บทที่ 9 (ต่อ)วันรุ่งขึ้นจิรัฐจอดรถที่ประจำก่อนออกเดินมุ่งไปท่าน้ำ หลังนอนยาวไปตื่นเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก เรียกว่าอาการเมื่อวานแทบจะเป็นปลิดทิ้ง จนเหลือบเห็นรถคันดำเจ้ากรรมอีกครั้ง
คราวนี้ภวิลมองมาราวกลัวเขาจะเดินเลย แถมยังพูด “ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาใช่มั้ย”
จิรัฐพยักหน้า เขาแทบกินสามมื้อที่ทำงาน และภวิลก็น่าจะรู้ว่าปกติมื้อเช้าเขาก็กินที่บ้านพระยานั่นแหละ อีกฝ่ายผงกศีรษะนิดอย่างพอใจในคำตอบพลางปลดล็อกรถ
“นี่เราจะไปไหนกันครับ”
“โรงพยาบาล”
“ใครเป็นอะไรหรือเปล่า” จิรัฐออกตกใจ แวบหนึ่งเขานึกถึงคุณยาย เพราะเป็นคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับทั้งเขาและภวิล
“ยัง... แค่จะไปเช็คให้แน่ว่าคุณไม่เป็นอะไร”
มือที่กำลังจะเปิดประตูขึ้นนั่งชะงัก “ผมไม่เป็นไร”
“ก็บอกว่าเช็คเฉยๆ”
“ก็เห็นนี่ว่าสบายดี”
“ถ้าคุณไม่ไปผมก็จะ...”
“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกล่ะ”
“ไม่มีหรอก... ก็แค่จะบอกว่า ถ้ายังอยากอยู่กับบ้านกับคนที่คุณรักไปนานๆ น่ะก็ใส่ใจสุขภาพตัวเองเสียบ้าง เริ่มต้นด้วยการไปตรวจกับผมวันนี้แหละ”
เงียบกันไปนิด ก่อนจิรัฐจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งโดยไม่พูดอะไรอีก ภวิลมองอีกฝ่ายอย่างสังเกตสังกา แต่เขาไม่คิดว่าจิรัฐโกรธ ไม่พอใจ หรืออะไรก็ตามที่จะเป็นสาเหตุแห่งความเครียดที่ต้องนั่งรถไปกับเขา
ขับไปได้หน่อยภวิลก็พูดอย่างระมัดระวัง “ผมคิดว่าถ้าบ้านพระยาค่อยๆ โตในอัตราขนาดนี้ ยังไม่ต้องเร่งระดมทุนเพิ่ม”
“ครับ” จิรัฐก็รับคำท่าทางปกติ
“ผมหมายถึง... คุณยังไม่ต้องเครียด... ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทุนหรอก ปีนี้กำไรดี เรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แค่รอไปอีกหน่อยเท่านั้นเอง”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ” จิรัฐบอกแล้วยังยิ้มให้อีกนิดด้วย ก่อนเอนหลังพิงเบาะมองตรงไปข้างหน้า ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่เครียดจนลงกระเพาะเลย
อันที่จริงเมื่อวานที่เขาเห็นกับตาชัดๆ ก็เพียงแต่หน้าซีดไปหน่อย อาจจะเหนื่อย ร้อน หิว คืนก่อนนอนไม่พอ สารพัดเหตุผล ซึ่งว่าไปก็ไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร แต่ภวิลก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผู้จัดการการเงินจะกุเรื่องรุ่นน้องคลื่นไส้อาเจียนแม้เพียงเพื่อให้เขาออกไปพ้นจากชีวิตจิรัฐก็ตามที
จิรัฐก้าวเข้าไปในส่วนต้อนรับผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียงอย่างไม่ค่อยจะสบายใจ เขาไม่เคยชอบโรงพยาบาล หลายคนอาจจะได้มารับน้องใหม่หรือญาติที่หายแล้วกลับบ้าน ซึ่งล้วนเป็นความทรงจำที่มีความสุข แต่แม้จะตกแต่งไว้งดงามเพียงใด กลิ่นยาและแอลกอฮอล์เจือจางก็ยังผสานแทรกมาเป็นระยะ ว่ากันว่ากลิ่นเป็นตัวกระตุ้นความทรงจำที่ดีที่สุด ตอนที่เขาพาเพื่อนไปห้องฉุกเฉิน กลิ่นแบบนี้ก็...
ภวิลหันมาเห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีของคนพามาก็รีบบอก
“ไม่ต้องห่วง คนนี้ผมไว้ใจ เขาเก่ง”
จิรัฐมองป้าย อักษรสีดำเด่นชัดบนพื้นขาวสะอาดตา... แพทย์หญิงมทนา ไกรสารสรพงศ์
ความจริงเขาไม่ควรจะแปลกใจที่ภวิลเลือกพามาหาคุณหมอคู่หมั้น จะมีใครที่ ‘ไว้ใจ’ ได้ยิ่งไปกว่าคนที่กำลังจะแต่งงานกัน
เขาถอนใจเบาๆ เมื่อพนักงานต้อนรับยกมือไหว้ภวิลอย่างนอบน้อมและ... เคยคุ้นด้วยคงมาบ่อย ก่อนนางพยาบาลจะเชิญวัดความดัน
เจาะเลือดความจริงให้นางพยาบาลเจาะต่อเลยก็ได้ แต่ภวิลเจ้ากี้เจ้าการจะให้หมอเจาะ ก็เลยต้องอพยพกันเข้ามาในห้องหมอทั้งหมด มทนาทักทายคนพามาอย่างสนิทสนม ก่อนจะเผื่อแผ่รอยยิ้มที่ทำให้จิรัฐต้องยิ้มตอบออกไปมาด้วย
หมอชวนคุยโน่นคุยนี่ แต่จิรัฐรู้ว่าเป็นการซักประวัติกลายๆ เขาก็ตอบทุกอย่าง ภวิลนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนมทนาจะเตรียมเจาะเลือด
“ไม่กลัวเข็มนะคะ...” เธอว่า ยิ้มอีกราวจะบอกให้สบายใจ
จิรัฐส่ายหน้า เพียงครู่เดียวก็เสร็จ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” คุณหมอบอก เหลือบมอง ‘เจ้าของไข้’ นิดหนึ่ง
“ให้หมัดเจาะน่ะดีแล้ว ไม่ค่อยเจ็บ” ภวิลเอ่ยคล้ายจะอธิบาย เหตุก็คงมาจากน้องอีกตามเคย เพราะกฤตวัตเกลียดเข็มอย่างกับอะไร
“จ้า...” มทนากดสำลีลงที่แผลเบาๆ ก่อนปิดทับด้วยสก็อตเทปที่ใช้กับผ้าพันแผลก่อนตรวจเบื้องต้นตามปกติ หลังจากนั้นจิรัฐก็ต้องเข้าห้องโน้นออกแล็บนี้จนเหลือจะจำว่าตรวจอะไรไปแล้วบ้าง ก่อนผลทั้งหมดจะกลับมาที่ห้องหมอ เขาเดินผ่านก็เห็นภวิลออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์กินกาแฟข้างนอกเฉยในขณะที่หมอทำงานอยู่ในห้องไป จิรัฐกระซิบถามพยาบาล
“ทำไมตรวจเยอะนักล่ะครับ”
“คุณหมอสั่งทุกอย่างเลยนี่คะ” เธอตอบ
จิรัฐพอจะรู้อยู่บ้างว่าตรวจร่างกายธรรมดาไม่มีทางที่หมอจะต้องระบุขนาดนี้ แต่อาจเป็นแบบตรวจละเอียดเป็นพิเศษของโรงพยาบาลก็ได้
พอฟังผลก็ได้ยินแต่คำว่า “ปกติ” กับ “อยู่ในเกณฑ์ดี” กางฟิล์มเอ็กซเรย์ออกก็ “ปกติดี” จนเขาอยากจะย้ำกับคนพามาว่านี่มันผลของคนสุขภาพดีชัดๆ มีแต่ผลเลือดเท่านั้นที่มทนาบอกว่า
“เม็ดเลือดขาวสูงนิด... เดียว อาจจะเป็นเพราะเครียดก็ได้ ส่วนที่ปวดหัวนี่ดูเหมือนจะไม่ได้ถึงขนาดรบกวนชีวิตประจำวัน ก็รับยาอย่างที่เคยทานอยู่ไม่มีปัญหา ปวดท้องน่าจะโรคกระเพาะเบื้องต้น เดี๋ยวพี่สั่งยาให้” เธอแทนตัวเองอย่างเป็นกันเอง คงเพราะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของน้องชายคู่หมาย แล้วก็ทำงานอยู่กับคู่หมายที่ว่าด้วย “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็อย่าเครียด กินอาหารให้ตรงเวลา พักผ่อนให้พอ ทั่วๆ ไปแหละค่ะ”
“... อย่าเครียด” จิรัฐพึมพำ
แปลกที่มทนาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ความจริงเขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเครียดอะไรเป็นพิเศษมาสักพักแล้ว ปวดหัวเรื่องธรรมดา ปวดท้องมีบ้างก็เพราะกินข้าวสายไปหน่อยแค่ไม่กี่วัน ไม่น่าจะมีอะไรจนกระทั่งเขาอาเจียนเมื่อวาน แต่หมอว่าคลื่นไส้แบบนี้ก็โรคกระเพาะเหมือนกัน กินยากันก่อนอาหารก็ไม่ควรเป็นอีก
“... มีเรื่องให้เครียดเหรอคะ”
“ก็... บ้างครับ”
“หุ้นส่วนพาเครียดหรือเปล่า”
“หมัด...” ภวิลส่งเสียงปราม มทนาหัวเราะ
“เอาอย่างนี้ ต้องเจาะเลือดคนไข้ของพี่คงยังไม่ได้ทานของเช้ามา หิวแย่แล้ว ไปรับยาแล้วไปทานข้าวด้วยกันดีกว่าค่ะ”
จิรัฐปฏิเสธไม่ทัน ส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าสองคนควรจะได้ไปทานกันตามลำพัง แต่ภวิลลิ่วไปจ่ายค่ายาก่อนแล้วนำไปที่จอดรถ เขาจะปลีกตัวไปก็ไม่มีโอกาส จนกระทั่งออกจากลิฟต์แล้วภวิลชะลอฝีเท้าลงไปเดินคู่กับคุณหมอ เขาก็จงใจทิ้งห่างคิดว่าคงมีเรื่องอยากคุย
ไม่รู้เลยว่ามีแต่เรื่องตัวเองล้วนๆ
“... วินก็เห็นผลออกมาปกติดี วินจะเอาละเอียด... หมัดก็ให้ทำทุกอย่าง นี่ตรวจทุกชิ้นส่วนที่ตรวจได้ในร่างกายมนุษย์เลยนะ”
“แล้วมันเพราะเครียดแค่นั้น? คนทำงานก็ต้องมีเรื่องเครียดเป็นธรรมดา เอาเลือดหมัดเลือดเราไปตรวจผลอาจจะออกมาไม่ต่างกันเท่าไหร่”
“มันก็ใช่... แต่เริ่มแสดงอาการทางร่างกายนี่แสดงว่าสะสมมาระยะหนึ่งแล้ว นอนไม่สนิทด้วย... ที่หมัดบอกว่าอย่าเครียดเพราะทุกอาการที่เป็นอยู่นี่ถ้าเครียดก็แย่ลงอีกได้ทั้งนั้นแหละ”
ภวิลนิ่งไป สรุปแล้วก็เพราะว่าเครียดจริงๆ สรุปแล้วก็เป็นเพราะ...
... การที่เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวใช่หรือเปล่า
“วินก็ให้ไปพักร้อนบ้าง... ใช้งานเขาหนักล่ะสิ” มทนาว่า
จิรัฐอดชำเลืองมองไปข้างหลังไม่ได้ ขนาดคุยกับคู่หมั้นคู่หมายชายหนุ่มยังแทบไม่ยิ้ม แต่คุณหมอก็ดูจะชินเสียแล้ว เขาหยุดยืนรอ ว่าจะขอตัวกลับเองก่อน
“ไปรถหมัดนะ มีสติกเกอร์จอด” มทนาว่า
“ขับให้” ภวิลว่า มทนาก็ล้วงกระเป๋าส่งกุญแจให้โดยดี
จิรัฐรีบพูด “ผมว่าจะ...”
“เชิญเลยค่ะ” มทนาเปิดประตูรถตัวเองให้เขาก่อนจะขึ้นไปนั่งหน้าคู่คนขับ และจิรัฐก็เกรงใจเกินกว่าจะบอกปัดอีกครั้ง เลยลงเอยด้วยการต้องนั่งติดไปด้วยข้างหลัง
เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้โดยสารกับคนขับจะคุยกันได้สะดวกกว่า ส่วนใหญ่คุณหมอเป็นคนพูด ในขณะที่คนขับอือออราวพะวงเรื่องอื่นในใจ มทนาหันมาชวนเขาคุยเป็นระยะเช่นกันตามวิสัยคนอัธยาศัยดี
พอถึงก็เข้าร้านได้ทันทีเพราะมีบริการจอดรถให้ เป็นร้านอาหารฝรั่ง ต่างคนต่างสั่งของตัวเองไป ไม่ทันไรมทนาก็เอ่ยชื่นชมบ้านพระยา แล้วยังว่า
“เห็นกลางคืนตอนที่ไปงานวันเกิดคุณย่า พี่ชอบมาก... ถ้าแต่งงานนะยังนึกอยากจัดงานที่นั่นคงดี ได้ไหมคะ”
จิรัฐยิ้ม พยักหน้า และตอบว่ายินดี ทั้งที่รู้สึกประหลาดชอบกล แต่จะคิดอะไรมาก บ้านของเขาก็ใช้เป็นที่จัดงานมงคลออกบ่อยไป
“วินว่าไง” มทนาถามเพื่อนขำๆ เพราะในความเข้าใจของเธอภวิลร่วมบริหารจัดการที่นั่นอยู่ ก็เท่ากับดูแลสถานที่อยู่เหมือนกัน ท่าทางคงไม่วางมือเร็วๆ นี้แน่
“ตามใจสิ” เป็นคำตอบสั้นๆ ก่อนจะว่า “เจ้าบ่าวอยู่ไหนล่ะ”
มทนาหัวเราะ และช่วยไม่ได้ที่จะดูเหมือนการหยอกล้อระหว่างคู่ที่คบกันมานานและรู้จักกันดี ในเมื่อใครๆ ก็รับรู้ว่าแพทย์สาวคนเก่งทายาทเครือโรงพยาบาลกับชายหนุ่มเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีธุรกิจของครอบครัวอยู่ในมืออีกเป็นกระบุงเป็นคู่หมายกันตั้งแต่ไหนแต่ไร เจ้าบ่าวของมทนา ไกรสารสรพงศ์คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้
จิรัฐก้มมองจานพยายามจดจ่อกับอาหาร ในขณะรู้สึกเป็นส่วนเกินนิดๆ แต่แล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องธุรกิจ และกลายเป็นเรื่องนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างไรไม่รู้ มทนาหันไปตื่นเต้นกับรถของหวานที่เต็มไปด้วยขนมกับเค้กต่างๆ นานานิดหนึ่งก่อนจะเลือกมาชิ้น และกลับมาต่อบทสนทนาได้ไม่มีพลาด
“อย่างเครือโรงพยาบาลบ้านพี่ก็มีแผนจะกระจายหุ้นให้ประชาชนแล้วจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เหมือนกันนะ ได้เงินมาซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ พัฒนาโรงพยาบาลได้อีกเยอะ...”
“หมัดพูดอย่างกับกระจายหมด พนันกันไหมว่าคุณลุงยอมให้อยู่ในตลาดได้กี่หุ้น” แน่นอนว่าภวิลต้องขัด
“หมัดก็แค่จะบอกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจครอบครัวเท่านั้นเอง เข้าตลาดหลักทรัพย์มันกึ่งกลางระหว่างขายกิจการเอาตังค์เลยกับให้ในครอบครัวถือหุ้นอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เงินหนาอย่างวิรัชภาคย์นี่จ๊ะ”
“บ้านพระยาก็คง... ต้องเข้าสักวัน” ภวิลพูดเบาๆ สบตากับคนที่นั่งตรงข้ามกันแวบหนึ่งก่อนจิรัฐจะก้มหน้าลง
ถ้าพูดแบบนี้แล้ว ก้าวแรกที่จะนำไปสู่การปล่อยมือจากเรื่องทั้งหมดก็ใกล้เข้ามาทุกที
จิรัฐรู้ว่าครอบครัวของมทนามีโครงการลงทุนสร้างศูนย์วิจัยกับโรงพยาบาลใหม่อีก และรู้ว่าบิดาของมทนาและภวิลเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่มีอะไรเหมาะเกินกว่าใช้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของลูกชายหากโครงการนี้เกิดขึ้น และภวิลก็คงไม่มีเวลาเหลือพอให้โรงแรมบูติกเล็กๆ ที่เขาเคยซื้อไว้อีก
ทานเสร็จจิรัฐยังคิดว่าจะเอ่ยลาคุณหมอและให้ภวิลกลับไปส่งคู่หมั้นที่โรงพยาบาล แต่มทนาเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาเลยต้องรออยู่ข้างหน้าก่อน
ภวิลมองอีกฝ่ายหันไปรับถุงพูดจากับพนักงาน ต้องถาม “นี่ซื้อขนมฝากใครอีก”
จิรัฐส่งถุงใส่กล่องเค้กชิ้นน้อยหน้าตาจุ๋มจิ๋มให้ คนถามมองอย่างประหลาดใจ “... ผมไม่ค่อย...”
“ให้คุณให้คุณหมอ” จิรัฐว่า “ตอนรถของหวานมาเห็นชอบสองอย่างนี้แต่ก็เลือกไปอันหนึ่ง ชิ้นนี้เผื่อไว้ทานตอนบ่าย”
ภวิลย่นหัวคิ้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเกิดจะอยากทำหน้าที่คล้ายเลขาฯ อะไรขึ้นมาตอนนี้ในเมื่อมื้อที่ผ่านไปก็ไม่ใช่นัดเจรจาทางธุรกิจที่ต้องเอาใจภรรยาคู่ค้าเสียหน่อย ยังไม่ทันพูดอะไรผู้ช่วยตัวอย่างก็ว่า
“ไม่ต้องห่วง อันนี้ผมลงบัญชีคุณแน่”
“ไปไหน” ภวิลต้องเรียกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินไปดื้อๆ “เดี๋ยวไปส่งหมัดแล้วกลับด้วยกั...”
“ผมกลับเองจากที่นี่ดีกว่า” จิรัฐบอก คิดว่าคนเป็นคู่หมายกันทั่วโลกก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัวทั้งนั้น
“ไปด้วยกันนี่แหละ”
จิรัฐยังนิ่ง เขาต้องงัดไม้ตาย “ผมนัดคุณย่าไว้จะขับไปรับท่าน ไปด้วยกัน”
ในที่สุดอีกฝ่ายก็พยักหน้านิด พอดีกับมทนาเดินมาใกล้
ภวิลยื่นถุงขนมส่ง หมอก็รับงงๆ “ขอบใจวิน รู้ได้ไงอยากกินอันนี้ด้วย”
“โน่น คนโน้น เห็นหมัดดูไว้สองอย่าง” เขาว่า สายตายังจับอยู่ที่แผ่นหลังคนเดินลิ่วไปบอกพนักงานให้ถอยรถมาเทียบแล้ว
เสียงเพื่อนชื่นชมความช่างสังเกตละเอียดอ่อนและแสนจะมีน้ำใจของจิรัฐ ภวิลถอนใจ ตอนนี้งานอย่างสุดท้ายของเขา ก็มีเพียงพยายามติดต่อหาตัวเจ้าของบ้านเพื่อย้ายมาปลูกในที่บ้านพระยา โดยหวังว่าคุณย่าอาจจะให้ความกระจ่างในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณหญิงยายทวดบัวของจิรัฐได้บ้าง
เพราะสิ่งที่เขาติดใจสงสัยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เหมือนกันที่บ้านหลังเดียวกันในเวลาที่จิรัฐไปอยู่ที่นั่นทั้งสองครั้ง จนกลายเป็นห่วงไปถึงว่าแท้จริงจิรัฐกำลังไม่ปลอดภัยหรือไม่ ป่านนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสใดที่ชัดเจนอีก
ตอนแรกภวิลยึดโยงกับน้องเป็นที่ตั้ง บอกตัวเองว่าเพราะน้องรักเพื่อนคนนี้มาก อย่างน้อยเขาไม่สมควรปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอันตรายทั้งๆ ที่ช่วยได้ ต่อมาก็บอกตัวเองว่าเพราะอาจมีคนไม่หวังดี เพราะการบริหารบางอย่างยังไม่เข้าที่ เขาจึงต้องยังอยู่
แต่ที่เมื่อวานโทรนัดหมอ วันนี้ที่มารอแต่เช้า ที่กำชับให้ตรวจจนละเอียด ทำไมถึงยังยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ที่แท้ก็... ห่วงนั่นแหละ ห่วงเจ้าตัวเอง ห่วงโดยไม่ต้องอ้างใคร หรือสถานการณ์ใดๆ มาประกอบทั้งสิ้น
แต่ถ้าเขาเป็นสาเหตุ หรือแม้แต่หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้จิรัฐต้องป่วยอย่างทุกวันนี้ ก็คงไม่สามารถใช้เหตุผลใดแม้แต่ความห่วงใยเพื่ออยู่ต่อได้อีก
เขาไม่เกี่ยงว่าต้องไป แค่... ขอให้แน่ใจว่าในระยะเวลาที่ยังมีอยู่น้อยนิด ได้ทำทุกอย่างจนสุดความสามารถแล้วก็พอ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณลูกลิงตัวอ้วน ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ จะพยายามปั่นสุดความสามารถค่า
คุณ patee ขอบคุณมากค่า ฝากตอนต่อด้วยน้า
คุณ bulldog17 นิดดดนึง แต่เรื่องนี้คนเขียนเองยังรู้สึกเลยว่าของหวานหายาก บุคลิกอิคุณพระเอกล็อกมือไว้ (โทษเขาไปทั่ว)
คุณ malula ก็สนิทกันมากขึ้นบ้างไรบ้าง นั่นสิ มีผู้ร้ายในบ้านพระยาหรือเปล่า แล้วเขาคือใคร??? เด๋วก็รู้

คุณ yeyong มาถึงบทที่เก้าก็ต้องก้าวหน้าสิเนอะ (ใช่เปล่าเนี่ย)
คุณ uknowvry 55 ตลาดน้ำเลยนะ
คุณ namngern มาแล้วนะคะ ขอบคุณมากสำหรับการติดตามและบวกค่า
คุณ ormn ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ฝากตอนต่อด้วยน้า
คุณ Pupay ขอบคุณมากสำหรับการติดตามค่า จริงๆ แล้วคนเขียนก็คิดว่าจีผอมนะ แต่เป็นพวกผอมแล้วแรงเยอะประมาณนั้น 55
คุณ AprilSnow เงื่อนมาอีกหน่อยแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะคะ
คุณ myd3ar บ้านนั้นลึกลับจริงๆ แหละ ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ Sherbet:)* สยองขวัญเลยนะ 55 (ดูตอนต้นบทที่ 9 ซะก่อน) แต่จริงๆ มันไม่เชิงผีหรอก ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ PetitDragon ค่อยๆ รักแต่รักแล้วรักเลยค่ะ กร๊าก อยากให้มันหวานๆ เหมือนกัน (ไม่ค่อยเลย) จะพยายามค่ะ ขอผ่านมรสุมลูกนี้ไปก่อน
คุณ Ipatza เรื่องทักษ์นี้ต้องดูกันต่อนิดนึงนะ ฮีออกจะเป็นตัวละครลับ อาจจะแบบ... เป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน (มั้ง อาจจะไม่ 55) พระเอกฮีก็ขี้สงสัย แค่คิดว่าอะไรมันจะประจวบเหมาะไม้ร่วงสองครั้งติด ต้องมีคนในบ้านด้วย และคนนั้นเผอิญเป็นนายเอกของเราด้วย แต่ไม่มีหลักฐานก็ชักนึกว่าตัวเองคิดไปเองละ (คิดไปเองจริงรึเปล่านั้นเด๋วก็รู้)
คุณ berlyn ยินดีค่ะ ลองเดาดู อิอิ (แล้วทำไมเรื่องนี้มันไม่ค่อยหวานเลยเนี่ย)
คุณ Cherry Red ความสัมพันธ์คู่นี้มันดีวันดีคืนจริงรึเปล่า กร๊าก คนเขียนก็ว่าเหมือนเดทนะตอนนั้น แต่เป็นเดทที่นายเอกออกตังค์เองเกือบหมดเลยนะ 55
คุณ @Iriz บทนี้ก็เบาะแสมาอีกหน่อยเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจนะคะ ปล. แอบเห็นแนะนำที่ทู้แนะนำนิยายด้วย ขอบคุณมากค่ะ ดีใจมากเลย
คุณ janamanza ไม่รู้จะถึงขั้นโฮล์มส์หรือเปล่าสินะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับการติดตาม
คุณ cavalli ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า
คุณ pattybluet เริ่มหัวปักหัวปำรึยางงง 555 ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามและบวกด้วยค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอาล่ะ... ใบ้คุณภวิล คุณตาพูดจริงนะ บทนี้จีดูป่วย แต่... บางทีก็ไม่ป่วย (อะไรเนี่ย)
สำหรับคนอ่าน มันยังไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติน้า ทุกอย่างมีเหตุผลอธิบายได้ แค่มีเรื่องในอดีตมาเกี่ยวพัน (บ้าง) เท่านั้นเองงง และเรื่องนี้ไม่ยาวมากค่ะ (แต่คนเขียนรู้สึกว่าตัวเองเขียนบทหนึ่งๆ ยาวเท่านั้นเอง กร๊าก) ทุกอย่างก็เริ่มงวดเข้ามาแล้วแหละ
ขอบคุณคนอ่านทุกๆ ท่านมากเลยค่า 