บทที่ 19
ตำนานรักสองราชวงศ์ : งานฉลอง 5000 ปี อาณาจักรเฟรนเซีย
หลังจากที่องค์ทริสเซย์หายจากอาการประชวรไม่นาน งานฉลองอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มขึ้น งานครั้งนี้ผู้คนต่างตื่นตาตื่นใจกับรูปแบบงานที่แปลกตาไปจากเดิม
องค์ทริสเซย์ องค์ชายคาเซียและองค์ชายโซเทเรียเสด็จมาเปิดงานที่สวนกลางเมือง อันเป็นที่จัดประกวดเทวีแห่งบุปผาชาติ
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานฉลองอันยิ่งใหญ่ประจำปีนี้ จะสร้างความสุข ขจัดความหวาดกลัวให้กับประชาชนทุกคนได้”
เมื่อองค์ราชาทรงตรัสสุนทรพจน์เปิดงานจบ การแสดงก็เริ่มขึ้น
พระองค์และสององค์ชายเที่ยวชมงานอย่างสนุกสนาน
“อะ อ้ำ~”องค์ชายคาเซียทรงหันไปป้อนขนมให้แก่พระชายาของพระองค์ ก่อนจะทรงหันมาป้อนให้แก่พระสวามีบ้าง “อ้ามมมมม”
“อื้ม รสดีจังเลย”องค์ชายโซเทเรียทรงเคี้ยวขนมด้วยสีพระพักตร์ที่มีความสุข
“อีกชิ้นให้โซลไปเถอะ กำลังท้องกำลังไส้ ทานเยอะๆน่ะดีแล้ว”องค์ทริสเซย์ตรัสเบาๆเมื่อเห็นองค์ชายคาเซียมองขนมชิ้นสุดท้ายอย่างลังเลว่าควรจะทำอย่างไรกับมัน
“มามะ โซล อ้ำ~”และแล้ว... ขนมชิ้นสุดท้ายก็กลายเป็นของพระชายาตัวน้อยที่กำลังอุ้มครรภ์สามเดือนอยู่นั่นเอง...
“คนที่กำลังท้องสามเดือนนี้ตัวอวบขึ้นแบบนี้ทุกคนเลยหรือ”องค์ราชาทรงตรัสถามองค์ชายคาเซีย “ข้าว่าตอนที่โซลมาถึงเฟรนเซียใหม่ๆตัวนิดเดียวเองนะ”
“โถ่ ฝ่าบาท อย่าทรงล้อโซลเล่นสิพะยะค่ะ ดูสิพะยะค่ะ เขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว”องค์ชายทรงตอบกลับพระองค์ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “แต่ก็อวบขึ้นมากจริงๆแหละ”
“ฝ่าบาท คาเซีย... อย่าล้อสิ”องค์ชายโซเทเรียทำพระพักตร์ยู่น้อยๆ แต่เรียกรอยยิ้มจากทั้งสองพระองค์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“โอ๋ๆ ไม่ล้อแล้วๆ”องค์ทริสเซย์ยกพระหัตถ์ยอมแพ้ “เดี๋ยวลูกออกมาหน้ายู่เหมือนที่เจ้าทำอยู่นะ โซล”
พระชายาโซเทเรียปรับสีพระพักตร์กลับมายิ้มแย้มทันที เมื่อทรงได้ยินดังนั้น เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนข้างวรกายได้อย่างดี
ก็...พระองค์ไม่อยากให้ลูกหน้ายู่นี่น่า...
ภาพที่ทั้งสามพระองค์หัวเราะยิ้มแย้มกันอย่างร่าเริง โดยเฉพาะองค์ราชา สร้างความปลื้มปิติให้กับประชาชนผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
นานมากแล้วที่พวกเขามิได้เห็นองค์เหนือหัวของพวกเขายิ้ม และหัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้พระองค์จะทรงเสด็จออกมานอกวังบ่อยแค่ไหน รอยยิ้มที่ทรงยิ้มนั้นเป็นเพียงรอยยิ้มที่ฝืนพระทัย เพื่อให้ประชาชนอย่างพวกเขาสบายใจเพียงเท่านั้น
ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งองค์ชายคาเซียและพระชายาโซเทเทียให้มายังอาณาจักรเฟรนเซียของพวกเขา มาทำให้เจ้าชีวิตของพวกเขามีความสุข มีรอยยิ้มได้เหมือนในวันนี้เหล่าสนมทั้งหลายก็ได้เสด็จออกมาเที่ยวเช่นกัน พวกนางบ้างก็เกาะกลุ่มกันเดินเที่ยว บ้างก็เดินไปกับนางกำนัล บ้างก็เดินไปเพียงคนเดียว และ... ไม่มีใครได้ตามเสด็จองค์ราชาแม้เพียงสักคน
พวกนางเป็นที่จับตามองของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความงามอันเปล่งประกาย อีกทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ที่พวกนางมี ยังเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนรอบข้างให้เหลียวหลังมองตลอดทาง
การกระทำเช่นนั้นทำให้พวกนางรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง พระสนมบางองค์เชิดพระพักตร์อย่างถือองค์
เอ... พวกนางจะรู้กันบ้างไหนนะว่าผู้คนที่มองพวกนางอยู่จะคิดอย่างไรกับพวกนาง... ชื่นชม? สรรเสริญ? ไม่ใช่หรอก...
งดงาม เปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความสูงศักดิ์ แต่... ไร้ซึ่งความสง่า และความมีอำนาจ
เห็นข้าเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนระหว่างพระชายาและพระสนม ทั้งๆที่อยู่ในวัยเดียวกัน มีสายเลือดขัตติยะเหมือนกัน อยู่ในพระราชวังอันหรูหราเช่นเดียวกัน...
แต่ความทรงอำนาจและความสง่างามในการทุกการกระทำนั้นแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง
พระชายานั้นแสดงทุกอย่างออกมาด้วยความเป็นธรรมชาติ มิจำเป็นต้องเสริมหรือเติมแต่งอันใด... ต่างจากพระสนมหลายๆพระนาง ที่ต้องแสดงออกให้เห็นด้วยตัวขององค์เอง
ถึงเป็นเช่นนั้น... ถ้าเหล่าสนมทั้งหลายก็เพิ่งมีพระชนมายุเพียง 15-16 ชันษา เมื่อพวกนางเติมใหญ่ อาจจะมีความสง่างามมากกว่านี้ก็ได้... ล่ะมั้ง
++++++++++++++++++++++++++++++
“อีกไม่นาน คาเซียคงจะตั้งท้อง ข้าควรจะทำอย่างไรดี เสด็จพี่”เสียงหวานดังขึ้นถามชายผู้หนึ่งที่ประทับอยู่ใกล้พระนาง “แค่ทุกวันนี้ฝ่าบาทก็ทรงสนพระทัยมันเพียงคนเดียว ถ้ามันให้กำเนิดพระโอรส ตำแหน่งราชินีคงตกเป็นของมันแน่”
“เจ้ามีแผนอะไรอยู่ในใจแล้วมิใช่หรืออย่างไร น้องข้า”เสียงทุ้มตอบกลับมาอย่างสบายๆ
“ข้าคิดเอาไว้บ้างแล้วก็จริง... แต่ถ้ามันไม่สำเร็จขึ้นมา ข้าควรจะทำเช่นไรล่ะ เสด็จพี่”พระนางค้อนผู้เป็นเชษฐาน้อยๆ
“เอานี่ไปสิ”พระหัตถ์หนาลงห่อสีน้ำตาลเล็กๆไปให้สาวน้อยตรงหน้า “ใช้ยามจำเป็นเท่านั้นนะ ถ้าไม่ถึงที่สุดแล้ว เจ้าห้ามใช้มันเด็ดขาด”
“มันคืออะไรหรือ เสด็จพี่”
“ยา...”
พระหัตถ์เรียวถือห่อยาเอาไว้ พระเนตรหวานจ้องมองมันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย...
“ยา...หรือคะ”
“ใช่... มีผลถึงตาย ถ้ารักษาไม่ทัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เจ้าห้ามออกมาใช้เป็นอันขาด เข้าใจใช่ไหม”
“ค่ะ”นางตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าพลาดขึ้นมา...”
“ถ้าพลาดขึ้นมา หมายถึงอาณาจักรทั้งอาณาจักรของเรา ต้องล่มสลาย ผู้คนจำนวนมากต้องสิ้นชีพลง รวมถึงพี่น้องของเจ้าด้วย จำเอาไว้ให้ดี”
“ค่ะ เสด็จพี่ น้องจะระวังเอาไว้”
พระนางเก็บยาห่อนั้นเข้าไปในอกเสื้อ และซุกซ่อนมันอย่างดี
สองพี่น้องนั่งสนทนากันไปเรื่อยๆ เรื่องราวมากมายถูกถ่ายทอดออกมาให้แก่กันและกันรับรู้
“น้องขอตัวกลับก่อนนะคะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปนาน “ได้เวลาต้องกลับแล้ว โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะคะ”
“อืม...”
++++++++++++++++++++++++
ระหว่างนั้น องค์ราชา องค์ชายทริสเซย์และองค์ชายโซเทเรีย ก็เสด็จมาดูการแสดงที่สวนกลาง...
“พวงนางร่ายรำได้อ่อนช้อย งดงามไม่นางรำในวังเลยพะยะค่ะ ฝ่าบาท”องค์ชายคาเซียทรงตรัสขึ้น “โซล ว่าอย่างนั้นไหม”
“อื้ม”โซลตอบรับขณะที่ยังทรงเสวยขนมที่ไปซื้อมาเมื่อครู่
“นั่นสินะ...”
ทั้งสามพระองค์ทรงทอดพระเนตรดูการแสดงอยู่พักใหญ่ จะกระทั่ง...
“พระชายาเพคะ”เนลกระซิบกับนายของนางเบาๆ “มืดมากแล้วนะเพคะ ทรงพาพระชายาโซเทเรียไปพักผ่อนเถอะเพคะ”
“จริงด้วยสิ... โซล กลับตำหนักกันเถอะ”องค์ชายทรงหันไปตรัสกับร่างที่นั่งตาแป๋วอยู่ข้างๆพระองค์
“โซลยังไม่ง่วงเลยอ่า”พระชายาทรงหันมาช้อนพระเนตรมองพระองค์อย่างอ้อนๆ “ขอดูอีกหน่อยนะ นะ”
“ไม่เอาน่า... อย่าทำให้คาเซียลำบากใจสิ”องค์ทริสเซย์ทรงหันมาช่วยองค์ชาย หลังจากที่พระองค์ทรงเห็นองค์ชายทำสีพระพักตร์ยุ่งๆ
“ง่า... กลับก็ได้”องค์โซเทเรียตรัสเสียงอ่อยๆ ก่อนจะทรงยอมกลับพระตำหนักโดยดี
องค์ชายคาเซียเสด็จมาส่งพระชายาเข้าบรรทมเหมือนดังปกติ ก่อนที่จะทรงกลับไปยังตำหนักของพระองค์
เมื่อชำระกายเสร็จก็เข้าบรรทมกับฝ่าบาทเหมือนทุกครั้ง...
โดยที่พระองค์ไม่รู้เลยว่า ในวันนี้... มีสิ่งที่ไม่เหมือนทุกวัน
หลังจากที่เสด็จกลับมายังพระตำหนักแล้ว องค์ทริสเซย์ทรงสรงน้ำชำระวรกายเพื่อขจัดคราบเหงื่อไคลต่างๆดังเช่นทุกวัน
องค์ชายเฮเซียทรงให้คนส่งพระราชสารขอเข้าเฝ้ามาให้กับพระองค์ในยามคำคืนเช่นนี้ ซึ่งพระองค์ก็ตอบรับไปง่ายๆ
ทหารองครักษ์ที่รับพระราชสารมานั้น รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ยามวิกาลเช่นนี้ องค์เหนือหัวจะทรงให้เข้าเฝ้า ทั้งที่ปกติ เวลาเช่นนี้จะมิทรงให้ผู้ใดเข้าพบเป็นอันขาด... เพราะพระองค์จะทรงใช้เวลาอยู่ร่วมกับพระชายาของพระองค์
หึ มาขอเข้าเฝ้าในเวลานี้ คิดจะมาขัดขวางไม่ให้ข้าใช้เวลาอยู่กับคาเซียล่ะสิ ในเมื่ออยากขัดขวางข้านัก ก็เชิญตามสบาย คิดว่าข้าจะสนใจหรืออย่างไรกัน
องค์ชายคาเซียทรงเสด็จเข้ามาหาพระองค์ตรงเวลาทุกราตรี ทุกๆคนในพระราชวังล้วนทราบกันดีกว่า เวลานี้พระราชาของพวกเขาจะไม่อนุญาตให้ใครมารบกวนเป็นอันขาด... เพราะเป็นเวลาผลิตทายาทของพระองค์
“เจ้าดูเพลียๆนะ คาเซีย”พระหัตถ์หน้าลูบไล้พระพักตร์งามเบาๆ “ตัวรุมๆ เจ้าไม่สบายหรือเปล่า”
“กระหม่อมสบายดีพะยะค่ะ... ช่วงนี้ทำงานหนักไปหน่อย พักสักนิดเดี๋ยวก็หายพะยะค่ะ”องค์ชายคาเซียตรัสตอบเบาๆ
พระหัตถ์เรียวเปลื้องอาภรณ์จากวรกายของพระองค์เองและพระสวามีออกอย่างเชื่องช้า สร้างความแปลกพระทัยให้กับองค์ทริสเซย์ยิ่งนัก
“คาเซีย...”
“ฝ่าบาท... มอบพระโอรสให้กระหม่อมสักองค์ได้ไหม... พะยะค่ะ”เสียงหวานเอ่ยถามแผ่วเบา พระพักตร์ขององค์ชายแดงระเรื่ออย่างน่ารัก
“ไม่...”พระตรัสตรัสตอบแผ่วเบา ก่อนจะทรงพลิกกายขึ้นคร่อมเรือนร่างขวาเนียน “ไม่ใช่แค่คนเดียวที่เจ้าต้องมีให้ข้า คาเซีย อย่างน้อยเจ้าต้องมีองค์ชายให้ข้าสักห้าองค์ องค์หญิงสักสามองค์ กำลังใช้ได้ ถ้ามากกว่านั้นยิ่งดีใหญ่เลย”
นาสิกโด่งสูดความหอมจากปรางใส ก่อนจะเลื่อนลงมาซุกไซร้ที่ซอกพระศอขาวผ่อง ประทับตีตราเอาไว้ให้ทุกคนรู้ว่าร่างนี้เป็นของพระองค์...
“สุดแต่ฝ่าบาทจะทรงประทานให้กระหม่อมพะยะค่ะ”พระชายาตรัสเสียงแผ่วเบาๆ วรกายบางบิดไปมาด้วยแรงอารมณ์ที่โถมใส่ “ฝ่าบาท...”
“หืม... อะไรหรือ คาเซีย”
“ไม่ว่ากระหม่อมจะเจ็บแค่ไหน จะเหมือนขาดใจเพียงใด ขอได้โปรด เข้ามาในร่างของกระหม่อมจนสุดด้วยเถิดพะยะค่ะ...”
“เจ้ายังรับข้าไม่ไหวหรอก... คาเซีย”
“ขอได้โปรด... เมตตากระหม่อมด้วยพะยะค่ะ”
“ตามใจเจ้า...”
ทุกการเคลื่อนไหวในห้องบรรทมนี้ ล้วนอยู่ในสายพระเนตรขององค์ชายเฮเซีย พระองค์ทรงทอดพระเนตรการร่วมสังวาสของพระอนุชากับพระสวามีด้วยพระหฤทัยที่เจ็บปวดยิ่งนัก
ทุกการกระทำ ทุกกสัมผัสที่องค์ราชามอบให้กับคาเซียเปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาจากพระทัยของพระองค์ แม้ยามที่คาเซียดูเจ็บปวด แต่ก็แฝงไปด้วยความสุขสมหวัง...
ได้เห็นเพียงเท่านี้ พระองค์ก็ทรงวางพระทัยได้แล้วว่า อนุชาของพระองค์นั้น มีความสุข ได้รับความรักจากองค์ราชา ได้มองความรักให้แก่พระชายา ได้ใช้ชีวิต... อย่างมีรอยยิ้มที่ออกมาจากเบื้องลึกของพระทัยจริงๆ
แค่ได้เห็นเท่านี้ พระองค์ก็สุขใจมากแล้ว...
แม้พี่... จะไม่มีโอกาสได้ครอบครองน้อง จะไม่มีโอกาสได้บอกรักน้องทุกๆวัน แต่ถ้าน้องมีความสุข... เพียงเท่านี้ พี่ก็พอใจ และมีความสุขมากแล้ว++++++++++++++++++++
บทที่ 19 ค่ะ//ช่วงนี้ยังหวานอยู่... เดี๋ยวก็หายแล้ว= ="
ในเด็กดี... มีคนบอกว่าหวานเกิน... อ่า~ ดราม่าจะเริ่มมา
