มาแล้วครับบบบ วันนี้มาดึกไปหน่อย
โทษทีนะจ้ะ
อากาศข้างนอกติ่นดึก ในเมืองหลวงตอนนี้ ดีมากมาก เลิฟๆๆๆ
ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ
ตอนที่....14
หลังจากที่แยกย้ายกับคุณย่าแล้วก็พี่พีทแล้ว ผมก็เดินเข้ามาในบ้าน
คุณลุงกับคุณป้าก็กำลังขายของยุ่งวุ่นวาย ผมก็ช่วยเสริฟช่วยเก็บแต่ไม่ได้ล้าง
เพราะ"พี่บุ้ง"กำลังล้างอยู่ พี่บุ้งลูกชายคนโตของคุณลุง ตอนนี้เรียนอยู่ปี2มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ผมเคยเจอพี่เขามาก่อนแล้ว เราก็เลยไม่ต้องทำความรู้จักกันมากนัก
แต่เจ้าตัวเล็กผมเคยเจอตั้งแต่ยังพูดไม่ชัดเลย
เด็กผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารักคนนี้ชื่อ"ผักกาด" พี่ผักบุ้งน้องผักกาดครับ
หลังจากผมช่วยงานด้านล่างเสร็จก็ขึ้นห้องมา อ่อ น้องภูนอนห้องเดียวกับพี่บุ้งนะครับ
"ภูนึกอย่างไรมาอยู่ที่นี้" อยู่ดีดีพี่บุ้งก็ถามขึ้นมาในขณะที่ผมเอาเสื้อผ้าใส่ตู้
"ก็แม่ให้มาอยู่ที่นี้"
"หรอ"
"พี่ไม่อยากให้ภูอยู่ด้วยหรอ"
"เปล่า" แล้วพี่แกก็เดินออกไป ผมยังคงจัดของอยู่เพราะพี่บุ้งแกแบ่งตู้ให้ครึ่งหนึ่ง
ห้องนอนของผมกับพี่บุ้งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก เรียกว่าเล็กกว่าห้องเก่าผมเยอะ
เตียงขนาดห้าฟุต ไม่ถึงกับเบียดแต่ก็กลิ้งเล่นไม่ได้ โต๊ะทำการบ้านกับคอมพิวเตอร์เก่าๆ
ห้องน้ำที่ดูยังไงก็ต้องส่ายหัวให้ ทุกครั้ง ผมจัดการเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ได้เวลาอาบน้ำ
แต่กว่าจะอาบเสร็จก็เล่นซะเหนื่อยเพราะผมต้องขัดห้องน้ำก่อน
พี่บุ้งเด็กมหาลัยที่ตัวผอมแห้งแต่ก็ดูมีเสน่ห์ด้วยผิวขาวๆ
ลุคภายนอกดูเกเรแต่จริงๆแล้วพี่แกเป็นคนดีนะครับ
ขยันทำมาหากินขยันเรียนหนังสือ แล้วก็ดีกับผมมาก
หนึ่งเดือนผ่านไป........................................
ผมมาอยู่บ้านคุณลุงได้ครบ1เดือนแล้ว มันอาจจะดูไม่สะดวกสบายเท่าบ้านผม
แต่ผมก็อยู่ได้ครับผมต้องอยู่ให้ได้ เพื่อแม่ของผม
มีอยู่วันหนึ่ง ในขณะที่ผมกำลังหลับ ก็ได้ยินเสียงโครมครามๆ มาจากด้านล่าง
"พี่บุ้งๆ ตื่นๆ" ผมเขย่าแขนพี่บุ้งที่กำลังนอนหันหลังให้ผม
"อะไร"
"พี่ไม่ได้ยินเสียงอะไรหรอ"
"ได้ยิน"
"พี่ไม่ลงไปดูหรอ ขโมยอาจจะมาขโมยของบ้านเราก็ได้นะพี่"
"นอนซะ"
"เห้ย นอนได้ไงพี่ไม่ไปดูเดี๋ยวภูลงไปดูนะ"
พอผมจะก้าวลงจากเตียงพี่บุ้งแกก็ดึงมือผมไว้ เหมือนจะบอกว่าให้นอนไม่ต้องลงไป
ทันใดนั้นเองน้องสาวตัวดียัยผักกาด ก็เดินลากตุ๊กตาหมีเข้ามา แถมร้องไห้มาอีก
"ผักบุ้งพ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ผักกาดกลัว"
"มานอนนี้มา"
"พี่ภูผักกาดกลัว พี่ภูกลัวไหม" น้องสาวพูดไปสะอื้นไป
"พี่ภูก็กลัวเหมือนกันผักกาดไม่ต้องร้องไห้นะ เดี๋ยวพี่ภูจะกอดผักกาดไว้"
เสียงโครมครามด่าทอยังไม่หยุดยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนฟ้าสาง
ไม่มีใครพูดอะไร พี่บุ้งเองก็นอนเงียบผักกาดเองก็กอดผมไว้แน่นจนหลับไป
มีแต่ผมเท่านั้นแหละ ที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้
น้องภูจบม.4แล้วกำลังจะขึ้นม.5 ช่วงสอบที่ผ่านมามันเลยทำให้น้องภูลืมเรื่องทุกข์ใจไปได้บ้าง
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมนอกจากจะช่วยลุงกับป้าทำงานแล้วผมก็กะว่าจะไปเรียนพิเศษ
และแล้วความจริงทุกอย่างมันก็ปรากฏ เมื่อผมเดินเข้าไปขอเงินค่าเรียนพิเศษจากลุง
"ไปขอป้าเขาไป ลุงไม่มีหรอก" ผมก็ได้แต่ งง พี่บุ้งหันมามองหน้าผม เมื่อผมถูกลุงตวาด
"คุณป้าครับ ภูจะมาขอค่าเรียนพิเศษน่ะครับ"
"ฉันจะเอาที่ไหนมาให้แก ห๊ะ!!!!"
"ก็เงินที่คุณแม่ภูฝากไว้ไงครับ"
"อ๋อออ เงินห้าล้านที่แม่แกฝากไว้น่ะหรอ ถุย!!!ลุงแกเอาไปเสียบอลหมดแล้ว"
"แต่นั้นมันเงิน....."ผมยังพูดไม่ทันจบป้าแกก็สวนขึ้นมา
"ฉันไม่มีให้แก อยากได้ก็ไปเอาที่ลุงแกโน้น ฉันไม่รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น"
ผมก็ได้แต่อึ้ง ทึ่งแล้วก็ชาไปทั้งร่างเงินตั้งห้าล้าน ลุงผมเอาไปเล่นบอลหมด
นั้นมันคืออนาคตที่แม่ผมฝากไว้กับลุงเลยนะ แล้วต่อไปนี้ผมจะทำไง
นี่ผมมาอยู่บ้านลุงแค่เดือนเดียว ลุงยังผลาญเงินผมไปตั้งห้าล้าน เห้อออออ
แม่ครับ....ภูจะทำอย่างไรดีครับแม่
"มายืนมองหน้าฉันทำไม น๊อยยยย ไม่พอใจหรอ หึ แค่ฉันให้ที่ซุกหัวนอนแกทุกวันเนี่ยมันไม่มีบุญคุณเลยรึไง หะ ไอ้ภู"
คุณป้าเริ่มไม่พอใจผม พี่บุ้งเห็นท่าไม่ดีเลยคว้าตัวผมขึ้นข้างบนไป
"โถ...ไอ้บุ้ง ไอ้เด็กเหลือขอ อย่าผยองให้มันมากนักนะมึง" คุณป้าด่าพวกเราไล่หลังมา
"ภูรู้เหตุผลแล้วสินะ ว่าทำไมวันแรกที่ภูมาที่นี้ พี่ถึงได้ถามภูว่า นึกอย่างไรมาอยู่ที่นี้"
"พี่บุ้ง ภูจะทำไงดีอ่ะ"
"จะเรียนพิเศษใช่ไหมมาเอาเงินที่พี่"
"แล้วพี่เอาเงินมาจากไหน"
"ก็เวลาขายของไง พี่ก็แอบจิ๊กไว้" พี่แกยังมีอารมณ์ยิ้มทะเล้นๆให้ผมอีก
"ภูไม่เอาหรอกพี่ พี่ก็ต้องเรียนหนังสือเหมือนกัน พี่เก็บไว้เถอะ ภูพอมีเงินอยู่บ้าง"
"แต่พ่อพี่เอาเงินภูไปใช้นะ อย่างไรพี่ก็ต้องรับผิดชอบ"
"เอาเป็นว่าถ้าภูไม่มีภูจะขอยืมพี่ก็แล้วกัน"
"เอางั้นหรอ"
"อื้ม "
"แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ แล้วอย่าไปบอกพ่อพี่นะ ว่าภูมีเงินเก็บอีก"
"ทำไมอ่ะ"
"เถอะน่ะ"
ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่า พี่บุ้งกับผักกาดเป็นพี่น้องคนละแม่กัน แม่พี่บุ้งเลิกกับคุณลุงไปนานแล้ว
คุณลุงก็มีภรรยาใหม่ก็คือคุณป้าซึ่งเป็นแม่ของน้องผักกาด คุณป้าเลยไม่ค่อยจะรักพี่บุ้งแกเท่าไร
ก็เหมือนผมนั้นแหละ ที่คุณป้าท่านคงรังเกียจหาว่าผมเป็นภาระให้แก
ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ไม่ค่อยได้กินข้าวที่บ้านหรอก ไม่อยากให้แกมาว่าแขวะเอา
ส่วนพี่บุ้งเองคงจะชินก็การถูกด่าถูกเสียดสีมาตั้งแต่เด็ก พี่บุ้งเลยทำเป็นหูทวนลมทุกครั้งที่โดนด่า
พี่บุ้งแกทำทุกอย่างในร้านเป็นหมด เพราะแกบอกว่านี้เป็นสมบัติของพ่อสิ่งเดียวที่มี
คุณลุงของผมหรือคุณพ่อของพี่บุ้ง ติดการพนันครับเล่นบอลแทงหวยมีเมียน้อยเรียกว่าครบ
ซึ่งข้อนี้พ่อผมไม่รู้มาก่อน เพราะเบื้องหน้าลุงแกเป็นคนปากหวานดูขยันทำมาหากิน
พี่บุ้งบอกว่าเมื่อก่อนแกก็ดีนะ มาเสียหลังๆ ตั้งแต่ได้แม่น้องผักกาดมาเป็นเมีย
เงินที่เคยเก็บจากการขายข้าวมันไก่ก็ถูกเอามาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
ผมเริ่มมีความรู้สึกว่าที่แห่งนี้ "ไม่ใช่บ้านของผม".........T T
ผมเรียนพิเศษเสร็จก็แยกย้ายกับเพื่อนๆจะกลับบ้าน แต่พี่พีทก็โทรเข้ามาพอดี
อยากจะบอกว่าพี่พีทโทรมาหาน้องภูทุกวันเลยนะครับ อิอิ แต่ไม่ค่อยได้คุยกันนานหรอก
เกรงใจพี่บุ้งอ่ะบางทีพี่เขาอ่านหนังสือก็ไม่อยากให้การคุยโทรศัพท์รบกวน
"ภูอยู่ไหน"
"สยาม"
"จริงดิ ตรงไหนอ่ะ"
"หน้างแบงค์กรุงเทพอ่ะ "
"งั้นรอพี่อยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวพี่ไปหา เอางี้ ภูข้ามมาหาพี่ตรงทางเข้าพารากอนนะ"
ตกลงให้รอจะมาหา แต่ให้ข้ามไป นี้มันอย่างไรว่ะไอ้พี่พีท
"อื้ม" แล้วผมก็เดินข้ามไปฝั่งพารากอน นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอพี่พีทหลังจากวันที่ผมออกมาจากบ้าน
"ภูๆๆ " พี่พีทมันโบกมือโวยวายอยู่ทางประตูทางเข้า ภูอายเค้านะเนี่ย
"หวัดดีพี่พีท"
"ป่ะ ไปหาที่นั่งคุยกัน" แล้วพี่พีทมันก็ดึงข้อมือผมไปทันทีผมก็เดินตามแรงฉุดนั้นไป
เราไปนั่งคุยกันที่ร้านแมคโดนัล ชั้น2 คนเพียบ
"พี่พีทปล่อยมือภูได้แล้วมั้ง"พี่พีทยิ้มให้แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยมือ
"ป่ะไปนั่งตรงโน้น เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อให้นะ ภูจะเอาอะไรเป็นพิเศษไหม"
"ภูทานอะไรก็ได้ครับ" แล้วพี่พีทก็รีบลงไปซื้อ
แต่ไอ้โต๊ะข้างๆเนี่ยสิ มันส่งสายตาแล้วก็ยิ้มหวานเยิ้มให้น้องภู
พี่พีทมาซะทีได้ไหม ภูกลัวววว มันกำลังจะกลืนภูเข้าไปในท้องทางสายตาแล้ว
"รอนานไหม"
"นานมาก พี่พีทไปทำอะไรอยู่เนี่ย"
"พี่ไม่รู้ภูชอบทานอะไรพี่เลยซื้อมาเดาๆเอาอ่ะ"
"หมดเนี่ยอะนะ"
"อื้ม ทานเยอะๆภูรู้ไหมว่าภูผอมลงไปมาก"
"ไม่มั้ง"
"จริง"
"แล้วยังหล่อเหมือนเดิมไหมอ่ะ"
"มากกว่าเดิม"
"คุณย่าสบายดีไหม" เปลี่ยนเรื่องเพราะตอนนี้น้องภูเขิน อิอิ
แล้วสายตาพี่พีทก็ไม่ได้ต่างจากไอ้โต๊ะข้างๆเลยแหละ
"สบายดี บ่นถึงน้องภูทุกวันเลย ไปค้างบ้านพี่ไหม"
"ไปไม่ได้หรอกพี่พีทภูต้องช่วยคุณลุงเขาทำงานน่ะ เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ว่าเปลืองข้าวสุก"
"เขาขายข้าวมันไก่ไม่ใช่หรอ"
"แล้วข้าวมันไก่มันดิบหรอไง"
"ไม่"
"พี่พีท"
"ครับ"
"ปากเลอะซอสแล้ว"
"อ่ะ" พี่พีทส่งทิชชูให้ผม
"ภูหมายถึงปากพี่พีทไม่ใช่ปากภู"
"ก็เช็ดให้พี่สิอ่ะ พี่มองไม่เห็น" ผมก็รับทิชชูมาเช็ดแบบงงๆ มีด้วยหรอคนแบบนี้
"พี่พีทไม่ได้ทานข้าวมากี่วันเนี่ย"
"ทำไมหรอ"
"ก็เหมือนหิวมาก"
"ตั้งแต่พี่กลับมาจากเมืองนอกยังไม่ได้ทานของพวกนี้เลยกะว่าจะชวนภูมาทานตั้งนานแล้วแต่เกิดเรื่องซะก่อน"
"พี่พีท" พี่พีทมองหน้าผม สื่อว่ามีอะไรหรอ ผมเอากระดาษมาเขียนแล้วส่งให้พี่พีทอ่าน
(ไอ้โต๊ะข้างๆมันจ้องพี่พีทตาไม่กระพริบเลย) พี่พีทหันไปมองขวับ สามคนนั้นก็หลบสายตา ฟรึ๊บ!!!
แล้วน้องภูก็หยิบเบอร์เกอร์ขึ้นมาทาน โดยไม่สนใจคนพวกนั้น ว่าแต่มันมองอะไรฟร่ะ
"เล่นเลยม๊ะ" พี่พีทกระซิบพูดกับผมเบาๆ
"ไม่เอาภูไม่อยากติดคุก" ผมกระซิบตอบว่าแต่เราทำไมต้องกระซิบกันด้วยเนี่ย
"แล้วอยู่ที่บ้านโน้นเป็นอย่างไรบ้าง"
"ก็โอเค"
"โอเคนี้มีความสุขหรือไม่มี"
"ไม่มีที่ไหนจะสุขใจเท่าบ้านเราหรอกพี่พีท"
"ถ้าภูไม่สบายใจหรือมีปัญหาอะไร พี่อยากให้ภูนึกถึงพี่เป็นคนแรกนะ"
"ครับ"
"แล้วเปิดเทอมเมื่อไร"
"อีกสองอาทิตย์"
"อยากไปเที่ยวทะเลไหม"
"ไม่อ่ะ"
"ทำไมอ่ะ"
"ภูไม่อยากมีปัญหากับคนที่บ้านอ่ะ อืออพี่พีทอิ่มยังอ่ะ ภูต้องกลับบ้านแล้วเย็นแล้ว"
"เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ"
"ไม่เป็นไร ภูกลับเองดีกว่า พี่พีทเอาที่เหลือไปห่อกลับบ้านนะ อย่าทิ้งมันเปลือง"
"อื้มๆๆ"
ขากลับผมก็ซื้อชุดแฮบปี้มีลไปฝากน้องสาวตัวเล็กที่บ้าน ผักกาดเด็กผู้หญิงน่ารัก
ที่ทำให้ผมยิ้มได้ แม้เวลาเหงา เวลาที่ผมถูกดุผักกาดจะเข้ามากอดแล้วก็หอมแก้มผมเสมอ
ผมแยกจากพี่พีทก็ขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน กลับไปก็เจอสวดซะแจ่ม
"ไงคุณภู ปิดเทอมคิดจะช่วยงานที่บ้านบ้างไหม ออกเที่ยวทุกวัน"
"ภูไปเรียนพิเศษน่ะครับป้า"
"ในห้องก็ให้มันตั้งใจเรียนสิ จะได้ไม่ต้องเปลืองตังค์ไปเรียน เงินแม่แกนะมันหมดไปแล้วนะ"
"ครับภูทราบ"
"ภูขึ้นห้องไป" พี่บุ้งออกมารับหน้าแทน
"เหอะ มีแต่เทวดาบ้านนี้ ตั้งแต่ลุงยันลูกยันหลาน เวรกรรมอะไรของกูนักนะ แตะไม่ได้สักคน"
"อย่าน้าอ่ะ เข้าเรียกหาเรื่อง" พี่บุ้งแกคงอดทนไม่ไหวสวนกลับไปบ้าง อย่างว่าสองคนนี้ไม้เบื่อไม้เมากันมาโดยตลอด
แต่ถ้าคุณลุงอยู่ พี่บุ้งแกจะไม่เถียงหรอก เพราะรู้ว่ายังไงลุงก็กลัวป้าอยู่ดี
"กูไปหาเรื่องอะไรมันไอ้บุ้งมึงพูดดีๆนะ"
"มันเข้าบ้านมาก็ด่ามันฉอดๆๆ เข้าเรียกให้พรหรือไง"
"กูสั่งสอนมันโว้ย เห็นว่าพ่อแม่มันไม่มี กลัวมันจะเสียคน"
"กล้าพูดนะน้า ตอนมันมาใหม่ๆละภูอย่างโน้นภูอย่างนี้ พอผลาญเงินมันหมดหล่ะด่ามันเช้าด่ามันเย็น"
"ใครไปผลาญเงินมัน พ่อมึงโน้นไม่ใช่กู"
"แล้วไอ้เงินที่น้าเอาไปจ่ายหนี้ค่าหวยที่ติดไว้เป็นแสนๆน่ะ เงินจากไหน อย่าคิดว่าคนอื่นเเค้าไม่รู้นะ"
"อะไรกันว่ะ เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน มึงให้มันเบาๆหน่อยนะไอ้บุ้งนะ ให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง"
พี่บุ้งแกขี้เกียจทะเลาะกะลุงอีกคนเลยขึ้นห้องตามผมมา
แต่อย่างว่าแหละ ลุงกับป้าแกไม่กล้าว่าอะไรพี่บุ้งมากหรอก
เพราะข้าวมันไก่ที่ขายได้ทุกวันนี้ก็มาจากฝีมือพี่บุ้งเกือบทุกขั้นตอน
ลำพังป้านะหรอ วันๆได้แต่นั่งคิดเงิน ไก่ไม่เคยสับสักจาน
ผมมาอยู่ทีหลังไม่กี่เดือนสับไก่เป็นแล้ว ดีกว่าป้าแกอีกด้วยซ้ำ พี่บุ้งมันบอก
เผื่อวันไหนโดนเขาไล่ออกจากบ้านได้ไปขายข้าวมันไก่เลี้ยงตัวได้
เพราะพี่บุ้งมันถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ผมหมดแล้ว
อิอิ เร่เข้ามาจร้าาาาาา ข้าวมันไก่น้องภูสุดหล่อ
"ปลอดภัยดีนะพี่"
"อื้ม แล้วเราสองตัวทำอะไรกันอยู่เนี่ย ปากมันแพร็บเชียว"
"พี่ภูซื้อไก่มาฝากผักกาดค่ะ อร่อยมากมากเลยมีของเล่นด้วย"
"อ่ะ อันนี้ของพี่ ทานเยอะๆนะจะได้มีแรง"
"ถ้าไม่มียัยนี่นะ พี่ไปตั้งนานแล้ว"
"ไปไหนค่ะ" น้องผักกาดคงไม่รู้ว่าผมสองคนคุยอะไรกัน
"ไปเที่ยว"
"ผักกาดไปด้วยสิผักบุ้ง ผักกาดอยากไป"
"งั้นก็ตั้งใจเรียนให้เก่งๆเดี๋ยวผักบุ้งพาไปนะ"
"ได้เลยยยยเดี๋ยวผักกาดจะสอบให้ได้ที่1เลย พี่ภูไม่ทานหรอค่ะ อร่อยนะคะ"
"พี่ภูทานมาแล้วค่ะ ผักกาดทานเยอะนะจะได้โตไวไว"
"ค่ะ" บางทีบนความทุกข์มันก็ยังมีความสุขซ่อนอยู่เสมอ
ผมเองถ้าไม่มีสองคนนี้ก็ไม่รู้จะอยู่ได้หรือเปล่า ขอบคุณสวรรค์ที่ไม่ทำร้ายผมจนเกินไป
เรื่องเงิน5ล้านผมยังไม่ได้เล่าให้แม่ฟังแล้วไม่คิดที่จะเล่าด้วย
เพราะกลัวท่านจะเป็นห่วง ผมพอสู้ไหวกับเงินที่ผมมีอยู่ถึงมันจะไม่มากแต่ก็คงพอใช้ไปอีกสักพักใหญ่ๆเหลือ ดราม่า อีกนิดหน่อยนะครับบบบ พยายาม รวบรัดเรื่องให้ดำเนินไปเร็วขึ้นแล้ว
น้ำลดแล้ว เสบียงยังไม่หมด หยิบมาม่า มาทานกันก่อนนะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ