจนเส้นผมไหวไปมา ไอ้หวานมีแฟนเป็นลูกคุณหนูไฮโซอยู่คน ชื่อน้องกุ้ง เธอสวยหวาน เรียบร้อย น่ารัก ร่ำรวยมาก เป็นลูกคนเดียวของเสี่ยเจ้าของโรงงานหลายแห่ง แต่ก็นั่นแหละ…ไม่มีใครรู้หรอกว่าน้องกุ้งมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกัน

       “ทะเลาะอะไรกันมาอีกล่ะ…”

       “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”

       “ยังไงๆก็…ค่อยๆพูดกันนะเว้ย”

       “แดน…ถ้ากูกับน้องเค้าต้องเลิกกัน…”

       ผมหย่อนกายลงข้างๆมัน ตบบ่าเบาๆ “พยายามเข้าซิหวาน ความรักน่ะ มาพร้อมกับอุปสรรค์และบททดสอบมากมายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

       ไอ้หวานพยักหน้า ค่อยๆหันมาทางผมยิ้มๆ แต่กระนั้นดวงตาของมันก็ยังมีเรื่องทุกข์ใจแฝงไว้อยู่ดี

       “ขอบคุณนะแดน…แล้วมึงล่ะ เรื่องของมึงกับบอยไปถึงไหนแล้ว”

       เฮ้ย เฉมาเรื่องของกรูตั้งกะเมื่อไร่ว่ะ???

       “เอ่อ…ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาว่ะ”

       ผมตอบๆมันไปแบบผู้รู้ล่ะเกิน = =” ที่ไหนได้ ผมกับบอยเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน เมื่อวานบอยยังโทรฯหาผมให้ไปเยี่ยมเขาที่คลินิกบ้าง เพราะหมู่นี้ผมไม่ค่อยว่างเลย นอกจากนั้นบอยยังเสนอเลี้ยงข้าวกลางวันฟรีๆให้ผมด้วย  ^_^

       “มันมีลูกหมาที่ฝากเลี้ยงไว้อยู่ กูอยากเอากล้องไปถ่ายเก็บไว้ดู บอยมันจะอนุญาตให้กูเล่นด้วยไง เลยจะไป-“

       “คุณบอยเค้ามีคลินิกส่วนตัวด้วยเหรอ?”

       จู่ๆ เสียงเข้มห้วนของไอ้ชิพก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งโหย่ง! ไอ้หวานทำหน้าขำก่อนจะรีบกุลีกุจอหนีออกไปจากห้อง…

       ผมค่อยๆหันไปหาชิพ บังเอิญนั่งหันหลังให้ประตูด้วย แต่ไอ้หวานก็ไม่ตื่นเล๊ยว่าใครกำลังจะมา ทั้งๆที่ประตูก็เป็นกระจก ไอ้เพื่อนทรยศศศศ+++!!!

      “เข้ามาทำไม…”

      ผมพยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น คิดว่าถ้ามันไม่พูดถึงเรื่องวันที่ไปดูหนัง…ผมก็จะทำเป็นลืมๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะ ทว่าถ้ามันเกิดอยากเอาคืนขึ้นมาล่ะ? งานนี้กรูก็ซวยอ่ะจิ T_T


       “นี่มันห้องครัว ทำไมกูจะเข้ามาไม่ได้”

      ไอ้ชิพเดินเข้ามา ล็อคประตู เหลือแต่ผมกับมันสองต่อสองเท่านั้น

       “เผอิญได้ยิน กูสงสัย…ไม่ได้มาแอบฟังหรอกนะ สรุปแล้วนายบอยนี่ก็ร่ำรวยน่าดูล่ะซิ รวยมากมั้ยล่ะ?”

       กวนส้นตรีน~~~ผมทำท่าจะลุกหนี

       “เดี๋ยวซี” มันจับแขนผมเอาไว้ แล้วส่งให้นั่งลงตามเดิม

       “เจ็บนะเฟ้ย!” ผมสะบัดออก แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี “ถ้าจะมาหาเรื่องเมื่อวันก่อนล่ะก็ รีบๆหน่อย…แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวล่ะก็ อย่าเสียเวลาประชดประชันซะให้ยาก”

      “ก็มันจริงมั้ยล่ะ!”

       เย้ย! ไอ้ชิพโฉบหน้าเข้ามา ใกล้นิดเดียว!!! ผมตกใจจนเผลอถอนหายใจแรงอย่างงงๆ(เอ๋อชะมัดเลยตรู -_-“)

       “กูไม่ได้จะมาหาเรื่อง…”

       แต่มันโกหก ดูก็รู้ว่ามันโกหก…ผมรู้จักมันดีซะยิ่งกว่าอะไร ถ้ามันไม่ได้ตั้งใจมาแอบฟัง คงไม่โกรธจนต้องกำมือแน่นแบบนี้ (+_+)

       …’อยากเอาคืนก็บอกมา แต่กูไม่มีอะไรจะให้มึงหรอก’…

       ผมทบทวนเรื่องที่แอลพูดกับผมเมื่อวันก่อน หากเป็นอย่างนั้นจริง…ผมสมควรต้องใจอ่อนมั้ยนะ? ชิพคงน่าสงสารมากที่มีย่าใจยักษ์ชอบบังคับคนอื่นแบบนั้น…ดูจากสีหน้าแข็งกร้าวของมันแล้ว แววตาอ้อนวอนตัดพ้อที่มันใช้ทอดมองผมมาตลอดนับแต่เราพบกันอีกครั้ง…ชิพดูเหนื่อยล้า และน่าสงสาร แต่ผม…

       นี่ผมกำลังใจอ่อนเพื่อมันเหรอเนี้ย?

       เจ็บ…ทำไมนะ ถึงได้เจ็บแบบนี้?...

       …ชิพเคยบอกว่ามันรักย่ามันจะตายไป ย่าของมันต้องไม่ทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นแน่

       “มีเรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้?”

      ผมปรับน้ำเสียงกลับไปเป็นเหมือนเดิม เย็นชาและไม่ใยดี…

       “มึงมีความสุขดีกับบอยใช่มั้ย?”

       “….ใช่”

       “ก็ดีแล้ว”

       เราจ้องมองกัน คิ้วของชิพขมวดขึ้น แลดูเจ็บปวดเหมือนมีคนทำร้ายมัน…ที่หัวใจ

       ไม่ต้องสงสัย ผมนี่แหละจะทำให้มันรู้สึกอย่างที่เคยรู้สึกเอง

       “แดน…มึงเชื่อกูหรือเปล่า?”

       “ไม่รู้นะ…ไม่รู้ซิ”

      ทำกวนโอยใส่มัน จะเป็นอันตราย’เปล่าว่ะ?

      “แอลเล่าให้มึงฟังแล้วใช่มั้ย?”

      “อ้อ ใช่ เล่าแล้ว…มันเล่าเรื่องโกหกทั้งหมดแล้ว ทำไมว่ะชิพ เรื่องน่าอายพรรค์นั้นทำไมต้องแจ้นไปบอกคนอื่นด้วย”

       ผมชักฉุน กลายเป็นว่าต่อไปนี้แอลต้องมารับรู้เรื่องความรักเหี้ยๆระหว่างผมกับชิพด้วยใช่ม่ะ

      “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ผมขอตัวก่อนนะครับคุณชิพ”

       “เดี๋ยวซิ มึงยังค้างกูอยู่นะ”

      หา? ค้างอะไรว่ะ กรูไปติดหนี้อะไรมึงไว้แต่ชาติปางไหนกัน?

      “อย่าทำงง…มึงแกล้งกูวันก่อน คราวนี้มึงต้องไปให้ได้ คนเดียว”

      งง อะไรว่ะ? จู่ๆก็มาพูดมัดมือชกแบบเนี้ย ได้ที่ไหนกัน ย๊ากส์~~~!!!

      “ไม่ไป! กูจะไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้นแหละ”

       เชี้ย~~~!!! ไม่ได้ดั่งใจเลย โมโหชะมัด ไอ้…ไอ้บ้า! ไอ้จอมเผด็จการ วู้ย! ไม่อยู่ฟังมันพูดจาไร้สาระและ หนีดีกว่า

       กำลังจะลุกขึ้นจริงๆ(<<<แล้วคราวเนี้ย) แต่มันกระชากแขนผมจนเก้าอี้ล้มเสียงดัง

       “กูถามว่าเข้าใจมั้ย!”

       เกลียดโคตรเวลามีคนมาบังคับแบบเนี้ย TT_TT

       “ไอ้บ้า! มีสิทธิอะไรมาสั่งกูว่ะ?!”

      “ก็มีสิทธิ…กูเป็นว่าที่เจ้านายในอนาคตของมึงไง”

       555+ ผมหัวเราะใส่หน้ามัน(เป็นการเสี่ยงอันตรายมากนะคับ -_-“/) “จริงเหรอ งั้นเดี๋ยวกูลาออกก็ได้!”

       คำพูดของผมขาดหายไป   ริมฝีปากร้อนๆของมันโฉบเข้ามาครอบครองผม…อืม ดวงตาของผมมองเห็นแต่แสงสีขาววูบวาบเต็มไปหมด แล้วร่างทั้งร่างก็ต้องตกไปอยู่ในอ้อมแขนของมัน ถูกมันกอดไว้แบบนี้ ทำให้รู้สึกแพ้หมดท่า…เพียงแค่ชิพจูบผม เพียงเท่านี้เองน่ะเหรอ?

       ความมั่นใจในการควบคุมตัวเองที่ผมมีอยู่พลันสูญสลายไปตรงหน้า บทพิสูจน์ที่ว่าทำไมผมถึงยังลืมชิพไม่ได้สักที นั่นคือรสจูบที่ฝังแน่นอยู่ในหัวผม…อ้อมแขนแข็งแรง จังหวะการเต้นของหัวใจ ไออุ่น กลิ่นกาย ลมหายใจร้อนๆ…

       ปลายลิ้นนุ่มสอดแทรกเข้ามา แปลกใจที่ว่าวินาทีนั้นผมกลับตอบรับมันและพลอยเล่น ‘ลิ้น’ ไปกับมันด้วย…อืม รู้สึกดีชะมัด ภาพร่างของเราสองคนเปลือยเปล่ากอดก่ายกันแว๊บเข้ามาในสมอง เฮ้ย! นี่กูกำลังทำอะไรอยู่เนี้ย?!

       “แดน…อย่าเพิ่งหนีจากไปตอนนี้นะ อย่าเพิ่ง…”

       ผมผลักมันออก ถลาไปที่ประตูแล้วรีบเดินออกไป ก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อคประตู วักน้ำเย็นๆลูบหน้าให้อารมณ์ค้างๆเหล่านั้นดับวูบลง…มองตัวเองในกระจก…ริมฝีปากเจ่อแดงของตัวเองนี้คงฟ้องชัดเจนว่าผมไปทำอะไรมา ทางที่ดีอยู่ในนี้ต่ออีกสักพักดีกว่า ให้แน่ใจด้วยว่าไอ้บ้านั่นจะกลับขึ้นไปที่ทำงานของมัน…

       จับอกตัวเอง ใจยังสั่น เต้นรัวแรงเหมือนไปวิ่งออกกำลังกายมาอยู่เลย

       นี่ใช่มั้ย ที่เขาเรียกว่า…

       ความหลังฝังใจ    



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 14-03-2008 22:18:11
ฟังเขามั่งก็ดีน่ะ

ระวังจะต้องมาเสียใจมากกว่าเดิมทีหลัง

 :a5:   :a5:   :a5:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 14-03-2008 22:55:31
เอ้าฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววว


ใกล้จบแล้วใช่ป่าว ? ดีแล้วล่ะ รู้สึกว่าภาคนี้ไปๆ มาๆ ท้ายๆ มันอืดแล้วน่ะ ... มันเดินเรื่องแบบเป็นเส้นตรงไม่มีมุมหักอะไรเลย คุณแดนก็งอนเข้าไป คุณชิพก็พยายามทำให้เคลียร์ ... มันซ้ำๆ ซีนนี้มาสองสามตอนแล้ว

/me รออ่านภาคใหม่อย่างใจจดใจจ่อ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 15-03-2008 00:04:51
เข้ามารอครับผม..รีบมาอัพอีกนะครับลุ้นจนตัวงอแล้น :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 15-03-2008 04:05:21
เข้ามารอความจริงเลยอิๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-03-2008 04:59:05
สงสารชิพ ตะหงิดๆ o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 15-03-2008 08:25:17
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด


ชักเริ่มเกลียดแดนแล้วดิ

อิอิอิอิอิ

แต่คิดถึงพี่มาร์คอะ อัพข่าวคราวพี่มาร์คหน่อยดิ

รักมาร์คเหมือนเดิม ขอบคุณล่วงหน้า  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 15-03-2008 09:32:03
ผมว่าไม่ยืดเยื้อไปหรอกครับ ชิพตามตื้อแดนแค่นิดหน่อยแค่ 2 ตอนเอง

ซึ่งเป็นรื่่องค่อนข้างปกติ คนที่ทำให้เจ็บช้ำมาตลอดอยู่ๆ  มาง้อจะให้คืนดีง่าย ๆ ได้ไง

เขาเรียกแค้นฟังหุ่น หุหุ

แต่คิดว่า ผู้แต่งคงเตรียมเรื่องหักมุมไว้เยอะแหละ

เป็นกำลังใจให้ครับ ยังสนุกอยู่ครับ  :oni2: :m1:

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 15-03-2008 11:35:58
 :m1: มารออ่านตอนต่อไปครับ
อยากรู้ว่าคราวนี้ชิพจะง้อแดนอย่างไร
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 15-03-2008 14:23:40
สนุกดีนะคับเรื่องนี้ แต่เพิ่งเริ่มอ่านได้ถึงแค่หน้า8 ไม่ไหวแระคับ  :a4:

เด๋วเข้ามาอ่านใหม่ o2 o2 o2  
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 17 มาอัพให้อีกและ เบลอๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 15-03-2008 15:08:13
ขอบคุณทุกๆรีเลยนะครับ ที่คอยเป็นกำลังใจให้ผมเสมอมา และยินดีนะครับ รับฟังทุกคำวิจารณ์ ถ้าอันไหนผมชี้แจงได้ก็จะพยายามทำนะครับ :a11:

ตอนท้ายก็หักมุมเช่นเคย แต่ไม่รู้ภาคนี้จะมีคนเดากันถูกหรือเปล่า 555+ ต้องติดตามคับ :a5: :a5: :a5:

อีกสามตอนนับจากนี้จะเป็นการเริ่มต้นจุดไคลแม็กซ์แล้ว!!! (หรือเปล่า?) ต้องติดตามนะคร้าบ!~~~~


บทที่ 18



       “แม่ พรุ่งนี้เราต้องไปเบิกเงินมาจากธนาคาร แม่จะให้ผมไปหรือเปล่า?”

       ผมตะโกนถามแม่ที่กำลังทำมื้อเย็นอยู่หลังบ้าน ส่วนตัวเองช่วยแกม้วนกระดาษสำหรับประดิษฐ์ตุ๊กตาอยู่ เห็นมันว่างๆและเย็นนี้กลับบ้านเร็ว จู่ๆนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเงินที่พ่อโอนมาให้ประจำเดือน ก็เลยพูดขึ้นมา

       “แดนไปหน่อยได้มั้ย งานแม่ต้องส่งเค้าพรุ่งนี้แล้ว”

       ว่าแล้วก็เดินไปหยิบสมุดบัญชีออกมาเตรียม อ๊ะ…ทำไม ทำไมเงินในบัญชีมันถึง…

       “แดน!…”

       แม่ยืนอยู่ตรงประตูหลังบ้าน ยืนมองผมเหมือนเพิ่งโดนจับผิดได้…

       นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

       “แม่ ทำไมเงินถึงเหลือแค่นี้ล่ะ?...”

      “เอามานี่”

       แม่ของผมเดินเข้ามาแย่งสมุดบัญชีไปจากมือ เก็บใส่ลิ้นชักที่เดิม ทำไมแม่ถึงเหงื่อออกแบบนี้ ท่าทีลุกลี้ลุกลน…นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

       “แม่ ทำไมเงินในบัญชีของเราถึงเหลือน้อยแบบนั้น”

      แม่รีบเดินหนี

       “แม่ ได้ยินแดนรึเปล่า แม่บอกมาซิ แม่! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?”

      “แม่ไม่รู้!”

       ผมผงะ…แม่หันมาตะคอกผม อะไรกัน…แม่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผมมาก่อนเลยนี่นา

       “แม่…แม่กำลังร้องไห้เหรอ…”

       มันไม่ใช่คำถาม…มันคือความจริง ใบหน้าของแม่ที่ชื้นเหงื่อ ผมปรกหน้าดูไม่เรียบร้อย ตาแดงลึกโหย…แม่เป็นอะไร?

       แม่ค่อยๆเปลี่ยนจากอารมณ์เกรี้ยวกราด เป็นสะอึกอะอื้น ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบมันมึนเบลอไปหมด…หูอื้อ งง นัยน์ตาสีแดงก่ำของแม่ ภาพของแม่ที่เอามือปิดหน้าร้องไห้ ทรุดลงไปกองกับพื้นยังจำฝังตามาจนถึงทุกวันนี้

       “แม่…แม่ไม่รู้จะทำไงต่อไปอีกแล้วลูก…แม่เหนื่อยเหลือเกิน”

       ผมเห็นน้ำตาของแม่ พลันทำให้ตัวเองร้องไห้ไปด้วย ผมกอดแม่เอาไว้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

       “แม่ ทำไมเราถึงเหลือเงินเท่านี้…พ่อไม่ได้ส่งเงินมาเหรอ”

       “ไม่…พ่อไม่ได้ส่งเงินมาลูก พ่อ…ไม่ค่อยมีเงิน”

       หา? เป็นไปไม่ได้ พ่อเนี้ยนะไม่มีเงิน…แล้วเงินที่พ่อเคยส่งมาทุกๆเดือนล่ะ พ่อเอาไปทำอะไรหมด?

       “ทำไมละแม่ พ่อเอาเงินไปทำอะไรหมด”

       “แม่ไม่รู้ แดน…แดนอย่าโกรธพ่อเลยนะ นะลูก…มันบาป”

      ผมกำมือแน่น สงสารแม่จับใจ…ภาพแม่ที่โทรมลงจนน่าใจหาย กำลังร้องไห้อยู่ตรงพื้นด้วยความสิ้นหวัง…มันตำตาผม จนเบ้าตาที่แสบไปด้วยน้ำตาร้อนผะผ่าวไปหมด…ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้ พ่อทำกับแม่ กับผม…ได้ลงคอแบบนี้ได้ยังไง

       พ่อไม่เคยสนใจเราสองแม่ลูกเลย เป็นแบบนี้ตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา พ่อจะรู้มั้ยว่าเราเหนื่อยและท้อแท้มากแค่ไหน…พ่อทำเป็นแต่สิ่งที่เค้าถนัดนั่นก็คือการละเลยความรับผิดชอบของพวกเราไป…

      ผมโกรธเขามาก…ทำไม? ทำไมพ่อของผมถึงไม่เป็นพ่อที่ดีเหมือนของคนอื่น…

       “ไม่เป็นไรนะครับแม่ แดนจะช่วยแม่ทำงานเอง…เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้”

      เราสองแม่ลูกกอดกันแน่น…เป็นความจริงที่ชนกระแทกผมจนสมองไม่รับรู้อะไรไปชั่วขณะ…ผมงง ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าแม่…ชีวิตของผม ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

       มันเร็วจนไม่ทันตั้งตัว…แม่ปิดผมมาตลอด อะไรกัน…ทำไมแม่ต้องปิดบังผมด้วย

       “ไม่เป็นไรนะแม่ เราจะช่วยกัน…ผ่านพ้นมันไปด้วยกัน…และทุกอย่างจะดีขึ้นเอง…”

       …แต่ผมมองไม่เห็นหนทางจริงๆ…



      ด้วยความอิดโรยจากการร้องไห้ นอนไม่หลับ…ผมมาทำงานสาย วันนี้ซวยชะมัดเพราะพี่โศดันเห็นพอดี

       “ทำไมมาสาย รถมันติดมากนักหรือไง”

      ผมยกมือขึ้นขอโทษพี่โศ กล่าวคำขอโทษยกใหญ่…

       “ทีหลังมาสักสิบโมงเลยซิ…”

       ไม่รู้เค้าไปโมโหใครมา แต่ผมจำต้องก้มหน้ารับคำกระแนะกระแหนของเขาไป…ผมสูญเสียงานนี้ไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีผลต่อการเรียนแล้ว ผมยังต้องการเงิน…เงินที่จะต้องนำไปช่วยจุนเจือแม่นับแต่นี้เป็นต้นไป…



       พักเที่ยง แอลมาชวนผมลงไปกินข้าว

       “มึงเลี้ยงเหรอ?”

       ผมถามเล่นๆ แต่ไม่รู้ล่ะ ของฟรีขอกินไว้ก่อน

       “ฮื้อ? อ้อ เปล่าหรอก ชิพให้มาชวนน่ะ มันเลี้ยง”

       ผมหยุดเดินทันที แอลรีบคว้าแขนผม

       “ไม่เอาน่าแดน โตๆกันแล้ว มึงน่าจะเลิกทะเลาะกับมันได้แล้วนะ”

       “แต่กูไม่ต้องการให้มันมามีหนี้บุญคุณอะไรกับกูนี่”

       “บ้า ใครเค้าคิดกับแบบนั้น อีกอย่างนะ…ไอ้ชิพน่ะว่าที่เจ้าของบริษัทเชียวนะ ถ้ามันชวนก็ไปเถอะ พวกเพื่อนๆมึงก็ไป ทั้งหมดแหละ นะ อย่าเสียมารยาทเลย…”

      แอลกล่อมผมอยู่นาน ยอมรับว่ามันเก่งจริงๆ ทำเอาผมใจอ่อนจนต้องยอมเดินตามลงมาที่ห้องอาหารชั้นหนึ่งจนได้…ณ ห้องอาหารจีนหรูหรามีชื่อของชิพ…นภเกตน์ จองห้องพิเศษไว้บนบอร์ดเรียบร้อยแล้ว ผมกับแอลเดินเข้าไป…ที่นั้น ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงจอกแจกพูดคุยกัน แต่พอผมกับแอลก้าวเข้ามาเท่านั้นแหละ…

       …เงียบ ทำไมพวกมึงต้องเงียบด้วยวะ?

       เหลือที่นั่งอีกสองที่ นั่นก็คือข้างๆมัน(ชิพ) หรือไม่ก็ข้างๆไอ้หนวด

       ผมเลือกจะนั่งข้างหนวด

       “แดนนั่งข้างๆชิพนั่นแหละ กูจาคุณกับหนวดเรื่อง…บอลเมื่อคืน”

       ไอ้แอลไวกว่า TT_TT มันหน้าด้านรีบเข้ามาแย่งเก้าอี้ผมเฉยซะงั้นต่อหน้าต่อตา ผมกัดฟันกรอด…มองดูไอ้ชิพที่ยิ้มแย้ม…ริมฝีปากที่ยกขึ้นอย่างอารมณ์ดีทำให้ผมเกือบตบะแตก…ลืมเรื่องกลุ้มใจทั้งหมดแล้วนึกอยากกระชากหัวมันโขกพื้นซะตรงนั้น(ถ้าทำแล้วไม่โดนไล่ออกอ่ะนะ =_=”)

       คุณอุ๋มซึ่งนั่งอยู่อีกข้างของมันกำลังมีความสุขกับบทสนทนาระหว่างนังไก่และนังจุม เรื่องกระเป๋าก๊อบสวยๆแถวมาบุญครอง สยามอะไรทำนองนั้น…ในเมื่อทุกคนมีเรื่องคุยกันหมด ก็เหลือแต่ผมกับชิพเท่านั้นที่ไม่ได้ขยับปากเลยแม้แต่นิดเดียว…

      “หิวหรือยัง สั่งอะไรก่อนดี?”

       ผมนั่งกอดอก จะว่าทำท่างอนเหมือนเด็กๆก็ว่าได้ (>^<)///

       “งั้น…สั่งได้ตามสบายเลยนะ”

       พูดจบ มันก็แกล้งเอาหัวเข่ามาโดนผมนิดส์นึ่ง…หันไปถลึงตาใส่มัน

       “นี่!”

       ชิพรีบเอามือมาปิดปากผมไว้แน่น เย้ย!!! เอามือของมรึงออกไปเดี๋ยวนี้น๊า เด๋วคนอื่นก็หันมาทางนี้กันหมดหรอก~~!!!

      “คุณกล้าพูดกับผม…คนที่เลี้ยงอาหารมื้อนี้แย่ๆแบบนั้นเหรอ?”

       รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพราย…ไอ้คำว่า ‘คนเลี้ยงอาหาร’ เหมือนเป็นการดักคอ ‘ผู้มีพระคุณ’…ทำให้ผมพูดด่ามันออกมาโดยไม่มีเสียงแทน (=_=”)

       “ดี”

       แถมมันยังเบียดตัวเข้ามาใกล้อีก ผมขยับไม่ได้…หารู้ไม่ ก็เพราะใต้โต๊ะไอ้ชิพเอามือกดต้นขาผมไว้อยู่น่ะซิ เชรี่ย~~~!!! เกลียดมันจริงๆเล๊ย!

      “ทำตัวน่ารักแบบนี้ซิ ดีนะ จะได้บอกฝ่ายบุคคลขึ้นเงินเดือนให้”

       มันหัวเราะเบาๆ…แต่ไม่รู้หรอก ว่ามันกำลังพูดดูถูกผมอยู่

       ยิ่งตอนนี้มีเรื่องหนักใจเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผมยิ่ง…อึดอัด…ก็เพราะชิพเป็นทายาทเจ้าของบริษัทที่ผมฝึกงานอยู่น่ะซิ ผมถึงต้องทนกับสภาพ…แบบนี้

       “ฮื้อ? มีอะไรหรือเปล่า”

      ผมเผลอมองมัน ด้วยสายตาตัดพ้อนานไปหน่อย…จนชิพรู้ตัว ผมรีบหันไปสนใจกับจานข้าวตรงหน้า

       “…”

      “มองหน้าแล้วยังไม่ทำพูดอีก เดี๋ยวจับสอบสวนซะดีมั้ย?”

      ชิพหัวเราะในลำคอ ไอ้เลว…เมื่อไรมึงจะหยุดพูดตอกย้ำกูแบบนี้ซะที รู้มั้ยว่ามันเจ็บ…การต้องอยู่ภายใต้อำนาจของมัน เป็นเรื่องให้มันล้อเล่น หัวเราะ ทั้งๆที่มันทำกับผมมากมายขนาดนี้…ฮือๆ T_T

       ทว่าระหว่างกินอาหาร นอกจากมันจะต้องคอยดูแลคุณอุ๋มไม่ให้น่าเกลียดแล้ว มันยังแอบตักอาหารใส่จานผมด้วยตลอด…

       จะว่ารู้สึกดีก็ไม่ใช่…จะว่าโอเว่อร์เกินเหตุก็ไม่เชิง แต่ผมยอมรับว่าภายในใจเกิดความอุ่นวาบเล็กๆ…บอกไม่ถูกว่าตอนนี้ควรจะเล่นตัวหรือขอบคุณมันดี ก็ชิพ…

       ก็ชิพ…

       …ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี แต่ผมมองหน้ามัน แววตาอ่อนโยนที่มันทอดมองมา สัมผัสกับก้นบึ้งของหัวใจ…เรื่องเมื่อวันก่อนที่เราทะเลาะกันพลันมลายหายไป ใบหน้าขาวหล่อๆยิ้ม…ทำให้ผมอดยิ้มบางๆตอบไม่ได้…นี่กรูเป็นอะไรไป สรุปจะไม่ตัดใจจากมันใช่มั้ย?

       พูดว่าอยากทำ แต่เอาเข้าจริง เคยมีใครทำได้บ้าง

       …ผมทำไม่ได้…จะให้ลืมสนิท คงไม่มีหนทางเลยจริงๆ

       



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 15-03-2008 15:20:55
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:มารีบอ่านเรยครับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 15-03-2008 15:38:55
 :m15: :m15: :m15:

     สงสารแดนกะแม่จางเยยอ่ะ

      ใครก็ได้ช่วยแดน ที อ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 15-03-2008 15:55:10
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้แดนอยู่เหมือนเดิมค้าบบบบบบบบบ


แต่คิดถึงพี่มาร์คอะ...

 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 15-03-2008 16:00:01
ขอบคุณค๊าบ

ขยันอัพ

ชอบคับ

 :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-03-2008 17:46:11
แดนเริ่มใจอ่อนแล้ววุ้ย   :oni3: :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 15-03-2008 17:50:15
พับผ่าสิ ไม่ชอบการกระทำของชิพจริง ๆ เลย

แล้วเรื่องอุ๋มอีกล่ะ จะเอาไง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mahama ที่ 15-03-2008 19:45:40
ฮือๆๆๆๆ :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

ทำไมเรื่องนี้มันเศร้าตลอดเลยอะขมมากกว่าหวานเสียอีก o7 o7 o7

แต่มาต่อไวๆ นะ :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 15-03-2008 20:11:31
อ่านทันแว้ว ดีใจจัง :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 15-03-2008 21:23:51
แดน จะใจอ่อนไม่ได้นะคะ  :serius2:

ชิพทำไมพูดแบบนี้อ่ะ เหมือนดูถูกแดนเลย  :angry2:

แดนน่าสงสารมากกก  o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 15-03-2008 22:44:42
โหววว

พ่อแดนทะมายเปงแบบนั้นว๊า

สงสารแดนกะแม่จริงๆ เลย

 :serius2:   :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 15-03-2008 22:49:10
มาต่ออีกน๊า


นี่ถ้าเกิดชิพ ช่วยเหลือเรื่องเงิน


แดน อาจจะกลับมารักกะชิพก้ได้เน๊อะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: mumumama ที่ 15-03-2008 23:10:29
 :m29:เรื่องพ่อของแดน คงไม่เกี่ยวกะย่าของชีพหรอกนะ :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 16-03-2008 03:54:46
มาอัพต่อนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 16-03-2008 04:14:13
ตอนจบภาคนี้จะเป็นยังไงหรอ ? โอเคผมขอเดานะ



บอยกับชิพลงเอยกันด้วยดี ....

แดนเงินขาดมือมากจนต้องไปขายตัว -*- เป็นผีขนุน

แอลจับพลัดจับผลูไปชอบกิ๊บซี่

แต่กิ๊บซี่ดันกลายร่าง เผยความจริงว่าตัวเองแมนแล้วไปรักกับน้องแอน

ส่วนคุณอุ๋มดันไปลงเอยกับพี่มาร์ค (มาจากไหน ? )

ส่วนพี่เมฆก็ไปรักกับไอ้กอล์ฟละกัน (ไม่รู้จะเอาใครอีกแล้ว)



อืม คงสนุกดีนะเนี่ย

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 16-03-2008 11:59:06
 :a5:สงสารแดนกะแม่อ่ะ
แต่ไม่สงสารชิพนะ สมน้ำหน้ามากกว่าอ่ะ
ตั้ง 5 ปีนะ ไม่มาสนใจกันอ่ะ :m14:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-03-2008 12:07:23
โธ่.....................แดน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 16-03-2008 19:28:09
น่าฉงฉารรร
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 16-03-2008 22:08:11
สงสารแดนจางง :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 17-03-2008 00:13:06
จาว่าหนุกก็หนุกนะเรื่องนี้(กล้าพูดเน้อมรึงอ่านวันเดียวจบเลยนะ   :o !!!  เฮ๊ยยยยจริงดิ)

แต่กว่าจาได้รักกานเนี้ยไม่ต้องปาปาย 4  5 ภาคเลยเหรอเนี้ย :laugh:


แต่รอได้ค่ะ   :o8:ชะนีรอได้  o7 อ่านของน้องแล้วมันดีค่ะ  เถื่อน  โหด   โฉด   o13เราชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 18 อัพ อัพ อัพ...และอัพ!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 17-03-2008 01:51:08
ตอนที่สิบเก้านี้มาอัพให้ดึกมากเลย จาไปนอนเเละ o2 ยังไงก็ขอขอบคุงทุกรีเลยนะคับ เด๋วตอนหน้ามาตอบเม้นท์(เป็นบางเม้นท์)และกานนะครับ :m13:

ตอนนี้ไม่รู้ติดเรทยังไงหรือเปล่า แดน...แปลกๆ(แต่งเองยังรู้สึกเลย :m29:...) แต่มีเรทเเรงกว่านี้มากมายอีกคับ!!! :o :a5:

รอติดตามนะคับ :bye2:

ALeX


บทที่ 19



       ก่อนบ่ายสี่โมงครึ่ง ผมได้รับเมสเซจจากบอย

       ‘คุณหันหน้ามาด้านหลังซิ’

       ฮื้อ? ผมหันไปด้านหลังตามปฏิกิริยา อ้าว! นั่นมันบอยนี่หนา~~~

      ร่างสูงๆโบกมือให้ ยิ้มกว้างให้ผม ในมือของเขามีแก้วน้ำปั่นสีสวยอยู่สองอัน คงสำหรับผม

       บอยกวักมือเรียก เขาเข้ามาไม่ได้เพราะไม่มีบัตรพนักงาน เลยต้องยืนกระโดดหยองแหยงอยู่อีกฝั่งของประตูกระจก…ผมรีบเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านทันที ไม่ทงไม่ทำมันแล้วเว้ยงาน (O_O)

       “หวัดดีครับแดน เป็นไง? ทำงานเหนื่อยมากมั้ย”

       ผมรับแก้วน้ำมา เงยหน้าขึ้นเห็นแว่นของบอยมันเอียงๆ เลยเอื้อมมือไปจัดให้…ส่งผลทำให้บอยหน้าแดงเล็กน้อย น่ารักเชียว ผมแอบหยิกแก้มเค้าหนึ่งที

       “คุณหยิกแก้มผมทำไมอ่ะ”

       บอยร้องประท้วงเบาๆ ผมลอกเลียนแบบท่าทางของเขา

       “ก็นายน่ารักดี เลยหยิกเล่น ไปกันเถอะ ชักอยากดูลูกหมาของนายเต็มแก่แล้ว”

       ด้วยความที่บอยเป็นหนุ่มตัวสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาดูดีอย่างกะนายแบบ เวลาเดินไปทางไหนก็มีแต่คนเหลียวมองคอแทบเคล็ด อิอิ ภูมิใจเล็กน้อยนะเนี้ย >/////<

       บอยจอดรถที่ชั้นสาม ซึ่งเปิดให้จอดสำหรับบุคคลที่มาทำธุระหรือเยี่ยมชม ผมก็เดินคุยถามสารทุกข์สุขดิบกับบอยมาเรื่อย จนบอยหยุดเดินกะทันหัน ทำให้ผมค่อยๆหันไปมองตามทิศที่บอยจ้อง…ปรากฏว่าเป็นไอ้ชิพ กำลังเดินเคียงมากับคุณอุ๋ม มันก็จ้องมาทางผมเช่นกัน ทว่าแววตาเยือกเย็นคมกริบนั้นแทบจะแหวกอากาศกรีดลงบนตัวผมได้

       ตายห่า!~~~

       “กลับบ้านเหรอครับ?”

       เสียงเย็นห้วนดังก้องกังวาน เจือด้วยความไม่พอใจเหมือนจะหาเรื่อง บอยเหล่มาทางผม แล้วรีบจับมือผมกุมไว้แน่น…

       “ยังหรอกครับ เรามีธุระนิดหน่อย”

       บอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ผมรู้ดีว่า…ท้าทายคนอย่างชิพ

       “เฮ้ยบอย เราว่า…ไปกันดีกว่า”

       ผมแตะอกกว้างๆของบอยไว้ ไม่ให้เขาเดินเข้าไปใกล้ชิพอีก แต่ดูเหมือนขายาวๆของเขาจะไม่เชื่อฟังผม…จนไม่สามารถหักห้ามได้อ่ะซิ (-_-“)

      “คุณล่ะครับ? คุณชิพ…"

       “อ้อ ผมกับคุณอุ๋มกำลังจะออกไปทานข้าวเย็นกันอยู่พอดี อุ๋ม นี่คุณบอยกับ…เพื่อนของเขา คุณบอยครับ…นี่คุณอุ๋ม แฟนของผมเอง”

       คุณอุ๋มผู้เรียบร้อยยกมือขึ้นไหว้สวัสดีบอยอย่างนอบน้อม บอยยิ้มเป็นมิตรให้ ต่างจากชิพ…ที่เอาแต่ยืนลองเชิงกัน และด้วยความที่เป็นคนตัวสูงไล่เลี้ยด้วยกันทั้งคู่ เลยยิ่งเพิ่มความน่ากลัวของมวยคู่นี้ยิ่งขึ้นไปใหญ่

      “’งั้น เราขอตัวก่อน โชคดีครับ”

       เฮ้อ…หายใจไม่ทั่วท้องเลย บอยโค้งหัวให้ชิพกับคุณอุ๋มเล็กน้อย ก่อนจะเดินมาที่รถ เราสองคนนั่งแอบมองจากกระจกมองข้างและกระจกหลัง…ผมเห็นชิพยืนยิ่งแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น จะด้วยเพราะความโกรธ ความโมโห หรือเพราะว่าอะไรก็สุดแท้แต่ผมจะหยั่งรู้ได้…



       “คุณมีอะไรหรือเปล่า? ผมเห็นนั่งเงียบมาตลอดทาง”

      บอยถามขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งยองๆอยู่ที่หน้ากรงของเจ้าซินดี้ สุนัขพันธุ์ลาร์บาร์ดอร์ขนสีดำขลับ พร้อมด้วยลูกทั้งหกตัวของมันที่ยังไม่ลืมตา

       “ไม่มีอะไรหรอก”

       ผมกดชัตเตอร์…พรึ่บ…แสงแฟลชสว่างวาบ ขณะนี้คลินิก ‘บ้านสวน’ ปิดแล้ว และบอยก็อยู่กับผมแค่สองคนท่ามกลางเสียงร้องระงมหิวนมแม่ของเจ้าพวกหกจิ๋ว

       เคยมีความรู้สึกมั้ย? ผมเชื่อว่าทุกคนเคยคิดอยากกลับไปเป็นเด็ก…ยังไงก็ได้ ขอแค่นอน กินนม นอน…มีคนคอยดู ไม่ต้องคิดอะไรให้หนักสมอง ไม่ต้องมีภาระ...

       ดูอย่างเจ้าตัวน้อยพวกนี้ซิ ตาของมันยังไม่ได้ลืมเลย…หัวเล็กๆก็ดุ้กดิกส่ายไปมาตามกลิ่นนมของแม่ซึ่งนอนแผ่หร่าหมดแรงอยู่ในกรง

       พอหมดแรง ก็ล้มตัวลงนอน มีคนคอยกอดให้ความอบอุ่น…

       “แต่ผมเห็นคุณเครียดๆ ถ้าเป็นเรื่องของเขาคนนั้น ผม-“

       “มันไม่ใช่เรื่องของชิพหรอกครับบอย”

       อืม…จะบอกยังไงดี ผมกลุ้มใจเรื่องเงินที่อาจจะมีไม่พอจ่ายค่าน้ำค่าไฟของเดือนหน้ามากกว่า…ส่วนที่ชิพมาเห็นบอยกับผมมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ วันนี้ไม่ได้ออกมากับบอยเพื่อประชดมันสักหน่อย แต่กระนั้นผมก็ยังรู้สึกไม่ดี ไม่อยากให้ชิพมาเห็นแบบนี้…

        “แล้วเรื่องอะไรล่ะคับ?”

      ผมไม่ตอบ…จะให้บอกเขาเหรอว่าที่บ้านขาดเงิน กลุ้มใจมาก อยากยืมสักหน่อยมีให้มั้ย?

       ตอบแบบนี้น่ะเหรอ?...

      “เอ่อ…คือ เรา…ไม่มีอะไร…”

       “แดน คุณรู้ใช่มั้ยว่า ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ คุณสามารถบอกผมได้ ผมยินดีและเต็มใจที่จะช่วย”

       ความซาบซึ้งใจตื้นตันขึ้นมา ก่อให้เกิดก้อนประหลาดจุกอยู่ในลำคอ…ผมน้ำตาเอ่อคลอ แววตาของบอยที่มองมาช่างจริงใจเหลือเกิน…

       “อืม…”

      ใบหน้าของเค้าเลื่อนมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ…หลับตาพริ้มลง…และพยายามอยู่ให้เฉยๆ หลับตาลงสนิท…หลังจากนั้นรสสัมผัสของริมฝีปากที่อ่อนนุ่มก็ตามมา บอยขยับเคลื่อนไปอย่างอ่อนโยน…และใช้ลิ้นบังคับดึงดันให้ผมเปิดรับเขาเข้ามา

       จากที่นั่งยองๆกลายเป็นนอนราบ(ตรงนั้นแหละ -_-“)…ผมอยู่บนตัวเขาและเพลินไปกับรสจูบของบอย อืม…เขาเรียนรู้และชำนาญขึ้นเยอะ มือของผมซุกซนลงไปแถวล่างๆ…ล้วงเข้าไปพบกับความตื่นตระการตา(มือ)บางอย่าง

       เสียงจูบดังขึ้นเรื่อยๆอย่างเร่าร้อน…ผมคิด ถ้ามีอะไรกันคืนนี้ เค้าจะยังเสนอเงินห้าพันแก่ผมอยู่มั้ยนะ?

       ฮื้อ? อะไรนะ! นี่…นี่ผมคิดแบบนั้นได้ยังไง!!!

       “เอ่อ…เรา…”

       “ขึ้นไปข้างบนกับผมมั้ย?”

       ผมเข้าใจความหมาย และแววตาส่องประกายวาวโรจน์เยี่ยงนั้นดี…แต่แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ผมจะทำยังไง ถ้าหากบอยเข้าใจผิดคิดว่านี้คือการทำเพื่อเงินอีกล่ะก็ ผมจะยอมรับมันไว้ไหมคราวนี้?

       ไม่มั่นใจว่าจะปฏิเสธเขาได้หรือเปล่า ศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว…

      “เราว่า…”

      กรี๊งๆ….กรี๊งๆ….กรี๊งๆๆ

      เสียงโทรศัพท์มือถือของบอยดังขึ้น…เราผละออกจากกัน

       “ขะ…ขอตัวก่อนนะ”

       ผมขยับตัวออกอายๆหน้าแดงซะเอง ส่วนบอยรีบลุกไปรับโทรศัพท์…พยายามโฟกัสมองที่ลูกหมาทั้งหกตัวสยบความว้าวุ่นในใจ…ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมคิดแบบนั้น แต่กลับอยากได้สิ่งตอบแทนจากบอยจริงๆจังๆ…ทั้งที่คราวก่อนผมโกรธเขาเป็นฝืนเป็นไฟ ซึ่งเท่ากับว่าผมกำลังดูถูกตัวเองไปโดยปริยาย…

       ได้ยินเสียงบอยแว่วๆชื่อผู้หญิง…น้องอะไรสักคนนี้แหละ…เนื่องจากมิอาจยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาได้ เลยตั้งหน้าตั้งตาเก็บภาพเจ้าลูกหมาต่ออีกแค่สองสามภาพแล้วออกมานั่งรอที่เก้าอี้รับแขกส่วนหน้าของคลินิก

       “แดน…คุณจะอยู่ต่อมั้ย?”

       บอยคุยเสร็จแล้ว เขาถามผมด้วยสีหน้ามีความหวัง

       “เรากำลังคิดว่า ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้ว”

       สีหน้าของบอยแลดูผิดหวังลงทันที แล้วเขาก็ยิ้ม ผมมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้ม หัวเราะ พอผมหัวเราะแล้วเค้าก็หัวเราะตาม ไม่รู้เหมือนว่าเพราะอะไร แต่มัน…จักจี้ยังไงไม่รู้

       เราสองคนต่างรู้ดี มันเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น...สิ่งที่ต้องการคือแค่ร่างกายของกันและกัน ในยามที่เราไม่มีใคร...ผมกับบอยสามารถมีความสุขร่วมกันได้ ทว่ามันก็แค่ทำให้ลืมเรื่องร้ายๆได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

       “งั้น เดี๋ยวผมไปส่งคุณนะ”

       “ไม่เป็นไรหรอกบอย เรากลับบ้านเอง ไม่ต้องไปส่งนะ”

       บอยไขกุญแจ เปิดประตูหน้าให้ผม ขาสั่งการให้ผมเดินมาที่ป้ายรถเมล์ ผ่านสายลมอุ่นๆของฤดูร้อน…ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนทรุดตัวลงนั่งรอรถเมล์ คิดว่าการกระทำของบอยช่างอ่อนหวาน น่ารัก และประทับใจผม…แต่ผมอยากให้เขาเจอคนที่ดีกว่า คนที่พร้อมจะรักเขาได้อย่างไม่มีข้อเงื่อนไข อย่างที่จะไม่ทำให้เขาผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก

      เผอิญรู้ตัว…ว่าเป็นคนๆนั้นของเขาไม่ได้…

       ทั้งหมดที่ผมมี รู้สึก…คือความใคร่ ไม่ใช่ความผูกพันที่มากพอ

       เคยบอกเค้าแล้ว…เป็นได้แค่…เพื่อนเท่านั้นเอง…

       และคอยเตือนตัวเอง นายก็เป็นได้แค่เพื่อน ของเขาเช่นกัน

       เท่านั้นเองจริงๆ

      .................................

      ……………



หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 19 มาดึกมากเลยเน๊อะ
เริ่มหัวข้อโดย: ZecroS ที่ 17-03-2008 02:39:15
จิ้ม ๆ ๆ ๆ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 19 มาดึกมากเลยเน๊อะ
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 17-03-2008 02:41:45
 :o12: :o12: :o12:
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 19 มาดึกมากเลยเน๊อะ
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 17-03-2008 02:53:21
ชิพก็เหลือเกิน :เตะ1:

สงสารแดนจัง o7

ปล.เม้นเสดก็ไปนอนดีกว่า ง่วง :a12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 19 มาดึกมากเลยเน๊อะ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 17-03-2008 03:21:20
ไม่รู้จะพูดไรดีนอกจาก เฮ้อๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 19 มาดึกมากเลยเน๊อะ
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 17-03-2008 04:23:12
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปนะครับ(ติดงอมเชียวเรา) o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 19 มาดึกมากเลยเน๊อะ
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 17-03-2008 09:11:51
ภายนอกอาจจะเข้มแข็ง

แต่จิงๆ แล้วแดนไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

เศร้าจัง   :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 19 มาดึกมากเลยเน๊อะ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 17-03-2008 16:45:58

บทที่ 20



       ไอ้หวานแอบหลบสายตาบรรดาเจ้านายเข้ามาคุยกับผม เสียงกระซิบกระซาบของมันฟังแล้วดูแปร่งๆ

       “แดน เรื่องของแกกับหนุ่มบอยอะไรนั่น ไปถึงไหนแล้วว่ะ?”

      “มึงว่าไงนะ?”

      “กรูถามว่า…” มันขยับตัวให้เข้าที่เข้าทาง “มึงลงเอยกับบอยหรือยัง”

      ผมนิ่งไปพัก ก่อนจะตอบเรียบๆ

       “ยัง”

       “ทำไมอ๊า~~~?”

       ชิ! ทำน้ำเสียงผิดหวังแทนกรูเชียะ น่าหมั่นไส้ \(-_-*)

      “อ้าวไอ้เชี้ยนี่? ก็มันเรื่องของกู แล้วมึงจาทำไมอ่ะ”

       “เออๆ ไม่ยุ่งด้วยก็ได้ ว่าแต่…คนอะไรแมร่งโคตรหล่อเลยเนอะ รีบๆเข้าล่ะ อีกิ๊บซี่มันจอง”

      ผมหันกลับไปทำงานต่อพร้อมๆกับที่ร่างระหงของมันรีบเดินกลับถิ่นไป แปลก…ก็จู่ๆไอ้หวานมาทำตัวเป็นแม่ชักแม่สื่อให้ผมกับบอย เออ…แปลกดีเจงๆง่ะ~((o_+))



       “แดน พี่โศเรียกน่ะ”

       อะไรนะ? ใครเรียกผม~~~พี่โศรยา(คนละเรื่องกันเลยกับจำเลยรักนะคร้าบ (-_-“)) เรียกผมยั่งงั้นเหรอ?

       ใจมันตกไปอยู่ตาตุ่มนู่น

       กลัว…กรูทำอะไรผิดไว้หรือเปล่าว่ะ?

       ลุกขึ้นยืนด้วยแข้งขาที่ค่อนข้างสั่น ไม่มั่นคงนัก ฝ่ามือมีเหงื่อออกเต็มไปหมด รู้ตัวอีกทีก็เห็นมือตัวเองกำลังเคาะประตูห้องพี่โศอยู่ ก้าวเข้าไป…รังสีน่าอึดอัดแฝงตัวอยู่ทุกอณูบรรยากาศ ผมเห็นนังจุม ไอ้ออม แล้วก็นังกิ๊บซี่นั่งก้มหน้าอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพี่โศขมวดคิ้วเปิดดูเอกสารไปมาเสียงดังกรอบแกรบ…

      “นายแดน…เธอเป็นคนดูแลเรื่องบัญชีซื้อขายของบริษัทคู่ค้าต่างประเทศใช่มั้ย?”

      พี่โศถามเสียงดุ ผมนั่งลง ตอบเสียงอ่อย

       “ชะ…ใช่ครับ”

       “ส่วนพวกเธออีกสามคน จุม เธอลงบัญชีเข้าระบบประจำวันใช่มั้ย?”

      “ใช่ค่ะ…”

      “แล้วกิ๊บซี่” พี่โศปรายตามองด้วยแววตาประหวาดแวบหนึ่ง…เหยียดๆ “เธอช่วยงานเอกสารสุริยา(พี่พนักงานประจำ) แล้วออมก็เป็นคนตรวจทานอีกที”

      ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน

      “นี่…ถ้าฉันไม่มาตรวจสอบเอง ฉันคงไม่รู้หรอกนะว่าพวกเธอทำงานผิดพลาดมากแค่ไหน”

      พวกเราทั้งสี่คนอึ้ง…

       “เธอ ไก่! ไม่ทราบว่าวันๆเอาแต่นั่งกินจนไม่สนใจอย่างอื่นเลยหรือไง? เมื่อวานเธอลืมลงบัญชีไปตั้งหนึ่งบัญชี รู้มั้ยว่ามันสำคัญมากแค่ไหนที่ต้องคอยดูแลให้ทั่วถึง ดูซิปล่อยตัวเองจนจะเป็นช้างอยู่แล้ว! กิ๊บซี่กับหนวดก็เหมือนกัน ทำไมคุณสุริยาถึงบอกกับชั้นว่าพวกเธอสองคนชอบจับกลุ่มคุยกันในเวลางานจนไม่สนใจ งานการไม่เป็นอันทำ นี่อย่าลืมนะว่าพวกเธอกำลังฝึกงานอยู่”

       “ส่วนเธอ…” พี่โศหันมาทางผม “เธอเป็นคนเดียวที่ทำผิดมหันต์ เธอลืมให้พี่เอกลงชื่อกำกับ มันสำคัญมาก ทุกขั้นตอน ทุกส่วน ทุกบัญชี! ฉันสามารถกล่าวหาว่าเธอมีเจตนาจะปลอมแปลงตัวเลขในบัญชีก็ได้เลยนะ ถ้าฉันต้องการ”

       เฮ้ย! กูลืมได้ไงฟ่ะ!!!~~~

       ใจผมเต้นตึกตัก ต้องเป็นเมื่อวานแน่…วันที่บอยมารับผม แล้วผมรีบออกจากออฟฟิศไปโดยลืมเอาสมุดให้พี่เอกเซ็นท์ ทั้งหมด…เป็นความผิดของผมเอง

      “ฮึ ไม่อยากเชื่อว่าพวกเธอมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เรื่องแค่นี้ยังรับผิดชอบกันไม่ได้…อย่าลืมว่าพวกเธอต้องได้รับการประเมินจากฉัน ต่อไปนี้ถ้าชั้นเห็นความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีก…คงได้เห็นดีกัน ทีนี้ออกไปได้แล้ว ฉันจะสะสางเงินที่พวกเธอทำชุ่ยๆไว้ต่อไป”

       พวกเราทั้งหมดถูกไล่ออกมาเหมือนยั่งกะหมูกะหมา…คำด่าของพี่โศทำเอาผมหน้าชา…ทำอะไรไม่ถูก ส่วนไก่นั้นนั่งร้องไห้ตั้งแต่เขาด่าว่ามันเป็นช้างแล้ว…

       “อีเลว…ด่าพวกกูอย่างกะขี้ข้า อี@#%++”

      จุมด่าลับหลังอย่างเผ็ดร้อน ผมเดินกลับโต๊ะทำงานซึ่งอยู่แยกกับพวกมันต่างหาก นั่งลงเหว๋อๆ…เพิ่งจะถูกด่าว่าอย่างไร้ศักดิ์ศรี จากคนที่เป็นแค่ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกมาหยกๆรึนี่?

       ยัยป้าเหี่ยวเนี้ยขึ้นชื่อว่าชอบด่าคนไม่ดูหัวเรื่อง ถ้าทำผิดเรื่องงานแกก็จะโยงเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเอี่ยว ดูอย่างที่ด่าไก่เรื่องรูปร่างซิ แม้มันจะอ้วนแต่ก็ไม่เห็นผิดหรือเกี่ยวกับความสามารถตรงไหน แล้วยังสายตาที่มองนังกิ๊บอย่างเหยียดหยาม…ดีที่ผมไม่ถูกด่าเรื่องหน้าเหมือนฝรั่งรวมเข้าไปด้วยนะ เฮ้อ~~~ =_=”

       ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น ผมคงไม่ทนตั้งแต่สามนาทีแรก…แต่วินาทีนี้ไม่มีทางเลือก ผมต้องการงานนี้ เพื่อจะได้เรียบจบ หางานทำ มีเงินเดือนใช้ซักที…

      จำไว้…คุณเคยด่าว่า เคยดูถูกอะไรผมไว้บ้าง…

      ซักวัน ผมจะอยู่เหนือคุณให้จงได้!



      ก็เพราะว่าเพิ่งโดนเจ้านายด่าสาดเสียเทเสียมาอย่างแรง ผมจึงค่อยๆเดินเข้าบ้านด้วยอาการเหนื่อยล้า หงอยเหงา…รู้สึกท้อแท้ใจมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

       “แม่ แดนซื้อข้าวต้มหน้าปากซอยมาฝาก”

       แม้จะเหนื่อย(โคตร) แต่มันต้องผ่านร้านข้าวต้มของไอ้กอล์ฟ…ผมเลยแวะซื้อ มันไม่อยู่แฮะวันนี้ เห็นป๊ามันบอกว่าออกไปเที่ยวกับผู้หญิง เมียมันมั้ง…ช่างแมร่ง ไม่สนใจหรอก

       ผมเรียกแม่นานเท่าไรแม่ก็ไม่ออกมาสักที ผมย่องขึ้นไปที่ชั้นสอง…เห็นแม่แอบกระซิบอะไรอยู่ในโทรศัพท์…แม่กำของบางสิ่งไว้ในมือแน่นเชียว

      “ค่ะ…ค่ะ ดิฉันขอฝากสามีด้วย ขอบคุณค่ะ”

      แม่สนทนาเป็นภาษาอังกฤษ…กรี๊ก เสียงกระบอกโทรศัพท์ถูกวางลง ผมค่อยๆก้าวเข้าไป

      “นั่นแม่ถืออะไรอยู่?”

       แม่สะดุ้ง พลันทำให้เงินเป็นปึกที่แม่กำไว้อยู่ในมือหล่นลง กระจายออก…ผมยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น…เงินมากมายขนาดนี้ แม่ไปหามาจากไหนกัน?

      “แม่!”

      แม่รีบก้มลงเก็บเงิน กอดไว้แน่น…

       “แม่จะเอาเงินนั้นไปไหน แม่! บอกผมมาซิ แม่!”

      แม่ค่อยๆนั่งลงบนเตียง…เอาเงินมัดไว้แล้ววางข้างๆตัว แกเอามือกุมหน้า ร้องไห้ ร้องไห้อีกแล้วเหรอ? แม่เป็นอะไรกันแน่

       “…เงินนี้ ของพ่อ…ของพ่อเค้าแดน”

      เสียงอู้อี้ของแม่ทำให้ผมสะเทือนใจ…ผมอยากปลอบแม่ อยากให้แม่หยุดร้องไห้แบบนี้…แต่แม่ยิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่

      “พ่อป่วย…เป็นมะเร็ง ขั้นสุดท้ายแล้วลูก…”

      อะ…อะไรนะ?

      “แม่ว่ายังไงนะ?...”

      “…พ่อป่วย ที่พ่อกลับมาอยู่กับเราไม่ได้…เพราะว่าพ่อต้องใช้เงิน พ่อบอกว่าอย่าบอกแดน…เดี๋ยวแดนกลุ้มใจ”

       หา…       

       “แต่เค้าอยากมาหาเรามาก อยากเจอหน้าแดนมาก…”

      วินาทีที่ประโยคจากปากแม่แล่นผ่านเข้าหู ผมไม่อยากเชื่อ…ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อปรากฏขึ้น ความรู้สึกที่ผมเคยโกรธพ่อ สาปแช่งพ่อ…ก็หลั่งไหลเข้ามาท่วมตัวผม รู้สึกเหมือนคนจมน้ำ หายใจไม่ออก…พูดอะไรไม่ออก เหมือนโลกตรงหน้าพังครืนลงมาไม่เหลือชิ้นดี

       “แม่…ฮึก…แม่เก็บเงินก้อนนี้ส่งไปให้พ่อรักษาตัว และคงเป็นก้อนสุดท้าย…ฮึก…แดนบอกแม่มาซิลูกว่าแดนไม่โกรธแม่…ฮึก…ที่แม่ไม่ได้บอกแดน แต่เพราะพ่อกับแม่ตัดสินใจว่าให้แดนเรียนจบก่อน…พ่อเขาเป็นห่วงเรามาก บอกว่า…ฮึก…คิดถึงแดน อยากเจอแดน…อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับแดน”

      เสียงแม่อู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ประมาณนี้อ่ะ คือแม่สะอื้นด้วย…แต่เชื่อมั้ย ว่าอารมณ์ตอนนั้นมันประมาณว่า…นี่กรูทำผิดลงไปแล้วมากมายขนาดนั้นเชียวเหรอ?... การที่พ่อไม่เคยอยู่กับผม ไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยรับผิดชอบ กลับกลายเป็นว่าเพราะพ่อป่วย ป่วยหนักจนถึงขั้นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วเหรอ?

      …น้ำตาที่ร้อนจัดเหมือนจะลวกตาของผม ความเจ็บจุกที่หน้าอกเหมือนจะฆ่าผมทั้งเป็น…ผมเก็บความช็อคนี้ไว้ พยายามไม่ร้องไห้ กลั้นเสียงแห่งความทุกข์นั้นไว้อยู่ในใจเพราะต้องเข้มแข็งเพื่อแม่…และเหลือเชื่อที่ผมทำได้เสียด้วย

       “แม่…บอกพ่อด้วยว่าผมขอโทษ แม่ลงมากินข้าวกับผมก่อนเถอะ ซื้อมาแล้ว”

      แม่พยักหน้าทั้งน้ำตา แต่ก็ลงมากินข้าวกับผมแต่โดยดี ข้าวต้มที่จัดเทใส่จานชามไว้นั้นเย็นลง ทว่าก็ไม่ได้พร่องลงเลยเพราะผมหรือแม้แต่แม่เองก็กินไม่ลง…ในที่สุดก็พาแม่ขึ้นบ้าน เอาแม่เข้านอน แล้วลงมาโทรศัพท์ขอเบอร์ชิพจากแอล โทรไป เสียงมันงัวเงียรับสาย

       “ชิพ…มาหากูที่บ้านหน่อยได้มั้ย?”

      วางสาย ผมนั่งเหม่อรอมันอยู่ไม่ถึงสิบห้านาที เสียงรถยนต์ก็จอดลงที่หน้าบ้าน ร่างสูงพรวดพราดเข้ามา กอดผมไว้

       “แดน!”

       “ชิพ…วันนี้กูขอไปนอนค้างบ้านมึงได้มั้ย?”

      ชิพมองตาลอยๆของผม…”ดะ…ได้ซิ”

      ผมเดินเคียงร่างสูงออกมา ทว่าพอสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มๆปอด ความเข้มแข็งทั้งหมดเหมือนจะพังทลายออกมา คราบน้ำตา และส่วนที่หายจากอาการช็อคทำให้ผมทรุดตัวลงไป หมดแรง เหมือนร่างกายจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆซะแบบนั้น…

      แปลกดีนะ เวลาที่สติแตกแบบนี้ ผมกลับขอความช่วยเหลือจากมัน…ไอ้ชิพ

       ไม่รู้อะไรดลใจ แต่ตอนนี้ผมแค่อยากเห็นหน้ามัน

      …กุมหัวเหมือนคนบ้า สายตาเหม่อลอย จะกรีดเสียงร้องก็ร้องไม่ออก…หาเสียงไม่เจอ แต่ยังดีที่มีชิพกอดตัวของผมไว้แน่น…หูไม่ได้ยินอะไรแล้ว…สมองอื้อไปหมด ตาเหมือนจะไม่ทำงานประสานกับสมองด้วย ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น…

        มีแต่น้ำตา ความเจ็บปวด…และความรู้สึกผิดหลั่งไหลเข้ามา มันต่างทรมานผม ผมทนรับมันไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ…

      “ชิพ…กูทนไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว…”

      แล้วชิพก็พาผมมุ่งตรงสู่คอนโดของมัน



       >>>>พรุ่งนี้จามาต่อเย็นๆนะคับ ^_^oo
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 17-03-2008 17:03:31
 :เฮ้อ: อย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 17-03-2008 17:16:08
 :o12: :o12:

สะเทือนใจอะ...


มาเป็นกำลังใจให้แดนต่อละกัน..

สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 17-03-2008 18:52:45
:L1:เป็นกำลังให้แดนครับผม.... :L1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 17-03-2008 19:07:17
 :o12: :o12:สงสารแดนอ่ะ ฮึก ฮึก
 :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 17-03-2008 19:31:07
ชีวิตแดนน่าสงสารอ่ะ ฮือๆๆๆๆๆๆๆ :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-03-2008 20:34:21
แดนทำไมชีวิตรันทดแบบนี้อ่ะ  :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: premkoe ที่ 17-03-2008 21:25:01
น่าสงสารอย่างยิ่ง
รีบๆมาต่อนะคับ
รออยู่
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 17-03-2008 21:41:05
แดน น่าสงสารมากเลยอ่ะ   :m15: :o12:

ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านพ้นไปเร็วๆนะคะ สู้ๆค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะ  o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 17-03-2008 21:59:22
แดนน่าสงสารจัง รันทดมาก ๆๆ  :m15:

เริ่มคืนดีกันแล้วใช่มั๊ย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 17-03-2008 22:03:00
 :m15: :m15: สู้ ๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 17-03-2008 22:44:53
เรื่องจริงป่าวคับเนี่ย  :serius2: ทำไมมันถึงเศร้าได้ขนาดนี้น่ะชีวิตคนเรา พระเจ้ากลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วน่ะ เป็นใครจะทนรับเรื่องราวที่แสนจะเจ็บปวดขนาดนี้ได้บ้าง :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 17-03-2008 23:41:37
ไม่ไหวแร้ว จิงๆอ๊าาาาาาา :o8:


มาต่ออีกน๊า
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 18-03-2008 01:15:33
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผมสงสารครอบครัวแดนจังครับ

ชิพต้องช่วยแดนได้แน่ครับผม

แต่คงช่วยพ่อแดนไม่ได้ครับผม

เป็นกำลังใจให้แดนกับชิพรักกัน คืนดีกันเร็วๆนะครับ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 18-03-2008 01:37:31
ชีวิตแดนช่างดาวพระศุกร์เสียนี่กระไร ... เคราะห์ซ้ำกรรมซัด




หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 18-03-2008 02:06:37
น่าสงสารอะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 18-03-2008 02:30:58
 :sad2: :sad2: :sad2:

ค้างครับ  :serius2:

พรุ่งนี้จะมาปูเสื่อรอครับ  o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 18-03-2008 03:25:32
น่าสงสารแดน สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 18-03-2008 09:30:20
แดนน่าสงสารแล้วอ่ะ :sad2:  งานนี้


อย่าใจร้ายจนเกินปายนะ :o12:  อเล็กซ์


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 18-03-2008 10:31:52
โอยยย

อารายมานจะเศร้าได้ขนาดนี้เนี่ย

 :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 18-03-2008 13:35:20
 o7 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 20 สดๆร้อนๆจ้า ^o^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 18-03-2008 14:32:27
ดีคับ แหม วันนี้มาเร็ว กะจาแอบมาเซอร์ไพรส์ซะหน่อย ก็อย่างที่บอกอ่ะคับ ตอนนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่าสิบแปดปีอย่างแรง :m30: (ผมสิบแปดแล้ว >o<)

มีเรื่องมาบอกก็คือแต่งภาคสองเสร็จเเล้ว กำลังรีไรท์อยู่ ยังไงถ้าเรียบร้อยแแล้วจะไปแก้ตอนเดิมที่มีการเปลี่ยนแปลงให้ใหม่ แต่คงอีกนานอ่ะคับ :a3:

สำหรับแฟนคลับพี่มาร์ค เสียใจด้วยที่ภาคสองนี้กล่าวถึงน้อยเหลือเกิน :o จะไปพูดอีกทีก็ตอนหลังๆโน้น เเต่เชื่อเหอะคับว่ามีเรื่องอื่นให้โฟกัสกว่าเยอะ เมื่อวานโทรฯคุยกับเพื่อนที่แต่งนิยายด้วยกันมันก็บอกว่านิยายแกเศร้าว่ะ เหอะๆๆ :laugh:(แต่ภาคสามมีลุ้นนะจ๊ะ :o8:)

อ้อ ยังรับข้อเสนอเเนะทุกระดับนะคับ จะตำหนิติเตียนอะไรเชิญได้เลย แต่อย่าว่าผมแรงล่ะคับ ฮือๆ T_T ผมเพิ่งเป็นน้องใหม่ของบอร์ดนี้เอง ทำอะไรผิดพลาดไปก็ต้องขอขมาเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย  :m1: :m1: :m1:

ALeX


บทที่ 21



       ชิพพยุงร่างเกือบๆไร้วิญญาณของผมขึ้นไปถึงห้องชุดของมัน ตลอดทางที่ขับรถมา ผมทบทวนภาพเหตุการณ์ต่างๆในวัยเด็ก…ภาพที่พ่อเล่นฟุตบอลกับผม ภายในห้องครัวที่พ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนผมกำลังอ้อนพ่อให้อ่านให้ฟัง…ภาพของพ่อเกากีต้าร์ แปลเพลงภาษาอังกฤษให้ผมฟัง…ทุกอย่างยังคงจดจำขึ้นใจ แต่ว่าดูเหมือนมันนานแสนนานแล้วเหลือเกิน…

       ผม…โง่เหลือเกิน ที่ปล่อยให้เวลาที่เหลืออยู่หมดลงโดยไม่รู้ค่า…

       มันจะนานสักแค่ไหนเชียว? ผม…จะมีโอกาสได้เจอหน้าพ่ออีกสักครั้งมั้ยนะ?…

       ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมตอนนี้พ่อที่ผมออกจะเกลียดด้วยซ้ำ…ถึงทำให้ตัวตนของผมข้างในอบอุ่นได้มากมายขนาดนี้ ความทรงจำที่ดีๆดูเหมือนจะชัดเจนขึ้น…จนผมลืมเรื่องราวร้ายๆทั้งหมดเกี่ยวกับตัวพ่อออกไป

       อยากตะโกนออกมาดังๆ!!!

       ชิพพาผมนั่งลงที่เตียงก่อน มันหายไปสักพัก กลับมาพร้อมกับช็อคโกแลตอุ่นๆ…ผมคว้าผ้าห่มนุ่มมากอดไว้ เอนตัวลง…สายน้ำตาไหลรินลงบนปลอกหมอน…กลิ่นอายของชิพที่ติดอยู่บนที่นอนเขย่าสติผม…นี่ ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงของชิพ ไม่เห็นว่ามันพูดอะไร

       ชิพนั่งลงถอดรองเท้าให้ ถุงเท้า เข็ดขัด คลายปกคอเสื้อให้ ก่อนจะทอดตัวลงมาเคียงข้างผม…กอดผมไว้จางทางด้านหลัง หลับตาลง…และเปิดรับความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านอย่างเต็มที่…

      “เอาล่ะ ทีนี้จะเล่าให้ฟังได้หรือยัง ฮื้อ?”



      ผมพรั่งพรูทุกอย่างออกมาจากปาก ความในใจทั้งหมด ทั้งที่เกี่ยวกับมัน…และเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบอย ว่าผมอยากแลกตัวเองกับเงินของบอย ผมทำตัวเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีมากแค่ไหน 

       เรื่องที่ทำงาน…ผมโดนพี่โศด่าว่าเพียงเพราะผมลืมเอาเอกสารให้พี่เอกเซ็นท์แค่เล่มเดียว

       เรื่องเงิน…เงินที่ผมต้องช่วยแม่หาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ไหนยังจะต้องค่ารักษาพยาบาลของพ่ออีก

       เรื่องของพ่อ…ว่าพ่อคนเดียวของผมป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และผมอาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับพ่ออีก…ไม่มีเวลาชดเชยสิ่งที่ผมขาดหายไปตลอดช่วงเวลายี่สิบสองปี ทั้งชีวิตของผม…ที่เข้าใจผิดในตัวพ่อมาโดยตลอด บัดนี้ผมกำลังสูญเสียพ่อไป อย่างไม่มีวันกลับมา

       นอนพูดๆๆจนเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้ รู้สึกหนาว ห้องทั้งห้องแลดูมืดสนิท…

       “หนาวเหรอ?”

      มันกระชับอ้อมแขนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งห่มผ้า ผมพลิกตัวเข้าสู่อ้อมอกของมัน

       “นี่กี่โมงแล้ว?”

      “ตีสาม”

       ผมขยับตัว แต่ชิพไม่ให้ลุก ผมร้องประท้วงเบาๆ

       “ชิพ…กูจะกลับบ้าน”

      “แต่ไหนมึงบอกว่าจะขอค้างที่นี่ไง…”

      ภายในความมืด…ผมเงยหน้าขึ้นสบตามองมัน พอมองเห็นลางๆสลัวๆ ดวงใจของผมเริ่มเต้นตึกตัก…ดวงใจของมันภายใต้ฝ่ามือของผมก็ระรัวกลองเร็ว-ช้าเท่าๆกัน ผมเอื้อมมือขึ้นค่อยๆลูบใบหน้าของชิพ ผ่านดวงตา ผ่านสันจมูกโด่ง ผ่านริมฝีปากหยักอย่างคนดื้อรั้น…หยุดไว้ที่ปลายคาง

       “ขอบคุณนะ…”

       “ไม่เป็นไร”

      ชิพกระซิบแผ่ว…

      “ชิพ...กูไม่ต้องการเหตุผลของมึงอีกต่อไปแล้ว กูจะพยายามลืมเรื่องที่แล้วๆมาของเรานะ เพราะกูยังรักมึงอยู่ และมันเจ็บ...ถ้านี่คือเวลาที่เราสองคนควรคืนดีกัน…รับปากได้มั้ยว่าหลังจากนี้…จะไม่หนีไปไหนอีก”

      ใช่…เจ็บมาก ผมทรมานตัวเองมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา

       จู่ๆน้ำตาก็รื้นขึ้นมา…ชิพเองก็น้ำตาคลอหน่วย

       ตัดสินใจแล้ว…ไม่ว่าเรื่องราวจะผ่านมานานแค่ไหน เป็นยังไงมาก็ตาม ผมพยายามจะลืม…ลืมความคั่งแค้นเหล่านั้นเพื่อมัน…อย่างน้อยก็คืนนี้

       “ได้ซิ…กูจะอยู่กับมึงจนถึงเช้า”

       “มึงบอกกู…ว่ามึงยังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า?”

      “…แดน กูรักมึง…จะนานแค่ไหน…ไม่ว่ามึงจะเป็นยังไง กูก็จะยังรักมึงตลอดไป”

      ผมค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้าหามัน พบกันครึ่งทาง…รสจูบที่นุ่มนวล ความรู้สึกอิ่มเอมแตกซ่าออกเหมือนพลุ สัมผัสของมันเร่าร้อน…ผมคิดถึงมันมากมายเหลือเกิน

       ใจช้ำๆเต้นไม่เป็นจังหวะ ตึกตัก…ตึกตัก

       เหมือนโดนฉุดขึ้นสูง โบยบินในอากาศ...ตกลงมาช้าๆภายในอ้อมกอดมั่นคงอบอุ่น

       ในขณะหนึ่ง อารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าขึ้นเป็นเพราะหลังจากที่เจอเรื่องร้ายๆมาทั้งวัน ตอนนี้ผมต้องการปลดปล่อย…

       น่าตกใจ ที่ชิพทำให้ผมเกิดความต้องการได้รุนแรงขนาดนี้!

       มือของผมสอดเข้าไปในชุดเสื้อลำลองของมัน ริมฝีปากเริ่มรุนเร้ามากขึ้น ความรู้สึกที่อยากครอบครองมันทั้งกายและใจปะทุอย่างบ้าคลั่ง และผมก็ไม่สามารถระงับได้ ไม่ได้ในขณะที่เรากำลังจูบกันอยู่แบบนี้…

       ผมผลักมันออก สีหน้าผิดหวังสุดๆจนผมอดขำไม่ได้ แต่เพียงแค่ต้องการเอนร่างของมันให้นอนหงายสบายๆ…ผมปลดกระดุมกางเกงของชิพออก…

      ชิพมองด้วยสีหน้าครึ้มอกครึ้มใจ+หัวเราะเบาๆ ครั้นเมื่อผมแตะปลายลิ้นอุ่นร้อนลงไป…มันก็ครางกระหึมแทบจะทนไม่ไหว สั่นไปทั่วร่างกาย

       รู้สึกภูมิใจเล็กน้อยเหมือนกันแหละที่ในที่สุด…ผมก็มีอำนาจเหนือมันสักที

       แลบลิ้นเลียปากช้าๆ แตะปลายลิ้นลงไป จูบส่วนยอดที่มีปฏิกิริยารุนแรงมากที่สุด…เชื่อมั้ยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การจ้องมองตาระหว่างเราสองคนตลอดเวลา และนั่นยิ่งเพิ่มความเร้าอารมณ์ขึ้นไปอีก ชิพยิ้มกริ่ม…ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นแหยเกขึ้นเรื่อยๆ ผมเฝ้ามองอากัปกิริยาของชิพที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ อืม…ดูเหมือนว่าเวลาที่ผ่านมาชิพได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมาไม่น้อยเลยทีเดียว

       ชิพอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย ผมลูบแผงอกกับหน้าท้องบนลำตัวยาวของมันแผ่วๆขณะกำลังปรนเปรอมันอยู่นั้น ชิพพยายามเคลื่อนสะโพกเข้าหาตัวผมด้วยแรงปรารถนา

       ฮึๆ…ไม่ใช่แค่นี้ ผมจับจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เปียกลื่นไปหมดแนบกับใบหน้า หลับตาลง ให้มันรู้สึกได้ถึงผิวอันร้อนผะผ่าวของผม

       “พะ…พอ พอก่อน”

      เอางั้นก็ได้…แต่ไม่จบแค่นี้หรอกนะ ละออกมาจากช่วงล่างของชิพแล้ว…ของเหลวบางส่วนก็ยืดติดปากผมมาด้วย ผมลุกขึ้นคร่อมตัวชิพเพื่อต้องการแบ่งปันรสชาตินี้กับมัน…จูบมันหนักหน่วงทีหนึ่ง เปลี่ยนเป็นหยอกเย้าแผ่วเบาอีกทีสลับสับเปลี่ยนกันไป ทำให้ชิพแทบจะต้องกัดยึดริมฝีปากของผมไว้เพื่อไม่ให้แกล้งทรมานมันอีก

       ชิพเอนหน้าเข้ามาอย่างไม่อยากอิ่มตอนนี้…แต่ผมหลบมัน และมุ่งตรงไปที่ยอดอกแข็งๆที่บัดนี้ ทั้งสองข้างนั้นเปียกลื่นเกร็งเขม็งเป็นที่เรียบร้อย

       อย่าให้ผมต้องอธิบายเลยว่าชิพครวญครางไม่เป็นศัพท์แค่ไหน…>///<

      แต่แล้วชั่วเวลาทีเผลอ ชิพที่สลัดเสื้อผ้าเหลือแต่ตัวเปล่าล่อนจ้อนตั้งกะตอนไหนไม่รู้ดึงผมขึ้นมากอดไว้ มือรนๆของมันพยายามหาทางปลดเสื้อผ้าของผมบ้าง ทว่า…

      มันกลับดึงทึ้ง ฉีกเสื้อของผมขาดดังแคว๊ก!!!

      “ชิพ!”

      “เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ ไม่ต้องห่วง”

      ว่าแล้วมันก็ทำตามอำเภอใจต่อ แง T_T ไม่อยากได้เสื้อใหม่ง่ะ เสียดาย

       …>////////<!!!

      วินาทีที่ชิพค่อยๆประสานตัวเข้ามา ความเจ็บปล๊าบนั้นทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย…ชิพโน้มตัวลงมาจูบผม ไล้แก้มแดงๆ…ผมรู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นของของชีพจรชิพ ซึ่งอยู่ในตัวของผม…ตุบๆ…ตุบๆ…เหมือนเลือดจะพากันไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงแต่ตรงนั้น ทำให้ทุกอย่างช่าง…ใหญ่โต แทบสัมผัสได้ว่านี่คือความจริง…จริงแค่ไหน ไม่ใช่ฝัน

       เหมือนศูนย์กลางโลกทั้งใบอยู่ในตัวผมแล้ว ตอนนี้

        ชิพไถลตัวเข้ามาช้าๆ แค่ครึ่งทางเท่านั้นแหละ มันก็พรวดเข้ามาจนหมด จ๊ากส์!!!=_=”…ทำให้รู้สึกโหวงๆไปได้ชั่วขณะ แถมแล้วยังมาถอนหายใจหนักๆอยู่ข้างใบหูผมด้วยนะ -_-“

      จากนั้นชิพจึงเริ่มขยับกาย ขอร้องเถอะ…อย่าให้ผมต้องอธิบายไปมากกว่านี้เลย

      เอาเป็นว่าท่อนขาของผมชี้สะเปะสะปะไปหมดทุกๆจังหวะ

      “ชิพ…ชิพ…”

       “พูด พูดซิ…พูดซิว่ารักแค่ไหน”

       “กูรักมึงชิพ…รัก…รักมึงคนเดียว…”

       …ร้อน…ร้อนไปหมด คล้ายอยู่บนเตาถูกจุดไฟเผา…

      เสียงครวญครางของผมเรียกชื่อชิพกระเส่า…เหงื่อที่ปกคลุมใบหน้าชื้นระเหยออกไปอย่างรวดเร็วด้วยแอร์เย็นๆ ไอความร้อนที่ออกมาจากลมหายใจของชิพรินรดผิวกายของผม จนปลายประสาทและกล้ามเนื้อสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว

       ความอุ่นร้อนอย่างกับราดด้วยน้ำเดือดหลั่งไหล…จุดสุดยอดที่แตกซ่านเหมือนภูเขาไฟระเบิด อยู่ในตัวผม ไม่เคยรุนแรงเท่านี้มาก่อน…ผมต้องกอดมันไว้ จิกแผ่นหลังมันเมื่อคลื่นความเสียวซ่านซัดกระแทก…หลังจากนั้นเราก็จ้องตากันด้วยความเหนื่อยอ่อน อย่างน้อยๆผมก็ขับเคลื่อนต่อไป…นับครั้งไม่ถ้วนเลยเท่าที่จำได้…



       สัมผัสอุ่นๆทำให้ผมลืมตาขึ้น อืม…ง่วงจังเลย~~~

       “ตื่นแล้วเหรอ?”

      เสียงใหญ่ที่ง่วงงัวเงียไม่แพ้กันดังขึ้น…ชิพกอดผมเอาไว้จากทางด้านหลังหลวมๆ…บนเตียงอุ่นหนา แผ่นหลังของผมแนบกับแผงอกกว้างของมัน จะว่าไปแล้วรูปร่างของชิพไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปจากห้าปีก่อนสักเท่าไร มันก็ยังคงหุ่นฟิตปั๋งเยี่ยงนักกีฬาไว้ ทว่าอายุที่เพิ่มขึ้นกลับทำให้มันยิ่งดูเซ็กซี่ เสียงทุ้มๆที่กลายเป็นหนุ่มสมบรูณ์ก็ฟังแล้วอบอุ่น มั่นคงดีจัง…

       “…ชิพ ทำไมกูถึงคิดถึงมึงจัง”

      เอ่อ…เชี้ย!!!!...หลุดปากอีกแล้ว โธ่เว้ย>>>>ไอ้โรคปากมากจอมทรยศเนี้ยเมื่อไหรจะรักษาหายสักทีว่ะ =_=”***

       “กูก็อยู่นี่แล้วไง”

      ผมแอบยิ้มขำๆ(นอนหันหลังให้มัน) เออ จริงซิเนอะ ชิพกำลังนอนอยู่ข้างๆผมแล้ว…ดีใจจังที่มันไม่ใช่คนอื่น

       “แอบยิ้มอยู่เหรอ?”

      ชิพชะโงกหน้ามาดู ผมซ่อนยิ้มไว้ไม่ทันซะแล้ว >.<

      “มาจูบให้หายชื่นใจซะดีๆ”

       แล้วมันก็จูบผม…เป็นจูบที่งดงาม อ่อนหวาน จนน้ำตาแทบไหล TT_TT

       เราใช้ช่วงเช้าทั้งหมดเสียเปล่าไปกับการนอนก่ายกันบนเตียง มันเล่าเรื่องที่ไปเรียนอยู่อเมริกาให้ผมฟัง ในนิวยอร์คมีข้าเต่าเก่าเลี้ยงของย่ามันอาศัยอยู่ ซึ่งไว้วางใจได้และย่ามันมีพระคุณอยู่ท่วมหัว…ชิพเลยไปอาศัยอยู่ที่นั่น แล้วได้รู้จักกับแอล แต่ไอ้หมอนั่นมันขอร้องพ่อแม่ไปเรียนเอง พอจบไฮสคลูก็บินกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยของเมืองไทย งงเหมือนกันแหละ…แต่ไม่อยากซักถามเพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม

       “นี่กี่โมงแล้วอ่ะ” ฮ้าววว…กรูอยากนอนต่อง่ะ เพลียจังเลย =_=

       “สิบโมงครึ่งแล้ว”

      “สายแล้วซิเนอะ…เฮ้ย!”

      ผมลุกพรวดรีบไปเกาะอยู่ตรงกระจกหน้าต่าง ถืองี้ครับ เตียงไอ้ชิพเป็นคล้ายๆกับฟูกที่อยู่บนยกพื้นทำจากไม้เล่นลูกเล่นต่างระดับ มีกระจกบานเบ่อเริ่มทำให้มองเห็นวิวกรุงเทพฯรอบๆได้ชัดเจน ตายห่า~~~รถติดชิบหาย กว่าผมจะไปถึงที่ทำงานต้องสิบเอ็ดโมงกว่าแน่ๆ งานนี้นอกจากจะโดนด่าแล้ว…อาจมีสิทธิโดนประเมินไม่ผ่านแหงมๆเลย TT^TT…

       แต่ไอ้เวงชิพดันจับกดลงนอนต่อ คราวนี้มันไม่นอนเฉยๆแล้ว แต่หอมแก้มผมอย่างถือวิสาสะ มือใหญ่ป่ายเปะปะไปมา

       “ลุกไปแบบนั้น…กูมองเห็นวิวไม่ชัดเลยน๊า~~”

      ไอ้บ้า ไอ้ลามก…เห็น***(เซ็นเซอร์)กรูล่ะซิไม่ว่า

       “เฮ้ยชิพ~~~ปล่อยกู กูต้องไปทำงาน~~~”

      “อืม…บริษัทของกู มึงจาไปทำเมื่อไหร่ก็ได้”

      เอาอีกแล้วนะ ไอ้ชิพภาคเด็กดื้อเอาแต่ใจ…ผมถูกมันกอด ร่างเปลือยเปล่าของเราบดเบียดกันและถูไถไปมา ผิวมันแมร่งโคตรเรียบ~~~เย็นๆ…ผมหันกลับไปมองหน้าตาอิดโรยจากการอดหลับอดนอน เย้ย!!! แล้วมรึงยังหื่นได้อีกหรือว่ะไอ้ชิพ??? O[]O!!

       หื่นไม่หื่นไม่รู้อ่ะ…แต่ไอ้ชิพดันของแข็งๆเข้ามาจ่อรอเล่นซุกซนแบบเดิมอีกแล้ว…ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน โหยยยย แต่กรูเล่นกับมรึงไม่ไหวแล้วโว้ย!!!

       “แต่ชะ…ชิพ กูไม่สบาย”

      “ทำไม? ตัวร้อนเหรอ?”

      “อืม” น้ำเสียงของมันตกใจ และรีบเอามือเข้ามาอังหน้าผากของผมทันที มันจะรู้มั้ยนะว่าผมมีความสุข…สุขใจที่มันคอยห่วงใยผม

       “เป็นอะไรมากมั้ย?”

       เชรี่ย มันจูบหน้าผากเหมือนกะผมเป็นเด็กๆ o_O*

       “ไม่หรอก ก็เพราะเมื่อคืนเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนทั้งคืนน่ะซิ”

      ผมตอบอายๆ…ชิพทำหน้าถึงบางอ้อ ยิ้มพลางอุ้มตัวขึ้นไปวางบนตักมัน(<<<ท่าโปรดมันน่ะซิ =_=”)

       “เฮ้ย! อีก…อีกรอบเหรอ”

      ชิพหัวเราะ “อืม แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ?”

      “งานไง!”

       “ไหนบอกว่าไม่สบาย…คนป่วยจริงเดี๋ยวหมอชิพรักษาให้ รับรองเข็มเดียว…อยู่”

      ไอ้บ้า! (=U=) ที่กูป่วยน่ะเพราะว่าจะบ่ายเบี่ยงเอ็งต่างหาก…เฮ้อ ดันโดนไอ้ชิพดักทางเอาไว้ซะได้ ซวยแน่เลยตูงานเนี้ย -_-“…

      มันขบติ่งหูเบาๆ ก่อนจะรุกล้ำเข้ามาโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว…อ๊ากกก%%~~~ชิพกลับหัวเราะชอบใจ แต่กรูไม่ชอบใจไปกับมรึงด้วยหรอกนะ!~~~…เสียงมันร้อง ‘อ๊าส์~~~’ โคตรหื่นได้ใจผมมาก เพราะรู้ว่าผมไม่เคยต้านทานมันได้นานเกินสิบนาที…มันยิ่งแกล้งผมโดยการดูดเบาๆที่ข้างลำคอ ส่วนตัวผมก็เบียดกับมันมากขึ้น มากขึ้น…เกลียดมันเจงๆนะเนี้ยเวลาชิพทำกับผมแบบนี้อ่ะ… เฮ้อ >///<

       





       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: skysonata ที่ 18-03-2008 14:47:35
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 18-03-2008 15:07:49
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:

[EMO เดียวเกินพอ 5555+]
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 18-03-2008 15:58:34
ติดเรทจริงๆ น้อง Alex หุหุ :a5:

รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 18-03-2008 16:24:54
เหอะๆๆๆๆ  o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: nananon02 ที่ 18-03-2008 17:09:45
 :m25:  มาเสียเลือดด้วยคน   :m25:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 18-03-2008 17:41:53
อ่านแล้ว........

หายใจไม่ทั่วท้องอ่ะ

ขอบคุณนะคับ

 :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 18-03-2008 17:54:03
 :m25: :m25: :m25:
 :m25:สุดยอด ยิ้วววววว :a2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 18-03-2008 17:59:39
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับผมในที่สุดแดนกับชิพ

ก็เป็นคนๆเดียวกันแล้ว อิอิ

เอาใจช่วยให้แดนกับชิพรักกันนานๆ

อย่ามีอุปสรรคอีกเลยครับ

และขอให้ครอบครัวของแดนผ่านไปด้วยดีนะครับผม

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 18-03-2008 18:16:10
โอ้ววว เสียวกานไปตามๆกัน 555  :m25: :m25: :m25:

อึดใช่ย่อยนะชิพ  :m12:

กลับมารักกันเหมือนเดิมแล้วอ่า  :m1:

ชิพจะดีอย่างงี้ได้ตลอดมั้ยนะ   :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-03-2008 19:02:50
ชอบตอนแดนคืนดีกับชิพมาก  o7 o7 o7 ในยามที่เราทุกข์ถึงขีดสุด
และความสุขที่มีเพียงหนึ่งเดียวอยู่ตรงหน้า เหตุผลหรือทิฐิใดๆก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

แต่งได้เยี่ยมมาก  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 18-03-2008 20:26:29
เอ๋อ...

สงสารครอบครัวแดนมากๆ

แต่ตอนนี้  :m25:  :m25:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 18-03-2008 21:36:32
 :m25: :m25: :m25:

 o13 o13 o13

ให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าหลังฝนที่รอพายุลูกที่ใหญ่มาเลย  o7


รอตอนต่อไปครับ  :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 18-03-2008 21:53:29
อุ๊ยร้อนผ่าวว
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 18-03-2008 22:47:23
เลือดกำเดากระฉูดเลย  :m25: :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 18-03-2008 23:44:47
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 18-03-2008 23:47:20
เร้าจายยย :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 19-03-2008 03:12:12
อากาศวันนี้ร้อน ....


แต่กระทู้นี้ร้อนกว่า !!!!



ร้อนเร่าเสียด้วยวุ้ย !!!!!!!!!!!!


 :m25: :m25: :m25:




หวังว่าคราวนี้จะไม่มี after shcok นะ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 19-03-2008 08:54:15
เหอๆๆๆๆๆไม่มีคำบรรยาย

 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-03-2008 11:48:20
ตอนนี้ปลื้มสุดๆทั้ง คุยกัน บอกปัญหาในใจกัน คืนดีกัน แล้วยัง..............กันด้วย อิอิ   :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Mp_qM ที่ 19-03-2008 12:46:00
 :a5:อยากจะบอกต่อผู้เขียนว่าผมไม่ได้รู้สึกตัวเลยเมื่ออ่านเรื่องนี้ ได้แต่อ่านและอ่านอย่างเดียวเท่านั้น

 :a1:ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะอ่านได้นานขนาดนี้

 :a12:อ่านแล้วนอน นอนแล้วก็ตื่นขึ้นมาอ่าน

 :laugh:เป็นความรู้สึกที่ดีมากมากเลยครับ

 o13อ๊ะแต่อย่าลืมว่าต้องมาแต่งต่อนะครับ

 o7อยากบอกว่าอ่านแล้วน้ำตาไหลด้วยนะเนี่ย  หุหุ อารมณ์ศิลปินจริงจริ๊งผมเนี่ย

 :oni3:ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 19-03-2008 14:05:55
 :m25: :m25:  อ๊ากกกกกกกก


ติดต่อสภากาชาดด่วนเลยอ่ะ :m30:


เลือดหมด :m25:ตัวปายตามๆกันเลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: cherri ที่ 19-03-2008 14:10:13
 :m1: !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 19-03-2008 21:36:25
 :o8: ตอนนี้อ่านแล้วเร่าร้อนจังเลยครับ

เป็นฉากคืนดีกันที่วาบหวิวจริงๆ  :m25: :m25:

มารอตอนต่อไปครับ  :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 21(คำเตือน:ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีควรตัดสินใจใหม่ก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 19-03-2008 22:12:51
รบกวนช่วยอ่านก่อนด้วยนะคร้าบ

V
V
V
V
V
V
V
V


ก่อนอื่น ต้องขอขอบพระคุณทุกรีมากๆๆๆๆ :pig4: :pig4: :pig4: ที่เข้ามาเม้นท์ให้ผมเยอะเเยะมากมายขนาดนี้ ซึ้งใจมากเลยครับ o7 o7 o7

พูดถึงเรื่องเนื้อหาตอนต่อไป หลายๆคนคงอาจกลัวว่ามันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีก...

ใช่และครับ มันยังเเรงต่อได้อีกมากมาย ผมหมายถึงแดนจะต้องเจอเรื่องร้ายอีกเยอะ แต่ก็เพราะแดนทำตัวเอง ส่วนไม่ว่าจะเป็นชิพ บอย แอล กอล์ฟ...พวกเขาต่างก็มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นเพราะการกระทำของตัวเองเช่นกัน

ผมอยากจะบอกอะไรบางอย่างแก่ชาวบอร์ดมาตั้งนานแล้วว่า...การแต่งนิยายเกย์เป็นอะไรที่ยากมากๆๆๆ และเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมเเต่งเกย์(ปกติแต่งชายหญิงอยู่บอร์ดอื่นง่ะ-_-*) แล้วก็เป็นเรื่องแรกที่ใช้สรรพนามให้ตัวเอกเป็นคนเล่าเรื่อง(ซึ่งยากมาก)

เรื่องเนื้อหาผมกลัวมาก อยากให้มันสมจริง อ้ออย่าลืมว่าไม่ว่าจะเป็นตัวละครใดๆก็ตามในนิยายเรื่องนี้ผมเอามาจากตัวจริงประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นท์เลยนะครับ อย่างน้อยก็ชิพ...แอล พี่มาร์ค อะไรเงี้ย(คนอื่นเดาเอาเองต่อป่าย อิอิ๗

ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองอ่านด้วยมุมมองที่เปิดกว้าง มันจะได้อารมณ์มากครับ คิดถึงความเป็นจริงแล้ว...เราคงเลือกให้ทะเลาะกันดีๆกับแฟนไม่ได้(หลายคนคงงง) ในชีวิตจริงเราคงเลือกมีความรักอย่างที่ใจต้องการทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

ยังไงลองแทนตัวเองว่าเป็นแดนซิครับ จะรู้สึกอย่างที่ผมอยากถ่ายทอดออกมาจริงๆ เน้นนะคับ ลองแทนตัวเองเป็นแดนดู คิดซะว่านี่คือเรื่องจริง...แล้วจารู้คับ :oni3:

และที่สำคัญ ขอร้องล่ะคับ T_T ชาวบอร์ดจ๋า อย่าเกลียดผมเลยนะถ้าเเต่งไว้เศร้ากว่านี้มากมายอ่ะ(ไม่รู้เศร้าป่าวนะ แต่ผมว่ามันก็ต้องมีคนรู้สึกแบบนั้นบ้าง...T_T อย่าเพิ่งเกลียดผมเลยน๊า TT_TT)

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกๆกำลังใจครับ

ALeX


บทที่ 22



       “แม่ครับ…”

      หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน…ทำให้ผมไม่กล้าสู้หน้าแม่ ความรู้สึกผิดที่ผมมีอคติต่อพ่อตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเต็มไปด้วยบาป…เป็นลูกอกตัญญูยังไงไม่รู้…

      “ทีหลัง…ถ้าไม่กลับมาก็โทรฯมาบอกหน่อยซิ”

      แม่พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บรรยากาศ…น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางของแม่ ผมรู้เต็มอก…ต่อไปนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม

       “ครับ…”

      ตอบเสียงอ๋อย

       “ไปค้างบ้านผู้ชายมาอีกล่ะซิ”

      “แม่!”

      ผมอึ้ง ตกตะลึง…ทำไมแม่พูดกับผมแบบนี้เนี้ย???

      นี่คือแม่แท้ๆของผม…หรือว่ามีเอเลียนมาลักพาตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว o_O*?

      “ชั้นก็แค่พูดในสิ่งที่…ควรพูดมาตั้งนานแล้ว แต่ช่างมันเถอะ แค่อย่าทำให้ชั้นหนักใจเรื่องแกมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน”

      สงสัยสภาวะระเบิดอารมณ์ของเมื่อวาน ทำให้สมองของแม่เกิดการกระทบกระเทือนครั้งใหญ่เป็นแน่ =_=

      แม่เดินไปหลังบ้าน งานซักผ้ากองโตรออยู่ แม่นั่งหันหลังซักผ้าเสียงดังครืดๆ…ผมไม่อยากทะเลาะกับแม่ตอนนี้ อย่างน้อยก็ช่วงนี้…สองสามวันที่ผ่านมาทำให้ผมยอมรับกับอะไรได้หลายอย่างภายในช่วงเวลาอันสั้น แม้ว่าจะต้องทนขมขื่นกับมันมากเพียงใดก็ตาม

       “แม่ครับ…แล้วเรื่องของพ่อล่ะ เราจะหาทางช่วยพ่อยังไงดี?”

      “เราต้องประหยัดขึ้น”

      อย่างกะตอนนี้ไม่ได้ประหยัดงั้นแหละ

       “แล้วตอนนี้พ่อเอาเงินที่ไหนใช้…”

      “…พ่อยังใช้เงินประกันสังคมได้อยู่”

      “พ่อไม่ได้ทำงานแล้วเหรอ?”

      “ใช่ เค้าทำไม่ไหว พวกเราถึงต้องส่งเงินไปช่วยเขา…”

      ผมกำมือแน่น กัดฟันกรอด…ทำไม…ทำไมชีวิตครอบครัวของเราถึงได้รันทด บัดซบแบบนี้ว่ะ?!

      “แม่…ต่อไปนี้แดนจะหางานพิเศษเพิ่ม แม่ไม่ต้องห่วงนะ แดนจะช่วยแม่กับพ่อเอง…”

       อยากบอกแม่…’แม่ครับ แดนอยากเจอพ่อเหลือเกิน’…แต่ผมต้องอดทนเพื่อแม่ และในเวลานี้แม่ก็กำลังอดทนเพื่อผมอยู่เช่นกัน

      ผมชะโงกหน้ามองออกไปนอกบ้าน…เห็นตัวสูงๆของไอ้ชิพจ้องมองเข้ามาอยู่ แววตาห่วงใยของมันสบกับผม…ถอนหายใจ มันพยายามให้กำลังใจผม คอยสนับสนุนผมมาตลอดทาง…แต่สิ่งที่ทำให้ผมหนักใจ นั่นก็คือเงิน…เงินมากๆ มากพอจะรักษาพ่อที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน…เลี้ยงดูแม่ให้มีความสุข หลังจากที่แม่เลี้ยงดูผมมาตลอดทั้งชีวิตโดยไม่คิดหวังอะไรตอบแทน…   



       …วันนี้ เป็นวันที่ผมไม่เคยสะใจใครมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต

       ตอนบ่ายสองโมงตรง(จำได้แม่น) ซึ่งเป็นเวลาเข้าประชุมของกลุ่มผู้บริหาร เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ห้องประชุมชั้นยี่สิบ…นังจุมซึ่งกลายร่างเป็นเลขาฯส่วนตัวของพี่เอกวิ่งแจ้นลงมา ป่าวประกาศเรื่องที่พี่โศรยาโดนต่อว่าจากผู้บริหารต่อหน้าทุกคนในที่ประชุม โทษฐาน…ปิดบัญชียอดขายประจำเดือนไม่ทันติดกันเป็นเวลาสามเดือนซ้อน

       หูย เสียงนังจุมที่รัวๆๆ ดูร้อนรนเหมือนมีเรื่องใหญ่มากโคตรๆ(ซึ่งก็จริงง่ะ) มันเล่าให้ฟังว่าจู่ๆผู้บริหารผู้ใหญ่คนหนึ่งก็บ่นขึ้นมาเรื่องยอดการขาย อีกท่านที่ดูแลฝ่ายงบประมาณและวางแผนก็ฉะตรงๆมาที่พี่เอก พี่เอกซัดถอดต่อให้พี่โศ…ฮ่าๆๆๆ งานนี้แมร่งก็โดนเต็มๆอ่ะดิ

       “แกต้องเห็นสีหน้าตอนที่มันโดนด่าว่า ‘ไร้ประสิทธิภาพ’ ‘ไร้คุณภาพ’…ฮ่าๆ แก~ประมาณว่าแทบจะกรี๊ดๆออกมาแล้วตอนนั้นอ่ะ แถมชียิ่งไปจ้องตาท้าทาย เลยโดนด่าบวกเรียกอบรมความประพฤติรวบยอด ฮ่าๆ! เนี้ยประชุมเลิกแล้วแต่เจ๊แกยังไม่ลงมาเลย สงสัยงานนี้…ยาวว่ะ ฮี๊ๆๆๆ”

      เสียงหัวเราะชั่วร้ายของมันถูกเสียงไทยมุ่งทั้งหลายหัวเราะกลบ แบบชนิดที่ว่าดังกว่า…ไม่ค่อยมีใครอยากเห็นใจเค้าหรอกครับ ขานี้ปากร้าย เอาแต่ใจ สร้างศัตรูไว้มาก ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าหากเขาล้มแล้วจะมีใครอยาก ‘กระทืบ’ ซ้ำมั้ย ทว่าคงมากอยู่หรอก อิอิ

       “นี่แหละน๊า~~~กรรมตามสนอง เจ้าประคู๊ณ…ที่มันด่าชั้นไว้ว่าเป็นช้าง วันนี้ชั้นขอให้มันเป็น…”

      “แช่งกันเลยเง้อ?”

      “เออดิ…ชั้นขอให้มันเป็น…คางคก! อีคางคกแล้วกัน!”

      ฮ่าๆๆ นินทาเจ้านายนี่สนุกดีเหมือนกัลล์เน๊อะ >.< แต่ช่วยไม่ได้ เขาบกพร่องในหน้าที่เองด้วยนี่หนา

       “ขำอะไรกันอยู่เหรอครับ?”

      “อ้อคุณชิพ คือว่า…”

      นังจุมรีบสาธยาย อย่างงู้นอย่างงี้ ภายในเวลาสิบนาทีชิพก็รับรู้ดีเทลส์ทั้งหมดนับตั้งแต่เปิดประชุม ยันหัวข้อสุดท้าย…= =”

      ชิพหัวเราะ “งั้นเหรอครับ?”

      ใจผมพลันเต้นตุ้มๆต่อมๆ ในขณะที่มันเดินมานั่งลงข้างๆผม…เบียดเข้ามาใกล้…เอ่อ นอกจากจะไม่มีใครรู้ว่าผมกับมันเพิ่งคืนดีกัน แล้วเราก็เพิ่ง…ช่างมันเถอะ แต่ใจมันสั่นนะเว้ยเวลามรึงเข้ามาอยู่ใกล้ชิดแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น ในที่ทำงาน แบบเนี้ย!

       มันทำให้ผมหน้าแดง >///////<

       “ผมว่า…สมควรแล้วใช่มั้ยที่คนทำผิดจะต้องโดนลงโทษ”

      ฮั่นแหนะ…ยังมีขยิบตาให้กรูอีก เด๋วชาวบ้านเค้าก็รู้กันหมดหรอกไอ้ชิพพพพ

      “แล้วนี่ คุณชิพเพิ่งเคลียล์งานเสร็จ หรือว่า เพิ่งเสร็จจากประชุมคะ?”

      “ความจริงผมประชุมเสร็จตั้งนานแล้วครับ…มันว่างๆมากกว่า เลยลงมา”

      ชิพมักลงมา ‘เยี่ยม’ ชั้นสิบห้าเสมอ…

       “ลงมาเยี่ยมใครเป็นพิเศษหรือเปล่าค๊า”

      นังกิ๊บแซวเล่นขึ้นมา เฮ้ย! ไอ้ชิพแอบมองมาทางผมยิ้มๆ สีหน้าดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้น…จะเพราะอะไรล่ะ ฮืมๆ >.<

       ผมก็ดีใจ…ที่เห็นมันมีความสุข

       “เอ่อ…ประมาณนั้นล่ะคับ”

      นังกิ๊บกรี๊ดกร๊าดใหญ่ สรุปเองเอ่อเองว่าเป็นตัวมัน เหอะๆ ดีแล้วล่ะ…แต่ไม่รู้อ้างแบบนี้ จะมีใครสงสัยบ้าง’เปล่านะ?

      ที่จุมพูดถึง ก็เพราะชิพได้รับสิทธิพิเศษให้ได้เข้าไปประชุมในการประชุมสำคัญๆ แบบที่ว่ามีแต่ผู้บริหารระดับสูง มันเข้าไปนั่งฟังการประชุมบ่าเคียงบ่าได้เลยอะไรทำนองนั้น แต่ชิพเคยบอกผมว่าเบื่อเต็มทน ที่ต้องเข้าไปฟังคนทะเลาะกัน นั่นเป็นเพราะชิพโดนบังคับเข้าไปแท้ๆ(พูดยั่งกะนี่คือรัฐสภา =_+’)

       ต่อหน้าทุกคนผมพยายามรักษาระยะห่างไว้ ซึ่งชิพก็ร่วมมือ แต่มันทำท่าอายๆเอามือเกาหัว ไอ้บ้า!...ดูๆแล้วทุกคนไม่มีใครสงสัยหรอกนะ หรือว่ากรูประสาทแดกไปเองว่ะเนี้ย (-.-‘)

      พออยู่กันสองคน ไอ้ชิพก็เริ่มโอบผมบ้าง โฉบหน้าเข้ามาใกล้ๆบ้าง ทำเหมือนจะจูบ…ในที่สุดยอมได้แค่ให้ทำคล้ายๆกับ…กอดผมไว้ แค่นี้แหละ!

      “นี่ยังไม่ขอบคุณกูอีกเหรอ?”

      “~เรื่องอะไรวะ”

      “อ้าว ก็เรื่องยัยโศรยานั่น…”

      “ทำไม”

      “เอ่อ…เปล่า”

      ผมแบบว่า งงๆ…ก่อนจะถึงบางอ้อ

      “อย่าบอกนะ ว่าที่พี่โศโดนเล่นงาน ก็เพราะมึง!”

      ไอ้ชิพยักคิ้วหลิ่วตา เท่ห์ตายล่ะมึง คิดว่าตัวเองแน่มากหรือไง

       “มึงทำแบบนี้ได้ไง!”

      “เอาน่า ก็เค้าดูเหมือนคนร้าย ดันแกล้งแฟนกูนี่”

      “ใครแฟนมึงหา?!”

      “มึงไง”

      ไอ้บ้า!!! พูดเสียงดังแบบนี้ได้ไง!!!

      “อย่าพูดอะไรพล่อยๆแบบนี้อีกนะ ใครได้ยินเข้าจะว่าไง”

      “แล้วไงล่ะ”

      “คุณอุ๋มล่ะ…คุณอุ๋มแฟนมึงไง”

      ชิพหุบยิ้มลง หันหน้าออกไป…ก็ผมพูดความจริง คุณอุ๋มคือแฟนตัวจริงของชิพนี่…คิดว่ายังไงถ้าเขามาได้ยินมันพูดแบบนั้น…อย่างน้อยผมก็ไม่อยากเป็นตัวการทำให้ใครเสียใจ เพราะรู้ว่ากรรมชนิดนี้ตามเร็ว แถมยังเพิ่มของแถมให้อีกต่างหาก

      “ชิพ…มึงต้องเลิกทำเป็นเล่นๆแบบนี้…มึงมีแฟนแล้วนะ”

      เออ ลืมไป ชิพมีแฟนแล้ว

       แต่ผมก็กำลังเล่นบทเป็นแฟนลับๆ…ของมัน

       ไปแย่งเค้ามา แบบนี้

       …ทำไมถึง…เจ็บแปล๊บๆนะ…

      ยิ่งบอกว่ามันคือแฟนผม ทั้งๆที่มันไม่ใช่ ยิ่งตอกย้ำ…ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย ระหว่างผมกับชิพ

       ทว่าทำยังไง ผมก็ลืมมันไม่ลง

       เพราะ ‘รัก’ คำเดียว ถึงทนให้เป็นแบบนี้

       “เลิกพูดเถอะ…”

      เสียงชิพเบาหวิว ผมตีสีหน้าตอนนั้นของมันไม่ออกเหมือนกัน

      “แต่…”

      “อย่างน้อย ก็ขอให้กูโกหกตัวเองบ้างได้มั้ย?”

      ชิพถอยห่างออกไปจริงๆ มันไม่มองผม…ไม่พูด ไม่เจรจา ไม่แตะต้อง…ผมฝืนยิ้ม จับขามันเบาๆ

       “ช่างมันเถอะ…”

      “แดน…แล้วถ้ากูเลิกกับเค้าล่ะ มึงจะยอมเป็นแฟนกูมั้ย?”

      ผม…ตอบไม่ถูกเหมือนกัน

       “อย่าถามแบบนี้”

      “ไม่นะ กูกับคุณอุ๋มต่างรู้ดีว่าเราไม่ได้รักกัน กูบอกมึงแล้ว…คุณอุ๋มก็มีชีวิตของเขา กูก็มีชีวิตของกู เราแค่เล่นละครตบตาสังคมเท่านั้น”

      “ชิพ…แล้วกูจะเชื่อมึงได้เหรอ?”

       ชิพผงะ สีหน้าเหมือนโดนด่าว่าอย่างแรง…ผมขอพูดตรงๆเพราะไม่อยากให้ทุกอย่างสายไปจนเกินแก้ทีหลัง

       “มึง…มึงไม่เชื่อกู?”

      อืม…กูยังไม่กล้าพอที่จะเชื่อมึงหมดหัวใจ…

      “…เปล่านะ ก็แค่คิดว่า…ย่ามึงต้องไม่ยอมแน่ๆ”

       มันทำหน้าเศร้าๆ เฮ้อ…เอาอีกแล้ว ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมัน จุ๊บเบาๆที่กลางหัว มันกอดผมไว้แน่น

       “แดน…สักวันหนึ่ง กูจะเลิกกับเขา และเป็นของมึงเพียงคนเดียว…”

       คำสัญญา…ความหวัง…มันไม่สำคัญสำหรับผม คำสาบาน ที่ไม่เคยมีความหมายนับจากนี้ไป…ขอแค่ให้ชิพพิสูจน์ว่าวันนี้มันจะไม่ทำให้ผมเสียใจอีก   แค่นี้…ผมก็พอใจแล้วคับ

       นั่งเงียบๆ ไม่อยากขัดคอมันหรอกนะ ได้แต่ปรับเสียงให้ฟังดูร่าเริงเข้าไว้

       “แต่ก็ต้องขอบคุณมากนะ…เรื่องพี่โศน่ะ”

      เปล่าเลย ผมไม่ชอบให้มันทำแบบนั้น แต่แค่อยากให้ชิพยิ้ม…ผมขยิบตาให้ เรียกเสียงหัวเราะของมันจนได้…ทุกครั้งที่ผมจ้องมองตามัน มันร้าวไปทั้งหัวใจ…ทุกครั้งที่อยู่ใกล้มัน หัวใจก็เต้นแรงและช้าลงสลับกันอย่างควบคุมไม่ได้ นี่ผมเป็นอะไร หรือว่า…

      ผมตกหลุมรักมันอีกรอบ?

      ความจริงตั้งนานแล้วล่ะ -_-“ แต่ไม่ ไม่นะ ไม่เอาอีกแล้ว…ความเจ็บปวดแบบนั้นผมไม่อยากต้องเจอกับมันอีกเป็นรอบที่สอง ขอร้องล่ะ…อย่าให้ชิพใจร้ายแบบนั้นอีกเลย แต่ยิ่งห้ามใจ ก็ยิ่งรักๆๆมันมากยิ่งกว่าเดิม ทำยังไงดี…ผมห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้เลย

       มันยากเสียยิ่งกว่าตอนเริ่มรักมันซะอีก…





       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 19-03-2008 22:58:07
 o7 o7 o7 o7 o7

อ้ายยยยยยย

จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เพิ่งได้จิ้มตูดคนเขียนครั้งแรกอ่ะ

ดีใจ๊ดีใจ

สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะจ๊ะตะเอง

 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 19-03-2008 23:10:30
หวานเยิ้ม ชิพรักแดนจริงหวังแต่งหรือเปล่าน้อ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-03-2008 23:14:26
เจอคนเขียนดักไว้  เลยต้องอ่านไปทำใจไป  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 19-03-2008 23:22:58
หัวใจคนเรามันห้ามกันไม่ได้น่ะเหนื่อยใจจัง  o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 19-03-2008 23:27:30
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แม่แดนก็แรงซะ   :o12:

ขอให้ผ่านมันไปได้นะแดน+ชิพ  :a2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 20-03-2008 00:16:08
จิ้มด้วยยย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 20-03-2008 01:49:27
Alex ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :serius2:

มาขู่อีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 20-03-2008 02:19:36
เฮ้ออออออออออออออ แม่แดนเปลี่ยนไปปปปปปปปปปปปปป :o
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 20-03-2008 02:31:32
แหม ไม่เกลียดหรอกค่าคุณ Alex
 :m1:
เข้าใจค่า ยังไงเนื้อเรื่องก้อต้องเข้มข้นอยู่แล้ว

สนุกซะด้วย

มีอุปสรรคเยอะๆๆๆๆ  :m4:

ว่าแต่ มาย่อไวๆ แระเยอะๆ นะคะ :m12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 20-03-2008 08:21:48
อยากได้ยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอะ 555555555

เอาเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โห เมื่อวานโพสต์แค่ตอนเดียวเองอะ....

มาต่อไวๆละกันค้าบบบบบบบบบบ


 :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 20-03-2008 09:04:17
แค่นี้ยังเศร้าม่ายพออีกเหรอ

เรื่องมานจาเศร้าไปถึงไหนอะเนี่ย

ฮือๆๆๆ   :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 20-03-2008 13:26:26
 :m20:ซะใจอ่ะ   


แล้วไงต่อล่ะ :oni2:  เสด็จย่าจะออกโรงเมือ่ไหร่เนี้ย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 20-03-2008 16:28:45
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผมชอบอ่าครับผม

อ่านมาตั้งนานแล้วอยากบอกว่าเขียนได้ดีมากครับผม

แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะครับ

แดนกับชิพก็รักกันนานแล้วนะครับ

ไม่เห็นลงเอยด้วยกันแบบจริงๆๆจังๆซะที

ทนหน่อยครับเชื่อว่าวันนั้นวันที่รอคอยต้องมาถึงแน่นอน สู้ๆๆพี่แดนพี่ชิพ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 22 มาต่อแล้วจ๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 20-03-2008 20:15:04
ขอบคุณชาวบอร์ดที่น่ารักทุกท่านเลยนะครับ อ่านต่อกานเล๊ย~~~ :oni2: :oni2: :m1:


บทที่ 23



       “เฮ้ย! เฮ้ยๆๆๆๆ”

      ภาพตรงหน้าทำให้ผมตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ…นั่นมัน…นั่นมันไอ้กอล์ฟที่กำลังโดนฝ่าตีนนับสิบๆข้างรุมกระทืบอยู่!

      “~น้าๆ ไปช่วยเพื่อนผมหน่อย มันโดนรุม”

      น้าวิน’มอไซค์ก็แสนดี รีบวิ่งออกจากเพิงข้างๆไปยังหน้าร้านไอ้กอล์ฟ ตรงที่มันโดนรุมยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเองอยู่นั่นแหละ…มีไม้อยู่ใกล้ๆมือ ผมคว้าท่อนหน้าสามเข้าไปด้วย(แง่งงง~~~) ไอ้พวกเวนที่รุมกอล์ฟอยู่เห็นยกพวกมาจะช่วยมัน เลยรีบวิ่งหนีไป

       “แน่จริงอย่าหนีดิว่ะ!”

      แมร่ง~~ตอนนั้นหน้ามืดอยากเอาไม้ตีกบาลมันนัก นี่ถ้าไอ้ลิงกังไม่ร้องโอดโอยรอความช่วยเหลืออยู่ล่ะก็ ผมแพ่งแมร่งหัวแตกหมอไม่รับเย็บไปหลายรายแว้ว ฮืมๆ <<<(-_-“””)O:

       “ไอ้หนู เฮ้ย! เอ็งเป็น’ไรมากหรือเปล่าหา?”

      เสียงน้าวิน’มอไซค์ถามไอ้กอล์ฟ แต่มันอ้อแอ้ตอบ ผมเองรีบเข้าไปนั่งลงช้อนหัวมันขึ้นมา เชี้ยยยย…เลือดออกจมเลยนี่หว่า

       “น้าว่าพามันไปโรงพยาบาลเหอะ…ท่าทางจะหนัก”

      แต่มันรีบส่ายหน้า…ผมสงสารมันว่ะ ดูดิ หน้าตาบวมไปหมด ปากแตก เลือดไหลทั่วใบหน้า…ใครว่ะช่าง…สารเลวรุมคนไม่มีทางสู้ได้แบบนี้

      “อ้าว ไม่ไปแล้วจะทนได้เหรอไอ้หนู?”

      มันส่ายหน้าอีกครั้ง แต่ผมว่า ไอ้เฮ่งเจีย(คือ ผมแอบเรียกมันว่าเป็นไอ้หน้าลิงอยู่ในใจอ่ะคับ -_-*) คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ยังดีที่สมองไม่กระทบกระเทือน รับรู้ได้ ผมทดสอบด้วยการชูนิ้วไล่ถามไปเรื่อย มันก็ตอบได้หมด

       “เอางี้แล้วกันครับ บ้านผมอยู่ในซอยนี้เอง…ยังไง มันเป็นเพื่อนผม เด๋วผมพามันไปที่บ้านก็ได้”

      ผมตัดสินใจพยุงร่างกอล์ฟเดินมาถึงหน้าบ้าน ประตูรั้วล็อคอยู่ อ้าว สงสัยแม่ไม่อยู่บ้านแฮะ แต่เหนื่อยโคตร…ทำไมเป็นแค่ลิงถึงได้ตัวหนักยั่งกะควายป่าขนาดนี้ว่ะ ทั้งๆที่ไม่ได้ตัวใหญ่มากมายเลยนี่หว่า~~~ฮึบ!

      เราเดินโซเซทุลักทุเลเข้ามาในบ้าน ผมพามันขึ้นห้องนอนผม(อย่าคิดลึก = =”) แล้วรีบลงมาเอากล่องปฐมพยาบาลกับอ่างน้ำอุ่นและผ้าขนหนูสะอาดชุบเดทตอลขึ้นไป สภาพไอ้กอล์ฟ…ช่างทำให้นึกภาพ ‘โทรมยั่งกะหมา’ ได้ออกดีจริงๆ ก๊ากๆๆ!!! (เฮ่งเจียภาคพิสดาร)

      เสื้อนักศึกษาของมันเปรอะเลือดไปหมด เอ่อ…เอาไงดีว่ะ ผมมีความคิดว่าจะถอดเสื้อมันออกก่อน แต่ถ้ามันตื่นขึ้นมาล่ะ…จะปากหมาหาว่าผมข่มขื่นมั้นมั้ยว่ะเนี้ย -_-l

      กลัวมันหาเรื่องเจงๆ ไอ้แววตาข่มขู่ ท่าทางเถื่อนๆ บางครั้งก็ทำผมขำ…ทว่ารูปการณ์ตอนนี้แรงที่มันจะลุกยังแทบไม่มี ช่างแม่งมันเถอะ =_=’)

      มันเอามือปัดมือผม แต่อ่อนแรงเหลือเกิน…ในที่สุด เฮ้อ! โล่งอก โชคดีที่มันใส่เสื้อกล้ามสีขาวไว้ข้างในอีกตัว ผมเลยหยุดมือไว้แค่นั้น รีบวิ่งไปหยิบเสื้อของตัวเองเตรียมไว้ให้มัน จากนั้นก็เริ่มลงมือเช็ดตัว

       “เฮ้ย กอล์ฟ กอล์ฟ! ได้ยินกูพูดบ้าง’เปล่า?”

      มันอือๆไม่รู้เรื่อง เลยได้ตบหน้ามันไปหลายทีอยู่(หุๆ เอาคืน >o<) ตามเนื้อตัวไอ้กอล์ฟมีรอยฟกช้ำสดๆใหม่ๆเต็มไปหมด…สำรวจที่แผ่นหลัง รอยแดงๆที่คาดว่าน่าจะเป็นรองตีนก็…หลายที่อยู่

       “…กูอยู่ที่ไหน?”

      “ที่บ้านกู แดนไง…จำไม่ได้แล้วเหรอ”

      มันทำท่าจะลุก แต่ผมกดมันลง จับให้มันอยู่เฉยๆเพื่อเช็ดหน้าให้สะอาด แล้วก็เอาสำลีมาซับห้ามเลือด

       “มึงโชคดีมากนะที่แผลไม่ลึก คงไม่ต้องเย็บอ่ะ”

      “มึง…มึงพากูมาที่นี่ทำไม”

       “อ้าว ไอ้นี่” กูเป็นคนช่วยมึงนะ ยังจะมาทำเสียงเข้มใส่กูอีก เด๋วปั๊ดบีบคอตายเลย ไอ้ลิงกังปากหมา!!! >o< “ก็กูเห็นมึงโดนรุมกระทืบอยู่ เลยช่วยมา…รู้งี้ปล่อยให้โดนมากกว่านี้ซะดีกว่า”

      “…ใครบอกให้มึงยุ่งเรื่องชาวบ้านว่ะ”

      อ้าวๆๆ! ปากไอ้ห่านี่!!!

      “พูดแบบนี้กูไล่ออกไปจริงๆด้วย”

      ผมชะงักมือ มันมองผ่านตาแดงๆบวมๆมาที่ผม ฉายแววอ่อนล้าแต่ยังทำเก๊กเข้ม…จะดุผมว่างั้นเหอะ แต่คราวนี้นี่แหละกูจาเอาตีนกระทืบมึงต่อเอง สาดดด~~~

      “…เอ่อ ขอโทษที”

      ผมก้มลงไปหยิบผ้าก็อตแปะแผล แอบยิ้มเล็กน้อยที่คนอย่างมันเอ่ยปากขอโทษผม

      “ว่าแต่ วันนี้ไม่เปิดร้านเหรอไง”

      “เออ ป๊ากูไม่อยู่บ้าน กลับมาเจอพวกนั้นก่อนพอดี ก็เลยมีเรื่อง”

      “แล้วมึงไปทำอีท่าไหนว่ะ ถึงโดนตีนเยอะแบบนั้น”

      มันถลึงตามองผม 555+ แอบด่าคนเจ็บนี่ก็สนุกไม่ใช่เล่นเนอะ(เพราะตอบโต้ไม่ได้ไง)

       “ล้อเล่นๆ”

      “…กูเพิ่งเลิกกับแฟนมา ไอ้เด็กหัวโจกนั่นมันแย่งแฟนกูไป”

      “อะไรว่ะ แล้วมึงไปท้าดวลมันเหรอ?”

      “ป่าว เคยต่อยกับแมร่งแล้ว…ความจริงกูไปแย่งเมียมันมาอีกที”   

      อ้อ เรื่องเป็นแบบนี้เอง สมน้ำหน้า เหอะๆ o_O*

       ทำแผลเสร็จแล้ว ผมหยิบยาแก้ปวดให้มัน ต้องพยุงหลังขึ้นมาป้อนน้ำดื่มให้ แมร่ง กูอย่างกะนางพยาบาลมิสไนติงเกลเลย…แต่เห็นแล้วอดสงสารมันไม่ได้อ่ะ ผมเคยติดหนี้ไอ้กอล์ฟ(แม้จะเป็นหนี้บ้าบออะไรของมันนั่นก็ตาม) มีสัจจะพอจะรักษาคำพูด ตอนนี้ถือว่าผมชดใช้มันแล้ว แต่ก็ยังต้องยอมให้มันนอนพักต่อไปจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้าอยู่ดีอ่ะ…

      “งั้น…คืนนี้กูนอนพื้นก็ได้”

      กอล์ฟค่อยๆเลื่อนตัวลงไปนอนยาวบนเตียงที่แสนนุ่มของผม (ไม่อิจฉามันเล๊ย >o<)…มองมาทางผมแปลกๆ

       “ขอบคุณนะ…”

       อืม ความจริงแล้วกอล์ฟก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไรนัก



      กลางดึกคืนนั้น มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น…

      ตอนที่กำลังหลับสนิทดีๆอยู่ =_=" จู่ๆก็มีเสียงอะไรหล่นลงมาจากเตียงดังตุบ! พร้อมทั้งอะไรหนักๆทับลงมาที่ตัวผมเต็มๆ!

      “เฮ้ย@!!!”

      ผมสะดุ้งโหยง ร้องจ๊ากอย่างตกใจกลัวนึกว่าโจร ไอ้ห่า…ปรากฏว่าเป็นไอ้กอล์ฟ

       “กู…กูหิวน้ำ”

      “แล้วลงมาทับกูทำไมเนี้ย???”

      อ๊อกส์ หายใจไม่ออก

      “กูเอื้อมมือไปหัวเตียงไม่ถึง…ตัวกูเคล็ด ไม่ทันระวังเลยหล่นลงมา”

      เชรี่ย~~~

      “ทีนี้ลุกออกไปได้ยัง”

      “…มันลุกไม่ได้อ่ะ กูลุกไม่ไหว…”

      เสียงมันอ๋อยๆผิดไป ขำก็ขำ…รำคาญก็รำคาญ ในที่สุดก็ถีบตัวมันออกไป โอย…หายใจแทบไม่ทัน แฮกๆ

      “ทำไมตัวมึงนุ่มจังว่ะ…ยั่งกะผู้หญิงเลย”

      เย้ย ไอ้!!! O[]O!!

       “มึงคิดอะไรของมึงเนี้ย?!>”

      “อะ…เอ่อ เปล่า…แค่บอกว่ามันเหมือน…”

      สายตาไม่ได้ตั้งใจมองต่ำลงไปหรอกนะ แต่เป้าของไอ้กอล์ฟนี่ซิ นู่นเป่งขึ้นมาจนแทบกลายเป็นเนินภูเขา

       ไอ้ลิงลามก!@!!!

      “ไอ้…ไอ้เหี้ย! ไอ้บ้า มึงคิดอะไรของมึงเนี้ย!!! กูไม่ใช่เมียมึงนะเว้ยยย!!!”

      มันเบิกตากว้าง รีบเอามือมาปิดปากผม ผมดิ้น มันก็จับแขนไว้แน่น เชี้ย~~~ทียั่งเงี้ยเอาแรงมาจากไหนว่ะ

      “อย่าเสียงดังเซ่…ดะ เดี๋ยวใครได้ยินกันหมดหรอก!”

      ไอ้เลว ไอ้บ้า ไอ้ชาติxxx ไอ้ๆๆ@#$%^!!!

      “ลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาให้หน่อย กูหิวน้ำ”

      อ้อ นี่มึงสั่งกูเหรอ??? แต่พอมันปล่อยมือ…ผมก็ลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาให้มันดื่มแต่โดยดี แถมยังต้องป้อนมันอีกนะ…เฮ้อ กรรมอะไรของกูว่ะ ToT

       “ขอบคุณนะ…”

      “ลุกขึ้นไปนอนบนเตียงซิ”

      “ไม่เอา ลุกไม่ไหว”

      “แล้วจะเอายังไง!”

      ผมตะคอก คือเหนื่อยมาทั้งวัน แถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน

      “ขอนอนตรงนี้แล้วกัน ได้มั้ย?”

      โอย หงุดหงิดเว้ย!!! ผมส่ายหัวอย่างเสียอารมณ์ นอนตะแคงลงไปอย่างกระฟัดกระเฟียด

       “กูขอผ้าห่มหน่อยซิ”

      “โอย~~~…อะไรกันนักกันหนาว่ะ มึงก็เอาของบนเตียงมาห่มซิ อย่ากวนได้มั้ยกูอยากนอน”

      มันหัวเราะฮึๆ แต่ดันกระชากผ้าห่มของผมไปเต็มๆ แถมยังเบียดตัวเข้ามาด้วย

      มันจะทำอะไรว่ะ?

      ใจเริ่มเต้นตึกตัก…เพราะความกลัวมันจะฆ่าเอาหรอกนะ…ผมกับมันไม่ถูกกันนี่ ไม่ใช่เพราะว่ามันเอ่อ…ช่างมันเถอะ แต่ไม่ได้ใจเต้นแรงอย่างที่คิดหรอก…

       “…รู้มั้ย? ไม่เคยมีใครห่วงใย…ดูแลกับกูแบบนี้เลย”

      จู่ๆมันก็พูดขึ้น…กรูเลยนอนไม่หลับเลย นอนฟังมัน แต่พยายามไม่ให้มันรู้ว่าผมตื่น

      “มึงเป็นคนแรก…ที่คอยทำแผลให้กู คอยหยิบน้ำให้กูตอนที่กูเอื้อมไม่ถึง…ป๊ากูเค้าไม่สนใจหรอกว่ากูจะไปตีรันฟันแทงกับใครที่ไหน ขอแค่กูช่วยเค้าขายของทุกๆวันก็พอแล้ว”

      นี่แสดงว่า ไอ้กอล์ฟเป็นนักเลงหัวไม้ประจำเลยเหรอ?

      นั่นคงอธิบายอุปนิสัยดิบเถื่อนของมันได้ดี

       เฮ้อ…เฮ่งเจียขาดความอบอุ่น o_O*

       “ตอนนี้กูคงไม่ต้องนอนหิวน้ำไปตลอดทั้งคืนแล้ว…มึงเป็นคนแรกที่ดูแลกูแบบนี้”

       เชื่อเลย…ผมแอบหน้าแดง >///< ด้วยความเขินแปลกๆอยู่ข้างๆมัน…

       หรือว่าคารมเฮ่งเจียนี่…จะประมาทไม่ได้จริงๆ เจี๊ยก*!O_o_O!!!

 “เฮ้อ~~~ไม่นึกเลยว่าจะเป็นมึงนะเนี้ย…เฮ้ย ฟังอยู่เปล่าว่ะ?”

อ้าว (=_=+) ไหงชมกูอยู่ดีๆ ทำเสียงซังกะตายแบบนั้นใส่ได้ไงว่ะ <<<(=_=*)o

      ผมเผลอขยับตัวนิดเดียว ตายห่า~~~หลับตาปี๊ ปิดหูปิดตาไม่ฟังเสียงมันดีกว่า สักพัก…มือของมันก็ขย่ำลงมาบนแก้มก้นของผม เย้ย!!!

       ผมสะดุ้งโหยง…

      “อ้าว ยังไม่หลับนี่นา”

      “มึงเล่นอะไรของมึงเนี้ย!!! กูเจ็บ(ตูด)นะเฟ้ย!!!”

      หันไปทุบอกมันแรงๆ เรียกเสียงร้องออกมาดังไม่น้อย

       “ก็แค่พิสูจน์ดู…ว่าก้นมึงบริสุทธิมากแค่ไหน”

      ผมหน้าแดง ไอ้เลว…นอกจากจะดิบเถื่อน ปากหมา พูดจาเลวทราม…ยังลามกแม้กะลังเจ็บปางตายแบบนี้อีกด้วย…ไอ้หมากอล์ฟ! ไอ้ลิงบ้า@#$%~~~ (ไม่รู้จะด่ามันว่าอะไรดีแล้วง่ะ =_=”)

      มันหัวเราะต่อไป ส่วนผม…เอาหมอนมาปิดหูพยายามทำใจหลับต่อให้ได้…แต่ทำไมเรื่องเหงาๆและความโดดเดี่ยวของกอล์ฟ ถึงได้วนเวียนจนผมนอนไม่หลับ…มัวแต่สงสารไอ้ลิงบ้านี่อยู่ได้นะ?



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: POR@B ที่ 20-03-2008 20:47:21
เดกใหม่มาวิ่งซุกซนคับ :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:

ติดตามต่อไป :m4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 20-03-2008 21:02:25
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับกอฟร์ก็น่ารักนะครับ อิอิ

แล้ว ชิพ แอล หายไปไหนอะครับ

ไม่เห็นมีบทบาทเลยตอนนี้ อิอิ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-03-2008 21:22:30
กอล์ฟมาแว้ว  :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 20-03-2008 21:32:20
อย่าบอกนะ ไอ้กอล์ฟจะมาติดพันแดนอีกคน  :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-03-2008 22:03:04
อ้าววววววววววววววววววววววว ชิพล่ะ

แต่กอล์ฟเองก็น่ารักดีเนอะ เหมาหมดเลยได้ป่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 20-03-2008 22:43:34
เด็กใหม่ออกมาแล้ว
นู่แดนจะเลือกใครดี
คิดไม่ออกส่งมาให้แอนดี้ทั้งหมดก็ได้
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: artsitnarak ที่ 20-03-2008 22:56:08
เวงกำ



 :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 20-03-2008 23:58:42
เอากอล์ฟเลยลูกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!!!!!!!!!




เอ่อ ... หมายถึงว่า ให้เลือกกอล์ฟเลยนะลูก ....


อย่าคิดมาก


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 21-03-2008 00:00:40
เริ่มมาติดพันหลายคนแล้วนะเนี่ย หุหุ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 21-03-2008 00:19:39
แดนจะเปลี่ยนใจจากชิพหรอ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ~•SAkurAIro•~ ที่ 21-03-2008 00:56:38

เพิ่งเข้ามาอ่านงับบบ  :o8:

เรื่องหนุกมั่กมายงับบบ

คิดถุงพี่มาร์คคคคคคคคคคค  :oni1:

รอติดตามตอนต่อไปงับบ  :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: wareehero ที่ 21-03-2008 01:58:07
เพิ่งเข้ามาอ่านภาค1-2คับ
เขียนดีมากๆๆ เปงกำลังใจให้คัม

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 21-03-2008 02:07:20
กอล์ฟน่ารักจังอิอิอย่าเผลอใจนะแดน

ชิพยังอยู่ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 21-03-2008 02:15:17
เปลี่ยนบรรยากาศมากิ๊กกะกอล์ฟก็ดีน๊าอิๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: kalo_o_sm ที่ 21-03-2008 03:02:01
 :m22:


 :m24:

เป็นปาๆให้ชิพ


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Mp_qM ที่ 21-03-2008 08:56:17
 :sad2:ขอร้องเหอะครับ


 :o12:อย่าเขียนให้เศร้ากว่านี้เลยครับ


 :a6:แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้วครับ 


 o7แต่ละฉากแต่ละตอน


 :serius2:บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน


 :oni1:ขอให้มันมีความสุขบ้างเหอะ


 o12ไม่ใช่มหากาพย์ Odyssy  นะคร๊าบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 21-03-2008 09:23:25
เดวได้เป็นยเรื่องแน่ๆ เลย

เหอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: premkoe ที่ 21-03-2008 10:50:40
แดนนี่แรงจิงๆ
แอบมีเยอะจิงๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 21-03-2008 17:51:55
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 :oni1: :oni1: :oni1:




บทที่ 24



       “แอล มึงมาบ้านกูหน่อยได้มั้ยว่ะ?”

      ผมกระซิบกระซาบกับโทรศัพท์ขณะกำลังแอบออกมาโทรฯหาแอลด้านหลังบ้าน ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าไอ้ตัวป่วนข้างบนน่ะซิมันจะได้ยินเอา

       “เฮ้ย ทำไมว่ะ? แดน ทำไมทำเสียงแบบนั้น เป็นอะไรรึเปล่า?”

      “เฮ้อ…มึงมีเพื่อนชื่อไอ้กอล์ฟบ้างหรือเปล่าล่ะ”

      แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง ตั้งแต่ไอ้ลิงกังห่าลากนี่โดนซ้อม(เชื่อมั้ย จากเด็กมัธยมนะนั่น…) ช่วยมันกลับมาทำแผลให้ ปล่อยนอนพักที่บ้าน ส่วนตอนนี้ผมจะไปทำงานแล้ว และ…ไอ้กอล์ฟไม่ยอมออกไปจากบ้านผมสักที

       มันน่ากลัวยังไงไม่รู้…เหมือนกะจะอยู่บ้านนี้ไปเลยอ่ะ…

      ไม่รู้ซิ แต่ไล่เท่าไรก็ไม่ไป มันงอแงบอกว่าจะขอนอนอยู่ต่ออีก o_O* แถมยังน่าด้านมาข่มขู่ผมว่า ‘เจอดีแน่’ ตามฉบับของมันอีก โธ่เอ๊ย แน่จริงเมื่อวานมึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ พอผมทำท่าจะลากมันลงมาจากเตียง แมร่งก็ทำตาขวางจะกัด อย่างกะลิงบ้าไม่ได้ฉีดยาฤดูร้อน T^T

       “จริงดิ…ไอ้กอล์ฟโดนรุมเหรอว่ะ?”

      เสียงแอลซีเรียสขึ้นมาทันที(เพิ่งรู้สึกตัวหรือว่ะo_O*…) คงโกรธพี่เพื่อนโดนทำร้าย(แต่กรูสมน้ำหน้ามากกว่า)

      “เฮ้ยแอล…เรื่องมันจบไปแล้วน่ะ กูตีหัวกบาลฝากเผื่อให้สองสามคนแล้ว”

      “มึงเนี้ยนะ?” ทำไมทำเสียงไม่เชื่อแบบนั้นว่ะ เสียเซลฟ์นะเฟ้ย =_=”

      “เออดิว่ะ…อย่าไปต่อความยาวสาวความยืดเลย ให้เรื่องจบๆเหอะ อีกอย่างนะไอ้กอล์ฟเองเป็นคนไปแย่งเมียเค้ามา สมควรโดน มึงรีบๆมาแล้วกันอย่ามัวโอ้เอ้อยู่เลย กูจาได้รีบไปทำงานด้วย”

      “เออๆ เดี๋ยวกูไป เนี้ยอยู่กับชิพพอดี แค่นี้นะ”

      หะ หา? เมื่อกี้มันบอกว่าอยู่กับใครนะ?

       ชิพงั้นเหรอ?

      “ฮะ เฮ้ยไอ้แอล! เฮ้ยเดี๋ยว”

      เสียงตู๊ดๆ…พอมันวางสายไปแล้ว ไอ้เชรี่ย~~~ทีนี้กูจาจัดการยังไงดี ถ้าไอ้ชิพที่ขี้หึงสุดๆมาเห็นเข้า มันก็เท่ากับว่า…ผมพาผู้ชายมานอนที่บ้านสองต่อสองงั้นซิ???

      เชี่ย…กรูตายแน่ TT^TT



       ระหว่างเวลาที่นั่งทบทวน สงบจิตสงบใจ…เสียงเครื่องยนต์บีเอ็มฯซีรี่สามของแอลก็ดังใกล้เข้ามา โอย ตื่นเต้นโว้ย!!!

      “หวังว่าชิพคงจะมีเหตุผลนะ…”

      แอลเดินนำชิพเข้ามา ร่างที่สูงกว่าไอ้ชิพเล็กน้อยของมันอยู่ในชุดนักศึกษาสีขาว ผูกเนคไทเรียบร้อย ชิพก็เช่นกัน

       “อยู่ไหนล่ะ?”

      “บนห้อง…เอ่อ กู”

      แอลกระพริบตาปริบๆ เหมือนจะรู้ทัน สลับกับมองหน้าผมกับชิพ…ซึ่งแข็งทื่อไร้อารมณ์ขึ้นมาทันที

       “ค่อยๆพูดจากันล่ะ…”

       มันรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน

       “เอ่อ…ชิพ มึงกินข้าวเช้ามาหรือยัง”

      “กินแล้ว…แดน มึงพาใครก็ไม่รู้เข้าห้องนอนมึงเลยเหรอ?”

      หว่า~~~เริ่มแล้วครับท่าน ไอ้ชิพเริ่มแล้ว…TT_TT

       “ไม่ใช่ใคร เพื่อนกูเอง”

      “ไหนบอกเพื่อนของแอลไง”

      “กะ…ก็ใช่ แต่ก็เป็นเพื่อนกูด้วย มันขายข้าวต้มอยู่ร้านหน้าปากซอยไง กูเห็นมัน เลยช่วยมา”

      “แต่ก็ไม่เห็นจะต้องพาเข้าไปถึงห้องเลยนี่”

      เฮ้อ…อธิบายให้ไอ้พวกผู้ชายขี้หึงฟังเหตุผลของเรานี่ เหนื่อยชะมัดเลยเนอะ ฟู่ว!...

      ”ชิพ เดี๋ยวมึงก็เห็นสภาพไอ้กอล์ฟ มันแย่จริงๆ กูสงสารมัน กูเลยต้องช่วยมัน”

      ชิพมองหน้าผมแบบตัดพ้อ เจ็บปวด…อะไรว่ะไอ้บ้า ตัวก็โตเป็นหมีควาย(นี่ๆ ด่าเป็นสองชนิดเลย^_^) ผมเดินเข้าไปยืนข้างหลังมัน ลูบหัวนุ่มๆเป็นการปลอบใจ

      “มีเหตุผลหน่อยดิวะ กูน่ะเชื่อเลยว่าถ้ามึงเป็นกู ก็ต้องตัดสินใจช่วยกอล์ฟเหมือนกัน”

      ผมเริ่มยิ้มง้อๆ ชิพยังหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ…เลยเอาแก้มไปถูหน้ามัน(ขอร้องอย่าให้ไอ้แอลลงมาเห็นเล๊ย หรือว่าแอบดูอยู่บ้างหรือเปล่าเนี้ย???) ชิพค่อยดีขึ้น แต่ยังไม่ยิ้ม…ผมเลยก้มตัวลงไปกอดมัน คลอเคลียซะสุดตัวขนาดเนี้ย! ไม่หายโกรธไม่ได้แล้วน๊า o(>_<)o

       “โอเค…กูเข้าใจแล้ว”

      ดีมากไอ้หมา…เอ๊ย ไอ้ชิพ ^_^

       รอยยิ้มของมันคลี่ให้เห็นได้ไม่นาน ไอ้ลิงกังเจ้าปัญหาก็โดนแอลลากลงมาจากข้างบน เสียงฝีเท้าตึงๆของมันทำให้ผมคลายกอดออกจากชิพทันที อ้าว ไหนมันบอกว่าเดินกลับบ้านไม่ไหวอย่างงู้นอย่างงี้ไง ทำไมทีนี้ถึงเดินฉับๆลงมาแบบนั้น ไอ้บ้า!…

      “กลับบ้านมึงไปซะกอล์ฟ” แอลสั่งเสียงเข้มตามหลังไอ้กอล์ฟ ผมมองไปที่หน้าไอ้คนโดนยำมา ฮุๆ เละได้จายเจงๆ

       “โห ขอแค่มานอนพักแค่เนี้ย ทำเป็นงกไปได้ ทีหลังมึงอย่าช่วยกูดีกว่า”

      มันมองมาที่ผม แววตาคมกริบของไอ้กอล์ฟเกือบจะไม่กล้าสบด้วย…

       แล้วมันก็มองไปที่ชิพ ชิพจ้องตามันนิ่ง กอล์ฟตากระตุกนิดๆ O[]O!! ผมรู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะๆ!! หึ๋ย…ไอ้แอลช่วยกูด้วย~~~

      “กอล์ฟ กูบอกให้กลับบ้านไง”

      แอลรีบพูดอย่างรู้หน้าที่ มองมาที่ผมอย่างเห็นใจ…มือของผมวางไว้ที่บ่าของชิพบีบแน่น

      “เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”

      แต่ชิพขมวดคิ้ว ในที่สุดมันก็ยอมลุกออกจากเก้าอี้ แล้วพวกเราทั้งหมดก็เดินเรียงแถวกันออกไป มีแอลนำหน้า ตามด้วยผม ตามด้วยกอล์ฟที่หน้าบูดเบี้ยวเล็กน้อย และชิพเป็นคนล็อคประตูบ้าน

       หมับ!

       “เฮ้ย~!”


      ผมสะดุ้งโหยง ไอ้เลวกอล์ฟ…มัน…มันจับก้นผมอีกแล้ว!

      “ฮ่าๆๆๆ”

      “เป็นอะไรว่ะแดน?” แอลถาม

      “ก็…ก็ไอ้กอล์ฟเนี้ยมันจับก้นกูอ่ะ”

      เย้ย!!! ลืมไป ไอ้ชิพอยู่ด้วยนี่หว่า~~

      “มึง!”

      ขาดคำ ไอ้ชิพกระชากคอเสื้อกอล์ฟยกสูง แอลวิ่งเข้าไปห้ามกอล์ฟที่ดูเหมือนต้องแพ้แน่ๆ(ชัวว์…o=_=o) ส่วนผมดึงชิพไว้ พวกเราชุลมุนกันอยู่ตรงนั้น ขนาดยังไม่ออกมาพ้นเขตบ้านเลยก็มีเรื่องทะเลาะกันซะแล้ว เฮ้อ~~

       เพราะไอ้กอล์ฟคนเดียว เพราะมันคนเดียว! TT_TT

      “มึงเป็นอะไรของมึงหา?!” ไอ้กอล์ฟทำท่าจะโดดเข้าใส่ชิพ ถุย! ไอ้ลูกหมา หาเรื่องเขาระวังมึงน่ะแหละโดนซ้ำกลับมา

       “มึงทำแบบนี้กับแดนได้ไง ทำได้ไง!”

      ส่วนไอ้ชิพก็เถียงคอเป็นเอ็นเช่นกัน เส้นเลือดขึ้นปุดๆ โห แรงควายนี่เกือบทำเอาผมหลุดมือหลายรอบแล้วแฮะ

      “แล้วมึงเป็นใครล่ะ เสือกเรื่องอะไรชาวบ้าน?”

      “กูก็เป็นแฟนแดนน่ะซิ ได้ยินมั้ย! กูเป็นแฟนแดน”

      เกิดความเงียบขึ้นโดยฉับพลัน ขณะที่พวกเราทั้งสี่คนยืนอึ้ง ทึ่ง ตะลึงอยู่ตรงนั้น…แม่ก็เปิดประตูรั้วเข้ามา

       “อ้าว นี่เกิดอะไรขึ้น?”

      ไอ้แอลเป็นคนแรกที่ได้สติ ลากตัวไอ้กอล์ฟที่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกไปขึ้นรถของมัน ขับออกไป…แม่มองหน้าชิพ แต่ผมรู้ว่าแม่จำชิพได้ และรู้เรื่องบ้าง แม่มองชิพด้วยสายตาคมๆ…จนมันเองก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ยกมือไหว้แม่ได้แค่อย่างเดียวแล้วจูงมือผมออกไป

      “เฮ้ยชิพ…เดี๋ยวก่อน”

      มันไม่ฟังคำประท้วงของผม แม้จะพยายามดิ้นรนเท่าไร มือแข็งแรงของมันก็ไม่หลุดออกจากข้อแขนของผมสักที

       “ทำไมมึงถึงปล่อยให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ มึงมีอะไรกับมันแล้วใช่มั้ย?!”

      “ไม่ใช่นะชิพ มึง…มึงฟังกูก่อน ปล่อยกูก่อนนะ”

      ผมพยายามพูดกับมันดีๆ แต่มันกลับตะคอกใส่ผมแทน

      “ไม่! จนกว่ามึงจะบอกความจริงมา…ทำไมแดน…ทำไมเมื่อวันก่อนกูยังมีมึงอยู่บนเตียงของกู กอดมึง เป็นของกู…แต่ทำไมวันนี้มึงถึงไปอยู่กับคนอื่นแล้ว ทำไม?”

      ความรู้สึกแบบเก่าๆย้อนกลับเข้ามาอีกแล้ว มันทำให้ผมอ่อนแอในบันดล…ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงนี้มาจากคำพูดของชิพ ดวงตาของผมเจ็บแปลบอีกแล้ว…รู้สึกว่าในอกเหมือนมีใครมาทุบๆๆจนปวดร้าวไปหมด

      “ชิพ…มึงฟังกูก่อน มึงก็เห็นว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ไอ้กอล์ฟมันเจ็บหนักขนาดนั้น”

      “ฮึ!…เจ็บหนักแล้วไง มันกล้า…ทำแบบนั้นกับมึง ต่อหน้าคนอื่น มันทำเหมือน…เหมือนมันเป็นเจ้าของมึง”

      ชิพกัดฟันเค้นคำพูดออกมาทีละคำ เพียงเพื่อจะตอกย้ำความเจ็บปวดให้ผม น้อยเนื้อต่ำใจ…น้ำตาจู่ๆมันก็รื้นขึ้นมา แต่ผมกลั้นไว้…อดทนๆ อดทนไม่ให้ผู้ชายคนนี้ทำผมเสียใจอีก

       “มึงไม่เชื่อ…กูไม่รู้จะพูดยังไง”

      “มึงพิสูจน์ซิ ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่กูคิดจริง”

      “จะให้กูทำยังไง…กูทำไม่ได้! ไอ้บ้า มันไม่ได้เป็นแบบนั้น!”

      “งั้นกูคงเชื่อมึงไม่ได้หรอกแดน…”

       วินาทีนั้น ความอดทนเฮือกสุดท้ายฉีกขาดออกจากอก

       พิสูจน์? มันต้องการให้ผมพิสูจน์?...

       “กูจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งก็ได้…แต่ชิพ มึงจะไม่มีวันเข้าใจสิ่งนี้”

      “แหงล่ะ เรื่องของไอ้ห่านั่นนี่…”

      “~เปล่า…มันคือความเสียใจ…ความเสียใจที่กูต้องทนแบกรับไว้จากคำพูดของมึง เหมือนเรื่องเก่าๆเดิมๆตลอดห้าปี กูเบื่อ…ความเจ็บปวดนี้แหละที่มึงไม่มีวันเข้าใจ”

       ชิพอึ้งๆ มันโกรธจนหน้าแดง แต่คนขี้โมโหร้ายก็ควรจะระงับอารมณ์หน่อยไม่ใช่เหรอ

       “นี่…แดน กูขอโทษ…แต่ว่า-“

      “อย่า! คำขอโทษง่ายๆเดิมๆ กูไม่ต้องการได้ยิน! ตั้งห้าปีกูยังลืมเรื่องความเลวที่มึงฝากไว้ได้ ตอนนี้มึงต้องการให้กูพิสูจน์…มึงอยากได้นักใช่มั้ยไอ้ความทรมานแบบนั้น อ้อ ได้! เดี๋ยวกูจะทำให้มึงรู้สึกเอง แล้ว…มึงจำใส่หัวไว้ด้วยว่ากูไม่ใช่แฟนมึง!…เราไม่ได้เป็นอะไรต่อกันแล้ว จำไว้!”

      จำไว้…ความรู้สึกเจ็บปวดซ้ำซากแบบนี้…จำไว้ให้ดีๆ…

      ผมหันหลังให้กับชิพ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไปแล้ว…ต่อไปนี้ผมจะทำให้ชิพเจ็บปวดแบบผมดูบ้าง และมันจะไม่ใช่ความเจ็บปวดที่กินเวลาแค่ห้าปีหรือสิบปี…แต่ทั้งชีวิต ชิพจะต้องจดจำไปตลอดชั่วชีวิต!




       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: nananon02 ที่ 21-03-2008 18:04:55
คืนดีกันไม่ทันไร   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 21-03-2008 18:47:21
อีกแล้วทะเลาะอีกแล้ว o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-03-2008 18:56:00
ชิพบ้า ทำเสียเรื่อง  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 21-03-2008 19:10:09
อีกแร้วหรอ

อะไรกันฟ่ะ

ไอ้ตัวต้นเหตุเงียบบบบบบ!!!

...

มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 21-03-2008 19:17:02
เศร้าๆๆๆๆๆ   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 21-03-2008 19:35:14
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:สงสัยจะไปหากอล์ฟแน่ๆเรยประชด :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 21-03-2008 19:53:26
แดนจาทำไรว้า  :o
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 21-03-2008 20:28:01
มาอ่านรวดเดียวเลยคับ
 :m23:
อ่านตอนล่าสุด
เศร้าเลย
 :m15:

อย่าทะเลาะกันบ่อยเลยน๊า
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: toyzaa ที่ 21-03-2008 20:34:30
 :angry2:โหยยยยยยยยยยยชิพอ่ะไม่เคยเข้าจายแดนเรยยยยยเฮ้อ
 :oni2:มาต่ออีกน่ะครับ  o13
 :m1:เป็นกำลังใจให้น่ะ (ต้นน่ะครับ) :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 21-03-2008 21:12:05
ปล่อยวางบ้างก็ได้นะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 21-03-2008 21:16:18
ใจเย็นๆสิคะ

ค่อยๆพูดค่อยจากันนะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: artsitnarak ที่ 21-03-2008 21:25:42
พี่แดน



โหดๆๆ



อ่ะ



ก้พี่ชิพ



เขาโมโหหึงนิหว่า




 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 21-03-2008 23:49:41
สะใจ หึหึหึหึ  :m20:


สมน้ำหน้า ..... ขาดสติดีนัก สมน้ำหน้า



หึหึหึหึหึ  :m14:



ปล. แหม้ ...  ALeX ใจดีจริงๆ ..... มาแปะให้อ่านทุกวันเลย  :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 21-03-2008 23:55:53
กำ กี่วันเนี่ยที่คืนดีกันอ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-03-2008 03:02:54
ชิพ.............ง้อด่วน

ถ้ายังโง่อีกก็ช่วยไม่ได้น่ะ เพราะสงสัยแดนเอาจิงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 22-03-2008 09:20:53
ทะเลาะกันทำไมเนี่ย

แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 22-03-2008 11:44:43
 :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 22-03-2008 15:26:01
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

        ทะเลาะกานอีกจนได้
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 22-03-2008 17:04:54
บอกได้คำเดียว เวรกรรม มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 o12     o12      o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 22-03-2008 17:26:50
นี่มันอะไรกานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-03-2008 17:44:10
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม คืนดีกันได้ไม่ทันไรก็เป็นแบบนี้ซะละ

แดนกับชิพค่อยๆๆคุยกันนะครับ

แล้วคืนดีกันเร็วๆๆนะครับผม

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 22-03-2008 18:51:56
เอ่อ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้  :serius2:

เจ้าช็อกชิพก็ปากไวจริงๆ พูดอะไรไม่นึกถึงแดนบ้างเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 22-03-2008 20:53:04
ดีคับ ยุ่งมากๆๆๆๆ เอามาลงให้สองตอนและกาน เดี๋ยวไปและ(เจอกันประมาณวันพฤหัสฯหน้านะครับ ผมไปญี่ปุ่นกับครอบครัว เดี๋ยวกลับ)



บทที่ 25



       “แดน…เป็นอะไรหรือเปล่า?”

      แอลถามขึ้นขณะที่ผมกำลังเหม่ออยู่ ขณะนี้เรากำลังนั่งกินอาหารเที่ยงกันอยู่กับเพื่อนๆที่ร้านอาหารชั้นล่าง แต่ดูเหมือนบรรยากาศดีๆกับอาหารอร่อยๆจะไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น…

      “อืม…ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

      “โกหก กูเห็นมึงนั่งเหม่อแบบนั้น…คุยกับชิพไม่รู้เรื่องเหรอ?”

      น่าละอาย…’ทะเลาะกับชิพอีกแล้วเหรอ?’…คือประโยคที่ผมกลัวมันถามมากที่สุด

       แค่ชื่อของมันก็ทำผมสะอิดสะเอียนเต็มแก่…แต่ต่อไปนี้ผมจะทำเหมือนเรื่องของชิพเป็นเพียงแค่เศษผงที่เข้าตา แค่ทำให้ตาระคายเคืองเท่านั้น…ต่อไปนี้ผมจะทำให้ชิพรู้สักทีว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงมันเป็นยังไง

      “คุย…ก็คุยแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรให้คุย”

      ผมหันไปมองพวกเพื่อนๆหัวเราะกันเสียงดัง ร่าเริง…ทำยังไงก็หายจากอาการซึมเศร้าเพราะความเจ็บปวดไม่ได้ ผมอยากย้อนเวลากลับไปเมื่อสองเดือนก่อน…ก่อนที่ชิพจะกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้งและทำให้มันเปลี่ยนไปเหมือนเรื่องเดิมๆ

      คิดถึงช่วงเวลาที่ผมมีความสุข…คิดถึงช่วงเวลาที่ลืมมันได้ แต่ตอนนี้กลับมาทำไม่ได้เอาเสียดื้อๆ

      “แอลไม่ต้องเป็นห่วงหรอก…กูสบายมาก”

      “มึงกินน้อยแบบนั้น…ไม่ให้กูเป็นห่วงได้ยังไง”

      ผมเงยหน้ามองแอล…สบสายตา และแล้ว…

       อ๊ะ! แววตานั่น

       ไม่นะ…อย่าบอกนะว่าแอล…

      ไม่…ไม่! แอลจะรู้สึกกับผมแบบนั้นไม่ได้

      “มึง…มึงเลิกห่วงใยกู เลิกพูดกับกูแบบนี้ได้แล้ว”

      “เปล่านะ…เอ่อ กูไม่ได้คิดแบบนั้นกับมึงซะหน่อย!”

      โกหก! แววตาของแอลฟ้องผม ผมรู้ดี

       มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกัน ผม…ไม่ยักรู้ตัว

       แอลเองก็มีแฟน แถมยังเป็นผู้หญิงด้วยไม่ใช่เหรอ?...

       “…แฟนมึงล่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นพูดถึงเลย”

       พยายามลากมันกลับสู่โลกแห่งความจริงก่อน…เพราะกูคือภาพลวงตาที่มึงเพียงแค่หลงเข้ามาชั่วครู่ชั่วคราว…

      “เลิกกันแล้วล่ะ…กูโสดแล้วนะตอนนี้”

      มันยิ้มบางๆให้ผม…เชื่อมั้ย? ฉับพลันเหมือนตาสว่างจากความมืดอันยาวนาน ประมาณว่าความจริงที่เพิ่งสำนึกรู้ทำให้สมองพร่า…ผมรู้ขนาดที่ว่าเวลาไหนที่มันยิ้มให้คนอื่น แต่ยิ้มให้ผมกลับสว่างกว่า…เวลาหัวเราะเรื่องคนอื่น แต่หัวเราะกับผมมันหัวเราะดังกว่า นี่น่ะหรือที่มันบอกว่าไม่มีอะไร…

       บ้าจริง…ทำไมผมถึงเพิ่งมารู้เอาตอนนี้นะ

       อยากจะรักมันได้...อยากจะมีความรักที่เป็นสุขแก่หัวใจเหมือนใครเค้า...แต่แอล กูรักมึงไม่ได้หรอกนะ...

       เพราะฉะนั้นผมถึงไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย

      “อ้าว…”

      “ช่างมันเถอะ…บางที เรื่องที่กูเลิกกับแฟนครั้งนี้อาจทำให้กูทำตัวแปลกๆไปก็ได้”

      อืม…แอลจะอ้างว่าอย่างงั้นก็ตามใจ…แต่ทำไมต้องเลิกกับแฟนด้วยล่ะ? มันกับแฟนก็เห็นรักกันดีไม่ใช่เหรอ?

      “เฮ้ยแดน มึงกับบอยไปกันถึงไหนแล้วว่ะ”

      จู่ๆไอ้หวานก็หันมาถามผม(มันนั่งข้างๆ) เฮ้อ วันนี้พวกเพื่อนๆมันเป็นอะไรกันหมดวะ? O(=+=)O

       “มึงจะทำไมอ่ะ?” กรูเริ่มหงุดหงิด

       “ก็เปล่า…แค่ถามดู เห็นมึงนั่งเหงาๆอยู่คนเดียว มีอะไรกับเค้าหรือเปล่า? ค่อยๆพูดจากันนะเว้ย”

       ผมเอาส้อมเขี่ยอาหารในจานเล่น…ทำไมหวานต้องรบเร้าผมเรื่องบอยอยู่เรื่อย หรือว่า?...

      “มึงชอบบอยเหรอ?”

      “เฮ้ย! ไอ้บ้า กูชอบผู้หญิงเฟ้ย!!!”

      มันพูดเสียงดังไม่ทันระวัง โต๊ะอื่นหันมามอง…ฮ่าๆๆๆ

      “ไอ้แดน! มึง…กูรักน้องกุ้งอยู่นะเฟ้ย!”

      “เอ้า แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ”

      “หะ?...”

      “ถามว่าเป็นยังไงบ้าง? มีความสุขกันดีหรือไร”

      “อืม ก็…เรื่อยๆ เหมือนเดิมว่ะ”

      เฮ้อ…รักหนอรัก ถ้าไม่มีรักก็ไม่มีทุกข์จริงๆด้วย (=_=)



       จะว่าไป ช่วงหลังมานี่ผมไม่ค่อยได้ติดต่อกับบอยเลย…วันนี้เงินเดือนผมออกพอดี(น้อยนิดคับT_T) กะว่าจะชวนเขาไปเลี้ยงหนัง(เรื่องเดียว)หลังจากที่เค้าคอยเป็นกำลังให้ผมมาโดยตลอด ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นไดเอิลทันที

       “บอยเหรอครับ? นายว่างอยู่หรือเปล่า”

      เสียงบอยฟังดูดีใจ

      บอยตอบตกลงหนังรอบสองทุ่มของผม ใจจริงไม่อยากทำให้มันดูเหมือนเดท…แต่บอยคงรู้สึกแบบนั้นแน่ๆ แม้แต่ผมยังทะแม่งๆเลยว่ามันใช่ เหอะๆ o_O*

       

       “เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

      บอยนั่งดูดน้ำปั่นแบบคนใจลอย ผมแตะแว่นกรอบบางบนจมูกโด่งของเขาเบาๆ เหอะ เพิ่งรู้สึกตัวเหรอ?

      “นายเป็นอะไร ดูใจลอยจัง”

      บอยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก”

       ผมยักไหล่ ถ้าเค้าไม่อยากบอกผมก็ไม่เป็นไร แต่แค่รู้สึกว่าบอยมีเรื่องบางอย่างในใจ เพราะตั้งแต่เขามารับที่ทำงานตอนหนึ่งทุ่ม(นั่งรออยู่คนเดียว กลัวแทบตาย) มุ่งตรงสู่ห้างดังย่านลาดพร้าว ต่อแถวซื้อน้ำปั่นกับเพรทเซิลรสโปรด รับบัตรดูหนัง เข้าร้านหนังสือฆ่าเวลา…บอยใจลอย เหม่อ ไม่สมกับเป็นเค้าที่สุขุม มีสติ มีเสน่ห์คนเดิมจริงๆ???

       ผมสมควรต้องรับฟังปัญหาของเค้า เราเป็นเพื่อนกัน ผมยินดีเป็นที่ปรึกษา แต่พักหลังมานี่ไม่อยากเอาเรื่องใครมารกสมองด้วยแล้ว…ผม เหนื่อย…

      กลับมาที่หน้าโรงหนัง เห็นบอยยืนคุยโทรศัพท์อยู่ กับใครไม่ทราบ…แต่สีหน้าท่าทาง เหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่เลย ไอ้ความสงสัยอยากรู้ของผมทำให้ขาเดินอ้อมไปหลบอยู่เก้าอี้นั่งรอแถวหลังบอยอีกที…อิอิ รู้สึกตัวเองเลวเล็กน้อย

       “ผมยังกลับไม่ได้ ผมมีนัด…”

       “…”

      “…โธ่ ก็ให้เค้ารอไปก่อนซิคับ หรือไม่ก็วันอื่นที่ผมว่าง”

       “…”

      “แค่นี้ก่อนได้มั้ยคับ? ผมไม่ว่างจริงๆ”

      “…”

      “เรื่องนั้นเราเคยคุยกันแล้ว…ก็ผมบอกว่าเราเคยคุยกันแล้ว หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ…ผมไม่สนใจว่าใครจะว่าไง”

      “…”

      “……”

      “แค่นี้นะคับ”

      แล้วก็ ฉับ! เสียงโทรศัพท์งับเป็นอันจบบทสนทนา โห มีเรื่องนะเนี้ยงานนี้ นายบอยนี่เวลาโมโหก็น่ากลัวใช่เล่น(คนมาดขรึมเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ = =”)

      “สงสัยเราคิดว่าหนังรอบสองทุ่มคงไม่เหมาะแล้วใช่มั้ย?”

       “แดน!”    

      บอยสะดุ้งหันหลังมา ฮั่นแน่~~~ไม่รู้ล่ะซิว่าผมแอบมานั่งฟังอยู่ข้างหลังนี่

      “คุณ…ได้ยินหมดแล้วเหรอ?”

      “อืม…ทำไมเหรอ นายไปทะเลาะกับใครมา คุณลุงนาย?”

      “ใช่คับ ประมาณนั้นน่ะ…”

       “แล้วนายยังจะดูหนังได้รึเปล่า?”

      ความจริงแล้วไม่อยากให้บอยกลับเลย…หนึ่งคือตั๋วแพง(ตั้งร้อยยี่ชิบบาทT-T)…สองคือมันคงแปลกพิลึกเวลาดูหนังคนเดียว…

      “ไม่ๆ ผมอยู่ได้”

      “แน่ใจนะ? ห้ามเปลี่ยนใจนะ”

      ผมถามย้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าเข้าไปแล้วจะไม่โดนหลอก พอหนังเริ่มฉายครึ่งชั่วโมงบอยดันขอกลับบ้าน ถึงตอนนั้นมันก็ป่วยการ+น่ารังเกียจมากอ่ะคับที่จะงอแงรั้งบอยไว้

       “แน่ซิ คุณชวนผมทั้งที ผมพลาดไม่ได้อยู่แล้ว”

      ผมยิ้ม ยังดีที่บอยไม่งี่เง่า รู้จักแยกแยะ

       “หนังเข้าแล้ว พวกเรารีบเข้าดีกว่า ไม่ชอบเดินตัดหน้าคนในโรงน่ะ”

      บอยดูเหมือนยืนอึ้งๆอยู่แปบ บอกแล้วว่าวันนี้บอยดูเหม่อจริงๆ แต่ช่างเหอะ ให้อภัยได้

       “บอย…เราว่านายมีอะไรก็พูดคุยกับคุณลุงท่านดีๆเถอะ…เราไม่อยากให้นายเสียใจภายหลังนะ…”

      บอยมองหน้าผมเหมือนจะเข้าใจในความหมาย ที่ผมต้องการสื่อนัยความที่แท้จริง…บอยยืนกำมือถือไว้…มองหน้าผม ก่อนจะปิดเครื่อง ยัดมันใส่กระเป๋าซะ

       ดีมากบอย…นายไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ

       “เข้าโรงกันเถอะ”

      …มันทำให้ผมเรียนรู้อะไรบางอย่าง บางครั้ง…เราคงต้องเรียนรู้และหัดที่จะปล่อยวาง ปล่อยมันให้เกิดเรื่องบ้าง ปล่อยมันให้สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ หกล้ม…ลุกขึ้นยืน เราคงต้องยอมปล่อยให้อะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นในชีวิต ไม่งั้นเราคงไม่มีวันข้างหน้า…เราคงลุกขึ้นไม่เป็น เราคงจมปลักอยู่กับอดีตและสิ่งเดิมๆ…

       มันอาจจะยากเวลาที่เราต้องยืนขึ้น…มันอาจจะหนักหนาเวลาที่เราไม่มีกิ่งไม้ให้เกาะ แต่มันจะน่ามหัศจรรย์ใจมากเมื่อเราลุกขึ้นมาได้แล้ว สำนึกได้ว่าทุกอย่างไม่ได้ยากเย็นเกินไปอย่างที่เรากลัวในตอนแรกแม้แต่น้อย


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 22-03-2008 20:53:45
บทที่ 26



       “แดน…ผมขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”

      ชิพโผล่หน้าเข้ามาในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนกำลังชงกาแฟให้ตัวเองอยู่ในห้องครัว…มันมีเรื่องอะไร?

      วันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการฝึกงานที่นี่ แล้วผมคงต้องกลับไปเรียนเก็บต่ออีกสี่ห้าตัวที่มหาวิทยาลัย เหอะๆ คงน่าเบื่อไม่น้อยเนอะเวลาเราได้มาสัมผัสกับสถานที่แห่งหนึ่งตั้งสองเดือน เสร็จแล้วเดี๋ยวเราก็ต้องไป (นอกจากจะสมัครงานต่อเลย ซึ่งผมไม่มีวันอยู่บริษัทเดียวกับชิพแน่อยู่แล้ว <<<(-_-“)o

      “วันนี้…หลังงานเลี้ยงกูขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”

       เราหลบมุมมาคุยกันตรงบันไดหนีไฟ(ที่เดิม) ผมมองหน้าชิพ…เดิมๆ ท่าทีเดิมๆเวลาจะขอแก้ตัวหรือมาง้อในสิ่งที่ตัวเองทำผิดลงไป ผมทนนะไม่ใช่ไม่ทน…แต่มันนานพอแล้ว ลองดูซิว่าถ้าต่อไปนี้ไม่ทนบ้างจะรู้สึกยังไง

      “ไม่ว่าง”

      “กูรู้ว่ามึงว่าง แดน…กูมีเรื่องจะบอกมึงว่า-“

      “กูไม่ฟัง กู-จะ-ไม่-ฟัง อะไรที่ออกมาจากปากของมึงอีกต่อไปแล้วชิพ สำหรับกูมึงมันตายไปแล้ว ได้ยินหรือเปล่า”

       ผมมองชิพด้วยแววตาเลือดเย็น ไม่ต่างอะไรจากความรู้สึกข้างใน…

      “แต่แดน กูมีเรื่องสำคัญต้องบอกมึงจริงๆ จริงๆนะ!”

      ผมเปิดประตูจะกลับเข้าไป ใครอยากฟังคำพล่ามของมันต่อก็เชิญ – “ –

       “กูเลิกกับคุณอุ๋มแล้ว!”

      มือของผมชะงักค้างอยู่ตรงนั้น ประโยคที่เพิ่งแล่นผ่านหูทำให้ผมตัวเย็นเฉียบ ชาวาบ แข็งทื่อไปหมด

       “กูเลิกกับคุณอุ๋มแล้วแดน…กูเลิกกับเขาแล้ว ต่อไปนี้กูจะเป็นแฟนมึง ได้โปรด…ให้โอกาสกูอีกสักครั้ง”

      ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้ชิพทำลงไปได้…ทำลงไปได้

      “มึงเลิกกับเขาแล้วงั้นเหรอ?...”

      “ใช่ กูสาบาน”

      เพี๊ยะ!
       
       เสียงฝ่ามือของผมกระทบหน้าชิพจนหัน ดังก้อง…


      โมโหมัน โกรธมัน…ไม่เคยนึกโกรธใครมากมายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต! ไอ้ชิพทำไมทำแบบนี้ ทำไมมันเป็นคนแบบนี้!

      “ตบ…ตบหน้ากูทำไม?”

      “ทำไมนะเหรอ? ชิพ! มึงเป็นตัวทำลายความสุขของคนอื่น มึงเป็นคนเลว…คนเลวที่ดีแต่สร้างความเสียใจเจ็บปวดให้คนอื่นเสมอ! มึงทำแบบนั้นกับคุณอุ๋ม เพียงเพื่อต้องการมาอยู่กับกู มึงเคยนึกถึงความรู้สึกคนอื่นบ้างมั้ย เคยมั้ย?!”

      ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา เก็บต่อไปไม่อยู่แล้ว

      “กูยิ่งรู้สึกผิดที่มึงทำแบบนี้…ถึงคุณอุ๋มไม่รู้ แต่กูจะสู้หน้าเค้าได้ยังไง หะ? แล้วตอนนี้มึงมาอ้อนวอนกู…สนุกมากใช่มั้ย? หากสักวันมึงเจอคนที่ดีกว่ามึงก็พร้อมจะทำกับกูแบบนี้ใช่มั้ย”

       “เปล่า ไม่นะ!…แต่กูกับคุณอุ๋มไม่ได้รักกัน เค้าก็รู้…ว่าเราเป็นแฟนกันก็เพราะโดนผู้ใหญ่บังคับ”

      “มึงจะไปรู้อะไร! คุณอุ๋มน่ะเค้าเป็นผู้หญิง แล้วเค้าคงไม่อยู่กับมึง ยอมเป็นแฟน…ทั้งๆที่เค้าไม่ได้รักหรอก…”

       ไม่อยากจะเชื่อเลย…ว่าผมทำผิดมหันต์ลงไปแล้ว

       ระหว่างผมกับชิพ ยอมรับว่าผมรักมัน ยอมมีอะไรกับมัน…แต่จะให้มันยอมรับว่าเป็นแฟนผมเต็มตัว คงทำแบบนั้นไม่ได้…

      “แดน…มึงต้องเข้าใจกูนะ กูไม่ได้รักเค้า เค้าก็ไม่ได้รักกู แต่กูรักมึงต่างหาก! กูรักมึงนะ”

      “ชิพ มันยากมั้ยกว่าจะทำเรื่องทั้งหมดลงไปได้?”

      น้ำเสียงเยือกเย็นจนแทบไม่เชื่อหูนี้…เป็นของผมงั้นหรือ?...

      “มันยากมั้ย…กว่าที่มึงจะลงมือทำร้ายจิตใจใครสักคน กูเห็นที่มึงทำกับคุณอุ๋ม มึงทำให้กูเสียใจ…ทุกคนรอบๆตัวมึงเสียใจก็เพราะมึง

       มันก้มหน้า ส่วนผม…ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว

       “คุณอุ๋มเขาไม่ได้รักกูจริงๆนะ…เราก็แค่เล่นละครตบตาผู้ใหญ่ไปวันๆก็เท่านั้นเอง…กูซะอีกที่ต้องทนฝืนใจเป็นแฟนกับเขา”

      โธ่เว้ย! ไอ้ความรู้สึกผิดบ้าๆนั่นหลั่งไหลเข้ามามากมายจากไหนวะ ผมมัวแต่คิดเรื่องของคุณอุ๋ม…ถึงแม้ไม่ใช่เรื่องที่ชิพกลุ้มใจ แต่เป็นเพราะผมคือตัวการ มันทำให้ผมรู้สึกแย่จนบอกไม่ถูก

      “ชิพ…ถึงมึงเลิกกับคุณอุ๋มมา กูก็ไม่ขอเป็นแฟนมึง”

      ผมรีบปาดน้ำตาพลางกระแทกประตูกลับเข้าออฟฟิศไป วินาทีที่เดินหันหลังมา ใจมันเจ็บแปลกๆ…ผมนั่งพักลงที่โต๊ะของตัวเอง ภาวนาว่าให้วันนี้มันจบลงซะที แล้วพรุ่งนี้ตื่นเช้ามาผมก็ไม่ต้องเจอชิพอีก และอีกตลอดไป…

       ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ



       “พี่ๆ…ขอเหล้าอีกขวด”

      ดึกพอสมควรแล้ว ผมควรจะอยู่ที่งานเลี้ยง…แต่วันนี้ผมไม่ต้องการเจอหน้าใครบางคน และไม่อยากเก็บภาพความทรงจำแย่ๆเหล่านั้นไว้…เลยเนรเทศตัวเองหนีมานั่งซดเหล้าคนเดียวที่บาร์แถวๆมหาลัยฯ ราคาไม่แพงมากและเป็นที่รู้จักกันของพวกนักศึกษา

       ถึงแม้ว่าจะต้องประหยัดเงิน แต่ผมกลับมานั่งดื่มเหล้าย้อมใจตัวเอง เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมคนถึงชอบน้ำเมานี่…มันทำให้ความเจ็บปวดชาลงได้จริง ทว่าเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น…

       พนักงานนำเหล้ามาเสริฟ์ ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างนอกรับลมอุ่นๆยามค่ำคืน เสียงพูดคุยโวยวายแข่งกับเสียงเพลงดังจอแจไปหมด ทำให้แทบฟังอะไรไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่แคร์แล้วแหละ…แสงไฟภายในร้านที่สีสันแรงแจ๊ดจนแสบตา…ผมกระดกเหล้าเข้าปาก ช่างแมร่ง~~~ไว้ค่อยมีเงินเมื่อไหรจะไม่กลับมาเหยียบไอ้ร้านเพิงเน่านี่อีกเลย -_-“

       “เฮ้ยไอ้แดน!”

      ฮื้อ? ใครเรียกกูวะ…อ้อ ไอ้กอล์ฟน่ะเอง แหม พอตกกลางคืนล่ะก็แต่งตัวเท่ห์ ทำผมตั้งหล่อเชียวนะมรึง โธ่ ไอ้ลิงกระจอกเอ๊ย +_+*

       “มึง…มาทำอะไรที่นี้อ่ะ”

      ผมอ้อแอ้ถามมัน มองผ่านเปลือกตาสะลืมสะลือ งืมๆ o_O*

       “กูต่างหากต้องถามว่ามึงมาทำอะไร”

      แหงล่ะ ผมไม่เคยมาร้านนี้มาก่อน ปกติผมไม่ใช่พวกชอบดื่มเหล้าอยู่แล้ว เพราะซดทีไรเป็นได้เกิดเรื่องไม่ดีทุกที…แต่วันนี้ข้อยกเว้น

       มองรอบๆตัวมัน แปลกใจที่ไม่ยักเห็นพาใครมาด้วย สงสัยคืนนี้ออกล่าแหง

       “หน้าตายังบวมไม่หาย สาวที่ไหนเขาจะติดกับมึงวะ”

      มันทำขรึมดุๆ แต่รู้ว่าแกล้งไปงั้นแหละ ความจริงหน้ามันกลับคืนสู่สภาพปกติเดิมแล้ว เพียงแต่ยังมีรอยปากแตกตกสะเก็ดอยู่เล็กน้อย ผมว่า…ยิ่งเสริมลุคหล่อเถื่อนเข้าไปใหญ่

       “เออแดน…กู กูต้องขอโทษด้วยนะเรื่องเมื่อวันก่อน”

      อ้อ เรื่องที่มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมทะเลาะกับไอ้เวรชิพอีกครั้งน่ะเหรอ?...ม่าย…ม่ายเป็นไรหรอกว่ะเพื่อน มึงทำดีม๊ากมาก…

      “ยังไง กูกับมันก็ต้องลงเอยแบบนี้อยู่ดี”

      “แต่กูแกล้งมึง กูไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่น…เป็น เอ่อ เป็นแฟนมึงนี่…เป็นกูก็โมโหว่ะ”

      ไอ้กอล์ฟที่กำลังพูดขอโทษผมด้วยลักษณะนักเลงๆตามฉบับของมัน ทำให้ผมนึกขำ…แฟนเหรอ? ใครเป็นแฟนกับแมร่งวะ?

      “กูไม่ได้เป็นแฟนแมร่งซะหน่อย มันเลิกกับเมียเก่ามันมา หน้าด้านมาหาว่ากูเป็นแฟนมัน”

      ด้วยความเมามาย ผมเล่าเรื่องให้กอล์ฟฟังทั้งหมด ความในใจที่เก็บกั้นไว้นานนมในที่สุดก็มีใครรับฟังได้เต็มที่สักที เพราะเป็นไอ้กอล์ฟ…ผมเลยวางใจว่ายังไงมันก็เป็นแค่เพื่อนห่างๆ คงไม่เก็บเรื่องของผมไปคิดให้รกสมอง…

       ถอนหายใจหนักๆ…ไม่เอาแล้ว กลับบ้านดีกว่า

       “เดี๋ยวดิ นั่งเป็นเพื่อนกูก่อน”

      ไอ้กอล์ฟเลื่อนตัวเข้ามานั่งเงียบๆ สีหน้าหลังจากที่ฟังมรสุมชีวิตของผมเรียบเฉย ผมยังไม่ต้องการความคิดเห็นจากมัน มันก็ไม่ได้พูดอะไร

       คือกอล์ฟเนี้ยออกจะเป็นเพื่อนแนวนักเลงๆหน่อย คือพวกผู้ชายเค้าไม่ก้าวก่ายกันอ่ะคับ ผมแค่เล่าให้มันฟังเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไม่ใช่เรื่องซีเรียส

       แต่ในที่สุดก็โพล่งออกไป…

      “ถ้ากูอยากทำให้มันเจ็บปวดบ้างอ่ะ…จะดีมั้ยวะ”

      ไอ้กอล์ฟเขย่าแก้วเหล้าในมือ สายตามันมองไปรอบๆชิลๆ

      “ก็แล้วแต่ว่ะ ถ้าทำแล้วมีความสุขก็ทำเหอะ”

      นั่งเงียบ นี่กูกำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่?

      “แต่มึงอย่ามานั่งเสียใจเอาทีหลังแล้วกัน”

       อ้าว =_= สรุปกรูเลวมากใช่ป่ะ O.Ol

       “คิดมาก’ไมว้า แมร่ง~~~มึงเลิกกับเค้าแล้วไม่ใช่เหรอ อ้าวๆ ไอ้เชี้ยแดกต่อเซ่”

       ผมน่ะเลิกแล้ว…แต่ไอ้ชิพน่ะไม่รู้มันยอมหรือเปล่า =_=”

       “เฮ้ยกอล์ฟ กูไม่ไหวแล้วว่ะ…” ง่วงอ่ะ+ + ปวดตัวมากมายเลยด้วย

       “อื้อ…เดี๋ยวเด่”

       มันชงเหล้าให้ผมอีกแก้ว เออ…ก็ได้ว่ะ กินก็กิน…

      แต่นั่งไปสักพัก…รู้สึกแปลกๆ…คือ สายตาที่มันมองมาดู หวานเชื่อม? เยิ้มๆไงไม่รู้อ่ะคับ…

       คิ้วดกดำหนาเป็นปื้นของมันเลิกขึ้น ก่อนจะรินเหล้าให้ผมอีกแก้ว…คราวนี้ผมไม่ดื่ม และด้วยความเหนื่อยล้าเลยไม่ทันสังเกต…

      มือของมันจับอยู่ที่ด้านหลังของผม…

      ไล้ลงมาตามกางเกง ก้น!

       …ไอ้กอล์ฟมอมเหล้าผม และกำลังเล่นลามกกับผมอีกแล้วเหรอเนี้ย?

       ผมปัดมือปลาหมึกของมันออก

       “ไอ้เลว! ไอ้ฉวยโอกาส”

      แต่มันรีบเอามือมาปิดปากผมไว้ ทำให้ตะโกนออกไปเสียงไม่ดังนัก ประกอบกับที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่ไอ้กอล์ฟนี่ซิ…หน้ามันอยู่ใกล้ ตาโตๆจ้องมองมา จนผมนึกอยากเอานิ้วจิ้มนัก!

      “เฮ้ย…กูแค่ล้อเล่น…ไอ้ห่าแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ เอ้าๆดื่มๆๆ จะได้ลืมๆเรื่องทั้งหมดไง”

      ผมเทเหล้าที่มันยื่นให้มาลงพื้นจนหมด กระแทกแก้วกับโต๊ะดังตึง จ้องหน้ามัน…ไม่อยากเชื่อว่าผมกำลังจะพูดสิ่งนี้ออกไป สิ่งนี้…

       “อยากนอนกับกูเหรอ?”

      ไอ้กอล์ฟนิ่งอึ้งไปพักใหญ่…ก่อนจะคล่อยๆคลี่ยิ้ม หัวเราะ ทำให้ผมทั้งโกรธทั้งอับอายจนหน้าแดงก่ำ

       “พูดเรื่องอะไรว่ะ?”

       น้ำเสียงมันเข้มขึ้นไม่รู้ตัว

       “ก็มึงเล่นแบบเนี้ย บอกมา…มึงอยากเอากูหรือเปล่า?”

      ผมคว้าหน้ามันมาจูบอย่างรุนแรง มันไม่ได้ขัดขืน พยายามสอดลิ้นเข้าไปทว่ามันไม่ตอบโต้เลยสักนิดแถมยังไม่เปิดรับ…พอรู้ว่าไอ้ท่าทีเย็นชาแข็งกระด้างที่กอล์ฟแสดงออกอยู่เป็นเพราะอะไร ผมค่อยๆถอนตัวออก…จ้องหน้ามันที่บัดนี้แข็งเป็นก้อนหินไร้อารมณ์ ริมฝีปากของมันไม่บุบสลายแต่อย่างไร ยังคงหุบสนิท ไม่มีอาการหอบ และทุกอย่างยังคงแลดูดีอยู่อย่างครบถ้วน

       “มึงทำอะไร?”

       “ก็ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับกู…แล้วมาเล่นแบบนี้ทำไม?...เพียงแค่มึงบอกเท่านั้นแหละ…แต่อย่าให้กูเอาจริงแบบนี้อีก”

      พูดอะไรไม่รู้งงๆ…ผมผลุนผลันลุกออกมาจากโต๊ะ ไอ้กอล์ฟยังคงนั่งอยู่ในร้าน ช่างแมร่ง~~~ปล่อยมันจ่ายเงินค่าเหล้าไปแล้วกัน เสือกมากวนอารมณ์กรู

       T_T…



      ผมเก็บเอาความคิดเหล่านั้นมาฟุ้งซ่าน อาการแฮ๊งค์จากเมื่อคืนทำให้ผมต้องนอนซมอยู่บ้าน โดดเรียน แต่คิดว่าเย็นนี้จะออกไปนั่งแดกเหล้าอีก…เอาให้มันตายกันไปข้าง

       อู๊ย…ตอนนั้นผมมักจะทำอะไรไม่ค่อยคิดอ่ะ โง่ อยากทำอะไรก็ทำ เป็นวัยรุ่นใจร้อนโง่เง่า

       บ้านอันเงียบสงบ…เบื่อว่ะ ทำอะไรดี…ว่าแล้วขณะที่มึนๆอยู่นั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ลงไป

       “ฮัลโหล?”

      เสียงของชิพอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของปลายสาย…ผมไม่รู้จะพูดอะไรไปพักใหญ่…เชี้ย สมองตื้อไปหมด และแล้วผมก็กดวางสาย

       สักพัก…กริ๊งๆ!!

       “ฮัลโหล? แดน นั่นแดนใช่มั้ย เป็นอะไรหรือเปล่า”

       ขำชะมัด…เสียงไอ้ชิพร้อนรนโทรฯกลับมา ทำให้ผมยิ้มบางๆ

       “ว่างาย~~~”

      เสียงของผมยังฟังดูมึนๆเมาๆ แม้จะควบคุมแล้วก็ตามแต่รู้สึกพะอืดพะอม ทำให้พูดอ้อแอ้ๆแบบคนลิ้นคับปาก o_O*

       “แดน! มีอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น?”

      น้ำเสียงของมันดูกังวลจริงๆ

       “คืนนี้เจอกันที่xxxนะ ห้าทุ่มตรง อย่าลืมล่ะ”

      แล้วผมก็รีบวางสายลงอีกครั้ง คราวนี้ใจเต้นแรงตึกตัก…มันจะไปตามนัดมั้ยนะ และมันจะรอจนกว่าผมจะไปหามันมั้ย

       เพราะมันคงไม่มีวันรู้เลย ว่าผมไม่มีวันปรากฏตัวแน่…



        ~~~แฮกๆๆ เหนื่อยมากมาย กดenterรัวๆสองบท o_O*"...

       โปรดติดตามตอนต่อไป

       
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 22-03-2008 22:10:12
^
^
^
จิ้ม คนแรก :m1:


ต่อ 2 ตอนรวด   o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-03-2008 22:39:57
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม ความรักบางครั้งเราต้องเห็นแก่ตัวบ้าง

ไม่ใช่เห็นใจเค้าไปหมด แดนลองคิดดูนะครับ

ชิพกับอุ้ม ตอนนี้ยังไม่มีไรไปมากนอกจากคำว่าคู่หมั้น

อีกหน่อยปล่อยให้ชิพแต่งงานกับอุ้มแดนไม่สงสารอุ้มเหรอครับ

ตอนนี้ชิพบอกเลิกอุ้มไปก็ทำใจได้แน่นอน ดีกว่าแดนปล่อยให้ชิพกับอุ้มคบกันเป็นแฟน

ตอนนี้ละครับคุณอุ้มเหมือนตายทั้งเป็นเลยนะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 22-03-2008 23:11:32
เห็นด้วยกับรีบนร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 22-03-2008 23:40:19
รู้สึกว่าหลังๆ เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ....

 :m1: :m1: :m1:


มันจะลงเอยแบบไหนนะ ? รู้สึกดีแฮะ ที่เวลาอ่านแล้วคาดเดาอะไรต่อไปไม่ค่อยได้เนี่ย ...


แต่ที่แน่ๆ รู้เลยว่าคนที่ต้องเสียใจที่สุด ก็คงไม่พ้นนายแดน ... แหม้ ในเรื่องความรักเนี่ย ... คนที่หนีจากความรู้สึกตัวเอง จะเป็นคนที่เจ็บที่สุด ... เพราะจะต้องเจ็บทั้งตอนเดินออกมา และเมื่ออยากจะกลับไป ก็จะกลับไปไม่ได้ง่ายๆ  ... เจ็บทั้งขึ้นทั้งล่องเลยล่ะ ....


เค้าเรียกว่า ทำตัวเอง  :m23:




สุดท้ายนี้ไปเที่ยวสนุกๆ เดินทางปลอดภัยเน่อ Bon Voyage !!!! :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-03-2008 00:02:46
เที่ยวให้สนุกน่ะคับ สองตอนนี้มันส์มากกกกกกกกกกกกกกกกก

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 23-03-2008 00:18:00
ทำไมถึงได้ยุ่งแบบนี้ แล้วแดนจะเลือกใครหว่า
ก็ต้องชิพอยุ่แล้ว แต่จะปราบพยศของชิพด้วยวิธีใด
รอลุ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 23-03-2008 01:11:26
รีบกลับมาเร็วๆนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-03-2008 01:22:30
ชักจะปล่อยวางเรื่องของชิพกับแดนแล้ววุ้ย  เดี๋ยวคงบรรลุ   :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 23-03-2008 01:58:20
ไปเที่ยวแล้ว กลับมาต่อให้เยอะๆนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 23-03-2008 02:09:12
เที่ยวให้หนุกน๊าๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 23-03-2008 08:31:15
ว๊าวววววว เข้มข้นถึงใจ  :oni2:




ปล. เที่ยวให้สนุกนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 23-03-2008 08:39:33
ดูท่ามันจะไปกันใหญ่ละ

ทำอะรายสิ้นคิดมากมาย

แค่นี้ยังเจ็บไม่พอละมั้งนั่น

ต้องให้ตายกันข้างนึงก่อนแล้วค่อยรู้ใจที่แท้จริงรึงัย

อารมณ์เสีย  :m16:    :m16:    :m16:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: toyzaa ที่ 23-03-2008 11:09:09
 :m15:สงสารชิพพอ่ะ  แค่นี้มันยังไม่พออีกหรอแดน นายทำเกินไปแล้วน่ะ :o12:
 :m4:เมื่อรัยจะจบอ่ะครับ ลุ้นมากกกกกกกกๆ จะจบแนวไหนเดาไม่ออกเละยอ่ะ :bye2: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 23-03-2008 14:10:28
อ่านไปอ่านมา อารมณ์เสีย :serius2:

 ชิพไปรักคนอื่นเถอะ

ถ้ามีแฟนแบบแดน คงต้องเสียใจไปตลอดแหละ รักคนอื่นดีกว่านะ จะทรมานตัวเองทำไม

แดน แดนเป็นคนไม่มั่นคงในตัวเองเลย โทษคนอื่นตลอดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคนอื่น ใช้เรื่องเซ็กซ์ในทางที่ผิด

หันมามองตัวเองนิดเถอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 23-03-2008 15:50:16
แดนเริ่มใจร้ายกับชิฟแล้วหน่า :o12: เครียดได้อีกนะคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 24-03-2008 09:12:26
 :serius2: :serius2:

อยากจะบ้าตาย

ทำไมกลายเปนแบบนี้ไปเนี่ย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 24-03-2008 12:48:34
โหย อารายกันเนี่ย ชุลมุนวุ่นวายดีจัง

ว่าแต่ Alex เที่ยว Japan ให้หนุกนะ เป็นไปได้แอบหนีบหนุ่มญี่นุ่นกลับมาไทยสักคนก็ดี  :m1: :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Tris ที่ 24-03-2008 13:34:54
พึ่งอ่านจนจบ โอยยยยยยยยยยยตาลายค่ะ  เขียนได้ดีนะคะ ชอบมากเลย ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามและที่สำคัญ ไม่ค่อยมีคำผิดและภาษาวิบัติ +1 เลยค่ะ  :m4:

น้องแดน ใจแข็งไว้อย่าไปคืนดี คนเราเจ็บได้ พลาดได้ แต่เจ็บแล้วต้องจำค่ะ

ปล.ขอติงเรื่องพ่อแดนนิดนึงนะคะ ((เพราะเห็นผู้แต่งบอกว่าอยากให้สมจริง)) ในอเมริกาถ้าปว่ยรักษาฟรีค่ะ ประกันสังคมจ่าย ประกันสุขภาพอีก และตามด้วย รีไทร์เม้นเพลน วึ่งทุกคนต้องมีค่ะ มันมาจาก TAX ที่ทุกคนเสียให้กะรัฐซึ่งเยอะมากๆๆแต่จะสบายตอนแก่่นะคะ
......................

เราชมรมคนเกลียดชิพ  :เตะ1:รักพี่มาร์คกะหมอบอย   :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 24-03-2008 19:47:41
อ๊าา า า รัก กอล์ฟฟฟฟ  o13

แรงจิงๆ จับด๊วบบบบบซะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 25-03-2008 00:30:03


       เง้อ มะรู้จาพูดไร ดี  รออ่านตอนต่อไปดีกว่า
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 26-03-2008 22:48:23
กลับมาแล้วววววว สนุกมากๆๆๆๆ มีเรื่องจะเล่าให้ฟังด้วย! เริ่มเลยและกันนะครับ
คือ การไปญี่ปุ่นครั้งเนี้ยผมไปโอซาก้า ไปโดยสายการบินไทยเพราะคุณแม่ทำงานอยู่พอดี(แฮะๆ) เสร็จแล้ววันที่ไปผมได้ไปก่อนเอง ไปนอนโรงแรมที่นู่นคนเดียว!(นั่นเพราะผมใช้ตั๋วคอนเฟิร์ม คุณแม่+น้องใช้ตั๋วสแตนบาย) ตอนที่ไปถึงก็เรียกแท็กซี่(โชว์โบว์ชัวให้เขาดู) อยากบอกว่าคนญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษห่วยแตกมากๆๆๆ แต่ก็เข้าใจอ่ะนะคับ 555+ ตอนที่ผมไปถึงโรงแรม ยังไม่ทันได้เหล่หนุ่มเลย(แต่หนุ่มโอซาก้าซกมก ชอบสูบบุรี่ๆๆๆ ไม่รู้จะดูดให้มันตายไวกันไปถึงไหน) คนที่มารับกระเป๋ามีสองคน คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ย...ปกติผมชอบคนสูงๆครับ แต่ไอ้คนเตี้ยนี้เนี้ยซิ โอ้พระเจ้า!!!! เท่านั้นแหละ เหมือนมีแตรสวรรค์เป่าก้องอยู่ในหู (เว่อร์ไปป่ะคับ -*-) แต่เค้าหน้าตาดีมากๆๆๆๆ หล่อมากๆๆๆ หน้าเหมือนทัคกี้ซึบาซะอ่ะ จริงๆนะ ไม่ได้ตอแหลสาบานเลยจริงๆ ผมสีน้ำตาลทอง แล้วก็สุภาพมากๆๆๆ คืนนั้นต้องตัดสินใจเดินลงมาโทรศัพท์หาคุณป้าที่มิยาซากิข้างล่างตรงล๊อบบี้ แอบมองเค้า หล่อมากกกกกๆๆ คลั่งมากๆๆๆ เขาทำให้ผมแอบเก็บเอาไปนอนคิดหลายคืนเชียวครับ 555+
ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นอากาศกำลังดีมากเลย! แต่ผมไม่ชอบโอซาก้าเพราะคนเยอะเกินไป+เหม็นบุรี่ เขาสูบกันทุกที่อ่ะคับ (-_-*) ส่วนใหญ่เวลาไปจะอยู่กับคุณป้าที่มิยาซากิทุกครั้ง นี้ขนาดยังไม่เคยไปโตเกียว ผมก็นึกสยองสภาพคนเดินตามถนนเป็นหนอนตอนเช้าๆแล้วอ่ะคับ เหอะๆ
ที่น่ากลัวสุดๆๆเลยคือเวลาเราขึ้นรถไฟตอนเช้า เขาต้องมีพนักงานผู้ชายคอยช่วยดันร่างของผู้โดยสายนับร้อยที่อัดแน่นกันเข้าไปเหมือนอัดก๊อบปี้ปลากระป๋อง-*- เห็นแล้วน่ากัวมากๆๆ เมืองไทยบ้านเราไม่มีวันเหมือนเขาแน่ๆ แต่คนญี่ปุ่นนี่ก็อดทนมากเลยนะครับ น่าชื่นชมดี
ส่วนหนุ่มๆที่เจอ มันดูไม่ดีเท่าคนที่โรงแรมอ่ะคับ -*-(หรือว่ากรูเอาแต่คิดถึงเค้าว่ะ?<<<นี่ขนาดไม่ได้รู้จักกันเลยนะ เพ้อขนาดนี้555+) ส่วนแฟชั่นสาวๆ เขากำลังฮิตผมสีน้ำตาลช็อคฯ(ก็ตั้งนานแล้วนะ) ซึ่งผมคิดว่าเป็นอะไรที่สวยมากๆๆ แล้วเรื่องเสื้อผ้าก็ทั่วไปอ่ะคับ ผมไม่ค่อยมีเงิน 555+ เลยไม่ค่อยได้ดู
วันที่สองหนุ่มยกกระเป๋าไม่มาอ่ะ!!! ทำได้ไงเนี้ยๆๆๆ รอจนตั้งวันที่สามนู่นเขาถึงมาทำงาน(เข้าใจว่าเป็นกะเวรของเขา) เข้าใจความรู้สึกป่ะว่าวันแรกที่ไปถึงอ่ะ อยากชวนเขาเข้ามา...เอ่อ คุยต่อมากๆๆๆ 555+<<<ล้อเล่นครับล้อเล่นๆๆๆ...เฮ้อ สนุกมากๆเลยแล้วก็เหนื่อยมา เนี้ยผมเพิ่งลงจากเครื่องตอนสามโมงเย็นกว่าๆ เครื่องดีเลย์สุดๆ(อ่ะนะ เวลาของคนไทย) ตอนนี้เพิ่งรื้อของเสร็จ แต่ก็ยังอยากเข้ามาโพสเพราะรักคนอ่านมากๆๆ และขอขอบคุณนะครับสำหรับทุกกำลังใจ ทั้งที่ผ่านมาและกำลังจะมีต่อๆไป(น่านนนนน~~~อ้อนซ้า~~~)
แล้วเอาไว้เล่าเรื่องที่ไปเที่ยวเกียวโตต่อทีหลัง แต่อันนี้เจอหล่อๆเยอะครับ หุๆๆ ออกแนวเงียบขรึม ไม่เหมือนหนุ่มโอซาก้าที่ค่อนข้างร่าเริง เฮฮา ตามแฟชั่นสุดฤทธิ์ แล้วก็ได้พล๊อตใหม่ๆมาเยอะแยะมากมายด้วย แล้วเอาไว้เจอกันนะครับ>.<
เอาล่ะตอบเม้นท์ก่อง เป็นบางอันน๊า<<<(ง่วงมากมาย)


พึ่งอ่านจนจบ โอยยยยยยยยยยยตาลายค่ะ  เขียนได้ดีนะคะ ชอบมากเลย ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามและที่สำคัญ ไม่ค่อยมีคำผิดและภาษาวิบัติ +1 เลยค่ะ  :m4:

น้องแดน ใจแข็งไว้อย่าไปคืนดี คนเราเจ็บได้ พลาดได้ แต่เจ็บแล้วต้องจำค่ะ

ปล.ขอติงเรื่องพ่อแดนนิดนึงนะคะ ((เพราะเห็นผู้แต่งบอกว่าอยากให้สมจริง)) ในอเมริกาถ้าปว่ยรักษาฟรีค่ะ ประกันสังคมจ่าย ประกันสุขภาพอีก และตามด้วย รีไทร์เม้นเพลน วึ่งทุกคนต้องมีค่ะ มันมาจาก TAX ที่ทุกคนเสียให้กะรัฐซึ่งเยอะมากๆๆแต่จะสบายตอนแก่่นะคะ
......................

เราชมรมคนเกลียดชิพ  :เตะ1:รักพี่มาร์คกะหมอบอย   :oni2:


555+ ขอบคุณมากเลยครับพี่ เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจริงๆ ตอนแต่งผมคิดถึงตอนที่อาศํยอยู่แอลเอตอนเมื่อก่อน ที่บ้านคุณป้าเขามีลูกชายออทิสติกอ่ะคับ เวลาไปรักษาเขาก็ใช้เงินประกันพ่อเค้านะครับ(มรดกอ่ะคับ) แต่ผมเข้าใจเองหรือเปล่าหว่าว่าถ้าอยากให้รักษาเร็วแบบไม่ง้อรัฐต้องจ่ายเอง? ไม่รู้อ่ะคับเพราะผมไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเค้า แถมยังตั้งนานมาแล้ว แต่ทราบครับว่ารัฐจ่ายเงิน ทีนี้ในนิยายผมอยากโยงประมาณว่า ส่งเงินให้พ่อแดนไปใช้จ่ายอย่างอื่นด้วยอ่ะครับ แต่ก็ขอบพระคุณมากนะครับสำหรับข้อมูล ผมโง่เรื่องแบบนี้จริงๆน่ะแหละ แฮะๆ
อ่านไปอ่านมา อารมณ์เสีย :serius2:

 ชิพไปรักคนอื่นเถอะ

ถ้ามีแฟนแบบแดน คงต้องเสียใจไปตลอดแหละ รักคนอื่นดีกว่านะ จะทรมานตัวเองทำไม

แดน แดนเป็นคนไม่มั่นคงในตัวเองเลย โทษคนอื่นตลอดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคนอื่น ใช้เรื่องเซ็กซ์ในทางที่ผิด

หันมามองตัวเองนิดเถอะ :เฮ้อ:


^
^
^
ขอขอบคุณพี่รี่บนมากๆเลยครับที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นไว้ ผมจะคิดในแง่ดีซะว่า พี่อินในนิยายผมมากเลยก็เเล้วกันนะครับ เหอะๆ(ไม่รู้เค้าจะโกรธเปล่าหว่า?)

คือพี่ครับ อย่างที่ผมได้บอกไปแล้ว เวลาอ่านผมอยากให้ผู้อ่านทุกท่านเปิดใจกว้าง เรื่องของความรักมีใครควบคุมกันได้บ้าง? ถ้าผมแต่งให้แดนเป็นคนโลเลหลายใจ ไม่มั่นคง มันผิดด้วยเหรอ? ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นแบบนี้นะ แต่อยากแสดงความรู้สึกให้เห็นว่า เออ แดนมันเป็นคนแบบนี้ ในสังคมมีคนแบบนี้ แล้วชิพก็เป็นคนค่อนข้างใช้อารมณ์ เเต่พวกเขาก็รักกัน ก็แน่อยู่เเล้วอ่ะครับที่ในโลกนี้ไม่มีใครหรอกเพอร์เฟ็ค เลยต้องบอกไว้ก่อนไงคับว่าอยากให้มองกว้างๆ อย่าอ่านจากนางเอก+พระเอกในอุดมคติของตัวเอง จริงครับที่แดนกับชิพมันไม่ใช่คู่พระนางที่ดีเหมือนนิยายทั่วๆไป แต่ถ้าพี่แทนตัวเองลงไปในนิยาย ผมเชื่อครับว่าพี่ต้องรู้สึกแบบเดียวกับพวกเค้าและผมซึ่งเป็นผู้แต่งแน่ๆ

ถ้าผมทำให้ลำบากใจยังไง ต้องขอโทษด้วย เพราะตอบตรงๆแบบนี้ชัดเจนดี อีกอย่างผมคิดว่าคงรับได้เพราะจากเม้นท์ก็ตรงดีเหมือนกัน(แต่ผมชอบนะครับ รู้เรื่องดี 555+) ...และ อย่าโกรธกันน๊า

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 26-03-2008 22:54:59
โอเค คงหมดแล้วอ่ะคับ โฮย เมื่อยมือมากมาย555+ หลายๆคนอยากให้ผมหิ้วหนุ่มกลับมา(ฮั่นแน่ รู้ทันน๊า) แต่ไม่ได้อ่ะครับ มันยังต้องเเจกจ่ายอยู่อีกหลายคน  :haun5: :5779:

ขอให้สนุกกับการอ่าน

พุ่ง!


บทที่ 27



       แอลเดินมาลากตัวผมไปคุยยังมุมลับๆ

       “แดน! ทำแบบนี้หมายความว่าไงวะ?”

      ฮื้อ? อะไรเหรอ ไอ้แอลเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี้ย

       “เฮ้ย ปล่อยแขนกู”

      แรงไอ้แอลนี่ก็เยอะชิ*หาย ควายเรียกพี่ไม่แพ้ใครบางคน…ก็มันตัวใหญ่นี่ ทำกับกูเบาๆหน่อยได้มั้ยเล่า?

       “มึงโทรฯไปนัดชิพ แล้วปล่อยให้มันรอจนถึงตีสอง มึงรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่ากูต้องเดือดร้อนไปหิ้วมันกลับมาจากร้าน”

      ผมเมินสายตาหนี แอบดีใจข้างใน ฮึๆ…ชิพติดกับด้วยเหรอ

       “กูไม่เห็นรู้เรื่อง” แหลไปก่อนแม่สอนไว้

       “โกหก!” มันผลักไหล่ผมหัน อ้าว…อย่างงี้สวยเลยเด่ oo(>_<”)o “มึงอย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่อง มึงเป็นคนโทรฯไปเรียกให้ชิพออกมาหา มันนั่งรอจนกระทั่งร้านปิด รอ…นึกว่ามึงจะมา แต่มึงกลับหายหัว”

      “ฮึ! แล้วเป็นไงล่ะอารมณ์นั้นอ่ะ? รอ…การรอคอยนี่ก็สนุกใช่เล่นใช่ม่ะ?”

      “นี่…นี่อย่าบอกนะว่ามึงแกล้งมัน…มึงแกล้งปั่นหัวมันเล่นใช่มั้ย?”

      เฮ้ย! ทำไมมันรู้อ่ะ โธ่เว้ย! นี่กูปากพล๊อยเผลอทำแผนแตกไปตั้งแต่ตอนไหนกันว่ะเนี้ย o_O*

       “เอ่อ…”

      “แดน…กูไม่นึกเลย ว่ามึงเป็นคนแบบนี้…มึงทะเลาะกับชิพก็จริง แต่มึงไม่น่าทำร้ายจิตใจมันแบบนี้ มึงหลอกมัน มันก็ไปรอ…สภาพที่กูเห็นมันไม่ต่างอะไรกับหมา สงสารมันเถอะ…สงสารมันเถอะนะ”

      ผมกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกเข้มแข็งชะมัดเวลานี้ ไม่! ไม่มีวันหันหลังกลับแล้ว ยังไงเสียไอ้ชิพต้องชดใช้ผลกรรมที่มันเคยทำกับผมไว้

       “ถ้ามันขอร้องให้มึงมาช่วยพูด กลับไปซะเถอะ”

      “เปล่า…กูแค่สงสัย ตอนนี้ชิพนอนไข้ขึ้นอยู่ที่คอนโด…มันเพ้อหาถึงมึงคนเดียว”
      
       ความเจ็บแปลบปลาบแล่นเข้าสู่ช่องอก…ในทันใดนั้นเหมือนมีสายฟ้าแรงสูงผ่าเข้าใส่กลางร่าง

       ชิพไม่สบาย?

       “…แล้ว…แล้วไงล่ะ!”

      แอลส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา…ผมไม่มองหน้ามัน ตอนนี้ใจกำลังเหม่อลอยออกไปหาคนที่กำลังนอนซมอยู่…มันเพ้อถึงผม ตอนนี้จะคอยมีใครดูแลห่มผ้าให้มันมั้ยนะ? จะคอยมีใครเช็ดตัว อยู่ด้วยเป็นเพื่อตลอดทั้งคืนด้วยมั้ย…

       ลืมไป…คุมอุ๋มคงกำลังทำหน้าที่นั้นอยู่ ผม…มันแค่ตัวสำรอง

       แอลพูดต่อ เรียกสติผมกลับคืนมา

       “แดน ขอร้องล่ะ ทำกับชิพดีๆ…มันเป็นเพื่อนกู มึงก็เป็นเพื่อนกู…กูไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีอย่างพวกมึงทั้งสองคนไป”

      ร่างสูงเดินจากไป คำพูดทิ้งท้ายของแอลทำให้ผมรู้สึกเหมือนไอ้งี่เง่า เล่นอะไรไม่รู้จักโต ไม่มีความคิด…แต่ก็เป็นเพราะทำลงไปเพียงชั่ววูบ ทว่ามาคิดดูอีกที…ชิพเองก็ทำทุกอย่างลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบไม่ใช่เหรอ? ทุกครั้งที่มันทำผมเสียใจ เสียน้ำตา เสียความรู้สึก…มันก็อารมณ์ชั่ววูบทั้งนั้นแหละ

      ยัง…ยังหรอก เท่านี้มันยังไม่สาสมกัน

       ถ้าให้สาสม…ผมคงต้องลงมือหนักกว่านี้แน่



       “บอยครับ เย็นนี้คุณว่างหรือเปล่า?”

      เสียงบอยดูยุ่งๆ…แต่เย็นนี้ผมต้องการตัวเขาอย่างยิ่ง ถ้าเขาเซย์เยส บอยจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับเหตุการณ์ในคืนนี้

       “ฮื้อ?…ไปได้เหรอคับ? ดีๆเลย…นายมารับเราตอน…นะ? โอเคคับ อืม…แล้วเดี๋ยวเราค่อยเจอกัน บาย”

      วางสาย นิ้วเรียวกดปุ่มไล่รายชื่อลงไปอีกไม่เท่าไร และแล้วปลายสายก็ดังขึ้น

       “ฮัลโหล?...”

      เสียงไอ้ชิพอู้อี้ ฟังดูไม่ดีเท่าไรนัก…เข้าใจว่าเหนื่อยล้าจากพิษไข้ แต่ผมไม่สนใจ…เรื่องแค่นี้ชิพไม่ใจเสาะปฏิเสธข้อเสนอของผมแน่ๆ

       “ชิพ…”

      ผมทอดเสียงสำนึกผิด แอบแหวะกับตัวเองและอากาศที่ว่างเปล่า…ชิพเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

       “มีอะไรเหรอ?”

      “ชิพ…มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

      แสร้งทำน้ำเสียงห่วงใย…หลอกมัน เดี๋ยวได้รู้ว่ามึงจะต้องเผชิญกับอะไรแน่ชิพ…

      “…ไม่หรอก”

      “เรื่องเมื่อวันนั้น…กูขอโทษนะ แต่กู…กูไม่กล้าไปตามนัดวันนั้น ขอโทษที่ต้องให้รอ”

      ผมพยายามใส่อารมณ์เศร้าเสียใจลงไปจริงๆ ความจริงก็แอบรู้สึกอยู่นิดๆเช่นนั้น…ไม่ซิ ไม่มีวันรู้หรอกว่าความรู้สึกที่แท้จริงข้างในนั้นเป็นอย่างไร

      “ไม่เป็นไร…”

      “คือชิพ กูอยากคุยเรื่องของเราสองคน…กูอยากให้มันเคลียล์ ทุกอย่างจะได้ลงตัว…กูไม่อยากเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว”

      ปลายเสียงออกแนวสั่นเครือเล็กน้อย…ชิพไม่ตอบ

       “มึงโกรธกูเหรอ? มึงยังโกรธกูใช่มั้ย?”

      “…แดน กูไม่เคยโกรธมึงเลย วันนั้นที่กูโมโหก็เพราะหึง…กูหึงมึงหน้ามืด นั่นเพราะกูรักมึงมากจนเห็นแก่ตัว ไม่อยากมอบให้คนอื่น…”

      คำพูดธรรมดาๆของมันกลับกลายเป็นว่า…ประโยคที่ทำให้ผมใจเต้นรัว รู้สึกอุ่นวาบข้างใน หัวใจพองโตเพราะความสำคัญที่ชิพมีให้…แต่แล้วผมก็ดึงตัวเองกลับสู่พื้นดิน…อย่านะ อย่าฝันลมๆแล้งๆอีก…

      “พูดอะไรสักอย่างซิ? กูสารภาพแล้วนะ”

      ชิพ…

      ผมชักไม่แน่ใจ

        “เอ่อ…อืม…งั้นเราเจอกันที่ห้างxxxนะ…กูจะรอล่ะ”

      ชิพตอบตกลง เอาล่ะ…แค่นี้ก็เรียบร้อย

       บอกตัวเอง ใจแข็งเข้าไว้…แข็งเข้าไว้
 



โปรดติมตามตอนต่อไป
 
 
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 25+26 หนีไปเที่ยวJapanก่อนน๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 26-03-2008 22:56:39
สั้นไปเปล่าหว่า??? แต่มันจะจบแล้ว อดทนกันนิดส์หนึ่งน๊า เดี๋ยวพร่งนี้ก็ได้อ่าน... :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 26-03-2008 23:10:59
เฮ้อ เหนื่อยใจ  o2 :o12: o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 26-03-2008 23:27:08
รอจ๊ะ
รออ่านมารยาของแดน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 26-03-2008 23:29:46
โห้ยยสั้นอย่างแรง :serius2:

ยังไม่ทันหายใจเลยจบแหละไรฟร๊ะ  o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-03-2008 01:29:03
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับ สงสารชิพอะครับแดน

อย่าทำอย่างนี้กับคนที่ตนเองรักดิครับ

คนที่จะเสียใจและรู้สึกผิดภายหลัง

คือตัวแดนเองนะครับ คิดดีแล้วหรือที่ทำแบบนี้

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 27-03-2008 02:14:59
แอบสงสารชิพ จัง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 27-03-2008 10:09:51
อ๊า มาแย้วว
 :oni1:

อย่าเผลอใจอ่อนล่ะคร้าบ
อิอิ

มาต่อไวๆน๊า


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 27-03-2008 14:00:01
อิจฉาคนได้ไปเที่ยวไกลๆจัง อิอิ

แต่ใจร้ายไปป่าวแดน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-03-2008 14:05:17
ยิ่งรัก ยิ่งแค้นล้ำลึก  o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 27-03-2008 16:55:22
น่าสงสารชิพจัง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 27 กลับมาแล้วพร้อมเรื่องเล่าจากJaPan!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 27-03-2008 23:24:27

เหนื่อยจังเลย...ไว้ค่อยมาต่อน๊า :a11:



บทที่ 28



       “แดน นี่มันเกิดอะไรขึ้นคับ?”

      บอยขยับกรอบแว่นถามผมงงๆอย่างไม่เชื่อสายตา ภายในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผมนัดชิพไว้…มีร่างสูงของมันนั่งคอยอยู่ก่อนเรียบร้อยแล้ว สีหน้าที่มองดูจากไกลๆบ่งบอกถึงอาการของคนมีพิษไข้รุม ปากซีด ตาโรย ดูไปก็น่าสงสาร…

       ผมกัดฟัน ใจแข็งเดินนำบอยเข้าไป ทว่าร่างสูงของบอยรั้งผมเอาไว้

       “แดน นั่นมัน-“

       “บอยครับ นายทำเฉยๆนะ เดี๋ยวเราจัดการเอง อย่าลืมนะ จำได้มั้ย? ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน นะ?”

      บอยทำหน้างงๆ แต่เขาก็พยักหน้า “ผมไม่ได้ลืม…”

       ผมเดินเข้าไป วินาทีที่ก้าวเข้าไปช้าๆ ใจผมมันเต้นจังหวะแปลกๆ…ทุกๆฝีก้าวสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผม ปวดใจ ฉับพลันนั้นผมก็สงสัยตัวเอง นี่แกเป็นอะไรไป? แกยังเป็นไอ้แดนคนเดิมอยู่หรือเปล่า?

       คำตอบถือ…ผมไม่แน่ใจ

       แกทรมานตัวเองทำไม? แกเลวมากรู้มั้ยที่ทำกับชิพแบบนี้

       สายไปแล้ว…ขาของผมพามาหยุดยืนอยู่ข้างๆโต๊ะ ผมยิ้มให้ชิพ ชิพยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นสว่างไสว…จนกระทั่งบอยเดินก้าวเข้ามาในสายตามัน ชิพค่อยๆหุบยิ้มลง

       สีหน้าของมันเฉือดใจผม จะหาว่าผมเป็นพวกโรคจิตก็ได้…แต่เวลานั้นแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าทำเรื่องทั้งหมดนี่ลงไปเพื่ออะไรกันแน่…ระหว่างทำให้ชิพเจ็บแค้น หรือว่าเป็นตัวผมกันแน่ที่เจ็บช้ำมากที่สุด…

      บอยมีสีหน้าเป็นกังวล หมอนี่ก็ไม่รู้เป็นอะไร เหมือนเค้ามีเรื่องอยู่ในใจมากมายให้ต้องครุ่นคิด ไม่รู้ผมคิดผิดหรือเปล่าที่ยืมตัวเขาออกมาด้วยคืนนี้

       “เอ่อ…สวัสดีคับคุณชิพ”

      ผมนั่งลงก่อน ตามด้วยบอยที่นั่งข้างๆผม ตรงข้ามกับชิพ…ชิพมองตาลอยมาที่ผมอย่างอึ้งๆ เหมือนมีมันเป็นเพียงคนผู้เดียวในจักรวาล แววตาโหว่งอย่างน่าตกใจ

       ผมเริ่มดูเมนูอาหาร ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังถือวิสาสะเลือกอาหารให้บอยด้วย อ้าว…ถึงแม้ชิพจะมีอะไรกับผม แต่มันยังเข้าใจอยู่ว่าผมเป็นแฟนบอยไม่ใช่เหรอ?

       ชิพไม่หันไปมองบอยเลย เข้าใจว่าสองคนนี้ไม่ค่อยถูกกันอยู่หรอกนะ =_=” แต่สถานการณ์คืนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว…หรือว่าเพราะไอ้ชิพเอาแต่จ้องมองมาที่ผมฟ่ะ?

       “ที่เรียกคุณมาวันนี้…ก็เพราะผมจะบอกกับคุณว่า ตอนนี้ผมคบกับบอยเป็นทางการแล้ว”

      ชิพกระพริบตา ผงะไป น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาตามโหนกแก้ม…ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ส่วนบอย…

       “แดน!...นี่คุณหมายความว่าไง”

      ผมแอบหยิกบอยเบาๆ “นี่บอยอย่าลืมซิ ก็เราสองคน…เป็นแฟนกันไง”

      บอยดูงงๆก็จริง แต่เขารู้ว่าละครบทเดิมยังไม่จบ เพียงแต่...

       “แต่แดน คุณ…กับเขา”

      บอยทราบดีว่าผมรักชิพ รักมาก…เค้าคงอึ้งและตกใจที่จู่ๆผมก็ตัดสินใจแบบนั้น ทำร้ายชิพเพื่ออะไร?...ก็เพื่อตัดปัญหาและความเจ็บปวดออกไป

       ‘แดน นี่คุณพาผมมาที่นี้ทำไม?’

      บอยแอบกระซิบ แต่ผมหันไปส่งสายตากับเขาอย่างหวานซึ้ง…ก่อนจะหันมาจ้องตาชิพซึ่งบัดนี้แดงก่ำ น้ำตาไหลท่วมไปหมด

       “คุณได้ยินแล้วนี่? ต่อไปนี้บอยคือแฟนของผม…เลิกยุ่งเรื่องของผมได้แล้ว”

      ชิพลุกพรวด เดินหนีออกจากร้านไปเลยทันทีที่ผมพูดจบ

       “แดน…นี่คุณหลอกผม?”

       ฮื้อ?

      “หลอก? เราหลอกอะไรนายกันบอย นายก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าผู้ชายคนนั้นทำให้เราเสียใจ เราต้องการนาย…เพื่อแสดงให้เค้ารู้ว่านายคือแฟนเรา”

      “แต่คุณรักเค้า!”

      ผมสะอึก

       ใช่! รักมากก็ยิ่งแค้นมาก!

      “เปล่าเลย…เขาทำให้เราเสียใจนับครั้งไม่ถ้วน”

      “คุณก็เลยคิดว่าจะทำให้เค้าเจ็บแบบที่คุณเคยเจ็บบ้าง?”

      “ใช่…”

      “แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเขาก็รักคุณ…คุณหลอกผมให้มาที่นี้”

      บอยส่ายหน้า ผมอึ้ง นี่ผมทำอะไรผิด? ผมรู้สึกเหมือนกับเด็กอายุสามขวบ บอยลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองลงมาที่ผม สายตาฉายแววแห่งความผิดหวัง

       “คุณไม่ใช่แดนคนเดิมที่ผมรู้จัก คุณควรให้อภัยเขา คนเราต้องการโอกาส คุณเองก็รักเขา ผมรู้ดี…ถึงแม้ผมอยากจะเข้าข้างคุณแต่ครั้งนี้…ผมขอถอนตัว ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมต้องอยู่ที่นี้แล้ว ขอตัวก่อน…”

      แล้วบอยก็เดินจากไป

       ผมนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว

       นี่ผมทำอะไรลงไป?

       ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนใจหาย

       ตั้งใจไว้ว่าจะมาเอาชนะชิพให้ได้ สุดท้าย…เป็นผมเองต่างหากที่แพ้หมดท่า

       ผมรู้อยู่ในใจแล้วล่ะว่าทำไม่ได้ แต่หลอกตัวเอง หลอกมาตลอดเวลา…ผมคิดว่าเรื่องแค่นี้ ผมจะสามารถตัดใจได้ แต่ไอ้คำว่า ‘ตัดใจ’ นี่แหละ…พอถึงเวลาที่มันมาถึง มันช่างยากเย็นแสนเข็ญ คิดสภาพการต้องเอามีดมาเฉือนใจเราออกจากอะไรบางอย่าง เฉือดเลือดเนื้อเราออกจากร่างกายของใครบางคน เจ็บแบบนั้นไม่เท่ากับความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับจากการ ‘ตัดใจ’…

       ลึกๆอยู่ข้างในนั้น เผยความจริงที่ว่า ผมพยายาม ‘ตัดใจ’ หลายล้านรอบ

      …ผมทำไม่ได้…

      เจ็บจนพูดไม่ออกอ่ะ

       น้ำตา…น้ำตาอุ่นร้อนมากมายหลั่งไหลมาจากไหนก็ไม่รู้ ผมนั่งก้มหน้าปิดตาอยู่ตรงนั้น ความเสียใจกัดกินข้างในตัวผม…แม้แต่บอยที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอดยังถอนตัว เขาหาว่าผมหลอกเขา…ผมมันเลวมากใช่มั้ย? แต่…แต่ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว

       ‘คุณเองก็รักเขา…และเห็นได้ชัดเลยว่าเขาก็รักคุณ…ถึงแม้ผมอยากจะเข้าข้างคุณแต่ครั้งนี้…ผมขอถอนตัว…’

       เสียงของบอยดังก้องอยู่ในหัวของผม ทรมาน…ทรมานมาก

       เจ็บจนร่างกายแทบระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

       ภายของชิพตอกย้ำถึงความเลวของผม ตอนนั้นเป็นความรู้สึกเสียใจที่ยากจะอธิบาย ผิดไปแล้ว…ผิดไปแล้ว ผมร้องไห้อย่างไม่อายใครเพราะกลั้นไว้ไม่อยู่ รังเกียจตัวเอง…ผมแทบคลั่งและอยากกอดมันไว้ตรงนี้ บอกกับมันว่าผมขอโทษ ไม่ว่าต่อไปนี้มันจะร้ายกาจกับผมมากเพียงใด ผมก็ยอม…ยอมแต่โดยดี

       ทว่าหันหลังกลับไม่ได้เสียแล้ว…





       โปรดติดตามตอนต่อไป




หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 27-03-2008 23:34:40
รอตอนต่อไปละกันนะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 27-03-2008 23:40:49
เฮ้อ... :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 27-03-2008 23:47:57
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 28-03-2008 00:55:25
รอตอนต่อไปนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-03-2008 08:01:37
ไม่รู้จะไปทางไหนต่อแล้ว  :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 28-03-2008 08:18:04
หุหุหุ จะเข้ามาสมน้ำหน้าแดน

สะใจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 28-03-2008 08:35:57
 :m15: :sad2:

รออ่านตอนต่อไปนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 28-03-2008 10:34:16
 :sad2: :sad2: :sad2:
แดนใจร้ายจัง อย่าทำร้ายใจตัวเองสิ 
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 28-03-2008 22:19:10
เฮ้อ!! ทำแบบนี้ตัวเองที่เป็นฝ่ายเจ็บ :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 29-03-2008 00:11:51
สงสารชิพอ่า

บอยใจร้าย

ชิพจะเปงไรมั๊ยน๊ากลัวตอนจังชิพตายหง่ะ :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 29-03-2008 00:45:19

แดนอาจจะโง่ไปนิด แต่ก็รักชิพมากมายนะครับ...แฮะๆ วันนี้มาต่อดึกมากมาย ฮ้าว ไปนอนดีก่า บ๊ายบายพร่งนี้เจอกานน๊า~~~ :a2: :a2: :a2:


บทที่ 29



       แดดอบอุ่นทอแสงผ่านเข้ามาทางม่านหน้าต่าง…สายลมเย็นสบายพัดเข้ามา ผมกำลังฝัน…ฝันที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิต

       ลืมตาขึ้น รอยยิ้มยังคงค้างอยู่ที่มุมปาก ทว่าหยาดน้ำตา…ก็ไหลรินเป็นคราบยาวตามมาด้วย

       มีความรู้สึกเหมือนว่าจะไม่ได้เจอเค้าอีกแล้ว…

      เมื่อคืนผมคงนอนร้องไห้จนเผลอหลับไป…แต่ความรู้สึกในฝันนั้นยังค้างอยู่ทั่วร่าง รอยยิ้มสดใส…รอยยิ้มของชิพยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ…มันเป็นความเจ็บปวดที่ผมยินดียิ้มต้อนรับมัน

       …ขอร้องต่อพระเจ้า…ลูกขอให้เขายกโทษให้ลูก…

      …แล้วลูกจะไม่ขอร้องอะไรอีกเลย…



       ผมเดินลงมาหาอะไรกินข้างล่าง รู้สึกปวดล้าไปหมด

       หมดกำลังใจจะต่อสู้

       “แดน…เข้ามาในนี้หน่อยลูก”

       ผมเดินตามเสียงแม่เข้าไปในห้องครัว แม่กำลังนั่งอยู่กับผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำคนหนึ่ง เอ๊ะ?! ทำไมถึงคุ้นหน้านัก

       “แดน นั่งลงก่อน”

       ผมนั่งลงพร้อมทั้งยกมือสวัสดีชายผู้นั้นงงๆ เขาเองก็ยิ้มใจดีส่งให้ผมเช่นกัน ทว่ามันแฝงไปด้วยความเมตตา…สงสาร แปลกๆยังไงชอบกล

       “นี่คือคุณลุงเปรม ทนายของแม่ และเจ้าของบ้านหลังนี้แหละ”

       ใจหายตกลงไปอยู่ตาตุ่ม

       “แดน…มีบางอย่างที่ลูกควรรับรู้”

      

       ผมเดินอยู่ข้างนอกบ้าน ตรงถนนภายในซอย แสงแดดทอแสงสีส้ม ดวงอาทิตย์ลูกกลมโตทอดตัวต่ำลงมา กำลังจะลาลับขอบฟ้าแล้ว สายลมเย็นโชยมา…พัดให้คราบน้ำตาของผมจางหายไปอย่างรวดเร็ว

       ครุ่นคิดถึงเรื่องที่แอลพูด เรื่องที่บอยพูด…รู้สึกผิด แต่ทั้งหมดเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่ผมมีต่อชิพ ขณะนี้ใจทั้งดวงเฝ้าพะวงคิดถึงแต่เรื่องมัน อยากให้มันอยู่ตรงนี้ กอดผมไว้ ในขณะที่ผมกำลังอ่อนแอ

       ผมยิ้ม…โง่ โง่ที่สุดเลยนะไอ้แดน…

       แผนการที่คิดจะทำร้ายชิพ ในที่สุด กลับย้อนมาทำร้ายผมเอง เจ็บปวดเหลือเกิน…

       ตอนแรก ผมอยากให้มันรู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ต้องเฝ้ารอใครสักคนหนึ่งนานๆ โดยไม่มีความหวัง…ผมไม่ได้โทรฯบอกมันเลยว่าจะไปแน่หรือไม่แน่ในคืนนั้น จนมันต้องเฝ้ารอผมจนถึงตีสอง นั่นยังไม่สะใจพอ…ผมควงบอยไปเย้ยมัน ทำให้มันอับอายและเจ็บช้ำน้ำใจต่อหน้าผมและบอย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นผมก็พยายามรั้งมันไว้ด้วยวาจาปลอบประโลม เพียงเพื่อหลอกมันให้ตายใจ เก็บมันไว้ข้างตัวเพื่อให้การแก้แค้นดำเนินต่อไปสมบรูณ์

      ทว่าหลังจากที่บอยตำหนิผม…ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าการกระทำส่งผลให้ผมเป็นบุคคลไร้ค่า…รู้สึกผิดเทียบเท่ากับตอนห้าปีก่อน ครั้งที่ผมทำผิดมหันต์…เป็นสาเหตุให้พี่มาร์คคิดฆ่าตัวตาย จนทุกคนเดือดร้อน แต่ว่าตอนนี้พี่มาร์คย้ายไปอยู่เมืองนอกกับเพื่อนรักเขาแล้ว…พี่เมฆ ถ้าทุกคนยังคงจำได้

       ถ้าตอนนี้ผมโทรฯไปขอคืนดีกับชิพ…มันจะดูเลวร้ายไปป่ะเนี้ย? =_=”

       ยืนลังเลกำโทรศัพท์อยู่อย่างงั้น…เกิดอาการปอดแหกขึ้นมาถนัด เอาว่ะ ยังไงก็ได้…ขอให้ชิพยอมยกโทษให้ผมเถอะ

       เอ๊ะ?...ไม่มีคนรับสาย

       ทันใดนั้น…

      “แดน! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”

       เฮ้ย! ไอ้แอล ไหงมึงพรวดพราดเข้ามาได้ว่ะ

       “มะ…มึงมาได้ไง เกิดอะไรขึ้น?”

       “ชิพ!” แฮกๆ…ไอ้แอลหอบเป็นหมา คงเพราะรีบร้อนวิ่งเข้ามา สังเกตสีหน้าแอลแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

       หัวใจผมแทบหยุดเต้น!

      “ชิพขับรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล รีบไปเร็ว!”



       ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ผมนั่งบิดไม้บิดมืออยู่ข้างๆแอล…ภายในรถที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความอึดอัด แทบบ้าตาย!

       ความรู้สึกนี้…ใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ร้อนรน ทุรนทุราย…กลัวจะเสียชิพไป ผมอยากเห็นหน้าชิพ อยากกอดเค้าไว้ จูบเขาเบาๆที่ข้างแก้ม และบอกเขาว่า…

       ‘กูรักมึง’…

      …รักมาก รักชนิดที่ว่าไม่มีทางรักผู้ชายคนอื่นได้มากมายเท่านี้อีกแล้ว…

      มันคือคนเดียว และคนสุดท้าย…

      แอลโดนบังคับให้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด มันอิดออด(ขู่ว่าจะบีบคอฆ่ามันจริงๆ…=_=”)…เรื่องมีอยู่ว่าชิพเสียใจมากที่เมื่อวานผมควงบอยไปตอกหน้ามัน พอวันนี้มันไข้ขึ้น เพ้อจัดขนาดที่นึกว่าผมโทรฯหามันให้ออกมาหา มันเลยขับรถออกมาทันทีทั้งๆที่สติสตังเป็นแบบนั้น เลยชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง โชคดีที่รถแล่นไม่เร็วมากนัก และเผอิญมีตำรวจจราจรยืนโบกรถอยู่ตรงนั้น เลยช่วยนำชิพส่งโรงพยาบาลเอาไว้ได้ทัน

       ผมกำมือแน่น…ทุบมันกับมืออีกข้าง โธ่ชิพ~~~…อย่าเป็นอะไรนะ อยู่เพื่อกูก่อน…อยู่เพื่อกูก่อน…

       “ขับให้มันเร็วๆหน่อยซิวะ ไอ้แอล!”

      “ครับๆ!”

      แอลหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าเขตโรงพยาบาลพอดี ใจผมมันถลาไปอยู่ที่ตัวชิพเรียบร้อยแล้ว…รถจอด ผมรีบเปิดประตูวิ่งออกมาจากตัวรถทันที ไอ้แอลร้องเรียกวิ่งตามมา แต่ไม่ได้…ผมไม่อยากให้วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเสียใจไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

       “พี่คับ นายนภเกตน์ …อยู่ห้องไหนคับ?”

      นางพยาบาลสาวบอกเลขที่ห้อง ลิฟต์กำลังปิดลง ผมรีบแทรกกายเข้าไป…แค่ไม่กี่ชั้นก็ดูเหมือนห้วงเวลาจะไหลช้ายาวนานเยี่ยงนับสิบนับร้อยปี…ประตูเปิดออก ผมวิ่งมาหยุดตรงหน้าห้องพักของชิพ…ตรงช่องที่มองผ่านเข้าไปมีผ้าม่านบังไว้ ผมสูดหายใจเพื่อไล่ริ้วน้ำตาซึ่งเอ่อคลอขึ้นมา…ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป

       ร่างของชิพนอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาว…มีสายน้ำเกลือโยงออกมาจากท่อนแขนของมัน

       เสียงปิดประตูลงเบาจนแทบไม่ได้ยิน…ผมต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองนาทียืนอยู่ตรงนั้นเพื่อจับสติตัวเอง พยายามกลั้นเสียงให้เงียบสนิท แต่ทำไม่ได้…ผมค่อยๆสะอื้นออกมาเบาๆ ก้าวเข้าไปนั่งลงข้างๆเตียงชิพ

       “ชิพ…”




       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: ZecroS ที่ 29-03-2008 01:27:17
รักเอย...
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 29-03-2008 02:28:35
เหอออ ขอให้ลงเอยด้วยดีละกัน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 29-03-2008 02:29:51
 :o12: :o12: :o12:

สงสารชิพ :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 29-03-2008 03:29:45
 :เฮ้อ: รักหนอรัก  :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-03-2008 08:10:23
หวังว่าคงยังไม่สายเกินไป  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 29-03-2008 08:26:04
 :sad4: :sad4: :sad4:

ชิพอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: artsitnarak ที่ 29-03-2008 10:05:16
ม่ามี๊จะบอกไรพี่แดนหง่า




ช่วยบอกผมหน่อยนะงับ



แต่สงสารพี่ชิพเน้อ......



 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 29-03-2008 10:45:15
กระชากอารมณ์สุดๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 29-03-2008 10:55:34
 :amen: :amen:  ได้แต่ภาวนาให้เรื่องราวร้ายๆผ่านไปด้วยดีนะครับ   :m13: :m13:

คราวนี้น่าจะเปนบทเรียนสำคัญกับแดนให้รู้ใจตัวเองแล้วก็ลดทิฐิซะทีนะครับ   :m29: :m29:   หยิกเล็บเจ็บเนื้อ  มะรู้เคยได้ยินสำนวนนี้รึป่าว  ผมว่าเข้ากับความรู้สึกแดนตอนนี้อย่างแรง  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-03-2008 11:03:26
เนี่ยแหละ ผลของการหลอกตัวเอง ไม่เชื่อหัวใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 29-03-2008 15:55:20
 :laugh:  สมน้ำหน้า

ป้านางต้องอินอยู่แหละ ถึงจะรู้ว่า เป็นเรื่องแต่ง  555

ไม่ได้เข้าข้างชิพนะ แต่ไม่ชอบคนประชดรัก ไม่นิยม

กรี๊ดดดดดดดดด  นี่ถ้าชิพตัดใจจากแดนเพราะเหตุนี้ สะใจป้าจริงๆ :laugh:

อินจริงๆนะเนี่ย  :o8:

เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ คนแต่งสุดหล่อ (ยอเข้าไป กร๊ากกกกกกกก) :L2:

อ๋อ ฝากให้ชิพหาย                             


ไวไว   

















เฮ้ย  เว้นวรรคผิดแถมตกอีกด้วย


ขอให้ชิพหายป่วยไวไวนะ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 29-03-2008 17:58:55
เฮ้ออออออ เสียใจจังเลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 29-03-2008 20:22:23
ชิพจะความจำเสื่อมไหม :m12:

ติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 29-03-2008 21:19:24
บีบคอกันเลยดีกว่าค้างคาแบบนี้ได้ไงบีบหัวใจสุดๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 29>>>นี่คือบทที่เริ่มไคล์แม็กซ์รอบสุดท้าย...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 29-03-2008 21:37:10

 :serius2: :serius2: :serius2:




บทที่ 30

       

       “ชิพ…กูอยู่นี่แล้ว”

       ตอนแรก ไม่กล้าหยิบมือของชิพขึ้นมากุมไว้ แต่อดห้ามใจไว้ไม่ไหว…มือของชิพยังคงอบอุ่น ผมอยากถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดให้ชิพรับรู้ อยากถ่ายทอดพลังชีวิตเท่าที่มีให้ชิพ…เพื่อให้มันอยู่กับผม…จากนั้นฟุบลงกุมมือมันไว้แนบหน้า แล้วเริ่มต้นร้องไห้

       “ชิพ…มึงรู้มั้ย กูรู้สึกผิดมากมายแค่ไหน…กูไม่น่าทำในสิ่งที่ต้องให้มึงเสียใจ กูขอโทษ…เรื่องเมื่อวานทุกอย่างเป็นเพราะความงี่เง่าของกูเอง กูขอโทษ…ขอโทษ”

       “แต่เพราะกูเจ็บใจ…ที่ตลอดห้าปีที่ผ่านมามึงปล่อยให้กูรอคอย กูอยากให้มึงลิ้มรสความรู้สึกแบบนั่นบ้าง…แต่มันกลับทำให้กูเจ็บปวด ทุกครั้งที่กูคิดถึงมึง กูจะร้องไห้อยู่ข้างใน”

       “…แม้ว่ามึงจะบอกเหตุผล แต่กูหลอกตัวเองทำเป็นไม่เชื่อมึง ความจริงลึกๆข้างในแล้วกูรู้อยู่เต็มอก และเชื่อมึงตลอดมาว่าสักวันชิพจะกลับมาหา…และมึงยังคงรักกูอยู่”

      “กูไม่เคยหมดหวังเลย แต่มันก็เหนื่อยเหลือเกิน จนกลายเป็นความเกลียด…กระทั่งมึงกลับเข้ามาในชีวิตของกูอีกครั้ง มึงคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของกูนะชิพ…”

      “เวลาที่มึงโมโหร้าย ไม่ต่างอะไรกับเวลาที่ทำให้กูหงุดหงิดมากๆจนอยากฆ่ามึง…ฮึๆ แต่เวลาที่กูได้มึงอยู่ในอ้อมแขน กูรู้ว่าชีวิตนี้คงไม่มีอะไรที่ดีไปมากกว่านี้แล้วนอกจากมึง”

       “กูพยายามต่อต้านมึง แต่การทำอย่างนั้นยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง กูขอโทษนะ…ที่ทำให้มึงเสียใจ กูขอโทษที่ทำให้มึงต้องช้ำใจ แต่กูไม่เคยคิดเปลี่ยนใจ…กูไม่เคยบอกรักบอย หรือแอล หรือใครทั้งนั้น…ในใจกูมีแต่มึงเพียงคนเดียว เพียงคนเดียว…”

      ผมคร่ำครวญเป็นฉากๆ…สารภาพความในใจทุกอย่างออกมา หมดเปลือก…

       “แม้ว่ากูจะพยายามลืมเรื่องของเราสองคน แต่คืนนั้น…คืนที่ชายหาด กูทำสัญญากับมึงแล้วว่ากูจะเป็นของมึงตลอดไป…ชิพ…ฟื้นขึ้นมาแล้วบอกกับกูได้มั้ยว่ามึงยังรักกูอยู่ ได้มั้ย?”

      ผมบีบมือชิพไว้แน่น…”ชิพ ถ้ามึงได้ยินที่กูพูด…รับรู้ชีพจรของกู อยากให้มึงรู้ไว้ว่า…กูรักมึง รักมึงมาก…กูรักมึงที่สุด…กูไม่ขอสัญญาอะไรทั้งนั้นนอกจากจะรักมึงคนเดียว ผู้เดียว ตลอดไป…และนอกจากความสุขที่กูอยากมอบให้มึง กูก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว…แค่คนที่รักมึงสุดหัวใจคนหนึ่ง…”

      “กูยอมทุกอย่าง…ยอมทุกอย่าง แต่มึงอย่าเป็นอะไรนะชิพ กูขอร้อง…”

      “แน่ใจนะ?”

      “แน่ใจซิ…ต่อไปนี้กูจะยอมทุกอย่าง ยอมให้มึงปราบพยศตลอดไป…”

      “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ใช่ม่ะ?”

      อ๊ะ! ก็ผมอยู่คนเดียวในห้องกับไอ้ชิพ…มันหลับอยู่ แล้วใครจะพูดได้นอกจาก…

       “ชิพ!”

      เงยหน้ามองมันอึ้งๆ ไอ้ชิพที่มีผ้าก็อตแปะแผลไว้บนหน้าผากยิ้มเผล่ หรี่ตามองผมข้างเดียวอย่างหยอกล้อ ไอ้…ไอ้บ้า! ไอ้คนผีทะเล!@#$%~~

       “มึง…มึงหลอกกูเหรอ?”

      ผมเสียงสั่น…จะด้วยเพราะความโมโหหรือตื่นเต้นก็ไม่รู้ล่ะ

       แต่ตอนนี้ผมดีใจ และมีความสุขที่สุดในโลกเลยล่ะ

       “เปล่าหลอกนะ…แค่ต้องวางแผน แล้วก็ให้ไอ้นั่นร่วมมือด้วยนิดหน่อย”

      ชิพพยักพเยิดไปตรงประตู เป็นแอลที่ชะโงกหน้าเข้ามามองพวกเรายิ้มๆ…ชิพก้มหัวขอบคุณ ส่วนไอ้แอลทำท่าตะเบ๊ะเท่ห์ๆ…แต่ผมว่าดูหน้ามันเศร้าๆนะ

       “แล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่าล่ะ”

      ผมปาดน้ำตา พลางทุบมันลงไปที่อกบึกๆแรงๆหนึ่งที มันทำร้องโอดโอย แหม ไอ้สำออย

       “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ…ความจริงขับรถชนตั้งแต่เมื่อวาน…แค่หัวแตกเท่านั้นเอง”

      ยังดีนะ แค่หัวแตก ผมสบตามันผ่านม่านน้ำตาแล้วหัวเราะ ฮ่าๆๆ~~~ชิพดึงตัวผมขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน มันสวมกอดผมไว้ เอานิ้วเกลียไล่น้ำตาออกไป แสนอ่อนโยน…จนผมต้องหลับตาเคลิบเคลิ้ม ตักตวงความรู้สึกนี้ไว้ให้ได้นานมากที่สุด

       “ร้องไห้ทำไมล่ะ ฮื้อ? คนเก่ง”

      หัวของผมซุกลงไปในอกของชิพ อบอุ่น…อบอุ่นเหมือนบ้าน…

      “…ก็แค่ ผงเข้าตา”

      “อื้อ ผงเข้าตาไม่ร้องขนาดนี้หรอก คิดถึงกูอ่ะดิ”

      แทนที่ผมจะโวยวายตามประสา กลับพยักหน้าอย่างว่าง่าย…มันลูบหัวผมอย่างกับเด็ก เต็มไปด้วยความทะนุถนอม และความอ่อนหวาน

       “ขอบคุณนะ…ที่ในที่สุดก็พูดความจริงทั้งหมด ขอบคุณนะ…”

      คำพูดของมันขาดหายไป ผมเอานิ้วแตะริมฝีปากคู่นั้นไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นริมฝีปากของผมแทนที่หยุดคำพูดของมัน…เพียงหลับตาลงความปวดร้าวทั้งหมดพลันมลายจางหายไป วินาทีที่มีชิพไว้ในอ้อมกอด…ช่างสรรหาคำบรรยายใดๆมาอธิบายได้ยากเย็นจริงๆ

       “คืนนี้ไปนอนค้างที่ห้องนะ?”

      หือ…คนบ้า เพิ่งจะเจ็บหนักหยกๆ ยังมีอารมณ์มาคิดทำเรื่องพรรค์นั้นอีก >///<

      ผมส่ายหน้ายิก

       “ทำไมอ่ะ? กลัวติดไข้เหรอ หายแล้วนะแต่…เค้าบอกว่าวิธีรักษาที่ดีที่สุดก็คือ…”

      ไอ้ชิพกระซิบใส่หูผม เชี้ย…กูเสียวนะเฟ้ย!!!

       นี่ถ้าไม่ถือว่าอยู่ในโรงบาลฯแล้วล่ะก็…>o<

      ผมทุบมันอายๆ (อ๊างส์~~)

      “นี่อย่าบอกนะว่าจะถอนคำพูดเมื่อกี้คืนแล้ว”

      “ไม่หรอก…”

      ไอ้ชิพหัวเราะร่า (ได้ทีเชียวนะมรึง =_=”) “ฮ่าๆๆ ดูซิ หน้าแดงหมดแล้ว ขอหอมแก้มทีดิ”

      มันไม่ทันได้ปฏิเสธอ่ะคับ จุ๊บ >.+”~~~ไอ้ชิพขโมยความหอมไปไว้ที่ปลายจมูกโด่งของมันเรียบร้อยภายในเสี้ยววินาที >///<



       ผมปิดประตูลงเบาๆ ไม่ให้รบกวนชิพซึ่งนอนหลับเพราะฤทธิ์ยา คุณหมอเพิ่งเข้ามาดูอาการและให้ชิพกินยาเพื่อนอนหลับพักผ่อนได้มากๆ เวลานี้เย็นมากแล้ว ผมควรกลับบ้าน ไม่อยากปล่อยแม่ไว้คนเดียวนานๆ

       “เดี๋ยว”

      เสียงเย็นเชียบดังขึ้น ผมหันไปมอง…ภาพที่เห็นเป็นสตรีสูงวัยท่านหนึ่ง สวย คม และมีแววตาที่ดุดันคมกริบเยี่ยงผู้ชาย…ลักษณะท่าทางการแต่งตัวประณีตสวยงาม ดูเป็นคนมีฐานะร่ำรวย ยิ่งน้ำเสียงและกิริยาเปี่ยมอำนาจ…ทำให้ผมคิดว่าต้องเป็นท่านผู้ใหญ่มาจากไหนแน่ๆ

       “จ้องอะไรฉัน?”

      ผมส่ายหน้า “ปะ…เปล่าครับ”

       บรรยากาศรอบๆตัว ณ เวลาที่ยืนพูดถามคำตอบคำกับผู้หญิงคนนี้ช่าง…อึดอัด ความกดดันและรังสีประหลาดแผ่กระจายออกมาโดยรอบ เพราะมีร่างระหงยืนอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างเลยช่างดู…เอ่อ น่ากลัว

       อากาศเย็นลงๆ…เรื่อยๆ อย่างไม่มีสาเหตุ

       “เธอเป็นเพื่อนนายชิพหรือ?”

      “ครับ…”

      “แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอนะ”

       ท่านหรี่ตาลง ชั่ววูบนั้นผมสัมผัสได้ถึงกระแสบางอย่าง ความสงสัย?...ท่านมองเหมือนจะพินิจจับผิดผม แต่แล้วมันก็ผ่านไป

       เฮ้อ หายใจไม่ทั่วท้อง (-_-“)

       “ผม เอ่อ ผมเป็นเพื่อนเก่าของชิพน่ะครับ”

       “งั้นเหรอ? เหมือนฉันเคยเห็นเธอเหมือนกัน”

      น้ำเสียงสูงขึ้นจมูก ไม่ชอบฟังเลยแฮะ…กระนั้นผมก็ต้องตอบไป เหมือนโดนบังคับให้พูดเอง และยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น หนีไปไหนไม่ได้

       “เธอคงเป็นเพื่อนเก่าเขามากซินะ”

      “ตั้งแต่อยู่โรงเรียนเก่าครับ…”

      “โรงเรียนเก่า?”

      ท่านตาวาวขึ้นมา คล้ายบรรลุอะไรบางอย่าง (o_O*) แต่แล้วประกายตาน่ากลัวนั่นก็จางหายไป…กลับเป็นแววตาคมกริบที่ยังคงน่ากลัวอยู่ดีน่ะแหละ =_=”

       “ฉันเป็นย่าของเขา…หลานฉันอาการเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

      โอ้พระเจ้า! นี่หรือคือย่าของชิพ

       พอรู้ความจริงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ผมดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก ยืนขาสั่นมือสั่นอยู่ตรงนั้น

       “ฉันจะบอกเขาให้ว่าเธอกลับแล้ว...แต่นี่ยัยอุ๋มทำไมถึงไม่มาเยี่ยมเขาสักที? อะไรกัน ทั้งที่เป็นคู่หมั้นหลานชายฉันแท้ๆ...ทำแบบนี้คงต้องรายงานคุณหญิงลักษณากันหน่อยแล้ว...”

      ท่านบ่นๆแล้วก้าวผ่านผมเข้าไป เฮ้อๆๆๆ เฮ้อเป็นล้านรอบเลยครับ! หายใจไม่ทั่วท้องจริงๆเมื่อรู้ว่าเมื่อกี้กำลังพูดอยู่กับย่าชิพ…ย่าตัวจริงที่แสนน่าเกรงขาม น่ากลัวจริงๆ…ผมคิดถึงคำพูดของแอล ก็คงจริงของมัน ที่ว่าไม่มีใครอยากมีย่าน่ากลัวแบบนี้หรอก…

       มันไม่ใช่หน้าตา แต่เป็นบุคลิคที่น่ากลัวของย่าชิพ สะกดผมให้รู้สึกประหม่ามาก ยิ่งโดนจ้องจับผิดแบบนั้นด้วยยิ่งแล้วใหญ่…

       ผมตั้งสติไม่ให้มือสั่น แค่พบกันครั้งแรก ยังเป็นได้ถึงขนาดนี้

      แล้วชิพที่ต้องเผชิญกับอารมณ์นั้นมาตลอดชีวิตล่ะ…มันจะเป็นไง

       …สงสารชิพจริงๆ...


       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 29-03-2008 21:48:58
อะไรกันเนี่ย

อุตส่า ว่ามีเรื่องดีๆแร้ว

ย่าคุณชิพมาทำไมเนี่ย

โอ๊ยต๊ายตาย

เครียดแทน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 29-03-2008 21:54:41
ดีกันได้แป๊ปเดียว

มีปัญหาตามมาอีกแล้ว

น่าสงสารทั้งคู่เลยคับ

เอาใจช่วยนะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 29-03-2008 22:04:44
ย่าชิพโผล่มา...

ผมอ่านยังรู้สึกอึดอัดเลยเน้อ

เหมือนจะมีอุปสรรคเลยแฮะ
 :m29:

แต่ยังไงก็ผ่านไปให้ได้นะคร้าบ ^ ^
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 29-03-2008 22:11:17
คุณย่ามามัยเนี่ย  :o  :serius2: :o
แค่คิดก็   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: nananon02 ที่ 29-03-2008 22:37:32
คุณย่าปรากฎตัวแล้ว  :serius2:   ชิพกับแดนจะเป็นไงต่อเนี่ย   o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 29-03-2008 23:44:31
น่ากลัวจังคุณย่า
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 29-03-2008 23:58:51
คราวนี้ก็เข้าใจชิพแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 30-03-2008 00:59:54
คุณย่ามาแว๊วววว... o2
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 30-03-2008 04:18:19
แหมๆ ชิพ ช่างวางแผนจริงๆนะ  :m12:

แต่ก็ดีแล้วล่ะ ทำให้แดนสุดน่ารักของเราบอกความในใจออกมาซะหมดเปลือกกก  :m1:

แต่ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :serius2: :serius2:

ยัยแก่ โผล่มาทำไมเนี่ย ทำลายบรรยากาศหมด  :angry2: :angry2:

คนเค้ารักกัน ยังจะมาขัดขวางอีก กลับไปบ้านพักคนชราไป๊ๆๆๆๆๆ  :laugh:

อย่ากลัวนะแดน สู้ๆ ฝ่าฟันไปให้ได้ค่ะ ชิพ ช่วยแดนด้วยนะ รักแท้ชนะทุกสิ่ง  o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: artsitnarak ที่ 30-03-2008 06:20:04
ต่ออีกนะคับ




 :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-03-2008 08:09:54
คุณย่ามาแล้ว  :m29: :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: suffocate ที่ 30-03-2008 11:39:47
ตื่นเต้นสุดๆ คุณย่ามาแล้ววววววว :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: LingNERD* ที่ 30-03-2008 11:56:26
ปัญหาเยอะจริงๆ :a6:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-03-2008 13:19:55
หวานซึ้งกับแผนคั้นความจิงของไอ้ตัวแสบได้แป๊ปๆ

ต้องมาเจอรัศมีความน่ากลัวของคุณหญิงย่าเซ็งจิงๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: Mp_qM ที่ 30-03-2008 14:51:39
ปัญหาหนอปัญหา

ช่างมากมายเสียจริง

เรื่องนี้นี่อ่านแล้วน้ำตาแทบร่วง

แบบว่าช่างเหมือนเรื่องนางทาสรึเปล่านี่มีแต่เรื่องร้ายๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: BICHA ที่ 30-03-2008 15:01:28
 :a2:   :a2:   :a2: 

     สงสัยจาได้ตบกะคนแก่ 555
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 30-03-2008 19:26:48
ปัญหาเรื่องระหว่างแดนกับชิพก็หมดไปแล้ว

แต่ปัญหาใหม่ก็ตามเข้ามาอีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: DekDoy ที่ 30-03-2008 20:28:53
อ่านไป งงไป

นึกว่าดูละครช่อง 7 อยู่อ่ะ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 30-03-2008 23:19:16
คุณย่ามหาภัยมาแล้วววว :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 31-03-2008 00:10:26
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับสงสารชิพและแดนอะครับ

อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ

สงสารอย่างจับใจ

เอาใจช่วยครับผม หวังว่าย่าของชิพคงใจอ่อนสักวัน

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 31-03-2008 00:45:13
หึหึหึหึ สนุกแน่ๆ


ย่ามาแล้ว ....


ทุบหัวเลย กรั่กๆๆๆๆๆๆ  :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 31-03-2008 20:34:50
ท่าทาง ชิพ จะพูดความจริงนะเนี่ย  :m13: :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 01-04-2008 15:06:24
จะเป็นยังงัยต่อไปน๊า
สงสารแอลจังเยย  :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 01-04-2008 15:48:21
เกลียดคนที่เจ้ายศเจ้าอย่างแบบนี้ที่สุดเลยอะ

เรื่องมันจะกลายเป็นหนังไทยเข้าไปทุกๆทีละ

 o12     o12    o12     o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 01-04-2008 15:58:55
ยังคิดถึงพี่มาร์คอยู่เหมียนเดิม..

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-04-2008 21:53:01
ขอโทษทีครับคือเผอิญคอมที่บ้านผมเสีย วันนี้เลยออกมาใช้คอมนอกบ้าน ช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยยังไม่ได้เริ่มแต่งภาค3เลย ขอโทษด้วย

เมื่อวานหลังกลับจากเรียนพิเศษ(เดี๋ยวนี้เรียนตั้งแต่8โมงถึงหกโมงครึ่ง...)กะจะมาลงนิยาย คอมดันเสียอีก เลยล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ ซึ่งก็เอามาลงให้รวดสามตอนเลย หวังว่าคงจะถูกใจกันนะครับ


ปล.นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่ละครช่องเจ็ดนะครับ อิอิ :laugh: ไม่เห็นมีนังเย็นกับนังสาลี่ และคุณหญิงแย้มสักหน่อย หุหุ


บทที่ 31



       “หวาน”

       ผมเคาะประตูห้องไอ้หวาน ต่อไปนี้เราไม่ได้ไปทำงานแล้ว(แย่เหมือนกัน ไม่มีเงินเก็บน่ะซิT-T) ผมก็มาสิ่งสถิตอยู่แถวมหา’ลัยแล้วก็หอไอ้หวานนี่แหละ

      แกร๊ก! เสียงเปิดประตูเข้าไป หืม!!! ทำไมห้องไอ้หวานมันรกอย่างงี้เนี้ย O[]O!! ยี้~~~ซกมกอย่างแรง ว่าแต่ไอ้เจ้าของห้องไปไหนเนี้ย?

      “หวานๆ”

      อ้อ เรียกตั้งนานไปเจอมันนอนคุดคู้อยู่ในห้องนี่เอง เอ๊ะ เสียงมันคุยโทรศัพท์กับใครหรือเปล่าว่ะ

      “บอกว่ายอมไม่ได้ยังไง!”

      เสียงไอ้หวานว๊ากลั่น ตามด้วยโนเกียราคาถูกที่น่าสงสารบินวอนไปกระทบฝากำแพงเข้าอย่างจัง หล่นปุกลงกลายเป็นซากไปโดยปริยาย

      มันล้มลงนอนนิ่ง ผมแง้มประตูเข้าไปดู…มันร้องไห้อยู่นี่หว่า

      “หวาน…”

      ผมค่อยๆนั่งข้างมันบนเตียง กอดปลอบมันเบาๆ

       “เกิดอะไรขึ้น?”

      “น้องกุ้ง…น้องกุ้งเขาต้องเลิกกับกู”

      “ทำไมล่ะ? ทำไมน้องเค้าต้องเลิกกับมึง?”

      “ก็เพราะ…น้องเค้าจะแต่งงานน่ะซิ”

      ผมอึ้งไปแป๊บ พยายามตั้งสติให้ถูก เพราะถ้าเผื่อผมตีโพยตีพายไปด้วยอีกคน ไอ้หวานที่เพิ่งระเบิดอารมณ์สติแตกไปหยกๆต้องบ้าตามไปด้วยแน่

      “…น้องเขาต้องแต่งงานเหรอ?”

      “ใช่ บ้านน้องเค้าจะจับแต่งงาน แต่งกับ…”

      เสียงไอ้หวานขาดหายไปในลำคอ…ไม่จบ

      “แต่งกับใครวะ”

      “…แต่งกับ…ใครไม่รู้ แต่แดน…กูรับไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว หากว่ากูต้องเห็นน้องเค้าแต่งงานไป กูต้องหัวใจสลายแน่ๆ…ยิ่งกูเห็นว่าน้องเค้าไม่ได้อยากแต่งงาน แต่อยากอยู่กับกู แต่กูทำอะไรไม่ได้…กูยิ่งทนไม่ได้”

      “อ้าว ก็ดีแล้วนี่ น้องเค้ายังรักมึงอยู่”

      “แต่กูล้มเลิกแผนแต่งงานบ้าบออะไรนี่ไม่ได้ เพราะฝ่ายชายเขาคงไม่ยอม…”

      อ้อ ปัญหาบรรพบุรุษจุ้นจ้านนี่เอง...ผมเองก็หมดปัญญาแก้เช่นกัน

      ตลกดีเนอะ ชีวิตคนนั้นน้ำเน่ายิ่งกว่าในนิยายอีก

       อย่างกะน้องกุ้งเป็นลูกสาวเจ้าพ่อที่ต้องถูกจับแต่งงานทั้งๆที่มีคนรักแล้ว 555+ โคตรเหมือนนิยายจริงๆเลยว่ะ ให้ตายเถอะ…

       “แล้วทำยังไงดีละ…กูจะช่วยมึงคิดหาทางออก”

      “ไม่มี…ไม่มีทางออก กูไม่อยากให้มึงเข้ามายุ่ง…แค่นี้ก็มากพอแล้ว”

      ฮื้อ? มันพูดว่าไงนะ

      “อะไรนะ…กูยุ่งด้วยงั้นเหรอ?”

      “ปะ…เปล่าหรอก ไม่มีอะไรหรอก”

      ผมคอยอยู่เป็นเพื่อนมัน บริการหาข้าวหาปลา แถมยังต้องจัดห้องให้มันอีก วู้!~~เหนื่อยโว้ย แถมยังหมดเวลาไปทั้งวัน ปากมันเอาแต่พล่ามๆเรื่องน้องกุ้งกับถามผมอยู่นั่นแหละว่าเมื่อไรผมกับบอยจะลงเอยกันสักที เชรี่ยยยย กูชักรำคาญ +^+”*

       “มึงถามแบบเนี้ยทำไมวะ?>”

      “~ก็แค่อยากรู้อ่ะ”

      “ถ้าอยากรู้ก็ได้…กูกับบอยไม่มีวันลงเอยกัน เราสองคนเป็นแค่เพื่อน ครั้งแรกที่กูนอนกับมัน มันยังคิดว่ากูเป็นผู้ชายขายตัวอยู่เลย ทีนี้พอใจยัง?”


       ไอ้หวานเงียบไป เฮ้อ…โล่งหูสักที นี่ถ้าไม่นับว่ามีเรื่องหนักใจผมตบกะโหลกมันไปหลายทีแล้วนะเนี้ย ฮืมๆ -“- (แง่งๆ~~)


       “แม่ เงินที่แดนเอาไปเข้าธนาคารให้แม่เห็นหรือยัง?”

      กลับมาถึงบ้านเหนื่อยๆก็มีเรื่องต้องมาครุ่นคิด ผมเดินแยกจดหมายกับขยะทิ้งขณะเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เสียงแม่ผัดอะไรอยู่ไม่รู้หอมฉุยเชียะ พอเงยหน้าขึ้น…

       “ชิพ…”

      ไม่ทันสังเกต มันเข้ามาอยู่ในบ้านผมได้ไง???

      “แดน…อย่าเพิ่งโวยวายนะ นั่งลงก่อน”

      งงดิ? ใครกันเปิดประตูต้อนรับมันเข้ามา...นอกจากแม่

       ทว่าแม่ของผมไม่ชอบขี้หน้าชิพ ตั้งแต่มันหายตัวไปเมื่อห้าปีก่อน

      “ชิพ มึงเข้ามาได้ไง แม่...แม่รู้เรื่องหรือเปล่า?”

      “เออน่า แกอยู่เฉยๆเหอะ ชั้นให้เค้าเข้ามาแล้ว”

       ร่างเล็กของแม่ยืนทำตาค้อนใส่ผมอยู่ขณะกำลังทยอยยกจานผัดผักบุ้งกับไข่เจียวแล้วก็กับข้าวง่ายๆอีกสองสามอย่าง พร้อมด้วยจานข้าวสามที่ มิน่าละแม่ถึงจัดกับซะอลังการ(มากกว่าสองอย่างก็อลังการแล้วคับ) เพราะมีแขกเป็นไอ้ชิพนี่เอง…

      “นั่งลงซิ กินได้แล้ว”

      ผมอ้าปากจะถาม แต่สายตาคมกริบที่แม่มองมา ปรามผมไม่ให้พูดต่อไป

      ระหว่างที่กินแม่นั่งเงียบๆ ท่านทำเหมือนไม่รู้จักชิพ จริงๆนะคือแม่พูดเหมือนกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชีวิต…แต่มองดูแววตาผมรู้ว่าแม่โกรธชิพ ด้วยเรื่องอะไรน่ะเหรอ? เหอะๆ…ไม่น่าถาม =”=

       ชิพหน้าเสียเล็กน้อย ผมนั่งข้างๆมัน ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันนี้แม่ของผมเปลี่ยนไปมาก ท่านได้รับความกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความสุขความสดใสในตัวแม่พลันทรุดโทรมหรือจางหายไป...อันเป็นผลมากจากความเครียดที่แม่ปกปิดผมมาตลอดนับแต่พ่อเริ่มป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้เล็ก

       “แดน ถามเพื่อนซิลูกว่ามาทำไม?”

      แม่ถามผมแบบนี้ ก็แสดงว่าไม่อยากคุยกับชิพตรงๆน่ะซิ...มันก้มหน้าลง โหนกแก้มของมันเจือสีแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัดเพราะความอับอาย กระนั้นมันก็ยอมทนนั่งอยู่ตรงนั้น

       “ผมมาเยี่ยมแดนครับ…”

      แม่กระแทกตัวลุกออกไปทันที ตามด้วยเสียงล้างจานที่ค่อนข้างดัง จานกระทบกับช้อนส้อมคล้ายคนล้างกำลังใส่อารมณ์...ชิพหันมามองผมตาปอยๆ

       “กูมาหามึง มีเรื่องสำคัญต้องพูด”

      นับแต่ที่ผมเลิกฝึกงานที่บริษัทของชิพ เราต่างคนต่างมีชีวิตและธุระปะปังที่ต้องจัดการ กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอันแตกต่าง...ผมกลับมาเรียนหนังสือเก็บตัวที่เหลือๆของผม เพื่อตามความฝันที่ว่าสักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสยืนถ่ายรูปกับพ่อกับแม่ ในมือถือปริญญาใบแรกของชีวิต สวมชุดครุยน่าเกรงขาม ครอบครัวของเรายิ้มอย่างมีความสุข...ส่วนชิพเองก็มีฝันของมันเช่นกัน เวลาว่างที่เราสามารถเจอกันได้ก็คือช่วงเย็นหรือวันหยุด นัดกันที่คอนโดของชิพ และถ้าคืนไหนผมต้องการมันทอดกายอยู่เคียงข้างยามค่ำคืน ผมก็จะออกไปหา ซึ่งพักหลังมานี่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเช่นนั้น (=_=*)

       ผมมีความสุขมากเมื่อได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับชิพ...คนที่ผมรัก

       สักพัก แม่เดินออกมาพร้อมกับถ้วยลอดช่องใส่น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบหน้าตาน่ารับประทาน แต่อึ้งที่ว่าแม่ถือออกมาเพียงถ้วยเดียว ทั้งๆที่ชิพนั่งอยู่...แม่นั่งลงก่อนจะชายตามองไปที่มัน

       “เอ้า ของโปรดเธอไม่ใช่เหรอ? ชั้น...ยังจำได้”

       แม่เลื่อนถ้วยใส่ลอดช่องฝีมือแม่ครัวเอกให้ชิพโดยที่ท่านไม่ได้มีอาการอิดออดหรือประชดประชันเลยแม้แต่นิด ลอดช่องสีสวยๆถูกวางไว้ตรงหน้าชิพ...มันเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ผม ดวงตาคลอหยาดน้ำใส...ก่อนจะยิ้มกว้างกล่าวขอบคุณแม่เสียงสั่นๆ

       “ขอบคุณครับ...แม่”

      แม่ของผมพยักหน้า “แดน...เดี๋ยวปิดบ้านให้เรียบร้อยนะ แม่ขึ้นบ้านอาบน้ำนอนและ”

      ว่าแล้วแม่ก็ขโยกขเหยกเดินขึ้นบันไดไป ส่วนจานชามผมเสนอตัวว่าเดี๋ยวจะช่วยกันกับไอ้ชิพล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยและจัดเก็บเข้าที่เอง ตอนนี้มันนั่งหน้าบาน ตักลอดช่องเข้าปากด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ มันทำท่าจะป้อนแต่ดันแกล้งตักพลาดจนหกใส่ตัวผม ต่อยมันไปทีหนึ่ง มันหัวเราะ ผมยิ้ม...มันก็ยิ้มให้ผม ความรู้สึกอบอุ่นดีๆเริ่มกลับเข้ามาอีกแล้ว คราวนี้ผมไม่กลัวมันอีกต่อไป

       เปล่าเลย ผมพร้อมจะเปิดรับมันเต็มที่เลยต่างหาก

 

       เราสองคนกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งตรงส่วนหย่อมกลางซอย ตรงต้นไม้ใหญ่มีเสาไฟสว่างจ้าเปิดอยู่เป็นระยะๆ ตรงนี้มีดวงเดียว รอบด้านเลยมืด มีเพียงผมกับมัน ทุกอย่างเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ ผมเอาหัวเอนพิงซบมัน...รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

       “มีเรื่องอะไรถึงได้มาหาถึงบ้านวันนี้”

      ชิพขยับตัว กลิ่นหอมจางๆประจำตัวมันห้อมล้อมผม...ให้หลงไหลไปกับชิพ

       ผมหลงรักชิพ

       เพราะมันเตือนผมอยู่ในใจตลอดเวลา

       “~หอมแก้มก่อนแล้วจะบอก”

      “ฮื้อ ไม่เอาหรอก”

       แฮะๆ เล่นตัวงั้นแหละคับ =o=*

       พอมันเงียบ ผมเลยต้องยอมจำใจชะโงกขึ้นไปหอมแก้มมันโดยปริยาย ทว่าคราวนี้มันไม่ได้เพียงแค่หอมแก้ม แต่มันแอบบังคับผมจูบเลยต่างหาก =_=* ยอมมันก็เพราะรสจูบหอมหวาน ที่ปลุกอารมณ์ได้กระเจิงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ...

       “เกิดอะไรขึ้น?”

       ผมถามงงๆ สมองมันมึนๆ...ไม่เคยนึกเลยว่าจูบที่เพิ่งผ่านมาจะเป็นอะไรที่เซ็กซี่ที่สุดของชิพ ยิ่งกว่าตอนเราอยู่บนเตียงด้วยกันซะอีก >///<

       ชิพหัวเราะ “งงเลยเหรอ?”

      “เออดิ” อ้าว…ก็แค่แปลกใจ อีกอย่างเมื่อคืนก่อน คืนก่อนๆ คืนก่อนๆๆโน้นชิพก็น่าจะไม่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่แล้วนี่…

       “รักกูป่าว?”

      เอ๊ะ ชักจะยังไง

      “ไม่เอาๆและ มีอะไรรีบพูดมาเลยดีกว่า”

      “เฮ้ย~~~ เดี๋ยวก่อนเด่ มึงนี่ทำตัวเป็นแฟนที่อ่อนหวาน น่ารักเหมือนใครอื่นเค้าเป็นบ้างมั้ยเนี้ย?”

      “อ้าว ถ้าอยากได้แบบนั้นก็เชิญออกไปตามหาเอาเองซิ”

       ผมเมินหน้าใส่ชิพงอนๆ เชิด! มันเข้ามาคลอเคลียแป๊บเดียวก็ใจอ่อน โกรธมันไม่ไหวหรอก น่ารักแบบเนี้ย >o<

       “บอกกูหน่อยนะ...บอกกูหน่อยว่ารักกูหรือเปล่า?”

      ชิพหอมแก้มผม จากนั้นมันก็จับคางเชยหันมาให้เราได้สบตากัน ผมจ้องมองแววตาลึกซึ้งนั่น...มันเปี่ยมไปด้วยความหมาย ความทรงจำ มากมายที่ถ่ายทอดออกมา...มันแทนคำตอบทั้งหมด ทั้งหมดที่ผมมี

       มันจูบผม แม้ไม่ได้ตอบมัน แต่ผมรู้ว่าชิพเข้าใจ...จูบมันด้วยความรักเปี่ยมล้น จนผมตกใจว่าทำไมหัวใจของผมถึงรักใครคนหนึ่งได้มากมายขนาดนี้ นั่นคือชิพ ผมรู้สึกอยากกอดชิพไว้ตลอดไป แบบนี้ หยุดเวลาทุกอย่าง มีเพียงเรา สองคนตลอดไป...

       ผมไม่เคยชอบใช้คำว่าตลอดไป

       แต่ผมจะรักเค้าตลอดไป

       ชิพผละจูบ แววตาของมันบ่งบอกว่าคืนนี้กรูเสร็จมันอีกแหงๆ =_=* แต่แล้วมันก็ยัดอะไรบางอย่างเข้ามาในมือของผม งง???

      “อะไรเนี้ย?”

      มันเป็นเงิน...เงินแบ๊งค์พันปึกหนึ่ง เยอะพอสมควร ชิพให้ผมทำไม?

       “แดน...กูรักมึง และถ้ามึงรักกูนะ มึงต้องรับเงินจำนวนนี้ไป”

      ผมอึ้ง พูดยิ้มๆ...”นี่มึงล้อเล่นหรือเปล่า?”

      “เปล่านะ กูขอแค่อยากช่วยเหลือมึง...กูไม่รู้หรอกว่าจะทำยังไงดี มีทางเดียวเท่านั้นที่ เอ่อ...กูถนัด รับเงินนี้ไปซะ แล้วเข้าใจกูด้วย”

       “ไม่ชิพ กูรับไว้ไม่ได้หรอก กูทำไม่ได้…”

       ผมยัดเงินคืนใส่มือชิพกลับไป แต่มันก็ไม่ยอม คราวนี้กำมือผมไว้แน่น

       “คิดซะว่าให้ยืนก็ได้...จนกว่าเรื่องทุกๆอย่างจะดีขึ้นนะ”

      จำนวนเงินนี้มากพอทำให้เรามีค่าเช่าบ้านต่อได้อีกสองสามเดือน พร้อมทั้งสาธารนูปโภคต่างๆ...แต่ทำแบบนี้ก็เท่ากับรับเงินชิพมาฟรีๆ โดยไม่ได้ทำอะไรตอบแทนเลยนะซิ?

       อีกอย่าง ผมเองก็มีศักดิ์ศรี ผมรู้ว่าชิพรวยมหาศาล แต่ก็ไม่เคยแบมือขอเงินใคร และไม่เคยคิดอยู่ในหัวสมองด้วย

       “ชิพ บอกตามตรง...กูรับไว้ไม่ได้หรอก มึงอย่าทำแบบนี้อีก กูไม่ได้โกรธมึงหรอกนะ กูเข้าใจ...แต่ว่ากูเอาเงินฝ่ายเดียวจากมึงมาจริงๆไม่ได้”

      “หมายถึงต้องแลกเปลี่ยนน่ะเหรอ?”

      “กูไม่มีอะไรจะให้หรอก ฉะนั้นนะ เก็บเงินคืนไปเถอะ”


       “รู้อะไรมั้ยแดน? มึงมีอย่างหนึ่งที่ให้กูได้...ความรักไง มึงให้หัวใจกูมาแล้ว กูทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นมึงต้องลำบาก เห็นแม่มึงลำบาก กูรักมึง...รักมาก จนกูเจ็บไปด้วยที่มึงต้องมาเผชิญเรื่องร้ายๆแบบนี้”

       ตอนนั้น ภาพใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของชิพตรงหน้า อยู่ในท่ามกลางแสงสลัวจากเสาไฟ แสงนวลๆอ่อนๆส่องให้ผมมองเห็นชิพได้ชัดเจนขึ้นว่า...มันคือสิ่งที่สวยงามที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของผม ผมขอแค่ให้เคยได้รักมัน ครั้งหนึ่งในชีวิต...แค่นี้ก็พอแล้ว

       “ร้องไห้ทำไม? ไม่เอาน่า~~ขี้แยอีกแล้วนะคนเก่ง”

      ชิพจูบซับน้ำตา จูบจริงๆ! ไม่อยากจะเชื่อว่าชิพอ่อนโยนกับผมได้ถึงขนาดนี้

       “กูไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย”

      “นอกจากจะดื้อ ขี้แย แล้วยังปากแข็งอีก เนี้ย~~~ใครบอกว่าตาคลอๆแบบนี้จะไม่ร้องไห้ มึงอ่ะชอบให้กูต้องเช็ดน้ำตาให้อยู่เรื่อย”

      ผมร้องไห้ออกมาจริงๆก็คราวเนี้ย มันตื้นตันใจไปหมด...มันกอดผมไว้ อ้อมกอดอบอุ่นแข็งแรงที่จะคงให้ความรู้สึกเหนือคำบรรยายเช่นนี้ตลอดไป...

       “แต่แม่กูคงไม่ยอมด้วยหรอก”

      ไม่วายหาข้ออ้าง แต่ชิพมองด้วยสายตาดุๆเหมือนบอกว่า ‘หยุดได้แล้ว’

      “มึงก็แค่บอกแม่ว่า...มึงทำงานได้เงินมาซิ อย่าบอกว่ากูให้”

      “แต่…”

      “แล้วถ้าแม่บอกว่าให้เอาเงินมาคืนกู...ก็บอกว่าเงินนี้ให้แล้วให้เลย ไม่รับคืนครับ”

      “อ้าว? ก็ไหนเมื่อกี้บอกให้ยืมไง”

      “เอ่อ...แฮะๆ ก็ประมาณนั้นอ่ะ อย่าซีเรียสดิ”

       เจ้าบ้า! ไม่ให้ซีเรียสได้ไง เงินจำนวนเยอะมากมายแบบนี้ นี่ถ้าแม่รู้เข้าเอาผมตายแน่ ไม่เอาดีกว่า ตัดสินใจคืนชิพไปดีกว่าหมดเรื่องหมดราว

       “เห้ยๆ บอกแล้วไงว่าเงินนี้...เป็นของมึงแล้ว ถ้ามีปัญหากับแม่ก็หาทางเลี่ยงๆ เข้าใจป่ะ?”

      ไอ้ชิพมันเลวมากคับ =_= มันหัดเสี้ยมสอนให้ผมโกหกแม่ตัวเอง ทั้งๆที่ผมก็ทันแกวมันนะ แต่ใครก็ตามอย่าเอาเป็นตัวอย่างนะครับ (=o=”)<<<

       “แดน...มีเงินเงินแล้ว มีความสุข...มีความสุขเพื่อกูเถอะนะ”

      แม่ต้องไม่เห็นดีงามด้วยแน่ร้อยเปอร์เซ็นท์ แต่ถ้านี่คือความสุขของชิพ ผมจะยอม...ยอมเพื่อมัน

       “ก็ได้ชิพ”

      ชิพจูบหน้าผากผม “~ดีมาก...”

      มือของมันเลื่อนไปตรงเอวของผม เริ่มแล้วไง...ผมดึงตัวออกก่อน สบตามัน โอยไอ้หื่น! มองกรูตาเป็นมันแบบนั้น ไอ้...ไอ้บ้าลามก!@

      “เอ่อๆ รู้แล้วๆ...จะให้รีบไปขึ้นรถได้แล้วใช่มั้ย”

      ชิพพยักหน้า(เหมือนหมา)แสนรู้ ขำก็ขำมันนะไอ้ช็อคชิพของผมเนี้ย >o<

       “รีบไปเถอะก่อนที่กูจะไฮเปอร์มากกว่านี้”

      โดนล็อคแบบเนี้ย หนีไปไหนไม่ได้หรอก ไม่อยากด้วย...

       เพราะผมเองก็อยากๆโดนล็อคเหมือนกันแหละ o_O*<<<
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-04-2008 21:53:38
บทที่ 32



       ณ หน้าคลินิกบ้านสวน ผมเห็นผู้หญิงคุ้นๆตาคนหนึ่งเดินเข้าไป…

      มองจากทางด้านหลังแล้ว คุ้นมาก…

       ผู้หญิงคนนั้นมาหาบอยเหรอ? และผมควรจะเข้าไปตอนนี้ดี หรือว่ารอก่อนดีกว่ามั้ยนะ?

       ชิพรู้เรื่องที่ผมถือโอกาสว่างๆนี้มาเยี่ยมบอย เราขาดการติดต่อกันไปสักพักใหญ่ๆแล้ว…ผมเป็นห่วง ส่วนชิพแค่งอนเล็กน้อยที่ผมไม่อยู่กับมันที่คอนโด แต่จ้างให้ก็ไม่ยอม…ทำไมนะเหรอ? อยู่กับมันทั้งวันสุดท้ายก็ต้องลงเอยอีหร่อบเดิม…เก็บแรงไว้บ้างดีกว่า =_=”

      …ภายในคลินิกเงียบเหงา คงเพราะเป็นวันธรรมดาปลายเดือน คนไม่ค่อยมีเงิน ผมทักพี่ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ พี่ตาแกรู้จักผม เลยให้เข้าไปทางด้านในได้ตามสบาย

       เสียงบอยคุยอยู่กับเสียง…ผู้หญิงดังขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาทหรอกนะ แต่ผมได้ยิน…

      “เราควรจะทำยังไงกันดีคะ พี่บอย?”

       เอ๊ะ! เสียงคุ้นมาก…ใครกันนะ? แต่ต้องเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับเมื่อตะกี้แน่ๆ

       “เราต้องพูดกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายให้รู้เรื่อง…แต่ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องทั้งหมดถ้าจะต้องเกิดขึ้น พี่เป็นคนรับผิดชอบเอง”

       จากบทสนทนา ทำให้ผมคิดตะเลิดไปไกล หรือว่า…

       บอยทำผู้หญิงท้อง?!

       แต่บอยเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ? (อันนี้พิสูจน์มาแล้ว=_=’)

       ผมเลื่อนตัวเข้าไปไกลประตูบานที่เปิดแง้มทิ้งไว้ เอนตัวเข้าไป ทว่า ไอ้ถุงมะม่วงอกร่องเจ้ากรรมที่ซื้อมาฝากบอยดันทะลึ่งกระแทกใส่ประตูเข้า เปิดฝ่างออก! แล้วภาพที่ผมเห็นก็ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก…

       “น้องกุ้ง?...”



       บอยนั่งคุยกับผมจนถึงเย็น…ร้านปิดเร็วมาก เนื่องจากไม่มีคน บวกกับอารมณ์ของสัตวแพทย์หนุ่มที่กำลังเคร่งเครียด ผมฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแท้ที่จริงแล้วบอยมีคู่หมั้น คู่หมั้นสาวแสนสวย…คนเดียวกับที่เป็นแฟนไอ้หวานเพื่อนซี้ของผม น้องกุ้งน่ะเอง!

       บอยบอกว่า เค้ากำลังถูกคุณอาบังคับให้แต่งงานหลังเรียนจบ อีกฝ่ายเป็นน้องกุ้ง…ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดีว่าไม่ได้ชอบกันและกัน อย่าว่าแต่จะมองเลย…อย่าลืมว่าทั้งสองรักกันไม่ได้ ในเมื่อพวกเค้าไม่สามารถมีความรักแบบทั่วๆไป…บอยนั่งหน้าเศร้า สิ่งนี้เองซินะที่รบกวนจิตใจของเค้ามาตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี่   

        และคงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อธิบายได้ว่า…ทำไมหวานถึงได้เซ้าซี้ให้ผมเป็นแฟนกับบอยให้จงได้

       มันหลอกผม!

       “นายปิดบังเรา”

      ผมเริ่มพูดเป็นครั้งแรกตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา บอยเอาแต่ระบายความในใจ สารภาพทุกอย่างออกมา…เขาขอให้ผมไม่โกรธเขา แต่เรื่องโมโห…อดไม่ได้จริงๆ

       “คุณอย่าโกรธผมนะ ขอร้องล่ะ…ถ้าผมเสียคุณไปอีกคน ผมคงไม่เหลือใครเลย”

       จะว่าไปก็น่าสงสาร บอยเป็นคนอาภัพเรื่องความรักแท้ๆ…เหมือนใครบางคนแถวนี้เลย…เค้าอึดอัดใจมากที่ไม่มีสิทธิเลือกได้เองว่าชีวิตของเขาสมควรรักใครชอบใคร ทำได้ก็แค่ปกปิด…

       “ผมเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ฉะนั้น…อย่าเลิกคบผมเลยนะ ผมขอโทษ”

       ตาของบอยแดงๆเหมือนจะร้องไห้ ผมอดไม่ได้…ถอนหายใจก่อนนั่งลงข้างๆเขา สงสาร…คนเราทำผิดกันได้ ผมให้อภัยบอยไม่ว่าเหตุผลจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม

      “ฮื้อ! ไม่ได้หมายความว่าเราจะเลิกคบนายซะเมื่อไร เราไม่ได้โกรธนายหรอก แต่แค่ไม่พอใจที่นายกับหวานร่วมมือกันปิดบังเรา เหมือนเราเป็นคนโง่”

      ร่างสูงก้มหน้าสำนึกผิด เฮ้อ…

       ผมขยับเข้าไปโอบกอดเขา ลูบหลังเขาเบาๆ บอยค่อยๆตัวสั่นก่อนจะปล่อยสะอื้นโฮใหญ่ออกมา…ผู้ชายขี้แยเนี้ย อ่อนไหวจริงๆเลยนะ =_=”

       “ไม่ต้องร้องหรอก…เราไม่ได้โกรธนายสักหน่อยนะ อย่าโทษตัวเองเลย”

      “เปล่า ผมร้องเพราะ…”

      “…อะไรเหรอ?”

      “เพราะอะไรผมถึงเป็นแฟนกับคุณไม่ได้…ทั้งๆที่ผมรักคุณมากมายขนาดนี้”

      ผมสะอึก เข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของเขาดี…การที่เรารักใครสักคน ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าไม่มีวันหันมา มันช่าง…

       “เรารักนายนะบอย เราหวังดีกับนายเสมอ แต่รักแบบเพื่อน นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเราตลอดไป”

       บอยจ้องนัยน์ตาของผม “จริงนะ?...”

      ผมพยักหน้า ช้าๆ…บอยจะเคลื่อนเข้ามาจูบ ทว่า ผมแตะริมฝีปากเบรกเขาไว้

       “ทำไม? ผม…ผมขอจูบคุณเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย?”

      บอยทอดแววตาแสนเศร้านั้นมา วินาทีนั้นอารมณ์แรกที่ผมเจอกับเค้าย้อนกลับเข้ามากระแทกอย่างจัง…อารมณ์คนอกหัก ความเจ้บที่อัดแน่นอยู่ในออกสามารถถ่ายทอดออกมาได้ผ่านดวงตาคู่นี้ ผมตกลง…จูบที่นุ่มนวลแผ่วบางประทับแนบตามลงมา…ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าแค่คำว่า ‘ทะนุทนอม’…และ ‘อ่อนหวาน’…ผมคงไม่สามารถหาจุมพิตที่งดงามได้มากไปกว่านี้แล้ว

       “เราเป็นเพื่อนกันนะต่อไปนี้?”

      “งั้นก็แปลว่า ละครหลอกๆที่ผมเป็นแฟนคุณ…ก็ต้องจบลงด้วยแล้วน่ะซิ”

       ผมยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่เศร้ามาก แม้แต่หัวใจยังรับรู้ได้…เหมือนกับว่าต่อไปนี้จะไม่มีทางสัมผัสถึงความรู้สึกดีๆเหล่านั้นได้อีกแล้ว บอยทำให้ผมรู้จักความสุขในช่วงเวลาหนึ่ง ผมอยากเป็นคนๆนั้นของเขาได้ แต่เหมือนเส้นขนานสองเส้นที่ไม้เคยบรรจบกัน หัวใจผมมันไม่ได้มีไว้เพื่อเค้า อันนี้เราสองคนต่างเข้าใจดี

       “แต่สัญญาว่าเราจะไม่ลืมนาย”

      ผมยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวสัญญาให้เขา บอยหัวเราะขำๆ

       “ครับผม…ขอบคุณนะครับแดน ที่ทำให้ผมมีความสุขมากแบบนี้”

      แม้ปากบอยจะบอกมีความสุข แต่ผมรู้ ลึกลงไปในนั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าว

       อยากจะรักบอยได้เหมือนกัน เขาเป็นคนดีจริงๆ…และผมคงมีความสุขยิ่งกว่าถ้าสักวันจะเห็นเขามีความรักที่สวยงาม สมบูรณ์แบบอีกครั้ง

       “แล้วเรื่องนายกับน้องกุ้งละ?”

       “ผม…จะไม่มีวันยอมแพ้ สักวันคุณอาต้องเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น”

      “ดีแล้วล่ะ” ผมตบหลังมือเค้าเป็นการให้กำลังใจ…ป่านนี้เองน้องกุ้งก็คงกำลังอยู่กับหวาน หรือไม่ก็กลับบ้านไปแล้ว พ่อแม่น้องกุ้งเป็นคนค่อนข้างเข้มงวด ต้องหวงลูกสาวเป็นธรรมดา…ผมว่าคู่นั้นงานนี้ท่าทางจะยากเย็นสักหน่อย เพราะคงไม่มีใครอยากให้ลูกสาวคนเดียวที่เลี้ยงดูอย่างกะเจ้าหญิงไปอยู่กินเป็นแฟนกับทอมสาวเป็นแน่ =_=”
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 30 ขอบคุณก๊าบ(^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-04-2008 21:54:36



บทที่ 33



       ค่ำคืนที่ยาวนาน ผมไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป…

       ไม่ต้องฝันร้าย เพราะชิพอยู่ตรงนี้ เคียงข้างผมแล้ว…ตัวจริงที่กลับทำให้ความรู้สึกดีเยี่ยงนี้คล้ายฝันไปแทนซะเอง…

       เคยเป็นเวลาตอนดึกๆ เงียบสงัดและเหงา…เหงาเหลือเกิน ผมกลัวความืด ต้องการใครสักคนให้กอด…ที่ไม่ใช่เซ็กซ์ แต่คือคนที่สามารถทำให้เราอบอุ่นได้ตลอดไป…

       ตอนนี้ผมเจอดาวเหนือของผมแล้ว (น้ำเน่าไป’เปล่าหว่า~~<<<)

       ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด…ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไออุ่นจากมัน กลิ่นหอมๆของมัน สัมผัสอ่อนโยนของมัน…ทำให้ผมนึกถึงคืนเมื่อห้าปีก่อนนั้น

       ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับชิพช่วงนี้เป็นอะไรที่วิเศษมาก ผมมีความสุข มันก็มีความสุข เหมือนเราได้เติบโตและเรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่าง ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น รู้จักหยุดคิด ให้อภัย ชิพไม่เคยหึงผมบ้าๆบอๆแบบเดิมอีกเลย ไม่เคยใส่อารมณ์ มันอ่อนโยนซึ่งคืออีกด้านหนึ่งที่น้อยคนนักจะรู้จัก ส่วนผมก็เลิกเจ้าคิดเจ้าแค้นมัน ยอมตามใจในเรื่องที่จะทำให้มันมีความสุข ผมพร้อมทุกอย่าง…เวลามีความรักมันทำให้โลกสดใส(อันนี้พูดจริงๆ ไม่เน่านะ(0_0*)) ยิ่งการได้รักชิพนั้นทำให้ชีวิตของผมมีความหมายขึ้นมามาก ผมสามารถเป็นตัวของตัวเอง รู้สึกมีค่า อย่างน้อยก็เพื่อทำให้คนที่เรารักมีความสุข

       ผมไม่เคยหวังอะไรจากชิพ ขอแค่ให้ได้รัก…ซึ่งผมไม่เคยหยุดรักมันเลยนับตั้งแต่ที่เราเจอกันในโรงอาหารตอนโรงเรียนมัธยม…แม้มันจะอยู่ห่างไกลออกไป ผมเคยแค้นมันมากก็จริง…แต่เท่าๆกับความรักที่ผมมีให้มันมากมายเช่นกัน เลยพาลเกลียดตัวเอง…เกลียดตัวเองที่ทำไมถึงรักชิพทั้งที่มันหนีหายผมไปแบบนั้น

       แต่ตอนนี้ถ้าขาดมัน หัวใจผมมันเหมือนค่อยๆตาย เหมือนต้นไม้ขาดน้ำ

       เคยมีคนบอกว่ารักที่เกิดจากเซ็กซ์ มันไม่ยั่งยืน ทว่าผมไม่ได้รักเซ็กซ์ของชิพ แม้ว่ามันจะวิเศษมากเพียงใดก็ตาม แต่ผมไม่เคยถือยึดติด มันก็แค่ของแถม…ผมรักที่ตัวตนของชิพ   

       สำหรับคืนนี้ เรามีอะไรกันหลายรอบแล้ว และนี่ก็ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ชิพกับผมเหนื่อยจนต้องขอหยุดพัก บอกตามตรงเลยว่าผมไม่เคยป้องกัน(ซึ่งเป็นอะไรที่แย่เอามากๆ…) แต่เวลาที่มีชิพหลั่งไหลอยู่ท่วมท้นภายในกายของผม ความอุ่นร้อนตรงนั้นรดระฝังแน่น…ทำให้ร่างทั้งร่างถูกปลุกขึ้น มีชีวิตชีวา และสุขใจ ผมรักมันมากยิ่งขึ้นทุกวินาทีๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้เลย

       ชิพล้มตัวลงนอนข้างๆผม อย่างเหนื่อยอ่อนและหอบเพราะกิจกรรมเร้าอารมณ์ระหว่างเราสองคน >o< จนเมื่อทุกอย่างกลับลงสู่ปกติ ผมก็แทบหมดแรง นอนซบแผ่นอกแน่นๆของมันอยู่ตรงนั้น

       เรานอนเคียงกันอยู่เงียบๆไม่พูดอะไร แต่ตื่นอยู่ พลางทอดสายตามองลงไปยังถนนเบื้องล่าง ซึ่งมองเห้นรถยนต์วิ่งไปตามทางสู่เมืองใหญ่ ชีวิตกลางคืนเพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่ผมพอใจแล้วที่ได้อยู่กับชิพเพียงลำพัง ณ ตรงนี้

       “วิวสวยนะ”

       ชิพจูบขมับผม อืม…ชักง่วงแล้ว -“-

       “มึงรักกูหรือเปล่า?”

      “ทำไมชอบถามย้ำๆ?”

      “ก็ชอบฟัง พูดอีกซิ”

       เวลามันอ้อนผมแบบนี้ ทำยังไงก็อดไม่ได้ ต้องบอกรักมันทุกครั้งไป

       ผมพลิกตัวขึ้นมาเล่นหน้าอกมัน กล้ามเนื้อแข็งแรงเรียงตัวเป็นแผงสวยถูกนิ้วเรียวไล้เล่นแผ่วเบา ไปตามเส้นลายแห่งความแข็งแกร่งที่น่าหลงใหลแสนดึงดูด…ผมจูบผิวกายเรียบลื่นของมัน จ้องตาชิพ ความเงียบงันปกคลุมเราสองคนทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก…มันคือสัญญาณแห่งพายุลูกใหม่ที่ถูกก่อตัวขึ้น…ทว่าคราวนี้ชิพกลับหยุดผมไว้

       “ฮื้อ?”

       แปลกใจน่ะซิ ชิพไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้มาก่อน o_O*

      มันทำหน้าแปลกๆ…(บอกไม่ได้) ก่อนจะกระแอ่มลำคออย่างกะจะพูดเรื่องซีเรียส

       “มีเรื่องจะบอกน่ะ”

      “ว่ามาซิ”

      “…คือ พรุ่งนี้…กูจะพามึงไปหาคุณย่าที่บ้าน”

       ผมหยุดชะงักการกระทำทั้งหมดที่ทำอยู่ (ก็บอกแล้วไงว่าพูดไม่ได้ๆ>///<…) เบิกตากว้างมองมันอึ้งๆ

       “คุณย่าเนี้ยนะ?”

       “ใช่ กูจะแนะนำมึงให้ที่บ้านรู้จัก”

       “จะบ้าเหรอ!”

      ผมเผลอโพล่งตะโกนออกไปเสียดัง จนหมดอารมณ์…ลุกขึ้นนั่งผละตัวออกจากชิพทันที

       อาการตกตะลึงทำให้น้ำเสียงของชิพดูเป็นกังวลไม่น้อย

       “ทำไมล่ะแดน…ไหนมึงบอกรักกูไง?”

      “แต่…กูเป็นผู้ชาย มึงพากูเข้าบ้านในลักษณะนั้นก็หมายความว่ามึงมีแฟนเป็นผู้ชาย…”

      “ก็ใช่น่ะซิ”

      “แต่นั่นแหละ!!! ย่ามึงรับได้ที่ไหน ไม่มีทาง อีกอย่าง…กูไม่กล้าพอ”

       ไม่วายว๊ากใส่มันอีกรอบ ชิพโอบกอดผม พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

       “ไม่เห็นเป็นไร กูอยู่กับมึงทั้งคน”

      “แต่ชิพ…ย่ามึงเชียวนะ”

      ตั้งท่าไม่ยอมลูกเดียว ชิพนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยลอยๆเหมือนต้องการทำให้ตนเองมั่นใจ (ส่วนผมอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญเสียงเบื่อหน่ายต่อเอง…ในใจ)

       “ถึงเวลาแล้วที่คุณย่าต้องยอมรับสักที…”

       ผมทำท่าจะลุก แต่ชิพกลับฉุดลงมา มันบังคับให้ผมตอบตกลง ซึ่งได้วิชามารบังคับคนเนี้ย ชิพเก่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับผม…=_=”

       “~ตอบตกลงซิ พรุ่งนี้เราไปกันเลยนะ”

      ผมอิดออด ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงขณะมีมันกอดอยู่อย่างงี้

       “โอเคว่า เป็นอันตกลงนะ”

      “ดะ เดี๋ยวเซ่~~~”

      “อื้อ? อย่างงี้ต้องให้รางวัลคนเก่งซะหน่อยแล้ว…เนี้ยเห็นป่ะ? เปียกหมดแล้ว…”

       มันจับผมนอนราบลงกับที่นอน ริมฝีปากร้อนผะผ่าวของมันสัมผัสผมไปตามท้องน้อยแบนราบมีกล้ามเนื้อน้อยๆพองาม…ก่อนจะฉกลิ้นลงตรงที่ทำให้ผมอ่อนระทวยได้ในบันดล…เข้าใจความรู้สึกชิพเวลามันดิ้นพล่านๆในปากของผมแล้ว อ้อ…สวรรค์ชั้นเจ็ดเป็นแบบนี้เองเหยอ? <<<(แบ๊วซ้า~~)




       โปรดติดตามตอนต่อไป
















หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 01-04-2008 22:16:43
อูย จะไปพบคุณหญิงย่ากันแล้ว ช่างใจกล้ากันซะจริงจริ๊ง

ไม่กลัวกันเลยเหรอไง ขนาดเราคนอ่านยังกลัวคุณหญิงย่าเลย บรื๊อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 01-04-2008 22:58:06
 o13 o13 o13 o13มาต่ออีกนะก๊าฟ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 01-04-2008 23:04:38
จุใจ 3 ตอนรวด   :m1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 01-04-2008 23:09:49
ต้องไปเจอด่านอรหันต์แล้วซิงานนี้จะไหวมั้ยน๊า :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-04-2008 00:43:03
 :impress: :impress: :impress:

แบบนี้คุณย่าอกแตกตายแน่ๆๆครับผม

เป็นกำลังใจให้ชิพกับแดนนะครับผม

ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีครับ

สงสารบอยจังครับ อิอิ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 02-04-2008 03:00:22
เอาซี้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 02-04-2008 03:09:33
มาต่อทีเดียว 3 ตอนรวด จุใจมากค่ะ
 :m4:

อุ๊ย ชิพจาพาแดนไปให้ที่บ้านดูตัวแล้ว ตื่นเต้นนะเนี่ย

อย่าไปกลัวยัยแก่ค่ะแดน ไปเลย สู้ๆ  o12

มีชิพอยู่ด้วยทั้งคน  :m1:

เตรียมเป็นสะใภ้บ้านชิพได้เลยค้า ^^

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 02-04-2008 08:10:36
3ตอนเลย

จะไปเจอคุณย่าแล้ว...

แต่คุณย่าน่าจะจำแดนได้นะ
เคยเจอกันที่โรงพยาบาล

สู้ๆคร้าบ :m13: :m4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 02-04-2008 08:30:13
เหอออออออออออออ

จะเจอคุณหญิงย่าแล้วเหรอ

คิดแล้วสยองยิ่งกว่าเจอผีอีก 5555555
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-04-2008 09:03:04
ตอนต่อไปนี้แหละ ท่าจะมันส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 02-04-2008 10:42:33
เอ๋อ...

คิดดีแร้วหรือไปหาคุณหญิงย่านั้นน่ะ

แขวนพระไปเยอะๆ ก็แล้วกันนะ เอิ๊กส์ๆ

  :o   :o   :o
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 02-04-2008 17:01:14
น่ากลัวว่าคุณย่าจะไม่ยอมอ่ะสิ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 02-04-2008 17:45:35
 o7 o7 o7
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเท้อะ
 o7 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 02-04-2008 20:20:23
โอ๊ว์!!  ชิพไปกินดีหมี ดีเสือที่ไหนมา ทำไมใจกล้าเช่นนี้ :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 31+32+33 ขอโต๊ดที่มาช้า T-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 02-04-2008 20:43:42
อ่านตอนนี้เเล้วอย่าขับรถไปตบย่าชิพนะครับ อิอิ  o7 o7 o7



บทที่ 34



       รถยนต์เล็กซ์ซัสคันงามหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวสะอาด ความโอ่อ่าของมันทำผมตื่นเต้นทุกครั้งที่มาเยือนที่นี้ วันนี้กลับมาอีกครั้งแล้ว ผมยังขนลุกและรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสถานที่ไปซะทุกครั้ง

       “ไม่ต้องเกรงนะ ทำตัวตามสบาย”

       ไม่เกรงได้ไงวะ -*- บ้านมึงอลังการโอ่อ่าปานฉะนี้

       รถจอดลง มีคนใช้(ผมขออนุญาตเรียกว่าพี่เลี้ยงชิพแล้วกัน มันจาได้ไม่ดูน่าเกลียด)สาววิ่งเข้ามารับ ชิพบอกไม่ต้องขนของ โหo_O* มีพี่เลี้ยงคอยขนของลงจากรถด้วย อื้อหือ!!!

       “คุณชิพขึ้นเรือนเล็กรับน้ำเย็นๆก่อนซิคะ”

      “ไม่ล่ะ คุณย่าท่านอยู่มั้ย?”

      “อ้อ หนูยังไม่ได้เรียนท่านเลย สงสัยคงอยู่เรือนใหญ่น่ะคะ”

      “ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปหาท่านเอง”

      ว่าแล้วมันก็จูงมือผมไปต่อหน้าต่อตาพี่สาวคนนั้น ผมได้แต่ก้มหน้าอายไม่กล้ามองปฏิกิริยาของเค้าหรอก แต่ไอ้ชิพนี่ซิกลับทำหน้าตาเฉย (-_-*) ว่าแต่บ้านไอ้ชิพเนี้ยมีเป็นเรือนหลังเล็กหลังใหญ่ สงสัยบ้านมันคงกว้างเท่าหมู่บ้าน ประมาณว่ามีซูเปอร์อยู่ข้างหลังอะไรเลยละมั้ง O[]O!!!...

      ‘เรือนหลังใหญ่’ ที่ว่านั้นเงียบสงบ ตัวอาคารสีขาวโอ่โถง ตกแต่งภายในก็สวยงามประณีต ดูดีมีระดับบ่งบอกฐานะ มีรสนิยมไร้ที่ติ ทว่า…บรรยากาศอันเงียบงันที่ปกคลุมโดยรอบช่างทำให้ขนแขนลุกพรึ่บ หนาวไปถึงกระดูกยังไงชอบกล =o=…

       “อ้าวตาชิพ? ลมอะไรหอบเธอให้มาเยี่ยมฉันได้ล่ะวันนี้?”

      พี่สาวคนเมื่อกี้คงวิ่งไปบอกคุณย่าชิพแล้วว่ามาถึง ท่านเดินออกมาด้วยมาดนางพญาที่แสนสง่างาม มีอำนาจน่าเกรงขาม พี่เลี้ยงอีกสองคนเดินก้มหน้างุดตามมาโดยถือถาดแก้วน้ำกับจานผลไม้มาด้วย…ท่าทางคงกลัวคุณย่าชิพมากๆ

       ชิพยังคงจับมือผม แม้ว่าพยายามแกะออก แต่มันไม่ปล่อย…ผมทนสายตาของคุณย่าชิพที่แหวกผ่านอากาศราวกับใบมีดโกนคมกริบมาไม่ได้ จำใจต้องสลัดออก

       “ยัยอุ๋มไม่ได้มาด้วยเหรอ? เอ๊ะทำไมหมู่นี้ไม่ค่อยได้มา แกรู้บ้างมั้ยตาชิพ”

      อารมณ์ที่ดีๆอยู่ของคุณย่าครั้งเมื่อชิพก้าวเข้ามา พลันแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาเรียบเฉย แววตาเชิดมองสูงดูราวกับจะจับผิดผม หว่า~~~น้ำเสียงแผ่วเบาน่ากลัวนั่นช่าง…ไร้คำบรรยายเลยจริงๆ

       “แล้วพ่อคนนี่นี้ล่ะใคร?”

      “ผมเป็นเพื่อนชิพครับ…” ตอบโดยไม่กล้าสบตาท่าน

       “คนที่ฉันเคยเจอที่โรงพยาบาลตอนชิพประสบอุบัติเหตุใช่มั้ย?”

      “ใช่คับ…”

      คุณย่าชิพยืนนิ่งอยู่พัก ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบกริบว่า

      “ชิพ…ไม่พาเพื่อน’ทานอะไรก่อนหรือ?”

      “เอ่อ คุณย่าครับ วันนี้ชิพมีเรื่องจะมาบอก…”

      “เรื่องอะไรชิพ”

      แววตาที่ย่าชิพมองมาที่มัน ผมคิดว่ามันไม่เหมือนกับสายตาที่คนเป็นย่าควรจะใช้มองหลานชายเพียงคนเดียว…ถึงชิพจะโตมากก็แล้วเถอะ เหมือนท่านกดดันชิพเอาไว้ตลอดเวลา ทุกย่างก้าว ว่าอย่าทำอะไรขัดใจท่านแม้แต่นิดเดียว

       “ตอนนี้ผมเลิกกับคุณอุ๋มแล้วครับ”

      ย่าของชิพเบิกตากว้างขึ้น ตกตะลึง ท่านอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งซึ่งเป็นอะไรที่น่าอึดอัดมาก…ร่างของเราทั้งสามคนยืนอยู่นิ่งๆไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบ แต่ดูจากสีหน้าท่านแล้ว…มีทั้งความผิดหวัง โกรธ โมโห ช็อค…ผสมปนเปกันอย่างรุนแรง

       “แก…แกว่าอะไรนะ?”

      “ผมเลิกกับคุณอุ๋มแล้วครับ”

      เพี๊ยะ!

       ผมตกใจมาก เมื่อชิพกล่าวตอบจบ คุณย่าชิพก็เงื้อมมือยกขึ้นตบลงไปบนใบหน้าชิพอย่างแรงทันที ทว่าชิพยืนแน่นิ่ง จ้องท่านด้วยแววตาก้อนหินว่างเปล่าไร้อารมณ์

       “แกกล้าตอบฉันหน้าตาเฉยแบบนั้นทันที แก…แกกล้ามาก แกนึกว่าแกเป็นใครกัน?! แกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่!”

      “ผมทราบดีครับคุณย่า…แต่ผมต้องบอกความจริง ที่คุณย่าสมควรรู้มาได้ตั้งนานแล้ว ผมกับอุ๋มไม่ได้รักกัน เราสองคนแค่เล่นละครตบตาคุณย่าและทุกคนเท่านั้น”

      “แกเป็นเป็นบ้าอะไร? แกคือใครกัน…แกพูดแบบนั้นได้ยังไง ได้ยังไงหา?! แกหักหน้าฉัน ฉันอุตสาห์หาผู้หญิงดีๆเพียบพร้อมให้แก ก็เพราะ-“

      “ใช่ครับผมเป้นเกย์! ผมเป็นเกย์แล้วไงคุณย่า ไม่ว่าจะหาผู้หญิงมาให้ผมเลือกอีกสักกี่ร้อยคนพันคนผมก็ยังเป็นเกย์อยู่ คุณย่าได้ยินมั้ย?!”

       เพี๊ยะ!

      ชิพถูกตบหน้าหันอีกรอบ คราวนี้คุณย่าท่านโกรธจนเส้นเลือดขึ้นปุดๆ ใบหน้าเหยเก จากความสวยสง่าที่ผมมองเห้นอยู่ตรงหน้า กลับกลายเป้นความหน้าเกลียดอย่างร้ายกาจ ขนาดที่ว่าไม่สามารถจิตนาการได้…

       ปีศาจ…ใบหน้านั้นมันปีศาจชัดๆ!

      ชิพจ้องตาคุณย่า ตาต่อตา…

       “คุณย่าคงพอใจแล้วซินะครับ แต่ผมยังยืนยันคำเดิม คุณย่าตบผมอีกสักกี่ครั้งผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป”

       “แกไม่ใช่หลานของฉัน ออกไป๊! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”

      คุณย่าชิพตะหวาดลั่น มันคล้ายๆเสียงกรี๊ด ผมอึ้งที่คนแก่ปูนนี้ถึงได้อาละวาดได้รุนแรง มีอารมณ์ได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้

       “ผมจำเป็นต้องให้คุณย่าทราบและรับรู้…ตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว เขาอยู่นี่ครับ…เขาชื่อแดน เป็นแฟนของผมเอง”

      ชิพผายมือมาที่ผม…ภาพตรงหน้าคล้ายดั่งพายุลูกโตที่เตรียมพร้อมจะโหมพัดกระหน่ำเข้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า…คุณย่าหอบรัวด้วยความโกรธขึงถึงขีดขั้นสูงสุด! ผมมองท่านตะลึง…นิ้วเรียวๆค่อยยกขึ้นชี้มายังหน้าของผม ท่านพูดตะกุกตะกักเหมือนอะไรบางอย่างที่กลั่นออกมาจากส่วนลึกของสมอง…

      “แก…อ้อแก…ฉันจำได้แล้ว แก…แกคือคนที่พาหลานชั้นไปกกเมื่อห้าปีก่อน คืนนั้น…คืนนั้นฉันตามแกไป แก…แกนี่เอง ฉันจะเอาเลือดหัวแกออก มานี่! มานี่เดี๋ยวนี้!!!”

      ย่าชิพถลาเข้ามา ไม่น่าเชื่อว่าร่างระหงปานนั้นถึงได้รวดเร็วว่องไวฉกาจ ส่วนผมที่ยืนเซ่ออยู่ไม่ทันหลบ แต่ชิพเข้ามาคว้าร่างไว้ได้ทัน…โดนทั้งตีทั้งข่วนจนชิพต้องเรียกพี่เลี้ยงมาเพิ่มอีกสองคน ทั้งหมดช่วยกันยื้อร่างย่าชิพไว้ไม่ให้เข้าถึงตัวผม

       “ปล่อย ปล่อยฉัน! ฉันเกลียดมัน แก! แกกลับมายั่วหลานฉันอีกแล้วใช่มั้ย? ถ้าไม่ใช่เพราะแก หลานชายฉันจะเป็นแบบนี้มั้ย? เลว เลวที่สุด!”

      ความจริงที่เพิ่งเปิดเผย ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก อึ้งจนสมองมึนงง ชาเหนือบไปทั่วทั้งร่างอยู่ตรงนั้น…ชิพมองมา สายตามันบอกหมดทุกสิ่ง เรื่องจริง…นี่คือเรื่องจริงหรือนี่

       แล้วตลอดเวลาที่ผมกล่าวหามันมาตลอดล่ะ…

      ไม่ใช่ความผิดมันเลยสักนิด

       เป็นเพราะย่าของมัน ย่าของมันคนเดียว

       น้ำตาพลันกลั่นระรื้นขึ้นมา

       ห้าปี…ห้าปีที่ทรมาน ผมเกลียดมันมาก แต่ไม่เคยเชื่อคำอธิบายของมันเลย

       ชิพมองผมด้วยแววตาอ่อนล้า วินาทีนั้น…ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นจริงสักที

       แต่มันเป็นความจริงที่โหดร้าย…ตั้งห้าปีที่ผมต้องทนทุกข์ทรมานกับความคิดที่ว่า ชิพหนีผมไป…วันนี้ พอรู้แล้วกลับไม่ดีใจเลยสักนิด ปวดหัวใจมากกว่า

       ชิพเจ็บปวดเพราะผมมาก…ความดื้อดึงของผมมันเลวร้ายมากใช่มั้ย?

       “ฉันอุตส่าห์จับแยกแกออกจากหลานฉัน…แกยังกลับมาอีก แกมันฝันร้าย ฝันร้ายชัดๆ!”

      “คุณย่าครับ หยุดเถอะ…”

      “แกก็เหมือนกันชิพ! ภาพที่ฉันเห็นแกทำอะไรอยู่กับไอ้นั่น มันยังตำตาฉัน…น่าขยะแขยง สะอิดสะเอียนที่สุด! ทำไมนะ…ทำไมแกถึงต้องทำให้ฉันช้ำใจ ฉันอุตสาห์จับแกส่งไปชุบตัวที่เมืองนอกเมืองนา เอาความโสโครกโสมมออกจากตัวและหัวสมอง แต่แกกลับยัง…”

      “แกมันโง่! ชิพ โง่เหมือนพ่อของแก…สิ่งที่ฉันเลือกสรรคัดให้อย่างดีแล้ววางกองอยู่ตรงหน้า แต่ไม่เอา กลับไปเอาไอ้ขยะสกปรกไร้ค่ามาจากไหนไม่รู้ อย่างไอ้ฝรั่งนี่!”

      “คุณย่า! อย่าว่าพ่อแม่ผมนะครับ”

      “ทำไม? แกกล้าเถียงฉันเหรอ?”

      เพี๊ยะ!

       แต่คราวนี้ เป็นใบหน้าของผมเองที่เคลื่อนเข้าไปรับฝ่ามือของคุณย่าชิพ ชิพร้องเฮ้ย! แต่มันไม่เจ็บเลยสักนิด…มันคือความชาที่เข้าครอบคลุมเนื้อตัวทั้งร่าง…ผมคงทนเห็นชิพโดนตบหน้าอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว

       “ผมต้องขอโทษท่านด้วยครับ แต่อย่าตบชิพเลย…ตบผมแทนดีกว่า”

      “อ้อ ตบ ใช่ซิฉันตบแน่!”

      “พอได้แล้ว! คุณย่าครับ ผมลาละ”

      ชิพคว้าแขนผม ทำให้คุณย่าที่อาละวาดยังไม่จบยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่ มืออุ่นๆของมันเกาะกุมมือผมไว้ จูงออกมายืนด้านนอก ผมรู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง ดีที่มีชิพกอดผมไว้

       ถ้าไม่มีมัน…ไม่รู้ว่าวันนี้ผมจะเป็นเช่นไร

       “มันจบแล้ว…มันจบแล้วนะแดน ในที่สุดสักที…”

      ผมพูดไม่ออก ค้นหาคำพูดไม่เจอจริงๆ

       “กู…กู…”

      “ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วนะ เรากลับกันเถอะ”

      มันปาดน้ำตาให้ผม ผมกอดมันไว้แน่น…

       “กู…กูขอโทษนะชิพ กูขอโทษ…”

      แม้จะเป็นเสียงที่แผ่วเบา แต่ชิพก็พยักหน้ารับรู้

       ผมซะอีก…ที่ไม่เคยฟังมันเลย



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 02-04-2008 20:59:28
อ๊ากกกกกส์

ถ้าไม่มีห้ามไว้ จะขับไปแล้วว
 :serius2:

คุณย่าน่ากลัว
จะมีบทดีมั่งมั้ยน๊า?

รอตอนต่อไปนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-04-2008 21:17:01
คุณย่าออกแนวโรคจิตแฮะ  :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 02-04-2008 21:25:33
 :angry2: :angry2:  เปนคุณย่าซะเปล่า  กริยาแย่มากๆ  จริงๆน่าจะให้เส้นเลือดในสมองแตกเปนอัมพาตไปซะเลยนะครับ  :m20: :m20:

จากที่คุณย่าของชิพแสดงออกมา  ห่วงแดนจังคับ  กลัวจะโดนประทุษร้ายโดยคุณย่าของชิพอ่ะคับ   :m29: :m29:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 02-04-2008 21:58:18
คนเป็นเกย์ไม่ช่ายไข้หวัดนะคุณย่าจะให้เปลี่ยนกันได้ยังไง  o12
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 02-04-2008 22:57:20
คุณย่าน่ากลัวมากคับ


 :pig4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 03-04-2008 00:24:37
ย่าผะอัว กะลูกสะใภ้ *****หรือเปล่า*****

ศึกนี้ใหญ่หลวง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 03-04-2008 00:28:06
ย่าน่ากลัว  o2
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 03-04-2008 00:52:35
ทำไมผมอ่านแล้วขำคุณย่าจริงๆ



ฮาอะย่า ฮาได้อีก ...


โกรธมากๆ ระวังหัวใจวายเพราะความดันขึ้นสูงนะคุณย่า

 :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 03-04-2008 00:55:42
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับไม่อยากจะเชื่อว่าย่าแบบนี้ยังมีอยู่ครับผม

สงสารชิพจังเลยครับผม

ผมว่าแล้วว่าต้องมีไรแปลกๆๆที่ชิพไปโดยไม่บอกลาแดน

ขอให้ผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดีนะครับแดนชิพ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 03-04-2008 01:33:35
อะไรๆมันคงจะดีขึ้นแหละเนอะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 03-04-2008 01:40:37
เศร้ามากอ่ะ

แสดงส่าพ่อของชิพต้องทำอะไรไว้แน่ๆเลย

ย่าถึงได้พูดแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: suffocate ที่ 03-04-2008 02:51:42
ตะลึงคุณย่านี่น่ากลัวสุดๆ :a6:
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 03-04-2008 03:27:24
ต๊ายยยย ยัยแก่ นี่หรอคะผู้ดีอ่ะ

 :laugh:

มารยาททราม ไร้ซึ่งการศึกษา

รวยล้นฟ้า เปนถึงผู้ดีตีนแดง

แต่กริยาที่แสดงออกมานั้นกลับไร้ซึ่งเหตุผล

ต่ำค่ะ ต่ำทราม สลัมบัมเบมากๆค่ะ

แบบนี้แถวบ้านดิชั้นเรียกสถุน

ถ้าอยู่ด้วยนี่ขอบาปนะคะ ตบคนแก่ซักฉาดคนไม่ถึงกะเปนไรมากใช่

ชิพทนมาได้เน๊อะ เหอะๆ

น่าสงสารเธอที่มีย่าแบบนี้ -*-  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 03-04-2008 06:09:03
นับว่าเปนย่าที่ กรากกกก มากๆ

ช็อคมากๆ ไม่นึกว่าจะมีแบบนี้

เกย์ อ่ะ ฟ้าลิขิตมาให้เปนเว้ยยย!!!

ถ้าเลือกได้ก้ไม่เปนหรอก ป้าเอ๊ยย

ถ้าเปนแร้วก้ต้องยอมรับซิ หุหุ

จะมีชะนีไว้เกาะแกะทำไม

มีหนุ่มๆดีกว่าเยอะเปนไหนๆ หุหุ :oni2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 03-04-2008 10:10:43
คุณย่า  น่ากลัวมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 03-04-2008 12:36:26
คุณย่าจอมบงการ ระวังโมโหมากเดี๋ยวโรคหัวใจกำเริบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 03-04-2008 13:17:05
ทำตัวน่าเกลียดมากเลยคุณย่าของชิพอ่ะ

สงสัยมีปมในใจมากเกิ๊น หรือไม่ก็ถือยศถือศักดิ์มากเกิ๊น

ยิ่งทำตัวแบบนี้ก็จะถูกลูกหลานทิ้งจนไม่เหลือละมั้งนี่ - -"

 :serius2:   :serius2:   :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 03-04-2008 20:01:40
 :o :oกร๊าซซซซซซ คุณย่าจอมโหด
 :o :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: vivienva ที่ 03-04-2008 21:19:55
มีย่าอย่างนี้ จะมีไว้เพื่อ...................... :o :o :o

 :a6: :a6: :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 34
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 03-04-2008 22:03:43
ชิพนายแน่มาก o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 03-04-2008 23:55:36
วอนผู้รู้ช่วยสอนวิธีเอาคลิบเพลงมาลงคู่กับนิยายหน่อยซิครับ คือบทส่งท้ายผมมีเซอร์ไพรส์เล็กน้อย อิอิ แต่ขอบอกเศร้ามาก เพื่อนอ่านแล้วยังอึ้ง อดใจรออีกนิดและขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคร้าบ :bye2: :bye2: :bye2:




บทที่ 35



       “แดน มีรถมาจอดหน้าบ้าน”

      แม่เดินไปเปิดประตู แต่บอยกลับไม่ยอมเข้ามา เค้าจอดรถอยู่หน้าบ้าน ทำให้ผมต้องลุกออกจากเตียงที่นอนซมอยู่ตั้งแต่เช้า รู้สึกเนือยๆไม่อยากรับ
แขกเลยจริงๆ…

      “อ้าวบอย”

      บอยถอดแว่นตาดำ เขาสวมชุดแปลกไป อย่างกะกำลังจะเดินทาง

       “ผมแวะมาลา”

      “มาลา? นายจะไปไหนเหรอ?”

      “ผมจะไปอังกฤษ คืนนี้แล้วครับ”


      อังกฤษ? บอยจะไปอังกฤษทำไม?

       “ทำไม…”

      “คือ…ผมคิดว่าจะไปชีวิตอยู่ที่นู้นสักพัก เรียนต่อด้วยน่ะครับ…วันนี้เลยมาลาคุณ เพราะคิดว่าอีกนานกว่าเราจะได้เจอกัน”

      อึ้งก็จริงแต่ไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นไปด้วย เหมือนร่างกายมันด้านชา ประสาททั้งห้ารับและตอบสนองได้ไม่ดี…มันเป็นอาการของคนตรอมใจ ซึ่งต้องทน
อยู่กับสภาพของมันแบบนี้…

      ดวงตาของผมปรือขึ้นอย่างง่วงงุน เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ

       “ทำไมนายไม่บอกเราก่อนล่ะ”

      “ครับ…คือ ทุกอย่างมันออกจะฉุกละหุกไปเล็กน้อย แต่เมื่อวานนี้เองเพื่อนของผมเขาหาตั๋วให้ผมได้ ผมเองมีวีซ่ายุโรปอยู่เรียบร้อยแล้ว ก็เลยคิดจะ
ไป…”

      “อ้อ…งั้นนายกะมาเซอร์ไพรส์เราอ่ะดิ”

      “ประมาณนั้นอ่ะคับ”

       บอยหัวเราะกลบเกลื่อน

       เป็นเพราะอะไร?

       “แล้วน้องกุ้งล่ะ คุณจัดการเรื่องทั้งหมดแล้วเหรอ?”

      บอยยิ้มบางๆ ผมว่าเขาดูโล่งอกขึ้นนะ อย่างน้อยก็ดูดีกว่าผมล่ะ…

      “ครับ ผมจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าให้ผมเล่ารายละเอียดเลย”

      ผมหัวเราะ ก่อนจะออกเดินนำบอยออกไปคุยในที่ลับหูลับตา เราสองคนเดินทอดน่องท่ามกลางแสงแดดอุ่นๆยามเย็น และลมพัดแสนสบาย…บอย
หลุดพ้นจากวังวนความทุกข์แล้ว ผมต่างหากล่ะที่จมอยู่กับความเลวร้ายของอดีต…บอยเล่าให้ผมฟังคร่าวๆว่าเขาตัดสินใจบอกความจริงกับครอบครัวทั้งสอง ซึ่งคุณอาของ
เขาก็ต้องมีอาการฉุนเฉียวบ้างเป็นธรรมดา แต่ในที่สุดก็อนุญาตให้บอยบินไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ส่วนครอบครัวน้องกุ้งก็เข้าใจ ทว่าเรื่องของหวานกับน้องกุ้งนี่คง
ต้องฟันฝ่ากันอีกยาว…

       ต้องรอดูกันต่อไป

       “นายจะไม่คิดถึงที่นี่เหรอ?”

      “คิดถึงซิ คิดถึงมากด้วย…แต่ผมคิดว่าไปซะดีกว่า เพราะอยู่ไปก็ปวดใจ”

      “ปวดใจ?”

      “ก็คุณไงล่ะ ผมปวดหัวใจเพราะคุณ”

      ผมเห็นบอยยิ้ม เขาเป็นคนยิ้มง่าย ยิ้มแล้วน่ารัก ขนาดคำพูดเวลาอกหักยังดูเศร้าแปลกๆ เพราะบอยยิ้มรับมัน เขาไม่เคยบ่นถึงชะตากรรมที่ผ่านมา
ในชีวิตเลยสักครั้ง…นั่นยิ่งทำให้ผมละอายตัวเอง

       …รู้ ว่านายยังรัก รู้ว่านายยังลืมไม่ลง…แต่ตัดใจเสียเถอะ ก่อนที่นายจะถล่ำลึกลงมามากกว่านี้…

       “คุณสัญญาซิ ว่าจะไม่ลืมผม”

      “เราสัญญาอยู่แล้ว เราไม่มีวันลืมนาย”

      “…ส่วนผม จะคอยส่งกำลังใจให้นะครับ ขอให้คุณมีความสุขมากๆ”

      “กำลังใจ?”
      “ก็…เรื่องของคุณกับคุณชิพไง…ผมรู้นะ มองแววตาคุณก็ดูออก”

      แต่ผมไม่อยากเล่าให้เขาฟัง ไหนๆคืนนี้เค้าก็จะเดินทางแล้ว ไม่อยากให้กลุ้มอกเปล่าๆ

       “เออ จริงซิ ผมมีรุ่นพี่อยู่สองคนที่อังกฤษ คุณไปถึงที่นั่นแล้วช่วยติดต่อเค้าด้วยได้มั้ย ผมอยากให้รู้จักกัน ฝากบอกพวกเค้าด้วยว่าผมคิดถึงมาก”

       พี่มาร์คกับพี่เมฆที่อาศัยอยู่ที่นั่นคงกำลังมีความสุข ข่าวล่าสุดคือทั้งสองเพิ่งยอมเปิดอกหลังจากที่ปากแข็งกันอยู่นาน ว่าทั้งสองเป็นแฟนกันจริงๆ…
เมื่อตอนเปิดเทอมใหม่ๆพี่มาร์คส่งรูปถ่ายงานปาร์ตี้มาให้ดู ทั้งสองดูดีมากๆๆ จนคนอย่างผมแอบอิจฉาไปด้วยเลยนะเนี้ย

       “เดี๋ยวเราส่งอีเมลเรื่องรายละเอียดให้นายทีหลังแล้วกัน อ้อ เค้าชื่อมาร์คนะ ส่วนอีกคนชื่อเมฆ เป็นแฟนกัน”

      “แฟนกัน?”

      “ใช่ ฮ่าๆๆ เค้าก็เป็นเหมือนพวกเรานี่แหละ เพียงแต่รู้ตัวช้าไปเท่านั้นเอง”

      สุดซอย เรานั่งลง ใจหายเหมือนกันแฮะ…บอยจะไปแล้วเหรอ คืนนี้เนี้ยนะ?

       ช่วงเวลาสั้นๆที่ผมเริ่มรู้จักบอก มันกลับยาวนานเหมือนผมรู้จักเขามาตลอดทั้งชีวิต

       วันนี้เขาจะไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว

       …ทำไมทุกอย่างๆไม่เหมือนเดิม…

      “เราคงคิดถึงนายมากนะ”

      “ผมก็เหมือนกัน แต่เราสองคนยังคงติดต่อกันได้นี่”

      “นั่นซินะ…”

      สายลมเย็นพัดมา ผมสูดอาการเต็มปอด ก่อนจะเอื้อมไปค่อยๆจับมือใหญ่ของบอยมากุมไว้ จ้องมองเค้าลึกลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลดำคู่นั้นขณะพูด

       “เราจะจดจำความรู้สึกดีๆ ที่นายมอบให้เราไว้ เราสัญญา”

      “ผมก็คงไม่มีวันลืมคุณหรอกครับแดน…เพราะผมยังรักคุณอยู่”

       “บอย…เราอยากขอร้องอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย?”

       เค้าพยักหน้า

       “เราอยากให้บอยตัดใจ ลืมเราในวันเก่าๆซะ…เรารักนายแบบนั้นไม่ได้หรอก แต่นายเป็นเพื่อนเรา เพื่อนที่เราไว้วางใจมากที่สุด”

       เขายิ้มบาง…สีหน้าของเขาแลดูอบอุ่นดีจัง

       “ผมเข้าใจครับ ผมจะพยายาม…เลิกรักคุณให้ได้สักวันหนึ่ง”

      เราสวมกอดกัน มันคือความอบอุ่นบริสุทธิ์ที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง แววตาของบอยเศร้าสร้อยจริงๆ…แต่นี่คือการจากลาที่ดี ผมไม่อยากเสียน้ำตาเลย
ไม่อยากเลยจริงๆ…

       “อย่าร้องไห้นะ ผมจะไปแล้ว คุณยิ้มให้ผมดูหน่อยได้มั้ย”

       ผมปาดขอบตา โอเค กลั้นไว้ได้อยู่…อะไรนะ? ให้ผมยิ้มเหรอ

       “อย่าแกล้งทำเป็นยิ้มเล่นๆแบบนั้นซิ”

      อะไรวะ? ก็กรูยิ้มแล้วอ่ะ ก็ได้ๆ…ยิ้มดีๆก็ได้

       ผมยิ้มดีๆ(?)ให้เค้าดู บอยยกมือขึ้นมาทำเป็นกล้องถ่ายรูป นิ้วมือของเขาขยับ…ก่อนจะทำท่าเก็บรูปล่องหนนั้นใส่เข้าไปในช่องอกด้านซ้าย ตรง
ตำแหน่งที่หัวใจทำงานอยู่ บอยหลับตาลง…แล้วกล่าวเบาๆว่า

       “คุณคือภาพที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต”

       “อืม…”

      “คุณรับปากแล้วนะว่าจะไม่ลืมผม”

      “คร้าบ~~~ เรารับปากแล้ว”

       “แล้วอย่าลืมนะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เพื่อนคนนี้พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่คุณเสมอ…ผมจะอยู่เพื่อคุณตลอดไป”

      เราสองคนคุยกันธรรมดาเหมือนบอยจะไม่จากไปในคืนนี้ แต่ความจริงมันต้องมาถึง…เขาต้องไป และผมจะไม่มีวันเห็นเขาแล้ว แม้ว่าจะรู้ซึ้งที่เขา
พูดปลอบใจว่าจะกลับมาเยี่ยม แต่ไม่มีทางเป็นจริงไปได้หรอก…

       ลึกๆข้างในมันบอกผมอย่างงั้น



       “แดน เงินที่แดนให้แม่ครั้งล่าสุดจะหมดแล้วนะลูก…”

      ผมค่อยๆวางช้อนลง ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มต่อจนอิ่ม ความจริงกินอะไรไม่ค่อยลงอยู่แล้วล่ะ แม่ก็เช่นเดียวกัน

       “…”

      “แดนรู้หรือเปล่าว่าพ่อ…เริ่มไม่ค่อยดีแล้ว”

      “…”

      “แม่อยากไปหาพ่อเค้าแล้ว อยากไปมาก…หมอที่นู่นเค้าโทรมาบอกแม่ว่า เราควรรีบไปดูใจพ่อก่อนจะสายเกินไป...ถึงเวลาแล้วล่ะแดน แต่แม่ไม่
กลัวหรอกนะ แม่ทำใจไว้แล้ว”

      ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่…เห็นน้ำตาคลอแล้วรู้สึกเจ็บหน่วงที่หัวใจ ผมกำมือแน่น…อดทนกับความรู้สึกกดดันอดสูแบบนี้ ทรมานที่ต้องแบกรับ
ความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…จะมีอีกกี่หนทางกันที่ผมสามารถช่วยแม่ได้?

       “อีกอย่าง แม่คงกู้ยืมเงินจากลุงเปรมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว…แดนรู้ใช่มั้ยว่าบ้านนี้กำลังจะไม่ได้เป็นของเรา เราต้องหาที่อยู่ใหม่…”

      ผมพยักหน้า แม่บอกผมแล้วเมื่อสองสามเดือนก่อน

       “แต่ไม่เป็นไร เราจะหาที่อยู่ใหม่ จะหาคนปล่อยกู้เจ้าใหม่…เราจะหาทางออกและไปหาพ่อกันได้เอง”

       “แต่แม่ครับ…แดนกลัว”

      ผมน้ำตาไหล แต่แม่เข้มแข็งมาก ท่านไม่ร้องไห้เลย ท่านกลับโอบกอดผม

       “ไม่ต้องกลัวนะ…มันจะต้องมีทางออก แดนไม่ต้องเป็นห่วง”

       จากน้ำเสียง ผมรู้ว่าแม่กลัวจับใจ…สิ่งที่เราสองคนแม่ลูกกลัวมากที่สุดนั่นก็คือการสูญเสียพ่อไป และถ้าหากจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไปหาท่านก่อนจะ
สายเกินไป ผมก็ยอมแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง      

       ติ๊งหน่อง!...เสียงกดกริ่งเรียกที่หน้าประตู

       “แดน ไปดูซิว่าใครมาหา”

      ผมลุกไปที่ประตู ส่วนแม่เดินกลับเข้าครัวไป...ใครกันว่ะ? ทำไมวันนี้มีแต่คนมาหาที่บ้านผมกันเนี้ย -*-

       ติ๊งหน่องๆๆๆ!!! เสียงออดดังรัว ไร้มารยาทชะมัด ผมตะโกนไปว่า ‘เออ! จะเปิดแล้ว(โว้ย)’

       ทว่าพอเปิดประตูออก…แขกที่ไม่คาดฝันก็ยืนปรากฏกายอยู่ตรงหน้า จ้องมาที่ผมแน่วแน่

       “สะ…สวัสดีครับ...”



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 04-04-2008 01:09:58
อยากแนะนำเหมือนกันนะคะ แต่เราเองก้อไม่รู้เหมือนกันอ่า  :m23:

แย่จางเลย

ว่าแต่ใครนะมาหาแดนดึกๆดื่นๆ 
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 04-04-2008 01:12:08
ใครอ่ะๆๆๆๆ อยากรู้จางงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 04-04-2008 03:26:04
คุณย่าแน่เลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-04-2008 08:00:00
คิดเหมือนกันเลย คุณย่าแน่ๆ  :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 04-04-2008 08:19:52
ย่ามหาภัยชัวร์

เสนอเงินเพื่อให้เลิกยุ่งกะชิพชัวร์
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 04-04-2008 08:22:55
แดนตะกุกตะกักแบบนี้

คุณย่ามา
 :serius2:

ปล. คิดเหมือนข้างบนนิดๆแฮะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-04-2008 11:04:49
ย่าตัวร้ายยยยยยยยยยยยมาเองเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 04-04-2008 12:09:23
 :serius2:
คุณย่าแหง๋มเลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 04-04-2008 13:20:46
ใครอ่ะ

คุณย่าเหรอ

แต่ว่าตอนนี้ชิพ หายไปไหนง่ะ

 :o   :o  :o
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: lordhunter ที่ 04-04-2008 13:39:29
อยากจะบอกคนเขียนว่า  ผมไม่ค่อยชอบนิยายอย่างนี้เลย 
อ่านแล้วอึดอัด    แต่ผมก็อ่านรวดเดียวเลย เป็นคอมเม้มแรกสำหรับ
เรื่องนี้นะครับ  เพราะเพิ่งอ่าน อย่างไรก็จะติดตามไปเรื่อยๆแล้วกันนะครับ 
(เพราะติดแล้วนิ)

จากแดนที่ สดใสน่ารัก  ทำไมกลายเป็นคนอย่างเนี่ย  มีแอบคิดว่าคนเขียนนี่ใจร้ายจัง 
แต่อย่าโกรธผมเลย เพราะ อินไปหน่อย  ว่าจะเลิกอ่านแล้วนะ(ก็อย่างที่บอก ติดไปแล้ว)
แต่ขอร้องนะครับ  อย่าจบเศร้านะครับ  สงสารคนในละคร


 :sad2:

(http://host.asis.co.th/lordhunter/-10.jpg)
http://host.asis.co.th/lordhunter/hifias355s

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 04-04-2008 15:38:45
คุณย่ามาจ้างแดนเลิกกับชิพแน่เลย เพราะแดนก็ต้องการเงินบินไปหาพ่อด้วยง่ะ โอ้ยยจะเศร้าอีกมากแค่ไหนละคร๊าบบคุณคนแต่ง สงสารนักอ่านตาดำๆเถอะครับ o7 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: Sakura_kano ที่ 04-04-2008 20:00:01
กลัวตอนจบหง่ะไม่อยากอ่านแล้วกลัวกลัว
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 04-04-2008 21:58:43
ลองแอดมาเมล์ผมดิ จะช่วยทำให้ เตรีมเพลงเป้น MP3 ไว้ด้วยนะครับ


ปล. รู้สึกว่าเรื่องนี้ จะเพิ่มความเป็นดราม่าเข้าไปเรื่อยๆ จนเปลี่ยนจาก เรื่องหวานๆตลกๆทั่วไป
กลายเป้น นิยายชีวิตแสนเศร้า บีบคั้นใจคนอ่านให้หม่นลงตามไปด้วย แล้วถ้ายิ่งมาจบเศร้าอีก คงซ่ะใจคนเขียน
แต่คนอ่านคง.....ไม่รู้สิ กัวจัง ไอ้ความกลัวนี่แหละจะพาลทำให้หลายๆคนเลิกอ่านนะ   วัดจากผมเป้นต้น

ช่วงนี้อะไรรอบตัวก็ดูวุ้นวาย อากาศร้อน คนอ่านเลยอยากอ่านอะไรดีๆบ้างก็เท่านั้น
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 35 วอนผู้รู้...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 04-04-2008 22:32:24
ตอนหน้าลงบทส่งท้ายแล้วนะครับ  (-_-")

ยอมรับว่าภาคสองเศร้ามาก แต่มันเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผมเองแหละครับ แฮะๆ ยังไงภาคสามคงลดดีกรีลง แต่จะหวานมั้ย ต้องติดตามดู แต่รับรองสำหรับผู้ที่อ่านมาตั้งเเต่ภาคแรกห้ามพลาดภาคสาม เพราะจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆๆๆๆ ติดตามกันนะครับ :oni3: :oni3: :oni3:

ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ เห็นทุกคนอินกันมากก็อดภูมิไม่ได้เลยจริงๆ

ผมมานั่งคิดตรงนี้ ว่าในที่สุดแล้วสักวันหนึ่งผมก็จะเดินมาถึงตรงจุดนี้ ซึ่งก็ไกลมากแล้ว ผมได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ครบแล้ว และรู้สึกดีมาก ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน นอกจากนั้นยังเป็นเพื่อนๆ น้องๆ เปา ท็อบ โบท คุณพ่อคุณแม่ที่ปล่อยให้ผมได้ทำตามความฝันโดยไม่ได้ขัดข้อง วันนี้ผมได้เขียนจริงๆจังๆแล้วและจะตั้งใจต่อไป ครับ^-^



บทที่ 36



       ท่ามกลางความมืดที่โรยตัวปกคลุม ในวันที่เงียบเหงาเช่นนี้ผมมานั่งรอใครบางคนอยู่เพียงลำพัง…สายลมอุ่นพัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นอายของดิน
นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นดูเวลา…ซึ่งก็นานพอสมควรนับแต่ที่ผมออกมานั่งอยู่ตรงนี้

       แหงนหน้ามองดูท้องฟ้า กลับไม่มีดาวสักดวง มีแต่เพียงดวงจันทร์กลมโตสุกสว่างลอยเด่นกลางฟากฟ้า ฉับพลันนั้นมีก้อนกลมบางอย่างไหลขึ้นมา
จุดอยู่ที่ลำคอของผม ทำให้หายใจไม่ค่อยออกไปชั่วขณะ…มันคือความทรมานอย่างหาสาเหตุไม่ถูก ซึ่งผมดื่มด่ำกับมันมาตลอดเวลานับหลายชั่วโมงที่เงียบเหงา...

       รถยนต์เล็กซัสคันเดิมเลี้ยวเข้ามา จอดรถตรงหน้าคอนโด ตามด้วยร่างสูงของชิพที่เดินก้มหน้ามาเหนื่อยๆโดยไม่มองผม…ขาของผมก้าวออกไปเพื่อ
ปรากฏกายให้ชิพเห็น วินาทีนั้นเหมือนใจจะขาด….เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะผมรู้น่ะซิว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นไร…

       “อ้าว แดน…”

       ร่างสูงของชิพหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

      แล้วก็เดินเข้ามา มือของชิพจับอยู่ที่ต้นแขนผม ผมยืนตัวแข็งทื่อ...มัน เอ่อ...ไม่มีอารมณ์ทักทายชิพอย่างที่เคย ระหว่างนี้สมองของผมก็พลันดูว่าง
เปล่า ด้านชา…แต่ผมฝืนทนเก็บกลั้นมันไว้ข้างใน

      “มารออยู่นานหรือยัง ทำไมไม่นัดก่อนละ?”

       ผมพยักหน้า แต่พูดไม่ออก…   

       “วันนี้เป็นไงบ้าง…”

      “วันนี้เหรอ? อืม เหนื่อยมาก คนของคุณย่าสั่งงานเพียบ…”

      พอพูดชื่อนี้ ทำให้ผมอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก…   

      “แดน...เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว?”

       นิ้วของชีพไล้ไปตามใบหน้าของผม…การที่ได้รักใครมากๆสุดหัวใจสักคนมันเป็นแบบนี้เองน่ะเหรอ?

       “กูเหงา…กูคิดถึงมึง”

      จู่ๆ ผมก็เอามือคล้องแขนรอบคอชิพ โอบตัวมันไว้ ดึงเข้ามาใกล้ แล้วจูบกับชิพอย่างรุนแรงดูดดื่ม...เป็นธรรมดาที่เวลาผมมาหามันก็จะต้องเกิด
เหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นทุกครั้ง...ทว่าครั้งนี้ความรู้สึกมันประทุรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ...ชิพเริ่มกอดผมแน่นยิ่งขึ้น ลมหายใจของเราเริ่มหอบหนัก ถี่กระชัน...แม้ว่าจะยืนอยู่
ตรงมุมมืดนั้น เราก็กอดจูบกันอย่างไม่อายใคร เราต่างรู้ดีว่ากำลังมีอารมณ์เพิ่มขึ้นทุกขณะ...

       ชิพกึ่งลากกึ่งจูงเดินเข้ามาในตึก กดลิฟต์ อยู่กันลำพังในนั้นเราก็จูบกันต่อ...เรื่อยมาจนถึงห้อง ชิพรนลานเปิดประตูเข้าไป และต่อจากนี้ไปก็ไม่มี
อะไรสามารถหยุดหรือขวางกั้นพวกเราเอาไว้ได้อีกแล้ว...น้ำหนักของตัวชิพกดทับลงมาขณะนอนราบอยู่ พร้อมทั้งฝ่ามือที่เปะปะ ลมหายใจที่ขัดๆหายๆ ลิ้นนุ่มที่ดุนดัน
เพิ่มมากขึ้น…ทำให้ผมลืมเรื่องทุกอย่างไปได้ชั่วขณะ และขอตักตวงช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ในความทรงจำตลอดชั่วชีวิต…



        นิ้วเรียวไล้ไปตามแผงอกกว้างเปล่าเปลือยของชิพ...มองเห็นหน้าอกบึกๆของมันยุบขึ้นยุบลงเป็นจังหวะแห่งการหายใจ...แสงจันทร์ทอดส่องอาบไล้
ไปตามผิวเรียบเย็น ผมค่อยๆซบใบหน้าลงไป และพยายามตักตวงความสุขนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด...

       ขณะนอนลืมตาอยู่คนเดียว พลางคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นของวันเก่า…และสงสัยตัวเองที่ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่า?

       ผมเพิ่งรู้…ว่ายิ่งผมรักชิพมากเท่าไหร ก็ยิ่งแค้นใจตัวเองมากยิ่งขึ้นทุกที

       ทำไมน่ะเหรอ

       เพราะท้ายที่สุดแล้วผมคือคนที่เลวที่สุดไงล่ะ…

      ร่างหนาของมันเริ่มขยับ ตามด้วยเสียงถอนหายใจลึกหนัก...ชิพขยับท่อนแขนโอบกอดผม จูบที่ขมับ เสียงของมันดังกระหึมไปทั่วแผ่นอก…มันคือ

ความสุขที่ดีที่สุดในชีวิตของผม

       “ทำไมยังไม่นอนอีก?”

      ผมจูบยอดอกของมันเบาๆ ช้าๆ แล้วชันตัวเองขึ้นมาจ้องมองลงไปในนัยน์ตาของชิพ...ใช้สันมือเสยไรผมอ่อนนุ่มของมันเบาๆ หัวใจของผมกระตุก

สะท้าน…เพราะความรู้สึกรุนแรงในอกมันประทุออกมาเป็นคำพูด ที่ผมไม่เคยให้ความสำคัญมากมายเท่านี้กับใครมาก่อนเลยในชีวิต

       “ชิพ…กูรัก…รัก…รักมึง…”

      ไม่อยากหลับตาเลย เพราะกลัวจะลืมเลือนภาพนี้ไป…

       ไม่อยากห่างเลย เพราะกลัวจะลืมเลือนสัมผัสเหล่านั้นไป...

       ผมพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ไว้ คนที่ผมรักหมดดวงใจ...

       จดจำเอาไว้…

       เพราะมันจะเป็นครั้งสุดท้าย…

       “มึงรักกูมั้ย…”

      ผมถาม พยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น และน้ำตาที่พร้อมจะไหลรินออกมาตลอดเวลา

       “รักซิ…มึงคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของกู”

       คำพูดแบบนี้ แม้มันจะเปี่ยมไปด้วยคุณค่า แต่มันฉีกหัวใจของผม…ผมควรจะปลามปลื้มดีใจ แต่ทำไมมันกลับเศร้าอย่างบอกไม่ถูก…

       “ชิพ…กอดกูหน่อยได้มั้ย”

       มันทำหน้างงๆ แต่ก็เคลื่อนตัวเข้ามากอด

       “เป็นอะไร?...ตั้งแต่ข้างล่างแล้ว ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า?”

      ผมส่ายหน้า “เปล่าหรอก แค่คิดถึงมึง…”

      เราถูกความเงียบเข้าปกคลุม ผมสูดกลิ่นกายของชิพ กลิ่นหอมๆที่คุ้นเคย

       “…จูบกูหน่อยได้มั้ย?”

       ชิพค่อยๆจับจ้องที่ใบหน้าของผม และเอียงหน้า จูบลงมาช้าๆ เป็นจูบที่งดงามจนน้ำตาแทบไหล…ร่างอุ่นๆของชิพบดเบียดลงมา แผ่นหลังของผม

แนบลงไปบนเตียงอีกครั้ง มีมันทับบนตัว และมองลงมา สีหน้าของชิพทำให้ใจผมเต้นแรงและอึ้งไปเล็กน้อย…

       “แดน…สัญญาซิ ว่าถ้าพรุ่งนี้เราสองคนตื่นขึ้นมา ทุกอย่าง…จะยังคงเป็นเหมือนเดิม”

       เจ็บลึกอยู่ภายในอก อยากบอกมันเหลือเกินว่าไม่อาจเป็นไปได้ ผมจะไม่สัญญา…

       แต่ถ้าเลือก

       …ถ้าผมเลือกได้…

       ผมจะไม่มีวันทำให้มันเสียใจอีก

       ชิพคาดคั้นอีก แต่ถูกหยุดลงด้วยจูบของผม หรือว่ามันรู้?...แต่ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว แม้ว่าถึงทำได้ ผมก็คงหาทางที่ทำให้เรา

สองคนเจ็บปวดน้อยกว่านี้ไม่พบ...เรื่องทุกอย่างก็ต้องวนมาพบกันที่จุดจบเดิมอยู่ดี

       เป็นคืนที่แสนวิเศษ…พอๆกับความรวดร้าวในหัวใจของผม

       ขอโทษนะชิพ…ขอโทษที่ต้องทำให้เสียใจ

       แต่มันจะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป





       โปรดติดตามตอนต่อไป

 
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 04-04-2008 22:40:19
สงสัยเป้นย่าชิพจริงๆนะแหละ เอาเงินมาให้เลิก แล้วแดนก็จำเป็นต้องรับเพราะต้องไปหาพ่อ เศร้าอีกแล้ว  :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 04-04-2008 23:30:23
งือ เรื่องไรมะรู้ โคตรเศร้าเลย

ทำร้ายจิตใจเราอย่างแรงงงงงงงงงงงงงงงง

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 05-04-2008 00:12:46
ขอมอบเพลงนี้ให้กับย่าของชิพค่ะ  :m4:

"สร้างความร้าวฉาน คืองานของเธอรึป่าว

ทำให้ใครแตกร้าว แล้วเธอเปนสุขใช่มั้ย"

เกลียดว่ะแม่ง อีแก่เอ๊ยยยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 05-04-2008 01:32:34
หวังว่าคงได้ไปหาพ่อนะคับแดนและพอชิพรู้ความจิง............ o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: lordhunter ที่ 05-04-2008 07:27:42
จะมีภาค 3 อีกเหรอครับเนี่ย  โอ้  หนทางนี้ยังอีกยาวไกล สุดๆ เอิ๊ก
ความจริงแล้ว  อยากให้คนเขียน เขียนตามเจตนาเดิมของตัวเองครับ
คนเขียนจะได้มีความสุขกับงาน ครับ ซึ่งผมได้สัมผัสมาตลอด อย่า
ตามใจ คน อ่าน  อย่างผมเลยครับ  เพราะมากคนก็มากที่จะอยากได้
อย่างโน้นอย่างนี้  (ซึ่งผมอยากได้ฉากNC เยอะๆ เอิ๊กๆ)

อยากให้คนเขียน เขียนสิ่งที่ตนเองอยากเขียนต่อไปเรื่อย  คนอ่านอย่าง
ผมก็จะติดตามอ่านเรื่อยๆเหมือนกันครับ 

..........................................
เกิดอะไรขึ้นอีก  ถ้าคุณย่าจุ้นจ้านมาก  สงสัยต้องทำการคว่ำบาตรกันบ้างแล้ว

ถ้ายังไม่สำนึก ต้องขับรถแก๊สเข้าบ้านระเบิดให้ตายทั้งบ้านเลยครับ  เอิ๊กๆ

 :oni1:  o18 :o211: :o10:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 05-04-2008 08:31:46
ต้องจากกันอีกแล้ว

น่าสงสารทั้งคู่เลย

คุณย่าใจร้ายจังคับ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 05-04-2008 08:43:42
มารอภาค3ดีกว่า

ทายถูกเผงเลยอะ

ทีซื้อหวยละก็ไม่ถูก

55555555555555
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 05-04-2008 08:57:58
 :serius2:

รอตอนต่อปาย

TT TT
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 05-04-2008 09:23:24
ทำไมมันเรื่องนี้มันเริ่มจี๊ดดขี้นเรื่อยๆละคร๊าบบ เศร้าตายไปเลย  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 05-04-2008 09:26:42
กว่าจะได้อยู่ด้วยกันเนี่ย คงต้องรอให้คุณย่าแก่ตายแหงเลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 05-04-2008 14:37:53
รอภาค3 หวานนเลย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-04-2008 17:48:03
เส้นทางนี้ไม่มีวันไปถึง  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทที่ 36
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 05-04-2008 19:38:19
เห้อ...แดน หนีไปอเมริกาแน่เลย

ถ้าไปจริง ๆ เอาเงินมาจากไหนล่ะ อย่าบอกนะ ว่ายายคุณย่า เอาเงินมาฟาดหัว

ไม่นะ   o12 :o :serius2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก&#
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-04-2008 21:52:33
ส่งไฟล์เพลงให้พี่ A-lone เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาเห็นเมื่อไหร่น่ะซิ งุงิ (-.-") ยังไงผมก็ยังคงต้องขอฝากภาคสามไว้ด้วยนะครับ แล้วจะมาตอบเม้นท์รวดเลยแล้วกัน ผมน้อบรับทุกคำวิจารณ์อยู่แล้วขอรับกระผม แฮะๆ เจอกันแน่ครับ



บทส่งท้าย



       ผมยืนถอนหายใจเบาๆอยู่คนเดียวที่หน้าบ้าน พลางแหงนหน้ามองทุกสัดส่วนที่จดจำได้ดีขึ้นใจ มองไปตามถนน มองไปตามทุกๆมุมหรือร่มไม้ทุก
ต้นที่ล้วนประกอบเป็นชีวิตของผม…บ้านที่เติบโตมาตั้งแต่ครั้งเริ่มจำความได้ ช่างเปี่ยมไปด้วยความทรงจำ ที่หาค่าใดๆมาเปรียบเทียบไม่ได้เลยจริงๆ

       มันเศร้าอยู่ข้างใน แต่ผมก็เลือกที่จะยิ้มออกมา…ขณะนี้กำลังยืนอยู่ข้างๆกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบของผม ในนั้นบรรจุของทุกอย่างซึ่งจำเป็น…
จากนั้นจึงกดล็อคแม่กุญแจกับประตูรั้วบ้าน ประตูใหญ่ที่ผมต้องเดินผ่านทุกวัน…พลางเอานิ้วลูบไปที่เหล็กเย็นๆขึ้นสนิมเล็กน้อย พลันภาพความทรงจำต่างๆก็หลั่งไหลเข้า
มา...พยายามหลับตาจดจำไว้ แล้วลืมตาขึ้นมากวาดมองไปทั่วบ้านที่ว่างเปล่าอีกครั้ง...เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังให้และเดินจากมา…

       เรียกแท็กซี่ได้คันหนึ่ง ผมกับคนขับก็ช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นไป เสียงกระโปรงท้ายรถปิดทำให้ผมสะดุ้ง และเกือบจะหันกลับไปมองบ้านหลังเดิมอีก
ครั้ง ทว่าด้วยความที่ต้องอดทนตัดใจ ใช้สมาธิเป็นอย่างมาก...ผมจึงก้มหน้าเดินขึ้นรถได้โดยไม่มีโอกาสเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเสียดื้อๆ

      “...อาคารต่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิครับ”

      พี่โซเฟอร์คนขับพยักหน้า รถเคลื่อนตัวออกไป ผมนั่งสบายๆมีแอร์เย็นช่ำเปา มีเพลงคลื่นภาษาอังกฤษให้ฟัง…ในใจคิดทบทวนไปเรื่อยถึงความ
พร้อมที่จะต้องเดินทางในค่ำคืนนี้ ตรวจสอบทุกอย่างว่าครบเรียบร้อยแล้ว ก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง

       ผมไม่ได้บอกใครเลย…หนึ่งคือไม่มีเวลา และสองคือไม่อยากตอบคำถาม มันอาจจะดูเสียมารยาทมากที่ต้องหลบหน้าไปแบบกระทันหันเยี่ยงนี้...แต่
ผมยอม เพราะผมไม่มีทางเลือก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เมืองไทยนี้เปรียบเสมือนจางหายไปจากผมแล้ว เพราะไม่นานทุกคนก็จะลืม เหมือนที่ผมอยากจะลืมความรู้สึกผูกพันต่างๆ
มันทำให้มีความสุขมากก็จริง แต่ในอีกขณะหนึ่งมันก็ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างเช่นเดียวกัน...

       ใช่ว่าผมอยากจากไป แต่เพราะความจำเป็น…เพราะความจำเป็นจริงๆ

       แม้แต่เพื่อนฝูงผมก็ไม่ได้บอกกล่าวอะไร แม้แต่เรื่องเรียนเองก็ตาม ในขณะนี้ผมยังไม่ถือเป็นบัณฑิตเลยเสียด้วยซ้ำ ส่วนเพื่อนบ้านก็แค่บอกว่าจะย้าย
ไม่ได้อาลัยอาวรณ์กันมากมายขนาดไหน เพราะทุกอย่างที่ทำตั้งใจให้เงียบเชียบไร้ร่องรอย...นี่คงเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว

       รถแล่นไปเรื่อยๆ ขณะนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ไกลค่ำ ท้องฟ้าเป็นสีครามน้ำเงิน เข้มจัด มีเงาดำทาบทับไปทั่วทุกสิ่ง ความมืดโรยตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนคืนนี้ฝนต้องตก…รถผ่านขึ้นสู่ทางด่วน ทำให้ผมมองเห็นภาพวิวกว้างๆได้สะดวก เห็นตึกอาคารสูงๆทั่วย่านใจกลางเมืองกรุงเทพตั้งตระง่านยืนแน่นิ่ง...ล้วนต่างถูก
ประดับด้วยช่องหน้าต่างเล็กๆที่มีแสงไฟน้อยใหญ่ลอดออกมาเต็มไปหมด...รถราวิ่งไปตามถนนที่สว่างด้วยเสาไฟทางหลวง มุ่งสู่สุดปลายตาที่ไกลจนมองไม่เห็นแล้วและ
มืดมิด...เสียงเพลงๆหนึ่งดันดังขึ้นมาตอนที่กำลังใจลอยอย่างนั้น…



All my bags are packed, I'm ready to go,

I'm standing here outside the door

I hate to wake you up to say goodbye.

But the dawn is breakin', it's early morn',

The Taxi's waitin', he's blown his horn.

Already I'm so lonesome I could die.



So kiss me and smile for me,

Tell me that you'll wait for me,

Hold me like you never let me go.

'Cause I'm leaving on a jet plane,

Don't know when I'll be back again.

Oh babe, I hate to go.



There's so many times I've let you down,

So many times I've played around,

I tell you now they don't mean a thing.

Ev'ry place I go I'll think of you

Ev'ry song I sing I sing for you.

When I come back I'll bring your wedding ring….
[/i][/b]       


 …เสียงเพลงนุ่มๆผ่านเข้าโสตประสาทดูเหมือนได้สะกดผมไว้…ภาพความทรงจำต่างๆหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ทำให้ผมเก็บกลั้นอารมณ์ต่อไปไว้ไม่
ไหว ร้องไห้ระเบิดความอัดอั้นเหล่านั้นออกมาในที่สุด…มันเป็นความทรมานที่ยากเกินกว่าจะอธิบาย เมื่อได้ลิ้มรสชาติแห่งความขมขื่น...เต็มตื้นขึ้นมาจากลำคอ แผ่ซ่าน
ไปทั่วทั้งสรรพภางค์กาย...ผมเอามือปิดปากไว้ไม่ให้เสียงดังออกมาและก้มตัวลง เพราะน้ำตานองใบหน้าอย่างคนบ้า หลับตาลงก็มีแต่ความอาวรณ์ ความรู้สึกตรงนั้นที่
เราต้องตัดใจซ้ำแล้วซ้ำอีกช่างทำให้เราอยากตายได้ง่ายๆเลยทีเดียว…

       ทุกอย่างรอบตัวผมไม่สำคัญอีกต่อไป ตอนนี้ ทุกสิ่งคือความรักที่ผมมีมอบให้…ใครบางคน คนที่ผมรักมากที่สุด รักมาก…และเวลาจะจากกันมันก็ยาก
เย็น ผมเกลียดตัวเองที่ไม่ได้บอกเขา และเกลียดตัวเองที่ทำแบบนี้ แต่ผมจำใจ…จำใจต้องจากมาแม้เป็นการตัดสินใจของตนเองก็ตาม...



       เดินเข้ามาที่เคาท์เตอร์เช็คอินด้วยดวงตาช้ำๆ ไม่ต้องพูดถึงสภาพจิตใจของผม…แม่ยืนรออยู่ตรงนั้น สีหน้าของแม่เรียบเฉยผมเองก็บอกไม่ถูกว่าแม่
คิดอะไร ทว่าพอแม่เห็นผมเท่านั้น ท่านก็ดึงผมเข้าไปกอด ลูบหลังผม เกือบทำให้ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ

       “แม่ขอบคุณมากนะแดน…ทุกอย่างมันคือความฝัน สักวันแดนต้องตื่นจากมันให้ได้นะลูก”

      เจ็บลึกในอก ก่อนหน้านี้แม่ไม่เคยออกความคิดเห็นสักครั้ง…แม่เหมือนคนน้ำท่วมปาก เพราะผมเองก็มีเหตุผล แม่เองก็รู้…แต่ในที่สุดแม่ก็พูดออกมา
มันทำให้ผมตายลงไปอีกทีละน้อยๆ…

       “แม่เช็คอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยแล้วนะ เดี๋ยวจะเข้าไปรอข้างในเลยแล้วกัน”

       แม่ปาดรื้นน้ำตาออกจากขอบตาแดงๆ ผมรู้สึกว่ามันช่างบีบคั้นเสียเหลือเกิน…แต่ก็พยักหน้าไป ดังนั้นผมจึงต้องผ่านเข้าสู่กระบวนการต่างๆจนเกือบ
จะเสร็จแล้ว...เสียงเรียกของใครบางคนทำเอาผมชาหนึบไปทั่วทั้งร่าง

       “แดน?”

      ร่างสูงยืนมองงงๆ…ไอ้แอลมองผมขณะกำลังสะพายเป้ใบโปรดอยู่ที่ข้างหลัง ในมือถือหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบิน…ผมมองมันอึ้งๆ หยุดอยู่กับที่
นั่นทำให้มันเดินเข้ามาประชิดตัวจนได้

       “นี่…นี่มึงจะไปไหนเนี้ย?”

       มันกวาดตามองทั่วร่าง ซึ่งแต่งชุดลำลองอย่างสุภาพเป็นทางการ ดูรู้ล่ะว่าผมกำลังจะไปไหน

       “แล้ว…มึงมาทำอะไรที่นี่?”

      “กูมาส่งพี่สาว พี่กูเป็นแอร์ เค้าไปบิน…แล้ว มึงมาทำอะไรที่นี่เนี้ย?”

       มันขมวดคิ้ว ส่วนผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง พอรู้ตัวว่าไม่เนียนซะแล้วไอ้แอลก็เลยรู้ทันเสียก่อน

       มันเบิกตากว้าง

       “นี่มึงอย่าบอกนะว่า…”

      ก่อนที่มันจะพูดเสียงดังเป็นคนบ้าไปมากกว่านี้ ผมมองดูเวลา ยังคงพอมีเวลาอธิบายให้มันฟังได้คร่าวๆบ้าง

       “หยุด!...ไปนั่งหาที่คุยกันก่อน กูจะเล่าให้มึงฟังเอง…”

   

      ผม…ยังจดจำเหตุการณ์เมื่อช่วงค่ำของวันนั้นได้…วันที่ผมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง เพราะข้อเสนอแกมบังคับของใครคนหนึ่ง…

       แขกไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวเข้ามาภายในบ้าน ผมไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ต้องต้อนรับ…คุณย่าของชิพเข้ามานั่งคุยกับผมในบ้าน ต่อหน้าแม่ และทนายของ
ท่าน…เราทุกคนต้องมานั่งฟังเรื่องราวชีวิตห่วยแตกของผม...ถึงว่าอึดอัดก็เลือกไม่ได้ นั่นเป็นเพราะ…

      ‘เธอต้องเลิกยุ่งกับหลานชายฉัน’

       ย่าชิพเอ่ยเสียงเรียบ ขณะโยนกระแทกซองเอกสารสีน้ำตาลมาตรงหน้าผมกับแม่…เราสองคนแม่ลูกมองหน้ากันงงๆ ส่วนผมอับอาย…แต่ไม่มากเท่า
ความสงสัย

       ‘อะไรครับคุณ-‘

       ‘เรียกฉัน “คุณท่าน” เพราะตระกูลของฉันไม่ชอบนับญาติกับใคร’

      สายตาที่คมกริบจับจ้องมาอย่างน่ากลัว และเบือนออกไปเหมือนรังเกียจอะไรสักอย่างตั้งแต่คำว่า “ตระกูลของฉัน…”

      แม้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่ท่านก้าวเข้ามาในบ้าน นั่งลง เริ่มสนทนาไม่ถึงสองสามประโยค ผมก็รู้สึกได้ว่าแม่ของผมเองนั้นไม่พอใจกับการกระทำ
และท่าทีของคุณย่าชิพ…ซึ่งไม่แม้แต่จะแนะนำตัวหรือยิ้มทักทายให้แม่ของผม ที่เป็นผู้ใหญ่เช่นกันสักนิด

       ‘แล้วท่านเป็นใครล่ะคะ?’

      แม่ผมถามเสียงฉุน เน้นตรงสรรพนามที่ใช้ แม่พร้อมลุยแล้ว…

       ‘ฉัน…เป็นคุณย่าของนายนภเกตน์ เป็นย่าของหลานชิพ เขารู้จักกับลูกชายของเธอ…เธอไม่จำเป็นต้องรู้มากไปกว่านั้น พวกเธอสองคนเรียกฉันว่า
คุณท่านไปนั่นแหละ’

      สรุปว่าคุณท่านไม่ยอมบอกชื่อ ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกโกรธเท่าไรหรอกครับ จนกระทั่ง…

       ‘ที่ฉันมาในวันนี้ ขอไม่พูดอ้อมค้อมเลยก็แล้วกัน…ลูกชายของเธอเป็นพวกลักเพศชอบยั่วยุหลานชายของฉันไปในทางที่ผิด ฉะนั้นฉันขอสั่งห้ามไม่
ให้พวกเธอคบหาหรือยุ่งเกี่ยวกันอีกเป็นโดยอันขาด ไม่ว่าจะในกรณีไหนก็ตาม’

      แม่ผมตากระตุกตรงคำที่คุณท่านใช้เรียกความเป็นเกย์ของผม…

       ‘กรุณาระวังคำพูดของคุณด้วย’

      ‘ทำไม? ฉันพูดผิดตรงไหน ลูกชายเธอเป็นพวกผิดเพศอย่างที่ฉันพูดจริงๆ’

      ‘งั้นหลานชายของคุณก็ด้วย! เพราะนอกจากลูกชายของฉันจะไม่เคยตามยั่วยุอะไรหลานชายคุณทั้งนั้น เขานั่นแหละที่เริ่มเรื่องทั้งหมดนี้ก่อนอีกครั้ง’

      คุณท่านนั่งหน้าตึง เตรียมขยับริมฝีปากเหมือนจะตอบโต้ ส่วนแม่ก็จ้องท้าตอบไม่แพ้กัน แต่ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้

       ‘แม่ครับ พอเถอะ…แค่นี้ผมก็อายมากพอแล้ว…’

      ‘ไม่เห็นต้องอาย แดนก็คือคน เป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่ใช่พวกตัวประหลาดที่ไหน แม่เลี้ยงลูกมาแม่รู้ว่าแดนเป็นคนยังไง แดนมีความเป็นคนครบถ้วน
ทุกอย่าง บางที...อาจจะมีความเป็นคนมากกว่าใครแถวนี้ซะด้วย’

       เหลือบมองปฏิกิริยาของย่าชิพ…ท่านทำตาลุกวาว…ท้ายที่สุดแล้วท่านก็เก็บอารมณ์อยู่ และเริ่มกลับมาพูดจริงๆจังๆอีกครั้ง

       ‘ฉัน…มีอะไรจะแลกเปลี่ยนกับเธอ หากแต่เธอต้องยอมสัญญา ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับหลานชายของฉันอีก’

       ‘อะ อะไรนะครับ?’

      ‘เปิดซองเอกสารตรงหน้านั้นซิ’

      ไม่รอช้า ผมรีบเปิดซองเอกสาร และเทสิ่งที่อยู่ในนั้น…แต่มันกลับกลายเป็นกระดาษบางๆสีขาวแผ่นเล็กแผ่นเดียวเท่านั้น ผมหยิบมันขึ้นมาดูงงๆ

       ‘จำนวนเงินในนั้นคงมากพอทำให้เธอยอมตกลงซินะ?”

      น้ำเสียงเชิญชวนแกมบังคับลอดผ่านหูของผมไป เพราะตอนนี้ในหัวมีแต่ความโกรธ…โกรธที่ศักดิ์ศรีของผมโดนเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จะต้องอีก
สักกี่ครั้งกันที่ใครต่างมองว่าผมสามารถ ‘ซื้อ’ ได้…ไม่ว่าอะไรผมจะเป็นฝ่ายยอม แต่เรื่องนี้ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

       ‘คุณท่าน!’

       ผมลุกขึ้นยืน ขึ้นเสียงดังแบบโมโหมากๆ ถ้าไม่ใช่คุณย่าของชิพผมคงขยำเช็คเงินจำนวนหลายล้านบาทนั่นปาใส่หน้าเข้าให้แล้ว…ทว่านี่ดูเหมือนคน
ตรงหน้าไม่มีอาการสะทกสะท้านเลยสักนิด หน่ำซ้ำยังกลับยิ้มเยื่อนสบายอารมณ์อีกซะด้วย

       ‘ผม…ผมมีศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรีที่ซื้อไม่ได้! ไม่ว่าคุณท่านจะเติมตัวเลขให้ดูอลังการมากมายอีกแค่ไหนก็ตาม ผมก็ไม่มีวันรับเงินสกปรกๆนี่แน่!’

       ‘ฮึ! แต่ศักดิ์ศรีน่ะ มันกินไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถรักษาพ่อเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งอยู่ แล้วก็ไม่สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินไปพบหน้ากันที่นู่นด้วยนะ!’

       ผมอึ้ง ช็อค นี่…นี่ย่าชิพรู้ได้ยังไง?

       ‘นี่ท่าน…’

      ‘ฉันต้องรู้ในสิ่งที่อยากรู้’

       ความอ่อนล้าเหนื่อยแรงทำให้ผมจำต้องทรุดตัวลงนั่งต่อ ขาแข้งหมดเรี่ยวแรง นี่ผมแพ้แล้วเหรอ? ผมไม่มีทางเลือกแล้วใช่มั้ยนอกจากทำตามข้อ
เสนอของท่าน?

      ในใจของผมมีความหวัง มีความเชื่อมั่นและกำลังใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรค์ทุกอย่างตลอดเวลา นั่นก็เพราะเพื่อคนที่ผมรัก นั่นก็เพราะชิพ…

      ‘ไงล่ะ ศักดิ์ศรีของเธอมันมีค่ามากพอเท่านี้มั้ย? หรือเธอจะยอมปล่อยให้พ่อเธอนอนรอความตายอยู่ที่นู่นคนเดียว ฮื้อ? ว่าไงล่ะ!’

      ...นั่งเหม่อลอยน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตรงนั้น แม่ลุกหนีไปไหนแล้วไม่รู้…ตอนนั้นได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองเต้นตุบๆอย่างเจ็บปวดดังก้องอยู่ในกกหู…
ผมต้องตัดสินใจ ต้องตัดสินใจ…เวลาอันแสนสั้นนี้ทำให้มันยิ่งยากกว่าสิ่งใดทั้งปวง

       ‘…แต่ฉันขอแนะนำเธอ คิดดูดีๆซิ เธอสามารถไปมีชีวิตใหม่ที่ดีกับครอบครัวเธอ ที่พร้อมหน้าพร้อมตา ส่วนฉันก็ขอให้หลานชายได้เริ่มต้นใหม่ดีๆ
เหมือนกัน…ถ้า…ถ้าเธอรักและหวังดีกับเขาจริงๆล่ะก็ เธอต้องปล่อยเขาไป ปล่อยให้เขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากฉัน’

       ใช่ ถ้าผมรักชิพ ผมต้องให้ในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา…

       แต่ผมอยากอยู่กับชิพ

       ‘ถ้าเธอยังยื้อเขาอยู่ เขาคงไม่ได้เจอคนที่ดี ชีวิตที่ดี เหมือนใครคนอื่นเขาแน่ เธอคิดบ้างมั้ยว่าความรักระหว่างเธอ…กับเขาแบบนี้จะไปกันรอด ฉะนั้น
ให้เขาไปซะ อยู่ไปเธอก็ไม่สามารถให้สิ่งดีๆแก่เขาได้เหมือนที่ฉันทำ’

       ผมหลับตาลง…คิดคำนึงถึงความเป็นไปได้ต่างๆ…

       ผมพร้อมแล้วเหรอที่จะปล่อยชิพไป?

       ผมพร้อมแล้วเหรอที่จะลืมความทรงจำอันยาวนานระหว่างเราสองคน…

       ผมพร้อม&#



และนี่คือตอนจบที่สมบูรณ์นะครับ ขอโทษอีกครั้งเลยจริงๆ เบลอมาก งงด้วย เอามาลงแล้วนะงับ..


...... :o
       ผมหลับตาลง…คิดคำนึงถึงความเป็นไปได้ต่างๆ…

       ผมพร้อมแล้วเหรอที่จะปล่อยชิพไป?

       ผมพร้อมแล้วเหรอที่จะลืมความทรงจำอันยาวนานระหว่างเราสองคน…

       ผมพร้อมแล้วเหรอ…ที่จะลืมภาพเหล่านั้น

       ‘ถือว่าฉันขอร้องก็ได้…อย่าให้ฉันต้องผิดหวังกับชิพ เหมือนที่ฉันผิดหวังคราวที่ลูกชายฉันแต่งงานกับคนผิด…แค่นี้ฉันก็อับอายมามากพอแล้ว’

      นั่นซินะ…ย่าชิพอับอาย แลกกับ…ความทุกข์ของผม

       แต่ผมก็ไม่มีอะไรจะให้ชิพได้จริงๆนั่นแหละ…และความรักแบบนี้…แบบที่สังคมไม่ยอมรับกัน มันคงเป็นไปไม่ได้แน่ในอนาคต

       ความรู้สึกผิด…ครอบครัว…การป่วยของพ่อ ทำให้ผมต้องคิด…

       สูดหายใจ และสาบานกับตัวเองว่าจะโลเลใจเป็นครั้งสุดท้าย

       ‘ผม…ผมตอบตกลง’

       สีหน้าของคุณท่านมีแววโล่งอก ยิ้มดีใจเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทำทีเรียบเฉยเช่นเดิม ท่านสั่งทนายข้างๆตัวเบาๆว่าให้โอนเงินให้ผมทันที…ผมนั่งนิ่ง
อยู่ตรงนั้น มองร่างระหงลุกขึ้นจะเดินออกไป…ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งคุยกับแม่เรื่องที่พ่อป่วย และคงเหลือเวลาอีกไม่มาก ถ้าเรายังอยากเห็นหน้าท่านก่อนตายคงต้องไปในเร็ว
วัน…ตอนนั้นรู้สึกโหว่งๆ…ไม่รู้ว่าตัวเองตกลงอะไรไป จนเมื่อแม่มานั่งข้างๆผม ค่อยๆกอดผมไว้ท่ามกลางความเงียบระหว่างกันและกัน…



       “แล้วมึงทำแบบเนี้ย…ถูกแล้วเหรอ?”

      ไอ้แอลถามเสียงเครียดไม่แพ้สีหน้า ส่วนผมนั่งคอตกตรงหน้ามีกาแฟปั่นแก้วเล็กวางอยู่โดยไม่ได้แตะต้อง

       มานั่งเล่าความจริงให้แอลฟังอยู่ที่ร้านคอฟฟี่ช็อปในสนามบิน เพื่อฆ่าเวลาและฝากให้มันทำอะไรให้สักเรื่องหนึ่ง…

       “แอล สัญญาได้มั้ยว่าจะไม่บอกความจริงเรื่องนี้กับชิพ”

       “ทำไม?”

       “กู…ไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับคุณท่าน แล้วกูก็อยากให้มันลืมกู มันจะได้มีชีวิตใหม่ๆ…อีกอย่างนะ มึงไม่ต้องบอกมันด้วยว่ากูไปไหน”

      “แสดงว่ามึงจะลืมมัน หลังจากที่เรื่องทั้งหมดนี่เกิดขึ้นน่ะเหรอ?”

       ไอ้แอลกล่าวฉุนๆ ได้ฟังดังนั้นผมจึงต้องสวนกลับไปทันที

       “เปล่านะ กูไม่ได้ลืมมัน ไม่เคยลืม…”

      “แต่มึงหนีมันออกมาแบบนี้โดยไม่ได้บอกกล่าว มึงทำเหมือนมันไม่มีค่าอะไรสำหรับมึง…คิดเหรอว่าชิพจะมีความสุขเพราะการตัดสินใจของมึง”

       อย่า...หยุดเถอะ พอแล้ว...อย่าบีบคั้นกันอีกเลย...แค่นี้...มันก็เจ็บเจียนจะตายอยู่แล้ว...

       ...ก็เพราะมันเป็นการตัดสินใจของผมน่ะซิ...

      ผมส่ายหน้า…เปล่า เปล่าเลย ผมไม่เคยลืมมัน มันคือชีวิตของผม…ทุกวินาทีที่หัวใจเต้นคือมัน…ทุกลมหายใจที่สูดเข้าและผ่อนออกคือมัน…ทุกย่าง
ก้าวที่ผมต้องห่างไกลมันออกไปเรื่อยๆผมคิดถึงมันตลอดเวลา…

        ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาสนามบินผมแวะคอนโดชิพ เพื่อไปทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง…ซึ่งภายในนั้นแม้มันจะไม่ได้มีข้อความอะไรยาวมากนักแต่ก็
แทนคำพูดในใจของผมออกมาทั้งหมด…

       ’ถ้ามึงได้รับจดหมายนี้ หมายความว่ากูคงไปเรียบร้อยแล้ว กูมีความสุขมากที่ได้อยู่กับมึง แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราได้กลับมาพบกันอีกครั้งแต่กู
ก็รู้สึกว่ามันมีค่ามากกว่าสิ่งใด การจากไปครั้งนี้ไม่ได้ทำเพราะกูต้องการแก้แค้นมึงหรือทำร้ายให้มึงเสียใจ กูอยากให้มึงรู้ไว้ว่ากูรักมึงและจะจดจำมึงตลอดไปชั่วชีวิต แต่
กูขอโทษที่ต้องจากมึงมา แต่กูมีความจำเป็นจริงๆ กูขอร้อง ให้มึงลืมกูแล้วเริ่มต้นใหม่กับคนที่ดีกว่า กูไม่มีอะไรจะให้มึงนอกจากความหวังดี กูผิดเองที่อยู่กับมึงไม่ได้ ลา
ก่อน’

       แอลเงียบ ผมก็เงียบ เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ และเครื่องบินมุ่งตรงสู่มหานครลอสแองเจิลลิสก็เตรียมพร้อมกำลังจะออกเดินทางในอีกไม่ช้า

       “แอล กูต้องไปแล้วล่ะ…”

      “เดี๋ยวก่อน”

       แอลจับแขนผม “มึงมีความจำเป็นมากขนาดที่บอกความจริงชิพไม่ได้เชียวเหรอ?”

       พยักหน้าช้าๆ…ผมไม่อยากผิดสัญญาคุณย่าชิพ แลกกับเงินจำนวนมากขนาดนั้นแล้ว…แม้ว่าผมไม่อยากทำร้ายจิตใจของมัน แต่มาคิดดูดีๆ หาก
ปล่อยชิพไปเพื่อคนที่ดีกว่า…ผมก็ยอม เพราะผมรักเขา…รักแบบไม่ได้ต้องการยึดเหนี่ยวหรือรั้งเขาไว้ หรือต้องการอะไรตอบแทน...ผมแค่อยากให้มันได้สิ่งที่ดีที่สุดใน
ชีวิตจริงๆ และนั่นคงไม่ใช่ผมแน่

       “จำเป็น…กูจำเป็นเพราะพ่อกูป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อีกอย่าง เจ้าของบ้านก็จะเอาบ้านคืนแล้วด้วย”

       “เฮ้ย!”

       ไอ้แอลปล่อยแขนผมแล้วผงะออกไป มันทำหน้าช็อค พร้อมทั้งจ้องหน้าผม ไม่ปริปาก เราสองคนนั่งอยู่อย่างเงียบงัน…ผมมองหน้ามันเศร้าๆ

       “…”

       “ทำไม…ทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงลำบากขนาดนี้…ทำไมมึงไม่บอกกู ให้กูช่วยล่ะ?”

      “แอล…กูไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง…กูดูแลตัวเองได้”

      ผมมองหน้ามัน แววตาของมันเหมือนมีอะไรบางอย่างอยากบอกผม

       “แอล มีเรื่องไรเปล่าว่ะ? เพราะกูต้องไปแล้ว”

      กำลังขยับทำท่าจะลุก มันกลับขยับเข้ามานั่งติดกับผม เฮ้ย! นี่มันอะไรกันว่ะ?

       “แล้วมึง…จะไปนานมั้ย?”

      น้ำเสียงมันแปร่งๆ…นานมั้ยเหรอ? ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…ไม่มีกำหนด ผมอยากไปนานตราบเท่าที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นู่นได้ ไม่มีอดีต ไม่มี
ความฝัน มีแต่ปัจจุบัน…และความรู้สึกดีๆที่ผมหลงเหลือไว้เพื่อชิพ…

       “ไม่รู้ซิ…นานมั้ง…”

       “แล้ว…มึงจะกลับมามั้ย?”

      “คงมา…”

      ผมโกหก

       “แอล กูไปและนะ อีกครึ่งชั่วโมงเองต้องบอร์ดดิ่งแล้ว”

      “เฮ้ย! เดี๋ยวดิ”

      คว้ามือผม…ร่างสูงหยุด ค่อยๆมองที่มือ เลื่อนมาที่หน้า แอลจ้องแปลกๆอีก

       “ถ้ามึงต้องไปแล้ว…และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่…กูมีเรื่องจะบอกมึง มันอาจจะฟังดูแปลก…แต่กู....กูคงคิดถึงมึงมาก มึงเป็นใครคนนั้นที่สำคัญ
สำหรับกูจริงๆ”

      อึ้งนานนับสามสี่นาที…

       ไม่อยากจะเชื่อ…ว่าแต่มึงกำลังพูดอะไรอยู่เนี้ย รู้ตัวบ้างเปล่า?

       “เอ่อ...”

       ….

      “...”

       “เฮ้ย พูดอะไรบ้างดิ”

      มันคงทนเห็นสีหน้าผมไม่ไหว เลยหลุดกลั้นหัวเราะออกมา

       หัวเราะเจื่อนๆแบบที่ผมไม่หัวเราะร่วม

      ฮื้อ? นี่ผมหูฝาดไปหรือเปล่า…

       ไม่รู้จะพูดอะไร อึ้ง นั่งฟังมันพล่ามต่อไป

       “...กู…ขอบคุณมากนะแอล”

       ผมกุมมือแอลเบาๆ

       “กูจะไม่ลืมมึงเลยแอล มึงคือเพื่อนที่ดีที่สุดของกูคนหนึ่ง…”

      เราค่อยๆกอดกัน มันคือการบอกลา…แอลกระซิบด้วย และมันทำให้ผมใจหายวูบไม่ใช่น้อย

       “โชคดีนะแดน…”



       มองออกไปนอกหน้าต่าง อีกครั้งที่ผมรู้สึกเหงาจนอยากจะร้องตะโกนออกมา ผ่านไปห้าปี เหมือนครั้งที่แล้ว…นั่นคือผมไม่เคยได้อยู่ร่วมกันกับคนที่
ผมรักอย่างมีความสุขเลย

       ภายในเครื่องบิน ผมเลือกนั่งติดหน้าต่าง มีแม่นั่งสวดมนต์อยู่ข้างๆ ผมมองออกไปข้างนอกซึ่งมืดสนิทเรียบร้อยแล้ว ฝนตกพร่ำๆ…เครื่องบินค่อยๆ
ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ผมค่อยๆปล่อยก้อนสะอื้นที่จุกแน่นออกมาทีละน้อย…ภาพต่างๆเบื้องล่างเล็กลงเรื่อยๆ…ไม่มีทางย้อนกลับได้แล้ว

      ทุกวินาทีที่ไกลออกจากกันเรื่อยๆ ใจผมตายเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับพัน…น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดทำให้ต้องปาดอยู่ตลอดเวลา ความเจ็บปวด
เหล่านี้กลับมาหลอกหลอนอีกแล้ว…

       “แดน ทำไมไม่นอนล่ะลูก…”

      “แดนนอนไม่หลับ”

      “เอายานอนหลับมั้ย?”

      “ก็ดีครับแม่”

       กินยานอนหลับไปหนึ่งเม็ด มันก็ยังปวดหัวอยู่…แม่เอ่ยปลอบผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอยิ่งขึ้นไปใหญ่

       “แดน…แดนยังมีแม่…มีพ่อ เรายังมีกันและกันนะลูก….เรามาเริ่มต้นกันใหม่ แม่จะหางานทำ แล้วสักพัก แดนก็ค่อยหาทางเรียนต่อ ดีมั้ยลูก”

      ยิ่งแม่พูด ก็ยิ่งรันทด…ผมรู้ว่าแม่ก็อยากให้ผมมีความสุข หวังดีกับผม อยากเห็นผมมีอนาคตที่ดี ทว่าวินาทีนี้ไม่สำคัญสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว ทางที่
ดีผมควรจะทำใจและก้าวต่อไป เพราะมันคงไม่มีทางเลือกอื่นอีก

       แต่มันก็ยาก…ผมหลับตาท่ามกลางความมืดในตัวเครื่อง ทุกคนหลับหมดแล้ว แต่ผมนอนถอนหายใจน้ำตาไหลอยู่เรื่อยๆ เจ็บจนหายใจไม่ออก…
เหมือนตายทั้งเป็น ผมคิดถึงชิพมาก…แค่นี้ก็เหมือนเวลานานนับสิบๆปี ภาพใบหน้าของมันวิ่งวนอยู่ในหัว…ผมกลัว…กลัวว่าจะไม่ได้เจอมันอีก ซึ่งก็คงจริง…มันน่ากลัว
เหลือเกิน

       เมื่อใดที่สิ่งเลวร้ายต่างพากันห้อมล้อมและกำลังจะกลืนกิน

       ผมนึกถึงสิ่งเดียวเท่านั้น...นึกไว้...

       …ผมฝัน ฝันว่ามันกอดผมไว้ ท่ามกลางบ่ายอันแสนอบอุ่น แสงแดดจ้าอ่อนโยน มีเพียงมันกับผม มีความสุข…มันจูบผม และบอกรักผม เราสองคน
อยู่ด้วยกันตลอดไป…

       แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่ภาพแห่งความฝัน…

      ทว่า...ความรักที่ผมมีให้มันนั้น…คือเรื่องจริง…

       และจะยังคงเป็นจริงเช่นเดิมตลอดไป

       …ตลอดไป...









 

       จบ ยิ่งรัก…หัวใจก็ยิ่งแค้น

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 05-04-2008 22:17:41
มาต่อ ภาคต่อไป ทีนะคับ

ผมรอลุ้นเสมอ

อยากให้ แดน กับ ชิพ ได้รักกันอีก

เพราะว่า

ความรักแบบเราอ่ะมองไม่ค่อยเหนรักแท้เรย

ผมอยากอ่านแบบนั้นจังอ่ะคับ

มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 05-04-2008 22:23:28
 :m15: :m15: :m15:
อ่านเสร็จ เศร้าเลยครับ ฮือๆ
ไม่ชอบคุณย่า เอ๊ย.. คุณท่านเลย  :m16:


ภาคสามนี่จะตามหากันจนเจอรึเปล่าน๊า
 :o12:

เอาใจช่วยชิพกะแดนคร้าบ
คู่กันแล้ว ก็คู่กันไปตลอดนะครับ

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 05-04-2008 22:25:24
 :sad2: :sad2:  รันทดมากเลยครับ  อุตส่าห์จะมีโอกาสได้อยู่กับคนที่รักแล้ว  แต่คุณยายมหาภัยก็ยังเข้ามาทำลายเปนครั้งที่2   :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่ก็เอาเถอะครับ  ความกตัญญูจะเปนเกราะคุ้มภัยแล้วก็น่าจะเปนโซ่ที่จะดึงชิพให้ไปหาแดนนะครับ  :m13: :m13:

แล้วก็รอภาค3ด้วยความใจจดใจจ่อนะครับ :m22: :m22:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-04-2008 23:32:27
จบได้เศร้าทุกภาคเลย............รอภาคต่อไปน่ะคับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 05-04-2008 23:48:51
 :m15: :m15: :m15: :m15:

จบแล้ววววว

ต้องมีภาคต่อไปแน่นอนค่ะ

มาต่อไวๆนะคะ

คิดถึงแดนมากมาย

เมื่อไรความรักของทั้งสองคนนี้จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีซะทีนะ

ภาคต่อไปจะต้องสนุกแน่

รอนะคะ อิอิ   :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: jeng_jey ที่ 06-04-2008 00:02:07
 :a6:
จาติดตามตอนต่อไปคับ
เป้นกำลังใจให้คับ
อ่านมาตลอดเรยคับ
คนเรายิ่งโต....ยิ่งมีอุปสรรคให้ฝ่าฟันมากมาย
มีบททดสอบของชีวิตที่ต้องแลกมาด้วยการสูญเสีย
และน้ำตา
แต่ราต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้คับ
สู้ๆๆคับ :a2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 06-04-2008 00:16:10
Alex จ๋า รอบนี้เล่นเพลงโบราณของปู่ John Denver ผู้ล่วงลับไปกับเครื่องบิน
ลุ้น แดนกับชิพจ๊ะ
กว่าเราจะรักกันได้ รู้ไหมยากเย็นยิ่งเอย
จนกว่าจะได้ชมเชย เคียงเขนยสมดังฤทัย

เพลงสุนทราภรณ์ดูเหมือนจะเก่ากว่าอีกนิ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 06-04-2008 00:17:13
เฮ้อ..อ่านเเล้วเครียด
แหะๆ เเบบว่ามันอินมากไปหน่อย - -'
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 06-04-2008 01:48:08
จบได้ดี

มันก็ต้องจบแบบนี้ล่ะ ...

รู้สึกว่าทั้งสองภาคทำจบได้ดี ปิดต้นฉบับได้โอเคเลย ...


แต่ว่ารู้สึกว่าทั้งสองภาคมันช่างต่างกันจริงๆ รู้สึกถึงความเติบโตในตัวละครและคนเขียนเลยจริงๆ ... ไม่รู้ว่าภาคต่อไปจะเป็นอย่างไร... คงโตแล้วก็มีซีนที่ไม่คาดฝันหลุดมาแน่ ....



เอาเป็นว่า ผลงานของน้องพี่ชอบมาก แม้ว่ายังมีบางจุดที่ถ้าได้เกลาก็คงจะดีขึ้น ... แต่ยังไงก็แล้วแต่ ... เจ๋งครับ  :a11:


รออ่านภาคใหม่ดีกว่า ... ไม่รู้ว่าโลเกชั่นหลักจะไปโผล่ที่ อเมริกา อังกฤษ หรือ ที่ไหนๆ ?

หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 06-04-2008 02:37:48
เศร้ามากครับ

ชีวิตลันทดดีนะครับ(ชอบแนวบีบคั้น)

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะครับ...มาอัพเร็วๆนะครับ

จะเป็นกำลังใจเสมอนะครับ

ปล.ชอบตอนสุดท้ายมากครับมันเหงาเศร้าซึมดี + เพลงด้วย ได้ฟีล มากๆ  o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: lordhunter ที่ 06-04-2008 09:39:11
รอภาค 3 ครับ

ผมมีเพลงนี้ด้วย  เลยเอามาติด  เจ้าของเรื่องคงไม่ว่านะครับ


เศร้าอีกแล้วครับ  ภาค 3 จะเป็นอย่างไงบ้าง

ไม่อยากเดาเพราะกลัว เจ้าของเรื่อง  ไม่ได้ฟิวแต่งต่อครับ

เอาเป็นไม่ขอเดา  แต่ขอ  รออ่านต่อไปแล้วกัน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^)Jawaa!!! ที่ 06-04-2008 13:05:28
โหย ไมมันรันทด งี้อ่ะ :sad2:
 :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-04-2008 17:26:23
ก่อนอื่นเลยขอขอบคุณทุกคนมากที่เข้ามาอ่าน คือผมมีเรื่องอยากจะบอกว่า ถ้าสมมติจะหยุดภาคสามไว้ก่อนจะได้ม่ะคับ???

เหตุผลก็คือ ตามเนื้อเรื่องมันจะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานแล้ว แบบหลายปีมากๆ ก็เลยคิดว่าหากเอาลงต่อๆกันมันจะไม่ให้ความรู้สึกนั้น แถมภาคสามยังมีเซอร์ไพรส์แบบแปลกๆอีก คือมันต้องใช้เวลาให้ผู้อ่านทุกท่านคิดว่าแดนไม่ได้เจอกับชิพนานจริงๆ ก็เลยคิดว่าเอาน่ะ เดี๋ยวค่อยลงภาคสามแล้วกัน ผู้อ่านคิดยังไงก็ลงความคิดเห็นไว้นะครับ

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมยังแต่งภาคสามไม่จบเลย...อารมณ์แบบนั้นมันยังไม่ค่อยมี คือว่ายุ่งๆด้วย เอาเป็นว่าระหว่างที่รอภาคสามอยู่ ผมก็กะจะเอานิยายหวานๆ(เปล่าหว่า?) มาให้อ่านเรื่องหนึ่งไปพลางๆก่อนและกาน เป็นเรื่องใหม่ ยังไงติดตามด้วย เอามาลงไว้จะบอกอีกที ที่ต้องเอาเรื่องใหม่มาลงเพราะผมอยากพักอารมณ์จากเรื่องของแดนกับชิพบ้าง คนแต่งก็มึนกับความเศร้าเหมือนกันครับ เหอะๆ :sad2:


ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-04-2008 17:48:29
รอได้อยูแล้วคับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :a12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 06-04-2008 19:13:05
จบภาคสองแบบเศร้าอีกแล้ว  :sad2:

ส่วนภาค 3 ไว้แดนว่างๆ ค่อยมาต่อก็ได้นะครับ  o13

รอได้อยู่แล้วคร้าบบ :oni1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-04-2008 19:34:40
จบภาคสอง เศร้าอีกแล้ว หวังว่าภาคสามคงไม่เศร้านะคร๊าบบบบ  o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 06-04-2008 20:19:37
ภาค 3 ถ้าจะจบเศร้าแบบนี้บีบคอกันตายก่อนเลยนะคร๊าบบผมทำใจไม่ได้ :serius2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 06-04-2008 22:09:14
If it takes forever,I will wait for you.
ลงชื่อรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 06-04-2008 22:42:27
ผมว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่สองมากกว่านะครับ(ยังแต่งไม่เสร็จ :laugh:)ไอ้เรื่องต่ออารมณ์นั้นสามารถอยู่แล้วล่ะครับขึ้นอยู่กับการจิ้นของแต่ละคน  แต่ถ้าทำอย่างคนเขียนว่าก็อาจจะได้อีกความรู้สึกนึงก็ได้แต่ถ้าเอามาลงเลยก็ดีครับ(ชอบอยู่แล้ว)แต่ถ้านักเขียนเห็นควรอย่างไรทำอย่างไรแล้วสบายใจก็ทำแล้วกันครับ เอาเป็นว่าผมจะรอภาคสามนะ("แต่"เยอะจัง o2)

ปล.แต่อย่าให้รอนานนะครับ  :o8:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 06-04-2008 22:51:58
 :impress: :impress: :impress:

สงสารพี่แดนมากๆๆเลยครับผม

กี่ปีแล้วครับก็ไม่สมหวังในความรักวะที

สงสารชิพด้วยครับผม

 หวังว่าภาค3คงสมหวังนะครับผม

รออ่านครับผมเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YoOl ที่ 06-04-2008 23:00:11
 :serius2:


+



 :m15:


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 06-04-2008 23:04:49
มารออีกคน แต่รอแค่ 1 อาทิตย์น้า ไม่งั้นขาดใจก่อนแน่ๆ   :o12:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 06-04-2008 23:55:23
ยังไงก็ได้ครับน้อง Alex แต่ภาค 3 ไม่เอาเศร้าแล้วนะ ถ้าเศร้าล่ะก็  :เตะ1: แน่นอน  :angry2: :angry2:

แต่เอาเรื่องใหม่หวาน ๆ มาให้อ่านก่อนก็ดีนะ  :o8: :oni3:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: lordhunter ที่ 07-04-2008 08:42:54
แล้วแต่เจ้าของเรื่องครับ ว่าจะมาต่อเมื่อไร 
แต่อย่าให้นานมากนะครับ เดี๋ยวลืมภาค 1 กับ 2 หมด  เอิ๊กๆ
(ความจำปลาทอง)

..เพลงนี้..
...มอบให้ แดน&ชิพ...

http://host.asis.co.th/lordhunter/mee002.swf



หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 07-04-2008 13:31:29
เศร้าได้อีกกกก
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: panang ที่ 07-04-2008 15:39:59
จบภาค2 แล้วหรอนี่

สุดท้าย แดนก็ตัดสินใจแบบนี้เนอะ อืม :sad2:

ภาค3 ขอให้ได้กันนะ จากทั้งยังรักทรมานจริงๆ :o12:

เอากำลังใจช่วยคนแต่ง รอภาค3 นะจ๊ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 07-04-2008 16:17:56
ยังไงก้ได้คับ

ขอให้จบแบบ แฮปปี้เอนดิ้งก้พอคับ^^

ชอบๆ

 o13
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 07-04-2008 16:53:09
งอน ALEX แล้วอ่า แต่จะเอาเรื่องไรลงแทน

ลงเร็วๆเลยก็ดี

ยางไงจะติดตามต่อภาค 3 ละกัน
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 07-04-2008 21:47:17
กรรม...

รันทดชีวิตจริงๆ

 :m15:   :m15:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 08-04-2008 01:36:12
ก็กำลังคิดๆ อยู่เลยนะ ว่าภาคสามก็ควรที่จะดองๆ ไว้ก่อน มันจะได้มีเสน่ห์ ไม่งั้นนิยายมันจะเฝือไป


แล้วผู้แต่งก็ทำแบบนั้นจริงๆ ด้วย ดีๆๆ ขอรับ

ดองๆ ไว้ซักเดือนสองเดือนไปเลยก็ดี มันจะได้รู้สึกว่า เออ นิยายมันก็มีช่วงเบรกของมันเหมือนกันนะ



หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 08-04-2008 03:54:32
รอคร้าบ..... o7
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 08-04-2008 20:21:48
ผมคิดอย่างที่พี่snowmanคิดเลยอ่ะคับ แฮะๆ+สมองไม่แล่นด้วยง่ะ เรียนหนักไปหน่อยงิ หุหุ :laugh:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: strmint ที่ 08-04-2008 22:58:12
 :m25: อ่านรวดเดียวจบ ทำเอามึนเหมือนกัน หนุกมากเลยแล้วอยากให้มาต่อด้วยอย่างแรง เพราะรู้สึกค้างอยากให้ happy หาทางออกได้ทุกคน ขณะที่เราอ่านเรื่องนี้ก็มีข่าวไม่ดีเกิดขึ้นพอดีอ่านไปแล้วก็รู้สึกเหมือนมีคนที่ยังมีทุกข์แล้วเหมือนให้กำลังใจไปพร้อมกัน ขอบคุณมากๆเราจะพยายามสู้อีกครั้ง  :a1:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jeep89 ที่ 11-04-2008 08:43:31
แล้วจะรออ่านภาคสามจ้า  :oni2:
ขออย่าให้จบแบบเศร้าๆเลยเอาแบบ HAPPY HAPPY
เถอะเนอะ ..
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TLT ที่ 11-04-2008 21:07:00
 :a3: :a3:  มาแระยังเอ่ย
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 11-04-2008 22:02:28
 :m13:

เฝ้ารอด้วยหัวใจที่หลุดลอย


 :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 14-04-2008 22:48:40
Happy Happy ในวันสงกรานต์นะคร้าบ

ขอให้มีความสุขมากๆเลยคร้าบ  :สงกรานต์3:

มารอภาค 3 คร้าบ
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 16-04-2008 06:52:15
อาโหลๆๆ

เพิ่งนึกได้ .... ว่าถ้าช่วงนี้มันมี side story ก็คงจะดี .... แนวว่าเป็นการพักเบรกเรื่องด้วยเรื่อง side story

เช่นว่าป่านนี้คุณพี่มาร์คเป็นตายร้ายดีอย่างไร .... หรือว่า การเดินทางไปต่างแดนแรกเริ่มนั้นเป็นเช่นไร ... หรือว่า เป็นแค่ซีนเล็กๆ ของเจ้าชิพยามอยู่อเมริกาว่าเป็นอย่างไร .... หรืออาจจะเล่นเป็นบทพ่อแม่ของแดนในครั้งยังอยู่ด้วยกันเลยก็ได้ .... เพื่อสะท้อนให้เห็นชีวิตวัยเด็กของแดน


บางทีเรื่องพวกนี้นอกจากจะเป็นตัวเบรกเรื่องชั้นดีแล้ว ยังเป็นการบ่งบอกที่มาที่ไปของตัวละครได้ดี และเป็นการส่งอารมณ์ในเนื้อเรื่องถัดมาอีกด้วย


หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: lordhunter ที่ 18-04-2008 19:39:40
ยังไม่มาต่ออีกเหรอครับ  นานเกินไปแล้วครับ  เดี๋ยวลืม
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 20-04-2008 22:46:52
ยังไม่มาต่ออีกเหรอครับ  นานเกินไปแล้วครับ  เดี๋ยวลืม

เห็นด้วยค๊าบบเด๋วลืมม :m23:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 22-04-2008 11:00:39
 :oni1:
คิดถึงเรื่องนี้ มาต่อไวๆนะคร้าบ

 :m13:
หัวข้อ: Re: ยิ่งรัก...หัวใจก็ยิ่งแค้น บทส่งท้าย จบภาคสองแล้วคร้าบ~~~!!!!มีเรื่องสำคัญจะประกาศครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 23-04-2008 02:09:57
สวัสดีครับชาวบอร์ดที่รักทุกท่าน ยังจำผมได้หรือเปล่า? ฮั่นแหน่นึกว่าลืมกันซะแล้ว อิอิ :m4:

ที่หายไปนานผมเห็นว่ามีคนมาตามหลายคน(เข้าใจความรู้สึกเพราะผมเองก็ตามนักเขียนหลายท่านที่ติดนิยายอยู่งอมแงมเช่นกัน โดยเฉพาะป้าสองนี่แหละ -_-" :m29:) อยากบอกว่าตอนนี้ภายในชีวิตมีเรื่องราวต่างๆวุ่นวายมากมาย ไหนจะเรียนพิเศษ แต่งนิยาย ผมต้องแบ่งเวลาให้ดีสุดๆซึ่งเป็นอะไรที่เหนื่อยเอาการ...

วันนี้ฤกษ์ดีได้เอาบทนำมาลงเป็นpremiere...ที่มาดึกขนาดนี้เพราะเพิ่งตรวจอักษรเสร็จเรียบร้อย(ผิดพลาดประการใดให้อภัยผมด้วยเถอะก๊าบ) มีเรื่องจะชี้แจงเกี่ยวกับนิยายภาค3นี้สักนิดหนึ่งคือ...

1. อ่านเรื่องนี้จะรู้สึกได้ว่ามันทั้งเศร้า ทั้งทุกข์แปลกๆ...ตัวละครเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก เปลี่ยนไปหมด ซึ่งเป็นอะไรที่ผมเองอยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ คืออยากให้อ่านแล้วได้อารมณ์ที่เกิดขึ้นประมาณว่า นี่คือนิยายภาคต่อจริงๆหรือ? แต่โดยรวมแล้วนิสัยพื้นฐานและเนื้อเรื่องบังคงดำเนินต่อมาจากภาค2นะครับ ^-^
2. นิยายเรื่องนี้คาดไว้ว่าน่าจะสั้นที่สุดในจำนวนทั้งสามภาค เพราะตอนนี้แต่งไปได้ประมาณเกือบครึ่งเเล้ว อย่างที่บอกอ่ะครับ ผมยุ่งจริงๆ
3. แต่ขอรับรองว่าภาคสามจะต้องแอบหวาน แหม สัญญาคนอ่านไว้แล้ว แต่ก่อนจะหวานมันก็ต้องมีมรสุมบ้างเล็กน้อยใช่มั้ยครับ แฮะๆ ยังไงต้องติดตามกันน๊า
4. อาจจะเอามาลงช้า ไม่ใช่เกือบทุกวันเหมือนทั้งสองภาคที่ผ่านมา
5. ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ

ผมหวังว่านิยายของแดน-กับชิพนี้จะถูกใจใครหลายๆคนตั้งแต่ต้นจนจบ ผมรับทุกข้อความคิดเห้นเสมอและขอให้บอกมาเพราะจะได้ปรับปรุง ไม่ต้องเกรงใจเลย ผมแค่อยากแต่งนิยายที่รักและอยากให้ผู้อ่านได้เกิดความรุ้สึกบ้างเวลาอ่านตัวละครของผมไปเรื่อยๆ แค่ทุกท่านเข้ามาและลงคอมเม้นท์ทิ้งไว้ผมก็มีกำลังใจและซาบซึ้งมากแล้ว ขอบคุณจริงๆครับ

ขอให้สนุกกับการอ่าน(ทุกเรื่องเลย!!! o13 o13 o13)


...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...



“ฉันอาจจะเคยทำร้ายเธอ ทำให้เธอเสียใจ...แต่จนวันนี้แล้ว ฉันบอกได้ทำเดียวว่ารักเธอสุดหัวใจ”



บทนำ



       ภายนอกกระจกบานกว้าง ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดครึ้มลงทุกขณะ...บนถนนข้างทางที่คราคร่ำไปด้วยชาวอเมริกันซึ่งออกมาเดินจูงสุนัขออกกำลังกาย
บ้างก็เดินควงคู่ออกมาร่วมดินเนอร์กันสองต่อสอง...ผมเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ผ่านใบของต้นปาล์มที่พัดไหวกลายเป็นเงาทาบทับไปบนถนนเวสต์ฮอลีวูดตัดกับเส้นวิ
ลเชอร์-ลาแบร์

       บรรยากาศมืดครึ้มเงียบเหงาเหมือนฝนกำลังจะตกเช่นนี้ทำให้ผมคิดถึงใครบางคน...ใครบางคนที่ทำให้ผมใจหวิวทุกค่ำคืนตลอดเวลาสิบปีที่ผ่าน
มา...

       เบาะข้างๆยุบตัวลง แม่ไถลตัวเข้ามาโอบกอดรอบคอของผมขณะกำลังแนบใบหน้าตรงต้นแขน…พร้อมทั้งมองไปทางทิศเดียวกัน

       “นั่งคิดอะไรอยู่แดน?”

       ผมยิ้ม รีบยกหลังมือขึ้นปาดรื้นน้ำตา

       “ไม่มีอะไรหรอกแม่”

      แม่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีขาวตัวโปรดกุมมือผมไว้ ก่อนจะบีบมันเบาๆอย่างที่ท่านคอยทำเพื่อให้กำลังใจผมตลอดเวลาที่ผ่านมา

       “แม่ก็คิดถึงพ่อเค้าเหมือนกันนะ”

       พ่อของผมเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งเมื่อสิบปีก่อน หลังจากที่บินมาดูใจพ่อแค่ไม่กี่วัน ท่านก็จากไปอย่างสงบ...เหมือนท่านกำลังรอการกลับมาของ
ผมและแม่ ช่วงเวลานั้นแม้จะแสนสั้นแต่ก็ทำให้ผมมีความสุขที่ในที่สุด...เราสามคนพ่อแม่ลูกก็ได้กลับมาเจอหน้ากันสักที

       เริ่มแรกที่พ่อผมเสียไปเป็นการทำใจที่ยากเย็นและแสนเจ็บปวด…หากแต่ชีวิตของทุกคนต้องดำเนินต่อไป ผมรู้ว่าพ่อคงอยากให้ผมก้าวไปข้างหน้า
แทนที่จะจมอยู่กับอดีต…มันคือการฝึกฝนตนเองที่แสนทรหด…

       บวกกับชีวิตส่วนตัวของผมที่มีแต่ปัญหามากมาย…มันยากที่จะทำใจให้สงบและใช้ชีวิตอย่างปกติ มีหลายคืนที่ผมถึงกับนอนไม่หลับเพราะคิดถึงแต่
เรื่องต่างๆ จวบจนกระทั่งแม้แต่บัดนี้…ฝันร้ายเหล่านั้นก็ยังคงกลับมาเยี่ยมเยือนบ้างบางครั้ง…

       แต่มันทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้ผมมองทุกสิ่งจากหลายมุมก่อนจะตัดสินใจอะไร…บางทีฟ้าอาจลิขิตมาให้ผมกับเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน…แต่ผมยังรัก
เขาเสมอ หมดหัวใจ…เหมือนที่มันไม่สามารถมอบให้ใครได้อีก…นับวันเวลาที่ผ่านไปแม้ภาพแห่งความทรงจำเหล่านั้นจะเลือนลาง…แต่ผมไม่เคยลืมความรู้สึกนั้นที่เคยมี
เขา…มีกันและกัน…มันยังคงตราตรึงอยู่ในใจเรื่อยมา       

       …เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีแขกเข้ามาในร้านอาหารของเรา ร้านอาหารไทยที่แม่ซื้อต่อมาจากคนไทยเจ้าเก่า โดยเปิดเป็นร้าน
อาหารเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตอนเริ่มแรกเราสองคนแม่ลูกก็พยายามทำงานเก็บเงินเพื่อให้ซื้อกิจการนี้ต่อได้ หลังจากนั้นเราก็จ้างแม่ครัวเพิ่ม จ้างพนักงานเสิร์ฟเพิ่มซึ่งก็
เป็นนักเรียนคนไทยเสียส่วนใหญ่ จนบัดนี้ร้านของเราขายดี ได้รับการประเมินจากทางกระทรวงของรัฐผ่านทุกครั้ง

       “แม่ไปรับลูกค้าก่อนนะ”

      ความจริงแม่ทำหน้าที่อยู่ในห้องครัว ร่วมกับแม่ครัวชาวอีสานอีกสองคนที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาทำงาน ส่วนพนักงานเสิร์ฟก็มีพี่อัจกับจิราสอง
สาวนักเรียนไทยที่มาต่อปริญญาโท ณ คาวน์สเตทแห่งหนึ่งย่านชานเมือง

       ภายในร้านมีโต๊ะไม่กี่ตัว แม่กับผมตัดสินใจเปิดร้านอาหารเล็กๆตัดช่องน้อยแต่พอตัวก่อนเท่านั้นเพราะแค่ต้องการมีพอกินพอใช้ ค่าครองชีพสำหรับ
ในประเทศมหาอำนาจแบบนี้แพงหูฉี่…ใช่ว่าพอลืมตาอ้าปากได้แล้วก็ลืมตัว มีคนไทยหลายรายแล้วเหมือนกันที่ประมาท จนตอนนี้หนี้สินพะรุงพะรังเต็มไปหมด…

       ยามเย็นมีคนไทยเข้ามานั่งจับจองจนเกือบเต็มแล้ว ร้านของเราบริการจัดส่งอาหารด้วยแต่ก็เป็นแค่ใกล้ๆ จะใครซะอีกถ้าไม่ใช่ผมเองเป็นคนขับรถ
ไปส่ง(- -*)…นั่นเล่นเหนื่อยเอาการตอนเริ่มต้นเพราะเราไม่ได้จ้างใครเลย ประกอบกับที่ผมเรียนหนังสือให้จบแล้วต่อโทฯไปด้วย แถมยังเรียนพิเศษเสริมความรู้เป็น
เอกภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย

       ...ฝนข้างนอกเริ่มตกประปราย เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในแถบนี้ เม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาไม่นานเท่าใดนักก็หยุดลง กระจกในร้านเกิดฝ้า
อากาศ ข้างนอกคงหนาวจัด...แสงไฟจากร้านรวงถูกเปิดขึ้นทำให้ถนนทั้งสายสว่างไสวไปตลอด ทำไมนะ? คืนนี้ใจผมถึงเต้นแปลกๆ...มันแปลกไปจากความรู้สึก
เดิมๆ...หลังจากคืนนั้นเมื่อสิบปีก่อน...ในคืนนี้ผมคิดถึงเขาคนนั้นจัง...ไม่รู้เพราะอะไร

       ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันเป็นความเศร้าที่ทุกข์ทรมานอย่างบอกไม่ถูก...สักพักหนึ่งจะเหมือนว่าเราทำใจได้แล้ว แต่เปล่าเลย ผมยังไม่สามารถลืมเขา
ได้...มีเพียงวันเวลาที่ทำให้ผมเรียนรู้ว่าไม่ควรจมอยู่แต่กับอดีต ทำให้ผมก้าวเดินต่อไป

       …โดยที่ยังไม่อาจลืมเขาได้ลงจนหมดสิ้น

       ทุกคืนที่เฝ้าฝัน...ทุกคืนที่ผมต้องหลับตาลงไปซึมซับความร้าวรานเหล่านั้น...ทำให้ผมเรียนรู้มากพอที่จะปล่อยวางจากเขา...ความรักที่ผมมีให้มัน
คือความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน นอกจากแค่ได้รักและอยากเห็นเขามีความสุขเท่านั้น

       ผมไม่รู้ว่าเขามีชีวิตยังไง…เขาจะมีความสุขดีมั้ย?...เขาจะประสบความสำเร็จอย่างที่เขาฝันไว้หรือเปล่า…เขาจะมีใครดีๆสักคนคอยดูแลเขา…แทน
ผม…แล้วหรือยัง

       แต่เชื่อมั้ยว่า ผมมีแต่ความหวังดีส่งให้เขาตลอด…ผ่านดวงใจดวงเดิม หากเขาลืมผมแล้ว…ก็คงไม่เป็นไร…เพราะรักเขาเกินกว่าเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น…

       ความรัก ที่เปรียบเสมือนการเดินทางอันยาวนาน บัดนี้ผมเดินทางมาโดยไม่มีเขา...แม้เป็นเพียงร่างกาย แต่หัวใจของเราอยู่ใกล้กัน...ตลอดเวลา

       และมันจะไม่มี...ช่องว่างระหว่างเราสองคน อีกต่อไป...





       โปรดติดตามตอนต่อไป




หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-04-2008 05:51:03
คนแรก
ภาคนี้ขอหวานๆ  :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 23-04-2008 07:34:20
อ๊า
มาแว้วววววววว

 :mc4:
ขอหวานๆเช่นกันคร้าบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 23-04-2008 07:45:59
เปิดตัวมาได้น่าติดตามดีจังแฮะ

โดยเฮพาะชือ่เรื่องภาคนี้ด้วย  ชอบจังเลย

จะไม่มีที่ว่าง  ระหว่างเรา

ขอให้มันอบอุ่น  สมกับชื่อเรื่องซะทีนะครับ

อติดตามต่อปายยยยย

 o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 23-04-2008 08:03:23
มาเป็นกำลังใจให้ALEXค้าบบบบบบบบบบบ


หายไปหลายวันเหมือนกันนะ


คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 23-04-2008 21:15:02
โห..แอบมาต่อ เพิ่งเจอนะ Alex :laugh: :oni3:

อย่าบอกนะว่า ชิพ ตามหาแดนมาตลอด ระยะเวลากว่า 10 ปีที่่ผ่านมา  o7 :o12:

ขอให้สมหวังเหมือนชื่อเรื่องนะครับ  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 23-04-2008 21:35:02
โห ใจร้ายอ่ะ ตั้ง 10 ปีแหนะ :o12: :o12: :o12:

เป็นกำลังใจให้นะครับ รออ่านครับ o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 24-04-2008 01:12:59
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: จากกันมานานมากเลยนะครับ  10ปีนี่ถ้าเปนช่วงที่มีความสุขมันก็แป๊บเดียว  แต่สำหรับความทุกข์มันเหมือนยาวนานจนเหมือนกับทั้งชีวิตเลยนะครับเนี่ยะ  :m15: :sad2: :m15:

แล้วก็ขอบคุณนะครับสำหรับภาค3  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 24-04-2008 02:33:15
มาแล้ว  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 24-04-2008 03:13:06
โห ... 10 ปี  ...

ยาวนานจังเลย

รู้สึกเศร้าแฮะ ... แบบว่า ได้เรียนรู้ได้เห็นชีวิตของคนตั้งแต่ยังเด็ก จนวัยรุ่น จวบวัยเริ่มแรกกลางคน ...


ไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกเศร้า


หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 24-04-2008 03:34:43
เย้ๆมาต่อแล้ว

แต่

"หัวใจเราอยู่ใกล้กัน"

มันฝังเหมือนว่าแค่ห่างมาเฉยๆโดยที่ยังติดต่อกันอยู่ประมาณนั้นอ่ะครับ

ไม่เหมือนคนที่หนีเค้ามาอ่ะครับมันดูแปลกๆ หรือผมจิ้นไม่ดีพอก็ไม่รู้

แต่รอตอนต่อไปนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: ~!!Ome!!~ ที่ 24-04-2008 08:18:19
รอตอนต่อไปจ้าเอาหวานๆไม่มีเศร้าน๊าภาคนี้อ่ะ  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-04-2008 10:29:03
10  ปีเชียวเหรอเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย รออ่านอย่างใจจดใจจ่อแน่ๆครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 24-04-2008 11:27:30
ว๊ากกก :serius2: 10 ปีเชียวววน๊า :o12:

ภาค 1+2 น้ำตาตกในมาเยอะแหล่ะ

ภาคนี้ชดเชยกันหน่อยน่ะค๊าบบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทนำ /ภาค3>>>แอบเอามาpremiereให้อ่านกันอย่างไม่ทันตั้งต
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 25-04-2008 00:51:12
มาแล้น :o8:




บทที่ 1



       “แดนรับโทรศัพท์หน่อยลูก~~~”

       แม่ตะโกนเสียงดังมาจากในครัว โทรศัพท์ดังหนวกหูรบกวนสมาธิกระผมที่กำลังอ่านหนังสืออยู่อย่างขะมักขเม้น^-^…ในที่สุดพี่อัจซึ่งนั่งอยู่ตรงแถว
เคาท์เตอร์ก็ยกหูขึ้นมากรอกสำเนียงภาษาอังกฤษเปร่งๆลงไปอย่างสุภาพ...ปรากฏว่าเป็นสายของผม

       “ใครอ่ะพี่อัจ?”

      “ไม่รู้อ่ะ คนไทย แดนรับเหอะ”

       ว่าแล้วร่างเล็กก็เดินจากไปเช็ดโต๊ะที่ว่างอยู่ วันนี้คนน้อยเพราะเป็นวันธรรมดาแถมยังใกล้จะหยุดยาวในช่วงเทศการขอบคุณพระเจ้าของชาวอเมริกัน

       กลับมาที่โทรศัพท์...ผมถอดแว่นอ่านหนังสือออก พลางสงสัยอยู่ในใจว่าใครกันหนอที่โทรฯหาผมแถมยังเป็นคนไทยอีกด้วย?

       “ฮัลโหล?”

      “แดนเหรอ? นี่พี่เองนะ มาร์คไง”

       วูบแรกที่ได้ยินเสียง ใจผมก็เต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเสียแล้ว...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร น้ำเสียงอ่อนโยนสุภาพนั้นผมจำได้แม่นทีเดียว

       “อ้าวพี่มาร์ค! เป็นยังไงบ้างครับ”

      เป็นธรรมดาที่ผมต้องพูดเสียงดังเพราะความตื่นเต้นดีใจ จนทำให้แขกหลายๆคนมองมาอย่างฉงนสงสัย (-_-“)

       “พี่ก็สบายดี แดนล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

       ความจริง เป็นเวลานานแล้วที่ผมกับพี่มาร์คติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ นับตั้งแต่ผมตัดสินใจค้นหาเบอร์ที่สามารถติดต่อถึงพี่มาร์คได้ รวมถึงพี่เมฆ
ด้วย เราทักทายกันตามประสา ได้ข่าวว่าพี่มาร์คย้ายกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯแล้ว...แหม พูดไปก็น่าอิจฉา ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่เมืองนู้นจะมีสภาพเป็นยังไงบ้างนะ ผมล่ะคิดถึงมัน
จริงๆ

       แต่ก่อนพี่มาร์คอาศัยอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ผมไม่ค่อยได้รับข่าวคราวจากเขาเลย จนกระทั่งย้ายมาอยู่ที่อเมริกาและบอย...อดีตคนรู้จักของผมส่ง
เบอร์ติดต่อมาให้ รู้อีกทีว่าตอนนี้พี่มาร์คกับพี่เมฆจบปริญญาโทด้านการบริหารเรียบร้อยแล้ว แถมทั้งสองยังรักกันดี หลายครั้งที่ส่งรูปถ่ายพร้อมจดหมายสนุกๆเขียนมาเล่า
ให้ฟังคลายเหงา...ล่าสุดเห็นบอกว่าอยากจัดตั้งบริษัทของตัวเอง

       “พี่เมฆล่ะครับสบายดีหรือเปล่า?”

       “~โอ๊ย ขานั่นอ่ะนอนขี้เซาทั้งวัน บอกว่าเมืองไทยอากาศร้อนๆ แต่ก่อนก็เป็นคนติดดินอยู่ดีๆตอนนี้กลายเป็นไฮโซไปซะแล้ว”

       ผมหัวเราะ

       “โธ่พี่ ก็พี่สองคนเล่นอยู่อังกฤษนานเป็นสิบๆปี หนาวกว่าที่อเมริกาตั้งเยอะ กลับไปเมืองร้อนทีก็ให้คนเขาบ่นหน่อยจะเป็นไร”

      “เออๆ แต่บ่นมากก็ไม่ดี รำคาญ”

      มีเสียงแจ้วๆแว่วเข้ามาในโทรศัพท์ ไอ้พี่เมฆตัวดีแอบประท้วงอยู่ปลายสาย

       “เชื่อเขาเลยจริงๆ...”

      พี่มาร์คบ่นพึมพำ

      “เออนี่ ตอนนี้ที่ร้านแดนเป็นยังไงบ้าง ขอถามหน่อยซิ”

      “อืม…” ผมกวาดสายตามองไปรอบๆร้าน มีแขกนั่งอยู่สองสามโต๊ะ สั่งอาหารหลายจาน ในครัวมีแม่ครัววุ่นทำอาหารกันอยู่สามคน หนึ่งในนั้นมีแม่
ของผมด้วย

       “ก็ไม่มีอะไรนี่ ทุกอย่างลงตัวดี ช่วงนี้ลูกค้ารู้จักร้านผมมากขึ้น คนเลยมากินเยอะ”

      “เหรอ...ดีนี่”

      “พี่มาร์คถามเพราะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

      ฝ่ายนู่นนิ่งเงียบไป...ทำให้ผมฉุกคิดอะไรขึ้นบางอย่าง...

      “คือ ตอนนี้พี่ตั้งบริษัทนำเข้ากับเมฆน่ะ มันเลยไม่ค่อยมีคน...”

      ...แล้ว?...

      “คือ...เอ่อ พี่ก็เกรงใจแดนนะที่ว่าตอนนี้กิจการแดนกำลังไปได้ดี พี่ไม่อยากรบกวน แต่มันจำเป็นจริงๆ...”

      “ฮื้อ?”

      “พี่อยากให้แดนกลับมาช่วยพี่ทำงาน เพราะแดนรู้ภาษาญี่ปุ่น แล้วพี่กับเมฆก็ไว้ใจแดน”

      “…”

      ผมนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของพี่มาร์คชั่วครู่ เหมือนมันพูดไม่ออก...ผมไม่มีคำตอบให้เขาหรอก ทว่าใจหนึ่งก็รู้สึกแปลกๆไป...

       “แดน...แดนยังฟังอยู่หรือเปล่า?”

      “ครับ ผมฟังอยู่...”

      “พี่ขอโทษนะที่ต้องโทรฯมาถามคำถามน่าอึดอัดใจแบบนี้ พี่ขอโทษจริงๆ...แต่ตอนนี้บริษัทของพี่กำลังจะขยายตลาดไปที่ญี่ปุ่น แล้วลูกค้าญี่ปุ่นก็เป็น
คนสำคัญมากด้วย...พี่ไม่อยากให้ใครที่พี่ไม่ไว้วางใจมากพอมาทำงานนี้ให้ มีแต่แดนคนเดียวเท่านั้นแหละที่พี่นึกถึงและคิดว่ามีฝีมือพอ…”

       น้ำเสียงของพี่มาร์คฟังดูอับจนหนทางจริงๆ ผมโน้มตัวไปมองแม่ในครัวที่กำลังหันหลังเข้าเตาผัดอาหารในกระทะ ง่ะ>.<...ไม่รู้จะตอบปลายสาย
ไปยังไงดี(=_=”)

      “พี่มาร์คครับ...ผมขอเวลาหน่อยได้มั้ย”

      พี่มาร์คเงียบไปนิด

       “...ได้ซิ พี่ไม่บังคับแดนอยู่แล้ว แต่แค่ขอร้องเท่านั้น ยังไงถ้าแดนได้คำตอบแล้วก็...ติดต่อพี่ด้วย นี่คือเบอร์ใหม่ของออฟฟิศ...”

      คว้ากระดาษมาจด ด้วยนิสัยและทักษะของเลขานุการ(ที่ดี)ตอนเป็นผู้ช่วยครูอยู่ที่ยูฯทำให้ข้อความทุกอย่างที่พี่มาร์คพูดรัวลงมาถูกจดสู่
แผ่นกระดาษครบถ้วน ภายในเวลาไม่กี่วินาที

       “ขอบคุณมากนะแดน...พี่ต้องขอโทษที่จู่ๆก็โทรฯมาหาด้วยเรื่องแบบนี้โต้งๆ...แดนคงไม่ว่าอะไรนะ”

      “ไม่เป็นไรครับ...ผมยินดีเสมอ”

      “ขอบคุณแดนจริงๆ...”

       วางโทรศัพท์...ผมนั่งนิ่งๆจ้องมองข้อความที่จดด้วยลายมือขะยุกขะยิกของผม...พยายามคิดทบทวนถึงข้อเสนอของพี่มาร์ค...ในที่สุดผมก็เข้าไปขอ
คุยกับแม่เป็นเรื่องเป็นราว เพราะเรามีเพียงกันสองคน ผมจำเป็นต้องให้แม่ตัดสินใจด้วย ท่านเป็นเสมือนอีกครึ่งหนึ่งของผมเช่นกัน



       “แดน...นอนได้แล้วลูก”

      ภายในบ้านเช่าขนาดเล็กแห่งหนึ่ง...ผมนอนอยู่บนเตียงในห้องส่วนตัว กำลังอ่านหนังสือภายใต้โคมไฟสีนวลตา ฟังเสียงแม่วุ่นอยู่กับตระกร้าผ้าที่
เตรียมซักพรุ่งนี้เช้า...บ้านเช่าส่วนใหญ่ของชาวอเมริกันในมหานครลอสแองเจิลลิสต่างสร้างจากไม้กระดานนำมาต่อๆกันแล้วพื้นบุด้วยพรมทั้งหลัง ทำให้เวลาเดินมีเสียง
ตึงตัง...ห้องเช่าข้างบนที่เป็นชาวผิวดำก็เช่นกัน นี่ขนาดดึกแล้วเจ้าลูกชายที่ทำงานพิเศษเพิ่งกลับบ้านและกำลังเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอยู่...ผมชอบนั่งอ่านหนังสือพลางฟังเสียง
ต่างๆรอบตัวเช่นนี้เป็นประจำ มันทำให้ไม่เหงาดี...

       “แดน ได้ยินที่แม่พูดมั้ย? นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”

      แม่โผล่หน้าเข้ามา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆผม...แม่กุมมือผมไว้

      “แดนเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง?”

      “เสร็จแล้วแม่ ไม่ต้องห่วงเลย”

      ผมถอดแว่นตาอ่านหนังสือออก วางหนังสือลงแล้วนั่งขัดสมาธิ...แม่รู้เรื่องที่ผมจะไปช่วยงานบริษัทพี่มาร์คที่เมืองไทยแล้ว เราปรึกษากันซึ่งแม่ก็ไม่
ได้ว่าอะไร ไม่แม้แต่คัดค้านเลยซะด้วยซ้ำ ผมซะอีกที่เป็นห่วงแม่ว่าอยู่ตัวคนเดียวจะเป็นอะไรมั้ย แต่แม่ดันบอกว่า

       ‘...ถ้าแดนอยากไปช่วยเขา ก็ไปเถอะลูก ไม่ต้องห่วงแม่...เรื่องแค่นี้สบายมาก แดนไปเถอะ ดูแลตัวเองดีๆด้วย...’

      จะว่าผมเป็นคนติดแม่ก็ได้ นี่ขนาดอายุสามสิบสองแล้ว...แต่ผมยังชอบนอนตักแม่ มันรู้สึกอบอุ่นไม่เหมือนตักของคนไหน เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่
ผมรักมากที่สุดในชีวิต...เธอเป็นดั่งดวงตะวันที่ทอแสงให้ผมยามที่กำลังท้อแท้หมดหนทาง

       “แล้วนี่ทำไมยังไม่นอนอีก แม่นัดแท็กซี่ไว้แต่เช้ามืดเลยนะ”

      “แดนนอนไม่หลับอ่ะแม่...”

      “ตื่นเต้นเหรอ?”

      “คงงั้นมั้ง…”

      เราสองคนนั่งกันเงียบๆ แม่รู้ว่าผมคิดอะไร...ความรู้สึกหวาดกลัวนี่ทำเอาผมกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน มันหลอนอยู่ข้างใน

       “...แดนจำคำแม่ไว้นะ...คนทุกคนเขาลิขิตมาไว้หมดแล้ว จะเป็นยังไงเราไม่รู้หรอก ขอแค่เราอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ”

       ใช่...ชีวิตของผมตอนนี้ล้วนมีแต่ปัจจุบัน ไม่มีอดีต ไม่มีสิ่งที่วาดฝัน เพราะผมพยายามอยู่แต่กับความจริง...ความฝันบางครั้งมันทำให้เราเจ็บปวด
ฉะนั้นจึงต้องเลิกคิดถึงมัน...มีแต่เพียงความทรงจำเท่านั้นที่ผมเก็บไว้อยู่ส่วนในลึกสุดของหัวใจ

       “นอนซะเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่มาปลุก แม่เองก็ง่วงแล้ว”

      ก่อนที่แม่จะออกไป ผมคว้าแขนแม่ แล้วคว้าร่างนั้นมากอด...ความรู้สึกอ่อนแอตีตือขึ้นมาในอก...พยายามไม่ร้องไห้ให้แม่เห็น

       “แม่...มีอะไรแม่ก็รีบโทรฯหาผมเลยนะ”

      แม่พยักหน้ารับคำ ก่อนจะยิ้มๆเพราะเสียงของผมค่อนข้างสั่นเครือ...แม่เองซะเปล่าที่เข้มแข้งแม้ว่าผมกำลังจะจากท่านไปอีกหน แต่แม่ผ่านอะไรมา
มากมายและแข็งแกร่งมากกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถ...ใจหายไม่น้อยที่ภาพแม่กำลังยิ้ม...ทำให้ผมคงต้องนอนคิดถึงท่านไปอีกหลายคืนแน่ๆ

       เสียงปิดประตูแผ่วเบา...ผมถอนหายใจเสียงดังอยู่คนเดียว...นี่เราคิดดีแล้วหรือเนี้ยที่ตอบตกลงพี่มาร์คไป? แต่เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว แม่คงได้ด่า
ตาย...แถมยังเสียมารยาทต่อพี่มาร์คด้วย

      จู่ๆ...ไม่รู้นึกบ้าอะไรขึ้นมา ทำให้ผมลุกออกจากเตียงไปหยิบไดอารี่ที่เก็บอยู่ในลิ้นชัก...ไขแม่กุญแจออก หยิบไดอารี่เล่มเก่าที่ไม่ได้เอาออกมาเปิด
อ่านนานมากจนฝุ่นเกาะหนา มันเป็นช่วงที่ผมย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่กับแม่ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน...มือสั่นเทาค่อยๆเปิดออกทีละหน้า พลางคิดว่าตอนนั้นเรารู้สึกเจ็บปวดได้มาก
มายขนาดนั้นเชียวหรือ?

      ความรู้สึกที่ค่อยหลังไหลเข้ามาทำให้หยาดน้ำตาไหลหยดลงบนหน้ากระดาษโดยไม่รู้ตัว...ความคิดถึงที่พุ่งจู่โจมรุ่นแรงจนมันแทบกลับไปเป็น
เหมือนวันเก่าๆ...การจากมาครั้งนั้นผมไม่มีอะไรของเขาติดตัวไว้เลย...มีเพียงความทรงจำที่ตราประทับแน่นไว้ในหัวใจ ไม่มีวันจางหาย...

       คืนนั้นผมนอนตาค้าง กลัวที่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องเจออะไรบ้าง...แต่มันช่างเจ็บปวดเหนือคำบรรยาย...

 



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 25-04-2008 01:09:56
 :m13: :m13: หวังว่าภาคนี้จะไม่รันทดมากนะครับ  สงสารอ่ะ  เศร้ามาตั้งสองภาคแระ  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 25-04-2008 01:49:07
อืม เหงา เศร้า ซึมดี

จะเจออะไรนะถ้ากลับไปเมืองไทย

การกลับไปจะทำให้แผลที่(ไม่มีวัน)ตกสะเก็ดนั้นเหวอะกว่าเกาไหมนะ  :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-04-2008 07:30:40
ขอให้เส้นทางกลับมาบรรจบกันอีกครั้งหนึ่ง  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 25-04-2008 08:05:40
 :o12: :o12: :o12: โอ๊ยได้อ่านแล้ว มาต่อเร็ว ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 25-04-2008 13:19:11
 :oni1: กลับไทยแล้วจะได้เจอกันเลยมั้ยนะบนเครื่อง :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-04-2008 13:37:16
ตอนหน้าแล้วสิ ต้องเจอกันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 25-04-2008 14:00:14
 :a1:
ขอให้เจอกันๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 25-04-2008 15:25:16
 :sad2: ภาคนี้คงได้สุขสมใช่ไมครับ  o2
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: xenosaga2000 ที่ 25-04-2008 19:30:55
มาต่อแล้นนนนนนนนน

 :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-04-2008 15:03:29
เย่ๆๆ  มาต่อแล้ว

ภาคนี้หวานหรอ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ตอนหน้าจะเจอกันมั้ยน้า :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 26-04-2008 15:09:00
ชีวิตคนเรากว่าจะแฮปปี้นั้นแสนสาหัส :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 26-04-2008 16:24:35
รักแดนมากกกกก
 :m1:
มาต่อไวๆนะคะ

คิดถึง อิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่1 /ภาค3>>>เอาตอนแรกมาลงนะคร้าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 27-04-2008 00:56:11

บทที่ 2



       ลมอุ่นร้อนค่อยๆพัดเข้ามาประทะใบหน้าของผม ขณะกำลังก้าวออกมาจากนอกตัวอาคารสนามบิน...ใจที่เต้นตึกตักเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ตอนล้อเครื่อง
แต่พื้นแล้ว...ความดีใจที่ได้กลับมาบ้านเกิดในรอบสิบปีที่ผ่านมาทำให้ผมต้องสูดอากาศหายใจเข้าไปเต็มๆปอด...แล้วรับรู้ว่านี่แหละคือเมืองไทย...

       อากาศร้อนขึ้นมาก แต่หรือเป็นเพราะว่าผมอาศัยอยู่ในเมืองหนาวเสียนาน ทว่าก็ยินดีที่จะรับลมร้อนๆพร้อมไอแดดแสบผิวที่พัดเข้ามาประทะ

       มือข้างหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมา ผมมีแค่ใบเดียวเพราะมันสะดวกดี กวาดสายตามองหาเงาของพี่มาร์ด แต่...ก็ไม่ปรากฏตัวออกมา
สักที...

       ชักเริ่มงงๆ

      “แดน!”

      สักครู่ ร่างสูงที่คุ้นตาโบกมือเรียก ชั่ววูบนั่นความดีใจโลดแล่นอยู่ในอก เพียงแค่ปราดเดียวที่ทั้งพี่มาร์คและพี่เมฆรีบวิ่งเข้ามาหา ตอนแรกเราก็
ทักทายกันอย่างเก้กังๆเนื่องจากไม่ได้เจอหน้านานนับยี่สิบปี...ก่อนจะช่วยกันพาผมไปที่อาคารจอดรถผู้โดยสาร

       “~โห นี่เจ้าแดน เอ็งดูดีขึ้นเยอะเลยนะเนี้ย”

      ไอ้พี่เมฆเริ่มแซวก่อน เพราะเขาเป็นคนมีอัธยาศัยดีมาแต่ไหนแต่ไร เลยช่วยให้คนรอบข้างยิ้มได้ง่ายๆ

      “ผมอ้วนขึ้นอ่ะดิพี่”

       “ไม่หรอก แดนดูดีจริงๆ แต่ก่อนผอมไปไม่น่าดู ฮ่าๆ”

      พี่มาร์คเริ่มแซวบ้าง ก็คนมันอายุเยอะแล้วนี่...แต่น่าอิจฉาคู่รักกำลังอินเลิฟไม่คลายหวานคู่นี้จริงๆ ดูเขายังฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เลย...พี่มาร์คร่างสูง
หุ่นดี ผิวสีคล้ำเข้มมีแผงไหลกว้างเอวคอดแบบนักกีฬา...ส่วนพี่เมฆก็ดูตัวสูงโปรง หุ่นกำลังดีไม่อ้วนเกินไม่ผอมเกิน...หน้าตาที่ดูมีอายุขึ้นแต่ยิ่งมีเสน่ห์แบบหนุ่มใหญ่
กลับทำให้คนยิ้มง่ายอย่างเขาไม่ค่อยแก่ลงสักเท่าใดนัก

      “มาร์ค แต่ผมว่าคุณแก่ขึ้นนะ”

      “คุณน่ะแหละแก่ ดูซิตีนกาเต็มหน้า”

      ไอ้พี่เมฆหันมาถลึงตา ทั้งๆที่เริ่มแซวพี่มาร์คก่อนชัดๆ ผมหัวเราะ...มีความสุขที่ได้เห็นภาพหวานๆของคนทั้งสองที่ผมรู้จักมานาน มันทำให้ผมคิด
ถึงวันเวลาเก่าๆที่เคยมีร่วมกัน จนบัดนี้เราทุกคนเติบโตขึ้น ได้เรียนรู้ ดูจากลักษณะหรือน้ำเสียงที่ทั้งสองใช้พูดคุยกัน...มันคือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และความรักที่
ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง

       “เดี๋ยวแดนดูบ้านใหม่นะ ว่าสวยมั้ย”

      พี่เมฆเป็นคนขับรถ รถของเรามุ่งหน้าตรงสู่ใจกลางเมือง...ระหว่างสองข้างทางทำให้คนไกลบ้านอย่างผมตื่นตาตื่นใจไม่น้อย..เมืองไทยเปลี่ยนไป
เยอะมาก ทั้งเจริญขึ้นแล้วก็มีอะไรแปลกใหม่เยอะแยะเต็มไปหมด แถมในเมืองยังตกแต่งเป็นบรรยากาศเหมือนของเมืองนอกจนผมอดนึกไม่ได้ว่าไม่ได้กลับมาเมืองไทย
จริงๆแล้วซะอีก (=_=”)

       “แดนอยากเข้าบ้านก่อนหรือว่าเที่ยวดูเมืองสักรอบ ว่าไง?”

      “ขอเข้าพักก่อนดีกว่าพี่ ผมไม่ค่อยได้นอนบนเครื่องเลย”

      พี่มาร์คพยักหน้า พี่เมฆเลยเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น

       “งั้นรีบกลับไปนอนพักดีกว่า แดนคงเหนื่อยจากการเดินทาง พี่ก็เป็นนะเวลานั่งเครื่องนานๆ แมร่-งโคตรเหนื่อยเลย...”

      ผมแอบยิ้ม...เอาศีรษะพิงกระจกรถพลางมองออกไปข้างนอก...ไม่น่าเชื่อว่าผมกลับมาแล้ว นี่แหละที่เหมือนความฝัน…

       

       “เอาล่ะ ถึงแล้ว”

      พี่มาร์คเป็นคนไขประตูบ้านหลังเดี่ยวสองชั้นที่ใหญ่โตสวยงาม...พี่เมฆเป็นคนช่วยยกกระเป๋าเข้ามาแม้ผมจะห้ามไว้หลายครั้งแล้วก็ตาม(ไม่เป็นไร
เดี๋ยวทิป อิอิ^-^) บ้านหลังนี้ที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้เพราะเงินเก็บของคนทั้งสอง ผมคิดว่าเป็นอะไรที่น่าภูมิใจมาก...บ้านในฝันที่หลายคนอยากได้ มีสวนเล็กๆหน้า
บ้าน มีโรงจอดรถ มีความเป็นส่วนตัวและตั้งอยู่ในอาณาบริเวณที่ดี

       ตัวบ้านสีขาวสวย เป็นบ้านใหม่ในละแวกนั้น ภายในตกแต่งเรียบง่าย ดูรู้ว่ามีคนอาศัยอยู่แค่ชายหนุ่มสองคน...พี่มาร์คซึ่งเป็นคนมีระเบียบ ส่วนพี่
เมฆเป็นคนไร้ระเบียบ...แต่ทั้งสองต่างอยู่ร่วมกันอย่างลงตัวจนความน่ารักทำเอาผมแอบอิจฉาตาร้อนผ่าวนิดๆ(ล้อเล่นๆ^-^) ห้องของผมอยู่ชั้นสอง เป็นส่วนที่เตรียม
ไว้สำหรับแขกอยู่แล้ว และจะเป็นที่พักผิงของผมไปตลอดจนกว่าจะหาที่อยู่เองได้

       “หรือไม่แดนก็อยู่กับเราไปตลอดก็ได้”

      เราคุยกันทางโทรศัพท์แล้วว่าจะให้ผมมาอยู่บ้านเดียวกับพี่มาร์คและพี่เมฆ...ทว่าปฏิเสธพ่อคนช่างตื้ออย่างพี่มาร์คไม่ได้แม้จะเกรงใจ หน่ำซ้ำพอ
ตกปากรับคำแล้วยังจะให้เลยเถิดไปจนถึงอยู่ถาวรเลยอีกต่างหาก -_-“…แต่ผมไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกินรบกวนความเป็นส่วนตัวของพวกเขานี่ เหอะๆ

       “ไม่อ่ะครับพี่ เท่านี้ผมก็ขอขอบคุณมากแล้ว”

       “แน่ใจนะ…”

      พี่มาร์คยังทำสีหน้าอ้อนวอนแบบผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ได้หรอก ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกอย่างขืนอยู่ต่อไปไอ้พี่เมฆได้อึดอัดตายแน่...เพราะอะไรน่ะ
เหรอ? เหอะๆ...ผมพอรู้กิตศัพท์ของพ่อพันธุ์วัวถึกตัวนี้มาบ้างหรอกน๊า~~~...(>/////<)

      “งั้น แดนพักผ่อนเถอะนะ ปรับตัวซะก่อน แล้วเดี๋ยวเย็นนี้พี่ค่อยปลุกไปกินอาหารก็แล้วกัน พี่เลี้ยงเอง”

      พี่มาร์คกับพี่เมฆหลบตัวออกไป ท่าทางผมคงต้องกวนเรื่องนู่นนี่พวกเขาอีกหลายอย่าง...แต่ตอนนี้รู้สึกง่วงและเหนื่อยเหลือเกิน...ผมล้มตัวลง
นอนอย่างคนหมดแรง เฮ้อ...บ้านหลังนี่จะว่าไปทั้งดูดีและอยู่สบายไม่ใช่น้อย พอทำงานแล้วผมคงต้องเก็บเงินหาบ้านดีๆแบบนี้สักหลัง ให้พี่มาร์คช่วยหา...ตรงหน้าบ้าน
อาจจะปลูกสวนดอกไม้ไว้ดูเล่น ผมอาจจะเลี้ยงหมาตัวใหญ่ๆเอาไว้สักตัวเพื่อเอาไว้นอนกอดมันตอนกลางคืนเวลาเหงา แล้วก็ให้มันเฝ้าบ้าน ต้องจ้างแม่บ้านดีๆมาดูแลสัก
คน เอาที่ไว้ใจได้...เท่านี้ผมก็มีความสุขแล้ว

       เฮ้อ...หยุดเรื่องเพ้อฝันเอาไว้ก่อน คงต้องนอนหลับเต็มๆอิ่มสักงีบ แล้วเรื่องต่อไปค่อยว่ากันอีกที

       ...ทว่ามันคงไม่หนักหนาเกินไป





      โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-04-2008 08:39:22
 :เฮ้อ: กลับมาแล้วจะได้เจอกันรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 27-04-2008 08:46:40
มาต่อเร็ว ๆ นะครับ อยากอ่านทุกวันครับ   :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 27-04-2008 08:52:45
 :L2:
กลับมาแล้ว ขอให้เจอกันไวๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 27-04-2008 10:16:44
มาต่อทั้งที สั้นนิดเดียว :sad2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 27-04-2008 10:33:54
สั้นไปม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย


เมื่อไหร่จะเจอกันนี่ :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 27-04-2008 10:41:51
 :a2: เอาอีกครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 27-04-2008 11:44:18
ลุ้นตัวโก่ง  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 27-04-2008 11:46:46
กลับมาติดตามต่อครับ  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 27-04-2008 14:33:40
เย้ๆ แดนกลับมาแล้ว ^^

น่ารักจังเลยยยย  :m1:

ว่าแต่ภาคนี้ จะเกิดไรขึ้นมั่งน้า

ลุ้นๆๆๆ มาต่อไวๆนะคะ  :m4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่2 /ภาค3>>>
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 27-04-2008 20:33:01
เนื่องจากเมื่อวานมาต่อสั้น วันนี้เลยมาลงให้อีก ^-^

ปล.วันนี้ผมได้ไปเที่ยวสองต่อสองกับคนที่แอบชอบมาตั้งเเต่เปิดคอร์สแล้วด้วย อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มีความสุขมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~~ :oni2: :oni2: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:




บทที่ 3



       “พี่มาร์ค เดี๋ยวผมขอยืมรถหน่อยนะครับ”

      พี่มาร์คโยนกุญแจรถแวนที่จอดอยู่ในโรงรถให้ผม ขณะกำลังง่วนอยู่กับการทำครัวกุ๊กกิ๊กสองต่อสองกับพี่เมฆ...ทำไปเล่นไปไม่ซีเรียสอะไรงั้นๆ
แหละ -_-“ เดี๋ยวอีกฝ่ายก็เอาน้ำสลัดป้ายปากอีกฝ่าย เดี๋ยวก็แก้คืนด้วยการเอาไข่ต้มทั้งฟองยัดปาก...เห็นภาพที่น่าอิจฉาแล้วมีความสุขจนต้องอมยิ้ม ผมเลยรีบหลบออก
มาก่อน…ก่อนที่จะเห็นภาพคู่รักหวานฉ่ำ(เลยเถิด)ไปกันมากกว่านี้ >.<

       ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถบ้านขนาดใหญ่ ก็เจ้าของเขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ด้วยกันทั้งคู่

       ผมสวมแว่นตากันแดดและพร้อมจะออกร่อนเร่บ้างแล้ว...วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายก่อนจะเริ่มงานที่บริษัทอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้ผมศึกษาเรียนรู้และ
พยายามทำความเข้าใจกับระบบงานทั้งหมดโดยมีเทรนเนอร์เป็นพี่มาร์คเสียส่วนใหญ่(ไอ้พี่เมฆไม่ทำอะไรหรอก…) ปรึกษา(เคี้ยวเข็ญ)กันอยู่หลายวันเหมือนกันกว่า
ผมจะเก็ทอะไรขึ้นมาบ้าง (o_O*”)

       เป้าหมายคือขับรถพักผ่อนอารมณ์หลังจากมึนสุดๆกับงานมาหลายวัน ผมกะจะขับรถสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ อยากไปที่ไหนก็ไป ไม่มีสถานที่ซึ่งแน่
นอน โดยช่วงเช้าผมแวะไปไหว้พระแถวท่าน้ำนนท์ พอรู้สึกแจ่มใสขึ้นบ้าง ก็ออกเดินทางต่อ

       ระหว่างทางได้สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว...กรุงเทพฯเปลี่ยนไปมาก ทั้งตึกรามบ้านช่อง ผู้คน การใช้ชีวิต...ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ห้างสรรพ
สินค้าและรถราที่ติดหนักกว่าเดิมเมื่อสิบก่อนซะอีก ป้ายโฆษณาใหญ่โตผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด มองไปทางไหนก็รกหูรกตาแถมยังมั่วไปหมด...ในที่สุดก็หลงทางจนได้

       ...เที่ยงแล้ว ผมพอจะจำทางได้บ้าง ลัดเลาะไปเรื่อยๆก็มาโผล่ที่ย่านราชวัตร ผมรีบจอดรถที่ข้างทางแล้วตรงดิ่งเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าเก่า ที่แม้กาล
เวลาเปลี่ยนไป...ก็ยังอร่อยอยู่เช่นเดิม(จริงๆ^o^) จากนั้นก็เดินดูผลไม้ในตลาดสักหน่อย ได้ชมพู่สดกับมะม่วงสุกกลับไปฝากสองหนุ่มที่บ้านด้วยราคาก็ไม่ได้ถูกไม่ได้
แพงนักจากที่เคยซื้ออยู่ประจำ บ่ายโมง...ผมก็กลับมานั่งอยู่ที่หลังพวงมาลัยเหมือนเดิม

       ขับรถไปเรื่อยๆ...ไม่รู้จะไปไหนดี เลยลองแวะเข้าถนนทางลัด...ไปโผล่อีกทีที่ห้างดัง...ผู้คนยังคงคราคร่ำ...ภาพคราวที่ผมกับเขาเคยเดินอยู่ในนั้น
ด้วยกันย้อนกลับมา ถึงกับทำให้ต้องหลับตาลงชั่วครู่เพราะความเจ็บจี๊ดซึ่งพุ่งขึ้นมาตอกแน่นลงไป...จนหายใจแทบไม่ออก ต้องรีบขับไปให้ไกลออกจากละแวกนั้นทันที

       ไม่รู้ขับมาอีท่าไหน...ผมก็วนกลับมาที่เดิมแต่เป็นอีกด้านหนึ่ง...ขับไปเรื่อยๆก็เริ่มคุ้นตา เอ๊ะใจ...นี่คือคอนโดเก่าที่เคยตั้งอยู่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น
ห้างใหม่แล้ว...ผมรู้สึกโหวงๆยังไงไม่รู้เมื่อขับรถผ่านมัน...ภาพและความรู้สึก กลิ่นอาย ความทรงจำ...เรื่องเก่าๆทุกอย่างค่อยๆปรากฏขึ้นชัดเจน...ผมยังจำได้ว่า...มีอยู่
วันหนึ่งเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นผมนั่งยิ้มอยู่คนเดียว...เขาถามว่ายิ้มอะไร? ผมเลยตอบว่ายิ้ม...เพราะกำลังมีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างกัน...

       วันนี้...ผมสูญเสียเขาไปแล้ว

       แปลก ที่ผมไม่รู้สึกโทษตัวเองเลยสักนิด...การปล่อยเขาไปอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดระหว่างเราสองคน...แต่ความเสียจอันแสนทรมานนี้ซิ...มัน
ยากจะลืมเลือน

       

       หลังจากหนีการจราจรอันคับคั่งออกมานอกตัวเมืองได้แล้ว ผมขับรถไกลขึ้นเรื่อยๆ...สองข้างทางกลายเป็นทุ่งโล่งให้พักสายตาได้บ้าง ผมกำลังมุ่ง
หน้าตรงสู่สถานตากอากาศบางปู เหมือนที่พ่อกับแม่เคยพามาเที่ยวครั้งยังเด็กๆ

       ยังจำได้...สะพานใหญ่โล่งกว้าง สีขาวสะอาดตาซึ่งทอดตัวยาวเข้าไปสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา บัดนี้ผมกำลังเดินอยู่บนสะพานแห่งนี้
อีกครั้ง เพียงแต่มันมีรถราจอดกันเต็มพรืดไปหมด...ป่าชายเลนที่ทุกคนช่วยกันปลูกและดูแลรักษาเจริญเติบโตจนกลับมาสมบรูณ์ดังเดิม นกนางนวลที่มีปริมาณลดลงเล็ก
น้อยยังคงบินโฉบไปมาเหนือศีรษะเพื่องับอาหารที่คนโปรยขึ้นไป พวกมันส่งเสียงกลบคลื่นทะเลและแรงลมโกรกเย็นสบาย...ขาของผมสั่งให้เดินทอดน่องไปตามทาง จน
เกือบสุดแล้วผมก็ยืนหันหน้าออกทะเล พิงตัวกับเสาปูนแล้วหลับตาลงพลางสูดอากาศบริสุทธิ์...สัมผัสถึงความสุขสงบแห่งการได้อยู่คนเดียว เงียบๆ เป็นส่วนตัว

       เสียงคนเดินมาพร้อมทั้งเสียงหัวเราะคิกคักทำให้ผมเหลือบไปมอง...คู่รักคู่หนึ่งเดินควงแขนกันมาหน้าตายิ้มแย้ม...ปกติภาพชินตาเยี่ยงนี้จะไม่มีผล
อะไรต่อผมนัก...แต่หลังจากที่กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ความทรงจำ บรรยากาศ กลิ่นอายที่คุ้นเคยต่างๆทำให้ผมหวั่นไหว...ใจที่เต้นเป็นจังหวะเดิมมันสั่นๆและปวดร้าว
ขึ้นมาทันที ผมเบือนหน้าหนี...พยายามทอดสายตามองออกไปไกลๆ...

       ทว่าหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอมานานมันห้ามไว้ไม่อยู่...

       ผมไม่เคยเสียน้ำตา...ไม่เคยร้องไห้จนกระทั่งวันนี้ สิบปีมาแล้วที่ผมอดทนและเก็บมันไว้ข้างในส่วนลึก...

       ผมปล่อยเสียงโฮออกมาจากร่างกาย ปล่อยให้มันลอยออกไปตามสายลม...สายลมที่คอยช่วยกลบเสียงและนำพาคำพูดของผมไปให้เขาได้ยิน...ไม่
ว่าจะยังไงก็ตาม ผมยังรักและหวังดีเขาหมดหัวใจ...

       “ผมรักคุณ...ผมรักคุณได้ยินมั้ย...ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยเลิกคิดถึงคุณ คุณคือหัวใจของผม...”

      ก้มหน้าลงเพื่อเช็ดน้ำตาและซ่อนร่องรอยแห่งความเจ็บปวดไว้...แค่พูดออกมาคนเดียวโดยไม่อายใครแบบนี้ก็แปลกจะแย่...แต่เชื่อมั้ยว่าผมไม่
สนใจเลยจริงๆ

       ทบทวนเรื่องราวทุกอย่างในชีวิต...แล้วรู้สึกว่ากาลเวลาช่างโหดร้าย มันผ่านไปช้าเหลือเกินสำหรับตัวผม...ผมอยากให้ถึงวันที่ผมตายลง วิญญาณ
หลุดออกจากร่าง ไปมีชีวิตใหม่ ผมจะได้ลืมความทุกข์ทรมานเหล่านี้...ทุกข์ที่เจ็บปวดมากขนาดนี้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเจ็บขนาดนี้...ผมยังอึ้งที่ตัวเองทนทรมานมา
นานได้ยังไง?...

       มีบางครั้งที่ผมคิดว่าความตายอาจจะทำให้มันสงบลง...หลายครั้งที่ผมคิดโง่ๆ แต่ทุกครั้งที่ผมนึกถึงใบหน้าในความทรงจำอันแจ่มชัดนั้น...ทำให้ผม
ฉุกคิด...ยังอยากมีแรงได้นอนหลับฝันเห็นถึงเขา...ยังอยากมีแรงได้ครุ่นคิดถึงยามเราเหงาๆ...หรือยังอยากมีแรงได้กลับมาเจอเขาสักวันเมื่อเวลานั้นมาถึง

       ...ทะเลอันกว้างใหญ่เวิ้งว้าง...ผมปาดน้ำตา สักพักจึงหัวเราะออกมาเบาๆ...โง่จริง ทำไมเราถึงขี้แงแบบนี้นะ?

       ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเช่นไร?...เขาจะมีชีวิตใหม่ที่แสนดีและเพียบพร้อมแล้วหรือเปล่า?...แต่ผมสาบานได้เลยว่าไม่ต้องการอะไรจากเขาเลยแม้
แต่ความรักก็ตาม หากนั่นเป็นสิ่งที่มอดดับลงแล้วสำหรับเขา...ขอแค่ให้เพียงผมได้รักเขา ส่งกำลังใจให้...คอยคิดถึง เท่านี้ผมก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว

      ...พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า สาดส่องแสงสีทองประกายเป็นเงาทาบระยิบระยับบนผิวน้ำ มองไกลออกไปจนสะท้อนคล้ายแผ่นทองที่สวยงามจับ
ตา...ภาพนี้ทำให้ผมใจหาย มันตราตรึงอยู่ในใจ ความโดดเด่นของมันโลดแล่นล้อแสงไฟอยู่บนนัยน์ตา...ในที่สุดผมก็ปล่อยมือออกมาจากเสาปูน เดินหันหลังมา โบกมือ
ลาอยู่ในใจ...จะอีกนานสักแค่ไหนนักเชียวกว่าจะได้กลับมาอีกครั้ง ผมเองก็ยังไม่รู้ ไม่มีใครรู้...

       แต่ผมรู้ว่าทุกคน...สักวันหนึ่งต้องกลายเป็นผุยผงล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรด้วยกันทั้งนั้น...

       ล้วนไม่มีข้อยกเว้น




หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 27-04-2008 20:44:38
 :o12: :o12: :o12: เจอกันเร็ว ๆ น๊า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 27-04-2008 20:52:41
เข้ามาติดตามครับ  :oni2:

มาขู่น้อง Alex ถ้าภาคนี้ไม่สมหวัง ไม่หวาน จะแช่งให้รักของน้อง Alex ไม่หวานและไม่ราบรื่นเลย หุหุ  :laugh: :oni3:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-04-2008 21:06:13
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-04-2008 21:35:10
 :impress: :impress: :impress:

พราดไปได้ไงตั้ง3ตอน

เพิ่งรู้นะครับเนี้ย

ว่า มาลงให้แล้วอะครับ

เป็นกำลังใจให้ครับผม

เจอกันเร็วๆๆนะครับ

คิดถึงแดนกับ ชิพ อะครับ

ปานนี้ไม่รู้ชิพเป็นไงบ้างอะครับ

หวังว่าคงไม่ไปแอบมีลูกเมียที่ไหนก่อนนะครับ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 27-04-2008 21:51:40
 :sad2: :sad2: การอยู่กับความสุขมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว  แต่ความทุกข์นี่กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันก็เหมือนกับชั่วชีวิตเลยนะครับ  :m15: :m15:

แต่ฟ้าหลังฝนมักจะสว่างสดใสแล้วก็งดงามมากกว่าที่เคยเหนนะครับ :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 27-04-2008 22:08:22
 o2 สงสารแดนจัง...  :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-04-2008 00:06:23
แล้วสองคนนี้ จะมาเจอกันได้ยังไง น่าลุ้นจิงๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 28-04-2008 00:31:57
เฮ้อ.. :เฮ้อ:...เศร้า  :sad2:

เจอกันเร็วๆนะ  :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: MayMaMee ที่ 28-04-2008 00:43:45
แง้.....

อีกแล้ว มะน่าหลวมตัวมาอ่านเลย

แง้.....
ฮื่อออ

อ่านจบทั้งหมดภาพใน 3 ชม. ปวดตาจะตายอยู่แล้ว

ถ้าจะให้วิจารณ์ คือ...

เอาคำจำกัดความสั้นๆ เลยนะคะ มะโกรธเนอะ

คือ มันเน่ามากกกก

แต่ก็เป็นแบบที่ชอบไง ชอบเน่าๆ
คล้ายๆ ละครทีวี แต่เปลี่ยนนางเอกเป็นนายเอก

ถูกใจมากค่า

ขอบคุณมากนะคะที่แต่งมาให้ได้อ่านกัน

ขอไปรักษาความบอบช้ำรอบดวงตาก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 28-04-2008 01:05:35
คงคิดถึงเค้ามากสิแดน  :m15:

น่าสงสารจัง

สาธุ ขอให้ตอนหน้าได้เจอกันด้วยเถิด  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 28-04-2008 08:31:08
 :sad2:
ขอให้แดนกับชิพเจอกันไวๆคร้าบ




รอตอนต่อปายยยย..

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 28-04-2008 17:56:41
เศร้าได้อีกน่ะคร๊าบบน้ำตาไหลพราก....ฮือออเศร้าจางง :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่3 /ภาค3>>>ลงตอนใหม่เอาใจทุกคน^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 29-04-2008 00:02:01

บทที่ 4



       “สวัสดีครับ มิสเตอร์ฮันโดะ”

      ผมโค้งคำนับตามแบบฉบับวัฒนธรรมชาวแดนอาทิตย์อุทัยอย่างนอบน้อม สวย สุภาพ พร้อมทั้งกล่าวสวัสดีเป็นมารยาทด้วยภาษาญี่ปุ่นที่ชัดเจนของ
ผม...การสร้างความประทับใจเมื่อแรกเริ่มรู้จักเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชาวญี่ปุ่น

      พี่มาร์คและพี่เมฆทำตาม แต่กล่าวเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงต้นฉบับโดยแท้ เราฉีกยิ้มกว้างๆบนใบหน้า ซึ่งผมคิดว่าได้ผล เพราะอีกฝ่ายก็ยิ้ม
ตอบกลับมาเช่นกัน

      ปกติแล้วนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นจะซีเรียสเรื่องงานมาก เวลาต้องตรงเป๊ะ มารยาทต้องถูกต้อง แต่นี่ที่มิสเตอร์ฮันโดะยิ้มก็ดูท่าว่าน่าจะไปได้สวยไม่น้อย

      มิสเตอร์ฮันโดะเป็นชาวญี่ปุ่นที่มีบ้านเกินอยู่จังหวัดโยโกฮาม่า เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปลายๆถึงหกสิบต้นๆ มีบุคลิคของนักธุรกิจ
ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ท่าทีที่เรียบง่ายเป็นกันเอง ยิ้มง่าย ชอบพูดจาช้าๆให้ความรู้สึกของคุณลุงใจดีเสียมากกว่า ทำให้การสนทนาตกลงธุรกิจของเราผ่านพ้นไป
ด้วยดี

       เขากล่าวชมผมว่าพูดภาษาญี่ปุ่นเก่ง หุหุ หน้าบานซิครับท่าน>.<!!! ผมเลยต้องโค้งคำนับไปอีกหลายรอบ เล่นเอาไอ้พี่เมฆแอบขำอยู่นิดๆเหมือน
กัน

       บริษัทของมิสเตอร์ฮันโดะต้องการขยายกิจการเข้ามาในเมืองไทย มุ่งตลาดไปที่กลุ่มสาวๆตั้งแต่วัยรุ่นตอนปลายจนกระทั่งถึงวัยทำงานทุกรุ่น เครื่อง
สำอางค์ชื่อดังนำเข้าจากญี่ปุ่นต้องการตีตลาดในบ้านเรา หลายๆฝ่ายได้คุยกัน แต่สรุปแล้วบริษัทของเรา(หมายถึงของพี่มาร์คและพี่เมฆ)ก็ได้ตกลงเซ็นท์สัญญาให้เป็นผู้
ดูแลเรื่องการนำเข้ารายใหญ่เพียงเจ้าเดียว

       คุยงานเสร็จก็ประมาณเที่ยงๆ ได้เลี้ยงอาหารมิสเตอร์ฮันโดะพอดี พี่มาร์คกับพี่เมฆเลยเสนอตัวเป็นเจ้ามือเลี้ยงเพราะแหงะอยู่แล้ว=_=…จะให้ปล่อย
ปะละเลยลูกค้าคนสำคัญไปได้ไง แต่มิสเตอร์ฮันโดะอยากกลับไปเอาเอกสารที่บริษัทก่อน...คนญี่ปุ่นที่ขยันบ้าทำงานนี่ก็น่าปวดหัวเหมือนกันนะ แม้แต่เวลาจะกินข้าวยัง
อยากใช้เวลาดูเอกสารนู่นนี่ ถ้าเป็นคนอื่นคงหาว่าไร้มารยาทแน่ๆ

      “งั้นเดี๋ยวผมขับรถไปที่บริษัทของคุณฮันโดะก่อนก็แล้วกันนะครับ ท่านจะได้หยิบเอกสารอะไรได้ด้วย”

      พี่เมฆบึ่งรถไปตามการจราจรที่ติดขัดเป็นช่วงๆ แต่ด้วยความชำนาญแค่ยี่สิบนาทีก็ถึงบริษัทของมิสเตอร์ฮันโดะที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง(สีลม) ผมรอ
อยู่ที่รถส่วนที่เหลือขึ้นไปบนออฟฟิศ...ไม่นานนักก็มีเสียงเคาะกระจกดังก๊อกๆ...ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังยืนป้องแดดพร้อมทั้งมองส่องเข้ามา

       “ครับ?”

      ลดกระจกลง...เอ๊ะ ผู้ชายคนนี้ผมเหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหนนะ???

       “ขอโทษครับ แต่นี่คือรถที่คุณฮันโดะจะนั่งไปทานอาหารกับคุณมาร์คหรือเปล่า?”

      “ใช่ครับ...คุณ?...”

      ผมจ้องหน้าเขา...อีกฝ่ายก็จ้องตอบกลับมา สมองของผมพยายามค้นหาข้อมูล...ทบทวนว่าเคยรู้จักกับผู้ชายตรงหน้านี่หรือเปล่า?

      คิ้วเข้มๆข้างหนึ่งถูกยกขึ้นอย่างสงสัย

       “หน้าผมมีอะไรติดไว้เหรอครับ?”

      วินาทีนั้นที่เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยออกมา...ฟังดูยังแฝงไปด้วยความทะเล้นแย้มหัวดังเดิม...ไอ้หมอนี่พอไม่ได้ดัดฟันแล้วค่อยดูดีขึ้นเยอะ ไม่งั้นดูไม่ได้(
เหอะๆ)...มันสูงขึ้น ตัวก็ผอมลงกว่าเก่าเล็กน้อยต่างจากครั้งล่าสุดที่เห็น ซึ่งนั่นก็คือเมื่อสิบปีก่อน…

       “เปล่าหรอก...นี่ มึงจำกูไม่ได้แล้วเหรอ?...”

      “จำ?...”

      ไอ้กอล์ฟยกมือขึ้นเกาหัว ท่าทางแบบเดิมทำเอาผมอดหัวเราะคิกไม่ได้ มันยิ่งขมวดคิ้ว

       “ผมเคยรู้จักคุณด้วยเหรอ?”

      “เออซิว่ะ! ก็มึงไงไอ้กอล์ฟ นายกิตติกานต์ลูกเฮียอ้วนขายข้าวต้มหน้าปากซอยบ้านเก่ากู กูแดนไง มึงจำไม่ได้เหรอ!?”

      มันค่อยๆเบิ่งตา(ที่ตี๋อยู่แล้ว)แล้วจ้องมองเข้ามาใกล้ๆ...ก่อนจะคลี่ยิ้มออกแล้วร้องอ้อเสียงดังเหมือนนานชาติ(-.-“) มันทำหัวปะหลกๆเป็นการ
ขอโทษ

       “เออๆใช่นึกออกแล้วว่ะ...โห เฮ้ยนี่มึงเหรอเนี้ย?”

      “ก็เออดิ”

      “กูแทบจำไม่ได้เลยว่ะ ไม่อยากเชื่อเลย…”

      “’ไมอ่ะ!?”

      “ก็...ดูมึงดิ โตขึ้น...เป็นผู้ใหญ่มาก แถมยังแก่ลงด้วย”

      “อ้าวไอ้เชี้ยนี่”

      ผมทำท่าจะเบิร์ดกะโหลกมัน แต่ด้วยความที่เราเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วทำให้ไอ้กอล์ฟไม่โกรธ กลับหัวเราะร่า ผมเองทั้งตื่นเต้นและดีใจชะมัดที่ได้เจอ
เพื่อนเก่าอีกครั้ง

       “โห...เฮ้ยนี่มันตั้งกี่ปีแล้วว่ะ? สิบ...สิบปีใช่อ่ะ”

       ผมก้าวลงมาจากรถ “อืม สิบปีพอดี”

      “ใช่อ่ะดิ แมร่งไม่ติดต่อมาเลย โอโห! นี่ดูทั้งเนื้อทั้งตัวเปลี่ยนไปนะเนี้ย โคตรไฮโซเลย”

      มันจับๆลูบๆไปตามเสื้อสูท ส่วนมันใส่แค่ชุดทำงานแบบผู้ชายทั่วไป ทว่าดูดีเข้ากับมันมากกกก ฮ่าๆๆๆ~~~(= =”)…

       “เอ่อ เมื่อก่อนกูกระจอกจะตายไป”

      “~เดี๋ยวนี้...แมร่ง โคตรเลย...แล้วว่าไง เป็นไงบ้างอ่ะ? หายหัวไปอยู่ไหนมา เพื่อนฝูงไม่ยอมรู้จักติดต่อ รู้มั้ยเขาพยายามติดต่อมึงกันอยู่นานแค่
ไหน”

       “ก็...กูยุ่งๆนิดหน่อยอ่ะ ตอนนี้แม่เปิดร้านอาหารไทยอยู่’เมกา เลยไม่ว่างเลย”

      “เหรอ?! อืมๆ”

      มันจะทำเสียงตื่นเต้นดีใจไปทำหอกไรฟ่ะ O_O”?

       “นี่ถามจริง ตอนแรกมึงจำกูไม่ได้จริงๆเหรอ”

      ผมยิ้มๆ ส่วนมันน่าแดง อื้อ? หน้าแดง..คนอย่างกอล์ฟเนี้ยนะน่าแดง ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมาก...มันอายๆแล้วตอบอ้อมแอ้ม

       “เฮ้ย~~~ ใช่ที่ไหนเล่า กูอำมึงเล่น ความจริงรู้อยู่แล้วว่าเป็นมึง…”

      มันเก๊กหน้าหล่อ ยกมือขึ้นมาเกาหัว ยักคิ้วให้แต่ไม่เหมือนเดิมตรงที่มันกำลังทำท่าเขินอายนี่แหละ 555+ ผมว่าน่ารักดีออก(แบบแปลกไปอีกรุ่น
ไง)

       “มึงนี่กวนส้นตีนไม่เลิกเลยนะ”

      “แล้ว’ไม กูเป็นแบบนี้อ่ะ”

      “เออๆ ว่าแต่ ทำไมกูถึงมาเจอมึงได้ที่นี่เนี้ย? ไหนว่ามาดิ”

      มันกำลังจะเอ่ยปากเล่า แต่ทั้งพี่มาร์ค พี่เมฆ และมิสเตอร์ฮันโดะก็เดินคุยกันอย่างออกรสลงมาจากตึก หยุดเราทั้งสองคนไว้พอดิบพอดี

       “เอางี้ ไว้แล้วมึงค่อยเล่า เดี๋ยวกูพาไปแดกเหล้ากัน กูเลี้ยงเอง”

       ไอ้กอล์ฟทำตาโต โธ่...ไอ้มนุษย์เงินเดือน(แต่กรูก็ด้วยไม่ใช่เหรอ? แฮะๆ <<<(-_-“))

      “เออๆ จะได้คุยเรื่องอื่นด้วย แมร่ง...เพื่อนๆมึงโคตรโกรธเลยที่มึงหายตัวไป คราวนี้มึงกลับมาแล้วไปตามขอโทษพวกมันด้วยนะ เออ! ไอ้แอล
เดี๋ยวนี้เขาแต่งงานมีลูกมีเมียแล้วนะโว้ย มีแต่มึงกะกูนี่แหละ เฮ้อ...ท่าทางจะได้แก่ตายเฉยๆซะแล้วว่ะงานเนี้ย”

      ไอ้กอล์ฟกล่าวเซ็งๆ ส่วนผมยิ้มแหย่ๆ...

       พี่เมฆเห็นผมคุยอยู่กับไอ้กอล์ฟ

       “อ้าว แดนรู้จักคุณกิตติกานต์ด้วยเหรอ?”

       “ครับพี่เมฆ...มันเป็นเพื่อนผมตอนสมัยมหาลัย’”

       “เหรอ…”

       ไอ้พี่เมฆยิ้มหวานเชื่อมพร้อมทั้งส่งสายตาแปลกๆมาที่ผม ไอ้บ้า! ไม่รู้จักเวลาไหนแซวเล่นได้เวลาไหนไม่ได้...คอยดูนะกลับบ้านไปจะฟ้องพี่
มาร์คให้จัดการๆซะให้เข็ด o(>_<)o

      “ครับ...สิบปีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ามัน”

       “ผมกับมาร์คก็เป็นรุ่นพี่แดนมันที่โรงเรียนเก่าน่ะครับ เผอิญเรียกตัวมันกลับมาช่วยงาน เลยได้เจอกันพร้อมหน้าหน่อย”

      “งั้นเชิญคุณกิตติกานต์ขึ้นรถเลยครับ ผมกำลังจะพามิสเตอร์ฮันโดะไปทานอาหารอยู่พอดี”

       “ครับ...เรียกผมว่ากอล์ฟเถอะครับ”

      พี่มาร์คชวนพร้อมทั้งเปิดประตูผายมือให้มิสเตอร์ฮันโดะ มิสเตอร์ฮันโดะจ้องมองคนไทยพูดตาแป๋ว ผมเลยต้องแปลให้ท่านฟัง พอรู้เรื่องเขาก็พยัก
หน้ายิ้มหัวเราะใหญ่ ท่าทางดีใจไปด้วยซะงั้น?...ท่านเป็นคนอารมณ์ดี อัธยาศัยดี น่ารัก ผมคิดว่าพี่มาร์คกับพี่เมฆโชคดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับเขา เพราะปกติแล้วคน
ญี่ปุ่นเรื่องมาก เคี้ยวลากสุดๆจะตายไป...

       มิสเตอร์ฮันโดะเก็บแฟ้มใส่กระเป๋าเอกสารที่แกหิ้วมาก่อนจะหันไปถามไอ้กอล์ฟซึ่งเป็นลูกน้องส่วนตัวโดยตรงเป็นภาษาอังกฤษ(แบบกลิ่นอาย
ญี่ปุ่น-_-“)...เรื่องราวมันเป็นยังไงนั้นไว้ผมจะค่อยเล่าให้ฟังก็แล้วกัน ตอนนี้เราทั้งหมดห้าคนมุ่งตรงสู่ร้านอาหารไทยขึ้นชื่อ มีพี่มาร์คเป็นเจ้ามือ ผมนั่งคุยกับไอ้กอล์ฟ
เรื่องเก่าๆสนุกมาก มันเล่าให้ฟังหลายเรื่อง...ทำให้ผมเริ่มคิดถึงเจ้าพวกเพื่อนปากหมาทุกตัวขึ้นมาตะหงิดๆแล้วซิ อิอิ ^-^





       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 29-04-2008 00:44:24
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:  ที่บอกว่าเพื่อนๆตามหาแดนอยู่นานเนี่ยะ  คงจะรวมถึงชิพด้วยชะมะคับ  :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 29-04-2008 08:05:47
ชอบตอนที่อยู่บางปู (ใช่มั้ยหว่า)

มากเลยอะ  โดนใจ  สะเทือนอารมณ์อย่างแรง

เศร้าได้อีก   :m15:

หวังว่าจาได้เจอกันเรวๆๆๆๆ

ตามลุ้นต่อปายยยย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 29-04-2008 08:21:14
เจอกอล์ฟแล้ว1คน
ต่อไปคือรายการตามหาเพื่อนๆล่ะมั้ง

หวังว่าชิพคงยังไม่แต่งงานมีลูกมีเมียไปแล้วนะ
 :o

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-04-2008 08:35:17
น่ากลัวว่า กอล์ฟเนี่ยแหละ จะนำพาชิพมาให้เจอกันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 29-04-2008 08:49:39
 :a4: :a4: :a4: เริ่มมาแล้ว ๆ  :a4: :a4: :a4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 29-04-2008 08:59:30
มารอเป้นกำลังใจให้แดนเจอกะชิพ

คิดถึงพี่มาร์คก็ได้เจอพี่มาร์คแล้ว

คราวนี้คิดถึงชิพแล้วอ่า

เมื่อไหร่จะได้เจอหว่า

 :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 29-04-2008 10:54:14
:impress: :impress: :impress:

เมื่อไร่จะเจอชิพพระเอกของเราอะครับ

ป่านนี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้ครับผม

พี่แอลแต่งงานมีลูกไปแล้ว อิอิ ยินดีด้วยครับผม

ว่าแต่พี่แอลจะยังรักพี่แดนอยู่ป่าวนะ

คิดถึงชิพครับผม

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 29-04-2008 16:04:55
 :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 30-04-2008 01:13:42
ใกล้เข้ามาอีกนิด ชิดๆเข้ามาอีกหน่อย  o2

ปล.ไอ้เราลุ้นตอนแรกนึกว่าเจอกันซะและดันเป็นเพื่อนเก่า  :m29:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 30-04-2008 04:45:47
อิอิ ได้เจอกอล์ฟ แล้ว
  :m4:
ต่อไปก้อต้องเปน...  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 30-04-2008 11:01:05
ไม่รู้ชิพเจอแดนแล้วจะเป็นยังไง  :เฮ้อ: เมื่อไหร่จะเจอกันน๊า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 30-04-2008 11:20:20
 :m4: :m4:

ในที่สุดผมก็ได้อ่านภาคใหม่แว้ว
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 30-04-2008 13:35:07
มาลงชื่อติดตามอ่านด้วยคนครับ  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 30-04-2008 17:59:21
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดด


ใกล้แล้วววววววววว

อยากรู้จังเจอกันครั้งแรกจะเป็นไง
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 30-04-2008 23:16:16
 :sad2: :sad2: :sad2: ทำไมหายไปหลายวันล่ะครับ รออ่านอยู่นะครับ :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: myLoveIsYOu ที่ 30-04-2008 23:49:43
เข้ามา ลงชื่อติดตาม ขอหวาน ๆ นะครับ ภาคนี้  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่4 /ภาค3
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-05-2008 02:18:26

บทที่ 5



       “เดี๋ยวเย็นนี้แดนนัดคุณกอล์ฟไว้ใช่มั้ย พี่ฝากนี่ให้เขาหน่อยซิ”

      พี่มาร์คเดินไปหยิบซองสีขาวจากลิ้นชักส่งให้ผม

       “ข้างในเป็นอะไรอ่ะพี่?”

      “ของขวัญเล็กๆน้อยๆอ่ะ”

      “~เฮ้ย พี่มาร์คครับ เพื่อนผมคนนี้ถึงมันจะทำงานไม่ค่อยมีตัง แต่มันรักศักดิ์ศรีอย่าบอกใครเลยนะครับ”

      “เห็นมั้ยมาร์ค ผมบอกคุณแล้ว คุณไม่เชื่อผมเอง”

      พี่เมฆเอ่ยขึ้นมาลอยๆจากทางโซฟาหน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่ พ่อคนนอนเหยียดขายาวๆไม่วายส่งเสียงตำหนิแฟนที่แสนดีอย่างพี่มาร์ค...เขาหน้าเสีย
เล็กน้อย

       “เหรอ…”

      “พี่จะขอบคุณเขาเรื่องอะไรอ่ะ?”

      “ก็...ที่เขาคอยช่วยพูดกับมิสเตอร์ฮันโดะ คอยดูแลเทคแคร์ เพราะเขารู้ว่าแดนรู้จักกับพี่อยู่แล้ว พี่เลยอยากตอบแทนน้ำใจเขาบ้าง”

       “เอางี้แล้วกันพี่ เดี๋ยวผมเอาเงินเนี้ยเลี้ยงมื้อเย็นหรูๆมันสักมื้อแล้วกัน พี่มาร์คว่าไงครับ?”

      “อื้อ? เอางั้นเลยเหรอ”

      ไอ้พี่เมฆลดหนังสือพิมพ์ลงพร้อมทั้งหัวเราะลั่น ผมแลบลิ้นแบบเขินๆแอ๊บแบ๊วไปตามประสา หุหุๆ นานๆลาภปากที งานนี้ช้างไม่ปล่อยอ้อยหลุดออก
จากปากแน่ กร๊ากๆๆๆ ^0^

       “ฮ่าๆ เสร็จเจ้าแดนมัน เป็นไงล่ะ”

       พี่มาร์คหันมองค้อนต้นเสียง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพูดกับผมต่อ

       “เออๆ เอางั้นก็ได้...แล้วนี่นัดเขาไว้กี่โมง?”

      “~นัดไว้ทุ่มครึ่งพี่ กว่ามันจะเลิกงาน ขับรถมา เดี๋ยวนี้รถกรุงเทพฯติดจะตาย”

      “นัดไว้ที่โรงแรมไหน”

      “แถวๆอโศกอ่ะ...ผมต้องให้มันดูเอกสารอีกนิด ดีอย่างที่มันทำงานประกบนาย รู้มั้ยการติดต่อทำสัญญาของเรากับบริษัทของมิสเตอร์ฮันโดะราบรื่น
มากกว่าใครเลยนะ”

      ใช่แล้ว...ก็เพราะผมสามารถติดต่อเข้าทางไอ้กอล์ฟได้ มันเป็นลูกน้องที่มิสเตอร์ฮันโดะจ้างไว้คุมงานที่สาขาเมืองไทยและไว้ใจมาก ตอนนี้เราเลยไม่
ต้องนัดวันเวลาใหญ่โต แค่ผมโทรฯเรียกมันออกมาคุยกัน กินเหล้านิดหน่อย ยังไงวันรุ่งขึ้นเอกสารทั้งหมดก็ไปกองอยู่บนโต๊ะให้มิสเตอร์ฮันโดะรับรู้อยู่ดี

       ความจริงแล้วบริษัทเล็กๆอย่างของพี่มาร์คเนี้ยถือว่าโชคดีมากที่ได้รับเหมางานของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างมิสเตอร์ฮันโดะได้ ไม่รู้ความสามารถใครที่
ไปติดต่อหามาได้(เดาว่างานนี้ไอ้พี่เมฆแน่ เรื่องที่คนอื่นทำไม่ได้คนนี้มักจะสามารถอยู่คนเดียว-_-“)

       ระหว่างที่ขับรถมา...รู้สึกวิงเวียนยังไงไม่รู้ นับนาทีที่ขับรถใกล้เข้าไปเรื่อยๆผมยิ่งรู้สึกอยากกลับบ้าน ไม่อยากมาแล้ว เพิ่งเป็นตอนใกล้จะถึงแล้วนี่
แหละ...ผมเกลียดความรู้สึกนี้ชะมัด เอาว่ะ รีบๆคุยให้เสร็จแล้วรีบกลับก็ได้

       ไอ้กอล์ฟนั่งจ้องเอกสารที่แผ่รออยู่ตรงล็อบบี้เรียบร้อยแล้ว ผมเอากระเป๋าคาดบ่าลง พร้อมทั้งนั่งลงหยิบเอกสารนู่นนี่ออกมาเช่นกัน เห็นมันใช้สมาธิ
อยู่เลยไม่ได้ทัก เผื่อมันลืมแล้วซวยผมอีก

       “อ้าว มานั่งตั้งกะเมื่อไร?”

      อิอิ ความรู้สึกมึงช้าดีนี่

       “ก็เมื่อกี้เนี้ย นี่...วันนี้พี่มาร์คให้เงินมาเลี้ยงมึงด้วย เลือกเลยเอาห้องอาหารญี่ปุ่นดีหรือว่าจีน?”

      “จริงเหรอว่ะ? งั้นกูเอาห้องญี่ปุ่นแล้วกัน งานนี้ไม่เกรงใจเลยนะ”

      ผมหัวเราะ “เออ ไอ้หน้าด้าน มึงกินให้พอเลยวันนี้”

      นั่งช่วยมันดูเอกสารอยู่ร่วมชั่วโมง ต่อจากนั้นอีกสักพักเราค่อยเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วสั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้ว วันนี้ไอ้กอล์ฟดูเหนื่อยล้ามาจาก
ที่ทำงาน มันทำงานหนักจริงๆแบบนี้ทุกวัน เพราะเป็นหัวหน้าแผนก โดนเจ้านายจิกหัวใช้ทุกวัน...ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่ากาลเวลาสามารถเปลี่ยนคนไม่เอาไหนอย่างให้
กอล์ฟให้ทำงานระดับนี่ได้ เป็นหัวหน้าคนงานทั้งแผนก มีความขยัน ตั้งใจ หน่ำซ้ำยังเรียกว่าเก่งจนขนาดที่ว่าพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วกว่าใครอื่น บางครั้งผมยังงง
ที่ไอ้กอล์ฟหน้าหม้อคนเดิมมันซุกอยู่ส่วนไหน หรือมันหายตัวไปแล้ว?

      เปลี่ยนแปลงแบบไม่น่าเชื่อ แต่ ไปในทางที่ดี(ง่ะ?...)

      “เฮ้อ...วันนี้ไอ้แอลโทรฯมา กูบอกมันแล้วว่ามึงเพิ่งกลับมา มันดีใจใหญ่บอกจะต้องเจอมึงให้ได้ กะจะอวดลูกสาวคนใหม่ให้มึงดู น่ารักเชียว กูเคย
เห็นรูปที่มัน’เมลมาให้ ชื่อน้องลิลลี่ น่ารักเหมือนแม่เชียวแต่ไม่เหมือนพ่อ...”

      ไอ้กอล์ฟพล่ามไปเรื่อย มันถอนหายใจเสร็จก็ค่อยๆจิบเครื่องดื่ม คลายปมเน็คไทออกแล้วเล่าต่อ ผมนั่งยิ้มฟังมันเล่าแบบนี้ตลอดทุกครั้งที่นัดมาเจอกัน
รู้สึกผ่อนคลายดีชะมัด

       “แล้วคนอื่นๆล่ะ?”

      “ก็ตอนที่กูเจอพวกมันครั้งล่าสุด คืองานแต่งเมียไอ้แอลน่ะแหละ...ไอ้หวานเดี๋ยวนี้สวย...หวานสมชื่อแล้ว มันเลิกเป็นทอมแล้วว่ะ...แมร่งเสียดายไม่
งั้นกูได้จีบก่อนเนินๆ ตอนนี้แม่งมีแฟนแล้ว เป็นคนที่ทำงานมัน มันอยู่แบ๊งค์นู่น...”

      “ส่วนนังช้าง เอ๊ย...ไอ้ไก่อ่ะ เปิดร้านอาหารเองในหมู่บ้าน เคยไปกินร้านมันอาหารโคตรแพงแต่อร่อยจริงๆ เอาไว้เดี๋ยววันหลังกูพาไป...ส่วนนัง
กิ๊บซี่เท่าที่กูรู้ตอนนี้ได้ผัวฝรั่งอยู่มาเลฯนู่น ขานี้บินกลับมาบ่อย ยังทำตัวตอแหลเหมือนเดิมมึงไม่ต้องห่วง นอกนั้นกูไม่รู้แล้วไม่ได้ถาม”

      ผมหัวเราะจนปวดท้อง...ตอนนี้ความรู้สึกที่มีคือผมอยากเจอหน้าเพื่อนเก่าๆทุกคน มันเต็มไปด้วยความผูกพันที่ตัดยังไงก็ตัดไม่ขาด...ดึกแล้ว ผม
เองมึนๆตั้งกะมา เริ่มดื่มต่อไม่ไหว รีบๆพาไอ้กอล์ฟเข้าไปสหวาปามอาหารญี่ปุ่นสมใจอยากมันหน่อย เสร็จแล้วไอ้เชี่ยนี่เสือกเมาจนกลับบ้านไม่ไหว อยากนอนโรงแรม
ว่างั้น...ผมเลยเอาเงินที่เหลือนั่นแหละเปิดห้องให้มันนอนพักไปเลย

       “ขอบใจนะเว้ยไอ้แดน...นานๆทีเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง กูฝากขอบคุณพี่มาร์คกับพี่เมฆด้วย”

      มันเดินเอียงเซวูบลงไป ฮึ๊ย~~~อยากตบกะโหลกมันสักปาบ เวลาจะแดกเหล้าก็ไม่น่าให้เมาถึงขนาดนี้-_-“ หรือเพราะวันนี้เราสองคนลืมตัวไป
หน่อย…บวกกับที่มันเหนื่อยมากแล้วหรือเปล่าว่ะ?...แต่ช่างแมร่ง~~~

       ผมช่วยพยุงมันขึ้นไปบนห้อง มันงึมงำๆอะไรไม่รู้โคตรน่ารำคาญ ตัวก็หนัก เดินเซกันขึ้นไปแถมยังต้องทนเหม็นกลิ่นเหล้าแรงๆจากตัวมันอีก
เฮ้อ...ชีวิตกรูเหนอ...

       ทางเดินภายในโรงแรมที่ค่อนข้างมืดเล็กน้อยเพราะเป็นบาร์ทำให้ผมเดินไม่ถนัดเลย...บวกกับปวดจี๊ดที่สมองเพราะกรึ๊บไปหลายอยู่...ผมเริ่มรู้สึก
เหมือนมีคนมองอยู่ เอ๊ะ...เหมือนมีคนมองดูอยู่ห่างๆจริงๆนะเนี้ย...

      ...รีบๆไขประตูเข้าไป ทิ้งร่างไอ้กอล์ฟกองไว้ตรงนั้น...ภาพที่มันหมดสภาพทำให้ผมยิ้มขำและนึกย้อนกลับไปที่วันนั้น...มันโดนเขารุมกระทืบมา
มันมีผม(นี่แหละ)คอยช่วยดูแลแผลและปฐมพยาบาลแก่มัน...วันนี้ผมก็เอาผ้าชุบน้ำเช็ดให้มันหน่อย เล่นเอาหน้ามืด จัดท่าทางห่มผ้าให้เสร็จสรรพ...เวลาล่วงเลยจน
กลายเป็นดึกมาก ผมปวดหัวตุบๆไปหมด ง่วงนอน...กลัวว่าจะขับรถกลับไม่ไหวเลยตัดสินใจอาบน้ำเพิ่มความสดชื่นสักรอบ

       ออกมาค่อยยังช่วย ผมเอาซองเงินที่เหลือใส่กระเป๋าเสื้อมันไว้ ช่างแมร่งแล้ว กูกลับบ้านก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยโทรปลุกมันก็แล้วกัน



       แกร๊ก!...เสียงปิดประตูดังขึ้นท่ามกลางโถ่งทางเดินที่ว่างเปล่า ผมก้าวออกมาพร้อมทั้งกำลังจะพาร่างตัวเองที่เหนื่อยอ่อนกลับบ้านไปนอนหลับ
สบายๆบนเตียงนุ่ม ทว่า...เงาตะคุ่มดำมืดของใครบางคนยืนอยู่ที่สุดปลายทางเดิน ร่างสูงยืนอยู่นิ่ง นิ่งมาก...วูบนั้นผมเริ่มเอ๊ะใจ และมันก็เต้นรัวจังหวะทำให้รู้สึกไม่ดี...

       ร่างนั้นเริ่มขยับเดินเข้ามา ผมเสมือนต้องมนต์สะกดไว้ ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เหมือนแวบนั้นผมเห็น...และถูกตราตรึงเดินหนีไปไหนไม่ได้...ร่างสูงซึ่ง
เป็นเงาดำเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆช้าๆ...สู่แสงไฟที่ทำให้ทุกอย่างชัดเจน...ในที่สุดเขาก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม ก้มมองลงมาที่ผมและมองด้วยแววตาที่ลึกล้ำสุดแสนจนยาก
จะบรรยาย...

      ดวงตาของผมเอ่อคลอขึ้นมาทันที...วินาทีนั้นเหมือนหัวใจหยุดเต้น เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหมือนไม่ได้ยินไม่ได้กลิ่นอะไรแล้ว มีแต่ภาพและ
ความทรงจำอันเจ็บปวด...ที่คล้ายกับฝันก่อตัวขึ้นเป็นความจริงตรงหน้า...ผมหายใจไม่ออก ริมฝีปากและมือสั่นระริก เย็นเชียบ...มีเพียงความเงียบงันเท่านั้นแผ่เข้าปก
คลุมระหว่างร่างของเราทั้งสองคน...

       “...ชิพ”





รู้ว่าอารมณ์มานค้าง แต่จามาลงให้พร่งนี้น๊า อิอิ

ปล. แกล้งคนอ่านจะโดนแช่งอีกมั้ยเนี้ยคร้าบ~~~
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yoshiki ที่ 01-05-2008 03:10:54
อารมณ์ ค้างจริงๆ คับ  รีบมาเหอะนะคับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 01-05-2008 04:13:03
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:


วันนี้จะมารอ  :a6:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 01-05-2008 05:28:33
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับอารมณ์ค้างจริงๆๆด้วย

แต่ในที่สุดก็เจอชิพแล้วอะนะ

จะคุยกันยังไงอะเมื่อเจอกันจากที่ไม่ได้เจอกันนาน

นานขนาดนี้แล้วชิพยังจำแดนได้อยู่นะเนี้ย

ขนาดเห็นไกลๆเวบๆๆ อะครับ แสดงว่ารักแดนมากๆๆ

ไม่เคยลืมแดนแน่นอนครับ เอาใจช่วยนะครับ

หวังว่าภาคนี้คงสมหวังนะครับ ชิพ แดน

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 01-05-2008 07:16:53
 :m25: :m25: :m25: ค้างอย่างแรงครับ มาต่อเร็ว ๆ นะครับ :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine ที่ 01-05-2008 07:56:47
 :m22:
 :m4:
 :m1:
 :sad2:
 :serius2:
 :o12:
เอาอีก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-05-2008 08:47:31
อ่านถึงตอนจบ น้ำตาคลอเลย
มาต่อไวไวน้า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 01-05-2008 08:59:47
อ่า เจอกันที่นี่ จะเข้าใจผิดกันหรือเปล่าเนี่ย  o12 :o12: o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-05-2008 09:24:45
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชิพมาแว้ววววววววว

เอาล่ะเว้ยๆๆ

งานนี้มีเฮ...


 :a4: :a4: :a4: :a4: :a4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 01-05-2008 10:04:43
อ๊ากกกกกกกส์
ค้างครับ

 :serius2:

ชิพโผล่มาละๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TOS ที่ 01-05-2008 10:23:01
 :กอด1: ได้เจอกันเร็วดี คงต้องมีเรื่องระหว่างชิพกับแดนอีกมากมายแน่นอน ชิพคงต้องเข้าใจแดนผิดแน่นอนที่เห็นเข้าไปกับผู้ชายอีกคนแล้วก็อาบน้ำออกมาด้วย มารอต่อไปอย่างใจจดจ่อว่า จะแก้ปัญหากันต่อไปอย่างไร   o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 01-05-2008 15:07:25
รอตอนต่อไปน๊า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TOS ที่ 01-05-2008 21:46:52
มาเฝ้ารอแต่ก็ยังไม่มา อยากรู้จังว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป   :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 01-05-2008 22:12:29
 :o :o ทำไมต้องเจอกันในสภาพอย่างนี้ด้วยล่ะครับ  แทนที่จะได้เจอกันแบบดีๆหน่อย  อย่างน้อยจะได้ปรับความเข้าใจกันได้ง่ายกว่าสภาพที่เจอกันอย่างนี้อ่ะ  :serius2: :serius2:

ว่าแต่พรุ่งนี้ต่อจริงๆนะครับ   :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 01-05-2008 22:13:51
 :o12: :o12:


ขอร้องไห้ซักรอบอีกที


อารมณ์อ่อนไหวเจงๆ ผม


 o7 o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 01-05-2008 22:26:18
มาต่อเร็วๆ  :angry2: แกล้งกันป่าวเนี่ยให้ค้าง   :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-05-2008 22:44:51
หุหุ



บทที่ 6



       “แดน...”

      ผมสะดุ้งตกใจ เส้นเสียงที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นช่างเปร่งและแปลก...หรือว่าผมไม่ได้ยินมานานกันแน่? นานมาก...สิบปี…เสียงนั้นยังคงดัง
ก้องอยู่ภายในโสตประสาทนานกว่าจะจดจำได้ จนหูอื้อ...เจ้าของแววตาเย็นชาไร้อารมณ์บัดนี้กลับเต็มไปด้วยแรงอารมณ์มากมาย

       จ้องมองลงมาด้วยสีหน้าเย็นชา แต่ดวงตากลับแดงก่ำ แววตาเจ็บช้ำ...นัยน์ตาของผมเองก็ร้อนผะผ่าวเพราะหยาดน้ำใสมันล้นนองออกมาแนบเต็ม
สองแก้ม

      “…แดน…”

      ...ชิพ...เรียกชื่อของผมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น...ผมเองไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดี ไม่รู้จะพูดยังไง ทำสีหน้ายังไง...เพราะความช็อค ทำให้ไม่มีใครขยับเขยือ
นเลยสักนิด...

       “…”

      “ทำไม…ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้?...”

      ผมภาวนาอยากให้มีคำพูดปรากฏขึ้นในสมองมากกว่านี้…ทว่ามันพูดไม่ออกจริงๆ

       “แดน…คุณกลับมาหาผมแล้วจริงๆ…”

      …กำลังจะเอ่ยปากออกไป ทว่าชิพกลับดึงตัวผมเข้าไปกอด…วินาทีนั้นผมก็ปล่อยโฮออกมา…ความอบอุ่นที่ได้แต่ฝันมาตลอดสิบปี ร่างของชิพที่อยู่ใน
อ้อมกอดของผมและเติมเต็มให้หัวใจอันเหือดแห้งกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง…

       นี่…นี่คือชิพจริงๆเหรอ?

       ไออุ่นและความคุ้นเคยบอกผมว่าใช่

       บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคือความสุขหรือทุกข์กันแน่…มันเจ็บที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดว่าจะมีวินาทีนี้

       “คุณกลับมาแล้วจริงๆด้วย...”

      เสียงของชิพสั่นเครือ…กอดผมแน่นจนเจ็บ ไออุ่นของเขาเหมือนฝัน…เหมือนสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งเคยเกิดขึ้นกับผม

       ผมเกือบคิดว่านี่คือความฝัน ผมฝันไปหรือเปล่า?...

       แต่ทุกอย่างก็ช่างสมจริง...จริงจนแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเจ็บปวดมากมายขนาดนี้

       “...คุณไม่รู้หรอกว่าสิบปี…สิบปีที่ผ่านมามันทรมานแค่ไหน…มันเจ็บปวดจนกระทั่งคิดไม่ออกเลยว่า เพราะอะไร…”

      แต่แล้ว…ทันใดนั้นที่มันบีบตัวผมแรงจนต้องร้องออกมาเบาๆ…ชิพจ้องหน้าผมเขม่ง แววตาที่เย็นชาเคียดแค้นน่ากลัวทำให้ขนลุกชัน…แววตาเปล่ง
ประกายดุดันอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

       “คุณหายไปไหนมา หายไปไหนมา! สิบปีที่ผ่านมามันไม่มีความหมายสำหรับคุณเลยใช่มั้ย!?”

      ชิพลากแขนผมมาเรื่อยๆ ด้วยความงุนงงบวกกับตกใจ…ร่างของผมปลิวตามชิพซึ่งเหมือนพายุออกเดินไปตามทาง พยายามขืนตัวไว้ก็ไม่สำเร็จ
เนื่องจากกำลังข้อนิ้วของชิพที่บีบข้อมือของผมอยู่มากมายเกินกว่าจะต้านทานได้

       “คุณทิ้งแค่จดหมายไว้ให้ผม”

       ขณะนี้เรากำลังยืนอยู่ในลิฟต์ มีแสงไฟสว่างส่องให้ผมเห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้นแต่ก็ยังพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา…สิ่งที่น่าตกใจก็คือชิพที่ผอมลงกว่าเมื่อ
สิบปีก่อน ทำให้เขาดูแก่ลงกว่าผมทั้งที่เราสองคนอายุเท่ากัน…ชิพตัดผมสั้นค่อนข้างแนบไปกับศีรษะ ใบหน้าของเขาแลดูทรุดโทรมอิดโรย ผมใจหาย…ทั้งหมดนี่เป็น
เพราะผมหรือเนี้ย?...

       แต่กระนั้น...เค้าความหล่อเหล่าของชิพคนเดิม ซุกซ่อนอยู่ในนั้น

      “เดี๋ยว…ชิพ ฟังผมก่อน”

      แล้วตั้งแต่เมื่อไรกันที่เราสองคนเริ่มพูดกันแบบ ‘คุณ’…’ผม’…

      มันฟังแล้วดูห่างเหินแปลกๆ

       “คุณคิดว่าสิบปีสำหรับผม มันจะมีสิ่งดีๆเข้ามาเติมเต็มผมได้หรือไง?”

      มือสั่นๆของเขายื่นเศษกระดาษอะไรบางอย่างมาที่ผม ผมหยิบมันมาคลี่ออก…เส้นลายมือจางๆของผมปรากฏบนนั้น จดหมายเมื่อสิบปีก่อนตอนที่ผม
เขียนทิ้งไว้ให้เขา…เป็นจดหมายลา…แม้จะไม่นานนักแต่มันก็เก่าเพราะรอยพับและคราบน้ำตาเป็นดวงๆ...

       “นี่คุณ…คุณเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา?”

       “…ถ้าผมไม่เก็บไว้…แล้วอะไรล่ะที่คุณเหลือทิ้งไว้ให้ผมบ้างนอกจากความเจ็บปวดใจ…”

      คำพูดเสียดแทงพุ่งขึ้นมาจุกแน่นในอก…ก้มลงมองจดหมาย…ชิพคงคลี่ออกมาอ่านมันบ่อยครั้งเสียจนมันยับยู้และเก่าเกินกว่าเวลาจริงๆ…

       ตัวลิฟต์หยุดลง…ประตูโลหะเปิดออกสู่โถ่งทางเดินที่ว่างเปล่า ชิพกระชากจดหมายออกไปจากมือของผมแล้วเริ่มลากผมเดินต่อไป

       “ดะ…เดี๋ยว! คุณจะพาผมไปไหน”

      ชิพไม่ตอบ…ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องๆหนึ่ง…ชิพนำบัตรรูดลงไปและเปิดออกอย่างรวดเร็ว…ภายในเป็นห้องกว้างๆมืดๆ…
ชิพผลักผมเข้าไปแล้วค่อยย่างสามขุมเข้ามา…ในใจของผมรู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไร แต่อยากให้ได้มีโอกาสอธิบายให้เขาฟังก่อนถึงเรื่องราวทั้งหมด ทว่า…

       “เมื่อกี้ผมเห็นคุณพาใครบางคนเข้าไปในห้องข้างล่าง…”

      “อะไรนะ?...”

      “ผมเห็นคุณอยู่กับไอ้หมอนั่น!”

      ชิพตะคอกใส่เสียงดังลั่น ผมสะดุ้ง…อึ้งกับอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดของเขาในตอนนี้ อย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน…

       “คุณเข้าใจผิดแล้ว นั่นน่ะคือ-“

      “ไม่ว่าไอ้หมอนั่นจะเป็นใคร ผมไม่สนใจอยู่แล้ว!”

      ชิพเดินเข้ามาบีบต้นแขนของผมไว้แน่น หัวใจที่เต้นตึกตักผลันเร่งจังหวะรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก…วูบนั้นที่แววตาของเขาเข้มข้นไปด้วยแรงอารมณ์อัน
แสนน่ากลัว

       “สิบปีที่คุณไม่เคยนึกถึงผมเลย ไม่แม้แต่จะติดต่อกลับมา…ตอนนี้คุณต้องชดใช้คืนแล้ว และมันต้องสาสมกับที่คุณทำลงไป!”
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่5 /ภาค3 ล่าสุดจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-05-2008 22:46:34
อย่าเพิ่งอาละวาดไปนะครับทุกคน ผมมาแล้ว ไปปาร์ตี้มาหน่อยมากแต่ก็มาลงให้เพราะใจรัก คริคริ :oni1: :oni1: :oni1:



บทที่ 7

 

       …เสียง….เสียงนี้คือเสียงของหัวใจที่กำลังเต้น…

       เต้นช้าๆเป็นจังหวะ…ขณะที่ร่างหนึ่งกำลังทอดตัวนอนยาว…ผมขยับตัวเล็กน้อยก็พบกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมาจากทั่วร่างกาย ปวดลึกลงไปจน
ถึงกระดูก…เสียงถอนหายใจหนักๆดังขึ้นข้างกายของผม

       ผมรู้ว่าเขาก็ยังไม่หลับ…เราต่างนอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืด ชิพนอนหันข้างไปอีกทาง ใบหน้าที่กระทบแสงไฟจากหน้าต่างด้านนอกสงบนิ่ง
และขาวโพลน ผมลอบมองเขาจากในกระจกปลายเตียง หยาดน้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงมา แต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น…ผมอยากเข้าไปกอดเขาในตอนนี้ แต่มันไม่กล้า…

       เรานอนนิ่งกันอยู่เงียบๆไม่มีใครพูดอะไร หลังจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นระเบิดที่ถูกจุดขึ้นในกายของผม ชิพรู้ดีที่สุด

       เสียงสูดจมูกดังขึ้น…ชิพยกฝ่ามือขึ้นมาปาดน้ำตา เขาหลบหน้าผม พยายามทำเป็นคนเข้มแข็งเยี่ยงที่ผมรู้จักเขาดี แต่ผมเห็น เห็นทุกอย่างจากการ

ลอบมองภาพในกระจก…ความร้าวรานในตอนนั้นมากเสียจนต้องกัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับเสียงร้องนั้นไว้

       “ทำไมยังไม่นอนอีก?”

       ชิพถามเสียงเรียบ…ใครกันล่ะจะหลับลง


       “…”

      “ทำไมคุณไม่ตอบผม?”

      ชิพชะโงกตัวขึ้นเหนือร่าง ผมบิดตัวหนี แต่กลับยิ่งถูกแรงอันมหาศาลกระชากร่างขึ้นมา

       “คุณเป็นอะไร ร้องไห้เหรอ?”

      ผมจ้องหน้าเขา กลัวสีหน้าที่ดุดันนั่น…แต่แล้วชิพก็ยกนิ้วหัวแม่โป้งขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาด้วยความอ่อนโยน ช้าๆ…

       “ผมขอโทษนะ…”

      ชิพค่อยๆเลื่อนริมฝีปากเข้ามาจูบแก้มผม ซับน้ำตาออกไปจนหมด…เขาคงขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ทั้งหมดมันเป็นความเข้าใจผิดทั้งนั้น…หากผม
มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครมาจริงๆภายในสิบปี…ผมคงไม่ต้องเจ็บปวดเจียนตายเมื่อชิพประกาศความเป็นเจ้าของร่างผมแบบนี้หรอก…

       เขากำลังโมโห ไม่ทันฟังความจริงจากผม…แต่ถึงแม้ร่องรอยที่เป็นรอยเลือดแดงๆบนผ้าปูที่นอนสีขาวนั้นจะเห็นอยู่ตำตา ผมก็ให้อภัยเขาแม้สมควร
จะโกรธตอบไปตั้งนานแล้วก็ตาม…

       “เจ็บมากมั้ย?”

      ผมไม่ตอบ

       “ผม…เอ่อ…”

      “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”

      ผมแตะปลายนิ้วลงไปบนริมฝีปากของเขา…ริมฝีปากที่หอมหวานทว่าเมื่อครั้งใดที่เขาจูบลงมา มันคือความปวดร้าวมากว่าความสุขสมที่หลั่งไหลใน
ตัวผม

      “ผมนึก…นึกว่าคุณทำแบบนั้น ภาพที่ผมเห็นมันบดขยี้หัวใจของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้ง…”

       “…”

      “…ทุกๆคืน…ผมจะมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่บาร์ข้างล่าง ผมหวัง…แค่หวังว่าสักวันคุณจะกลับมาให้ผมเห็นหน้าอีกสักครั้งก็ยังดี…”

      “ชิพ ผมอยู่นี่แล้ว…มันไม่ใช่ความฝัน”

      “ใช่…แต่คุณ…คุณก็หายไปหลายปี! คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไงกัน!”

      ชิพจับผมกดนอนลงไปกับเตียงอีกครั้ง ทุกอย่างรวดเร็วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก…ชิพเปลี่ยนไปเป็นคนอารมณ์ร้ายอย่างน่ากลัว…เดี๋ยวเขาก็อ่อนโยน
เดี๋ยวเขาก็ดุร้าย เป็นแบบนี้สลับกันไป

       “คุณรู้มั้ยว่าผมต้องเผชิญกับอะไรบ้าง?” ชิพจูบผมอย่างรุนแรง พร้อมทั้งกัดริมฝีปากจนผมลิ้มรสชาติของเลือดสดๆที่ไหลออกมา…ก่อนจะประสาน
ร่างเข้ามาอย่างเร่งร้อนรุนแรงจนสะดุ้งเฮือก…นิ้วเรียวของเขาจับคางของผมไว้แล้วบีบแน่น…ไม่มีโอกาสได้เปิดปากแม้แต่เสียงประท้วงหรือเสียงร้องครางเพราะชิพปิด
ปากผมไว้ด้วยลิ้นร้อนระอุ…

      “ต่อไปนี้คุณต้องเป็นของผม…ผมคนเดียวเท่านั้น…”

      ชิพถอนริมฝีปากออกมา กวาดสายตามองร่างที่บิดไปมาด้วยความทุรนทุราย ใบหน้าเหยเกของเราสองคนทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ…ความตื่นเต้น
แผ่ซ่านไปพร้อมกับความรู้สึกอับอายที่ชิพมองผมด้วยแววตาเปี่ยมความหมายเยี่ยงนั้น

       “คุณจะไม่มีทางหนีจากผมไปไหนได้อีกแล้ว ไม่มีวัน”

      ร่างใหญ่โตของเขาขยับเคลื่อนช้าๆ…จากจังหวะอารมณ์ที่รุนแรงเปลี่ยนมาเป็นเนิบนาบ ช้าๆแสนอ่อนโยน…พอทำให้ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมด
รั้งศีรษะของเขาลงมาแล้วจูบแผ่วเบา…จากนั้นก็ค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชิพผ่อนลมหายใจออกช้าๆอย่างพึงพอใจ นัยน์ตาของเราประสานกัน…ทำให้ผมคิดถึงความทรงจำ
ก่อนๆเมื่อครั้งที่เรายังเคยรักกันแบบสุดหัวใจ…

      ตอนนี้ผมก็ยังรักเขาสุดหัวใจเช่นเดิม…

       นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

       “ผมรักคุณ…ผมรักคุณ อย่าไปไหนจากผมอีกเลย”

      ผมพยักหน้า เขาก้มลงซุกซ่อนใบหน้าลงไปข้างๆกกหู…จูบผมอย่างอ่อนโยน

       …ผมสัญญา…

       อายที่จะบอกว่า...ผมลืมความรู้สึกของเขาไปนานมากแค่ไหนแล้ว...เวลามีเขาอยู่ในกาย มันเกินกว่าคำบรรยายใดๆทั้งนั้น

       ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้อธิบายเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง เดี๋ยวนั้น...แต่ชิพคงไม่อยากฟังตอนนี้ เรายังคงมีเวลา...แต่ขณะที่ทุกอย่างดำเนินไป ผม
โกรธตัวเองที่ตักตวงความสุขจากมัน จากชิพ...ผมยอมรับว่าต้องการเขาแม้กระทั่งเวลาที่เรามีเรื่องมากมายต้องปรับความเข้าใจกันแบบนี้

       ความอุ่นร้อนหลั่งไหลเข้ามา...ผมนอนตาปรือด้วยความเหนือล้า ชิพก้มลงจูบผมอยู่เนินนาน...นานแสนนาน ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาไหลรินปะทะ
ใบหน้า น้ำหนักของร่างกายกดทับลงมา...ชิพมองกวาดด้วยแววตาครุ่นคิด ก่อนจะเคลื่อนกายเป็นครั้งที่?...ครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ผมไม่ทันได้นับ...



       “อื้อ?...”

       “แดน ตื่นได้แล้ว…”

      ใครบางคนกำลังลูบเส้นผมที่อยู่บนหัวอย่างเบามือ…ฮื้อ?...

       “ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว ลุกไหวมั้ย   ?”

      ชิพเองหรอกเหรอ…เขากำลังกดปลายจมูกโด่งลงมาบนแก้ม พร้อมทั้งซุกหน้าลงมาตรงซอกคอ จูบเบาๆ…แปรเปลี่ยนเป็นฝากรอยกัดหยอกๆเอาไว้
ผมบิดตัวหนี แต่มือซุกซนนั้นก็ล้วงเข้ามาใต้ผ้าห่มเพื่อควานหาร่างเปลือยเปล่าของผม แล้วลูบฝ่ามือร้อนๆลงไปบนผิว

       “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ งั้นผมเอาจริงแล้วนะ”

      ยังงัวเงียอยู่…แต่ผมก็ลืมตาขึ้นมาพบกับชิพที่กำลังจูบผมอย่างบังคลั่งอยู่ที่ต้นคอด้านใน ผมผลักเขาออก

       “ชิพ…”

      “ลุกสักทีซิ ตื่นได้แล้ว”

      เขายิ้มบางให้ผม ก่อนจะลุกขึ้นยื่นมือส่งให้…แต่ร่างของผมขยับไม่ไหวเลย มันเหมือนหมดแรงยังไงไม่รู้

       “คุณจะลุกดีๆหรือว่าให้ผมลากคุณออกมาจากเตียง”

       สีหน้าของเขาเริ่มจริงจัง หากชิพทำเช่นนั้นผมคงได้ตกเตียงหัวแตกตายแน่ๆ

       “ชิพ…ผมลุกไม่ไหว ผมปวดท้อง…”

      “เพราะเมื่อคืนเหรอ?”

      ยังจะถามได้อยู่อีก (-_O”)…

       “อืม…”

      ผมพยักหน้าอายๆ…หน้าแดงเรื่อ

       ชิพยักคิ้วสูงข้างหนึ่งแบบ ‘งั้นเหรอ?’…ผมมองหน้าเขาแบบ ‘ใช่น่ะเซ่…’…จู่ๆชิพก็เดินเข้ามาอุ้มร่างของผมขึ้นมาจากเตียง ส่งผลให้ผมร้อง

       “เฮ้ย! นี่…นี่คุณจะทำอะไร”

      “ก็พาคุณไปอาบน้ำ หรือว่าคุณอาบไหว?”

      “ก็อาบไหวน่ะซิ! คุณปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้นะ!”

      บ้าที่สุด!...ถ้าหากมันหลุดมือขึ้นมา ผมไม่ลงไปนอนหลังหักอยู่ข้างล่างนู่นเหรอ?

      “นี่!  อย่าดิ้นซิ หยุดดิ้น!”

      ผมดิ้นได้ไม่แรงหรอกเพราะยังเมื่อยตัวอยู่…แต่ในที่สุดชิพคงหมดความอดทน โยนตัวผมกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งอย่างแรง…ร่างของผมกระแทก
กับเตียงจนตัวโยนอยู่สักพัก ก็ต้องกุมท้องน้อยด้วยความเจ็บปวดจากความระบมที่ตีอยู่ข้างใน

      “ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าดิ้น”

       ชิพยืนกอดอกมองผมแบบผู้ใหญ่ตำหนิเด็กเล็กๆ…ส่วนผมแอบค้อนเขา –“–

      “คุณไปก่อนก็ได้…ไม่ต้องรอผมหรอก”

      “ไม่ได้!”

      เอาอีกแล้ว…ชิพตะคอกเสียงดังจนแสบแก้วหู…นี่เขาเป็นอะไรมากป่าวเนี้ย? >_<

       “ถ้าหากคุณหนีจากผมไปอีก ผมจะทำยังไง…”

      ปลายเสียงของชิพสั่นเครือ อ่อนแรงลง…ผมอึ้งอยู่พักใหญ่

       นี่เขาคิดแบบนี้เองเหรอ…

       “ถ้า…ถ้าคุณหนีผมไปอีก คราวนี้…ผมฆ่าคุณตายแน่!”

      ชิพเปลี่ยนจากสีหน้าเว้าวอนมาเป็นแข็งขึงดังเดิม น้ำเสียงก็ห้วนสั้นกระโชกโหกหาก เหมือนเขาพยายามปิดกั้นอารมณ์บางอย่างเอาไว้ข้างใน…ซึ่ง
ผมรู้ดีเพราะเชี่ยวชาญกับความรู้สึกเยี่ยงนั้นมาก่อน

       “ไปอาบน้ำได้แล้ว เราต้องรีบไป”

      “ไปไหน?”

      -_-“???

       “เอาเถอะ เดี๋ยวคุณก็รู้”

      ผมก้มหน้า เอาก็เอาว่ะ…เกาหัวก่อนจะมองหาผ้าคลุมหรืออะไรสักอย่าง

       “มองหาอะไร?”

      ชิพยังคงกอดอกอยู่ตรงนั้น จ้องมองต่ำลงมา

       “ก็…เสื้อคลุม…”

      ชิ!...เพราะว่าผมไม่อยากเดินผ่านเขาไปโทงๆแบบนั้นนี่!!!>.<

       “จะให้หยิบให้เหรอ? ขอโทษทีแต่ฝันไปเถอะ ทำไม? คุณอายเหรอ ทำไมจะให้ผมเห็นไม่ได้ในเมื่อเราสนุกกันจนสำรวจครบทุกซอกทุกมุมแล้ว
ตั้งแต่เมื่อคืน…”

       ยิ่งนั่งฟังอยู่ยิ่งหน้าแดง เลยตัดปัญหาลุกเดินผ่านเขาไปต่อหน้าต่อตาด้วยความรวดเร็ว…อายก็อาย ปวดตุบๆตรง...นั้นก็ใช่ แต่ทำไงได้...ในเมื่อผม
ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้ด้วย

       “อาบน้ำ ไม่ต้องปิดประตูนะ ไม่ต้องปิดม่านด้วย ผมจะดู”

      หา?!

      “คุณจะบ้าเหรอ?!”

      ชิพกลับยักไหล่ไม่มีทีท่าตื่นเต้นตกใจ

       “ก็แล้วไง”

      “แต่…ไม่ได้หรอก คุณก็เห็นหมดน่ะซิ อีกอย่าง…น้ำไหลออกมาด้วย”

      “ข้ออ้างของคุณฟังไม่ขึ้นหรอกนะ…น้ำหกก็เช็ดได้ ผมอยากดูคุณอาบน้ำ อาบไปเลยทำตามที่ผมบอกเท่านั้น เร็ว”

       ฮือ…อยากร้องไห้ T-T…เสียงน้ำจากฝักบัวกระทบอ่างดังกลบเสียงหัวเราะฮึๆของชิพ…ผมจำใจต้องทำตามที่เขาบอก

       เหลือบมองเขาซึ่งกำลังยิ้ม และจ้องมองมาด้วยแววตากระหยิ่มยิ้มย่อง…ข้างในผมรู้สึกอบอุ่นที่มีเขากลับเข้ามาในชิวตของผม เหมือนกับความฝันที่
กลายเป็นจริง…ทว่าพอเหลือบมองลงไปที่เป้ากางเกงซึ่งอวบอูมแล้ว…ผมพลันต้องเบือนหน้าหนีด้วยความอับอาย ชิพเองกลับยิ้มและยิ่งเพิ่มเสียงหัวเราะเข้าไปใหญ่ ไม่รู้
เขาเป็นบ้าอะไร…แต่แววตาแบบนั้นทำให้ผมสังหรณ์ใจว่าคราวนี้มันคงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีจากความต้องการของเขา หรือแม้แต่จะคลาดสายตา…ผมก็ยังมองไม่
เห็นหนทางเลยสักทางเดียว…

       “เอ๊ย!”

      สระผม ได้หลับตาแค่ชั่วครู่เดียว ลืมตามาอีกทีก็มีร่างหนาใหญ่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยกันภายใต้น้ำอุ่นร้อนซึ่งเปิดไหลรดตัว...ชิพบีบคางผมพร้อมทั้ง
กอดไว้

       “ผมอยากรู้นัก...ที่คุณหนีผมไป เพราะอยากแก้แค้มผมใช่มั้ย?”

      อะไรนะ?

      “คุณพูดอะไรของคุณ?”

      “ผมเคยหนีคุณไปห้าปี...คุณเลยจะเอาคืน สักสิบปี่ ยี่สิบปี...นี่เพราะคุณคิดจะแก้แค้นผมใช่มั้ย?”

      คำพูดของเขา มันคือคำพูดของคนไม่มีเหตุผล คนโกรธ...แต่รู้มั้ยว่ามันเจ็บที่เขาเสียดแทง ที่เขาประชดประชัน ผมเจ็บ...

       “ไม่ใช่...”

      “งั้นต่อไปนี้เราก็หายกันแล้ว ตอนนี้มันคือเกมกระดานใหม่แล้ว ผมจะทำตามใจอย่างที่ผมอยากทำกับคุณ! ผมจะต้องเอาคืนให้สาสม คุณต้องยอม”

      ชดใช้?...ผมต้องชดใช้อะไรกัน

       ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เจ็บ...ผมก็คน ย่อมเจ็บปวดทรมานเท่ากัน...

       ...เสียงชิพครางแผ่วเบากลบเสียงสายน้ำกระทบพื้น...ผมกอดเขาไว้ทั้งน้ำตา มันแปลกที่แม้ชิพกลับมา แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขาเลย...ชิพที่
เต็มไปด้วยความโกรธแค้นบ้าๆนั่น โดยไม่ได้ตั้งใจ...ผมขัดขืน ชิพยิ่งใส่ความรุนแรงเข้ามา จุกไปเลย...พูดไม่ออก...นี่มันไม่ใช่ความรัก มันคือความใคร่...

       …แต่ถ้าคุณคิดแบบนั้นล่ะก็ ชิพ...ผมจะยอมคุณทุกอย่าง...

       เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรทั้งนั้น เช่นเดียวกัน

       






       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 01-05-2008 23:06:17
^
|
|
|
|

จิ้มๆ ๆๆๆ



อ้าๆๆๆๆ

 :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-05-2008 23:20:12
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

จะไม่มีช่องว่างระหว่างเรา ..... จริงเหรอ 


 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: civava14 ที่ 01-05-2008 23:26:57
 :mc4:  ใจหนึ่งก้อดีใจ

แต่พออ่านไปสักพัก โอ้ย  ค้างคา    :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-05-2008 23:37:56
โห ชิพกลับมาคราวนี้ กับความแค้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน แถมยัง  :m25:

อีกตะหาก อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-05-2008 23:39:55
^
^
^
^
...

..........


.................ไม่แค้นหรอกครับ ลองอ่านต่อไปเรื่อยๆล่ะกาน ไม่บอก อิอิ :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 01-05-2008 23:49:18
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: สรุปว่าชิพก็ยังไม่รู้ว่าคุณย่าเปนต้นเหตุของการจากกันครั้งที่2ชะมะคับ  แล้วมะไหร่จะรู้เนี่ยะ  :m16: :m16:

ตอนนี้สงสารแดนอ่ะคับ :m15: :m15:  แล้วถ้าคุณย่าของชิพทวงเงินคืนจะไปเอาที่ไหนให้ล่ะเนี่ยะ  :o :o
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: civava14 ที่ 01-05-2008 23:52:49
โห้ย  10  ปี แล้วน่ะ 

คุณย่ายังอยู่อีกเหรอ  เหอๆๆ  หนังเหนียวอ่า

แต่ก้อว่าไม่ได้  แค่ขัดใจคนอ่าน (แบบเราอ่า)

 :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 02-05-2008 00:32:31
ช่องว่างคงไม่มีหรอกก็แหมมีอะไรอุดช่องว่างขนาดนั้นนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 02-05-2008 00:50:10
เศร้าได้ใจครับ  o7

รอนะครับกำลังได้ ฟีล  :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-05-2008 01:12:17
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับสงสารชิพจังเลยครับผม

จดหมายนั้นชิพยังเก็บไว้พกติดตัวอยู่ตลอด

แต่พอกลับมาเจอกันครั้งนี้

ร้อนแรงจังครับผม เป็นกำลังใจให้สมหวังนะครับ

ชิพ แดน

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: TOS ที่ 02-05-2008 14:04:22
กลับมาอีกครั้ง ชิพเปรียบเสมือนไฟที่ร้อนแรง พร้อมที่จะเผาพลาญทุกสิ่ง คงต้องอาศัยความเย็นยะเยือกของแดนเป็นคนดับซะแล้ว   :angry2:  :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 03-05-2008 01:03:38
 o7 เวลาผ่านไปทั้งแดนทั้งซิพยังมีความรักให้กันเหมือนเดิน  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 03-05-2008 18:50:42
 :impress: :impress: :impress:

มาดันครับผม

ชอบเรื่องนี้มากๆๆ ติดตามเสมอครับผม

จะรออ่านครับ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 03-05-2008 19:03:40
รอๆๆๆ :oni2:

แต่มาต่อไวๆนะ  :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 04-05-2008 14:24:55
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

ในทีสุดก็เจอกันซักทีนะครับ หลังจากที่รอมานาน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่6+7 /ภาค3 : เอามาลงยั่วน้ำลาย หลายคนค้างเหลือเกิน...^0^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 04-05-2008 17:14:36

บทที่ 8

 

       “นี่คุณกำลังจะพาผมไปไหน?”

      ชิพบังคับให้ผมขึ้นรถไปกับเขา ซึ่งแล่นไปเรื่อยๆตามถนนรัชวิภาที่ค่อนข้างโล่ง…

       “บ้านคุณอยู่ไหน?”

      “คุณจะทำอะไร…”

       ผมชักไม่ไว้ใจ

       “บอกมาเถอะน่า ก่อนที่ผมจะโมโหคุณขึ้นมาอีก”

      ผมนั่งเงียบ…เหตุผลที่เขาโมโหผมเป็นแค่เพียงเรื่องเมื่อครู่ซึ่งเกิดขึ้นเพราะผมอยากให้ทิบแม่บ้านที่กำลังเข้ามาทำความสะอาดห้อง แต่ชิพไม่เห็น
ด้วย…ยังไงก็ตามผมยืนยันจะทิบแม่บ้านเล็กๆน้อยๆเพราะผ้าปูที่นอนเปื้อนไปด้วย…ร่องรอยของเมื่อคืน เขาจะพูดยังไงผมก็ไม่ฟัง…เลยอารมณ์เสีย พาลมาถึงตอนขับรถ
นี่ด้วย

       “นี่ ขับช้าๆหน่อยได้มั้ย”

      พูดแบบนั้นก็ยิ่งเหมือนยุ เขาหักพวงมาลัยแซงปาดรถที่กำลังแล่นอยู่ดีๆด้วยความเร็วขณะร้อยยี่สิบนิดๆ…จากเลนส์ซ้ายสุดไปขวาสุด เล่นเอาผมใจ
หายใจคว่ำ…เฮ้อ แม้เวลาจะผ่านไปแต่นิสัยบางอย่างของเขาก็ช่างไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว =_=”…

       เขาอยู่ในชุดสูทที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อคืน กางเกงขายาวสีดำที่ห่อหุ้มท่อนขายาวกำยำ เสื้อเชิร์ตสีดำกับเสื้อนอกตัวใหญ่สีดำวางพาดไว้ข้างหลังอย่างไม่ใส่
ใจ…พูดไปแล้วชิพดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก มีมาดของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเต็มตัว…เขาขับรถเบนซ์สปอร์ตรุ่นร่าสุดแสนหรูหรา ผมพอจะเดาได้ว่าตอนนี้เขาคง
ประสบความสำเร็จในชีวิตไปมากมายแล้ว แม้ว่ายังไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยก็ตาม

       “คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?”

       ผมถามเขาเสียงเรียบ

       “ไม่ ผมจะเข้าบริษัทหรือไม่ก็ได้”

      “ดีจังเนอะ…”

      พยายามบอกเขาว่าผมดีใจ…ที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต มีสิ่งดีๆที่เขาทำให้เกิดขึ้น…อย่างน้อยๆเขาก็ยังก้าวเดินต่อไป

       ชิพหันมามองทางผม

       “อย่าบอกนะ…ว่าคุณคิดว่าผมมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้…จะบอกอะไรให้ว่าคุณทำให้ชีวิตของผมแย่ลงกว่าเดิมอีกต่างหาก แม้ว่าผมจะร่ำรวยแค่
ไหน แต่เรื่องของเราไม่เคยทำให้ผมมีความสุขเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา”

       คำพูดที่เชือดเฉือนทำให้ผมนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ…เขาโกหกใช่มั้ย? แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรมันถึงเจ็บ…น้ำตาพลันจะไหลออกมาซะให้ได้

       “ทำไมคุณพูดแบบนั้น?”

      “ก็มันคือความจริง…”

       ทำไมนะ?...ชิพต้องอ่านผมออกทะลุปรุโปร่งไปเสียทุกครั้ง

       “ใจจริงคุณไม่อยากฟังผมอธิบายเหตุผลหน่อยเหรอ?”

       “ไม่…”

      ถ้าเขายืนยันเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร...สำหรับผมแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงผมจะคิดถึงเขาใจจะขาด ผมกลับมีความสุขที่ได้รักเขาอยู่เรื่อยไปแบบนั้น...

       “...”

      “โอเคๆ...ผมอาจจะพูดแรงไปหน่อย...ขอโทษ”

       ชิพหลบสายตา ผมมองเขาแบบขอความเห็นใจ

       “...บอกได้แล้วว่าบ้านคุณอยู่ไหน”

      เอาหลังมือปาดน้ำตา พลางควบคุมไม่ให้เสียงสั่นไปมากกว่านี้…บอกทางเขาไปเรื่อยๆจนรถชะลอลงจอดที่หน้าบ้านพี่มาร์ค ใจของผมเริ่มเต้นตึกตัก

       “นี่บ้านคุณเหรอ?”

      ตอนแรกผมนั่งนิ่งไม่ตอบ…

       “ทำไมบ้านคุณถึงได้ใหญ่โตแบบนี้...”

      “นี่ไม่ใช่บ้านผมหรอก บ้านของ…”

      และแล้ว…หางตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างของพี่มาร์คเดินออกมา สีหน้าเป็นกังวล

       “นั่นใคร?”

      ไม่ทันขาดคำ ชิพก็เปิดประตูรถและก้าวลงไปหาร่างสูงอีกคนซะแล้ว ผมรีบลงไปเช่นกัน…สีหน้าของพี่มาร์คที่ยืนมองหน้าชิพนั้นอึ้งค้าง…ยกมือขึ้นชี้
ไปที่ชิพแล้วหันมาทางผม

       “แดน…อย่าบอกนะว่านี่…”

      ชิพเองก็ยืนอึ้งเบิกตากว้างอยู่เช่นกัน ขณะที่เราทั้งสามคนยืนมองหน้ากันเป็นวงกลม -_-“…พี่เมฆก็เดินตามออกมาร่วมด้วยอีกคน

       “แดนกลับมาแล้วเหรอ? อ้าว แล้วนี่รถใคร?”

      “คุณอยู่บ้านนี้เหรอ?”

       ชิพหันมาถามแบบไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองเท่าไรนัก +_+“

       “ชิพ…นี่ชิพใช่มั้ย?”

      ชิพพยักหน้าพร้อมทั้งมองพี่มาร์คหัวจรดเท้า…

       “ใช่…นี่มาร์คใช่มั้ย?”

      “ใช่…”

      “แดน แล้วรถพี่ล่ะ?”

      พี่เมฆถามอย่างคนเป็นห่วงรถ = =” แต่คนที่ตอบกลับเป็นชิพแทน

       “ผมพาเขากลับมาเอง รถของแดน…คงจอดไว้ที่โรงแรม”

       “ครับพี่เมฆ ผมจอดไว้ที่โรงแรม เดี๋ยวจะไปเอามาคืนให้”

      “ไม่ต้อง แดน คุณคืนกุญแจเขาไป วันนี้คุณต้องไปกับผม”

      ชิพจับแขนผมไว้ ส่งสายตาบังคับให้ผมทำตาม แต่พี่มาร์คห้ามไว้ก่อน

       “นี่มันอะไรกันแดน? พี่…พี่งงไปหมดแล้ว”

      “งงอะไร? แดนจะไปอยู่กับผม”

       ชิพพูดห้วนๆ ออกแนวเอาแต่ใจเล็กน้อย

       “เป็นไปได้ยังไง ก็แดนเขาทำงานให้ผม ข้าวของเขาก็อยู่ที่นี่”

      โชคดีนะ พี่มาร์คโตเป็นผู้ใหญ่ที่ใจเย็น เลยไม่ถือโกรธเอากับท่าทางวางอำนาจของชิพ…ที่โตซะเปล่าแต่กลับโวยวายยังกับเด็กห้าขวบ

       “นี่คุณทำงานให้เขาเหรอ?”

       ผมพยักหน้า

       “ไหนบอกมาซิคุณทำงานอะไร…ช่างเหอะ ผมให้คุณลาออก ผมจ้างคุณเอง เอ้า รีบเข้าไปเก็บข้างของซะซิ”

      “เฮ้ เดี๋ยวซิ ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ”

      พี่เมฆเริ่มขัดขึ้นด้วยสีหน้าขุ่มมัว จากน้ำเสียงเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง…

       “แล้วคุณเป็นใครอีกล่ะ?” ชิพทำท่าเหมือนอดถามไม่ได้ (=_=”)

       “ผมเป็นแฟนมาร์ค เจ้านายของแดนอีกคน”

      คราวนี้เป็นฝ่ายชิพที่ต้องอึ้งรอบสอง เขามองสลับกันทั้งพี่มาร์คและพี่เมฆอย่างกับเป็นเรื่องมหัศจรรย์(ซะงั้นo_O*)

       “…ส่วนผม…ผมก็เป็น…”

      “คุณไม่ต้องพยายามบอกอะไรหรอก พวกเรารู้ดีว่าคุณเป็นอะไรกับแดน”

      อึ้งรอบสาม…ชิพมามองที่ผมอย่างงุนงง…ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาดุๆที่เหมือนกับว่าไม่พอใจผม…แต่เรื่องระหว่างเราสองคนผมเล่าให้พี่มาร์คกับพี่
เมฆฟังบ้างตั้งแต่ย้ายไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ มันดีที่ได้ระบายออกให้ใครที่เราไว้วางใจสักคนได้ฟัง และผมก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องคอคาดบาดตายอะไร -“-

       “แต่คุณบังคับแดน คุณทำแบบนั้นไม่ได้…เราจะยอมให้แดนไปก็ต่อเมื่อเขายอมตกลงเท่านั้น”

       “ใช่...จู่ๆคุณก็โผล่มาแบบนี้ ผมรู้มาว่า...คุณแยกกับแดนไปตั้งสิบปี ผมว่าคุณควรคุยกับแดนก่อน ดีมั้ยชิพ?”

       พี่มาร์คพูดเกลี้ยกล่อม ชิพมีท่าทีอ่อนลงบ้าง แต่ยังไม่ลดละซะทีเดียว...

      เชรี้ยและ…ทั้งสามคนที่เหลือหันมาทางผม ไม่ชอบอาการแบบนี้เลยเวลาที่เราต้องตัดสินใจภายในช่วงเวลาที่จำกัด

       “แดน…ไปกับผมนะ”

      ชิพเดินเข้ามาจับแขนผม เขาใช้สีหน้าเว้าวอนบวกกับสายตาที่ทำให้ใจของผมละลายลง…เฮ้อ…

      “พะ...พี่เมฆครับ ผมขอร้อง…อย่าให้เรื่องเลยเถิดเลยนะครับ เห็นแก่ผมเถอะ...”

      ว่าแล้วผมก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บข้าวของลงใส่กระเป๋าใบเดิม โชคดีที่ยังไม่ได้รื้ออะไรออกมามาก ก็แค่เสื้อผ้าที่แขวนไว้ในตู้ กับข้าวของ
ในห้องน้ำเล็กน้อย

       “แดน พี่ว่า…แดนคิดดีแล้วเหรอ?”

      พี่มาร์คกับพี่เมฆเดินกันเข้ามาในห้อง ผมซึ่งไม่อยากให้ไอ้คนข้างนอกมีปัญหาเลยตั้งหน้าตั้งตารวบรวมของเร็วๆ จะได้ไปกับเขา พี่มาร์คนั่งลงที่
เตียงตามด้วยพี่เมฆ

       “แดน…”

      “ผมขอโทษด้วยครับพี่มาร์ค…แต่ เราเพิ่งเจอกันได้เมื่อวาน แล้วเขาก็บังคับให้ผมไปกับเขา”

      “เป็นไปได้ยังไง…” เสียงพี่มาร์คหวิวๆ…

       “ไหนแดนลองเล่าเรื่องให้พี่ฟังซิ”

       “ผมว่า…เวลานี้คงไม่เหมาะอ่ะครับพี่เมฆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน”

       “โอเค...แต่พี่ไม่อยากเชื่อสายตา นั่นเหรอคุณหนูชิพนภเกตน์...ครั้งสุดท้ายที่มีเรื่องกันเพราะน้องฟ้า แล้วก็แดน...พี่ไม่ได้เจอเขาอีกเลย ดูเปลี่ยน
ไปมาก เหมือนคนละคน...”

       “น้องฟ้าคือใครหรือ?” พี่เมฆถาม

       พี่มาร์คมองค้อน

      “คนรู้จักน่ะ...”

       “แล้ว...คุณก็รู้จักชิพด้วยเหรอ?”

      “รู้จักซิ ถ้าผมไม่เคย...เอ่อ เป็นแฟนกับแดนมาก่อน ผมคงไม่ต้องทะเลาะกับเขา เขม่นหน้ากันมาจนถึงทุกวันนี้หรอก...”

      พี่เมฆพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเกาหัวแกรกๆ ยิ้มแฮะๆ = =”

      เก็บเสร็จ ผมก็ลากกระเป๋าออกไปไว้ที่ห้องรับแขก มองลอดหน้าต่างออกไปก็เห็นร่างสูงเท่ห์ยืนกอดอกพิงรถคันหรูอยู่หน้าตามุ่ยๆ...คงไม่พอใจที่ตัว
เองเป็นฝ่ายให้ถูกรออยู่นอกบ้านโดยไม่มีใครรับเชิญ o_O*

       “พี่มาร์คครับ…พี่เมฆครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่จู่ๆก็ต้องออกจากงานที่พี่ให้ผมทำ แต่ยังไงผมก็พร้อมจะกลับมาช่วยเสมอ พี่ๆไม่ต้องเกรงใจผมนะ
ครับ”

      พี่มาร์คเดินเข้ามากอดผม ผมกอดตอบ “พี่ซิที่ต้องเกรงใจ อุตส่าห์เรียกตัวแดนกลับมาจากเมืองนอก…ที่พี่มีวันนี้ได้ก็เพราะส่วนหนึ่งเป็นความช่วย
เหลือของแดนนะรู้มั้ย?”

      “ขอบคุณครับ”

      จากนั้นพี่เมฆก็เดินเข้ามากอดผมบ้าง ความจริงแล้วพี่เมฆไม่ค่อยแสดงออกด้านความรักกับใครที่ไม่รู้จักดีสักเท่าไร…เพราะว่ามันขี้เก๊กมากนั่นเอง
-_-“

       “โชคดีนะไอ้น้อง…ต้องการความช่วยเหลือเมื่อไร กลับมาหาพวกเราได้เลย”

      “แล้วถ้านายชิพแกล้งอะไรแดน บอกพี่เลยนะ”

      พี่มาร์คยิ้มๆ

       “กลัวพี่จะรับมือไม่ไหวน่ะซิ”

      “นั่นซิเนอะ…แต่อย่าเกรงใจไปเลย คนกันเอง”

       “ไม่ได้หรอก จู่ๆผมก็ต้องไปแบบนี้ทั้งๆที่กินเงินเดือนแล้วแท้ๆ…แบบนี้จะหาคนใหม่ได้ที่ไหนทัน”

      “ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ…พี่คิดว่าหลังเสร็จจากงานของมิสเตอร์ฮันโดะแล้วพี่จะรับแต่งานของเขาเจ้าเดียว พักช่วงบ้าง หลายเจ้าปวดหัว ยังไงก็ขอบคุณ
แดนมากแล้วกัน รีบไปเถอะ...ดูดิเจ้ายักษ์ข้างนอกโน้นหน้าบึ้งใหญ่แล้ว”

      ผมยิ้มแหย่ๆ…พี่มาร์คกับพี่เมฆหัวเราะร่า…พี่ครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณพี่ทั้งสองเลยจริงๆ…

      ลากกระเป๋าออกมายืนข้างๆนายหน้าบึ้ง(อย่างที่พี่มาร์คแอบเรียก-_-“) ชิพซึ่งกำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่มองผมด้วยแววตาเย็นชา โดยไม่คิด
จะยื่นมือเข้าช่วยอะไร

       “ไง ล่ำรากันนาน เสร็จแล้วหรือยัง?”

      “คุณเลิกประชดประชันผมสักทีได้มั้ย”

       “ก็มันจริงนี่”

      จากนั้นพ่อตัวดีจึงค่อยช่วยผมยกกระเป๋าขึ้นท้ายรถ(ในที่สุดก็…) เราขับรถมุ่งหน้าไปเรื่อยๆตามถนน

       “คุณจะพาผมไปไหน?”

      “เดี๋ยวคุณก็รู้…”

      ชิพแสดงสีหน้าเรียบเฉย จนผมเริ่มหวั่นใจ…

       งื้อ?!!!!!!!!!!!!~~~



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 04-05-2008 17:36:18
พาไปไหว้คุณย่าเลย เริ่ดๆเชิดๆ 5 555555
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-05-2008 18:55:56
ชิพพาไปขังไว้แบบจำเลยรัก หุหุ  :m32: :m32: :m32: :m32:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 04-05-2008 19:32:43
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม ชอบมากครับตอนนี้เข้มข้นดี

เป็นกำลังใจให้ชิพเหมือนเดิมครับ

รักกัน เปิดใจ พูดความจริง กันได้แล้วครับ

แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นนะครับผมว่า

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 04-05-2008 20:14:44
ชิพกล้าเป็นโรคประสาทป่าวง่ะ  :o
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 04-05-2008 21:50:21
โหยย...กลับมาก็ดุเอาดุเอา........ลากไปนู่นไปนี่........เอาแต่ใจเหลือเกิ้นนน....

แดนจะทนไหวหรอคะ.....(คนอ่านทนไม่ไหวอะ....แบบนี้ขอบาย......555+)
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 04-05-2008 22:35:51
เย้ๆมาอัพแล้ว  o7

แต่มาต่อไวๆนะครับค้างโคตร  :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 04-05-2008 23:05:46
ช่าย ค้างงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 05-05-2008 00:06:13
 :laugh: :laugh:


หรือว่าจะพาไปตบจูบ


เหมือนเรื่องสวรรค์เบี่ยง


คาวี กับ ริน


อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-05-2008 01:24:51
เอาแบบตบจูบๆแบบจำเลยรักผสมสวรรค์เบี่ยงไปเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 05-05-2008 02:27:27
ชอบทำให้ค้างอ่ะ ใจร้าย :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 05-05-2008 13:32:04
 :m4: :m4: :m4:

เง้อ มาต่ออีกนิดจิครับ

อยากอ่านเร็วๆอ่า ว่าแต่ภาค 3 นี้ อายุเท่าไหร่กันแล้วหรอครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 05-05-2008 16:42:55
 :m20: ซิพทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ดูน่ารักขึ้น :laugh5:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 05-05-2008 18:41:38
:impress: :impress: :impress:

รออ่านตอนต่อไปครับผม

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 05-05-2008 21:36:58
 :oni1:
ชิพเปลี๊ยนไป๋ แก่(?)แล้วนิสัยเหมือนเด็กๆเลย

รอตอนต่อไปคร้าบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 05-05-2008 21:49:02
 o12 o12 ทำไมเอาแต่ใช้อารมณ์ครับชิพ  น่าจะคุยกันให้รู้เรื่องซะเลย  ดีกว่าค้างคาใจแล้วก็ทำร้ายนิคอย่างนี้  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 05-05-2008 23:07:12
มารอครับ  :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่8(ภาค3)^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-05-2008 02:27:09
บทนี้ ยอมรับเลยครับว่ามานนนนนนน้ำเน่ามากมายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o8: :o8: :o8: มากที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลย แฮะๆ :m23:...แต่เอาเถอะครับ มันต้องไปตามท้องเรื่อง สำหรับภาคสามนี้ผมกะจะเขียนจบสั้นกว่าภาคอื่น(แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสั้นม๊ากมาก) คือ ตอนแรกนึกว่าภาคสามเขียนสนุกสุด แต่เปล่าเลย ยากสุดเลยต่างหาก 555+ :laugh: ภาคที่เขียนแล้วเอนจอยที่สุดคงเป็นภาคสอง งืมๆ o2

ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว และผมคงเรียนหนักเหมือนเคย(ปิดเทอมก็เรียนทุกวัน เฮ้อ) ไม่ได้ออกไปเที่ยวเหล่หนุ่มเลย ฮ่าๆๆ(<<<<ล้อเล่นอ่ะ :กอด1:) สองวันนี้ก็เลยแอบหนีไปเที่ยวกับครอบครัวซะเลย รู้สึกสดชื่นขึ้น และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ โดยเฉพาะพี่ๆน้องๆที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ ตั้งใจเข้า สักวันเราก็จะประสบความสำเร็จเอง สู้ๆ!!! เป็นกำลังจายห้ายยย ขอบคุนก๊าบ :a11: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:



บทที่ 9



       “ถึงแล้ว…”

       ชิพเดินนำผมขึ้นมาจนถึงห้องชุดสุดหรูแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น…ประตูเปิดออก ข้างในกว้างขวางและตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ชายโสด ผมลากกระเป๋า
ใบใหญ่เข้าไปงงๆ

       “นี่บ้านคุณเหรอ?”

      “ใช่”

       ผมกวาดตามองไปโดยรอบ ห้องกว้างมาก แต่เหมือนมันโล่งว่างและขาดอะไรไปอีกหลายอย่าง…ชิพเดินแนะนำห้องต่างๆ มีห้องน้ำสองห้อง ห้องครัว
ห้องนั่งเล่น ห้องซักผ้าและห้องเก็บของ

       “คุณจะให้ผมอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”

      “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ”

       “ผม...จะนอนห้องเล็ก หรือว่าคุณจะให้ผมนอนที่ไหน…ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า…”

      “ผมไม่กลับไปที่บ้านนั้นอีกแล้ว”

      ชิพกอดอก ไม่มองหน้าผม...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

      “ทำไมคุณถึงไม่กลับล่ะ”

      “ก็เพราะ...ผมอาศัยอยู่ที่นี่ คุณย่า...ท่านเสียไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว บ้านนั้นไม่มีคนอยู่ ผมปิดเอาไว้”

      ความจริงที่เพิ่งออกจากปากชิพทำเอาผมใจหายวูบ...คุณย่าเสียแล้ว?

      “ตอนนี้ผมไม่อยากกลับไป ผมไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้น”

      “แต่ชิพ นั่นคือบ้านของคุณ บ้านที่คุณเติบโตมาตั้งแต่เด็กๆนะ...ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะ...”

      ผมพยายามแย้ง แต่ไม่เป็นผล ชิพโบกมือห้ามไม่ให้ผมพูดต่อ

       “หยุด! พอได้แล้ว...ผมไม่อยากกลับไปเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆอีก...เด็กมีปัญหาอย่างผมสมควรต้องจดจำอะไรไว้บ้าง ในเมื่อมันไม่มีอะไรเลย
ให้จดจำ...”

      …ยกเว้น...ยกเว้นผมไง…

      ผมต่อประโยคเองในใจ...

      เขาคิดแบบนี้หรือเปล่านะ?

       “แต่อย่างน้อย ท่านก็เป็นคุณย่าคุณนะครับ!”

      “คนใจร้ายแบบนั้น...ผมไม่อยากนึกถึง...ฮึ! ก็แล้วคุณเป็นใครล่ะ หลานก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่เชิง...แต่คุณ คุณกลับเอาใจใส่ เพราะเงินที่ได้ไปใช่
มั้ยทำให้คุณปลื้มอกปลื้มใจนักหนา แล้วความรักของเราสองคนล่ะแดน...คุณเคย ’ปลื้ม’ มันบ้างมั้ย...”

       เราสองคนมองหน้ากัน ความรู้สึกบอกให้ผมเลิกเถียงต่อปากต่อคำกับชิพ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้วหากเขาลงหลักปักใจเชื่ออะไร มันยากหากเรา
พยายามเปลี่ยนใจเขา...ตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้ว ผมเองก็เหนื่อยเวลาต้องรับมือกับชิพภาคเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ =_=”

       แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของเขา ผมเข้าใจดี...หากเทียบกันแล้วถึงครอบครัวของผมจะจน ไม่ค่อยสุขสบาย แต่ผมมีอิสระมากกว่าชิพ...ผมมีสิทธิที่จะ
รักจะชอบใครก็ได้ ผมมีสิทธิจะทำตามที่ตัวเองฝัน...แต่ชิพเป็นเด็กที่เติบโตมาด้วยความกดดันหลายๆด้าน ครอบครัวเขาไม่ค่อยสมประกอบเหมือนผม...นั่นเองล่ะมั้งถึง
เป็นสาเหตุที่ผมเข้าใจเขาดีกว่าใครๆ...

       ตลอดมา...ผมอยากทำให้ความทุกข์ของเขาเหล่านั้นจางหายไป

       แต่ทุกครั้ง...มันต้องมีเรื่องมาแยกเราจากกัน

       และผมเจ็บใจ...

       “สรุป คุณจะเอายังไง? หรือว่าคุณยังจะอยากอยู่บ้านหลังใหญ่โตสีขาวสวยหรูอย่างที่คุณเคยฝันถึงบ่อยๆกันแน่?”

       ผมมองตาเขาตรงๆ

       “ทำไมคุณต้องประชดผมตลอดเวลาอย่างนี้ด้วย?”

      ชิพเลิกคิ้ว...ผมเดินเข้าไปเก็บประเป๋าในห้องหนึ่งเงียบๆ…ไม่ต่อรองอะไร กลับออกมาก็เจอชิพยืนมองดูอากัปกิริยาทั้งหมดของผมอยู่

       “อะไร?”

       เหนื่อย(ใจ)ชะมัด =_=”…

      “…คุณเคยคิดถึงผมบ้างมั้ย?”

       โดนยิ่งคำถามแบบนี้ ทำให้จุกจนพูดไม่ออก…ผมมองตาชิพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆมากมาย…เขาขมวดคิ้ว

       “ทำไมไม่ตอบ”

      ผม…ไม่รู้จะตอบเขายังไงดี ก็เพราะว่ามันมากมายจนกลั่นออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะมันไม่มีค่าเทียบเท่ากับความจริงใจในส่วนลึกของผม…ผม
จึงไม่อาจบอกเขาในสิ่งที่น้อยนิดเกินนั้นไปได้

       “ผมพูดไปคุณคงไม่เชื่อ…แต่มันยากจะอธิบายว่าผมคิดยังไงกับคุณ”

      “คุณคิดถึงผมทุกวันหรือเปล่า?”

      ร่างสูงเดินย่ำเข้ามา ใจเริ่มสั่น…ทว่ายังมองตาของเขาอยู่

       “ใช่ ผมคิดถึงคุณทุกวัน…”

      “คุณเหงาทุกๆคืนหรือเปล่า?”

      “ใช่…ผมเหงา”

      บัดนี้ ชิพมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ร่างสูงจ้องมองลงมา ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นเชยคางของผมขั้น เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆเหมือนจะจูบ…

       “แล้วทำไม…แค่เงินที่คุณย่าซื้อคุณให้เลิกยุ่งกับผมเมื่อสิบปีก่อนถึงเปลี่ยนใจคุณได้ล่ะ!”

      ชิพกระแทกเสียงใส่หน้าจนสะดุ้ง พร้อมทั้งสะบัดคางผมออกไปจนร่างเซเกือบล้มลง…ดีที่ผมยืนอยู่ติดผนัง วินาทีที่เบือนหน้าออกมา น้ำตาอุ่นร้อน
พลันไหลไปเอ่อคลออยู่ตรงหน่วยตา รู้สึกเจ็บปวดกับความจริงที่ต้องเผชิญอยู่ตรงหน้า...

       “คุณรับเงินย่าผมไปหลายล้าน…เพียงเพื่อจะหนีผมไป ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…ปล่อยให้ผมต้องทนอยู่กับสภาพที่คุณทิ้งผมไป คุณคิดว่ามันสนุก
มากหรือไง? หา?!”

      ชิพผลักผมล้มลงกับพื้นไม้ขัดเงา แล้วตามมาเขย่าร่างของผม ความจริงแล้วมันไม่ได้เจ็บที่ร่างกายแต่มันเจ็บที่หัวใจ ผมไม่ได้ทำตัวอ่อนแอหรือ
อะไรเพียงแต่มันหมดแรงที่จะต่อกร

       “คุณกลับมาจากชีวิตที่สุขสบาย เพียงเพื่อจะมาโกหกผมอีกงั้นน่ะหรือ คนไร้ยางอาย!”

      ชิพโยนตัวผมไปอีก คราวนี้หยาดน้ำตามันไหลร่วงลงมาเผาะหนึ่ง….ตามด้วยสายน้ำตาที่ไหลรินลงมาเป็นทาง…ความเจ็บปวดที่ร้ายกาจในตอนนี้
มันช่างเกินจินตนาการจริงๆ…

       “คุณ…ไม่เข้าใจเหตุผลของผม”

      “เหตุผลบ้าบอ คุณจะเอาอะไรมาอ้างอีก ไหนบอกมาซิ”

      แต่ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบและปิดปากแน่น…เขาจะต้องไม่มีวันรับรู้ว่าเพราะอะไรผมต้องหนีจากเขาไป เพราะอะไรผมต้องรับเงินจำนวนนั้น…สัญญาที่
เคยให้ไว้กับคุณย่าของชิพผมยังคงเก็บกุมและรักษาไว้ตราบจนถึงทุกวันนี้

       เพราะค่าตอบแทนที่ผมได้มา ถือว่าได้รักษาพ่อ...อย่างน้อยก็ทำให้ผมกับแม่ได้กลับไปเจอหน้าพ่ออีกครั้ง...

      เม้มปากแน่นไม่พูดอะไร…นั่นยิ่งทำให้ชิพโมโห

       “แสดงว่าคุณไม่มีอะไรจะพูด ผมให้โอกาสคุณแล้ว อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”

      ผมพยักหน้าช้าๆ…ซึมซับข้อความเหล่านั้นไว้ ถูกแล้วที่ชิพจะทำเยี่ยงนั้น เขามีสิทธิ…

       “ตอนนี้ผมมีเงินมากพออย่างที่อยากได้อะไรก็ตาม ผมย่อมได้…ผมต้องการอะไรก็ตามที่เงินสามารถซื้อได้ ซึ่งนั่นรวมถึงคุณด้วยใช่มั้ย?”

      ชิพดึงไหล่ผมให้หันกลับมาจ้องหน้ากัน…สิ่งที่กระตุกหัวใจของผมนั่นคือสีหน้าของชิพที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน…แล้วเขาจะทำแบบนี้ทำไม?

       “คุณมีค่าเท่าไรล่ะ? ต้องใช้เงินกี่บาทถึงจะซื้อคุณให้สาสมได้?” ชิพกวาดตามองผมไปทั่วทั้งตัว แบบขยะแขยง...

       “ผมจะซื้อคุณให้มาทำงานเป็นเบี้ยล่างของผม ให้เป็นที่รองรับอารมณ์ เพราะคุณง่ายกับเงินมากนักนี่ ใช่มั้ย? พอใจหรือเปล่า?”

      “คุณเป็นบ้าอะไรกันแน่ชิพ?”

      “ก็เพราะผมแค้นคุณ!”

       ร่างของผมถูกดึงขึ้นตามร่างสูง มันบีบต้นแขนผมแน่นจนเจ็บเนื้อแทบแตก…ผมร้องโอยออกมา

       “ร้องออกมาเลย ร้องออกมา!”

      “ถ้า…ถ้าหากผมไม่รับเงินของคุณล่ะ”

      “ผมก็จะบังคับ ให้คุณยอมรับมันให้ได้”

      ชิพยืนเหนื่อยหอบจากการระเบิดอารมณ์อยู่ตรงหน้าผม…รู้สึกรวดร้าวในหัวใจ ผมยกมือขึ้นแตะแก้มของเขา แต่กลับดันโดนปัดออกอย่างแรง ผม
จ้องลงไปในดวงตาที่แสนคุ้นเคยนั่น...พลางถามเบาๆว่า…

       “คุณเปลี่ยนไป…”

      “ก็เพราะใครที่โหดร้ายกับผมก่อน”

       เขาผลักผมออกห่างอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความฉุนเฉียว เสียงปิดประตูลงดังๆยังคงก้องเหมือนมันไกลแสนไกล…มีเพียงผมคนเดียว
เท่านั้นที่อยู่ในห้องโล่งร้างๆแห่งนี้ ความทรมานที่พุ่งพล่านออกมาทำให้ผมต้องทรุดกายลงกับพื้น นั่งร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ…ทำไมนะ ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกให้
ผมกับเขากลับมาเจอกันด้วย ในเมื่อผมเกือบจะทำใจจากเขาได้แล้ว มันอีกนิดเดียวเท่านั้น…

       ตอนนี้ หัวใจที่ดูเหมือนจะหายขาดจากแผลเก่ายิ่งโดนเชือดเฉือนเจ็บปวดกว่าครั้งเก่า

       เพราะผมรู้ดี…รู้ดีทั้งหัวใจว่าไม่อาจลืมเขา ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

       และผมรอ…รอวันเวลา แต่มันคงง่ายกว่านี้ถ้าไม่มีเงื่อนไขที่ว่า…สิบปีก่อนผมเคยทำร้ายจิตใจของเขา ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะชดใช้…ผมจะชดใช้
ให้เขาเอง…

       

       เสียงประตูเปิดเข้ามาดังจนสะดุ้งจากการนอนหลับหลังจากวันอันแสนเหนื่อยล้า…หลายวันมาแล้วที่ชิพกลับบ้านมาหลังจากที่ผมเข้านอน จนเราไม่ได้
เจอหน้ากัน หรือว่าผมพยายามหลบหน้าเขาตลอดกันแน่ก็ไม่รู้...

       ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆแต่เราก็ไม่พูดคุยกัน

       ความจริง...คงเป็นเพราะเขาไม่ยอมพูดกับผมมากกว่า

       ทุกเช้าผมจะเตรียมอาหารเช้าง่ายๆเพื่อเขา แต่มันไม่เคยถูกแตะต้อง ทุกวันที่ผมคอยซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นของเขาเอง
กับมือ แต่ผมไม่เคยได้รับคำขอบคุณ หรือแม้แต่ล่วงรู้เลยสักนิด ทว่ามันคือความเต็มใจที่ต้องการทำให้ โดนไม่หวังอะไรเป็นสิ่งตอบแทนเลยสักอย่าง

       “ชิพ?...”

      เงาดำของร่างใหญ่โตยืนค้ำเต็มประตู แสงภายนอกลอดเข้ามาทำให้ผมปรับสายตาไม่ทันเมื่อนอนอยู่ในห้องมืดสนิท ความงัวเงียทำให้ไม่ทันรู้เรื่อง
อะไร…ร่างสูงนั้นก็เดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ผมไม่ทันได้ถอยหนีก็โดนจับล็อคเอาไว้

       “ทำไมต้องหนีหน้ากันด้วย”

      “ใคร...ใครกันแน่ที่หนีหน้า?…คุณ คุณน่ะแหละที่ไม่ยอมคุยกับผมเลย”

       “อย่ามาทำพูดดี!”

      “คุณมีเรื่องอะไร คุณคิดอะไรอยู่ในใจ คุณก็คุยกับผมซิ! ทำไมคุณต้องพยายามทรมานเราทั้งสองคนด้วยวิธีนี้ ในเมื่อผม...ผมก็กลับมาแล้ว และ
ยอมรับผิดทุกอย่าง...”

      “แต่…”

      ชั่วครู่หนึ่ง...ชิพเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะพลิกตัวคร่อมอยู่เหนือร่างของผม เหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์คละเคล้าไปหมด…สีหน้าของเขาเหมือน
คนสับสนที่ไม่รู้จะไปทางไหนดี ผมเองก็งุนงงกับท่าทางของเขา

       “คุณไปไหนมา?”

       “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ!”

       “แล้วจู่ๆเข้ามาในห้องของผมทำไม?”

      “นี่มันไม่ใช่ห้องของคุณ มันบ้านผม!...ความจริงแล้ว คุณต้องมาห้องนี้ถึงจะถูก”

      แรงของคนมึนเมาแทนที่จะอ่อนแรงแต่สำหรับชิพกลับรุนแรงยิ่งกว่าตอนมีสติเสียอีก…ผมถูกลากอย่างแรงมาที่ห้องของเขา แล้วถูกโยนไปบนเตียง
ตามด้วยร่างหนาใหญ่บึกบึนทาบทับ

       “นี่คุณจะบ้าไปแล้วหรือไงชิพ! นี่มันห้องของคุณนะ”

      “หยุดพูด หยุดพูดเดี๋ยวนี้!”

      มือแข็งแรงของเขาพยายามจะปลดกระดุมเสื้อนอนของผมออก แต่ทั้งความมืดและมืออันสั่นระริกทำให้อาจไม่ทันใจ จนเขากระชากหลุดออกมาทั้ง
แผงแบบนั้นแหละ…

       “ชิพ! คุณหยุดทำแบบนี้ซะที ผมขอร้อง”

       ทว่าเขากลับกระชากเสียงห้วนออกมา และต่อสู้กับผมอย่างดุเดือด…

       “หยุด หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้ บอกให้หยุดไง!”

       ทุกอย่างดูรวดเร็วและวุ่นวายไปหมด…กางเกงของเขาหลุดออกไปจากเอวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แล้วเมื่อไรกันที่ผมต้องโดนกระทำแบบนี้…ในที่สุดผม
ก็ต้องยอมอ่อนโอนไปตามแรงที่มากมายของเขา มันไม่น่ารื่นรมย์เลยสักนิด…มันคือความหยาบโลน ความใคร่ชั้นต่ำล่างสุด…ความรุนแรงที่ผมได้รับเกือบทำให้ต้องร้อง
โฮออกมาทั้งเจ็บปวดกายและใจ…เขาคงไม่เคยคิดถึงหัวใจของผมเลยสินะหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ความป่าเถื่อนของเขาช่างโหดร้ายจริงๆ…

       มันสมควรที่เขาจะเกลียดผม แต่ผมก็เป็นคน...เป็นคนที่รักเขาหมดหัวใจ...

       ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย?

       ใช่ว่าผมไม่อดทน แต่มันห้ามไม่ได้ที่จะน้อยใจ...ตอนนี้ในใจของเขา คงมีแต่ความเคียดแค้น แล้ววันเวลาดีๆที่เราเคยมีร่วมกันมาล่ะ?...สิ่งเหล่านั้น
จางหายไปไหน

       ผมไม่เข้าใจ สับสน หมดหนทางจริงๆ...

       เขาไม่เคย...ไม่อ่อนหวาน กับผมเลยมาก่อนในชีวิต

       วันนี้เขาทำเหมือนผมเป็นวัตถุอะไรสักอย่าง…

       ...ที่ผมจะไม่มีวันลืม





       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 06-05-2008 03:52:48
แอบสับสน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 06-05-2008 04:40:56
 :impress: :impress: :impress:

อดทนหน่อยครับพี่แดนที่ชิพทำไปเพราะรัก

และแค้นมากต่างหากละครับ

ผมว่าความรักชนะทุกอย่างนะครับ

เพียงแต่ผมว่าต้องให้เวลาในความเข้าใจกับชิพหน่อย

สู้ๆๆต่อไปครับผม

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-05-2008 07:43:39
 :sad2:  :sad2:  :sad2: :sad2: ชิพบ้า   :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-05-2008 09:04:45
 :o12:......................................เมื่อไหร่จะเข้าใจกันล่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 06-05-2008 09:20:24
 :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: A-lone ที่ 06-05-2008 10:28:07
ยิ่งอ่านไปยิ่งทำให้ผมอึดอัดกับตัวละครมากขึ้น
มันไร้เหตุผล

คนนึงก็ดูจะแค้นเอาซ่ะมาก จนคล้ายๆจะกลายเป็นคนโรคจิตไปแล้ว

ส่วนอีกคนก็มโนนึกเอา ว่าเค้าจะคิดอย่างงั้นอย่างงี้ โดยที่ไม่ยอมพูดหรืออธิบาย


เรียนมาตั้งสูงทั้งคู่  แต่แก้ปัญหา แล้วก็แบกรับปัญหาไว้ด้วยวิธีแบบนี้


ผมอ่านแล้วอึดอัดแทน....




หรือจะอินเกินไปกันนะคนเรา
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 06-05-2008 10:29:05
กี๊ซซ สวรรค์เบี่ยง+จำเลยรัก
ตบจูบๆ โอ้ววววชอบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 06-05-2008 10:57:41
 :m31:
ชิ๊พพพพ...


รอตอนต่อไปคร้าบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 06-05-2008 11:06:26
ไม่เข้าใจกันสักที

ขนาดโตๆกันแล้ว

แต่ยังใช่อารมณ์เป็นใหญ่เหมือนเด็กๆไปได้
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: lordhunter ที่ 06-05-2008 11:47:53
ชอบมาก  ตบจูบๆ  เอาอีกครับ   :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 06-05-2008 14:28:57
 o7 o7 o7 :o12: :o12:

ง่ะ ทำไมมันเศร้าจังเลยครับ

อยากอ่านตอนหน้าอีกครับ รีบๆมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 06-05-2008 17:44:13
คืนนี้มาต่ออีกนะครับจะรอ  :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 06-05-2008 20:10:31
 o7 แดนพยายามเข้า ยิ่งรักก็ยิ่งเกลียด พยายาม เปลียนซิพให้ได้  :a1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 06-05-2008 23:14:24
และแล้วมันก็ .... จำเลยเบี่ยง จนได้



ตบจูบ กักขัง โอ้วววววววว


ขอพิศาลด่วนเลยอะ จุดนี้
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: A-JJ ที่ 07-05-2008 01:53:54
ชอบเรื่องนี้ 5555 เจ็บปวดรวดร้าวดี :m15:
ชิพหนอชิพ แดนหนอแดน  :เฮ้อ:
อ่านแล้วทรมานแทนดี ชิพแค้นจนบ้าไปแล้ว แดนก็มาเพื่อชดใช้  o7 :o12:


แล้วต่อไปจะยิ่งหนักกว่านี้มั้ยเนี่ย  :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 07-05-2008 02:29:11
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม มาดันครับ

หายไปไหนแล้ว

รอ รอ รอ รอ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 07-05-2008 16:29:00
 :m15:

บอกได้สิ่งเดียวตอนนี้
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 07-05-2008 19:13:59
 o2

อ่านตั้งแต่ต้นจนถึงตอนปัจจุบันเลย เศร้าจัง  :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-05-2008 19:19:32
เข้ามารอ  มาต่อเถอะ   :sad2: :sad2: ถึงจะเศร้าแค่ไหน เราก็จะอ่าน    o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 07-05-2008 20:24:14
รออ่านบทที่ 10 นะครับ  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่9(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 08-05-2008 00:51:03
บทที่ 11 ผมอาจจะเอามาลงต่อให้ช้าหน่อยเด้อคับ แฮะๆ เพราะว่าใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ขอเวลาจัดเตรียมอะไรทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางซะก่อน แล้วผมสัญญาว่าจะเอาตอนต่อไปมาลงให้อ่านกันครับ ขอบคุณครับ
 o13

ปล. ถ้ามันมีตรงไหนผิดหรือเพี้ยนไปเล็กน้อยก็ขอประทานโต๊ดมา ณ ที่นี้ด้วยนะงับ งุงิ ง่วงอ่ะ :เตะ1: :a1:


บทที่ 10

       “กอล์ฟ?”
      ร่างสูงไล่เลี่ยกันกับผมยืนอยู่หน้าประตูห้องชุดของชิพ...ใบหน้าขาวที่มีคิ้วเข้มพาดเฉียงเต็มไปด้วยความสงสัย พร้อมทั้งขมวดคิ้วเท่ๆอย่างที่ชอบทำ
       “แดน มึงหายไปไหนมาว่ะ?”
       “~เอ่อ...”
      ไม่รู้จะตอบมันยังไงดีเหมือนกัน...ผมเลยให้มันเข้ามานั่งพักในห้องก่อน กอล์ฟมาพร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ที่มันพกไปไหนต่อไหน นั่งรอที่โซฟารับแขกส่วนผมไปเอาน้ำเย็นๆมาให้
       “โห นี่มึงหาที่อยู่ใหม่ได้หรูขนาดนี้เชียวเหรอว่ะ แพงมากเลยอ่ะดิ”
      กอล์ฟดื่มน้ำที่ผมยกมาให้จดหมด มันเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหนื่อยเนื่องจากเดินทางมาร้อนๆ...ก่อนจะนั่งกางแขนพาดไปบนพนักโซฟาอันแสนนุ่ม
       “เอ่อ ความจริงนี่ไม่ใช่คอนโดกูหรอก…”
      “~อ้าว? ก็คุณมาร์คบอกว่ามึงย้ายออกไปแล้ว มันหมายความว่าไงกันแน่เนี้ย?”
      สีหน้าของกอล์ฟคาดคั้น ผมลำบากจะตอบ...
       “ความจริงแล้วนี่คือคอนโด...ของเจ้านายใหม่กูน่ะ เขาให้อยู่”
      ไอ้กอล์ฟทำตาโต
       “จริงดิ!? งานใหม่นี่ดีชะมัดเลย หาได้ไงว่ะ เออ ว่าแต่มึงออกจากที่เก่าทำไมล่ะ”
      ผมอ้ำๆอึ้งๆ...เพราะไม่อยากเล่าให้มันฟังถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา กอล์ฟอาจจะเป็นเพื่อนของผมแต่เราสองคนก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายขนาดนั้น...สรุปแล้วผมก็เลยโกหกมันไปว่าผมอยากหางานใหม่ทำมากกว่า
       “แล้ววันนี้มึงมาทำไม?”
      “อ้อ ก็เมื่อวันก่อนที่กูไปกินเหล้ากับมึง กูลืมเอาเอกสารบางอย่างให้มึงไง กูโทรฯบอกเจ้านายมึงสองคนแล้วว่าจะแวะเอามาให้ เขาก็เลยบอกว่ามึงย้ายออกไปแล้ว เผอิญกูผ่านมาแถวนี้พอดีเลยจะฝากไปด้วยแล้วกัน”
      มันเล่าเป็นฉากๆ หยิบเอกสารซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋า แต่แล้วมันก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะไป -_-“
       “แล้ววันนั้น...มึงไม่โทรฯมาปลุกกูที่โรงแรมเลยนะเว้ย แมร่งกูไปทำงานสายเลย”
      “วันไหน?”
       นั่นดิ วันไหนว่ะ?
      “อ้าว ก็วันที่กูเมาจนกลับบ้านไม่ไหวไง แต่ก็ดีนะ...เลยได้โดดงานวันหนึ่งเลย”
      มันยิ้มๆ มองผมเหมือนจะประชด
       ชวนผมคุยไปเรื่อยๆ สักพักมันก็อมยิ้มแปลกๆ มองไปรอบๆห้องเหมือนกำลังตั้งใจสำรวจอะไรบางอย่าง…
      “นี่..ถามจริงเหอะ มึงมีแฟนยังว่ะ?”
      ใจหลุนวูบไปอยู่ตาตุ่ม...หรือว่ามึงเห็นอะไรเข้าแล้ว?
      “’ไมอ่ะ?...”
      “ก็ไม่รู้อ่ะ...กูแค่อยากถาม ไม่ได้ข่าวมึงมาตั้งนาน มึงยัง...เอ่อ ชอบแบบเดิมอยู่หรือเปล่า”
      ผมหลบสายตาของมัน จิบน้ำ...สบตามันอีกทีก็ต้องตกใจเพราะพบว่าไอ้กอล์ฟเองก็หน้าแดงไม่แพ้กัน
       “อืม...”
      “เหรอ...กูถึงว่าทำไมห้องมันกว้างเกินกว่าจะอยู่แค่คนเดียว...”
      “...”
       “แล้ว...แฟนคนเก่าล่ะ?”
      ผมก้มหน้าไม่ตอบมัน รู้สึกว่ามันคือเรื่องส่วนตัวมากเกินไป...
       ‘แฟนคนเก่า’…พูดแบบรู้ๆกัน
       “เฮ้ย...มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?”
      “เปล่าหรอก...”
       “กูก็ยังไม่มีแฟนว่ะ...แมร่ง ทำแต่งาน ส่วนไอ้พวกที่ทำงานก้มีแต่แก่ๆทั้งนั้น ไม่ไหวๆ”
      ไอ้ลิงเฮ่งเจีย(ฉายาเก่า ถ้าใครยังจำได้นะครับ ^-^)ส่ายหน้าเอือมระอา แต่ตอนนี้กรูระอามึงมากกร่า~~~=_=”
       “สงสัยเราสงคนคงต้องอยู่ด้วยกันแล้วล่ะมั้ง?”
      ไอ้กอล์ฟพูดขึ้นลอยๆ...มันมองผมด้วยแววตาหยั่งเชิง โอ๊ย!!! ประสาทจะแดก ทำไมมันต้องมายียวนกวนบาทผมเอาตอนนี้ด้วย คนยิ่งรู้สึก...แปลกๆอยู่
       ผมแกล้งทำเป็นสำลักน้ำ
       “ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องเว่อร์ขนาดนั้นก็ได้...กูพูดเล่นน่ะ”
      กอล์ฟมองดูนาฬิกา เหมือนมันต้องไปที่ไหนต่อแล้ว ผมล่ะดีใจสุดๆ -_-“
      “เออ งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ”
      ออกไปส่งมันที่ประตู กอล์ฟกลับไปแล้ว...ทำไมผมถึงรู้สึกปวดใจยังไงไม่รู้เวลามันถามจี้ใจดำเรื่องของชิพ...

       “ปึง!”
      ผมสะดุ้งทันทีที่เสียงนั่นดังสนั่นขึ้นที่หน้าประตูห้อง บังเอิญยังไม่ได้นอนเพราะกำลังคิดอะไรอยู่เรื่อยเปื่อย...ปาดน้ำตาก่อนรีบเปิดไฟเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
       ร่างสูงจ้องมองมาด้วยแววตาเลือดเย็น...สีหน้าเย็นชาแลดูไร้อารมณ์ ผมกำมือไว้กับผ้าปูที่นอนแน่น...อะไรอีกล่ะคราวนี้?
       “ทำไมถึงมานอนห้องนี้”
       แปลกที่ผมไม่ยักกะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ หรือท่าทางเขาก็ไม่เหมือนคนเมา...ชิพยืนกอดอกพิงขอบประตูแล้วจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ รู้สึกกดดันจากสายตานั้น เขาทั้งสงบ เย็น แต่ร้ายลึก...ผมทั้งกลัว...ทั้งไม่ชอบเวลาชิพทำแบบนี้ เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
       “ผม...เอ่อ...”
      “ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้คุณนอนห้องเดียวกับผม?”
       ไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากก้มหน้างุด หลบสายตาคมกริบนั่น
       “วันนี้ใครมาหาคุณ”
      หา?
      ใจของผมเต้นแรงตึกตักขึ้นมาทันที...ความตื่นกลัวพุ่งพล่าน ผมไม่อยากให้ชิพรู้เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ขี้หึงมากที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมา -_-* หากบอกไปว่าวันนี้กอล์ฟเอาเอกสารมาให้ที่บ้าน...ผมคงต้องตายแน่ๆ
       “อะ...อะไรนะ? เปล่านี่...”
      “แล้วทำไมถึงมีผ้าเช็ดหน้าของใครก็ไม่รู้ตกอยู่ล่ะ!”
      วินาทีที่พูดจบ ชิพพุ่งพรวดขึ้นมาบนเตียงเพียงชั่วพริบตา จับกดผมไว้ มือของมันแข็งแรงอย่างกะปลอกเหล็ก ใจผมหายวูบเหมือนมันจะหยุดเต้นลงเสียเดี๋ยวนั้น
       “รู้มั้ยว่ามีอยู่สองสิ่งในโลกนี้ที่คุณเรียกกลับคืนมาไม่ได้ นั่นก็คือคำพูดและกาลเวลา...ทำไมคุณต้องโกหกผม? ผมถามยามข้างล่างแล้วว่าวันนี้มีคนขึ้นมาที่ห้อง เป็นผู้ชาย...มันคือคนที่คุณนอนด้วยที่โรงแรมคืนนั้นใช่มั้ย?”
      ชิพคร่อมร่างอยู่เหนือผม ตะคอกลงมาเสียงดัง...แต่ละคำพูดของเขาช่างเชือดเฉือนจนผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...เลยจริงๆ
       “ปะ เปล่านะ! ผมไม่ได้มีอะไรกับเขา”
      “โกหก! คุณโกหก!”
      ยามโมโหเขาคงไม่ฟังเหตุผลหรือพยายามเข้าใจอะไรทั้งนั้น เขาลืมไปแล้วเหรอไงว่าหลังจากคืนนั้น…เขาทำให้ผมเลือดออก เพราะสิบปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเปิดใจหรือปล่อยตัวไปกับใครเลย...      “ทำไมคุณต้องโกหกผม?...ทำไมคุณต้องทำให้ผมหึงได้หน้ามึดขนาดนี้...รู้มั้ยว่ามันทรมานมากแค่ไหนที่ต้องคิดว่าคุณอยู่กับคนอื่น...ผมจะทำให้คุณรู้เองว่าคุณทำผิดยังไง!”
       ชิพก้มลงจูบผมอย่างหนักหน่วงรุนแรง มันเจ็บมากกว่าจะรู้สึกอย่างอื่น…มืออุ่นร้อนของมันปัดป้องการต่อสู้ขัดขืนของผมได้หมดทุกทาง
       “ชิพ เดี๋ยวก่อน ฟังผมก่อน...”
      ชิพรีบร้อนถอดเสื้อเชิร์ตสีขาวของเขาออก ก่อนจะเร่งรีบให้ผมถอดชุดนอนตัวโคร่งออก...กางเกงขาสั้นของผมหลุดลอยตามไป ชิพถอดเข็มขัดออกมามัดข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้แน่นจนมันเจ็บมาก
       “หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้! หยุดร้องไห้!”
       สมเพชก็สมเพชตัวเอง...ขณะที่นอนน้ำตานองหน้าอยู่ในขณะนั้น ชิพหอบเหนื่อยๆเพราะอารมณ์โกรธ...จู่ๆระหว่างเราสองคนก็เงียบงันลง มีเพียงเสียงสะอื้นสูดจมูกของผมเบาๆ
       ชิพจ้องตาผม
       เขาค่อยๆบรรจงจูบผม...
      มันคือความอ่อนโยนที่แปลกประหลาด
       “คุณพูดมาคำเดียว...คุณมีใครอื่นหรือเปล่า”
      น้ำเสียงของเขามันเย็นชื่น ฟังดูอ่อนหวานเหมือนเขากำลังขอร้อง...อ้อนวอน มากกว่าคาดคั้นเอาคำตอบ
       “เปล่า...”
      “แต่คุณทำให้ผมโกรธ ผมเคยโกหกคุณเหรอ? ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วย...”
      ใช่...นิสัยสันดานเลวๆของผมมันมีอยู่อย่างหนึ่งที่แก้ไม่หาย นั่นคือปากเบาและชอบโกหกเสมอ...กับเขาผมโกหกเพราะผมกลัว กลัวว่าเขาจะบ้าคลั่งใส่ผมอีก
       “คุณจูบผมหน่อย...”
      ชิพร้องขอ แต่ผมไม่ทำตาม เขาจึงเป้นฝ่ายจูบลงมาบนริมฝีปากของผมเอง...เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่ไหลแผ่ซ่าน จุมพิศที่เร่าร้อนรุนแรงเริ่มทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ o_O*
       “หากคุณโกหกผมอีก ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
      ชิพโถมเอาร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบึกๆลงมานอนทับไว้ ก่อนจะค่อยๆสอดแทรกกายเข้ามา...ผมรู้สึกเจ็บที่ใจมากกว่าร่างกาย เขากัดลงไปที่เอ็นตรงลำคอแรงจนผมร้องโอยออกมา ก่อนจะลากลิ้นอุ่นร้อนกลับมางับเอาริมฝีปากล่างของผมเข้าไป ดูดมันอย่างแรงจนชา
       ชิพควานหาผมด้วยลิ้นอ่อนนุ่ม...ผมเริ่มมีความรู้สึกตื่นเต้นร่วมไปกับเขา ทว่าความรู้สึกข้างในที่โดนทำลายจากคำข่มขู่ไม่เหลือชิ้นดีกลับทำให้อารมณ์อยู่ครึ่งๆกลางๆ...แสงไฟจากโคมที่ส่องสะท้อนมาเผยให้เห็นแผ่นหลังของชิพเกร็งเขม่ง ใบหน้าเหยเกของชิพ...เขาหลับตาลงแล้วกระตุกกายเป็นครั้งสุดท้าย
       ลมหายใจของเราหอบหนัก ชิพจิกผมบนหัวของผมขึ้นมาแล้วแหงนหน้าให้เขาได้จูบลงไปอย่างไม่ยินดียินร้าย...เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมหลับตาลงพลางเก็บความรู้สึกเสียใจนั้นไว้ข้างใน...ผมเสียใจที่โกหกเขาโดยไม่ทันคิด ผมเสียใจที่ทุกอย่างเป็นเช่นนี้...
       ทว่าอีกใจหนึ่งก็เต้นไปพร้อมกับจังหวะรักของเขา
      ลืมตาขึ้นมาผมกับแววตาของชิพ มันดูอ่อนโยนขึ้น นิ้วโป้งของเขาถูกยกขึ้นมาลูบอย่างแผ่วเบา...ผมค่อยๆเบือนหน้าหนีออก สักพักชิพก็ผละออกไป แล้วเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ
       “อย่าโกหกผมอีก...”
      น้ำเสียงอันจะกล่าวเป็นนัยว่านี่คือบทเรียน แต่มันคงไม่ใช่โทษร้ายแรงถึงขนาดที่เขาต้องทำกับผมแบบนี้นี่...นั่นคือทำให้ผมหลงรักเขา โดยที่ไม่เคยให้สัญญาณอะไรผมตอบแทน อาจจะใช่ที่เขายังคอยผมอยู่...แต่เขาไม่ยอมพูดคุยกับผมตรงๆเหมือนแต่ก่อน ประมาณว่าชิพรั้งตัวตนอีกครึ่งหนึ่งไว้กับตัวไม่ยอมเปิดเผยออกมา...
       เป็นเพราะสิบปี มันนานไปหรือเปล่า...เลยทำให้เปลี่ยนไปแบบนี้
       แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อว่ากาลเวลาเปลี่ยนใจคน…
       ...รู้สึกว่าร่างถูกยกขึ้นจากเตียง อยู่ในอ้อมกอดของชิพ...เขาเดินตัวเปล่าผ่านห้องรับแขกโล่งว่างไปยังอีกห้องซึ่งก็คือห้องส่วนตัวของเขา ผมถูกวางลง...ตามด้วยร่างของชิพที่นอนลงมาข้างๆ กอดจากด้านหลัง...
       จุมพิตที่อ่อนโยนเนิบนาบประทับลงมา ทำให้ผมงุนงง…ทำไมชิพถึงชอบทำแบบนี้? ด้วยการทำให้ผมสับสน...เขาเพิ่งจะสะใจจากการมีบทรักรุนแรงป่าเถื่อน ตอนนี้ทำไมต้องมาทำดีกับผมด้วย ผมมันก็แค่เครื่องระบายอารมณ์ของเขานี่
       “คุณคิดว่าผมเป็นคนร้ายกาจ...แล้วคุณล่ะ คุณหนีผมไปสิบปี คุณเคยคิดกลับกันบ้างมั้ย?”
      คำพูดของชิพทำให้ขนลุกซู่...
       แล้วค่ำคืนอันแสนยาวนานก็ผ่านเลยไป ผมนอนให้เขากอดอยู่แต่ลืมตาตื่นพลางคิดทบทวนสิ่งต่างๆ...มันแปลกๆที่ว่าผมกับเขา เราเคยเป็นเหมือนคนเดียวกัน ทำไมนะ…ทำไมตอนนี้แม้เราจะกลับมาเจอกัน มันก็เหมือนไม่รู้จักกันมานานแสนนาน...แม้ความสัมพันธ์ทางกายจะยังคงดีเลิศเช่นเดิม แต่ผมรู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขา...ทำไมกัน ทำไม?
      ไอ้ความจริงที่บอกผมว่าเราสองคนเริ่มห่างไกลกันทุกที...มันเหมือนจะฆ่าผมให้ตาย
       ทรมานอย่างสุดบรรยายเลยเชียวล่ะ...
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-05-2008 00:57:57
น่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 08-05-2008 01:12:02
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม สงสารด้วยกันทั้งคู่นะครับ

ว่าแต่กอร์ฟนี่แปลกๆๆนะครับเดี๋ยวนี้อะ

ชอบแดนแล้วอะดิ

แล้วแอล อะครับ หายไปไหนแล้วไม่เห็นแดนพูดถึงบ้างเลย

ครับผมยังไงก็จะรออ่านเสมอนะครับผม

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: A-JJ ที่ 08-05-2008 02:39:12
 o2ตอนแรกนึกว่าคุณชายจะโมโหปรี๊ดแตกกว่านี้อีก  :a5:
สงสารแดน ไม่สงสารชิพ 5555555555 :m30:
สงสารแดนเพราะแดนน่าสงสาร  :กอด1:

ตอนต่อไปมาลงช้าหน่อยก็บ่เป็นหยัง
รอได้จ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-05-2008 07:47:47
 :m15: :m15: :m15: ยิ่งอยู่ใกล้ เหมือนยิ่งห่างไกล  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-05-2008 10:59:52
ทำไม ไม่คุยกันดีๆสีกทีล่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 08-05-2008 11:45:19
บอกตรงๆ ไม่ค่อยสงสารชิพเท่าไหร่

สงสารแดนมากกว่าอะ อดทนมากๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: K-altz ที่ 08-05-2008 12:11:24
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลย  o13

สงสารแดน ชิพไม่ยอมฟังไรบ้างเลย  :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 08-05-2008 12:29:12
 :เฮ้อ: น่าสงสาร  :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 08-05-2008 12:47:29
มาให้กำลังใจแดนค้าบ

ชิพใจร้ายเนอะ ไม่ฟังเหตุผลเลย

แล้วคุณย่าตายยางอะ

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 08-05-2008 16:21:33

ตอนนี้ตื่นเต้นดี หรือว่าเราชอบแบบซาดิสอ่ะ  :o8:

แต่ท้ายๆตอนกลับเศร้าซะงั้น  :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 08-05-2008 20:40:42
+1 นะครับ   o13 o13

รู้สึกกดดันแทนนิคอย่างแรงครับ  :serius2: :sad2: :serius2: แต่จะว่าไปก็เกิดจากการไม่ยอมเปิดความในใจให้กันและกันอย่างเต็มที่มั้งครับ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ดูเหมือนแค่รักอย่างเดียวจะช่วยไม่ไหวแล้วนะครับ  สงสัยต้องหาตัวช่วย  :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 08-05-2008 21:29:29
แงแง มะไหร่จาหวานอ่า :o12:  น่าสงสารแดนมากมาย o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 08-05-2008 21:31:26
สงสารแดนนนนนนน
 :o12:

ชิพบ้า..
ถ้าคราวหน้าหึงหรือโกรธทีนึง คง...

 :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 08-05-2008 21:45:56
ชิพเบี่ยง!!!!  :m29:

สงสารทั้งแดนและชิพเลยครับ

กาลเวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้จริงๆครับ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 08-05-2008 23:53:29
จำเลยรัก 555+  :m4:

สงสารแดน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 08-05-2008 23:55:27
สิบปีมานนานมากกกกกกก...เลยอะคะ..ในความคิดเรา.......

ถ้าชิพจะเปลี่ยนไปแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกคะ.......

เพราะว่าเค้าอยู่อย่างต้องทนคิดถึงแดนนี่นา.....

แดนหนีไป...พอกลับมาแล้วจะไม่ไว้ใจกันก็ไม่แปลก....

ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง......รู้อย่างเดียวว่าชิพยังรักแดนมั่กๆๆๆๆๆ....>___<

อ่านแล้วสงสารทั้งคู่เลยคะ.......... :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 09-05-2008 00:50:13
มาให้กำลังใจแดนค้าบ

ชิพใจร้ายเนอะ ไม่ฟังเหตุผลเลย

แล้วคุณย่าตายยางอะ



ตายแว้วครับ ....

ว่าไปแล้ว .... แหม้ .... เรื่องนี้ก็ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศใช้ได้เลยนะ

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-05-2008 09:36:19
โหดไปม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยชิพ :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 09-05-2008 23:39:09
 :o12: :o12:

ชอบเรื่องนี้อะครับ



แต่ไม่ชอบให้มันเป็นอย่างนี้อะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 10-05-2008 00:34:42
ได้แค่คำเดียว o7 o7 o7




บทที่ 11



       “เรื่องเมื่อวันนั้น…ผมขอโทษนะ”

      ชิพเอ่ยขึ้นขณะผมกำลังรินกาแฟ…เช้าวันนี้แปลกไปที่ชิพยอมนั่งโต๊ะอาหารและร่วมพูดคุยกับผม…เขากินสิ่งที่ผมทำให้เขาไปบางส่วน แต่รู้เหตุผลดี
ที่เขายอมทำแบบนี้

       หลังจากคืนนั้น…ตอนเช้าเขาก็หายตัวไป หลายวันต่อมาที่เราต่างพยายามหลบหน้ากันและกัน ผมเกลียดที่จะต้องมองตาคนใจร้ายอย่างนั้น…แต่ก็
ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้ผมไม่มีที่ไป ก็เพราะถูกเขาบังคับไว้อีกนั่นแหละ…

       “…”

      “คุณ…ไม่ต้องทำท่ากลัวผมแบบนั้นก็ได้”

      ผมชะงักมือที่กำลังล้างจานอยู่ พลางต้องวางจานลงกับอ่าง เอาแขนทั้งสองข้างพยุงร่างเอาไว้ไม่ให้สั่นเทาจนต้องทรุดลงไปกับพื้น…น้ำตาแห่งความ
เสียใจหลั่งไหลเข้ามามากมายจากไหนกันนะ?

      “ผมขอโทษ…”

       ไออุ่นจากร่างสูงประกบเข้ามาทางด้านหลัง…ชิพกอดผมไว้หลวมๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกอดที่แนบแน่น...เขาซบใบหน้าลงมา ยิ่งทำให้ผมร้องไห้
หนักเข้าไปอีก -_-“…

       มันเจ็บไปหมดทั้งหัวใจ

       ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน? เพราะผมรักเขามากไปหรือไง? ความรักทำให้คนเราเจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้?...คงไม่ ผมเจ็บ...ก็เพราะว่าผม
รู้สึกผิดที่ทิ้งเขาไป ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมผ่านอะไรมามาก...โดนเขาทำร้ายและทั้งทำร้ายเขา...แต่ทำไมเราสองคนถึงไม่เข้าใจกันสักที ทุกครั้งที่เราสองคนทะเลาะกัน...
มันทำให้รู้สึกแย่ แย่เอามากๆ...

      “…ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมด้วย…ผมไม่คิดว่ามันจะทำร้ายคุณ แต่ผมทั้งโกรธ ทั้งโมโหตัวเองที่ปล่อยให้ตัวเองทำอะไรโง่ๆ…คุณกลับมาหาผม
อีกครั้ง แต่ผมเกือบจะทำมันพังอีก…ผมมันบ้า คุณยกโทษให้ผมได้มั้ย?”

      แม้เขาไม่พูด…ผมก็พร้อมจะยกโทษให้เขาเสมอ น้ำเสียงเศร้าๆเว้าวอนนั่นทำให้ผม ‘เกือบ’ ต้องรีบหันกลับไปกอดร่างของเขาไว้…ร่างที่อบอุ่นและ
เติมเต็มให้ผมได้เสมอแม้เขาจะโหดร้ายมากเพียงใดก็ตาม

       ผมก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงสู่พื้น...กัดริมฝีปากแน่น

       “วันนี้ผมต้องเดินทางไปเชียงใหม่สองสามวัน...ผมไม่อยากจากไปโดยที่ไม่ได้บอกคุณ ว่าผมขอโทษ...สำหรับเรื่องทุกอย่าง สำหรับความเจ็บช้ำใจ
ที่ผมก่อ...คุณ เอ่อ...คุยกับผมเป็นเรื่องเป็นราวได้มั้ยเวลาผมกลับมา?”

       ไม่ได้ตอบ เพียงแต่พยายามควบคุมร่างไม่ให้สั่นเทา พยายามห้ามใจตัวเอง...

       “ผมมีเรื่องมากมายต้องพูดกับคุณ...ผมขอร้อง...อยู่รอผมนะครับ?...”

       ชิพผละออกในที่สุด ก่อนจะเดินไปหยิบสูทที่พาดไว้กับเก้าอี้แล้วออกไปทำงานตามปกติ…อารมณ์อ่อนโยนเหล่านั้นยังคงคั่งค้างอยู่ในอก ผมกอดตัว
เองเพื่อให้ความทรมานเหล่านี้จางหายไป มันยากที่จะบอกให้ชิพรับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วผมรักเขามากแค่ไหน และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกทรมานมาจนถึงทุกวันนี้…



       “แดน พี่หาที่อยู่ใหม่ให้แดนได้แล้วนะ”

      พี่มาร์คกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์มาตามสาย ผมตั้งใจฟังพร้อมทั้งจดลายละเอียดต่างๆลงไปในกระดาษทั้งหมด

      “อยู่ใกล้ๆบ้านพี่นี่เอง เป็นไง แดนคิดว่าสะดวกมั้ย”

      ผมแอบถอนหายใจ...จะยังไงก็ช่าง ผมคงต้องตอบตกลง

       “ถ้ามันไม่แพงนัก ผมคงอยู่ได้แหละพี่…”

      พูดคุยต่ออีกสักสองสามคำก็วางสาย ผมนั่งนิ่งๆพยายามปิดกลั้นความรู้สึกทุกข์ทรมานของตัวเอง...เมื่อวันก่อนที่ผมเอาเอกสารไปให้พี่มาร์ดเขาก็
บอกว่ากำลังติดต่อหาที่อยู่ใหม่ให้ ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว...ผมพร้อมที่จะไป เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

       พรุ่งนี้แล้วซินะ...ที่ชิพจะกลับจากต่างจังหวัด

       ผมไม่อยากให้ชิพกลับมาทะเลาะกับผม...ทุกวัน ทุกวันที่เราไม่ค่อยเข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผมโง่หรือเปล่าที่คิดแบบนี้ แต่ทางที่ดีคือควรรีบ
จากไปเสียตอนนี้...เพื่อรักษาสิ่งดีๆที่ยังคงหลงเหลือไว้คราวที่เรายังรักกันเป็นหัวใจดวงเดียว

       จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมา...แต่ผมกลับไม่สนใจจะทำอะไรกับมัน ความหนาวยะเยือกเข้าครอบงำ...ห้องที่เงียบเหงา ผมพยายามทำใจให้คิดซะว่า
ต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้า...และมันต้องเป็นเช่นนั้น...



       “น้อง? มีใครตามน้องมาหรือเปล่า”

      พี่โซเฟอร์แท็กซี่มองผ่านมาทางกระจกหลัง เสียงบีบแตรหนวกหูของไอ้รถบ้าที่ตามมาข้างหลังยังคงดังอยู่...น่ารำคาญชะมัด

       “ครับพี่?”

      “ก็เบนซ์ข้างหลังเราน่ะซิ ขับรถตามมาแถมยังบีบแตร่จนคนมองไปทั่วแล้ว...เขาตามน้องมาหรือเปล่า?”

      ผมหันกลับไปดู...ใช่จริงๆด้วย!!! ผมมองเห็นชิพจ้องมองมาด้วยแววตาอาฆาตแค้นที่ทำให้ตัวสั่นไปทั้งร่าง...ชิพทำมือให้รถจอดลง

       “อะ...เอ่อ...”

       “ใช่มั้ยน้อง? งั้นพี่จอดก่อนนะ ลงไปคุยกันให้รู้เรื่องเถอะ...ชาวบ้านเค้าจะรำคาญเอา”

       คนขับเองยังทำสีหน้าเซ็งๆ รถแท็กซี่ค่อยชะลอตัวและจอดลงข้างทางในที่สุด...คนขับรีบปลดเข็มขัดลงมาขนกระเป๋าที่ท้ายรถ ผมพยายามตั้งสติและ
สูดลมหายใจเข้า ความหวาดกลัวแผ่ซ่าน มือเย็นเฉียบ...ตัดสินใจให้แน่วแน่ก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถ ชิพยื่นแบ๊งค์ห้าร้อยให้คนขับโดนไม่เอาเงินทอนอยู่พอดี พี่โซ
เฟอร์ถึงขนาดยกมือไหว้แล้วรีบขับจากไป

       “คุณกล้ามากนะ กล้ามาก!”

      ชิพกระชากกระเป๋าใบใหญ่ลอยขึ้นจากพื้น...แล้วเหวี่ยงมันขึ้นหลังรถเบนซ์ของเขา ส่วนผมยืนนิ่งไม่พูดอะไร แต่แล้วต่อมาชิพทก็เดินมากระชากตัว
ผมตามไปอีกคน คราวนี้ผมขึงตัวไว้

       “ไม่! ผมจะไม่กลับไปอยู่กับคุณแล้ว ปล่อย!”

      “ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!”

      “ไม่! ขอร้องเถอะชิพ...ผมยังอยากเก็บความรู้สึกดีๆที่ยังคงเหลืออยู่ไว้ ระหว่างเรา...มันเปลี่ยนไป คุณไม่รู้สึกเหรอ?”

      ชิพยังคงออกแรงลาก บีบข้อมือจนช้ำไปหมด

       “~คุณทำผมเจ็บนะ”

      “ก็ผมขอโทษคุณแล้วไง!”

       ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาคงไม่ฟังผมทั้งนั้น

       “ชิพ ได้โปรด! ผมอยากจากไปด้วยดี ผมอยู่ไปคุณก็พาลเอาแต่จะเกลียดขี้หน้าผมเปล่าๆ ให้ผมไปเถอะนะ...”

      ชิพออกแรงลากตัวผมจวนจะถึงรถอยู่แล้ว จู่ๆก็หยุดชะงักลง...

       “คุณพูดว่าอะไรนะ?”

      ผมกลัว ใจเต้นตึกๆๆๆ~~~…และกำลังจะเสียน้ำตา แต่อดกลั้นเอาไว้ อดกลั้นเอาไว้…

       “ใช่! ผมอาจจะทำผิดกับคุณมาในอดีต...แต่คุณไม่เคยคิดเลยหรือไงว่าผมก็คือคน คุณทำเหมือนผมไม่ใช่คน!”

      ชิพยืนตะคอกใส่หน้าผม ทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว มันไหลหยดแหมะลงมา...

       “คุณทำร้ายจิตใจของผม คุณทำ...เหมือนระหว่างเราไม่มีค่าอะไร คุณทำแบบนั้นได้ยังไง? คุณเคยคิดถึงหัวอกของผมบ้างมั้ย ที่มันตรอมใจ...ที่
มันจะเป็นบ้าเพราะคุณ!

      “หยุด...พอแล้ว...”

       “คุณมันคนใจดำ ใจร้าย ร้ายที่สุด! คุณมันคนเห็นแก่ตัว คุณหลอกผมให้ผมหลงเชื่อ หลงรักคุณตั้งสิบปี”

       ผมยืนหลับตาไม่กล้าสบสายตาของเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้นแบบไม่อายใคร...

      “แต่...ถ้าต้องกลับไปให้คุณทำร้ายจิตใจผมอีก ผมไม่อยากไป...”

      “นี่…!?”

       ตอนนั้น...ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเป็นความน้อยใจที่สะสมมานาน บวกกับขาดสติ ทำให้ผมเผลอหลุดคำพูดบางอย่างที่เลวร้ายมากถึงมากที่สุด...
ออกไป

      “คุณอาจจะไม่รักผมแล้วก็ได้...คุณไม่ต้องแคร์ผม คุณไม่ต้องห่วงว่าผมจะเสียใจ คุณจะทำยังไงกับผมก็เชิญ...ผมไม่อยากทนกับสภาพแบบนี้อีกแล้ว
คุณกลับไปเถอะผม-”

      “หุบปาก!”

      เพี๊ยะ!

       ชิพฟาดฝ่ามือลงมาบนหน้าผมอย่างแรง...ผมหน้าหัน ความเจ็บชานั้นถึงกับทำให้น้ำตาหยุดไหล นิ่งอึ้งอยู่ชั่วขณะ...พูดอะไรไม่ออก หูอื้อ มือชา...
แววตาของชิพทั้งโกรธทั้งเสียใจ...

       “หยุดพูดแบบนั้นเดี๋ยวนี่!”

      เรายืนนิ่งไม่มีเสียงแม้แต่แอ๊ะเดียว...ชิพเองก็เช่นกัน

       “ผมไม่เคยทำร้ายคุณเลยนอกไปจากสิ่งที่คุณเองก็รู้ดี ว่าคุณก็มีความสุขด้วย...แต่ครั้งนี้ผมจะตบหน้าคุณ ตบหน้าคุณที่พูดจาไม่รู้จักคิด!”

      ร่างของผมถูกลากขึ้นรถไปในท้ายที่สุด ผมสะอึกสะอื้นมาตลอดทาง หนักกว่าเก่า ไม่รู้ซิ...แต่การโดนตบหน้าครั้งนี้กลับทำให้ผมรู้สึกตัวว่า...นี่ผม
กำลังจะทำอะไรลงไป? หากชิพไม่ยอมตามมา ผมคงต้องจากเขาไป...อีกรอบหนึ่งอย่างงั้นเหรอ?

      

      ชิพเป็นคนลากกระเป๋าเข้ามาในห้อง ผมเดินลิ่วไปล้างหน้าในห้องน้ำ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าตัวเองในกระจก...เปิดประตูออกมาก็เจอคนหน้ายักษ์
นั่งเคร่งเครียดรออยู่แล้ว

       “ทำไมคุณต้องคิดว่าผมไม่แคร์? คุณทำแบบนี้ทำร้ายจิตใจผมมากเลยนะ”

      ชิพเปิดฉากด้วยอารมณ์ต่อจากเมื่อกี้ ผมตั้งตัวรับไม่ไหว เลยได้แต่เบิกตากว้างจ้องหน้าเขา...ความรวดร้าวทิ่มแทงเข้ามาจนรู้สึกเจ็บแน่นไปหมด

       “สิ่งที่คุณทำลงไปเมื่อกี้มันร้ายกาจ...ร้ายกาจกว่าการที่ผมตบหน้าคุณมากนัก ผมเฝ้ารอคุณมาสิบปีเต็ม คุณจะหนีผมไปอีกรอบน่ะเหรอ?”

      “คุณยังมีหน้าหาว่าผมไม่แคร์...ผมไม่แคร์คุณแล้วทำไมผมถึงรู้สึกทรมานมากมายขนาดนี้ล่ะ!”

      ชิพผลักผมให้เซเล็กน้อย ก่อนจะบีบหว่างคิ้วพลางส่ายศีรษะ...ใช่ ทำไมช่องว่างระหว่างเราสองคนถึงทำให้ทรมานได้มากมายขนาดนี้นะ

       “ก็...ก็คุณไม่เคยพูดดีๆกับผมเลย…”

       เสียงของผมสั่นเครือ

      “ใช่...มันอาจจะเป็นความผิดของผมเอง แต่คุณไม่รู้เลยหรือยังไง...ว่าผมรัก...ผมรักคุณ!”

      ชิพตาแดง เขาเกร็งใบหน้าพยายามห้ามเอาไว้...แต่แล้วน้ำตาหยดหนึ่งพลันไหลออกมาจากดวงตาของชิพ ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นชิพอ่อนไหว
ได้ถึงขนาดนี้…แต่เขาดูไม่ต่างจากผม นั่นคือเหนื่อยล้า รู้สึกอ่อนแอ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่แฝงความขมขื่นอยู่ข้างใน

       “เหตุการณ์ที่ผ่านมา คุณไม่รับรู้อะไรบ้างเลยหรือ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ...”

      ชิพกำหมัดแน่น แววตาฉายความปวดร้าว...

       “...คุณบอกกับผมว่าผมไม่เคยเรียนรู้...แต่รู้มั้ยว่าทุกคืนที่ผมรู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ผมยิ่งรู้ว่ามันยิ่งเป็นไปไม่ได้หลังจากที่คุณจากไป และมัน
เจ็บ...แต่คุณกลับไม่ได้อยู่ในชีวิตของผม รู้มั้ยว่ามันทุกข์ทรมานใจมากแค่ไหน”

      “คุณหาว่าผมไม่แคร์...ผมแคร์คุณมากยิ่งกว่าตัวผมเองซะอีก ทำไมกันผมถึงยังลืมคุณไม่ได้ คุณเหมือน...เหมือนอะไรบางอย่างที่จะติดตัวผมไป
ตลอดชีวิต คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ามีค่ามากมายแค่ไหนสำหรับผม”

      อึ้งกับคำพูดเหล่านั้น เจ็บจี๊ด...ใบหน้าของชิพที่นองไปด้วยน้ำตาเสมือนสายฟ้าที่แทบจะแยกร่างของผม...ชิพเดินเข้ามาจับต้นแขนของผม ทำให้สติ
ที่หลุดลอยค่อยกลับเข้ามาอีกที

       “คุณรู้มั้ยว่าทุกครั้งที่ผมมอบความรักให้คุณ...ผมมอบให้แม้กระทั้งจิตวิญญาณ ความเชื่อศรัทธา ศักดิ์ศรี...ทุกอย่างที่มีค่าสำหรับผม หัวใจของ
ผม...ความรู้สึกนึกคิดของผม ผมพยายามถ่ายทอดให้คุณทุกครั้ง...คุณคิดว่าผมไม่ต้องการคุณเหรอ คุณคิดว่าผมอยากจะแก้แค้นคุณมากกว่าจะเก็บคุณไว้ข้างๆเพราะผม
รักคุณมาก คุณไม่ได้คิดแบบนี้ใช่มั้ย?”

       “ปะ...เปล่า”

       “~แล้วทำไม!? ทำไมคุณต้องการแบบนี้ คุณเบื่อผมแล้วเหรอ? คุณเบื่อที่จะอยู่กับผมแล้วใช่มั้ย?”

       ผมเลิกลัก...ไม่ใช่นะ ไม่จริง!...ผมไม่มีวันเบื่อคุณหรอก~

      “~ไม่ใช่! มันไม่ใช่แบบนั้น...ผมแค่เห็นคุณเครียดและ...คุณเกลียดผม ผมไม่อยากเห็นคุณไร้ความสุขเพราะผมเป็นต้นเหตุ”

       “มันนาน...นานสิบปี จนผมอาจจะลืมไปบ้างว่าผมควรปฏิบัติต่อคุณยังไง ผมขอโทษ...แต่ผมไม่มีวันเกลียดคุณ ผมอยากกอดคุณไว้ มีคุณอยู่ใน
ชีวิตผมตลอดไป”

      ผมปล่อยโฮออกมา แล้วเคลื่อนเข้าไปกอดร่างของชิพไว้...ชิพไม่กอดตอบ แต่ยังคงร้องไห้และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเสียใจ ความน้อยใจต่างๆ
นานาไว้...ถ่ายทอดออกมาให้ผมได้ซึมซับอย่างลึกซึ้ง...

       “ถ้าหากคุณคิดแบบนี้...ได้โปรด อยู่กับผมเถอะ...”

      “ได้...ได้ครับชิพ...ผมจะอยู่กับคุณ ตลอดไป...”

      มือของชิพค่อยๆกอดผมไว้ แน่น...ผมปิดเปลือกตาลงด้วยความเจ็บปวด

       “ผมรักคุณนะชิพ...ผมรักคุณ อย่าเสียใจเลย...ผมขอโทษ”

      แค่คำขอโทษมันยังไม่พอ...สิ่งที่ผมทำลงไปช่างเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยตัวเอง

       “แดน...ต่อไปนี้คุณอย่าทิ้งผมไปอีกนะ ผม...ผมกลัว”

       ชิพกอดแน่นจนแทบจะยกร่างของผม เนื้อตัวของเขาสั่นสะท้าน

      “ผมจะไม่ไปไหน...ไม่ไปไหนแล้ว ผมจะอยู่กับคุณที่นี่นะครับ”

      ...เพราะหัวใจผมอยู่ที่นี่ มันคงต้องตาย...หากขาดเขาไป

       ถึงเวลา...ที่ความทรมานทุกอย่างต้องจบลง ผมจะรักเขาตลอดไป...ผมสัญญา

       “ผมรักคุณ...ผมอยากทำให้คุณมีความสุข...คุณอย่าโกรธผมเลยนะที่ผมทำใจร้ายกับคุณผมผิดไปแล้ว...ผมอยากพูดดีๆกับคุณ สัมผัสคุณ หลอกล้อ
กับคุณ...แค่คิดถึงวันเวลาเก่าๆที่เคยมี ผมอยากใช้เวลาช่วงนี้ให้มีความสุข...ผมจะเล่าเรื่องต่างๆมากมายให้คุณฟัง...”
       
       ผมแตะริมฝีปากของชิพด้วยริมฝีปากของตนเอง แสนแผ่วเบา...แต่มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างของเราสองคน ความรู้สึกเหมือนวันแรกที่
เรารักกัน...ไหลย้อนกลับเข้ามา นี่ซิคือผู้ชายที่ผมรู้จักมาตลอดทั้งชีวิต

      “คุณไม่ต้องทำให้ผมมากมายขนาดนั้นก็ได้...ขอแค่มีคุณ ผมก็พอใจแล้ว”

       จริงๆนะ...ขอแค่มีเขา ผมก็มีกำลังใจอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ได้แล้ว

      ชิพคลี่ยิ้ม...เขาเป็นคนดีตรงที่รู้จักขอโทษเป็น ส่วนผมก็ให้อภัยเขาเช่นกัน...ชิพค่อยๆหอมแก้มแล้วเปลี่ยนอารมณ์ไปทำหน้าตาไร้เดียงสาแบบเด็กๆ
ทั้งที่น้ำตายังคงนองหน้าอยู่เลย =_=”

       “เราคืนดีกันแล้วใช่มั้ย?”

      “อืม…”

      ผมพยักหน้าเขินๆ เอานิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้ชิพ

       “ชิพ...ผมมีเรื่องจะอธิบายให้คุณฟัง เรื่องผ้าเช็ดหน้าเมื่อวันก่อน...”

      “ไม่ต้องแล้ว”

      คราวนี้ชิพเป็นฝ่ายห้ามผมไว้ แต่ด้วยเรียวนี้วชี้ เขายิ้มให้ผม...ทั้งดวงตาและเรียวปาก เป็นยิ้มที่สดใสอย่างที่ผมอยากเห็นมานานแสนนาน...นาน
ร่วมสิบปี

      “มาร์คโทรฯมาบอกความจริงให้ผมฟังทั้งหมดแล้ว...ไม่ยักรู้ว่าคุณเก่งภาษาญี่ปุ่น”

       “~>///<~”

      “แล้ว...เมื่อกี้นี้ที่ตบหน้าคุณไป แรงมากมั้ย เจ็บมากหรือเปล่า?”

       ผมส่ายหัว “ไม่เจ็บหรอก...ทีคุณทำอย่างอื่นผมยังทนได้”

      ^^^ชอบซะด้วย >.< ฮึๆ...หรือว่ากรูเป็นซาดิสต์ไปซะแย้ว? o_O”

       “อืม...ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรเกี่ยวกับผมอยู่ คุณชอบผมแบบนั้นใช่มั้ย”

      ง่ะ? แอบรู้ทันอีกงิ อีตาบ้า~~~(อิอิ)

      …ชิพยิ้มตาหวาน ยังคงกอดผมไว้ ช่วงเวลาที่มีความสุขนี้เหมือนท้องฟ้าที่แจ่มใสหลังพายุมืดดำโหมกระหน่ำกลางท้องฟ้ามาเป็นเวลานาน...บัดนี้
คงมีความสุขผ่านเข้ามาบ้างสักที

      “ใช่ซิ!~วันนี้ผมซื้อขนมเค้กอย่างที่คุณชอบมาด้วย...พอเห็นที่สนามบินปุ๊บเป็นต้องนึกถึงคุณ แต่กลับมาคุณก็กำลังเรียกแท็กซี่ออกไปซะก่อน...ผม
ใจร้อน ไม่อยากรอ เลยต้องรีบตามคุณไป”

       คราวนี้ผมมองตาเขาแบบละอายแก่ใจ แต่ชิพขมวดคิ้วดุผม >///<

       “อะไร? อย่าทำหน้าแบบนั้นซี~~~”

      “~ก็ถ้าคุณไม่ตามมา ป่านนี้ผมคงตะเลิดไปไหนแล้ว ขอบคุณนะ”

       “อย่าห่วงเลย รับรองคุณเป็นแฟนกับผมแล้ว ผมต้องตามหาคุณเจอแน่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”

       ฮื้อ?

      “อ๊ะ! ผมเป็นแฟนคุณแล้วเหรอ?”

      ชิพหัวเราะฮ่าๆ o_O*

      “ยิ่งกว่าแฟนอีก คุณคือ...”

      (เซ็นเซอร์)...ก็แค่กระซิบเล่นๆ

      “ไม่เชื่องั้นอยากพิสูจน์มั้ย?”

      ชิพจูงมือผมไปที่ห้องนั่งเล่น พลางเอาขนมเค้กออกมาป้อนให้ผม...ซึ่งพอมีเราสองคน เพียงกันและกันแล้ว มันค่อยดูเหมือนห้องนั่งเล่นอันอบอุ่นขึ้น
มาจริงๆสักที

       ชิพนั่งอยู่ด้านหลัง ให้ผมเอาแผ่นหลังพิงแผงอกหนาของเขา...ชิพเล่าเรื่องตลกให้ผมฟังจนขำหลายรอบ แปลกดีที่เวลาเราทะเลาะกันก็แทบเป็นแทบ
ตาย ทว่าสุดท้าย เวลาเราคืนดีกัน...เหมือนเงื่อนไขต่างๆทั้งหมดมันไม่สำคัญอีกต่อไป เพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้เราเข้าใจกันและอาจจะมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม...

       ผมไม่รู้สึกเหมือนจากเขาไปนานอีกต่อไปแล้ว...สิบปีคือบททดสอบที่เป็นช่วงเวลาอันแสนสั้น หากเทียบกับระยะทางแห่งความผูกพันของเราสองคน

      “ผมรักคุณ…”

      ชิพกระซิบที่ข้างหู...แผ่วเบาทว่าชัดเจน

       ผมเหมือนได้กลับบ้านในที่สุด

      



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 10-05-2008 01:50:18
ได้จังหวะจิ้มน้อง Alex ละ อิอิ

ดีใจด้วยคับที่ปิดคอร์สป้าอุ๊ละ

ติดตามผลงานอยู่นะคับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 10-05-2008 04:10:07
ดีกันแบบงงๆ  o2

รออ่านตอนต่อไปนะครับ

ปล.ดีใจที่คืนดีกันได้ซะที  :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 10-05-2008 04:31:44
รักกันนานๆๆน๊า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-05-2008 06:16:07
นานๆ จะหวานสักตอน  o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 10-05-2008 07:07:49
 :m1: :m1: :m1: เย้ คืนดีกันแล้ว ต่อไปขอหวาน ๆ นะครับ  :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 10-05-2008 08:00:15
คืนดีกันซะงั้น แต่ก็ดีแล้ว

ถึงจะแอบงงก็เหอะ o2

มารอตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 10-05-2008 08:12:07
ผมว่าผมเขียนบอกไว้ตอนท้ายเเย้วนะคับ ยังทำคนอ่านงงได้ งืมๆผมนี่แย่จริงๆ 555+

ว่าแต่ พี่ A-GE อ่ะคับ ผมงงกับพี่เขามากว่านิคคือใคร? สองครั้งเเล้วครับที่พี่เขาเอ่ยถึงคนนี้ ผมเลยอยากฝากถามไว้นิดส์นึ่งว่าเขาคือใครกัน? แฮะๆ ไม่มีอะไรมากมายไม่ซีเรียสอ่ะคับ ขอบคุนมากคับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 10-05-2008 08:33:40
เย้ๆๆๆ คืนดีกันแล้ว อ่านแล้วสบายใจ 5555+  :m4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 10-05-2008 08:42:46
พอดีกันแล้วก็..
น่าร๊ากกกกกก
 :m4:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่10(ภาค3) มาแล้วก๊าบบบบป๋ม~ (แอ๊บแบ๊ว>.<)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 10-05-2008 11:15:25
ขอเป็น สาวกเรื่องนี้อีกคน

นะค่ะ    :o8:


สนุกมากเรยค่ะ    o13


รอตอนต่อไปนะค่ะ   :oni1:

 

:bye2: :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 10-05-2008 12:02:58
ในที่สุดก็กลัีบมาคืนดีกันแล้วครับ  :m13:

ขอให้คู่นี้หวานกันไปนานๆนะคร้าบ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 10-05-2008 12:24:21
 :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-05-2008 22:01:10
อ่านแล้วซึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง แอบน้ำตาไหลเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 10-05-2008 22:27:37
แอบงง  o2

แต่สนุกมากเลย  :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 10-05-2008 23:17:38
ในที่สุดก็ดีกันแล้ว ลุ้นซะแทบแย่ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 11-05-2008 01:03:30
 :mc4: เย้ ดีกันแล้ว  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ~Brand New Beat~ ที่ 11-05-2008 02:12:18
ดีกันแล้ว ดีจังเลยครับ  :m1:

เวลาทะเลาะกัน มันรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน  :m31:

แต่พอดีกันก็ดูน่ารักดีครับ  :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 11-05-2008 13:14:55
ดีกันแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 11-05-2008 14:36:28
เพิ่งเข้ามาอ่านต่อ  ไม่รู้ว่าเค้าลงต่อกันแล้ว  :laugh: :laugh:

เอ๋อด้ายอีก

ไปเอาใจช่วยชิพกับแดนต่อดีก่า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: snowman ที่ 11-05-2008 18:02:13
 สารภาพว่า บางบทสนทนาอ่านไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนพูด -*-  ก็เลยพยายามไล่ๆ เรียงๆ เอาว่าใครควรจะเป็นเจ้าของประโยค

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่11 แอบเอามาลงฉลองปิดคอร์สเคมีอ.อุ๊ ^-^ เหอะๆ...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 12-05-2008 03:19:23

สวัสดีครับ แฮะๆ มาซะดึกเชีย o12 ตอนนี้อาจจะยาวไปหน่อยเพราะมีเพลงด้วย! :a5: แล้ว มันก็เป็นเพลงที่ผมอยากให้ทุกคนไม่ใช่แค่อ่านผ่านๆหรือเลื่อนลงไป มันเป็นเพลงที่ผมอยากให้ทุกคนอ่านจริงหรือฟังได้เลยยิ่งดีครับ(วอนผู้ใจบุญอีกเช่นเคยครับ แฮะๆ :o8: ช่วยเอาลงแปะทีเพราะอย่างที่รู้ๆคือผมโง่คอม... o2)

ตอนแต่งบทนี้ฟังเพลงไปด้วย เลยน้ำตาแตกเลย o7 เป็นเพลงที่เพราะจริงๆขอยกเครดิตให้เจ้าของเว็บบล๊อกแก๊งพี่คนนั้น และครูองุ่นหรือ ปานทิพย์ ปัญจมะวัต แห่งแอ๊กเเซ็ก เลยเอามาลงไว้เพื่ออ้างอิงตามมารยาทนะครับ

สำหรับบทนี้ ก็ไม่ได้มีความหมายแค่ในเนื้อเรื่อง อยากจะบอกว่าขอบคุณทุกๆคนที่ยังคอยเป็นกำลังใจให้ผมมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ ผมรู้สึกเหมือนว่าทุกคนไม่ใช่เเค่คนที่เข้ามา แต่มันเหมือนเพื่อน เพื่อนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ และทุกคอมเม้นท์ไม่ใช่เเค่เพียงคอมเม้นท์ธรรมดา เชื่อมั้ยว่าผมอ่านไปของทุกคนทุกคอมเม้นท์ด้วยรอยยิ้มจริงๆ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามขอขอบคุณมากๆเลยครับ ขอบคุณจริงๆ




บทที่ 12

       “คุณจะพาผมไปไหน?”
      ผมหันไปถามชิพซึ่งนั่งคุมพวงมาลัยอยู่ข้างๆ รถเบนซ์สปอร์ตเปิดประทุนคันหรูแล่นไปเรื่อยๆตามทางด่วนมุ่งตรงสู่จังหวัดชลบุรี...ลมพัดมาแรงมากจนผมต้องกุมหัวไม่ให้มันฟูไปมากกว่านี้
       แสงแดดที่สะท้อนจากพื้นถนนแรงจัดจนแทบทำให้ผมลืมตาไม่ขึ้น -_-“ แต่ชิพยิ้มๆพร้อมทั้งเอามือมาจับหน้าผม ลูบๆตรงคางพลางยิ้มใส่...ก็เพราะเขาใส่แว่นดำสุดเท่ห์อยู่คนเดียวนี่นา...>.<
      “เดี๋ยวคุณก็รู้”
      โอเค ไม่บอกก็ไม่เป็นไร...ผมนั่งมองวิวไปเรื่อย รู้สึกผ่อนคลายที่บรรยากาศรอบตัวช่างผ่านไปอย่างเรียบง่ายสบายๆ...จะมีปัญหานิดหน่อยก็ตั้งแต่เมื่อคืน ที่จู่ๆชิพก็บังคับให้ผมจัดกระเป๋าของผมกับเขา บอกจะพาไปเที่ยว...เมื่อเช้าก็ตื่นเช้าออกมาก่อนรถจะติด ชิพอุตส่าห์ลางานจากบริษัทตั้งสามวันเพื่อพาผมไปไหนก็ไม่รู้ ง่ะ=_=”
       
        “แดน คุณหิวข้าวมั้ย?”
      ผมถูกปลุกขึ้น อ้าว? เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี้ย...ตอนนี้รถแล่นช้าๆผ่านไปตามถนนเรียบริมหาดพัทยาที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนหลายเชื้อชาติ ชิพเปิดแอร์ให้ผมนอนสบาย งุงิ ^-^
      “อื้อ?”
      “ผมถามว่าคุณหิวข้าวมั้ย”
      เขาเอามือมายีหัวผมเบาๆ  ทำให้ตัวผมเอียงไปซบไหล่เขา อืม...อบอุ่นดีจัง
       “อยากกินอะไรดีครับ ฮื้อ? คนดี”
       “ผมกินอะไรก็ได้ ไม่ค่อยหิวด้วย แล้วแต่คุณล่ะกัน”
      “~ไม่ได้นะ ผมไม่อยากให้คุณหิวจนไม่สบายเหมือนอย่างคราวนั้นอีก...เรายังต้องไปอีกหลายที่”
      ผมดึงตัวเองกลับมานั่งตัวตรงแหน่ว...หน้าและใบหูแดงขึ้นมากระทันหัน หันไปสบดวงตาแวววาวของชิพแล้วหมั่นไส้...ก็คราวนั้นผมประมาทไปหน่อยนี่ นึกว่าชิพเขาจะ...เอ่อ...คงไม่อยากสนุกยาวนานขนาดนั้น ตั้งแต่บ่ายจนถึงดึกผมโดนรั้งตัวไว้ไม่ได้ไปไหนเลย...จนไม่ได้กินข้าว วันรุ่งขึ้นผมก็ไม่สบาย ชิพเลยต้องคอยดูแลผมเรื่องการกินตลอดเวลานับแต่วันนั้น
       “หัวเราะอะไร?”
      ชิพหัวเราะขำ ผมดุเสียงแหว
       “คุณยังอายอีกเหรอ?”
      บ่นงึมงำ...ชิพขับมองหาร้านอาหารไปเรื่อยๆ
       “ไม่ต้องกินแพงๆหรอก...ผมกินอะไรก็ได้”
      ชิพส่ายหัว
       “ได้ไง คุณเป็นแฟนผม ผมเลี้ยงข้าวดีๆคุณอยู่แล้ว”
      แงะ =_=”
      สรุปแล้วชิพก็พูดไปแบบนั้น เขาพาผมเข้าไปกินข้าวในตลาดเล็กๆแห่งหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าชายอย่างเขาจะกล้ามาเดินลุยตลาดกับผม แต่เขาก็เต็มใจ เรานั่งกินต้มเลือดหมู เขายังจำได้ว่าผมกินเครื่องในไม่เป็น...เขายังจำได้ว่าผมชอบชาดำเย็น ชอบกินรสจืดๆ...เขายังจำได้หมดทุกอย่าง
       อิ่มท้องแล้วเขาจึงพาผมออกเดินทางต่อ เราไปจอดรถพักแรงภายในวัดแห่งหนึ่ง ตอนใกล้ๆบ่ายสี่โมงเย็น เพราะชิพขับรถช้าไม่ได้รีบ อยากแวะดูอะไรก็ได้ตามสบาย กว่าจะถึงโรงแรม(เดาว่า)ที่เขาจองไว้คงเป็นตอนเย็น
       “ลงไปไหว้พระกันมั้ย?”
      ผมหาซื้อดอกบัว ธูป เทียนแถวนั้นมาสองชุด เข้าไปไหว้พระประธานกับชิพ...ระหว่างนั้นผมอธิษฐานให้ชาตินี้ หรือไม่ว่าชาติหน้า ผมขอกลับมาเจอเขาอีก
       ขอให้เราได้กลับมาเป็นคู่กันอีก
       แม้ว่าชาตินี้ ผมกับเขาจะเกิดมา...แบบที่เรารักกันเหมือนคนทั่วไปไม่ได้
       แต่ผมรู้ว่าเขาคือคู่แท้ของผม
      “คุณอธิษฐานอะไรหรือแดน?”
      “คุณล่ะ?”
      ชิพยิ้มบางๆ
      “ผมขอให้ได้รักคุณตลอดไป”
       ใจเต้นตึกตักขึ้นมา ผมกับเขาคิดแบบเดียวกันหรือเปล่านะ? แต่มันคงไม่แปลก...ผมรู้ว่าเขารักผม ผมรู้ใจตัวเองที่มีแต่เขาเพียงคนเดียวเช่นกัน...
       การกลับมาเจอชิพอีกครั้ง มันเหมือนการได้รู้จักกับเขาครั้งใหม่...เราเรียนรู้ซึ่งกันและกันเหมือนตั้งแต่เริ่มต้น มันคือความรักที่ค่อยๆบ่มเพาะตั้งแต่แรกเริ่มแต่ยิ่งเหนียวแน่น ชิพกลับมาเป็นคนๆเดิมที่ใจดี อ่อนโยน แล้วก็น่ารักแบบห้าวๆตามแบบฉบับของเขา
       เราค่อยๆศึกษา เรียนรู้ซึ่งกันและกัน...แม้เวลาจะผ่านไปยาวนานกี่ปีก็ตาม การได้อยู่ร่วมกับชิพมันคือความสุข...สุขที่ได้รัก
       ตอนแรกที่เจอกัน ผมรู้สึกเหมือนว่าหากจากเขามานาน เหมือนไม่รู้จักเขา...แต่ตอนนี้หลังปรับความเข้าใจกัน ผมได้ชิพคนเดิมกลับคืนมา...คนที่ผมเคยโดนหาเรื่องด้วยที่โรงอาหาร คนที่แกล้งทำเป็นบอกว่าไม่สนใจแต่กลับตามตื้อตามหึง คนที่ยอมง้อผมเป็นวันๆเพียงเพื่อให้ฟังเขาอธิบายเหตุผลร้อยแปด...มันมีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆเขา แม้ต้องเริ่มต้นใหม่อีกสักกี่ครั้ง ผมก็ยอม...
       ชิพกำลังซื้ออะไรแถวนั้นมาโยนให้หมาๆกิน ผมเดินไปกอดเขาจากด้านหลัง...ซบแผ่นหลังลงไป...เรานั่งพิงกันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่เงียบสงบ คงเพราะเย็นแล้วผู้คนเลยกลับบ้านกันไปเสียส่วนใหญ่ ด้านหลังมีแม่น้ำใหญ่ที่สามารถโปรยอาหารปลาได้ ผมชวนเขาไปดูปลาที่ท่าน้ำ ปลาตัวอ้วนๆหลายตัวแย่งกันงับอาหารทันทีที่ตกลงสู่ผิวน้ำ
       “ชิพ...”
      “ฮื้อ?”
      ลมเย็นๆโชยมา ผมเกือบกลั้นสะอื้นไม่อยู่...
       “ถ้าผมไม่มีคุณ ผมจะทำยังไง?”
      พูดจบ ด้วยอารมณ์ที่ทนอัดอั้นต่อไปไม่ไหว  ผมระเบิดออกมาพร้อมทั้งเข้าไปกอดเขาแน่น
       “ถ้าผมไม่มีคุณ...ผมจะอยู่ยังไง”
      ซบอกร้องไห้อยู่อย่างงั้น ชิพลูบหลังผมอย่างปลอบโยน
       “คุณมีผมแน่...ผมสาบาน”
      “แน่นะ?”
      “~แน่ซิ หยุดร้องไห้เถอะนะคนดี...ขี้แงอีกแล้ว”
      แถมนั้นไม่มีใคร ชิพเลยค่อยๆบรรจงจูบลงมาบนแก้ม ซับน้ำตาผมออกไป ผมหลับตาแน่น...กอดเขาไว้อย่างกับกลัว...กลัวจะเสียเขาไปอีกรอบ
       “แดน เราไปเสี่ยงเซียมซีกันมั้ย?”
       ว่าแล้วชิพก็เดินจูงมือผมไปตรงศาลเจ้าภายในวัด...มีองค์หลวงปู่ ผมตั้งจิตอธิษฐานพร้อมทั้งท่องบทสวดไปตามนั้น มือของชิพอีกข้างจับอยู่ที่กระบอกไม้ไผ่...สักพักเสียงไม้กระทบก็หยุดลง ชิพเป็นคนเดินไปหยิบคำทำนาย
       “...ชิพ?”
      ชิพยืนหันหลังให้ อ่านคำทำนายอยู่นิ่งๆ...แล้วเขาก็ขยำกระดาษเซียมซีทิ้งไป
       “ชิพ? คำทำนายว่ายังไงบ้าง?”
      ชิพหันหลังกลับมา แววตาของเขามองดูแปลกๆ...มันเศร้า แต่เขาก็ยังยิ้ม พร้อมกับเดินมาพูดกับผมว่า
       “อืม...ผมคิดว่าไม่ว่าคำทำนายจะบอกอะไร มันก็ไม่สำคัญสำหรับเราสองคนอีกต่อไปแล้ว เราต่างผ่านอุปสรรค์ด้วยกันมามากมาย...และผมพร้อมเพื่อทุกอย่าง แค่มีคุณ...ขอแค่มีกันและกัน”
      คำพูดของเขา มันซึ้งจนน้ำตาแทบไหล...ชิพยิ้มๆพลางลูบแก้มผม
       “คิดแบบนั้นมั้ย? โห~~~อย่าซิ อย่าร้องไห้...ผมไม่อยากเห็นคุณร้องไห้เพราะผมอีกนะ”
      “เปล่าซะหน่อย…” <<<แอบทำปากแข็ง >.<
      “แค่ซึ้งๆว่างั้น?” ชิพหยิกแก้มผมแรงๆหนึ่งที
       “โอ๊ย!!! นี่!...มันก็แค่...แค่คิดไม่ถึงว่าคุณจะพูดอะไรซึ้งๆได้ขนาดนั้นนี่”
      ชิพอมยิ้ม พยักหน้ารับแบบอวดเบ่งเล็กน้อย ฮ่าๆๆ
       พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เราขับรถไปตามทางเลียบชายหาดเพื่อมุ่งตรงสู่โรงแรม ซึ่งอยู่นอกตัวเมือง...ปัจจุบันพัทยาเองยังเปลี่ยนไปมาก คนเยอะ ฝรั่งก็ดูเหมือนคนไทยไปแล้ว ออกจะสกปรกเล็กน้อย แต่ยังคงเสน่ห์แห่งเมืองตากอากาศชายทะเลอันดับหนึ่งไว้ได้อยู่ดี
       ชิพชี้ให้ผมดูพระอาทิตย์ลูกกลมโตสีแดงขนาดใหญ่ริมขอบฟ้า มันอยู่ตรงหน้านี่เองเมื่อรถแล่นไปตามทางลาด ก่อนจะเลี้ยวเข้าเขตโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้มืดเกินไป เรารีบเข้าเช็คอิน(ล๊อบบี้โ-ค-ต-รหรู) แล้วไปยังห้องสวีทขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งมีเพียงสองห้องเท่านั้นในโรงแรม...มีสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดเล็ก และมีมุมติดชายหาดส่วนตัว...เพราะความร่ำรวยของชิพแท้ๆถึงทำได้ขนาดนี้ เหอะๆ=_=”

      “คุณชอบมั้ย?”
      เรากำลังนั่งปิ้งย่างบาร์บีคิวอยู่ตรงเฉลียงริมหาดทราย ก่อนมาชิพขอแวะซื้อเตาขนาดเล็ก แล้วก็ไปซื้อบาร์บีคิวไม้สำเร็จรูปเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว...พูดไป เขาก็มีความรอบคอบไม่เลว...บรรยากาศแบบนี้ ความหรูหรา สะดวกสบาย และโรแมนติก
       “ชอบซิ คุณคงคิดนานนนน”
      แกล้งลากเสียงล้อเลียน
       “เปล่าเลย ผมชอบทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว”
      ชิพตอบหน้าเหลอหลา
       “นั่นก็แสดงว่า คุณเคยทำแบบนี้กับใครมาแล้วงั้นซิ?”
      แต่...แทนที่ชิพจะยิ้มแล้วสวนกลับมา เขากลับทำหน้าเจื่อนลง วินาทีนั้นผมรู้ตัวว่าพูดผิดไปแล้ว แต่เขาก็ยังหัวเราะแห้งๆ...
       “เปล่าหรอก ผมมาคนเดียว ทุกครั้งที่ทำแบบนี้...ผมก็คิดถึงคุณ”
      ความเงียบเข้าครอบงำ มีเพียงเสียงไฟประทุแผ่วเบาและลมทะเลที่พัดเอื่อย...
      “ชิพ ผมขอโทษนะ…”
      ผมกล่าวเสียงอ่อย บรรยากาศรอบตัวที่มืดสลัวมีเพียงแสงเทียนรายล้อมส่องกระทบให้เห็น...ซีกหน้าและแววตาของชิพในขณะนั้น...ที่...ที่ช่างอ่อนโยน และเศร้าสร้อย ทอดมองมาจนทำเอาผมใจสั่น
       “ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ...”
      ชิพหยิบกีต้าไม้จากข้างๆตัวขึ้นมา เขาเกาเพลงพร้อมทั้งฮัมเบาๆไปเรื่อยๆ ไม่ยักรู้มาก่อนว่าชิพเป็นนักดนตรี o_O* แต่ก็พอใช้ได้ เพราะเสียงของเขาทุ้มใหญ่ เวลาร้องมันเลยนุ่มนวลดี
       พอฟังเพลง ผมเริ่มผ่อนคลาย กลับมายิ้มได้ใหม่
       “คุณหัดเล่นตั้งแต่เมื่อไร?”
      “ก็...ตั้งแต่มันเหงา ผมเลยหัดเล่นมันแก้เหงา ตอนนี้เลยชำนาญตั้งหลายเพลง”
      “เหรอ...”
      เฮ้อ...เจ็บปวดอีกแล้ว พอเถอะ...หยุดคิดมากเดี๋ยวนี้ไอ้แดน
       “ผมมีเพลงอยากร้องให้คุณด้วย คุณอยากฟังมั้ย?”
      ผมเลิกคิ้ว “จริงเหรอ? งั้นเอาซิ”
      ชิพทำท่ากระอักกระอ่วน แบบยังไม่พอใจ ก่อนจะกระแอ่มสองสามที
       “เอ่อ พอดีมันต้องมีค่าตัวให้ศิลปินน่ะครับ”
      ยิ้มหมั่นเขี้ยว ร้ายนักนะพ่อตัวดี~~~
      “ง่า~~แค่หอมแก้มเหรอ? งั้นจบเพลงนี้แล้วผมเอาคืนมากกว่านี้นะ”
      “นี่~~~คุณร้องไปเลยนะ ก่อนที่ผมจะไม่ฟัง”
      ทำตาเอาจริงดุๆใส่ ชิพจึงได้หลบสายตาแล้วรีบเกาสายกีต้าเริ่มบทเพลงของเขาทันที
       
...วันเวลา ที่เราสะสม กันมา
คือวันเวลา ที่มีความหมาย ในใจ
ความทรงจำ ทบทวนกี่ครั้ง วันใด
ก็สุขเกินใจ จะกลั้นน้ำตา ได้อยู่
อาจจะนานแล้ว รู้ไหม ที่เคยบอกเธอ ว่ารัก
จากวันวานเป็นเช่นไร ในวันนี้ ยังเหมือนเดิม
กี่วัน จะหมุนไป หนึ่งใจที่ฉันมี
อยากบอก ว่าทุกนาที ฉันมีแต่ เพียงเธอ
ค่ำคืน เคยซึ้งใจ อุ่นในอ้อมกอดเธอ
เก็บมันในหัวใจ ยังไม่เคยลืม...ไม่เคยเปลี่ยนเลย
วันเวลา ที่เราสะสมกันมา
คือวันเวลา ที่มีความหมาย ยิ่งใหญ่
เธอคนเดียว เธอเป็นดั่งฝันในใจ
ฉันสุขเกินใคร เมื่อวันนี้ มีเธออยู่
อาจจะนานแล้วรู้ไหม
ที่เคยบอกเธอว่ารัก
จากวันวานเป็นเช่นไร

ในวันนี้ ยังเหมือนเดิม
กี่วัน จะหมุนไป หนึ่งใจที่ฉันมี
อยากบอก ว่าทุกนาที ฉันมีแต่ เพียงเธอ
ค่ำคืน เคยซึ้งใจ อุ่นในอ้อมกอดเธอ
เก็บมันในหัวใจ ยังไม่เคยลืม...ไม่เคยเปลี่ยนเลย
กี่วัน จะหมุนไป หนึ่งใจที่ฉันมี
อยากบอก ว่าทุกนาที ฉันมีแต่ เพียงเธอ
ค่ำคืน เคยซึ้งใจ อุ่นในอ้อมกอดเธอ
เก็บมันในหัวใจ ยังไม่เคยลืม...ไม่เคยเปลี่ยนเลย…

       ชิพแตะปลายนิ้วลงบนสายกีต้าเป็นครั้งสุดท้าย...เพลงช้าๆจบลงด้วยการลากเสียงเบาๆ...เชื่อมั้ย? ว่าผมร้องไห้ออกมา ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้...ผมคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต ความรู้สึก ความทรงจำ บรรยากาศ...ภาพต่างๆพากันหลั่งไหลเข้ามา มันเติมเต็มจิตใจของผม...รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก และตื้นตันจนร้องไห้ออกมา ไหลพรากเป็นทาง...อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเจ็บปวด...เจ็บปวดมาก มากชนิดที่กลั่นออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก...
       ผมได้แต่กลั้นอารมณ์ต่างๆไม่ให้มันควบคุมผมไปมากกว่านี้ แต่แค่นี้...ก็ไม่รู้จะหยุดร้องไห้ยังไง มันเจ็บในอก คงมีเพียงชิพเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกของผมในตอนนี้ดีที่สุด เพราะเขาก็ตาแดงๆ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วก็ร้องออกมาจริงๆ...เสียงที่ทุ้มนุ่มของเขาสั่นเครือมาตลอดเพลง...ถ้อยคำที่บทเพลงถ่ายทอด มันช่างโดนใจ ผมรู้ว่าเขาพยายามจะบอกอะไร...อะไรที่ผมรู้ดีตลอดเวลา
       มันเหมือนว่าในอดีต...เราอาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่ร่วมกัน...แต่หัวใจของเราสองคนต่างหาก ที่ต่างรู้ดี...ว่ามันผูกพันกันมากแค่ไหน
       แต่ตอนนี้ชิพ...ชิพอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
       “มันคือเพลงของเราสองคน...มันคือเพลงที่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของผมออกมา”
       เราสองคนเข้าสวมกอดกัน เสียงสะอื้นของชิพดังที่ข้างหู...ต่อไปนี้...ต่อไปนี้แม้ว่าจะต้องเจอเรื่องอะไรอีกก็ตาม...ผมจะไม่ยอมทิ้งเขาไปไหนอีกแล้ว ไม่มีวัน...
      “แดน...ผมรักคุณ”
      ใบหน้าของชิพเหยเกเพราะความเจ็บปวด...ร้องไห้ ผมจ้องตาเขาพร้อมทั้งยิ้มออกมา และหลังจากนั้น...ก็อย่างที่เคยๆกันอยู่ เขาจูบผม...จูบที่อ่อนโยนทว่าหนักหน่วง เราทิ้งตัวลงไปบนผืนทรายนุ่มๆ...บรรยากาศรอบตัวช่างเป็นใจ ชิพคร่อมอยู่เหนือตัวผม จ้องมองลงมา ผมค่อยๆปาดคราบน้ำตาให้เขา แล้วรับจุมพิตที่ทาบทับตามลงมา
       ไม่ยักรู้...ว่าชิพโรแมนติกได้ถึงขนาดนี้
       “ชิพ...”
      “~ฮื้อ?”
      “ผมว่า...คืนนี้ เราแค่นอนกอดกันดีกว่ามั้ย?”
      ชิพชะงักปลายจมูกโด่งที่กำลังซุกซนอยู่ตรงซอกคอของผมไว้...เขาผละตัวออกมามองหน้าผม
       “คุณว่าไงนะ?”
      “~คือ...เอ่อ ผมเหนื่อย แค่อยากนอนกอดคุณธรรมดาเท่านั้นเอง…”
      ชิพทำหน้าเอาแต่ใจเล็กน้อย บึงๆไม่พอใจเหมือนเด็ก...แต่เขาก็ยอมแพ้ ก่อนจะถอนหายใจปล่อยร่างผมไป ผมรีบคลานขึ้นเตียงแสนนุ่ม รอให้ชิพที่ไปดับเตาและจัดวางข้าวของไว้พอไม่เลอะเทอะมากตามมา เขากลับมาขึ้นเตียง...เปิดหน้าต่างรับลมทะลไว้ เพราะมันเย็น เงียบสงบ ไร้ผู้คนและเป็นส่วนตัวดี...
       ชิพเลิกมุ้งเข้ามา(มุ้งที่โรงแรมมีให้) ทิ้งตัวลงนอนแล้วเข้ามาสวมกอดผม...ความจริงผมตื่นอยู่แต่แกล้งทำเป็นหลับไปแล้ว…เตียงพอมีชิพเพิ่มน้ำหนักตัวเลยยุบลง ผมก็รีบทำเป็นละเมอเข้าไปซุกอกเขาทันที(โดยไม่ได้ลืมตา แฮะๆ)...ไม่รู้ซิ มันเป็นเพียงความรู้สึกแค่ว่าผมอยากนอนกอดเขาไว้ มีเขาอยู่ข้างๆ...คอยแบ่งปันไออุ่นให้เรา เท่านี้ก็สุขใจแล้ว
       “เฮ้อ...ผมรู้นะว่าคุณยังไม่ได้หลับ คนขี้อ้อน~~~”
      ผมแอบยิ้ม...ก็แล้วไง?
      “แต่ผมปล่อยคุณไปคืนนี้ก็ได้...แล้วถ้าเรียกร้องคืนทีหลังเนี้ยอย่ามาว่าแล้วกัน คนอะไร...เริ่มก่อนแท้ๆ ปล่อยให้คนอื่นอารมณ์ค้างซะงั้น แต่ช่างเหอะ ฝันดีนะครับ”
      ชิพจูบหน้าผากของผม แล้วนอนจริงๆ...อ้อมแขนแข็งแรงของเขากอดผมไว้ แล้วผมก็แอบลืมตาขึ้นมามองเขาทีหลังท่ามกลางความมืด...เอามือลูบใบหน้าของเขาเบาๆ อื้อ...ชิพเองนี่ก็ร้ายไม่เบา รู้ด้วยว่าผมยังไม่หลับ อิอิ (<<<พ่อตัวดีของผม >0<)
      ...ตอนนี้ง่วงแล้ว ถ้าเขาฝัน...อยากให้เขารับรู้ว่า...
       ผมรักเขาจัง

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 12-05-2008 03:21:37
อุ หุหุหุ ลืมเอาแอ๊ดเดรสมาลง เหอะๆ


http://doosong.exteen.com/20061221/ost


ฝากด้วยน๊า :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 12-05-2008 06:01:35
วู้ๆๆๆๆๆ  :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: โรแมนติก  :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 12-05-2008 08:09:54
กรี๊ดดดดดดด

โรแมนติก  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 12-05-2008 09:10:28
โรแมนติกด้วยคน :m3:

หว๊าน หวานกันจริง


หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-05-2008 10:56:58
ซึ้งครับ แต่รู้สึกว่าชิพยังมีอะไรปิดบังไว้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 12-05-2008 12:06:21
โรแมนติกกันเหลือเกิน :o8: o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 12-05-2008 12:33:01
โอ้ววววววววววววววว

หวาน...ทะเลหวาน

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 12-05-2008 13:01:55
ทะเลสงบ ก่อนพายุตั้งเค้า อีกรึเปล่านี่ o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: lovely_nomore ที่ 12-05-2008 13:25:39
 :m1: หวัดดีจ้ะ สู้ สู้นะ  ใกล้จะเปิดเทอมแล้วยังไงก็อย่าลืมเรื่องเรียนล่ะ แล้วก็อ่านหนังสือบ้างนะ เตือนด้วยความหวังดีนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 12-05-2008 15:38:22
 :m1: หวานกันจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 12-05-2008 15:54:44
จะมีไรไหมอะ ทั้งเซียมซี และคำพูดของแดน ฮือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 12-05-2008 16:41:59
เค้าลางแห่งความเศร้า รึ เปล่า  o12 o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 12-05-2008 22:22:03
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:


แอบหนักใจเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 12-05-2008 23:55:48
โรแมนติ๊ก โรแมนติก  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: deo414 ที่ 13-05-2008 01:24:01
หืม....อิจฉาคู่นี้จังเลย อ่านแล้วอินจิงๆ :m12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 13-05-2008 01:55:03
เนื้อเรื่องมันเหมือนหดหู่ไงไม่รุอ่ะ.....


เหมือนกับว่า สุดท้ายพวกเขาต้องก้แยกกันอีกครั้ง....(ถึงชื่อเรื่องจะไม่เปงงั้นก้ตามที)

 :sad2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 13-05-2008 15:53:10
โรแมนติกสุดๆ

แต่อย่างน้อง Alex เขียนเนี่ย มันต้องมีอะไรหลังจากนี้แน่ๆ หุหุ o12
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: thopia ที่ 13-05-2008 22:54:42
หวานน่ารักมากค่ะ  แต่กลัวว่าจะพลัดพรากกันอีกจัง
โดยเฉพาะตอนเสี่ยงเซียมซีนี่ผลต้องออกมาไม่ดีแน่เลย  :sad2:
ได้แต่หวังว่าจะหวานกันตลอดไปนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 14-05-2008 01:37:10
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับอ่านแล้วน้ำตาไหลเลย

สงสารชิพกับแดน มากๆๆคงเจ็บปวดน่าดู

เป็นกำลังใจให้เสมอครับผม รักกันไปเรื่อยๆๆนะครับผม

คู่นี้เกลือบลงเอยกันด้วยดีละครับ

หลังจากที่รอคอยมานาน

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-05-2008 07:46:17
เข้ามารอ  :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 16-05-2008 16:23:21
มารอ  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 16-05-2008 16:34:21
 :a3:รอ...ร้อ..รอ..
คิดถุงฮะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 17-05-2008 18:30:25
โรแมนติกมากๆ เลยครับ  :o8:

หวังว่าตอนต่อไปคงไม่มีเรื่องเศร้าๆ นะคร้าบ  o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 17-05-2008 19:02:33
หายไปนานนะครับ รออยู่ครับ :a4: :a1: :a3: :a11:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 18-05-2008 17:41:41
 :impress: :impress: :impress:

หายไปไหนแล้ว สงสัยโดนพี่ชิพ กก จนไม่ให้ออกไปไหนแน่เลย

เป็นกำลังใจให้พี่แดนเสมอครับผม

รออ่านอยู่นะครับผม จะรอออออออคร้าบบบบบบบ

 :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 18-05-2008 23:08:24
ดีค่ะ   :mc4:



ขอร่วม เป็นกำลังใจให้พี่แดน อีกคนนะค่ะ    :m1:



รอตอนต่อ ไปของเรื่องนี้ค่ะ   :o8:


 :bye2: :L2: :bye2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 19-05-2008 10:27:43
มารอต่อครับ มาเร็ว ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 19-05-2008 21:34:17
ใช้เวลา 2 วันกว่าจะอ่านเสร็จ แต่ขอบอกว่า เยี่ยมมาก เขียนได้ลื่นไหล แล้วก็ทำให้เราอินไปด้วยเลยจริง ๆ  o13 o13 o13


ป.ล. ในฐานะที่เป็นน้องใหม่ก็ถือโอกาสแปะเพลงเซ่นเจ้าของเรื่องแล้วกันนะ  :oni1: :oni1:

เพลง     วันเวลา
ศิลปิน    ปานทิพย์
อัลบั้ม    รักแปดพันเก้า

[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/doosong3/wanwera.wma[/wma]
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 20-05-2008 21:04:18
ดีคับ เหอะๆ หายไปนานเนอะ ก่อนอื่นเลยขอขอบคุณรีบนก่อนเด้อ

เรื่องของเรื่องก็คือ ผมต้องขอโทษทุกๆคนในบอร์ดมากๆๆๆๆๆที่ไม่ได้มาลงตอนต่อไปให้เร็วกว่านี้ หน่ำซ้ำยังเลือนออกไปอีก อยากจะบอกว่าคอมที่บ้านตอนนี้เสียอยู่ ใช้งานไม่ค่อยได้ อีกอย่างผมเหนื่อยจากการไปโรงเรียนช่วงเเรกๆ ก็เลยยังไม่ได้ตรวจอักษรเลย ยังไงขอนัดเป็นวันพฤ หรือไม่ก็เสาร์อาทิตย์เลย หรือไม่ก็อีกยาวนาน ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ...หวังว่าทุกคนคงไม่โกรธผมน๊า   :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 มีเพลงประกอบด้วย คุคุคุคุ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 20-05-2008 21:28:03
ยังไงขอนัดเป็นวันพฤ หรือไม่ก็เสาร์อาทิตย์เลย หรือไม่ก็อีกยาวนาน ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ...หวังว่าทุกคนคงไม่โกรธผมน๊า   :o12: :o12: :o12:
เง้อ....รับทราบค้าบ.. :sad2:
อย่าหายไปนานนะตะเอง....เค้าหายใจ..เจ้ย!.ใจหาย..อิ.อิ. :bye2:
ปล. พฤ...เสาร์อาทิตย์.....ก้อจะรอ....(ปีใดอ่ะ) :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 ประกาศเลื่อนเอาตอนต่อไปมาลงครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 20-05-2008 22:54:10
ไม่โกดหรอกจ้า

น่ารักแบบนี้ โกดมะลง อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 ประกาศเลื่อนเอาตอนต่อไปมาลงครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 21-05-2008 00:40:36
 :o12: :o12:


เข้ามารอด้วยคนครับ



 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 ประกาศเลื่อนเอาตอนต่อไปมาลงครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 21-05-2008 07:01:41
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 ประกาศเลื่อนเอาตอนต่อไปมาลงครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 21-05-2008 11:17:07
รอได้ค่ะ

 :a12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 ประกาศเลื่อนเอาตอนต่อไปมาลงครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: note_chochip ที่ 21-05-2008 13:19:32
 :a12:




รอ   ต่อ ปาย คร๊าบ  งิงิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 ประกาศเลื่อนเอาตอนต่อไปมาลงครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 22-05-2008 00:37:07
 :เฮ้อ: เหนื่อยยยยย..........แต่

ตามทันแร๊ะ เห่อ ๆ ๆ

แต่ผมว่าเริ่มมีเค้าตะหงิด ๆ แล้วอ่ะดิ เซียมซีมีรัยเป่าเนี๊ย  :serius2:  คิดมากกกก

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่&#
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 22-05-2008 17:36:27
มาต่อให้แล้วครับตามสัญญา เอามาลงให้สองตอนเพราะแถม(ชดใช้ความผิด ฮือๆ) แล้วก็ตรวจอักษรเสร็จแล้วแต่...ไม่มั่นใจเหมือนเดิม  :o8:

อยากจะบอกว่า ต่อไปนี้อาจจะเอามาลงให้เหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้วอ่ะครับ เพระาผมต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ มันจะวุ่นวายมาก ตอนปิดเทอมก็เรียนทุกวันแต่ยังพอมีเวลา แต่เปิดเทอมนี่เราเรียนที่โรงเรียนทุกวันแล้วไหนจะยังเรียนพิเศษอีก(เจ๊Sup_K')เสาร์-อาทิตย์วันละ3ม้วนรวดคือรวมของAPPlyด้วย ก็อ่านะครับ จะพยายามเอามาลงให้บ้าง คงไม่หายไปไหน หรือถ้าต้องหายไปหรือไปทำกิจกรรมจริงๆก็จะเข้ามาบอก ขอบคุนครับ

ปล. อันนี้สำคัญมาก!!!!!!!!! ใครผู้เป็นน้องๆ(ม.1-ม.5)ที่อยู่สวนฯแล้วกำลังอ่านหรือติดตามผลงานของพี่อยู่ ในนามของพี่ใหญ่(5555+<<<บ้าอำนาจเล็กน้อย)ขอสั่งให้น้องเปิดเผยตัวออกมาซะ!ล้อเล่นอ่ะ...คือเพราะพี่อยากรู้ แฮะๆ...ไม่ได้เป็นการอยากแฉหรืออะไรทั้งนั้นแค่สงสัยอะไรบางอย่าง ไม่ได้บังคับน๊าเพียงแต่ขอร้องเลย ขอร้องเลยจริงๆ ผู้ใดไม่กล้าก็แค่ใบ้ๆห้องกับฉายามาก็ได้แล้วเดี๋ยวผมสืบเองคือว่ามันมีเรื่องขำๆในกลุ่มเพื่อนผมเล็กน้อย อิอิ คงไม่ได้รบกวนมากไปนะค้าบ

ไม่อยากบอกก็ม่ายเปงราย ผมไม่เคือง คงรู้อยู่เเล้วว่าผมไม่ซีเรียสและไม่เคยโกรธใคร แค่ขอความร่วมมือเท่านั้นเอง



บทที่ 13



      เสียงสายน้ำดังตกกระทบพื้นกระเบื้องในห้องน้ำ...ทำให้ผมตื่นจากการนอนหลับอันแสนสบาย แบบว่าสุขขีมากที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว

       ซ่า~~~...ที่นอนข้างๆผมว่างเปล่า แต่มีร่องรอยยับยู่ ผมค่อยๆชันตัวลุกขึ้นแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ชิพเปิดกระจกบ้านเลื่อนทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
ทำให้ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าเป็นวิวของท้องทะเลสีคราม หาดทรายส่วนตัวสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แสงแดดจ้าทำให้ผมต้องเอามือป้องเล็กน้อย พลางสูดลมหายใจลึกๆ
เข้าเต็มปอด...อ๊า~~~เพราะงี้ไงผมถึงรักทะเล ลมอุ่นๆและกลิ่นอายอันมีเสน่ห์แสนเย้ายวน บรรยากาศเงียบสงบสำหรับวันสบายๆดึงดูดให้ผมต้องล้มตัวลงนอนต่ออีกสัก
พักอย่างอดไม่ได้ ^-^ แล้วฟังเสียงคลื่น เสียงนก เสียงแห่งทะเล...

       ว่าแต่ นี่มันกี่โมงแล้วนะ?

       เสียงน้ำยังไม่หยุด ผมดึงแขนขาออกมาจากเตียงนุ่มได้ในที่สุด(T_T)…ว่าแล้วก็เดินออกมาถึงห้องโถงกลาง ตรงที่มีห้องน้ำใหญ่อยู่มุมๆหนึ่ง ผมกะ
จะเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน ทว่า...

       ภาพของเจ้าของร่างสูง เปลือยเปล่า...ยืนสูงตระง่านอยู่ใต้ฝักบัว พลางปล่อยให้สายน้ำที่อุ่นจนมีควันขึ้น(เหมือนในหนังเลย เหอะๆ)ชะโลมร่าง
กาย...ชิพยืนหันหลังอยู่ตรงนั้น ผมอดหน้าแดงและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากไม่ได้...เพราะผิวของชิพที่เรียบลื่นต้องแสงเมื่อโดนน้ำ มันช่างล่อตาล่อใจของผม...

       เท้าเจ้ากรรมเดินเข้าไปอย่างทรยศ โดยไม่รู้ตัว ช้าๆ...ผมก็พบว่าตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูซะแล้ว=_=”

      ความจริงแล้วผมก็ทราบดี...ว่าชิพเช่าห้องที่มีห้องน้ำแบบนี้ไว้เพื่ออะไร?(แบบเป็นกระจก เวลาอาบแล้วเห็นโป๊ๆกันได้ >///<)

      มันไม่น่าอายถ้าผมไม่รู้...ว่าชิพรู้ดีถึงสิ่งที่ทำให้ผมใจเต้นตึกตักอย่างนี้ได้

      “ชิพ...เอ่อ ผมขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย?”

      ชิพเงยหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม ยิ้มที่หล่อกระชากใจ ศีรษะของเขาที่มีผมสั้นแบบสกินเฮดยิ่งเสริมให้เขาทั้งหล่อ...ดูดี น่าดึงดูด

      “นึกว่าคุณจะยืนดูต่ออีกนานแล้วไม่เข้ามาซะแล้ว”

      ผมหน้าแดง แดงมาก...แต่ก่อนอื่นต้องล้างหน้าซะก่อน เลยเดินไปที่อ่างล้างหน้า ซึ่งได้หลบออกจากสายตาของมุมที่ชิพยืนอาบน้ำพอดี o_O”…

      “คุณจะแกล้งให้ผมรอไปอีกถึงไหน?”

      ชิพเดินตามมาทั้งเนื้อตัวเปล่าเปลือยซะงั้น เหอะๆ เขาจับแขนผมเหมือนจะห้ามไม่ให้ผมบีบยาสีฟัน...ตัวของเขาร้อนมาก

       “ฮื้อ?...”

      “เมื่อคืน คุณยังสัญญากับผมอยู่เลย”

      แล้วสายตาของเขาก็เลื่อนต่ำลงไปที่ตัวเอง...บ้าชิบ! แล้วทำไมกรูต้องมองต่ำตามลงไปด้วยฟ่ะ!?...พอเห็นเขามีอาการแบบนี้ ในสภาพแบบนี้...
มันรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆยังไงบอกไม่ถูกไม่รู้ >.<

      “คุณไม่ต้องทำอะไรมันแล้ว มาอาบน้ำกับผมนี่”

      เป็นคำสั่งที่กึ่งเชิญชวน ชิพเดินจูงมือผมที่ไม่ค่อยมีสติไปยังใต้ฝักบัว ที่ซึ่งมีสายน้ำอุ่นร้อนไหลชโลม...เสื้อผ้าของผมเปียกหมด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
เพราะนอกจากชิพจะก้มลงจูบ เอ่อ...ยอดอก และพยายามถอดเสื้อผ้าของผมออกทีละชิ้นๆแล้ว...ไอ้ที่น่าเป็นกังวลที่สุดคืออารมณ์ของผมเอง มันเพ้อไปกับเรือนกายของชิพ
ผิวของชิพ รสสัมผัส ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่ยากจะควบคุม

       ชิพหัวเราะฮึๆ

      “อะไร?”

      ผมปรือตาเพราะน้ำมันเข้า +_=* ชิพลูบน้ำออกให้ เขาโอบกระชับอ้อมกอดเข้ามา ทำให้บัดนี้ร่างกาย(เกือบเปลือย)ของเราสองคนแนบชิดแล้ว...
ถูไถซึ่งกันและกัน ชิพค่อยๆดึงปราการด่านสุดท้ายของผมออก แล้วใช้มือใหญ่ๆช้อน(อายจัง ไม่อยากใช้คำนี้เลย>.<////)...แก้มก้นของผมเบาๆ ก่อนจะเริ่มขยับคลึง
รุนแรงขึ้น เรื่อยๆ...เรื่อยๆ...

      ...ฉากต่อไปผมคงเล่าต่อไม่ได้ เพราะมันเรทมากแล้ว(^^^ดูจากที่เริ่มมา…) แต่ต่ออีกนิดส์แล้วกัน ^-^…คือชิพจับแขนยาวๆของผมขึ้นมาพรม
จูบ แล้วจับมาคล้องแขน จับเรียวขาข้างหนึ่งขึ้นมาพาดรั้งไว้ที่เอว...เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้ฝักบัว ในห้องน้ำ ผมขอเรียกมันว่า ‘อาหารเช้าฟลูคอร์ส’ ก็แล้ว
กัน...และคงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่ามันทั้งวิเศษ แล้วก็เหนื่อยมากมายแค่ไหน -_-“…



       “แดน เร็วซิ สิบโมงกว่าแล้วเดี๋ยวก็แดดร้อนหรอก”

      ชิพในกางเกงชายหาดยาวถึงเข่า เปลือยท่อนบน เผยแผงอกกว้างสีขาวไม่มีขนเลยสักนิด(คือ...มันชินตาพวกฝรั่งที่แอลเออ่ะคับ) กำลังถูลาก
ถูกัง(<<<ไม่รู้ใช้คำถูกหรือเปล่า?)ผมให้ลงไปในทะเลกับเขาด้วยกันอยู่ แต่ผมเหนื่อยและอยากพักผ่อนมากกว่า ก็จะเพราะใครซะอีก\<<<แง่ง~~~(-0-*)

       “ไม่เอาชิพ...คุณลงเล่นคนเดียวเถอะ”

      ผมสะบัดแขนหลุดแล้วทำท่าจะวิ่งหนี แต่ชิพรีบตามมาตะคุบไว้

       “นี่ คุณอย่าหนีผมเชียวนะ...น๊า~~~คุณลงมาเล่นกับผมเถอะ เดี๋ยวนี้เลย เล่นคนเดียวเหงาจะตาย น๊าคร้าบ~~~”

      ลองโดนถูกกอดไว้อย่างงี้ ทำเสียงอ้อนๆข้างหู ใจเป็นอ่อนยวบลงทุกที \(-_-*)

       “แต่...ผมยังเพลียอยู่เลย”

      “ไม่เป็นไรเดี๋ยวบ่ายก็พักได้”

      หมั่นไส้ไอ้ตัวร้ายนี่ชะมัด แน่ะ! ถลึงตาใส่ยังทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ได้อีก ก็ตัวเองอ่ะมีพลังอยู่คนเดียวนี่!

      “ดูท่าคุณจะภูมิใจมากเลยนะ”

      คราวนี้ชิพยิ้มออกมา หัวเราะฮึๆ

      “แน่นอน นี่คุณยังไม่รู้อีกเหรอ?”

      ผมถอนหายใจ เฮ้อ...เอาไงก็เอา แต่เอ คิดดูอีกทีแล้วอย่าดีกว่า เดี๋ยวไม่สบายแล้วหมดสนุกกันพอดี

       “ไม่เอาอ่ะ ชิพ คุณเล่นคนเดียวเหอะ เดี๋ยวผมนั่งดู”

      ว่าแล้วก็รีบพลักอกชิพออกห่าง เกิดนึกสนุกบ้าอะไรขึ้นมาไม่รู้ =_=” ดันทำเป็นวิ่งหนีให้เขาไล่ตามเราแบบเหนื่อยเล่น o_O* ถ้าใครมาเห็นภาพ
แบบนี้คงขัดหูขัดตาพิลึกเน๊อะ เอิร์กส์~~~

      “ไหนคุณบอกไม่มีแรงไง ยังวิ่งหนีผมเหย่งๆ”

      แน่นอนอยู่แล้ว ชิพได้เปรียบเพราะขายาวกว่านี่...ผมมันพวกขาสั้น วิ่งไม่ทันเขาอยู่แล้ว แต่พอโดนรวบตัวได้คราวนี้ชิพก็กอดรัดตัวผมไว้แน่นแล้ว
ลากลงทะเลเลย ผมร้องโวยวายให้เขาปล่อยพร้อมทั้งดิ้นพล่านๆๆๆ แต่ชิพไม่ยอมแถมยังหัวเราะซะปล่าว >O<

       พอลงน้ำแล้ว...ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง คือ แบบว่าไม่รู้จะโมโหเขาไปทำไม-_- ไอ้เราก็โดนเขากอดอยู่อย่างงั้น ส่วนชิพยิ้ม ยิ้มลูกเดียว ทำท่าจะขยับ
เข้ามาจูบผมก็หลบหนีแบบงอนๆ ให้มันรู้ซะบ้าง!

      “ฮึๆๆ...คุณทำแบบนี้คิดว่าผมจะยอมให้คุณขึ้นฝั่งงั้นเหรอ?”

      ชิพอุ้มผมลอยน้ำออกมาลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนความสูงมันประมาณหน้าอกของชิพ(ก็ประมาณคอของผม) ทำให้ผมต้องยอมเกาะเขาไว้ คราวนี้เจ้า
นั่นกลับปล่อยมือจากผมเฉยเลยดูซิ TT^TT

       “คุณต้องยอมให้ผมจูบ...ถึงจะพาไปแถวน้ำตื้น”

      มองหน้าชิพ

       “จะบ้าหรือไง นี่ขู่กันเหรอ? ต้องยอมคุณทำไมด้วยในเมื่อผมก็ว่ายกลับไปเองได้ อยากให้ลองดูมั้ยล่ะ?”

      ทำท่าจะว่ายกลับ แต่ชิพก็ดั๊น...คว้าตัวผมไว้ คราวนี้ฝ่ายนั้นทำหน้าออดอ้อน(คงรู้ว่าขู่ผมไม่ได้ ก็แหงล่ะ ชิ!)…เข้ามาคลอเคลียอยู่กลางทะเลซะงั้น
แฮะ +_+”

       “เอาน่า~~~คุณมาทะเลทั้งที ไม่ลงเล่นน้ำเลยก็ไม่เหมือนมาทะเลใช่มั้ยล่ะ?...อีกอย่าง คุณอยู่เป็นเพื่อนผม เผื่อผมเป็นอะไรขึ้นมา...คุณจะได้ช่วย
ผมได้ทันไง”

      “เหอะ! ใครจะไปช่วยคุณ”

      ชิพหยิกจมูกผม

      “ก็คุณไง ทำปากดี”

      ผมแอบเหล่ตาใส่เขา บ่นงุบงิบ

      “ตัวยั่งกะควายใครจะไปช่วยไหว...ไม่ช่วยคุณหรอก”

      “โธ่...ทีเมื่อกี้ผมยังช่วยให้คุณตาสว่างเลย เป็นไงล่ะ?”

      ผมทุบไหล่ชิพไปสองสามอึก ซึ่งก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมานอกจากเสียหัวเราะดังลั่น

      “ผมรู้ว่าคุณหลอกให้ผมตายใจ สุดท้ายแล้วคุณก็ทำให้ผมเหนื่อยหมดแรงทุกที!”

       “ก็แล้วคุณชอบมั้บล่ะ>?”

      เรากอดรั้งกันไว้ ลอยคออยู่ท่ามกลางทะเลอันเงียบสงบ เป็นส่วนตัว เถียงกันเสียงแง้วๆ =_=”

      “ก็นั่นไง ผมถึงปล่อยคุณไปไม่ได้”

      ผมทั้งอายทั้งโกรธที่เถียงไม่ทัน จนหน้าแดงแล้วสมองรวนขนาดที่นึกสรรหาคำพูดอะไรไว้สวนกลับไม่ออก

       โดนย้อนแบบนั้น ผมเลยไม่รู้จะโต้ตอบชิพยังไง หุหุ...

       “คุณ...คุณ....!”

      “จะว่าอะไรผมก็เชิญ คุณให้สัญญากับผมเมื่อคืนแล้วนี่”

      เฮ้อ เถียงเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้หยุดแล้วนิ่งเฉยไว้ดีกว่า

      สักพัก ชิพก็ถามขึ้นมา

       “มันคงไม่ได้เจ็บมาก...ขนาดที่ว่า เอ่อ...คุณว่ายน้ำไม่ไหวเลยใช่มั้ย?”

      ผมไม่ตอบในตอนแรก แต่พอเขามีสีหน้าเป็นห่วง แลดูกังวลจริงๆ...ผมก็ยอมตอบเขาดีๆ(ก็ได้)

      “จะบ้าเหรอ...คุณเคยเห็นผมขยับตัวไม่ได้เลยหรือไง? มันก็แค่...เพลีย ว่ายน้ำมันก็ยิ่งทำให้เพลีย...”

      “เหรอ งั้นผมขอโทษนะ...แต่ผมขออีกรอบได้มั้ย?”

      ผมเบิกตากว้าง!!!

      “อีกรอบ ตรงนี่เนี้ยนะ จะบ้าเหรอคุณ!?”

      สาดน้ำเข้าหน้าไปสักป๊าบ ชิพหัวเราะเอิกอ๊าก...พลางดุนจมูกเข้ามาตรงซอกคอ จูบผมหนักๆทีหนึ่งแล้วถอนออก

       “ผมล้อเล่นหรอก แต่ถ้าคุณให้...ผมก็โอเคนะ”

      ไม่เอาแล้ว! ไอ้คนบ้า...ส่ายหน้าแล้วผละตัวเองออกมาเพื่อว่ายหนีเข้าฝั่ง ชิพว่ายมาทันตรงน้ำตื้น

       “เดี๋ยวซิ~~~ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”

      “อะไรอีกเล่า?”

      ชิพดึงผมเข้าไปกอด ช้าๆและอ่อนโยน...อึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา ไม่เท่ากับอึ้งที่เขาพูดเป็นประโยคต่อมา

       “แดน...คุณทำให้ผมนึกถึงตอนที่เรามาเที่ยวทะเลด้วยกันเป็นครั้งแรก...คุณกับผมยังอยู่มอสี่ด้วยกัน คุณมากับชุมนุม ผมแอบตามมาเพราะอยาก
เจอหน้าคุณ...แล้ววันนั้นเราก็ลงเล่นน้ำกัน ผมเห็นคุณหน้าแดงแล้วพลอยอายๆไปด้วย...แล้วผมก็ได้แอบกอดคุณ คุณทำให้ผมรู้สึกดี”

       อึ้งอ่ะ...

      “~ชิพ...คุณยังจำได้อยู่อีกเหรอ?”

      “จำได้...ทุกๆวินาทีที่เกี่ยวกับคุณ ผมจำได้ทุกอย่าง”

      ผมค่อยๆยกมือขึ้นกอดเขา มันเป็นความอบอุ่นลึกซึ้งที่ไหลผ่านร่างเราทั้งสองคน

      “ผมรักคุณตั้งแต่ตอนเราพบกัน...ที่โรงอาหาร คุณเป็นคนแรกที่ทำให้ผมโกรธไม่ลง เวลาโมโหจะต่อยใคร”

      เสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมา ผมมองสบตากับเขา แล้วหยิกแก้มเปื้อนรอยยิ้มนั่น

       “~นี่แสดงว่าคุณจะต่อยผมแล้วงั้นซิ?”

      “ไม่หรอก...คุณหล่อกว่าเด็กผู้ชายทั่วไป คุณโดดเด่นกว่าที่ผมคิด ไม่รู้เพราะอะไร...รู้ตัวอีกทีก็หลงรักผู้ชายเข้าให้ซะแล้ว...ซึ่งนั่นก็คือคุณล่ะแดน”

      ผมหัวเราะอีก เรายืนอยู่อย่างนั้น มองตา พลางรู้สึกเจ็บจิ๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

       เพราะระหว่างเรา...มันมีเรื่องราวในความทรงจำ...ที่ถูกเก็บไว้มากมายเหลือเกิน…

       “พูดเรื่องวันเก่าๆขึ้นมาอีกทำไมนะ?”

      “ก็เพราะ...คุณทำให้ผมนึกถึงวันนี้ ผมขอบคุณนะแดน...ที่ทำให้ผมมีวันนี้ ที่ให้เรามีกันและกัน มีทุกๆอย่าง...ขอบคุณจริงๆ”

       “ชิพ...คุณจะทำให้ผมร้องไห้อีกแล้วรู้มั้ย?”

      ฮือ...จริงๆนะ ไม่รู้เป็นยังไงหมู่นี้อ่อนไหวเป็นพิเศษ o_O*

      “เหรอ? งั้นคุณบอกผมซิว่ารักผมมากแค่ไหน?”

      “แล้ว มันเกี่ยว’ไรด้วยง่ะ?”

      “ก็...”

      เขารวบตัวผมเข้าไปไว้ในกอดที่แข็งแรง จูบผม...ทำให้ผมต้องจูบตอบ ก่อนที่เราจะเดินขึ้นจากทะเลตามกันมา โดยไม่แสดงอาการอะไรเพราะยัง
ชากับความรู้สึกเหล่านั้น...เหมือนไฟฟ้าแล่นผ่านเส้นประสาททุกเส้น ผมเดินนำเขาขึ้นมาบนห้องก่อน...ตามมาติดกันชิพก็เข้ามากอดผมไว้ เริ่มจูบที่หนักหน่วง ผมรู้สึก
เหมือนหน้ามืดแล้วรีบถอดเสื้อผ้าออกอย่างร้อนรน ชิพทำหน้าที่ส่วนของเขาเช่นกัน...ไม่นานนักเราก็เริ่มบทรักอีกครั้งอย่างอ่อนหวาน เร่าร้อน...ทำให้ผมต้องเผลอหลับ
ไปนานโดยไม่รู้ตัว จนตื่นขึ้นอีกที ก็บ่ายซะแล้ว...



       “ชิพ…คุณตัวอุ่นๆนะ”

      ผมเอามืออังหน้าผากเขา ขณะที่เรากำลังนอนเอกขเนกกันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ยามũ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 12 ประกาศเลื่อนเอาตอนต่อไปมาลงครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 22-05-2008 17:40:25
ต่อๆ งืมๆๆๆๆ :a4:

บทที่ 14



       “แดน…แดน อย่า…อย่าทิ้งผมไป…”

      ผมได้ยินเสียงครางเรียกชื่อเบาๆอยู่ข้างตัว…มันทำให้ผมตื่นขึ้นมาท่ามกลางดึกสงัด พยายามชันตัวขึ้นแล้วปรับสายตาให้ชินกับความมืด ร่างข้างๆ
ของผมดิ้นรนสั่นเทาอย่างกับพยายามจะต่อสู้กับอะไรบางอย่าง

       “ชิพ?”

      ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง ภาพที่เห็นคือชิพกำลังนอนกระสับกระส่ายทุรนทุราย เหงื่อกาพผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเขา ใบหน้าเหยเกด้วยความ
เจ็บปวดสักอย่าง…ผิวแดงและพอเมื่อแตะดูก็รู้สึกร้อนจี๋

       “คุณตัวร้อนนี่!”

      ผมรีบกระโดดลงจากเตียง เดินมาทางฝั่งของชิพ ริมฝีปากแห้งผากของเขาสั่นระริก มีเสียงครางแผ่วเบาเล็ดลอดออกมา

       “อย่าหนีผมไปอีก…ไม่เอาแล้ว…ไม่ไหวแล้ว…”

      “ชิพ ผมอยู่นี่แล้วครับ ไม่ต้องกลัวนะชิพ”

      ผมเอามือแตะๆหน้าให้เขาตื่น แต่เจ้าตัวคงกำลังฝันอะไรสักอย่างอยู่ หลับลึก…เขาโวยวายออกมาดังมากขึ้นเรื่อยๆจนผมก็พลอยตั้งสติไม่อยู่ไปด้วยคน

       “ชิพ ชิพ! คุณเป็นอะไร ตื่นซิชิพ!”

      ผมตีแก้มเขาแรงๆสักสองสามที ชิพก็สงบลง เขาค่อยๆปรือเปลือกตาขึ้นมา ทันทีที่เห็นนั้นเขาก็คว้าร่างผมเข้าไปกอดทันที


       “แดน!”

      น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนจะร้องไห้…ลมหายใจร้อนระอุพ่นออกมาแรงๆแบบเหนื่อยหอบ ตัวของเขาร้อนรุ่มไปหมด คงเป็น
เพราะพิษไข้ที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเย็น ส่วนผมดันลืมเอายาให้เขากิน…นั่นซิ!~!~โอ๊ย!!! ผมมันเป็นแฟนที่แย่ที่สุดเลยให้ตายซิ!

       “คุณเป็นอะไรไปชิพ? คุณร้องโวยวายลั่นไปหมด”

      “ผม…ผมฝันว่าคุณหนีจากผมไปอีก แดน…คุณสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่หนีจากผมไปไหนอีก นะครับแดน...ผม ผมขอร้อง”

      น้ำเสียงของเขา…มันช่างบาดลึกลงมาภายในจิตใจ แทบจะกรีดน้ำตาผมออกมาได้เดี๋ยวนั้น

      “ได้ซิ…ผมสัญญากับคุณแล้ว ว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะไม่ยอมทิ้งคุณไปไหนอีก”

      ชิพกอดแน่นอีก พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ จนผมต้องแกะมือเขาออกแล้วช่วยพยุงร่างเขาให้เอนกลับลงไปนอนตามเดิม ผมปาดเหงื่อออก
จากหน้าผากสวยของเขา พูดปลอบว่า

       “ไม่เป็นไรแล้วชิพ ผมอยู่กับคุณแล้ว…แต่ตอนนี้คุณเป็นไข้หนัก ผมต้องให้คุณกินยา คุณถอดเสื้อเองไหวมั้ย?”

      เขาไม่ตอบ ได้แต่นอนนิ่ง ดูท่าแล้วคงไม่ไหวผมเลยตัดสินใจเดินไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นใส่อ่างมา แล้วลงมือถอดเสื้อผ้าของเขาเอง

       “คุณหนาวมั้ย?”

      ชิพพยักหน้า ผมเลยเดินไปปิดแอร์

       ลงมือเช็ดตัวเขาไปตามเนื้อตัวที่ร้อนผะผ่าว ผิวของเขาเมื่อสัมผัสกับน้ำเย็นก็สะดุ้ง ทีนี้ล่ะเป็นเรื่อง…ชิพดิ้นพล่านๆร้องประท้วงว่าจะไม่เช็ดตัวลูกเดียว

       “ชิพ คุณอย่าดื้อกับผมซิ” <<< =-=

       “ไม่เอาแล้ว! แดน ผมหนาว ไม่เอาๆๆ”

      ขนาดยิ่งไม่มีเสียงก็ยังจะร้องโวย ขนาดไม่มีแรงเขายังพอจะดิ้นขัดขืนต่อสู้กับผม…ทว่าคราวนี้ผมเป็นฝ่ายชนะ(แปลกแฮะ) จับเขากดจนอยู่หมัด
แล้วลงมือเช็ดตัวเขาต่อโดยต้องไม่สนใจเสียงคราวแผ่วน่าสงสารนั่น…(-_-“)

       “ชิพ คุณอยู่นิ่งๆซิ~~~”

      “ก็มันหนาวนี่…แค่นี้ก็พอแล้วนะ”

      เช็ดแขนยาวๆของเขา เรื่อยลงมาที่ข้อมือ ทว่า…เอ๊ะ!?

      “…”

      “แดน…เสร็จแล้วใช่มั้ย?”

      “…”

      “แดน?”

      “…ชิพ นี่…นี่มันคืออะไร?”

      ชิพนอนนิ่งไม่ตอบ เขาไม่มองผม…ก่อนจะหลับตาลง แล้วดึงมือกลับไปแรงๆ

       “ชิพ! อย่าทำแบบนี้กับผม คุณบอกผมมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

      ผมชักจะสติแตก พูดกับเขาแบบมีอารมณ์โมโหพร้อมทั้งตามไปคว้ามือเขามาดู…เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะไอ้รอยนู่นบางๆหลายรอยตรงข้อมือ
เขา…มันหมายถึงอะไร ผมและเขาย่อมรู้ดี…

       “ชิพ…”

      ดวงตาของผมพร่ามัว…เสียงสั่นเครือ น้ำตาอุ่นร้อนหลั่งไหลมาเอ่อคลอ เหมือนเลือดมันจะไปคั่งอยู่ในสมองทำให้ปวดจิ๊ดขึ้นมาซะงั้น…ผมลูบแผล
เป็นของชิพอยู่อย่างนั้นนานด้วยหัวใจที่ปวดร้าว…ปวดร้าวจริงๆ…

      “แดน…มันไม่เป็นไรหรอก”

      “คุณ…คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”

      “ผม…”

      “คุณรู้มั้ยว่ามันบาปแค่ไหน คุณฆ่าตัวตาย! คุณทำลงไปได้ยังไง…คุณ…คุณมันบ้า! ถ้าคุณตายลงไปจริงๆ…ผมจะทำยังไงเล่า!!!”

      ปล่อยโฮออกมาแรงๆ แล้วฟุบลงไปข้างๆเตียง กุมมือเขาไว้…ในใจตอนนี้สับสนไปหมด ชิพเคยฆ่าตัวตาย? ดูจากร่องรอยชิพคงกรีดข้อมือ…เขา
ฆ่าตัวตาย! ไม่…ผมไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ!!!

      เขาจะเจ็บปวดมากมั้ยนะ?...เขาจะสับสนเหมือนผมตอนนี้มั้ย?...ผมกำลังโมโหจัด อยากทุบเขาแรงๆให้สะใจสักร้อยๆที…แต่อีกใจหนึ่งมันเต็มไป
ด้วยความสงสาร ความรู้สึกผิดที่อัดแน่นเต็มหัวใจ

       ทุกๆอย่างมันตื้อขึ้นมาจนจุก…หายใจไม่ออก

       “แดน…ผมไม่เป็นไรหรอก”

      ชิพชันกายขึ้นมาลูบหัวผม แย่ชะมัด…กลับกลายเป็นเขาที่มาปลอบผมซะได้

       “แต่ทำไม? ทำไมคุณต้องทำแบบนี้…คุณทำเหมือนชีวิตไม่มีค่า ทำไมถึงไม่คิดถึงคนอื่นบ้างที่เป็นห่วงคุณ”

       ชิพเงียบไปสักพัก ผมนึกว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ว่า…

       “…คุณไม่รู้หรอก ว่ามันทรมานแค่ไหน ที่ผมต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปทุกๆวันโดยไม่มีคุณ”

      “ที่ผ่านมา…คุณคือเหตุผลที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อ มากพอกับทำให้ผมทรมานทั้งเป็น…”

      “นอกจากคุณแล้ว…ชีวิตผมไม่มีค่าอะไรเลยถ้าขาดคุณไป...”

       คำพูดของเขา ทิ่มแทง...ผมกลัว ไม่อยากฟังอีกต่อไป

      “ชิพ หยุดพูดแบบนั้นเถอะ ผมขอร้อง! ผมขอโทษ…”

      ผมกอดชิพไว้ มันปวดร้าวข้างในอย่างบอกไม่ถูก ผมผิดเองที่ทิ้งเขาไป ผมผิดเอง…ผิดทุกอย่าง…

      “คุณสัญญากับผมได้มั้ย…ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”

      เสียงสะอึกสะอื้นอู้อี้ของผมสั่นพร่า เขาอาจจะฟังไม่ออก...แต่ตอนนี้ในหัวสมองของผมมีแต่ชิพ...

       “ผมสัญญา ก็ต่อเมื่อคุณสัญญากับผม...ว่าคุณจะไม่หนีจากผมไปไหนอีก”

      “ผม...ผมสัญญาครับ”

      ชิพดึงตัวผมขึ้นไปกอด ส่วนผมร้องไห้ซบอกเขา มันยากที่จะต่อต้านความรู้สึกที่ว่า...สักวันผมอาจต้องสูญเสียเขาไป ตลอดชีวิต...

       มันยากหากจะต้องยอมรับว่า ผมไม่มีวันได้กอดเขาอีก...

       จะไม่มีวันได้หัวเราะร่วมกัน...

       ได้พูดคุย...

       ได้มองตากัน...

       ได้บอกรักกัน...

       ได้สัมผัส…

       สิ่งเหล่านี่จะเลือนหาย หากเขาจากไป…

       และผมยอมรับมันไม่ได้ ไม่มีวัน!

       “โธ่ คุณอย่าร้องไห้ซิ...ดูนี่เปียกตัวผมหมดแล้ว”

      รีบเอามืดปาดน้ำตา แล้วคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดแผ่นอกเขา

       “ผมขอโทษ...”

      “ไม่เป็นไรแดน”

      ชิพหยุดมือผมไว้ เขาค่อยๆจูบผมอย่างแผ่วเบาที่หน้าผาก

       “คุณขี้แยที่สุด...สัญญากับผมอีกสักอย่าง อย่าร้องไห้โดยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ได้มั้ย?”

      ผมพยักหน้า

      “แม้ว่าผมจะเป็นอะไรไปก็ตามนะ?”

      คราวนี้ผมหน้าเสีย...

       ชิพหัวเราะ “ผมล้อเล่นน่า คุณนี่หลอกง่ายจัง”

      ผมกอดเขาอีกครั้ง รู้สึกว่าตัวชิพลดไข้ลงบ้าง ผมรีบไปหยิบเสื้อกลับมาสวมให้เขา ห่มผ้า แล้วเฝ้าดูอาการเขาอยู่ข้างๆเตียง

       “...แดนครับ? ถ้าขืนคุณนั่งจ้องผมแบบนี้ จ้างให้ผมก็ไม่หลับหรอก...”

      “แต่คุณยังมีไข้อยู่...”

      “ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

       “คุณปวดหัวมั้ย?”

      ชิพปวดหัว เลยป้อนยาแก้ปวดให้สองเม็ด

       “นอนต่อซิ”

      ผมนั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียง กุมมือเขาไว้ พลางเงยหน้าขึ้นมามองเขา...ผมรักผู้ชายคนนี้ มากกว่าใครที่เคยรักมาก่อนในชีวิต...

       “ผมก็แค่อยากดูแลคุณ...แค่คิดดูถึงสิ่งที่ผมเคยทำผิดพลาดไว้ในอดีต ผมอยากชดใช้ให้คุณ”

      ชิพถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

       “แดน...หากคนเราไม่เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน เขาจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย...คุณไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องในอดีต มันคือความทรงจำ...ไม่ใช่
ปัจจุบัน แค่คุณทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วก็พอ”

       ผมเอามือเขามาวางทาบไว้ที่หน้า ซึมซับความรู้สึกนั้นไว้...

       “แค่ผมคิด...หากผมขาดคุณไปจริงๆ ชิพ...หากเราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันสักวันหนึ่ง...คุณบอกผมหน่อยได้มั้ยว่าผมควรจะต้องทำยังไง?...”

       ชิพแค่ตบที่นอนข้างๆตัว เป็นสัญญาณให้นอนลงข้างๆกายเขา

        “มานี่ซิ...กอดผมหน่อยได้มั้ย?”

      ...ผมสอดตัวลงไปในผ้าห่มผืนเดียวกันพลางบดเบียดตัวเพื่อหาไออุ่นของชิพ...ชิพวาดวงแขนแข็งแรงโอบกอดตัวผมไว้ เราใกล้ชิดกันจนแทบได้ยิน
เสียงหัวใจของอีกฝ่ายต่างเต้นเป็นจังหวะมั่นคงในความเงียบ

       “แค่คุณกอดผมไว้...”

       ผมแอบปาดคราบน้ำตาอีกครั้ง

       “ชิพ...ขอบคุณนะที่อดทนเพื่อผม”

      “อืม...”

      ชิพผล๊อยหลับไปแล้ว แต่ผมยังคงลืมตาโพล่งท่ามกลางความมืด...

       พรุ่งนี้จะเป็นยังไงถ้า...ไม่มีเขาอยู่ในชีวิต

       ผมคงต้องทำแบบเดียวกับที่ชิพตัดสินใจทำล่ะมั้ง...

       อยากให้เขารับรู้ไว้ว่าความรักที่ผมมีให้เขามันมากมายเกินคำบรรยาย...บางครั้งผมก็สงสัยว่าใครสักคนสามารถผูกพันกันได้มากมายขนาดนั้น

เชียวหรือ? แล้วถ้าเวลานั้นมาถึง...เวลาที่เราจะไม่ได้อยู่ร่วมกัน มันคงทำใจลำบากกว่าครั้งอื่นๆ...มันคงสาหัสมากจนพูดออกมาไม่ได้ หลับตาลงไม่ได้...ผมคิดอยู่เสมอ

ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ...ผมควรทำเช่นไร?

      




หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 22-05-2008 18:20:35
ชิพ รึ แดน จะเป็นอะไรรึเปล่าน๊า :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-05-2008 19:04:40
:impress: :impress: :impress:

อ่านแล้วน้ำตาไหล

สงสารชิพนะครับ เพิ่งรู้ว่าชิพเมื่อขาดแดนจะทำแบบนี้ด้วย

เป็นกำลังใจให้เสมอครับผม แล้วมีลางๆจะเป็นไรป่าวครับผม

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-05-2008 19:42:57
ชักเป็นห่วงชิพตะหงิดๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 22-05-2008 19:46:10
มีรำลึกถึงตอนมัธยมด้วย ตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆ  :m1:

รักกันนานๆไปตลอดนะคะ

ขออย่าให้มีอะไรมาเป็นอุปสรรคเลย

สาธุ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 22-05-2008 19:54:31
มันแปลกๆ น่ะ

ขออย่าให้มีอะรายไม่ดีเกิดขึ้นดลย สาธุ

 :m15:     :m15:    :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 22-05-2008 20:00:38
เรื่องนี้จะจบแบบไม่เศร้าใช่มั๊ย :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 22-05-2008 21:00:28
 :o :o :o อย่าเกิดอะไรนะครับ  :o :o :o
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: fellow ที่ 22-05-2008 21:11:19
 :เฮ้อจะมากระชากอารมณ์อีกหรือเปล่าเนี่ย :m15:

  น้องAlexเก่งมากๆ :L2: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 22-05-2008 21:36:39
ทามมายมานเศร้า อย่างงี้ อะ

แต่ตอนนี้ ชิพ ก็ มีแดนยุนะ


รอตอนต่อ ไปนะค่ะ


 :bye2: :L2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-05-2008 22:19:42
 :m15: :m15: :m15: เหมือนจะมีลางร้าย  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 22-05-2008 23:39:36
อ่านแล้วรูสึกตื่อๆจัง
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 23-05-2008 12:22:37
 :serius2:

อ่านแล้ว ใจคอไม่ดีเลย

มันน่าจะถึงเวลาที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเสียที

อย่าให้มีอะไรมีดีเกิดขึ้นเลย :เฮ้อ:






อิน ครับ อิน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 23-05-2008 13:50:54
เหมือนจะมีอะไรเศร้าๆอยู่ข้างหน้า...
รึเปล่านะ
 :serius2: :serius2:



หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 23-05-2008 15:32:44
ฮือ..เศร้าอีกแล้วอ่ะ.. :o1 o72:
ชิพพูดให้จายเสียอ่ะ..
ขอให้ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นนะฮะ......
ปล..to Alex :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ~Brand New Beat~ ที่ 24-05-2008 02:52:05
น่าสงสัยจิงๆ จะเศร้าอีกแล้วหรอครับ

ถ้าใช่จะได้ทำใจไว้ก่อน  :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: coloniser ที่ 24-05-2008 04:32:51
น้องอเล็กซ์ แมาแนวให้เป็นห่วงสองคนนี้อีกแล้ว หึหึ

ขอมีความสุขต่อไปอีกหน่อยเหอะนะ :a4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-05-2008 13:47:44
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 24-05-2008 14:30:15
ไม่นะครับ มันจะเริ่มเศร้าอีกแล้วหรอนี่

มารอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 24-05-2008 19:31:55
ทันแว้ว ๆๆๆ

เศร้าด้ายอีก :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 24-05-2008 21:33:06
มันแม่งๆแหล่ะ เหมือนจะมีลางบอกเหตุ เริ่มเครียดๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 24-05-2008 23:41:18
ห้ามจบเศร้านะ...อุสาเข้าใจกันแล้ว  :m16:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 25-05-2008 01:05:25
 :sad2:

อ่านไปแล้วก้หดหู่.....   :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:


มันต้องมีไรแน่ๆ.... :a3: :a3:





 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: clash1986 ที่ 25-05-2008 12:49:48
เอื้อมไม่ถึง...   รู้ตัวฉันดียังไกลห่าง

ลอยคอ  รอคอย


หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 25-05-2008 18:19:22
ตกลงคู่นี้เค้าจะลงเอยกันมั้ยเนี่ย Alex ตั้งแต่มัธยม  จนตอนเข้ามหาลัย  จนตอนนี้ทำงานแล้ว (ชิพเริ่มแก่แล้ว) :m23:

ก็ยังไม่ด้ายอยู่กันอย่างมีความสุขซากที   รวมระยะเวลาที่ห่างกันตั้ง 15 ปี  :m15:

ถ้าเปรียบกับเด็ก  จากแรกเกิดจนถึง อายุ 15 ปี ก็เริ่มโตมากแล้ว
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 27-05-2008 08:50:08
อ่านตอนนี้แล้วแปลกๆ

เหมือนใครจาเป็นอารัยไม่รุ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: @#Jackie#@ ที่ 27-05-2008 23:26:18
จบเศร้า แหงม ๆ  :serius2: :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 28-05-2008 00:48:02
 :o12: :o12: :o12: :m1: :m1:


ซึ้งสุดๆเลยครับ ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว อย่าแยกจากกันอีกละครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 01-06-2008 18:48:29
มาช้าอ่ะ  :serius2:

ไม่เอาจบเศร้านะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 02-06-2008 15:48:53
late นานแล้วนะครับ  :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 02-06-2008 16:33:13
โอ๊ยยยยยยยยยยยย

ไม่อยากเศร้าแล้วน้า

 :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 05-06-2008 20:12:58
เลท มากไปแล้ว :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 06-06-2008 21:39:06
 :o12: :o12:

เสียน้ำตาหลายไปหลายลิตร



 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 13+14 เอามาลงให้แต่งวดหน้าของเลทนิดส์น๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 08-06-2008 22:44:20
ขอโทดที่มาช้า อย่าโกรธเค้าน๊า :m23:


บทที่ 15



        รุ่งเช้า ผมตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่สดใสนัก กลับกลายเป็นว่าผมซะเองที่ไข้ขึ้น เพราะติดจากชิพเมื่อคืน และ...เรื่องต่างๆที่รบกวนใจจนนอนไม่
หลับเลยสักนิดเดียว

       “ผมต้องรีบกลับกรุงเทพฯก่อนบ่ายสองโมง มีประชุมทางโทรศัพท์กับบอร์ดในบริษัท คุณจะแวะซื้ออะไรก่อนกลับอีกมั้ย?”

      ชิพถามขึ้นขณะกำลังแต่งตัว และจัดเก็บข้าวของลงใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน...ผมได้แต่พยักหน้าและลากสังขารตัวเองไปสู่ห้องน้ำ...ฝืนทนกับ
ความเจ็บตามกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย สงสัยจะโดนไข้หวัดใหญ่เล่นงานเอาก็คราวนี่ล่ะแฮะ =_+”

      ออกมาจากห้องน้ำ เห็นชิพยืนคุยโทรศัพท์อยู่กับเลขาฯของเขา อย่างที่บอกอ่ะแหละครับ...ก็คือชิพมีธุรกิจซึ่งตกทอดมาจากต้นตระกูล บริษัทนำเข้า
และผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ชื่อดังรายใหญ่ของประเทศ เมื่อสิบปีก่อนผมเคยฝึกงานอยู่บริษัทเดียวกับเขา นับตั้งแต่ตอนที่คุณย่าของชิพยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่...จาก
ประสบการณ์บอกผมว่าชิพกำลังมีภาระที่ต้องดูแลอยู่หนักเอาการ ไหนจะทั้งส่งออกและผลิต ตอนนี้ชิพมีโรงงานที่ติดต่อทำธุรกิจร่วมกันกับชาวต่างชาติ เช่นที่เมืองจีน ญี่ปุ่น
และฮังการี

       “ชิพ คุณไม่หยุดต่ออีกหน่อยเหรอ? คุณยังตัวอุ่นๆอยู่นะ”

      “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณต่างหากที่น่าเป็นห่วง มานี่ซิ เดี๋ยวผมเช็ดผมให้”

      ว่าแล้วชิพก็ต้องมาเช็ดผมให้ ซะงั้น =+=...เฮ้อ~~~ ช่างเหอะ

       “แต่ความจริงแล้ว...หยุดงานแค่สามวัน คุณน่าจะได้พักผ่อนมากกว่านี้นะ”

      “ไม่ได้หรอกแดน แค่นี้ที่ผมไม่เข้าบริษัท ลูกน้องผมก็ทำงานวุ่นกันหัวแทบขวิดอยู่แล้ว”

      เฮ้อ~~~...ถอนหายใจรอบที่สอง ชิพเป็นคนสำคัญของบริษัท เขาต้องบริหารงานหนักแบบนั้น ผมเข้าใจดี...แต่ผมอดเป็นห่วงเขาไม่ได้นี่นา มีแฟน
เป็นคนบ้างานทั้งทีนี่ ก็ลำบากเหมือนกันแฮะ =_=”

      “สมัยตอนที่คุณย่าบริหารงาน ท่านทำงานหนักเหมือนคุณตอนนี้มั้ยน๊อ?”

      จู่ๆ มือของชิพก็หยุดชะงักลง...ผมลืมตามองเขาผ่านทางกระจก เห็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ลูกกระเดือกของเขากลืนน้ำลายลงไปอย่างลากลำบาก โอ้ว...
ใจผมหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม แล้วเริ่มเต้นตึกตักด้วยความกลัว นี่ผมหลุดปากพูดอะไรออกไปอีกแล้วงั้นเหรอ?

      “ไม่ต้องพูดถึงเขา...”

      น้ำเสียงของชิพแข็ง หยาบกระด้าง และเย็นชาพอๆกับแววตาเวลาที่เอ่ยถึงคุณย่า เขาเลิกเป่าผมให้ แล้วเดินไปเก็บของต่ออย่างค่อนข้างใส่อารมณ์...
ผมงง

       “นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นชิพ? ผมทำอะไรผิดหรือไง?...ผมงงไปหมดแล้ว”

       “ก็แค่คุณไม่พูดถึงชื่อนั้นก็พอแล้วไง!”

      ชิพยังคงไม่หันมามอง

       “แต่...ผมก็พูดแค่ว่าตอนที่คุณย่า-“

      “พอได้แล้ว...ผมไม่มีวันทำตัวเหมือนเขา ผมพอใจที่จะทำงานหนักกว่า เพื่อให้งานออกมาดีกว่า ผมไม่เคยเดินตามรอยเขาเลย ได้ยินมั้ย? ทีนี้พอ
ใจหรือยัง”

      ชิพหันมาพูดเสียงเข้มใส่ผม กระชากห้วนจนผมอดสะดุ้งไม่ได้...กลัว เห็นแววตาดุดันของเขา ท่าทางที่น่ากลัวบวกกับน้ำเสียง...เมื่อห้องเงียบงันก็
พบว่าหัวใจเต้นแรงอย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนชิพยืนนิ่งอยู่ตรงข้าม

       “~ทำไม?...คุณต้องไม่อยากพูดถึงท่านด้วย”

      “ก็เพราะผมไม่อยากน่ะซิ...ผมไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง ไม่อยากพูด ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับที่เขาอยู่ เพราะผมเกลียดเขา เกลียดที่เขาทำให้เราสอง
คนต้องเสียเวลามากมายแบบนี้! นี่คุณไม่รู้สึกเกลียดเขาบ้างหรือยังไง?”

      “เกลียดเหรอ? ชิพ คุณเกลียดท่านไม่ได้นะ เพราะท่านเป็นคุณย่าของคุณ...ท่านมีบุญคุณต่อคุณนะ”

      “บุญคุณของเขาผมทดแทนหมดไปแล้ว...”

      “ไม่มีทางหรอก คุณไม่มีวันชดใช้บุญคุณคนที่ชุบเลี้ยงเรามาตลอดชีวิตได้หมด”

      “แล้วจะให้ผมทำยังไง?”

      “คุณก็อย่าโกรธ อย่าเกลียดท่านซิ พยายามนึกถึงแต่สิ่งดีๆของท่านไว้”

       พยายามเกลี้ยกล่อมเขา ทั้งๆที่น่าจะรู้...เปลี่ยนใจชิพมันยากมากแค่ไหน

      “มันไม่มีสิ่งดีๆอันไหนหลงเหลือน่ะซิ ผมถึงไม่อยากพูดถึงเขา!”

      ชิพเหวี่ยงกระเป๋าลงสู่พื้น แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้...เขาเอามือกุมใบหน้า ทำให้ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาร้องไห้...หรือว่าทำอะไร?...

      “ชิพ...แล้วท่านรู้มั้ยว่าคุณ เอ่อ...พยายามฆ่า...”

      รวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป...ชิพไม่ตอบ นั่นยิ่งทำให้ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

       “ชิพ...คุณควรปล่อยวางความเกลียดชังเหล่านั้นทิ้งไปซะ...มันไม่ดีสำหรับคุณ”

      เขาเงยหน้าขึ้นมา ขอบตาแดงแต่ไม่มีร่องรอยของน้ำตา

       “คุณจะเอาอะไรจากผม...คุณจะคาดคั้นเอาอะไรจากผม? ผมบอกแล้วไงว่าผมมันไม่เคยเป็นคนที่เขารัก ผมมันไม่มีค่าสำหรับใคร แม้แต่ย่าคน
เดียว!...หากคุณคิดว่าผมไม่มีค่าอีกก็เชิญไปเลยซิ ไป!”

      อะไรกัน?~จู่ๆเขาก็หาเรื่องผม!!! คงเพราะอารมณ์โมโหที่ทำให้เขาพูดจาแบบนี้ ผมไม่โกรธเขาหรอก...เพียงแต่แค่งงๆแล้ว...แอบน้อยใจเล็ก
น้อย

       เป็นเพราะผมรู้ธรรมชาติของชิพ แม้ภายนอกของเขาอาจจะดูเข้มแข็ง แต่แท้จริงแล้วชิพไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีทั้งความขี้โกรธขี้โมโห
ขี้น้อยใจ บางทีก็มีความสดใส...ร่าเริง ซุกซ่อนอยู่ในตัว...ความเย็นชาต่างๆเป็นเพียงสิ่งที่เขาแสดงออกมา ไม่ใช่ตัวตนแท้จริงที่ผมรู้จัก...

       “ไม่มีใครคิดว่าคุณไม่สำคัญหรอกนะชิพ...คุณสำคัญที่สุดในชีวิตของผมในตอนนี้ เวลานี้ผมไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคุณ คุณคือหัวใจของผม...เช่น
เดียวกับคุณย่า ท่านรักคุณ...ผมรู้ดี”

      วันที่ท่านมาเสนอข้อตกลง...ในแววตานั้นมีบางครั้งที่ฉายแววอ่อนแอออกมา เหมือนชิพ...แววตาที่ปกติจะแข็งกระด้างแสนเย็นชา...ท่านมองผม
เหมือนกับจะอ้อนวอน อ้อนวอนให้ผมปล่อยหลานชายของท่านไป เพื่อสิ่งที่ดีกว่า อนาคตที่ดีกว่า เพื่อทุกอย่างที่ดีกว่า...ใช่ ตอนนั้นผมอาจจะยังไม่มีอะไรที่สามารถให้เขา
ได้เลย แต่ตอนนี้ผมรู้ว่าผมสามารถรักเขา รักได้มากสุดหัวใจ...นั่นหมายความว่าคุณย่าไม่ได้นึกทอดทิ้งชิพ หรือไม่รักเขาหรอก เพียงแต่ท่านไม่รู้วิธีที่สมควรในการมอบ
ให้เท่านั้นเอง

       “คุณจะไปรู้อะไร? คุณยกยอเขา ก็เพราะคุณรับเงินจากเขาไปเมื่อสิบปีก่อน ใช่มั้ยล่ะ?”

      ผมอึ้ง...ชิพวกกลับมาที่เรื่องเก่า ความผิดของผมเอง...เรื่องที่ตัดสินใจรับเงินสินบน...จะเรียกอย่างนั้นก็ได้...แต่เงินที่ผมรับไป ก็เพื่อรักษาชีวิต
ของพ่อที่ป่วยหนักในตอนนั้น...มันอาจจะฟังดูน้ำเน่า แต่นี่แหละคือชีวิตของผม...ชีวิตจริงที่ต้องเจอเรื่องเน่าๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...

       “ชิพ!”

      “ไหน...ไหนคุณลองบอกผมหน่อยซิ ว่าคุณใช้เงินนั้นไปเพื่ออะไร? คุณใช้เสวยสุขได้มากแค่ไหนกัน? ผมอยากรู้แต่ก็ไม่ได้ถาม...ถ้าคุณกล้าพอ
ตอบผมมาซิ คุณกล้าพอหรือเปล่า?!”

      ชิพลุกขึ้นตะคอกใส่ผม คราวนี้เสียงดังมาก และเขาโมโห...ผมไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเริ่มเกิดขึ้นตอนไหนและยังไง แบบว่างงมาก ทว่า...
ผมรับปากไว้กับคุณย่าแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับชิพ ว่าผมหายไปทำอะไรมาเป็นเวลาสิบปี...ความจริง มันอาจจะผิดสัญญาตั้งแต่ผมเริ่มกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีก
ครั้งแล้วก็ได้

       แต่ผมก็ไม่อยาก...ให้โอกาสครั้งนี้หลุดลอยไปอีก

       “ผม...ผมไม่มีอะไรจะพูดตอนที่คุณโมโหแบบนี้”

      “ใช่ผมอาจจะโมโห แต่ผมมีสติทุกอย่าง...ผมก็แค่อยากรู้ ว่าสรุปแล้วคุณหายไปไหนมา คุณหายไปจากชีวิตผมเพื่ออะไรกันแน่...แล้วตอนนี้คุณยัง
จะมาตอกย้ำเรื่องที่ผมอยากลืม...แค่นี้...ชีวิตผมมันก็คงไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วใช่มั้ย?”

      ชิพยกกระเป๋าด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเดินลิ่วออกไปที่รถ...ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเรียกสติกลับคืน ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วเดินตามชิพออกไปที่รถ
เพื่อเช็คเอาท์โรงแรมที่ล็อบบี้

       ชิพนั่งอยู่บนรถที่พนักงานเอามาจอดไว้ให้ เขาใส่แว่นตาดำมองตรงไปข้างหน้า...

       “ผมขอโทษ…”

      “...”

       “ก็บอกว่าขอโทษไง พูดอะไรบ้างซิ”

      เขาไม่หันมามองอยู่ดีอ่ะ

      “สักวัน...คุณต้องบอกผม เรื่องที่คุณเอาเงินของ...ย่า...ไปทำอะไร”

      ผมกลับเป็นฝ่ายเงียบ

       “เอาล่ะ...ถ้าคุณยังไม่บอกผม เราก็คงไม่มีเรื่องต้องพูดกันอีก”

      “คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะชิพ!”

      “ทำไมล่ะ? ในเมื่อผมไม่เคยมีเรื่องปิดบังคุณเลย...คุณคิดซะว่าผมไม่ได้โกรธคุณก็แล้วกัน ผมแค่...ไม่อยากพูดกับคุณในตอนนี้”

      เอาล่ะ...ชักเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว ไรว่ะเนี้ย??? เชี้ยเอ๊ย~~~แล้วไอ้น้ำตาอุ่นร้อนเหี้ย’ไรเนี้ยมันเอ่อมารวมตรงหัวตากรูตั้งแต่เมื่อไรกัน...ฮึ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นน้ำตาแห่งความโกรธ หรือ ความเสียใจกันแน่…

       “คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ...”

      ร้องออกมาแล้ว น้ำตา...ไหลริน ผมเกลียดช่วงเวลาแบบนี้ มันรู้สึกอ่อนแอ และสับสน...

      “งั้นคุณคงต้องเลิกพูดให้ผมสำนึกในบุญคุณบ้าบออะไรนั่น แต่ยังไงซะ ผมก็ต้องการจะรู้เหตุผลที่แท้จริงของคุณอยู่ดี”

      “...”

      เขามองผมร้องไห้เงียบๆ...ไอ้หมอนี่จะรู้สึกอะไรบ้างมั้ยหา?!!!

      “อะไร?”

      “คุณ...คุณทำให้เรากลับมาทะเลาะกันอีก...คุณอยากให้ผมออกไปจากชีวิตคุณมั้ยล่ะ แล้วคราวนี้ผมจะไม่เสียใจอีก”

      แทนที่ชิพจะโกรธจัดกว่าเดิม เขากลับนั่งเฉยๆ แต่ผมเห็นเขากัดฟันแน่นจนกรามนูนเป็นสัน

       “ขึ้นรถเหอะ เราต้องไปกันแล้ว”

      ผมก้าวขึ้นรถ ปิดประตูอย่างแรงแล้วโยนกระเป๋าไปข้างหลัง

       “~ได้! ต่อไปนี้ผมจะทำตามคุณบอกทุกอย่าง คุณจะทำกับผมยังไงก็เชิญ แต่ขอบอกว่าผมเบื่อมากที่ต้องมาทะเลาะกับคุณ! พอคุณทำดีกับผมวันนี้
พรุ่งนี้คุณอาจจะร้ายกับผม...จนผมเดาไม่ถูก ฉะนั้นหากคุณพอใจทำอะไรลงไปก็ตามใจ...ผมไม่แคร์อยู่แล้ว”

      ปากแข็งไปงั้น...ยอมรับ ว่าในใจทั้งน้อยใจ โกรธ โมโห และแคร์เขามากที่สุด...รู้ทั้งรู้ว่ายังรักเขา แต่พอมันเจ็บปวดจากเหตุการณ์ต่างๆ การ
กระทำที่ชิพก่อ...ทั้งเกลียดทั้งโกรธ แต่ผมก็ยังรักเขา ไม่รู้เพราะอะไร มันเป็นเวรกรรมอะไรของผมนักหนาที่ต้องเฝ้าทนความเจ็บปวดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

       “...คุณโกรธผมหรือเปล่า?”

      จู่ๆชิพก็ถามขึ้นขณะกำลังขับรถมุ่งตรงเข้ากรุงเทพฯ

       “ใช่”

      “...แต่พรุ่งนี้คุณจะไม่ว่างโกรธผม เพราะคุณต้องไปทำงานที่บริษัทกับผม ทุกวัน ผมมีแขกสำคัญมาจากญี่ปุ่น...พอจะได้ยินชื่อเสียงคุณมาบ้าง คุณ
คิดว่าพอมีความสามารถพอจะช่วยงานผมได้มั้ย?”

      ผมไม่ตอบ หน่ำซ้ำยังค้อนใส่ คนอะไรอารมณ์ร้ายกาจ ป่าเถื่อน น่ารังเกียจที่สุด!

       นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ผมจะป่วนให้สะใจเลยคอยดู

       ...แต่มานั่งคิดดูดีๆแล้ว อยู่บ้านว่างๆก็น่าเบื่อ เหงา ไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นคงต้องติดสอยห้อยตามเขาไป...ทั้งๆที่เรายังมีเรื่องข้างคากันอยู่

       ระหว่างทางชิพคุยโทรศัพท์มือถือเรื่องเตรียมประชุดบอร์ดของเขาตลอด ถึงบ้านเราก็ไม่พุดคุยกันเลย เขาเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวที่มุนหนึ่ง ส่วน
ผมนั่งดูโทรทัศน์ฆ่าเวลา จนจะนอนก็อาบน้ำแล้วไปนอนที่ห้องเดิมของตัวเอง ไม่ใช่ห้องของเขา

       ...ตอนดึกๆยังอุตส่าห์มาแอบเปิดประตูดู ฮึ แต่ผมไม่สนใจหรอก เขาคงแค่แวะมา...แวะมาเพื่ออะไรไม่รู้ล่ะ! ไม่อยากสนใจ อยากทำอะไรก็เชิญ!
นี่ไม่ใช่บ้านผม

      “ผมรู้ว่าคุณยังไม่นอน...”

      จู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้น ผมตัวแข็งทื่อทันที

       “ถึงแม้เราจะทะเลาะกัน...ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องมานอนแยกห้องแบบนี้”

      “…”

      ~แล้วไงล่ะ

       “สมมติ...ถ้าคุณอยากกลับไปนอนห้องผม ก็แค่เปิดประตูเข้าไป ไม่ต้องเคาะ ผมจะเตรียมหมอนกับผ้าห่มไว้ให้...คุณได้ยินแล้วใช่มั้ย?”

      เกือบจะเผลอตัวพยักหน้าไปแล้วมั้ยนั่น =_+” แย่แน่ๆหากทำจริงๆ…(ก็มันเสียเซล์ฟหมดพอดี) แต่ใครกันจะยอมกลับไปนอนเตียงเดียวกับไอ้
หมอนั่น เหอะ! ผมยอมนอนข้างถนนดีกว่าต้องไปเป็นเครื่องรองรับอารมณ์เขา...จริงมั้ยล่ะ

       แต่ไม่รู้ซิ...เสียงเจือความรู้สึกผิดของเขาทำให้ผมหายโกรธแล้วจริงๆ



       เดี๋ยวมาต่อนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 08-06-2008 23:05:52
 :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-06-2008 23:48:27
ถ้า2คนเปิดอกคุยกันก็จบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 08-06-2008 23:54:34
มาต่อเร็วๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 09-06-2008 00:49:29
 :a12:   อย่าจบแบบค้างๆ คา นะ   :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 09-06-2008 02:11:31
 :o12: :o12: :o12:


ตอนนี้อึดอัดจัง



 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 09-06-2008 05:03:51
อ่าว ค้างเลย :a5:

ตัดไปซะงั้น
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-06-2008 08:07:10
ชิพคุ้มดีคุ้มร้าย  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 09-06-2008 08:48:47
เพิ่งดีกันแท้ ๆ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 09-06-2008 09:00:16
 :เฮ้อ: อารมณื......เดี๋ยวผีไปเดี๋ยวผีมาจริง จิ้ง..อิ.อิ. :m32:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 09-06-2008 09:57:36
แดนทำไมไม่บอกความจริงไปสักทีล่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คาราคาซังมาก

แล้วคุณย่านี้หายไปไหน เสียไปแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-06-2008 12:51:53
แงๆ  ทะเลาะกันทำไมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 11-06-2008 03:34:53
ไหนๆก็ผิดสัญญาไปแล้วบอกๆไปเห๊อะ

แคร์คนที่อยู่ด้วยกันดีกว่าคนที่ไม่อยู่แล้วจะดีกว่าไหม

ชั่งน้ำหนักเอาว่าคำมั่นกับชีวิตคู่อันไหนน้ำหนักมากกว่ากัน

ถ้าคุณย่ายังอยู่ว่าไปอย่าง นี่ตายไปแล้ว แคร์คนที่ยังไม่ตายดีกว่านะ  o2


(อินมากไปไหมเรา  :m23:)


ดีใจที่มาอัพซะทีครับ  รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 11-06-2008 21:16:29
ขอให้ ลงเอยด้วยดี อาเมนนน


 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: nooww ที่ 12-06-2008 06:05:57
 :c5:มาต่ิอเีร็วๆ นะ :กอด1: :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 13-06-2008 16:19:08
 :เฮ้อ: น่าจะห่วงคนเป็นมากกว่าคนตาย  :เฮ้อ:
สู้ๆต่อไป สงสัยเก็บเป็นไม้ตาย  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 15 มาต่อแย้วก๊าบ~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 14-06-2008 21:51:14
มาแล้วจ้า

ขอขอบพระคุณทุกรีที่คอยเป้นกำลังใจให้ผมเสมอมานะครับ ช่วงนี้ยุ่งมาก ยุ่งจริงๆ เครียดด้วย ถ้ามาช้ายังไงก็ขอโทดด้วย เพราะถ้าหากใครพอจะติดตามผมมานานคงทราบว่าหากผมมีเวลา ก็คงเอามาลงให้ทุกวัน แต่ตอนนี้ไม่ว่างจริง งืมๆๆๆ

ขอบคุนครับ



บทที่ 16



       เช้าวันจันทร์ที่แสนทรมาน ฮ้าว~~~ นาฬิกาตีเสียงดังลั่นปลุกผมให้พร้อมลุกขึ้นจากเตียง วันนี้เป็นวันแรกของการไปทำงานกับชิพที่บริษัท...แต่
ช่างเหอะ ผมพยายามทำใจยอมรับมันเพราะเราก็โตๆกันแล้ว…ไม่สมควรงอนกันอย่างไร้เหตุผลปานนั้น

       แต่อีกฝ่ายน่ะซิ...ก่อเรื่องไม่เลิก(แยกแยะได้แต่แอบหยิ่งใส่อ่ะ o_O*)

       ว่าแล้วก็รีบเข้าไปอาบน้ำ ทำตัวให้สดชื่นก่อนเข้าครัวเตรียมขนมปังปิ้งหนึ่งแผ่นกับกาแฟไว้ให้คุณชายขี้เซาในห้องใหญ่ บางวันท่านก็ต้องการแค่รัง
นกแก้วเดียว บางวันก็แค่กาแฟดำเฉยๆ เดี๋ยวนี้เอาใจไม่ถูกเลยคับ...คือแบบว่าเซ็งมาก =_=”

      ฟ้าข้างนอกเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ แต่ไฟทางหลวงยังคงมืดอยู่ ผมมองลงไปจากหน้าต่างห้องชุด รถที่ทยอยกันแล่นแต่เช้ายังมีไม่ค่อยมาก ไม่ได้การและ
ต้องรีบปลุก ‘คุณชาย’ ด่วน>>>ปี๊ดๆๆ

      เหยียบไปบนพื้นห้องเย็นเฉียบ ห้องมืดสนิท...ร่างใหญ่เป็นเงาตะคุมนอนฟุบอยู่บนเตียง พอเดินเข้าไปใกล้จะได้ยินเสียงหายใจมั่นคงสม่ำเสมอ
เบาๆ...ผมเปิดไฟหัวเตียง เป็นแสงสลัวให้พอมองเห็นซีกหน้าด้านหนึ่งของชิพหลับสนิท

       “เฮ้ชิพ ตื่นได้แล้ว”

      รอบแรกปลุกไม่ตื่น เลยต้องเขย่าตัวแรงๆ เฮ้อ...แล้วนี่มันอะไรกัน บอกกี่ครั้งว่าอย่านอนถอดเสื้อ ถ้าไม่สบายขึ้นมาอีกผมจะไม่ดูแลแล๊วคอยดูสิ
ฮึ!!!

       “ฮือ~~~ขออีกห้านาที...”

      เฮ้ย!!! มันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่ต้องขออีกห้านาทีแบบคนขี้เกียจไปโรงเรียน แถมขนาดหลับยังงืมงำๆสู้ปัดป้องกับผมได้อีก เฮ้อ~เชื่อเขาเลย

       “ไม่ได้ ตื่นได้แล้วคุณ เร็วเถอะแข็งใจหน่อย”

      ในที่สุด =_=”…คุณชายชิพก็ได้ฤกษ์ลุกขึ้นจากที่นอนจนได้ มัวแต่ขยี้ตาอย่างงัวเงีย หัวฟูๆกับหน้าตาอย่างกะคนนอนไม่เต็มอิ่ม สงสัยเมื่อคืนทำงาน
ดึก จะว่าไปชีวิตนักธุรกิจเนี้ยก็ลำบากเหมือนกันแฮะ...

       “อะไร?”

      จู่ๆก็มองหน้าผม เอ่อ...จ้องกันแบบนี้มันแปลกๆยังไงขอบกล

       =_=”

      “กี่โมงแล้ว?”

      “…~จะสายแล้วล่ะ ถ้าคุณไม่รีบหนีรถติด”

      เขาขมวดคิ้วแบบหงุดหงิดๆ แล้วก็เอื้อมตัวไปหยิบนาฬิกามาดู ก่อนจะลุกขึ้นยืนยึดเต็มความสูง บิดไปมาด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่าต่อหน้าผม...ไม่ได้
อายหรอกนะ แต่ก็...ช่างเหอะๆ...เอาเป็นว่าชิพเดินหาวฟอดๆเข้าไปอาบน้ำแล้ว ส่วนผมก็ขอไปแต่งตัวก่อน จะได้รีบมากินอะไรลองท้องของตัวเองบ้าง

       เนื่องจากชิพไม่ชอบให้เปิดทีวีดูตอนเช้า(เลขาเขาจะเอาหนังสือพิมพ์มาวางไว้ให้ที่โต๊ะทำงานตอนเช้าแทน) ผมเลยนั่งดื่มกาแฟอยู่เงียบๆคน
เดียว...ไม่รู้เพราะอะไร...เพราะอะไรผมถึงต้องคอยเป็นห่วงและอยากดูแลเขาถึงขนาดนี้ด้วย มันแค่รู้สึกไปเองหรือว่าผมทำแบบนั้นอยู่จริงๆกันแน่? ทว่าทุกครั้งมันก็อด
ไม่ได้...ผมอยากทำให้เขาจริงๆนั่นแหละ

       ...ยี่นาทีแล้ว ชิพยังไม่ยอมออกมาสักที ชักกวนๆแฮะๆ\(-_-*)

       แอบยืนมองว่าเขากำลังทำอะไรอยู่...เจ้าตัวกำลังยืนหันหลังเลือกชุดสูทอยู่ในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่...สักพักก็ออกมาพร้อมกับชุดสูทสีดำเข้าคู่กับรองเท้า
เนทไทลายทางตามแบบฉบับสากลของนักธุรกิจ ชิพนั่งลงที่เตียงแบบไม่ทำอะไรชั่วครู่หนึ่ง เป็นอะไรของเขานะ?...แล้วเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นใส่กางเกงใน...เสื้อกล้ามด้านใน
ทุกอย่าง...แล้วทำไมต้องเลือกสูทเหมือนของผมเลยเนี้ย? ชิ! งานนี้มีเคือง -“-

       “มานี่ซิ...เดี๋ยวผมช่วยผูกเนคไทให้”

      ผมตัดสินใจเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนคไท ร่างสูงไม่ว่าอะไร เพียงก้มมองต่ำลงมาขณะผมเพ่งสมาธิไปกับงานตรงหน้า...ตัวของเขาหอมน้ำหอมราคา
แพงจางๆ ผมรู้สึกว่าหน้าแดงและน่าอายชะมัด...ลมหายใจของชิพรดอยู่ตรงจมูกเพราะเขาสูงกว่าผมเยอะ เฮ้อ~~~ไม่ได้ๆ จะยอมปล่อยให้ใจเต้นแรงไปมากกว่านี้ไม่
ได้แล้ว

       “ขอบคุณนะ…”

      ชิพตาปรือๆ ชักยังไงแน่?

      “นี่คุณตัวร้อนหรือเปล่า?”

      เอ ตัวก็ไม่ร้อนนี่...

       “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมจะตามออกไป ขอเก็บเอกสารนิดหน่อย”

      ชิพตัดบทก่อนจะเดินหลบเข้าไปในห้องทำงานของเขา ทำให้ผมมึนงงกับท่าทีขึ้นๆลงๆ เมื่อกี้เหมือนเขากำลังเบลอกับอะไรสักอย่าง ฮื้อ?...หมู่นี้ชิ
พทำงานหนักไปหรือเปล่านะ...แต่เมื่อคืนผมก็นอนไม่ค่อยหลับหรอก แบบว่าเตรียมงานต่างๆแล้วก็ตื่นเต้นด้วย ไม่รู้ตอนนี้ที่บริษัทจะเปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ มันนานตั้ง
สิบปีแล้วนี่ที่ผมจากไป...จากเขา



       รถยนต์เคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวตึกสีเทาหรูหรา ย่านใจกลางสุขุมวิท ยามหน้าตึกยกมือขึ้นไหว้คนขับและเปิดทางให้เข้าไปจอดยังพื้นที่ส่วนตัวของพวกผู้
บริหาร...ชิพขับผ่านน้ำพุขนาดใหญ่ข้างหน้า ใต่ขึ้นไปยังอาคารจอดรถชั้นที่สงวนไว้ให้ชิพเท่านั้น เพราะมีลิฟต์ซึ่งขึ้นตรงสู่ชั้นบริหารโดยทันที บรรยากาศรอบๆดูแปลก
ใหม่และทำให้ผมทึ่งจนอดยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้

       นี่เขาเก่งขนาดนี้เชียวเหรอนี่...

       “คุณชอบล่ะซิ”

      ชิพเอ่ยขึ้นเหมือนจะรู้ใจผม...ใช่ ผมถูกใจมาก แต่ผมก็แค่มาทำงาน ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ มันคือความภูมิใจในตัวคนข้างๆมากกว่า

       “ผมเคยจำได้ว่า...คุณเคยบอกผมว่าอยากทำงานในบริษัทหรูๆ ดูทันสมัย”

      รถจอดเข้าที่ ชิพดับเครื่อง...เขายังนั่งนิ่ง

       “ผมเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่แล้วด้วย เป็น ดี แอน ซี คอปอเรชั่น...คุณรู้มั้ยว่ามันหมายความว่าอะไร?”

      ผมมองซีกหน้าของชิพ ชั่ววูบนั้นบังเกิดความละอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...มันคงหมายถึงชื่อผม...และชื่อของเขา

       ป้ายหน้าตึกก็มีแต่ไม่ทันอ่าน เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับอาณาจักรแห่งนี้ ผมมันแย่จริงๆ

       “…มันทำให้ผมนึกถึงคุณ เวลาได้เห็นชื่อบริษัทตัวเองน่ะ”

      แล้วชิพก็โดดลงไปจากรถ ผมนั่งบื้ออยู่คนเดียวจนเขาต้องเคาะกระจกบอกให้ลงมา แล้วถือกระเป๋าเอกสารตามเขาไปด้วย  (-_-“) งืมๆ...

       “ผมขายตึกเก่าไปให้บริษัทเมืองนอกตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว พอดีมีบริษัทที่กำลังมีปัญหาทางการเงิน ผมก็เลยได้ที่ตรงนี้มา...เราพยายามขยายตลาดไปสู่
เมืองนอก มีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัทต่างชาติเยอะพอสมควร ฉะนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมานี้บุคคลากรของเราจึงเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ไปๆมาๆแล้วผมก็เพิ่งรู้...ว่าตัวเองกำลังบริหาร
ธุรกิจขนาดยักษ์ใหญ่อยู่...”

      ชิพเดินเล่าประวัติความเป็นมาไปเรื่อยๆ ตั้งใจฟังจนกระทั่งเราสองคนก้าวเข้ามาในลิฟต์

       “อ้อ เพิ่งนึกขึ้นได้ วันนี้จะมีคนมาพบคุณด้วย...ทำตัวดีๆหน่อยล่ะ”

       น้ำเสียงนั้นเหมือนทั้งสั่งและล้อเลียนแย้มหัวอยู่ในตัว แต่ในฐานะลูกจ้าง ผมได้แต่พยักหน้ารับทราบ

       “แล้ว...ถ้ามีคนถาม ผมว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน?...”

      ชิพเหล่ตามองมา แต่ไม่ยอมบอกสักที

       “ไม่รู้ซิ”

      อ้าว =-=

      “อ้าว คุณก็บอกผมมาซิว่าจะให้ตอบยังไง จะได้วางตัวได้ถูก”

      “~ก๊อ...เป็นเมียผมมั้ง”

      ไอ้คุณชายขี้เก๊กยิ้มยียวนกวนประสาทเข้าไปทุกที ผมเริ่มหน้าแดงเพราะความโกรธ...

       “คุณ!”

      “ก็เป็นเมียผมจริงๆนี่...ผมยังไม่เคยเป็นเมียคุณเลยนะ”

      ผมทุบไหล่คนปากมากไปหนึ่งตุบ เชี้ย+++ ลืมไปว่าที่กำลังทะเลาะอยู่ด้วยน่ะผู้บริหารระดับสูงเชียวนะ แต่ไอ้ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ตอบโต้มากไปกว่ายิ้ม
และเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทุกๆโวลุ่ม...อ๊ากกก~~~

       “คุณนี่อารมณ์ขึ้นง่ายพอๆกับที่โดนหลอกได้ง่ายๆเลยนะ”

      แววตาของเขาฉายแววของผู้ชนะ...โดนหลอกซะแล้วไอ้แดนเอ๊ย = =”

       “นี่...คุณรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าจะไม่มีคนถามผมแบบนั้น…”

      ชิพไม่ตอบ แต่ยังทั้งยิ้มแอ๊บแบ๊วกวนประสาท กับจ้องตากลมแบบเด็กดื้อที่น่าจับส่งสถานดัดสันดานนัก

       สรุปเขาจะเป็นการเป็นงาน หรือพูดเล่นกับผมกันแน่เนี้ย o_O* โอ๊ย~!!! ตามไม่ทันโว้ย!!!

      “ถึงยังไง...คุณกับผม...ก็อยู่ในฐานะคนรักกันไม่ใช่เหรอ”

      ชิพเอ่ยขึ้น ประโยคนั้นมันชัดเจนจนหยุดอารมณ์ต่างๆของผมลงได้...

       “จะบ้าเหรอไง...คุณกับผมเป็นผู้ชายนะ...”

      “ก็มันเรื่องจริง...ผมไม่แคร์ใครทั้งนั้น”

      รู้ตัวอีกที เขาก็ก้าวมาอยู่ตรงหน้า ใกล้มาก...น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงเหมือนตอนที่เรากำลังดีกัน...มือของเขาจับเข้าที่ต้นแขนของผม ตัวเอนไป
ข้างหน้าเหมือนกำลังถูกดึงเข้าไปจะโดนกอด...ทันใดนั้น

       ติ๊ง!

      ประตูลิฟต์เปิดออก =_=” ผมผละตัวออกจากเขาทันที เราสองคนยืนเก้ๆกังๆพลางจ้องมองออกไปข้างนอก มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตัวอ้วนกลม หน้าตา
น่ารักเหมือนเด็กในโฆษณา ผิวขาวชมพู ใส่ที่คาดผมสีขาวเข้ากับชุดลายลูกไม้น่ารัก...ในมือมีกระดาษกับดินสอถืออยู่

       “คุณพ่อ!”

      เด็กน้อยวิ่งเข้ามาหาชิพ...ซึ่งก้มตัวลงอ้าแขนรอรับร่างป้อมขึ้นมาอุ้มไว้อยู่แล้ว...ผมอึ้ง เดินออกมาตรงส่วนโถงรับแขกด้านนอกที่หรูหราว่าง
เปล่า...งงๆมึนๆกับเหตุการณ์ตรงหน้า ภาพชิพกอดและหอมแก้มสุกชมพูของเด็กสาว...ทั้งสองคนจี๊จ้ากันอยู่สักพักถึงนึกขึ้นมาได้ว่ามีผมมองอยู่ ชิพหันกลับมายิ้มหน้า
ตายให้ผม...น้ำเสียงภาคภูมิใจของเขาบาดลึกลงมา

       “แดน...นี่น้องน้ำผึ้ง ลูกสาวผมเอง”

      



       โปรดติดตามตอนต่ดไป(หวังว่าจะในเร็วๆนี้...)
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: A-JJ ที่ 14-06-2008 22:06:02
ไอหยา  o2 น้องน้ำผึ้ง ใครเป็นแม่หนูอ่ะลูกกกกกกก :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 14-06-2008 22:13:46
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับชิพมีลูกแล้ว ไม่อยากเชื่อ

จริงเหรอครับ บอกหน่อยว่าไม่จริง อิอิ

อยากยอมรับแต่ยากที่จะทำใจ อิอิ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 14-06-2008 22:29:11
 :เฮ้อ: กำลังหวีท..หวานอยู่เชียว.. o7.
น้องน้ำผึ้ง....มาจากหนายเนี่ย.... o2
มาทิ้งบอมบ์..ไว้ท้ายเรื่องเนี่ย
คาใจมากกก....ขอบอก..... :o
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 14-06-2008 22:57:38
 :m31: :m31:

น้องน้ำผึ้งคือใครหรอครับ  รีบๆมาต่อโดนด่วนเลยนะครับ ค้างสุดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 14-06-2008 23:32:35

 :o

อึ้ง!!!!
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 15-06-2008 02:50:26
ม่ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 15-06-2008 12:43:18
อ๊ายยยยยยยยย น้องน้ำผึ้งมาจากไหนเนี่ย  :serius2: :serius2: :serius2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-06-2008 13:18:57
อ้าวววววววววววววววววววววววววว ลูกสาวมาจากไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-06-2008 13:49:56
ลูกสาว  :a5: :a5: :a5: :a5: ต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 15-06-2008 16:15:37
ลูกสาวมาจากไหนเนี้ย
 o2
สลับซับซ่อนมาก
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 15-06-2008 22:20:29
บอกได้คำเดียว

หนูจะเป็นลมค่ะพี่
 :o :o :o :serius2: :serius2: :serius2: :sad2: :sad2: :sad2: :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 15-06-2008 22:23:45
ค้างอย่างแรง  :a5:  :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 16-06-2008 02:40:57
ลูกเลี้ยงใช่ไหมนี่   o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 16-06-2008 13:23:24
น้องน้ำผึ้ง ลูกสาวของ แอล ป่าวง่า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 16-06-2008 15:50:58
รอตอนต่อไปนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 16-06-2008 22:22:38
 :m30: ลูกสาว!

 :m29: ชิพมีแถมลูกสาวด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 16-06-2008 22:39:23
หนูน้ำผึ้งมาจากไหน?
ลูกสาวของแอลมั้ง  คิดในแง่ดีไว้ก่อน
ไม่อยากให้แดนเสียใจ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-06-2008 11:25:07
น้องน้ำผึ้ง จะทำให้เกิดช่องว่างหรือป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 17-06-2008 12:43:57
เย้ยๆๆ ลูกโผล่ แงๆๆ น้องน้ำผึ้งงง นู๋เปนลูกคายยเนี้ย


ว้าวๆๆๆ - -+แดนอึ้งเลย เซอร์ไพร เลยดิ :o :o
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 19-06-2008 00:40:47
หวัดดีค่า กะลังตามหน้าอยู่ใกล้แล้ว  :m23: ชอบจังค่ะฝีมือการเขียนบทบรรยายความรู้สึกของคุณพัฒนาขึ้นเรื่อยๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งอิน แหะๆ  :กอด1: ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 19-06-2008 20:42:56
เจอระเบิดลูกใหญ่ทำเอางง o2

ลูกใครละเนี๊ยะ :o
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 19-06-2008 20:47:59
ยังไม่มา  o12

หรือมัวเพลินกะละอ่อน ในวันละอ่อน เนี่ย    :m12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 19-06-2008 20:53:39
 :m30: เย้ย! ไปไข่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี๊ย... o2
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 16 สดๆร้อนๆจ้า~~~~
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 21-06-2008 00:25:54
ยังไม่มาต่ออีก  :angry2:

เห็นนะว่ามาอ่านนิยาย  :serius2:  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำให้ผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 21-06-2008 00:34:34
สวัสดีครับ

เฮ้อ วันละอ่อนที่ผ่านมาสนุกมากๆครับ แต่ต้องกลับบ้านเร็วเพราะเย็นนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมฯเคลื่อนย้ายอะไรของเขาไม่รู้ เลยต้องรีบกลับ อดไปกินข้าวกับเพื่อนต่อเลย T-T

ช่วงนี้อารายๆก็ย่ำแย่ ฉะนั้นชาวบอร์ดทุกคนควรดูแลสุขภาพตัวเอง ประหยัดเงิน อยู่บ้านว่างๆก็เข้ามาเม้นท์ให้ผมด้วยนะงับ อิอิ

หลายคนคงสงสัยผมอารมณ์ดีมาจากไหน ก็เพราะวันละอ่อนอ่ะจิ...ผมเกือบได้กิน เอ๊ย! ได้อะไรหลายๆอย่าง...เอาเป้นว่าวันนั้นมีน้องที่เล็งไว้ หล่อมากๆๆๆหอมแก้มผม(>.< เลวม่ะ? บอกให้มันหอมแก้มถึงจาให้ผ่านด่านอ่า ไม่อายใครเล้ยกรู...) แล้วก้อได้ 'จับ' ของเพื่อนที่แอบหยอดกันไปมาด้วย...+เกือบได้แย่งน้องที่เป็นแฟนเพื่อน เหอะๆ สรุปคือผมแรงมากถายในสองสามวันที่ผ่านมา แต่โดยรวมก้สนุกดีงิ น้องสมัยนี้ตัวสูงจะเท่าผมแล้ว ฝนตกตลอดทั้งวันด้วย แต่ก็โอเคอ่ะครับ ซึ้งจัดตอนทำซุ้มมือให้น้อง งืมๆ^-^

แล้วก็เจอพี่ปีใหม่119ด้วย สวยมาก!!! ตอนแรกตกใจนึกว่าอ.ปิง(อ่ะม่ายช่าย>.<) เห็นเดินมากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่มองไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นคนใกล้ตัวหรือว่าเพื่อนสาวกันแน่(ถ้าเจ๊มาเห็นกระทู้นี้อย่าปั่นผมเลยนะคร้าบ T-T อ่ะ ล้อเล้งๆ~~~)

สุดท้ายนี้ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิยาย สวัสดีครับ

ปล. ชิพกับแอลขึ้นแสดงคอนเสิร์ตด้วย เราไม่ได้ขึ้นไปดู T-T แต่เราเห็นชิพเดินกลับบ้านกับสาวมหาลัยคนหนึ่ง...เขาจะรู้มั้ยเนี้ยว่าเราแอบเห็น?ฮือๆๆๆ

ช่างมันเถอะครับ


บทที่ 17



      เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ผมอึ้งไปช่วยขณะ...

      “แดน...นี่น้องน้ำผึ้ง ลูกสาวผมเอง”

       ชิพยิ้มร่า...นี่...นี่เขาหลอกผมมาตลอดเวลาเลยงั้นหรือ?

      เขา...เขาทำแบบนี้กับผมได้ยังไง มันร้ายกาจเกินกว่าจะเชื่อ...

       ผมพูดไม่ออก...ทั้งหมดมันตื้นไปมาอยู่ในสมอง เหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมา...ทำไมเขาถึงไม่บอกผมว่าสิบปีที่ผ่านมา เขามีลูกสาวแล้วตั้งคน!
แล้วทำไมผมถึงไม่รู้เรื่อง...ชิพทอดทิ้งลูกสาวไว้ที่บริษัทตลอดเวลาเลยเหรอ?...ทำไมเขาถึงได้เลว...เลวได้ถึงขนาดนี้?!


      “คุณพ่อขา หนูผึ้งอยากกินไอติม คุณพ่อขาซื้อไอติมให้หนู๋หน่อยนะคะ”

      เสียงหวานเล็กๆไร้เดียงสาดังขึ้น เด็กหญิงกำลังออดอ้อน ‘พ่อชิพ’ ของเธอ...น้องหนูผึ้งเอามือเล็กๆทั้งสองข้างจับใบหน้าชิพเบาๆ ก้มลงจูบฝอด
ใหญ่พร้อมรอยยิ้มสดใส

       ...ดวงตาของผมพร่ามัวไปหมด แสนร้อน และเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา...และแล้วชิพก็หันมามองผม...แววตาของเขาเหมือนคนไม่รู้สึกอะไร นี่
คือความฝันใช่มั้ย?...แต่ทำไมมันเจ็บ...เหมือนความจริงที่เพิ่งรับรู้มันบาดลึกลงมาในจิตใจ

       เขาทำให้ผมกลับไปเหมือนคนตายทั้งเป็นอีกครั้ง

      “เดี๋ยวแดน...จะไปไหน?”

      ชิพเดินมารั้งแขนผมไว้...แต่มันไม่เหลืออะไรแล้ว ผมเดินคอตก ปล่อยกระเป๋าเอกสารทั้งหมด แล้วเดินเลี่ยงออกไป...ไปไหนก็ได้ที่ไกลจากตรงนี้

       “คุณจะไปไหน?”

      “ก็ไปให้พ้นๆจากคุณ”

      พยายาม...พยายามอย่างมากเพื่อจะกลั้นน้ำตาไว้ แต่มันรื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

       จู่ๆ ชิพก็หัวเราะ...เสียงดังลั่น เด็กหญิงในอ้อมแขนก็พลอยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามพ่อของแกไปด้วย ผมเริ่มงง

       “หัวเราะอะไรกันพ่อลูกคู่นี้?”

      เสียงคุ้นหูดังขึ้น ร่างสูงของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้น ชายในสูทสีเทาดูดียิ้มกว้าง อ้าแขนรอรับมาทางผม...นี่มันอะไรกันเนี้ย?...

       “แดน...มึงจาไม่ทักทายกูหน่อยเหรอ?”

      ร่างสูงขมวดคิ้ว รอยยิ้มนั่น...ผมจำได้แล้ว ผิวสีคล้ำเข้ม รอยยิ้มกว้างเปิดเผย น้ำเสียงทะเล้นนิดๆ จะต่างไปจากเมื่อสิบปีก่อนก็ตรงที่มีตีนกาขึ้น ดู
เป็นผู้ใหญ่...ไอ้แอลเพื่อนสนิทผมมันเปลี่ยนไปจนเกือบจำแทบไม่ได้

      “แอล!...”

      แอลรอจนเป็นฝ่ายก้าวขายาวๆเข้ามากอดผมซะเอง มันมองหน้าผม...เห็นตาแดงๆของผมเอ่อด้วยหยาดน้ำใส...

       “มึงเป็นอะไรแดน?”

      ผมพูดไม่ออก แต่ชิพกลับเดินเข้ามาแล้วส่งคืนลูกสาวตัวเองให้แอล...เขายังคงยิ้ม...ยิ้มที่ไม่รู้สึกผิดอะไรเลย *O*

       “แดน...ผมลืมบอกคุณว่าผมเป็นแค่พ่อบุญธรรมยัยน้ำผึ้งเท่านั้น พ่อจริงๆของแกคือไอ้แอลต่างหาก”

       …ยิ่งผมเงียบ ชิพก็ยิ่งหัวเราะกลบเกลื่อนมากยิ่งขึ้น

       ผมมองหน้าแอล

       “เฮ้ยๆ ไม’มองกูแบบนั้น?...หรือว่า…”

      ไอ้แอลชี้ไปทางชิพ ซึ่งกลั้นหัวเราะต่อไปไว้ไม่ไหวแล้ว

       “ไอ้ชิพ!”

      ดัน+ลากแขนชิพเดินลิ่วมา ไม่สนใจใครที่ไหนแล้ว ตอนนี้มีแต่ความโกรธ...โมโห กริ้วไอ้บ้านี่มากๆๆๆ!!!! อยากฆ่ามันให้ตายกับมือเลย มัน
น่า...นัก!!!

      “~เฮ้ยๆๆ พวกมึงจะไปไหนกัน?”

      แอลตะโกนถามไล่หลัง...พอหลบมุมมาผมก็เริ่มอัดบอดี้ชิพซะน่วม แต่แค่นี้มันยังไม่สาสมหรอก ไอ้ตลกร้ายของเขา...มันแสบนัก!

       “นี่!...ปั๊ก!...ทำไมต้องหลอกกันด้วย! หา?!...ตุบๆ!...ทำไมต้องแกล้งกันแรงแบบนี้ด้วย...พลั๊ก!...รู้มั้ยว่าคนมันใจหาย หา!? มันเจ็บนะ
โว้ยรู้มั้ย! ตุบๆๆๆ!!!”

      ชิพได้แต่ป้องกัน ร้องโอ๊ยๆๆๆ <<< o(>_<)o

       “โอ๊ยๆๆ พอแล้วครับๆ ผมขอโทษครับคุณแดนอารมณ์บูด”

      “ยังมีหน้ามาว่าอีก! นี่ๆๆๆ”

      ว่าแล้วก็ตามรัวด้วยหมัดหนักๆอีกสองสามชุด(เอง (-_-“)) จนเมื่อเหนื่อยแล้วผมถึงหยุด...ร้องไห้ออกมา จะด้วยเพราะความโกรธหรือโล่งใจ
ไม่รู้แหละ...แต่มันกลั้นไว้ไม่อยู่อ่ะ

       “คุณมันเลวที่สุด!...”

      “โอ๋...ผมขอโทษนะ ใช่ผมมันเลวที่แกล้งคุณ”

      ชิพกุมมือผมไว้ แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด...T-T ไม่ใช่ว่าหายโกรธแล้วนะ! ยังโกรธอยู่แต่มันไม่มีแรงแล้ว ใจหาย+เหนื่อยที่ซ้อมไอ้บ้านี่ไป
เมื่อตะกี้ O_O

       “คุณเจ็บมากมั้ย?”

      ชิพเอามือผมขึ้นมาถูๆ เขาเงยใบหน้านองน้ำตาขึ้น แต่ถมึงใส่

       “อ้าว ก็ฟาดของแข็งอ่ะ มือคุณมันเคยหนักซะที่ไหน”

      คราวนี้ไม่ใช่มือล่ะ ผมกัดเข้าให้เลย \(-_-*)

       “โอ๊ย มันเจ็บน๊าคุณ~~~”

      “ก็ให้เจ็บซิ! มีอย่างที่ไหน คุณทำผมเข้าใจผิดไปหมด แม้จะแค่ไม่กี่วินาทีแต่ผมก็นึกว่าคุณมีลูกสาวอยู่แล้วทั้งคนจริงๆ!...ทอดทิ้งแก ผมนึกว่าคุณ
หลอกลวงผม ผมนึกว่าคุณ...”

      “ชู่ว์~~~”

      ชิพเอาปลายนิ้วเรียวแตะริมฝีปากของผม หยุดเสียงของผมลงชะงัก...พร้อมทั้งเกลี่ยน้ำตาให้อย่างโอนโยน...พลางกล่าวเสียงนุ่มว่า

       “ฟังนะ...หนูน้ำผึ้งไม่ใช่ลูกสาวของผมหรอก แกเป็นลูกสาวของไอ้แอล แต่ผมเป็นพ่อบุญธรรมของแก แล้วให้แกเรียกว่าพ่อมาตั้งแต่จำความได้...
ทีนี้พอใจหรือยัง ว่าผมไม่ได้มีไข่ไว้ที่ไหนจริงๆ”

      ตอนแรกยังไม่ค่อยอยากเชื่อ...กลัวจะหลอกอีก แต่ความจริงก็ไม่ได้อยากอคติหรอก กลับเชื่อไปแล้วสักเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นแล้วเท่านั้น
เอง(<<<ง่ะ -_-“)...

       ชิพมองสีหน้าผม ก็ถอนหายใจยิ้มๆ

      “ถ้าผมจะมีลูก...ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย ผมก็อยากมีกับคุณ...แล้วถ้าป่านนี้คุณท้องได้ ผมคงได้เลี้ยงเด็กเต็มบ้านไปแล้ว จริงมั้ย?”

      ชิพยิ้มอ้อน เกาคางผมเบาๆ กรูไม่ใช่แมวนะเฟ้ย!

      “~น๊าๆๆ ยิ้มหน่อย หายโกรธผมนะครับ”

      “...”

      แต่สักพักก็ค่อยๆเผยอยิ้มออกมาได้ เหอะๆ= =” ยอมรับว่าโล่งอก...แต่แสดงออกมามากไม่ได้หรอก เดี๋ยวขานั้นได้ใจแล้วทำไง \(-_-*)

       “~บ้า ผู้ชายที่ไหนท้องได้ล่ะ...”

      “งั้นผมก็แค่ไข่ไว้ในตัวคุณแล้วกัน ดีมั้ย?”

      โดนทุบไปอีกหนึ่งตุบ ซึ่งคราวนี้เขาก็ยอมให้ผมทุบดีๆ แถมยังโอบตัวผมเข้าไปกอด

       “ผมอยากรู้...ว่าคุณยังโกรธผมอยู่มั้ย?”

      “โกรธซิ”


      “ผมหมายถึงเรื่องต่างๆทั้งหมดที่ผ่านมา เรื่องที่ผมทำไม่ดีกับคุณ ที่ผมโมโหใส่คุณ...ที่พัทยา ผมรู้ว่าผมมันงี่เง่าขี้โมโห และคุณก็ต้องอดทน แต่ผม
อยากให้เราเริ่มต้นใหม่ด้วยกันอีกสักครั้ง...และถ้าจะต้องเป็นแบบนี้ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งก็ตาม...คุณจะยอมยกโทษให้ผมได้มั้ย?”

      คำถามยาวเฟื้อย แต่คำตอบในใจผมสั้นนิดเดียว

       “ถ้าคุณทำตัวน่ารักกว่านี้อีกสักนิด...ผมอาจยกโทษให้คุณเร็วๆนี้ก็ได้”

      ชิพคลายอ้อมกอด ทำสีหน้าผิดหวัง

       “อะไรกัน แค่นี้ทำงอนไปได้”

      “~แล้วทีคุณงอนผมล่ะ เป็นวันๆ เฮอะ!...คุณโดนผมงอนแค่นี้ยังน้อยไปนะชิพ”

      ชิพแกล้งเบ้ปากเป็นแบบเด็กๆ ผมหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไป แต่ชิพกลับดึงแขนไว้

       “คุณ...น่าไม่อายเน๊อะ...”

      ฮื้อ?

      ยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็ต่อให้จนจบ =_=”

      “ก็คุณหึงผมเพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง หึงจนหน้ามืดตาลายเลยล่ะ”

      อีกแล้ว โดนมันต้มจนสุกอีกจนได้ ย๊ากส์~~~!!!!

       ผมสะบัดแขนแรงๆ ปล่อยให้เสียงหัวเราะฮึๆดังรั้งท้าย...แต่ก็อดยิ้มไม่ได้นะ ผมนี่บ้าชะมัด แค่โดนหลอกว่าเขาแอบมีลูกเมียมาแล้วเราก็โกรธแทบแย่
เหมือนโลกจะแตกตาย...เพราะอะไรน่ะเหรอครับ?...เพราะว่าผมแคร์เขามากขนาดที่ว่าถ้ามันแกล้งผมแรงๆอีกรอบหนึ่งแล้วล่ะก็ ผมจะบีบคอมัน ให้ตายคามือเลยคอยดูดิ
ฮึมๆๆๆ \(-_-*)...

      

      เด็กหญิงนั่งอยู่บนตักเจ้าของร่างสูง กอดตุ๊กตาหมีอยู่ในมือพลางยิ้มหัวเราะกับคนเป็นพ่อ(ตัวจริง)…เดินเข้ามาในส่วนรับแขกภายในออฟฟิศผู้
บริหารที่ตกแต่งเรียบๆแต่หรูหรา โชว์ยิ้มที่ต้องฝืนยิ้มออกไปเพราะความอับอาย...

       “เอ่อ...แอล”

      แอลละสายตาจากลูกสาวตัวน้อยมามอง ยิ้มกว้าง มันรีบลุกขึ้นยืนพลางเดินเข้ามากอด

       “เฮ้ เป็นไงบ้างเพื่อน! ไม่ได้เจอซะนานสบายดีมั้ย”

      “ก็...ก็สบายดีอ่ะ”

      แอลขมวดคิ้ว

       “แล้วไหงหน้าแดงแบบนั้นล่ะ?”

      ยังไม่ทันตอบ...ไอ้ตัวบงการก็เดินล้วงกระเป๋าตามเข้ามา ยิ้มเพล่แบบเจ้าเล่ห์เพทุบาย >.<

      “ก็...ไม่มีอะไรหรอก แค่...”

      แอลมองผม สลับกับหันไปมองชิพที่พยักเพยิดใส่กัน...มันก็ยิ้มขำๆ

       “อ้อ รู้แล้วล่ะ โดนแกล้งมาอีกล่ะซิ”

      “อืม...”

       ชิพกระซิบให้แอลฟัง ได้ยินกันสองคน...ไอ้เลวกรูอยากรู้ด้วยง่ะ O[]O”

       “หา?! อะไรนะ?...หึงยัยน้ำผึ้งที่ว่าเป็นลูกสาวของชิพเหรอ...อืมๆ...กูก็ว่างั้นว่ะชิพ ไอ้แดนถ้าทางจะหลงในความหล่อของมึงหนักไปหน่อยแล้ว
งานเนี้ย”

       ผมถมึงตาอาฆาตใส่ทั้งแอลและชิพ สองคนนั่นกลับหัวเราะ(สรุปไม่มีใครกลัวกรูเลยใช่ม่ะเนี้ย? o_O*”)

      “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ...ใครๆก็โดนคุณชิพแกล้งแบบนี้ประจำน่ะแหละ ว่าแต่มึงเหอะเหนื่อยมากป่ะว่ะ? โอ๋ๆๆ”

      ไอ้แอลดึงผมเข้าไปกอดปลอบ...ชิพหน้าตึงขึ้นมาทันที แหม...อีแบบเนี้ยล่ะรีบเข้ามาแยกผมออกจากแอลทันทีเชียะล่ะ

       “~เฮ้ยๆๆ พอและๆ...”

      แอลโดนดึงออกไป มันโวยวายใหญ่...ส่วนชิพก็ค้อนผมเบาๆ แหวะ~~~จะอ้วก O_O


       “ไม’ว่ะชิพ กูไม่ได้เจอแดนมาตั้งสิบปีแล้วนะเว้ย ให้กูกอดเพื่อนหน่อยเด่”

      “ไม่ได้ๆ! ของๆกู กูทั้งหึงทั้งหวง”

      แอลหัวเราะเสียงดังยกใหญ่ ทำเอาผมยืนหน้าแดงเขินอยู่ตรงนั้นคนเดียว ชิพก็เริ่มหน้าแดงเรื่อขึ้นมาบ้างแล้ว...เหอะๆ

       “คุณพ่อคะๆ หัวเราะอะไรกันเหรอ ขอหนูผึ้งหัวเราะด้วยยยย~~”

      เจ้าตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆมาเกาะขายาวๆของแอล แม่หนูส่งเสียงอ้อนแบบไม่ค่อยชัดเสริมความน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่

       “อื้อ? พ่อๆคุยกันอยู่ หนูผึ้งอย่าเพิ่งกวนซิลูก”

      เด็กน้อยทำหน้าเศร้า ดูก็รู้ว่าแกทั้งขี้อ้อนขี้เหงามากแค่ไหน...จะว่าไปมันก็แปลกดีที่ตอนนี้แอลเป็นพ่อคนแล้ว สิบปีทำให้แอลเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ค่อย
มากเท่าไรนัก เขายังคงตัวสูง เพรียว ดูเท่ห์ๆเข้มๆอยู่แบบไม่ยักรู้ว่าเป็นพ่อลูกอ่อน(-_-“)…เพียงแต่ดูเป็นคนสุขุม เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตาก็ยังคง
แววทะเล้นไว้เสมอ

       “แอล ไม่เป็นไรหรอก...ให้แกอยู่ด้วยเถอะ”

      น่าสงสารออก...แกเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้...คงว้าเหว่มากแน่ๆ

       “หนูผึ้ง สวัสดีคุณอาหรือยัง?”

      แอลบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้สวัสดีผม เด็กน้อยค่อยๆยกมือขึ้น มองมาทางผม แล้วกล่าวด้วยเสียงเล็กๆไร้เดียงสา เอียงอายมองหน้าแบบไม่ค่อยกล้า
สักเท่าไร

       “หนูผึ้งอยากกินไอติมหรือเปล่าลูก? เดี๋ยวพ่อพาไปกิน”

      แอลก้มลงกระซิบลูกสาวตัวน้อย ใบหน้าอ่อนน่ารักนั่นวาบขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

       “อยากซิคะคุณพ่อ!”

      “งั้นเข้าไปขออนุญาติคุณอาเขาก่อนนะ”

      เด็กหญิงวิ่งเข้ามาทางผมด้วยความเร็ว(สูงสุด)เท่าที่แกจะทำได้ เอามือนิ่มๆของแกเกาะมือผมหมับ

       “~คุณอาคะ อนุญาติน้ำผึ้งหน่อยน๊า~~~”

      โห~พ่อมันสอนมาให้ขี้อ้อนขนาดนี้หรือเด็กเป็นเองกันแน่เนี้ย...แค่หน้าหวานๆดวงตากลมโตมองผมแบบนั้นแล้ว...มีหรือจะปฏิเสธลง

      “แต่จะดีหรือว่ะไอ้แอล มึงปล่อยลูกไว้กับเลขาฯกูดีกว่ามั้ง…มึงกับแดนจะได้ลงไปคุยอะไรๆกันให้พอใจสักหน่อย”

      ชิพมองมาทางผม ท้ายๆประโยคออกแนวประชด \(-_-*)

       “ทำไมเหรอท่านประธาน?~ น้อยใจหรือว่าหึงแฟนกันแน่ครับ”

      ไอ้แอลเอานิ้วลูบคางชิพ แซวเล่นๆแต่คนถูกแซวยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ ทำเป็นปัดมือแอลแบบอารมณ์เสีย(<<<ปกติของคนท่ามาก=_=) แต่
เย้ๆๆดีมากไอ้แอล!

       “เออ! กูหึง! อย่าให้รู้ว่าหวานกันนักล่ะ...”

      O[]O อ๊าว? ไหงพูดแบบนั้นล่ะไอ้ ‘คุณชาย’ บ้า!

      เราสามคนแซวๆกันอยู่ ร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในหางตา...หล่อนเป็นคนร่างเล็กเพรียวบาง เกล้าผมมวยสูง หน้าตาสวย...สวยมาก
หวาน ยั่งกะนางเอกชื่อดัง...สวมชุดกระโปรงครึ่งเข่าแลดูเรียบร้อยแต่ก็นำสมัย

       “หนูผึ้งอยู่กับน้าดีกว่ามั้ยคะ? อย่าไปกวนคุณพ่อเลย”

      เด็กน้อยกลับส่ายหน้า แกเกาะผมแน่นขึ้น

      “ไม่เอานะคะ หนูผึ้งอยากกินไอติมกับคุณพ่อ หนูผึ้งอยากกินไอติมกับคุณอา...”

      หญิงสาวคนใหม่ไม่มีท่าทีเสียใจ แต่กลับยืนมองด้วยสายตาเอ็นดูพลางถามชิพและแอลด้วยสายตา

       “เอาไงดีคะท่าน?”


      แอลผ่อนลมหายใจหนักๆ ยักไหล่ พลางลุกขึ้นยืนมองหญิงสาวด้วยแววตา...เอ่อ ชื่นชม...งั้นเหรอ? ตบท้ายด้วยยิ้มกว้างพราวเสน่ห์ระบายไว้ทั่ว

      “คงต้องตามนั้นแหละครับคุณอร”

      อ้อ...พอจะรู้แล้วล่ะว่าอะไรคืออะไร...


       “เอ่อ คุณอร นี่คือคุณแดน...ส่วนแดน นี่คือคุณอรภา เลขาฯผมเอง”

      ชิพแนะนำคุณอรให้ผมรู้จัก เธอยกมือไหว้สวัสดีเพราะคงอ่อนกว่าผมเยอะ โห...นี่ไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี้ยว่าชิพมีเลขาฯสาวที่สวยขนาดนี้...

      “คุณแดนชอบบรรยากาศรอบๆบริษัทมั้ยคะ? คุณชิพได้พาเดินดูหรือยัง หรือว่าจะให้อร…”

      “อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ...เดี๋ยวผมคงเดินดูเองได้”

      “ค่ะ มีอะไรเรียกใช้อรก็เชิญได้เลยนะคะ สำหรับคุณแดนแล้วอรให้ความสำคัญเท่าคุณชิพเลยค่ะ”

      ผมหัวเราะแฮะๆ ยิ้มอายๆ เขินจนหน้าแดง...เธอคงทราบแล้วว่าผมกับชิพ เอ่อ...เราสองคนเป็นอะไรกัน แต่จากการได้คุยกันเป็นครั้งแรก ผม

สามารถดูออกได้ว่าเธอเป็นคนดี เรียบร้อยอ่อนหวาน ถ่อมตัวและดูจริงใจ

       “แล้วผมล่ะครับคุณอร...ผมควรได้ความสำคัญมากแค่ไหน?”

      ไอ้แอลดันเสือก*ถามขึ้นมาแบบหน้าด้านๆ โว้ย!!! เบื่อมุกจีบสาวลาวๆแบบนี้เว้ย แจกขนมจีบกันไม่เกรงใจ ข้ามหน้าข้ามตากันเลยเน๊อะไอ้แอล
\(-_-“)...

       เธอหน้าแดง แต่ยังตอบด้วยใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย

       “อรคงตอบไม่ได้หรอกค่ะคุณแอล เพราะคุณแอลแค่เข้ามาในบริษัท แล้วเดี๋ยวก็ต้องออกไปที่บริษัทคุณแอลแล้ว อรคงให้ความสำคัญมากไม่ได้”

      ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็พยักหน้าขอตัวก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปด้านในออฟฟิศ...ไอ้แอลทำครางเสียดายสีหน้าเจ็บปวดราวกับถูกควักหัวใจ แถมมันยัง
แน่....ลูกบ้าเยอะขนาดแกล้งทำเอามือมากุมหน้าอกด้านซ้าย เลี่ยนมาก...ผมกับชิพกรอกตากันแทบไม่ทัน

       “อะไร? กูก็แค่หยอดนิดหยอดหน่อย...เท่านั้นเอ๊ง”


      แหน่ะ ยังมีหน้ามาขึ้นเสียงสูงกับพวกกรูอีก -_-“

       “ถ้างั้น...กูขอพาตัวไอ้แดนลงไปนั่งคุยอะไรก่อนก็แล้วกันนะชิพ”

      ชิพเหล่ตามองผม

       “แน่ใจนะว่ารับมือไหว?”

      ผมแหวเสียงเข้ม “นี่! ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคุณ”

      ชิพมองผมไม่แสดงออกอารมณ์ใดๆ มันน่าหมั่นไส้ชะมัด o(>_<)o

       “แต่ผมว่าไอ้แอลไม่ไหวแน่...มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละ...ที่จะรับมือคุณเอง”

      ว่าแล้วก็เดินอาดหนีไป ไอ้แอลมองแล้วก็หัวเราะ ฮึ่ม…หน๊อย...มันน่าเอาแจกันปาใส่หัวนัก!!!




       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 21-06-2008 00:44:26
^
^
^
จิ้มมมมม

คึกคักจากละอ่อนนี่เอง มิน่า ตอนใหม่ถึง ร่าเริง 555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 21-06-2008 01:01:46
วันนี้ชิพ แอล แดน ครึกครื้นอารมณ์ดีตามคนแต่งเลย อิอิ  :oni1: ขอให้พรุ่งนี้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอีกน้า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 21-06-2008 01:25:08
หวานกันหน่อยๆ กุ๊กกิ๊ก กันพอสมควร  ยิ้มอารมณ์ดีได้เลย  :oni1: เย้ๆ เอาอีก  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-06-2008 01:25:41
 o13 ช่องว่างระหว่างชิพกะแดน  เริ่มแคบเข้ามาทุกทีแล้วนะ  

และคงจะไม่มีอะไรมาทำให้มันห่างออกไปอีก  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 21-06-2008 07:36:09
o13 ช่องว่างระหว่างชิพกะแดน  เริ่มแคบเข้ามาทุกทีแล้วนะ  

และคงจะไม่มีอะไรมาทำให้มันห่างออกไปอีก  :oni2:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ

รักกันนานๆนะครับผม ชิพ แดน

ส่วนพี่แอล ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-06-2008 07:47:56
เล่นเอาใจหายหมด ลูกบุญธรรมนี่เอง  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 21-06-2008 09:48:06
 :m1:เง้อ..หวานกุ๊กกิ๊กกัน..น่าร้ากกกกอ่ะ... o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 21-06-2008 10:58:53
โล่ง  แค่ลูกบุญธรรมเนอะ  :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-06-2008 21:30:46
โล่งอกไปหน่อย.........แค่ลูกสาวบุญธรรม

ว่าแต่งานละอ่อนเนี่ย งานรับน้อง ม.1 ของ สวนฯใช่ม่ะ

ถ้าใช่รุ่นอะไรคับเนี่ย...........จำได้ตอนผมเป็นละอ่อนปี 2536 มั้ง.....นานมากแล้ว

แต่สนุกมากเลย ประทับใจตอนซุ้มมือด้วย เดินจากโรงยิมลงมาถึงประตูรุ่นพี่ร้องเพลง

ไปตลอดทางซึ้งๆๆๆคับ แต่ขอบอกว่าตอนวันจากเหย้าจะซึ้งกว่านี้อีก น้ำตาไหลเป้นทางเลยคับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 21-06-2008 21:50:40
ตอบพี่ pongsj นะครับ

ผมรุ่น127 ชื่อรุ่น พิรุณรักษ์ ครับ แฮะๆๆ ยังเป็นเด็กม.6อยู่เรย ว่าแต่พี่ร่นไรอ่าครับ รู้สึกปีที่พี่เป้นละอ่อนผมยังอายุ3ขวบอยู่เลยอ่า 55+
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 21-06-2008 22:03:37
 :o8: ลูกแอลนี้เอง หัวใจวายหมด
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 21-06-2008 23:18:40
มีแต่เรื่องดีๆๆน๊า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-06-2008 09:09:18
ตอบพี่ pongsj นะครับ

ผมรุ่น127 ชื่อรุ่น พิรุณรักษ์ ครับ แฮะๆๆ ยังเป็นเด็กม.6อยู่เรย ว่าแต่พี่ร่นไรอ่าครับ รู้สึกปีที่พี่เป้นละอ่อนผมยังอายุ3ขวบอยู่เลยอ่า 55+

ห่างกันแค่ 10 รุ่นเองคับ นับเอาเองน่ะ เดี่ยวเหมือนประจานความแก่ของตังเอง 555
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 22-06-2008 10:53:42
ค่อยโล่งใจหน่อย แต่ง้องอนกัน ได้น่ารักดีจริง ๆ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 22-06-2008 17:50:05
 :เฮ้อ:

แอบโล่งใจ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำเอาผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 22-06-2008 17:59:59
มาแถมยาว แต่เดี๋ยวก็จาหายไปยาวเหมือนกันนะครับ งืมๆ(<<<หมู่นี้ติดคำนี้จังเยยอ่า >.<)

T.C. จ้า


บทที่ 18



       แอลพาผมเดินลงมานั่งในร้านกาแฟชื่อดังที่ชั้นหนึ่ง กลิ่นกาแฟกรุ่นไปทั่วร้านทว่าน้องน้ำผึ้งบุตรสาวไอ้แอลมันก็นั่งเล่นอยู่ได้ ผิดคาดเพราะผมนึก
ว่าแกจะบ่นเหม็นกลิ่นกาแฟ แต่กลับนั่งจิบโกโก้ร้อนสบายอารมณ์ แถมยังได้ขนมเค้กสตอเบอร์รี่(ไม่ได้ว่าใครน๊า~~~)เป็นค่าปิดปากจากคุณพ่อ ระหว่างผมกับแอล
สนทนากันเป็นรางวัลเด็กดีอีกด้วย...

       แปลกดีที่เวลาผ่านไป ผมกลับรู้สึกเหมือนเพิ่งได้มองหน้าแอลเมื่อวาน ด้วยความสนิททำให้ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าที่คิด ผมนั่งคุยกับมันสบายๆ แต่ดู
เหมือนว่ามันจะเป็นฝ่ายตื่นเต้น(ซะเอง)มากกว่าที่ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมฟัง

       รอยยิ้มดีใจของแอลระบายตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่ท่ามกลางความเป็นไปภายในร้าน หนูน้ำผึ้งวิ่งมาเปลี่ยนที่นั่งเป็นข้างๆผม ผมเฝ้ามองทุกอย่างหมุน
ผ่านไป...แล้วรู้สึกคุ้มค่าที่ ณ วันนี้พระเจ้าให้ผมมีชีวิตอยู่ ให้ผมได้เรียนรู้อะไรต่างๆอีกมากมาย

       “แอล...มึงจาถามกรูอีกมากป่ะเนี้ย?”

      แอลยิ้มแฮะๆ...มันจ้อไม่หยุดเหมือนวิ่งมาราธอนแข่งขันทีมชาติ

       “ก็...ก็กูคิดถึงมึงนี่ ตั้งสิบปีที่มึงไปอยู่อเม’กา”

       “เอ่อ กูรู้มึงคิดถึงกู กูก็คิดถึงมึงอ่ะ”

      คงเพราะความคิดถึงมั้งครับ...ทำให้ผมยอมกลับมา

       “แล้วมึงจะไม่เล่าเรื่องของมึงบ้างเลยเหรอ?”

       เป็นฝ่ายผมที่เริ่มซักถาม โดยพื้นฐานแอลเป็นคนเปิดเผยครับ โดยเฉพาะกับผม...หลายคนคงอาจจำไม่ได้แล้วว่ามันเคยสารภาพความในใจกับผม
เมื่อสิบปีก่อนตอนจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกา ไม่น่าเชื่อนะครับว่าตอนนี้มันเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว...แต่ก็คงไม่แปลกหรอกครับ คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้

       “แอล...กูอยากรู้ว่าตอนที่กูไป ชิพมันเป็นยังไงบ้าง”


      รอยยิ้มของแอลค่อยๆหุบลง...มันจ้องมองมาที่ผม พลางสลับกับมองไปที่หนูผึ้ง...แอลค่อยๆเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ เข้าใจว่าไม่อยากให้เด็กน้อยได้
ยินบทสนทนาอ่านะ =_=”

      “ตอนนั้น...กูจำได้ว่าคืนที่มึงไป ชิพรีบมาหากูที่บ้านตอนกลางดึก น้ำตาอาบหน้ามา...ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โตว่ามึงหนีมันไป...มันเข้าใจว่ามึงแก้
แค้นมัน กูในฐานะที่เป็นเพื่อนของทั้งสองฝ่าย กูเห็นใจ...แต่ในเมื่อมึงกำชับไว้ไม่ให้กูบอกมัน กูก็ทำตามนะ...”

      “เพียงแต่ชิพมันแย่มาก เหมือนคนที่สูญเสียแล้วทุกสิ่ง มันเสียผู้เสียคนเป็นบ้าอยู่เกือบๆหนึ่งปีเต็ม จนกระทั่งย่ามันช่วยให้มันจบออกมาได้ มันก็ยัง
เคว้งคว้างอยู่สักพักก่อนที่ทุกอย่างเริ่มลงตัว แต่หลังจากนั้นชิพก็เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว...โมโหร้าย ผีเข้าผีออกเดาทางไม่ค่อยถูก แบบว่าเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนเลยล่ะ”

      ขอบตาของผมเริ่มรู้สึกร้อนผะผ่าว...นึกย้อนกลับไปวินาทีนั้นที่ผมจำใจต้องจากมา...ผมก็รู้สึกเหมือนคนบ้านานอยู่เหมือนกัน ตอนอยู่บนเครื่องบิน
ไอ้ความรู้สึกทรมานนั้นมันแทบจะฆ่า...ให้ตายซะให้ได้

       “กูไม่เคยบอกมันว่ามึงต้องไปเพราะอะไร เพราะกูเข้าใจดีทุกอย่าง...อีกอย่างกูไม่อยากให้มันเกลียดย่ามันมากไปกว่านี้ แค่นี้มันก็แย่พอแล้ว”

      แอลถอนหายใจหนักๆ หันไปมองทางหนูน้ำผึ้ง

       “รู้อะไรมั้ย?...หลังจากมึงจากไปได้ไม่นาน ย่าของชิพก็พยายามจะจับมันแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง...เธอชื่อคุณน้ำ...แต่ชิพไม่ยอม แล้วก็เริ่มต่อ
ต้านย่าตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็แตกหักกันแบบมองหน้าไม่ติด...คงเป็นเพราะกูด้วยมั้ง ที่เรื่องทั้งหมดไปไกลขนาดนั้น…”

      ใบหน้าไอ้แอลเศร้าๆ ผมงง

       “ทำไมล่ะ?”

      “...ก็เพราะหนูน้ำผึ้งเป็นลูกของเธอ เป็นลูกของเราไงล่ะ”

      ผมช็อคกับประโยคนั้นที่หลุดออกมาจากปากแอล...แต่มันพยักหน้า

       “ใช่...กูแอบรักกับคุณน้ำ แต่เธอไม่รู้จนเมื่อชิพบอกเลิกกับเธอ และรู้ว่ามันเป็นเกย์ เธอเลยยอมรับรักกู...ทีนี้ย่าชิพก็ไม่ยอม พวกผู้ใหญ่บ้านคุณน้ำ
ก็พลอยรังเกียจกู แต่ในที่สุดกูก็ได้แต่งงานกับเธอ จนมีเจ้าตัวเล็กได้ไม่นานเธอก็เสียไป...”

       แอลไม่ได้กำลังร้องไห้ แต่แววตาคู่นั้น...เศร้าสร้อยชนิดที่เรียกได้ว่า ถ้าไม่โดนจริงๆคงไม่เข้าใจ

       “...กูเสียใจด้วยนะ...”

      “อืม...ไม่เป็นไรหรอก คุณน้ำเขาไม่ค่อยสบาย แต่ไม่ยอมบอกกู...แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ขอแค่กูมีน้ำผึ้งแค่นั้น แค่นั้นจริงๆนะแดน...มันเพียงพอ
สำหรับกูแล้ว กูก็แค่อดทนอยู่ต่อไปทุกวันเพื่อลูก แค่อยากทำตามคำขอร้องของคุณน้ำเธอน่ะ...”

       เอ่อ...มึนไปหมดกับเรื่องราวที่ค่อยๆซึมซับเข้าสู่สมอง อึ้ง...ช็อค ใจจริงอยากเข้าไปกอดปลอบแอล ทว่าถ้าไม่ใช่เพราะผู้คนจำนวนมาก แล้วเราอยู่
กันในที่ลับล่ะก็...ผมเชื่อว่าแอลคงเสียน้ำตา และผมคงได้กอดเพื่อนรักคนนี้ไว้แน่ T-T

       “...มึงรู้หรือเปล่า? เรื่องที่ชิพพยายามทำกับตัวเอง...หลังจากย่ามันตายได้ไม่กี่ปี?”

      ตอนแรกก็งงๆ แอลพูดเรื่องอารายของมันว่ะ? แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าชิพเคยพยายามทำร้ายตัวเอง จะด้วยเพราะอาการจิตตกหรืออะไรทั้งปวง...ผม
ก็อยากรู้ความจริงมากกว่า

       “ใช่เรื่อง...ที่มันกรีดข้อมือตัวเองใช่มั้ย?”

      แอลพยักหน้า “อืม เรื่องนั้นแหละ...ชิพเคยพยายามฆ่าตัวตายถึงสามครั้งด้วยกัน ครั้งแรกโชคดีที่แม่บ้านเป็นคนไปเจอตัวอยู่ในห้องน้ำ ครั้งที่สอง
มันจะกินยาแต่มีคนห้ามเอาไว้ได้ทัน...ส่วนครั้งสุดท้ายกูจับมันส่งโรงพยาบาล แต่ก็ดันจะกรีดข้อมืออีก ทว่าโชคดีที่อยู่ใกล้มือหมอ เลยทันรอดมาได้…”

      ได้ยินอีกกี่ทีๆก็หงุดหงิด ทั้งหงุดหงิดและโมโห ทำไมชิพต้องคิดและทำอะไรโง่ๆแบบนั้นลงไปด้วยนะ?

       “กูไม่เข้าใจเลย...ทำไมมันต้องทำแบบนั้นด้วย? มันจะรู้มั้ยว่ายังมีอีกหลายคนเป็นห่วง”

      “~นั่นแหละ แต่มึงต้องเข้าใจมันนะแดน...ที่มันทำลงไปเพราะมันเสียใจ ที่มันโกรธเกลียดย่าตัวเอง จนในเมื่อย่ามันตายไปมันก็ยังรู้สึกขาดความ
รัก...ความอบอุ่นอยู่ดี มันก็เลยรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา...ชีวิตของชิพน่ะมีแต่เรื่องขมขื่นมาชั่วชีวิต ฉะนั้นมึงต้องเข้าใจมันนะ...บางครั้งมันเองก็เลือกไม่ได้หรอกที่เรื่อง
ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ จริงมั้ย?”

       เรานั่งกันเงียบๆ...ความรู้สึกของผมมันชาหนึบไปหมด ความรวดเร้าเหล่านี้กำลังผุดขึ้นในหัวใจ

       “ใช่จริงๆด้วย คนเราไม่มีวันรู้ว่าสุขและทุกข์จะเข้ามาเมื่อไร”

       “ยังมีอีกหลายอย่าง...มากมายเกินกว่าที่มึงจะเข้าใจนะแดน แต่ตอนนี้มึงต้องเป็นกำลังใจให้มัน...เพราะมึงคือสิ่งเดียวที่ชิพยอมมีชีวิตอยู่ มึงคือ
หัวใจของมัน...กูรู้ว่าทุกคืนมันจะต้องนอนดูจดหมายของมึง ทุกครั้งที่มันพูดถึงมึง...ตลอดเวลาสิบปีนี้มันอาจจะฉุนเฉียวบ้าง แต่แววตาของมันไม่เคยหยุดรักมึงเลย...กูรู้
ว่ามันจะรอมึง รอตลอดไปแม้จะไม่มีหวังก็ตาม”

       ผมยิ้ม...ฝืนหัวเราะออกมา

       “มึงหยุดพูดได้มั้ย? ก่อนกูจะร้องไห้ออกมาตอนนี้”

      แอลคลี่ยิ้มบาง ทำไมชีวิตของคนเราต้องเกิดมา เพื่อรองรับความเจ็บปวด...ความสุข ความทรงจำ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ด้วย...บางครั้งมันก็ทำให้เรา
เรียนรู้ ว่าความหมายของชีวิต บางครั้งอาจไม่ต้องค้นหาไปไกลแสนไกลสุดขอบโลก....เพราะสำหรับผม คำตอบมันอยู่ในหัวใจเสมอมา

       หนูน้ำผึ้งจ้องมองแอลกับผมไปมาตาแป๋ว เจ้าตัวเล็กจัดการเค้กแสนอร่อยเรียบแปล้ เลยได้มีเวลาแอบฟังผู้ใหญ่พูดกันได้(ไม่ยักกะเข้าคอนเซ็ป ‘
หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน’ เลยนะแม่คุณ =_=”…)

      “อิ่มมั้ยครับ?” ผมถามแก

       “อิ่มค่ะอิ่ม ว่าแต่พวกคุณพ่อคุยอะไรกันอยู่อ่ะคะ หนูผึ้งของคุยด้วยคนซิคะ น๊าค๊า~~~”

       แอลเอื้อมแขนยาวๆมาโยกหัวลูกสาวเบาๆด้วยความเอ็นดู ขานั้นยิ่งเข้าเกาะแขนทำตาแอ๊บแบ๊วส่งให้ปิ๊งๆ

       “ถ้างั้นหนูผึ้งขอขนมอีกชิ้นหนึ่งนะคะคุณพ่อ ชิ้นเดียวเอง นิ๊ดดดเดียวเองค่า”

       ปู๊ด!~~ 555+ ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นเด็กหญิงวัยไม่ถึงห้าขวบ ที่รู้จักต่อรองผู้ใหญ่อย่างแก่แดดแก่ลม (o_O* ลูกสาวมันร้ายยิ่งกว่าพ่ออีกแฮะ)

      ท่าที่เด็กหญิงเอานิ้วกลมป้อมขึ้นมาชูทำท่าเค้กชิ้น ’นิ๊ดดดด’ เดียวและลากเสียงยาว ยิ้มทะเล้นเหมือนแอลไม่มีผิด ทำให้ผมใจอ่อนจะจูงมือแกไป
เลือกเค้กที่ตู้เย็นซะแล้ว (-_- <<< เด็กดีไม่ควรล่อลวงผู้ใหญ่นะงับ >.<)

       “เฮ้ยๆ ไม่ต้องเลยเจ้าตะกละ พอยอมให้หน่อยก็ได้ใจใหญ่เลยนะ เด็กเจ้าเล่ห์!”

      “เจ้าเล่ห์คืออารายเหรอคะ?”

      แล้วหนูผึ้งก็ถามๆๆ อย่างงู้นอย่างงี้ ถามจนผมเหนื่อยแทนคนตอบที่ทำหน้าเบื่อจนจะตายให้ได้ ไอ้แอลมันคงตอบคำถามเด็กวัยอยากรู้โดยเฉพาะ
หนูน้ำผึ้งมาเยอะจนแทบอ้วก แถมยังต้องเล่นตอบคำถามนี้ไปอีกนานเลยล่ะ...กว่าปากน้อยๆนี่จะหยุดเจื้อแจ้วพ้นวัย

       “ว่าแต่...ขอเดาเลยนะ หมู่นี้ที่มานี่ก็เพราะจะหาแม่ใหม่มาช่วยเลี้ยงหนูผึ้งล่ะซิท่า”

      ไอ้แอลยักคิ้วทำเท่ห์ใส่ แหวะ...ไอ้เฒ่าหัวงูเอ๊ย! >.<

       “อืม ไง? ‘ไมล่ะ...เจ๋งใช่มั้ยล่ะ”

      “คุณอรเขาคงรำคาญมากซิท่า~~~”

      “~แหม มึงก็พูดไป เพราะว่าหึงเขาล่ะซิ้ ได้ทำงานกับเจ้านายสุดหล่อ แถมเขาก็สวย”

       เอ่อแฮะ...จะว่าไปก็มีกลัวๆอยู่เหมือนกัน เพราะคุณอรก็สาวสวยซะขนาดนั้น ชิพก็...

       “เฮ้ยๆๆๆ มึงกำลังจาคิดไปถึงไหนว่ะ? นี่...นี่อย่าบอกนะว่ามึงหึงไอ้ชิพกับคุณอรของข้า?”

      แอลพ่มลมใส่ผม ไอ้เชี้ย~~!!! มึงพูดเบาๆหน่อยได้มั้ยเนี้ย กูอายนะเฟ้ย >///<

      “มึงจะบ้าเหรอ...กู กูแค่…”

      “นี่ มึงไม่ต้องมาแก้ตัวเลย แค่กูเห็นหน้ามึงจิ้นคิดมากก็ตลกจะแย่แล้ว อะไรว่ะ ฮ่าๆๆ ผัวเมียคู่นี้มันหึงกันเองน่ารักจริงๆ...จาบอกอะไรให้นะ ชิ
พมันชอบหุ่นขาวๆแบบมึง จับแล้วกำลังพอดีไม้พอดีมือ ไม่อวบอิ่มเหมือนคุณอรหรอกเฟ้ย! ไอ้บ้า!”

      ไอ้เลว (แง่ง -_-*”///>>>) ปากหมาไม่พอยังลวนลามคุณอรอีก มันน่าเอาไปฟ้องนัก งิ =_+



       ...สรุปแล้วผมต้องกลายไปเป็นเลขาส่วนตัวตำแหน่งที่สองของท่านประธานชิพ...โดยวันนี้นึกว่าจะได้ทำงานบ้าง =_=’ แต่ชิพไม่เห็นเรียกใช้ให้ทำ
อะไร ก็มีแต่ศึกษาเอกสาร เขาบอกว่าจะให้ผมดูแลเอกสารเกี่ยวกับโปรเจคติดต่องานกับหุ้นส่วนจากญี่ปุ่นทั้งหมด อ้อ...แล้วต้องมีหน้าที่ชงกาแฟให้เขา หาหนังสือพิมพ์
และนิตยสารที่เขาชอบมาวางไว้ที่โต๊ะอย่าให้พลาด คอยรับโทรศัพท์...โดยรวมแล้วหน้าที่เบ๊ทั้งหมดของคุณอรได้ตกเป็นของผม ส่วนคุณอรก็ได้ทำงานน้อยลง แต่ยังยุ่ง
วุ่นวายเรื่องตารางงานของชิพและการประชุมทุกๆนัดเหมือนเดิม

       โต๊ะทำงานของผมอยู่ในห้องประธานกรรมการ ติดๆกันกับชิพเลย =_=” ฉะนั้นเวลาทำอะไรก็จะตกอยู่ภายใต้สายตาของ ‘เจ้านาย’ ตลอด T-T
เฮ้อ~~~ช่างเป็นชีวิตเลขาฯที่น่ารันทดดีจริงๆ

       ตอนเที่ยงผมต้องออกไปซื้อข้าวให้เขากิน นี่แหละปัญหา...เจ้านายคนนี้จะเรื่องมากเป็นพิเศษเรื่องเนื้อหมูเนื้อวัว ผักกาดขาวกับกะหล่ำปลีขอบาย
อย่างงู้นอย่างงี้ แบบนี้น่าขึ้นเงินเดือนให้ผมนะ +_+…แค่วันแรกนี่ผมก็เซ็งจิตจะตายอยู่แล้ว ดูไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ต้องมานั่งทำงานตรงนี้ มีแต่โดนจิกหัวใช้นี่แหละ -
_-“

       ชิพเป็นคนพาเดินสำรวจไปทั่วบริษัท ก็สนุกดี สุดท้ายเขาเลี้ยงกาแฟร้านข้างล่าง(ร้านเดิมอ่ะแหละ)ด้วย งืมๆ

       และแล้ว เวลาเลิกงานก็มาถึง...

      รถแล่นไปบนถนน การจราจรติดขัดสุดๆ ทั้งเหนื่อยแล้วก็ล้า พูดไปก็เห็นใจชิพที่ต้องเจอกับสภาพแบบนี้ทุกวัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างแอล ที่มีลูกสาว
อีกตั้งหนึ่งคนให้คอยดูแล

       ถึงบ้าน ต้องล้มตัวลงอย่างหมดแรงที่โซฟา ชิพเดินเลี่ยงเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น แปลกแฮะ...วันนี้ชิพใจดีเข้าครัวให้ จะว่าไปนี่มันก็จะ
ทุ่มหนึ่งแล้วนิ เฮ้อ =_=

      เสียงกระทะ หม้อ ตะหลิวกระทบกันดังเคร้งๆ(อะไรจะขนาดน๊าน (-.-)) นั่งฟังไปก็เพลินไป แต่ไม่ได้ๆๆ!!! ต้องรีบชิงไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยว
โดนรั้งตัวไว้ให้ทำนู่นทำนี่อีก

       ซู่~~~~~~

      เฮ้อ~~~สบายจังเลย น้ำอุ่นๆที่ไหลออกมา อ๊า~~~สบู่หอมๆที่ใช้ฟอกตัว ยิ้บปี๊~!!>.< สุขสุดๆ

       พรืดดดด!

       …แต่จู่ๆเสียงม่านก็ถูกรูดออก ผมสระหัวอยู่เลยไม่ทันมองแล้วนึกว่าแขนไปโดน...ทว่าแปบเดียว ใครบางคนก็เข้ามากอดจากด้านหลัง ทำเอาสะดุ้ง
เกือบล้มหัวฟาดพื้นไปแย้ว~~

      “เฮ้ย!”

      แผ่นอกกว้างเปลือยเปล่าของชิพแนบเข้ามาที่ด้านหลัง มือของเขาโอบกอดมาแล้วฟอกสบู่ให้ผม มันลื่นๆไปหมดชอบกล...ร่างของเราสองคนดิ้น
ขลุกขลักกันอยู่ใต้สายบัวอุ่นๆ อึ๋ย~~รำคาญจังเลย ว่าแต่ช่วยอย่าเพิ่งไซ้ซอกคอเค้าตอนนี้ได้มั้ยอ๊า~~~

      “ชิพ ไม่เล่นน่า”

      “อืม~~~ใครบอกว่าผมเล่น มาซิ เดี๋ยวผมอาบน้ำให้คุณเอง”

       มือใหญ่ลูบไปเรื่อยๆ เผลอแปบเดียวมันค่อยๆเลื้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ...ผมหันควับไปห้ามมือของเขาทันท่วงที ชิพยิ้มเผล่

       “ขอโทษทีผมอาบเองได้...”

      “งั้นอาบให้ผมทีซิ”

      ไม่พูดเปล่าแต่เบียดตัวเข้ามา O-O...อย่าทำแบบนี้เซ่ มันเสียวนะโว้ย -_-“

       ไม่เอาและ เลิกดีกว่า...ผมรีบล้างตัวแล้วก้าวออกมาจากตรงนั้น รีบแต่งตัว แล้วเข้าไปจัดการก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใสที่ตั้งรอไว้เงียบๆอยู่ที่โต๊ะ จาก
ตรงนี้ผมไม่สามารถได้ยินเสียงเขาอาบน้ำหรืออะไรทั้งสิ้น...แต่จากประสบการณ์นะ ชิพมักกินอาหารเย็นก่อนอาบน้ำเสมอ

       ล้างจานเสร็จแล้ว เหนื่อยเต็มแก่...โอย ขอนอนซะที ไม่ไหวแย้ว

       เฮ้ย...แล้วที่นอนหายไปไหน?

      “ผมโทรฯมาบอกแม่บ้านให้เอาผูกของคุณไปซักน่ะ”

      ชิพยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำเปิดจากห้องนอนของผม...เช็ดผมแต่ไม่ยอมแต่งตัวสักทีมัวแต่ยืนล่อนจ่อนอยู่นั่น เขายิ้มๆ

       “อ้าว...”


      “สงสัยคืนนี้คุณคงต้องนอนเตียงผมแล้วล่ะ”

       ผมยืนจ้องหน้าเจ้าของคอนโด...รู้สึกจิ๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

       “คุณแกล้งผม!”

      ชิพใส่กางเกงนอนเพียงตัวเดียว แล้วเอื้อมมือไปปิดไฟในห้อง ดันหลังผมเข้าไปในห้องของเขา...ปรากฏว่าหมอนของผมถูกย้ายมากองอยู่ในห้องนี้
เรียบร้อยแล้ว แงะ <<<=_=”

       “เอาน่า หยวนๆน่าแดน ผมแกล้งคุณซะที่ไหน”

      โมโหก็โมโห ง่วงก็ง่วง...แต่ไม่ไหวแล้ว งอนไปอารมณ์เสียไปก็ไม่ใช่เรื่อง รีบๆนอนดีกว่า...

       ชิพล้มตัวลงมา ห่มผ้าผืนเดียวกับผม...แต่ผมตอนตะแคงหันหลังให้เขา มันหงุดหงิดๆๆๆเฟ้ย!

       “ปิดไฟซะทีเซ่”


      น้ำเสียงเริ่มห้วนเพราะง่วงจนจะตายให้ได้ แต่ชิพดันกวนประสาทเปิดไฟหัวเตียง แยงตาไปหมด -_-“

      “งั้นนอนก็ได้...ว่าแต่คุณขมวดคิ้วเป็นปมเชียว มีอะไรเหรอ?”

      ก่อนฟิวจะขาด ผมเป็นฝ่ายปิดโคมไฟหัวเตียงเอง ชิพหัวเราะฮึๆ

       “ถ้าอยากรีบนอนแบบนี้ทำไมไม่บอกผมแต่แรกล่ะ”

      รู้สึกจาบอกเป็นล้านครั้งแล้วอ่านะ เอ๊ะ หรือว่าเปล่า?

      เอาเข้าจริงๆผมกลับนอนไม่หลับแฮะ...มันจักกะเดี๋ยมยังไงไม่รู้อ่ะวันนี้...ได้ยินเสียงชิพนอนพลิกตัวไปมา เสียงลมหายใจเข้าออก...หนังตาเริ่มจะปิด
ร่างสูงข้างๆก็วาดแขนคว้าหมับที่ตัวผม แล้วดึงเข้าไปกอดแน่น

       “อื้อ? นี่คุณยังจะเล่นอะไรอีก…”

      ชิพกระแอ่มลำคอ เหมือนมีเรื่องสำคัญ


       “เอ่อ...ผมมีเรื่องจะสารภาพกับคุณ”

      อะไรเหรอ?

      “คือ...คืนนี้ผมอยากรักคุณน่ะ นะๆ…”

       ผมรีบสะบัดตัวเขาออก ไอ้ชิพบ้า!

      “ชิพผมง่วงแล้วก็เหนื่อยมากด้วย...”

      “แต่ผมห้ามใจไม่ไหวแล้วจริงๆนี่ น๊า~~~ถอดเสื้อออกเถอะ ผมขอแค่ครั้งเดียวเอง”

      มีการต่อรองแบบนี้ด้วย โว้ยๆๆๆ!!! ไม่ไหวแล้ว! เข้าใจอ่ะนะว่าเขาเป็นคนมีความต้องการสูง แต่ผมไม่มีอารมณ์ด้วยนี่ งานนี้เค้าไม่ยอมด้วย
หรอก ฮึ!

       “ชิพ ผมไม่มีอารมณ์ด้วยหรอกนะ! เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว”

       “แต่ผมมีนี่ครับคู๊นนน~~~เหอะนะ ผมจะทำให้คุณมีความสุขเอง เชื่อผมซิ...ผมถอดกางเกงออกไปแล้วด้วยนะ”

      จะปฏิเสธยังไงชิพก็ตื้อจะเผด็จศึกผมให้ได้ภายในคืนนี้...ไม่ได้การล่ะ งานนี้คงต้องยอมติดสินบนเอาไว้คืนอื่น...คืน อื่นๆ...

       “ผมรู้แล้ว เอางี้ดีมั้ย?...ผมให้คุณได้แค่จูบเดียว แต่จูบเดียวเท่านั้นนะ!”

      แววตาของชิพในความมืดแวววาว...เหมือนแมวป่า ขึ้นคร่อมเหนือตัวผมแล้วยักไหล่สบายๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์

       “ถ้านั่นอาจทำให้คุณเปลี่ยนใจ มันก็คุ้มอ่านะ...อย่าว่าผมแล้วกันนะครับ”

      เอ่อ...ตามันสว่างหลับไม่ลงตั้งแต่เขาเอ่ยปากขอ...กับผมแล้ว >///< ใจเต้นตึกตักๆ ระทึกไปหมด ความร้อนระอุจากข้างในแผ่ซ่าน...รอเวลาที่
ชิพโน้มตัวลงมา ก้มมองที่ปากและพร้อมจะประทับบดเบียดจุมพิตวาบหวามช้าๆ...ซึ่งก็จริงดั่งคาด ดุ้นลิ้นหวานๆที่เคล้าคลึงอย่างคุ้นเคย...ลมหายใจอุ่นร้อนและจังหวะ
ของอีกฝ่ายทำเอาผมสติกระเจิง ยอมให้มือของชิพฝ่าด่านเข้าไปถึงไหนต่อไหน...เย้ยๆๆๆ ไม่ได้นะ! ขืนคืนนี้ผมยอมตามใจเขา พรุ่งนี้คงไม่ต้องไปทำงานทำการกันพอดี
=_=…

       ผมผลักร่างเขาออก ใบหน้าแดงหล่อเหลานั่นแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ...

       “พอแล้ว นอนเถอะ”

      ชิพประท้วงด้วยการโวยเป็นเสียงครางแอ่ว เหอะๆ


       “อะไรอ่า?...นี่ขนาดถึงขั้นนี้แล้ว...คุณจูบผมแล้วจะปล่อยให้ผมค้างแบบนี้ ทั้งๆที่...ทั้งๆที่ผมพร้อมแล้วแบบนี้เนี้ยนะ?”

      ชิพล้มตัวลงนอนตาม...ทำเป็นงอนสักพัก แต่แล้วก็ตามเข้ามาเกาะแกะใหม่...คราวนี้ผมลองแกล้งเงียบทำเป็นหลับไปแล้ว แต่ขานั้นดันรู้ดีซุกจมูก
ลงมาตามซอกคอ มันจักจี๋จะหัวเราะเอาให้ได้ ฮ่าๆๆ

       “ผมรู้น๊าคุณยังไม่หลับ...ตื่นเถอะนะคนดี น๊า~~~”

      อ๊ากกก!!! อย่างับแบบนั้นได้มั้ย มัน...เสียวไปหมดแล้ว >///<

       “อืม~~~ทำไมคืนนี้คุณถึงใจแข็งจังน๊า ดูซิผมแข็งไปหมดแล้ว...ใจอ่อนซะทีซิคร้าบบบบ”

      เสียงกระซิบ...และการกอดรัดที่อ่อนหวานแต่เร่าร้อน บวกกับความ ‘แข็ง’ ที่ชิพพยายามให้ผมรู้สึก...มันยิ่งถู...ไถ...โยกเยกเคล้าคลึงไปมาจน
ผมแทบบ้า โอ๊ย!!!

      “ชิพ! พอได้แล้ว!”


      ผมหันควับไปผลักตัวเขาออก หอบหายใจแหกๆ...เปียกไปหมดแล้วด้วย แต่ผมจำเป็นต้องหยุดเขาไว้ก่อนเราสองคนจะไปไกลกันมากกว่านี้ เขา
มองผมงงๆ

       “คุณเป็นอะไรไป?”

      “ก็แค่ผมไม่อยากมีเซ็กซ์กับคุณคืนนี้...คุณไม่ยอมฟังผมเลย คุณเห็นผมเป็นอะไร เครื่องระบายออกทางเพศของคุณเท่านั้นเหรอ?”

      ชิพเกาหัวแกรกๆ

       “ปะ...เปล่านะ ผมก็แค่...แค่นึกว่าคืนนี้คุณจะรู้สึกเหมือนผม ก็เราไม่ได้ยุ่งกันมาตั้งสองอาทิตย์แล้ว...แล้วทุกทีคุณก็ให้ความร่วมมือ...”


      “ใช่ แต่คืนนี้เป็นข้อยกเว้น ผมเหนื่อยชิพ...แล้วพรุ่งนี้เราสองคนก็ต้องไปทำงานแต่เช้า ควรจะออมแรงไว้ ผมง่วงและอยากพักผ่อน”

      ชิพเอามือลูบหน้าตัวเอง มองนู่นมองนี่ไม่ยอมสบตาด้วย

       “ผมไม่ได้คิดว่าคุณคือเครื่องระบายอารมณ์อย่างว่านั่นซะหน่อย...แต่ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ...คงไม่ใช่เพราะผมบกพร่องหรอกนะ?”

      ผมส่ายหัว...เผลอมองไปที่นูนเนินใต้ผ้าห่ม ชิพน้อยคงกำลังตื่นตัวเป็นมังกรผงาดเต็มที่อยู่แล้วล่ะซิ...เหอะๆ

       “ไม่ใช่หรอก มันแค่ยังไม่ถึงเวลา...ผมยังไม่มีอารมณ์เต็มที่ คือ...คุณเข้าใจใช่มั้ย? ผมง่วงนอน แต่ตอนนี้คุณทำผมตื่นแล้ว ถ้าหากเราตกลงทำกัน

คืนนี้ คุณรู้ดีว่ามันทั้งคืน...พรุ่งนี้ผมตายแน่ ฉะนั้นนอนเถอะ...ขอโทษด้วยที่ผมช่วยคุณไม่ได้...”

      ชิพพยักหน้าเงียบๆเป็นเด็กห้าขวบ บ่นอุบอิบ

       “เอาไว้วันหลังก็ได้...คอยดูเถอะ”

       ชิพนอนก่ายหน้าผากเงียบๆ ถอนหายใจหลายต่อหลายครั้ง...อีหร่อบนี้ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เลยหันไปทางเขา

       “นี่...”

      ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงไฟจากหน้าต่างส่องเข้ามา ทำให้เห็นเพียงซีกหน้าของเขา ที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เขาก้มลงมองผมด้วยแววตาที่อ่าน

ไม่ออก...เวลาแสงไฟมันล้ออยู่ในนัยน์ตาของเขาแบบนี้นะ ชิ…ผมเกลียดชะมัดเลย

       “หื้อ? มีอะไรเหรอ”

       “คุณไม่ได้โกรธผมใช่มั้ย?”


      ชิพร่นตัวลงนอนระดับเดียวกับผม ตะแคงคุยกัน

       “เปล่านี่ แค่คิดว่าคุณคงลำบากใจมาก เวลาที่ผมต้องการ...”

      “ไม่หรอก” ผมเอามือขึ้นลูบหน้าเขา เจ้าตัวยิ้มตาเป็นประกาย “เอาไว้วันหลัง...ผมจะชดใช้ให้คุณ ดีมั้ย?”

       ชิพดึงผมเข้าไปนอนเกยอยู่บนแผ่นอกกว้างๆ ผมโอบกอดร่างหนาไว้

       “นอนเถอะ คุณหนาวมั้ยเนี้ย?”

      “หนาวซิ คุณกอดผมไว้นะ อย่าปล่อยล่ะ”

      “ก็บอกแล้วไงว่าให้ใส่เสื้อนอน คุณน่ะเป็นหวัดง่ายจะตาย”

      หวังว่าเขาคงจะสงบอารมณ์ลงบ้างนะ...ผมลูบหน้าอกเขาแบบพยายามจะกล่อม จนในที่สุด เสียงหายใจก็ค่อยๆแผ่วเบาและสม่ำเสมอยิ่งขึ้น ผมกุมมือ

เขาไว้ ลูบคางสวยของเขา ฮึ พ่อคนเก่งของผม กว่าจะหลับได้เล่นเอาเกือบตบะแตกไปหลายรอบแว้ว >///< นี่ถ้ายอมให้นอนกล่อมแค่นี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง
เฮ้อ~~~=_=” งืมๆ...   









ปล. ตอนนี้เรทRเน๊อะ แต่ผมว่าน่ารักดีออก ชอบตอนนี้ที่สุดเยยอ่า อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-06-2008 19:15:56
ปล. ตอนนี้เรทRเน๊อะ แต่ผมว่าน่ารักดีออก ชอบตอนนี้ที่สุดเยยอ่า อิอิ

:m4: ผมก็ชอบบบบบบบ+++ เรทR แบบนี้ เหมียนกัลล์  :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 22-06-2008 19:35:39
ถ้าชอบแบบนี้ก็เขียนให้มันน่ารักแบบนี้ตลอดละกันน๊า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-06-2008 19:39:01
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

พี่แดนครับสงสารชิพอะครับ

ทำกันได้ปล่อยให้อารมณ์ค้างนะเนี้ย

รักพี่แดนพี่ชิพครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 22-06-2008 22:09:54
เรทนี้ก็ได้อยู่  :m25:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 23-06-2008 00:31:47
น่ารักจัง  :m1: แต่แอบสงสารชิพจริง ๆ นั่นล่ะ โถ ตั้งสองอาทิตย์เชียวเรอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 23-06-2008 01:05:03
กล่อมนอนน่ารักจังเลย ว่าแต่สงสารชิพนะเนี่ย  :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 23-06-2008 06:58:22
^^

^^

ได้จิ้มอุ๋มอีกละ อิอิ

:laugh: :laugh: :laugh:

อ่านรวดเดียว 2 ตอน o2 o2

สรุป น่าสงสารชิพนะเนี่ย โดนกล่อมนอนแบบนี้

ต่อไปน่าจะโดนดอกเบี้ยทบต้นแนๆ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-06-2008 09:20:49
แหมเขียนได้น่ารักน่าหยิกจิงๆเลยเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 23-06-2008 09:21:09
 :m1: :m1:
น่าร้ากกกคร้าฟ..อิ.อิ. o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 23-06-2008 18:03:13
หวานละมุนละไมกำลังดีเลยครับ ผมชอบนะ :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 23-06-2008 18:59:31
ตอนนี้น่ารักได้ใจสุดๆ ไปเลยครับ  :o8:

หวังว่าจะมีฉากสวีทกันอย่างนี้เยอะๆ อีกน้าาา
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-06-2008 22:14:30
 :m4: :m4: :m4: :m4:

ชอบตอนนี้

 :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 23-06-2008 23:19:18
 :m1: หวานๆ ชอบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 23-06-2008 23:24:17
น่าร๊ากกกนะแต่สงสารชิปจัง คิคิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: bbme ที่ 24-06-2008 14:39:59
ใช้เวลาในการอ่าน 2 วัน.. ในที่สุดก้อ..ทัน..:a2:
สนุกมากค่ะ...เห็นพัฒนาการของตัวละคร..
แม้บางทีจะดูเกินจริงไปบ้าง
แต่บางครั้งชีวิตจริงของคนเรา ก้อยิ่งกว่านิยายซะอีก...

ชื่นชมในการใช้ภาษาไทยมากค่ะ...ชอบๆๆๆ
แม้บางครั้งสำนวนการเขียนจะมีกลิ่นอายของนิยายต่างประเทศก้อตาม

เอาไป +2 นะคะ..สำหรับ ภาค 1 และ 2

เป็นกำลังใจให้ค่ะ..สู้ๆๆ



ปล. ติดค้างไว้ 1 นะคะ...

ปล. (อีกครั้ง) จิ้มที่ค้างไว้ให้แล้วนะคะ..  :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: uuro ที่ 24-06-2008 20:53:23
สารภาพ ว่าเป็นโรคกลัวความเศร้า แล้วก็ไม่อยากให้แดนไปมีอะไรกะคนอื่น ก็เลยไม่อ่านภาค 2 อ่านหนึ่งแล้วก็ข้ามมา 3เลย ก็บอกได้ว่าหนุกมาก

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 25-06-2008 03:01:54
สารภาพ ว่าเป็นโรคกลัวความเศร้า แล้วก็ไม่อยากให้แดนไปมีอะไรกะคนอื่น ก็เลยไม่อ่านภาค 2 อ่านหนึ่งแล้วก็ข้ามมา 3เลย ก็บอกได้ว่าหนุกมาก

 :o12: เศร้าครับภาค 2  :sad2:  ทุกตัวละครทุกบทบาททุกตัวอักษรรวมแล้วเศร้า  o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 25-06-2008 17:02:51
 :m1: :m1:

แอบยิ้มเล้กน้อยเมื่อได้อ่านตอนนี้
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 25-06-2008 18:29:26
โห ผมทำให้คุณ uuro เศร้าขนาดนั้นเลยหรือครับ?  :m23:แฮะๆ ขอโต๊ดน๊า แต่ผมว่าภาคสองสนุกออกนะครับ ผมอ่ะชอบภาคสองมาก แต่งสนุกดี อิอิ อยากให้อ่านภาค2จังเลยครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 25-06-2008 18:32:28
^
^
^

แอบจิ้มคุณ alex



 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 26-06-2008 00:50:34
เข้ามารอจ้า
 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-06-2008 15:16:13
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ดันๆๆๆๆดันๆๆๆๆดันๆๆๆๆๆๆๆ :L1:

รออยู่นะครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 27-06-2008 20:20:12
เอิ้ววว ชอบตอนนี้

 :m4:

รอตอนต่อไปคร้าบผม
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: MayMaMee ที่ 28-06-2008 16:49:11
เค้าตามมาอ่านแล้ว มะได้อ่านมานานตั้งแต่ภาคสองจบลงไป

ภาคนี้เลี่ยนมากๆๆๆๆ 555
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 28-06-2008 20:39:05
มาต่อได้แล้วววววว

หวังว่าคงจบแบบแฮปปี้นะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 28-06-2008 21:42:27
 :o8: :o8:

หวานซะนะ  ชอบมากมาย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 29-06-2008 20:36:15
ตามมาทันละ

ใช้เวลา 4 - 5 วันจากภาคแรกเลยนะ หุหุ

เขียนนิยายได้เหมือนเรื่องจริงมากเลย

ALeX อายุยังน้อยด้วย ผมว่ายังพัฒนาได้อีกเยอะเลย

ขอบคุณที่มาแบ่งปันนะครับ

ขอกอดทีนุง

:กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 ระวังมีความสุขตาย อ๊าก~!!! มาอัพและจ้า ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: hima ที่ 29-06-2008 22:14:38
ดีครับ น้อง Alex และทุกๆท่าน

ก่อนอื่น ขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าเป็นการโพสต์ครั้งแรก หลังจากอ่านมานาน (หลายเดือน)

น้อง Alex ครับ อึ้ง ทึ่ง ใน ความสามารถของน้องอย่างมาก ที่สามารถแต่งเรื่องราว ได้ราวกับเป็นเรื่องของน้องเอง 5555 น้อง เก่งมากครับ ที่ทำให้พี่ตัดสินใจโพสต์ข้อความได้ (ปกติ ไม่นิยมเปิดเผยตัว) 555

ประทับใจครับ ประทับใจมากๆ กับเรื่องราวตั้งแต่ภาคแรก จนถึงปัจจุบัน พี่ไล่อ่านตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ จนถึงตอนนี้ ก็ ตี1 แล้ว (เวลาที่ออส) สุดยอดจริงๆครับน้อง :D

เป็นกำลังใจให้นะครับ

ปล ขอฝากตัวไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ :D
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-07-2008 00:47:37
ก่อนอื่นเลยขอรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว  :o12: คือผมเปิดๆดูตอนเก่าๆแล้วมันเจอ ประมานว่าวันนั้นตอนที่ลงคงกดเร็วไปหน่อย อีกหน้าหนึ่งที่ควรจาขึ้นเลยไม่ขึ้น เลยต้องรีบขุดเอามาลงให้อ่านกันแบบสมบรูณ์ ขอโทษจริงๆครับ ผมขอโทษมากๆๆๆๆๆ คือมันเบลอมาก นั่งโวยวายอยู่หน้าคอมคนเดียว Y-Y ยังไงก็...ขอโทษอีกครั้งนาครับ ผมเอาลิ้งค์มาลงแปะไว้ให้แล้ว จาได้ไม่ต้องย้อนไปหาอ่านเอง ลืมจริงๆ โห นี่ลืมเป็นสองสามเดือนเลยนะเนี้ย ขอโต๊ดจริงๆคร้าบบบบบบ


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=3223.msg178915#msg178915


ปล. หากมันมีตอนไหนเพี้ยนๆอีกช่วยบอกผมด้วยนะครับ ขอความช่วยเหลือหน่อยเหอะ...ตาลายมากแต่งเยอะเกิน ฮือๆๆๆ+ไม่เก่งคอมด้วย(<<<ใช่ข้ออ้างป่ะหว่า?...)
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 01-07-2008 00:51:41
^
^
^
^
^
^
^
....

.......โหนี่ไม่รู้ว่าจะเสียอารมณ์กันหรือเปล่านะ เพราะว่ามันเป็นตอนจบที่เปิดเผยทุกอย่าง เเล้วก็เศร้ามากๆด้วย ผมจะกรี๊ดกับความงี่เง่าของเองแล้วน๊า ก๊ากส์~~~~~~~~~~



......



อภัยให้ผมได้มั้ยครับ? ย้อนกลับไปอ่านน๊า อยากให้ได้อ่าน ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะน๊า....


ปล.เกลียดตัวเองจัง... :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 01-07-2008 01:01:48
เข้ามาบอกว่า ที่จบแบบเดิมก็เศร้าอยุ๋แล้ว

พอเอาอันใหม่เข้าไปเติม มันเศร้าก่าเดิมอีก.... :sad2:

ผิดกับอารมณ์ตอนนี้ยิ่งนัก 55+

ไม่ต้องคิดมากนะคับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 01-07-2008 01:04:37
โอ๋ๆ

มาลงซ่อมให้ก็น่ารักจะแย่ละ

ไม่ร้องนะเดี๋ยวไม่หล่อ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 01-07-2008 01:08:21
ถ้าเงียบๆ ไว้ก็ไม่มีใครรู้หรอกนะ

แต่ +1 แต้มกับความน่ารักที่ยอมรับเอง

 :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 01-07-2008 03:53:32
อ่านแล้วรันทดกว่าเดิมอีก  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

อารมณ์ขัดกับภาค 3  อย่างแรง  :m29: :m29:

ขอบใจที่เอามาลงใหม่ให้นะจ้ะ  :m13:

ว่าแต่........

ตอนที่ 19 ล่ะจ้ะ alex 

รออ่านอยู่นะ เอามาลงต่อเร็วเลย  o11 o11
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-07-2008 09:53:12
ไม่เป็นไรให้อภัยกันได้..........................แต่ ตอนล่าสุดละคับ หายไลยไม่น่าให้อภัยน่ะแบบนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 01-07-2008 12:46:16
ตามไปอ่านแล้ว มิน่าตอนนั้นรู้สึกห้วนๆ ตัดฉับๆพิกล ภาค 2 สมบูรณ์แล้วจริงๆ ขอภาค 3 อย่าเศร้ามากนะ สงสารแฟนๆบ้าง  o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 01-07-2008 14:38:43
จงมาๆๆๆ  :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 01-07-2008 21:54:16
ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งหลายเดือน

เปลี่ยนวื่อเรื่องออีก

กว่าจะรูแทบแย่

ภาค 2 จบแบบเศร้ามากๆๆ

ส่วนภาค 3 ก้อคงแฮปปี้เอนดิ้งนะครับ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 02-07-2008 17:47:02
แอบเศร้าอีกแระ

 :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 10-07-2008 21:32:35
ขอโทษทีที่ปล่อยไว้นานจนหนอนเกือบขึ้น แฮะๆ

ยุ่งมากครับ ทั้งการเรียน เรื่องหัวใจ(<<<อันนี้ล้อเล่น) แล้วก็การบ้านต่างๆ วันนี้แค่เข้ามาตรวจอักษร ถ้าผมเบลอตรวจตกหล่นตรงไหนขออภัยด้วยครับ o2

ปล. จาจบแล้วน๊า~~~เฮ้อ จาได้ขึ้นเรื่องใหม่สักที ไม่บอกว่าเป้นแนวไหน แต่คงอีกนานนนนนนนนนนนนนนนน :oni1: :laugh:


บทที่ 19



       ติ๊งน่อง!

      “คร้าบ~~~”

      ผมผละมือจากการพับและจัดเรียงเสื้อผ้าของชิพลงใส่กระเป๋าเดินทาง ส่วนกระเป๋าของผมนั้นจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว คือว่า วันพรุ่งนี้ชิพกับผมจะบิน
ลัดฟ้าสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัย ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ผมฝันอยากไปมานานมากแล้ว เพราะขนาดตอนเรียนภาษาญี่ปุ่น ผมก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบประเทศที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัย
และเต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียเลย

       ประตูเปิดออก ร่างสูงเบื้องหน้าเงยสายตาขึ้นสบกับผม วินาทีนั้นใจวูบไปอยู่ตาตุ่ม...

       เขามองเข้ามา สีหน้าเรียบเฉย...ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ มันมาได้ยังไงเนี้ย?

      “กอล์ฟ!...”

       “สวัสดีแดน...”

       ผมปิดประตู เพื่อจะได้ปลดกลอน แต่ไอ้กอล์ฟดันกระแทกประตูอย่างแรงจนโซ่ตึง ผมตกใจ...ใบหน้าของมันอยู่ใกล้ผมมาก ทว่าอยู่อักฝั่งหนึ่งของ
ประตู...ในนัยน์ตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆ

       “แดน กูขอคุยกับมึงหน่อยได้มั้ย?”

       ผมก้าวออกมา “นี่มันอะไรกันกอล์ฟ? มึงมีเรื่องอะไรเหรอ?”



      …เราสองคนเดินลงมายังสวนย่อมด้านหลังคอนโด นั่งกันเงียบๆ...ไม่เข้าใจเหมือนกันกอล์ฟเป็นอะไรถึงได้รีบรุดมาหาผม ด้วยอาการเหมือนคน
ร้อนรนแบบนี้

       “กอล์ฟ...มึงเป็นอะไรไป มีอะไรไม่สบายใจที่...พอจะพูดกับกูมั้ย?”

      กอล์ฟก้มหน้า ตาแดงๆ...ผมตกใจ

      “ความจริงมันเป็นเรื่องระหว่างกู...กับมึง”

       …

       “…มึงอยู่กับเขา กลับมาคบกันอีกแล้วเหรอ?”

      “อะ...อืม ใช่”

      “กูดีใจด้วยนะ”

      อะไรของมันว่ะ? มันบ้าอ่ะเปล่า เดี๋ยวจะร้องไห้ เดี๋ยวก็ยิ้มแล้วหัวเราะ?

      “แดน...มึงจำคืนที่กูไปนอนบ้านมึงเมื่อสิบปีก่อนได้มั้ย?”

      เสียงมันเหมือนจะร้องไห้ ผมพยักหน้า

       “คืนนั้น...คืนที่กูโดนซ้อม แล้วมึงคอยดูแลกู...มึงรู้มั้ย กูมีเรื่องจะบอก”

      และแล้ว...ดวงตาของมันก็สบกับผม วินาทีนั้นผมรู้เลยทันที...ว่ามันรีบร้อนมาหาผมเพื่ออะไร

       ความกลัว...ความกลัวหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของผมมากมาย

       “...แดน กูรักมึง กูรักมึงมาตลอดเลย...”

      ผมนั่งอึ้ง เงียบ...ค่อยๆถอยตัวออกมาห่างจากมัน

       กอล์ฟคว้ามือผมไว้ แต่ผมรีบชักออก สีหน้ามันตอนนั้นช้ำ...ช้ำจริงๆ

       “กู...กูขอโทษ กูขอโทษที่มาบอกมึงเอาตอนนี้ แต่กูเพิ่งรู้เมื่อสองสามวันนี้ว่ามึงกลับมาคบกับแฟนคนเดิมของมึง...แต่กูอยากบอกมึงก่อนที่กูจะตัดใจ
กูสัญญา กูรู้ดีว่ากูกับมึง...ระหว่างเราไม่มีวันเป็นไปได้”

      น้ำตาของมันไหลหยดลงมา...พูดวนไปวนมา เหมือนไม่ใช่คนเก่า กอล์ฟพยายามข่มตาและกลั้นลมหายใจปนเฮือกสะอื้นเอาไว้ ภาพของมันเจ็บปวด
เกือบทำให้ผมเสียน้ำตาตามไปด้วย

       “กูเป็นคนขาดความอบอุ่น ไม่เคยมีใครรักกู ดูแลกู...ยกเว้นมึงที่ห่วงใยเอาใจใส่กูเหมือนตอนนั้น...กูพยายามแล้ว กูพยายามลืมมึง พยายามคบกับ
ใครหลายๆคน...แต่แปลกที่กูกลับนึกถึงมึง อยากมีความสุขร่วมกับมึงมากกว่าใครทั้งหมด...”

       ปล่อยให้มันระบายออกมา ในขณะที่สมองผมเองก็ว่างเปล่าเป็นสีขาวโพลนเช่นกัน

       “วันก่อนที่กูไปหาคุณมาร์ค เพื่อจะติดต่อกับมึง...กูถึงได้รู้ว่าตอนนี้มึงอยู่กับเขา แต่กูอยากบอกว่าตลอดเวลา...ไม่เคยมีวันไหนเลยที่กูไม่อยากให้
มึงกับกู...ได้รักกัน ใช่ กูอิจฉาเขา อิจฉามาก...มึงเป็นคนดีนะแดน อ่อนโยน มีแต่ให้...แค่ได้รู้จักมึง กูก็ดีใจแล้ว”

      “กูไม่ได้หวังให้มึงเลิกกับเขาแล้วมาคบกับกู ไม่ใช่เลย...กูแค่อยากบอกมึงก่อนที่กูจะตัดใจ ก่อนที่กูจะไป”

      กอล์ฟก้มหน้าเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา

       “มึงจะไปไหน?” ผมถาม

       กอล์ฟพยายามฝืนหัวเราะ “…เผอิญทางบริษัทเขาขาดตำแหน่งผู้จัดการอยู่พอดี กูก็เลยสมัครไปดูงานที่ญี่ปุ่นสองปี”

       เราสองคนหมดเรื่องพูด นั่งเงียบ ไม่สบตากัน...บรรยากาศช่างอึดอัด เพราะผมก็ไม่นึกมาก่อนว่าวันนี้จะโดนสารภาพรักเอาจังๆหน้า จากเพื่อนเก่า
อย่างกอล์ฟ ซึ่งความจริงแล้วผมก็ไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไรนัก

       “เอ่อ...มึงรักกูเพราะอะไร?”

      กอล์ฟไม่ตอบ...

       “ไม่เป็นไร มึงไม่ตอบกูก็ได้”

      กอล์ฟส่งสายตาตัดพ้อแปลกๆ มันก็รู้สึกระคายเคืองอยู่เหมือนกัน กับความรู้สึกในตอนนั้น =_=”...

       “กูรักมึง ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเหตุผล? เพียงแค่กูรู้สึกแบบนั้นมานาน นานจนมันกลั้นต่อไปไว้ไม่ไหว หัวใจมันยอบรับว่าใช่...กูก็อธิบายไม่ออก
เหมือนกัน มึงลองถามใจตัวเองซิว่ามึงรักเขาคนนั้นเพราะอะไร”

      ผมอึ้ง ถามใจตัวเอง...ผมรักชิพเพราะอะไร?

      คำตอบมีล้านแปด แต่หนึ่งเดียวที่มั่นใจ นั่นคือหัวใจ...ที่ไม่มีที่ว่างเว้นไว้นอกจากเขาคนเดียว

       ไม่รู้หรอก ผมรักเขาเพราะอะไร ไม่มีวันรู้...แต่ผมรักทุกอย่างที่เป็นตัวเขา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความทรงจำ ช่วงเวลาที่เราเคยมีให้กัน มันคือ
ความฝัน...ความฝันที่แสนหอมหวาน

       แล้วถ้าสักวันหนึ่ง ผม ‘ต้อง’ ตื่นขึ้นมาจากฝัน ทุกอย่างต้องหายไปหมดล่ะ?

       “แดน...วันนี้กูมาลา พรุ่งนี้กูจะกลับต่างจังหวัดไปหาป๊าก่อนจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้าแล้ว กูขอให้มึงโชคดีกับเขานะ”

      กอล์ฟทำท่าจะลุก ทว่าคราวนี้ผมกลับรั้งมันไว้

       “เดี๋ยว!”   

      กอล์ฟมองงงๆ...คงแปลกใจกับสีหน้าตอนนั้นของผม ไม่รู้เป็น’ไร ผมกลับกลัว...กลัวที่สุดที่จะยอมพูดเรื่องซึ่งคั่งข้างในใจนี้ไว้ออกมา เสียงของผม
สั่นพร่า

       “กอล์ฟ...มันอาจจะฟังดูงี่เง่า แต่กูขอถาม...ถ้าหากกูกับเขา...เราสองคนไม่ได้ลงเอยกัน?”

      กอล์ฟนั่งลงช้าๆ ขมวดคิ้ว

      “หมายความว่ายังไง?”

      “หมายถึง...ถ้าสักวันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก หมายถึง...หมายถึงว่าถ้าเขาต้องไป กูกลัวกอล์ฟ...กูกลัว กลัวว่าวันนั้นมาถึง กูจะไม่ได้เจอ
เขาอีก”

      ผมร้องไห้ออกมา อย่างไม่อายใคร...กอล์ฟไม่เข้ามาปลอบ เพียงแต่จับมือผมไว้แน่น น้ำเสียงของมันปลอบปะโลม แต่ยังไม่รู้สึกดีขึ้นอยู่ดี...

       “ทำไมมึงถึงพูดแบบนั้นล่ะ? เพราะอะไรมึงกับเขาถึงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้?”


      “ก็เพราะ...หลายอย่าง กูกลัวว่าชีวิตรักของเราจะทำลายอนาคตของเขา กูกลัวว่าสักวันเขาจะเบื่อกู กูกลัวว่าสักวันหนึ่ง...ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปโดยที่
กูไม่ได้ขาดหมาย...ความจริงแล้วกูรู้สึกแบบนี้ตลอด เหมือนกับ...กูกลัวว่าจะสูญเสียเขาไปมากๆจนมันคล้ายเป็นความจริง”

      กอล์ฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมได้แต่ก้มหน้าฟุบลง ในใจปวดอยู่ลึกๆ...ผมกลัวแบบนั้นจริงๆ

       “แดน ทำไมมึงถึงพูดแบบนั้นล่ะ? มึงน่ะเป็นโรคประสาท กลัวเรื่องบ้าบอ...และถ้าถึงมันเป็นแบบนั้น...กูก็คิดว่ามันคุ้มดีไม่ใช่เหรอ? ถ้ามึงได้ใช้
เวลาให้มีความสุขกับเขาเต็มที่แล้ว?”

       ผมสบตากอล์ฟ พยายามค้นหาความหมายในข้อความนั้น

       “หากมึงกับเขารักกันจริงๆ กูเชื่อว่าไม่ว่าจะเรื่องคอขาดบาดตายมากแค่ไหน จะเงื่อนไขใดๆก็ตาม อุปสรรค์ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป”

       กอล์ฟยิ้มกว้าง จริงใจ...”ไม่งั้นมึงกับเขาจะรอมาทำไมตั้งสิบปี”

       มันค่อยๆยิ้มให้ผม นั่นซินะ...ทำไมผมถึงกลัวอะไรเป็นเด็กไปได้...เรานี่คิดมากจริงๆเลย

       “ขอบคุณนะกอล์ฟ...”

      “กูก็ขอบคุณมึงเหมือนกัน...ที่ยอมรับฟังกู ไปล่ะ”

      ผมมองตามหลังร่างนั้นเดินลิ้วออกไป ท่ามกลางแสงแดดจ้า แล้วก็ลับสายตาไป...ผมนั่งอยู่ใต้ร่มไม้นั้น รู้สึกเหนื่อย สับสนไปหมด...แต่ถึงอย่างไร
ลึกๆข้างในผมก็ยังกลัวการเปลี่ยนแปลง ผมรู้ว่ามันไร้ประโยชน์และโง่เง่ามากแค่ไหนที่มัวแต่ฝังอยู่กับความคิดนั้น ทว่า...ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ แม้จะรู้ว่าชีวิตไม่มี
ความแน่นอน แต่ผมก็ไม่อยากให้ชิพต้องจากไปเหมือนคราวก่อนๆอีกเลย...



       หนึ่งทุ่มตรงเป๊ะ ชิพกลับเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า เขาชะโงกหน้าเข้ามาในห้องครัวพลางคลายเนคไทพร้อมๆกับกวาดตาหาของกิน

       “วันนี้มีอะไรกินบ้างเหรอแดน?”

      วันนี้มีของโปรดของเขา ผมบอกไปว่าเป็นคืนสปาเก็ตตี้ ชิพยิ้ม

       “แล้วคุณจัดกระเป๋าหรือยัง พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้านะ”

      “เรียบร้อยแล้วทั้งของคุณกับของผม”

      ชิพพยักหน้า เดินไปเปิดโทรทัศน์ดูช่องกีฬาจากเคเบิลตามปกติ ทว่า...

       “เดี๋ยวครับ”

      เดินไปหยุดหน้าร่างสูง ผมช่วยปลดกระดุมเสื้อให้เขา ค่อยๆถอดเนคไทออก ชิพมองด้วยสีหน้าแปลกใจ

       “คุณ...เอ่อ อยากอาบน้ำก่อนมั้ย? ผมเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว”

      น้ำเสียงของผมสั่นเครือ ไม่รู้เป็นอะไร...มือก็สั่น จนชิพต้องห้ามมือไว้

       ผมกอดตัวเขาไว้แน่น แทบจะทันทีที่เขาสัมผัสผม

       “ผม...ผมคิดแค่ว่าเห็นคุณเหนื่อยทุกวัน...ผมอยากให้คุณพักผ่อนบ้าง”

      ชิพค่อยๆกอดตอบ พลางหัวเราะเบาๆ เสียงของเขาฟังแลดูอบอุ่นเสมอ

       “คุณเป็นอะไรไปฮื้อ?...ไม่สบายใจอะไร มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

      ผมส่ายหน้างุด ชิพผละตัวออก

       “แน่ใจหรือ?...ถ้าคุณอยากบอกอะไรผม...ผมยินดีรับฟังเสมอ”

      มองเขาด้วยสายตาขอบคุณ เขาก็มองผมด้วยแววตาเดียวกัน หัวใจค่อยๆกลับมาทำงานตามปกติ...ชุ่มชื้น รู้สึกโล่งอีกหนึ่งเปลาะ

       “ครับ ไม่มีอะไรหรอก คุณไปอาบน้ำเถอะ จะได้รีบกินอาหาร”

      แต่ชิพรั้งตัวไว้

       “อาบก็ได้ครับ แต่คุณฟอกสบู่ให้ผมหน่อยได้มั้ย?”

      คนตัวใหญ่ยิ้มเพล้ ผมเลี่ยงเนียนๆ

       “ฮื้อ? พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้า ไม่เอาหรอกครับ…”

      “แต่ครั้งที่แล้วคุณก็เบี้ยวผมนะ?”

      ชิพคะยั้นคะยอ ผมไม่อยากใจอ่อน ท้ายสุดเราพบกันครึ่งทาง(<<<แบบไม่ค่อยเต็มใจ)

      “โอเคครับๆ...งั้นผมแค่อาบน้ำ สัญญานะว่าจะไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น?”

      ชิพเบ้หน้า “ขอนอนกอดด้วยหนึ่งคืน”

      ว๊า~~~หลงกลอีกจนได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆครับ ออกจะติ๊งต๊องด้วยซ้ำ เราแช่น้ำอุ่นพลางสาดน้ำใส่กันเหมือนเด็กๆ =_=”

       “ชิพ ปิดไฟเถอะ ผมง่วงแล้ว”

      สี่ทุ่มครึ่ง ชิพตรวจเอกสารเดินทางต่างๆอยู่ แสงไฟแยงเข้าตาผม สักพักชิพก็คลานขึ้นเตียงมานอนเบียดตัวซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับผม กำลังจะปิด
ไฟ

       “ฮื้อ?”

      “แดน...ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า คุณสามารถพูดกับผมได้ทุกเรื่อง...ผมจะรับฟังและคอยอยู่ข้างคุณเสมอ อย่าเก็บเรื่องคาใจไว้คนเดียว คุณเชื่อใจผม
ได้รู้มั้ยคนดี?”

      ชิพจ้องมองลงมาในดวงตา เขาเกลี่ยชายผมให้อย่างอ่อนโยน น้ำเสียงมั่นคงอบอุ่น...ผมเชื่อครับว่าเขาหมายความตามนั่นจริง และมันทำให้ผมมั่น
ใจขึ้นมาบ้างว่าความรักของเราในครั้งนี้จะไปรอด มันจะต้องไม่มีการสูญเสียอีกต่อไปแล้ว...

       ชิพจูบผมเบาๆที่หน้าผาก ก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดกันไว้...แต่ท่ามกลางความมืด ผมรู้ดีว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน พยายามทำใจพร้อม
รอรับเรื่องราวน่าเจ็บปวด...หากมันเกิดขึ้น...ผมคงจะเข้มแข็ง...แต่ไม่รู้ว่าหากต้องเสียใจ ผมจะทนได้มั้ย? ผม…จะสามารถรับมันไว้ไหวมั้ย?

      นั่น...คือสิ่งเดียวที่ผมไม่มีวันรู้

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 18 อ๊าก+++ผมลืมเอาตอนจบสมบูรณ์ภาคสองลงอ่าคับY-Y
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 10-07-2008 21:33:41

บทที่ 20

 

       สนามบินคันไซ จังหวัดโอซาก้า, ประเทศญี่ปุ่น

       อากาศภายนอกอาคารผู้โดยสารขาเข้าใหญ่โตหรูหราหนาวเย็น มีความชื้นที่สามารถสูดเข้าไปได้อย่างชื่นใจเต็มปอด กระจกใสมีฝ้าเกาะเต็มไปหมด
เนื่องด้วยความอุ่นจากฮีตเตอร์กับความหนาวเย็นภายนอก รถบัสเคลื่อนตัวเข้ามา กลิ่นไอเสียกระจายระเหยไปทั่ว...ผมยืนกอดอกหนาวอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสลัว ที่เริ่มโรย
ตัวปกคลุมด้วยความมืด...

       “อืม นี่ซิ โอซาก้า”

      ชิพพูดขณะกำลังยืนกอดอกอยู่ข้างๆผมเช่นกัน คนขับรถวัยกลางคนในชุดสีดำเสื้อนอกเรียบร้อยพร้อมหมวก รีบวิ่งลงมายืนเก็บตั๋วด้วยท่าทางการ
โค้งที่สุภาพสุดๆ ขึ้นไปนั่งสบายๆบนรถ ชิพกับผมเบียดตัวเพื่อให้หายหนาว สักพักรถก็เคลื่อนตัวมุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางเมืองโอซาก้า

       หลังจากนั่งเครื่องบินมาหกชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดผมก็ถึงประเทศญี่ปุ่นเสียที รู้สึกตื่นเต้นชะมัด ตอนแรกรถก็วิ่งไปตามถนนทางด่วนเรื่อยๆ(ทางด่วน
แอร์พอร์ต-โอซาก้าโดยเฉพาะ) ผ่านย่านอุตสาหกรรม ชุมชนขนาดเล็ก แล้วก็เริ่มเข้าสู่ชานเมือง

       ระหว่างที่อยู่บนรถ ผมถือโอกาสนั่งชมวิว และถึงแม้ญี่ปุ่นหน้าไหนก็มืดเร็วมากทั้งนั้น ทว่าก็ยังพอเห็นความเป็นอยู่ตามสภาพโดยรอบ ซึ่งสุดยอดจะ
เป็นระเบียบเรียบร้อยO_O* ทุกอย่างแลดูสะดวกสบายทว่าแฝงไปด้วยความละเอียดอ่อนผิดกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งเริ่มเป็นเขตตัวเมือง มี
แสงสว่าง สีสัน กลิ่นอายของเมืองใหญ่มากขึ้น ผมมองเพลินจนไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

       “เป็นไง คุณชอบมั้ย?”

      ชิพก็ชะโงกหน้ามาดูที่หน้าต่างรถบัสด้วยคน แหม...ชอบซิครับ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผมคงไม่ได้มาเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่นี่หรอก +_=”

       “เดี๋ยวจะถึงโรงแรมแล้วนะ แต่น่าเสียดายที่เมืองใหญ่แบบนี้หาที่พักใหญ่ๆลำบาก ไม่รู้คุณจะอึดอัดหรือเปล่า”

      เราเช็คอินเข้าที่พัก เด็กขนกระเป๋าหน้าตาเหมือนทัคกี้ สึบาซะเป็นคนนำกระเป๋าของเราขึ้นไป ผิดคาด...ห้องกว้างกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ก็โรงแรม
ขนาดห้าดาว ห้องสูท ติดรถไฟใต้ดินซะแบบนี้ ระดับอย่างชิพก็สมควรกับที่นี้แล้วแหละ

       คนญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องให้ทิป เขาจะถือว่าเป็นการเสียมารยาทหากรับไว้ พ่อหนุ่มทัคกี้จึงรีบขอตัวออกไป ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายในห้องเลยด้วยซ้ำ

       ชิพเสนอให้รีบอาบน้ำ แล้วออกไปหาอะไรกินกันก่อนเข้านอน เพราะนี่ก็พึ่งแค่หนึ่งทุ่มครึ่งเอง

       เราสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หายเหนียวตัว เป็นชุดลำลองมิดชิดสบายๆ มีผ้าพันคอให้ความอบอุ่น ผมรู้สึกมีความสุขจัง...ยิ่งมีร่างสูงคอยเดิน
โอบอยู่ข้างๆ มันก็ยิ่งอุ่น

       แต่พอเดินไปคนก็เริ่มมอง ผมรู้สึกแปลกๆ

       “ชิพ...เลิกกอดผมแบบนี้เถอะ”

      “ทำไมล่ะ?”

      “ก็คนเขามอง...”

      “ก็มองไปซิ ผมจะกอดแฟนตัวเองแล้วจะทำไม ยิ่งหนุ่มญี่ปุ่นหล่อๆแบบนี้เดี๋ยวมาแย่งคุณไปผมทำไงล่ะ?”

      ผมหัวเราะ

      “นี่คุณคิดว่า ‘หนุ่ม’ ญี่ปุ่นหล่องั้นเหรอ?”

      ชิพหัวเราะ หน้าแดงเรื่ออมชมพู

       “เปล่าหรอก...แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจในหน้าตาของตัวเองอยู่แล้ว คุณชอบหน้าตาแบบผม ไม่ใช่หนุ่มเจป๊อบอะไรเทือกนั่นหรอกน่า~~~”

       “ฮื้อ? ทำเป็นพูดดีแบบนี้เคยมีประสบการณ์กับใครที่นี้หรือเปล่า?”

       คราวนี้ชิพเริ่มหน้าแดงจริงๆ ผมล่ะอึ้ง o_O*

       “เคยแค่คิด...จะให้มีใครอื่นได้ไงในเมื่อใจผมมีแต่คุณ ฮั่นแน่” แหม พ่อคนปากหวาน รีบทำท่าชี้หน้ากลบเกลื่อนผม “พูดงี้หึงใช่มั้ยล่ะ?”

      “เปล่าหรอก แค่ถามเล่นๆ แต่อย่าให้รู้แล้วกัน”

      ผมหยิกจมูกเขา เราเดินผ่านเข้าไปยังฝูงชน ท่ามกลางมนุษย์เงินเดือนในชุดทำงาน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายรีบเร่งเดินออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งลึก
หลายชั้นและเรียงรายไปด้วยร้านค้ามากมาย

       “ผมทั้งหึงทั้งหวงคุณแบบนี้ จะไม่ยอมให้ผมกอดคุณหน่อยเหรอครับแดน~~”

      ยังไม่ดึกมาก คนในร้านอาหารคราคร่ำ ยิ่งเวลาแบบนี้ส่วนใหญ่จะมีคนมานั่งพักผ่อนกันสบายๆเสียมากกว่า แทบจะทุกโต๊ะสั่งเบียรแก้วใหญ่สี
เหลืองอร่าม สูบบุหรี่กันบางโต๊ะ ผู้หญิงบางคนก็สูบ ทว่าดูเป็นเรื่องธรรมดามากๆ

       เราไม่ได้สั่งเครื่องดื่ม ผมกับชิพสั่งแค่ราเม็งชามใหญ่ที่เดียว แล้วแบ่งกันกิน ซดน้ำแกงอุ่นๆแสนอร่อย อ๊า~~~ตามด้วยน้ำชากลั่วคอ โหย อย่าให้เซ๊ด
>.< 

       อิ่มท้องแล้ว ออกจากร้าน เชื่อมั้ยว่าสามทุ่มคนในสถานียังพลุกพล่านเช่นเดิม เราผ่านร้านขนมเค้ก ผมซื้อขนมเค้กให้เขา ข้างกันเป็นร้านขายผลไม้
เขาซื้อสตอเบอรี่สดๆหวานฉ่ำให้ผมเป็นการแลกเปลี่ยนกัน จากนั้นเราก็เดินเข้าไปยังศูนย์การค้าที่ใกล้ที่สุด แต่มันกำลังจะปิดแล้ว ชิพเขาชอบดูพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมก็
ออกความคิดเห็นเวลาเขาถามนู่นถามนี่

       เพราะยังไม่ค่อยง่วง บวกกับอยากเดินเที่ยวดูอะไร ผมเลยหาเรื่องจะลากจูงเจ้านายตัวโตไปเดินเที่ยวต่อ ทว่าขานั่นทำหน้าเหนื่อย ตัวรุมๆ มีแววว่า
จะไม่สบายเอา สงสัยคงเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและความอ่อนล้าจากการเดินทาง

       “แดน ผมง่วงแล้ว เรากลับกันเถอะ”

      เห็นใจเจ้านายที่(กำลัง)จะไม่สบาย ท่าทางเพลียๆ เลยรีบเดินกลับโรงแรม เอาเถอะ จะเดินเที่ยวอีกวันไหนก็ได้ แต่ถ้าชิพไม่สบายไปก่อนล่ะก็ หมด
สนุกพอดี(แถมพรุ่งนี้ยังต้องพบหุ้นส่วนอีก O_O!!!)

       “โอเคครับโอเค เดี๋ยวคุณรีบทานยาแล้วเข้านอนเลยนะ”

      เตียงกว้าง...ใหญ่ มีหมอนนุ่ม เตียงก็นุ่ม...บรรยากาศสลัวๆให้ความรู้สึกหรูหรา ทว่าอบอุ่นดีมาก...ร่างสูงของชิพทอดตัวนอนยาว ผมถอดเสื้อคลุม
กับรองเท้าให้เขา แล้วเข้าไปล้างมือแปรงฟันเตรียมตัวเฝ้าดูอาการสักหน่อย เสียงทุ้มก็ดังอ้อนมา(อีกแล้ว)…

      “แดน ผมหนาว รีบมานอนเป็นเพื่อนผมหน่อยซิ”

      “...คร้าบ...”

      ผมตะโกนมาจากในห้องน้ำ ปิดไฟแล้วก็ค่อยๆคลานๆขึ้นเตียง อืม...ถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกเพลียเหมือนกันงิ =_=”

      เอามือเอื้อมไปแตะหน้าผากชิพ “คุณตัวรุ่มๆอยู่นะ กินยาที่ผมวางไว้ให้หรือ...เอ๊ะ!”

      จู่ๆผมก็ถูกจับข้อมือ แล้วร่างสูงก็พลิกตัวขึ้นคร่อมเหนือร่างผม เย้ย!!!o_O*!~~~นี่มันอะไรกันเนี้ย?

      “ชิพ...คุณตัวร้อนจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”

      ชิพหัวเราะฮึๆ ว่าแล้วไอ้แดน...มันเริ่มเอ๊ะใจตั้งแต่ยังไม่ถึงโรงแรมแล้ว

       คืนนี้ชิพจะเผด็จศึกผม(อีกแว้ว>///<)!!!

      “ผมแค่ตัวรุมๆครับ แต่ไม่ได้เพลียขนาดไม่มีแรง...ทวงสัญญาของผมคืน”

      สัญญา...สัญญาบ้าบออะไรนั่นน่ะเหรอ อ๊าก~~~!!!

      ผมส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง... ชิพยิ้มกริ่ม

       “แดนครับ...ดูบรรยากาศซิ เรามานอกสถานที่ทั้งที...ผมอุตส่าห์เลือกห้องแบบนี้ไว้ คุณไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอ?”

      ชิพกดท้องน้อยบดเบียดร่างกำยำลงมา...พร้อมกับความแข็งและอุ่นร้อน...จมูกโด่งไหลไปตามซอกคอของผม อ๊ากๆๆๆ ผมเกลียดเวลาชิพทำให้ผม
ต้องยอมแพ้แบบนี้

       มือของผมเริ่มโอบหลังเขา แน่นขึ้นเรื่อยๆ...แล้วพลักออกแผ่วเบา

       “อือ?...ไม่เอาน่าคนดี ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”

      ชิพทำเสียงประท้วงไม่ยอมกึ่งบังคับ เขางับเอาริมฝีปากล่างของผมไว้หยอกล้อเล่นในปากอุ่นร้อนของเขา อ๊า~~~ไม่ได้การแล้ว

       ถ้าผมเผลอนะ...

      “ชิพ...คุณหลอกผมนี่!”

      ผมรวบรวมพลังหลอดแดงเฮือกสุดท้าย...ต้านทานแรงเย้ายวนของเขา นี่ขนาดเรายังไม่ไปถึงไหนกัน แต่ผมก็แพ้เขาราบคาบแล้วงั้นเหรอ?
เหอะๆ...

      “หลอกคุณ?”

      “ก็...คุณหลอกว่าไม่ค่อยสบาย อยากพักไง...”

      ผมพยายามขยับตัว...แต่คราวนี้ชิพล็อคแขนผมไว้

       “ชิพ?...”


      “แดน? คุณเป็นอะไร ทำไมหมู่นี้คุณถึงทำตัวบ่ายเบี่ยงผมแบบนี้? ผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า...หรือว่าคุณมีอะไรอยากจะบอกผม คุณถึงได้เลี่ยง
ผมมาตลอดแบบนี้ ตั้งแต่คืนนั้นแล้ว...”

      นิ้วเรียวพยายามเลิกชายเสื้อของผมขึ้น ห้ามไว้ไม่อยู่...ปากของเขาครอบครองยอดอกของผมอย่างรัญจวนใจ...อ่ะ...อ๊า~~~ คิดอะไรไม่ออก
>0<”

       “ชิพ...ขอร้องล่ะ”

       “แต่ผมอยากรู้ คุณต้องบอกผมมาเดี๋ยวนี้นะ”

      เขาจ้องหน้าซีเรียส…เอ่อ...ตายล่ะหว่า ผมจะเลี่ยงเขายังไงอีกดี คราวนี้หาเรื่องมาตอบเขาไม่ได้แล้ว...

       แถมยังอยู่ในสภาพแพ้ราบคาบแบบนี้อีกด้วย เหอะๆ


      “คุณต้องคุยกับผม ถ้าคืนนี้เราไม่รู้เรื่องกัน...ผมจะ...ผมจะ”

      “จะทำไม?”

      “ไม่รู้ล่ะ...ผมจะขืนใจคุณมั้ง”

      ผมหัวเราะคิก แต่แววตาของชิพไม่ใช่...เลยสลดลง หว่า~~~ทำไงดีๆ

       เอาเป็นว่า บอกความจริงเขาไปเลยก็แล้วกันว่ะ

       “ตกลง ว่าไง?”

      ชิพมองอยู่ น้ำเสียงและดวงตาคาดคั้นหนักข้อขึ้น

       “เอ่อ...เรื่องของเรื่องก็คือ...ผมยังอยากคิดทบทวนบางอย่าง...เรื่องที่ผมขอตัดสินใจ”

      สีหน้าของชิพมีแววเจ็บปวด เหมือนว่าผมไม่ไว้ใจเขา ผมรีบดึงเขาเข้ามากอด


       “อย่าเข้าใจผิดนะครับชิพ...ผมแค่ต้องการเวลา ผมรู้ว่าคุณมีความรู้สึก ผมก็เหมือนกัน...แต่ถ้าผมยังว้าวุ่นใจอยู่ ผมทำไม่ได้...ผมอยากรักคุณให้
นานๆ...ผมแค่อยากให้คุณเข้าใจ”

       ชิพถอนหายใจ

       “เป็นเพราะผม...เพราะเรื่องคุณย่าเมื่อสิบปีก่อนเหรอ?”

      “เปล่า ไม่ใช่นะ!...ไม่ใช่เรื่องนั้น...” ทำไมชิพยังฝังใจว่าผมกังวลเรื่องคุณย่า?...”มันก็แค่เรื่องกวนใจ ที่ผมพึ่งเจอมา คุณไว้ใจผมได้มั้ย?...ผม
ขอใช้เวลาคิดทบทวน...แล้วผมจะบอกคุณเอง”

      เสียงชิพอู้อี้

       “คุณบอกให้เวลาๆ...แล้วเมื่อไรคุณจะบอกผม ทำไมคุณบอกผมไม่ได้ ผมเป็นแฟนคุณนะ”

      ออกอาการเอาแต่ใจเล็กน้อย...ก็เพราะถ้าผมบอกคุณไป คุณก็จะโมโห พาลโกรธเพื่อนผม...จะให้ผมบอกว่าไอ้หมอนั่นที่คุณเคยเกลียดขี้หน้ามา
สารภาพรักผมเมื่อสองวันก่อน แล้วทำให้ผมกลัวที่จะคบกับคุณต่อไป ถ้าให้บอกอย่างงี้งั้นเหรอ?...เฮอะ เขาคลั่งเอาผมตายแน่ o_O*

       เชื่อ ว่าความกลัวในใจมันจะหมดไปเอง...


       แค่เวลา...เรายังมีเวลาให้กันมีเยอะแยะมากมาย

       “โอเคครับ…”

      ชิพค่อยๆพลิกตัวลงกลับไปนอนอย่างว่าง่าย เขามองผมด้วยสายตาเหมือนเด็กห้าขวบ...น่าสงสาร ผมอยากทดแทนเขา แต่เพราะคิดว่ายังมีเวลา...

เขาไม่ได้จากผมไปไหน

       “นอนเถอะ เดี๋ยวคุณจะไม่สบายไปมากกว่านี้นะครับ”

      ชิพพยักหน้ายามผมลูบหัวเขา ห่มผ้า แล้วขยับเข้ามากอดเหมือนเด็กในอ้อมแขนของผม       “ผมน่าจะบังคับคุณซะ...ก็หมดเรื่อง”

      เย้ย!!!(ได้ยินแล้วแอบเสียวสันหลังวาบ)

      “จำไว้เลยนะ…”

      O[]O!!!

       เฮ้อ~~~ไม่รู้เขาจะเข้าใจได้นานสักแค่ไหน แต่ตราบใดที่เรายังรักและเข้าใจกัน ผมเชื่อว่าเขาจะต้องรอเหตุผลของผมได้แน่ๆ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน
ก็ตาม

       แต่ภาวนาว่า อย่าให้เขาเพิ่งน้อยใจงอนตุบป่องไปก่อนเลย สาธุ๊!!~~~…


      

      โปรดติดตามตอนต่อไป

  รักคนอ่านจ๊ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 10-07-2008 21:55:09
อ่านแล้ว อมยิ้มทั้งน้ำตาจริงๆ
อมยิ้มให้กับความเสมอต้นเสมอปลายของชิพ
น้ำตาให้กับความขี้กังวลของแดน


รอตอนต่อไปนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 10-07-2008 22:03:43
ตอนต่อไปอย่าดองนานนะ  :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 10-07-2008 22:36:27
 :เฮ้อ:  เหอะ ๆ  สรุปแล้วแดนรักชิพหรือเปล่าคะนี่  พอมีคนมาสารภาพรักแล้วก็เกิดอาการโลเลเลยเหรอ  เฮ้อ! สารสารชิพจังเลยเนาะ   ดู ดู๊ ดู  ดูเธอทำ  ทำไมถึงทำกับฉันได้    :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 10-07-2008 23:57:38
ประโยคนี้ "   ชิพค่อยๆพลิกตัวลงกลับไปนอนอย่างว่าง่าย เขามองผมด้วยสายตาเหมือนเด็กห้าขวบ...น่าสงสาร ผมอยากทดแทนเขา แต่เพราะคิดว่ายังมีเวลา...

เขาไม่ได้จากผมไปไหน"  หมะ หมะ หมายความว่า ..  :serius2:  ม่ายยยยย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 11-07-2008 00:38:59
คิคิ


อย่าตัดสินใจนานน้า สงสารพี่ชิพพอ้า


ร๊ากก คู่นี้จิงๆหวานชื่น :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 11-07-2008 01:07:40
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

เหตุผลของพี่แดนที่เลี่ยงไม่ยอมมีไรกับพี่ชิพ

ผมมองดูแล้วว่า เหตุผลนี้ไม่ผ่านครับ

ยังไงๆก็ยอมพี่ชิพได้แล้วนะครับ

ผมสงสารพี่ชิพอะครับ อิอ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: bbme ที่ 11-07-2008 10:24:41
ความกังวลใจของแดน
สร้างความเครียดให้คนอ่านนะเนี่ยะ... :sad2:

ทำไมถึงยังมีเรื่องต้องกังวลขนาดนี้ล่ะคะ
แถมปูความรู้สึกให้เสียวสันหลังวาบ ยังไงก้อไม่รู้
ขออย่าให้  :a5: เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 11-07-2008 11:20:23
มีเค้าลางร้ายอีกแล้วน่ะเนี๊ย o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 11-07-2008 14:12:12
มัวแต่รีรอนะนายแดน วันเวลาไม่แน่นอน อย่าวางใจว่าวันนี้เขายังไม่ไปไหน อนาคตไม่แน่นอน

มีแววจะเศร้านะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 11-07-2008 19:32:08


เฮ้อ จะเป็นยังไงต่อไปละที่นี้


 :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: hasuzz ที่ 12-07-2008 03:47:04
อ่านรวดเดียวจนทันแล้วค๊าฟฟฟ  o7

สองถาคแรกอ่านแล้้วปวดตับเลยทีเดียว - -

ส่วนภาคนี้ก็ดูหวานแหววกันดี (เหรอ ?)

ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านกันน๊า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: Doodleberry® ที่ 12-07-2008 17:06:15
ในที่สุดก็ตามทันแย้ววววววววววว  :laugh:

ภาคนี้ขอแบบ happy ending นะคะ

อิ อิ

แต่ทำไมเหมือนมีแววว่าจะเศร้าเลย หวังว่าคงไม่หักมุมนะคะ

สังหรณ์ใจตั้งแต่ชิพอ่านเซียมซีแย้วอ่า  :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 12-07-2008 17:24:30
 :a5:

อ่านแล้วจะร้องไห้

 :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 12-07-2008 19:04:39
กว่าจะรู้หัวใจตัวเอง มันจะสายไปรึเปล่านะครับ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาหัวใจของแดนก็รู้ดีอยู่แล้วว่าชิพคิดยังไง

เชื่อหัวใจตัวเองหน่อยนะครับ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 12-07-2008 21:44:01
นั่นจิ จบเศร้ามา 2 ภาคแล้ว ภาคสุดท้ายขอจบหวาน ๆ มั่งเหอะ จะเศร้าไปไหน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: Arbutis ที่ 15-07-2008 22:08:32
กลัวจาสายเกินแก้คับ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 18-07-2008 22:35:16
วันจันทร์ผมมีสอบด้วย ฮือๆ เอาเป็นว่าพร่งนี้มาต่อตอนต่อไปแล้วกัน อีกแค่5ตอนก็จบแล้วนะครับ :m1:

เรื่องต่อไป คงต้องขอเป็นปีหน้านู่นเลยนะครับ  :a11:

รักทุกคนมาก ขอบคุณอยู่เสมอ ขอบคุณครับ :pig4: :pig4: :pig4:

ปล. ยืนยันคำเดิม นิยายเรื่องนี้จบแบบ... :m13:


บทที่ 21



       วันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้หมดไปอีกหนึ่งวันแล้ว พร้อมๆกับวันเวลาในการอยู่ประเทศญี่ปุ่นของผมก็เหลือน้อยลงทุกที T-T

      เริ่มตั้งแต่เข้าพบลูกค้าตอนเช้า งานของผมไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ติดสอยห้อยตาม ดูการทำงาน แล้วก็คอยเป็นเลขาฯดูแลเอกสารกับช่วยเรื่องการสื่อสารอะไรเล็กน้อย มีคนไทยของบริษัทเราที่ประจำอยู่ประเทศญี่ปุ่นด้วยสองคน ซึ่งหนึ่งในนั่นเป็นคนจดชวเลขให้ชิพทั้งหมดเพราะผมจดไม่เป็น =_=”

       ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า...ว่าชิพดูเคร่งเครียดกับงาน พยายามเลี่ยงคำพูดกับผม จะเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่านะ?

      แต่ตอนเย็นที่เราไปดื่มเบียร์กับลูกค้าเขาก็ยังคงยิ้มหัวเราะ เพียงแต่ยังมีการมองงอนๆมาที่ผมบ้างเป็นบางครั้ง...ช่างเถอะ ผมก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว

       

       เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ ชิพเดินนำผมขึ้นมาถึงห้องสูทของเรา ร่างสูงเดินเร็วมากจนเกือบตามแทบไม่ทัน...เฮ้อ วิ่งตามออกกำลังกายอีกแล้ว

       เปิดประตูเข้ามา ยังไม่ทันสังเกตว่ากระเป๋าและข้าวของทุกอย่างได้ถูกเก็บลงใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ชิพเดินไปคว้ากระเป๋าของเค้า ผมงงๆ

       “นี่คุณจะไปไหน?”

      ร่างสูงในโอเวอร์โค้ตสีครีมหยุดกึก หันมามองพร้อมทั้งเอ่ยเรียบๆ

       “คืนนี้เราไม่ได้นอนที่โอซาก้า”

      วะ...ว่าไงนะ?

      โอ้ว ไม่นะ!!!!

       ผมกะชวนเขาไปเดินเที่ยว ขึ้นชิงช้าชมวิวแถวๆย่านอูเมดะสักกาหน่อย

       ม๊าย~~~

       “นี่คุณจะบอกผมว่าเราต้องกลับเมืองไทยกันคืนนี้น่ะเหรอ?”

      สีหน้าของผมคงเหว๋อมาก...ก็มันช็อคจริงๆนี่ อุตสาห์ได้มาญี่ปุ่นทั้งทีแบบนี้ ให้กลับง่ายๆได้ยังไงกัน ไม่ยอม ฮึ๊ย~!!

      ชิพเห็นสีหน้าของผมแล้วก็หัวเราะเบาๆ

       “ไม่ต้องทำหน้าผิดหวังขนาดนั้นก็ได้ ผมหมายถึง คืนนี้เราจะไปเกียวโตกัน ผมซื้อตั๋วรถไฟชินคันเซนไว้เรียบร้อยแล้ว”

      ได้ยินดังนั้น...ไอ้กิเลสที่จะได้เที่ยวต่อก็ทำเอาหูตาลายฟังไม่รู้เรื่องไปสามสิบวินาทีเต็ม นี่หมายความว่าผมจะได้เที่ยวต่อแล้วใช่มั้ย? เย้ ยิบปี้!!!~~~

      “แต่...ทำไมคุณไม่เห็นบอกผมเลย ว่าต้องไปเกียวโต”

      “ก็ ผมคิดว่ามันจะเซอร์ไพรส์คุณ”

      “แล้ว...เราต้องไปทำงานที่นั่นหรือ? ผมไม่ยักรู้ว่าคุณต้องไปพบลูกค้าที่เกียวโต”

      เราก้าวเข้ามาในลิฟต์ ชิพยื่นกุญแจห้องให้ผมเอาไปคืน

       “ว่าไง? คุณต้องไปพบลูกค้าอีกเหรอครับ?”

      “จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่คุณก็ถือซะว่าได้ไปท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาเป็นของแถมแล้วกัน ส่วนผมมีธุระที่ต้องทำนิดหน่อย”

      รถลิมูซีนจอดหึ่งๆรอเราอยู่ข้างนอก ผมรีบทำการเช็คเอ๊าท์แล้วตามไปหาชิพซึ่งนั่งรออยู่แล้ว รถเคลื่อนตัวสู่สถานีรถไฟทันที

       “ที่เกียวโต...มีบริษัทของลูกค้าด้วยเหรอ?”

      บรรยากาศเงียบๆทำให้อดถาม(ซอกแซก)ไม่ได้ ชิพที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างไม่หัน แต่ยังคงจ้องออกไปอย่างไร้จุดหมาย

       “เปล่าหรอก เผอิญผมมีเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันอยู่ที่นั่น อีกอย่างงานของเราที่โอซาก้านี่ก็เสร็จแล้ว เลยถือโอกาสให้คุณได้ไปเที่ยวเมืองเก่าๆอย่างเกียวโต-นาราไง ไม่ชอบเหรอ?”

      ไม่ชอบงั้นเหรอ? ฮะๆๆๆ รักเลยล่ะ >.< ได้เที่ยวต่ออีกตั้งหนึ่งวันแหนะ

       “แล้วคุณต้องการให้ผมไปเป็นเพื่อนมั้ย?”

       ชิพส่ายหน้า “ผมไปทำธุระแปบเดียว เดี๋ยวก็กลับ คุณเที่ยวให้สนุกเถอะ”

      ท้ายเสียงออกแนวประชดเล็กน้อย

       “ชิพ?...”

      ผมเอื้อมไปจับมือเขา โห ทำไมมันเย็นเชียบแบบนี้

       “ผมว่าดีซะอีก...คุณจะได้ไม่มีผมอยู่ใกล้ๆคอยกวนใจเวลาที่อยากอยู่คนเดียว เราสองคนจะได้ทำหน้าที่ให้จบๆก่อนกลับเมืองไทย”

      มันเป็นคำพูดของคนกำลังงอนชัดๆ ในที่สุดเจ้านายของผมก็เผยความรู้สึกออกมาแล้วว่าเขายังคงโกรธเรื่องระหว่างเราสองคนตั้งแต่เมื่อคืนอยู่(ฮือ...)

      ขึ้นรถไฟทันเวลาพอดี แน่นอน ต้องที่นั่งชั้นหนึ่งอยู่แล้ว กว่าจะถึงอีกทีคงเป็นประมาณสี่ทุ่มครึ่ง(มั้ง?) ชิพกำลังเก็บของเข้าที่อยู่เหนือศีรษะ ส่วนผมไม่พูดอะไร ยังคงนั่งนิ่งแบบไม่มีเรื่องพูด จนกระทั่งเขาทิ้งตัวลงข้างๆ

       “ชิพ...ผมรู้ว่าคุณยังโกรธผมอยู่นะ...”   

      ชิพถอนหายใจยาว พยายามกอดอกข่มตาหลับ ไม่ยอมหันมาพูดกับผม

       “ผมขอโทษ…”

      เสียงเครือๆทำให้ชิพหันมา “ช่างเถอะแดน ผมไม่ได้โกรธอะไร ผมเองก็เริ่มคิดว่าขอเวลาให้เราสองคนได้ห่างกันบ้าง...สักเล็กน้อย ผมจะได้ทบทวนสิ่งต่างๆอีกครั้งเหมือนกัน บางทีเราอาจจะต้องพักเรื่องราวต่างๆไว้สักพัก...คุณก็ต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

      แล้วเขาก็พลิกตัวหันหลังให้ หลับไป...ถ้าผมต้องการแบบนี้ แล้วทำไมมันถึงต้องเจ็บปวดทรมานแบบนี้ด้วยล่ะชิพ?...

       ผม...แค่ต้องการเวลา ไม่ใช่ระยะห่าง...

       ใช่ มันคือความผิดของผมเอง



       เสียงฝนพรำจอกแจกตกกระทบหลังคามุงแบบญี่ปุ่น ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาหนาหนักขึ้น รู้สึกง่วงอยากนอนต่อทว่าอากาศภายในห้องหนาวเหลือเกินจนต้องลุกไปหยิบเสื้อมาสวมทับอีกชั้น

       เช้าแล้ว...และตอนนี้ผมก็พักอยู่ ณ โรงแรมชั้นหนึ่งในจังหวัดเกียวโต คงเป็นฝนหลงฤดูที่กำลังตกปรอยปรายอยู่ข้างนอก ผมตัดสินใจนอนต่อเพื่อฟังเสียงฝนและตักตวงความอบอุ่นอยู่บนเตียงสักพัก

       เมื่อคืนที่รถไฟเทียบสถานีเกียวโตก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆตามคาดหมาย ทว่ากว่าจะเข้าที่พัก อาบน้ำก็เกือบเที่ยงคืน ทำให้ชิพและผมต่างเพลียนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้? ตื่นอีกทีก็เป็นเช้าที่หนาวเหน็บ แถมฝนยังตกอีกต่างหาก ว่าแต่...ชิพหายไปไหน?

      ที่หัวเตียงมีโน๊ตข้อความของชิพทิ้งไว้ว่า

       ‘ผมไปแล้ว คุณอยู่คนเดียวได้นะ? ผมจะรีบกลับ ที่โรงแรมมีบ่อน้ำร้อนอยู่คุณลองไปแช่ดูได้ อย่าลืมแช่เผื่อผมด้วย แล้วออกไปเดินเที่ยวได้ตามสบายเลยนะครับ ผมอาจจะต้องกลับค่ำหน่อย’

      ขมวดคิ้ว ชิพไปไหนของเขานะ? ถึงได้รีบออกไปแต่เช้า แถมยังไม่ยอมปลุกผม...เขาคงมีเหตุผล อีกอย่างผมไม่อยากถกเถียงกับเขาให้มากเรื่องในตอนนี้ เพราะรู้ๆอยู่ว่ากำลังไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร =_=”

      หาวฟอดใหญ่ เฮ้อ~~~ยังเช้ามากอยู่เลย ผมคว้าเอายูคาตะลายสวยจากทางโรงแรมมาสวมทับอีกชั้น เฝ้ามองหยาดฝน แสงแดดมัวสลัวที่พยายามจะสาดส่องลงมาท่ามกลางเมฆหมอกมืดครึ้ม

       จะว่าไป...พอไม่มีชิพอยู่ ผมก็ไม่รู้จะไปไหนกับใคร พูดกับใคร...ใครบอกว่าผมต้องการอยู่คนเดียว เขาพูดเองเออเองทั้งหมด แล้วไอ้ความรู้สึกโหวงเหวงบ้าๆนี่ก็ทำเอาใจผมสั่นไปหมด บ้าชะมัด

       ได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตัก กอดตัวเองไว้...อยากได้ไออุ่นของเขาและอยู่ในอ้อมกอดนั้นไว้ ผมต้องต้านทานความรู้สึกเหงาแปลกๆนี่อย่างบ้าคลั่ง ถ้าไม่รีบลุกออกไปทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซะก่อน

       ...โปรแกรมแรกเป็นของบ่อน้ำพุร้อนทางด้านหลังโรงแรมที่ชิพแนะนำ ไปแช่น้ำร้อนตอนเช้าๆนี่ให้หายปวดเมื้อยซะหน่อย เผื่อจะเรียกความสดชื่นคืนมาได้บ้าง

       จริงดั่งความคาดหมาย บ่อน้ำร้อนนี่เป็นสุดยอดแห่งความสุขเลยครับ(ถ้าไม่ติดตรงที่ต้องแก้ผ้าลงอาบนะ...แต่ไม่เป็นไร คนยังน้อย) ความร้อนระดับที่ผิวมีไอจางๆลอยขึ้น ผมลงไปแช่พลางนึกถึงข้อความของชิพ...ที่บอกว่าให้แช่เผื่อเขาด้วย

       นั่นซิ...ตอนนี้เขาจะอยู่ไหนนะ?

      ผมรีบเอาผ้าชุบน้ำโปะหน้าตัวเองเพื่อไล่ความคิดถึงเขาออกไปจากหัว ไม่อยากทำตัวอ่อนแอเสียน้ำตาโดยไม่ใช่เรื่องอีก...ว่าแล้วก็เสร็จจากการอาบน้ำร้อนที่สบายตัวจริงๆ(เขาห้ามแช่เกินสิบห้านาทีเองครับ =_=”)

       อาบน้ำบนห้องพักอีกรอบ แต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายหนาสุดๆ เปลี่ยนมาใส่รองเท้าเดินสบายๆ คว้ากระเป๋ากับกล้องดิจิตอล แล้วเตรียมตัวออกทัวร์เกียวโต-นาราแบบฟรีทามตามใจกระผม -_-

       ฝนหยุดตกพอดี แดดอุ่นๆเริ่มทอแสงจ้า เพียงแต่พื้นถนนยังคงมีย่อมน้ำเฉอะแฉะไปหมด ผมค่อยๆเดินทอดน่องตรงไปยังสถานีรถไฟ ซึ่งใหญ่โตมโหราฬมากขนาดที่หัวลำโพงบ้านเราเทียบไม่ติด(นี่แค่ภายในจังหวัดนะ) กางแผนที่มาดูแล้วควรมุ่งตรงไปยังวัดที่มีชื่อเสียงสักที่หนึ่งก่อน จากนั้นก็หาอะไรกินแถวนั้น แหม อะไรมันจะสุขขีปานนั้น

       แต่รู้มั้ย...ผมอยากให้เขาอยู่ข้างๆด้วยกันตอนนี้

       สถานที่แรกที่ไปก็คือวิหารเฮอัน แวบแรกที่เห็นก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดากับวัฒนธรรมอันแปลกใหม่ ผมยืนถ่ายรูปอยุ่ตรงนั้นนานสองนาน พลางรับแสงแดดอบอุ่นที่อาบไปทั่วสนามโล่ง มองดูผู้คนและนักท่องเที่ยวมากมายต่างพากันเดินทางมาเยี่ยมชม โอโห! ผมเห็นเด็กนักเรียนญี่ปุ่นมาทัศนศึกษาด้วย คงเป็นชั้นมัธยม แต่แปลกนะ พวกเด็กผู้ชายก็ยังไว้หัวเกรียนเหมือนบ้านเรา แต่น่ารักมากๆเลย >///<

       ว่าแล้วก็หิวข้าว ผมหากินอะไรง่ายๆตามแถวนั้น ได้ไปเจอร้านข้าวแกงกะหรี่หมูทอดที่อร่อยเหาะพอดิบพอดี จากนั้นก็เดินลัดมาตามคลองใหญ่เรื่อยๆ ช่วงนี้น้ำแห้งคอด ไม่เหมือนคลองประปาบ้านเราที่ล้นปรี่ตลอดปี(<<<เผื่อบางคนอยากรู้ง่ะ =_=”)

       เที่ยวชมนกชมไม้ ดูชีวิตผู้คนและชนบทไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอวัดซันจูซานเก็นโดะ(Sanjusangendo)เข้า ตอนแรกผมไม่นึกว่าจะมาเจอของดีซะแล้ว แต่อ่านะ...จะเล่าให้ฟังแล้วกัน

       ตัววัดกินเนื้อที่บริเวณไม่มาก แต่โฆษณาไว้ชัดเจนเลยว่าเปิดเป็นคล้ายๆพิพิธภัณฑ์ ค่าบัตรไม่แพงมากแต่ก็เสียดายตังค่าขนมอยู่เหมือนกัน T-T ตัววัดเป็นอาคารไม้สีน้ำตาลเข้มชั้นเดียว หลังยาวเฟื้อย คนต่อคิวกันตรงที่ถอดรองเท้าเยอะมาก แต่ผมลัดคิวพวกชาวจีนเขาอ่าคับ(เลวเนอะ) เข้าไปข้างในก็ค่อนข้างมืดและหนาวมาก เท้าที่ต้องสัมผัสกับพื้นไม้เย็นๆทำให้ผมหนาวไปหมดทั้งตัว คือมันหนาวไปถึงข้างในร่างกายจริงๆเลยอ่าครับ

       ทางเดินเป็นแถวตอนไป-กลับแคบๆรอบตัวอาคาร ตรงกลางมีรูปปั้นเทพเจ้าพันกรของชาวญี่ปุ่นนับร้อยๆองค์(ลืมไปแล้วว่าจำนวนเท่าไรกันแน่) แต่ผมคิดว่ามันงดงามมากเลยครับ เห็นแล้วน้ำตาจะไหลT-T แถมยังมีหมวกกับดาบซามูไรเก่าที่เก็บไว้ในตู้โชว์ พอเดินไปอีกด้านหนึ่ง ตรงกลางจะเป็นรูปปั้นเทพเจ้าขนาดใหญ่บนดอกบัว มีพันกร สง่างามท่ามกลางพุทธรูปองค์อื่นๆ ทุกองค์ล้วนสร้างมาจากไม้สนญี่ปุ่น และขนาดเท่าตัวคนจริงทั้งหมดเลยครับ(มิน่าล่ะมันถึงได้ชวนขนลุกตะหงิดๆ)

       ประวัติคราวๆก็คือวัดนี้เคยถูกไฟไหม้ และสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง เพื่อให้ทหารนักรบได้เข้ามาสักการะบูชา และยังมีความเชื่ออีกว่าเป็นที่รักษาโรคปวดหัวแก่ทหารอีกด้วย

       เผลอแปบเดียว ดูนาฬิกาอีกทีก็บ่ายโมงแล้ว สงสัยผมจะถ่ายรูปเพลินไปหน่อย เอาเป็นว่ารถบัสเที่ยวต่อไปคงจะจอดเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงเวลามากๆๆ o_O*(เฮ้อ~~~แล้วรถเมล์ไทย...) จากนั้นผมก็นั่งรถไปเรื่อยๆ พอใจตรงไหนก็หยุดลงแวะดูของต่างๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อหรอกครับ มัวแต่ชิมฟรีกับถ่ายรูปของเขามากกว่า แฮะๆ

       รถบัสจอดตรงทางขึ้นวัดคิโยมิซึส(Kiyomizu) ซึ่งก็เป็นการขึ้นเขาที่ยาวนานและเหนื่อยเอาการเลยทีเดียว ทว่าผมก็เก็บภาพมาได้เยอะ ยิ่งไปถึงตรงตัววัดบนภูเขา แล้วมองตามทางที่ทอดลงมาเห็นบ้านเมืองเกียวโตโบราณๆ เป็นภาพที่น่าประทับใจไม่น้อย ผมเลยถ่ายเก็บเอาไว้เยอะพอสมควร โดยหวังว่าหากคนขี้งอนที่งอนผมอยู่ได้ดูภาพเหล่านี้แล้ว...เขาคงจะคลายโกรธผมลงบ้าง

       เข้าไปไหว้ขอพรจากองค์พระประทาน งืมๆ คนเยอะดีแท้น้อ =_=’

       ยอมควักตักตั้งหลายพันเยนเพียงเพื่อแลกกับเครื่องราง ที่สลักชื่อของชิพไว้ เป็นเครื่องรางที่ปลุกเสกจากทางวัดโดยตรง และผมเห็นว่าควรเป็นของฝากชิ้นสำคัญสำหรับเขา นอกเหนือจาก...ขนมล้านแปดที่ผมหิ้วเต็มสองมือ จากร้านของฝากแอนด์ที่ระลึกรอบๆวัด แหม...ก็เวลาชิมไปกินไปผมก็นึกถึงชิพ นึกถึงคนนู่นคนนี้ ขากลับเลยลำบากหน่อย(ซะงั้น) เพราะต้องนั่งรถเมล์ออกมาขึ้นรถไฟกลับโรงแรม

       สงสัยคงเที่ยวเพลินมากไปหน่อย จนเย็นมาก พอกลับถึงโรงแรมเกือบหนึ่งทุ่มตรงพอดี และญี่ปุ่นก็มืดเร็วมากใช่ม่ะคับ? ผมก็กลัวมากว่าชิพที่อาจจะกลับก่อนเป็นห่วงเอา แล้วเดี๋ยวโดนดุอีก ขานี้ยิ่งชอบดุผมเสมอเวลากลับบ้านไม่ตรงเวลา บรือ...

       แต่พอเปิดประตู ห้องกลับเงียบและว่างเปล่า...ไร้ร่องรอยของชิพ

       ผมใจหายวูบเล็กน้อย นึกสะท้อนใจว่า เออน่ะ...ชิพคงกำลังทำธุระส่วนตัวของเขาอยู่ ไอ้ความรู้สึกเป็นห่วงเหล่านี้เขาก็คงเผชิญมาแล้วเวลาที่ผมไม่กลับบ้านตรงเวลา เป็นเหตุให้เขาต้องใช้อารมณ์กับผมทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้กัน

       ...ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกนั้นแล้ว ว่ามันทรมานแค่ไหนที่แต่ละวินาทีผ่านไป...แต่ไม่มีร่างของเขาปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูสักที

       โชคดีที่ผมซื้อสตอเบอร์รี่กับของกินสองสามอย่างเข้ามาด้วย ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินมาทั้งวัน ล้มตัวลงนอน...เปิดทีวีดูรายการจืดๆของจังหวัดชนบทอย่างเกียวโต ยังพอฟังออกก็ไม่ทำให้ผมฟุ้งซ่านมากเกินไปว่า...ตอนนี้ชิพอยู่ไหน? เขาอยู่กับใคร? ทำอะไรอยู่? จะเกิดอะไรขึ้นกับเขามั้ย?



       ...สัมผัสแผ่วเบาตรงแก้มทำให้ผมสะดุ้งตื่น มึดแล้ว...ไฟที่เปิดไว้ถูกปิดสนิท เหลือเพียงแสงสลัวจากโคมไฟตั้งโต๊ะเท่านั้น

       “ผมกลับมาแล้ว”

       ชิพ!

       ผมชันตัวขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ปรายตามองดูนาฬิกาแล้วต้องตกใจเพราะนี่มันห้าทุ่มกว่าแล้ว

       “นี่คุณเพิ่งกลับเหรอ?”

      ชิพพยักหน้า สีหน้าอิดโรยเหนื่อยล้า นี่เขาไปไหนมาทั้งวัน?

      “ผมมีขนมมาฝากคุณด้วยนะ แล้วก็มี...”

      “ทำไมคุณไปไหนมา ไม่บอกผมสักคำ! แล้วกลับมาตอนนี้ รู้มั้ยว่าใครจะเป็นห่วงมากแค่ไหน?”

      เสียงมันทั้งสั่นทั้งดัง โมโห...แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ด้วยเมื่อเขากลับมาแล้ว

       ชิพน้ำตาคลอ...ยิ้มแปลกๆ

       เขาเป็นอะไรของเขาเนี้ย?

      “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงผม”

      ผมจ้องหน้าเขา บ้าแล้วหากไม่เป็นห่วง...มันทั้งร้อนใจ กระวนกระวาย ผมนั่งรอเขาจนต้องเผลองีบหลับไปก่อน รู้ตัวอีกทีก็ห้าทุ่ม ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเขาหายตัวไปไหนทั้งวัน แถมยังไม่บอกผม ปล่อยให้ผมต้องออกไปเดินเล่นคนเดียวทั้งวันโดยที่คิดถึงเขาตลอดเวลา...นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?

      “แล้วนี่คุณหายไปไหนทั้งวัน...ผมเป็นห่วงมากรู้มั้ย?”

      ชิพถอนหายใจ ส่ายหน้า

      “ที่ผมกลับช้าเนี่ย...ก็เพราะคนที่โอซาก้าติดต่อมาว่าเจ้าของโรงงานลูกค้าของเราเขายังไม่ยอมเซ็นสัญญาที่ตกลงกันเมื่อวาน ผมเลยต้องนั่งรถไฟกลับไปที่โอซาก้าตั้งแต่ตอนเที่ยง...สรุปแล้วผมต้องไปตกลงกับเขาที่นิวยอร์ก”

      ได้แต่อึ้ง...นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น

       “แต่...แต่เมื่อวานเราก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว?”

      “ใช่ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น...แต่เป็นเพราะเรื่องภายในของเขาเอง เลยทำให้ต้องเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไป ผมก็แค่ต้องการให้มันแน่นอนเลยต้องไปคุยกันแบบตัวต่อตัวที่สำนักงานใหญ่”

      อะไรกัน...สรุปว่าทั้งวันนี้ชิพวิ่งวุ่นเพราะเรื่องงานอย่างนั้นเหรอ?

      มิน่าล่ะ...เขาถึงได้ดูโทรมแบบนี้ คงเหนื่อยมากแน่ ผม...ไม่น่าไปพูดขึ้นเสียงระเบิดอารมณ์กับเขาเลย…

       “ผมคงต้องไปนิวยอร์กภายในสองวันนี้...คุณไปกับผมได้มั้ย?”

      มันเร็ว กระทันหัน จนพูดอะไรไม่ถูกนอกจากยอมตกลง...ผมจะให้เขาไปคนเดียวได้ยังไง

       “ครับ แต่เรื่องเสื้อผ้า…”

      “ไม่ต้องห่วงหรอก ที่อพาร์ทเม้นท์ของผมยังพอมีเสื้อผ้าอยู่ ผมบินไปบ่อย ถ้าคุณจะซักก็ซักได้เพราะมีเครื่องซักผ้าเรียบร้อย”

      ชิพทรุดตัวลงนั่งกับพื้น หลับตา ถอนหายใจอย่างอ่อนล้า...ภาพตอนนั้นทำให้ผมพลอยหนักใจร่วมไปกับเขาด้วย

       “ชิพ...”

      อยากกอดเขา เพื่อคลายความทุกข์เหล่านั้นไป...

       “คุณเข้านอนเถอะ ผมก็จะนอนเหมือนกัน เพลียๆยังไงไม่รู้”

       จู่ๆเขาก็ลุกขึ้น ช้อนตัวผมเข้าอ้อมแขนแล้วอุ้มไปไว้บนเตียง ด้วยความเหว๋อเลยไม่ทันได้โวยวาย =_=” ชั่วอึดใจเขาก็ค่อยๆวางตัวผมลง หลังสัมผัสเตียงที่ตึงเรียบ...เรามองหน้ากัน วินาทีนั้นที่เขาโน้มตัวลงมา ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แสงไฟจากนอกห้องส่องให้เห็นเพียงเสี้ยวแห่งแววตาที่เปี่ยมความหมาย...

       เขาก้มลงมา ผมหลับตา...แต่แล้วเขาก็แค่ค่อยๆวางผมลง แล้วปล่อยให้ผมนอนลงไปทั้งอย่างนั้น

       ง่ะ? =_=”

      ชิพเข้าไปอาบน้ำ...ผมแกล้งทำเป็นนอนหลับไปแล้ว แต่แอบมองร่างสูงที่เดินเข้ามาที่เตียงโดยไม่...แม้แต่จะมองผมเลย ดูเขาเหนื่อยๆ...หรือว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

       ล้มตัวลงนอนตะแคงข้างให้ผม สักพักผมก็ได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจเบาบาง...ทำไมเราถึงต้องทำตัวเหินห่างเย็นชากันแบบนี้ด้วย? ทำไม...

       ได้แต่มองแผ่นหลังกว้าง กับสติข่มใจอยากเข้าไปกอด...

       ค่อยๆขยับตัวเข้าไปหา ผมได้แต่จ้องแผ่นหลังนั้น เขาจะว่าหรือเปล่านะถ้าผมจะ...

       “พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า เครื่องออกสิบโมงตรง...ผมขอโทษด้วยที่ต้องให้คุณลำบาก แต่เราจำเป็นต้องไปจริงๆ...”

      มือของผมชะงักค้างอยู่เช่นนั้น แล้วค่อยๆลดลง...ความเงียบคืบคลานเข้าปกคลุมแทนเสียงของชิพ...จริงซินะ เขาต้องทำงาน ผมไม่น่ากวนใจเขาอีก...แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงอยากถูกเขากอดนัก อยากถูกเขารัก...อ๋อ มันเจ็บปวดทรมานแบบนี้นี่เอง กับการที่เราต้องหักห้ามใจ ไม่ให้เผลอใจไปกับความต้องการของตัวเอง...เข้าใจแล้วล่ะ




       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 18-07-2008 23:00:48
ค้างอ่ะ  :serius2: พรุ่งนี้ ลง 2 ตอนนะ  :m13:

ไม่งั้น ไม่งั้น จะ จะ   :m16:








 :จุ๊บๆ:

น้อง ALEX     :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 18-07-2008 23:03:44
5555+

^
^
^
^
^

ไม่ได้หรอกครับพี่ เพราะตอนที่23 มาน...

วันอาทิตย์แล้วกันครับ :oni1:

ผมก็อยาก :จุ๊บๆ: พี่เหมียนกาล อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 18-07-2008 23:25:25
โหย มันจี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ในใจ  o7 o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 18-07-2008 23:36:25
 :o ใกล้จบแล้ว

สอบพยายามเข้าน่ะครับ สู้ๆๆ  :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 19-07-2008 00:24:16
ตอนที่ 23 มาน  มาน.. ทำไมอ่ะ  o12
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-07-2008 03:13:37
หรือว่าตอน 23 จะ.............................................................. :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-07-2008 06:24:31
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 19+20 เอามาแถมให้จ้า(คิดถึงมั้ยครับ?^-^)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 19-07-2008 09:53:23
อ่านแล้วเริ่ม ทรมาน  :sad2:

แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o12:

จบแบบเศร้ามา 2 ภาค แล้ว   :serius2:

แล้ว ภาคนี้อะ

ขอจบแบบ หวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :m13:

ด้ายมะ  + กราบ งาม ๆๆ ให้ หลายทีเรย

ตอนที่  23  มาน ทาม  มายอ่า 

อย่า บอกนะว่า  จาเศร้า กว่าตอนนี้   :เฮ้อ:

อยากอ่านแบบหวานๆๆ    :m13:  :m13:  :m13:

ตอนนี้ คนแต่ง เรื่อง ในเล้า เปง ไร กันไปหมด  :a5:

เศร้า มาน ทุกเรื่อง  อ่านเรื่องไหก็เศร้า  จรา บร้าตาย    :a6:

 :เตะ1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 19-07-2008 10:42:16
คิ ๆ อดเลย อุส่าห์หวังอ่ะดิ :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 19-07-2008 19:36:32
ไหนบอกว่าจะมาลงตอนใหม่วันนี้ไง  :angry2:

เห็นนะว่าแอบอ่านนิยายอยู่  o12

มาลงเลยๆ   o9
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 21 พรุ่งนี้จามาต่อนะครับ ฮุๆ ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 19-07-2008 19:42:02
คร้าบๆ มาแล้วคร้าบ แฮะๆ อ่านนิยายของท่านอื่นๆเพลินไปหน่อยงิ

ตอนที่23ผมอาจจะเอามาลงให้ก่อนเที่ยงคืนแล้วกันนะครับ แล้วก็คงเป็นอาทิตย์หน้าเลย คงจบปลายๆเดือนนี้ล่ะครับ

ปล.หรือไม่ตอนที่23พร่งนี้เช้าเด้อครับ =_="



บทที่ 22



       นิวยอร์ก...เมืองที่โลกทั้งใบหมุนรอบตลอดเวลา

       ผมมองออกไปยังท้องฟ้าสีดำครึ้มด้านนอก นานเท่าไรแล้วนะ ที่ครั้งสุดท้ายผมได้มองเห็นท้องฟ้าซึ่งมีสีสวยแต่แสนเศร้ามากที่สุดเท่าที่เคยเห็นเยี่ยงนี้...

       ความจริงแล้วผมเกิดที่เมืองนี้ล่ะ พ่อของผมเป็นชาวนิวยอร์กแต่กำเนิด แต่พอผมเกิดก็ย้ายไปอยู่รัฐทางตอนกลางแห่งหนึ่ง ทว่าหลังจากนั้นผมก็มีโอกาสได้มาเดินเที่ยวเล่นที่นี่บ้าง ตอนที่เรียนปริญญาโทก็เคยขับรถมากับเพื่อนๆ เตร่ไปตามถนนตอนกลางคืน มีแต่เรื่องสนุกๆที่คิดถึง

       จริงซิ ผมคงต้องโทรฯบอกแม่ ว่าตอนนี้มาทำงานที่นี่ ไม่รู้ท่านจะร้องให้ผมข้ามฝั่งไปหาหรือเปล่า +-+”

       แต่ถ้าพูดถึงย่านใจกลางเมือง คงต้องให้ชิพเป็นคนแนะนำมากกว่า เพราะเขาเคยมาเรียนและเติบโต คงรู้แหล่งเที่ยวมากกว่าผมเยอะ

       เฮ้อ...หลังจากนั่งเครื่องบินต่อมาอีกหลายชั่วโมง ผมรู้สึกเหนื่อยสุดๆ ไม่ว่าจะเรื่องอากาศที่หนาวกว่าญี่ปุ่นมากกก(จริงนะ o_O”) ไหนจะเรื่องโซนเวลาที่ต้องค่อยๆปรับ ผมจึงรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชิพ...ขานั้นทั้งเหนื่อยจากการเดินทางและปัญญาเรื่องสัญญาที่วุ่นวายอยู่ ผมเลยให้เขานอนพักก่อนหนึ่งวัน ตอนนี้ได้แต่กรนครอกๆอยู่บนเตียง ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ =_=

       ความมืดเริ่มโรยตัว ตามถนนมีแสงไฟเปิดขึ้นทอดตัวยาวไปเรื่อยๆ ผมนั่งอยู่ริมขอบหน้าต่างแล้วเฝ้ามองดูผู้คนเดินไปมาบนถนน ตึกสูงรอบข้างช่างให้บรรยากาศของเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก...ถนนที่ยาวไกลสุดตา รถแท็กซี่คันใหญ่สีเหลืองวิ่งพล่าน ชาวเมืองที่รีบร้อนเดินกันอย่างกับหนีภัยพิบัติ มันช่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความวุ่นวาย และมีชีวิตชีวาเสียจริงๆ

       อพาร์ทเม้นท์ของชิพใหญ่โต ก็แน่นอนอยู่แล้ว...ด้วยฐานะทางการเงินของครอบครัวชิพ ซึ่งสามารถซื้อห้องใหญ่และอยู่ในใจกลางเมืองได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เจ้านายของผมคนนี้ล่ะก็ ไม่มีสิทธิแน่ๆ...

       เสียงหว๋อรถดับเพลิง แตรรถ แข่งกันดังลั่นอยู่เบื้องล่าง ผมมองท้องฟ้า...พลางทบทวนถึงเหตุการณ์ภายในวันนี้ทั้งวัน...ตั้งแต่ตื่นเช้ามา ขึ้นเครื่องบิน ชิพพยายามพูดกับผมให้น้อยลง ไม่รู้นะ...แต่มันรู้สึกแบบนั้น เขาเหมือนจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวจริงๆ นั่นคือทำเหินห่างไม่เหมือนชิพคนเก่า ที่อบอุ่นแสนดี ห่วงใยผม...เขามองก็มองด้วยแววตาเอื่อยๆ ไม่เปล่งประกาย...สิ่งที่ผมได้รับมันเหมือนกับ...ความเย็นชา? เขาไม่แม้แต่แตะต้องผมเลยด้วยซ้ำ

      มันเจ็บปวดนะ...ที่เวลาคนที่เรารักโกรธเรา หรือมีใครโกรธเราสักคน ก็เพราะตัวเราเองเป็นต้นเหตุ มันยิ่งกว่าสำนึกผิดอีก...ชนิดที่รู้ว่าคำขอโทษอาจจะไม่เพียงพอ แต่อยากให้เขารู้ว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ

       ผมมันทั้งแย่ ไม่เอาไหน...ตลอดชีวิตของผมมันเต็มไปด้วยความผิดพลาดมากมาย จนแทบอยากจะหนีไปให้พ้นจากการเป็นคนอ่อนไหว ตัดสินใจช้า แถมยังโลเลขี้กังวลแบบนี้ =_=” (<<<ฮือ T-T นี่แหละผมเอง)

       แต่แม่เคยบอกผมเอาไว้ว่า หากคนเราไม่เคยล้ม ไม่เกิดบาดแผล...เราก็จะไม่เรียนรู้ที่จะเจ็บปวด และไม่สามารถทนอยู่ในสังคมที่โหดร้ายแบบทุกวันนี้ได้

       นั่นซิ...ไอ้เรื่องนั้น ผมน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจแล้วไม่ใช่หรือ?



       เสียงเปิดประตูกุกกัก กับคนเดินไปมาทำให้ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าที่มืดสนิท เพิ่งจะตีห้า...ข้างนอกยังมืดสนิท เอ๊ะ...ชิพไม่อยู่ข้างๆผมแล้ว

       เช้ามาก เขาจะไปไหน ผมรีบลุกขึ้นมาแล้วตามหาเขาในห้องน้ำ เห็นเขากำลังกวาดของใช้พวกยาสีฟัน แปรงสีฟัน เครื่องเป่าผม ทุกๆอย่างลงใส่กระเป๋าใบหนึ่ง ผมรีบเปิดเข้าไป

       “คุณจะไปไหน?”

      ผมเดินงัวเงียเข้าไปถาม แต่สติน่ะเต็มร้อย...ชิพสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่หันมามองพลางหยิบนู่นนี่เสียงดังต่อไป

       “นี่ คุณจะไปไหน?”

      คราวนี้ผมเดินเข้าไปจับแขนเขา แต่ฝ่ายนั้นกลับสะบัดออกแรงๆ ผมตกใจ

       ชิพหันมามองด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงราบเรียบ…เพียงแววตาที่เอ่ยแทนคำขอโทษ

      “อะไร?”

      เจ็บจี๊ด...ก่อนจะเริ่มโมโหแบบหยุดไม่อยู่ ทำไมเขาถึงทำทีท่าแบบนี้?

      “คุณกำลังทำบ้าอะไรอยู่ นี่คุณเก็บของ จะไปไหน?!”

      เสร็จแล้ว เขาก็ทำท่าจะเดินหนีออกมา ผมรีบกั้น เขามองผมแบบให้รีบเปิดทาง

      “ผมมีประชุมตอนเจ็ดโมงเช้า”

      “บ้าเหรอ มีใครเขาประชุมกันตอนเจ็ดโมงเช้าบ้าง แล้วเอาแปรงสีฟันยาสีฟันไปไหน?”

      “ผม...จะเอาไปทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อน มันอยู่ใกล้บริษัท ผมจะได้สะดวก”

      ผมไม่เชื่อ แววตาของเขากำลังโกหก! นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว!!!

       “แต่ชิพ นี่คือบ้านของคุณนะ ทำไมคุณไม่กลับมาที่นี้ แล้วผมล่ะ ผมจะอยู่กับใคร?”

      ชิพผลักผมเบาๆแล้วเดินออกมาจนได้ ผมเริ่มน้ำตาคลอ มันทั้งโกรธทั้งงุนงง สับสน น้อยใจ...

       “ชิพ กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”

      ฝ่ายนั้นคว้ากระเป๋าเอกสารอีกใบ หยิบโอเวอร์โค้ตมาคลุม

       “คุณก็อยู่ที่นี่...อาจจะต้องอยู่คนเดียวไปก่อน แต่วันนี้ผมคงกลับมา”

      อารมณ์มันใกล้คลั่งเข้าไปเต็มที น้ำตาสายหนึ่งไหลลงมาอาบแก้ม ผมวิ่งเข้าไปรั้งแขนเขาไว้

       “ชิพ...คุณพูดเล่นใช่มั้ย? คุณ...คุณก็มีรถลิมูซีนมารับ-ส่งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ผมขอร้อง...คุณอยู่กับผมที่นี่ได้มั้ย นะ?”

      ความปวดลึกในโพร่งอก แน่นปอด จุกในลำคอ...ทั้งหมดนี่มันตื้อขึ้นมาเมื่อชิพค่อยๆปลดมือผมออก...เจ็บแปล๊บ แววตาของเขามีหยาดน้ำตาคลอหน่วย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผมกำลังฝันร้าย นี่มันแค่ฝันใช่มั้ย?

      เพราะอะไร?...

      “ผมต้องไปทำงานจริงๆ...เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะกลับมา”

      เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เหมือนอดทนต่อความรู้สึกอะไรบางอย่าง อึดใจเดียวเท่านั้น เขาก็สะบัดหน้าเดินออกไป ประตูปิดลง...พร้อมๆกับเข่าที่อ่อนลงของผม มันรู้สึกหมดแรง เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับผม? ผมทำอะไรผิดหนักหนา เขาถึงได้เย็นชา...ถึงได้วิ่งหนีออกห่างจากผมแบบนี้

       ทรุดตัวลงกับพื้น แล้วในที่สุด...ในที่สุดผมก็หมดความอดกลั้น ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น เอาความเจ็บปวดเหล่านั้นออกมา ไม่ไหวแล้ว...ผมแบกรับมันต่อไปไว้ไม่ไหวแล้ว!

       ในที่สุด วันนี้...วันที่ผมกลัว และแล้วมันก็มาถึง

       ผมคงต้องพูดออกไป...

       วันนี้ที่กลัว มันได้มาถึงซะที... :a5:



       โปรดติดตามตอนต่อไป...
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 22...(บทที่ 23 อีกไม่กี่ชั่วโมงจะมานะครับ ==")
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 19-07-2008 20:38:01
^

^
^
จิ้มก่อนค่อยอ่าน


 :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 22...(บทที่ 23 อีกไม่กี่ชั่วโมงจะมานะครับ ==")
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 19-07-2008 21:34:01
ทำไม  :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 22...(บทที่ 23 อีกไม่กี่ชั่วโมงจะมานะครับ ==")
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 19-07-2008 22:54:51
ชิพ เป็นอะไรไปเนี่ย งง ไปหมดแล้ว  o2 o2

ไม่เอาจบเศร้าน้า ภาคนี้อ่ะ ไม่เอา ไม่เอา  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 22...(บทที่ 23 อีกไม่กี่ชั่วโมงจะมานะครับ ==")
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 19-07-2008 23:30:41
 :o ซิพมีแผนไรอ่ะ งงๆ  o2
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 22...(บทที่ 23 อีกไม่กี่ชั่วโมงจะมานะครับ ==")
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 20-07-2008 00:05:49
มาตามสัญญาแล้วครับ หวังว่าจะสนุกกับการอ่าน ส่วนตัวกระผมนี้ขอไปอ่านหนังสือสอบต่อก่อนน๊า บ๊ะบาย~~~




บทที่ 23



       ท่ามกลางความอบอุ่น บรรยากาศ และเสียงหัวเราะเคล้าดนตรีบลูนุ่มๆเพราะๆในร้านอาหารแห่งหนึ่ง...ผมนั่งอยู่คนเดียว มองดูนาฬิกา แล้วเฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของใครคนหนึ่งตามลำพัง

       จากมุมนี้ ทำให้สามารถมองเห็นทั้งคนที่เดินผ่านไปมา และคนที่เข้ามาในร้าน(นั่งติดกระจก) เวลาล่วงเลยไปช้าๆ พร้อมกับความทรมานใจที่เพิ่มขึ้นทุกขณะๆ...

       ผมทบทวน สิ่งต่างๆ ทุกอย่าง ความทรงจำ ที่ผ่านเข้ามา

       การมีเขากลับเข้ามาในชีวิต เติมเต็มหัวใจผม...ทำให้ผมสุขใจและไม่ขอหรือหวังอะไรอื่นนอกเหนือจากนี้อีกแล้ว...

       ตั้งแต่เราเริ่มรู้จักกัน เขาเป็นไอ้เด็กเกเรในโรงอาหารที่หาเรื่องผมวันนั้น หากไม่สวนกลับไป เราคงไม่ได้รู้จักกัน กลายเป็นเพื่อนกัน ผูกพันกัน...แล้วเกิดเป็นความรักในที่สุด

       ความเจ็บปวดตอนที่เราต้องพรากจากกันถึงสองครั้ง และเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ...ทำให้หัวใจของผมอบอุ่น

       ระหว่างเขากับผม มันมีความรู้สึกดีๆต่อกันมากมายที่ยากจะหาคำใดมาอธิบาย มันคือความผูกพันที่ค่อยๆเริ่มก่อตัวขึ้น มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมฝัน...จนถึงวันนี้ ผมรู้สึกว่าเวลามันแสนสั้น เพราะความทรงจำต่างๆมันผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน จนผมอยากจะหยุดเวลาไว้ให้ได้...

       สาเหตุที่ต้องมาอยู่ที่นี่...ก็เพราะผมทิ้งข้อความไว้บนอพาร์ทเม้นท์ ถึงเขาเพื่อให้ออกมาพบกัน...ผมมีเรื่องต้องพูดกับเขา ทุกอย่าง...ความรู้สึกของผมที่มีเสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง

       แต่นานมากแล้ว...เวลาล่วงเลยไป ยิ่งรู้สึกไม่น่านัดเขามาพบเลย...ให้ตายซิ มีแต่เสียงหัวเราะ ภาพความสุข ความครื้นเครง...แต่จะกลับก็ไม่ได้เพราะกำลังรอเขาอยู่ และผมจะรอ...ไปจนกว่าเขาจะมานั่นแหละ

       หรือว่าเขาไม่ได้อ่าน...ไม่รู้ซิ แต่ผมทิ้งไว้ให้เห็นชัดแล้ว ทว่า...ผู้คนยิ่งเริ่มเบาบางลง ถนนด้านนอกยังคงมีรถราอยู่แต่หลงเหลือผู้คนเพียงแค่ประปราย ไม่เหมือนตอนช่วงหัวค่ำที่พลุกพล่านมากกว่านี้

       ในที่สุด...ก็ถึงเวลาปิดร้าน ผมค่อยๆเดินออกมา อากาศเย็นยะเยือก...ห้อไหล่ก้าวออกมาด้วยความทรมานใจ...คืนนี้เขาคงไม่กลับมาแล้ว แต่...

       เขาไม่กลับมาแล้ว จริงๆน่ะเหรอ

       หยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ ความอ่อนแอแทรกเข้ามาเป็นระลอกคลื่นแห่งความเจ็บปวด ผมสูดหายใจเอาลมเย็นเฉียบเข้าเต็มปอด เพื่อกดความเจ็บปวดบางอย่างไว้ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า...ไม่มีดวงดาวสักดวง มีแต่เพียงดวงจันทร์สีเหลืองกลมโตส่องสว่าง สุกสกาวอยู่บนฟากฟ้าตามลำพัง ผมจ้องมองมันนานแสนนาน...

       กัดริมฝีปากเพื่อกลั้นน้ำตาไว้ เจ็บ...จนลิ้มรสเลือดเจือปนออกมา

       แต่แล้ว...เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้น

       ผมเบิกตากว้าง ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ในชุดกันหนาวที่ห่อหุ้มแน่นหนาไม่แพ้กับผม เขาค่อยๆเดินข้ามถนนเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ สีหน้าอ่อนล้าและแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

       ใกล้ถึงแล้ว...ในที่สุด เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าผม ขมวดคิ้วแน่น


       “หนาวนะ...”

       ผมพูดไม่ออก เขาเอามือที่ล่วงอยู่ในกระเป๋าออกมาปิดปากกระแอ่มไอ

       “คุณ...คุณไปไหนมา”

      “ผมก็นั่งรอคุณอยู่ฝั่งตรงข้าม ตั่งแต่คุณเข้ามานั่งในร้านแล้ว”

      เราสบตากัน แววตาของชิพแน่วแน่มาที่ผม เราสองคนขยับไม่ได้เหมือนมีพลังบางอย่างสะกดไว้

       “นี่หมายความว่า...คุณเฝ้ามองผมมาตลอดเวลาเลยงั้นหรือ?”

      เขาพยักหน้าช้าๆ

       “ผม...ผมมีเรื่องจะบอกกับคุณ”

      น้ำเสียงมันสั่น ออกจะแปลกไปหน่อยที่แผนของผมพังไม่เป็นท่า เราต้องออกมายืนคุยกันหนาวๆ ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆกันบนถนนข้างนอกที่หนาวเหน็บแบบนี้

       “ผมจะบอกคุณว่า สาเหตุที่ผมยอมรับเงินของย่าคุณเมื่อสิบปีก่อน...ก็เพราะว่าตอนนั้นพ่อของผมป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แล้วแม่กับผมเราสองคนไม่มีเงินค่ารักษากับตั๋วเครื่องบินไปดูใจพ่อก่อนตาย...ผมก็เลยตัดสินใจรับเงินนั้นไว้ เพราะตอนนั้นผมจนปัญญา ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครดี...”

      “ผมอยากบอกคุณว่าผมทำลงไป ไม่ใช่เพราะต้องการแก้แค้นหรือทำให้คุณเจ็บปวด คุณย่าของคุณบังคับให้ผมสาบานว่าจะไม่มีวันตามยุ่งกับคุณอีก แต่รู้อะไรมั้ย? สิบปีที่ไม่มีมีคุณมันช่างทรมาน...พอคุณกลับเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้ง ผมเลยรู้สึกผิดที่ทำตามคำสาบานนั้นไว้ไม้ได้ นั่นก็เพราะ...”

      ตอนนี้ชิพมองผมด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ มีสายหยาดน้ำใสไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม เราจ้องหน้ากันเงียบๆ...ผมก็น้ำตาไหลไปด้วย

       “นั่นก็เพราะ...เพราะผมรักคุณ และไม่เคยคิดจะหยุดรักคุณเลย”

      ชิพยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วเข้ามาโอบเอวผมไว้ จูบซับน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา...

      “ส่วนเรื่องที่กวนใจผมช่วงนี้ ก็เป็นเพราะผมกลัว...กลัวจะเสียคุณไปอีก ผมกลัวว่าหากคุณมีผมแล้วมันจะพลอยทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปจากเดิม ทั้งชีวิตของคุณ ชื่อเสียงหน้าตา การงาน...เพราะผมรู้ว่าตัวผมมันไม่มีค่าอะไร คุณย่าของคุณพูดถูก ผมไม่สามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณได้…”

      ชิพเอานิ้วขึ้นมาแตะปากผม ส่งเสียงให้หยุดคำพูดต่างๆ ผมจะจดจำเวลาที่เขามองผมแบบนี้ไว้...ในส่วนลึกของหัวใจให้เนินนานมากที่สุด

       “คุณมีค่าที่สุดสำหรับผม ที่สุดเสมอมา คุณคือดวงใจของผม...หากขาดคุณแล้ว ผมคงอยู่ไม่ได้อีกต่อไป”

      ร่างทั้งร่างถูกดึงเข้าไปกอด...วินาทีนั้น ไออุ่นที่ส่งผ่านมา มันเหมือนได้กลับบ้าน

       ผมส่งเสียงอู้อี้ =_=”

      “หากนั่นคือสิ่งที่คุณต้องการได้ยินจากปากผม...ตอนนี้คุณช่วยบอกผมหน่อยได้มั้ยว่าคุณหายโกรธผมแล้ว…”

       ชิพสูดจมูกไล่ความสั่นเครือออกไป

       “เราควรจะหยุดความทรมานทั้งหมดนี้ได้แล้วนะ”

      ชิพพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มใหญ่ ร้อนรน และเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์...เรานั่งแท็กซี่กลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ ตลอดทางไม่มีใครปริปากพูดใดๆ เพียงแค่บรรยากาศที่คุกกรุ่นมันกำลังเวียนวายอยู่รอบๆตัวเราเท่านั้น

       ถึงแล้ว เราเดินเงียบๆกันขึ้นมา ประตูปิดลงพร้อมๆกับชิพที่ค่อยๆถอดเสื้อโค้ตให้ผม ตามด้วยของตัวเอง และจูงมือผมเดินเข้าไปยังห้องนอน...

       ไฟยังปิดมืดสนิท แต่เรารู้สึกกันได้ด้วยการสัมผัส ชิพจับให้ผมยืนหันหน้าเข้าหากัน เขาไล้ไปตามแก้มของผมช้าๆ...และค่อยๆบรรจงจูบเข้ามาอย่างดูดดื่ม มีแต่เพียงเสียงหัวใจที่ดังก้องกังวาน นอกนั้นคือความเงียบสงัดจริงๆ

       มือของผมไล้ไปตามชายโครงหนาหนักของเขาปลดกระดุมเสื้อออกช้าๆ...สัมผัสกับผิวกายอันร้อนระอุ ชิพประคองใบหน้าของผมเพื่อสอดลิ้นลึกเข้ามา เคล้าคลึง...จนในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นจังหวะที่เร่าร้อนรุนแรงมากยิ่งขึ้น ลมหายใจของเรารดรินใส่กันอย่างบ้าคลั่ง

       ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา มีเพียงภาษากายที่สื่อแทนความหมายในจิตใจออกมาทั้งหมด...เสื้อผ้าของเราถูกแต่ละฝ่ายปลดเปลื้องออกไป เขามองตาผมในขณะที่เคลื่อนกายเข้ามา...ผมหลับตา ซึมซับความอุ่นร้อนนั้นไว้แล้วยอมให้เขาทำทุกอย่างตามความปรารถนา

       ต่อจากนั้นคือความอ่อนหวาน ระคนความป่าเถื่อน...มันคือการปลดปล่อยที่เจ็บปวดแต่ก็สุขเหมือนสวรรค์ชั้นเจ็ด สีหน้าของเราต่างเหยเกด้วยความรู้สึกวูบวาบ เสียวซ่าน...สะโพกหนาได้รูปของบดเบียดถาโถมเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า รุนแรงอย่างไม่หยุดยั้ง...เหงื่อกาพพ์ผุดขึ้นทั่วใบหน้า ผมรั้งบ่าของเขาไว้เพื่อจะได้เคลื่อนกายได้เร่าร้อนมากขึ้นบนเรือนกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม...

       ชิพรั้งตัวผมลงไปประกบปาก ทำเหมือนกับที่เราทำกัน ณ ช่วงล่าง...เขากระซิบใส่หูผม

       “แรงกว่านี้มั้ย?”

      ผมได้แต่พยักหน้า แล้วสิ่งต่อมาที่ได้รับถึงกับทำให้ต้องอ้าปากค้าง...

       “ร้อน...อ๊า~~~”

      เสียงครวญครางดังไปตลอดกิจกรรม...ในที่สุดเขาก็รั้งร่างผมเข้าไปกอดไว้ แล้วเราสองคนก็สั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย

       “แดน ผมรักคุณ!”

      จุดสุดยอดที่สว่างวาบ เหมือนถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อต...ในหัวสมองของผมขาวโพลนไปชั่วครู่ ขณะที่ความอุ่นร้อนหลั่งไหล เสียงลมหายใจหอบกระเซ่า...งุนงงไปชั่วขณะ และนึกสงสัยว่าเซ็กซ์ มันช่างเป็นกิจกรรมระหว่างคนสองคนที่มอบความสุขให้อย่างน่าทึ่งเกินคำบรรยาย

       เนื้อตัวของเขาเปียกลื่น ไม่รู้เพราะเหงื่อหรือ...ผมกันแน่ ผ้าปูที่นอนยู่ยี้ชื้นเหงื่อ ทั้งๆที่อากาศภายนอกหนาวสุดขั้ว แต่ในนี้กับร้อนระอุ...และเต็มไปด้วยกลิ่นของกามราคะ

       ผมไม่ขยับตัว...ปล่อยให้ชิพอยู่ภายในกายเยี่ยงนั้น ทว่าพอเมื่อพยายามผละตัวออกจากกัน มันเหมือนผมกับเขาเชื่อมกันอยู่อย่างแน่นหนา จนขยับไปไหนแทบไม่ได้

       ผมล้มตัวลงสู่อ้อมกอดของเขา...ชิพกอดผมไว้เงียบๆ ฟังเสียงหัวใจเต้นระรัวของกันและกันจนมันสงบลงในที่สุด

       “แต่งงานกับผมนะครับ”

       จู่ๆ...ชิพก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาก้องกังวานอยู่ในหูผม เอ่อ...

       หา...ผมหูแว่วไปหรือเปล่า?

      “อะ...อะไรนะ?”

      “ผมบอกว่าเราแต่งงานกันเถอะ”

      คราวนี้ผมได้ยินเสียงของเขา หนักแน่น ชัดเจน...แววตาของเขาจ้องลึกเข้ามา พร้อมด้วยรอยยิ้มบางอบอุ่นเสมือนแดดอุ่นๆ ทุ่งหญ้านุ่มๆ...กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้ง

       “นะครับ”

      “~แต่-“

      “ชู่ว์”

       ชิพจูบผม โหยหา...พร้อมทั้งพลิกกายให้ผมลงไปนอนด้านล่าง ถอนกายออกในที่สุด อ๊า~~~(เขายิ้มตอนเห็นสีหน้า... >///<) แล้วเดินล้อนจ้อนไปหยิบของบางอย่างในลิ้นชักข้างๆเตียง

       “ผมเก็บเจ้านี้ไว้ตั้งนานแล้ว...มันรอให้ถึงวันนี้ เพื่อคุณมานาน”

      แหวนทองคำขาวเกลี้ยงเกลา ข้างใต้สลักชื่อ ‘D&C With Love’ เอาไว้...มันถูกรูดเข้ามาบนนิ้วนางข้างซ้ายของผม เขายื่นให้ผมอีกวง แต่ขนาดใหญ่กว่า ทว่านอกนั้นเหมือนกันทุกประการ

       “ใส่ให้ผมซิ”

      หูผมเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทำตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย และแล้ว...เราสองคนก็มีแหวนที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบอยู่บนนิ้วนางของกันและกัน

       ผมกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันไว้ไม่ไหว ชิพก้มตัวลงมากอดผมไว้ จูบแผ่วเบา

       “ไม่ต้องร้องไห้นะ ผมรักคุณ…”

      ไม่อยากจะเชื่อ...ตอนนี้ ผมหมั้นกับเขาแล้ว!!! เป็นใครจะเชื่อ ว่าผมกับเขา จะได้ลงเอยกันหลังจากผ่านมรสุมมามากมายนานับประการ

       “แล้วต่อไปนี้ คุณก็ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไปไหน เพราะอย่างน้อย...คุณกับผมก็มีแหวนวงนี้แทนกันและกันตลอดไป”

       ตอนนี้หัวใจของผมมันพองโต พูดไม่ออก แบบว่าไร้คำบรรยายใดๆจริงๆ =_=”

       ผมไม่เคยคิด...ว่าจะได้มีวันนี้

       “ผมรักคุณ รักคุณ…”

      ชิพพร่ำคำเดิมซ้ำๆ ก่อนจะจูบผมแล้วนาบลำตัวลงมาแนบชิดกับผมอีกครั้ง ผมกอดเขาเอาไว้ทั้งน้ำตา ในหัวอื้ออึงไปหมด...

       “คุณทำผมเปียกไปหมด”

      ชิพส่งสายตาล้อเลียนยิ้มๆมาให้ แล้วตวัดไปที่หน้าท้องแบนราบเต็มไปด้วยลอนกล้ามของตัวเอง...แล้วทีนายล่ะ?

      “ผมขอทำคืนบ้างแล้วกันนะ...”

       แล้วเขาก็บรรเลงเพลงรักอีกรอบ เป็นครั้งที่งดงาม อ่อนหวาน เนิบนาบช้าๆแต่เย้ายวน จนผมพล๊อยหลับไปในอ้อมกอดของเขาหลังจากหมดพลังงานไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง




                                      โปรดติดตามตอนต่อไป...

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 20-07-2008 00:12:45
จิ้มด้วยความสุขใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 20-07-2008 00:21:16
หวานตอนนี้ แต่ไม่ใช่ มีตอนหน้าทำให้เครียดมาอีกนา

ปล.  :จุ๊บๆ: น้องALEX ที่เอามาลงให้ 2 ตอน  แต่พรุ่งนี้อีกตอนก็ดีนะ :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 20-07-2008 00:33:14
หวาน ๆ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 20-07-2008 00:34:47
อ่านตอนนี้ด้วยความสุขใจไปนอนได้อย่างมีความสุขแล้ว ขอบคุณนะ Alex  :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 20-07-2008 00:47:05
 :m25: สำลักความสุข~ 
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-07-2008 01:35:25
เป็นตอนที่อ่านแล้วยิ้มมีความสุขจิงๆ แต่ว่าไอ้ "โปรดติดตามตอนต่อไป..."

เนี่ยมันยังไงๆ พิกลน่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 20-07-2008 02:58:34
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-07-2008 04:17:35
 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 20-07-2008 09:28:36
ในที่สุดชิพก็ขอแดนแต่งงานแล้ว :o8:

อ่านตอนนี้แล้วชื่นฉ่ำหัวใจจริงๆครับ สำหรับแดนคงไม่มีอะไรจะมีค่ามากกว่าชิพอีกแล้ว :m1:

น้อง Alex แต่งตอนนี้ได้สุดยอดมากเลยครับ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 20-07-2008 09:44:14
..หวาน..หวานจะละลายเลยค้าบ.... :m1:
หวานจนจบเรื่องเลยป่ะค้าบ..อิ.อิ.. :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 20-07-2008 11:27:34
น้ำตาไหลเลยอ้าโคตตตซึ้งงอ้า แงๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐๐Robin๐๐ ที่ 20-07-2008 19:44:02
อ่านมาราธอน อีกและ ตั้งแต่เที่ยงยันสองทุ่ม โฮ๊ะๆๆๆๆๆ ร้องไห้ทุก 18 นาที

ชอบที่สุด แต่งงานกานเลยยยยยยยยยยยยย ฮิ้วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 20-07-2008 22:40:04

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


ลงชื่อไว้ครับ เดี๋ยวมาอ่านครับผม

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 21-07-2008 19:28:58
ความอบอุ่นในฤดูหนาว
ความอบอุ่นของความรัก
ความอบอุ่นของกันและกัน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 21-07-2008 19:32:31
อ่านแล้ว

เราก็แอบร้องไห้อีกแระ

เพราะแฟนพึ่งรับโทรศัพท์หลังจากปิดเครื่องตั้งสามวันโทรหาไม่ติด

 :sad2: :sad2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 21-07-2008 19:43:18
เห็นนะว่ามาแอบอ่านนิยาย  :laugh:  ไม่ยอมเอาตอนใหม่มาลง  o12

ไหนว่าสอบไง :angry2:

มาลงซะดีๆ  :oni3: 

ไม่งั้นจะ   :beat:   :เตะ1: 




ต่อด้วย  :จุ๊บๆ:  เลยนิ    :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 21-07-2008 20:49:58
อ่านตอนนี้แล้ว

 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: bbb ที่ 22-07-2008 02:34:34
ไม่ได้อ่านนิยายเรื่องใหม่มานานมากกกกกกกกกกกกกกก
ตามอ่านแต่เรื่องเก่าๆๆ ที่ดองๆๆไว้
ไม่รู้อะไรดลใจให้อ่านเรื่องนี้
อ่านสองวันจบ
ชอบมากครับ พี่อเล็กซ์เขียนเก่งจริงๆๆ
ผมชอบนิยายที่มันอ่านแล้วรู้สึกอึดอัดๆๆ และพี่อเล็กซ์ก็เขียนให้ผมรู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆๆ
ชอบแดนมากครับ เป็นพวกคิดมากดี คิดเล็กคิดน้อย
รีบมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 23-07-2008 01:12:46
ซึ้งที่สุด นั่งยิ้มจนจะบ้าแหล่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 23-07-2008 15:50:30
ดีกันแล้วใช่มั้ย


รักกันนานนนนนนนนนนนนนมากมายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-07-2008 17:30:17
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่านแล้วซึ้งจริงๆๆครับเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้ต่อไปครับผม

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 27-07-2008 19:59:12
สวัสดีคับ

อ่านเลยและกาน =_="


บทที่ 24



       ความรัก มันทำให้โลกสวยงามจริงๆ

       มันทำให้ใครคนหนึ่งสามารถใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า เมื่อได้ลิ้มรสแห่งรัก

       ทำให้หัวใจเต้นรัวอย่างมีชีวิตชีวา

       ทำให้มีความสุขเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อมีรัก

       ...ตอนนี้จะเรียกผมว่าคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ก็คงไม่เว่อร์หรอก

       เพราะผมกับเขาเพิ่งได้ตกลงกัน ว่าจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างจริงจังไปตลอดชั่วชีวิตเมื่อสองวันก่อนนี่เอง…

       ผมนั่งมองดูแหวนในมือ มันอาจจะเรียบง่ายไม่หวือหวาก็จริง แต่มันแทนความหมาย ความรักความผูกพันของหัวใจสองดวงเอาไว้มากมาย

       เมื่อเช้า ผมตื่นขึ้นมาสบตากับเขา...เราสองคนจ้องมองกันด้วยแววตาเปี่ยมความหมาย...ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดเลยสักนิด ผมก็รู้สึกได้ถึงความรักของเขา

       เราสองคนออกไปเดินเล่นกันในcentral park ชิพซื้อไอติมให้ผมกินหนึ่งโคน บรื๋อ~~~หนาว แต่ก็กินเพราะเขาซื้อให้ >< เข้าใจป่ะคับคือประมาณว่าคนมันอินเลิฟสุดๆ(ฮ่าๆ) อะไรก็ทำได้ทั้งนั้น

       เรานั่งกินสปาร์เก็ตตี้กันอยู่หน้าทีวี ดูรายการโอปร่าห์อยู่บนโซฟา ผมขดตัวอยู่ข้างๆตัวเขา ใช้เวลาเงียบๆร่วมกันอย่างมีความสุข มันอบอุ่นจริงๆ

       คืนนั้นทั้งคืนถึงแม้จะหลับสนิท แต่ก่อนนอนทำให้ผมอดคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาอย่างใจลอยไม่ได้...มันนานมากตั้งแต่เราเริ่มรู้จักกัน แล้วมันก็ผูกพันมากเกินกว่าแค่คำว่ารักแล้ว เขาเปรียบเสมือนคนๆเดียวกันกับผม ผมอยากบอกให้เขารู้ ว่าผมรักเขามาก ทุกๆวันที่มีเขามันทำให้ชีวิตสามารถก้าวเดินต่อไปได้ เขาคือลมหายใจที่ผมคิดถึงตลอดเวลา คือทุกฝีเท้าที่ย่ำไปทางไหน มันจะมีแต่เขา...คนเดียว...ผู้เดียว และตลอดไป



       “แดน คุณช่วยจัดเสื้อผ้าให้ผมหน่อยซิ ผมจะไปเยี่ยมเพื่อนที่วอชิงตันสักสามวัน”

      ชิพกลับเข้ามาพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่เปียกโชก ร่างสูงถอดเสื้อคลุมกันหนาวที่ชื้นแฉะออกผาดไว้บนราวหน้าประตู

       “คุณจะไปไหนนะ?”

      ผมวางจานอาหารที่ทำเสร็จแล้ว รอเขากลับมากินพร้อมๆกันไว้บนโต๊ะ ส่วนเจ้าตัวหายเข้าไปในห้องทำงาน ไม่วายตะโกนตอบกลับมา

       “ผมจะไปเยี่ยมเพื่อนที่วอชิงตันสามวัน ช่วยจัดกระเป๋าให้ทีนะ”

      ผมเดินกอดอกเข้าไปยืนรอเขาเงียบๆหน้าประตูห้องทำงาน ชิพรื้อเอาเอกสารงานยัดๆลงใส่กระเป๋าทำงาน อย่างกับจะเอาไปอ่านด้วย? แล้วก็หนังสืออ่านเล่นติดตัวไปเล่มหนึ่ง เอาโน๊ตบุ๊คไปด้วย

       “ทำไมคุณต้องรีบร้อนไปเยี่ยมเพื่อนตอนนี้ด้วย? ทำไมผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย” ช่ายๆ อย่างน้อยให้ผมไปด้วยเถอะนะ สาธุ!

      ชิพหันมามอง เห็นผมทำสีหน้าบึ้งๆ เขาก็ยิ้มอ้อน

       “เอ่อ...คือเพื่อนที่เพิ่งติดต่อกันได้มีแพลนพอดี ผมเลยเสนอชื่อตัวเองเข้าไปอยู่ด้วย...”

       แหม รู้สึกจะดีใจจนเนื้อเต้นเชียวนะ

       “แล้ว...ผมจะได้ไปด้วยมั้ย?”

      แววตาจากไม่พอใจกลายเป็นถามอย่างน่าสงสาร T-T…เขาวางมือจากการเก็บนู่นนี่ เข้ามาโอบผมไว้ กัดริมฝีปากเล่นอย่างคิดคำนึง

       “โธ่...อย่าทำหน้าแบบนี้ได้มั้ย ผม...ผมให้คุณไปไม่ได้จริงๆ”

      “ทำไมล่ะ” ท้ายเสียงออกแนวงอแงเล็กน้อย =_=

       “ก็ เพื่อนๆผมมันผู้ชายป่าเถื่อน เราจะไปตกปลากันที่กระท่อมส่วนตัวของเจ้าเพื่อนคนนี้มัน ผมไม่อยากให้คุณไปลำบากลำบนตากน้ำค้างที่กระท่อม”

      แต่ยังไงผมก็ยังไม่ยอมแพ้ +0+ “แล้วผมไม่ใช่ผู้ชายหรือไง?”

      “ก็ใช่...เอ๊ะ แต่คุณก็พูดไม่ถูกนะ เพราะคุณ...”

      มือใหญ่ที่วางอยู่เหนือบั้นท้ายเล็กน้อยซุกซนลงไปด้านล่าง บีบแรงๆเต็มมือ ผมสะดุ้ง...แววตาเจ้าเล่ห์จ้องมองมา

       “อย่าบอกนะว่าคุณไม่ให้ผมไปเพราะคิดเรื่องนั้น?!”

      เขาหัวเราะเสียงดัง ส่วนผม...ได้แต่หน้าแดง รู้สึกเสียเซล์ฟขึ้นมายังไงๆไม่รู้ เฮ้อ...ไม่น่ายอมให้ไอ้หมอนี่ได้ใจตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อนเลยให้ตายซิ...

       “นั่นแหละ...ผมขอไปสนุกกับเพื่อนๆตามประสาผู้ชายบ้าง อีกอย่างนะ ถ้าคุณไปด้วย ได้ตกเป็นขี้ปากของไอ้พวกเพื่อนตัวดีนั้นแน่ๆ แล้วผม...ก็จะหึง~~~คุณหน้ามืดเลยด้วย!”

      ตรงคำว่า ‘หึง~~~’ ชิพกดปลายจมูกพร้อมกับสะบัดไปมาตรงแก้มผม ทำให้พอหายเคืองลงบ้าง...ตามด้วยเสียงหัวเราะที่สุดจะกลั้นไหว

       “แต่ว่า ผมคงคิดถึงคุณมากกก นี่ดีนะไปแค่สามวัน...ไม่งั้นผมคงคิดถึงเจ้าเอวกับบั้นท้ายแน่นๆของคุณนี่มากแน่ๆ”

      “ไอ้บ้า!”

      ผมหน้าแดง เผลอทุบเข้าไปอึกหนึ่งด้วยความเขินอาย

       “แล้วทำไมต้องเอางานไปทำด้วย?”

      “อ้อ เปล่าเลย แค่จะเอาไปเช็คเมลตอนกลางคืน แล้วก็แช็ทกับคุณ ฉะนั้นถ้าคุณคิดถึงผม...รู้นะว่าผมจะรออยู่ที่ไหน?”

       ชิพจ้องหน้าผมนิ่งๆ มองเข้ามาในนัยน์ตา...เงียบงัน

       “ผมจะคิดถึงคุณมากแค่ไหนนะ?”

      พยักหน้า...ผมต่างหากที่จะเป็นคนคิดถึงเขา

      “เอาเถอะ...เดี๋ยวผมไปจัดกระเป๋าให้แล้ว แต่ก่อนอื่น คุณต้องอาบน้ำก่อน บอกแล้วไงว่าอย่าปล่อยตัวเปียกโชกทิ้งไว้แบบนี้ แล้วก็รีบไปกินข้าว ผมจะดูทีวีตอนหนึ่งทุ่ม มาดูเป็นเพื่อนด้วยเข้าใจมั้ย?”

      “คร้าบคุณแฟนขี้บ่น อุ๊บ!”

      ผมหยิกท้องไปหนึ่งบิด ตามอีกหนึ่งฝ่ามือ

       “โอ๊ย~~~ทำไมนับวันคุณยิ่งมือหนักขึ้นแบบนี้นะ ทีตอนที่ผมหนักมือกับคุณบ้าง คุณกลับร้องให้ผมอย่างงู้นอย่างงี้อยู่นั่นแหละ”…ด้วยความอึ้งในความหื่นของไอ้หมอนี่ เลยลืมสวนประโยคนั่นไป “ว่าไปแล้ว...คืนนี้อยู่กันดึกหน่อยได้มั้ยน๊า~~”

      ผมไม่ตอบ ได้แต่เดินหนี ปล่อยให้ไอ้คนตัวสูงยืนหัวเราะฮึๆอยู่ในห้องทำงานคนเดียว บ้า!>///< ทุกคนอย่าไปเชื่อที่ชิพพูดนะครับ! ผมไม่ได้มีอาการแบบนั้นซักหน่อย มันก็แค่…ช่างเหอะ จำไว้แล้วกันนะไอ้ตาบ้า ผมจะไม่มีวันยอมให้เขามีความสุขแบบคืนนั้นอีกเลย คอยดูแล้วกัน...

       



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 27-07-2008 20:07:54
สั้นมากกกกกกกกกกกกกกกกก  :angry2:

กั๊กอะไรไว้อีก o12

รู้นะเพิ่งสอบเสร็จ  เดี๋ยวมี...............




เหอ  เหอ   o18
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 27-07-2008 20:19:07
หวานอ่ะ ในที่สุดชิพก็ขอแดนแต่งงาน  :m1:
แล้วนี่ชิพจะหนีเที่ยวเหรอ  :m31: :m31:
จำได้ว่าอีกตอนรึสองตอนจะจบแล้วสิ  :m31:
ได้ไงอ่ะ เค้าอยากได้ฉากหวานๆ อ่ะ :m13:

ขอตอนพิเศษแบบหวานๆ นะจ้ะ :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 27-07-2008 20:24:44
 :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 27-07-2008 21:38:18
แอบหวั่น ๆ สังหรณ์ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างสิน่า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 27-07-2008 21:39:29
- -"
จะมีอะไรอีกเหรอ
คนเขียนเค้าบอกว่าใกล้จบแล้วนี่นา

ถ้าจบไม่ดีจะแช่งคนเขียนเลยคอยดู
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 27-07-2008 22:15:19
หนีไปตกปลากับเพื่อนชาย  ที่ภูเขาโบรคแบล์ค หรือเปล่า  :laugh:

ลางสังหรณ์ไม่ดีไงไม่รู้  :m31: 
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-07-2008 22:33:58
เรายุให้แดนแอบตามไป อิ อิ อิ อิ

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-07-2008 23:08:17
หุหุ แต่ละคน คิดไปได้  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: yuiyui ที่ 27-07-2008 23:10:44
 :m5: :m5:ขอให้จบแบบ Happy น้า ห้ามมีใครตายด้วย แล้วจะ :จุ๊บๆ: 100 ที
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 27-07-2008 23:28:58
หนีไปตกปลากับเพื่อนชาย  ที่ภูเขาโบรคแบล์ค หรือเปล่า  :laugh:

ลางสังหรณ์ไม่ดีไงไม่รู้  :m31: 

^
^

เห็นด้วยอย่างยิ่่ง  เอา Happy Ending  o12
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-07-2008 00:05:23
สงสัยตอนต่อไปจิงๆ จะเกิดอะไรที่วอชิงตัน ชักเป็นห่วง .................... :o
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 28-07-2008 01:40:32
หวานกันซ้า เพิ่งจะแฮปปี้กันได้ไม่นาน อย่าเศร้าอีกนะ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 28-07-2008 11:26:22
ว้อยยยยยยยยยยยยย :m1:

ขอแต่งงานแล้วด้วย

น่ารักจัง

ขอให้หวานนานๆ เหอะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 28-07-2008 21:22:49
เหอะๆ...

ตามอ่านหลายตอนเลย เวรกรรม

แต่ล่าสุดนี่ไม่ช่ายหนีแฟนไป...กันในกระท่อมหรอกน่ะ อิอิ

 :m12:   :m12:   :m12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 23 เฮ้อ~~~ได้ฤกษ์ลงสักกะทีเน๊อะ =_="
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 29-07-2008 22:01:43
สั้น อะ


ว่า แต่ ว่า ราง ม่าดี อีกและ   :a6:


ยัง หวานกัน ม่านานเรย   :serius2:


อยากอ่านแบบ หวานๆๆๆๆๆๆ  :m1:

คุงคงเขียน จัดแบบ หวานๆๆ ฮ่า หน่อยจิ
   


:o8:



รอตอนต่อ ไปนะค่ะ

 :bye2:



หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 29-07-2008 22:28:26
ถ้าเศร้าน่ะ  เค้าจะ

เค้าจะ.........







เค้าจะ......







เค้าจะเศร้าตามมมมมมมมมมมมมม   ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 01-08-2008 20:19:03
ยังไม่มาต่ออีก  :angry2:

เห็นนะมาอ่านนิยายอ่ะ  o12
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-08-2008 02:51:37
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับผม รักกันดีๆใส่ใจกันนะครับ

พี่ชิพ กับพี่แดน เจอเรื่องผิดหวังมามากพอแล้ว

อยากให้เจอแต่เรื่องดีๆๆแบบนี้เยอะๆแ นานๆไปครับ

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 02-08-2008 19:47:17
หายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ปายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



หนายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ





รอตอนต่อ ไปยุนร้า

 

:m31:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 04-08-2008 22:34:49
รอนานกันมั้ยครับ? แฮะๆ ผมเพิ่งจะว่างได้ฤกษ์มาลงกับเขาสักที แต่ขอกบอกเลยว่าแต่งตอนอวสานแล้ว ไม่อยากใบ้เลย...เอาเป้นว่าผมเองยังน้ำตาไหลพรากเลยครับ

=_="  :m29: (หรือว่าคนแต่งอินไปเองครับ ฮุๆ) :m15: :m20:


บทที่ 25



       เสียงเปิดประตูดังขึ้นเมื่อตอนเช้าของสามวันถัดมา...

       ฝีเท้าหนักๆเดินใกล้เข้ามา ชิพตะโกนร้องเรียกชื่อผม แต่ผม...ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขานตอบเขา

       ในที่สุด ประตูห้องนอนก็เปิดออก ชิพโผล่หน้าเข้ามาท่ามกลางห้องอันเงียบงัน ผมนั่งก้มหน้าเงียบๆอยู่บนเตียงเรียบ ว่างเปล่า ดูอึมครึม...ผมไม่รู้จะพูดอะไร ก็เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสามวันที่ผ่านมา…

       “แดน…”

      น้ำเสียงของเขาดูมึนงงสงสัย คงเพราะบรรยากาศที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวานี้ ผมเงยหน้าขึ้น ค่อยๆหันไปสบสายตากับเขา...น้ำตานองใบหน้า สีหน้าโรยของชิพซีดเผือดลงทันที

       “คนโกหก...”

      ชิพอึกอัก ทำอะไรไม่ถูก พูดไม่ออก

       “ทำไม...ฮัก...ทำไมคุณไม่บอกผมสักคำ...ฮักๆ…ผมรู้ความจริงหมดแล้วว่าคุณไปไหนมา”

      พูดไปสลับกับสะอึกร้องไห้ไป ชิพอึ้ง เราจ้องมองกันท่ามกลางห้องโล่งที่มีแสงแดดซึมๆลอดผ่านเข้ามา อากาศเย็นเชียบ...ชิพทำท่าขยับจะพูด


       “แดน...คุณพูดเรื่องอะไร?”

      ผมโยนขวดยาขวดหนึ่งลงไปที่พื้น ไม่ใช่ด้วยแรงอารมณ์ แต่ผมปามันให้กลิ้งลงไปกับพื้น หยุดที่ปลายเท้าของเขา ชิพหยิบขึ้นมาดูยิ่งหน้าซีด

       “เมื่อวันก่อนที่ผมจัดกระเป๋าให้คุณ บังเอิญเจ้านั่นล่นลงมาจากตู้เสื้อผ้า...”

       ระหว่างที่เขาไม่อยู่ผมส่งตัวอย่างยาขวดนั้นไปให้เพื่อนที่มหาลัยฯตรวจ...ไม่รู้อะไรดลใจผมให้ทำแบบนั้น แต่เมื่อเจ้าขวดยานั่นมันตกลงมาเหมือนเพื่อให้ผมรู้ความจริง...ความจริงที่ใครต่อใครแม้แต่แอลก็รู้เห็นเรื่องนี้ด้วย ยกเว้นผม...

       ผมลุกขึ้นยืน รู้สึกอ่อนแรงเหลือเกิน

      “ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณกำลังป่วย?”

       เขาทำหน้าช็อคสนิท

       “ดะ...แดน ให้ผมพูดก่อน”

       “ผมเพิ่งได้คุยกับแอล...คุณรู้มั้ยว่าผมนอนไม่หลับเลย...”

      นั่นก็เพราะความกังวลใจอย่างบ้าคลั่งนี่ไง!

       “ใช่...ผมมีเรื่องจะบอกคุณ”


      “แต่ผมรู้หมดแล้ว ตั้งแต่เรื่องที่คุณหลอกผมให้ไปดูงานที่ญี่ปุ่น คุณน่ะหยุดทำงานที่บริษัทมาตั้งหนึ่งเดือนแล้ว เพื่อไปปรึกษาหมอด้านสมองที่โอซาก้า...แล้ววันนั้นที่คุณหายไปทั้งวัน ก็เพราะคุณไปเกลี้ยกล่อมให้หมอในโอซาก้านัดผู้เชี่ยวชาญที่นิวยอร์กนี่ ผมไม่แปลกใจเลยที่ทำไมคุณถึงต้องรีบร้อน เพราะหมอคนนี้คิวยุ่งมากๆ แต่ทำไม...ทำไมคุณถึงใจร้าย ไม่บอกให้ผมรู้เรื่องบ้างสักคำ...ที่ผมพูดมาถูกต้องใช่มั้ย?”

      ชิพมองหน้าผม ก่อนจะพ่นลมหัวเราะออกมา...

       “อะ...โอเค! สรุปว่าคุณรู้แล้ว”

      “มันไม่ตลกนะชิพ”

      ผมกลั้นเสียงสะอื้นด้วยความรู้สึกโกรธเคือง...เขายังมีหน้ามาพูดเล่นอีก นั่นมันความเป็นความตายของเขาชัดๆนะ!

       วูบแรกที่รับรู้ความจริง ผมแถบไม่อยากเชื่อตัวเอง ไม่อยากทำใจยอมรับความจริงว่า...ชิพป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง

       สติมันหลุดหายไปหมด แม้คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นแอลหรือเลขาฯของชิพ ผู้คนที่รู้ความลับนี้ต่างพากันปลอบใจผม แต่มันไม่รู้สึกดีขึ้นเลย...

      เจ้าของนิ้วเรียวยกขึ้นบังซีกหน้า แสร้งทำเป็นยิ้มหัวเราะ...แต่ตัวเขาเริ่มสั่น เสียงเครือ

       “แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากบอกคุณเองหรอกนะ...ผมไม่ได้ตั้งใจหลอกอะไรคุณเลยสักนิด ผมแค่...”


      ชิพทรุดตัวแล้วปล่อยโฮออกมาเบาๆ น้ำเสียงของเขาเหนื่อยล้า อ้อนวอน ขอให้ผมเข้าใจ

       “ชิพ พอเถอะ หยุดได้แล้ว!”

      ผมถลาเข้าไปกระชากตัวเขา กอดไว้แน่น...ตัวชิพสั่นสะท้าน หัวใจของผมมันเจ็บซ่าน ปวดร้าวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ...ในที่สุดชิพก็ร้องไห้ออกมา

       “มันก็แค่เนื้องอก...หมอบอกผมว่ามันยังไม่กลายเป็นมะเร็ง”

       อยากตะโกนเอาความผิดหวัง ท้อแท้ในใจเหล่านี้ออกมาจัง...เพียงถ้ามันช่วยได้บ้าง

       “ไม่ได้นะชิพ คุณจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ!”

      เขากอดผมไว้ พยักหน้าช้าๆ ผมไม่เห็นสีหน้าของเขาแต่น้ำเสียง...น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั่น...

      “ผมรู้แดน...ผมรู้”

      “คุณจะต้องหาย ถ้าขาดคุณไปอีก ผมจะทำยังไง ผมจะอยู่เพื่อใคร?”

       เรานั่งกอดกันที่พื้นเยี่ยงนั้น ในหัวสมองอื้ออึงไปหมด คิดอะไรไม่ออก


       “มันยากมากถ้าให้ผมยอมรับว่า...ต้องสูญเสียคุณไปอีก คุณอย่าทำกับผมแบบนี้นะชิพ ได้โปรด...ผมไม่อยากต้องทนอยู่กับความอ้างว้างโดดเดี่ยวตามลำพังแบบเดิมอีก คุณต้อง-“

       ชิพหยุดคำพูดของผม เช็ดน้ำตาให้...ดวงตาของเขาก็รื้นแดงและเต็มไปด้วยคราบหยาดน้ำใสเช่นกัน แววตาของเขาทั้งเหนื่อยล้า เจ็บปวด และเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆมากมาย

       “ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้คุณรู้...ผมตรวจพบก้นเนื้องอกในสมองตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว”

      ยิ่งฟัง ยิ้งรู้ มันก็เหมือนสติของผมจะยิ่งอยู่ห่างไกลออกไปทุกที…

       “ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณ เพราะผมก็กลัว กลัวมาตลอดเวลาว่าหากคุณรู้ คุณจะคิดเพียงว่าผมสามารถอยู่กับคุณได้อีกไม่นาน...”

      ชิพสูดจมูก

       “ผมเลิกรักษามัน จนกระทั่งคุณก้าวเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้ง คุณทำให้รู้ว่า...ชีวิตของผมมีค่าที่จะอยู่ต่อ เพื่อคุณ...”

      “ยังโชคดีที่เนื้องอกที่กลับมาอีกครั้งยังไม่กลายเป็นมะเร็ง...แต่ผมก็กำลังจะหาย หมอบอกว่าการผ่าตัดครั้งนี้ หากประสบความสำเร็จ มันจะทำให้ผมหายขาดจากโรคนี้”

       กัดริมฝีปากตัวเองแน่น วินาทีนั้น...ความรู้สึกคล้ายกับสูญเสียจิตวิญญาณบางส่วนมันช่างไร้คำอธิบายใดๆ...ผมไม่อยากพูดแบบนี้เลย แต่ถ้าคุณไม่เคยรักใครสักคนสุดหัวใจแบบนี้ และรู้ว่าเขาอาจกำลังจากคุณไป...ตลอดกาล มันเจ็บปวดเพียงใด

       หากต้องไม่ได้เห็นหน้าเขา...

       หากต้องไม่ได้ยินเสียงเขา...

       หากเวลาของเราสองคนหมดไป...

       หากผม...จะไม่ได้ฟังเสียงหัวเราะ พูดคุย ใช้ชีวิตร่วมกับเขาอีกต่อไปแล้ว...

       ...นึกไม่ออกเลย ว่าชีวิตที่เหลือทั้งชีวิตจะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน?

       หลับตาลง ก็พบแต่เพียงความปวดร้าวทิ่มแทงนัยน์ตา ผมพยายามเค้นเสียงพูดที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ตะกุกตะกักขาดหายเป็นช่วงๆเพราะแรงสะอื้น

       “ผมจะไม่ยอมสูญเสียคุณไปอีก...บอกผมมาซิ ว่าคุณต้องหาย ขอร้อง...คุณอย่าทิ้งผมไปอีกเลย”

       รู้ว่าพร่ำรำพรรณไป มันก็เท่านั้น...หลอกตัวเองว่าเขาจะหาย แต่ใครจะรู้...เพราะอนาคตน่ะเล่นตลกกับเราเสมอ

       “คุณรู้มั้ย...คุณรู้มั้ยว่าผมใจสลายแค่ไหนที่รู้ความจริง”

      ชิพกอดผมแน่น น้ำเสียงปลอบประโลม

       “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...แดน...สิ่งที่เกิดขึ้นคือว่าผมรักคุณมาก มากกว่าใครในโลกนี้”

      เราสองคนร้องไห้กันท่ามกลางเสียงสะอื้นเบาๆ บางครั้งผมก็เจ็บจนหายใจไม่ออก...เพียงแค่คิดว่าอ้อมกอดนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย โอกาสสุดท้ายของผมที่จะได้รั้งเขาไว้ในอ้อมแขนของกันและกัน...มันก็แทบทำให้ตายทั้งเป็น

       “ถ้า...ถ้าผมผ่าตัดแล้วแต่ต้องกลายเป็นคนพิการ ผมอยากให้คุณรู้ หากมีอะไรเกิดขึ้น...ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมรักคุณนะแดน”

      ผมหลับตาลง เขื่อนน้ำตาไหลพรากลงมา

       พยักหน้ามอบคำมั่นสัญญา

       “ชิพ คุณต้องหาย คุณต้องไม่เป็นอะไรเพื่อผมนะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้คุณต้องสูญเสียอะไรไปมากแค่ไหน ผมจะอยู่ข้างคุณชิพ...ผมจะอยู่ข้างคุณเอง...”

      …………………………………

       ………………………….

       ……………..

       ……..



       ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมา ผมทำใจไว้แล้ว...วินาทีที่รับรู้ความจริง และโทรศัพท์ข้ามทวีปไปคาดคั้นเอาจากปากของไอ้แอลเอาอีกที...ทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าผมเป็นคนเดียวที่โดนปกปิดไม่ให้รู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ชิพป่วย...นั่นคงเป็นสาเหตุที่เขาอ่อนแอบ่อยๆ แลดูทรุดโทรมลงช่วงนี้

       ชิพแอบกลับไปรักษาโรคเนื้องอกในสมองเมื่องสองเดือนที่แล้ว...ผมก็เพิ่งสังเกตว่าเขาดูไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน...

    แล้วมันสายไปหรือเปล่า?

       ...เขาเคยผ่าตัดแล้วครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะไม่เกิดสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น แต่การผ่าตัดทุกครั้งก็เป็นการเสี่ยงอันตรายมาก ทว่าเขาพร้อมและยินดีจะเสี่ยง...เขาบอกว่าเพื่อให้ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อผม เขาก็พร้อมยอมแลกมาซึ่งทุกอย่าง...

       หมอเริ่มรักษาด้วยยาก่อน แล้วเดือนหน้านี้ชิพต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัด หลังจากนั้นเขาต้องทำบำบัดคีโมฯ...เขาว่ากันว่าไอ้คีโมฯนี่เป็นส่วนที่ยากที่สุดสำหรับคนป่วยทางด้านนี้ เพราะมันจะเจ็บปวดแสนสาหัส ทรมานอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยทีเดียว

       แต่ผมพร้อมจะต่อสู้มันไปพร้อมกับเขา

       ถ้านี่คือบททดสอบของฟ้า...มันคงเป็นบททดสอบสุดท้ายของความรักสองเรา

       ความรัก...ที่ผ่านเรื่องราว การสูญเสีย คราบน้ำตา และช่วงเวลาดีๆมามากมาย

       แต่รู้อะไรมั้ย? มันไม่ได้บั่นทอดความผูกพันของเราลงแม้แต่น้อยเลย

       จนในที่สุด...มันก็คือความรักบริสุทธิ์แท้จริง ที่คั่นกลางระหว่างคนทั้งคู่

       ไม่ใช่ช่องว่างเปล่าๆ ที่อ้างว้างโดดเดี่ยวอีกต่อไป

       …ทว่ามันคือรักแท้ เต็มสี่ห้องหัวใจ...




      โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 24 ล่าสุดนะครับ^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 04-08-2008 22:51:03
กลัว ใจคนแต่งอะ

แบบว่าร้อง ตอนแรก แล้ว ตอนจบ จบ แบบ happy ending ชิมิ


ม่าอยาก ร้องไห้ อะ


ร้องไห้มากับหลายๆๆเรื่องแล้ว

เฮ้อ


กราบงามๆๆ  หลายที

 :sad2:


หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 04-08-2008 22:53:56
ร้องไห้ดีใจ หรือ เสียใจอ่ะ?

ปมปริศนา  :a11:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 04-08-2008 23:13:02
ถ้าจบเศร้านะ จะเลิกรักน้อง ALEX ตลอดไป  :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 04-08-2008 23:27:02
เกลียดโรคนี้มากๆ  o7
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 05-08-2008 00:18:19
ขอเหอะ จบเศร้ามาสองภาคแล้ว ภาคจบนี่ขอให้มัน happy มั่งเหอะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 05-08-2008 01:37:24
 :m15:

อย่าเศร้าเลยนะคะ ขอร้องงงงงงงง  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 05-08-2008 02:27:12
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

เรื่องนี้ทำให้ผมร้องไห้มากที่สุดเลยครับ

เศร้าได้ใจจริงๆๆ ขอให้การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีเถอะครับ

เพื่อเห็นแก่ความรักแท้ของผู้ชายตัวน้อยๆ2คนบนโลกใบนี้

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:     สาธุ    :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

เป็นกำลังใจให้ครับผม ชอบมากเลย

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 05-08-2008 07:52:59
 :m15: :m15: :m15: พูดไม่ออกอ่ะ  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: lanlan ที่ 05-08-2008 09:18:47
ไหนชื่อเรื่องบอกจะไม่มีช่องว่างไงโห่.....
ไม่กล้าอ่านแล้วแววเคล้าน้ำตาแกลๆๆๆ--"
ง่าทำไมคนแต่งทุกคนชอบให้ออกมาในลักษณะนี้ล่ะงอลลลลล :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 05-08-2008 09:54:58
แงๆๆ

สงสารชิพอ่ะ

ผ่าตัดแล้วให้หายได้มั้ย

ไม่ชอบขมแบบนี้เท่าไหร่

ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-08-2008 11:14:12
บีบคั้นสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใจร้ายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 05-08-2008 12:35:20
เฮ้อ...

ไม่รู้เวรกรรมอะไรกันนักหนาสิน่ะ

เศร้าจริงๆ เลย แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :sad2:   :sad2:   :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 05-08-2008 18:51:39
 :o

อะไรกันนี่  :serius2:

Alex อย่าทำงี้สิ แต่งไปร้องไป แถมตอนนี้ยัง o7

บีบหัวใจคนอ่านจริงๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 25 เฮ้อ~~~สอบเสร็จแย้ว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-08-2008 19:09:46
ก็ ไม่มีอารายมากอ่าคับ แค่แวะมาแถม...ไม่รู้จาถูกใจคนอ่านหรือเปล่า ช่วงนี้โดนหาว่าใจร้ายเยอะเลย งุงิ ยังไงก็ขอยอมรับผิดเต็มๆอ่านะคร้าบ :m23:

เรื่องใหม่...คงยังไม่ลง แต่รับรองว่าสนุกมากๆๆ(<<<จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ!) คือจะออกแนวติงต๊องสักเล็กน้อย ตลกๆ(หรือเปล่า?) ติดตามดูกันนะครับ แต่คงอีกนาน...(เหอะๆ) :a3: :a3: :a3:

ตอนอวสานจะตามมาในอีกเร็ววันนี้นะครับ ถ้าหากไม่มีงานอะไร :a11:

ปล. ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนนิยายของผม บางคนทิ้งเม้นท์ไว้ก็เป็นปลื้มมากๆเลยครับ เห็นเเล้วชื่นใจ ที่ผมมีวันนี้ได้ต้องขอบคุณทุกคน หวังว่าทุกคนจะมีความสุข ทั้งที่มีรักและยังไม่มี...ขอให้ทุกๆคนสมหวังทุกประการนะครับ

บาย


บทส่งท้าย



       ท่ามกลางถนนที่แน่นขนัด ผมเดินโอบกอดก้าวเดินไปพร้อมๆกับร่างสูง มองท้องฟ้ายามค่ำคืนของนคร
นิวยอร์ก รู้สึกเศร้าๆยังไงไม่รู้

       “แดน อย่าทำหน้าเศร้าซิ”

      ชิพกระชับเอวของผมแน่นขึ้น ไออุ่นแผ่ซ่านออกมาปกคลุมร่างกายของผม ทว่า...พรุ่งนี้แล้วซินะที่เขาจะต้อง
เข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด ผมอดไม่ได้ที่จะปลดปล่อยความเศร้าโศกที่เก็บไว้ลึกๆข้างในนี้...


       ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ชิพบอกให้ผมพยายามร่าเริงเพื่อเขา...แต่รู้อะไรมั้ยว่ามันยาก...มันยากที่
จะยิ้มให้เขาทั้งๆที่ รู้...รู้ว่าอาจจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนี้อีก ทุกๆเช้าผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวด ทำไม...ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้

       ผมพยายามดูแลเขาสุดความสามารถ ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือน
สั้นๆจะเต็มไปด้วยความสุขและความหมายล้ำค่าต่อผมมากมายแค่ไหน

       เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำมากมาย ผมพยายามไม่โกหกตัวเอง แต่ปกปิดความรู้สึกเอาไว้ข้างในลึกๆ...ทุกๆบ่าย
เราจะออกไปนั่งๆนอนๆรับลมเย็นในCentral park มีเขานอนหนุนตักผมในขณะที่กำลังอ่านหนังสือให้เขาฟัง เราเข้านอนพร้อมๆกัน
บนเตียงอุ่นทุกคืน และไม่มีแม้แต่วันเดียวที่เราอยู่แยกจากกัน

       มันเป็นหนึ่งเดือน...หนึ่งเดือนที่คุ้มค่าจริงๆ เพียงแค่คืนนี้...คืนนี้ผมอดทนทำเป็นร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิด
ขึ้นไม่ได้...

       เหตุการณ์ที่ทำให้ชิพต้องเข้ารับการผ่าตัดเร็วขึ้นกว่าเดิมสองอาทิตย์นั่นเป็นเพราะครั้งหนึ่ง เขาเคยหน้ามืด
ล้มลงบนพื้น ดีที่ผมคว้าร่างของเขาไว้ได้ทัน...หมอบอกว่าก้อนเนื้อขนาดเท่าลูกมะนาวในสมองส่วนท้ายของชิพกำลังขยายตัวขึ้น
อย่างรวดเร็ว ทว่ายังไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับการเปลี่ยนตัวเป็นก้อนเนื้อร้าย...ทุกคนจึงลงความเห็นให้ชิพรีบผ่าตัดซะ

       แต่มันเท่ากับว่า...เวลาที่ใกล้จะหมดลง...คืบคลานเข้ามาทุกวินาที

       ผมพยายามทำให้ทั้งเขาและตัวเองมีความสุข คอยอยู่เป็นเพื่อนเขา คอยมอบสิ่งดีๆให้เขายิ้มและเป็นกำลังใจ
ให้กันและกัน...ผมสาบานกับตัวเองว่าผมจะคอยอยู่เคียงข้างเขาจนวินาทีสุดท้าย หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ...ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งเขาไป
ไหนอีก

       คืนนี้แม่ของผมจะบินจากแอล.เอ.มาอยู่เป็นเพื่อน ระหว่างที่ชิพไม่อยู่...ท่านทราบเรื่องหมดแล้วหลังจากผม
โทรฯไปบอก และยินดีจะมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนผม ท่านบอกว่าจะช่วยดูแลชิพตอนพักฟื้นด้วย เพราะยังไงเสีย...ท่านก็นับชิพเป็นลูก
ชายอีกคนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว

       ส่วนแอลกับคุณอรเลขาส่วนตัวของชิพ และหนูน้ำผึ้งจะบินตามมาสมทบทีหลัง ไอ้แอลต้องเคลียล์งานที่
บริษัทก่อน เนื่องจากมันจะหยุดยาวเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนชิพเช่นกัน

       “แดน...มองผมซิ”

      เสียงเรียกของเขาดังปลุกสติผม รอบข้างเต็มไปด้วยบรรยากาศที่วุ่นวาย ผู้คนพูดจอกแจกจอแจ ผมกลับได้
ยินแต่เสียงหัวใจเต้นตึกตัก...เต้นอย่างปวดเร้า น้ำตาพลันจะไหล

       “แดน ยิ้มเพื่อผมนะ...อย่างน้อยวันนี้”

      ผมฝืน...บอกตามตรงว่าฝืนยิ้มเช่นนั้นออกไปจริงๆ ข้างในผมมันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี เชื่อมั้ยว่าตอนนี้ชิ
พดูผอมลงแล้วก็ดูแก่ลงมาก ตอนกลางคืนเขานอนกำผ้าปูที่นอนต่อสู้กับความเจ็บปวดในสมอง...ถ้าผมสามารถแบ่งความเจ็บปวด
เหล่านั้นมาได้ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ผมก็ยอม

       เพียงเศษเสี้ยวของความเจ็บในหัวใจ มันเทียบไม่เท่าความเจ็บปวดกายใดๆในโลกนี้เลย

       “เรากลับกันเถอะ วันนี้ผมสูดอากาศเต็มที่แล้ว”

      เรากลับเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์ ผมเกลียดตัวเอง และเกลียดทั้งเขา...ที่เรายังแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างยังคงปกติ
ไม่มีความคิดสิ้นหวังหรือความเสียใจ ชิพยิ้มเสมอกับโรคร้ายนั้น รอยยิ้มของเขาทำให้ผมละอาย...เขาซะอีกที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
แต่ผมอดกลั้นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ขอเพียงแค่วันนี้...วันนี้เท่านั้นที่ผมจะยอมแสดงความรู้สึกอ่อนแอออกมา

       ชิพต้มน้ำร้อนเพื่อชงชา เรานั่งกอดกันอยู่บนโซฟาหน้าทีวีฯ เวลาผ่านไป ผมเฝ้ามองนาฬิกา แทบจะฟังอะไร
ในกล่องสี่เหลี่ยมนั่นไม่รู้เรื่องเลย และแล้วน้ำตามันก็ไหลพรากลงมา เงียบๆ...

       “ชิพ...”

      ผมกัดฟันแน่น ขบกรามจนปวด เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเหล่านั้นไว้ หูตาพร่ามัว...ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ มัน...ว่าง
เปล่าไปหมด เพียงความคิดที่ว่าผม ‘อาจ’ จะสูญเสียชิพไปตลอดกาล มันก็ทำผมถึงจุดสติแตกได้ง่ายๆ

       “อย่าร้องไห้เลยนะครับแดน”

      น้ำเสียงของเขาปลอบประโลม ผมไม่ใช่เหรอที่ต้องเป็นกำลังใจให้เขา?...

      แย่จัง

       ชิพเบาเสียงทีวี เขากุมมือผมไว้แล้วกอด...อ้อมกอดที่อบอุ่น น้ำตาอุ่นร้อนไหลลงมา ผมมั่นใจว่าจะไม่มีใคร
ในโลกนี้ที่เข้าใจความรู้สึกของผมได้อีกแล้วในตอนนั้น...มันเคว้งคว้าง หวาดกลัว และสับสน

       “ชิพ...ผมกลัว กลัวว่า...”

      “ชู่ว์~~~”

      ชิพจูบหน้าผากผมเบาๆ ผมก็ยังไม่หยุดร้อง มันแปลกนะ ความเจ็บหน่วงลึกในโพรงอก ที่ไม่เคยเป็นรุนแรง
มากเท่านี้มาก่อน เหมือนจะตายจริงๆเลย...ที่แน่ๆคือผมไม่เคยเจ็บมากขนาดนี้มาก่อนเลย

       “คุณต้องเข้มแข็งนะแดน คุณต้องเข้มแข็งเพื่อตัวเอง เพื่อแม่ของคุณ เพื่อนๆของคุณ และที่สำคัญคุณต้อง
เข้มแข็งเพื่อผม...”

      ผมยกมือขึ้นลูบซีกหน้าหล่อเหล่าของเขา หลับตา...จดจำสัมผัสเหล่านั้นไว้ ลืมตา...ชิพเริ่มมีหยาดน้ำใสเอ่อ
คลอ...มือของเขาสั่น ผิวเย็นเชียบ ผมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น จดจำไว้...จดจำลมหายใจอบอุ่นนี้ไว้ จำทุกอย่างให้ลึกสู่ห้วงหัวใจ
และสาบานกับตัวเองในวินาทีนั้น...

       ผมขอมอบหัวใจทั้งดวงให้เขาครอบครอง

       “ผมรู้ว่าคุณเสียใจ...แต่คุณต้องเชื่อ คุณต้องเชื่อว่าผมจะหาย”

      ผมพยักหน้า แล้วเราก็สวมกอดกัน จูบลึกซึ้ง...แทนคำกล่าวลาหรือเปล่าไม่รู้ได้...ผมได้มอบทั้งความรัก
ความห่วงใย ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดทั้งมวลและจิตวิญญาณ...ผ่านจูบนั้นให้เขาไปหมดแล้ว

       “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง...ขอบคุณนะครับแดน”

      เขาก้มลงจูบมือผม หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมา ความรวดร้าวตีกระพืออยู่ข้างใน เขากุมมือผมไว้ขณะจ้องกลับ
มาด้วยดวงตาแดงร้อนผะผ่าว...

       “คุณคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ฟ้าส่งมาให้ผมจริงๆ…”

      “คุณไม่รู้หรอก ว่าหากผมขาดคุณ...ชีวิตผมมันจะมุ่งไปทางไหน…”

      “คุณไม่รู้หรอก ว่าหากผมไม่ได้รักคุณ...ผมจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร…”

      ชิพเอามือผมขึ้นแนบหน้า เขาหลับตาลงและทำท่าเหมือนจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้เช่นกัน เราต่างพยายาม...
พยายามใช้เวลาให้คุ้มค่า คุ้มกับทุกวินาทีที่มันผ่านพ้นไปในค่ำคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้ต่อไป...คงต้องให้โชคชะตากำหนดเอาเอง...

       “อ้อ ใช่ซิ ผมมีอะไรอยากให้คุณดู...”

      จู่ๆเขาก็ลุกพรวดออกไป ผมนั่งนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ครู่หนึ่งเข้าก็กลับมาพร้อมกับลังกระดาษใบใหญ่...ค่อยๆวาง
ลงบนตักผม ชิพคะยั้นคะยอ

       “เอาซิ เปิดเลย”

      ผมปาดน้ำตาให้มองเห็นชัดๆ ฝากล่องค่อยๆถูกเปิดออก ข้างในเป็นกองผ้ากำมะยี บนนั้นมีเจ้าลูกหมาพันธุ์ลา
บาดอร์สีน้ำตาลตัวเล็กน่ารักนอนขดตัวอยู่ ผมอ้าปากค้าง ชิพยิ้มร่า...รอยยิ้มของเขาทำให้ผมพอคลี่ยิ้มบางๆได้บ้างเหมือนกัน

       “ฮือ? นี่มันอะไรกันครับเนี้ย?”

      ชิพช้อนเอาร่างเจ้าตูบขึ้นมาอย่างเบามือ ตัวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ส่ายหัวไปมา สักพักก่อนจะอ้าปากหาววอด...เปิด
เปลือกตาขึ้นมามองผมสลับกับทำท่าจะหลับต่อ =_=”

       “ก็เจ้าหนูนี่เป็นลูกของเราไง เขาชื่อดิฟ พ่อแดนทักทายเขาหน่อยซิครับ”

      ชิพดัดเสียงเป็นเด็กน้อยแทนเจ้าหนูนี่ แล้วก็ทำท่าเอามือมาแตะๆผมประมาณว่าขอให้อุ้มที แต่ขนาดนี้แล้ว
เจ้าดิฟก็ยังไม่ลืมตาตื่นกับเขาซักที ผมได้แต่หัวเราะแล้วรับมันมาวางไว้บนอก ในอ้อมกอดอุ่นๆ...เจ้าดิฟซุกตัวเข้ามาแล้วหลับปุ๋ย
อย่างสบายอารมณ์

       ผมหันไปทางชิพ

       “นี่คุณแอบเอามันมาตั้งแต่เมื่อไร?!”

       เขาดูพึงพอใจที่ผมตื่นเต้นไปกับ ‘ลูกชาย’ คนใหม่ของเรา...นิ้วเรียวลูบหัวนุ่มสีน้ำตาลนั้นอย่างทะนุถนอมเบา
มือ

       “เมื่อเช้านี้ ผมแอบเอาเขาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วก็แอบให้นมตอนคุณเผลอน่ะซิ...โชคดีที่เขาไม่ร้องส่งเสียงเลย
คุณเลยเซอร์ไพรส์ได้ ฮ่าๆๆ เก่งมากลูกพ่อ!”

      เจ้าดิฟน่ารักมากกกกกก >.< น่ารักจนผมหลงรักตั้งแต่แรกพบ(เฮอะๆ) ทำให้ลืมคิดถึงเรื่องพรุ่งนี้ไปได้บ้าง

       “ชื่อดิฟ...ชื่อแปลกๆยังไงไม่รู้นะ”

      “เอ้า~~~ก็เขาเป็นลูกของคุณ ลูกของผม ไม่ให้ชื่อดิฟแล้วจะชื่ออะไรล่ะคร้าบคุณพ่อแดน”

       อ่ะจ้าๆ คุณพ่อชิพ

       “เวลาที่ผมไม่อยู่...คุณกอดเขานะ จะได้เหมือนกอดผม คุณคุยกับเขา จะได้เหมือนคุยกับผม”

      เอาแล้ว...อารมณ์ตื้อๆรื้นขึ้นมาอีกแล้ว =_=”

       “คุณช่วยดูแลเขาเหมือนลูกของเรา แล้วผมจะนอนฝันถึงคุณกับเขาทุกคืน...คุณอย่าลืมเอาเขาเข้านอนด้วยล่ะ
เจ้าหมอนี่ดูท่าจะนอนได้ทุกทีทุกเวลา เดี๋ยวหนาวตายพอดี”

      พูดถึงเรื่องความตาย...ผมสะดุ้ง

       “อ่ะ...ผมขอโทษครับ เผลอไป”

      ผมรับปากเขาว่าจะกอดมันแล้วคิดถึงคุณทุกคืนเช่นกัน แล้วเราก็พาดิฟเข้านอน ส่วนชิพกับตัวผมค่อยๆล้ม
ตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน ห่มผ้าพร้อมกับกอดแบ่งปันไออุ่น...รู้สึกโล่งอกเล็กน้อยและไม่กลัวเท่าที่เคย เพราะอ้อมกอดนี้ช่างแข็ง
แรง...แข็งแรงและอบอุ่นเหลือเกิน

       “ผมรักคุณครับแดน...”

      เสียงทุ้ม...เสียงที่จะดังก้องอยู่ในโสตประสาทตลอดไป

       “ครับ ผมก็รักคุณเหมือนกัน...”

       ......................................................

       .......................................

       ..........................

       ……………..

       หน้าห้องพักเตรียมคนไข้เข้าสู่ห้องผ่าตัด แม่ แอล และคุณอรเดินออกมาหลังจากพูดคุยให้กำลังใจกับชิพเสร็จ
แม่เดินเข้ามากอดผม...นัยน์ตาท่านแดงๆ

       “พวกเราคุยเสร็จแล้ว ตาแดนแล้วล่ะ”

      ทุกคนเดินหลบออกไป เหลือแต่ผม...ขาหนักอึ้งสั่งให้ก้าวไปข้างหน้าเอง ผมหยุดยืนอยู่ในห้องครื้มๆ มีร่าง
ของชิพนอนเหยียดยาวอยู่เงียบๆ เขาหันหน้ามามองผม ยากำลังออกฤทธิ์...เสียงเครื่องวัดชีพจรทั้งหลายแหล่ดังต่อเนื่อง

       ก้าวไปข้างหน้า พร้อมเผชิญกับความเจ็บปวดใจอันแสนยากลำบาก เป็นครั้งสุดท้าย...

       “ไง...”

      ผมนั่งลง กุมมือเขาที่ยื่นรอรับอยู่...น้ำตาพลันไหลริน ใบหน้าที่ชิพมองมาเต็มไปด้วยความสุข เขายิ้มกว้างให้
ผม หยาดน้ำใสหยดหนึ่งไหลลงมาจากหางตา

       “เราไม่จำเป็นต้องทุกข์หรอกนะ เพียงแค่เรามีความสุขทุกวัน มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ?”

      เขาจับมือผม จับมือของเขา ทาบไปไว้บนหน้าอกของเราสองคน จ้องตากัน

       “เราจะมีกันและกันอยู่ตรงนี้ ในนี้...ตลอดไป”

       เขาปิดเปลือกตาลง นางพยาบาลมายืนรอเข็นเขาเข้าห้องผ่าตัดแล้ว ผมลูบหัวเรียบเนียนที่เกิดจากการโกนผม
ออกอย่างทะนุทนอม ในที่สุด...ผมก็ได้อยู่กับเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายที่สามารถอยู่ได้แล้ว ผมดีใจที่รักษาคำสัญญาไว้ได้ ตอนนั้นต้อง
กัดฟันตัวเองไม่ให้ปล่อยโฮออกมา

       ผมกลัวครับชิพ...ผมกลัว

       ...‘เราจะมีกันและกันอยู่ตรงนี้ ในนี้...ตลอดไป’…   

       นึกถึงคำพูดของชิพที่จู่ๆก็ดังขึ้นในหู จริงซินะ...ผมมีเขาอยู่ในนี้แล้ว ถึงเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะไม่กลัวอีกต่อไป

       “ขอบคุณนะครับชิพ ที่เลือกผม”

       จูบเขาอย่างแผ่วเบา กระชิบว่า ”แล้วเจอกันนะ...”

      ผมปล่อยให้นางพยาบาลเข็นเตียงออกไป ตามทางเดินสีขาวในโรงพยาบาล วันนี้ท้องฟ้าในนิวยอร์คมืดครึ้ม
เป็นพิเศษ ทำให้เวลาสิบโมงเช้าแบบนี้ดูเหมือนเวลาใกล้โพล้เพล้เสียมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากแต่ทว่าทำให้ผมยิ่งรู้สึกหดหู่เข้าไป
อีก...

       แสงจ้าจากทางเดินทำให้ถึงกับต้องยี้ตา ผมนั่งลง ปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูต่อไป ได้แต่เพียงภาวนาว่า
ทุกอย่างจะราบรื่น...ทุกอย่างจะออกมาดี

       ... ‘เราจะมีกันและกันอยู่ตรงนี้ ในนี้...ตลอดไป’...

          



       โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 05-08-2008 19:19:59
มาจิ้ม อิอิ

แต่ปล่อยให้ค้างอีกแล้ววววว  :serius2:

ยังไงก็จำไว้นะ  :angry2: ถ้าจบเศร้า เรื่องหน้าไม่มีตามไปอ่าน  o12

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-08-2008 19:23:23
มาจิ้ม อิอิ

แต่ปล่อยให้ค้างอีกแล้ววววว  :serius2:

ยังไงก็จำไว้นะ  :angry2: ถ้าจบเศร้า เรื่องหน้าไม่มีตามไปอ่าน  o12

 :laugh: :laugh:




อ่าครับ โธ่ๆ...อย่าเพิ่งงอนซิครับ

ก็เข้ายอมให้จิ้มแล้วไง อิอิ

(แบบว่า ล้อเล่นอย่างแรง เดี๋ยวคนใกล้ตัวว่า  :laugh:)
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 05-08-2008 19:39:05
รู้น่าว่าคนแต่งใจดี ไม่ให้เศร้าหรอก  :o8:

ว่าแต่ก้อเสียวอยู่นะๆๆๆ ห้ามเศร้า น้า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-08-2008 19:57:47
รู้น่าว่าคนแต่งใจดี ไม่ให้เศร้าหรอก  :o8:

ว่าแต่ก้อเสียวอยู่นะๆๆๆ ห้ามเศร้า น้า

อ่าครับพี่ แฮะๆ ไม่แน่น๊า~~~ :oni1:

ปล. ไม่อยากบอกเลยว่าเข้าไปในไฮไฟพี่ตั้งนานแล้ว ตัวจริงจาสวยกว่าในรูปม่ะเนี้ย อิอิ :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 05-08-2008 20:25:58
คำเดียว เรย ว่ากลัว

ไม่กล้า อ่านตอนต่อ ไปอะ

เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



 :เฮ้อ: :m15: :sad2: :serius2: :o12:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 05-08-2008 20:29:24
ถ้าจบเศร้านะฮึ่ม  o12
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-08-2008 20:32:31
คำเดียว เรย ว่ากลัว

ไม่กล้า อ่านตอนต่อ ไปอะ

เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



 :เฮ้อ: :m15: :sad2: :serius2: :o12:





อ่า...ครับ ผมยังกลัวเลย อิอิ(กลัวว่าจะไม่มีคนอ่าน :m15:)

ถ้าจบเศร้านะฮึ่ม  o12


ถ้าจบเศร้าก็... :เตะ1: รี...ล่างได้เลยครับ แฮะๆ ล้อเล่นๆๆๆ :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 05-08-2008 20:37:41
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ลุ้นอ่ะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-08-2008 21:30:36
 :m13: :m13:

 :amen: :amen:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 05-08-2008 21:33:15
กลัวใจคนแต่งจริงๆ เลย ให้ตายเถอะ  o7

ถ้าจบเศร้านะ เค้าจะ....











จะร้องไห้จริงๆ ด้วย   :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-08-2008 21:58:58
กลัววววววววววววววววววววว ใจคนเขียน อย่าทำร้ายกันเลยน่ะคับ ขอร้องหล่ะ กาซิกๆๆๆๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 05-08-2008 22:19:46
อ่านเรื่องนี้ต้องใจแข็งๆ

เพราะมันเศร้ามาตลอด

ได้แต่หวังว่าตอนจบ

คงไม่เศร้าเหมือนที่แล้วมา
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 05-08-2008 23:00:59
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่านทีไรร้องไห้ทุกที

เศร้าจังครับ สงสารชิพกับแดนมากๆๆเลยครับ

ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีครับผม

ชิพสู้ๆๆ

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-08-2008 23:09:11
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ลุ้นอ่ะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ครับ ผมก็ลุ้นเหมือนกันนะ แต่เป็นนิยายเรื่องอื่น :laugh:

:m13: :m13:

 :amen: :amen:



....


กลัวใจคนแต่งจริงๆ เลย ให้ตายเถอะ  o7

ถ้าจบเศร้านะ เค้าจะ....











จะร้องไห้จริงๆ ด้วย   :o12:

สาธุ...ขอให้ผมกรรมนี้ไม่สนองตอนอ่านนิยายของท่านอื่นๆด้วยเถ้อ แฮะๆ

กลัววววววววววววววววววววว ใจคนเขียน อย่าทำร้ายกันเลยน่ะคับ ขอร้องหล่ะ กาซิกๆๆๆๆ  :o12:


ฮือๆ อันนี้คงต้องรอลุ้น ใบ้ไม่ได้เลยครับ  :a11:

อ่านเรื่องนี้ต้องใจแข็งๆ

เพราะมันเศร้ามาตลอด

ได้แต่หวังว่าตอนจบ

คงไม่เศร้าเหมือนที่แล้วมา



อ่าครับ แฟนตัวยงยังต้องออกปากว่าให้ใจเเข็ง อืมๆ=_=

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่านทีไรร้องไห้ทุกที

เศร้าจังครับ สงสารชิพกับแดนมากๆๆเลยครับ

ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีครับผม

ชิพสู้ๆๆ

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


ครับ ตอนจบที่แต่งไปผมก็ร้องไห้เหมือนกัน มันเศร้าอ่า ไม่อยากเชื่อว่าแต่งนิยายทั้งสามภาคจบแล้ว มันเหงาๆ...เหมือนชิพกับแดนจะหายไปจากวงจรการเขียนนิยายของผม ฮือๆ...แต่ก็อ่าครับ สู้ๆนะครับ :m29:(<<<ควรบอกตัวเองเปล่าหว่า?)

ขอบคุณทุกคนมาก ที่เป็นกำลังใจให้กันจนถึงตอนนี้

ย้อนกลับไปฟังเพลงที่ชิพร้องให้แดนฟังตอนไปทะเลซิครับ...เพลงชื่อวันเวลา ฟังทีไร บ่อน้ำตาแตกเต็มปี้บทุกที...
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 05-08-2008 23:22:25
ฮื้ออออ พี่คนเขียนฮะ น้ำตาไหล พรากเลยอ้า


เศร้ามากกกกกเลยอ้า



ช่วงนี้แบบว่า Sad Story กำลังบุมเหรอ งับ :m15:


ไปกระทู้ไหน น้ำตาร่วงหมดเลยอะ



กระซิกๆๆ :o12: :o12:

ฮื้อออ ขอให้ผ่านน้า ไม่ชอบโรคอาไรทีเปนกับสมองเลย รักษาย๊ากยาก


มาต่ออีกนะคับT^T :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 05-08-2008 23:36:01
ฮื้ออออ พี่คนเขียนฮะ น้ำตาไหล พรากเลยอ้า


เศร้ามากกกกกเลยอ้า



ช่วงนี้แบบว่า Sad Story กำลังบุมเหรอ งับ :m15:


ไปกระทู้ไหน น้ำตาร่วงหมดเลยอะ



กระซิกๆๆ :o12: :o12:

ฮื้อออ ขอให้ผ่านน้า ไม่ชอบโรคอาไรทีเปนกับสมองเลย รักษาย๊ากยาก


มาต่ออีกนะคับT^T :bye2:


อ่าครับน้อง crazykung

คือที่เลือกโรคนี้ เพราะมีประสบการณ์คนใกล้ตัว คือคุณแม่พี่เองท่านเป็นโรคนี้เมื่อหลายปีก่อน รายนี้หนักกว่าชิพอีก...พอจะรู้เรื่องบ้าง ก็เลยเอามาแต่ง จะได้ไม่ไกลตัวเดี๋ยวโดนจับได้ว่าไม่รู้จริง 555+
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 05-08-2008 23:52:53
หักมุมเลยคับ  o7 ขอร้องล่ะ อย่าให้มันต้องเศร้ามากไปกว่านี้อีกเลยน่ะ เพราะตั้งแต่อ่านมาเนี๊ย ยังไม่เห็นตอนไหนที่ไม่เศร้าเลยน่ะ ชีวิตคนเรามันจะมีแต่บทโศกไปตลอดเลยรึยังไง :เฮ้อ:
ตั้งแต่อ่านมาตั้งแต่ภาคแรคยังภาคนี้ มีแต่ทะเลาะ พลัดพลาก รอคอย (ถึงจะมีแอบหวานหน่อยก็เห่อะ) แต่มันจะเศร้ามากไปไหม๊?  :o12:

ขอร้อง หักมุมไปเล๊ย :a1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-08-2008 00:06:34
หักมุมเลยคับ  o7 ขอร้องล่ะ อย่าให้มันต้องเศร้ามากไปกว่านี้อีกเลยน่ะ เพราะตั้งแต่อ่านมาเนี๊ย ยังไม่เห็นตอนไหนที่ไม่เศร้าเลยน่ะ ชีวิตคนเรามันจะมีแต่บทโศกไปตลอดเลยรึยังไง :เฮ้อ:
ตั้งแต่อ่านมาตั้งแต่ภาคแรคยังภาคนี้ มีแต่ทะเลาะ พลัดพลาก รอคอย (ถึงจะมีแอบหวานหน่อยก็เห่อะ) แต่มันจะเศร้ามากไปไหม๊?  :o12:

ขอร้อง หักมุมไปเล๊ย :a1:



อ่าครับ บางครั้ง ผมก็นั่งคิดนะ...ว่าชีวิตคนเราคนหนึ่งจะเศร้าได้มากถึงขนาดนี้เลยเหรอ

แต่ไม่มีสิ่งไหนเป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ใช่มั้ยล่ะครับ?

ตอนแรกที่ตั้งใจเขียน ก็กะให้เป้นเรื่องเศร้า ก็เศร้ามาตลอดทั้งเรื่อง ตอนนี้สมใจอยากแล้ว ส่วนตอนอวสาน คงต้องติดตามกันนะครับmarchmenlo อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 06-08-2008 00:10:35
เศร้า  :a5: :o12: ถ้าจบไม่สวย เค้าจะ......


วิ่งไปร้องไห้

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 06-08-2008 01:37:04
เศร้า  :a5: :o12: ถ้าจบไม่สวย เค้าจะ......


วิ่งไปร้องไห้



งั้นเค้าตามไปด้วยคน พร้อมกับอีกหลายๆคนในบอร์ดแน่ๆเลยครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 06-08-2008 13:42:16
รออ่านตอนจบครับ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 06-08-2008 14:04:42
คอยดูสิ o12 จะตามไปเอาเข่งดอกไม้ ทุ่มใส่หัวน้อง ALEX ถึงที่เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sommod ที่ 06-08-2008 21:54:33
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 06-08-2008 23:18:16
 :dont2: ไม่~ อย่าเป็นไรนะ ซิพต้องหายเป็นปกติ~   :serius2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 07-08-2008 10:04:40
จะเศร้าไปหน่ายยย จะทำร้ายคนอ่านจนถึงนาทีสุดท้ายเลยชิมิ :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-08-2008 17:50:19
สวัสดีครับ

เอาล่ะครับ มาถึงตอนอวสานกันแล้ว 555+ ตื่นเต้นมั้ยครับ เอาเป้นว่าไปอ่านกันเลยดีกว่า ส่วนเรื่องตอบเม้นท์ หลังจากนี้ไปผมจะมาตอบเม้นท์ขอบคุณทุกคนเป็นการส่วนตัวเลยนะครับ (จะพยายามนะครับ)

แต่ก็ต้องขอบคุณตรงนี้ด้วย ทั้งผู้อ่านทั้งหลาย เจ้าของบอร์ดและพั้ๆทุกคนที่ดูเเลความเรียบร้อย ขอขอบคุณแฟนๆที่ตามอ่านเรื่องนี้มาอย่างเหนียวแน่น สัญญาว่าฟ้าใหม่ส่องอำไพ จะเอานิยายเรื่องใหม่มาลงเอย กริ้ว~~~!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
. >>> เอ๊ะ เหมือนโดนแกล้ง...55+


v
v
v
v
v
อ๊ะ ล้อเล่นๆ =_="




ตอนอวสาน

       

        วันเวลาที่มีค่า คือความหมายอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตของผม

       ...เขาว่าเอาไว้ว่า หากได้รู้จักรัก ได้ลองรักใครสักคน...

       เราจะไม่เสียดายที่เกิดมาเป็นมนุษย์

       วันนี้ มีทุกๆอย่างเปลี่ยนไป มากเพียงใด...ผมนึกถึงเขา หัวใจข้างในพลันอุ่นวาบขึ้นมา ความรู้สึกดีๆไหลเติม
เต็มมากมายจนล้นปรี่...

       นิวยอร์ค...เมืองใหญ่ที่วุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ท่ามกลางตึกระฟ้าสูงตระง่านรายรอบ ผมนั่งอยู่บนม้านั่ง
ในสวนสาธารนะใจกลางกรุง ท้องฟ้าปลอดโปรงแจ่มใส เสียงนกร้อง เสียงลมที่แวกผ่านช่องตึกมาในอากาศ เสียงผู้คนต่างใช้ชีวิต
ดำเนินไปตามปกติ...ผมหลับตาลงรับแสงแดดอุ่นๆและสายลมเย็นสบาย หอมจางไปด้วยกลิ่นดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิภายในสวนกว้าง
แห่งนี้

       ที่นั่งข้างๆว่างเปล่า...ผมยิ้ม ยิ้มให้กับทุกอย่างที่ผ่านมาและประกอบขึ้นเป็นชีวิตของผม ภาพความทรงจำที่มี
ความหมายมากมาย ผมเริ่มนึกย้อนไปตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อน มันคือสิบห้าปี...ที่หัวใจดวงนี้ได้เรียนรู้จักคำว่า....

       รัก

       เด็กหนุ่มท่าทางเกเรที่หาเรื่องผมครั้งแรกที่พบหน้าในโรงอาหารโรงเรียนเก่า...เพื่อนที่แสนดี  ความสัมพันธ์
พัฒนากลายมาเป็นความรักเมื่อความผูกพันเพิ่มมากขึ้น ยิ่งนับวัน...เรายิ่งถูกมัดเข้าหากันด้วยสิ่งที่เรียกว่ารัก...แม้มันจะต้องผ่าน
คราบน้ำตามานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านความผิดหวัง การพัดพราก...มากมายแล้วก็ตาม

       แต่มันสอนให้ผมรู้ว่า ชีวิตนี้มีคุณค่า เมื่อได้เรียนรู้ และพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องราวเหล่านั้น

       ทว่าตอนนี้...

       เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลัง มือหนาวางลงบนไหล่...

       ความอบอุ่นแผ่ซ่านเต็มห้องหัวใจ ผมกุมมือใหญ่นั้น เขาค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างๆกาย เราสองคนนั่งยิ้ม
เงียบๆมองไปยังถนนที่คราคร่ำผู้คน มองท้องฟ้าสว่างสดใส มือที่ยังคงเกาะกุมมอบความรักความอบอุ่นผ่านร่างกันและกัน ไม่ต้อง
มีคำพูดใดๆ...มีแค่เพียงใจสองดวงที่สื่อถึงกัน

       ผมมองหน้าเขา ขยับเข้าไปใกล้...เอนกายพิงร่างของเขา...เสียงทุ้มดังกังวาน ผมหลับตาลง

       “อากาศดีจัง"

      เป็นคำพูดง่ายๆ แต่แฝงไปด้วยกระแสแห่งความรักและอ่อนโยน

       "หิวหรือยัง ฮื้อ?"

      ผมส่ายหน้า เจ้าของร่างสูงหัวเราะกลั้วลำคอ ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มบนศีรษะของผม...มันคือความรู้สึกเป็น
สุข...สุขที่ได้รักเขา สุขที่ได้มอบความรู้สึกนี้ให้แก่ชายคนนี้

       ชิพโอบกอดผม รู้อะไรมั้ย?...ว่าหัวใจผมมันพองโตมากแค่ไหน มันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากเขา

      มันไม่ใช่ความรัก ที่รักอย่างบ้าคลั่งเหมือนที่เราเคยเป็นกันมาก่อนๆ มันคือความรักความเข้าใจ รักอย่างมีสติ
มีเหตุผล มันคือความห่วงใยผูกพัน มากกว่าความคลั่งใคล้ปรารถนา

       หลังจากผ่าตัด ชิพก็ต้องพักฟื้นอยู่นานหลายสัปดาห์ ตอนแรกๆที่ทำเคมีบำบัด ช่วงนั้นอาจจะยากลำบากสัก
หน่อย...แต่ผมก็คอยอยู่เป็นกำลังใจร่วมไปกับเขาตลอดเวลากระทั่งบัดนี้ ชิพกลับมาสุขภาพดีเหมือนเดิมแล้ว อาจจะต้องระวังเรื่อง
การพักผ่อนและคอยดูแลสุขภาพนิดหน่อย ซึ่งต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เขาเพียงแต่อ้วนขึ้นจากยาสเตอร์รอยล์บ้างเท่านั้น ส่วนกลุ่ม
ผมยาวนุ่มสลวยก็ขึ้นมาดั่งเดิม เป็นสุดหล่อของผมที่อยากเห็น...อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้ว่าชิพเริ่มป่วย

       ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าชิพปลอดภัย มันโล่ง...โล่งไปหมด และทุกๆวันที่ชิพเริ่มหายดีขึ้น ทำให้หัวใจของผมเบ่ง
บาน...รู้สึกอิ่มเอมอย่างประหลาด

       นี่ใช่มั้ย...ที่เขาเรียกว่ารัก

       ผมกับเขาอาจจะคบกันมานาน แต่ผมเชื่อว่า...ช่วงเวลาปัจจุบันนี่แหละที่ผมกล้าพูดอย่างมั่นใจว่า...ทุกสิ่งคือ
ความรักจริงๆ รัก...รักอย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน

       และนั่น...คือเรื่องราวที่ผมได้ถ่ายทอดออกมาทั้งหมด เรื่องราวความรักของผม...ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค์มามาก
มายตลอดทั้งชีวิต

       “แล้ว ตอนนี้คุณอยากทำอะไรดี?”

      ชิพถาม ขณะผมกำลังเหม่อ จริงซินะ ผมกะจะออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ อีกไม่กี่
เดือนเราคงต้องกลับไปทำงานที่บริษัท หลังจากขอร้องให้แอลช่วยบริหารอยู่นานเกือบหนึ่งปีเต็มเลยทีเดียว

       “ผมชวนคุณออกมาอ่านจดหมายนี่ต่างหาก”

       ปึกจดหมายถูกดึงออกมาจากด้านในโค้ทตัวเก่งของผม จดหมาย...จากเพื่อนเก่าทั้งหลาย ผมเริ่มอ่านฉบับ

แรกให้ชิพฟัง ซึ่งก็กำลังนั่งโอบรอบไหล่ผมอยู่พลางยิ้มอย่างมีความสุข

       ฉบับแรก เป็นของแม่ผม ท่านเขียนมาบอกว่า...

       'แดน ตอนนี้ร้านของเรากำลังไปได้สวย แม่กำลังตัดสินใจซื้อร้านอาหารอินเดียตรงข้างๆ เพราะเขาขายสู้เรา
ไม่ได้ เป็นยังไงล่ะ ฝีมือแม่ของแก แล้วไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเดือนหน้าแม่จะไปเยี่ยม ฝากบอกชิพด้วยนะแม่จะหิ้วขนมไปฝากให้กิน
จนจุกไปเลย...รัก ลงชื่อ แม่'

      เราสองคนนั่งนิ่งๆกันก่อนจะหยิบฉบับต่อไปขึ้นมาอ่าน ที่ค่อนข้างใหม่หน่อย ผมเริ่มคลี่ปากซองออกแล้ว
อ่านออกเสียง

       'ถึงแดน...ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะจำผมได้หรือเปล่า แต่นี่ผมเอง...บอย เพื่อนของคุณตอนสมัยมหาวิทยาลัย ผม
ไม่ทราบว่าคุณจะรู้สึกแปลกไปหรือเปล่าหากผมติดต่อคุณแบบนี้ ทั้งที่ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว แต่ผมเพิ่งทราบว่าคุณกำลังอาศัยอยู่
ในนิวยอร์ค ส่วนตอนนี้ ผมกำลังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่ที่ออสเตรเลีย มีความสุขมาก แล้วคุณล่ะ เป็นอย่างไร
บ้าง

       อันที่จริงแล้วผมไม่ค่อยสุขเท่าไรนักหรอก เพราะงานล้นมือตลอดเวลา ไหนจะโดนเรียกตัวออกไปตระเวน
ตรวจความเรียบร้อยของสัตว์ในทุ่งตั้งแต่ตอนตีสอง...แต่ผมรักอาชีพนี้ ตอนที่กำลังเขียนจดหมายนี้กำลังว่างๆ เลยอยากบอกคุณว่า
นึกครึ้มลุกขึ้นมาเขียนจดหมายถึงคุณแบบนี้ ก็เพราะเพิ่งได้รับข่าวคราวของคุณจากใครบางคน คนที่ผมกำลังรำคาญเขาอย่างสุด
ซึ้ง...ไม่ยักรู้ว่าเขารู้จักกับคุณด้วย? ทว่า...ช่างเถอะ ผมอยากทราบว่าคุณสบายดีใช่มั้ย คิดถึงคุณมากนะ...และหวังว่าเราคงจะได้มี
โอกาสเจอกัน ผมมีเรื่องราวที่อยากเล่าให้คุณฟังอีกเยอะแยะเลย โดยเฉพาะแหล่งข่าวที่พูดถึง เอ่อ...อันที่จริงผมมีเรื่องต้องการจะ
ปรึกษากับคุณ คงต้องเป็นฉบับหน้าที่ส่วนตัวกว่านี้แล้วล่ะ...

       เสียงเคาะประตูดังแล้ว คงเป็นเจ้าหมอนั่น ผมต้องไปก่อนแล้ว อย่าลืมตอบกลับมาล่ะครับ

       ปล.ฝากสวัสดีคนที่อยู่ข้างๆคุณด้วย ผมขออวยพรให้เขาหายเป็นปกติเร็วๆ...ลงชื่อ บอย”

      ชิพขยับตัวเล็กน้อย ถามเสียงฉงน

       “ใครกันนะที่เขาพูดถึง?”

      กำลังทั้งอึ้งทั้งตื่นเต้นจากจดหมายเมื่อสักครู่(ผมจะรีบตอบกลับฉบับนี้ให้เร็วที่สุดเป็นการพิเศษเลย!) ผมรีบ
แกะจดหมายอีกฉบับออกมา ส่งมาจากที่เดียวกันซะด้วยซิ =_="

       “สวัสดีไอ้แดน...นี่กูเอง กอล์ฟนะ มึงสบายดีมั้ย ตอนนี้กูอยู่ออสเตรเลียแล้วว่ะ อากาศร้อนเป็นบ้า ว่าแต่มึงล่ะ
สบายดีมั้ย แล้วคุณชิพล่ะ หายดีหรือยัง?

       ความจริงแล้วตอนนี้กูน่าจะอยู่ที่ญี่ปุ่นมากกว่า...กำลังนอนกอดสาวๆทรงโตอยู่บนเตียงที่ไหนสักแห่ง ฮ่าๆ
เพราะเจ้านายกูเขาเห็นสามารถอัน ’มากมาย’ ของกูเข้าน่ะซิ เขาเลยส่งกูมาดูงานที่ออสเตรเลียแทน ทั้งๆที่กูก็ไม่เป็นภาษาฝรั่งอะไรกับ
เขาเล้ย ที่พูดได้น่ะก็แค่งูๆปลาๆ เฮ้อ ตอนนี้เลยต้องเรียนภาษาฝรั่งใหม่จนหัวฟู นี่แหละน๊าป๊าถึงบอกให้ตั้งใจเรียน

       แต่ช่างเหอะ เข้าเรื่องดีกว่า ตอนนี้สิ่งที่กูกำลังมุ่งมั่นอยู่คือการตามง้อใครบางคน มึงอาจจะขำนะ แต่ใช่แล้ว!
กูกำลังตามง้อใครบางคนอยู่...ใครบางคนที่ทำให้กูไปไหนไม่รอด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หากไม่ได้เห็นหน้าเขา กูคงใจสลาย รู้แล้ว
เหยียบไว้ เขาเป็นคนรู้จักของมึงด้วย รู้จักมั้ย? บอยน่ะ เห็นเขาบอกว่ารู้จักมึง ว่าไปโลกเรานี่กลมดีนะ ทว่าถ้ามึงพอมีเส้นสาย ช่วย
บอกเขาทีว่าให้หายโกรธแล้วยอมรับรักกูซะที กูรักเขาว่ะ ฮ่าๆ...แต่ตอนนี้ไม่รู้เจ้านั่นจะงอนไปถึงไหน ก็คืนนั้นตัวเองเมาแท้ๆ เออ กู
เองก็เมา แต่ถ้าไม่ได้ไปเจอกันที่ผับนั่นกับพวกเพื่อนๆของกูกับเขาที่รู้จักกันอีกที แล้วกูก็พาเขากลับไปที่ห้อง แล้วหลังจากนั้น...เอ่อ
ช่างเถอะ ไม่รู้กำลังพล่ามอะไร ตอนนี้เบลอๆ รู้สึกแย่เล็กน้อยที่ตามจีบตามตื้ออยู่ตั้งสามเดือนแล้ว หมอนั่นก็ยังโกรธอยู่เรื่องคืนนั้น...
แต่ทำไมนะ ทำไมคืนนั้นไม่เห็นมีท่าทางแบบนี้เลย ตรงกันข้ามมากกว่า ให้ตายซิ!

       ตอนนี้ถึงเวลาที่กูต้องไปตื้อเขาแล้ว รู้มั้ยว่าหมอนี่น่ะเก่งสุดๆ เป็นถึงหมอหมา(จะหมอหมาหรือแมวหรือเสือ
สิงที่ไหน ก็เหมือนๆกันแหละว๊า)เชียวนะเฟ้ย! แฟนกูน่ะดีกรีหัวหน้าทีมรักษาพันธุ์สัตว์ฯเชียวนา ส่วนกูก็ยังเป็นลูกจ้างกระจอกๆอยู่เลย
ไม่รู้จะเอาอะไรไปจีบเขาดี ว่างๆช่วยตอบกลับมาแนะนำหน่อยเถอะ ปวดหัวชะมัดเลย

       เฮ้อๆๆ ขนาดแค่จูบยังทำไม่ได้เลย คอยดูนะ วันนี้พ่อจะจับขึง...ซะให้เข็ด ว่าแต่มึงสบายดีนะแดน เมื่อไหร่
จะกลับเมืองไทยแล้วบอกด้วยซิ จะให้ส่งของกินมาให้ เบื่อที่นี่แล้ว ไม่อยากอยู่นานเลย

       แต่ถ้าได้อยู่กับเขา...กูว่าก็คุ้มนะ...ลงชื่อ กอล์ฟ”

      อ่านจบ ผมกับชิพนั่งอมยิ้มอย่างเป็นสุข

       “นี่สรุปสองคนนี้เขาเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?”

      “อืม คงเป็นงั้นล่ะครับ”

      “ป่านนี้เพื่อนเก่าคุณโดนนายกอล์ฟเผด็จศึกไปเรียบร้อยแล้วมั้ง”

       "ดูจากจดหมายล่ะก็..."

      เราสองคนหัวเราะกัน

       "แล้วนี่คุณจะเป็นพ่อสื่อให้คู่นี้มั้ย?"

      ผมเอนตัวขึ้นไปจุ๊บเขาที่แก้มเบาๆ ส่งสายตายิ้มกริ่ม

       "ไม่เสียหายที่จะลองดูใช่มั้ยล่ะ"

      ผมหัวเราะ ยังเหลืออีกสองฉบับ ซองหนึ่งมาจากพี่มาร์ค ผมกะจะเก็บเอาไว้อ่านคนเดียวเพราะพี่แกอุตส่าห์
ส่ง'เมลมากำกับบอกว่าให้ปิดเป็นความลับ มีเรื่องจะขอคำแนะนำไปจัดการกับเจ้าพี่เมฆตัวดีสักหน่อย แหมๆๆ พี่ชายทั้งสองคนของ
ผมนี่ก็น่าดูเชียว ขนาดอายุเยอะแล้วนะนั่น >.<

       ผมแซวตอบกลับไปว่า ‘เดี๋ยวก็หลังเดาะหรอกเพ่!’

       “อีกซอง เปิดอ่านซิแดน”

      ชิพเร่ง ข้างในซองจดหมายสีขาวซองสุดท้ายเป็นรูปภาพของเด็กทารกคนหนึ่ง ตัวแดงกลมไปหมด น่ารักน่า
ชังมาก มีข้อความเขียนไว้ข้างหลังว่า

       …‘รีบกลับมาเป็นพ่อทูนหัวลูกชั้นได้แล้ว! พวกแกทั้งคู่ต้องได้อุ้มแก ชั้นกับคุณอรแทบจะรอไม่ไหวแล้วนะ!
อย่าสวีทกันเกินล่ะ ทางนี้รับมือเจ้าตัวยุ่งตั้งสองคนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ไว้ได้นานๆไม่ไหวหรอกนะโว้ย!’…

       จบข้อความออกแนวโวยวายของไอ้แอลตัวดี...ชิพยิ้มอย่างเอ็นดู ขณะกำลังเพ่งพินิจรูปลูกชายคนใหม่ของ
แอลกับคุณอร ทั้งคู่แต่งงานกันได้เกือบปีแล้ว แต่งปุ๊บก็มีเจ้าตัวเล็กปั๊บ เรื่องชื่อนั่นยังไม่เป็นที่สรุปแน่ชัด แต่ประมาณว่าแอลอยาก
ให้ผมกับชิพช่วยตั้งให้ ผมว่านะ ตอนนี้เจ้าแอลมันคงต้องบ้าเห่อลูกของมันอยู่แน่ๆ ถึงกลับไปตอนนี้มันก็ยอมให้อุ้มแค่ไม่กี่วันหรอก
มันหวงของมันจะตาย

      “ลูกของแอลน่ารักดีเน๊อะ”

      ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับชิพ พูดถึงเรื่องลูก แล้วนี่ไอ้เจ้าตัวดีของเรามัวเที่ยวเล่นไปไหน ไม่เห็นกลับมาสักที

       รอสักพักแบบไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวอ้วนขนเกรียนสีทองก็วิ่งห่อเข้ามาหา กระโจนใส่ตัวพ่อทั้งสองของมันสุด
แรงเกิด พร้อมทั้งเลียอย่างบ้าคลั่งจนชิพต้องออกเสียงดุๆ ส่วนผมได้แต่หัวเราะในท่าทีติงต๊องของเจ้าลูกชายคนนี้ หมาหนุ่มก็งี้ล่ะครับ
วิ่งคึกได้ทั้งวัน =_="

       “นายดิฟ มัวไปเที่ยวเล่นที่ไหนมาห๊ะเรา เดี๋ยวทิ้งไว้นี่ซะหรอก”

       เจ้าดิฟนั่งเอียงคอมอง หอบแหกๆ ชิพยิ้มก่อนจะลุกขึ้นกระชับสายจูง เตรียมตัวกลับบ้าน

       “แล้วเราจะไปไหนกันต่อดี?”

       ผมถาม ชิพโอบเอวผมเข้ามาหา จรดปลายจมูกโด่งตรงขมับอย่างแผ่วเบา

       “ก็กลับบ้านซิ ผมอยากอาบน้ำกับคุณจังเลยนะตอนเนี้ย”

      ผมหัวเราะร่า

       “เดินคุยกันก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวคุณได้หมดแรงจนพูดไม่ออกแน่”

      ชิพเหล่มาอย่างมีเล่ห์นัย นัยน์ตาพราว

       “พูดอะไรน่ะ รักษาคำพูดด้วยนะคร้าบ”

      เราสองคนเดินกอดกันบนทางเดินที่คราคร่ำ นานๆนิวยอร์คจะอากาศดีแบบนี้สักที โอ้ว~~ขอบคุณแสงแดด
อบอุ่น ^-^

       “ชิพ...ผมมีความสุขที่สุดเลย”

       “ผมก็เหมือนกัน…”

      “คุณรู้มั้ย ผมขอบคุณพระเจ้า...ขอบคุณทุกวันที่เขาส่งคุณมาให้ผม”

      ชิพหอมแก้มผม

       “หากไม่มีคุณ ชีวิตผมคงไร้ค่า ไร้หางเสือเหมือนกัน...ทุกความทรงจำ ทุกสิ่งที่เป็นคุณ มันจะถูกเก็บอยู่ข้าง

ในหัวใจดวงนี้ของผมไว้ ตลอดไป”

      นัยน์ตาสบนิ่ง...ถ่ายทอดความหมายอ่อนโยนลึกซึ้งสู่ก้นบึ้งหัวใจ

       “ขอบคุณนะ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มอบให้กับผม คุณเติมเต็มชีวิตผม ให้เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก”

      ชิพจูบหน้าผากของผมอีกที ก่อนจะกอดไว้แน่น อบอุ่น อิ่มเอมใจ

       "ชิพครับ...ผมรักคุณมาก รักมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก"

       ผมซุกใบหน้าเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแรง เบียดกายแนบแน่น

       “รู้มั้ย? ต่อไปนี้ผมมีแผนไว้ว่ายังไง”

      ผมยิ้ม แกล้งถามไปทั้งๆที่รู้คำตอบ

       “มีอะไรหรือ?”

       ชิพแกล้งทำเป็นลืม เหมือนจู่ๆก็นึกไม่ออก

      “เอ เปล่าหรอก ไม่มีแผนอะไรเลย ขอแค่ที่ไหนมีคุณ จะมีผมอยู่เคียงข้างเสมอไป”

      น้ำตาแห่งความซาบซึ้งเอ่อคลอ ไม่ต้องร้องขออะไรมากมายแล้ว เพราะตอนนี้...ผมมีสิ่งที่รักมากที่สุดในชีวิต
มากกว่าชีวิตของตัวเองอีก...อยู่ในอ้อมกอดที่แนบแน่นนี้ ความรักที่ซาบซ่านไปทั้งหัวใจ ชีวิตของคนธรรมดาๆไร้ค่าคนหนึ่ง จะไม่
อ้างว้างอีกต่อไปแล้ว เพราะเขา เติมเต็มผม ให้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ อย่างที่ไม่มีใครเปรียบเทียบได้เลยแม้แต่น้อย

       ชิพก้มลงมากระซิบข้างใบหู คำหวาน...ที่ฟังกี่ทีๆก็ไม่เบื่อ แต่คราวนี้กลับทำให้ขนลุกอย่างประหลาด อย่างกับ
มีพลัง มีเวทมนต์ขลัง มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว

       “ผมรักคุณครับแดน…คุณคือหัวใจของผม ผมจะรักคุณตลอดไป”

      รำพึงอยู่ในใจ บังเกิดความร้อนวูบขึ้นมาเช่นกัน

       ...ผมก็รักคุณ รักคุณมาก...รักคุณอย่างไม่สามารถสรรหาคำอธิบายได้เช่นกัน

       คุณจะอยู่ในหัวใจดวงนี้ เสมอไป





       จบ ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา.../ อวสาน ชิพ&แดน Series



        
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 07-08-2008 18:04:09
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก จิ้มน้อง ALeX  ตอนจบ  please Happy ending

ไปอ่านก่อนน้า :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-08-2008 18:10:27
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก จิ้มน้อง ALeX  ตอนจบ  please Happy ending

ไปอ่านก่อนน้า :oni2: :oni2:

โอมั้ยครับ อิอิ ขอบคุณน๊า :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 07-08-2008 18:20:16
 ในที่สุดก็จบแบบHappy ending อ่านแล้วมีความสุข  :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-08-2008 18:20:41
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจบแบบ แฮปปี้สุดๆแถมซึ้งด้วย

อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกเลยน่ะคับ สำหรับนิยายดีๆแบบนี้

ไม่รู้จะมีหวังได้อ่านเรื่องต่อไป แบบนี้มั้ย จะรอน่ะค้าบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-08-2008 18:38:29
ในที่สุดก็จบแบบHappy ending อ่านแล้วมีความสุข  :L2:


ขอบคุณครับ

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจบแบบ แฮปปี้สุดๆแถมซึ้งด้วย

อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกเลยน่ะคับ สำหรับนิยายดีๆแบบนี้

ไม่รู้จะมีหวังได้อ่านเรื่องต่อไป แบบนี้มั้ย จะรอน่ะค้าบบบบบบบบบบบบบบ


อ่า ผมก็ต้องขอบคุณคนอ่านด้วยเหมือนกันครับ

หวังว่านิยายเรื่องนี้จะได้เข้าชิงเซ็งเป็ดอะวอร์ดไม่ว่าสาขาใดก็สาขาหนึ่งนะงับ  :oni2: :oni2:<<<อิอิ อ้อนซะเลย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 07-08-2008 19:00:47
จบแล้ว จบแบบแฮปปี้สุด ๆ ขอบคุณคนเขียนที่ไม่ทำให้ต้องเศร้าไปมากกว่านี้ ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่เขียนให้อ่าน ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ  :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ~SASSY BOY~ ที่ 07-08-2008 19:01:40
กรี๊ดดดดดดด

จบแบบแฮปปี้สุด ๆ เล้ย :a2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-08-2008 19:15:50
จบแล้ว จบแบบแฮปปี้สุด ๆ ขอบคุณคนเขียนที่ไม่ทำให้ต้องเศร้าไปมากกว่านี้ ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่เขียนให้อ่าน ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ  :L2:


 :pig4: :pig4: :pig4:

กรี๊ดดดดดดด

จบแบบแฮปปี้สุด ๆ เล้ย :a2:


 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 07-08-2008 19:34:07
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

จบแล้ว จบแบบปลื้มมากที่สุดเลยครับ

นึกว่าจะหักดิบคนอ่านซะอีก

ถ้าเป็นแบบนั้นคนเขียนตาย อิอิ ล้อเล่นคร้าบบผม

เป็นกำลังใจให้ครับผม คุณเขียนดีมากครับ

หลังๆมานี้อ่านทีไรร้องไห้ตลอดเลยครับ

ซึ้ง เศร้า มีความสุข ก็ร้องไห้นะคนเรา

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 07-08-2008 19:40:37
จบแบบนี้ค่อยรักน้อง ALEX หน่อย  :m1:

ไม่งั้นจะตามไปทุ่มเข่งใส่ถึงหน้าโรงเรียนเลยยยยยย  :laugh:

แล้วจะตามไปอ่านเรื่องหน้า  :กอด1:

อ้อ สุดท้ายขอบคุณนะคับ ที่เขียนนิยายดีๆให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 07-08-2008 19:48:11
อู๊ย...

Happy สุดๆ เลยเจ้าประคุณเอ๊ย ฮ่าๆ

ดีจายเจงๆ จบลงไปอย่างสวยงาม

 :mc4:    :mc4:    :mc4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-08-2008 20:15:59
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

จบแล้ว จบแบบปลื้มมากที่สุดเลยครับ

นึกว่าจะหักดิบคนอ่านซะอีก

ถ้าเป็นแบบนั้นคนเขียนตาย อิอิ ล้อเล่นคร้าบบผม

เป็นกำลังใจให้ครับผม คุณเขียนดีมากครับ

หลังๆมานี้อ่านทีไรร้องไห้ตลอดเลยครับ

ซึ้ง เศร้า มีความสุข ก็ร้องไห้นะคนเรา

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


ขอบคุณนะครับ deshiwa ผมเองใจหายมากที่แต่งเรื่องนี้จบ...แบบว่ายังคิดถึงตัวละครอยู่เพราะผูกพันมากกว่านิยายเรื่องไหนๆเลยที่เคยแต่ง(แต่แต่ก่อนแต่งนิยายชาย-หญิงเงอะ=_=")

จบแบบนี้ค่อยรักน้อง ALEX หน่อย  :m1:

ไม่งั้นจะตามไปทุ่มเข่งใส่ถึงหน้าโรงเรียนเลยยยยยย  :laugh:

แล้วจะตามไปอ่านเรื่องหน้า  :กอด1:

อ้อ สุดท้ายขอบคุณนะคับ ที่เขียนนิยายดีๆให้อ่าน  :pig4:

โอ๊ยๆๆๆ อย่าเอาเข่งมาทุ่มเลยครับ เดี๋ยวแม่ค้าเขาจะขาดทุนกัน แม่ค้าปากครองยิ่ง...รู้ๆอยู่ อิอิ

แต่ก็ขอบคุณพี่มากเลยนะครับ ที่เป็นกำลังใจ อย่าลืมโวตตอนเว็งเป็ดอะวอร์ดล่ะ  o3 o3 ผมล่ะอยากได้ตุ๊กตาเป็ดน้อยของปีนี้จังเลย(หลังจากชวดเป็ดสีเหลือง เลยอยากได้เป็ดสีม่วงแทน เกี่ยวม่ะเนี้ย? =_=")

อู๊ย...

Happy สุดๆ เลยเจ้าประคุณเอ๊ย ฮ่าๆ

ดีจายเจงๆ จบลงไปอย่างสวยงาม

 :mc4:    :mc4:    :mc4:


ขอบคุณมากเลยคร้าบพี่ ที่ติดตามผลงานผมมาตลอด ขอบคุนครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 07-08-2008 20:23:16
ทำกุศลกับคนอ่านอย่างพี่จริงๆ ที่จบแบบ happy ending อย่างนี้

ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวาอีกอักโข

ขอบคุณหลายๆ เด๊อ ไอ้น้องเลิฟ  :กอด1:

:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 07-08-2008 20:42:08
กว่าจาทามตายเปิด ตอนนี้ ได้

แทบตายแหนะ

พอเจอ comment ของคนที่ อ่านก่อน หน้าเรา

เย้ๆๆๆๆๆๆ


กล้า อ่านแล้วเรา

ปายอ่านก่อง นา

เด๋ว จามา ment ห้าย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 07-08-2008 21:01:30
 :เฮ้อ:  โล่งใจพิลึก ....จบได้อย่างมีความสุขซ่ะที หลังจากที่จมปลักอยู่กับความทุกข์มานาน  :o8:
สุขใจที่ได้อ่านเรื่องนี้คับ ขอบคุณ K.ALEX มั๋ก ๆ คับผม
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: sunflower ที่ 07-08-2008 21:04:05
เย้!!!!!! จบแล้ว แบบ happy ด้วย :mc4: :mc4:

ขอบคุณ Alex สำหรับเรื่องดีๆ นะจ้ะ o15 o15
ถึงจะมีเศร้าเรียกน้ำตาไปตั้งเยอะก็เถอะ แต่ o13

ปล1. +1 ให้กำลังใจคนเขียนจ้ะ
ปล2. ขอตอนพิเศษได้ป่าวอ่ะตัวเอง นะจ้ะ alex คนดี :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทส่งท้าย(แวะมาแถม แต่มิใช่ตอนอวสานนะครับ!!!<<รอก่องน๊า^-^
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 07-08-2008 21:11:11
ไม่ร้อง เพราะ 

แต่ ก็ร้อง เพราะซึ้ง จนด้าย

คอบคุณ นะค่ะ ที่แต่ง นิยาย ดีดี 

มาให้ได้ อ่านกัน

ว่าแต่ว่า

สัญญาว่าฟ้าใหม่ส่องอำไพ จะเอานิยายเรื่องใหม่มาลงเอย กริ้ว~~~!!!


มานมาจาก เมื่อ ฟ้าสีทองผ่องอำไพ พวกเราจะเป็นใหญ๋ในแผ่นดิน  รึป่าวค่ะ

 :laugh:




หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Sho_Wa ที่ 07-08-2008 21:20:26
ขอบคุณครับที่น้อง Alex เขียนเรื่องราวดีดีให้ได้อ่าน เป็นการจบที่สวยงามจริง ๆ ( แอบลุ้นนิดหน่อย)

ยังไงก็อย่าลืม มาลงนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะ (ถ้าเดาไม่ผิด คงจะเป็นกอล์ฟ กับ บอย แหงม แหงม)

ขอบคุณล่วงหน้า

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 07-08-2008 22:05:56
 :m2: โล่งอกในที่สุดก็จบลงอย่างมีความสุข หลังจากน้ำตาคลอมาตั้ง 3 ภาค สุดซึ้งมากๆ  o7

ขอบคุณมากครับ  o14

มีภาค กอล์ฟ x บอย ต่อไหมครับ ALeX คุ่นี้น่าจะเป็นแบบฮ่าๆ หรือเปล่า?

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-08-2008 22:16:11
ทำกุศลกับคนอ่านอย่างพี่จริงๆ ที่จบแบบ happy ending อย่างนี้

ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวาอีกอักโข

ขอบคุณหลายๆ เด๊อ ไอ้น้องเลิฟ  :กอด1:

:pig4: :pig4: :pig4:

ครับ ขอบคุณครับพี่ เนี้ยผมเพิ่งอ่านนิยายของคุณพี่กิ่งฉัตรจบเรื่องสะพานอธิษฐาน สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้ข้อคิดอะไรดีๆเยอะเลย

กว่าจาทามตายเปิด ตอนนี้ ได้

แทบตายแหนะ

พอเจอ comment ของคนที่ อ่านก่อน หน้าเรา

เย้ๆๆๆๆๆๆ


กล้า อ่านแล้วเรา

ปายอ่านก่อง นา

เด๋ว จามา ment ห้าย


อ่า 555+ ผมอุตส่าห์เว้นบรรทัดว่างไว้แล้วด้วยนะ แฮะๆ แบบว่าอยากแกล้งก่อนอ่าน อิอิ :o8:

:เฮ้อ:  โล่งใจพิลึก ....จบได้อย่างมีความสุขซ่ะที หลังจากที่จมปลักอยู่กับความทุกข์มานาน  :o8:
สุขใจที่ได้อ่านเรื่องนี้คับ ขอบคุณ K.ALEX มั๋ก ๆ คับผม

ขอบคุณ K.marchmenlo เช่นเดียวกันคร้าบ  :pig4:

เย้!!!!!! จบแล้ว แบบ happy ด้วย :mc4: :mc4:

ขอบคุณ Alex สำหรับเรื่องดีๆ นะจ้ะ o15 o15
ถึงจะมีเศร้าเรียกน้ำตาไปตั้งเยอะก็เถอะ แต่ o13

ปล1. +1 ให้กำลังใจคนเขียนจ้ะ
ปล2. ขอตอนพิเศษได้ป่าวอ่ะตัวเอง นะจ้ะ alex คนดี :m13:

อ๋อ ตอนพิเศษเรื่องนี้ขออนุญาตไม่มีได้มั้ยคร้าบพี่ ผมว่าจบแบบนี้มัน endless love ดีอ่าครับ ผมกะจะเอานิยายมาลงเป็นเรื่องใหม่เลยดีกว่า ยังไงคงต้องรอก่อนนะครับ ขอบคุนครับพี่ o1

ไม่ร้อง เพราะ 

แต่ ก็ร้อง เพราะซึ้ง จนด้าย

คอบคุณ นะค่ะ ที่แต่ง นิยาย ดีดี 

มาให้ได้ อ่านกัน

ว่าแต่ว่า

สัญญาว่าฟ้าใหม่ส่องอำไพ จะเอานิยายเรื่องใหม่มาลงเอย กริ้ว~~~!!!


มานมาจาก เมื่อ ฟ้าสีทองผ่องอำไพ พวกเราจะเป็นใหญ๋ในแผ่นดิน  รึป่าวค่ะ

 :laugh:







ใช่ครับ เอาประโยคเด็ดมาจากนิยายของปรมาจารย์ท่านนั้นล่ะครับ 555+

ขอบคุณครับที่น้อง Alex เขียนเรื่องราวดีดีให้ได้อ่าน เป็นการจบที่สวยงามจริง ๆ ( แอบลุ้นนิดหน่อย)

ยังไงก็อย่าลืม มาลงนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะ (ถ้าเดาไม่ผิด คงจะเป็นกอล์ฟ กับ บอย แหงม แหงม)

ขอบคุณล่วงหน้า

 :pig4:


ไม่นะครับ นิยายเรื่องใหม่ของผมคงไม่คาบเกี่ยวกับมครในเรื่องนี้แล้ว แต่...

ทนไม่ไหวแล้ว บอกเลยก็ได้

เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มสองคนในรั้วมหาลัย ประมานเนี้ยอ่าครับ แล้วก็...

ไม่บอกและ...ฮุๆ :laugh:



หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-08-2008 22:18:07
:m2: โล่งอกในที่สุดก็จบลงอย่างมีความสุข หลังจากน้ำตาคลอมาตั้ง 3 ภาค สุดซึ้งมากๆ  o7

ขอบคุณมากครับ  o14

มีภาค กอล์ฟ x บอย ต่อไหมครับ ALeX คุ่นี้น่าจะเป็นแบบฮ่าๆ หรือเปล่า?



ไม่มีน๊าคร้าบ ขอโทษที... :sad2:

อยากแต่งเรื่องใหม่แล้ว พี่รออ่านเรื่องใหม่ของผมได้มั้ยครับ?  :m1: :m13: :m13:

ขอบคุณครับ :a1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 07-08-2008 22:20:04
แต่งมาเหอะ   อ่านแน่นอน  อย่ารันทดนักหล่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: fellow ที่ 07-08-2008 22:25:16
อู๊ยยยยยย...จบแฮปปี้กลัวแทบตาย กลัวจบเศร้า :mc4:

ถ้าแต่งเรื่องใหม่จะติดตามต่อไปเรื่อยๆจ้า
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 07-08-2008 22:38:50
 o7 ชอบมากเลย ตามอ่านมาตั้งนานแล้วคู่นี้ รักทรหด  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: แมววาย ที่ 07-08-2008 23:03:22
ขอบคุณ  ขอบคุณ และ ขอบคุณ   :pig4:  :pig4:  :pig4:

ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบแบบเศร้า หรือแบบสุข  ก็ได้แต่ขอบคุณ  (แต่จบแบบมีความสุขก็ดีกว่าเห็นๆ  :m1:)
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 07-08-2008 23:08:53
จบแบบ Happy Ending

ขอบคุณครับที่แต่งเรื่องดี ๆ ให้อ่านกัน

 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 07-08-2008 23:13:07
ว้าวววว จบแบบแฮปปี้มากกกก  :m1: :m1:

ชอบค่ะ

แต่งเรื่องต่อไปเลยยยย จาติดตามอีก อออิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 07-08-2008 23:23:38
คืนนี้นอนหลับสบายแล้วเรา
ขอบคุณที่เรื่องนี้จบลงแบบ happy ending
ขอบคุณคนแต่งที่ทำให้เห็นความพยายามในการรอคอยของทั้งสองคน
 :L1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-08-2008 01:54:05
ดีมากกๆๆๆ ที่จบแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 08-08-2008 15:44:52
อ๊ากก!!!! จบแล้ว  :m1:

ทรหดเสียน้ำตากันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง  o7

ไม่จบ happy ending เคืองกันตาย :laugh:

รอติดตามผลงานต่อไปคับ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 08-08-2008 16:05:34
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดด
ดดดดดดดด
ดดดดดด
ดดดด
ดด


 :mc4:

จบประทับใจมากค่ะ

สารภาพเลยว่า คิดเอาไว้วว่ามันจะต้องเศร้าแน่ๆ

เลยทำใจก่อนอ่าน

ผิดคาดมากๆ  ขอบคุณจริงๆ สำหรับตอนจบค่ะ

รออ่านเรื่องใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 08-08-2008 17:08:34
อืมห์..จบแบบสวยงาม...อ่านแล้วมีความสุขฮะ
เลิฟ..เลิฟฮะ... :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ★L'Hôpital ที่ 08-08-2008 17:50:48
 :m1:

ขอบคุณน้อง alex นะครับสำหรับเรื่องราวดีๆ มาให้ได้อ่านกัน

ส่วนตอนจบ....จบได้ประทับใจมากๆเลยครับ  :m1:

จบได้ซึ้งมากๆเลยครับ แอบน้ำตาไหลด้วย เพราะอินจัด ร่วมยินดีไปกับแดนและชิพ :laugh:

ขอบคุณมากเลยนะคร้าบ  :pig4: :L2: :L1:

แล้วจะมาติดตามเรื่องใหม่นะครับ  :oni1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-08-2008 20:47:45
 :oni1:  :กอด1:  ALEX

จบแบบนี้คนอ่านชอบที่ชู้ดดดดดดดดดดดดดดด


 :m1: :m1: :m1: :m1:

แล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะจ๊ะ

ปล.แอบดีใจที่มาอ่านรวดเดียวจบ ไม่งั้นต้องลุ้นจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Doodleberry® ที่ 09-08-2008 00:07:03
จบแล้วววววววววว

ในที่สุดก็แฮปปี้ๆ อิ อิ  :m4:

สนุกมากๆเลยค่า

แล้วจะรอเรื่องต่อไปนะคะ

 :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 09-08-2008 00:07:26
 :impress: งั้นรอผลงานเรื่องต่อไปครับ  :a11:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 09-08-2008 09:40:25
ขอบคุรพี่ Alex งับ ที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน :m13: :m13:

คิคิ Happy จิงๆ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-08-2008 15:00:02
จบแบบนี้ชอบๆๆนะ

รออ่านเรื่องใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 09-08-2008 18:15:10
ดีมากกๆๆๆ ที่จบแบบนี้

ขอบคุณครับพี่ แหม แฟนพันธุ์แท้มาเองเลย อิอิ

อ๊ากก!!!! จบแล้ว  :m1:

ทรหดเสียน้ำตากันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง  o7

ไม่จบ happy ending เคืองกันตาย :laugh:

รอติดตามผลงานต่อไปคับ  o13

คราบ ขอบคุนครับ คือเผอิญผมก็ใจแข็งให้จบเศร้าไม่ได้ ไม่ได้กะให้จบเศร้าอยู่เเล้ว...เป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน อาการแบบนี้ใครสนใจสมัครมาดัดนิสัยผมบ้างมั้ย เหอะๆ :sad2:

(คือแบบ ล้อเล่นอย่างแรงอ่ะ =_=")

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดด
ดดดดดดดด
ดดดดดด
ดดดด
ดด


 :mc4:

จบประทับใจมากค่ะ

สารภาพเลยว่า คิดเอาไว้วว่ามันจะต้องเศร้าแน่ๆ

เลยทำใจก่อนอ่าน

ผิดคาดมากๆ  ขอบคุณจริงๆ สำหรับตอนจบค่ะ

รออ่านเรื่องใหม่นะคะ



ครับ ขอบคุณมากครับ

อืมห์..จบแบบสวยงาม...อ่านแล้วมีความสุขฮะ
เลิฟ..เลิฟฮะ... :กอด1:

ผมก็มีความสุขที่ทุกคนมีความสุขครับ

:m1:

ขอบคุณน้อง alex นะครับสำหรับเรื่องราวดีๆ มาให้ได้อ่านกัน

ส่วนตอนจบ....จบได้ประทับใจมากๆเลยครับ  :m1:

จบได้ซึ้งมากๆเลยครับ แอบน้ำตาไหลด้วย เพราะอินจัด ร่วมยินดีไปกับแดนและชิพ :laugh:

ขอบคุณมากเลยนะคร้าบ  :pig4: :L2: :L1:

แล้วจะมาติดตามเรื่องใหม่นะครับ  :oni1:


ความจริงผมก็น้ำตาไหลเหมือนกันนะครับพี่ ตอนแต่งอ่ะ ขอบคุณครับ

:oni1:  :กอด1:  ALEX

จบแบบนี้คนอ่านชอบที่ชู้ดดดดดดดดดดดดดดด


 :m1: :m1: :m1: :m1:

แล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะจ๊ะ

ปล.แอบดีใจที่มาอ่านรวดเดียวจบ ไม่งั้นต้องลุ้นจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่  :m4: :m4: :m4:

555+ เป็นอาการเดียวกับเวลาอ่านตอนจบของนักเขียนท่านอื่นๆ ผมจะพยายามอ่านที่โพสจนจบแล้วอ่าครับ ไม่อยากรอ :serius2: :serius2: :serius2:

จบแล้วววววววววว

ในที่สุดก็แฮปปี้ๆ อิ อิ  :m4:

สนุกมากๆเลยค่า

แล้วจะรอเรื่องต่อไปนะคะ

 :m13:


สัญญานะครับว่าจะรอ อิอิ  :a1:

:impress: งั้นรอผลงานเรื่องต่อไปครับ  :a11:

ครับ ขอบคุนนะครับ .


ขอบคุรพี่ Alex งับ ที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน :m13: :m13:

คิคิ Happy จิงๆ  :กอด1: :กอด1:

อ่านเรื่องต่อไปคงแฮปปี้กว่านี้อีกนะน้อง 555+

จบแบบนี้ชอบๆๆนะ

รออ่านเรื่องใหม่นะคะ

ครับ ขอบคุณครับ




อ้อ นิยายเรื่องใหม่ยังแต่งไม่เสร็จเลย กะว่าจะให้เอนท์ก่อน เอาเป็นว่าปีหน้าและกัน...หวังว่าทุกคนคงจะไม่ลืมผมนะครับ  :bye2:


 :pig4: :pig4: :pig4:




หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 09-08-2008 19:35:46
^
^
^
จิ้มคนเขียนอา

กว่าจะอ่านจบ

 :sad2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 09-08-2008 19:58:13
^
^
^
จิ้มคนเขียนอา

กว่าจะอ่านจบ

 :sad2:


โห พี่ครับ ผมน่ะโดนจิ้มเยอะเล้วน๊า :o8:

ขอบคุณนะครับ! :oni2: :pig4:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-08-2008 20:18:20
หุหุ ปีหน้าก็จะรอ ตั้งใจเรียนนะน้อง  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: uuro ที่ 10-08-2008 10:49:11
ว้าวๆ จบแล้ว งดงามมากอบอุ่นดีจังเลย อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าดีจังนะที่โลกนี้มีความรัก แล้วก็รักแท้ที่มั่นคงนี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ ขอบคุณคนแต่งจ้า แต่ว่า ก็ยังไม่ได้อ่านภาค 2 อยู่ดีแบบว่าทำใจไม่ได้อ่ะเกรงกลัวความเศร้า

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 10-08-2008 12:07:34
หุหุ ปีหน้าก็จะรอ ตั้งใจเรียนนะน้อง  :m13: :m13:

ขอบคุณครับพี่

ว้าวๆ จบแล้ว งดงามมากอบอุ่นดีจังเลย อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าดีจังนะที่โลกนี้มีความรัก แล้วก็รักแท้ที่มั่นคงนี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ ขอบคุณคนแต่งจ้า แต่ว่า ก็ยังไม่ได้อ่านภาค 2 อยู่ดีแบบว่าทำใจไม่ได้อ่ะเกรงกลัวความเศร้า

อ่าครับ แต่ผมว่าภาคก็เศร้าน๊า

ยังไงก็ ขอบคุณมากนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 10-08-2008 15:41:57
จบแล้วววววว จบอย่างมีความสุขด้วยยย  o7 น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม  ดีจัง ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับเรื่องราวดีๆ อ่านจอนจบแล้วทำให้อยากอ่านเรื่องของกอล์ฟกับบอยขึ้นมาทีเดียว คิกคิก

แล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 10-08-2008 16:23:09
อ่านรวดเดียวจบ 44 หน้า แบบว่าเหนื่อยมากค่ะ

แต่ขอบอกว่าประทับใจมากกกกกกก อ่านแล้วเห็นถึงความสวยงามของความรักของคนสองคน

เห็นถึงการพัฒนาจาก puppy love มาเป็นความรักที่แท้จริง

เอาไปเลย :L2:  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ชอบเรื่องนี้สุดๆ คุณ Alex แต่งดีมากๆ ค่ะ คำผิดก็ไม่ค่อยเจอ แสดงว่าใส่ใจกับการแต่งจริงๆ

เอาไปอีกดวง  :L1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 11-08-2008 22:09:39
จบแล้วววววว จบอย่างมีความสุขด้วยยย  o7 น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม  ดีจัง ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับเรื่องราวดีๆ อ่านจอนจบแล้วทำให้อยากอ่านเรื่องของกอล์ฟกับบอยขึ้นมาทีเดียว คิกคิก

แล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะจ๊ะ

อ่า ขอบคุณมากๆเลยครับ แต่ก็ต้องขอโทษด้วยน๊าสำหรับเรื่องกอล์ฟกับบอย...คงต้องรอเป็นนิยายเรื่องใหม่เลยแล้วกัน ปีหน้านะครับ อย่าลืมผมล่ะ ฮือๆ... :o8:


อ่านรวดเดียวจบ 44 หน้า แบบว่าเหนื่อยมากค่ะ

แต่ขอบอกว่าประทับใจมากกกกกกก อ่านแล้วเห็นถึงความสวยงามของความรักของคนสองคน

เห็นถึงการพัฒนาจาก puppy love มาเป็นความรักที่แท้จริง

เอาไปเลย :L2:  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ชอบเรื่องนี้สุดๆ คุณ Alex แต่งดีมากๆ ค่ะ คำผิดก็ไม่ค่อยเจอ แสดงว่าใส่ใจกับการแต่งจริงๆ

เอาไปอีกดวง  :L1:

 :m30: โห ขอบคุณพี่มากๆๆๆๆเลยครับ พยายามมากๆเลย :m23: เรื่องคำผิดผมพยายามแล้วพยายามอีกก็ยังมีตกล่นจนได้ เลยต้องคอยกำกับไว้วันไหนเบลอจัดต้องขอประทานโทษด้วยนะครับ ฮือๆ เวลาตรวจแล้วมันตาลายอ่าครับ (<<<ขอน้อบรับไว้แต่เพียงผู้เดียวพะยะคะ!  o1)
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: karenoo ที่ 12-08-2008 19:14:56
ตามอ่านจบแล้ว... :m2: :m2: :m2: ใช้เวลา 2 วัน (เมื่อคืนตี 3 และภาคบ่ายวันนี้เพราะตื่นสาย)
ประทับใจมากๆ เป็นนิยายที่มีหลากหลายรสชาติจริงๆ ทั้งน่ารัก  :m1: โหด   :fire: ซาดิสท์  :m25: เศร้าเคล้าน้ำตา :dont2:ฯลฯ

Thank You คนเขียนมากๆ ที่เขียนนิยายดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่าน
จะคอยตามอ่านเรื่องต่อไปนะคะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 12-08-2008 22:00:18
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อยากบอกว่าปลื้มและดีใจมากๆครับผมที่พี่Alex

ก็อ่านเรื่องของผมด้วย ดีใจๆๆๆ

รักและเป็นกำลังใจให้เสมอครับผม

ติดตามผลงานของพี่ต่อไปครับผม

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: yee ที่ 14-08-2008 23:13:58
ขอบคุนมาคับได้อ่านเรื่องดีๆๆๆๆ............. o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 18-08-2008 18:35:14
อ่านรวดเดียวจบ
ขอบคุณมากๆครับ :m13:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 18-08-2008 23:27:13
หวัดดีคับน้องALeX   เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้เมื่อ2-3วันก่อน

พออ่านปุ๊บก็ติดเรื่องนี้ปั๊บ  :laugh: :laugh:

อยากอ่านตอนต่อไปสุดๆ   ก็เลยอ่าน อ่าน อ่าน และอ่านจนจบอ่ะคับ(นอนดึกหน่อย แต่ก็เพราะอยากอ่านตอนต่อไปนี่เนอะ :o8:)

ตอนแรกอ่านก็ลุ้นว่า ภาค3จะจบเศร้าเหมือนภาค1หรือ2ป่าววะเนี่ยยยย  แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ดีครับ ค่อยยังชั่วหน่อย

ในภาค2 นายเอกร้ายดี ชอบมากมาย  o13

สรุปคือ ประทับใจเรื่องนี้ครับ  แล้วจะรออ่านผลงานชิ้นต่อไปน๊า  เป็นกำลังใจให้ครับ o13

และขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะครับ  ไปแร่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 19-08-2008 11:32:13
ตามอ่านจบแล้ว... :m2: :m2: :m2: ใช้เวลา 2 วัน (เมื่อคืนตี 3 และภาคบ่ายวันนี้เพราะตื่นสาย)
ประทับใจมากๆ เป็นนิยายที่มีหลากหลายรสชาติจริงๆ ทั้งน่ารัก  :m1: โหด   :fire: ซาดิสท์  :m25: เศร้าเคล้าน้ำตา :dont2:ฯลฯ

Thank You คนเขียนมากๆ ที่เขียนนิยายดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่าน
จะคอยตามอ่านเรื่องต่อไปนะคะ  :mc4:

ขอบคุณมากนะครับ แต่อย่าหักโหมอ่านจนดึกมากไปนะครับ ระวังสุขภาพด้วย

ขอบคุณมากๆครับ

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อยากบอกว่าปลื้มและดีใจมากๆครับผมที่พี่Alex

ก็อ่านเรื่องของผมด้วย ดีใจๆๆๆ

รักและเป็นกำลังใจให้เสมอครับผม

ติดตามผลงานของพี่ต่อไปครับผม

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




จ้าน้องเดชิ พี่ก๊อปลื๊มปลืมน้องน้า


ขอบคุนมาคับได้อ่านเรื่องดีๆๆๆๆ............. o13

ขอบคุณเช่นกันครับ

อ่านรวดเดียวจบ
ขอบคุณมากๆครับ :m13:

อีกคนหนึ่งแล้วที่อ่านรวดเดียวจบ o13 อย่าหักโหมมากน๊า

เป็นห่วงสุขภาพของทุกท่าน แต่ก็ขอบคุณมากๆๆเลยครับ

หวัดดีคับน้องALeX   เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้เมื่อ2-3วันก่อน

พออ่านปุ๊บก็ติดเรื่องนี้ปั๊บ  :laugh: :laugh:

อยากอ่านตอนต่อไปสุดๆ   ก็เลยอ่าน อ่าน อ่าน และอ่านจนจบอ่ะคับ(นอนดึกหน่อย แต่ก็เพราะอยากอ่านตอนต่อไปนี่เนอะ :o8:)

ตอนแรกอ่านก็ลุ้นว่า ภาค3จะจบเศร้าเหมือนภาค1หรือ2ป่าววะเนี่ยยยย  แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ดีครับ ค่อยยังชั่วหน่อย

ในภาค2 นายเอกร้ายดี ชอบมากมาย  o13

สรุปคือ ประทับใจเรื่องนี้ครับ  แล้วจะรออ่านผลงานชิ้นต่อไปน๊า  เป็นกำลังใจให้ครับ o13

และขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะครับ  ไปแร่ะ :bye2:


555+ อ่านรวดอีกคนแล้ว

ครับ ผมเองก็ชอบตอนแต่งภาค2มากที่สุดเหมือนกัน

มันมันส์ดี นายแดนของเราเจ้าคิดเจ้าค้นเป็นพิเศษ  :o

เรื่องใหม่แต่งเสร็จ+ลงนำเสนอแล้ว เชิญอ่านได้ในบอร์ดใหญ่เลยคร้าบ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 23-08-2008 04:22:01
จบแล้วววววววว

 :เฮ้อ: นึกว่าจะจบแบบเศร้าๆ

สุดท้ายก้อHAPPY o13

เป็นกำลังใจให้Alexค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: bbboy ที่ 23-08-2008 14:04:07
อ่านจบแล้วครับ ชอบเรื่องนี้มากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 24-08-2008 02:53:10
จบแล้วววววววว

 :เฮ้อ: นึกว่าจะจบแบบเศร้าๆ

สุดท้ายก้อHAPPY o13

เป็นกำลังใจให้Alexค่ะ :L2:


ขอบคุณครับ รักคนอ่านที่สุด :m1: :m1: :m1:


อ่านจบแล้วครับ ชอบเรื่องนี้มากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :m1:

ขอบคุณมากเลยครับ แหม :o8: ภูมิใจจังมีคนชอบนิยายของผมเพิ่มอีกคนแล้ว ขอบคุณนะครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 24-08-2008 13:37:44
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่แบ่งปันให้พวกเราได้อ่านนะคะน้อง Alex จะติดตามเรื่องต่อไป ขอแบบ happy ending ด้วยจ้ะ จะรักน้องตลอดไป.... :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 24-08-2008 21:07:01
ในที่สุดก็มาถึงจุดจบของเรื่องนี้  o7

ซาบซึ้งกินใจดีครับ  o13

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณ ALeX นะครับ

ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมา

จะเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ

แล้วจะรอเรื่องต่อไปของคุณครับ  :L2: :m1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: phak ที่ 24-08-2008 21:10:03
เสียน้ำตาเป็นปี๊บเลยอะ o7 o7 :m15:ขอบคุณมากๆๆสำหรับเรื่องราวดีๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 25-08-2008 00:00:31
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่แบ่งปันให้พวกเราได้อ่านนะคะน้อง Alex จะติดตามเรื่องต่อไป ขอแบบ happy ending ด้วยจ้ะ จะรักน้องตลอดไป.... :L2:

ขอบคุณครับพี่ ผมก็รักพี่ตลอดไปเช่นกันครับ :bye2: :pig4:

ในที่สุดก็มาถึงจุดจบของเรื่องนี้  o7

ซาบซึ้งกินใจดีครับ  o13

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณ ALeX นะครับ

ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมา

จะเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ

แล้วจะรอเรื่องต่อไปของคุณครับ  :L2: :m1:


ครับ ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับการติดตามอันยาวนาน ซึ้ง+ปลื้มใจมากที่ได้อ่านเม้นท์ของทุกๆคนเลยครับ

เสียน้ำตาเป็นปี๊บเลยอะ o7 o7 :m15:ขอบคุณมากๆๆสำหรับเรื่องราวดีๆๆ


ครับ ก็อย่างที่บอกนะครับ...คนแต่งก็เสียน้ำตาไปหลายอยู่เหมียนกัลล :o8:

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: eoeo ที่ 25-08-2008 18:30:01
ดีที่จบแบบซึ่งๆตอนอ่านนึกว่าจะจบแบบตายจากกันซะอีก

เฮ้อโล่ง
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: baros ที่ 26-08-2008 01:08:27
 :m1:จบถูกใจครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: meawkung02 ที่ 26-08-2008 19:19:43
ไม่รู้ว่าจะเม้นท์ ยังไงดีเอาเป็นว่า...ขอบคุณมากนะคับ สำหรับนิยายดีๆทั้ง 3 ภาค



ขอบคุณจริงๆคับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 26-08-2008 20:38:21
ดีที่จบแบบซึ่งๆตอนอ่านนึกว่าจะจบแบบตายจากกันซะอีก

เฮ้อโล่ง


ขอบคุณเช่นกันครับ

:m1:จบถูกใจครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุนครับ


ไม่รู้ว่าจะเม้นท์ ยังไงดีเอาเป็นว่า...ขอบคุณมากนะคับ สำหรับนิยายดีๆทั้ง 3 ภาค



ขอบคุณจริงๆคับ


ขอบคุณจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: zaphir ที่ 26-08-2008 22:59:04
 :pig4: ตามอ่ามาหลายวันกว่าจะตามจบ
             ดีครับ ชอบอยู่
             มีความสุขกับการใช้ชีวิตนะครับ   o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: jurassic ที่ 27-08-2008 15:47:09
....ช้าไปไม๊เนี่ยะ...ตามอ่านเกือบเป็นอาทิตย์ ((อู้งานมาอ่านอ่ะ))
ขอบคุณนะสำหรับนิยายน่ารักๆ แอบปนเศร้ากับหลายๆ ตอน
แล้วเด๋วจะไปตามอ่านอีกเรื่องนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 29-08-2008 00:36:46
อ่านจบแล้วฮับ ขอบอกว่าเศร้ามากเป็นเรื่องที่เศร้าอีกเรื่องหนึ่งเลย ชีวิตอะไรอุปสรรคจะเยอะขนาดนี้
ปัญหามากมายเหลือเกิน แต่เป็นรักที่มั่นคงมากๆๆๆอ่ะ ถึงจะจากกันกี่ปีก้อยังรักกันอยู่

ใจหายเลยตอนอ่านก่อนจบ คิดว่าจบแบบเศร้าสะแล้วววว ดีนะจบแบบนี้ เฮ้อออโล่อก ดีจัยอ่ะ ที่มีความสุขสักที

ชอบฮับบบ รออ่านเรื่องต่อไปอยู่ฮับบบบบ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: TongZA ที่ 30-08-2008 20:27:05
เย้ๆๆๆๆๆในที่สุดก็อ่านจบแย้ววววววววววววว

ตามอ่านมาหลายวันมากๆอ่ะครับ  พอดีกำลังฝึกสอนเลยมะค่อยมีเวลา

เพิ่งจามาอ่านเอารวดเดียว

แต่ก็ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากเลยอ่า

ขอบคุณคนเขียนนะคับ   จบแบบนี้คนเขียนน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกที่สุดเลย

 :m4: :m4: :m4: :m1: :m1: :m1: :m13: :m13: :m13:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 11-09-2008 13:09:25
:pig4: ตามอ่ามาหลายวันกว่าจะตามจบ
             ดีครับ ชอบอยู่
             มีความสุขกับการใช้ชีวิตนะครับ   o13


ขอบคุรมากครับ ขอให้มีความสุข สมหวังทุกประการนะครับ

....ช้าไปไม๊เนี่ยะ...ตามอ่านเกือบเป็นอาทิตย์ ((อู้งานมาอ่านอ่ะ))
ขอบคุณนะสำหรับนิยายน่ารักๆ แอบปนเศร้ากับหลายๆ ตอน
แล้วเด๋วจะไปตามอ่านอีกเรื่องนะคะ :L2:


ขอบคุณครับ อิอิ

อ่านจบแล้วฮับ ขอบอกว่าเศร้ามากเป็นเรื่องที่เศร้าอีกเรื่องหนึ่งเลย ชีวิตอะไรอุปสรรคจะเยอะขนาดนี้
ปัญหามากมายเหลือเกิน แต่เป็นรักที่มั่นคงมากๆๆๆอ่ะ ถึงจะจากกันกี่ปีก้อยังรักกันอยู่

ใจหายเลยตอนอ่านก่อนจบ คิดว่าจบแบบเศร้าสะแล้วววว ดีนะจบแบบนี้ เฮ้อออโล่อก ดีจัยอ่ะ ที่มีความสุขสักที

ชอบฮับบบ รออ่านเรื่องต่อไปอยู่ฮับบบบบ  o13 o13 o13


ครับ ผมทำใจให้นิยายเรื่องนี้จบเศร้าไม่ได้อ่ะคับ 555+


ขอบคุณนะครับ

เย้ๆๆๆๆๆในที่สุดก็อ่านจบแย้ววววววววววววว

ตามอ่านมาหลายวันมากๆอ่ะครับ  พอดีกำลังฝึกสอนเลยมะค่อยมีเวลา

เพิ่งจามาอ่านเอารวดเดียว

แต่ก็ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากเลยอ่า

ขอบคุณคนเขียนนะคับ   จบแบบนี้คนเขียนน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกที่สุดเลย

 :m4: :m4: :m4: :m1: :m1: :m1: :m13: :m13: :m13:



เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้เจอแต่เด็กหล่อๆ อิอิ(<<<ของขวัญคนทำความดี)

ขอบคุณนะครับ ที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคนมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ArtyKung ที่ 19-09-2008 12:05:01
หนุกมากๆเรยค๊าฟ


เรื่องใหม่มาจาจิ้มให้นะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: blackberry2214 ที่ 04-10-2008 01:27:30
หึๆ อ่านรวดเดียว 4 ชม. จบในที่สุด

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ คร้าบบบลบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: TaDa ที่ 12-10-2008 19:42:03

สามภาค สามอารมณ์ สามอะไรอีกก็ไม่รู้

แต่ก็จบลงกับความสุข

ขอบคุรคร๊าบบบบบบบบ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 14-10-2008 12:58:21
 :L1: :L1: :L1:





ชอบอ่า กว่าจะอ่าบจบ อิอิ





 :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 27-10-2008 23:54:58
อ่านจบรวดเดียวเลยทีเดียว >///<
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก ~



ตอนแรกอ่านไปลุ้นไป มันจะเศร้าไหมน๊า
อ่านไปแบบใจหายวาบๆเลยนะ น้ำตานี่ซึมเล็กๆ  :m15:





แต่แล้วก็จบลงด้วยดี ชอบชิพกับแดนมากๆเลยล่ะค่ะ
ถึงแม้ว่าจะผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะ แต่หากมีเรื่องดีๆก็มีความสุขกันได้เนาะ



ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: sodamini ที่ 24-11-2008 16:00:15
:impress3: :impress3:


แวะมาทักทายพี่ Alex


พร้อมกับคิดถึงชิพ+แดนด้วยค่ะ


 :impress3: :impress3:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: seacow ที่ 26-11-2008 07:12:28
คุณเป็นคนแรกที่เราเม้นให้เลยนะเนี๊ย
ขอบอกตรงๆคุณมีความสามารถมากที่แต่งเรื่องราวที่ให้ความรู้สึกจี๊ดดดดดดดตั้งแต่ตอนแรกจนเกือบตอนสุดท้าย
รู้สึกเจ็บนิดๆ (แอบสงสัยแดนซาดิสอะเป่า ชอบทำตัวเองรู้สึกเจ็บ) o13
แต่สุดท้ายก็จบแบบมีความสุขฮิฮิ :impress2:
อย่างไรก็ตาม แอบคิดถึงตัวละครเพื่อนๆเล็กน้อยเพราะหายไปเลย
สุดท้ายละ ขอบคุณมาสำหรับเรื่องสนุกๆและดีดี
ขอให้มีความสุขมากๆแล้วมีผลงานดีดีอีกนะ
-=seacow=-
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 26-11-2008 07:42:44
^
^
^
มาจิ้มและเจาะไข่รีบน อฺิ อฺิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: pipechan ที่ 27-11-2008 07:14:52
เรื่องนี้สนุกมากเลย เราเห็นเรื่องนี้ในboard ตั้งนานแล้วแต่เราไม่ได้อ่าน
จนเราไปอ่านกระทู้แนะนำนิยาย แล้วมีคนแนะนำเรื่องนี้เราเลยลองเข้ามาอ่าน แล้ว ก็สนุกจิงๆด้วย
^___^

ปล เราชอบมาเลยอะ ที่Alex ใช้emotion ที่พิมพ์เองอะ เยอะมากกกก เราว่ามันน่ารักดี ขอเอาไปใช้มั่งเน้อ ^o^
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 27-11-2008 12:32:37
แหะ แหะ อ่านจบแล้วอ่ะ เพิ่งจะมารายงานตัว


ดีใจที่ จบแบบนี้   


ขอบคุณมากนะ ที่ มีงานดี ๆ มาให้ติดตามกัน  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaelover ที่ 28-11-2008 21:07:55
สวัสดีค่ะ ขอเม้นท์ นิดนึง ตอนแรกอ่านไป เอ๋ะ เรืองเริ่มเศร้า  :m15:
ทำใจไป 2 วันไม่อ่านต่อ แล้วก็เข้ามาอ่านใหม่ กว่าจะจะจบได้

เล่นเอาคนอ่านเศร้า จิตใจบอบช้ำ แต่จบแบบนี้ก็ดี แล้วค่ะ ค่อย มีแรงใจมาหน่อย

ขอบคุณมากๆ นะค่ะ ที่จบแบบแฮปปี้  :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 29-11-2008 14:32:11
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้เมื่อวานเองค่า ในที่สุดวันนี้ก็อ่านจบจนได้ อ่านไปก็เศร้าสะเทือนใจไป อะไรตัวละครมันจะเครียด เศร้า รันทด น้ำตาท่วมกันขนาดนี้ เห็นเขียนเศร้าขนาดนี้แล้วก็อยากเขียนเรื่องเศร้าๆ ของตัวเองเหมือนกัน

ชอบเรื่องนี้ทั้งภาษา รวมถึงการเติบโตของตัวละครด้วยค่ะ คนเขียนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกสับสนเศร้าของตัวละครได้ดีมากๆ อาจจะมีบางช่วงที่หมั่นไส้เจ้าแดนประมาณชอบคิดเองเออเองจนชีวิตไม่มีความสุข หรือแอบมีโลเล ปากแข็ง ขี้โกหก แต่ยังไงก็ตามก็ทำให้รู้สึกว่าจับต้องตัวละครได้จริงๆ ส่วนชิฟเนี่ย น่าสงสารเอามากๆ ทั้งรักทั้งหลง ทั้งเอาแต่ใจตัวเองแต่ก็รักจริง มีหมั่นไส้บ้างเหมือนกันแต่น้อยกว่าแดน ตัวละครอื่นที่ชอบมากคงเป็นพี่มาร์ค ภาค 1 เนี่ยกรี๊ดมากๆ ภาค 2 บทน้อย พอภาคสุดท้ายเนี่ย ดีใจมากๆ ค่าที่พี่มาร์คกับเมฆมีความสุขด้วยกัน


ดีใจที่ตัวละครทุกตัวมีความสุข และจบดีมากๆ เรื่องดีๆ แบบนี้ขอยกเครดิตให้คนเขียน อยากให้รู้ว่าเราในฐานะคนอ่านมีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ

 
 :bye2: o13

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 18-12-2008 16:51:02
อ่านภาคสอง จบแล้ว


กำลังจะต่อภาคสาม


 :monkeysad:


เศร้าได้อีกง่ะ

โฮๆๆๆๆ

สงสารแดน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: com ที่ 27-12-2008 19:27:08
เรื่องเศร้าแต่ก็จบด้วยดีนะครับ ขอบคุณครับ

:impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 27-12-2008 19:59:51
อ่านจบรวดเดียวเลยทีเดียว >///<
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก ~



ตอนแรกอ่านไปลุ้นไป มันจะเศร้าไหมน๊า
อ่านไปแบบใจหายวาบๆเลยนะ น้ำตานี่ซึมเล็กๆ  :m15:



ขอบคุณมากๆครับ
:impress3: :impress3:


แวะมาทักทายพี่ Alex


พร้อมกับคิดถึงชิพ+แดนด้วยค่ะ


 :impress3: :impress3:






แต่แล้วก็จบลงด้วยดี ชอบชิพกับแดนมากๆเลยล่ะค่ะ
ถึงแม้ว่าจะผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะ แต่หากมีเรื่องดีๆก็มีความสุขกันได้เนาะ



ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


จ้า ขอบคุณน๊า


คุณเป็นคนแรกที่เราเม้นให้เลยนะเนี๊ย
ขอบอกตรงๆคุณมีความสามารถมากที่แต่งเรื่องราวที่ให้ความรู้สึกจี๊ดดดดดดดตั้งแต่ตอนแรกจนเกือบตอนสุดท้าย
รู้สึกเจ็บนิดๆ (แอบสงสัยแดนซาดิสอะเป่า ชอบทำตัวเองรู้สึกเจ็บ) o13
แต่สุดท้ายก็จบแบบมีความสุขฮิฮิ :impress2:
อย่างไรก็ตาม แอบคิดถึงตัวละครเพื่อนๆเล็กน้อยเพราะหายไปเลย
สุดท้ายละ ขอบคุณมาสำหรับเรื่องสนุกๆและดีดี
ขอให้มีความสุขมากๆแล้วมีผลงานดีดีอีกนะ
-=seacow=-


เอ่อ....เค้าไม่ใช่มาโซคิสน๊า :jul1:

 :pig4:

^
^
^
มาจิ้มและเจาะไข่รีบน อฺิ อฺิ  :impress2:


หุๆ จิ้มคืนไม่ทัน

 :L2:

เรื่องนี้สนุกมากเลย เราเห็นเรื่องนี้ในboard ตั้งนานแล้วแต่เราไม่ได้อ่าน
จนเราไปอ่านกระทู้แนะนำนิยาย แล้วมีคนแนะนำเรื่องนี้เราเลยลองเข้ามาอ่าน แล้ว ก็สนุกจิงๆด้วย
^___^

ปล เราชอบมาเลยอะ ที่Alex ใช้emotion ที่พิมพ์เองอะ เยอะมากกกก เราว่ามันน่ารักดี ขอเอาไปใช้มั่งเน้อ ^o^


ขอบคุณนะครับ อิอิ

แหะ แหะ อ่านจบแล้วอ่ะ เพิ่งจะมารายงานตัว


ดีใจที่ จบแบบนี้   


ขอบคุณมากนะ ที่ มีงานดี ๆ มาให้ติดตามกัน  :pig4:


 :pig4: จ้า


สวัสดีค่ะ ขอเม้นท์ นิดนึง ตอนแรกอ่านไป เอ๋ะ เรืองเริ่มเศร้า  :m15:
ทำใจไป 2 วันไม่อ่านต่อ แล้วก็เข้ามาอ่านใหม่ กว่าจะจะจบได้

เล่นเอาคนอ่านเศร้า จิตใจบอบช้ำ แต่จบแบบนี้ก็ดี แล้วค่ะ ค่อย มีแรงใจมาหน่อย

ขอบคุณมากๆ นะค่ะ ที่จบแบบแฮปปี้  :L2:


ขอให้มีความสุขนะครับ ขอบคุณครับ


เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้เมื่อวานเองค่า ในที่สุดวันนี้ก็อ่านจบจนได้ อ่านไปก็เศร้าสะเทือนใจไป อะไรตัวละครมันจะเครียด เศร้า รันทด น้ำตาท่วมกันขนาดนี้ เห็นเขียนเศร้าขนาดนี้แล้วก็อยากเขียนเรื่องเศร้าๆ ของตัวเองเหมือนกัน

ชอบเรื่องนี้ทั้งภาษา รวมถึงการเติบโตของตัวละครด้วยค่ะ คนเขียนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกสับสนเศร้าของตัวละครได้ดีมากๆ อาจจะมีบางช่วงที่หมั่นไส้เจ้าแดนประมาณชอบคิดเองเออเองจนชีวิตไม่มีความสุข หรือแอบมีโลเล ปากแข็ง ขี้โกหก แต่ยังไงก็ตามก็ทำให้รู้สึกว่าจับต้องตัวละครได้จริงๆ ส่วนชิฟเนี่ย น่าสงสารเอามากๆ ทั้งรักทั้งหลง ทั้งเอาแต่ใจตัวเองแต่ก็รักจริง มีหมั่นไส้บ้างเหมือนกันแต่น้อยกว่าแดน ตัวละครอื่นที่ชอบมากคงเป็นพี่มาร์ค ภาค 1 เนี่ยกรี๊ดมากๆ ภาค 2 บทน้อย พอภาคสุดท้ายเนี่ย ดีใจมากๆ ค่าที่พี่มาร์คกับเมฆมีความสุขด้วยกัน


ดีใจที่ตัวละครทุกตัวมีความสุข และจบดีมากๆ เรื่องดีๆ แบบนี้ขอยกเครดิตให้คนเขียน อยากให้รู้ว่าเราในฐานะคนอ่านมีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ

 
 :bye2: o13





โอ้ ขอบคุณมากๆครับ


อ่านภาคสอง จบแล้ว


กำลังจะต่อภาคสาม


 :monkeysad:


เศร้าได้อีกง่ะ

โฮๆๆๆๆ

สงสารแดน


ครับ ขอบคุณครับ


เรื่องเศร้าแต่ก็จบด้วยดีนะครับ ขอบคุณครับ

:impress2: :impress2:



ขอบคุณมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: deedo ที่ 28-12-2008 05:38:57
ขอบคุณ คุณ alex นะคะ ที่นำเรื่องดีๆ อย่างนี้มาให้เราอ่าน

มีความสุขมากๆเลยที่ได้อ่าน แม้จะเศร้าไปบ้าง น้ำตาไหลพรากเลยอ่ะ

แต่จบแบบแฮปปี้ๆ อย่างนี้พออภัยให้ได้ (อิอิ)

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: toungkup ที่ 01-01-2009 22:58:33
อ่านอยู่หลายวันในที่สุดก็จบจนได้ ไม่อยากบอกเลยครับว่าร้องไห้ไปหลายรอบเลยครับกว่าจะอ่านจบ เขียนได้ดีจริงๆครับ
ถ้าหากว่าผมของเอาเรื่องนี้ไปลงที่บอร์ดอื่นจะได้ไม่ครับ
ผมอยากให้เพื่อนๆที่บอร์ดอื่นได้อ่านบ้างอะครับ
ได้ไม่ได้ยังไงบอกด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ  และผมจะติดตามอ่านเรื่องที่พี่เขียนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 02-01-2009 11:07:15
ขอบคุณ คุณ alex นะคะ ที่นำเรื่องดีๆ อย่างนี้มาให้เราอ่าน

มีความสุขมากๆเลยที่ได้อ่าน แม้จะเศร้าไปบ้าง น้ำตาไหลพรากเลยอ่ะ

แต่จบแบบแฮปปี้ๆ อย่างนี้พออภัยให้ได้ (อิอิ)



ขอบพระคุณครับ   :กอด1: :pig4:


อ่านอยู่หลายวันในที่สุดก็จบจนได้ ไม่อยากบอกเลยครับว่าร้องไห้ไปหลายรอบเลยครับกว่าจะอ่านจบ เขียนได้ดีจริงๆครับ
ถ้าหากว่าผมของเอาเรื่องนี้ไปลงที่บอร์ดอื่นจะได้ไม่ครับ
ผมอยากให้เพื่อนๆที่บอร์ดอื่นได้อ่านบ้างอะครับ
ได้ไม่ได้ยังไงบอกด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ  และผมจะติดตามอ่านเรื่องที่พี่เขียนต่อไปนะครับ


เชิญเลยครับ ขอบพระคุณมากๆ แต่ผมขอลิงค์เว็บนั้นด้วยนะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าเลยครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: faareeyong ที่ 02-01-2009 14:42:50

 :mc4:  เย้ๆๆอ่านจบแล้ว ใช้เวลา 2 วัน
อ่าน เสร็จ กิน เสร็จ  :t3: แล้วก็ตื่นมาอ่านต่อ 

 :call: ข้าน้อยขอคราวะคุณAlex  :impress2:และขอบคุณผลงานดีๆชิ้นนี้ o13
พออ่านจบ 3 ภาค ต้องยอมรับว่า ชิพกับแดน ใช่เวลาครึ่งชีวิตเพื่อตามหากันและกัน สิบห้าปีที่เสียไป :monkeysad:
แต่ก็ถือว่าคุ้ม

ตอนนี้อ่านจบแล้วยังรู้สึกว่าอยากร้องไห้อยู่เลย เศร้า  :sad4: อยากกรี้ดดดดด อ้าไม่ไหวเลี้ยว :serius2:

ขอบคุณอีกรอบงับ :call:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 02-01-2009 20:11:34

 :mc4:  เย้ๆๆอ่านจบแล้ว ใช้เวลา 2 วัน
อ่าน เสร็จ กิน เสร็จ  :t3: แล้วก็ตื่นมาอ่านต่อ 

 :call: ข้าน้อยขอคราวะคุณAlex  :impress2:และขอบคุณผลงานดีๆชิ้นนี้ o13
พออ่านจบ 3 ภาค ต้องยอมรับว่า ชิพกับแดน ใช่เวลาครึ่งชีวิตเพื่อตามหากันและกัน สิบห้าปีที่เสียไป :monkeysad:
แต่ก็ถือว่าคุ้ม

ตอนนี้อ่านจบแล้วยังรู้สึกว่าอยากร้องไห้อยู่เลย เศร้า  :sad4: อยากกรี้ดดดดด อ้าไม่ไหวเลี้ยว :serius2:

ขอบคุณอีกรอบงับ :call:




55555+ ขอบพระคุณครับ เฮ้อ อ่านเม้นท์ยาวๆแล้วชื่นนนนนจาย :-[


ก็อย่างที่บอกนะครับ...ตอนแต่งคนเขียนก็ร้องไห้เหมือนกาน :o12:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมีน้ำแดง ที่ 06-01-2009 17:50:27
ขอบคุณน้อง ALEX ที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านจริงๆไม่ค่อยชอบอ่านนิยายตามบอร์ด ส่วนใหญ่จะซื้ออ่านมากกว่า (ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว) :z3:

สรุปโดยรวมเป็นเรื่องที่อ่านแล้วติดใจอย่างมาก ลุ้นตลอด  ใช้เวลา 2 วัน เพราะบางตอนบีบคั้นหัวใจ   :m15: ต้องแอบไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยเปิดอ่านใหม่  ไม่ได้อ่านนิยายแล้วน้ำตาไหลมานานมาก

ALEXเขียนตัดอารมณ์คนอ่านเก่งจัง ยิ่งตอนอวสานลุ้นมาก ใจแป้วน้ำตาซึมด้วยเลยตอนอ่านถึง.........

ตรงที่นั่งข้างๆ ว่างเปล่า.......แทบปิดคอมเลยไม่อยากอ่านต่อ  :o12: :o12:  แต่พออ่านต่อถึง.......

ทว่าตอนนี้...เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลัง มือหนาวางลงบนไหล่...ลุ้นมาก :-[

อ่านจนจบนึกถึงเพลง ชีวิตที่เหลืออยู่ ของ Bodyslam ขอมอบให้กับแดนนะค่ะ

เดี๋ยวจะไปหาเรื่องใหม่ของ ALEX อ่านต่อ ขอบคุณค่ะ  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 07-01-2009 02:23:09
ขอบคุณน้อง ALEX ที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านจริงๆไม่ค่อยชอบอ่านนิยายตามบอร์ด ส่วนใหญ่จะซื้ออ่านมากกว่า (ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว) :z3:

สรุปโดยรวมเป็นเรื่องที่อ่านแล้วติดใจอย่างมาก ลุ้นตลอด  ใช้เวลา 2 วัน เพราะบางตอนบีบคั้นหัวใจ   :m15: ต้องแอบไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยเปิดอ่านใหม่  ไม่ได้อ่านนิยายแล้วน้ำตาไหลมานานมาก

ALEXเขียนตัดอารมณ์คนอ่านเก่งจัง ยิ่งตอนอวสานลุ้นมาก ใจแป้วน้ำตาซึมด้วยเลยตอนอ่านถึง.........

ตรงที่นั่งข้างๆ ว่างเปล่า.......แทบปิดคอมเลยไม่อยากอ่านต่อ  :o12: :o12:  แต่พออ่านต่อถึง.......

ทว่าตอนนี้...เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลัง มือหนาวางลงบนไหล่...ลุ้นมาก :-[

อ่านจนจบนึกถึงเพลง ชีวิตที่เหลืออยู่ ของ Bodyslam ขอมอบให้กับแดนนะค่ะ

เดี๋ยวจะไปหาเรื่องใหม่ของ ALEX อ่านต่อ ขอบคุณค่ะ  :bye2: :bye2:



อ๊า~~~ ชื่นใจอีกแล้วเม้นท์ยาวๆเเน่นๆ +1 เลยคร้าบ

ขอบคุณนะครับพี่ คือผมเป็นซาดิสต์นิดๆชอบทรมานใจตัวเอง นิยายเลยออกมาทรมานใจคนอ่านบ้างน่ะครับ แหะๆ


 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: nickudez ที่ 10-01-2009 07:44:33
โอย อ่านอยู่


สนุกมากมากมากมาย

สงสาร พี่มาร์คมากที่สุด

เจ้าแดนภาคแรกที่หลายใจ

ภาค 2 งอนได้ใจจมากกกกก

ยังอ่านไม่จบ รีบไปอ่านต่อก่อนดีก่า

ย่าเลวมาก
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: nickudez ที่ 10-01-2009 23:30:05
ตื่นเต้นๆ

ตอนนี้กำลังจะอ่านตอนอวสานนนน

อ่านมา 3 วัน

อิอิอิอิอิอิอิอ

ตอนก่อนสุดท้ายนี่เศร้ามากที่สุดทั้งเรื่อง

ก่อนหน้านี้ยังไม่มีใจสั่น  ตอนรองสุดท้ายนี่เศร้ามากกกกกกกกก ใจสั่น

รีบไปอ่านตอนสุดท้ายก่อน ถ้าเศร้า แช่ง :m16:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: sabishiikant ที่ 16-01-2009 06:23:31
ขอบคุณคับ
กว่าจะอ่านจบเสียน้ำตาไปหลายหยด
จบได้ประทับใจจัง

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 17-01-2009 19:14:40
ขอบคุณคับ
กว่าจะอ่านจบเสียน้ำตาไปหลายหยด
จบได้ประทับใจจัง




ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: bababeer ที่ 18-01-2009 23:05:05
ชอบคุงคร๊าบบบ

สนุกมากเลย :m11: เศร้ามากก :m15:  อ่านแล้วอินไปกับเรื่องจริงๆ



หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: changasa@hotmail.com ที่ 19-01-2009 23:34:22
 :o8: :-[ :impress2: :กอด1: ขอบคุณมากเลยนะครับ อ่านรวดเดียวหมด ใช้เวลา8ชั่วโมง ตาลาย แต่ชอบมากเลย ขอบคุรอีกทีครับผม

 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: kakashismart ที่ 24-01-2009 00:04:26
 :impress2: หวัดดีคับ A l e X  พอดีตามเรื่องมาจาก เวบบอร์ด ของ g b o y s i a m อะ ที่ t o u n g เอาไปโพสต์ไว้  ก็เลยตามมาอ่านให้จบ

ก่อน เพราะใจจะขาดแล้ว  ชอบมากเลย สุดท้ายก็จบแบบ happy  และหักมุมนิดๆ อ่อ ลืมบอกไป เราก็คนที่คอมเม้นท์ใช้ชื่อว่า  k a k a s h i  อะ

อื้ม.. อเล็กซ์ เรียนอยู่ ม.หก ใช่ปะ  เราก็อยู่ ม.หก เหมือนกัน   แล้วมี่ที่เรียนต่อยัง หรือว่ารอแอดมิดชัน  ส่วนเรายังไม่มีเลย รอแอด
 
ยังไงก็สู้ๆนะ เขียนเรื่องสนุกมาให้อ่านอีก   o18   :กอด1: ปล.อยากรู้จักจัง ขอเป็นเพื่อนได้ป้ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: |ψ|PEAT_ZA|ψ|℠ ที่ 25-01-2009 20:39:30
:impress2: หวัดดีคับ A l e X  พอดีตามเรื่องมาจาก เวบบอร์ด ของ g b o y s i a m อะ ที่ t o u n g เอาไปโพสต์ไว้  ก็เลยตามมาอ่านให้จบ

ก่อน เพราะใจจะขาดแล้ว  ชอบมากเลย สุดท้ายก็จบแบบ happy  และหักมุมนิดๆ

^

^

^

อิงจากข้างบนเพราะตามอ่านมาจากที่เดียวกัน 

อยากบอกว่านายแน่มาก A l e X นายแน่จริงๆ  ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้นิยายเรื่องไหนมานานขนาดนี้(เรื่องสุดท้ายรู้สึกว่าจะเป็น..บ้านพักอลเวงนะ..)   :m15: :monkeysad: :sad11: :impress3: :sad4: :o12:

ตอนอ่านจบภาคแรก  แทบอยากจะ  :z3: :z3: :z3:     อยากจะ :z6: ไอ่เจ้าชิพซ่ะให้ได้  แต่ตอนนี้อยากบอกว่ารักชิพว่ะ   


ตอนนี้เพิ่งจะอ่านถึงกลางภาคสอง   อยากอ่านต่อไปเรื่องแต่ต้องไปโรงเรียนอิก  เฮ้อ..... 

จริงดิ...  ตอนนี้ A l e X เรียนอยู่ ม.6 ใช่ป่ะ  เราอยู่ม.5 นะ  ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเส้นตายของ  ม.6แล้วซินะ  ยังไงก็ขอให้แอดฯติดในคณะที่ชอบนะคับ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: nine-poo ที่ 23-02-2009 01:07:34
พึ่งอ่านจบครับ

ทำให้คิดถึงวันวานเก่าๆ จังเลยครับ  มีช่วงเวลานั้นเป็นความทรงจำเหมือนกันครับ

แต่ผมมันดูยากกว่ามากครับ  เพราะไม่สามารถบอกได้แบบโต้งๆ  ต้องเก็บไว้ในใจอย่างเดียว

ประทับใจเรื่องราวของคนแต่งมากครับ

เป็นกำลังใจดำเนินชีวิตไปอย่างเข้มแข็งและมีความสุขนะครับ

 :L2: :L2: :3123: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: omelordkung ที่ 19-03-2009 13:21:18
แอบมาอ่านแบบรวดเดียวจบ

เขียนได้ประทับใจมาก ๆ เลยครับ

แอบน้ำตาคลอ ๆ ซึ้งจริง ๆ

จบแล้วอิ่มดีครับ

รู้สึกมีความสุขกับเรื่องของชิพและแดน

ขอบคุณครับที่แต่งเรื่องดี ๆ มาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: golly* ที่ 22-03-2009 18:56:13
อ่านจบภาคแรกละจ้า  มาจิ้มไว้ก่อนๆ
แอบโกรธแดนอ้ะ..  ทำพี่มาร์คต้องฆ่าตัวตายเลย  เค้าเป็นแฟนคลับพี่มาร์คนะ~!!
ละก็แอบปลื้มพี่เมฆ  ฮ่าฮ่าฮ่า..  น่ารักเน๊อะ~
อ้อ! เอาคำผิดมาฝาก(?)ด้วยค่ะ  ภาคแรกนะๆ
อ้างถึง
บทที่ 32 
'เขี้ยว'->'เคี่ยว'
'เค็น'->'เข็น'
'ข่ะ'->'ค่ะ'

นอกจากว่าคนเขียนจะตั้งใจเขียนผิดล่ะนะ..
ว่าแต่.. ALeX จะได้มาเห็นรึป่าวเนี่ย!?
ตอนนี้ขอแว๊บบ.. ไปอ่านภาคสองก่อนน๊า  เคืองชิพจะแย่อยู่แล้วเนี่ย~
หัวข้อ: Like most!!
เริ่มหัวข้อโดย: bankynoe ที่ 23-03-2009 23:48:21
เยี่ยมคับ ชอบมากๆๆเลยอ่าคับ ผมก้อเปนคนอ่านรวดเดียวจบอีกเหมือนกัน 3ภาคเลย  ..ซึ้งอ่าคับ  ซึ้งมากก  ซึ้งจนผมเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง...ทำเอาผมเพ้อไปหลายวันเลยนะคับเนี่ย     นิยายเรื่องนี้ดี เขียนดีมากๆๆเลยนะคับ   ใช้ภาษาได้ดี มีการเชื่อมต่อของตัวละคร และมีการถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีสุดยอดคร้าบบ

            เคยมั้ยคับเวลาที่อ่านเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ......โดยเฉพาะเรื่องนี้ มันทำให้เราเพ้อได้นะคับ  เพ้อแบบที่คิดเป็นตุเป็นตะ ผมเคยแอบจินตนาการหน้าตาของทั้งชิพและแดนมาแล้วนะคร้าบบ...ผมชอบเค้าทั้งคู่มากๆ  โดยเฉพาะชิพ  ตอนแรกผมก้อนึกว่า ทรูสตอรี่
ไอผมก้อแอบไปค้นคว้าหา บริษัทสุขภัณฑ์มา เหอะๆๆๆๆ >>ไม่เจอแฮะ  ( เปนเอามากมั้ยผมอ่ะ)  อ่านไปก้อร้องไห้ไป..ตอนจบนึกว่าจาเศร้าสะอีก  ยังอ่านไม่ทันจบน้ำตาผมก้อพรากเลยคับ ถึงกลับพราก   อ่านจบปุ๊บก้อแฮปปี้คร้าบบบบ..........ร๊ากกชิพอ่า :impress2: :impress2:
















หัวข้อ: again na
เริ่มหัวข้อโดย: bankynoe ที่ 24-03-2009 00:09:25
Alex อยู่ม.6 เหรอ เพิ่งจบป่าว แหะๆๆ  เท่าเราเลยแหะ รอแอดอยู่ป๊าวว เราก้อรอยู่เหอะๆๆ   :3123:ฝีมือการเขียนดีเยี่ยม สุดยอดไปเลยคับ  ว่าไปก้ออยากรู้จักแหะ

ทำงัยดีงะคร้าบบ  55+ :m15:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 31-03-2009 02:22:19
ชอบคุงคร๊าบบบ

สนุกมากเลย :m11: เศร้ามากก :m15:  อ่านแล้วอินไปกับเรื่องจริงๆ







แหะๆ ขอบคุรนะครับ


:o8: :-[ :impress2: :กอด1: ขอบคุณมากเลยนะครับ อ่านรวดเดียวหมด ใช้เวลา8ชั่วโมง ตาลาย แต่ชอบมากเลย ขอบคุรอีกทีครับผม

 o13 o13


ขอบคุณครับ ที่อ่านนิยายของผม ขอบคุณนะครับ


:impress2: หวัดดีคับ A l e X  พอดีตามเรื่องมาจาก เวบบอร์ด ของ g b o y s i a m อะ ที่ t o u n g เอาไปโพสต์ไว้  ก็เลยตามมาอ่านให้จบ

ก่อน เพราะใจจะขาดแล้ว  ชอบมากเลย สุดท้ายก็จบแบบ happy  และหักมุมนิดๆ อ่อ ลืมบอกไป เราก็คนที่คอมเม้นท์ใช้ชื่อว่า  k a k a s h i  อะ

อื้ม.. อเล็กซ์ เรียนอยู่ ม.หก ใช่ปะ  เราก็อยู่ ม.หก เหมือนกัน   แล้วมี่ที่เรียนต่อยัง หรือว่ารอแอดมิดชัน  ส่วนเรายังไม่มีเลย รอแอด
 
ยังไงก็สู้ๆนะ เขียนเรื่องสนุกมาให้อ่านอีก   o18   :กอด1: ปล.อยากรู้จักจัง ขอเป็นเพื่อนได้ป้ะ  :L2:



ขอบคุณนะครับ แหม ตามมาถึงนี่ จุใจเลยนะครับ


:impress2: หวัดดีคับ A l e X  พอดีตามเรื่องมาจาก เวบบอร์ด ของ g b o y s i a m อะ ที่ t o u n g เอาไปโพสต์ไว้  ก็เลยตามมาอ่านให้จบ

ก่อน เพราะใจจะขาดแล้ว  ชอบมากเลย สุดท้ายก็จบแบบ happy  และหักมุมนิดๆ

^

^

^

อิงจากข้างบนเพราะตามอ่านมาจากที่เดียวกัน 

อยากบอกว่านายแน่มาก A l e X นายแน่จริงๆ  ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้นิยายเรื่องไหนมานานขนาดนี้(เรื่องสุดท้ายรู้สึกว่าจะเป็น..บ้านพักอลเวงนะ..)   :m15: :monkeysad: :sad11: :impress3: :sad4: :o12:

ตอนอ่านจบภาคแรก  แทบอยากจะ  :z3: :z3: :z3:     อยากจะ :z6: ไอ่เจ้าชิพซ่ะให้ได้  แต่ตอนนี้อยากบอกว่ารักชิพว่ะ  


ตอนนี้เพิ่งจะอ่านถึงกลางภาคสอง   อยากอ่านต่อไปเรื่องแต่ต้องไปโรงเรียนอิก  เฮ้อ..... 

จริงดิ...  ตอนนี้ A l e X เรียนอยู่ ม.6 ใช่ป่ะ  เราอยู่ม.5 นะ  ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเส้นตายของ  ม.6แล้วซินะ  ยังไงก็ขอให้แอดฯติดในคณะที่ชอบนะคับ

 :pig4:


โอ๊ว จอร์จ บ้านพักอลเวงของพี่เต โอมากๆๆๆๆ รู้ป่ะครับเขากับผมจบจากโรงเรียนเดียวกัน (สวนกุหลาบเน้อ)


พึ่งอ่านจบครับ

ทำให้คิดถึงวันวานเก่าๆ จังเลยครับ  มีช่วงเวลานั้นเป็นความทรงจำเหมือนกันครับ

แต่ผมมันดูยากกว่ามากครับ  เพราะไม่สามารถบอกได้แบบโต้งๆ  ต้องเก็บไว้ในใจอย่างเดียว

ประทับใจเรื่องราวของคนแต่งมากครับ

เป็นกำลังใจดำเนินชีวิตไปอย่างเข้มแข็งและมีความสุขนะครับ

 :L2: :L2: :3123: :L2: :L2:

ครับ คือทุกครั้งที่ผมกลับมาอ่านนิยายเรื่องนี้...มันก็รู้สึกเหมือนได้กลับไปใช้ชีวิตในโรงเรียนเหมือนวันเก่าๆเลย (พูดเเล้วน้ำตาจะไหล ขนาดนิยายตัวเองยัง T-T)

แอบมาอ่านแบบรวดเดียวจบ

เขียนได้ประทับใจมาก ๆ เลยครับ

แอบน้ำตาคลอ ๆ ซึ้งจริง ๆ

จบแล้วอิ่มดีครับ

รู้สึกมีความสุขกับเรื่องของชิพและแดน

ขอบคุณครับที่แต่งเรื่องดี ๆ มาให้อ่านกัน

ครับ ขอบคุณนะครับ

อ่านจบภาคแรกละจ้า  มาจิ้มไว้ก่อนๆ
แอบโกรธแดนอ้ะ..  ทำพี่มาร์คต้องฆ่าตัวตายเลย  เค้าเป็นแฟนคลับพี่มาร์คนะ~!!
ละก็แอบปลื้มพี่เมฆ  ฮ่าฮ่าฮ่า..  น่ารักเน๊อะ~
อ้อ! เอาคำผิดมาฝาก(?)ด้วยค่ะ  ภาคแรกนะๆ
อ้างถึง
บทที่ 32 
'เขี้ยว'->'เคี่ยว'
'เค็น'->'เข็น'
'ข่ะ'->'ค่ะ'

นอกจากว่าคนเขียนจะตั้งใจเขียนผิดล่ะนะ..
ว่าแต่.. ALeX จะได้มาเห็นรึป่าวเนี่ย!?
ตอนนี้ขอแว๊บบ.. ไปอ่านภาคสองก่อนน๊า  เคืองชิพจะแย่อยู่แล้วเนี่ย~


ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ เบลอบ่อยมากนะ T-T


เยี่ยมคับ ชอบมากๆๆเลยอ่าคับ ผมก้อเปนคนอ่านรวดเดียวจบอีกเหมือนกัน 3ภาคเลย  ..ซึ้งอ่าคับ  ซึ้งมากก  ซึ้งจนผมเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง...ทำเอาผมเพ้อไปหลายวันเลยนะคับเนี่ย     นิยายเรื่องนี้ดี เขียนดีมากๆๆเลยนะคับ   ใช้ภาษาได้ดี มีการเชื่อมต่อของตัวละคร และมีการถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีสุดยอดคร้าบบ

            เคยมั้ยคับเวลาที่อ่านเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ......โดยเฉพาะเรื่องนี้ มันทำให้เราเพ้อได้นะคับ  เพ้อแบบที่คิดเป็นตุเป็นตะ ผมเคยแอบจินตนาการหน้าตาของทั้งชิพและแดนมาแล้วนะคร้าบบ...ผมชอบเค้าทั้งคู่มากๆ  โดยเฉพาะชิพ  ตอนแรกผมก้อนึกว่า ทรูสตอรี่
ไอผมก้อแอบไปค้นคว้าหา บริษัทสุขภัณฑ์มา เหอะๆๆๆๆ >>ไม่เจอแฮะ  ( เปนเอามากมั้ยผมอ่ะ)  อ่านไปก้อร้องไห้ไป..ตอนจบนึกว่าจาเศร้าสะอีก  ยังอ่านไม่ทันจบน้ำตาผมก้อพรากเลยคับ ถึงกลับพราก   อ่านจบปุ๊บก้อแฮปปี้คร้าบบบบ..........ร๊ากกชิพอ่า :impress2: :impress2:



















555+ ผมอ่ะเลิกเพ้อเขาแล้ว...ความจริงมันเป็นเรื่องเกือบจริงแค่ภาคแรกอ่ะครับ...ความจริงเขาไม่สนใจผมหรอก เลยต้องลุกขึ้นมาแต่งนิยายระบายออกไง ฮือๆๆ...


Alex อยู่ม.6 เหรอ เพิ่งจบป่าว แหะๆๆ  เท่าเราเลยแหะ รอแอดอยู่ป๊าวว เราก้อรอยู่เหอะๆๆ   :3123:ฝีมือการเขียนดีเยี่ยม สุดยอดไปเลยคับ  ว่าไปก้ออยากรู้จักแหะ

ทำงัยดีงะคร้าบบ  55+ :m15:


อ่า ต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ เอาเป็นว่าถ้าจะติดต่อรบกวนเป็นpersonal M. ส่งกันภายในบอร์ดแห่งนี้เรยครับ สะดวกที่สุดแล้ว


เอาไว้คุยกันน๊า :pig4:



 :pig4: ทุกคนมากๆครับ  :pig4:


หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 16-05-2009 10:55:59
พึ่งอ่านรวดเดียวจบ สนุกดีครับ สามภาคถ่ายถอดอารมณ์ต่างกัน
ภาคแรก ผมว่ามันคล้ายกับเรื่องเล่า ประสบการณ์จริง ที่เกิดขึ้นได้
กับทุกคน ทำให้ใครๆ ก็มีอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปด้วย
ส่วนภาคสอง ออกจะกึ่งๆ เรื่องเล่ากับนิยาย ประมาณว่า ก็ดูน่าเป็น
ไปได้ แต่ก็พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องแต่ง
ส่วนภาคสาม เรื่องแต่งแน่ๆ หลายๆ ตอนที่ดูแล้วออกจะเป็นไปได้
ยากไปหน่อย
แต่โดยรวมแล้วก็ต้องยอมรับครับว่าสนุกไม่น้อย ผมว่าเหตุผลของ
เรื่องมันดี ไม่น่าเหลือเชือเกินไป อ่านแล้วลืมทำงานเลย ขอบคุณ
สำหรับเรื่องดีๆ ที่เอามาแบ่งปันครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: l0nely4ever ที่ 16-05-2009 23:38:30
 :really2::really2: :really2: :really2:


รายงานตัวหน่อย ๆ

เด็กสวนเช่นกันครับ



เนี่ย ม.6 ปีนี่ปีสุดท้ายแล้ว พี่รุ่นอะไรอ่ะ





เซ็งมากไม่ได้อยู่ตึกยาวอ่ะ (บ่นนิด)

วันจันทร์นี่เปิดเทอมแระฮะ





หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 17-05-2009 03:01:34
:really2::really2: :really2: :really2:


รายงานตัวหน่อย ๆ

เด็กสวนเช่นกันครับ



เนี่ย ม.6 ปีนี่ปีสุดท้ายแล้ว พี่รุ่นอะไรอ่ะ





เซ็งมากไม่ได้อยู่ตึกยาวอ่ะ (บ่นนิด)

วันจันทร์นี่เปิดเทอมแระฮะ









โบท มึงเป็นบ้าอะไรอ่ะ นี่กูเอง...



มึงบ้าป่าวว่ะ รุ่นพี่พ่อมึงแซะ กูเองๆ...






มึงจำกูไม่ได้เหรอเนี้ยย?????




เป็นบ้ารายๆๆๆ พยายามนึกเซ่ว่ะ จันทร์นี้เปิดเทอมที่มช.เหรอว่าไง?
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: l0nely4ever ที่ 17-05-2009 11:34:14
เห้ยไม่ใช่ ๆ พี่

ผมรุ่นน้องอ่ะ



เอา login พี่โบทเค้ามา



แหะ ๆ โทษที ๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 17-05-2009 17:28:44
เห้ยไม่ใช่ ๆ พี่

ผมรุ่นน้องอ่ะ



เอา login พี่โบทเค้ามา



แหะ ๆ โทษที ๆ



น้องชื่อไรอ่ะ...


พี่คงรู้จักน้อง


จงบอกชื่อ + ชื่อเล่น + ห้องตอนม.5 +ชุมนุมที่อยู่ด้วย


แล้วจะนึกออกอ่ะ -_-"
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: KIMKUNG ที่ 17-05-2009 19:44:14
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: olar74 ที่ 20-05-2009 23:55:34
ได้อ่านเรื่องอื่นๆ มาก็หลายเรื่องล่ะ.. กว่าจะได้มาอ่านเรื่องนี้...
มีลุ้นซะหลายตอน.. เหมือนจะสมหวัง แต่.. ก็มาหักมุมให้ต้องแยกจากกัน

จะได้รักกันก็มีอุปสรรค ให้ลุ้นตลอดเวลา.. หลากหลายอารมณ์ดีน่ะ..

กว่าจะจบ มีตั้ง 3 ภาค เห็นเริ่มเขียนปีกว่าเกือบสองปีรึเปล่า? .. ถ้ามีผลงานอะไรแนะนำด้วยหล่ะ..

จะตามไปอ่าน .. ขอบคุณสำหรับผลงานดีดีอีกหนึ่งเรื่องน่ะ...  :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Medicine ที่ 21-05-2009 21:30:00
อ่านเรื่องนี้จบตั้งนานแล้วคับ
แต่ผมก้อรักพี่ทั้งสองนะ
เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 22-05-2009 18:54:50
พึ่งอ่านรวดเดียวจบ สนุกดีครับ สามภาคถ่ายถอดอารมณ์ต่างกัน
ภาคแรก ผมว่ามันคล้ายกับเรื่องเล่า ประสบการณ์จริง ที่เกิดขึ้นได้
กับทุกคน ทำให้ใครๆ ก็มีอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปด้วย
ส่วนภาคสอง ออกจะกึ่งๆ เรื่องเล่ากับนิยาย ประมาณว่า ก็ดูน่าเป็น
ไปได้ แต่ก็พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องแต่ง
ส่วนภาคสาม เรื่องแต่งแน่ๆ หลายๆ ตอนที่ดูแล้วออกจะเป็นไปได้
ยากไปหน่อย
แต่โดยรวมแล้วก็ต้องยอมรับครับว่าสนุกไม่น้อย ผมว่าเหตุผลของ
เรื่องมันดี ไม่น่าเหลือเชือเกินไป อ่านแล้วลืมทำงานเลย ขอบคุณ
สำหรับเรื่องดีๆ ที่เอามาแบ่งปันครับ




ขอบคุณครับ เม้นท์ยาวโดนใจเลยครับ +1 เน้อ



:impress2:



 :-[



ได้อ่านเรื่องอื่นๆ มาก็หลายเรื่องล่ะ.. กว่าจะได้มาอ่านเรื่องนี้...
มีลุ้นซะหลายตอน.. เหมือนจะสมหวัง แต่.. ก็มาหักมุมให้ต้องแยกจากกัน

จะได้รักกันก็มีอุปสรรค ให้ลุ้นตลอดเวลา.. หลากหลายอารมณ์ดีน่ะ..

กว่าจะจบ มีตั้ง 3 ภาค เห็นเริ่มเขียนปีกว่าเกือบสองปีรึเปล่า? .. ถ้ามีผลงานอะไรแนะนำด้วยหล่ะ..

จะตามไปอ่าน .. ขอบคุณสำหรับผลงานดีดีอีกหนึ่งเรื่องน่ะ...  :bye2:



มีดังนี้ครับ  :o8:


จบแล้ว

1. เรื่องนี้

2. http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5751.0

3. http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=7790.0


ลงอยู่ กับลังจะจบคร้าบบ


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8965.0





อ่านเรื่องนี้จบตั้งนานแล้วคับ
แต่ผมก้อรักพี่ทั้งสองนะ
เป็นกำลังใจให้



ขอบคุรนะครับ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 24-05-2009 18:59:39
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน แต่ประทับใจมากเลยครับ o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: poffy ที่ 15-09-2009 11:32:49
 :o12: :sad4:  :o8:
ขอระบายเป็นอิโมทั้งสามตัวนี้ค่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ
คือแบบว่าอ่านมาตั้งแต่ต้นเรื่อง เมื่อ สิบห้าปีที่แล้ว
ทั้งร้องไห้ ทั้งเจ็บจี๊ดที่หัวใจ
ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นแดนไปแล้ว
จริงๆชอบแนวนี้มากๆเลยค่ะ แนวๆที่มีโศกนาฏกรรมความรัก
แต่ลงท้ายด้วยความงามสุดแสนประทับใจ  :sad4:
บีบหัวใจกับแดน ชิพ พี่มาร์ค บอยไปด้วยทุกที
ตอนแรกอยากบอวก่าเป็นแฟนคลับพี่มาร์คเลยแหละ
จนตอนนี้ก็ยังเป็นแฟนคลับพี่เค้าอยู่ แต่ก็ดีใจที่เค้าได้เจอกับรักแท้ของเค้าจริงๆอย่างพี่เมฆ
ส่วนบอยก็สงสารมากๆเหมือนกัน แต่คิดว่าเดี๋ยวก็มีเองแหละ ใช่ป่ะ  o18
ภาคแรกนี่ว่าปวดใจมากๆแล้วนะ สมัยแรกรักกันสมัยละอ่อน
มาเพิ่มดีกรีมากขึ้นในภาคที่สอง
ทั้งสองภาคแรกมีแต่การจากลา
ภาคที่สามมาพบกันแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นไปซะทุกอย่าง และเกือบจะได้จากลากันแล้ว
อยากจะบอกว่าแอบกลัวเหมือนกันว่า จะต้องจากกันไปตลอดกาลอีกมั้ยน๊า   :เฮ้อ:
แต่ลงเอยอย่างนี้ ทำให้หายกังวลไปได้บ้าง
เพราะว่าตั้งแต่อ่านมาเนี่ย มีแต่ต้องร้องไห้นะเนี่ย ทั้งเศร้า โศก ซึ้ง
ในที่สุดช่องว่างระหว่างเราก็หายไปซักทีเนอะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีเรื่องนี้ค่ะ เดี๋ยวตามไปอ่านอีกเรื่องนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
ดอกไม้ให้กำลังใจค่ะ  :L2: :L1: :L2:
กอดแดน ชิพ พี่มาร์ค บอย แอล  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Aon ที่ 21-09-2009 22:59:31
 :-[ :-[ :o8: :o8:อ่านรวดสามภาคเลยตอนแรกดูเศร้าเว่อๆ

แต่มาถึงภาคสามนี่ได้ใจน้องมากมายโดยเฉพาะฉากโหดๆของชิพอ่า


จนตอนสุดท้ายที่ชิพผ่าตัดลุ้นแทบตายเลยไม่อยากให้แดนเสียใจ


และแล้วก็จบลงด้วยดี



ป.ล.  อยากอ่านภาคกอล์ฟกับหมอบอยอะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-09-2009 14:04:42
ไปเห็นเรื่องนี้จากในบล็อกส่วนตัวของ Alex
อ่านภาคแรกจบ แล้วก็ค้างไว้ มาค้นหาภาคต่อที่เล้า
อ่านจบทั้งสามภาคแล้ว ประทับใจกับเนื้อเรื่อง และการใช้ภาษามากค่ะ
เล่าเรื่องได้มีมิติ และตัวละครแต่ละตัวมีชีวิตมากๆ
ภาษาก็สละสลวย ชวนให้ติดตามผลงานเรื่องอื่นๆด้วย
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ
 :L2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: pug5 ที่ 24-09-2009 23:34:01
จบอย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ดีแล้วอยากเห็นอะไรสมหวังมากกว่าเศร้ารับไม่ได้:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 10-10-2009 00:10:08
ขอบคุณมากค่ะ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 11-10-2009 21:25:32
 o13

แต่งได้หนุกสุดๆไปเลยค่ะ

ชอบมากเลย

^^
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Yaoien ที่ 06-11-2009 13:29:43
เพิ่งอ่านจบ(ปวดตาาา)

สนุกมากกก!!!!!!


*จะติดตามเรื่องต่อไปนะ

 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ALeX ที่ 24-12-2009 13:23:19
ผมมีแพลนว่าจะออกหนังสือ รายละเอียดที่นี่เลยครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12829.0

คุยกันบอร์ดนู่นนะครับ ^-^
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Backroom ที่ 25-12-2009 04:01:19
ขอบคุณ คุณAlexจริงๆค่ะ แต่งนิยายดีๆ แบบนี้ให้อ่าน
อ่านรวดเดียวจบ ตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึง ตี 4 (อ่านบ้างหยุดบ้าง)
อ่านจบแล้วรู้สึกโหวงๆ แฮะ ไม่อยากให้จบยังไงหยั่งนั้น เป็นความรู้สึกที่ว่า เอ....ตั้งแต่มัธยมจนวัยกลางคน รู้สึกผูกพันธ์ไปกับตัวละครประมาณนั้น

ถ้าถามว่าชอบภาคไหน ชอบภาค 3 ที่สุดเลย เหมือนเอาประสบการณ์จากภาค 1 กับ 2 มาหลอมรวมกันให้เป็นผู้ใหญ่ อ่านไปก็รู้สึกเสียดายเวลาที่ห่างกันไปถึง 10 ปี แต่กลับมารักกันด้วยความรู้สึกที่โตขึ้นก็ดีแล้วล่ะจ้ะ (ถึงแม้ตอนแรกชิพจะทำตัวบ้าบอไปบ้างก็เหอะ - -'')

อยากจะเห็นตัวละครพวกนี้มีชีวิตจริงๆเลย ให้ตายเหอะ! 55 อ่านแล้วอินจัด


เราชอบการใช้ภาษาของคุณAlex มาก คือ ฉากเรทเนี่ย มันเรทแบบสวยงาม แต่ก็มีความรู้สึกที่ไม่มากเกินไป และน้อยเกินไป (ยากจะอธิบายจริงๆ ค่ะ)

สุดท้าย เป็นกำลังใจให้นะคะ จะติดตามเรื่องอื่นด้วยจ้ะ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 20-03-2010 01:43:23
*ปรบมือเป็นสเต็ป* 1 2 123 12 12 1

อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ~

เป็นอะไรที่ประทับใจพอดูเลย เป็นเรื่องเศร้าที่ไม่ทำให้ร้องไห้แต่ตรึงใจ

มีเขียนผิดอยู่บ้างแต่จำไม่ได้แล้วเพราะอ่านรวดเดียวเลย~

เป็นไตรภาคที่สมบูรณ์มากค่ะ ความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ต่ายนี่ลุ้นมากมายว่าคุณอเล็กซ์จะใจร้ายดราม่าตัดจบซึ้งๆเป็นชิพตายหรือเปล่า

ชอบวิธีการเขียนของคุณอเล็กซ์นะคะ ความรู้สึกของตัวละครรุนแรงแต่โดดเด่น รับรู้ว่าคิดยังไง

แต่มีแค่แอลคนเดียวเนี่ยที่สงสัยหน่อย...ชิพตอนแดนไปนี่ดูจะเป็นจะตายแรงมากแต่ก็ยังอุตส่าห์รักษาคำสัญญากับแดน...มั่นคงดีจริงๆพ่อคุณ...

ขอบคุณคุณอเล็กซ์มากนะคะสำหรับเรื่องที่สนุกซาบซึ้งเรื่องนี้ :L2:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ~MeiMeiZ@~ ที่ 08-04-2010 18:49:28
สุดยอดค่ะไรท์เตอร์  o13
อ่านรวดเดียวจบเรยนะเนี่ย
ดีใจมากมายที่จบแบบ happy ลุ้นจนปวดตับ 555
จะเป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อไป ต่อๆไปนะคะ  :man1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Overdose ที่ 15-04-2010 02:31:21
บีบหัวใจจริงๆ  :sad11:

ลุ้นมาก ตามอ่านรวดเดียวจบเลย

คนเขียนไม่ใจร้ายจบเศร้า *-*

ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: tomodaging ที่ 17-04-2010 05:18:50
อ่านจบแล้ว ขอบคุณมากครับที่แต่งเรื่องดีๆมาให้ได้อ่าน
ติดตามอ่านจนจบเพราะเนื้อหาที่บีบคั้นและปมที่ขัดใจ(ขัดใจผมเอง ประมาณว่าอะไรมันจะขนาดนั้นว่ะ)
มีช่วงที่กุ๊กกิ๊กหรืออบอุ่นน้อยจัง พออ่านจนจบความรู้สึกเลยเหมือนเรื่องมันจบไม่แฮปปี้ซะงั้น
คือนิสัยชิพ+แดน ไม่ต่างไปจากตอนเด็กจนโตเลยอะครับ มันเลยขัดใจ
อืมมม ยังไงดีล่ะครับ ประมาณว่าอ่านจบแล้วนอยแดกอะครับ 5555+ :serius2:
.
.
.
.
.
ที่สำคัญจริงๆ ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่ดีหรอกครับ
แต่สำคัญที่ผมอ่านตั้งแต่ต้นจนจบแบบหยุดไม่ได้ โต้รุ่งกันเลยทีเดียว :really2:
.
.
ปล.จะตามไปอ่านเรื่องอื่นๆด้วยนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 30-04-2010 20:09:57
อ่านรวดเดียวจบเลยครับ  เรื่องนี้สนุกมากเลย

แม้ช่วงหลังๆอาจจะดู เอ๊ะ ทำไมแดนเป็นคนแบบนี้ อิอิ....คนอ่านแอบนอยด์น่ะ

แต่ก็สนุกมากๆครับ สุดท้ายก็จบแบบสมหวังแล้ว ทั้งแดนแล้วก็ชิพ

ชอบ บอยอ่ะ 555+.


ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่นำมาให้อ่านน่ะครับ

ขอให้คนแต่ง มีควาสุขมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Chai30069 ที่ 02-05-2010 12:09:42
พออ่ีานเรื่องนี้แล้ว  ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: jade ที่ 18-06-2010 20:18:00
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2::L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: jade ที่ 18-06-2010 20:22:34
ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องราวที่อ่านแล้วทำให้มีความสุขมาก  บ้างตอนคนเขียนใจร้ายจังทำเอาคนอ่านน้ำตาไหล เครียด รู้สึกเศร้า และทุกข์ไปกับตัวละครจริงๆ
ขอบนะครับที่ไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่านตอนจบ รักคนเขียนนะครับ จะติดตามอ่านทุกเรื่องนะครับ รักนะจู๊บๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: chucreame ที่ 21-06-2010 01:26:24
เพิ่งเข้ามาอ่านจนจบรวดเดียวเลย เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกลึกผ่านมาดูซึ้งกับคุณค่าของความรัก การรอคอย รักแล้วต้องรอเพื่อที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ทั้งสามภาคเริ่มจากมัธยม มหาลัย แล้ววัยทำงาน ตัวละครก็โตขึ้นเรื่อย ๆ มีเหตุผลของตัวเอง มีอุปสรรคของความรักที่ต้องฝ่าฟัน รู้สึกซึ้งที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนแต่เพราะรักกันเลยกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งได้ค่ะ(สรุปมันต้องการสื่ออะไร? 55) สรุปว่าชอบม๊ากค๊าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 25-06-2010 08:36:39
ประทับใจมากๆๆๆ
อู้งานแอบมาอ่าน 3 วันถึงจบ
ความรักของชิพกับแดนเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ
รอกันมาได้ 15 ปี สุดยอดจริงๆ
ขอบคุณมากสำหรับนิยายประทับใจเรื่องนี้นะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 27-06-2010 00:07:09
 :L2:  :L2:

ประทับใจกับเรื่องนี้มากๆเลย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-07-2010 22:48:14
เขียนได้ดีมากเลยค่ะ
กำลังตามอ่านอยู่ ยังไม่จบเลย
ถ้าอ่านจบแล้วรู้สึกยังไงจะมาบอกกล่าวอีกทีค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ตอนอวสาน ชิพ&แดน Series <<<(จบแล้วจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-07-2010 14:28:33
เย้ๆๆๆๆ ในที่สุดก็จบแล้ว ใช้เวลากี่วันล่ะเนี่ย
ป๊าดดดดดดด ตั้ง 5 วันแน่ะ
ทำงานไปด้วย (แอบ)อ่านไปด้วย อิอิ

Alex เขียนได้ีดีมากๆๆๆๆๆๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจมากๆ
แต่ก็ทำข้า้น้อยเสียน้ำตาไปเยอะพอสมควร
ดีนะที่จบ Happy ending เพราะเราไม่ชอบเรื่องเศร้าๆเลย
ในชีวิตจริงมันก็เศร้าพอแล้วมั้ง

ขอบคุณอีกครั้งนะสำหรับเรื่องดีๆนี้ เดี๋ยวว่างๆจะ(แอบ)ไปอ่านเรื่องอื่นด้วยนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: ladajuk ที่ 21-09-2010 13:39:57
ประทับใจมากครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 16-10-2010 16:34:46
ในที่สุดก้ออ่านจบซักที

ใช้เวลา 2 วันกว่าแนะ

แต่สนุกมากนะ ชอบชิพมากอ่า

ภาคแรกเศร้า ภาคสองก้อเศร้า

ไม่แพ้กันแต่ยังไงก้อจบแบบ

happy endingนะ

ตอนแรกคิดว่าคุณ Alex จะหักมุมซะอีก

ชอบเรื่องนี้อ่า

มีผลงานอะไรก้อบอกกันบ้างนะครับ

จะได้ติดตาม
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 12-12-2010 19:37:51
ชอบมากครับ คุณ alex

อ่านกี่ครั้งๆก้อชอบ

เนี่ยผมอ่านต้องสามรอบแล้วนะเนี่ย

ชอบอ่า

ไม่คิดจะเขียนตอนพิเศษบ้างหรออ่า

อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: eyerabbit ที่ 15-12-2010 02:10:22
อ่านวันเดียวจบ เรื่องยาวมากกกกก  อ่านจบแล้วเหงาเลย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 25-12-2010 01:27:03

เเวะมาอ่านนะคุน alex ผลงานของคุนทุกผลงานอ่านกี่ครั้งก้อชอบเหมือนเดิม

แต่ไงวันนี้ก้อแวะมา

Merry Christmas นะ alex

Merry Christmas นะทุกคนนนนนนในเล้า

ขอให้มีความสุขกันมากกกกกกกนะ :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :mc3: :c4: :c4: :c4: :c4: :c4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 06:26:48
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: cy55555 ที่ 24-05-2011 22:23:47
เฮ้อ...กว่าช่องว่างจะหายไปเล่นเอาลุ้นแทบแย่แน่ะ
ไม่เข้าใจตัวเองว่าพลาดเรื่องนี้ได้ยังไง  อิอิ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 29-06-2011 16:06:05
เข้ามาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก นั่งอ่านไป ร้องไห้ไป ยิ้มไป เป็นบ้าเป็นหลัง อูยครบรสจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: rutchi ที่ 02-07-2011 21:22:30
อ่านวันเดียวตั้งแต่แรกจนจบ ประทับใจมาก

 :n1: :n1:


 o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 03-07-2011 21:37:53
ฮ่าในที่สุดก้อhappy ending 

 เหอะๆ ร้องไห้บ่อยมากๆ ชอบที่สุดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-07-2011 19:30:33
อ่านจบแล้วคะ เบนใช้เวลาสามวันในการอ่าน เบนอ่านวันละภาค เบนอยากบอกว่าภาคแรกเหมือนชีวิตเบนมากเลย

เหมือนเอาเรื่องของเบนมาเขียนเลยฮ่า เด็กลูกครึ่ง พ่ออยู่อเมกา แม่อยู่ไทย แอบชอบรุ่นพี่เพราะหน้าเหมือนใครบางคน ฮ่าๆ

เบนก็อาการเนี้ยเลยละ

อ่านแล้วคิดถึงสมัยก่อนจริงๆ

ถึงจะอ่านจบจนสามภาคแล้ว พระเอกในใจเบนก็ยังคงเป็นพี่มาร์คอยู่ดีละคะ

เพราะเป็นพระเอกตัวจริงของเบนนิเนอะ 5555+

นึกถึงแล้วจะร้องไห้


ขอบคุณที่เขียนให้เบนอ่านคะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 16-07-2011 12:59:09
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลย กว่าจะได้อ่าน มองข้ามไปได้ไงเนี้ย เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 25-07-2011 08:12:41
ได้หลายอารมณ์ มากมาย

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ฮะ

ขอบคุณครับ


 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 11-08-2011 10:15:58
อ่านเรื่องนี้เกร็งไปทั้งตัว

หมดน้ำตาไปหลายยกเหมือนกัน

ในที่สุดก้อสมหวัง ซักที
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: topphy ที่ 30-08-2011 23:28:56
  ต้องบอกว่าเขียนได้ดีมากเลยครับ อ่านเรื่องนี้ต้องร้องไห้เยอะมาก

แต่ในที่สุดทั้คู่ก็สมหวัง ซึ้งมากจริงๆ  :impress3:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 13-09-2011 22:28:25
อ่านจบแล้ว อ่านไปน้ำตาครอไปด้วย ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 14-09-2011 18:49:51
ชอบมากมายอ่ะ  :-[

เขียนดีมากๆๆๆๆ  o13

อ่านเเล้วรู้สึกอินไปกับตัวละคร...ร้องเกือบตลอดทั้งเรื่อง  :z3:

ขอบคุณนะคะที่นำนิยายดีๆมาให้อ่านกัน  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: kaehoo ที่ 22-09-2011 23:37:50
อืม..อ่านมาสองวันแระกว่าจาจบ

ขอบคุณมากคับที่ม่ายมำให้เรื่องเศร้าเกินไป :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Gracieux ที่ 17-10-2011 21:34:45
 o13 o13 o13 o13 o13
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
ประทับใจ (:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 06-01-2012 13:44:04
อ่านเรื่องนี้จบแล้วเมื่อคืน ใช้เวลานานม๊วกกก(มาก)

เรื่องนี้มีข้อคิดให้แก่ผมข้อหนึ่งว่า เวลามันไม่สามารถดึงกลับมาใช้ได้อีก

สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ ก็ขอให้ทำอย่่างเต็มที่ อย่าปล่อยให้เวลามันทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์(พอนึกมาถึงตัวเอง เออก็ใช่แหะ วันๆ เราทำอะไรที่มีประโยชน์และเต็มที่กับมันหรือยัง)

ผมเสียดายเวลาแทนทั้งสองคนจริงๆ(ชิพกับแดน) เวลาที่ไม่ได้อยู่หรือใช้ร่วมกันตั้ง 15 ปีโน้นแหน่ะ

เพราะหาก จขกท. หักมุมทำให้ชิพเสียชีวิตหลังจากการผ่าตัดเสร็จ มันทำให้ผมมีความรู้สึกว่า หากทั้งสองคนนั้นจะดึงเวลาที่ไม่ได้ใช้ร่วมกันตั้งเกือบ 20 ปีนั้น กลับมาใช้มันจะได้ไหม เวลาที่เราทิ้งไปโดยไม่ได้ติดต่อกันหรือแจ้งบอกข่าวให้กันและกันทราบว่าเราเป็นอย่างไร(ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ)

แต่ จขกท. ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดที่ว่าให้ ชิพเสียชีวิต(ตอนที่อ่านยังไม่ถึงพาร์ทนี้ ผมเดาไปแล้วนะ) ขอบคุณที่ไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่านนะครับ

ขอบคุณจริงๆ ครับ ที่เขียนนิยายเรื่องนี้มาให้อ่าน หากผมไม่ตามอ่านเรื่อง ผู้ชายหัวใจทมิฬ(แต่ัยังไม่ได้อ่านหรอก เพราะว่า เราอยากอ่านเรื่องที่ จขกท.เขียนตั้งแต่โพสต์แรกเลย อารมณ์จะได้ไม่สะดุด--เป็นคห.ส่วนตัว) ผมคงไม่ได้มาอ่านเรื่องนี้แน่นอน(เพราะผมเปิดอ่านผ่านประวัติการโพสต์ของ จขกท. ครับ)

ขอบคุณและขอบคุณ

ปล. ในภาคแรกตอนจบน่ะครับ ที่ว่า พี่มาร์คกับพี่เมฆ ได้ไปเรียนและได้อยู่ด้วยกันที่ออสเตรเลียนั้น ผมมีความรู้สึกใจหายมากครับ(จริงๆ นะครับ เหมือนกับว่า อ้าว ไหนว่าพี่มาร์ครักแดนไง ทำไมทำแบบนี้) คืออ่านจบแล้ว มันทำให้ใจผมมันหวิวๆ แปลกๆ ไงไม่รู้ เหมือนกับว่าเราเสียพี่ชายหรือคนที่เรารักไป ประมาณนั้นเลย แต่พอผ่านมาหลายวัน ความรู้สึกนั้นก็หายไปเอง
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: stdvic ที่ 07-02-2012 23:34:08
อ่านจบภาคแรกแล้ววว จบแบบหักมุมดีร้องไห้เลย อะไรกันเนี่ย เรื่องนี้มันยังไงกัน ทิ้งแดนไปหมดเลยซะงั้ง...งงงง เป็นกำลังใจให้นะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: stdvic ที่ 09-02-2012 02:00:00
วันนี้อ่านจบทั้งหมดแล้วเกือบๆตีสองเลย ขอบอกว่าผมอ่านแล้วมีความสุขมากๆ อ่านแล้วยิ้ม  ขอบคุณมากนะครับที่แต่งเรื่องดีๆที่ใีข้อคิดดีๆๆให้เราอ่าน ขอยคุณจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 10-02-2012 01:36:51
ขอบคุณน้องมากแต่งสนุกทั้ง3ภาค เก่งจริงนะ

อยากบอกว่าแดนนายมันมาโซนี่หว่า ชอบทำร้ายใจตัวเองกับชิพ ส่วนพระเอกช่างปากร้ายเวลาหึง
จบแฮปปี้กับเวลา15ปีที่เจอกัน รักกัน ไม่ต้องอ้างว้างอีกต่อไปแล้ว ชอบที่แดนคิดว่า "เพราะเขา เติมเต็มผม ให้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ อย่างที่ไม่มีใครเปรียบเทียบได้เลยแม้แต่น้อย" ชีวิตจริงยากจะหาคู่แท้แบบนี้ - -"
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Dee15 ที่ 24-02-2012 20:51:47
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
ซาบซึ้งกับความรักของ ชิพ กับ แดน จริงๆ

" ฉันเป็นของๆเธอ คู่แท้ที่หากันเจอ ไม่ว่าครั้งไหน ไม่ว่าชาติไหน
ฉันเป็นของๆเธอ ถูกสร้างเอาไว้เพื่อเธอ ให้เธอรักฉัน ให้เธอคู่ฉันตลอดไป "

ช่างเหมาะกับสองคนนี้จริงๆ กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวความรัก ของ ชีพและแดนนะคะ
 :กอด1: คนแต่ง  แน่นๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 26-02-2012 18:36:56
มาแปะไว้ก่อนนะครับ :L1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: J_Dargon ที่ 02-03-2012 23:11:33
สนุกมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 07-03-2012 01:47:37
ลุ้นแทบตาย...สุดท้ายก็แฮปปี้ไปหลายคู่

รักของแดน&ชิพ เป็นรักที่มั่นคงมากๆ ต่อให้ผ่านไปเป็น 10 ปี ก็ยังรักไม่เปลี่ยนแปลง

ซึ้งโคตรๆ  o13
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Japanlie ที่ 03-04-2012 10:42:08
อ่านจบภายในครึ่งวันจ้า

เร่งอ่านแบบไม่ไปไหนเลย

สนุกมาก ภาคแรกช่วงแรกถึงกลางเรื่องเป็นอะไรที่กรี้ดได้ใจมาก ชอบบรรยากาศเรื่องราวแบบนี้ที่สุด

จ้วฟๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 07-04-2012 02:16:33
สุดยอดเลยค่ะ o13
ใช้เวลาตั้งวันนึงจนอ่านจบ

ชอบมากกกกกกกกกกก :man1:
ตั้งแต่ต้นจนจบทำให้เสียน้ำตาหลายลิตร
แต่ฉากที่หวานจนหุบยิ้มไม่ได้นี่ก็สุดๆ  :o8:

ตอนจบแฮปปี้มาก
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆน่าประทับใจให้อ่านนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwjung ที่ 08-04-2012 00:35:33
ตอนเกือบจบ ทำเรา น้ำตาไหลถึงคอเลยอ่ะ  จริงๆนะ

กว่าจะรักกันได้  เรื่องเยอะจริงๆ   ไอ่แดนทำตัวแปลกๆบ้าๆบอๆ  ตั้งหลายครั้ง

เฮ้อ  เหนื่อยใจ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: mlove1903 ที่ 09-04-2012 00:33:07
ตาม อ่าน มา นานจน จบ ไม่ได้ เม่น เรย ขอ โทด นะคับ
ก่อน จะ จบง ทำเอา เรา น้ำ ตา เกือบไหล
ขอบ คุณ อี กทีสำหร ับนิยายดี ๆๆ แบบ นี้ ซึ้งมากมาย ครับ
ชิพ&แดน ♥ :n1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: golf7777 ที่ 16-04-2012 22:52:20
อ่านไปเศร้าน่าคับ แต่กว่าจะจบได้ก็ลุ้นเอาแทบแย่เลยคับ ยินดีด้วยคับ
 
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 17-04-2012 15:39:12
 :o8: :-[ :o8: :-[ :impress2: :o8: :-[ :impress2: :o8: :-[ :impress2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :n1: :n1: :n1: :n1: :n1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 19-04-2012 04:40:25
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 19-04-2012 08:54:20
สนุกมากคับ อ่านจบแล้วรู้สึกอุ่นใจไงไม่รู้
ที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน
แ้ม้จะเจออุปสรรคได ๆ ที่ทำให้เขาต้องจากกันไป
ยิ่งห่างกันตั้งหลายปีขนาดนั้นถ้าความรักแบบนี้ใครได้พบเจอคง
อบอวลไปด้วยกลิ่นรักแท้แน่ ๆ เลย รู้สึกอบอุ่นแืทนอะ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kimhun ที่ 14-06-2012 21:37:38
เพิ่งอ่านรวดเดียวจบ สนุกมากค่ะ  ทุกรสจริงๆ
ขอบคุณมากนะคะ
จะไม่ม่มีช่องว่างสำหรับเรา จริงๆค่ะ อิอิ^^
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 03-07-2013 00:28:22
รู้สึกสกิดใจตั้งแต่ภาคแรกฉากที่ทะเลที่ชิพฉุดแดนไปจับกดแล้ว
ว๋มันคุ้นนนมากๆ เหมือนเคยอ่านแล้วยังไงไม่รู้
ดันจำไม่ได้อีกว่าเคยอ่านที่ไหน และเมื่อไหร่ 555
จนอ่านจบภาค 2 ก็สรุปกับตัวเองได้ว่า เคยอ่านแล้วจริงๆนั่นแหละ
แต่จฑไม่ได้ว่าเคยอ่านตอนไหนและที่ไหน ฮ่า

ยังไงก็ขอบคุณสฑหรับนิยายดีมากๆเรื่องนี้นะคะ
ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 05-07-2013 22:58:09
สุดยอดครับเรื่องนี้

อ่านรวดเดียวจบเลย
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Keikoku ที่ 17-10-2013 16:33:04
ขอบคุณอเล็กมาก อ่านเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะกี่ครั้ง
ก็ตราตรึงใจ
ชอบชิพและแดน
ชอบในรักมั่นคงที่ชิพมีให้แดน
เวลายาวนานแค่ไหนชิพพิสูจ์ได้เสมอว่า รักนี้มีเพื่อมอบให้แดนแต่เพียงผู้เดียว
อ่านนิยายไทยบอย ตั้งแต่ปีสองพันเก้า หลายเรื่องที่โดนใจ
 ห่างหายจากบอร์ดไทยบอยเลิฟไปนาน
มาเยี่ยมเยือนบ้างโดยไม่ประสงค์จะออกเสียง
วันนี้ได้กลับมา สมัครล็อกอินใหม่
อยากเริ่มใหม่
ด้วยความคึงถึงเรื่องที่เคยอ่านอย่างเรื่องนี้
เรื่อง ตัวละคร ผู้เขียน
ขอบคุณคุณอเล็ก
ขอบคุณจากจริงค่ะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Flowerrice13 ที่ 13-01-2014 18:49:07
ย่องมาจิ้ม :z13: จองไว้ก่อนเดี๋ยวมา
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 14-01-2014 12:35:02
 :t3:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: dr_tylenol ที่ 08-03-2014 11:36:32
 :-[ :-[ :-[ สนุกดีครับ เป็นเรื่องที่ดีมากเลย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 14-03-2014 22:55:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: superportz ที่ 25-03-2014 17:13:44
  :katai4:อ่านเรื่องนี้จบแล้ว...รู้สึกอินมากเลย ใก้อารมณ์กินใจที่สุดเลย ทั้งเศร้า  :hao5: ทั้งยิ้ม :mew4: ทั้งเขิน  :-[ ทั้งซาดิสท์ ( :oo1: ป่าวนะ)555  :z10: ทั้งโกรธ  :katai1: ทั้งโมโห  :ling1: ทั้งอ้อน  myh'ohe9k :m15::katai2-1: ทำไมผมรักเรื่องนี้จังเลย ขอบคุณคุณอเล็กนะครับที่มาแต่งนิยายดีๆให้พวกเราอ่านแล้วมีแง่คิดมามากมาย น่าติดตาม  :pig4: ขอให้คุณอเล็กมีความสุขสมหวังดังปราทนา ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนะครับ แล้วมาแต่ให้พวกเราอ่านอีกนะครับผม  :bye2: FCน้อยๆ ^^  :z2: :z3: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 04-04-2014 21:14:36
อ่านมาถึงตอนที่22แล้ว ยังรู้สึกว่าแดนโลเลเหมือนเดิม เฮ้อ เราคิดแปลกกว่าชาวบ้านไหมเนี่ยที่เบื่อแดน:seng2ped:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 04-04-2014 21:54:09
ชิพเอาแต่ใจ  แดนโลเลสองใจ มาร์คหูเบาไม่ฟังเหตุผล   :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 05-04-2014 08:05:48
แดนนี่เป็นตัวละครที่น่าเบื๊อน่าเบื่อตั้งแต่ภาค1จนถึงภาค2 แดนก็ยังน่าเบื่ออยู่เหมือนเดิม มองไม่เห็นเสน่ห์ของแดนเลยไม่เข้าใจว่าแดนมีดีอะไรขนาดที่คนนั้นคนนี้ชอบ เพราะแดนเป็นคนบรรยายเองเราถึงรู้ตัวตนความรู้สึกนึกคิดของแดน น่าผิดหวังกับตัวละครบทนี้มาก  :katai4: :katai4:แต่ชอบความคิดของบอยจริงอะไรจริง :mew1:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 24-04-2014 18:19:04
 :pig4:อ่านไปก็ลุ้นตอนจบจนตัวโก่งดีใจมากที่จบแบบแฮปปี้
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 03-10-2014 06:48:39
เริ่มอ่านไปได้2ตอนเนื้อเรื่องน่าติดตามมากคะ ไปอ่านต่อก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 03-10-2014 12:44:18
 :mew2:อ่านถึงตอน 9 แล้วสงสารชิพอ่ะ เชียร์ ชิพ แดนนะ
พี่มาร์คหลบไปๆ ชิพแกต้องชัดเจนซิ รุกเลยๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 29-11-2014 11:56:34
เราว่า 5 ปีมันก็นานแล้วน่ะ

แดนน่าจะรู้สึกและเข้าใจดีน่ะ ว่าการถูกทิ้งให้รอโดยไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาไหม

มันทรมานยังไง

แต่จนสุดท้ายแดนก็เป็นฝ่ายทำแบบเดียวกัน

รับเงินจากคุณย่า และทิ้งชิพไป

ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือจากชิพก่อน

มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้น่ะ



หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 19-12-2014 20:15:44
เคยอ่านไปแล้วรอบนึงหรือสองรอบ
แต่ไม่มั่นใจว่าอ่านจบยัง
ไว้ว่างๆ จะมาอ่านอีกรอบคับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 30-07-2016 14:35:51
กระแทกใจ สะเทือนอารมณ์.   น้ำตาตลอ. สงสารและ รักพี่มาร์คที่สุด
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 31-07-2016 09:13:03
อยากบอกว่า รักนิยายเรื่องนี้ที่สุด. ที่สื่อออกมาถึงความรักในหลายรูปแบบ ความรักสามารถทำให้คนเปลี่ยนไปในรูปต่างๆได้ถ้าเราไม่เท่าทันความรู้สึก ณ. ขณะนั้น.    ดีใจที่คุณ.   Alex.  มีจุดยืนในสิ่งอยากแต่งและสื่อออกมา. มันทำให้เห็นในมุมมองกว้างขึ้นเนื้อเรื่องน่าติดตามตลอด. ชอบที่จะอ่าน มันมีให้เล่นอะ.   รักเรื่องนี้มากอะทั้ง 2ภาค
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 31-07-2016 20:36:59
อ่านจบทั้ง 3 ภาคสื่อให้เห็นความรักแต่ละช่วงของวัยที่ต่างกัน เห็นความโลเล ไม่หนักแน่น.ของแดน  เห็นปัญหา    แต่ยอมรับและที่งในความรักที่มั่นคงของชิพ. ลุ้นระทึกทุกตอนโดยเฉพาะตอนจบน้ำตาไหลไปก่อนแล้วอะ  เนื้อเรื่องมันเศร้ากินใจปวดร้าวซะเหลือเกิน.   แต่จบได้ซึ้งใจทุกภาคของความน่าจะเป็น ขอบคุณมากค่ะที่มีนิยายที่ประทับใจมาให้อ่านคงต้องหวนกลับมาอ่านอีกอย่างแน่นอนอย่างที่บอก รักนิยายเรื่องนี้ที่สุดค่ะคุณ.  ALEx
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 02-05-2017 03:22:48
หน่วงมากเลย 55555
แต่เวลาที่รักกันกับเวลาที่ห่างกันของเขาสคนนี่ต่างกันนะ ดีที่ยังจูนกันติด เราเชียร์ชิฟมาตลอด พ่อยอดอิ่มของเรา  นี่อ่านรวดเดียวเลย รู้สึกข้างขาใขไง ดีที่ไมานกสามตอนรวด ไม่รู้จะสงสารใครดี ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-06-2017 00:34:50
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: เงาเดือน ที่ 22-08-2018 05:31:23
ตอนรู้ว่าชิพป่วย นึกว่าจะจบแบบแซด อุทานขึ้นมาคำเดียวเลย ชิพหาย แบบชิพต้องหาย ผ่านอะไรกันมาเยอะต้องหาย รู้สึกโล่งใจที่จบแบบนี้มันหน่วงตั้งแต่แรกแล้วก็อัพสกิลความหน่วงตามภาค เป็นเรื่องที่อารมณ์คนอ่านขึ้นลงจนเข่าทรุดหลายรอบมาก แต่ก็ชอบนะ รู้สึกว่ามาสายไปเกือยสิบปี แต่ไม่ป็นไรนะชิพแต่ฉันก็มาแล้ว 555 :z3:
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
เริ่มหัวข้อโดย: cloudless ที่ 07-05-2020 23:45:54
ขอบคุณคุณ ALeX มากนะครับ อ่านไปลุ้นไปว่าตอนจบจะเป็นยังไง สนุกมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...บทที่ 17 งานละอ่อนทำให้ผมลัลล๊า~~~
เริ่มหัวข้อโดย: Xiaoyongyi ที่ 30-11-2022 10:05:39
สวัสดีครับ

เฮ้อ วันละอ่อนที่ผ่านมาสนุกมากๆครับ แต่ต้องกลับบ้านเร็วเพราะเย็นนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมฯเคลื่อนย้ายอะไรของเขาไม่รู้ เลยต้องรีบกลับ อดไปกินข้าวกับเพื่อนต่อเลย T-T

ช่วงนี้อารายๆก็ย่ำแย่ ฉะนั้นชาวบอร์ดทุกคนควรดูแลสุขภาพตัวเอง ประหยัดเงิน อยู่บ้านว่างๆก็เข้ามาเม้นท์ให้ผมด้วยนะงับ อิอิ

หลายคนคงสงสัยผมอารมณ์ดีมาจากไหน ก็เพราะวันละอ่อนอ่ะจิ...ผมเกือบได้กิน เอ๊ย! ได้อะไรหลายๆอย่าง...เอาเป้นว่าวันนั้นมีน้องที่เล็งไว้ หล่อมากๆๆๆหอมแก้มผม(>.< เลวม่ะ? บอกให้มันหอมแก้มถึงจาให้ผ่านด่านอ่า ไม่อายใครเล้ยกรู...) แล้วก้อได้ 'จับ' ของเพื่อนที่แอบหยอดกันไปมาด้วย...+เกือบได้แย่งน้องที่เป็นแฟนเพื่อน เหอะๆ สรุปคือผมแรงมากถายในสองสามวันที่ผ่านมา แต่โดยรวมก้สนุกดีงิ น้องสมัยนี้ตัวสูงจะเท่าผมแล้ว ฝนตกตลอดทั้งวันด้วย แต่ก็โอเคอ่ะครับ ซึ้งจัดตอนทำซุ้มมือให้น้อง งืมๆ^-^

แล้วก็เจอพี่ปีใหม่119ด้วย สวยมาก!!! ตอนแรกตกใจนึกว่าอ.ปิง(อ่ะม่ายช่าย>.<) เห็นเดินมากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่มองไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นคนใกล้ตัวหรือว่าเพื่อนสาวกันแน่(ถ้าเจ๊มาเห็นกระทู้นี้อย่าปั่นผมเลยนะคร้าบ T-T อ่ะ ล้อเล้งๆ~~~)

สุดท้ายนี้ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิยาย สวัสดีครับ

ปล. ชิพกับแอลขึ้นแสดงคอนเสิร์ตด้วย เราไม่ได้ขึ้นไปดู T-T แต่เราเห็นชิพเดินกลับบ้านกับสาวมหาลัยคนหนึ่ง...เขาจะรู้มั้ยเนี้ยว่าเราแอบเห็น?ฮือ


ใครๆก็รู้จักพี่แีใหม่ ตอนนี้ลูกเรียนsk140ก็ยังถ่ายรูปกับพี่ปีใหม่