ตอนที่ 34คนน่ารักที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกางเกงสแล็คสีดำพอดีตัวคาดเข็มขัดหนังเส้นเล็กและรองเท้าหนังขัดมันดูเป็นทางการกว่าที่เคย มิคที่เดินนำหน้าผมอยู่หันกลับมาเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนเดินตาม เมื่อเห็นว่าเป็นผมมิคก็เลิกคิ้วทำหน้าตาสงสัยก่อนส่งคำถามมาให้
“อ้าว ฟินตามมิคลงมาทำไมล่ะ”
“วันนี้ฟินอยากเดินมาส่งมิคที่คณะครับ”
ผมส่งยิ้มหวานไปให้คนขี้สงสัยและเดินไปยืนเคียงข้างก่อนแตะที่หลังเอวบางเป็นสัญญาณให้เจ้าตัวเค้าออกเดิน มิคเงยหน้ามองผมแบบยังไม่หายสงสัยแต่ก็ยอมออกเดินมาคู่กัน เมื่อเช้าผมไปรับมิคที่บ้านและทำกิจวัตรตามปกติกับคนรักคือการตักบาตรเช้าด้วยกัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นสำหรับวันนี้คือการที่ผมช่วยมิคขนกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้มาอยู่ที่บ้านผมครับ อาการดีใจจนเนื้อเต้นเป็นยังไงผมก็เพิ่งรู้วันนี้ล่ะครับเนี่ยใบหน้าผมยังหุบยิ้มไม่ได้เลย และการที่ผมทำผิดกิจวัตรด้วยการเดินลงมาส่งมิคด้วยตัวเองแทนการขับรถออกไปบริษัทเลยเหมือนทุกครั้งนั้น เพราะผมมีแผนที่ต้องกำจัดเสี้ยนหนามเล็กๆที่แอบทิ่มแทงผมอยู่ และนั่นผมเห็นไอ้หนามยอกอกนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าคณะ ผมจึงเอามืออ้อมแผ่นหลังบางเพื่อไปโอบเอวมิคไว้และเป็นจังหวะเดียวกับที่เป้าหมายเงยหน้าส่งยิ้มมาให้คนน่ารักของผม และไอ้ต้นมันก็ต้องยิ้มค้างก่อนเหลือบตามาที่เอวมิคที่มีมือผมโอบอยู่ จนเรามายืนใกล้โต๊ะที่นายต้นนั่งอยู่ก่อนที่ผมจะก้มหน้าคุยกับมิค
“มิคครับวันนี้เรียนเสร็จแล้วโทรหาฟินนะครับ เดี๋ยวฟินมารับกลับบ้านของเรา” ผมส่งยิ้มละลายใจให้มิคหลังพูดจบ
มิคเงยหน้ามองผมนิ่งก่อนหันกลับไปมองหน้าไอ้ต้นที่ทำหน้าเหวอตกใจอ้าปากค้างมองมาที่เราสองคน ซึ่งมันคงได้ยินเต็มสองรูหูแล้วล่ะครับ และมิคก็หันกลับมาเงยหน้าขึ้นยิ้มนิดๆที่มุมปากแต่ตาไม่ได้ยิ้มตาม ดูเหมือนว่าจะมีแววคาดโทษส่งมาให้เหมือนรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่
“อืม เดี๋ยวมิคโทรหา ฟินไปทำงานเถอะ”
ผมแอบโล่งใจนะครับที่มิคไม่โวยวายออกมาให้ผมเสียหน้าตรงนี้ต่อหน้าไอ้หมอนี้ แม้เจ้าตัวเค้าจะรู้ถึงสิ่งที่ผมต้องการทำคือการอวดศักดาให้รู้ว่าใครคือเจ้าของคนน่ารักตรงหน้านี้กันแน่ และนั่นหมายความว่ามิคยินยอมให้ผมเปิดตัวกับไอ้หมอนี่ที่คอยเป็นหนามมาทิ่มแทงใจผม ให้มันได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราที่พัฒนาถึงขั้นได้อยู่ด้วยกัน แม้ความจริงมันยังไม่ถึงไหนก็ตาม
“ครับ งั้นฟินไปแล้วนะครับ”
ผมก็ยิ้มกว้างให้มิคก่อนเอื้อมมือลูบผมนุ่มแผ่วเบาและหันไปมองหน้าไอ้ต้นที่เปลี่ยนมานั่งนิ่งแววตาเศร้าสร้อยจ้องมองไปที่มิคแบบตัดพ้อ ‘อ้าวไอ้นี่มึงมีสิทธิมาทำสายตาแบบนี้กับแฟนกูได้ยังไงกัน’ ผมได้แต่คิดไม่ได้เอ่ยปากออกไป และหันมามองมิคที่ไม่ได้แม้แต่มองหน้าไอ้ต้นเลย แต่มองมาที่ผมนิ่งๆและส่งยิ้มนิดๆที่มุมปาก ผมจึงลูบแก้มใสอีกทีและยิ้มให้คนรักก่อนเดินจากมา ผมล่ะเห็นใจนายต้นนั่นบ้างแล้วครับเพราะดูท่ามิคไม่แม้แต่จะคิดกับมันในแง่นั้นเลย แถมดูเหมือนไม่สนใจและไม่คิดจะรับรู้ถ้านายนั่นจะเข้าหามิคเกินเพื่อน ผมคิดว่าตัวเองโชคดีมากครับที่มิคไม่ทำหมางเมินกับผมแบบนั้นตอนที่ผมจีบมิคใหม่ๆ แถมตอนนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้วและกำลังจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแม้จะอยู่คนละห้องก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าในไม่ช้าผมจะได้อยู่ห้องเดียวกันกับมิคแน่ๆครับ เพราะถ้ามิคไม่ย้ายมาห้องผมจะเป็นผมนี่แหละที่จะเอาตัวเองยัดเยียดเข้าห้องมิคเอง
เมื่อปฏิบัติภารกิจกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจเสร็จแล้วแม้ว่าผมแทบไม่ต้องทำอะไร แต่ที่ได้รู้ได้เห็นเมื่อเช้านี้ผมก็เบาใจได้มากแล้วว่าที่รักผมเค้ามีใจให้ผมแค่คนเดียว แม้ว่ามิคจะยังไม่เคยพูดบอกรักผมก็ตาม แต่ดูจากท่าทางและสิ่งที่มิคยินยอมพร้อมใจกับผมในหลายๆครั้งก็พอรู้ล่ะครับว่ามิคต้องมีใจให้ผมมากอยู่ และผมก็จะทำให้คนน่ารักเค้ายอมพูดกับผมให้ได้สักวัน คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็มาถึงที่บริษัทแล้วครับ
“คุณฟินเช้านี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษแบบนี้มีเรื่องอะไรดีๆใช่มั้ยคะ” เสียงหวานของคุณพิมพ์เลขาที่รู้ใจทักขึ้นเมื่อเธอเห็นผมเดินมาถึงหน้าห้อง
“ฮึๆๆ ครับก็นิดหน่อย คุณพิมพ์มีงานอะไรรีบขนมาเลยครับเพราะวันนี้ผมต้องรีบออก”
“อย่างนี้เรื่องดีๆที่ว่าคงไม่นิดหน่อยละมั้งคะ งั้นคุณฟินรอในห้องเลยค่ะเดี๋ยวพิมพ์เอางานไปให้ค่ะ”
ผมรีบเดินเข้าห้องรอไม่นานงานก็มากองอยู่บนโต๊ะ ผมจึงก้มหน้าทำงานไม่หยุดแม้จะมีงานมากมายแบบนี้ผมก็ไม่นึกท้อหรือหงุดหงิดเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ เพราะแค่คิดว่าเย็นนี้ผมก็จะได้อยู่บ้านเดียวกับคนรักก็ตื่นเต้นและมีแรงทำงานขึ้นอีกเยอะล่ะครับ ตลอดเช้างานก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนได้เวลาพักเที่ยงผมก็กดโทรหาคนน่ารักที่ไม่รู้ว่าได้ทานข้าวกลางวันรึยัง รอที่รักไม่นานก็ได้ยินเสียงหวานดังขึ้น
“ครับ ฟินทานข้าวรึยัง” เสียงหวานถามอย่างเป็นห่วงในประโยคแรกทำเอาดีใจจนใจพองคับอก
“ยังครับแล้วมิคล่ะทานรึยังเอ่ย” ที่โทรหามิคก็เพราะทั้งคิดถึงและเป็นห่วงคนกินเก่งแต่ยังตัวเล็กน่ารักไม่เปลี่ยน
“กำลังจะไปทานน่ะ อืมวันนี้มิคเข้าคลินิกนะอยู่ที่ตึกโรงพยาบาลใกล้ๆตึกคณะน่ะ อาจารย์จะให้ดูเคสเด็ก ฟินมารับมิคที่นั่นนะ”
“ครับผม ได้ตามบัญชาเลยที่รัก ฮึๆ เอ่อแล้วมิคไปทานข้าวกับใครครับ” ใจรู้นะครับว่ามิคไม่คิดอะไรกับไอ้ต้นแต่ปากมันเร็วดันออกปากถามถึงสิ่งที่คิดออกไป
“ไปกับนิดกับต้นน่ะ ฟิน ฟินรู้ใช่มั้ยว่า...”
“ครับๆ ฟินรู้ครับว่ามิคไม่ได้คิดอะไรออกจะชัดเจนขนาดนั้น ฟินขอโทษคร้าบบบบ ฟินก็แค่หวงมิคนี่ครับ” ผมรีบเอ่ยขัดก่อนมิคพูดจบประโยคและรีบขอโทษกลัวว่าเจ้าตัวจะโกรธ แถมขอแอบหยอดอีกนิดให้รู้ว่าผมหวงแต่ไหน
“ฮึๆๆ รู้แบบนั้นก็ดีแล้ว และอย่าคิดว่ามิคไม่รู้นะว่าเมื่อเช้าตั้งใจทำอะไรน่ะ” เสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนเสียงหวานจะเอ่ยอย่างรู้เท่าทัน
“ครับผม มิคคนน่ารักฉลาดที่สุด มิคครับไปทานข้าวนะครับเดี๋ยวปวดท้องเลยเวลาแล้วด้วย เจอกันตอนเย็นนะครับ บาย”
ผมกดวางสายพร้อมยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงใบหน้าของคนที่เพิ่งวางสายไป และก่อนที่ผมจะโทรสั่งให้คุณพิมพ์สั่งอาหารกลางวันเหมือนเคยก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ ดูชื่อเป็นไอ้ธีที่โทรมาผมก็กดรับทันที
“ว่าไงมึง....โทรมาได้กูว่าง มีอะไรให้เร็ว....นัดกันคืนนี้เหรอ....กูไม่ไปได้ปะวะ....ไอ้เพื่อนเวร...มึงต้องบอกกูก่อนว่าเรื่องอะไรไม่งั้นกูไม่ไป.........อุ๊บ ฮ่าๆๆ จริงดิ....เออๆ ฮึๆ กูหยุดแล้ว กูไปก็ได้นี่เห็นว่าเพื่อนกูจะได้มีผัวกับเค้านะกูเลยต้องเจียดเวลาอันแสนมีค่าที่จะอยู่กับมิคให้มึง....คืนนี้เจอกัน”
หลังว่างสายจากเพื่อนสนิทผมก็หัวเราะเสียงดังก้องในห้องทำงาน ให้สมกับที่เพื่อนอย่างไอ้ธีมันมีคนเล็งจะเอามันจับทำเมีย ที่มันโทรมาเพราะมันต้องการนัดเพื่อนสนิททุกคนให้ไปช่วยมันคิดหาทางชิ่งไอ้คนหน้ามืดที่คิดจับมันทำเมีย ก็จะใครล่ะครับก็นายแพทย์ภีมที่เป็นหมอที่รักษาผมนั่นแหละ ไม่รู้ว่าหมอภีมมาถูกใจมันยังไงมุมไหนเพราะมันก็ออกจะแมนไม่ได้ชอบผู้ชายเลยครับ แม้ไอ้ธีจะมีหุ่นสูงโปร่งไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากและตัวบางกว่าผมและไอ้วินก็ตาม และทั้งคู่โคจรเจอกันอีกทีตอนไหนนะ คืนนี้ผมคงได้รู้และคงต้องช่วยเพื่อนให้รอดพ้นเงื้อมือของหมอภีม แต่จะว่าไปถ้าไอ้ธีมันไปเป็นเมียหมอภีมมันคงลดความเฮี้ยวความป่วนในตัวไปได้เยอะล่ะครับ ไอ้ผมก็รักเพื่อนนะแต่ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยวันที่ผมจะได้อยู่กับมิคในบ้านเดียวกันเป็นวันแรก ที่สำคัญมันไม่ให้พวกผมพาแฟนไปครับเพราะมันว่ามันอายไม่อยากให้พวกแฟนผมเค้ารับรู้เรื่องนี้ วันนี้ผมคงต้องไปรับมิคและทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนออกไปหาเพื่อน เสียดายที่คงไม่ได้กล่อมเด็กน้อยนอนไม่รู้ว่าจะแปลกที่จนนอนไม่หลับรึเปล่านะ
............................................................
“มิคครับเดี๋ยวฟินจะออกไปแล้วนะครับ” ผมพูดก่อนเดินเข้ามาในห้องนอนของมิคที่คุณตาจัดไว้ให้
“อืม ก็ไปซิแต่อย่ากินเหล้านะเดี๋ยวฟินต้องขับรถกลับอีก” มิคพูดไประหว่างเดินมานั่งโซฟาที่ตั้งอยู่ปลายเตียง
ห้องมิคอยู่ห้องติดกับห้องนอนผมเลยครับขนาดห้องก็ไม่ต่างกัน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบทุกอย่างอภินันทนาการจากคุณตาที่เตรียมต้อนรับหลานสะใภ้ ผมมองรอบห้องดูความเรียบร้อยว่ายังขาดเหลืออะไรมั้ย ก่อนเดินมานั่งข้างคนตัวหอมที่อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเสื้อและกางเกงขายาวเนื้อนิ่ม หลังทานข้าวเย็นพร้อมกันสามคนเราต่างแยกย้ายกันผมที่ต้องเตรียมตัวก็กลับไปอาบน้ำที่ห้องจนเสร็จก่อนจะออกไปก็ขอมารายงานตัวกับคนรักซะก่อนที่สำคัญอยากมาอ้อนเผื่อคืนนี้จะได้นอนกอดคนตัวนิ่มน่ะครับ
“มิคครับ คืนนี้ฟินอาจกลับดึกนะไม่รู้ว่าไอ้ธีจะปล่อยตัวออกมากี่โมง มิคนอนคนเดียวได้มั้ย” ผมจับมือนุ่มที่วางบนตักของเจ้าของมาและใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงหลังมือขณะพูด
“ฮิๆ มิคนอนคนเดียวมาตลอดทำไมจะนอนไม่ได้ล่ะ” มิคละสายตาจากรายการทีวีเมื่อได้ฟังที่ผมพูดและหัวเราะแผ่วเบาก่อนตอบ
“แต่ฟินไม่อยากนอนคนเดียวนี่หน่า ฟินมานอนกับมิคได้มั้ย” ผมจับมือมิคขึ้นมาจูบหลังมือนุ่มหลังพูดจบและส่งสายตาออดอ้อนให้คนน่ารักที่ยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้า
“ฮึๆ เว่อร์ไปแล้วฟิน ไปหาเพื่อนเถอะเดี๋ยวสาย” มิคหัวเราะและส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับพฤติกรรมของผม
ผมยื่นหน้าเข้าใกล้คนหน้าหวานจมูกได้กลิ่นแป้งเด็กจากผิวกายก่อนฝั่งจมูกที่แก้มกลมสูดกลิ่นหอมเต็มปอด มิคตกใจสะดุ้งนิดหน่อยแต่ไม่ได้ขยับหนีผมจึงฝั่งจมูกที่แก้มหอมอีกข้างซะเลย และกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มที่มีกลิ่นหอมที่คุ้นชินก่อนวางคางเกยลาดไหล่
“ฟินดีใจจังเลยที่ได้อยู่บ้านเดียวกับมิคแบบนี้ แต่ทำไมวันแรกที่ได้อยู่ด้วยกันฟินต้องออกจากบ้านด้วยน้า เฮ้อออ มิคครับนอนคนเดียวไปก่อนนะเดี๋ยวฟินจะรีบไปรีบมานะครับ” ผมออดอ้อนทั้งๆที่ยังกอดร่างเล็กไว้เต็มอ้อมกอด
“ฮึๆ เนียนตลอดเลยนะฟิน กลับมาฟินก็นอนห้องฟินซิ อืม จริงซิ” มิคดันตัวเองออกจากอ้อมอกผมและจ้องหน้าผมนิ่งๆสายตาจริงจังเตรียมจะพูดเรื่องสำคัญ
“ออกไปเนี่ยน้องฟินอย่าซนนะครับ อย่าให้พี่มิครู้นะครับว่าแอบเหล่สาวหรือหนุ่มคนไหนไม่งั้นน้องฟินเจอดีแน่” พี่มิคของผมเนี่ยเสียงเข้มแต่ตาพราวอย่างหยอกล้อเห็นแล้วผมก็อดขำปนหมั่นเขี้ยวไม่ได้กับท่าทางขี้เล่นของคนรัก
“ฮึๆๆ ฮ่าๆๆ ครับพี่มิคน้องฟินไม่กล้าหรอกครับ น้องฟินกลัวพี่มิคแล้วครับ ฮ่าๆๆ”
เราสองคนหัวเราะให้กันและมิคก็ส่งยิ้มหวานมาให้ผม ผมล่ะไม่อยากไปเลยครับถ้าไม่เห็นว่าเพื่อนกำลังร้อนใจจริงๆแบบนั้น อยากจะนอนกอดคนน่ารักที่ยิ้มหวานมาให้กันมากกว่า ผมตัดใจยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากแดงที่ลอยอยู่ตรงหน้าแรงๆเสียหนึ่งที และเตรียมตัวลุกออกจากห้องแต่ก่อนที่ผมจะเดินออกไปก็ถูกมือนุ่มของมิคคว้าข้อศอกไว้ และกลุ่มผมดำของมิคก็เคลื่อนมาอยู่ที่หน้าอกและผมก็รู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นที่นุ่มนิ่มแตะบริเวณหน้าอกตรงตำแหน่งกระดุมเม็ดที่สองที่ผมปลดไว้ก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดตามมา
“มิคคค”
ผมละเมอเรียกชื่อคนรักเสียงแผ่วเมื่อรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง มิคเงยหน้าขึ้นสบตาผมตาพราวอย่างเจ้าเล่ห์แต่ผมแอบเห็นหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อ ก่อนปากแดงที่สัมผัสอกผมจะขยับเอ่ย
“นี่ เป็นตัวแทนมิคคนอื่นจะได้รู้ว่าฟินมีเจ้าของแล้วจะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่ง”
ผมฟังและซึมซับสิ่งที่มิคบอก มันทำเอาผมอึ้งนิ่งงันไม่คิดว่ามิคจะทำรอยจูบที่อกผม จึงปล่อยให้มิคจับจูงข้อมือเดินไปที่ประตูแบบไม่รู้ตัว ผมแปลความหมายที่มิคประทับตรารอยจูบบนตัวผมเพราะไม่อยากให้ใครได้เข้าใกล้ผมเพราะ ‘มิคหวง’ ผม มันทำเอาผมใจเต้นรัวและเบ่งบานจนจะหลุดออกมาจากอก
“อย่ากินเหล้านะครับ รีบไปรีบกลับล่ะฟิน” มิคยิ้มหวานให้ผมทั้งที่หน้ายังไม่หายแดง
ผมที่เริ่มรู้ตัวยิ้มกว้างหันไปจะให้รางวัลคนรักที่ทำตัวได้น่ารักมาก แต่ต้องยิ้มค้างเพราะแค่มิคพูดจบส่งยิ้มให้ก็ปิดประตูห้องนอนปิดกั้นผมจากเจ้าตัวทันที ผมได้แต่ยืนนิ่งแต่ยังมียิ้มอยู่เต็มหน้าไม่สามารถหุบได้และไม่ได้นึกน้อยใจที่มิคปิดประตูใส่หน้าก่อนที่จะฟังผมเอ่ยลาหลังทำอะไรๆน่ารักและยั่วยวนให้ผมอยากจับกดแบบนั้น ผมหันหลังเดินตัวลอยมือลูบรอยจูบที่มิคฝากไว้ก่อนก้มมองรอยแดงอย่างภูมิใจ และแบะอกเสื้อตัวเองให้กว้างเพื่อโชว์รอยจูบของคนรักให้คนอื่นได้เห็นชัดๆว่าผมมีเจ้าของแล้ว และเจ้าของก็หวงมากแถมคืนนี้ยังนอนรออยู่ที่บ้านซะด้วยน่ะซิครับ ฮึๆๆ
............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
“เจ้าของ” เค้ารักแรงหวงแรงเนอะแต่ฝ่ายมิคออกแนวยั่วยวนมากกว่า
มิคจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าเสี่ยงต่อการโดนฟินกดมากกกกกแค่ไหน 555
ตอนหน้าฟินจะพามิคไปหาคนสำคัญอีกหนึ่งคนจะเป็นใครลองเดาดูค่ะ
ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ และเจอกันวันเสาร์ค่ะ

และ

มากๆค่ะ