ตอนที่ 38บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมใหญ่เริ่มมีแขกทยอยเดินเข้างานเลี้ยงครบรอบการก่อตั้งบริษัท ‘อรุณกิจไพศาล’ ซึ่งวันนี้แยกไม่ออกว่าใครเป็นลูกค้าของบริษัทหรือใครเป็นพนักงาน เพราะทางผู้บริหารหนุ่มนั้นมีนโยบายให้พนักงานของตัวเองนั้นสนุกเต็มที่ เต็มตัวได้เต็มกำลัง เพราะถือว่าทุกคนเหนื่อยเพื่อบริษัทมาทั้งปีและถูกเน้นย้ำมาจากประธานคนก่อนที่ปลดเกษียณตัวเองแล้วอีกทางว่างานนี้นั้นเต็มที่ไม่อั้นเรื่องงบประมาณ จึงทำให้ในวันนี้ของทุกปีเป็นงานที่พนักงานทุกคนต่างรอคอยรอลุ้นรางวัลพิเศษที่มีให้แก่พนักงานเท่านั้นด้วย
ภาพของท่านประธานหนุ่มคนปัจจุบันที่เดินไปต้อนรับกลุ่มคนสี่คนนั้นเรียกสายตาของผู้คนในงานได้ไม่ยาก ยิ่งภาพความใกล้ชิดที่ท่านประธานหนุ่มมีต่อชายหนุ่มตัวเล็กสวมแว่นแบบสนิทสนมด้วยแล้ว จึงเพิ่มให้มีเสียงกระซิบกระซาบของคนที่ได้เห็นทั้งคู่
“คุณพ่อคุณแม่ครับเชิญทางนี้ครับ มิคครับคุณตาถามหาแน่ะ”
ผมที่เห็นว่าครอบครัวคนรักมาถึงบริเวณงานก็รีบเดินมารับและทำความเคารพพ่อตาแม่ยายก่อนเข้าประชิดตัวคนรักตัวเล็กทันที ก่อนพาทั้งครอบครัวมิครวมน้องชายหน้าโหดนายแม็คที่วันนี้ดีหน่อยเริ่มจากไหว้ผมก่อนกระตุกยิ้มนิดๆ ก่อนกลับไปหน้านิ่งเหมือนเดิมและเดินตามหลังผมกับมิคมาครับ วันนี้มิคดูน่ารักแบบผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหน่อยเพราะได้สูทลำลองสีขาวทับเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนกางเกงสีดำทรงเดฟไม่รัดมาก ผมก็ถูกเซ็ททรงมาอย่างดีดูดีแต่แปลกตาสำหรับผม เพราะชินกับภาพเด็กน้อยในชุดสบายๆผมยุ่งๆมากกว่าแต่แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบครับ
“เจ้าฟินมัวแต่มองหนูมิคอยู่นั่นแหละ ไปๆพาหนูมิคกับครอบครัวไปที่โต๊ะก่อนแล้วเรามากับตา คุณสิทธิพลกับครอบครัวมาแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะคุณกตคุณดาเชิญตามสบายไม่ต้องเกรงใจ”
ผมหันมามองคุณตาอย่างคนที่ได้สติเพราะเผลอมองคนน่ารักจนเพลินไปหน่อยครับ ผมพามิคกับครอบครัวมานั่งโต๊ะใหญ่หน้าเวทีและหันไปสั่งให้พนักงานที่ดูแลเรื่องอาหารให้มาเสิร์ฟก่อนได้เลยเพราะได้เวลาอาหารของมิคแล้วครับ
“มิคครับเดี๋ยวฟินกลับมานั่งด้วยนะครับ ขอฟินไปดูลูกค้าพิเศษแป๊บเดียว” ผมก้มกระซิบชิดหูหอมแอบสูดกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นกายละมุนก่อนส่งยิ้มไปให้คนน่ารัก
“อืม ไปเถอะฟินไปดูแลแขกเถอะ แต่มิคกินก่อนนะไม่รอ คิกๆ” มิคพูดยิ้มๆก่อนหัวเราะเสียงพริ้ว
“ครับ แม็คถ้าขาดเหลืออะไรเรียกพนักงานนะหรือไปตามพี่ได้เลย คุณพ่อคุณแม่ครับเดี๋ยวผมมานะครับตามสบายเลยนะครับ”
ผมรับคำมิคก่อนหันไปฝากฝังไอ้น้องเมียหน้านิ่งและหันไปทางพ่อตาแม่ยายเพื่อบอกกล่าว หลังจากนั้นผมก็เดินมาทางคุณตาที่กำลังยืนคุยกับครอบครัวลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทที่วันนี้มาครบทั้งสามคนพ่อแม่และลูกชาย ผมก็ทักทายและยืนคุยกับคุณสิทธิพลซึ่งก็ค่อนข้างคุ้นเคยแต่เค้าจะสนิทกับคุณตาผมมากกว่าเพราะติดต่อธุรกิจกับท่านมาก่อนที่จะเป็นผม เราก็คุยเรื่องสินค้าล็อตใหม่ที่ทางคุณสิทธิพลจะสั่งต้นเดือนหน้าและเรื่องจิปาถะอยู่พักหนึ่งก่อนที่คุณตาจะเชิญไปนั่งโต๊ะ ผมจึงอาสาพาลูกค้ามาส่งที่โต๊ะเอง เมื่อผมออกเดินนำก็ต้องชะงักเพราะสัมผัสที่แขน ผมหันไปมองก็พบใบหน้ายิ้มกว้างตาพราวของลูกชายคุณสิทธิพลที่ผมเพิ่งรู้จักชื่อ ‘นัท’ ผมมัวแต่ตกใจเลยไม่ได้ดึงแขนของตัวเองออกหันไปมองหน้าพ่อแม่ของเด็กนี่ก็มีใบหน้ายิ้มๆไม่ได้ว่าอะไร และถ้าให้เดาเด็กนี่มันต้องถูกใจผมแน่นอนครับเพราะผมรู้จักสายตาแบบนี้ดีก็มันออกจะเชิญชวนขนาดนี้นี่ครับ แถมพ่อแม่ก็คงรู้ว่าลูกชายตัวเองเป็นอะไรแน่ๆเพราะไม่เห็นต่อว่าอะไร จากที่ผมสังเกตเด็กนัทนี่เรียนไม่พ้นปีสองแน่นอนมีใบหน้าใสหวานสาวช่างพูดร่าเริงเกินเหตุ
“พี่ฟินครับ นัทไม่รู้มาก่อนเลยว่าพ่อจะรู้จักกับคนหน้าตาดีแบบนี้ ไม่งั้นนัทมาช่วยที่ห้างของพ่อนานแล้วเผื่อจะได้เจอพี่เร็วกว่านี้” เสียงใสของคนที่ยังคล้องแขนผมเจื้อยแจ้วมาตลอดและทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าแขนตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดของเด็กนัท
“เอ่อ พี่ว่านัทนั่งก่อนนะครับเดี๋ยวพี่เรียกพนักงานให้ เชิญครับคุณสิทธิพลคุณเมตตา” ผมดึงแขนตัวเองออกจากแขนเล็กที่ถือวิสาสะคล้องไว้นานแล้ว และเชิญลูกค้ารายใหญ่เค้านั่งโต๊ะที่จัดไว้
“เชิญตามสบายนะครับเดี๋ยวผมขอตัวไปหาคุณตาก่อน” ผมเตรียมตัวผละออกมาแต่ก็โดนรั้งแขนไว้อีกครั้ง
“พี่ฟินจะไปแล้วเหรอครับ งั้นนัทไปเป็นเพื่อนพี่ด้วยดีกว่านะครับ” ตาพราวเชิญชวนยิ้มหวานมาให้ ผมเตรียมปฏิเสธแต่ก็โดนขัดซะก่อน
“งั้นดีเลยหนูนัทไปกับพี่เค้าเผื่อจะได้เรียนรู้อะไรดีๆมาจากพี่เค้าบ้าง น้าฝากด้วยนะคะคุณฟิน” คุณแม่เด็กตัวร้ายเอ่ยเสียงหวานพูดแบบที่ผมปฏิเสธไม่ได้
ผมจำใจยอมให้นัทตามมาด้วยและระวังตัวไม่ให้เด็กนี่มาเกาะแขนผม แต่ท่าทางฉอเลาะเสียงหวานก็ยังตามติดผมอยู่ และผมต้องชะงักใจหายวาบขนลุกทั้งตัวเมื่อเดินผ่านโต๊ะคนรักและได้สบตาดั่งเปลวเพลิงของคนตาหวานแม้มีแว่นบังก็ยังเห็นชัด ผมเตรียมเดินเข้าหาร่างบางที่คงไม่พอใจผมเรื่องคนที่เดินเคียงข้างกันนี้แน่นอนครับ แต่ต้องตกใจหยุดเดินที่อยู่ๆมิคก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้มองตรงมาที่ผมหน้าบึ้งและเดินเข้ามาหา
“มิคครับ” ผมเรียกชื่อคนรักเสียงแผ่วโดยมีมิคมายืนประจันหน้าผมตาวาววับ
ผมเอื้อมมือจับแขนมิคภายใต้สูทขาวรับรู้ว่ามิคเกร็งตัวจากสัมผัสของผม ผมใจกระตุกเพราะตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์ระทึกครั้งนั้นแล้วมิคไม่เคยแสดงอาการแบบนี้อีกเลยเหมือนว่ามิคจะต่อต้านผม สายตาโกรธขึงที่ส่งมาให้ชะงักก่อนลดเปลวไฟในตาลงทำเอาผมเริ่มใจชื้น และจับแขนมิคแน่นขึ้นกลัวว่ามิคจะสะบัดมือผมออกด้วยซ้ำผมจึงเพิ่มแรงโดยไม่รู้ตัว
“มิค” เสียงผมอ่อยอ่อนเรียกชื่อคนรักอย่างง้องอน
“พี่ฟินครับ นี่ใคร” เสียงแข็งของคนที่ยืนเคียงข้างดังแทรกขึ้นมา
ผมหันไปมองหน้าเด็กนัทนิ่งก่อนเดินไปยืนเคียงข้างมิคที่ยืนตัวตรงหน้านิ่งแววตามั่นคงขึ้นและโอบเอวบางไว้แนบตัว
“มิคครับนี่นัทเป็นลูกของคุณสิทธิพลที่เป็นลูกค้าของบริษัทฟินนะครับ นัทนี่พี่มิคแฟนพี่เอง” ผมก้มพูดกับมิคเสียงอ่อนก่อนหันไปพูดเสียงนิ่งกับเด็กนัทที่เมื่อรู้ว่ามิคเป็นแฟนผมก็ตกใจ แต่ในพริบตาก็กลับมายิ้มร่าได้อีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่มิค แต่พี่มิคคงต้องปล่อยพี่ฟินให้นัทได้แล้ว” เด็กนัทที่ยิ้มแย้มแบบไม่มีพิษภัยขณะพูดจาก่อนก้าวมายืนข้างผมและคว้าแขนผมไปกอด
ไอ้ประโยคที่พูดออกมาหมายความว่าไงครับ เหมือนงานจะเข้าผมซะแล้วทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก้มมองหน้ามิคที่ยังยืนนิ่งจ้องหน้าไอ้เด็กนัทตาแข็ง แอบกลืนน้ำลายกับสายตาแบบนั้นของคนรักเพราะถ้าผมโดนมองผมใจฝ่อไปไหนไม่เป็นเลยนะครับ มิคก้มมองที่แขนผมอีกข้างผมก็เลยรู้ตัวว่าปล่อยให้ไอ้เด็กก่อเรื่องมันกอดไว้อยู่นานแล้ว จึงออกแรงดึงออกจากมือเล็กนั่นและเก็บมือเข้ากระเป๋ากางเกงป้องกันโดนจับอีกรอบ กระชับเอวบางของมิคเข้าหาตัวชิดกว่าเดิม
“ชิ พี่ฟิน คุณแม่ฝากนัทไว้กับพี่นะครับ พี่จะมาทิ้งนัทแบบนี้ได้ยังไง” เสียงนัทดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
ผมที่ยืนตรงกลางนั้นลำบากใจมากครับไม่อยากให้มิคต้องโกรธและคิดมากไปกว่านี้ ส่วนเด็กนัทนั่นจะคิดยังไงผมไม่สนหรอกครับแต่ด้วยความที่เป็นลูกของลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทแถมแม่เค้าก็มัดมือชกฝากฝังลูกไว้กับผมซะด้วยซิ
“เอ่อ คือ...”
“สวัสดีครับผมแม็คน้องพี่มิคยินดีที่รู้จักครับ คุณ...” เสียงเข้มดังขึ้นข้างตัว
ผมหันไปมองก็พบว่าเป็นน้องเมียที่จ้องมองหน้านัทเขม็งเหมือนรอคำตอบที่ตัวเองถามไปด้วยใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ ก่อนหันมามองผมตาดุและตวัดสายตาไปที่นัทอีกครั้ง
“ผมนัทครับ พี่ฟินไปกันได้รึยังครับ” นัทตอบกลับและหันมาส่งเสียงอ้อนผมอีกครั้ง
“พี่ฟินพี่มิคไปกัน ผมไปด้วยไปกันสี่คนนี่แหละ” แม็คพูดขัดนัทและแทรกตัวมาอยู่ระหว่างผมกับนัท
ผมก็โล่งใจที่มีตัวช่วยแบบน้องเมียคนนี้คงต้องขอบใจแม็คทีหลังล่ะครับงานนี้ ผมส่งยิ้มไปให้แม็คที่มองผมหลังจากมองตามหลังนัทเด็กเอาแต่ใจที่โดนขัดใจจนเดินหนีนำหน้าไปก่อนแล้ว แต่ผมไม่ได้รับรอยยิ้มจากน้องเมียคืนหรอกครับนอกจากการแสยะยิ้มและพูดเสียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคน
“พี่จะยืนยิ้มตรงนี้อีกนานมั้ย ไม่รู้เหรอว่าโดนจับตามองอยู่น่ะ” พูดจบแม็คก็เดินตามนัทไป
ผมกวาดตามองรอบตัวก็เห็นจริงอย่างที่แม็คพูด สายตาพนักงานที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้ ผมก็ยิ้มตอบสายตาเหล่านั้นทำเอาพวกเค้าสะดุ้งยิ้มเก้อๆตอบกลับมาก่อนเบนสายตาไปทางอื่น
“มิคครับไปครับ” ผมก้มบอกมิคเสียงเบาพอได้ยินก่อนรั้งเอวบางให้เดินเคียงข้างกัน
หลังจากนั้นเราสี่คนไปไหนไปกันผมที่ต้องทักทายลูกค้าก็ถือโอกาสแนะนำมิคให้รู้จักแม้ไม่เอ่ยฐานะให้รู้ แต่จากท่าทางที่ผมโอบเอวบางตลอดนั้นก็แสดงให้รู้ถึงฐานะของมิคได้ว่าเป็น ‘ว่าที่สะใภ้’ ของตระกูล ‘อรุณกิจไพศาล’ ผมไม่สนว่าลูกค้าพวกนี้จะคิดยังไงที่ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ถ้าเค้ารังเกียจเพราะเหตุผลนี้และคิดจะเลิกติดต่อธุรกิจกับผม ผมก็ไม่สนใจเพราะผมถือว่าไม่ได้ทำให้คุณภาพของสินค้าบริษัทผมด้อยลง แม้มันอาจจะกระทบกับยอดผลิตสินค้าบ้างแต่ผมเชื่อว่าผมสามารถทำให้ยอดสั่งสินค้ากลับมาใหม่ได้ ส่วนสองคนที่เหลือทั้งนัทและแม็คที่ตามผมมานั้นก็เอาแต่เถียงกัน ดูท่าทางเด็กนัทจะเป็นคนขี้โมโหมากเท่าที่สังเกตนายแม็คไม่ได้อารมณ์เสียเลยครับออกจะอารมณ์ดีซะด้วยซ้ำนะผมว่า ทั้งๆที่นัทกระทบกระเทียบด้วยคำพูดตลอดเวลาแบบนั้น ซึ่งมันทำให้ผมโล่งใจที่ไม่ต้องคอยรับมือนัทที่ตามมาตอแย ส่วนมิคก็พูดคุยยิ้มแย้มกับลูกค้าผมด้วยดีครับ และดูท่าจะได้รับความเอ็นดูจากบรรดาลุงๆป้าๆที่เป็นลูกค้าเก่าแก่ของบริษัทเป็นพิเศษ
“มิคครับหิวมั้ย”
ผมถามมิคอย่างเป็นห่วงเพราะต้องคอยต้อนรับลูกค้าพร้อมผมมาพักใหญ่ ผมไม่รู้ว่ามิคกินอะไรมาขนาดไหนก่อนเดินมากับผมแบบนี้ ผมก้มมองคนน่ารักที่นิ่งเงียบไม่ตอบคำถามและหวั่นใจว่าตัวเองจะโดนโกรธซะแล้ว ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่แม้มิคจะพูดคุยหรือหัวเราะแต่ก็อยู่ต่อหน้าลูกค้าตลอด แต่กับผมเค้าก็เลี่ยงไม่ตอบไม่พูดตั้งแต่เดินออกมาด้วยกันแล้วนี่หน่า ดูท่างานเข้าเพราะเด็กนัทนั่นแล้วล่ะครับ
“โธ่ มิคครับ”
ผมรู้ตัวเลยว่าเสียงละห้อยขนาดไหนโดนมิคโกรธเข้าแล้วครับ ผมมองไปรอบงานที่ตอนนี้คนส่วนใหญ่เริ่มทานอาหารพร้อมชมการแสดงบนเวทีไปด้วยแล้วครับและแขกก็มาครบแล้ว ส่วนนัทกับแม็คก็ไม่รู้หายไปไหนแล้วครับ ผมจึงจับมือมิคไว้แน่นแอบกลัวว่ามิคจะสะบัดมือด้วย แต่มิคก็ยอมให้มือตัวเองอยู่ในอุ้งมือผม ผมพามิคเดินมาตักอาหารที่ตั้งไว้เพิ่มเติมจากที่เสิร์ฟที่โต๊ะและหยิบน้ำส้มให้มิคถือไว้ ก่อนเดินหลบมุมออกจากห้องจัดเลี้ยงและเข้ามาในสวนนอกอาคาร บรรยากาศเย็นตอนกลางคืนได้แสงไปนวลตาจากเสาไฟที่ตั้งห่างๆกัน และมีความเงียบที่ต่างไปจากห้องจัดเลี้ยง ผมพามิคมานั่งม้านั่งในสวนที่มีเสาไฟสีส้มตั้งอยู่ข้างๆกัน
“มิคครับทานนะครับ ฟินรู้ว่ามิคเริ่มหิวแล้ว”
ผมคว้าแก้วน้ำส้มจากมิคมาถือไว้เองและส่งจานอาหารว่างไปให้มิค มิคไม่ขัดขืนเลยครับก้มหน้ากินของว่างในจานแต่ไม่มองหน้าไม่พูดกับผมสักคำ ผมก็นั่งจับจ้องมิคกินรอจนกินหมดก็ส่งน้ำส้มในมือไปให้ดื่ม มิคคว้าแก้วแล้วยกดื่มรวดเดียวจนหมด คราบน้ำส้มติดบนเรียวปากจนเห็นเป็นรอยหนวดสีส้มทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมา จึงส่งให้สายตาแข็งตวัดมามองกัน ผมแอบดีใจที่เรียกสายตาที่คิดถึงให้มามองตากันได้แม้จะมีแววตาวิบวับของคนโกรธก็ตามดีกว่าไม่มองหน้ากันแบบเมื่อครู่
“ฟินเช็ดให้นะครับที่รัก” ผมที่กำลังเอื้อมมือที่มีผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดคราบน้ำส้มต้องชะงัก
“ฮึ ที่รักเหรอ” มิคเสียงแข็งตาวาววับ
ผมมองหน้ามิคก่อนยิ้มอ้อนไปให้รับรู้ถึงความโกรธที่รู้ดีว่ามาจากไหน และทำแบบที่ตั้งใจแต่แรกคือเช็ดคราบน้ำส้มเหนือริมฝีปากและมุมปาก
“มิคเป็นคนที่ฟินรัก ฟินก็ต้องเรียกมิคว่าที่รักถูกต้องแล้วนี่ครับ” ผมตอบกลับพร้อมส่งสายตาจริงจังสบตาวาววับ
มิคจ้องหน้าผมนิ่งนานแววตาวาววับเริ่มอ่อนแสงลงจนอยู่ในระดับปกติแต่ใบหน้านิ่งเรียบไม่มีรอยยิ้มแบบที่ผมชอบ ผมจึงรวบมือนุ่มทั้งสองข้างมากอบกุม
“ฟินรู้ว่ามิคโกรธ แต่มิคครับเรื่องนัทไม่มีอะไรจริงๆ ฟินไม่ได้คิดอะไรด้วยเลยแต่ฟินยอมรับผิดที่ไม่ระวังตัวให้คนอื่นเข้าใกล้ง่ายๆแบบนั้น มิคอย่าโกรธฟินต่อเลยนะครับ” ผมออดอ้อนแบบที่ทำได้แค่กับมิคเท่านั้น ยอมทุกอย่างล่ะครับนาทีนี้ขอแค่มิคเลิกโกรธกลับมายิ้มให้ผมเห็นอีกครั้ง
“ฟิน มิคขอถามนะถ้ากลับกันฟินมาเห็นมิคว่ามีคนอื่นมาใกล้ชิดมิคจับมือหรือโอบกอดมิค ฟินจะรู้สึกยังไง” เสียงหวานถามกลับจ้องตาเอาคำตอบ ยังไม่ยอมเอ่ยปากยกโทษให้
“ฟินจะเข้าไปจัดการมันให้ลุกไม่ขึ้นเลยโทษฐานมายุ่งกับมิคของฟิน” เสียงผมแข็งมากแบบไม่รู้ตัว
ผมคิดภาพตามที่มิคพูดแค่คิดใจผมก็ร้อนลุ่ม ความรู้สึกหวงแหนแล่นพล่านและดึงร่างบางเข้ามาแนบอกโอบกอดไว้แน่น ก็คนในอ้อมกอดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เมีย’ ผมแล้วและผมก็รักของผมมาก ผมเท่านั้นที่มีสิทธิในร่างกายนี้คนอื่นไม่มีสิทธิ
“ฟินรู้แล้วใช่มั้ยว่ามิครู้สึกยังไงที่เห็นคนอื่นใกล้ชิดฟินแบบนั้น” เสียงหวานดังแผ่วกับอกผมแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน
เมื่อผมรับรู้ถึงสิ่งที่มิคต้องการบอกและมันแปลได้ว่ามิครู้สึกแบบเดียวกับผมสิครับ ไอ้ผมที่รู้สึก ทั้งรัก ทั้งหึง ทั้งหวง และมิคก็มีอารมณ์แบบเดียวกับผมอย่างนั้นสิ ใจผมพองฟูอารมณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ
“ฮึๆๆ ฮ่าๆๆๆ”
มิคเงยหน้าจากอกผมมองผมงงๆที่อยู่ๆผมก็หัวเราะออกมาแบบนี้ ผมประคองแก้มกลมไว้ทั้งสองมือและก้มลงแตะจูบที่ริมฝีปากนิ่มซ้ำๆหลายที
“อื้อออ ฟิน หยุดนะ” มิคเริ่มดิ้นและเบี่ยงหน้าหลบจูบของผมเมื่อหายตะลึงที่อยู่ๆผมก็จับจูบ
“มิครู้ตัวมั้ยว่ามิคน่ะทั้งหึงทั้งหวงฟินเลยนะ รักฟินแล้วล่ะซิ”
ผมยังจับประคองแก้มกลมไว้และจ้องตาหวานขณะพูด มิคที่ได้ฟังมีสีหน้าเปลี่ยนไปหลายสีหน้ามากครับเริ่มจากอึ้งเปลี่ยน
ไปเป็นไม่แน่ใจสุดท้ายหลบตาหน้าแดงระเรื่อ เห็นแบบนี้มิคไม่ต้องพูดผมก็รู้แน่แก่ใจแล้วครับ แต่ก็ยังอยากได้ยินชัดๆจากปากแดงๆที่อยู่ตรงหน้า
“มิครักฟินแล้วใช่มั้ย”
ผมรอลุ้นคำตอบจากคนหน้าแดงที่เหลือบตามามองกันและเตรียมเผยอปากจะพูดออกมา ใจผมนี่เต้นถี่รัวเลยครับ ทั้งๆที่รู้นะแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“พี่ฟินนน อยู่ไหนครับ”
เสียงมารตัวไหนมันมาขัดคนเค้าจะบอกรักกันแบบนี้ โว้ยยย อย่าให้เห็นหน้านะว่าเป็นใคร พ่อจะจัดการซะให้พูดไม่ได้ไปหลายวันเลย
...........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ^3^
เปิดตัวสะใภ้ตระกูลอย่างเป็นทางการและใครที่อยากเห็นหมอมิค “หึง”
ก็ได้เห็น เงียบน่ากลัวได้อีก ฮุๆๆ แต่ยังน่ารักเนอะ^^ และคู่น้องแม็ค
ก็ออกโรงมาให้เจอค่ะ คุณคงรู้ว่าใครน้องเค้าจะแรงๆนิดนึงค่ะ
คิดเห็นยังไงเม้นท์ให้เราได้รู้ด้วยนะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ ติดตามคู่หวานต่อได้วันอาทิตย์นะคะ

และ

ทุกการติดตามค่ะ