รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15  (อ่าน 329294 ครั้ง)

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
โล่งใจไปกับภวิล เคลียร์ตัวเองเรื่องเป็นเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ก้าวหน้ากันไปอีกเล็กน้อย

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
"ไปฟังมาจากไหน ฟังผมนี่" <<< เค้าเขินประโยคนี้อ่ะ
ประกาศความโสดกันชัดเจนเลยพี่วิน  :-[

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครับ  สนุกมาก
ชอบบรรยากาศและการใช้ภาษาแบบนี้
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ครับ

ออฟไลน์ ์ำNeFuji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รหัสลับไว้ครองใจ :-[ :-[ :-[ :o8:

ออฟไลน์ luckyzaaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนนี้น่ารักเชียว ให้เบอร์ลับเฉพาะกันด้วยวุ้ย  :-[
แต่แหม ตอนหูแว่วเนี่ย เล่นเอาเสียวสันหลังแว๊บบบบบ มันไม่มีอะไรจริงๆ ใช่ไม๊คะเนี่ย  :m29:

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
หายไปหลายวันเลย
คิดถึง
แต่อ่านตอนนี้
บอกตรงๆว่าขนลุกเลยนะ
มันรุ้สึกไปกับเรื่องอะ
ไม่แน่ใจว่าผู้แต่งต้องการสื่อถึงอะไร
แต่คือเสียงนั้นความรุ้สึกของ จี มันคือ วิณญาณ ชิมิ?
มันแปลกๆ แต่ตื่นเต้น
เราเขจ้าถึงอารมณ์ของเรื่องแบบสุดๆละ 555+
ไปละสมงสมอง55+
ไงก็มาต่อเร็วๆนะ
อีกนานกว่าจะได้กลับมาอ่าน บายจ้า

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
รออ่านตอนต่อไป
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องแบบไม่หวือหวามากนัก แต่เรียบเรื่อยและให้ความรูสึกสบายใจ ความรักที่ลึกซึ้งที่แต่ละมีให้แก่กัน ซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งประกอบด้วยความโรแมนติก ไปจนถึงความขลัง อ่านไปขนลุกไปตอนที่จิรัฐได้ยินเสียงแว่ว ท่าทางจะมีเรื่องผีๆสางๆมาเกี่ยวข้อง

รอลุ้นให้วินและจีพัฒนาความสัมพันธ์เกินกว่าการนับญาติพี่น้องค่ะ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ที่วิลให้เบอร์พิเศษ เพราะอยากให้จีกลายมาเป็นคนพิเศษด้วยรึเปล่า 55^^

ออฟไลน์ tiktik9102

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามมาจากกระทู้เเนะนำ.    สนุกมากคะ. ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2
เจาะไข่รีบน  :impress2:
---------------------------
ได้รู้ข้อมูลของสระบัวเพิ่มขึ้นแล้ว มันจะเกี่ยวกับเรื่องประหลาดๆทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับจีรึเปล่าคะเนี่ย
ส่วนพี่วินเล่นเคลียร์ตัวเองชัดเจนขนาดนี้แล้วค่อยน่าสบายใจหน่อย จีจะได้ไม่เข้าใจผิดอีก
แถมเล่นให้เบอร์ส่วนตัวกับจีแบบนี้ .. คืบหน้าไปอีกขั้นแล้วสินะ  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gohong

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปอ่านมา แอบหลอนเหมือนกันอ่า หรือว่าจีจะเป็นคุณยายทวดกลับชาติมาเกิด แล้วมาระลึกชาติได้ -,-
บ้านหลังนั้นอาจจะเป็นของลุงชมลุงคนสวนรึเปล่า (มั่วสุดๆ)
แล้วลุงชมรู้จักน้าของภวิลด้วยเหรอ มีตอนนึงที่ไปจัดงานเลี้ยงที่รร.แล้วสองคนนี้เหมือนจะคุยไรกันแต่ภวิลมาซะก่อน

ปล.ลุ้นดีเหมือนกัน ตอนอ่านเนี่ยเหมือนเราเป็นนักสืบเลยอ่ะ 5555555

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านเรื่องนี็(แล้วไปมุดหัวอยู่ไหนมาเนี่ย :angry2:)

เนื้อเรื่องการบรรยายดูเรียบๆ...เรื่อยๆ

แต่ก็ทำให้อ่านได้เรื่อยๆ....มีปมเข้ามาให้คาดเดา

เหมือนจะแนวฆาตกรฆาตรกรรมหน่อยๆ...แล้วก็แอบมีกลิ่นอายวิญญาณนิดๆ

ทำให้เรื่องดูน่าติดตามมากขึ้น

โดยส่วนตัวชอบเนื้อเรื่องแนวๆนี้ค่ะ....เหมือนตัวเองเป็นโคนัน :z1:

แล้วอีกอย่างที่ชอบก็คือ...ความสัมพันธ์ของตัวละครค่ะ...ที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ไม่ใช่ว่าเจอปุ๊บรักปั๊บ...แต่เป็นแบบเริ่มจากความระแวงสงสัยไม่ชอบหน้าเล็กๆ

เมื่อเคลียร์ความระแวงสงสัยนั้นไปได้...ก็กลายเป็นความห่วงหาโดยไม่รู้ตัว

 :-[บอกได้แค่ว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ

 :L2:รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
"แต่เมื่อได้รักแล้ว... รักนั้นก็จะจำหลักไว้ในใจไม่รู้คลาย"
พอจะเข้าใจความหมายของชื่อเรื่องแล้ว ลึกซึ้งจริง ๆ ค่ะ  :m1:

ความสัมพันธ์ของตัวเอกก็กระชับใกล้ชิดขึ้นอีกพอสมควรนะ
จากการเริ่มต้นที่บีบคั้น กดดัน หมายจะต้อนให้จนมุมในช่วงแรก
กลายมาเป็นพี่วินที่น้องจีนับเป็นพี่ชายในวันนี้ ถือว่ามีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ  :oni1:

ออฟไลน์ luckyzaaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ติดเรื่องนี้มากกกกกกกกกกก เมื่อไหร่จะมา  :z3:

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
สนุกมากเลย ชอบๆๆ เรื่องนี้
แบบว่าแอบหลอนนิดๆ นะ ยังมีปมซ่อนอยู่อีก
รออ่านอยู่นะค๊า  :L2:

ออฟไลน์ Jeyibee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แรกๆไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า รู้สึกว่ามันหลอนๆยังไงชอบกล o22
เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในรถด้วยนอกจากภวิลกับจี อร๊ากกก :serius2:
เงื่อนเริ่มขยับละ ที่จีฝันเกี่ยวกับน้ำอาจจะโยงไปเกี่ยวกันกับการตายของคุณยายทวดก็ได้ เดาๆๆ  o18
ที่พี่วินพูดว่า “...จะได้ไม่ลืม... ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว” อบอุ่นดีจังค่ะ จีมีพี่วินนะ :กอด1:
หลังๆแอบหวาน จีเมมเบอร์ว่าพี่วินด้วยยย(นับญาติแล้ว ต่อไปต้องนับแฟน 555+) :-[
ขอบคุณที่อัพค่า จะรอตอนต่อไปจ้า :pig4:
ป.ล.ม้าฮ่อน่ากินมากค่ะ เห็นแล้วหิว555+  :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2012 01:08:21 โดย Jeyibee »

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 11

จิรัฐเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังเดินตรงมา ร่างนั้นเห็นเพียงตะคุ่มๆ แทบกลืนไปกับความมืดรอบบริเวณ ครั้นพ้นเงาสลัวออกมาแล้วจึงชัดเจนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน

หลังจากวันที่พบคุณยายแล้วภวิลก็ยังเข้ามาที่บ้านทุกวัน เขาเลยพลอยได้เจอบ่อยจนแทบไม่ต้องติดต่อกันทางอื่นอีก ความที่พบหน้ากันอยู่ตลอดรู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้คุยกันแต่เรื่องงานอย่างเดียวแล้ว จากเรื่องกฤตวัต เป็นเรื่องทางบ้าน ขยายต่อไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ ภวิลยังเคยเล่าเรื่องตอนตัวเองไปเรียนต่อให้เขาฟัง และจิรัฐก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เล่าเรื่องได้สนุกถ้าเจ้าตัวนึกอยากจะทำ
 
เขาเอ่ยทักออกไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ จิรัฐพยายามเพ่งมอง ปกติ ระเบียงหน้ามุขไม่มืดขนาดนี้ ถึงจะเป็นตอนกลางคืนก็ต้องเปิดไฟผนังตามทางเดินเอาไว้รวมทั้งยังได้แสงไฟที่ลอดจากหน้าต่างห้องข้างใน จู่ๆ จะไฟขาดพร้อมกันหมดก็ไม่น่าใช่
 
ท่วงท่าการเดิน ลักษณะรูปร่างบ่งชี้ว่าเป็นคนที่เขาคิด แต่มีอะไรบางอย่างแปลกออกไป บางอย่างในแววตา หรืออาจจะเป็นริมฝีปากที่คลี่รอยยิ้มประหลาด บางอย่างที่บอกเขาว่า ถึงจะคล้าย แต่ไม่ใช่ จิรัฐหยุด รู้สึกเหมือนขยับไม่ได้ขึ้นมาดื้อๆ มีเพียงสองมือที่กำเข้าหากันแน่น แน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ
 
... ฝันอยู่หรือ อาจจะฝันก็ได้
 
เขาใจหายเมื่อค่อยเจ็บกลางฝ่ามือทั้งสองข้างจากรอยเล็บฝังลง
 
ถ้าฝันก็ไม่น่าเจ็บตัว นี่เขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่กันแน่...

ร่างตรงหน้ายังขยับเข้ามา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จิรัฐพยายามจะพูด แต่เสียงกลับกลืนหายเข้าไปในลำคอ

พลันทุกอย่างก็มลายสิ้น ราวกับสลายไปกับความมืด เขาคว้าราวระเบียงเย็นเฉียบยึดไว้ ทั้งทางเดินว่างเปล่า ไม่มีใครเหลืออยู่ หรืออาจจะไม่เคยมีตั้งแต่ต้น

ไฟติดขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้ จิรัฐเอนตัวพิงเสา ตอนนี้ยิ่งแน่ใจว่าไม่ใช่ฝันแน่ และไม่ได้ละเมอเดินออกมาเองด้วย เพราะเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้จะลงไปตรวจดูความเรียบร้อยแถวโถงล่างสำหรับกะเย็น แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่านอกห้องมืดกว่าที่คิด สองจิตสองใจว่าจะเข้าห้องไปเอาไฟฉายแล้วโทรบอกฝ่ายช่างให้มาดูก่อนหรือไม่ก็พอดี...

เขาเหลือบมองไปทางซ้ายอีกครั้ง ระเบียงยังสว่างและไร้ผู้คนเหมือนเดิม แต่แล้วร่างหนึ่งก็เลี้ยวหัวมุมมา จิรัฐถอยไปก้าวหนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว

... ถ้าที่เห็นอยู่นี้คือภวิลจริงๆ แล้วเมื่อสักครู่เขาเห็นใคร เห็นโดยที่ยังมีสติครบถ้วน และชัดเจนด้วยสองตาตัวเอง ไม่ได้เป็นเพียงภาพฝันแม้สักนิด

ภวิลออกแปลกใจที่คนเป็นหุ้นส่วนยืนนิ่งจ้องเขาด้วยสีหน้าอธิบายยาก ปนกันระหว่างความอึ้ง งง สับสน ระแวง... บอกไม่ถูก แต่เขาไม่อยากจะเห็น และไม่คิดว่าจะเห็นท่าทางแบบนี้จากจิรัฐอีก

ภวิลก้าวเข้าหา อีกฝ่ายกลับถอยกรูดจนเขาต้องหยุด ยังไม่ทันเอ่ยถามให้หายข้องใจจิรัฐก็หันหลังเดินไปเลย

เขาขยับตามอยากจะคุยให้รู้เรื่องแต่จิรัฐเดินลิ่ว เห็นแบบนี้แล้วถึงเรียกก็ไม่เป็นผล ภวิลเลยคว้าแขนเอาไว้ ไม่ได้ดึงหรือกระชาก แค่จับไว้เฉยๆ

อีกฝ่ายหยุดจริง แต่พูดเบาโดยไม่หันมามอง

“ผมอยากอยู่คนเดียว”

ภวิลจำต้องปล่อย เขาไม่คิดจะบังคับฝืนใจคนตรงหน้าอีก ได้แต่มองจิรัฐเดินไปเงียบๆ

เขาไม่เคยลืม... ตัวเองพูดอะไรเอาไว้ ไม่อยากให้คนที่มองว่าเคยเป็นเพียงเพื่อนของน้องต้องรู้สึกว่าอยู่โดดเดี่ยวลำพัง จิรัฐลงโทษตัวเองมามากแล้ว เรื่องที่พูดกับคนอื่นไม่ได้ เขาก็อยากให้บอกเขาได้

แต่บางที อีกฝ่ายอาจลืมไปแล้วกระมัง 

ภวิลลงบันไดไปจนเกือบสุด ถอนใจหนักๆ รู้ว่าอาจจะดีกว่าหากกลับไปก่อนตอนนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังอยากหาเหตุผลเบื้องหลังท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างนั้น เลยลงไปเดินวนอยู่ในสวน เจ้าดอกชมนาดกลิ่นหอมเย็นไม่ทำให้ใจเย็นอย่างเคย

ผ่านไปสักพักจึงกลับเดินขึ้นตึกใหม่ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นผู้จัดการการเงินกำลังเคาะประตู คนในห้องเดินมาเปิดเอง

ภวิลนิ่งมองบานประตูปิดลง ที่ว่า ‘อยากอยู่คนเดียว’ อาจจะมีข้อยกเว้น

... แค่เป็นข้อยกเว้นที่ไม่ได้รวมเขาเข้าไว้ด้วย

อะไรไม่รู้ดลใจให้เดินเข้าไปใกล้หน้าห้องทำงานเล็กนั้น ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยปกติที่จะฟังคนอื่นคุยกัน

คงเพราะเรื่องนี้... เป็นข้อยกเว้นสำหรับเขาด้วยเหมือนกัน

ภายใน ธรรมนูญวางแฟ้มลงบนโต๊ะ จิรัฐเอ่ยขอบคุณเบาๆ เขาเป็นคนบอกเองก่อนหน้า ว่าให้เอางานขึ้นมาให้ ระบุเวลาชัดเจน บอกด้วยว่าให้เคาะประตูแค่สามครั้ง กำหนดขนาดนี้ เขาจะได้ไม่ต้องสงสัยให้ฟุ้งซ่านไปว่ากำลังเห็นรุ่นพี่จริงๆ อยู่หรือเปล่าอีก ตอนนี้ก็มีแต่งานเท่านั้นที่ช่วยให้เขารวบรวมสมาธิ คุมใจให้นิ่งลงได้

คุยกันเรื่องยอดจองห้องอยู่พักธรรมนูญก็เอ่ยถามขึ้น

“เรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์มีความคืบหน้าบ้างมั้ย”

จิรัฐรู้ว่าคำถามที่แท้จริงแล้วคือ ‘ผู้บริหารใหญ่ยอมหรือยัง’ เขาตอบว่า

“ก็ดูๆ สถานการณ์ตลาดไปอีกสักหน่อยก่อน”

“ตอนนี้พี่ว่าก็ค่อนข้างโอเคแล้วนะ ลองเพิ่มข้อมูลล่าสุดเข้าไปในรายงานแล้วเสนออีกสักที”

“พี่อาร์ม...”

“ทำไมล่ะ จีก็ไม่ได้สบายใจที่เขาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

คนยืนฟังอยู่ข้างนอกเม้มปาก รอคำตอบ จิรัฐนิ่งไปนิด แล้วว่า

“ก็ใช่...”

ภวิลยืนตัวชา ที่ธรรมนูญพูดเมื่อวันนั้นดูราวจะก้องขึ้นมาให้ได้ยินอีก

‘ถึงอยากให้คุณไปเขาคงไม่ออกปาก...’

‘... จีเขามารยาทดีเกินกว่าจะทำอย่างนั้น’


ถ้า... เป็นตามนี้จริงๆ ก็หมายความว่าหลายๆ อย่าง และหลายต่อหลายวันที่ผ่านมาจิรัฐฝืนใจไม่น้อยเลย ที่เขายังดื้อดึงจะอยู่ต่อ ก็เพราะหลายสิ่งหลายอย่างอีกเช่นกันที่เห็นจากตาตัวเองไม่ได้บ่งไปในทางนั้น เพียงแต่... ถ้าเจ้าตัวพูดออกมาเองแล้ว คงถึงเวลาเสียที

ภวิลหันหลังกลับ ในห้องเงียบอยู่แต่เขาไม่ได้สนใจ ในหัวมีแต่บทสนทนาเมื่อครู่เล่นย้อนซ้ำไปซ้ำมา และเดินลงบันไดไปโดยไม่ทันได้ยินอะไรอีก

เพราะคนตอบเว้นไปนานก่อนบอก “... แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้...”

จิรัฐหยุด ตอนนี้เป็นยังไงเขาก็ยังไม่แน่ใจ แต่เขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองมีปัญหาในการแยกโลกแห่งความจริงออกจากโลกฝัน ไม่ใช่เวลานี้... เขาเผชิญหน้ากับภวิลตรงๆ ไม่ได้ เพราะพักหลังมีอะไรก็แทบจะบอกหมดสิ้นอยู่แล้ว มีเพียงแต่เรื่องนี้ที่ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าภวิลจะมองมาเช่นไร

... เพ้อเจ้อ คิดไปเอง ประสาทเสีย

เมื่อสักครู่ ภวิลก็คงไม่เข้าใจที่เขาแสดงอาการออกไปแบบนั้น... แต่... จะมีทางใดที่เขาจะไม่ต้องกลายเป็นคนอ่อนแอไร้ความสามารถถึงขนาดนั้นต่อหน้าอีกฝ่าย เพราะจิรัฐรู้ เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่ฟังขึ้นเลย นอกจากขอให้เชื่อถือคำพูดกันแต่เพียงอย่างเดียว

“ที่จีไม่เข้ามาตอนเช้าแต่กลับมากับคุณภวิลเมื่อวันนั้นมีอะไรหรือเปล่า” ธรรมนูญถามอย่างระมัดระวัง “อย่าหาว่าพี่ยุ่งเลย แต่พักนี้จีดูไม่ค่อยสบาย”

“เขาพาไปหาหมอตรวจร่างกาย ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไร แล้วก็ไม่เป็นไรจริงๆ”

“ก็ยังดี ถือว่ายังฟังกันบ้าง” ธรรมนูญว่า เขาเองก็คิดจะบอกให้จิรัฐไปตรวจร่างกายเหมือนกัน อดแปลกใจไม่ได้ที่ภวิลถึงกับต้องพาไปเอง และพาไปแทบจะทันที แต่คนแบบนั้นทำอะไรก็ต้องการผลแน่นอนชัดเจน ให้รู้กันไปเลยละมัง

“หมายความว่ายังไง พี่อาร์มไปพูดอะไรกับเขา”

“พี่ก็แค่... บอกว่าจีไม่สบาย อาจจะเพราะเครียดมานานตั้งแต่เขาเข้ามายุ่งกับที่นี่ ถ้ารู้แล้วเขาอาจจะเห็นใจที่จีเคยเป็นเพื่อนกับน้องเขามา เรื่องให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงขายหุ้นออกไปบ้างคงง่ายขึ้น”

“อ้อ... อย่างนี้เอง” จิรัฐพึมพำ

ที่อีกฝ่ายดักรอ พาเขาไปโรงพยาบาล พูดกับเขาดีกับเขามากขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ทำให้น้องต้องจากไปโดยเจตนาแล้ว คงเพราะสงสารนึกว่าเขาป่วย อีกทางหนึ่งพอตรวจร่างกายเรียบร้อย เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไร ก็ยิ่งดี ถ้าจะไปก็ไปได้โดยไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกันอีก

เพียงแต่ตอนนี้ที่จิรัฐรู้ตัวว่าผิดปกติ ไม่ใช่ร่างกายแล้ว แต่เป็นจิตใจต่างหาก


บ่ายวันต่อมาธรรมนูญลงนั่งที่โต๊ะเหล็กดัดทาสีขาวหน้าเรือนครัว เชฟใหญ่ผู้มีเวลาพักน้อยนิดก่อนคุมมื้อเย็นขอร้องแกมบังคับอยากจะให้ชิมเมนูใหม่อีกแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงจำเพาะว่าเขาต้องเป็นหนูทดลองอยู่ร่ำไป หลังจากหมดสัปดาห์ตลาดน้ำผู้บริหารใหญ่น่าจะให้ทักษ์เสนอความคิดสำหรับครั้งหน้าเอง เลยเป็นที่มาของการโหมทำทั้งคาวหวานเยอะขนาดนี้ เพราะทักษ์ถือคติหลากหลายไว้ก่อนแล้วค่อยเลือกที่เข้าท่าสุด ดีกว่าทำมาน้อยแล้วลงเอยด้วยการไม่มีอะไรให้เลือก

แต่พอเห็นของที่เรียงรายตรงหน้าธรรมนูญก็อดประหลาดใจแกมทึ่งไม่ได้ ถ้าดูไม่ผิดทั้งหมดนี่...

“เป็นไง” พ่อครัวเอกยืนเท้าสะเอวยิ้มกริ่ม “สระที่ทำใหม่เพิ่งเสร็จเปิดให้ใช้ได้ไม่นาน เราก็ฉลองเสียเลย เป็นเทศกาลบัวหลวง วานอาร์มบอกประชาสัมพันธ์ช่วยคิดชื่อที่มันดึงดูดลูกค้าเสนอข้างบนหน่อยละกัน”

ธรรมนูญต้องยอมรับว่าความคิดใช้ส่วนต่างๆ ของบัวมาเป็นวัตถุดิบหลักในจานเข้าทีอยู่ไม่น้อย ทักษ์เริ่มร่ายเมนู ท่าทางภูมิใจ

“นี่แกงส้มรากบัว... แต่ความจริงรากเอาทำแกงอย่างอื่นได้อีกเยอะก็ว่าจะเวียนๆ กันไป ทั้งเขียวหวาน แกงเหลือง แต่ว่าอาร์มชอบแกงส้มเลยทำก่อน อันนี้แกงจืดใบบัวอ่อน ยำสายบัว ข้าวห่อใบบัว เมี่ยงบัวหลวงนี่สาวๆ น่าจะสั่งกันเยอะ แคลอรีต่ำ ของหวานทำเม็ดบัวเชื่อมกับหม้อแกงมาก่อน ยังเหลือฝัก เหง้า ไหล...”

“พอๆ เท่านี้ก็กินไม่หวาดไม่ไหวแล้ว เยอะขนาดนี้ไม่ให้คนอื่นมาช่วยกินด้วยล่ะ”

“ซูเชฟกับสเตชั่นน่ะได้ชิมไปบ้างตั้งแต่ยังอยู่ในครัว แต่นี่แยกมาต่างหากนะ อยากให้อาร์มกิน”

ธรรมนูญมองเมี่ยงบัวหลวง เครื่องคล้ายเมี่ยงคำวางบนกลีบบัวชมพูสด สวยเสียจนไม่อยากแตะ แต่เห็นหน้าตากระตือรือร้นของเชฟก็เลยต้องชิมไปทีละอย่าง ท่าทางวันนี้จะไม่ต้องพึ่งมื้อเย็น ว่าไปแล้ว บัวนี่เอามาใช้ได้ทุกส่วนจริงๆ

ทักษ์ดูจะรู้ว่าเขาคิดอะไร เพราะบอกว่า

“สระบัวหน้ามุขเหมือนของคู่บ้านเลยเนอะ คุณหญิงบัวท่านคงพอใจไม่น้อย ที่ของรักของท่านยังอยู่ในสภาพดีแม้จะผ่านมานานขนาดนี้แล้ว และยังเกิดประโยชน์ต่อมาด้วย เสียดายที่ตอนบั้นปลายท่านรับรู้เรื่องราวอะไรได้ไม่ครบถ้วน”

“หมายความว่ายังไง” ธรรมนูญผิดหู เรื่องที่สระถูกสร้างตั้งแต่แรกเพราะอะไร ให้ใคร เป็นเรื่องที่พนักงานทุกคนในบ้านหลังนี้รู้กันดีอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ทักษ์พูดขึ้นเขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“ก็...” คนนั่งตรงข้ามทำท่าราวนึกหาคำที่เหมาะสมไม่ออก “ก็สติท่าน... ท่านไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่”

“นี่จะบอกว่า...” ธรรมนูญเองก็ไม่อยากพูดออกมาเหมือนกัน วิปลาส... อย่างนั้นน่ะหรือ เขารีบถาม “ไปรู้มาจากไหน”

“เมื่อก่อนคนเก่าคนแก่ที่เคยทำงานในบ้านตั้งแต่สมัยคุณยายคุณจีพอรู้ว่าคุณบุณฑริกกลับมาก็มาขอทำงานอีก... เกษียณลาไปลูกหลานมาทำ ก็ได้ยินต่อๆ กันมา ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น”

เป็นคำตอบที่ออกจะคลุมเครืออยู่ไม่น้อย แต่ธรรมนูญรู้ว่าจะสืบสาวราวเรื่องตอนนี้ก็คงไม่ได้ความชัดเจนไปกว่าเก่า เรื่องแบบนี้เล่ากันปากต่อปาก จริงเท็จแค่ไหน เพิ่มเติมสีสันเข้าไปอย่างไรก็ไม่ทราบได้   

“เอาอะไรมาพูด” เขาเอ็ดเสียงไม่เบา ทักษ์หน้าเจื่อนแต่ยังว่า

“อาร์มนั่นแหละทำไมไม่เคยได้ยิน กระทั่งคุณจีเองก็ต้องรู้ คุณยายทวดตัวเองทั้งคน คุณบุณฑริกคงเล่าให้ฟังบ้างแล้วล่ะ”

ธรรมนูญนิ่ง เขาไม่แน่ใจว่าจิรัฐรู้หรือเปล่า อาจจะรู้จริงๆ อย่างทักษ์ว่า เพราะเป็นเรื่องในครอบครัวเศรษฐสุทธ์ แต่ที่แน่ก็คือรุ่นน้องคงไม่สบายใจหากพนักงานพูดกันสนุกปาก ถึงเขาจะเคยอบรมเรื่องความเป็นส่วนตัวของแขกซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจในงานบริการ แต่อาจต้องสำทับซ้ำว่าความเป็นส่วนตัวของผู้บริหารก็สำคัญไม่แพ้กัน เขานึกไม่พอใจตัวเองอยู่ครามครันที่หูตาไม่กว้างไกลสมกับที่ทำงานฝ่ายบุคคล

แต่จะว่าไป ก็ด้วยตำแหน่งนี้บวกกับความที่สนิทกับจิรัฐมาก่อนนั่นแหละ อาจทำให้พนักงานระวังไม่กล้าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าให้เข้าหู มีแต่ทักษ์ที่คุ้นเคยกันพอ แม้กระนั้นก็เอ่ยขึ้นเพราะนึกว่าเขารู้แล้ว

ธรรมนูญถอนใจ บรรดาของคาวหวานประดามีจากบัวหลวงทำท่าจะเป็นม่ายเอาดื้อๆ ส่วนเชฟหน้าจ๋อยสนิท
 

ภวิลก้าวเท้าจากเรือขึ้นฝั่งหน้าบ้านที่คุ้นเคยอีกครั้ง   

จริงๆ แล้วก็ออกหงุดหงิดตัวเองอยู่ไม่น้อย... เหมือนคนหน้าด้านหน้าทน ไล่แล้วก็ยังไม่ยอมไป

ปกติเขาหาเหตุผลรองรับการกระทำได้เสมอ มีแต่เรื่องนี้ที่ท้าเหตุท้าผล ท้าตรรกะธรรมดาทุกอย่างหมดนั่นแหละ

เขาเดินอยู่ข้างล่างยังไม่ขึ้นไปบนตึกเพราะไม่อยากจะเสี่ยงไปปะหน้าให้อีกฝ่ายต้องไม่สบายใจอีก ที่สำคัญ ภวิลไม่รู้ว่าตัวเองจะพร้อมรับมือกับอาการถอยหนีพูดจาไม่มองหน้ากันอย่างนั้นได้แค่ไหน ถ้านั่นคือความจริงแล้ว ปฏิกิริยาที่นับว่า ‘ดีขึ้น’ เขาก็คงคิดไปฝ่ายเดียว

ภวิลเดินเรื่อยไปจนใกล้เรือนครัว ความจริงก็ไม่ได้คิดจะเดินมาถึงตรงนี้ กำลังจะเดินกลับก็พอดีเห็นเจ้าของบ้านยืนหันหลังอยู่ เขาชะงักนิด แต่แล้วก็เดินเข้าไปหา ความตั้งใจแต่แรกที่จะไม่ ‘ไปปะหน้า’ หายไปไหนไม่รู้เมื่อเห็นตัวจริงเข้า

จิรัฐไม่สังเกตเห็นเขา ท่าทางจดจ่ออยู่กับเรื่องบางอย่าง ภวิลเดินเข้าไปใกล้ แล้วจึงรู้ว่าอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้นทำไม ถึงจะได้ยินแค่ปลายๆ ก็พอปะติดปะต่อได้

จิรัฐเหลียวกลับมา สะดุ้งเกือบสุดตัวเมื่อเห็นเขาก่อนจะรีบสาวเท้าจากไป แต่สีหน้าที่ภวิลได้เห็นเพียงแวบเดียวนั้นทำเอาเขาใจโหวงวูบ

ถึงทักษ์จะบอกว่าคุณบุณฑริกคงเล่าให้ลูกชายฟังแล้ว แต่ภวิลแน่ใจว่าจิรัฐเพิ่งรู้วันนี้ อันที่จริงคนเป็นแม่ไม่เล่าก็ไม่แปลก เพราะไม่ใช่เรื่องควรขยาย รังแต่จะสร้างความไม่สบายใจเสียเปล่าๆ คุณย่าไพจิตรยิ่งไม่รื้อฟื้น เพราะคงเป็นการเสียมารยาทไม่น้อย

เขาเกือบเดินตาม แต่แล้วก็ถอยห่างออกมาเงียบๆ โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของสองคนที่โต๊ะเหล็กดัด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา


ธรรมนูญมองหน้าหงอยๆ ของเพื่อนร่วมงานแล้วอดสงสารไม่ได้ ความจริงตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันเขาก็ไม่เคยเห็นทักษ์เข้ากลุ่มซุบซิบนินทา หรือว่าปากยาวสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่ยังย้ำ
 
“อย่าพูดไปแล้วกัน เพิ่งรับพนักงานใหม่มาอีก... ยังมีคนที่ไม่รู้ก็ไม่ต้องแพร่ข่าว”

“เห็นเป็นโทรโข่งหรือไง ได้ยินก็ได้ยินมา ไม่เคยเอาไปพูดต่อสักนิดหนึ่ง ครั้งแรกก็กับอาร์มนี่แหละ”

“เอาล่ะ โอเค โอเค... เออ เม็ดบัวเชื่อมนี่อร่อย ผ่าน ใส่ในเมนูเตรียมเสนอผู้บริหารได้เลย” เขาชมเอาใจ แต่ก็อร่อยจริงๆ เห็นสีหน้าคนนั่งตรงข้ามยังไม่ค่อยจะดีขึ้นก็ตักกินเพิ่ม

“เชื่อแล้วว่าไม่พูด จะหน้านิ่วคิ้วขมวดทำไมเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก” เขาว่า รู้ว่าทักษ์จะโวยหากยกประเด็นนี้ขึ้นมา

แต่อีกฝ่ายไม่ยักว่าอะไร กลับถอนใจเฮือก “บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีเลย”

“อะไรกัน... คนไม่ดีที่ไหนจะรสมือดีขนาดนี้” ธรรมนูญบอก ครั้งแรกที่ทักษ์พูดเรื่องนี้เขาหัวเราะแล้วว่าไม่เกี่ยว ก็เจ้าตัวว่าทำอาหารทำด้วยใจ ใจดี... กับข้าวก็ดีตาม
 
“แบบ... บางทีก็อิจฉาคนที่ไม่ควรอิจฉา”

คราวนี้ธรรมนูญไม่รู้เรื่องเอาจริงๆ ตอบไม่ถูกว่าควรจะไปทางไหน ทักษ์มองเขาอยู่ครู่แล้วว่า

“ช่างเหอะ เอาเป็นว่าถ้าทำอะไร... อาร์มอย่าโกรธนะ อย่างน้อยก็ขอให้เป็นเพื่อนกัน”

คนถูกเรียกให้มาชิมยังงง แต่พ่อครัวยิ้มแล้วเลื่อนจานขนมหม้อแกงให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ภวิลไม่ได้โทรศัพท์หาใครอื่น เป็นเพื่อนที่อุปโลกน์ให้เป็นที่ปรึกษาทางการแพทย์กลายๆ นั่นเอง เขามีข้อสงสัย... อาจจะเป็นแบบเดียวกับที่จิรัฐมีอยู่ในใจเมื่อได้เห็นสีหน้าเมื่อครู่ แต่เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องคิดแบบนั้นเลยจริงๆ

“หมัด ว่างนะ”

“คุยได้จ้ะ มีอะไรรึเปล่าเสียงไม่ค่อยดี”

ผู้หญิง ความรู้สึกไว... ถึงภวิลจะไม่รู้ว่าเสียงเขาเป็นยังไง แต่ความกังวลที่มีอยู่คงสื่อออกไปไม่น้อย

“มีเรื่องอยากถาม คือ... เพื่อน... คนหนึ่ง เขาเห็นโน่นเห็นนี่ ประมาณว่า... บางทีคิดว่าตัวเองไปที่อื่นแต่จริงๆ ไม่ได้ออกจากห้องเลย แล้วก็... มีได้ยินเสียงแว่วบ้าง แต่ทั่วไปก็ดูปกติดี”

“ไม่ได้ติดยาติดเหล้านะ”

“เรื่องนั้นตัดออกไปได้”

“หมัดก็ไม่ได้จบทางนี้มา แต่ถึงจะคล้ายอาการทางจิตเภทก็ต้องตรวจให้ละเอียด ดูสภาพแวดล้อมอะไรด้วยหลายอย่าง รวมไปถึงประวัติทางครอบครัว ว่าเคยมีใครมีอาการแบบนี้บ้างไหม”

“ทางฝั่งทวดเขา... อาจจะเป็น”

“อืม... พันธุกรรมก็มีส่วนมาก... เท่าที่เห็นจากสถิติถ้าเคยมีประวัติก็มีความเป็นไปได้สูงขึ้นในชั้นลูกหลาน ตอนแรกการสับสนหรือว่าหลงผิดจะเกิดขึ้นช้าๆ แล้วก็ไม่มาก คนที่เป็นก็จะพยายามทำตัวปกติ และนึกว่าคิดไปเอง แต่ต่อไปก็จะเครียดมากขึ้นเพราะรู้สึกว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ แต่เจ้าตัวไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร”

ภวิลนิ่ง คนเป็นหมอยังพูดต่อเรื่อยๆ 

“ส่วนใหญ่ก็รักษาด้วยการให้ยา ปรับขนาดยาแล้วดูอาการกันไป... แต่มันจะช่วยได้มากกว่าถ้ารู้สาเหตุลึกๆ ในจิตใจ ยิ่งถ้าเมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็น แต่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตแล้วเริ่มเป็นหลังจากนั้น แก้ที่ต้นเหตุได้ก็จะดี... กันการกลับไปเป็นอีก”

มทนาคงไม่รู้ว่าเพื่อนทรุดตัวลงนั่งกับม้านั่งแถวนั้นแล้วยกมือคลึงหว่างคิ้ว การเปลี่ยนแปลงในชีวิตน่ะหรือ... ถูกเทคโอเวอร์กิจการของครอบครัวที่รักแสนรักไปโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ไม่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วจะเรียกว่าอะไร

เพราะภวิลสังเกตอีกฝ่ายอยู่เสมอ เมื่อคิดย้อนไปแล้ว ทุกอย่างก็... ลงรอย ทั้งที่ ‘เห็น’ อะไรๆ แล้วยังครั้งหลังสุดเขาจำได้ ตอนนั้นรถเงียบแต่จิรัฐกลับหันมาถามว่าเขาเรียกหรือเปล่า

ภวิลไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่แล้ว ตอนนั้นจึงปักใจเสียว่าฝันร้าย มาเริ่มเอะใจตรงหูแว่วแต่ก็พยายามคิดว่าคงเกิดขึ้นได้บ้าง ความเป็นไปได้อีกอย่างไม่เคยเฉียดเข้าใกล้สมองเขาเลยจนกระทั่งได้ยินเรื่องในวันนี้

ความเป็นไปได้ที่ว่า... อาจเป็นอาการทางประสาท อาการเริ่มแรก สับสน หลงผิด ประสาทหลอน

แต่ถ้าตัด ‘ต้นเหตุ’ ออกไปจากชีวิตแล้วก็จะดีขึ้น จะหายใช่หรือเปล่า

“หมัด... สมมติว่าเราพอจะรู้ว่าใครทำให้เขาต้องเจอเรื่องกดดัน เรื่อง... เปลี่ยนแปลงในชีวิตนั่นน่ะ ไม่มีแล้วก็น่าจะกลับเป็นปกติได้เร็วขึ้นใช่ไหม”

“ก็มีส่วนช่วยบ้าง ถ้าได้ออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ แต่ยังไงหมัดว่าต้องมาตรวจนะ วินพามาเลยหรือเปล่า หมัดจะได้เตรียมส่งต่อให้เฉพาะทาง”

ภวิลเอ่ยตอบไปทั้งใจวูบ

“คง... ไม่ใช่หน้าที่เราแล้ว”

มทนาพยายามถามเขาอยู่อีกสองสามประโยค ภวิลก็ตอบโดยไม่ระบุอะไรเจาะจงก่อนจะวางหู นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น

เขาพยายามทำทุกอย่างเท่าที่อยู่ในอำนาจตัวเองจะทำได้ แต่บางเรื่องก็ต้องยอมรับ ว่าใจคนไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับฝืนกัน จิรัฐไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ควรต้องเผชิญเรื่องแบบนี้ ถ้าต่อไปจิรัฐได้ทำงานอย่างมีความสุข อยู่กับบ้านที่รัก ก็เป็นเรื่องที่เขาควรจะพอใจได้แล้ว

ภวิลลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจลึก แล้วออกเดินมุ่งไปยังตึก แต่จิรัฐไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน และไม่ได้อยู่ในตัวบ้าน เขากลับออกมา เดินไปทางสระบัว แต่ก็ไม่มี

ภวิลเดินต่อไปอีก ถึงยังไม่เจอตัวแต่เขามั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าต้องหาเจอ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร หากเขา ‘รู้’ ว่าต้องหาจิรัฐเจอ

จนเกือบสุดเขตบ้านจึงเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงท่าน้ำ ท่านี้ไม่ใช่ท่าหลักที่ใช้รับส่งแขกไปใครมาอย่างหน้าบ้าน จึงเล็กกว่าและปลอดคน จิรัฐนั่งนิ่งๆ สายตาทอดจับผืนน้ำเบื้องหน้า ดูจะจมอยู่ในห้วงความคิด

ภวิลเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง อีกฝ่ายเพียงหันมามองเฉย แต่แววตาคล้ายทอดอาลัยทำเขาใจหายเป็นครั้งสอง ภวิลลงนั่ง ห่างพอสมควร

จิรัฐมองคนที่นั่งข้างกันนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะละสายตากลับไปหาแม่น้ำเหมือนเดิม ภาพเมื่อกี้เลือนลาง... พร่ามัว แต่จะเป็นภาพฝันหรือภาพจริง เขาก็ยังคงพูดออกไป

ถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีก

“... ผม... เห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ได้ยินเสียงใครก็ไม่รู้”

ภวิลนิ่ง เสียงเศร้าๆ นั้นเสียดลึกลงในใจอย่างบอกไม่ถูก จิรัฐยังพูดต่อ เขาจะ... บอกจนสิ้นความ

บอกหมดทุกอย่าง เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

“ตอนแรกผมก็นึกว่าคิดไปเอง แต่ไม่ใช่หรอก...” เขาพูดเบาๆ “ผม... อาจจะกำลังเป็นอย่างคุณยายทวด”

“มันอาจจะเป็นแค่ข่าวลือ...” ภวิลว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายปักใจไปกว่าครึ่ง กระทั่งเขาเองก็ด้วย
 
จิรัฐคงกำลังคิดว่าเรื่องที่คุณหญิงบัวป่วยไข้ถึงแก่ชีวิตนั้น เป็นเพราะท่านหลงลืม วิปลาสไปก่อนแล้วถึงได้เดินตกสระ ที่คุณบุณฑริกเคยบอกว่า ‘ตอนป่วย ถ้ายังได้สติบ้างท่านยังชอบมองดอกบัวจากหน้าต่าง...’ เขาเองก็นึกไปว่ามีสติขึ้นจากที่ป่วยนอนแซ่วอยู่ ไม่ใช่รู้ตัวเมื่ออาการสับสนประสาทหลอนบรรเทา

เมื่อคิดดูแล้ว... ทั้งหมดก็... มีเหตุผลสอดรับกันดี

จิรัฐสั่นศีรษะ ภวิลขยับจะค้านอีก แต่ต้องเงียบเมื่อจิรัฐเหลือบมองเขาแวบ คำปลอบใจไร้ความหมายไม่อาจช่วยอะไรได้ในเวลานี้ ที่เขารู้คือผลสุดท้ายมันไม่จำเป็นต้องลงเอยแบบนั้น
 
ถึงได้ต้องกันไว้... ด้วยการแยกตัวออกไปก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้

“จะใช่หรือไม่ใช่ ก็ควรจะไปเช็คให้ละเอียดอีกที” เขาอดย้ำไม่ได้ อีกฝ่ายเฉย แม้จะอยากได้คำรับปาก แต่ภวิลก็ไม่ต้องการคาดคั้น เอาเป็นว่าต่อไป... ถ้าไม่มีเขามายุ่งเกี่ยวอีก จิรัฐคงสบายใจขึ้น

“คุณมีเรื่องจะพูดกับผมใช่ไหม” จิรัฐถามหลังจากนิ่งไปอีกพักหนึ่ง ภวิลพยักหน้า ถึงจะยากเย็นก็ต้องทำให้สำเร็จ เขาเอ่ยช้าๆ

“ที่คุณเคยบอกก็ถูก... มาคิดดู ถึงลงทุนที่นี่ต่อก็ไม่คุ้มกับบริษัทหลักผมเท่าไร เพราะฉะนั้นเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ ขายหุ้นส่วนของวินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ออกไป...”

จิรัฐไม่ยอมมองเขา ยังจ้องแต่สายน้ำเบื้องหน้าอยู่เหมือนเดิม ก็ดีแล้ว อาจจะทำให้พูดเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น

เพราะคนที่ไม่ใช่เจ้าของ เข้ามาได้ก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราว สักวัน... ต้องคืนกลับไปให้เจ้าของที่แท้จริงอยู่ดี

เขาพูดต่อสั้นๆ “ผมยอม”

จิรัฐจะได้บอกแม่ได้ ไม่มีเรื่องบิดเบือนอีก บอกว่าวิรัชภาคย์ที่เคยถือหุ้นจำนวนหนึ่งตกลงใจจะขายส่วนของตัวเองในตลาดหลักทรัพย์ ภวิลรู้ ถ้าเขากระจายหุ้นในมือออกได้หมด อำนาจการบริหารจะเปลี่ยนไปเป็นของคนที่ยังถือหุ้นอยู่มากที่สุด... นั่นคือ ยี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ของจิรัฐ ต่อไปก็ตั้งคณะกรรมการบริหารที่มีความชำนาญมาช่วย เขาเชื่อ... บ้านพระยาจะไปได้ดี

“เรื่องบ้านหลังนั้น... ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะพยายามหาต่อและซื้อมาไว้กับทางนี้ให้ได้ อย่างน้อยก็เป็นความต้องการครั้งสุดท้ายของยู”

จิรัฐก็ยังไม่ยอมหันมา ภวิลได้แต่มองเสี้ยวหน้าด้านข้างราวจะจำหลักลงไว้ในความทรงจำ

ความผูกพันที่แน่นเหนียวเหมือนใยบัวร้อยรัดใจเอาไว้ จะสะบั้นให้ขาดลงคงยากยิ่ง

คนนั่งข้างกันเอ่ยเบา

“เท่านั้น... หรือครับ”

“... เท่านั้น” คนจะไปหัวเราะขื่น “อ้อ อีกอย่าง... เข้าตลาดหลักทรัพย์มีประโยชน์เรื่องภาษี ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยดี”

ตัวคนพูดย่อมรู้... จริงแค่ไหน ‘เท่านั้น’ เพียงนั้น ใช่หรือไม่ แต่ให้เข้าใจแบบนี้... คงดีที่สุดแล้ว

“ทั้งหมดนี่ต้องใช้เวลา... แต่ไม่นานหรอก”

ภวิลลุกขึ้นเสียก่อนจะมีเหตุอันใดมาทำให้ความตั้งใจสั่นคลอน เมื่อเดินห่างออกมาได้ระยะหนึ่งจึงเหลียวมองคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เอ่ยเบาราวจะฝากลมไป

“ขอโทษ... สำหรับทุกอย่าง”


จิรัฐมองเงาร่างเคยคุ้นลับสุมทุมพุ่มไม้ไป ภาพตรงหน้ายังพร่าเลือน แต่เขารู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร

ทั้งๆ ที่เล่าหมดสิ้นทุกอย่าง แบบที่ภวิลเคยว่า ‘... เรื่องอะไรก็พูดได้’ แต่อีกฝ่ายเพียงจะมาบอกเขาว่าถึงเวลาต้องไปแล้วเท่านั้น
 
จิรัฐซบหน้าลงกับหัวเข่า อีกมือเลื่อนลงไป กำโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงเอาไว้เหมือนจะยึดเป็นที่พึ่งสุดท้าย แม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์แล้ว

ตอนภวิลเข้ามา เขาไม่มีสิทธิคัดค้านอะไร ตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายต้องการจะไป ก็คงไม่มีสิทธิใดจะทัดทานเช่นกัน

‘... ต้องใช้เวลา... แต่ไม่นานหรอก’

... ไม่นาน... ไม่นาน... ก็จะกลับไปเป็นคนไม่รู้จักกันเหมือนอย่างที่แล้วมา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2012 15:01:52 โดย เดหลี »

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
คุณ iforgive ต้องระวังตัวจริงๆ แหละค่ะ ขอบคุณสำหรับการอ่านค่า
คุณ malula มันน่าคิดมากเลยนะเรื่องกลับชาติมาเกิดเนี่ย แต่เผอิญมันก็ไม่ใช่แนวเหนือธรรมชาติข้ามชาติภพยังงี้ล่ะสิ ขอบคุณมากนะคะ
คุณ pattybluet ในบทนี้คนเขียนจะต้องถูกถล่มจากแม่ยกจีชัวร์ๆ ถึงจะไม่มีอุปสรรค์เรื่องคู่หมั้น แต่ว่าอุปสรรคของสองคนนี้ก็ยังมีอยู่อีกจิ๊ด... นึงเนอะ แหะ ฝากตอนหน้าด้วยนะค้า
คุณ bulldog17 เป็นเพลงมาเลยนะ 55
คุณ Pupay เรื่องในอดีตของพี่แกคงมีไม่ค่อยมากอะค่ะ แนวลูกชายคนโตเรียนทำงาน ไปเรื่อย คบหมอหมัดอยู่คนเดียวก็เป็นเพื่อนกันไปแล้ว กร๊าก
คุณ silverphoenix คิด... แต่ไม่รู้มันจะเป็นจริงเมื่อไหร่ ฮา
คุณ UnLucky มันมีขึ้นมีลงปนกันไปค่ะ เหอๆ เทาบ้างชมพูบ้าง ปมที่เหลืออยู่นี่เดี๋ยวรวดเดียวแล้วค่ะ มันคือปมเดียวกันตลอดแหละที่จริง ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านเจ้าพวกขนสั้นนะคะ 
คุณ uknowvry จีเขาเลือกเมมยังงั้นเสียดายที่เจ้าของเบอร์ไม่เห็นนะนั่น
คุณ PetitDragon ที่ฮีจะอยู่จะไปก็เพราะเจ้าของบ้านตลอดแหละพักหลังมาเนี่ย ปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยมีใครทำจีบนกกับม้าฮ่อแล้วค่ะ แต่จริงๆ ม้าฮ่อทำไม่นานเท่าไหร่นะ
คุณ suck_love ไม่เสียวน้า ไม่น่ากลัว ปมในอดีตเราจะเคลียร์กันในอีกไม่กี่บทเนี่ยแหละ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่า
คุณลูกลิงตัวอ้วน ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามค่ะ
คุณ Little Diamond สักวันหนึ่งเนี่ยแหละ จริงๆ นะ ขอฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ appletokki ขอบคุณมากค่า
คุณ vanny ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเนอะ 55
คุณ yeyong ขอบคุณมากค่ะสำหรับการอ่าน เคลียร์เรื่องนี้แล้วก็ยังมีให้เคลียร์อยู่อีกเล็กน้อย...
คุณ Giniz แต่บทนี้มัน... ค่อนข้างจะไม่มีอะไรให้เขินเนี่ยสิ ถึงจะโสดแล้วก็ยังมีเรื่องให้สะสางกันต่อไป...
คุณ ordkrub ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาค่า ดีใจที่ชอบ ขอฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ  ์ำNeFuji คนให้จะไปไหนซะแล้วละนั่น...
คุณ luckyzaaa มันไม่เสียวอย่างผีสางมะคะ แต่อาจจะเสียวแบบอื่น (เอ๊า) ปล. มาแล้วน้า แอบช้าบ้างไรบ้างอย่าเพิ่งทิ้งกันน้า
คุณ Ipatza คราวนี้ก็กลับมาหลังจากหายไปหลายวันอีกแล้ว ตอนแรกจีอาจจะนึกว่าเป็นวิญญาณ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่นะ อินไปกับจี 55 ยังไงก็ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ cheyp ขอบคุณมากๆ สำหรับการอ่านค่ะ ก็ค่อยๆ ดูกันไปเนอะ แต่ใกล้เผยทุกอย่างหมดแล้วล่ะค่ะ
คุณ berlyn พิเศษพอมั้ยล่ะนี่ พี่แกจะไปไหนไม่รู้แล้ว ใครเขาจะกล้าใช้ เนอะ
คุณ tiktik9102 ขอบคุณมากนะคะ ได้เม้นแรกทีเดียวเชียว ขอฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ @Iriz ตอนนี้ก็ได้ข้อมูลเรื่องคุณยายทวดเพิ่มอีกหน่อยแล้วด้วยค่ะ คงเป็นปริศนาชิ้นสุดท้ายแล้วล่ะ (ว่าแต่พ่อนักสืบ จะไปไหน) ความสัมพันธ์อะเนอะ มีคืบบ้างถอยบ้าง จนกว่าจะเคลียร์ความรู้สึกได้หมดจริงๆ
คุณ gohong เรื่องระลึกชาตินี่เป็นพล็อตได้อีกอย่างเลย แต่เผอิญเรื่องนี้มันไม่ใช่แบบนั้นสิ คนอ่านหลอนไปตามจี 55 มาตามสืบด้วยกันค่า
คุณ londoneye ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาค่า มีปมแล้วและมันก็ดำเนินมาถึงการใกล้คลายปมแล้ว 55 คนอ่านมาช่วยคุณพระเอกสืบ คู่นี้รักกันช้าจริงค่ะ (แต่จะรักไปนานๆ นะ รึเปล่า) ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ Cherry Red ขอบคุณมากสำหรับการอ่านค่า ถ้ากระชับความสัมพันธ์แนบแน่นขึ้นจริงแล้ว ถึงจะมีเรื่องอะไรขึ้นสายใยอย่างนั้นก็ยังคงอยู่เนอะ
คุณ GAZESL ขอบคุณมากค่ะสำหรับการอ่าน เดี๋ยวก็คลายปมแล้วค่า ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ
คุณ Jeyibee คนอ่านมาหลอนเป็นเพื่อนจี 55 ความจริงมันก็ไม่ใช่วิญญาณหรืออะไรหรอกค่ะ (อาจจะเป็นอย่างอื่น?) กลายเป็นว่าเงื่อนที่เพิ่มมาทำเอาคุณพระเอกหลุดไปไหนแล้วเนี่ย อร๊าย ชอบค่ะ นับญาติแล้วต้องนับแฟน (เมื่อไหร่ล่ะ) ขอบคุณมากสำหรับการติดตามค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มาแล้ว... กราฟดิ่งกันถ้วนหน้าทุกคนเลยเซ่ แต่ว่า... มันจำเป็นนะตัวเอง มีลงก็ต้องมีขึ้นเนาะ 

ปล. คุณภวิล! ไปจริงอ้ะ ไปแล้วเข้าทางแน่ๆ (ทางใครล่ะ)

ปล 2. รายการอาหารคุณเชฟเครดิตตำรับอาหารจากบัวของราชภัฎนครสวรรค์ เมี่ยงบัวหลวงนี่อาจารย์จากเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีท่านเป็นเจ้าตำรับ แต่เห็นอยู่หลายสูตรเหมือนกัน http://www.youtube.com/watch?v=qzmdazuGKQs

ตอนนี้ช้านิดนึง แหะๆ (... ไม่นิดเหรอ) ขอโทษด้วยน้า คนเขียนงานทับตัวตายจริงจัง กว่าจะเข็นตอนนี้เสร็จ ต้องขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ จากใจเลยค่า 
  :กอด1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ไหงงี้อ่ะ

หงอยกันทั่วหน้า :z3:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อ่านตอนนี้แล้ว เป็นพล็อตเรื่องที่น่าสนใจมากเลยค่ะ
โยงเข้ากับอาการทางจิตเวชได้ แม้จะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
ง่าาา ตัดฉับ ค้างคา :sad4:
พี่วินจะรีบไปไหน จียังไม่ทันได้พูดไรเลย :เฮ้อ:
แต่ว่าจีจะเป็นโรคอย่างคุณย่าทวดจริงๆหรอเนี่ย  :monkeysad:

 :pig4:นะคะ

ออฟไลน์ chompoonut139

  • สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ดราม่าขนาด

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วจุกอ่ะ สงสารทั้งน้องจีและพี่วินเลย  :m15:

ออฟไลน์ Jeyibee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เริ่มมาก็หลอนเลย o22 แต่เป็นผีก็ยังดีกว่าให้จีเป็นบ้านะ :serius2:
ไม่อยากให้กลายเป็นว่าจีหลอนไปเองเป็นโรคประสาทหรืออะไร เป็นแบบนั้นให้ผีมาจริงๆเลยดีกว่า :sad4:
ส่วนคุณอาร์มก็ช่างไม่รู้สึกอะไรเอาซะเลย คนเค้าพูดขนาดนั้นแล้วนะ :seng2ped:
สงสารคุณเชฟเลยแหะ น่าจะให้คุณเชฟจับปล้ำซะเลย o18
แต่ตอนนี้กราฟดิ่งจริงๆเลยค่ะ เข้าใจผิดกันไปคนละทางเลย  จีรีบๆง้อพี่วินหน่อย คนแก่เค้างอน+คิดมากไปนู่นแล้ววว :laugh:
ว่าแต่ใครรอเสียบล่ะคะ คุณอาร์มเหรอ ไม่ยอมๆๆๆ :z6:(ถีบคุณอาร์มไปให้คุณเชฟ)
รอตอนต่อไปและขอบคุณที่อัพค่ะ :pig4:


ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

อะไรอะ คิดเองเออเองกันอีกแล้ว
หงุดหงิดอะ  จิรัฐอุตส่าห์พยายามเล่าแล้ว
แล้วนี่ก็คิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุ
แทนที่จะพยายามเป็นที่ปรึกษาคอยดูแล
นี่กลับจะทำตัวหายไปอีก
สงสารจิรัฐ  :monkeysad:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เง้อ......อ เศร้า อึน....รออ่านต่อ 555

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เง้อ......อ เศร้า อึน....รออ่านต่อ 555

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ทำไมถึงไม่เปิดใจคุยกันนะ  ทำแบบนี้เจ็บทั้งคู่
แล้วจริง ๆ แล้วเราว่าไม่น่าจะเป็นอาการทางประสาท
เหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ต่างคนต่างคิดไปเอง ทั้งที่ก็อยากอยู่กับอีกฝ่าย

อึมครึมมากๆ แต่อาการของจีนี่ซิ หนักกว่า

ไอ้ภาพหลอนนี่มันยังไง

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
รออ่านเรื่อยๆอยู่นะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2012 15:33:34 โดย Guill »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด