Royal Of Love ตำนานรักสองราชวงศ์[บทพิเศษP.14 R 410] จบแล้วค่ะ (แจ้งข่าวเล็กๆ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Royal Of Love ตำนานรักสองราชวงศ์[บทพิเศษP.14 R 410] จบแล้วค่ะ (แจ้งข่าวเล็กๆ)  (อ่าน 261568 ครั้ง)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
กลายเป็นชายาซะแล้ว จะไปเป็นสวามีได้มั้ยอะนั่น

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6
น่าติดตามโคตรๆ o13

kids-me

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ จำเราได้ด้วย

ดีใจจัง

เรารอให้ในเล้าทันในเด็กดีอยู่นะ

เป็นกำลังใจให้ :3123:

ออฟไลน์ mana_ai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้องโซลก็เป็นพระชายาของพระชายาอ่ะจิ ซับซ้อนจิงๆ  :z3:
รออ่านต่อค้าบโ :L1:ผมมมม

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 10
ตำนานรักสองราชวงศ์ : เตรียมพิธีอภิเษก

รุ่งเช้าของวันใหม่ องค์ชายคาเซียทรงตื่นจากบรรทม ทั้งๆที่พระองค์นั้นได้พักผ่อนไปเพียงไม่นาน แต่ด้วยความเคยชินของพระองค์ที่ตื่นแต่เช้าเสมอ ทำให้พระองค์ไม่สามารถข่มพระเนตรพักผ่อนต่อไปได้

พระองค์ทรงขืนวรกายออกมาอ้อมพระกรขององค์ทริสเซย์ ก่อนที่จะทรงลุกขึ้นหมายจะไปสรงน้ำตามปกติ... แต่เมื่อทรงขยับกายเพียงเล็กน้อย ความเจ็บปวดจากช่วงล่างของพระองค์ก็แสดงอาการออกมาทันที

“เจ้าไม่ควรขยับในเวลานี้นะ คาเซีย”เสียงทุ้มตรัสอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์หนาทรงลูบไล้เกศานุ่มเบาๆ “เจ้าควรจะนอนพักนิ่งๆ ถ้าไม่อยากให้ช้ำไปมากกว่านี้”

“กระหม่อมมิอาจจำเช่นนั้นได้หรอกพะยะค่ะ”เสียงที่หวานใสแหบลงเล็กๆ แต่ก็ยังน่าฟังองค์สำหรับพระองค์ “กระหม่อมยังมีภาระต้องเตรียมงานอภิเษก... ยังไม่สามารถพักได้หรอกพะยะค่ะ”

องค์ชายคาเซียทรงยิ้มบางๆให้กับองค์เหนือหัวก่อนจะฝืนวรกายลุกขึ้นมา สีพระพักตร์ของพระองค์บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ แต่ก็ยังทรงฝืน มิส่งเสียงออกมา

องค์ทริสเซย์ทรงพิงพระเขนยนุ่ม พระองค์ทรงทอดพระเนตรมองพระชายาองค์แรกอย่างทรงห่วงใยเล็กๆ

“องค์ชายเพคะ...”สองนางกำนัลคนสนิทก้าวเข้ามาในห้องบรรทมอย่างเร่งรีบ พร้อมส่งเสียงเรียกองค์ชายของพวกนาง ก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์อีกองค์ที่ประทับอยู่ในห้องบรรทมนี้ “ถวายบังคมเพคะ ฝ่าบาท”

“ตามสบาย พวกเจ้าเอาเครื่องสรงกับฉลองพระองค์ของข้าและพระชายาไปที่ห้องสรงด้วยล่ะ”องค์ราชาทรงดำรัสด้วยเสียงนุ่มๆ ก่อนที่จะทรงเสด็จมาช้อนร่างที่ยืนโงนเงนไม่มั่นคงนั้นขึ้นมาในอ้อมพระกร แล้วทรงเสด็จไปยังห้องสรง

นางกำนัลทั้งสอง และเหล่านางกำนัลที่อยู่บริเวณนั้นพากันหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นเรือนกายอันเปลือยเปล่าของทั้งสองพระองค์

“องค์ชายคงทรงเจ็บปวดมาเลยสินะ”เสียงของเนลดังขึ้นด้วยความหมองหม่น เรียกความสนใจของเหล่านางกำนัลได้อย่างดี ทุกนางวางงานในมือลงแล้วพากันมามุงพระแท่นอย่างสนอกสนใจ

ภาพที่พวกนางเห็นคือ คราบโลหิตสีแดงฉานและน้ำสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนผ้าปูสีขาวเป็นวงกว้าง รอยเลือดนั้นยังมีกระจายอยู่เป็นหย่อมเล็กๆบนพระแท่น อีกทั้งกลิ่นคาวของเลือดและน้ำกามรมณ์คละคลุ้งไปทั่วห้อง

“วรกายขององค์ชายก็ทรงเต็มไปด้วยรอยแดงๆ โถ่... องค์ชายของเนล”

“ยังน้อยกว่าที่คิดนะ...”นางกำนัลในตำหนักโพรเทียนาม เมร่า เอ่ยขึ้น “เมื่อคืนวานเป็นเวรของข้ากับเอลน่าเฝ้าหน้าห้องบรรทม กว่าเสียงของฝ่าบาทและพระชายาจะเงียบลงก็รุ่งสางแล้ว ข้าคิดว่าเลือดจะออกมากกว่านี้เสียอีก... แสดงว่าฝ่าบาทต้องทรงอ่อนโยนกับพระชายามากแน่ๆ”

เนลเม้มริมฝีบากปากแน่น นางมิอาจที่จะพูดอะไรได้ เพราะอยู่ในต่างแดน ถ้านางมีปัญหาอันใด องค์ชายจะต้องทรงโดนหางเลขไปด้วย

“เจ้าคงจะไม่เชื่อ... เอาเป็นว่าถ้าราตรีใดที่ฝ่าบาทเสด็จไปพำนักตำหนักอื่นๆ โดยเฉพาะตำหนักออเรนจ์โรสสิ แล้วเจ้าจะรู้ว่าฝ่าบาทน่ะ อ่อนโยนต่อพระชายามากแค่ไหน”นางกำนัลเอลน่ากล่าวทิ้งท้ายก่อนที่นางกับเพื่อนนางกำนัลของนางจะเดินออกจากห้องบรรทมไปพร้อมกับผ้าปูพระแท่นที่เปรอะเปื้อนนั้น

“ถ้าข้ามีโอกาส... ข้าจะไปดูนะเรล”เนลหันมาพูดกับน้องสาวของนาง

“ข้าก็จะไปกับพี่ด้วย เนล”

สองนางกำนัลน้อยจัดเตรียมฉลองพระองค์ขององค์ชายคาเซียและขององค์ราชากันอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วพวกนางก็พากันเดินไปยังห้องสรง

เมื่อพวกนางไปถึง องค์ชายคาเซียและองค์ทริสเซย์ก็สรงน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางกำนัลประจำห้องสรงรับฉลองพระองค์ขององค์ราชาไป ส่วนพวกนางก็เข้าไปสวมฉลองพระองค์ให้กับองค์ชาย

“กระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ ฝ่าบาท”องค์คาเซียทรงหันมาคำนับผู้ครองอำนาจสูงสุดอย่างนอบน้อม องค์ราชาทรงเลิกพระขนงขึ้นเชิงถามว่าพระองค์จะไปไหน... “กระหม่อมจะไปรับองค์ชายโซเทเรีย ก่อนไปยังท้องพระโรงน่ะพะยะค่ะ ฝ่าบาท”

“ข้าจะรอทานมื้อเช้ากับเจ้าและโซลที่ท้องพระโรงแล้วกัน”องค์ทริสเซย์ทรงตรัสทิ้งท้าย ก่อนที่จะทรงเสด็จออกไปว่าราชการยังท้องพระโรงแดนดิเลี่ยน

“องค์ชายทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ทรงเจ็บมากไหม”เนลเอ่ยถามองค์ชายของนางอย่างเป็นห่วงเป็นใย มือเล็กลูบไล้พระกรขององค์ชายเบาๆ “โถ่... พระฉวีของพระองค์แดงไปหมดเลยนะเพคะ”

“เราไม่เป็นไรหรอก เนล เราไม่ได้เจ็บอะไร รอยพวกนี้มันอ่า... อย่างที่เจ้ารู้นั่นแหละ”พระปรางนวลขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเขินอาย เมื่อทรงนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อราตรีที่ผ่านมา “จะเจ็บก็แค่ตรงนั้น... แต่เราทนได้ ไปกันเถอะ”

เนลและเรลพยุงองค์ชายของพวกนางไปขึ้นรถม้าที่ประทับ แล้วทั้งห้าก็พากันไปยังตำหนักฟรีเซีย ตำหนักที่ประทับขององค์ชายโซเทเรีย

“อ๊ะ... คาเซีย”เสียงใสๆขององค์ชายตัวเล็กดังขึ้นก่อนที่ร่างน้อยจะโผล่ออกมาต้อนรับผู้มาเยือนอย่างยินดี “เจ้ามาไหวด้วยเหรอ... เฟรุยบอกข้าว่าเจ้าอาจจะมาหาข้าไม่ไหวเพราะ... อ่า... เจ้าปรนนิบัติฝ่าบาททั้งราตรี...”

“ไหวสิ โซล”รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งให้กับองค์ชายเหมือนเคย แม้สีพระพักตร์จะทรงซีดเซียวไปบ้าง แต่โดยรวมก็ยังทรงเป็นปกติอยู่... “ข้ามารับเจ้าไปท้องพระโรงน่ะ... ฝ่าบาททรงรอเสวยพระกระยาการเช้าอยู่...”

องค์ชายทรงตรัสอย่างเกร็งๆ ด้วยความที่ทรงกังวลว่าองค์ชายโซเทเรียจะทรงคิดมากหรือไม่ ที่พระองค์ทรงตรัสถึงองค์ราชา ในวันหลังจากที่พระองค์ทรง... ถวายตัว

“อ๊า~ งั้นก็ต้องรีบไปแล้วนิ”องค์ชายโซเทเรียทรงร้องขึ้นเสียงไม่ดังนัก แต่ก็ไม่เบา ก่อนที่จะทรงจับพระหัตถ์ของคนตรงหน้า “ไปกันเถอะ คาเซีย”

“อืมมม”

ทั้งสองพระองค์ทรงเสด็จขึ้นรถม้าพระที่นั่งเพื่อเสด็จไปยังท้องพระโรงแดนดิเลี่ยนอย่างรวดเร็ว

องค์ชายคาเซียทรงหันมองร่างบอบบางที่ประทับอยู่ข้างพระองค์อย่างเป็นกังวลนิดๆ แต่ก็ทรงวางพระทัยไปได้บ้างเมื่อเห็นองค์ชายโซเทเรียยังคงร่าเริงดี

ถึงแม้ภายนอกที่องค์ชายโซเทเรียทรงแสดงออกมานั้นจะทรงเป็นปกติ... แต่ใครจะทราบว่าในพระหฤทัยลึกๆของพระองค์นั้น จะทรงคิดอะไรอยู่...

ตัวพระองค์นั้นมิอยากทำให้ว่าที่พระสวามีของพระองค์มิสบายพระทัย พระองค์ทรงทราบดีว่าองค์ชายคาเซียนั้น ทรงมีปัญหาให้ขบคิดมากเกินพอแล้ว ถึงแม้ว่าพระองค์จะรู้สึกเสียพระทัยไปบ้าง ที่องค์ชายที่ทรงรักนั้น เป็นของใครอีกคน แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงดีพระทัย ที่องค์ชายยังเป็นห่วงและแคร์ความรู้สึกของพระองค์อยู่เหมือนดังเดิม...

ข้าจะไม่ทำให้เจ้าไม่สบายใจหรอก คาเซีย ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าต้องมีปัญหาเพราะข้าเด็ดขาด... เพราะข้ารักเจ้าเกินกว่าที่จะทำให้เจ้าเสียใจได้...

พระหัตถ์เล็กกอบกุมพระหัตถ์เรียว องค์ชายโซเทเรียทรงหันมายิ้มให้กับองค์ชายคาเซียอย่างสดใส และแฝงความนัยน์ที่ทำให้องค์ชายแห่งเซเรียลนั้นสามารถยิ้มออกมาได้ด้วยความสุข

“ขอบใจนะ โซล”องค์ชายทรงโอบร่างของว่าที่ชายาของพระองค์มาแนบชินพระวรกาย พระองค์ทรงลูบไล้พระเกศานุ่มด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “ขอบใจนะ... ที่เจ้าเข้าใจข้า ขอบใจ... ที่เจ้าไม่ทำให้ข้าตรงลำบากใจ ขอบใจจริงๆ”

“เพราะข้ารักเจ้า เกินกว่าที่จะทำร้ายเจ้าได้น่ะสิ”องค์ชายแห่งสายลมทรงตรัสเสียงเบาๆ แต่คำตรัสนี้ได้เข้าไปตราตรึงอยู่ในดวงหทัยขององค์ชายคาเซียอย่างยากจะลบเลือน

องค์ชายคาเซียทรงเชยพระพักตร์ขององค์ชายในอ้อมพระกรขึ้น ก่อนที่พระองค์จะทรงมอบจุมพิตอันหวานล้ำให้กับว่าที่พระชายา...

พระพักตร์ขององค์ชายโซเทเรียแดงก่ำด้วยความขวยเขิน พระหัตถ์เล็กกำฉลองพระองค์ขององค์ชายคาเซียแน่น

“ถึงวันนี้ ข้าจะยังไม่ได้รับเจ้า เหมือนดั่งที่เจ้ารักข้า แต่ข้าสัญญา ข้าจะดูแลเจ้าตลอดไป โซล”เสียงหวานกระซิบเบาๆที่ข้างพระกรรณขององค์ชายแห่งสายลม

องค์ชายโซเทเรียทรงยิ้มอย่างเปรมปรีดิ์ พระองค์ทรงซบพระพักตร์เข้ากับอุระบาง
นาสิกสวยได้รูปสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากเกศานุ่ม พระกรเรียวโอบกอดร่างบอบบางเอาไว้หลวมๆ

พระเนตรหวานขององค์ชายโซเทเรียทอดพระเนตรเห็นร่องรอยรักสีกลีบกุหลาบที่องค์ราชาทรงฝากไว้กับวรกายของว่าที่พระสวามี... พระหัตถ์เล็กลูบไล้รอยนั้นเบาๆ

“เจ็บไหม”พระองค์ทรงตรัสถามเสียงแผ่ว “แดงมากเลยนะ”

“ไม่เจ็บหรอก...”องค์ชายคาเซียทรงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าไม่เจ็บหรอก โซล”

“อืม...”แม้พระองค์อยากจะทรงตรัสถามเกี่ยวกับราตรีที่ผ่านมาขององค์ชายคาเซียกับฝ่าบาทเพียงไหน แต่พระองค์ก็มิอาจเอื้อนเอ่ยอันใดได้...

ทั้งสองนิ่งเงียบจนเดินทางมาถึงท้องพระโรง นางกำนัลทั้งสองขององค์ชายแห่งเซเรียลเข้ามาพยุงนายของตนอย่างรู้หน้าที่

“พระชายาเสด็จ องค์ชายโซเทเรียเสด็จ”นายทวารตะโกนก้อง ก่อนที่ร่างของทั้งสองจะก้าวเข้าไปในท้องพระโรงอันงดงาม...

“มาแล้วหรือ คาเซีย”องค์ราชาทรงตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่พระองค์จะทรงหันไปส่งสัญญาณให้นางกำนัลยกเครื่องเสวยเข้ามา

องค์ชายคาเซียพาองค์ชายโซเทเรียไปประทับยังที่ประทับ ก่อนที่พระองค์จะทรงเสด็จเข้าไปหาองค์เหนือหัว ท่ามกลางสายตาของเหล่าสนม นางกำนัลและขุนนางในท้องพระโรงแดนดิเลี่ยนแห่งนี้

“ฝ่าบาท กระหม่อมขอจัดเตรียมพิธีอภิเษกของกระหม่อมด้วยตัวเองนะพะยะค่ะ”เสียงหวานทรงกระซิบเบาๆใกล้ๆพระกรรณ

“ตามใจเจ้า”แม้พระองค์จะรู้สึกไมพอพระทัยไปบ้าง แต่ก็ทรงจำต้องยอมให้องค์ชายคาเซียทำตามพระทัยขององค์ชายไป

พระหัตถ์แกร่งคว้าเอาวรกายเล็กมานั่งบทพระเพลา ก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะเดินกลับที่ของตนไป

“ฝ่าบาท....”องค์ชายคาเซียทรงร้องเบาๆอย่างตกพระทัย “นี่มันในท้องพระโรงนะพะยะค่ะ”

“แล้วอย่างไร คาเซีย”เสียงที่ตรัสออกมานั้นยังคงเป็นปกติ... “เจ้าเป็นพระชายาของข้านะ คาเซีย เจ้าจะกังวลสิ่งใด ในเมื่อเจ้ายังอยู่ข้างกายข้าเช่นนี้”

“กระหม่อมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมนัก...”องค์ชายทรงทอดพระเนตรไปรอบๆกาย พระพักตร์งามขึ้นสีอ่อนอย่างเขินอาย

“อ่อ... เจ้าคงอายสินะ”องค์ราชาทรงตรัสอย่างเข้าพระทัย “ราตรีนี้เจ้าคงรู้ตัวเองแล้วสินะ ว่าจะต้องทำอันใด”พระองค์มิทรงพูดเปล่า ทรงลูบไล้พระโสณีของพระชายาเบาๆอย่างเย้ายวน “ห้องของข้า...”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”องค์คาเซียตอบรับคำเบาๆ “ราตรีนี้ ที่ห้องบรรทมของฝ่าบาทพะยะค่ะ”
พระองค์ทรงได้แต่ประทับนิ่ง ให้องค์ประมุขลูบไล้วรกาย อยู่เช่นนั้น จนกระทั่งเครื่องเสวยถูกยกมา พระองค์ถึงได้ประทับอยู่ข้างฝ่าบาท โดยที่อีกข้างของพระองค์เป็นพระชายาเช่นวันวาน...

องค์ชายคาเซียยังทรงคอยปรนนิบัติเจ้าชีวิตของพระองค์ไปควบคู่กับดูแลว่าที่ชายาของพระองค์ไปพร้อมๆกัน เฉกเช่นเดียวกับสายพระเนตรแห่งความริษยาของสนมหลายนางที่จับจ้องพระองค์อย่างแค้นเคือง

เจ้า... คาเซีย เพราะเจ้าแย่งฝ่าบาทไปจากข้า แกดึงความสนใจจากฝ่าบาทไปอยู่กับตัวเจ้า ถ้าไม่มีเจ้า ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็ต้องมองข้า ข้าจะเป็นคนแรกที่ฝ่าบาทเห็น ฝ่าบาทจะต้องรักข้า สนใจข้า ไม่ใช่เจ้า

พระสนมเมริน่าทรงทอดพระเนตรองค์ชายคาเซียด้วยความเกลียดชังอย่างไม่ปิดปัง นางกำนัลที่อยู่ใกล้ๆพระนางต่างพากันถอยห่างออกไปด้วยความหวาดกลัว

“คาเซีย”เสียงทุ้มตรัสดังขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นคนข้างกายเอาแต่ป้อนเครื่องเสวยให้องค์ชายโซเทเรียบ้าง ตักให้พระองค์บ้าง โดยที่ตนเองนั้นแทบมิได้แตะต้องเครื่องเสวยพวกนี้เลย

“พะยะค่ะ”พระพักตร์หวานหันมาหาพระองค์พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน
พระหัตถ์หนาทรงเอื้อมมาตักเครื่องเสวยที่องค์ชายคาเซียโปรด ก่อนจะทรงป้อนให้กับองค์ชายอย่างนุ่มนวล

องค์คาเซียทรงอ้าพระโอษฐ์รับเครื่องเสวยที่องค์ราชาทรงป้อนให้ พระองค์ทรงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆแผ่ซ่านในพระหฤทัยของพระองค์

“เจ้าควรที่จะทานอะไรเสียบ้าง ก่อนที่กายของเจ้าจะบอบบางไปมากกว่านี้นะ คาเซีย”องค์ทริสเซย์ตรัสกับพระชายาของพระองค์ด้วยสุรเสียงอ่อนโยน “ถ้าเจ้าอยากจะป้อนอาหารพวกนี้ให้กับโซเทเรียก็ตามใจเจ้า แต่ข้าจะเป็นคนป้อนให้เจ้ากินเอง”

“ฝ่าบาท...”เสียงหวานสั่นเครือเล็กๆ พระหัตถ์เล็กยื่นมากอบกุมพระหัตถ์แกร่งเบาๆ “ขอบพระทัยพะยะค่ะ”

“เจ้าดูแลชายาของเจ้า ข้าก็ต้องดูแลชายาของข้าบ้างสิ จริงไหม”องค์ทริสเซย์ทรงลูบไล้เกศานุ่มของพระชายาเบาๆ ก่อนที่จะทรงป้อนเครื่องเสวยให้กับองค์ชายต่อ “ราตรีนี้ข้าคงไปดึกเล็กน้อย ถ้าเจ้ารอไม่ไหวก็นอนไปก่อนได้เลยนะ คาเซีย”

องค์ชายโซเทเรียทรงทอดพระเนตรองค์ราชาและองค์ชายคาเซียอยู่ตลอด พระองค์ทรงเผยยิ้มเศร้าขึ้นมาชั่ววินาที ก่อนที่จะปรับให้เป็นรอยยิ้มที่สดใสเหมือนดั่งปกติ

พระองค์จะทรงหม่นหมองเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะครั้งนี้จะไม่มีทางเป็นหนสุดท้ายเป็นแน่ ที่องค์ราชาจะทรงแสดงความเป็นเจ้าขององค์ชายที่พระองค์รัก...

หลังจากที่เครื่องเสวยถูกนางกำนัลยกออกไปเก็บเรียบร้อยแล้ว องค์ชายคาเซียก็ทูลลาองค์ทริสเซย์ไปจัดการเตรียมพิธีอภิเษกของพระองค์ทันที

ตลอดทั้งวันองค์ชายคาเซียทรงวิ่งวุ่นกับการประสานงานในด้านต่างๆโดยมิยอมหยุดพัก จนล่วงเลยเข้าสู่เวลาเย็น ทุกๆอย่างจึงเสร็จลง ทุกๆฝ่ายรู้หน้าที่ของตนเอง และเริ่มดำเนินงานกันอย่างว่องไว เพื่อให้ทันงานอภิเษกที่จะมีขึ้นในอีก 6 วันข้างหน้า

ส่วนองค์ชายโซเทเรียได้แต่ประทับองค์ในตำหนักให้นางกำนัลฝ่ายตัดเย็บมาวัดวรกายเพื่อตัดฉลองพระองค์ อีกทั้งพระองค์ก็ถูกสั่งห้ามด้วยรอยยิ้มว่าไม่ได้ลุกขึ้นมาจัดการเรื่องใดๆ องค์ชายคาเซียจะทรงจัดการทุกๆอย่างเอง...

เมื่อองค์ชายคาเซียทรงชำระร่างกายของพระองค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงพักผ่อนอยู่ในห้องบรรทมของพระองค์จนกระทั่งเกือบถึงยามสิบสอง

“พระชายาเพคะ... จะถึงยามสิบสองแล้วนะเพคะ”เสียงหวานของนางกำนัลต้นห้องแห่งตำหนักโพรเทียดังขึ้น “ฝ่าบาทคงใกล้เสด็จกลับมาแล้วนะเพคะ พระองค์จะทรงเสด็จไปห้องบรรทมของฝ่าบาทเลยไหมเพคะ”

“อ๊ะ ข้าลืมไปเลย”องค์ชายคาเซียทรงลุกขึ้นจากพระแท่นทันที แม้จะทรงเซไปเล็กน้อยด้วยความเจ็บบริเวณช่วงล่างของพระองค์ที่ยังมิบรรเทาลงนัก “ถึงว่า... เนลถึงเอาชุดแบบนี้ให้ข้าใส่”

องค์ชายทรงเสด็จไปยังห้องบรรทมขององค์ทริสเซย์ตามคำเตือนของนางกำนัลเจนี่ทันที แต่ถึงกระนั้น ยังมิทันที่พระองค์จะทรงประทับลงบนพระแท่นใหญ่ตรงหน้า พระกรแกร่งก็ทรงโอบกอดร่างของพระองค์เอาไว้เสียแล้ว...

“คาเซีย”เสียงนุ่มดังแผ่วเบาอยู่ข้างพระกรรณ องค์ชายคาเซียทรงผิดพระพักตร์มามองพระพักตร์หล่อเหลาขององค์ราชาตามเสียงเรียก “คิดถึงจัง”

“เอ๊ะ...”ดวงเนตรหวานช้อนขึ้นมองอย่างงุนงง “ฝ่าบาททรงเสด็จไปตำหนักเพอเพิลไลแลค(ความลุ่มหลง)ไม่ใช่หรือพะยะค่ะ ฝ่าบาทจะทรงมีเวลาคิดถึงกระหม่อมด้วยงั้นเหรอพะยะค่ะ”

“พวกนางมิมีใครสู้เจ้าเพียงคนเดียวได้เลย คาเซีย”องค์ทริสเซย์ทรงจับร่างเล็กให้หันมาหาพระองค์ก่อนที่จะทรงสวมกอดอีกครั้ง “มิมีใครกลิ่นกายหอมอ่อนๆอย่างเจ้า มิมีใครงดงามเหมือนเจ้า มิมีใครทำเติมเต็มให้กับข้าได้ดั่งเจ้า ชายาของข้า”

ร่างของทั้งสองเอนลงบนพระแท่นนุ่ม อาภรณ์ที่สวมใส่หลุดออกจากวรกายทีละชิ้นๆ

พระนาสิกโด่งซุกไซร้ที่ซอกพระศออย่างหื่นกระหาย พระโอษฐ์หยักดูดเม้มผิวนุ่มสร้างรอยรักตามทางที่ผ่าน พระหัตถ์หนาลูบไล้ เค้นคลึงเรือนกายขาวเนียนที่ยังมีร่องรอยกลีบกุหลาบของพระองค์อยู่...

“อ๊ะ... อา...”เสียงหวานครางแผ่วๆตลอดเวลาที่พระองค์ทรงเล้าโลม ซึ่งสร้างความพึงพอพระทัยให้พระองค์เป็นอย่างยิ่ง “อื้อออออ ฮึก อ๊าาาาา”

องค์ทริสเซย์ทรงหยอกเย้ายอดถันสีชมพูอ่อน ขณะเดียวกันก็ทรงเบิกทางเบื้องล่างเพื่อเปิดเส้นทางสู่สวรรค์ของพระชายาให้พร้อมจะนำพาพระองค์

“หวานเหลือเกินชายาของข้า เจ้าจะทำให้ข้าคลั่งอยู่แล้วนะ”

“ฝ่าบาท... อ๊า จะ. เจ็บ ฮึก”

“คาเซีย ข้าขอโทษ... วันนี้ข้าคงมิอาจจะอ่อนโยนกับเจ้าได้เท่าราตรีวาน...”

สิ้นเสียงตรัส องค์ทริสเซย์ก็ทรงล่วงล้ำเข้าไปในกายบางอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นก็ทางเข้าไปได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น...

“เจ็บ... ฝ่าบาท เจ็บพะยะค่ะ เจ็บเหลือเกิน...”องค์ชายคาเซียทรงเริ่มร้องไม่เป็นภาษา อัลสุชลไหลรินอาบปรางนวล เมื่อองค์ราชาทรงขืนกายเข้ามาในช่องทางแคบ

“ผ่อนคลายซะ คาเซีย อย่าเกร็ง”พระหัตถ์หนาลูบไล้เส้นผมนุ่มอย่างปลอบโยน

เมื่อพระองค์ทรงรู้สึกว่าร่างที่พระองค์ทาบทับอยู่นั้นผ่อนคลายลง ก็ทรงดันกายเข้าไปอีก ก่อนจะค่อยๆขยับเพื่อให้พระชายาปรับตัว...

“อึก อ๊ะ อ๊า.... อื้อ”องค์ทริสเซย์ทรงเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางหวานและเสียงกระทบกันของเนื้อดังก้องห้องบรรทม จนกระทั่งสายธารแห่งความใคร่หลั่งรินในเข้าในกายบาง

“เจ้ายังเจ็บอยู่ วันนี้เท่านี้ก่อนแล้วกัน ชายาข้า”พระองค์ทรงโอบร่างบอบบางเอาไว้ในอ้อมพระกร “ขอบใจมาก คาเซีย”

“มิเป็นไรพะยะค่ะ... กระหม่อมต้องขอประทานอภัย ที่มิอาจรองรับพระองค์ได้อย่างที่สมควร...”

“ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เดี๋ยวเจ้าก็ตอบรับข้าได้เอง คาเซีย”

“พะยะค่ะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ชื่อตอน... ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหา... แหะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2012 21:15:18 โดย midnight »

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 11
ตำนานรักสองราชวงศ์ : พิธีอภิเษก

รุ่งอรุณแห่งวันงานอภิเษกนั้นภายในราชวังดูวุ่นวายไปหมด นางกำนัลต่างเร่งรีบทำหน้าที่ของตนให้เสร็จ เพื่อจะได้เอาเวลาที่เหลือไปแต่งองค์ทรงเครื่องให้งดงาม...

องค์ชายคาเซียทรงแต่งกายเสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า จึงทรงเสด็จไปช่วยราชกิจที่ยังคั่งค้างขององค์ราชาให้เสร็จรอเวลาเริ่มพิธีในช่วงสายของวัน

องค์ชายโซเทเรียทรงใช้เวลาในการแต่งวรกายเนิ่นนาน พระองค์ทรงฉลองพระองค์สีขาวพิสุทธิ์งดงาม กระโปรงยาวกรอมพื้นปักเลื่อมอย่างบรรจง พระเกศาถูกแต่งทรงอย่างประณีตโดยนางกำนัลฝีมือดี พระพักตร์แต่งเครื่องประทินโฉมบางๆ ก่อนจะทรงสวมผ้าคลุมโปร่งสีขาวปิดพระพักตร์ ชายของผ้าคลุมนั้นยาวจรดกับชายกระโปรงพอดี

ประชาชนนับพันต่างพากันมาออกันอยู่หน้าพระราชวัง เพื่อชื่นชมพิธีอภิเษกที่ถูกจัดขึ้นมาอย่างงดงาม พวกเขาต่างรู้สึกยินดีที่มีพิธีมงคลนี้ขึ้นหลังจากที่หวาดผวากับสงครามมานับปี...

ในช่วงสายพิธีอภิเษกก็เริ่มขึ้น องค์ชายโซเทเรียทรงประทับยืนอยู่หน้าแท่นพิธีที่มีบาทหลวงยืนอยู่ โดยที่หลังบาทหลวงนั้นเป็นที่ประทับขององค์ราชา ผู้เป็นประธานในพิธีนี้

องค์ชายโซเทเรียทรงเสด็จออกมาพร้อมกับเสียงฮือฮาด้วยความชื่นชม ร่างบอบบางในชุดอันงดงาม พระองค์ทรงเสด็จอย่างเชื่องช้ามาประทับเคียงข้างว่าที่พระสวามี...

พระหัตถ์ขององค์ทริสเซย์ยกขึ้นเป็นสัญญาณให้กับบาทหลวงเริ่มพิธี

องค์ชายคาเซียเปิดผ้าคลุมพระพักตร์ขององค์ชายคาเซียออกด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แล้วบาทหลวงจึงเริ่มพิธีสัญญา

“องค์ชายคาเซีย แห่งเซเรียล พระชายาแห่งองค์ราชาทริสเซย์ ท่านจะทรงรับองค์ชายโซเทเรียแห่งวินเซย์เป็นพระชายาหรือไม่”

“ข้าองค์ชายคาเซีย ขอรับองค์ชายโซเทเรียเป็นพระชายา ข้าสัญญาว่าจะดูแลองค์ชายด้วยกำลังทั้งหมดที่ข้ามี ตราบจนวินาทีสุดท้าย”

“องค์ชายโซเทเรียน แห่งวินเซย์ ท่านจะรับองค์ชายคาเซียแห่งเซเรียลเป็นพระสวามีหรือไม่”

“ข้าองค์ชายโซเทเรีย ขอรับองค์ชายคาเซียเป็นพระสวามี ข้าสัญญาว่าจะรักและภัคดีด้วยใจของข้าตราบจนสิ้นลมหายใจ”

“ขอท่านทั้งสองจดจำสัญญาที่ให้แก่กันในวันนี้ ขอให้ท่านดูแลกันและกัน เข้าใจกันตั้งแต่บัดนี้ จนตราบสิ้นชีวาวาย...”บาทหลวงทรงกล่าวกับองค์ชายทั้งสองด้วยเสียงก้องกังวาน “ขอองค์ราชาทริสเซย์ โปรดพระราชทานพระพรอันยิ่งใหญ่ให้แก่ท่านทั้งสอง”

องค์ทริสเซย์ทรงเสด็จจากบัลลังก์มาประทับตรงหน้าขององค์ชายทั้งสอง พระหัตถ์หนาแตะพระนลาฏขององค์ชายคาเซียแผ่วเบา

“ขอทวยเทพประทานพรให้เจ้ามีความสุข สมหวังในสิ่งที่คิดและกระทำ”เสียงทุ้มตรัสอย่างอ่อนโยน พระเนตรของทั้งสองพระองค์สบประสานกันอย่างมีความนัยน์...

พระชายาขององค์ชายทรงทอดพระเนตรภาพของทั้งสองด้วยความเจ็บลึกในพระทัย เมื่อทรงเห็นถึงความรักความห่วงใยที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆของทั้งสองเฉกเช่นนี้

องค์ราชาทรงย้ายพระหัตถ์มาแตะที่พระนลาฏขององค์ชายโซเทเรีย...

พระหัตถ์เล็กทรงปัดพระหัตถ์แกร่งอย่างเผลอตัว องค์ทริสเซย์ทรงเริ่มกริ้วขึ้นมาเล็กๆกับการกระทำที่เสียมารยาทกับพระองค์ต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้

“โซเทเรีย”เสียงเย็นๆตรัสเรียกพระชายา “เจ้า...”

“ฝ่าบาท...”ยังไม่ทันที่องค์ราชาจะทรงกล่าวถึงความผิดขององค์ชายโซเทเรีย องค์ชายคาเซียก็ทรงตรัสขึ้นเสียก่อน... “กระหม่อมจะรับโทษเอง... ขอได้โปรด ผ่านวันนี้ไปก่อนนะพะยะค่ะ”

“อืม”องค์ราชาทรงรับคำอย่างเสียมิได้เมื่อเห็นนัยน์เนตรเว้าวอนของพระชายาของพระองค์เอง... “ขอให้เจ้าเป็นชายาที่ดี มีทายาทให้แก่สวามีโดยไว”

เมื่อทรงตรัสจบ พระองค์ก็ทรงเสด็จกลับสู่บัลลังก์อย่างเงียบๆ พระเนตรยังทรงฉายแววคุกกรุ่นอยู่เล็กๆ

“ขอพระพรแห่งสรวงสวรรค์จงสถิตอยู่กับท่าน”บาทหลวงกล่าวเป็นคำสุดท้าย ก่อนที่ระฆังวิวาห์จะดังขึ้น เพื่อเป็นการแสดงความยินดีแก่คู่แต่งงาน

เย็นวันนั้น องค์ทริสเซย์ทรงรับสั่งให้มีงานเฉลิมฉลองให้แก่องค์ชายทั้งสอง แขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ต่างพากันมาอวยพรให้มันทั้งสองพระองค์อย่างมิขาดปาก แม้แต่เหล่าพระสนมที่ชังองค์ชายคาเซียก็ยังมาร่วมแสดงความยินดี แม้สายตาจะมองพระองค์ด้วยความเกลียดก็ตาม

องค์ทริสเซย์ทรงประทับนิ่งบนบัลลังก์งาน พระพักตร์ของพระองค์เรียบเฉย แต่ถ้ามองดีๆแล้วจะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงหงุดหงิดพระทัยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว... ซึ่งทำให้ใครต่อใครไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้พระองค์มากในเวลานี้

องค์ชายคาเซียทรงสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น พระองค์หันมามองพระพักตร์ของพระชายาเชิงขออนุญาต ก่อนที่จะทรงเสด็จเข้าไปหาองค์ราชา

พระองค์ก็มิทราบว่าทำไมถึงทรงกล้าที่จะเข้าหาเจ้าชีวิตของพระองค์ในเวลาที่ทรงกริ้ว แต่ภายในพระหฤทัยส่วนลึกของพระองค์นั้นเชื่อว่าองค์ประมุขจะมิทรงทำอะไรที่รุนแรงนักกับพระองค์เป็นแน่...

“ยังมิทรงหายกริ้วหรือพะยะค่ะ”องค์ชายคาเซียทรงประทับลงบนพื้นเบื้องหน้าองค์ราชา พระหัตถ์เล็กยื่นมากอบกุมพระหัตถ์หน้าเบาๆ

“ข้าแต่หงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ... เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก”องค์ทริสเซย์ทรงก้มลงมาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าไปร่วมงานเลี้ยงต่อเถอะ”

“พระองค์ทรงกริ้วเช่นนี้ ข้าพระองค์ก็มิสนุกกับงานหรอกพะยะค่ะ”องค์ชายทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองพระองค์ด้วยแววตาห่วงใย “ข้าพระองค์ควรจะทำอย่างไรให้พระองค์หายกริ้วดีพะยะค่ะ”

“มีลูกให้ข้าสักคนสองคนสิ คาเซีย”พระหัตถ์แกร่งลูบไล้เกศานุ่มๆอย่างอ่อนโยน “เผื่อตอนไหนที่เจ้าไม่อยู่ ข้าจะได้มีใครสักคนให้ข้าดูแลไง”

“เอ... พระองค์จะทรงดูแลกระหม่อมหรือพระยะค่ะ”พระเนตรหวานฉายแววดีพระทัย

“เจ้าเป็นชายาของข้านะ คาเซีย ข้าจะไม่ดูแลเจ้าได้ยังไงหืม”องค์ราชาทรงแย้มยิ้มให้กับร่างบางอย่างอ่อนโยน ขัดกับพระเนตรที่จับจ้องชายาของพระองค์อย่างจับผิด “หรือเจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นแค่นางบำเรอที่ไร้ค่าอยู่อีก หืม...”

“...”องค์ชายคาเซียยิ้มให้พระองค์จางๆ แล้วก้มพระพักตร์ลง เป็นสัญญาณให้พระองค์รับรู้ได้ว่าเป็นอย่างที่พระองค์ทรงคิดจริงๆ

“เจ้านี่น้า... ตำแหน่งชายาข้ามอบให้เจ้าเพื่อให้เจ้ารู้ว่าข้าต้องการดูแลเจ้า ให้เจ้าอุ้มท้องลูกของข้า แต่เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นนางบำเรอความใครอยู่แทบตลอดเวลาจริงๆ”

“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ...”

“ช่างมันเถอะ...ต่อไปนี้อย่าคิดว่าตัวเองมีค่าแค่รองรับความต้องการของข้าแล้วเท่านั้นก็จบไปอีกแล้วกัน คาเซีย”

“พะยะค่ะ”องค์ชายนับคำเสียงใน พระพักตร์หวานซบลงที่พระเพลาขององค์ผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า “ส่วนเรื่อง... ทายาท คงขึ้นอยู่กับพระองค์แล้วล่ะพะยะค่ะ ว่าจะทรงพระราชทานให้กระหม่อมเมื่อไร...”

“อยู่ที่เจ้ามากกว่ากระมัง... ในเมื่อข้ามอบอ้อมกอดให้เจ้าเกือบทุกราตรีเช่นนี้ เมื่อไรเจ้าจะตั้งท้องให้ข้าได้ชื่นใจเสียทีล่ะ”

“เมื่อถึงเวลาล่ะมั้งพะยะค่ะ”

ทั้งสองพระองค์พูดคุยกันหลายต่อหลายเรื่อง จนกระทั่งถึงเวลาฤกษ์ที่จะต้องส่งตัวคู่วิวาห์เข้าเรือนหอ...

ตำหนักฟรีเซียอันเป็นที่ประทับขององค์ชายโซเทเรีย บัดนี้ถูกเนรมิตเป็นเรือนหอที่งดงาม ประดับประดาด้วยดอกไม้ เทียนหอม และผ้าหลายสีสันอย่างประณีต

“ขอให้พวกเจ้ามีทายาทโดยไว”องค์ทริสเซย์ตรัสทิ้งท้ายก่อนจะทรงเสด็จกลับคำหนักของพระองค์เอง

องค์ชายคาเซียทรงประคองร่างเล็กของพระชายาของพระองค์เข้าไปในตำหนักอย่างนุ่มนวล

ทั้งสองพระองค์ประทับบนพระแท่นนุ่ม องค์ชายทรงโอบพระชายาของพระองค์อย่างอ่อนโยน พร้อมส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นให้

นางกำนัลประจำกายก้าวเข้ามาในห้อง แล้วต่างพานายเหนือหัวของตนไปชำระกายให้สะอาดอย่างรวดเร็ว เพื่อที่ค่ำคืนแสนหวานนี้จะได้ดำเนินต่อไป

องค์ชายคาเซียทรงเอนกายพิงพระเขนยรอพระชายา... องค์ชายโซเทเรียเสด็จเข้ามาประทับเคียงข้างพระองค์ในเวลาถัดมา...

“ถ้าโซลยังไม่พร้อม... ข้ายังไม่ทำอะไรตอนนี้ก็ได้นะ...”

“ไม่เป็นไร... โซลพร้อมแล้วล่ะ...”

องค์ชายคาเซียทรงมอบจุมพิตบางเบาให้กับพระชายา มือเรียวค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ชุดบางออกจากร่างน้อย เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัส... ก่อนที่จะทรงปลดอาภรณ์ของพระองค์เองออกบ้าง

พระองค์ทรงเตรียมความพร้อมให้กับองค์ชายโซเทเรียอย่างอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป ช่องทางหวานค่อยๆถูกเบิกออกที่ละน้อยๆ เมื่อพระชายาทรงพร้อมแล้ว พระองค์จึงล่วงล้ำเข้าสู่ทางอบอุ่นช้าๆ

“อื้ออ เจ็บ”เสียงหวานร้องขึ้นเมื่อพระองค์ทรงดันกายเข้าไปได้ระยะหนึ่ง

“ทนหน่อยนะ โซล”องค์ชายทรงกระซิบแผ่วเบา

พระองค์ทรงดันกายเข้าไปจนสุด ก่อนที่จะทรงหยุดนิ่ง รอให้ร่างที่รองรับพระองค์นั้นปรับตัวได้เสียก่อน จึงทรงขยับกายอีกครั้ง

ร่างสองร่างกอดก่ายกับบนพระแท่นนุ่น กายของทั้งสองมิห่างกันแม้เพียงวินาที

องค์ชายคาเซียทรงมอบความรักให้กับพระชายาอย่างเปี่ยมล้น แล้วทั้งสองพระองค์ก็บรรทมไปในอ้อมกอดของกันและกัน...

“ข้าจะคอยปกป้องและดูแลเจ้าเอง... โซเทเรีย”

+++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่สิบเอ็ดมาแล้ว... คาเซียก็รุกได้นะ ฮ่าๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2012 21:45:05 โดย midnight »

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
โว้วววววว มหัศจรรย์มากกกก ทำได้ทั้งสองหน้าที่เลย เยี่ยมมมม


แอบหวัง 3p กร๊ากกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อ๊ากกก คาเซีย  รุกและรับในเวลาใกล้กัน สุดยอดดด

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
องค์ชายคาเซียก้อรุกเป็น ฮิ้ว

ออฟไลน์ ArMee

  • BTU"R
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอตัด โซลออกไปได้ไหมอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
อิอิ จำเราได้ด้วย

ดีใจจัง

เรารอให้ในเล้าทันในเด็กดีอยู่นะ

เป็นกำลังใจให้ :3123:

ค้า^^ เร่งลงอยู่ อีกสี่ตอนก็ตามทันแล้วค้า
ตอนที่ 16 จะลงหลังจากที่ลงในเล้าให้ทันเด็กดี จะได้ไปพร้อมๆกันทั้งสองที่
ขอบคุณนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ ZooS

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
โหวววววว     เจ๋งอ่ะ !!!

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 12
ตำนานรักสองราชวงศ์ : เสด็จประพาสนอกวัง

วันเวลาล่วงเลยไป จนตอนนี้ผ่านมาสามเดือนเศษหลังจากที่องค์ชายคาเซียทรงเสด็จมายังเฟรนเซีย แต่ละวันของพระองค์นั้นช่วงเช้าทรงช่วยงานราชการขององค์ราชา ช่วงบ่ายประทับอยู่กับพระชายาโซเทเรีย ช่วงมืดบางราตรีทรงอยู่กับพระชายา บางราตรีปรนนิบัติองค์ทริสเซย์...

“คาเซีย”เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเรียกความสนใจของร่างที่นั่งอ่านฎีกาอยู่เงียบๆ

“พะยะค่ะ”องค์ชายคาเซียเงยพระพักตร์ขึ้นมององค์เหนือหัวอย่างงุนงง พระองค์ทรงเอียงหัวเล็กๆ “มีอะไรหรือพะยะค่ะ”

“งานตรงนี้ใกล้เสร็จแล้ว...”องค์ทริสเซย์ทรงเสด็จเข้ามาใกล้ร่างเล็กพร้อมกับแย้มพระโอษฐ์ให้อย่างอ่อนโยน “ไปเที่ยวนอกวังกันไหม”

“ไปเที่ยว...”พระเนตรกลมโตฉายแววยินดีเป็นอย่างยิ่ง พระหัตถ์เรียววางฎีกาและปากกาลง “ไปเที่ยวนอกวัง... ไปจริงๆนะพะยะค่ะ”

“จริงสิ”องค์ราชาตรัสรับคำ “เจ้าทำอย่างกับไม่เคยออกไปเที่ยวนอกวังเช่นนั้นแหละ ชายาของข้า”

“กระหม่อม... มิเคยออกไปเที่ยวเลยอย่างเปิดเผยแบบนี้หรอกพะยะค่ะ มีแต่แอบออกไปเงียบๆเพียงเท่านั้น”พระเนตรหวานหลุบลง

องค์ราชาทรงโอบประคองร่างตรงหน้า พระหัตถ์แกร่งลูบไล้เกศาเนียนละเอียดแผ่วเบา
“งั้นข้าพาเจ้าไปเอง ดีไหม”

“พะยะค่ะ...”รอยยิ้มอ่อนหวานถูกส่งให้ผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า “แล้วจะไปเมื่อไหร่หรือพะยะค่ะ”

“อืมมม พรุ่งนี้ดีไหม”

“พรุ่งนี้หรือพะยะค่ะ”

“ใช่สิ พรุ่งนี้แหละ พาชายาของเจ้าไปด้วยก็ดีนะ”องค์ราชาทรงตรัสกับองค์ชายด้วยความรัก “เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา ข้าคงต้องพาสนมบางคนไปด้วย...”

“แค่ได้ออกไป ก็ดีแล้วล่ะพะยะค่ะ”

องค์ชายคาเซียทรงซบลงที่พระอุระแกร่ง พระกรเรียวโอบกอดบั้นพระองค์หลวมๆ

“ออกจากวังไปตำหนักนอกวังครั้งนี้ เจ้าต้องอยู่กับข้าล่ะ”องค์ทริสเซย์ทรงตรัสเบาๆ “ข้าหวังอย่างยิ่งว่าเจ้าจะมีทายาทให้ข้าโดยไวนะ คาเซีย”

“พะยะค่ะ”พระพักตร์หวานแดงระเรื่ออย่างเขินอาย พระเนตรช้อนมองอย่างอ่อนหวาน

ทั้งสองพระองค์รีบเร่งทำราชกิจให้เสร็จเรียบร้อย นางกำนัลประจำองค์ของทั้งสอง องค์ชายโซเทเรียและเหล่านางสนมบางส่วนก็เร่งรีบจัดเตรียมเครื่องทรงทั้งหลายลงหีบเพื่อเตรียมเดินทางในวันรุ่ง ข้าหลวงที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับขบวนเสด็จต่างพากันวิ่งวุ่นเพื่อจัดเตรียมม้าและรถทรง

เหล่าพระสนมที่ได้ยินรับสั่งให้ตามเสด็จต่างพากันตื่นเต้น พวกพระนางพากันประทินโฉมเสริมความงามให้แก่ตนเอง ฉลองพระองค์หลายต่อหลายชุดถูกหยิบออกมาทาบร่าง จนกระทั่งทรงเลือกชุดที่ถูกใจกันได้

ราตรีนี่เป็นอีกราตรีที่ไฟในราชวังไม่ดับลง รวมทั้งในตำหนักโพรเทีย ซึ่งเป็นตำหนักใหญ่อีกด้วย

ร่างของราชนิกุลทั้งสามเอนกายอยู่เคียงข้างกัน โดยมีองค์ชายคาเซียประทับอยู่ตรงกลาง พระสวามีและพระชายาของพระองค์

ทั้งสามพระองค์มิได้ทรงตรัสอะไรออกมา องค์ชายคาเซียทรงดึงพระหัตถ์ขององค์ราชาทริสเซย์และองค์ชายโซเทเรียมากุมเอาไว้ที่พระอุทรขององค์เอง จนกระทั่งทรงบรรทมกันไป...

ต่างคนต่างมีความคิดของตน แต่ใครจะรู้ถึงความคิดของคนอื่นกันล่ะ...

++++++++++++++++++++++++++

รุ่งอรุณที่วุ่นวายมาเยือนอีกครั้ง ทั้งพระราชวังต่างวิ่งวุ่นกันใหญ่ ทหารหลายคนช่วยกันขนหีบขึ้นรถม้าทรงที่จัดเตียมเอาไว้

เพียงเวลาไม่นานทุกๆอย่างก็พร้อมที่จะเดินทาง องค์ราชาทรงเสด็จขึ้นรถม้าที่ประทับพร้อมด้วยองค์ชายคาเซียและองค์ชายโซเทเรีย เหล่าสนมนางกำนัลที่ตามเสด็จก็พากันขึ้นรถม้าที่ทางราชวังจัดเตรียมไว้ให้ พลทหารม้าที่ตามเสด็จพากันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วขบวนเสด็จจึงเริ่มออกเดินทาง

องค์ชายคาเซียประทับอยู่บ้างริมพระบัญชร โดยที่มีองค์ทริสเซย์ประทับซ้อนหลังอยู่ ส่วนองค์ชายโซเทเรียทรงบรรทมไปบนที่นั่งยาว ที่ปูฟูกนุ่มๆเอาไว้ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาบนรถม้า

พระเนตรหวานทรงมองสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ รอยยิ้มสดใสถูกคลี่ขึ้นบนพระพักตร์ ซึ่งกริยาเหล่านี้สามารถเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากองค์ประมุขได้อย่างดี

สองข้างทางที่ขบวนเสด็จผ่านมีประชาชนจำนวนมากยืนออเพื่อหวังชมพระบารมีขององค์ราชา และความงดงามของเหล่าสนมนางใน พระวิสูตรของรถม้าพระที่นั่งเปิดกว้างให้สามารถชื่นชมได้อย่างเต็มที่ด้วยน้ำพระหัตถ์ขององค์ชายคาเซีย

“ประชาชนของเฟรนเซียช่างมีจำนวนมากจริงๆเลยนะพะยะค่ะ”เสียงใสๆตรัสขึ้น เมื่อทอดพระเนตรเห็นสองข้างทางซึ่งมีแต่ราษฎรมารอรับเสด็จ

“ประชาชนในอาณาจักรของเรามีมากมายจริงๆ การจะดูแลพวกเขาให้อยู่ดี กินดี มีความสุขนั้นไม่ง่ายเลย ข้าพยายามจะทำ ในสิ่งที่ข้าทำได้ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะช่วยพวกเขาได้หมดทุกคน”ความในพระทัยที่ทรงเก็บงำเอาไว้เบื้องลึกถูกตรัสออกมาเบาๆ พระเนตรคมทอดมองเหล่าปวงประชาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“กระหม่อมเชื่อว่าประชาชนทุกคนรับรู้ถึงความรักของพระองค์ที่มีให้แก่พวกเขา และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อพวกเขาพะยะค่ะ”พระเนตรหวานช้อนมองพระพักตร์หล่อเหลาเล็กๆ ก่อนจะทรงหันกลับไปทอดพระเนตรผู้คนต่อ “ถ้ามิใช่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาคงจะไม่มารอรับพระองค์ รอชื่นชมพระบารมีของพระองค์หรอกพะยะค่ะ”

เหล่าประชาชนที่มารอชมพระบารมีต่างแย้มยิ้มกันอย่างเปี่ยมสุข เมื่อในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นกษัตริย์ของพวกเขาอย่างชัดเจน เพราะปกติพระวิสูตรจะถูกแง้มออกให้มองได้เพียงเล็กๆ

“โบกพระหัตถ์ให้กับพวกเข้าหน่อยสิพะยะค่ะ”เสียงหวานกระซิบเบาๆ

“หืม... ก็ได้”พระหัตถ์แกร่งยกขึ้นโบกให้กับเหลาผู้มารอรับเสด็จน้อยๆ แต่ก็เรียกความเปรมปรีดิ์ให้แก่พวกเขาได้อย่างท่วมท้น

ด้วยฝูงชนที่แออัดกัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย สร้างความกังวลในพระหฤทัยขององค์ราชาเล็กๆ พระเนตรคมทอดมองอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“สั่งหยุดขบวนรถก่อนได้ไหมพะยะค่ะ”องค์ชายคาเซียตรัสเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความร้อนรนเล็กๆ

องค์ราชาทรงส่งสัญญาณให้หยุดขบวน และเมื่อขบวนหยุดลง องค์ชายก็ทรงเสด็จลงจากรถม้าทันที โดยที่มีเจ้าแผ่นดินเสด็จตามหลังมาด้วย พระองค์ทรงเสด็จตรงไปยังคนกลุ่มหนึ่ง แล้วค่อยๆย่อกายลง

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช้ไหม”พระหัตถ์เรียวยื่นประคองร่างน้อยๆที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้น องค์ทริสเซย์ทรงย่อพระวรกายลงมาช่วยพระองค์ประคองเด็กน้อยแทนพระองค์

เด็กผู้หญิงหน้าตามอมแมมส่ายหน้าให้กับทั้งสองพระองค์แทนคำพูด

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ”พระหัตถ์หนาลูบผมของเด็กหญิงเบาๆ “ข้าไม่อยากให้มีใครบาดเจ็บหรอกนะ”

มือเล็กยื่นแหวนเงินเกลี้ยงๆที่ดูไม่มีราคาให้กับทั้งสองพระองค์ เด็กหญิงยิ้มให้อย่างสดใส
องค์ราชาและองค์ชายทรงรับธำมรงค์นั้นเอาไว้ ทั้งสองพระองค์ทรงทอดพระเนตรพระธำมรงค์ที่ดูธรรมดา แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความจริงใจที่อยากจะมอบให้

“ขอบใจนะ”องค์ชายคาเซียทรงถอดพระธำมรงค์ที่พระกนิษฐา(นิ้วก้อย)ออก แล้วใส่วงใหม่เข้าไปแทน “ข้าให้เจ้า”พระองค์ทรงวางธำมรงค์วงนั้นลงในมือเล็กๆเบาๆ

แหวนวงน้อยที่ประดับด้วยเพชรห้าเม็ดถูกเด็กน้องกำแน่น ดวงตาหวานๆช้อนมองผู้ที่ให้แหวนวงนี้กับเธอมองซาบซึ้ง

“ขอบคุณค่ะ”เสียงใสๆเอ่ยออกมาเรียกรอยยิ้มของทั้งสองพระองค์ได้เป็นอย่างดี “หนูจะเก็บแหวนวงดีไว้อย่างดีเลยค่ะ พระชายา”

“ข้าก็เช่นกัน จะเก็บแหวนที่เจ้าให้เอาไว้เป็นอย่างดีเลยนะ”

ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองพระองค์พากันเสด็จกลับขึ้นรถม้าพระที่นั่งด้วยพระหฤทัยที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมา

เหล่าพสกนิกรทุกหมู่เหล่าต่างเปรมปรีดิ์ในความรักที่องค์เหนือหัวมอบให้ และปลื้มปิติในความห่วงใยที่พระชายาขององค์เหนือหัวมีให้กับพวกเขา

ทุกคนคาดหวังในหัวใจว่า อีกไม่นาน ผลของความรักที่องค์กษัตริย์ของพวกเขาที่มีให้กับพระชายาจะสัมฤทธิ์ผลออกมาเป็นองค์รัชทายาทที่พวกเขารอคอย...

“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญ ของพระชายาทรงพระเจริญ”เสียงของทุกคนรวมเป็นหนึ่ง เรียกน้ำพระเนตรให้มาคลอที่ขอบพระเนตรของทั้งสองพระองค์

“ขอทั้งสองพระองค์ทรงมีรัชทายาทโดยไว”เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้น เรียกเสียงหัวเราะของชาวบ้านทุกคนและเรียกความเขินอายให้กับผู้เป็นพระชายาได้อย่างดี

องค์ชายโซเทเรียทรงงัวเงียตื่นขึ้นมา พระองค์ทรงมองพระสวามีและเจ้าชีวิตอย่างเบลอๆ

“ถึงแล้วเหรอ...”

“ยังเลย โซเทเรีย เจ้านอนไปก่อนก็ได้นะ ถ้ายังรู้สึกเพลียอยู่”องค์ชายทรงเสด็จมาหาพระชายาของตนอย่างห่วงๆ พระหัตถ์เรียวลูบไล้เกศานุ่มเบาๆ

“อืมมม”ว่าแล้วองค์ชายโซเทเรียก็บรรทมลงไปอีกครั้งนึง...

“ระยะนี้โซลดูแปลกๆไป”องค์คาเซียทรงตรัสด้วยความเป็นห่วง พระองค์ทรงเสด็จกลับไปประทับที่เดิม แล้วหันกลับมามองร่างที่นอนอยู่น้อยๆ

“เขาเป็นอะไรไปเช่นนั้นหรือ”องค์ราชาทรงตรัสถามขึ้น แม้พระองค์จะไม่พอใจที่พระชายาของพระองค์อภิเษกกับองค์ชายโซล แต่พระองค์ก็มิได้เกลียดองค์ชายโซเทเรียแต่อย่างใด

“เขานอนนานกว่าปกติ อาหารที่เคยทานก็ไม่ทาน ดูง่วงซึมแทบจะตลอดเวลา บางทีก็ลุกขึ้นมาอาเจียนกลางดึก เรี่ยวแรงที่เคยมีก็หดหาย...”

“พอถึงตำหนักแล้วให้หมอหลวงตรวจดูอาการของเขาดูหน่อยแล้วกัน คาเซีย”

“พะยะค่ะ”

เมื่อเสด็จมาถึงตำหนักนอกวัง องค์ชายคาเซียทรงอุ้มพระชายาของพระองค์เข้าไปในตำหนักที่ประทับทันทีพร้อมกับเหล่านางกำนัลประจำองค์ องค์ทริสเซย์ทรงหันมารับสั่งเรื่องต่างๆก่อนแล้วทรงเรียกหมอหลวงให้ตามพระองค์เข้าไป

ทุกๆคนแยกย้ายไปตามตำหนักต่างๆพร้อมกับหีบของตนที่เหล่าทหารช่วยยกเอาไปให้...

“หมอหลวง ตรวจดูอาการของพระชายาโซเทเรียหน่อยสิ”องค์ราชาทรงรับสั่งกับหมอหลวงทันทีเมื่อเข้ามาถึงห้องบรรทม

“พะยะค่ะ”

หมอหลวงเข้ามาตรวจดูอาการขององค์ชายโซลอย่างรวดเร็ว โดยมีองค์ชายคาเซียประทับนั่งอยู่ข้างๆพระชายาของตน

เวลาผ่านไปสักพัก รอยยิ้มยินดีก็ฉาบทับบนใบหน้าของหมอหลวงเรียกความสนใจของคนในที่นี้ได้อย่างดี ดวงตาของหมอหลวงเปล่งประกายน้อยๆก่อนจะกันมาหาองค์ชาย

“พระชายาคาเซีย กระหม่อมยินดีด้วยพะยะค่ะ พระชายาโซเทเรียทรงตั้งพระครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้วพะยะค่ะ”หมอหลวงทูลต่อองค์ชายด้วยน้ำเสียงยินดี

“จริงเหรอ”องค์ชายทรงตรัสถามอีกครั้งเพื่อความแน่พระทัย “จริงๆเหรอหมอหลวง โซลท้องเช่นนั้นเหรอ”

“พะยะค่ะ พระชายา พระองค์กำลังจะได้เป็นเสด็จพ่อแล้วนะพะยะค่ะ”หมอหลวงยืนยันหนักแน่น “เดี๋ยวกระหม่อมจะไปต้มยาบำรุงมาให้พระชายาโซเทเรียพะยะค่ะ”

“ขอบคุณหมอหลวงมาก”

หมอหลวงเสด็จออกไปจัดยาตามที่พูดเอาไว้ องค์ชายคาเซียทรงลูบไล้พระพักตร์ของพระชายาแห่งต่อ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับองค์ทริสเซย์ด้วยความปิติยินดี

“ไม่ต้องมายิ้มเลย ชายาของเจ้ามีทายาทให้แก่เจ้าแล้ว แล้วเมื่อไรชายาข้าถึงจะมีทายาทให้ข้าบ้างล่ะ หืม...”องค์ราชาทรงบีบนาสิกเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว

“คงอีกไม่นานหรอก... พะยะค่ะ”

“ขอให้จริงอย่างที่เจ้าพูดเถอะ”องค์ทริสเซย์ทรงหันไปหานางกำนัลทั้งสี่ก่อจะรับสั่ง “พวกเจ้าดูพระยาชาโซเทเรียเอาไว้ ถ้ามีอะไรเกินขึ้นให้ไปเรียกกับกับคาเซียที่ห้องถัดไปล่ะ”

เมื่อทรงตรัสจบ พระองค์ก็ทรงพาองค์ชายคาเซียไปยังห้องบรรทมของพระองค์ทันที...

“จะทรงทำอะไรหรือพะยะค่ะ ฝ่าบาท”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงุนงงเมื่อมาถึงห้องบรรทมแล้ว อีกทั้งองค์ราชายังลงกลอนเสียเรียบร้อย..

องค์ทริสเซย์มิทรงตอบอะไร แต่ทรงเข้ามาใกล้ร่างบาง พร้อมกับปลดเปลื้องอาภรณ์ที่องค์ชายและพระองค์สวมใส่อยู่ออกไป แทนคำตอบได้อย่างดี

องค์ชายคาเซียเอนกายลงบนพระแท่นอย่างว่าง่าย ร่างของพระองค์นั้นตอบรับสัมผัสขององค์ราชาเป็นอย่างดี สัมผัสอันอบอุ่นและน่าเคลิบเคลิ้ม...

แต่แล้วความสุขสมที่ได้รับมานั้นก็พลันหายไปเมื่อพระองค์ทรงรู้สึกถึงความเย็นของสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ที่เข้ามาสู่ร่างกาย สร้างความเจ็บปวดให้กับพระองค์ยิ่งนัก

“ฝ่าบาท... จะทรงทำอะไรน่ะพะยะค่ะ กระหม่อมเจ็บ...”น้ำพระเนตรคลอหน่วย ความรู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างจะแตกสลายกำลังครอบงำพระองค์...

“บทลงโทษที่คั่งค้างยังไงล่ะ คาเซีย...”

บทลงโทษที่ค้างเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่องค์ชายอภิเษกกำลังทำให้พระองค์รู้สึกขาดใจ แต่ก็ต้องทนรับเอาไว้...

“นี่เป็นแค่บทแรกที่เจ้าได้รับนะ คาเซีย”

บทลงโทษอันแสนเจ็บปวดดำเนินต่อไปหลายชั่วยาม จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาเสวย...

ทั้งสองพระองค์เสด็จไปหาองค์ชายโซเทเรียที่เพิ่งตื่นบรรทม องค์ชายคาเซียที่แม้จะเจ็บทุกครั้งเวลาที่ทรงก้าวเดิน แต่พระองค์ก็ยังทรงเข้าไปประคองชายาของตนอย่างอ่อนโยน

“ตื่นแล้วเหรอ... โซล”

“อืมมม”

“ทานสักหน่อยนะ”

องค์ชายทรงป้อนพระกระยาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ให้กับพระชายาอย่างใจเย็น และทรงเสวยอาหารขององค์เองไปด้วย จนหมด

องค์ทริสเซย์ทรงเสด็จไปร่วมเสวยกับเหล่านางสนมตามหน้าที่ของพระองค์ แม้จะมิค่อยเต็มพระทัยเท่าไหร่นักก็ตามที...

“โซล ดื่มยาหน่อยนะ...”ถ้วยโอสถอุ่นๆถูกยกมาให้กับองค์ชายโซเทเรีย พระองค์เบ้หน้าหนีกับกลิ่นโอสถชวนเวียนเศียรที่ลอยอบอวนขึ้นมา

“ทำไมต้องดื่มด้วยล่ะ โซลไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ดื่มเถอะโซล เพื่อลูกของเราไง”

“ละ. ลูก... ลูกเช่นนั้นหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน”

“โซลกำลังอุ้มท้องลูกของข้ากับโซลไงล่ะ เอาล่ะ ดื่มซะนะ”

องค์ชายโซเทเรียยอมดื่มโอสถอุ่นๆนั้นจนหมด แม้พระองค์จะยังทรงมึนงงกับสิ่งที่ได้รับฟังอยู่ไม่น้อยก็ตามที...

“หมายความว่า... โซลกำลังท้อง... ใช่ไหมคาเซีย”

“ใช่แล้วล่ะโซล... เพราะฉะนั้นโซลต้องพักให้มากๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ เพื่อลูกของเรานะ”

อัสสุชลไหลรินจากพระเนตรของพระชายาด้วยความเปรมปรีดิ์ พระหัตถ์เรียวลูปไล้พระอุทรขององค์เองเบาๆอย่างอ่อนโยน

“อื้ม โซลจะดูแลลูกของเราให้ดี ลูกของเราจะได้แข็งแรง”

องค์ชายคาเซียโอบกอดร่างที่นอนลงให้มาซบที่พระอุระของพระองค์ เสียงหวานร้องเพลงขับกล่อมให้ชายาและบุตรของพระองค์นอนหลับไปด้วยรอยยิ้ม...

+++++++++++++++++++++++++

... บทที่ 12 มาแบบมึนๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2012 10:45:15 โดย midnight »

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมองค์ชายทรงเซ็กซ์จัดเเละซาดิสสส อย่างนี้ละ เพเคอะ ๕๕๕

เย้ โซลลล ท้องเเล้ว

อย่างนี้ต้องฉลอง

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 13
ตำนานรักสองราชวงศ์ : วันหนึ่งขององค์ชาย

ทุกๆวันในช่วงระยะเวลานี้ องค์ชายคาเซียนั้นแทบจะมิได้มีเวลาว่างมากนักในแต่ละกัน แม้จะมาอยู่ตำหนักนอกวังเช่นนี้ก็ตาม

ช่วงเช้า... ทรงเข้าครัว ทำอาหารในบางวัน

ช่วงสาย... เสด็จไปเยี่ยมประชาชนอย่างเงียบๆ เพื่อสำรวจความเป็นอยู่กับองค์ราชา

ช่วงเที่ยง... ปะทะกับสนมบางนางเพราะนางอดทนไม่ได้ที่เห็นพระองค์อยู่กับฝ่าบาท

ช่วงบ่าย... นั่งเคลียร์ฎีกาที่ถูกส่งมาจากวังเพียงคนเดียว โดยที่ฝ่าบาททรงดูแลเหล่าสนมอยู่

ช่วงเย็น... พาองค์ชายคาเซียออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก และเสวยพระกระยาหารร่วมกับฝ่าบาทและเหล่าสนม

ช่วงค่ำ... ส่งพระชายาเข้านอนพักผ่อน เพื่อบุตรของพวกเขาในครรภ์

ช่วงมืด... ปรนนิบัติองค์ทริสเซย์ในบางคืนตามที่ฝ่าบาทจะมีพระประสงค์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเกือบทุกๆคืนเลยเสียด้วยซ้ำ

เกือบสามอาทิตย์ที่พระองค์ทรงออกมาอยู่ในตำหนักนอกวังนั้นวนเวียนไปเช่นนี้เรื่อยๆ วันนี้ก็เช่นกัน...

“โซล ทานข้าวได้แล้ว”พระองค์ตรัสเรียกร่างเล็กที่นอนพิงพระเขนยอยู่เสียงไม่ดังนัก เรลและเนลช่วยกันจัดเครื่องเสวยอยู่เบื้องหลัง

เฟรุยประคองร่างขององค์ชายโซเทเรียที่ยังไร้เรี่ยวแรงออกมา

ทั้งสองพระองค์เสวยพระกระยาหารร่วมกันด้วยรอยยิ้ม องค์ชายทรงเอาพระทัยใส่พระชายาเป็นอย่างมาก คอยป้อน คอยเช็ดโอษฐ์ให้ตลอดเวลา

หลังจากที่ทรงเสวยเสร็จ องค์ชายโซเทเรียนก็ทรงประทับเอนกายลงบนโซฟาตัวใหญ่ พระองค์ทรงทำกิจกรรมฆ่าเวลาอยู่กับนางกำนัลทั้งสาม...

องค์ชายคาเซียตามเสด็จองค์ราชาไปตรวจเยี่ยมราษฎรโดยทั้งสองพระองค์และทหารจำนวนหนึ่งปลอมตนเป็นนักเดินทางไปปะปนกับฝูงชน

“วันนี้เมืองดูเงียบสงบ ข้ารู้สึกยินดียิ่งนัก”องค์ทริสเซย์ทรงตรัสขึ้นเมื่อหยุดพักดื่มกาแฟที่ร้านแห่งหนึ่งในตลาด “ประชาชนที่นี่น่ารัก เป็นกันเอง ดีจริงๆ”

“ขอรับ ท่านชาย เป็นสถานที่ ที่ดีจริงๆ”องค์ชายตอบรับคำของพระองค์พร้อมกับจิบโกโก้เล็กๆ

“กรี๊ดดดดดดดดดดด อย่ามาแตะตัวข้านะ ปล่อยข้า”เสียงแหลมๆของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของคนแถบนั้นได้เป็นอย่างดี รวมถึงทั้งสองพระองค์ด้วย “ข้าไม่ใช่ของๆพวกเจ้านะ อย่ามายุ่งกับข้า”

“เจ้าเป็นเมียข้า อย่ามาหวงตัวไปหน่อยเลย เหอะ”เสียงเหี้ยมๆของอีกฝ่ายดังขึ้นดังไม่แพ้กัน

“ข้าไม่มีผัวหนังหน้าอย่างเจ้าหรอก ไปให้พ้นข้านะ”

ทั้งสองเถียงกันดังลั่นตลาด หลายๆคนแถวนั้นเริ่มไปมุงดูทั้งสองอย่างสนอกสนใจเรื่องของชาวบ้าน

องค์ทริสเซย์ทรงวางเงินทิ้งเอาไว้แล้วพระองค์พร้อมด้วยองค์ชายและทหารก็เข้าไปร่วมมุงสถานการณ์กับประชาชนคนอื่นๆด้วย

“เอ่อ... ท่านน้า เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยหรือครับ”เสียงใสๆเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ องค์คาเซียหันไปเอียงคอถามผู้หญิงวัยกลางคนอย่างงุนงง

“ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พวกเขาก็แบบนี้แหละ ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นหญิงหากินกลางคืน ไม่รู้หรอกว่ามีผัวกี่คนมาแล้ว ส่วนไอ้หน้าเหี้ยมนั่นเป็นอันตรพาลแถบนี้น่ะหนู”

“เหรอครับ”ยังไม่ทันที่พระองค์จะได้หันไปตรัสอะไรกับคนข้างๆ องค์ทริสเซย์ก็ทรงแหวกวงเข้าไปข้างในพร้อมกับทหารเสียแล้ว “ฝ่าบาท”

องค์ชายคาเซียทรงรีบแทรกกายตามองค์ราชาเข้าไปด้านในทันที

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าพวกเจ้ามีปัญหาอะไรกัน แต่การที่เจ้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง”เจ้าแผ่นดินทรงตรัสเสียงเข้ม พระเนตรฉายแววเย็นชา

“ไอ้หนุ่ม แกมีปัญหาอะไรกับข้าหรือไงวะ”ชายร่างใหญ่ผลักหญิงสาวออกไป ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาพระองค์ “เจ้าเป็นชู้อินังนี่ใช่ไหมล่ะ ชอบนักหรือไงไอ้ของเหลือเดนอย่างนังนี่น่ะ”

ชายผู้นี้ถ่มน้ำลายลงบนพื้นหน้าองค์เหนือหัว ซึ่งเป็นการหยามหน้าพระองค์อย่างที่สุด ทหารที่ตามเสด็จขยับกายหมายพุ่งไปสั่งสอนชายไร้มารยาทผู้นี้เสียหน่อย แต่ก็ยังช้ากว่าใครคนหนึ่ง...

องค์ทริสเซย์ทรงยกขาขึ้นเตะเสยหน้าชายตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวกราด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่องค์ชายคาเซียทรงถีบสีข้างของชายผู้นั้น

“เจ้า...”ชายฉกรรจ์ชี้พระพักตร์ของทั้งสองพระองค์อย่างโกรธา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะทำอะไร ทหารองครักษ์ก็ก้าวมาขวางหน้านายเหนือหัวของพวกเขาทันที

ยังไม่ทันที่มีรับสั่ง เหล่าทหารก็พากันรุมประชาทัณฑ์ชายผู้มาหยามเหยียดนายอันเป็นที่รักของตน ทั้งฝ่าบาททั้งองค์ชายยืนนิ่ง ทอดพระเนตรด้วยสายพระเนตรว่างเปล่า...

“พอเถอะ กลับกันได้แล้ว”องค์ราชันย์ตรัสเสียงเรียบเฉียบ พระองค์ทรงจับพระหัตถ์เรียวของพระชายาก็จะเสด็จกลับตำหนักทันทีด้วยพระหฤทัยที่คุกกรุ่นไปด้วยความพิโรธ
เมื่อเสด็จกลับถึงตำหนัก เหล่านางสนมที่รออยู่ต่างลุกขึ้นอย่างยินดี แต่แล้วพวกนางก็ต้องรีบนั่งลงอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงรังสีความกริ้วที่แผ่ออกมา

นางสนมหลายคนส่งสายตาอาฆาตให้แก่องค์ชายที่เสด็จเข้ามาที่หลัง พวกนางมารุมล้อมร่างเล็กเอาไว้ ก่อนนี้นางหนึ่งจะกล่าวออกมา

“เจ้าทำฝ่าบาทกริ้วเช่นนี้ มันน่านักนะ”

“ใช่ ถือว่าเป็นคนโปรดแล้วเจ้าจะทำอะไรได้หรืออย่างกัน”

“อย่างเจ้าน่ะ ไม่คู่ควรกับฝ่าบาทสักนิด ยังมีหน้าปรนนิบัติพระองค์อีก”

เหล่าสนมต่างรุมด่าว่าองค์ชายคาเซียอย่างหนัก แต่องค์ชายก็ยังทรงมีสีหน้าเรียบเฉย มิยี่ระต่อคำกล่าวหาเหล่านั้น

“ถ้าพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้ามีปัญญาล้ำเลิศ งดงาม และสูงศักดิ์ แล้ว...

เหตุใดฝ่าบาทถึงมิโปรดพวกเจ้า

เหตุใดเจ้าถึงยกพวกมารุมล้อมข้า

เหตุใดถึงมิกล้าพูดเช่นนี้กับข้าต่อหน้าฝ่าบาท

เหตุใดถึงทำกริยาเยี่ยงสามัญชน

เหตุใดถึงต้องแต่งองค์ด้วยเครื่องประทินโฉมหลากหลาย

เพราะเหตุใดกัน ถ้าพวกเจ้ายังหาคำตอบสำหรับเรื่องเหล่านี้มิได้ พวกเจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามความเป็นนางบำเรอข้ามคืนของฝ่าบาทไปได้หรอก”

เมื่อองค์ชายทรงตรัสจบ พระองค์ก็ทรงเสด็จเข้าไปในห้องบรรทมทันที โดยทิ้งเหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ให้ยืนกรีดร้องอยู่ข้างหลังอย่างมิหันมาเหลียวแลแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวนี้ดูเจ้ากล้าพูดมากขึ้นนะ คาเซีย”องค์ทริสเซย์ที่ทรงกลับเข้ามาประทับในห้องบรรทมก่อนแล้วทรงตรัสขึ้น “มานั่งนี่สิ”

“ไม่หรอกพะยะค่ะ...”องค์ชายทรงเดินมาประทับเคียงข้างพระองค์อย่างว่าง่าย “ไม่พูด ก็มิได้หมายความว่าไม่กล้าพูด จริงไหมพะยะค่ะ”

“ก็จริงของเจ้านะ”

องค์ชายทรงยิ้มให้บางเอาก่อนที่จะทรงหยิบฎีกาชุดใหม่มานั่งพิจารณา...

ตกเย็น หลังจากที่พระองค์ทรงจัดการกับฎีกาสารพัดเรื่องร้องเรียนและเขียนข้อแก้ไขเท่าที่จะทำได้เสร็จ พระองค์ก็ทรงเสด็จไปหาพระชายาของพระองค์ทันที

“โซล...”เสียงหวานดังขึ้นก่อนที่ตัวจะปรากฏ “ไปเดินเล่นกันเถอะ”

“อื้ม”องค์ชายโซเทเรียรับคำเสียงใส ก่อนที่จะทรงลุกขึ้นจากที่ประทับช้าๆ โดยมีองค์ชายคาเซียช่วยประคองอยู่ไม่ห่าง

ทั้งสองพระองค์เสด็จเคียงคู่กันในสวน ช่างเป็นภาพที่งดงามสำหรับผู้พบเห็นยิ่งนัก

องค์หนึ่ง... งดงาม บอบบางแต่แฝงไปด้วยความเข้มแข็ง

องค์หนึ่ง... น่าทะนุถนอม ปกป้องเอาไว้ให้อ้อมแขนมิให้ห่าง

เมื่อมาเคียงคู่กันนั้น... ราวกับเทพธิดามาจุติยังพื้นโลกเพื่อประทานพรแห่งความงามให้ก่อนผู้พานพบ...

“เมื่อบทเพลงแห่งรักร้องขับขาน    ดังพระพรประทานจากฟ้าสู่ดิน

ปักษาน้อยบินลอยล่องร่อนผกผิน      แสงชีวินเจิดจรัสทั่วโลกา...”

บทเพลงแห่งรักถูกขับขานออกมาด้วยเสียงหวานขององค์ชายแห่งเซเรียล หมู่วิหคต่างหยุดพักจากการบินบนฟ้าร่วมส่งเสียงคลอไปกับบทเพลงนี้ มวลภมรร้องขับขานดังก้องเป็นเสียงเดียว

เมื่อแสงแห่งสุริยาเริ่มดับลง ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จไปยังตำหนักกลาง เพื่อร่วมเสวยอาหารกับองค์ราชาและพระสนมทั้งหลาย

องค์ชายคาเซียทรงเฝ้าดูแลพระชายาด้วยความห่วงใย ขณะเดียวกันก็ทรงหันไปปรนนิบัติพระสวามีด้วยความห่วงหา

เหล่าสนมต่างมองภาพตรงหน้าอย่าไม่พอใจ แต่ด้วยความที่องค์เหนือหัวประทับอยู่ ณ ที่นั้นด้วย พวกนางก็มิสามารถทำอันใดได้

“ฝ่าบาทเพคะ... ทรงชิมเนื้อปลานี่หน่อยนะเพคะ หม่อมฉันว่ารสดีทีเดียว”สนมเมริน่าทรงตักเนื้อมัจฉาให้กับองค์ทริสเซย์ พร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนให้พระองค์

“ขอบใจเจ้ามาก เมริน่า”พระองค์รับเนื้อมัจฉานั้นมาเสวยอย่างฝืนๆ เพราะเนื้อมัจฉาชนิดนี้ เป็นมัจฉาที่พระองค์มิโปรดปรานนัก

“น้ำพะยะค่ะ ฝ่าบาท”องค์ชายคาเซียทรงรู้พระทัยของพระองค์ยิ่งนัก พระองค์ทรงรับน้ำมาดื่มตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่นานอาหารมื้อนี้ก็จบลง ต่างคนต่างแตกย้ายกลับไปยังที่ของตนอย่างรู้หน้าที่

องค์ชายคาเซียทรงส่งองค์ชายโซเทเรียเข้าบรรทมอย่างอ่อนโยน พระองค์ประทับอยู่กับพระชายาจนกระทั่งพระชายาหลับไปแล้วจึงเสด็จกลับไปยังห้องบรรทมขององค์เอง

“คาเซีย...”พระหัตถ์แกร่งโอบรัดวรกายบางทันทีเมื่อเสด็จมาถึงพระแท่น “วันนี้ช่างเป็นวันที่แย่เหลือเกิน”

“ทุกอย่างมีดีก็มีร้ายพะยะค่ะ ฝ่าบาท อยู่ที่พระองค์จะทรงโปรดหรือไม่โปรดเพียงเท่านั้น”

“นั่นสินะ... ข้าโปรดร่างกายของเจ้ามากที่สุดแล้วล่ะ คาเซียของข้า”

“วันนี้พระองค์ทรงพบเรื่องที่มิน่าพอพระทัยมามาก... ทรงต้องการเล่นของเหล่านั้นไหมพะยะค่ะ”พระพักตร์เรียวหันไปมองของที่มีไว้ทำโทษพระองค์ตลอดอาทิตย์แรกที่เสด็จมาถึงที่ผ่านมา

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกคลี่ออก พระหัตถ์หนาเอื้อมไปหยิบของเล่นชิ้นโปรดที่องค์ชายไม่ชอบแม้เพียงนิดออกมาส่งให้ร่างเล็ก

อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่นั้นถูกปลดออก องค์ชายทรงเอนกายคว่ำลงบนพระแท่น พระโสณียกลอยเด่น ก่อนที่พระองค์จะกลั้นพระทัย ดันลูกเหล็กกลวงขนาดประมาณลูกปิงปองเข้าสู่ร่างกาย ทุกๆลูกที่ล่วงล้ำเข้าไปนั้นสร้างความอึดอัดและความเจ็บปวดให้พระองค์เป็นอย่างยิ่ง

“เก่งมาก... ชายาข้า”องค์ทริสเซย์ทรงลูบไล้กายเนียนเบาๆ ก่อนจะทรงจับห่วงโลหะเล็กๆที่โผลพ้นกลีบเนื้อสีชมพูเข้มออกมา

“อ๊า....”เสียงหวานร้องลั่นเมื่อพระองค์ทรงดึงลูกโลหะออกมา พระโสณีขาวเนียนกระตุกขึ้นทุกครั้งยามที่ลูกโลหะถูกดึงออกมาจากรูเล็ก

ท่วงทำนองแห่งความรักถูกขับขานขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าภายในห้องบรรทมแห่งนี้...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความจริงของพระราชาและองค์ชาย... ฮืม... SM ล่ะมั้ง= ="

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ตามเข้ามาจิ้ม รอให้อัพทันในเด็กดีจ้า 55

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



    อะเหอๆๆ องค์ราชาแอบซาดิสอ่า T T
    เกิดเป็นคาเซียนี่ต้องอดทนจริงๆ
    สู้ๆนะคาเซีย




tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ฮืมมม นับวันยิ่งรับไม่ได้

จะมีหยดน้ำตาเทียนไหมเนี๊ย

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ฮืมมม นับวันยิ่งรับไม่ได้

จะมีหยดน้ำตาเทียนไหมเนี๊ย

เอ่อ... ไม่มีหรอกค่ะ... :o8: มาสุดแค่นี้พอ...

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 14
ตำนานรักสองราชวงศ์ : ฝ่าบาททรงประชวร

หลังจากที่เสด็จมาประทับยังตำหนักนอกวังได้หนึ่งเดือน องค์ทริสเซย์ก็ทรงตัดสินพระทัยกลับราชวัง

ในตอนที่เสด็จกลับราชวังนั้น พายุโหมกระหน่ำเข้ามา สายฝนสาดเทลงมาอย่างไม่ปราณี องค์ชายคาเซียทรงเอากายขององค์เองป้องกันมิให้สายฝนเหล่านั้นสาดถูกพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ

องค์ทริสเซย์ทรงประทับนิ่ง มิขยับเขยื้อนไปไหน แม้สายฝนนั้นจะสาดมาโดนพระองค์มากเพียงไรก็ตามที

เมื่อกลับถึงราชวัง แทนที่จะได้พักผ่อน กลับมีการประชุมขุนนางขึ้น ซึ่งองค์ราชาจำต้องเข้าร่วมประชุมอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ในคืนนี้องค์ชายคาเซียทรงบรรทมเคียงข้างพระชายาของตนตลอดทั้งคืน ทุกๆชั่วยามพระองค์จะทรงลุกขึ้นมาตรวจดูว่าองค์ชายโซเทเรียจะมีไข้หรือไม่ ด้วยเกรงว่าจะทรงประชวร...

ในขณะเดียวกันองค์เหนือหัวแห่งเฟรนเซียนั้นก็ทรงจัดการราชกิจที่เร่งด่วนทั้งคืนอย่างมิได้พักผ่อนแม้เพียงน้อย เพื่อประชาชนของพระองค์

เพียงแค่ราตรีเดียวที่องค์ชายมิได้อยู่ข้างกายขององค์ราชันย์... จะมีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่มิอาจคาดฝันเช่นนี้ขึ้น

รุ่งเช้า นางกำนัลเมร่าและนางกำนัลเฮลน่า เดินเข้าไปปลุกองค์เหนือหัวของพวกนางตามปกติ ที่ห้องทรงอักษร แต่แล้ว เมื่อพวกนางแตะถูกพระวรกายก็รีบเอามือออกทันที

“เฮลน่า ไปตามหมอหลวงมา เร็วเข้า”

เฮลน่ารีบวิ่งไปตามหมอหลวงตามคำของเมร่าทันที

ขณะเดียวกันนั้น องค์ชายคาเซียทรงเสด็จมาถึงตำหนักพอดี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นนางกำนัลที่คุ้นเคยวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบก็เริ่มพระทัยเสีย พระองค์รีบเสด็จเข้าตำหนักอย่างรวดเร็ว

“ฝ่าบาท”เสียงหวานอุทานขึ้น องค์ชายคาเซียทรงรีบก้าวเข้าไปหาองค์ราชาทันที “เมร่า ช่วยข้าพยุงฝ่าบาทไปห้องบรรทมหน่อย”

“เพคะ พระชายา”

องค์ชายและนางกำนัลสาวช่วยกันพยุงจอมกษัตริย์ไปยังห้องบรรทมอย่างทุลักทุเล แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี โดยที่ไม่ล้มลงแต่อย่างใด

“เอาผ้ากับน้ำเย็นมากให้ข้า”เมร่ารีบไปหยิบยกเอาของที่องค์ชายทรงรับสั่งมาอย่างรวดเร็ว
องค์ชายคาเซียทรงนำผ้าชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดมาซับพระพักตร์ขององค์ทริสเซย์เบาๆ

“อื้อออ”เสียงครางแหบแห้งดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่พระเนตรคมจะค่อยๆลืมขึ้นมา

“ฝ่าบาท...”องค์ชายทรงตรัสเรียกเบาๆ “เป็นอย่างไรบ้าพะยะค่ะ”

“มึนหัว... น้ำ ข้าอยากดื่มน้ำ”สุรเสียงที่ตรัสนั้นช่างแหบพร่า

“ค่อยๆดื่มนะพะยะค่ะ”องค์ชายคาเซียทรงรับน้ำจากเมร่ามาป้อนให้พระองค์ดื่มอย่างช้าๆ

“คาเซีย...”พระองค์ทรงตรัสเรียกพระชายาเบาๆ “ข้านอนตักเจ้าได้ไหม”

รอยยิ้มหวานคลี่ส่งให้พระองค์น้อยๆ องค์ชายทรงประคองพระองค์ให้ลุกขึ้น แล้วย้ายวรกายของตนมานั่งบนพระแท่นอย่างนุ่มนวล ก่อนจะค่อยๆให้พระองค์เอยกายลง

กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ร่างอุ่นๆของพระชายานั้นทำให้พระองค์รู้สึกสบายกายขึ้นเล็กๆ

“หมอหลวงมาแล้วเพคะ”เฮลน่าวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับหมอหลวงที่วิ่งตามมาข้างหลง

หมอหลวงรีบตรวจพระอาการของฝ่าบาททันทีที่มาถึง สีหน้าของหมอหลวงดูเคร่งเครียดระหว่างทำการตรวจ สร้างความกังวลให้กับผู้เฝ้ามองยิ่งนัก

“ฝ่าบาททรงประชวรเป็นไข้ธรรมดาพะยะค่ะ ไม่ร้ายแรงนัก แต่ก็สมควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอสักเดือน”หมอหลวงพูดขึ้นขณะทีเขียนใบสั่งยา ทำให้ทุกคนในที่นั้นเบาใจไปได้ไม่น้อย “ทั้งนี้เพราะเมื่อวานพระองค์มิยอมพักผ่อนทั้งๆที่ทรงตากฝนมา ทรงหักโหมเช่นนี้ ถ้าเกิดเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ประชาราษฎร์จะอยู่อย่างไรล่ะพะยะค่ะ”

หมอหลวงตำหนิองค์ราชายกใหญ่ ซึ่งพระองค์ก็ทรงรับฟังและยอมรับโดยดี มิโต้เถียงใดๆทั้งสิ้น...

“ให้ฝ่าบาทพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม ท่านหมอหลวง”องค์ชายคาเซียทรงตรัสขึ้นก่อนที่ท่านหมอจะพูดบ่นอะไรต่อ “ฝ่าบาทสมควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอมิใช่หรือ”

“พะยะค่ะ พระชายา”หมอหลวงจำต้องรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ถ้าเช่นนั้น เดี๋ยวกระหม่อมไปต้มโอสถมาถวายฝ่าบาทก่อนนะพะยะค่ะ”

“รบกวนท่านแล้ว”

หมอหลวงเดินออกจากห้องไปพร้อมกับผู้รับใช้ประจำตนทันที

“เช่นนั้น เดี๋ยวหม่อมฉันกับเฮลน่าจะไปจัดเตรียมเครื่องเสวยมาให้ฝ่าบาทนะเพคะ”เมร่าเอ่ยหลังหมอหลวงเดินจากไป ก่อนที่นางกับเพื่อนของนางจะไปเตรียมเครื่องเสวยให้กับองค์เหนือหัว...

“เจ้าอย่าเพิ่งไปไหนนะ คาเซีย”องค์ทริสเซย์ตรัสเบาๆอย่างไร้เรี่ยวแรง

“พะยะค่ะ กระหม่อมจะอยู่กับฝ่าบาทที่นี่ จะยังไม่ไปไหน ดีไหมพะยะค่ะ”

“อืม...”

องค์ชายคาเชียทรงจับพระหัตถ์หนาเอาไว้หลวมๆ เชิงบอกให้พระองค์รู้ว่าองค์ชายจะไม่ไปไหน จะยังอยู่ตรงนี้

“แล้วใครจะจัดการราชกิจบ้านเมืองในช่วงที่ข้าไม่สบายเช่นนี้ล่ะ”พระองค์ทรงตรัสขึ้นมาลอยๆอย่างทรงเป็นกังวลพระทัย

“เดี๋ยวเหล่าขุนนางก็คงจะหารือกันเองล่ะพะยะค่ะ”

“ข้าหวังว่าพวกเขาจะไม่ทะเลาะกันตายในสภาหรอกนะ”

“คงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก...มั้ง”

แล้วทั้งสองพระองค์ก็เงียบลงไป จมอยู่ในความคิดขององค์เอง

เมร่ายกเครื่องเสวยอ่อนๆมาให้กับองค์ราชา ส่วนเฮลน่ามาช่วยองค์ชายพยุงฝ่าบาทให้ประทับพิงพระเขนย องค์ชายทรงย้ายองค์มาประทับข้างพระแท่นอย่างรู้หน้าที่ ก่อนจะทรงรับชามข้าวต้มจากเมร่ามา...

“เสวยหน่อยนะพะยะค่ะ”ข้ามต้มอุ่นๆถูกป้อนให้กับองค์ทริสเซย์คำแล้ว คำเล่า จนกระทั้งพระองค์ส่ายพระพักตร์เชิงบอกพระชายาว่าไม่เอาแล้ว องค์ชายจึงส่งชามคืนให้กับนางกำนัลที่คุกเข่ารออยู่ไม่ห่าง

หมอหลวงยกถ้วยโอสถมาให้หลังจากที่นางกำนัลทั้งสองออกไป กลิ่นสมุนไพรที่โชยมานั้นเรียกทีพระพักตร์แปลกๆจากผู้สูงศักดิ์ทั้งสองได้เป็นอย่างดี

หมอหลวงยื่นถ้วยโอสถนั้นให้กับพระชายาคาเซียรับไปป้อนให้กับเจ้าชีวิตที่ทรงประชวร

“ขมหน่อยนะพะยะค่ะ”คำเตือนมาหลังจากที่ทรงเสวยเข้าไปแล้ว องค์กษัตริย์แห่งเฟรนเซียจำต้องฝืนพระทัยเสวยโอสถนั้นจนหมด... “ยังไงก็รบกวนพระชายาเช็ดพระวรกายของฝ่าบาทด้วยนะพะยะค่ะ”

“วางใจข้าได้ ท่านหมอหลวง”

“เช่นนั้น กระหม่อมขอทูลลา ยาที่ต้องเสวยเดี๋ยวจะหม่อมจะให้คนนำมาให้พะยะค่ะ”

“ขอบใจท่านมาก”

สองนางกำนัลช่วยกันยกกะละมังน้ำอุ่นเข้ามาในห้องบรรทม ก่อนที่จะไปนำฉลองพระองค์ของนายเหนือหัวมาให้กับองค์ชาย

“พวกเจ้าออกไปก่อน...”เสียงรับสั่งแหบแห้งขององค์ราชาตรัสกำนางกำนัลทั้งสอง

“เพคะ”พวกนางพากันออกนอกห้องบรรทมกันไปอย่างรวดเร็ว

องค์ชายคาเซียทรงเช็ดพระวรกายขององค์ทริสเซย์อย่างนุ่มนวล แผ่วเบา พระองค์ทรงทราบดีกว่าเมื่อเป็นไข้ ร่างกายจะไม่เป็นดั่งปกติ จะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ถ้ามีอะไรมาโดนพระมังสาแรงๆอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บได้

“ลำบากเจ้าแล้ว คาเซีย...”ฝ่าบาททรงตรัสแผ่วๆ เมื่อองค์ชายทรงนำผ้าไปชุบน้ำอีกครั้ง เพื่อเช็ดพระวรกายของพระองค์

“มิเป็นไรหรอกพะยะค่ะ กระหม่อมมิได้ลำบากอันใด”รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งให้กับพระองค์ พระเนตรขององค์ชายที่สบกับพระองค์นั้นเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยแฝงด้วยความรักที่องค์ชายมีให้กับพระองค์ “เป็นเกียรติของกระหม่อมด้วยซ้ำที่ได้ทำหน้าที่นี้”

“ทำไมถึงเป็นเกียรติล่ะ หืม...”

“เพราะกระหม่อมได้ปรนนิบัติฝ่าบาทอย่างที่มิเคยมีใครได้ทำ ได้ตอบแทนความรักความเมตตาที่ฝ่าบาทมีให้กับกระหม่อม ได้ช่วยฝ่าบาทในหลายๆเรื่อง ได้แบ่งเบาภาระของพระองค์ ได้อยู่ข้างกายพระองค์ ได้รับหลายๆสิ่งหลายๆอย่า กระหม่อมรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งพะยะค่ะ”คำตอบขององค์ชายคาเซียนั้น ทำให้พระองค์รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่อีกฝ่ายมี ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของพระชายาแห่งพระองค์มากขึ้น...

“ขอบใจเจ้ามาก คาเซีย...”

เพียงไม่นานองค์ชายก็ทรงเช็ดพระวรกายขององค์เหนือหัวจนเสร็จ พระองค์ทรงเรียกนางกำนัลให้มายกกะละมังนี้ออกจากห้องบรรทมไป

“พักผ่อนเถอะพะยะค่ะ ฝ่าบาท ทรงมิต้องกังวลเรื่องใดๆ กระหม่อมสัญญา กระหม่อมจะช่วยฝ่าบาทอย่างเต็มกำลัง”

“ไม่เป็นไรหรอก... ขอแค่เจ้ามีทายาทให้ข้า ข้าก็รู้สึกยินดีมากแล้ว...”องค์ทริสเซย์ทรงตรัส ก่อนที่จะบรรทมไป

“อีกไม่นานเกินรอหรอกพะยะค่ะ... พระสวามีที่รักของข้า”

++++++++++++++++++++++++++++++++++

หวานไหม... :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
 :a5:เอางี้เลยเรอะ ได้ทั้งรุกและรับ โอ้วชริท!!!!

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
ช็อคพระเอก ชักอยากให้นายเอกเราเป็นพระเอกแทน  :กอด1:

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6
sm เกินไปและจริงๆ - , . -

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
อัยย๊ะ พระราชาซาดิสหราเนี้ย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อิอิ รอคาเซีย มีลูก ฝ่าบาทน่าสงสารอ่า

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
โถ่่ จะสงสารใครดีเนี๊ย

อีกคนก็วิ่งวุ่น สะหัวหมุน

อีกคนก็จับไข้ไม่สบาย

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่ 15
ตำนานรักสองราชวงศ์ : เสด็จว่าราชการแทนพระองค์

เหล่าขุนนาง ข้าราชการทั้งหลายต่างพากันมารวมตัวที่ห้องพระโรงแดนดิเลี่ยนอย่างพร้อมเพรียง หลังจากที่พวกเขาได้รับแจ้งข่าวว่าองค์กษัตราผู้ครองแผ่นดินนั้นทรงประชวร

“ฝ่าบาททรงประชวรเช่นนี้ พวกเราควรจะทำเยี่ยงไรกันระหว่างที่ไร้ผู้ตัดสินใจสูงสุดเช่นนี้”มหาเสนาบดีฝ่ายขวาเปิดประเด็นขึ้นทันที เมื่อทุกๆคนมาพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่าให้สะเทือนถึงความมั่นคงแห่งราชวงศ์ และแผ่นดินเฟรนเซียของเราเป็นอันขาด”ท่านราชครูเอ่ยเสริม
ขึ้นมาทันที เพื่อกันมิใครผู้ที่โลภมากในสมบัติใช้เวลานี้ฉวยโอกาสหากินกับประชาชนทั้งหลาย

“ตอนนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาอีกมาก ทั้งเรื่องน้ำท่วมบ้านเรือน โจรป่าบุกรุก น้ำไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร และอีกสารพัดให้ฝ่าบาทต้องตัดสินพระทัย”เจ้ากรมกลาโหมกล่าวขึ้นอย่างเหนื่อยใจ “ข้ารับเรื่องของทุกกรมมาจนปวดหัวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”

“ใช่ เงินในท้องพระคลังเริ่มลดน้อยลงเพราะต้องนำไปช่วยเหล่าผสกนิกรที่ประสบภัยธรรมชาติ บำรุงกองทัพที่เพิ่งผ่านศึกใหญ่มาไม่นาน ทำนุบำรุงบ้านเมืองที่เสียหายจากสงครามคราวก่อน ภาษีที่เรียกเก็บก็ยังได้มาไม่ครบ และมิอาจจะเก็บได้ด้วยความที่ชาวบ้านยังเดือดร้อนอยู่เช่นนี้”เสนาบดีการคลังเอ่ยสำทับ

“พวกเรามาถกเถียงปัญหาต่างๆกันในเวลานี้ อย่างไรก็มิอาจได้ผลสรุป ในเมื่อไม่มีผู้ตัดสินใจสูงสุดเช่นนี้น่ะ”มหาเสนาบดีฝ่ายขวาพูดขึ้นบ้าง

“แล้วพวกเราจะต้องทำอย่างไรล่ะ ท่านเสนาขวา ในเมื่อฝ่าบาททรงประชวรเช่นนี้ หรือเราควรจะรวบรวมเรื่องทั้งหมด เขียนเป็นฎีกา แล้วนำไปถวายแด่พระองค์”เจ้ากรมโยธาเสนอความคิดขึ้น

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านหมอหลวงซาเซนคงเอาเรื่องพวกเราตายแน่ๆ”เจ้ากรมพาณิชย์ขัดขึ้น พร้อมกับทำสีหน้าสยดสยอง

“ถึงท่านหมอหลวงจะไม่ว่าอะไร แต่ถ้าฝ่าบาททรงเป็นหนักกว่านี้ เกรงว่าแผ่นดินคงลุกเป็นไฟเป็นแน่แท้”เจ้ากรมการปกครองส่ายศีรษะน้อยๆ

“เมื่อเป็นเช่นนั้นเราควรจะหาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขึ้นมา จริงไหม”เจ้ากรมการยุติธรรมเสนอขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบฟังมานาน

“แล้วจะให้ใครมาเป็นผู้สำเร็จราชการล่ะ”เจ้ากรมพาณิชย์ถามขึ้นทันที “พระเชษฐากับพระอนุชาของฝ่าบาทก็พากันเสด็จออกไปท่องเที่ยวนอกวังกันแล้ว มิมีพระองค์ใดยังพำนักอยู่ในวังแม้เพียงองค์เดียว”

“แล้วในขณะนี้ ผู้ใดมีอำนาจรองลงมาจากฝ่าบาทล่ะ”เจ้ากรมกลาโหมเปรยขึ้น

เหล่าข้าราชการทั้งหลายต่างนึกถึงผู้ที่มีอำนาจรองจากฝ่าบาท...

บางคนหันมามองมหาเสนาบดีทั้งสอง แต่ทั้งคู่ก็พากันส่ายหน้าเชิงว่าไม่ใช่พวกตน

“เหล่าพระสนมงั้นหรือ”เจ้ากรมโยธาชักสีหน้าอย่างไม่ปิดบังเมื่อนึกถึงเหล่าสนมของฝ่าบาท “ข้าไม่เห็นด้วยอย่างแรง...”

“มีพระองค์หนึ่งมิใช่หรือ... ที่มีอำนาจเหนือกว่าพระสนมทั้งหลายน่ะ”มหาเสนาบดีฝ่ายขวาพูดขึ้น ขณะสบตากับมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย

“องค์ชายโซเทเรียเช่นนั้นหรือ”เสนาบดีการคลับเอ่ยขึ้นบ้าง พร้อมกับทำสีหน้ายุ่งๆ

“ไม่ได้หรอก พระองค์ทรงตั้งครรภ์อยู่ ไม่มีทางที่พระองค์จะเข้ามายุ่งกับด้านการเมืองเด็ดขาด อีกทั้งพระองค์ยังทรงเด็กนัก แล้วก็ทรงพระทัยอ่อนด้วย”เจ้ากรมกลาโหมคัดค้านขึ้นทันที

“ไม่ใช่หรอก... อีกพระองค์สิ”มหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายส่ายหน้าน้อยๆกับความคิดของแต่ละคนในที่นี้

“พระชายาคาเซีย... เช่นนั้นหรือ”ท่านราชครูเอ่ยถามขึ้น “ฝ่าบาทจะยอมให้พระชายาลงมาจัดการเรื่องการเมืองเช่นนั้นหรือ”

“ไม่แน่หรอกท่านราชครู มิมีใครเหมาะสมกว่านี้แล้วด้วย”มหาเสนาบดีฝ่ายขวาเอ่ยขึ้น...

ไม่มีใครในที่นี้หาคำมาคัดค้านได้ เพราะในเวลานี้ มีเพียงพระชายาคาเซีย ที่น่าจะเป็นเสาหลักให้แก่บ้านเมืองได้เพียงคนเดียวอย่างที่มหาเสนาบดีทั้งสองเห็นพ้องกันเท่านั้นจริงๆ

“เช่นนั้นข้าจะไปทูลเชิญพระองค์มาช่วยราชกิจล่ะนะ”มหาเสนาบดีฝายซ้ายลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีเมื่อได้ข้อสรุป

“ข้าไปด้วย”

แล้วมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองก็พากันเดินมุ่งหน้าไปยังตำหนักที่ประทับขององค์ชายคาเซีย... ตำหนักโพรเทีย

“พวกข้าต้องการเข้าเฝ้าพระชายา ไม่ทราบว่าพระชายาอยู่ที่นี่หรือไม่”มหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดกับสององครักษ์ที่นั่งเล่นหมากรุกกันอยู่

“โปรดรอสักครู่”เรฟพยักพเยิดให้เซทไปกราบทูลองค์ชาย “เชิญท่านทั้งสองนั่งรอสักครู่”

มหาเสนานั่งลงรอตามคำขององครักษ์อย่างเงียบๆ พวกจ้องแอบมององครักษ์ของพระชายาคาเซียที่นั่งฮัมเพลงมองกระดานหมากรุกอยู่อย่างสนอกสนใจ

ฮืมมมม แม้จะดูยิ้มแย้มเป็นมิตร... แต่ก็แฝงไปด้วยอันตราย ประมาทไม่ได้ๆ

“ท่านมหาเสนาบดีมาขอเข้าเฝ้าองค์ชายพะยะค่ะ”เซทเดินเข้ามากราบทูลองค์ชายที่ประทับอยู่กับองค์ราชาอย่างรวดเร็ว
องค์ชายคาเซียหันพระพักตร์ไปสบพระเนตรกับองค์ทริสเซย์ ก่อนจะทรงหันกลับไปเมื่อได้รับสัญญาณจากพระองค์

“เชิญพวกเขาเข้ามาในห้องบรรทม”ข้อความสั้นๆ ได้ใจความ

เซทวิ่งกลับไปยังห้องโถงกลางทันทีเมื่อได้รับคำตอบ

“พระชายารับสั่งให้พวกท่านไปเข้าเฝ้าที่ห้องบรรทมของฝ่าบาท”เซทนำความจากองค์ชายมาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมเพื่อเดินหมากกับคนรักต่อ “เรลจะพาพวกท่านเข้าไปเอง”

คนนี่ก็นิ่งเฉย รู้เย็นชา แต่ก็เป็นคนที่ช่างสังเกต... ก็ยังประมาทไม่ได้สินะ

“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”เรลผายมืออกอย่างสุภาพ รอยยิ้มสดใสถูกฉายขึ้นบนใบหน้าเรียวสวย “พวกท่านเป็นขุนนางใหญ่หรือเจ้าคะ”

“พวกข้าเป็นมหาเสนาบดีคู่บัลลังก์ของฝ่าบาท”

“ช่วงนี้ฝ่าบาททรงประชวร คงลำบากพวกท่านแย่เลยสินะเจ้าคะ”

“เพื่อแผ่นดินแห่งเฟรนเซีย พวกข้าเต็มใจที่จะทำ และภาคภูมิใจในการที่ได้ทำเพื่อบ้านเมือง ได้ช่วยฝ่าบาทปกครองเมืองอันเป็นที่รักแห่งนี้”

“ระยะนี้คงมีปัญหามากมายให้ขบคิด พวกท่านไม่ล้ากันบ้างหรือเจ้าคะ”

“ล้าบ้าง แต่ต้องทำ ไม่เช่นนั้นเฟรนเซียคงไม่อาจจะอยู่ต่อได้”

“พวกท่านคงเหนื่อย ที่นอกจากจะต้องช่วยราชกิจของฝ่าบาทแล้ว ยังต้องระแวงคนในว่าจะมาแย่งชิงอำนาจด้วยสินะเจ้าคะ”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นเพียงชั่ววินาที “ถึงแล้วเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้ามาก”มหาเสบาบดีทั้งสองกล่าวกับนางเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ระวังสุขภาพของพวกท่านด้วย เดี๋ยวอายุจะไม่ยืนยาวเอานะเจ้าคะ”เสียงพูดแผ่วๆ แต่ดังก้องในหูของทั้งสองนัก

นางกำนัลคนนี้แม้ภายนอกจะดูยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ชอบจับผิด พลาดแม้เพียงวินาที หัวของเราอาจจะไม่ได้อยู่บนบ่าแล้วก็ได้

“พระชายารออยู่ข้างในแล้วเจ้าค่ะ”เสียงหวานนุ่มนวลดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับบานทวารที่ถูกเปิดออก “เรล เจ้าไปชงชามาให้ท่านมหาเสนาบดีหน่อยสิ”

“ค่ะ ท่านพี่เนล”

“พระชายาเพคะ ท่านมหาเสนาบดีทั้งสองมาถึงแล้วเพคะ”เนลหันไปทูลแก่องค์ชายของนางด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก “เชิญเจ้าค่ะ”
มหาเสนาบดีทั้งสองก้าวเข้ามายังห้องบรรทมอันวิจิตรขององค์เหนือหัว ก่อนจะทำการถวายบังคมแด่องค์ราชาและองค์ชายที่ประทับอยู่

“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมพระชายาคาเซีย”

“เชิญพวกเจ้าตามสบาย”

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”เสนาซ้ายและเสนาขวาเดินไปนั่งยังโซฟานุ่มๆทันที

“พวกท่านต้องการพบข้า มีเรื่องอันใดเช่นนั้นหรือ”องค์ชายคาเซียเปิดประเด็นขึ้น เมื่อทรงเห็นขุนนางใหญ่ทั้งสองนั่งลงเรียบร้อย

“พวกข้ามีเรื่องสำคัญจะมาทูลกับพระชายาน่ะพะยะค่ะ”

“เรื่องสำคัญ... อะไรหรือ”

“น้ำชาเจ้าค่ะ”ยังไม่ทันที่ท่านเสนาจะได้พูดอะไรต่อ เนลก็ยกเอาน้ำชามาให้พวกเขาเสียก่อน...

“ความประมาทคือหนทางแห่งความหายนะนะเจ้าคะ... กับองค์ชายถ้าผิดพลาดนิดเดียว โปรดระวังชีวิตตนเอาไว้ด้วยนะเจ้าคะ”น้ำเสียงนุ่มๆกระซิบเบาๆตอนที่ส่งชาให้ “พระชายาจะรับชาไหมเพคะ”

“ไม่ล่ะเนล”องค์ชายเอ่ยปฏิเสธเบาๆ “ข้าไม่ค่อยชอบชาเท่าไหร่นัก”

“พวกข้าจะมาทูลเชิญให้พระชายามาเป็นผู้สำเร็จราชการน่ะพะยะค่ะ”

“ให้เราเป็นผู้สำเร็จราชการ”องค์ชายคาเซียทวนคำของมหาเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างงง

“พะยะค่ะ”

“ท่านได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทแล้วเช่นนั้นหรือ ถึงตัดสินใจเอาเช่นนี้”พระองค์เริ่มหงุดหงิดพระทัยเล็กๆ “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่พวกท่านคิดจะทำก็ทำได้เช่นนี้ การกระทำนี้เป็นการลบหลู่ฝ่าบาทยิ่งนัก พวกท่านน่าจะรู้ดี ถึงพระองค์จะทรงประชวร แต่ก็มิได้หมายความว่าพระองค์จะมิมีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง ก่อนที่ท่านจะมาเชิญให้เราขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการ ท่านสมควรของขออนุญาตกับฝ่าบาทเสียก่อนถึงจะถูกต้อง มิใช่หรือ”

“พวกกระหม่อมสะเพร่าเอง ขอประทานอภัยพะยะค่ะ”มหาเสนาทั้งสองคุกเข่าลงขอขมาทันที กับความสะเพร่าของพวกตนที่เอาแต่ร้อนใจ ไม่ได้ตระเตรียมอะไรตามที่สมควรแม้เพียงน้อย

องค์ชายทรงทอดพระเนตรมองขุนนางทั้งสองด้วยสายพระเนตรเย็นชา ทำให้พวกเขานึกถึงคำของนางกำนัลที่ยกชามาให้เมื่อครู่

“คาเซีย...”สุรเสียงแหบแห้งตรัสขึ้น เรียกความสนพระทัยขององค์คาเซียให้หันมาหาองค์ราชาได้ทันที

“ฝ่าบาททรงมีอะไรจะรับสั่งหรือพะยะค่ะ”พระพักตร์หวานยื่นเข้าไปใกล้เจ้าผู้ครองแผ่นดิน เพื่อจะฟังคำของฝ่าบาทให้ชัดเจน

“ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน... ไปจนกว่าข้าจะหายเป็นปกติ”พระองค์ทรงรับสั่งเบาๆ

องค์ชายคาเซียทรงตกพระทัยเล็กๆ ก่อนที่จะทรงสูดพระอัสสาสะลึก

“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ ฝ่าบาท”องค์ชายทรงตรัสรับคำเสียงหนักแน่น “ข้าพระองค์จะทำหน้าที่ ที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ดีที่สุดพะยะค่ะ”

“ข้าต้องฝากเฟรนเซียเอาไว้ให้เจ้าดูแลด้วยนะ ชายาข้า...”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท...”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ราชโองการจากองค์ทริสเซย์ถูกประกาศทั่วทั้งราชอาณาจักร เรื่องการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน สร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่าสนมนางในเป็นอย่างมาก

“พระชายาพะยะค่ะ”เจ้ากรมโยธาเอ่ยเรียกร่างบางที่กำลังทอดพระเนตรผังเมืองด้วยสีพระพักตร์เคร่งเครียด “จะทรงแก้ปัญญาเรื่องพื้นที่น้ำท่วมและพื้นที่แห้งแล้วอย่างไรดีพะยะค่ะ”

“วางระบบชลประทานเพิ่มเติม ให้ขุดคลองจากตรงนี้ลากยาวมาถึงจุดนี้ แล้วประกาศให้เกษตรกรขุดบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ยามแห้งแล้ว”องค์ชายทรงชี้คลองที่มักมีน้ำเอ่อขึ้นมาและคลองที่น้ำไหลปกติ

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”เจ้ากรมโยธาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนำแผนที่ที่กางเอาไว้มาขีดๆเขียนๆ “กระหม่อมทูลลาพะยะค่ะ”
เจ้ากรมโยธาหายออกจากท้องพระโรงไปทันที

“แล้วอาคารบ้านเรื่องที่เสียหายล่ะพะยะค่ะ เราสมควรจะทำอย่างไรดีพะยะค่ะ”เจ้ากรมการพาณิชย์กล่าวถามขึ้นบ้าง

“ให้เงินชดเชยชาวบ้านเท่าที่สมควร ลงพื้นที่ไปดูด้วยตัวเอง ถ้าให้ขุนนางพื้นที่ลงไปดูแล พวกเขาอาจจะฉ้อโกง เอาเงินรัฐเข้าตนเองได้”

“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ”

ราชกิจมากมายโถมเข้าใส่องค์ชายคาเซีย แม้พระพักตร์ของพระองค์จะทรงยิ้มแย้มไม่ต่างจากปกติ แต่ในพระทัยนั้นทรงเคร่งเครียดอย่างยิ่ง

สำหรับพระองค์แล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งเล่นๆ พระองค์ทรงต้องแบกรับความหวังของผู้คนจำนวนมาก และชีวิตของประชาชนทั้งแผ่นดิน ถ้าทรงทำอะไรผิดพลาดไปแล้วล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างคงพังทลายลง ซึ่งพระองค์ยอมไม่ได้

“แล้วเรื่องงานฉลองครบ 5000 ปีของอาณาจักรล่ะพะยะค่ะ จะทรงจัดอย่างไร”

+++++++++++++++++++++++++++++

งานเข้าคาเซียแล้วววววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2012 02:57:23 โดย midnight »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อ๊าก น่าสงสาร งานรุมเร้า ฝ่าบาทหายไวๆนะ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
“วางระบบชลประทานเพิ่มเติม ให้ขุดคลองจากตรงนี้ลากยาวมาถึงจุดนี้ แล้วประกาศให้เกษตรกรขุดบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ยามแห้งแล้ว”

เอาไปใช้กับน้ำท่วมได้ไหมนะ

 คิคิ  :laugh:

orientation

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

คาเซียระวังป่วยนะ

ปล.เมื่อไรจะมีลูกน้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด