ตอนที่ 35“ฟ... ฟิ.... น.... ฟินๆ ตื่น...”
เสียงหวานดังข้างหูไม่ปะติดปะต่อเพราะคนที่นอนหลับสติยังกลับมาไม่ครบ จนมีแรงเขย่าตัวร่วมกับเสียงหวานที่เพิ่มความดังกว่าเดิม
“ฟินตื่นเร็ว ไม่ตื่นมิคจะลงไปแล้วนะ ฟินนนน” เสียงหวานที่เริ่มโมโหและเพิ่มแรงเขย่าตัวคนขี้เซา
ผมที่นอนอยู่เริ่มรู้สึกตัวและลืมตามองคนปลุกที่เริ่มหน้ามุ่ยเพราะยืนปลุกคนขี้เซามานานแล้ว ผมคว้าแขนขาวที่จับตัวผมไว้และกระชากเบาๆจนร่างนุ่มนิ่มนั้นซบลงมาที่อกแบบคนที่ไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ ฟิน อื้อ” มิคส่งเสียงตกใจเมื่อใบหน้าเราห่างกันไม่มาก
“มิค”
ผมเรียกชื่อคนรักเหมือนละเมอเพราะความใกล้ชิดหลังตื่นนอนแบบนี้มันทำเอาผมคิดว่าฝันไป จึงยื่นหน้าเพื่อพิสูจน์ว่ามิคคนนี้เป็นตัวจริงหรือภาพฝันที่ผมสร้างมา และสัมผัสนุ่มของริมฝีปากหยุ่นที่ผมได้สัมผัสก็ทำให้ผมรู้ว่าเป็นมิคตัวจริง การรับรู้ของผมก็กลับมาเต็มร้อยเมื่อเจอแรงบิดที่เอวจนต้องผละออกจากจูบรับอรุณ
“ซี๊ดดดด มิคครับ ฟินเจ็บบบ” ผมลูบคลำเอวที่โดนบิดและส่งสายตาตัดพ้อไปให้คนน่ารักที่ทำร้ายกันแต่เช้า ก็แค่พิสูจน์ภาพฝันว่าเป็นจริงรึเปล่าแค่นี้เองทำไมคนน่ารักต้องใจร้ายด้วยล่ะครับ
“อย่ามัวชักช้านะฟินเดี๋ยวพระท่านจะมาบิณฑบาตแล้ว ถ้าฟินไม่รีบลงไปมิคตักบาตรกับคุณตาสองคนนะ” มิคยืนกอดอกพูดหน้านิ่งไม่สนใจคนขี้งอนแบบผมเลยแต่กลับพูดขู่ซะงั้น พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปเลยครับ
ผมต้องรีบลุกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันและออกจากห้องวิ่งลงไปจนถึงหน้าบ้านที่มีมิค คุณตา และป้านอมยืนอยู่หลังโต๊ะพับที่ตั้งไว้เพื่อวางของใส่บาตร กิจกรรมยามเช้าแบบนี้มีขึ้นตั้งแต่คนรักของผมเค้าย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านผมเมื่ออาทิตย์ก่อน เช้าแรกมิคเตรียมของตักบาตรโดยมีป้านอมช่วยพอผมรู้ก็โวยวายที่รักไปว่าไม่ชวนก็ผมอยากทำบุญตักบาตรร่วมขันกับมิคนี่ครับ เพราะผมหวังว่าผมจะได้คู่กับมิคทุกๆชาติเลยครับใครก็อย่าได้หวัง และผมก็อ้อนให้มิคมาปลุกผมทุกเช้าเพื่อจะได้ทำบุญพร้อมมิค พอคุณตาท่านรู้ท่านก็เลยขอมีส่วนร่วมด้วยครับ จึงทำให้ทุกเช้าเราสามคนก็ได้มายืนใส่บาตรพระที่มาบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านผมด้วยกันแบบนี้
“มิคครับฟินมาแล้ว”
ผมแตะหลังเอวมิคเมื่อเดินมาชิดคนรักที่กำลังจัดของบนโต๊ะและส่งยิ้มหวานให้มิคที่เงยหน้ามาสบตาและยิ้มนิดๆมาให้ด้วยความพอใจก่อนก้มลงไปจัดของต่อ ผมจึงผลินหน้าไปมองคุณตาและป้านอมที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งทั้งสองคนกำลังมองไปที่มิคอย่างเอ็นดูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก็คงหลงเสน่ห์กับความน่ารักของมิคไปเต็มเปาล่ะงานนี้เพราะมิคของผมนี่น่ารักที่สุดเลยนี่ครับ ผมก็มองมือขาวที่หยิบนั่นจับนี่ไปมาจนเพลินมารู้ตัวก็เพราะเสียงหวานข้างตัวเจ้าของมือที่ผมมองเพลินเค้าเรียกชื่อ
“ฟิน มาเร็วตั้งจิตอธิษฐานก่อน พระท่านใกล้มาถึงแล้ว”
ผมจึงเอื้อมมือจับถาดที่วางถุงอาหารขึ้นมาและคว้าเอวคนตัวเล็กที่จับขันใส่ข้าวหอมมะลิกลิ่นหอมควันฉุยไว้ และนั่งลงพร้อมมิคก่อนตั้งจิตอธิษฐาน เมื่อพระท่านเดินมาคุณตาจึงนิมนต์พระและท่านจึงตักข้าวใส่บาตรก่อนหยิบถุงอาหารใส่ตาม ส่วนผมก็จับทัพพีและมีมือขาวนุ่มของมิคกุมทับ ผมก้มมองสบตามิคที่มีรอยยิ้มออกมาทั้งใบหน้าและแววตาจะให้ผมทำยังไงได้นอกจากยิ้มหวานตอบกลับไปให้คนน่ารักที่คงหมายมั่นยึดกุมอำนาจเหนือผม ซึ่งผมก็ยินยอมอยู่ใต้อุ้งมือคนรักแบบไม่อิดออด เราตักบาตรเช้าจนเสร็จก่อนพากันเดินมานั่งที่โต๊ะกลางสนามภายใต้อากาศเย็นสดชื่นของยามเช้ามีแสงแดดอ่อนรำไรให้รู้สึกกระปี้ประเป่ารับอรุณ และจึงกวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลกัน ซึ่งกิจกรรมยามเช้าดีๆแบบนี้เราคงได้ทำร่วมกันไปตลอดล่ะครับ
“ฟินใกล้วันครบรอบแม่เราแล้ว ปีนี้พามิคไปไหว้แม่เค้าด้วยนะ” เสียงแหบของคุณตาพูดขึ้นขณะที่เรานั่งรับลมรออาหารเช้าที่ป้านอมเข้าไปเอามาให้
“ครับ ผมก็คิดไว้เหมือนกัน มิคไปหาแม่พร้อมฟินนะครับ” ผมตอบรับคุณตาก่อนหันมาทางมิคที่จับจ้องมาที่ผมอยู่แล้ว ก่อนชวนไปด้วยกัน
มิคเอื้อมมือมาจับมือผมกุมแน่นด้วยมือนุ่มทั้งสองข้างและยิ้มหวานตอบรับ ผมได้แต่ยิ้มตอบจะแสดงฉากหวานอย่างหอมแก้มหรือจูบมือนุ่มก็เกรงใจคนแก่ที่นั่งจ้องมองคู่เราตาไม่กระพริบเดี๋ยวคุณตาผมท่านจะหัวใจวายเอาซะก่อน ทุกปีของวันนั้นซึ่งเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของแม่ผมนั้นจะมีแค่เราสองคนตาหลานเท่านั้นครับที่ไปไหว้อัฐิของแม่ที่วัด แต่ปีนี้คงพิเศษหน่อยที่ผมจะพาว่าที่ลูกสะใภ้ไปหาแม่ให้ท่านได้รับรู้ว่าผมนั้นได้เลือกคนที่จะอยู่เคียงข้างได้แล้ว และเป็นคนที่ทำให้ผมนั้นได้รู้ว่าความรักนั้นมีจริงและรักแท้นั้นเป็นยังไง ตอนนี้ไม่มีอีกแล้วเด็กขี้เหงาและชายหนุ่มที่ไม่เชื่อเรื่องความรัก
........................................................
รถคันใหญ่ของบ้าน ‘อรุณกิจไพศาล’ พาเจ้าของทั้งสามคนเข้ามายังบริเวณวัดที่อยู่ชานเมือง ซึ่งเป็นวัดที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เมื่อรถจอดนิ่งประตูรถก็ถูกเปิดออกโดยมีผู้ชายสามคนต่างวัยก้าวลงมา
“เดี๋ยวเราไปถวายเพลท่านพระครูกันก่อนนะ” เสียงแหบของผู้สูงอายุดังขึ้นก่อนเดินนำออกไป
ผมจึงจับจูงมือคนรักให้ก้าวตามโดยมีคนขับรถถือของตามมา วันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของคุณแม่ เราสามคนจึงมาทำบุญให้ท่านโดยการถวายอาหารเพลและถวายสังฆทานแด่ท่านพระครูซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ที่คุณตาเคารพ เมื่อเรามาถึงกุฏิของท่านพระครูก็ก้มถอดรองเท้าเพื่อขึ้นบันไดไม้ขัดมันมา เจอท่านพระครูนั่งรอที่ชานกุฏิอยู่แล้ว เราสามคนก็ก้มกราบนมัสการท่าน
“เจริญพรโยม ถึงวันครบรอบอีกแล้วนะเวลานี่ผ่านไปเร็วจริง” ท่านพระครูสูงอายุพูดโดยมีรอยยิ้มนิดๆประดับหน้าทำให้เกิดความเลื่อมใสไม่ยากนัก
“ครับหลวงพี่ปีนี้พิเศษหน่อยกระผมพาหลานชายคนใหม่มาด้วยครับ” คุณตาพูดและเปิดตัวมิคกับท่านพระครู
ท่านก็มองมาที่มิคใบหน้ายังมีรอยยิ้มไม่เปลี่ยนส่วนมิคก็ก้มกราบท่านอีกครั้ง ก่อนสายตาท่านจะเคลื่อนมาสบกับผมที่นั่งใกล้มิค และสายตาที่เริ่มฝ้าฟางตามอายุของท่านไม่ได้ทำให้ขัดขวางการหยั่งรู้ได้ของท่านเลย เมื่อท่านสบตาผมนั้นมีแต่แววตาปราณีและเข้าใจอย่างท่องแท้ส่งมาให้
“คนนี้พอดีกับเจ้าแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงอ่อนโยนแววตาปราณีของท่านพระครูที่มีให้ผมไม่เปลี่ยน
“ครับหลวงตาคนนี้พอดีกับผมแล้วครับ” ผมก็ตอบกลับท่านยิ้มๆ
“ฮึๆๆ ดีแล้วๆ พ่อเจริญก็คงวางใจได้ล่ะคนนี้” ท่านหันไปพูดกับคุณตาก่อนหันกลับไปมองหน้ามิคอีกครั้ง
มิคได้แต่ยิ้มนิดๆและนั่งก้มหน้าซ่อนแก้มแดงเรื่อ ผมเห็นแล้วก็อยากฝั่งจมูกกับแก้มนิ่มนั้น แต่ทำไม่ได้เพราะต้องสำรวมต่อหน้าหลวงตา หลังจากนั้นเราสามคนก็ถวายอาหารเพลและสังฆทาน ก่อนลาท่านพระครูออกมาที่กุฏิด้านข้างโบสถ์ซึ่งมีโกฏิตั้งเรียงรายไม่มากนัก จนเรามาหยุดหน้าโกฏิสีขาวที่มีรูปใบหน้าผู้หญิงที่สวยที่สุดของผมติดอยู่ หลายคนอาจสงสัยว่าอัฐิของพ่อผมล่ะอยู่ไหน มันเป็นเรื่องน่าเศร้าครับเพราะเมื่อครั้งที่พ่อสิ้นใจพร้อมผู้หญิงคนใหม่ของพ่อนั้น แม่ผมได้จัดงานศพให้สามวันจึงเผาและนำกระดูกรอยอังคารหมดไม่เหลือให้เราได้ทำบุญกันต่อเลย แม่ผมนั้นเป็นผู้หญิงใจเด็ดมากครับเมื่อตัดแล้วก็ตัดจนไม่เหลือเยื่อใยแม้แต่กระดูกพ่อผมก็ไม่มี เลยได้แต่ทำบุญให้ท่านเมื่อครบรอบวันเสียชีวิตเท่านั้น
“แม่มรกตเป็นยังไงบ้าง พ่อมาเยี่ยมนะลูก” คุณตายืนพูดต่อหน้าโกฏิสีขาวเหมือนต้องการให้คำพูดนี้ส่งถึงคุณแม่และท่านก็เงียบไม่พูดต่อ สายตามองรูปถ่ายของแม่แต่สายตาเลื่อนลอยทำให้บรรยากาศยิ่งเงียบงันและเศร้าสร้อย แม้มีเสียงลมพัดทำให้ใบไม้เสียดสีกันดังไม่ขาดสายก็ตาม
“แม่ครับแม่หลับสบายมั้ยครับ วันนี้ฟินมาเยี่ยมนะครับ ฟินพาคนสำคัญมาแนะนำให้แม่รู้จักด้วย” ผมทำลายบรรยากาศเศร้าสร้อยโดยการเอ่ยทักทายแม่ และแตะศอกคนรักที่นั่งคุกเข่าข้างกัน มิคยกมือไหว้เคารพหน้ารูปถ่ายของแม่และยิ้มน้อยๆให้กับรูปถ่ายตรงหน้า
“มิคครับแม่ มิคเป็นคนที่ฟินรัก” ผมพูดยิ้มๆกับรูปถ่ายของแม่เมื่อเอ่ยถึงคนรักก่อนหันไปยิ้มเผื่อแผ่มิคที่นั่งข้างกัน
“แม่ช่วยอวยพรให้เราด้วยนะครับ และดลใจให้มิคบอกรักฟินซะที” ผมกระเซ้ามิคที่ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
จนเจ้าตัวหันมามองและยักคิ้วให้แบบกวนๆ ทำให้บรรยากาศที่เศร้าสร้อยเริ่มสดใสขึ้น ยิ่งได้ยินเสียงคุณตาหัวเราะในคอดังขึ้นมาเบาๆแบบนี้ผมก็เบาใจที่ท่านคลายเศร้าอย่างคนที่คิดถึงลูกสาวเพียงคนเดียวไปได้ เรานั่งคุยกับแม่เหมือนว่าท่านยังมีชีวิตอยู่โดยผมก็เล่าเรื่องต่างๆที่ผ่านมาให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องราวของมิคตั้งแต่ผมเริ่มเข้าหาคนน่ารักคนนี้ ตลอดเวลาจึงมีแต่เสียงพูดคุยหยอกล้อและเสียงหัวเราะของผมกับมิคมีคุณตาแทรกบ้างบางครั้ง เมื่อได้เวลาเราสามคนก็ลาคุณแม่และผมก็สัญญากับท่านว่าต่อจากนี้ทุกๆปีครอบครัวเราจะต้องมาพร้อมหน้ากันแบบนี้เพื่อมาเล่าเรื่องดีๆให้ท่านที่อยู่บนสวรรค์รับรู้ และก่อนกลับก็เข้ามาลาพระครูที่กุฏิท่านก็ให้พรเราให้อยู่เย็นเป็นสุขก่อนประพรมน้ำมนต์ให้จิตใจสดชื่น จึงทำเอาใบหน้าเราประดับด้วยรอยยิ้มทั้งวัน
.....................................................................
วันนี้หลังได้ไปวัดทำบุญให้คุณแม่แล้วแม้จะมีความสุขแต่ผมก็ยังรู้สึกเศร้าไม่ได้ครับกับวันที่เปรียบเสมือนการระลึกถึงแม่ที่จากไป ซึ่งผมจะเป็นแบบนี้ทุกปี ทำให้พอเรากลับมาถึงบ้านมิคก็คอยเอาใจใส่ผมเป็นพิเศษอย่างเรื่องอาหารก็คอยตักนั่นเติมนี่ให้ผมไม่ได้ขาด แถมคุยไม่หยุดอย่างคนที่ต้องการให้ผมกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม และก่อนแยกย้ายเข้านอนซึ่งผมก็ยังนอนแยกห้องกับคนรักจนถึงตอนนี้ มิคก็ยังดูมีสีหน้ากังวลเพราะผมอยู่แต่ก็จำใจเดินเข้าห้องตัวเอง ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงจะออดอ้อนให้มิคมานอนด้วยแล้วครับ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ทำแบบนั้น
“เก๊าะๆๆ” เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำ
“ฟิน อะ เอ่อ ฟินเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ” ผมเปิดประตูก็เจอมิคที่สวมชุดนอนเรียบร้อยยืนอยู่หน้าห้องและดูเหมือนหน้ามิคจะแดงเมื่อเห็นผมอยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบนี้
“ครับ มิคเข้ามาก่อนนะเดี๋ยวฟินแต่งตัวก่อน” ผมเปิดประตูให้กว้างขึ้นและเบี่ยงตัวให้มิคเดินเข้ามา
มิคเดินตามผมเข้ามานั่งที่ปลายเตียง ผมจึงเตรียมตัวเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดมาใส่ แต่ต้องชะงักและหันกลับมาเมื่อมิคจับมือผมไว้และเจอรอยยิ้มหวานเต็มหน้าทำเอาตาพร่าไปเลยครับ
“ฟินมานั่งนี่เดี๋ยวมิคเช็ดผมให้” มิคดึงผมนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาและขึ้นมานั่งชันเข่าด้านหลังผม
แรงเช็ดผมแผ่วเบานุ่มนวลจากมิคพร้อมเสียงฮัมเพลงเบาๆจากลำคอทำเอาผมเคลิ้มปิดตาระบายยิ้มบางให้กับความน่ารักของมิคที่ดูแลเอาใจใส่เป็นห่วงเป็นใยผม เพราะมิครู้ว่าวันนี้ผมมีอารมณ์ไม่ปกติออกจะเศร้ากับวันจากไปของคุณแม่
“ฟิน ไม่เศร้านะครับ คุณแม่ที่คอยมองฟินจากบนสวรรค์ถ้าเห็นฟินเป็นแบบนี้เดี๋ยวท่านไม่สบายใจน้า ฟินรู้ใช่มั้ยว่ามีคุณตามีมิคที่ยังอยู่กับฟิน” เสียงหวานดังแทรกความคิดผมขึ้นมา มือนุ่มหยุดเช็ดผมแล้วแต่เปลี่ยนเป็นใช้นิ้วสางผมให้แทน
ทั้งกิริยาและคำพูดที่อ่อนโยนของมิคทำเอาผมซาบซึ้งอุ่นไปทั้งใจ และยิ่งรู้สึกรักมิคมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าเพราะรู้ว่ามิคเป็นห่วงผมมากแค่ไหน ผมคว้ามือที่สางผมอยู่มากอบกุมก่อนจูบหลังมือนิ่มเนิ่นนาน และเงยหน้ามองสบตาคนรักที่จับจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว
“ฟินรู้ครับว่ามีมิคและตาอยู่เคียงข้าง ฟินดีใจนะครับที่วันนี้ปีนี้มีมิคอยู่กับฟิน ฟินรักมิคมากนะครับที่รัก”
มิคยิ้มตาปิดมาให้เมื่อได้ยินคำพูดผม ผมจึงจับเอวคนน่ารักให้ขึ้นมานั่งคร่อมซ้อนบนตักก่อนโอบไปรอบเอวบาง เราสบตากันมิคที่แต่แรกตกใจกับการที่ผมจับเจ้าตัวนั่งท่าล่อแหลมแบบนี้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ดิ้นลงจากตักผมยอมนั่งนิ่งๆไม่ขยับ ผมจึงยื่นหน้าไปสูดกลิ่นหอมจากแก้มใสฝั่งจมูกเนิ่นนาน ก่อนเคลื่อนมาที่ริมฝีปากอิ่มเต็มที่แดงระเรื่อกดจูบประทับซึมซับความหวานและผละออกก็พบว่าผิวแก้มใสขึ้นสี มิคยังมีรอยยิ้มแต่ไม่ยอมสบตาผมก่อนที่หัวทุยจะเอนซบมาที่บ่าผมและแขนขาวก็โอบไปรอบคอของผม เรานั่งกอดกันนิ่งนานต่างซึมซับบรรยากาศแห่งความเข้าใจที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งรัก แม้มิคจะไม่เคยเอ่ยปากบอกรักผมสักครั้งแต่ผมก็รับรู้มันด้วยใจว่าคนในอ้อมกอดเค้ารักผมแล้ว ส่วนผมจะไม่หยุดรักคนน่ารักคนนี้จะมีก็แต่รักเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
......................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ก่อนอื่นต้องขอโทษและขอบคุณ เจ้สองก่อนเลยค่ะที่แจ้งเรื่องผิดไป
ทำให้เรื่องนี้ถูกย้ายไปห้องจบแล้วและก่อความวุ่นวายไว้
ตอนนี้ฟินก็พามิคมาหาคนสำคัญแล้วนะคะ ก็คือคุณแม่มรกตผู้จากไปนั่นเอง
แอบหวานปนเศร้าเนอะ กอดดดด ปลอบคนอ่านนิดค่ะ <<< อ่านเค้าไม่ได้เศร้าด้วยซะหน่อย 555
ส่วนตอนหน้าใครที่อยากบริจาคเลือดก็เตรียมตัวไว้นะคะเพราะน้องมิคไม่รอดแล้วววว
แอบเสียดายความสดของมิคที่จะโดนฟินพรากไป ฮิ้ววววว
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเดิมค่ะ ติดตามตอนหน้าได้ในวันจันทร์ค่ะ

และ

ค่ะ