ตอนที่ 30ร่างนุ่มนิ่มขาวผ่องทั้งตัวใบหน้าที่ไม่มีอะไรมาบดบังจึงทำให้เห็นผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลา แก้มมีเลือดฝาดน้อยๆอย่างคนมีสุขภาพดี ขนตาดำเป็นแพที่ทาบทับกับผิวอ่อนใต้ตานิ่งไม่ขยับไหวเพราะเจ้าของอยู่ในห้วงนิทรา สันจมูกโด่งรับด้วยริมฝีปากสีชมพูที่เผยอนิดๆอย่างคนหลับสนิท แต่ส่วนที่ยั่วอารมณ์ที่สุดก็คือกลีบปากล่างที่แดงเจ่อนิดๆ มันเป็นแรงดึงดูดให้คนที่จ้องมองแบบผมเคลื่อนใบหน้าเข้าหาเป้าหมาย แต่ก่อนที่ปากผมจะได้สัมผัสอย่างใจก็มีเสียงเคาะประตูห้องพักซะก่อน
“ก๊อกๆ” ตามมาด้วยผู้หญิงชุดขาวเปิดประตูเข้ามา
เมื่อผมเห็นว่าเป็นใครจึงใช้นิ้วชี้จรดที่ริมฝีปากตัวเองเพื่อไม่ให้เธอรบกวนการนอนของคนรัก ที่ขณะนี้ร่างนุ่มนิ่มของคนรักนอนอยู่ในอ้อมกอดของผมบนเตียงคนไข้ พยาบาลสาวที่เห็นเมื่อแรกว่ามีคนอื่นนอกจากคนไข้นอนอยู่บนเตียงก็ตกใจแต่เธอก็เข้าใจได้เร็ว จึงส่งยิ้มน้อยๆมาให้และทำหน้าที่ของเธอต่อไป ผมก็ได้แต่มองตามการเคลื่อนไหวของพยาบาลและคอยก้มมองคนในอ้อมกอดไปด้วย ผมกลัวว่ามิคจะตื่นเพราะมันยังเช้าอยู่มาก
หลังจากพยาบาลสาวทำหน้าที่เสร็จก็ออกไปพร้อมรอยยิ้ม ผมก็กลับมาอยู่กับคนตัวหอมสองต่อสองอีกครั้งซึ่งอีกคนเค้ายังหลับแบบไม่รู้ตัว ความจริงเมื่อคืนหลังจากไอ้น้องเมียกลับไปผมก็ให้มิคอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แม็คเอามาให้จากบ้าน เพราะมิคอาสาเฝ้าไข้ผมแทนพยาบาลที่คุณตาจ้างมาร่วมกับแรงสนับสนุนของไอ้เหล่าเพื่อนสนิทของผมด้วยครับ ตอนแรกมิคก็นอนที่โซฟาตัวข้างเตียงล่ะครับผมอ้อนยังไงเจ้าตัวก็ไม่ยอมมานอนบนเตียงกับผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยอมตามใจและรอให้มิคหลับสนิทก่อนจึงไปอุ้มมานอนด้วยกันจนถึงตอนนี้
การที่ผมได้มิคกลับมาอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้คงต้องยกความดีความชอบให้ ‘หญิงมน’ เค้าล่ะครับ ผมมารู้ทีหลังว่าหลังจากผมล้มหมดสติหัวกระแทกโต๊ะเข้าโรงพยาบาลก็ได้ ‘หญิงมน’ ช่วยโทรไปบอกมิคแต่ดูท่าจะแกล้งบอกไม่หมดว่าความจริงผมไม่ได้เป็นอะไรมาก และมิคคงเข้าใจผิดตามที่มนต้องการเลยรีบมาโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนและดูท่าทางตอนนั้นคงใจเสียไปมากแล้ว ผมที่นอนหมดสติก็ไม่ได้รู้ตัวหรอกครับว่ากลับเป็นการณ์ดีที่ทำให้คนรักเห็นใจและยอมคืนดีด้วยแบบนี้ มนที่รอมิคอยู่จึงปลอบโยนและบอกความจริงให้มิครู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ดีที่มิคไม่โกรธกลับโล่งใจที่ผมไม่เป็นอะไรแบบที่เจ้าตัวนึกกลัวและไอ้พวกเพื่อนๆมันก็ช่างแสนดีตะล่อมให้มิคอยู่เฝ้าไข้ผมที่นี่จนได้ และสุดท้ายผมก็ได้กอดร่างที่ทั้งนุ่มและหอมอยู่ตอนนี้
ผมก้มลงหาแก้มใสที่มันเรียกร้องผมเพื่อพิสูจน์ว่ากลิ่นและสัมผัสที่ผมคิดถึงนั้นยังเหมือนเดิมมั้ย และก็ไม่ผิดหวังครับเพราะทั้งกลิ่นที่ยังมีความหอมของกลิ่นแป้งเด็กและสัมผัสนิ่มของผิวแก้มที่เคยคุ้นมันกระตุ้นอารมณ์ผมให้อยากได้มากกว่านี้ ผมก้มหากลีบปากแดงของคนที่เชิญชวนผมได้แม้ยามหลับใหล ไม่ได้สนใจว่าเราอยู่กันที่ไหนผมสนแค่ร่างในอ้อมกอดที่ผมโหยหาตลอดหนึ่งเดือนนี่ต่างหากครับ
“อืมมม” เสียงหวานครางออกมาให้ได้ยินเหมือนคนที่ยังอยู่ในห้วงฝัน
มือนุ่มสอดประสานที่ต้นคอผม ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นที่ผมส่งไปในโพรงปากอย่างคนลืมตัว ผมตอบโต้คืนอย่างไม่ยอมแพ้ พลิกร่างเล็กให้นอนบนเตียงโดยมีผมอยู่เหนือร่างขาว ปากและจมูกผมซุกไซร้มาที่ต้นคอหอมมือเริ่มเลื้อยเข้าใต้เสื้อยืดเนื้อบางที่มิคใส่นอน ส่วนล่างของผมตื่นตัวกับกลิ่นและสัมผัสนิ่มจากฝ่ามือ แต่ดูเหมือนว่าคนที่นอนอยู่ใต้ร่างเริ่มรู้สึกตัวเพราะแรงดิ้นและเสียงหวานที่เรียกชื่อผม
“อื้อออ ฟิน มะ ไม่เอานะ”
มิคเริ่มดิ้นออกจากสัมผัสผมและคว้ามือที่ผมสอดไปใต้เสื้อนอนออกมา ซอกคอหอมที่ผมซุกไซร้อยู่ก็เบี่ยงหลบจากสัมผัสของผม แต่ผมไม่ยอมรับการดิ้นหนีของมิคแบบนี้จึงพยายามยื่นหน้าเข้าหาซอกคอหอมหวังให้มิคเคลิ้มตามอีกครั้ง และต้องสะดุ้งสุดตัวสติกลับมาเต็มร้อยเพราะแรงทุบที่แผ่นหลังเต็มแรง
“ปั้ก / ฟิน หยุดดดดด” เสียงกำปั้นทุบหลังและเสียงหวานดุดังเรียกชื่อให้หยุด
“มิค” เสียงผมอ่อยเมื่อสติกลับคืนและเริ่มแสบที่แผ่นหลังจากแรงกำปั้น
ผมก้มหน้าลงซบอกบางนิ่งกอบโกยอากาศเข้าปอดเพื่อเรียกสติหยุดความหื่นที่พุ่งขึ้นเพราะคนใต้ร่าง ผ่านไปสักพักลมหาย
ใจเริ่มกลับมาปกติแต่เรายังอยู่ในท่าเดิม และมิคก็คงรู้ว่าผมพยายามระงับอารมณ์อยู่จึงยอมนอนนิ่งให้ผมซบอกอยู่แบบนี้ ฝ่ามือนุ่มจับแก้มผมทั้งสองข้างให้เงยขึ้นก่อนส่งยิ้มหวานมาให้
“ฟิน ลุกออกจากตัวมิคก่อน เดี๋ยวใครเปิดประตูเข้ามา มิคอายน้า เร็ว” มิคอ้อนทั้งคำพูดทั้งรอยยิ้ม
ผมไม่อยากปล่อยตัวคนช่างอ้อนออกจากอกเลยล่ะครับ เห็นแบบนี้ล่ะอยากกดไว้ใต้ร่างและทำให้มิคอ้อนขอจากผมอยู่แบบนี้จังเลย แต่ขืนผมทำมีหวังโดนโกรธอีกนานแน่ๆครับ
“เฮ้อออ ฟินปล่อยก็ได้แต่มิคหอมแก้มฟินก่อนเป็นข้อแลกเปลี่ยน อ่ะ”
ผมแกล้งถอนใจยอมปล่อยกวางน้อยพ้นปากเสือแต่ก็ยังไม่ทิ้งลายขออ้อนให้คนน่ารักเอาใจคนป่วยแบบผมซะหน่อย ผมชี้นิ้วมาที่แก้มตัวเองและพองลมที่แก้มข้างนั้นก่อนยื่นแก้มไปใกล้หน้าคนหน้าหวาน ผมแกล้งไม่รู้ไม่เห็นกับใบหน้ายุ่งๆที่มิคเป็นอยู่ ยังคงค้างอยู่ท่าเดิมและมันได้ผลเพราะผมสัมผัสได้ถึงปากและจมูกโด่งของคนรักฝั่งมาที่แก้มตัวเอง ผมจึงหันหน้ามายิ้มกว้างให้คนหน้ามุ่ยที่โดนผมเอาแต่ใจใส่ แต่ก่อนที่ผมจะขอรางวัลอีกข้างก็ได้ยินเสียงดังที่หน้าประตูซะก่อน
“อ้าว ทำไมพวกวินไม่เข้าไปล่ะยืนรอหน้าห้องทำไมกัน”
เสียงที่ผมคุ้นๆว่าน่าเป็นเสียงกัส ทำเอาคนที่นอนใต้ร่างผมดิ้นขลุกขลักและดันตัวผมออกจนลงไปยืนข้างเตียงได้
“เอ่อ คือ เดี๋ยวครับกัส” เสียงไอ้วินแน่นอนครับแบบนี้
“ก๊อกๆๆ / ฟิน พวกกูมาเยี่ยม กูจะเปิดประตูแล้วนะ” รอบนี้เป็นเสียงไอ้ปรัชครับ
ผมกับมิคเรามองหน้ากัน ยังนึกสงสัยว่าทำไมมันต้องพูดเป็นทางการแบบนี้ด้วยจะเข้าก็เข้ามาสิ และผมก็เห็นมิคตาโตมีใบหน้าแดงก่ำขึ้นทันตา ผมก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้พวกนี้มันต้องเห็นฉากบนเตียงของผมกับคนรักแน่นอนครับจึงรีรอไม่เข้ามา ผมน่ะไม่เท่าไหร่สงสารก็แต่คนน่ารักที่อายหน้าแดงหันรีหันขวางแบบทำอะไรไม่ถูก คว้าแว่นมาสวมและนั่งลงที่โซฟามองค้อนผมทั้งๆที่หน้าแดงเลยล่ะครับงานนี้
“ฮึๆๆ เออๆ พวกมึงเข้ามาเลย” ผมหัวเราะในคอนิดๆให้กับความน่าเอ็นดูของคนรักก่อนเอ่ยปากให้ไอ้พวกเพื่อนๆที่อยู่นอกห้องเข้ามา
พวกเพื่อนสนิทผมมากันครบทีมเลยครับแถมพ่วงแฟนตัวน้อยอีกสองที่เป็นเพื่อนสนิทมิคมาด้วย และเมื่อเพื่อนสนิทสามคนเค้าเจอกันก็พุ่งเข้าไปนั่งด้วยกันและคุยกระจุ๋งกระจิ๋งก่อนที่จะหันทักทายคนป่วยแบบผม ส่วนผมก็ไม่อะไรมากเพราะเข้าใจถึงความสนิทสนมของเพื่อนทั้งสามคนที่มีต่อกันและผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายแล้วด้วยครับ
ผมหันมาทางไอ้เพื่อนสนิทอีกสี่คนของผมที่ยืนล้อมเตียงผมไว้ พวกมันก็มองมาที่ผมสายตานี่โคตรเจ้าเล่ห์เลยครับแถมรอยยิ้มร้ายๆแบบนี้อีก เท่าเอาผมขนลุกเพราะมันมีกันถึงสี่คนผมจะรับมือกับพวกมันไหวมั้ยครับเนี่ย
“ฮึๆ ไอ้คนป่วยมึงนี่มันไม่เจียมตัวจริงๆ” เสียงหญิงมนหญิงเดียวในกลุ่มส่งมาก่อนใคร
“มึงนี่นะไอ้ฟิน ทำไรเกรงใจสถานที่บ้างและเกรงใจคนไม่มีแฟนแบบกูด้วย โอ้ยยย มึงนี่มัน” ไอ้ธีมึงจะให้กูเกรงใจใครกันแน่ระหว่างมึงกับสถานที่เนี่ย
ผมเริ่มยิ้มออกเพราะรู้สาเหตุที่พวกมันเป็นแล้วครับจึงยักคิ้วส่งไปให้พวกมันพร้อมรอยยิ้มกวนๆ
“เอ่อ ยิ้มได้แล้วเพื่อนกูเห็นจะตายมาเป็นเดือน” ไอ้วินมันก็ส่งยิ้มมาให้พร้อมเหน็บผมพอหอมปากหอมคอ
“พวกกูคงไม่ต้องห่วงมึงแล้วล่ะใช่มั้ย” ไอ้ปรัชถามหน้านิ่งยิ้มมุมปากตามแบบฉบับเจ้าชายน้ำแข็ง
ผมก็ได้แต่พยักหน้าไปให้พวกมันและเอ่ยขอบใจพวกมันไปครับ พวกมันก็ถามไถ่ถึงอาการของผมครับแต่ผมก็บอกว่าคงต้องรอหมอมาตรวจอาการอีกทีในตอนเช้าเพราะตื่นมานี่ยังไม่เจอหมอเลยครับ ไอ้ธีก็แซวออกมาแบบคนปากอยู่ไม่สุข
“กูว่าไม่ต้องรอหมอมาดูอาการหรอกว่ะ กูก็บอกได้ว่ามึงน่ะไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ได้พยาบาลชั้นยอดมาเฝ้าไข้วัดไข้กันแบบใกล้ชิดขนาดนั้น วันนี้พรุ่งนี้มึงก็คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ฮ่าๆๆ”
“ไอ้ธีมึงนี่พูดมาก” ผมก็ปรามมันยิ้มๆและรู้กันล่ะครับว่าพวกมันคงเห็นการวัดไข้แบบพิเศษของผมกับพยาบาลจำเป็นไปแล้ว แต่ต้องปรามมันครับเพราะถ้ามิคได้ยินผมก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง
ผมหันไปมองคนรักที่ตอนนี้นั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆทั้งชุดนอนนี่ดีนะครับที่ว่าเป็นชุดที่เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นผมไม่ปล่อยให้เค้านั่งอยู่แบบนี้หรอกครับ พวกเรานั่งคุยกันสักพักไอ้ธีมันก็บ่นหิวเลยชวนหญิงมนคู่ซี้เค้าออกไปหาของกินและก็จะได้หามาเผื่อพวกผมที่อยู่ในห้องด้วย หลังจากมนและธีออกไปแล้วมิคก็ขอตัวเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง เหลือกันห้าคนครับคือผม วิน กัส ปรัช และมาย บรรยากาศเปลี่ยนทันทีมื่อไม่มีมิคอยู่ด้วย กัสกับมนเดินมายืนข้างเตียงผมหน้านิ่ง ผมนี่แอบกลืนน้ำลายลงคอเพราะให้ความรู้สึกถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้นฉับพลัน หันไปหาตัวช่วยคือเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ตอนนี้ทำหน้าเจื่อนๆ แอบไปนั่งเงียบที่โซฟาด้านหลังของคนรักทั้งสองของตัวเอง และมันปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับแฟนตัวเล็กของมันตามลำพัง
“ฟิน / ฟิน” สองเสียงหวานประสานกันเรียกชื่อผมทำเอาผมสะดุ้ง
“คะ ครับ” ผมตอบรับทั้งสองแบบตะกุกตะกักและรอว่าทั้งคู่เค้าจะพูดอะไรกับผมซึ่งผมก็เดาไว้อยู่ในใจก็คงไม่พ้นเรื่องมิคนั่นล่ะครับ
“ฟินรู้ใช่มั้ยจ๊ะว่ามายกับกัสจะพูดเรื่องอะไร” แม้เสียงมายจะยังหวานแต่ความนิ่งและเข้มมีมากกว่าปกติ จึงทำให้ผมพยักหน้าตอบรับระรัว
“เพราะฉะนั้นกัสจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ กัสเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามทำมิคเสียใจไม่งั้นกัสเอาตายแน่ และครั้งนี้ฟินก็ทำให้มิคเสียใจ” กัสผู้น่ารักเสียงนิ่งได้ไม่แพ้มายแถมหน้าตาน่ารักกลับน่ากลัวขึ้นมาในสายตาของผม
“ฟินขอโทษครับ” ผมที่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนได้ดีกว่านี้พูดอย่างยอมรับผิด และรู้ตัวว่าตัวเองพูดคำนี้เยอะมากในช่วงนี้
“เรารู้ว่าฟินรู้สึกผิดจริงๆ แต่การสำนึกผิดกับบทลงโทษมันคนละเรื่องกันนะจ๊ะ” หมอมายผู้น่ารักเรียบร้อยเอ่ยเสียงเครียดได้น่ากลัวไม่แพ้หมอกัส
ผมก็ได้แต่นิ่งและสบตากับคนทั้งคู่รอรับบทลงโทษที่ทั้งสองคนเค้าจะตัดสินมา ขอเพียงอย่าให้ผมแยกจากมิคอะไรผมก็ยอมล่ะครับงานนี้ก็รู้อยู่ว่าทำเพื่อนรักเค้าเสียใจ ส่วนไอ้เพื่อนสนิทของผมสองคนมันนิ่งเงียบไม่มีเอ่ยค้านสิ่งที่บรรดาแฟนมันจะลงโทษผมเลยครับ ให้รู้ว่าเราอยู่แก๊งเดียวกันก็แก๊ง ‘เกียมัว’ ไงครับ
“ฟินเตรียมรับบทลงโทษที่มายกับกัสคิดไว้รอแล้วนะ” มายยังเป็นผู้ส่งคำถามนี้มาผมก็ได้แต่พยักหน้ารับคำ และกลั้นใจรอรับคำตัดสินเมื่อมายหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์กับกัสสองคนก่อนกัสจะหันมายิ้มเหี่ยมให้ผมและเอ่ยออกมา
“บทลงโทษของฟินก็คือ.......” กัสเว้นช่วงให้ผมลุ้นรอคำตอบนั่นยิ่งทำให้ผมลุ้นจนหัวใจจะหยุดเต้นแบบที่ไม่เคยลุ้นอะไรเท่านี้มาก่อนเลยล่ะครับเนี่ย
“ฮึๆๆ คือการพาพวกเราทั้งหมดไปเที่ยวทะเลและเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริป และดูแลมิคอย่างเจ้าชายน้อยๆห้ามขัดใจ” กัสยิ้มกว้างแววตาเป็นประกายส่งมาให้
ผมที่รอลุ้นเหมือนลุ้นผมประกาศรางวัลที่หนึ่งและผลที่ออกมาทำเอาผมนิ่งอึ้งเหมือนว่าได้ฟังผิด แต่เมื่อทบทวนสิ่งที่กัสพูดและรอยยิ้มของสองหมอที่ยืนอยู่ก็ทำให้ผมโล่งใจและดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน และต้องหัวเราะออกมาให้กับบทลงโทษขั้นรุนแรงบทนี้
“ฮึๆๆ ได้ครับผม ฟินขอน้อมรับบทลงโทษของกัสกับมายและจะจัดการให้ทันทีเลย ฮึๆ”
ผมหัวเราะอย่างโล่งใจที่สุดและหันไปมองไอ้เพื่อนซี้สองคนที่เหลือ มันมีอาการไม่ต่างจากผมนักในตอนนี้คือหัวเราะเสียงดัง แทคมือกันสองคนอย่างโล่งอกโล่งใจ แต่เสียงหัวเราะของผมต้องชะงักไปเพราะใบหน้าหวานของคนรักของเพื่อนผมที่เคลื่อนมาใกล้ด้วยสีหน้าถมึงทึงพร้อมเสียงเล็กพูดลอดไรฟันออกมา
“ครั้งนี้พวกเราจะยกโทษให้แต่ต้องไม่มีครั้งหน้า หวังว่าฟินจะเข้าใจนะครับ”
ผมหันหน้ามองไปมาระหว่างหน้ากัสและมาย ทั้งเสียงทั้งภาพที่เห็นมันทำเอาผมขนลุกแม้จะเป็นใบหน้าหวานของคนน่ารักทั้งคู่แต่แววตาจริงจังนั่นมันบ่งบอกและส่งสัญญาณให้ผมรู้ว่าถ้ามีครั้งหน้าอีกผมจะไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้อีกแน่นอน แต่ผมก็ต้องตกใจกับเสียงร้องของคนทั้งคู่
“เฮ้ยย / อุ๊ยย” เสียงหวานของทั้งคู่อุทานออกมาพร้อมใบหน้าที่ห่างวูบออกไป
ก็เพราะไอ้คุณแฟนหรือไอ้เพื่อนสนิทของผมสองคนที่เห็นมันนั่งอยู่ มันสองคนลุกมาจับเอวแฟนตัวเองยกจนตัวลอยห่างออกจากหน้าผม ทั้งไอ้ปรัชไอ้วินหน้ามุ่ยมองหน้าแฟนตัวเอง ถ้าให้เดาก็คงหวงแฟนมันนั่นแหละครับก็ยื่นหน้ามาซะใกล้ผมเลยนี่หน่า ผมก็ได้แต่หัวเราะกับกิริยากระเง้ากระงอดของเพื่อนผมที่โดนแฟนมันดุที่อยู่ๆก็ทำแบบนั้น
บรรยากาศกลับมาสดใสอีกครั้งและยิ่งดีขึ้นเมื่อมิคออกมาจากห้องน้ำก่อนเดินเข้ามาใกล้ผม พากลิ่นหอมสดชื่นมาพร้อมมือเย็นๆที่แตะต้นแขน
“หัวเราะอะไรกันดังเข้าไปถึงห้องน้ำเลย” เสียงหวานถามอย่างสงสัย ผมคว้ามือนุ่มที่ต้นแขนมาเกาะกุมทันที
“เราตกลงกันว่าจะพามิคไปดำน้ำดูปะการังน่ะ” เสียงหวานของกัสแทรกเข้ามาพร้อมเดินเข้าหามิค
“จริงอ่ะกัส เมื่อไหร่มิคอยากไปจะแย่แล้ว ฟินไปเมื่อไหร่” มิคยิ้มปากกว้างตาปิดแถมเขย่ามือผมที่เกาะกุมอยู่ไปมาเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นเมื่อได้ของถูกใจ
“มิคพร้อมเมื่อไหร่เราไปกันเลยครับ”
ผมรีบตอบเอาใจคนรักอาการของเด็กน้อยที่ตื่นเต้นกับการจะได้ไปเที่ยวดำน้ำดูปะการังอย่างที่เจ้าตัวอยากไป หลังจากที่มิคหัดว่ายน้ำจนเป็นแล้วผมก็คิดว่าจะพาคนน่ารักเค้าไปอยู่แล้วล่ะครับและนี่จึงเป็นโอกาสเหมาะทีเดียวครับแม้ว่าจะต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งทริปผมก็ยอม และผมก็ได้รอยยิ้มหวานจากคนน่ารักส่งมาให้เป็นรางวัลทำเอาใจเต้นรัวกับรอยยิ้มพิฆาตที่สยบผมได้ทุกครั้งนี่จริงๆเลยครับ
......................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
บทลงโทษของสองหมอผู้น่ารักช่างน่ากลัวและรุนแรงซะจริง 555 เอาแค่เบาๆเนอะ
และฟินก็หื่นตลอด นิดหน่อยก็เอา ยกให้ไปสักคนนะคะ
ตอนที่แล้วกระแสแม็คแรงมาก ก็ขอแจ้งว่าแม็คมีเนื้อคู่แล้วค่ะ (ลิขิตโดยคนแต่ง)
แต่อีกพักใหญ่ถึงจะเจอ มีมาไม่มากเอาแค่ได้ลุ้น ฮุๆๆ เพราะยังตัดสินใจไม่ถูกว่า
จะแยกเรื่องหรือเป็นคู่เสริมของเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นจะสอบถามคนอ่านอีกทีน้า
ตอนหน้าเนื้อคู่นายธีออกแล้วจ้าจะเป็นใครตามอ่านได้นะคะ^^
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ ตอนหน้าเจอกันวันศุกร์จ้า

ให้อุ่นๆๆและ

ที่ติดตามค่ะ