[ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!  (อ่าน 327394 ครั้ง)

Akamei

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อๆๆ ๆๆ
เพราะมีเเพรอยู่ใกล้นั้นแหละ
ถึงทำให้น้ำมนต์คิดมาก คิดว่างั้นนะ
ว่าแต่การกระทำของแพรนี้ =='

fahsai

  • บุคคลทั่วไป
สงสารนายปีโป้ สุดหัวใจ  :monkeysad: :m15:

น้ำมนต์ ใจร้ายง่ะ   :serius2:


 :กอด1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
วันนี้ไม่เข้าข้างใคร
นายปีโป้ทำไม่ถูกที่สารภาพรักไม่เลือกสถานที่และเวลา ซ้ำร้ายใช้กำลังข่มเหง ทำให้ปัญหายิ่งเลวร้ายไปใหญ่
น้ำมนต์ก็ทำไม่ถูกด้วยที่ไปขอแพรเป็นแฟนและจูบกันต่อหน้าปีโป้ เหมือนไปเติมเชื้อไฟ
ไม่รักไม่ว่าแต่อย่าทำร้ายจิตใจกัน

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
โป้ ช่างหัวน้ำมนต์มันเหอะ
หาคนใหม่ไปเลย หล่อๆอย่างโป้สบายอยู่แล้ว

kisz

  • บุคคลทั่วไป
พลิกซะงั้น เหมือนจะไปได้ดีแท้ๆน่ออออ

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
   ตอนที่ 26  ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก (เราเตือนคุณแล้วนะ!!)


   ถ้าหากได้รู้ว่าการแอบสร้างประตูเล็กๆที่กำแพงนั้น ทำให้ใครคนนั้นล่วงรู้ แล้วแอบมาพังประตูที่กำลังสร้างเปิดรับเขาในไม่ช้า  .. ผมคงไม่คิดจะสร้างมัน


   ผมรู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่หาย มันคือเรื่องราวที่แสนวุ่นวาย และเข้ามาในชีวิตของผมแบบไม่ทันตั้งตัว การเปิดรับคนแปลกหน้าเข้ามาพัวพันกับชีวิต มันทำให้เราไม่รู้เลยสินะ ว่าชีวิตเราจะเดินไปในทิศทางไหนและเมื่อไหร่

   ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องโทษใคร โทษที่ตัวเองไว้ใจใครมากเกินไป โทษที่ใครคนนั้นทำอะไรพลาดไป โทษหัวใจที่เผลอไปกับสิ่งดีๆที่เขาทำมาทั้งหมด  กว่าจะรู้ตัวเองอีกที ก็พลาดกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่เขาจะมาย้ำยีจิตใจเราได้ง่ายๆ




“เป็นไรไปน้ำมนต์ ยายเห็นตั้งแต่กลับมาก็ไม่พูดไม่จา” ยายเดินมาถามผม ที่นั่งแน่นิ่งมองท้องฟ้าอยู่ตรงระเบียงบ้าน

“เปล่าครับยาย” ผมบอกยายไป

“ทะเลาะอะไรกับพี่ปีโป้เหรอ”

“เปล่านี่ครับ”

“เอาเถอะ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร เรื่องของวัยรุ่นยายคงไม่เข้าใจ ยายแค่อยากบอกกับหนูว่า คนที่ประเสริฐที่สุด คือคนที่รู้จักการให้อภัย การเก็บมาเกลียดโกรธชังไม่ใช่วิสัยของคนดี มีไรก็คุยกับพี่เค้า ให้อภัยได้ก็ให้ไปเถอะ ยายไม่อยากให้หนูเก็บมาคิดให้มันหนักหัว” ยายพูดแล้วเอามือมาลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มให้และเดินเข้าบ้านไป



ให้อภัย , มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับยาย ..


“ฮัลโหลว่าไงแพร” ผมรับโทรศัพท์เบอร์ของคนที่พยายามโทรมาหลายสิบสายตั้งแต่ที่จากกันมา แต่ผมก็ไม่อยากจะรับ จนถึงเวลานี้ คิดว่าอารมณ์ผมคงใกล้เข้าสู่สภาะปกติแล้ว

“ฮัลโหลน้ำมนต์ เป็นยังไงบ้าง แพรเป็นห่วงน้ำมนต์มากเลยนะเนี่ย โทรไปน้ำมนต์ก็ไม่รับ รู้มั๊ยว่าแพรเป็นห่วง” เธอพูดมาซะยาว จนผมเกือบจะประมวลผลฟังแทบไม่ทัน

“อืม เราไม่อะไร พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ ขอบใจมากที่เป็นห่วง แค่นี้ก่อนนะ” ผมรวบรัดสรุปและตัดสายไป



จะว่าไปวันนี้ผมก็ทำไรผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเหมือนกัน  แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่า การเล่นกับความรู้สึกคนอื่น ไม่ได้ทำให้คนอื่นเจ็บข้างเดียว เรานี่แหละ ที่จะเจ็บไปด้วย ไม่ว่าทางใดก็ตาม ..









“น้ำมนต์ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ประโยคแรกของการทักทายวันนี้ของช้างน้อย ที่เดินเข้ามาในร้านป้าตามสั่งแล้วถามผม กับสายตาที่มองมาที่ผม ก่อนจะหันไปมองโต๊ะนายปีโป้ที่อยู่อีกมุมนึงของร้าน ที่นั่งจ้องผมตั้งแต่ที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในร้านนี้

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ผมบอกก่อนจะก้มอ่านหนังสือในมือต่อ

“แกอย่ามาโกหกชั้น ชั้นรู้ว่าเรื่องเมื่อวานมันต้องร้ายแรงมาก ใช่มั๊ย”

“ไม่รู้สิ”

“แกนี่โกหกไม่เก่งเอาซะเลย ถ้าแกไม่เล่าชั้นจะไปถามพี่ปีโป้”

“อืม ไปถามเค้าสิ”

“จัดให้”  ช้างน้อยพูดพร้อมกับสะบัดหน้าสะบัดก้นให้ผม แล้วเดินไปหานายปีโป้ ผมปรายสายตาไปมองนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเลิกสนใจ



“น้ำมนต์”  เสียงแพรเรียกผม พร้อมกับหน้าที่ชะโงกมามอง เล่นเอาผมตกใจกับท่าทางของเธอ

“ว่าไงแพร มาเช้าเชียว”

“ก็อยากมานั่งคุยกับน้ำมนต์” เธอพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆผม

“น้ำมนต์หน้าตาซีดๆนะ ไม่สบายหรือเปล่า” เธอพูดพร้อมกับเอามือขาวนุ่มของเธอมาแตะที่หน้าผาก และบริเวณแก้มของผม

“อือ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” ผมบอกไปยิ้มๆ

“เมื่อวานเรายังไม่ได้ตอบน้ำมนต์เลยนะ เรื่องนั้น” เธอถามผมขึ้นมา

“เรื่องอะไรเหรอ”

“ก็เรื่องที่ ..”

“เราขอโทษนะแพร แต่ช่วยลืมเรื่องเมื่อวานไปได้มั๊ย คิดซะว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เราขอโทษจริงๆ” ผมขัดเรื่องที่เธอจะพูด

“อื้มมม เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมมั๊ย” เธอพูดแล้วยิ้มแห้งๆมาให้ผม

“แน่นอนอยู่แล้ว” ผมตอบพร้อมกับยิ้มกว้างๆให้เธอ



“อย่ายิ้มแบบนี้ดิ”

“ทำไมเหรอ”

“แพรกลัว ว่าแพรจะไม่คิดกับน้ำมนต์แค่เพื่อน” เธอตอบมาแบบขำๆ



ผมรู้สึกสงสาร และรู้สึกแย่ที่ดึงเอาเธอเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องราวของผม  ผมเลยต้องเลือกที่จะตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อยากจะให้มันยุ่งเหยิงไปกว่าเดิม ผมอยากกลับไปในวันที่ผมมีแค่หญิงและช้างน้อย วันที่เราสามคนอยู่ด้วยกัน มองตาก็เข้าใจ ไม่ต้องพูดอะไรก็สื่อความหมายได้


พูดปุ๊บ ช้างน้อยกับหญิงก็เดินกลับมาพอดี

“แพรเข้าห้องก่อนนะ  ไปละ” และแพรก็ขอตัวออกไปพอดี


“ชั้นละเกลียดนังชะนีแอ๊บตัวนี้เหลือเกิน” ช้างน้อยพูดทันทีที่กลับมาถึงโต๊ะ

“ไปว่าเค้าทำไมช้างน้อย” ผมดุช้างน้อย

“ก็จริงนี่ ชั้นไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา อันไลค์ค่ะ” เธอตอบมาหน้าตาหนักแน่น

“น้ำมนต์ โอเคนะ” หญิงถามผมด้วยหน้าตาเป็นห่วง

“ก็โอเคนี่” ผมพูดพร้อมกับยิ้มๆ บอกแล้วไงครับ ว่ามองตาก็รู้ว่าหญิงหมายถึงโอเคเรื่องอะไร

“แกจะไม่ยกโทษให้พี่แกจริงๆเหรอ” ช้างน้อยถามบ้าง

“ไม่รู้สิ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย”

“พี่แกน่าสงสารนะหญิงว่า เหมือนพี่แกอยากจะคุยกับน้ำมนต์เลยนะ”

“อย่าเพิ่งเลยหญิง เรายังไม่พร้อม” ผมตอบทั้งสองคน ผมรู้ดีว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งที่มองผมอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ผมไม่เคยมองกลับไปก็ตาม

“เข้าเรียนกันเถอะ” ผมตัดบทของทั้งสองคน เพราะยังไงก็ไม่พ้นเรื่องของคนโต๊ะมุมร้าน






การดำรงชีวิตของผมช่วงนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย จนลืมไปแล้วว่าเคยมีผู้ชายเด็กช่างเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของผม ผมใช้เวลาช่วงนี้ทุ่มไปกับโปรเจคปลายภาคที่ต้องแสดงงานศิลป์ในงานประจำปีของวิทยาลัย ผม หญิง ช้างน้อย มาวิทยาลัยแต่เช้าเพื่อมาทำงานด้วยกัน และกลับดึกๆค่ำๆ เพราะเตรียมงานกันเพลิน  ชีวิตของผมวุ่นวายจนลืมเรื่องวุ่นวายก่อนหน้านี้ไป แต่อย่าคิดว่าผมจะลืมได้นะครับ ในเมื่อตัวต้นเรื่องยังคอยโผล่หน้ามานั่งจ้องผมทุกเช้า ตกเย็นก็มานั่งเฝ้าที่ห้องศิลปะ ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์กว่าๆที่ผ่านมา ผมไม่เคยแม้แต่สบตา ไม่เคยคุย เขาแทบไร้ตัวตนในสายตาของผม อยากจะลืมชื่อ ลืมหน้าตา ลืมเรื่องราว ลืมว่าเคยรู้จักกันให้มันรู้แล้วรู้รอดไป


แต่ก็มาเข้าใจตัวเองเหมือนกัน .. ทำไมมันถึงยิ่งจำ .. จำแต่เรื่องที่ทำให้ยิ้ม , เหตุการณ์ที่ดูร้ายแรงในวันนั้น ทำไมในวันนี้มันช่างดูบางเบา แต่สมองก็คอยย้ำภาพวันนั้นให้ชัด เพื่อการแข็งใจไม่ให้ตัวเองอ่อนแอ



“วันนี้น้ำมนต์กลับยังไงเหรอ” หญิงเดินมาถามเมื่อใกล้เวลาเสร็จงานของวันนี้

“คงนั่งวินไปมั้ง”

“ให้พี่เอ็มไปส่งมั๊ย นั่งวินไปหลายบาท”

“ไม่เป็นไรดีกว่า น้ำมนต์เกรงใจ” ที่จริงแล้วผมมีคนคอยทยอยรับส่งผมเยอะพอควรครับ หลังจากที่ขาดนายปีโป้ไป แต่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล สมุนของนายปีโป้ทั้งนั้น ที่แวะเวียนคอยมารอส่งผมกลับบ้าน พี่เอ็มนี่บ่อยสุด เพราะรอส่งหญิงด้วย มีพี่โอ๊ต พี่บ่าว พี่เอกบ้าง และที่นอกเหนือจากสมุนของนายปีโป้ก็คงมีแค่คนเดียว .. พี่เดช



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่เดชรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับนายปีโป้หรือเปล่า ถึงได้กลับมารอรับผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยังไม่เคยได้กลับกับแกหรอกครับ เพราะว่ามีสมุนของนายปีโป้มารับตลอด และได้รับคำสั่งแกมบังคับจากหญิงและช้างน้อยว่า ต้องกลับกับพวกสมุนพวกนี้เท่านั้น

“น้ำมนต์ ขนมกินรองท้องหน่อยสิ” ช้างน้อยส่งซองขนมมาให้ผม ซึ่งก็มีมาทุกวันเช่นกัน และไม่ต้องบอกว่าใครซื้อมาให้ คนที่คุณรู้ว่าใครนั่นแหละ แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ กินบ้างเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ช้างน้อยเหน็บผม

“วางไว้ก่อนเลย เรายังไม่หิว” วันนี้ผมเลือกที่จะปฏิเสธไป 



“น้องน้ำมนต์ ยังไม่กลับอีกเหรอครับ” เสียงของพี่เดชเดินเข้ามาทักผมในห้องศิลปะครับ พี่แกมักทำแบบนี้บ่อยๆ เมื่อมาถึงก่อนเวลา ที่พวกสมุนนั้นจะมา

“ยังเลยครับพี่เดช ต้องแก้ภาพนิดหน่อยครับ” ผมบอกทั้งที่มือก็ยังถือพู่กันตวัดไปมาอยู่

“ไหนพี่ดูหน่อยซิ” พี่เดชพูดพร้อมกับเดินมาข้างหลังผม

“สวยแล้วนี่ แก้ตรงไหนอีก”

“โห ยังไม่สวยหรอกครับ มันเหมือนขาดมิติไป ยังไม่เหมือนจริง”

“แล้วนี่น้ำมนต์วาดใครเหรอ”

“แม่น้ำมนต์ครับ” ผมบอกไปแล้วยิ้มให้

“สวยจังเลย ว่าแล้วว่าทำไมน้ำมนต์ได้ใครมา” 

“ชมว่าน้ำมนต์สวยเหรอครับ”

“เปล่า พี่หมายถึงหน้าตาดีได้แม่มา” ผมคุยกับพี่เดชอีกนิดหน่อย พี่เดชก็บอกว่าจะออกไปรอข้างนอก ผมก็ไม่ว่าอะไร จะไปบอกทำไมว่าไม่ต้องรอ เขาอาจจะไม่ได้รอไปส่งก็ได้ อาจจะรอบอกลา ไม่อยากสำคัญตัวเองให้มากมาย




“น้ำมนต์ มาดูรูปนี้ให้แพรหน่อยสิ” แพรเดินมาสะกิดผมครับ ผมยิ้มให้เธอก่อนจะเดินตามเธอไป

“น้ำมนต์ว่าสีมันอ่อนไปหรือเปล่าอ่ะ แพรว่ามันยังไงๆไม่รู้” ท่าทางของเธอตอนนี้น่ารักดีนะครับผมว่า ผมแอบยิ้มไปกับท่าทีที่เธอไม่มั่นใจ หน้าตาที่ดูฉุนเฉียวกับผลงานของตัวเอง แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อย

“น้ำมนต์ !!! ยิ้มแบบนี้หมายความว่าอะไร” เธอหันมาดุผมนิดหน่อย ที่ไปยิ้มใส่ผลงานเธอ

“อ๋อเปล่า  ไมได้ยิ้มอะไร ก็โอเคแล้วนะ ถ้าแพรชอบไล่สีจากอ่อนไปเข้ม เราว่าแพรลองเพิ่มสีตรงกลางให้เข้มกว่านี้อีกนิด ก็น่าจะดีแล้วนะ” ผมพูดไปยิ้มไป แพรฟังไปทำหน้าดุผมไป

“แค่นั้นเหรอน้ำมนต์ว่า”

“ครับ มันโอเคแล้ว แต่ก็แล้วแต่แพรนะ ศิลปะมันไม่มีข้อจำกัดในการสร้างสรรค์อยู่แล้ว”

“โอเคจ๊ะ ขอบใจน้ำมนต์มาก” เธอยิ้มหวานๆให้ผมอีกครั้ง ไม่รู้สิครับ เวลาที่เห็นแพรตั้งใจทำงานศิลป์ ความสวยความน่ารักในตัวเธอกลับมากขึ้น มากขึ้น ทำให้ผมหลงใหลทุกที ผู้หญิงที่ชื่นชอบผลงานศิลปะนี่มีเยอะนะครับ แต่ผู้หญิงสวยนี่ ผมว่าไม่เท่าไหร่  .. ยกเว้นแต่แพรนี่แหละครับ



“น้ำมนต์ เก็บของยังยะ ชั้นจะกลับแล้ว”  เสียงข้องช้างน้อยดังมาจากข้างหลัง อย่างรู้กันว่า ผมต้องห่างๆตัวแพรแล้วละ

“อือๆ เดี๋ยวเก็บแล้ว” ผมตอบกลับไป  บางทีผมก็รู้สึกนะครับ ว่าเพื่อนๆของผมก็กลายเป็นสมุนของนายปีโป้ไปหมดแล้ว ไม่ว่าผมจะทำอะไร เดินก้าวไปทางไหน ช้างน้อย หญิงก็คอยจับตา และรายงานข่าวผมไปหมด แต่ทั้งสองคนก็พยายามเอาเรื่องของนายปีโป้มาบอกผมนะครับ ช่วงแรกๆผมไม่อยากฟัง ถึงขั้นห้ามพูด ก็หายไป ช่วงหลังๆสองคนนี้ใช้แผนใหม่ เป็นการคุยกันสองคน แต่มีผมนั่งอยู่ด้วย ผมเลยต้องจำใจรับรู้เรื่องราวของนายปีโป้อย่างเลี่ยงไม่ได้



ผมเดินกลับมามุมตัวเอง เก็บข้าวเก็บของใส่เป้ โดยไม่ลืมที่จะหยิบลูกอมฮาร์ทบีท ที่ช้างน้อยตั้งใจแยกวางไว้ให้ก่อนจะเอาขนมไปแบ่งเพื่อนๆในสาขากิน  ไม่มีอะไรหรอกครับ คนให้เขาตั้งใจให้มันมา ตอนนี้ผมมีจนจะเปิดร้านขายได้แล้ว และมันไม่ได้มีแค่ลูกอมอย่างเดียว มันจะมีโน้ตเล็กๆเหน็บอยู่ด้วยต่อกันจนเป็นเรื่องเป็นราว อย่างกับซีรี่ส์เกาหลี ไม่รู้จริงๆว่าเด็กช่างกลคนนั้น จะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย


 แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ ว่ามันทำให้ผมยิ้มก่อนนอนได้ทุกคืน ..






“น้ำมนต์” เสียงหญิงร้องทักขึ้นขณะที่เราสามคนกำลังเดินออกมานอกวิทยาลัย และกำลังคุยเรื่องผลงานกันอยู่ ผมหันไปมองหน้าหญิง ก่อนจะมองสายตาหญิงที่มองไปข้างหน้า



“พี่ปีโป้นี่” ช้างน้อยหันไปดูเช่นกัน และพูดยืนยันกับสิ่งที่พบเห็น  ที่พวกเราสามคนต้องตกใจ เพราะนายปีโป้ไม่เคยโผล่มาเวลานี้นานแล้ว เกือบสองสัปดาห์แล้วด้วย ส่วนมากก็จะให้พวกสมุนของเค้ามาดักรอผมทั้งนั้น แต่วันนี้กลับเลือกที่จะมาเอง และที่ดูน่าตกใจกว่านั้นคือ พี่เดชที่นั่งบนมอเตอร์ไซค์รออยู่อีกฝั่งหนึ่ง ทั้งสองไมได้คุยกัน แต่ก็ใช้สายตาเขม่นกันจนสังเกตได้ถึงความไม่ถูกชะตากันทั้งสองฝ่าย


“ศึกชิงนายก็คราวนี้ละ” ช้างน้อยพูดออกมาติดตลก แต่ผมกลับไม่มีอารมณ์ขำสักแอะในตอนนี้ ..



“กลับบ้าน  .. เดี๋ยวกูไปส่ง” นายปีโป้เดินเข้ามาหาผมและพูดประโยคนั้น เป็นเสียงพูดจากนายปีโป้ที่ผมได้ยินในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมต้องตกใจกับประโยคนั้น และทำไมหัวใจถึงเต้นไม่เป็นจังหวะ แค่คนที่เคยสร้างความไม่พอใจให้กับตัวเอง และยังบอกได้ว่ายังโกรธอยู่กับการกระทำนั้น มาพูดด้วย ..

“ไม่เป็นไร” ไม่รู้ว่าก้อนเนื้อก้อนไหนสั่งงานให้พูดคำนี้ออกไป

“กลับเองได้” ความหยิ่งยโสในสมองของผมนั้น มันชนะความรู้สึกที่หัวใจไปแล้ว

“แล้วใครจะไปส่งน้ำมนต์ละ นี่มันดึกแล้วนะ หญิงไม่ยอมให้น้ำมนต์กลับวินหรอก” หญิงพูดแทรกขึ้นมา

“ใช่ จะให้ชั้นขับไปส่งก็ได้นะ แต่ตอนกลับนั่นสิ ชั้นกลัว” ช้างน้อยเสริม

“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง” แล้วเสียงของอีกคนที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ก็ดังขึ้น


“พี่เดช” ผมเอ่ยชื่อนั้นเบาๆ


เอาแล้วไงครับ ผมจะทำไงดีละทีนี้ การกลับบ้านครั้งนี้ ไม่ใช่ง่ายๆอีกแล้วสิ  ถ้าเลือกไปกับนายปีโป้ นั้นก็คือการให้อภัยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน  แต่ถ้าเลือกไปกับพี่เดชนั่นก็คือการเปิดทางให้ผู้ชายอีกคนเข้ามาจีบผมอีก นี่ผมจะต้องเจอคนเข้ามาจีบอีกกี่คนที่เป็นผู้ชายละเนี่ย




“ฮัลโหลครับยาย” ขอคั่นเวลาตัดสินใจด้วยการรับโทรศัพท์ยายหน่อยแล้วกัน

“กลับยังลูก ดึกแล้วนะ” ยายถามผมมา เสียงเป็นห่วงเป็นใย

“กำลังจะกลับแล้วครับยาย ยายนอนก่อนก็ได้ครับ น้ำมนต์เอากุญแจบ้านมา”

“ยายนอนไม่หลับหรอก ยายเป็นห่วงหนู แล้ววันนี้ใครจะมาส่งเหรอ”

“เอ่อ ..”

“ถ้าพี่ปีโป้มาส่งก็ชวนเขาค้างที่นี่เลยก็ได้นะ ขับกลับไปมันดึกแล้ว”

“เอ่อ .. คือน้ำมนต์กับเค้ายัง ..”

“นี่อย่าบอกยายนะ ว่ายังไม่คุยกันอีก ไม่เอานะน้ำมนต์ ยายไม่ชอบเลยทำตัวแบบนี้ โตๆกันแล้วต้องคุยกัน มีอะไรไม่ชอบไม่พอใจก็เปิดใจคุยกัน ยายบอกหนูแล้วไง ว่าไม่มีการให้อะไร ยิ่งใหญ่เท่าการให้อภัย”

“ครับยาย น้ำมนต์เข้าใจครับ”

“แต่ก็อย่างว่า ยายคงไม่ค่อยเข้าใจวัยรุ่นสมัยนี้ วัยรุ่นสมัยนี้ใช้สมองวัดความรู้สึกกัน ตอนยายสาวๆ ยายใช้ความรู้สึกจากหัวใจทั้งนั้นละ ยังไงก็รีบกลับมาละ ยายจะรอ ไม่งั้นยายนอนไม่หลับ”

“ครับยาย”



แค่วางสายจากยาย ผมก็ได้คำตอบสำหรับคนที่จะไปส่งผมวันนี้แล้วละครับ อย่างที่ยายบอก ว่าไม่มีการให้อะไร ยิ่งใหญ่เท่าการให้อภัย เกิดมาเป็นคนต้องรู้จักคำนี้ ถ้าถามว่าไม่กลัวเจ็บอีกครั้งหรอ ไม่กลัวเป็นเหมือนเดิมเหรอ ผมก็คงบอกได้ว่ากลัว


แต่เจ็บตอนนั้น กับรู้สึกขาดหายอะไรบางอย่างในตอนนี้ มันคงไม่ต่างกันมากนัก



แล้วจะทนรู้สึกแบบนี้ไปทำไมกันละ .. เลิกหยิ่งยโสได้แล้วน้ำมนต์




“น้ำมนต์ เดี๋ยวแพรไปส่งก็ได้นะ  .. พ่อแพรมารับ”  ยังไม่ทันที่จะให้คำตอบแก่สองตัวเลือกที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตัวเลือกที่สามก็เข้ามาอีก

“พอดีพ่อแพรเอารถเก๋งมารับ เดี๋ยวให้พ่อแพรแวะไปส่งน้ำมนต์ก่อนก็ได้นะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าแพร น้ำมนต์มีคนจะไปส่งแล้ว เกรงใจพ่อแพรเปล่าๆ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มๆให้กับแพรไป คนที่รายล้อมผมตอนนี้ ดูท่าจะไม่ถูกโฉลกกับแพรเอาเสียเลย เพราะสายตาแต่ละคน ต่างก็จ้องเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“อือ นั้นแพรไปก่อนนะ  ค่อยเจอกัน” แพรพูดพร้อมกับโบกมือ

“จะรีบไปไหนยะ รอดูน้ำมนต์เลือกคู่ เอ๊ยย เลือกคนไปส่งก่อนสิ” เสียงช้างน้อยดังขัดขึ้น ทำให้แพรต้องหยุดชะงัก

“แกก็บอกมาสิ ว่าจะให้ใครไปส่ง ชั้นอยากกลับบ้านละนะ ไม่มีเวลามาดูรจนาเลือกคู่นานนะยะ” ช้างน้อยคงรำคาญผมเต็มทีแล้ว ถึงได้เหน็บมาได้เจ็บแสบ และโบราณขนาดนั้น


ผมล้วงกระเป๋าเป้ หยิบซองลูกอมฮาร์ทบีทถุงนั้นขึ้นมา พร้อมกับอ่านข้อความที่แปะไว้


.

.

.


มึงโกรธกู กูรู้ แต่อย่าเกลียดกูนะ .. เพราะกูรัก (ของกู)  –  วันที่ 1


หลับตาก็คิด ลืมตาก็คิด ทำอะไรก็คิด .. กูรู้ว่ากูผิด แต่กูขอโทษ หายโกรธกูได้แล้วนะ – วันที่ 2


มึงไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปบ้างเหรอ .. กูนะ .. รู้สึกเหมือนจะ “ขาดใจ” ทุกวันเลย มึงรู้มั๊ย  - วันที่ 3


กินข้าวบ้างนะเว๊ย ผอมไปเลยนะ .. อย่าคิดแต่งานจนลืมคิดถึงกูละ – วันที่ 4


มึงจะใจร้ายกับผู้ชายอย่างกูไปแล้วนะ .. น้ำมนต์อย่างมึงใครปลุกเสกมาเนี่ย !!!  – วันที่ 5


กูมากินน้ำชา แต่กูอยากเห็นหน้าน้ำมนต์ กูให้เพื่อนไปส่ง แต่ก็ก็ส่งใจไปด้วยเหมือนกัน  ... เน่าจังเลยวะ – วันที่ 6


ถ้ามึงใจแข็งแบบนี้ เปลี่ยนชื่อเป็นหินมนต์ดีมั๊ย .. แม่งไอ้ใจหิน ทำร้ายนายหัวโป้ได้ลงคอเหรอ มึงอยากตายหรือไงห๊ะ – วันที่ 7


ขอโทษ , ครั้งที่ล้าน ครั้งที่พัน .. ถ้าอยากฟังอีกครั้ง อยากชวนมึงมานั่งฟัง ข้างๆกู .. (เสี่ยววะ .. แต่กูชอบนะ) – วันที่ 8


น้องน้ำมนต์ครับ พี่ปีโป้คิดถึงน้องน้ำมนต์จังเลย  .. ถ้ามึงหายโกรธกู กูจะพูดเพราะกับมึง .. ( แต่ไม่สัญญานะว่าทำได้นานมั๊ย ) –วันที่ 9


ถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ดีกับกู กูจะไปฟ้องป๊า ว่าลูกเพื่อนป๊าทำร้ายหัวใจกู ... ป๊า ..... หนูเจ็บ  ฮือๆๆๆ  (กูน่าสงสารละสิ) – วันที่ 10


กูจำหน้ามึงได้ตลอดเวลาเลยนะ .. แต่ที่จำได้ดีกว่า คือหุ่นมึง .. แม่งน่าฟัดวะ .. ( อ่าวเห้ยย ลามกอีกกู) – วันที่ 11


ยิ้มก่อนอ่าน ตาหวานก่อนเปิด  .. โบราณวะ นี่กูยังจำมันได้ไงวะ  (ปูลู .. พี่คิดถึงน้องนะจ๊ะ) – วันที่ 12


พรุ่งนี้มึงตาย ถ้าไม่ดีกับกู (กูพูดจริง กำลังขัดปืนเลยนะเนี่ย !!)  - วันที่ 13



.

.

.

.


ผมล้วงกระเป๋าเป้ หยิบซองลูกอมฮาร์ทบีทถุงนั้นขึ้นมา พร้อมกับอ่านข้อความที่แปะไว้




“วันนี้กูจะมารับนะ .. ถ้าไปกินลูกอม ถ้าไม่ไปทิ้งมันซะ แต่ถ้าอยากบอกรัก ก็ให้กูหอมหนึ่งที  (วอนอยากตายแล้วไงกู) !!!”



ผมอ่านข้อความที่แปะไว้หลังถุงลูกอมแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย พลันให้นึกถึงข้อความที่ผ่านมาของนายปีโป้ ไม่บอกก็รู้ว่าไม่เคยจะง้อใคร เพราะที่ทำมามันออกแนวข่มขู่ เรียกร้องความสนใจทั้งนั้น  เพียงแค่มีคำว่าขอโทษบ้าง และใส่ความจริงใจพร้อมกับตัวตนของเค้ามาก็เท่านั้น



สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องมาที่ผม บอกตามตรงไม่ชอบอารมณ์ตอนนี้เลย แต่ผมว่าการหลีกหนีปัญหา การสร้างกำแพงกั้นความรู้สึกของตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขเลย ทั้งคนที่อยู่ในกำแพง และคนที่รอคอยอยู่ข้างนอก ต่อให้พยายามทำความเข้าใจโลกส่วนตัวของตัวเอง รอใครอีกคนเข้ามาไม่ว่าช่องทางไหนก็ตาม


แต่ใครกันละ ที่มันจะอยู่ในโลกของคนอื่นได้ตลอดเวลา  เราต้องออกจากกำแพงของเรา และก้าวไปในกำแพงของคนอื่นบ้าง


และถ้าวันใดวันหนึ่งคิดว่าเราทั้งสองรู้จักโลกภายในกำแพงของกันและกันมากขึ้นแล้ว วันนั้นเราก็พร้อมจะช่วยกันทุบกำแพงนั้นลง  ..








“พี่เดชครับ” ผมเรียกชื่อนั้น เล่นเอาคนอื่นๆมองมาทางผมเป็นทางเดียว คงมีแต่พี่เดชที่มองมาพร้อมกับรอยยิ้ม



“ครับ น้องน้ำมนต์” พี่แกรีบขานออกมาเสียงสั่น






“ขอบคุณพี่เดชมากนะครับ  แต่ทางไปบ้านน้ำมนต์มันไกล ให้คนที่คุ้นเส้นทางไปส่งน้ำมนต์ดีกว่าครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มไปให้ ประโยคนั้นของผมไม่ใช่แค่ประโยคบอกว่า บ้านผมไกลเท่านั้น แต่มันยังบอกอะไรพี่เดชหลายต่อหลายอย่างไปในตัว


ผมหันมามองหน้าช้างน้อย หญิง ที่ยังทำหน้างงๆ ปนยิ้มๆกับสิ่งที่เห็น ก่อนที่จะหันไปมองหน้าคนบางคนอย่างใจเต้นระรัว พร้อมกับมือที่แกะถุงและแกะลูกอม พร้อมกับเอามันเข้าปาก  รอยยิ้มของคนตรงหน้าเผยให้เห็นชัดอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาแสนนาน ..












“พร้อมจะไปส่งเราหรือยัง  ?”






โอ้เย้ สงสารคนอ่าน ขี้คร้านจะดราม่า 5555



ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ทั้งน้ำตา ซึ้งมากกกกกก อยากบอกว่าเขินแทน 5555 กดไลค์ให้ตอนนี้พะยะค่ะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ว๊ากกก  โป้น่ารักอ่ะ  น้ำมนต์ด้วย
เย้ๆๆๆ  เค้าดีกันแล้ว

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พร้อมมมมม

น้ำมนต์น่ารักล้านเท่าอ่ะวันนี้ เฮ้อออนายหัวโป้ก็นะ ข้อความมันช่างเลี่ยนและข่มขู่ดีแท้ แต่เราชอบนะ กร๊ากกกก
อย่าทำเหลวไหลอีกนะ น้องให้โอกาสแล้วเนี่ย
 o13

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
กลัวดราม่าจะตายแล้ว
ข้อความที่แนบมากับลูกอมน่ารักมากกก :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






chai235

  • บุคคลทั่วไป
ดีแล้วล่ะ ทำงี่เง่าอะไรตั้งนาน น้ำมนต์ น่ะ

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
หวังว่านายโป้จะสำนึกและไม่เอาแต่ใจอีกนะ  :เฮ้อ:
จะคบกันจริงก็พบกันครึ่งทางเถอะ จะโวยวายจะนักเลงไปเพื่อ?

ออฟไลน์ NiNJA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

คันจัง

  • บุคคลทั่วไป
เค้าชอบตอนนี้อะ ชอบประโยคเสี่ยวๆ ชอบประโยควอนตาย ของนายโป้จัง ฮ๊าาา

ออฟไลน์ kaporzung

  • magKapleVE
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
    • Get vivid impressions and unforgettable emotions
กี๊สสสสสสสสสส เห็นมั้ยไอ้โป้ น้ำมนต์น่ารักขนาดนี้ ^ ^~ อุตส่าห์ให้อภัยคนเลวๆอย่างนายแล้ว ห้ามทำไม่ดีอีกนะ ไม่งั้นจะต้องเสียใจ!!!

ออฟไลน์ maxiez2p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ๊ายยยย!!
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกรักคนแต่งจัง

XD

Chiren

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ย นึกว่าดราม่าจริงๆ เตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ซับหน้าเลย นะเนี่ย

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 :o8: น้ำมนต์ทำตัวดีๆนะ เดี๋ยวมีรางวัลให้

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
อุ๊ย คุณหลอกดาวอ่ะ

แต่ดีแล้วล่ะที่ไม่ดราม่า ตอนนี้น่ารักดีนะ ข้อความขอโทษของนายโป้ฮามาก

น้ำมนต์ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว กำแพงมันหนาไป๊ หนุ่มน้อย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ตั้งชื่อตอนซะน่ากลัวทำให้เราไม่กล้าอ่าน
แต่พอได้อ่านก็หุบยิ้มไม่ลง วุ้ยอะไรกันนี่
นายปีโป้ได้รับโอกาสอีกครั้ง อย่าทำพลาดล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
อมยิ้มแก้มจะแตก   :impress2:
น้องน้ำมนต์เริ่มใจอ่อนแล้วซี่  เอ๊ะ  หรืออ่อนมานานแล้ว แต่ปากแข็ง ฮ่าา

ranyoo

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ออออออออออออออออออ!!!! :เฮ้อ:  ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นผลสอบอีก (เว่อร์ไปล่ะ )

ต่อไปก็ทำตัวดีๆนะนายปีโป้  :-[ :-[



ขอบคุณครับคนเขียน  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zaferianight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านตอนนี้แล้วรุ้สึกน่ารักดีอ่ะ :impress2: :-[

ออฟไลน์ seaweed

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยากได้ ดราม่า อีกอะ เอาน้องเบสกลับมาดีไหมคะ อิอิอิ

ออฟไลน์ thejaoil

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
คนเขียนน่ารักมากค่า อย่าดราม่าอ่ะดีแล้วๆๆๆ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ตอน24เกลียดยัยแพรมาก
ตอน25 :impress3:
ตอน26ยิ้มแก้มปริในตอนท้าย
อยาก+สัก100ครั้ง :กอด1:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ปากฉีกถึงหูเลย ยิ้มกว้างมากเกินไปน่ะ :laugh:

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 27  เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป


“พร้อมจะไปส่งเราหรือยัง  ?”

.

.

.


ถ้าถามว่าหลังจากวันนั้น  ชีวิตของผมเป็นยังไง ผมให้คำตอบกับตัวเองยังไง ระหว่างเดินไปต่อ หรือจะท้อถอยหลังกลับ คำตอบของผมมันคงอยู่ที่การกระทำหลังจากวันนั้นแหละครับ


ทั้งคืนผมไม่เป็นอันหลับอันนอนอีกแล้ว (ถ้าลองย้อนดู 2 วันแล้วที่ผมไม่ได้นอน) เพราะทำยังไงมันก็นอนไม่หลับจริงๆ สมองของคนเรามันลึกลับซับซ้อนจริงๆครับ มันสามารถทำให้เราคิดโน่นนั่นภายในเวลาเดียวกันได้ ผมนอนคิด ยืนคิด นั่งคิด สุดท้ายก็ต้องมาเมาคิด



“ไงมึง เรียกมาซะดึกเชียว” ไอ้เอ็มกับไอ้โอ๊ตมาถึงห้องผม พร้อมกับเสบียงในมือ จะอะไรอีกละครับ ก็เบียร์เย็นๆกินให้สมองระงับการทำงานนิดหน่อย

“กูเครียด” ผมตอบกลับไปหน้าจริงจัง พวกมันสองคนหันหน้ากันมองแป๊บนึง ก่อนจะยิ้มกันออกมา

“เครียดอะไรอีกวะ” ไอ้เอ็มถามกลับมา

“วันนี้กูจะปล้ำน้ำมนต์ มันโกรธกูใหญ่เลย”

“เอ๊ย แล้วเสร็จมั๊ยวะ”

“เสร็จพ่อมึงดิ น้ำตามันไหลพราก กูไม่กล้าทำอะไรต่อเลย แล้วนี่แม่งหน้าก็ไม่มอง พูดก็ไม่พูดกับกู กูว่ามันคงโกรธคงเกลียดกูไปเลย กูไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว เลยโทรตามพวกมึงซื้อเบียร์มา” ผมบอกพวกมัน

“เสียดายวะ” ไอ้เอ็มบ่นออกมา

“เสียดายไรวะ” ไอ้โอ๊ตปากไว ถามก่อนผม

“ก็เสียดายที่ไม่เสร็จ ไหนๆก็ต้องโกรธกันอยู่แล้ว ได้สักทีก่อนจะเป็นไรไป”

“สัดเอ็ม เดี๋ยวกูเตะปากแตกเลย กูไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”

“แหม ไม่ใช่คนแบบนั้น เมื่อก่อนมึงก็ฟันดะเลยนี่ แต่เรื่องนี้กูแซวเล่น มึงมันไม่น่าวู่วาม”

“เป็นไงถึงอารมณ์ร้อนขนาดนั้นได้วะมึง กูเห็นมึงใจเย็นมานมนาน” ไอ้โอ๊ตถามบ้าง



แล้วบทสนทนาในวงเบียร์ก็เริ่มขึ้น พร้อมกับเบียร์เย็นๆที่เทใส่แก้ว จิบกันแก้เครียด  ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้มันฟัง มันมีชมผมที่ผมกล้าขอน้ำมนต์เป็นแฟนนั่นนี่ แต่ก็มาด่าเอาตอนท้ายที่ทำอะไรไปไม่คิด ก็นะ ใครมันจะรับได้ละ คนที่ตัวเองชอบมาจูบกับใครก็ไม่รู้ แถมดูออกว่าประชดประชันขนาดนั้น ใจมันก็ร้อนไปตามอารมณ์เลือดหนุ่ม พลันทำอะไรไปไม่ทันได้คิด กว่าจะได้สติก็เล่นเอาอีกคนบอบช้ำจิตใจไปซะมากมายแล้ว



“เอาไงต่อละคราวนี้” ไอ้โอ๊ตถามขึ้นเมื่อฟังที่มาที่ไปจบ

“สู้ หรือ ถอย” ไอ้เอ็มถามจริงจัง

“คนอย่างกูไม่เคยถอย เพราะกูไม่เคยได้ มันทำให้เสียชื่อกู” ผมยืนกรานออกไป ทั้งที่จริงใจก็ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นมากนัก แต่ก็ไม่อยากให้พวกมันสองคนมาหยามผม

“ให้มันแน่” ไอ้เอ็มพูดออกมาอย่างกับดูถูกกัน



คืนนั้นพวกเรานั่งกินเบียร์กันถึงเช้าครับ เพราะผมกินยังไงก็ไม่ค่อยเมา  พอเช้าพวกมันสองตัวหลับกันหมด ผมเลยขับรถมานั่งรอน้ำมนต์ที่ร้านป้าตามสั่ง  นั่งรอไม่นานคนที่รอก็มา ผมมองน้ำมนต์ตั้งแต่ก้าวแรกที่เค้าลงจากรถ และก็ไม่ละสายตาอีกเลย ผมเฝ้ารอแค่น้ำมนต์หันมามองที่ผมสักนิด  แค่หางตาก็ยังดี



แต่ก็นั่นละครับ ผมคงหวังมากเกินไป



ผมทำอย่างนี้ทุกวันครับ พยายามตั้งนาฬิกาปลุก เพื่อตื่นมามองหน้าน้ำมนต์ทุกเช้า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ยิ่งรู้ว่าเขาไม่เคยมองมา ก็ยิ่งอยากจะเอาชนะให้ได้ แล้วยิ่งตอนหลังมารู้จากช้างน้อยและน้องหญิงว่าน้ำมนต์ต้องกลับบ้านดึก ผมก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะรถประจำทางไปบ้านน้ำมนต์ก็หมดตั้งแต่หัวค่ำ ผมเลยต้องบอกให้ไอ้เอ็ม ไอ้โอ๊ต ไอ้บ่าว พี่เอก สลับสับเปลี่ยนกันไปส่งบ้าง  พอรู้ว่าไอ้เดชมาป้วนเปี้ยนอีก ผมก็มาดูน้ำมนต์บ่อยขึ้น  กลัวว่าน้ำมนต์จะไปหลงคารมไอ้เดชมัน


ยอมรับครับว่าเป็นเอามาก ซื้อขนมส่งจดหมายง้อแบบเด็กๆ แต่ก็ทำเท่าที่ตัวเองจะทำได้ บางอย่างที่ไม่เคยทำก็ต้องมาทำเพราะคนๆนี้  หวังแค่เขายกโทษให้


แค่นั้นจริงๆ


.

.

.

.



ตลอดทางที่ผมขับรถมาส่งน้ำมนต์ในวันนี้ เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ไม่รู้ว่าต่างคนต่างเขิน หรือผมกำลังอิ่มเอมใจจนพูดอะไรไม่ออกกันแน่ วินาทีที่น้ำมนต์เอาลูกอมเข้าปาก มันทำให้หัวใจของผมหยุดเต้นไปชั่วขณะ ก่อนกลับมาเต้นอย่างไวอีกครั้ง บอกตามตรงมันดีใจมากกว่าน้ำมนต์ตกลงเป็นแฟนอีก


“ขอบใจนะ” มันบอกผมเมื่อผมมาส่งถึงบ้าน  พร้อมกับยิ้มเล็กๆมาให้ ไม่บอกก็รู้ว่าเขิน

“อืม” ไอ้ผมก็ใช่ย่อย ทำไมไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้นะ


เราสองคนยืนมองหน้ากันอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ตาก็จ้องตา ยิ้มๆกันไป แต่ก็ไม่มีประโยคใดหลุดออกมา น้ำมนต์ก็ยังไม่เข้าบ้าน ผมก็ยังไม่อยากกลับ

“เหนื่อยมั๊ย / ผอมลงนะ” พอเวลาจะพูด ก็ยังจะพูดพร้อมกันอีก โอ๊ยยยย อะไรกันวะเนี่ย

“นายพูดก่อนสิ”

“มึงอะพูดก่อน”

“ไม่เอาอ่ะ” มันพูดมา แล้วยังทำยิ้มเขินอีก โอ๊ยย ไม่ไหวแล้วกู

“ถามว่าเหนื่อยมั๊ย” ผมเลือกจะถามก่อน

“เหนื่อย แต่ก็สนุกดี” มันตอบผมมา



“นายผอมลงนะ” มันเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถามผม

“คนมันตรอมใจ” ผมตอบไปสั้นๆ

“เว่อร์ไปละ” มันด่าผมมา แต่ก็ยิ้มเต็มๆปากอีกครั้ง ไม่ว่ากี่ครั้งที่มันยิ้มแบบนี้ มันก็ทำให้ผมตกหลุมรักมันได้ทุกครั้ง แล้วครั้งนี้ยังมีความเขินเข้ามาอีก ไม่รู้จะให้รักมากกว่าเดิมยังไงแล้ว



“น้ำมนต์ น้ำมนต์รึเปล่าลูก” เสียงของยายตะโกนมาจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน

“ใช่ครับยาย” น้ำมนต์ขานกลับไป

“กลับมาแล้วทำไมไม่ขึ้นบ้านละลูก แล้วใครมาส่ง พี่ปีโป้หรือเปล่า”

“ครับยาย โป้มาส่งเอง” ผมตะโกนตอบยายไป

“เอ้า ก็พากันขึ้นบ้านมาสิลูก  ดึกแล้ว พี่ปีโป้ก็ค้างซะที่นี่เลย พรุ่งนี้ค่อยพากันเข้าเมือง มาๆ ข้างนอกมันหนาว” ยายพูดก่อนจะปิดหน้าต่างลงไป


“ที่จริงยายบอกให้นายค้างที่นี่” น้ำมนต์บอกผม

“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกละ” ผมถาม

“ก็ ..”

“เขินอ่ะดิ”

“เขินอะไร”

“ไม่รู้สิ แต่กูก็เขินนะ”



ผมว่าเราสองคนเหมือนคนบ้าไปแล้วครับ พูดอะไรกันนิดหน่อยก็เขินม้วนกันแล้ว ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าตอนนี้น้ำมนต์คิดกับผมอย่างไร จะชอบผมมากขึ้น หรือว่ายังเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิมมันก็คงไม่สำคัญแล้วมั้ง .. ขอแค่ได้อยู่ข้างๆกันแบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว



คืนนั้นผมก็ค้างที่บ้านน้ำมนต์ตามคำชวนของยายนั่นแหละครับ การนอนเคียงข้างน้ำมนต์บ่อยครั้ง ทำให้ผมชินกับเนื้อหนังมังสาหน้าผมนั้นมากขึ้น และต้องฝึกฝืนใจตัวเองได้ดีขึ้นด้วย น้ำมนต์ก็คือน้ำมนต์นั่นแหละครับ นิ่งๆ เงียบๆ ดูเฉยๆในบางครั้ง แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้กันบ้าง


ผมว่าถ้าน้ำมนต์คนเก่าคือคนที่สร้างกำแพงอย่างแน่นหนา คนๆใหม่ในวันนี้ คือคนที่มีแค่กำแพงอากาศเท่านั้นแหละครับ แต่ก็ยังไม่กล้าสรุปอะไรมาก จากสิ่งที่เห็นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรอกครับ ไม่อยากจะให้ความหวังตัวเองมากไปอีกแล้ว เพราะตอนเจ็บมันโทษใครไม่ได้จริงๆ นอกจากตัวเอง



“วันนี้อยู่ทำงานอีกมั๊ย” ผมถามขณะนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันที่ร้านป้าตามสั่ง ไม่ได้นั่งกินมานานมากๆ จนเราสองคนเขินอายทำตัวไม่ค่อยถูก จะหาว่าผมเว่อร์ผมก็ยอมครับ แต่มันเขินๆจริงๆ เหมือนคนกำลังจีบกันใหม่

“อยู่ พรุ่งนี้วันหยุดด้วย คงกลับดึกเป็นพิเศษ”

“ไปนอนบ้านกูมั๊ย”  ผมถามมันไป มันมองหน้าผมนิดหน่อย

“อาทิตย์นี้ต้องเจอกับครอบครัวพี่หมวยเล็กไม่ใช่เหรอ”  มันถามผมกลับมา แปลกใจจังที่มันจำได้

“อืม ไปด้วยกันไหมละ”

“อือ ไม่เอาอ่ะ เรื่องของครอบครัวนาย”

“แต่กูอยากให้มึงไปกับกูอ่ะ” ผมเริ่มจริงจัง

“จะให้เราไปทำไม นายไปจัดการเรื่องของนายเถอะ”

“แต่ ..”

“อย่าลากให้เราเข้าไป แล้วผู้ใหญ่เค้ามองไม่ดีเลย เรารู้ว่านายต้องการจะสื่ออะไร แต่ .. เราขอเวลาหน่อยนะ อย่าเพิ่งเร่งอะไรเลย” คำพูดของน้ำมนต์ที่ดูจะงงๆในตัวเอง แต่ผมก็เข้าใจในคำพูดนั้น

“อืม” ผมขานรับในลำคอ


เข้าใจครับ ว่าน้ำมนต์รู้สึกอย่างไร เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมารู้จักกับมัน ผมก็ต้องจัดการด้วยตัวผมเอง ไม่รู้สิครับ ที่ชวนไปบางทีก็แค่อยากให้มันอยู่ใกล้ๆ ผมจะได้มีกำลังใจในการต่อสู้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามันไปแล้วคนที่บ้านผม บ้านหมวยเล็กจะมองยังไง  เวลาคุยเรื่องนี้กันมันก็คงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้แน่นอน


สู้มันไม่ไปซะ ยังจะดีกว่า ..






และแล้ววันนั้นก็มาถึงไวอย่างกับนิยายตัดตอน  ผมว่าไม่หรอก มันคงถึงเวลาจัดการเรื่องราวนี้เสียที ผมเลือกมาบ้านในตอนเช้าของวันนั้น โดยไม่เลือกที่จะมาค้างคืนที่บ้านตอนกลางคืน เพราะรู้ดีว่าถ้ากลับมาค้าง คงได้นั่งฟังป๊ากับแม่เป่าหูอีกเยอะแยะมากมายแน่ๆ


“คุณหนูมาแล้ว” ป้าแดงร้องเรียกขึ้น เมื่อเห็นผมขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่โรงจอดรถ

“พวกเค้ามากันยังป้า” ผมถามป้าไป

“มากันสักพักแล้วค่ะ นั่งอยู่ในโถงรับแขก” ป้าบอกผม ผมลงจากรถแล้วก็รีบเดินเข้าไปในทันที



“สวัสดีครับคุณอา” ผมยกมือไหว้พ่อและแม่ของหมวยเล็ก

“อ้าวมาแล้วเหรอ เจ้าตัวแสบ ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลยนะเนี่ย” คุณอาผู้ชายทักผมมาครับ

“พอดีช่วงนี้เรียนหนักอ่าครับ” คำตอบแบบเดิมๆของผมถูกขึ้นมา

“สบายดีนะลูก ดูซูบไปนะอาว่า” อาผู้หญิงเป็นฝ่ายทักบ้าง

“สบายดีครับ” ผมตอบแล้วก็เดินไปนั่งตรงโซฟาที่ว่างข้างๆกับหมวยเล็ก


“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” หมวยเล็กกระซิบถามผม

“อืม โทษทีที่มาช้า” ผมบอกเธอ

“เราไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้นานแล้วนะคะ หมวยเล็กชอบบรรยากาศแบบนี้จังเลย” หมวยเล็กพูดขึ้นมา

“ผมว่าเรามาคุยกันให้จบๆเถอะครับ ป๊า แม่ คุณอา” ผมรีบเสนอประเด็น

“ตาหนู ไม่เอาหน่า อย่าเสียมารยาท” แม่หันมาดุผม

“ไม่เป็นไรหรอกคุณพี่ มีอะไรหรือจ๊ะ ลูกโป้” อาผู้หญิงพูดขึ้น

“ผมว่า เรื่องของผมกับหมวยเล็ก เราน่าจะทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวที่แน่ชัดกว่านี้นะครับคุณอา ผมกับหมวยเล็กโตๆกันแล้ว ผมอยากให้เรื่องที่ตกลงกันไว้ ได้เคลียร์ให้มันจบๆสักที” ผมเริ่มอธิบาย

“ตาหนู ป๊าว่าเรื่องนี้ให้ป๊าคุยกับคุณอาเขาเองดีกว่านะ ตาหนูไปเดินเล่นกับหนูหมวยเล็กไป” พ่อแย้งมาดุและไล่ผม

“ไม่เอาครับ หนูไม่ไป ให้คุยกันแค่ผู้ใหญ่ ก็จบลงแบบเดิมอยู่ดี หนูจะคุยให้มันจบๆ” ผมหันไปบอกพ่อ

“แล้วลูกโป้ต้องการอย่างไรละลูก” คุณอาผู้ชายหันมาถามผมบ้าง

“ผมอยากให้ยกเลิกการหมั้นครับ” ผมตอบออกไปอย่างมั่นใจ ทุกคนในห้องตกใจกับสิ่งที่ผมพูดเล็กน้อย มีแต่หมวยเล็กที่แน่นิ่ง อย่างกับรู้ว่ายังไงๆวันนี้ต้องมาถึง

“ทำไมถึงอยากยกเลิกละ หรือลูกโป้มีแฟนแล้ว” อาผู้หญิงถามผม

“ตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่ต่อไปก็ไม่แน่”

“นั่นก็แปลว่าตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิกการหมั้นก็ได้นี่” อาผู้หญิงพูดขัด

“แต่เรื่องแบบนี้ ผมว่าถามความเห็นของเด็กทั้งสองคนดีมั๊ยครับ” ป๊าผมพูดแทรกขึ้นมาบ้าง รู้สึกเหมือนป๊าก็อยากจะช่วยผมอยู่เหมือนกัน แม้การคุยด้วยกันแต่ละครั้ง แกจะแสดงอาการต่อต้านก็ตาม

“ว่าไงละหนูหมวยเล็กเห็นด้วยหรือเปล่า” ป๊าหันไปถามหนูหมวยเล็กครับ

“คือ ..”

“แล้วเรื่องของพวกเราละครับ จะให้มันเป็นไปยังไง” คุณอาผู้ชายหันมาคุยกับป๊าทำหน้าจริงจัง

“เรื่องของพวกเรา เราเอาไว้คุยกันเองดีกว่ามั๊ยครับ อย่าเอาเด็กมาเกี่ยวข้องเลย” ป๊าผมบอก

“เป็นอันว่าคุณต้องการให้สองคนนี้ถอนหมั้นกันใช่มั๊ยครับ” คุณอาถามอีกครั้งอย่างจริงจัง

“หนูหมวยเล็กว่าไงละ ตาโป้เค้ายืนกรานอยากถอนหมั้น หนูละ” ป๊าผมหันไปถามหมวยเล็กอีกครั้ง


“ผู้ชายเค้าอยากถอน ทางเราเป็นผู้หญิงจะไปยื้อได้อย่างไรคะ”คุณอาผู้หญิงเสริมบ้าง

“งั้นเอาเป็นว่าเรื่องการหมั้นหมายของผมกับหมวยเล็กที่เคยตกลงกันไว้ตั้งแต่พวกผมยังไร้เดียงสาก็ถือว่ายกเลิกกันนะครับ ผมยังเคารพคุณอาทั้งสองท่านเหมือนเดิม และยังรักหมวยเล็กแบบน้องสาว และแบบเพื่อนเหมือนเดิมเช่นกันครับ” ผมรีบสรุปความ

“แต่เรื่องของเราสองคนไม่เหมือนเดิมแน่  กลับบ้านคุณ  กลับบ้านหมวยเล็ก” เสียงคุณอาผู้ชายตะคอกบอกพ่อผม ก่อนจะบอกให้คุณอาผู้หญิง และหมวยเล็กเดินตามแกออกไป





“เป็นยังไง พอใจหรือยัง ต้องการแบบนี้ใช่มั๊ย” ป๊าถามผม อารมณ์เหมือนต้องการเก็บความโกรธเอาไว้

“คุณก็ อย่าหงุดหงิดใส่ลูกสิ คุณตั้งใจจะให้มันออกมาแบบนี้เองไม่ใช่เหรอ” แม่ผมปรามป๊า

“หนูขอโทษครับป๊า แต่หนูไม่ได้รักหมวยเล็กจริงๆ”

 “อืม ป๊าเข้าใจ ป๊าก็ไม่อยากบังคับจิตใจเรา เรื่องผู้ใหญ่ เดี๋ยวป๊าค่อยจัดการเอง” ป๊าเหมือนอารมณ์เย็นลง ผมลุกเข้าไปนั่งกับโซฟาเดียวกับป๊าและแม่ โดยมีตัวผมคั่นกลาง



“ขอบคุณที่เข้าใจหนูนะป๊า” ผมพูดพร้อมกับหอมแก้มป๊าทีนึง

“อึ๋ยยยยย พอเลยตาหนู ป๊าขนลุกไปหมดแล้ว” ป๊าร้องออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“หอมแม่ด้วย” ผมพูดพร้อมกับหอมแก้มแม่

“ข้างนี้ด้วยสิตาหนู เดี๋ยวแก้มแม่ไม่เท่ากัน”

“อะอะ”

“หอมแม่รุนแรงเหลือเกิน นี้คงเก็บไว้หอมสาวๆละสิ กับป๊ากับแม่แล้วแบบไม่ค่อยเต็มใจ” แม่เหน็บผม

“เปล่าเลยนะครับ หนูเต็มใจหอม หนูขอแค่ป๊ากับแม่เข้าใจ หนูก็ดีใจแล้ว” ผมอธิบายแม่

“ที่จริงป๊าก็ไม่ค่อยอยากจะให้เราถอนหมั้นกับเขาหรอก เพราะเขากับเราก็ทำธุรกิจกันมานาน คุณอาของเรา เค้าหัวการค้า หัวโบราณด้วย การยกเลิกหมั้นกับเค้านั้น ส่งผลต่อธุรกิจป๊าแน่” ป๊าผมอธิบาย

“แล้วทำไมป๊าถึงยอมพูดให้หนูละ”

“ก็เพราะแม่เค้าไม่อยากบังคับหนูไง ตั้งแต่เด็กแต่เล็กมาเคยบังคับอะไรได้บ้างละ ก็ไม่มี ดื้อซะขนาดนั้น แล้วคิดว่าจะมาบังคับให้แต่งงานกับคนที่หนูไม่รัก ป๊าว่าคงยากเข้าไปใหญ่” ป๊าพูดต่อ

“อีกอย่างธุรกิจป๊าก็พอตั้งตัวได้แล้ว ไม่ต้องพึ่งพิงธุรกิจของคุณอาเขาเท่าไหร่แล้ว ในทางกลับกันธุรกิจของคุณอานั่นสิ ที่กำลังมีปัญหา” ป๊าบอกเหตุผลที่แท้จริงออกมา

“แต่ยังไงตาหนูก็ต้องทำตัวดีๆกับหมวยเล็กเหมือนเดิมละ แม่ยังรักและเอ็นดูหนูหมวยเล็กเหมือนเดิม เห็นเป็นลูกเป็นเต้าไปแล้ว เข้าใจใช่มั๊ย” แม่บอกบ้าง

“เข้าใจครับ แม่อย่ามองหนูไม่รู้จักโตสิ หนูรู้นาว่าอะไรเป็นอะไร หนูก็คิดกับหมวยเล็กแค่เพื่อน แค่พี่น้องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ผมบอก

“แล้วคนไหนละ ที่เราคิดมากกว่าเพื่อน กว่าพี่กว่าน้อง ไม่พามาให้แม่กับป๊ารู้จักบ้างละ” แม่ถามมาพร้อมรอยยิ้ม

“เคยพามาแล้วครับ” ผมพูดเสียงเบาๆ

“อะไรนะ” แม่ถามย้ำ

“อ๋อ เปล่าครับ ให้หนูจีบติด แล้วก็โอเคกว่านี้ก่อนนะแม่ หนูจะพามาหาบ่อยๆเลย”

“อะไรกันวะตาหนู ระดับลูกแล้ว ยังจีบไม่ติดอีกเหรอเนี่ย เสียชื่อป๊าหมด” ป๊าหยามผม

“ของที่ได้มายากๆ เรามักจะเห็นคุณค่าของมันนะป๊า อะไรที่มันได้มาง่ายเกินไป เราก็ทิ้งมันง่ายเหมือนกัน ใช่มั๊ยแม่” ผมบอกป๊า ก่อนที่จะหันไปยิ้มกับแม่

“ใช่แล้วตาหนู คนบางคนก็จีบแม่เป็นปีๆเหมือนกันนั่นแหละ” แม่บอกผม แต่ก็เหน็บป๊า

“แล้วไงละ ป๊าก็จีบติด พิชิตจนรักจนหลงป๊า”

“พอเลยคุณ ชั้นอายลูก”

“แหม อายไรจ๊ะ ลูกโตเป็นควายแล้ว ไม่ต้องไปอายมัน “



ผมนั่งยิ้มและแอบขำอยู่พักใหญ่กับการจีบกันของป๊ากับแม่ ผมรู้ครับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่ป๊าจะมาจีบแม่ผมติด และแต่งงานมาจนถึงทุกวันนี้ ป๊าเป็นลูกคนจีนมีฐานะ แต่แม่ผมเป็นไทยแท้ลูกชาวสวน ป๊าเรียนสายสามัญ แม่เรียนสายช่างทางด้านศิลปะคล้ายๆกับน้ำมนต์ แต่ทั้งสองก็เจอกันด้วยความบังเอิญ .. และรักกันด้วยความตั้งใจมาจนถึงทุกวันนี้






“ฮัลโหล ทำอะไรอยู่” ผมแยกออกมาจากห้องนั่งเล่น ปล่อยให้ป๊ากับแม่นั่งจีบกันตามประสาผู้ใหญ่ ส่วนตัวผมก็ออกมาโทรหาไอ้น้ำมนต์มัน

“เพิ่งถึงวิทยาลัย” น้ำมนต์ตอบมา

“ทำไมมาถึงช้าจัง”  นี่ปาไปบ่ายแล้วครับ

“ช่วยยายขายขนมอยู่”

“ขายดีมั๊ย”

“ขายดีสิ เราไปช่วยขายซะอย่าง”

“มีหนุ่มๆมาขายขนมจีบบ้างมั๊ย”  ต้องมีใครมาจีบมันบ้างแหละ

“ถามทำไม”

“ก็อยากรู้”

“ไม่มีอะ มีแต่สาวๆ”

“แล้วชอบมั๊ย”

“ก็น่ารักดี”

“น้ำมนต์ !!”  หึหึ หงุดหงิดๆ

“เรียกทำไม”

“กูหึงนะ”

“ใช่สิทธิ์อะไรมาหึงเรา”

“สิทธิ์ที่ .. เอ่อ สิทธิ์ที่มึงกินใจกูไปไง”

“กินใจ ?”

“ก็วันก่อนมึงกินลูกอมหัวใจไปนั่นแหละ มันหัวใจกู”

“ว่าละ ไม่อร่อยเลย”

“มึงกล้าพูดแบบนี้เหรอ”

“เราจะทำงานแล้ว มีไรอีกมั๊ย” มันชวนเปลี่ยนเรื่องครับ

“วันนี้กูนอนบ้านนะ”

“บอกทำไม”

“กลัวใครบางคนคิดถึง”

“หลงตัวเอง”  ชอบจังเวลาโดนด่า ท่าจะโรคจิตแล้วผม

“กูบอกให้ไอ้โอ๊ตไปส่งมึงนะวันนี้” ผมบอกมันไว้

“อืม”




“มึงจะไม่ถามกูหน่อยเหรอ เรื่องที่บ้าน”

“อยากจะเล่าก็เล่ามาสิ” เชื่อแล้วครับ ว่ามันมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผมจริงๆ แต่ผมอยากให้มันสนใจมากกว่านี้นี่

“ไม่เล่า ก็มึงไม่อยากรู้”

“อืม”

“มึงนี่นะ”

“ทำไมอีก”

“กูจะเล่าก็ได้”

“เล่นตัวจริงๆ”

“กูยกเลิกหมั้นแล้วนะ กูเป็นอิสระแล้ว” ผมพูดไปกับยิ้มเต็มปาก อยากให้มันมาเห็นผมยิ้มตอนนี้จัง

“แล้วไง ?” มันถามกลับ

“มึงก็จะได้แต่งงานกับกูได้แล้วไง”

“ตลก”

“แหนะ ยิ้มอยู่ใช่มั๊ย” ผมรู้ครับ ว่ามันกำลังยิ้ม

“ยิ้มบ้าอะไรของนาย”

“ยิ้มดีใจไง”

“จะดีใจทำไม แค่นี้นะ ทำงานก่อนแล้ว”

“เอ๊ยๆๆ”



วางสายไปแล้วครับ  สงสัยคงเขิน ผมยังเขินเลย นี่แค่คุยผ่านโทรศัพท์นะเนี่ย ถ้าเจอหน้ากันจะคุยได้ยาวๆแบบนี้มั๊ยเนี่ย .. เฮ้อ พูดแล้วก็อยากขับรถไปหา แต่ก็นะ อยู่ให้ป๊ากับแม่ชื่นใจหน่อยแล้วกัน เขาอุตส่าห์ช่วยพูดเรื่องหมั้นให้ ..




คนเรานี่เวลามีเรื่องราวดีๆเข้ามา มันก็เข้ามาพร้อมกันเนอะ .. แต่เขาว่าความสุขมักจะผ่านไปไว เพราะเรามัวแต่รีบไขว่ขว้าตักตวงมันมากจนเกินไป มันเลยหมดไว พอเจอเรื่องทุกข์ เรามักจะค่อยๆเอาเข้ามาๆ กว่าจะหมดไปก็นานโข




แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้น ผมจะค่อยๆใช้ความสุขที่มี ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะสุขหรือทุกข์อย่างไร บางคนอาจมองว่าผมผ่านด่านแรกมาไกลแล้ว แต่สำหรับผมมันแค่เริ่มต้น ก่อนหน้านั้นแค่ปรับพื้นฐาน แต่หลังจากนี้สิ คือหลักสูตรพิชิตใจของแท้ เด็กศิลป์ใจแข็งอย่างน้ำมนต์ ต้องเจอเด็กช่างกลจอมตื้ออย่างนายปีโป้






ไม่เสร็จป๋า แล้วจะเสร็จหมาที่ไหนละ ... โอ๊ยยยย คิดแล้วตื่นเต้น  วะฮ่ะฮ่ะฮ่าๆๆๆ




ออฟไลน์ tongdbsk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ๊ากกก คนแรก ในที่สุดก็คนแรกดีใจเว่อร์


ว่าแล้วก็ตามไปอ่านก่อน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ท่าทางจะยังมีมาม่าชามโตรออยู่อีกหรือเปล่าเนี่ยะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด