พิมพ์หน้านี้ - [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: lungkhao ที่ 27-09-2011 00:09:09

หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 27-09-2011 00:09:09
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะ
ไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง

เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควาน
ตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ...........
.
.
เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า............
.........
บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้
เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด  คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกัน

การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน
แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต
และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่น

ช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ    เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆ
ก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเอง
เพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง

ส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์
ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย

ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้
หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชาย
เข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

5.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

6.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

7.ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง

8.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
ให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่า
แล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ด
เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

9.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

10.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

11.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

12.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน




เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆ

หุหุ

admin
thaiboyslove.com
.......................................

***************************************************************


นิยายเรื่องใหม่ของนายหลังเขาครับ เรื่องนี้จะแตกต่างจากทุกๆเรื่องที่ผ่านมาเลยครับ จะออกแนวโรแมนติกดราม่านิดหน่อย ไม่ได้คอมมาดี้จ๋าเหมือนกับเรื่องอื่นๆที่ผ่านมา .. โดยมีชื่อเรื่องว่า "กลรัก .. เปื้อนสี"  (กว่าจะคิดชื่อได้ แต่งไปได้สองตอนแล้ว)  อ่านๆไปจะเข้าใจว่าทำไมใช้ชื่อนี้ ...


ฝากด้วยนะครับ : )

หัวข้อ: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 27-09-2011 00:14:05
ตอนที่ 1   นักเลง “ปีโป้” .. หล่อโก้ลุยถิ่น

“พี่โป้ พี่โป้ จอยไปเรียนก่อนนะ” 


ผมได้ยินเสียงของหญิงสาวที่มาเคาะประตูเพื่อจะนอนกับผมเมื่อคืน ตะโกนบอกผมอยู่ที่ปลายหัวเตียง  ผมลืมตาแบบสะลึมสะลืมขึ้นมามองนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มให้เธอไป

น้องจอย ดาวอาชีวะ  คู่นอนคนใหม่ของผม ที่เพิ่งเข้ามาในชีวิต ที่ก่อนหน้านั้นผมควงกับเด็กมัธยมโรงเรียนชื่อดัง แถวศาลหลักเมือง อยู่พักใหญ่

ผมชื่อปีโป้ครับ เรียนอยู่ช่างกล ปีสามแล้ว ด้วยความที่เป็นเด็กช่าง ผมเลยไม่ค่อยชอบให้เพื่อนเรียกชื่อเต็มๆสักเท่าไหร่ ส่วนมากจะให้เรียกแค่ “โป้” สั้นๆ อย่างน้อยก็ยังดูมีบารมีหน่อย แต่ถ้าเพื่อนในกลุ่มมันจะเรียกผมว่า “นายหัวโป้” ครับ ก็ผมเป็นนักเลงใหญ่พอตัวนี้ครับ ครอบครัวผมเป็นเศรษฐีบ้านนอก อยู่ต่างอำเภอ ป๊าเป็นคนจีน ผมเลยได้เชื้อมาเต็มๆ ผิวเลยขาว สูง หน้าตาดูไม่เหมาะกับเป็นเด็กช่างนัก ก็เพราะไอ้หน้าตาตี๋ๆ แบบคนจีนนี่แหละ ผมเลยต้องทำตัวเถื่อนๆ เพื่อกลบภาพลักษณ์หนิมๆของตัวเอง

“โป้ ตื่นยังวะ  ปัง ปัง ” เสียงของเพื่อนสนิทผมเคาะประตูหอพัก ที่ผมอ้อนแม่ให้ป๊าอนุญาตให้ผมเช่าหออยู่ในเมืองได้ กว่าจะอ้อนได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยเลย

“มีไรวะ ไอ้โอ๊ต มาหากูแต่เช้าเชียว” ผมเดินไปเปิดประตูหอ พร้อมกับทักทายมัน

“กูว่าจะชวนมึงไปหาไอ้เอ็มหน่อย วันก่อนว่าจะเข้าไปหา แต่ดันลืม”

“ไปหาแต่เช้านี่นะ มันคงจะตื่น”

“เช้าบ้านป๊ามึงดิ หัดดูนาฬิกาซะบ้าง  นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” ไอ้โอ๊ตพูดพร้อมกับยื่นนาฬิกาที่หัวเตียงมาให้ผมดู

“เอ๊ย จะบ่ายโมงแล้วเหรอวะ” ผมหันมองแล้วถามมัน

“เออ ดิวะ มัวแต่คั่วกับอีจอยอยู่ ไม่รู้เวล่ำเวลา” ดูมันครับ ชอบประชดประชันผมกับคู่ควงผมอยู่เรื่อยเลย

“เออ อย่าพูดมาก เดี๋ยวกูอาบน้ำแป๊บ โทรไปบอกไอ้เอ็มให้รออยู่ที่ร้านหน้าวิทยาลัยมันเลย” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ



ไอ้โอ๊ต เป็นเพื่อนสนิทผมในสาขาวิชาครับ มันเรืยนช่างกลเหมือนผม รู้จักกันตั้งแต่เรียนตอนปี 1 ส่วนไอ้เอ็มนี่เป็นเพื่อนผมครับ เรียนมัธยมเหมือนกัน แต่เรียนกันคนละวิทยาลัย ไอ้เอ็มมันเรียนวิทยาลัยศิลป์ครับ ไอ้นี่มันอาร์ตๆ ชอบวาดรูป แต่พวกเพื่อนที่วิทยาลัยผม กับไอ้เอ็มก็สนิทกันครับ เพราะว่าเมาด้วยกันบ่อย จนหลังๆ ไอ้โอ๊ตกับไอ้เอ็มจะสนิทกันมากกว่าผมแล้ว มีไรคุยกันตลอด





“ไม่เจอหน้าเจอตาเลยนะไอ้สหาย” ไอ้เอ็มทักขึ้นก่อนที่ผมจะเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งหน้าวิทยาลัยมันอีก

“คนมันเรียนหนัก มึงจะให้กูว่างมาเสวนากับมึงทุกวันได้ไงวะ” ผมตอบไปก่อนที่จะนั่งฝั่งตรงข้ามมัน

“เรียนหนัก หรือเอาหนักกันแน่ ได้ข่าวว่าเปลี่ยนคนอีกแล้ว คราวนี้หญิงหรือชายวะ” เอาแล้วไงครับ เจอหน้ากันอย่างแรกคือต้องอัพเดตกันก่อน ว่าตอนนี้ผมควงใครอยู่

“ไม่รู้ ถามไอ้โอ๊ตดู  ป้าสั่งข้าวหน่อย” ผมบ่ายเบี่ยงที่จะพูด ให้เลาขาส่วนตัวผมตอบแทนดีกว่า

“ผู้หญิง ชื่อน้องจอย ดาวบัญชีอาชีวะ ตามมาเคาะห้องมันทุกคืน” ไอ้โอ๊ตทำหน้าที่ของมันครับ

“แล้วไอ้น้องเดียวไรนั่นละ ทิ้งแล้วเหรอวะ”

“เด็กนั่นมันขี้หึง ขี้วีน แถมทำตัวเจ้าเข้าเจ้าของ ไอ้โป้เลยตัดหางปล่อยวัดซะ”

“มึงก็พูดเกินไปไอ้โอ๊ต” ผมขัด

“แล้วที่ถูกมันยังไงละ” มันถามผม

“ที่ถูก คือหมดโปร โอเคมั๊ย”

“ฮ่าๆๆ ตรงดีเว๊ย สุดๆจริงๆ ปีโป้สหายกู” ไอ้เอ็มหัวเราะใหญ่

“เมื่อไหร่มึงจะคบใครจริงๆจังๆวะ” ไอ้เอ็มถามผม

“ยังไม่ถึงเวลา” ผมพูดพร้อมกับมองไปที่โต๊ะในร้านตัวนึง ที่มีผู้หญิงตัวเล็กๆ กำลังน่ารัก กำลังนั่งถือกระดานวาดรูป นั่งเสก็ตแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น  ใบหน้ารูปไข่กับผมที่ม้วนไว้ด้านหลัง โดยมีตะเกียบหรือปิ่นอะไรนั่นปักอยู่ เพื่อไม่ให้ผมหลุดออกมารบกวนต้นคอขาวใสของเธอ

“เอาอีกแล้วนะมึง มองเด็กวิท’ลัยกูอีกแล้วนะ มึงมาไข่ทิ้งไว้จะหมดวิท’ลัยแล้ว นั่นรุ่นน้องเอกกูนะนั่น” ไอ้เอ็มบ่น

“ไข่อะไรของมึง กูทำแล้วกูรับผิดชอบ เพียงแต่กูไม่เคยพลาดก็เท่านั้น” อย่างที่ผมพูดนั่นแหละครับ ไม่เคยมีรายไหมกล้ามาบอกว่าท้องกับผมเลย เพราะผมใส่หมวกตลอด ผมคิดว่าถึงผมมั่วแต่ผมก็ขอป้องกัน เพราะผมเอาได้ทั้งชายทั้งหญิง เรื่องความสะอาดเลยต้องคำนึงตลอด

“พอเลยมึง กินข้าวของมึงไปเลย ป้าเค้าเอามาเสริฟนานแล้ว มัวแต่มองหญิง เดี๋ยวข้าวก็บูดเสีย” ไอ้โอ๊ตครับ ขัดผมตลอด




“หญิง  นั่งอยู่นี่นี่เอง ชั้นตามหาตั้งนาน” เสียงของเพื่อนผู้หญิงที่ผมมอง ร้องทักเธอขึ้น เมื่อเพื่อนเธอเดินเข้ามาในร้าน ทำให้ผมได้รู้จักชื่อเธอ .. “หญิง” นั่นเอง

“นี่มึงเห็นแค่น้องผู้หญิงนะ ถ้ามึงเจอแฟนเค้านะ  กูว่ามึงต้องอยากได้แน่ๆ” ไอ้เอ็มบอกผม

“ยังไงวะ”

“ก็น้องผู้ชายกูไม่รู้นะ ว่าแฟนน้องผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า แต่หน้าตาน่ารักมาก อย่างกับผู้หญิง กูเห็นบางทียังชอบเลย” ไอ้เอ็มบอกผม

“คนนี้นี่นะ” ไอ้โอ๊ตถาม เมื่อเห็นเพื่อนของน้องหญิงที่เดินเข้ามา

“ไม่ใช่ นี่มันยัยช้างน้อย กระเทยหัวโปก เพื่อนๆเค้า”  ไอ้เอ็มหมายถึงคนที่เข้ามา น่าจะเป็นเพื่อนกระเทยของน้องหญิง ก็ไม่ได้อยู่น่าเกลียดอะไร เหมือนที่ไอ้เอ็มพูดหรอกครับ หน้าตาน้องที่เรียกตัวเองว่าช้างน้อยอยู่ก็น่ารักดี หุ่นบางๆ ผิวขาวๆ เหมือนคนมีฐานะ และบุคลิคท่าทางที่ไม่น่าเป็นเด็กศิลป์ ทำให้ไอ้เอ็มต้องเรียกว่า กระเทยหัวโปกไป



“คนนั้นหรือเปล่าวะ .. ที่มึงหมายถึง”


...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-09-2011 00:15:58
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 27-09-2011 00:18:58
ตอนที่ 2 น้ำมนต์คนศิลป์ .. แน่นิ่งใจเย็น

“น้ำมนต์ หญิงรออยู่ที่ร้านป้าหน้าวิทยาลัยนะ”  ผมเปิดอ่านข้อความที่เพื่อนสนิทของผมส่งมาให้ ต้องเรียกว่าเพื่อนสนิทถึงจะถูกครับ ถึงแม้ใครๆจะมองว่าผมกับหญิงเป็นแฟนกัน แต่ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นอยู่ดี

ต้องแนะนำตัวกันก่อนครับ ผมชื่อ น้ำมนต์ เรียนอยู่วิทยาลัยศิลป์ สาขาวิจิตรศิลป์ ด้วยความที่เป็นคนชอบศิลปะแต่เด็ก และผมก็เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง สาขานี้จึงเป็นสาขาที่ผมชื่นชอบมาก ใครจะมองว่าอาร์ต ว่าอินดี้ ผมก็คงคิดตามเข้าว่าใช่ แต่ถ้าให้เลือกไปถกเถียง แย่งชิงอะไรกับใคร คงไม่ใช่เรื่องที่ผมชอบนัก

ผมนั่งรถสองแถวมากจากบ้านของผม ซึ่งอยู่นอนตัวเมืองไปไม่ไกลนัก นั่งรถครึ่งชั่วโมงก็ถึง และวันนี้น่าจะไปสายหน่อย เพราะว่าผมต้องช่วยอะไรที่บ้านนิดหน่อย พูดแล้วจะยาว ว่างๆ ค่อยเล่าให้ฟังแล้วกันนะครับ



ผมลงจากรถจ่ายค่ารถสองแถว ก่อนที่จะมองไปที่ร้านป้าหน้าวิทยาลัย ก็เห็นหญิงกับช้างน้อย เพื่อนสนิททั้งสองของผมนั่งอยู่

“มาแล้วเหรอ ทำไมมาช้าจังเลยวันนี้” หญิงทักผม เมื่อผมเข้าไปถึงในร้าน

“พอดีช่วยงานยายอยู่ เลยออกมาสายนิดนึง” ผมบอกเธอไป

“แล้วกินอะไรยัง หญิงสั่งอาหารให้น้ำมนต์แล้วนะ”

“อืม ขอบใจหญิงมาก ที่จริงมนต์ไม่ค่อยหิวหรอก มนต์กินขนมยายมาแล้ว”

“ไม่ได้ ต้องกินข้าว เดี๋ยวปวดท้องขึ้นมาอีก”

“อ่าครับ ครับๆ ได้ครับแม่หญิง”

“อ่ะแฮ่มมม นี่พวกหล่อนสองคนลืมไปหรือเปล่าย่ะ ว่าชั้นก็นั่งอยู่ด้วย นั่งจีบกันอยู่ได้” เป็นเสียงยัยช้างน้อยครับ เพื่อนกึ่งชายกึ่งสาวของผมกับหญิง ที่พูดแทรกขึ้นมา

“อ้าวว ช้างน้อย” ผมแกล้งทำทักเธอ

“หยุดเลย น้ำมนต์ ไม่สนใจชั้น เดี๋ยวชั้นไม่รักแล้วนะ” ดูเธองอนครับ น่ารักตายละ

“โอ๋ๆๆ เดี๋ยวมนต์เลี้ยงน้ำ โอเคไหม”

“ไม่ต้องเอาของกินมายั่วชั้น    ป้า !!! เอาชามะนาวแก้วนึง เก็บเงินที่น้ำมนต์นะ” ดูเธอครับ บอกว่าไม่ต้องเอาของกินมายั่ว สั่งก่อนผมอีก

“เอ๊ะ น้ำมนต์ หยิงว่าโต๊ะนั้นเค้ามองมาทางเราอยู่หรือเปล่า” หญิงทักผมครับ

“ไหนๆๆ สงสัยสนใจชั้น” ช้างน้อยพูดแล้วหันหลังกลับไป ทำให้โต๊ะที่กำลังมองมาทางพวกผม หันหน้ากลับไปอย่างฉันไว

“อ๋อ นั่นพี่เอ็มนี่ สงสัยจะแอบมองชั้น”

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เค้าคงมองหญิง หญิงออกจะน่ารักขนาดนั้น” ผมพูดบอกเธอ พร้อมกับชมเธอเล็กน้อย

“น้ำมนต์ก็พูดเข้า” หญิงพูดกับผมพร้อมกับเอามือตีที่หัวไหล่ผม กลบอาการเขินของตัวเอง

“แก เห็นเพื่อนของพี่เอ็มไหม น่ารักทุกคนเลย ชั้นเคยเห็นนะ คนนั้นอ่ะ ชื่อ โป้ มาวิทยาลัยเราบ่อยเชียวละ น่าร๊ากกกอ่ะ ชั้นชอบ” ช้างน้อยยังไม่หยุดพูดถึงโต๊ะนั้นครับ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แต่เมื่อช้างน้อยพูด ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองโต๊ะนั้นนิดหนึ่ง ทำให้ผมไปสบตาเข้ากับคนที่ช้างน้อยพูดถึง และเขาก็ยิ้มตอบมาให้ผม

“ว๊ายยยย เค้ายิ้มมาให้ชั้นด้วย”

“เหอะๆ คงงั้น” ผมไม่ได้ยิ้มตอบเขาหรืออะไร ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวที่หญิงสั่งไว้ให้ต่อไป


แต่ผมคิดผิดครับ ที่ไม่ยิ้มตอบอะไรเค้า เพราะตอนนี้เค้าคนนั้น เดินเข้ามาที่โต๊ะผมแล้ว



“ทำไมพี่ยิ้มให้ ถึงไม่ยิ้มตอบละครับ” คำถามที่ถามมาลอยๆ หากไม่ใช่คนที่ได้สบตาเมื่อครู่ คงไม่รู้ว่านั่นหมายถึงอะไร

“หนูเหรอค่ะ เมื่อกี้หนูก็ยิ้มให้พี่นี่คะ” ช้างน้อยออกหน้าแทนผม

“พี่หมายถึงน้องผู้ชายคนนี้ครับ” นายคนนี้พูดพร้อมกับปรายสายตามาที่ผม ทำเอาทั้งหญิงและช้างน้อยก็หันมองมาเป็นตาเดียว

“น้องชื่ออะไรครับ”

“หนูชื่อช้างน้อยค่ะ”

“พี่หมายถึงน้องคนนี้เหมือนกันครับ” นายคนนี้ยังมาทำตลกอยู่ที่โต๊ะผมไม่เลิก

“เพื่อนหนูชื่อ น้ำมนต์ ส่วนอีกคนชื่อหญิง แล้วพี่ละชื่ออะไร” เป็นช้างน้อยอีกเช่นเคยครับ ที่รับหน้าที่เป็นโฆสกประจำกลุ่มพวกผม เนื่องจากผมกับหญิงไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้านัก

“ชื่อน้ำมนต์เหรอ ชื่อน่ารักนะครับ พี่ชื่อปีโป้ครับ เป็นเพื่อนไอ้เอ็มมัน น้องรู้จักไหม” นายคนนี้ดูพูดเพราะเกินไป ไม่เหมาะกับเครื่องแบบที่ใส่อยู่ อีกทั้งหนวดเคราที่ขึ้นเล็มๆตามใบหน้าขาวใสของเขานั่นอีก

“รู้จักคะ พี่เอ็มเป็นขวัญใจช้างน้อยด้วย”

“อืม น้องช้างครับ พี่ขอคุยกับเพื่อนของน้องบ้างได้มั๊ย นั่งเงียบๆสักสองนาทีซิ !!!” ดูเหมือนเป็นประโยคขอร้องแบบเบาๆ ถ้าพี่เขาไม่เน้นเสียงสูงตรงประโยคท้ายๆ ให้เป็นประโยคคำสั่งเสีย

“พี่มีอะไรครับ ผมจะไปเรียนแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเก็บกระเป๋า หันหน้าไปบอกให้หญิงเก็บตามด้วย

“จะรีบไปไหนละ คุยกับพี่ก่อนไม่ได้เหรอ” พี่เขาดึงมือผมไว้ ก่อนที่จะถาม ผมสะบัดมือออกทันที

“เราไม่รู้จักกัน ไม่มีธุระอะไรต้องคุยกัน ขอโทษด้วยนะครับ” ผมพูดเสร็จก็เดินออกมาทันที ไม่ทันได้รอสองคนนั้นแต่อย่างใด




ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน เข้ามาทำตัวแบบนี้กับเราหมายความว่าอะไร และต้องการอะไร ผมไม่ชอบเอาเสียเลย ผู้ชายที่เข้ามาทำตัวบอกที่มาที่ไปไม่ชัดเจนแบบนี้ ถ้าเข้ามาทำตัวแบบนี้กับหญิงก็ว่าไปอย่าง




“น้ำมนต์ รอหญิงด้วย” เสียงของหญิงเรียกตามมาข้างหลัง

“น้ำมนต์นี่เสน่ห์แรงจริงๆนะ”

“จะบ้าเหรอหญิง นั่นผู้ชายนะ มันคงบ้าอ่ะเราว่า”

“ไม่แปลกหรอกย่ะ เดี๋ยวนี้เทรนชายรักชายกำลังมาแรง แล้วผู้ชายหน้าสวยอย่างเธอก็กำลังเป็นที่นิยม” เสียงของยัยช้างน้อย คอยหลอกหลอนตามหลังมา

ผู้ชายหน้าสวย เป็นคำที่ผมได้ยินแล้วต้องเบือนหน้าหนีทุกที ไม่รู้ว่าได้แม่มาเยอะ หรือยังไงก็ตาม ผมถึงได้มีรูปหน้าเรียวได้รูปเหมือนผู้หญิง คิ้วที่ดูดกดำกำลังดี จมูกที่เข้ากับหน้า และริมฝีปากเล็กๆของผม ที่ลอกแบบแม่ผมมาเป๊ะๆ มันจึงทำให้ผมกลายเป็นผู้ชายหน้าสวยไปโดยปริยาย อีกทั้งทรงผมที่ไว้อีก ผมไว้ผมยาวพอประมาณ ถ้าบ่อยออกมาก็คงเกือบถึงต้นคอ แต่ผมเลือกที่จะมัดยางไว้ เพื่อไม่ให้เกะกะเวลาทำงานศิลป์




“แต่เราว่าเขาน่ารักดีนะ” หญิงพูดเสริม

“ฮั่นแน๋ๆๆๆ หญิงเธอชอบเขาชิมิละ บอกชั้นมานะ เราจะได้ไม่ต้องแย่งกัน”  สองคนนั้นยังคงคุยกันถึงเรื่องเด็กช่างกลคนนั้น

“บ้าเหรอช้างน้อย ชั้นเฉยๆหรอก”

“นี่ขนาดเฉยๆนะ เธอยังพูดถึง ปกติชั้นเห็นเธอเงียบตลอดเรื่องผู้ชงผู้ชาย”


ผมก็ปล่อยให้พวกเธอสองคนคุยกันตามประสาผู้หญิง ส่วนตัวเองก็ได้แต่คิดถึงโปรเจคงานศิลปะที่จะส่งตอนสิ้นเดือนนี้ ..







พวกเราสามคนนั่งทำงานอยู่ที่ในห้องจิตรกรรมอยู่พักใหญ่ ต่างคนก็ต่างใจจดใจจ่อกับงานที่ต้องทำส่ง ผมก็เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากผมเป็นคนหิวน้ำบ่อย และปกติก็จะพกน้ำดื่มมาด้วย แต่เมื่อตอนเที่ยง ผมกลับรีบหนีไอ้เด็กช่างคนนั้น จนลืมไปซื้อไปเลย ผมเลยต้องเดินออกมาซื้ออีกครั้ง





นี่เพราะว่าผมเข้าไปทำงานไม่นานนัก หรือว่าพวกนี้มันนั่งกันนานกันแน่เนี่ย เพราะผมออกมา ก็เห็นพวกกลุ่มเพื่อนๆของพี่เอ็ม และนายที่มาคุยกับผมยังนั่งอยู่ แต่ที่เห็นมากกว่าเดิม คือคนที่นั่งข้างนายคนที่ชื่อปีโป้ เป็นหญิงสาว น่าตาน่ารัก แต่งกายยูนิฟอร์มเป็นเด็กอาชีวะชื่อดัง นั่งข้าง โดยมีแขนของนายคนนั้นกอดอยู่ด้านหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสองคนคงไม่ใช่เพื่อน หรือคนรู้จักกันธรรมดา



และเขาคงเห็นผมเดินมา จึงรีบเอามือออก เล่นเอาผู้หญิงที่ถูกโอบกอด หน้าเสียขึ้นทันที ส่วนผมก็เลิกสนใจภาพนั้น เพราะไม่ได้อยากสนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว



“น้องน้ำมนต์มาซื้ออะไรเหรอครับ” เป็นเสียงพี่เอ็มที่ทักผมขึ้น

“อ๋อ มาซื้อน้ำครับ” เห็นแก่ที่แกเป็นรุ่นพี่ผม ผมจึงตอบแกไป พร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นร้านป้า หยิบชาเขียวเพียวริคุ  รสเก็กฮวยขาว ที่ผมซื้อกินเป็นประจำ ก่นอจะควักเหรียญในกระเป๋าเสื้อมาทำท่าจะให้ป้าเจ้าของร้าน

“ไม่ต้องทอนครับป้า” เสียงของนายปีโป้ ที่ให้แบงค์ยี่สิบกับป้าเขาไป จ่ายค่าน้ำแทนผม

“พี่จ่ายให้” นายปีโป้ พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม

“นี่ครับป้า ค่าน้ำ” ผมทำเป็นเพิกเฉยกับการกระทำอวดร่ำอวดรวยนั้น ก่อนที่จะเอาเหรียญที่เตรียมไว้ให้ป้าไป

“ก็พ่อหนุ่มคนนี้เค้าจ่ายให้หนูน้ำมนต์แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วหนูจะจ่ายอีกทำไม” ป้าแกถามขึ้นอย่างสงสัย

“ผมไม่รู้จักเขาครับ” ผมตอบแล้วเลือกจะเดินออกมาทันที พร้อมกับเปิดขวดน้ำขึ้นดื่มทันทีจากขวด





“เดี๋ยวน้องน้ำมนต์” นายคนนั้นเรียกผม แต่ผมก็ยังทำเฉยไม่สนใจ เดินต่อเข้าวิทยาลัยต่อไป

“พี่โป้ จะไปตามเค้าทำไม จอยนั่งอยู่นี่นะ ทำตัวแบบนี้ จอยงอนแล้วนะ” เสียงของผู้หญิงที่ผมชมว่าน่ารักเมื่อครู่ ทำกริยาติดลบอย่างที่หนีเสียไม่ได้ ถ้าเธอเลือกจะนั่งแน่นิ่ง เธอคงมีชัยกับการกระทำครั้งนี้มากกว่า

“เอ๊ย ไม่ได้ยินหรือไง เรียกให้คุยด้วยอ่ะ” นายปีโป้คงถึงขีดสุดของการควบคุมอารมณ์ จึงดึงมือผมข้างที่ถือขวดน้ำ ด้วยที่ไม่ทันตั้งตัว ขวดน้ำผมเลยหล่นลงพื้นหกกระจาย ผมหันไปมองหน้าเค้าอย่างไม่พอใจ

“นายต้องการอะไร” ผมถามไปอย่างหงุดหงิดใจ เล่นเอาคนตรงหน้าหน้าเสียกับการกระทำนั้น

“ชั้นขอโทษ    ชั้น ..”

“ไม่เป็นไร เราจะคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุจากคนแปลกหน้า   ขอตัวนะ”




 ไม่ได้เป็นผู้ดี ไม่ใช่คนพูดเพราะ เพียงแต่ไม่ชอบพูดคำหยาบ และไม่ชอบแสดงกิริยาเกรี้ยวกราดให้คนอื่นดูก็แค่นั้น


และผมคิดว่าประโยคที่พูดไป ก็พอจะตัดขาดความสัมพันธ์ได้เพียงพอ  .. ทั้งที่มันยังไม่ได้เริ่มต้นเลยก็ตาม



......................................................................................

ฝากด้วยเด้อ   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ChiinZ ที่ 27-09-2011 00:35:19
มาเจิมมม มม ม ม  พี่ปีโป้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสส :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 27-09-2011 00:58:52
นายเอกของเราเป็นเด็กสิลป์สินะ ถึงได้เปื้อนสี :-[( ขอเปื้อนแค่สีได้มะคะ ไม่เอาเปื้อนน้ำตา)
ท่าทางจะหนักหนากว่าจะได้คู่กัน พระเอกเจ้าชู้ซะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-09-2011 01:33:00
 :laugh:

เชิ่ดมากกกกกกกกกกก น้องน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 27-09-2011 01:40:05
ว้าย ชอบอะ

เเต่ไอ้เปื้อน สีนี่ ขอเป็น สี สดใสๆ ได้ไหมคะ

ไม่เอาสี อึมๆ เน่อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 27-09-2011 02:14:38
อ๊ากกกก แนวโรแมนติกดรามาเหรอคะ
ขอโรแมนติก 99.99% + ดรามา 0.01% ได้มั้ยเอ่ยยยยย  เง้อออออ

พี่ปีโป้นี่นักเลงจริงๆ แฮะ นี่เค้าเรียกว่าวิธีจีบคนที่ชอบเหรอเธอ   :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-09-2011 06:32:04
 :3125:มาแกล้งน้องมนต์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-09-2011 08:11:23
น้ำมนต์น่ารักเชียว

พระเอกนี่เปิดตัวมาแบบคะแนนติดลบฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว
แบบนี้ได้ลุ้นอีกนาน
รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 27-09-2011 08:33:49
น้ำมนต์น่ารักอ่ะ
พี่โป้ทำตัวดีๆ หน่อยน้องมันไม่ชอบแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 27-09-2011 08:45:23
หนุกอะ แอบชอบพี่โป้ เถื่อนได้ใจ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 27-09-2011 08:53:28
ขอให้น้ำมนต์ปราบอีโป้ให้หมอบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 27-09-2011 13:10:25
ขอแบบสีท้องฟ้าสดใสนะ
ไม่เอาแบบฝนตกที่มืดมัว
เดี๋ยวอ่านไปร้องไห้ไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 27-09-2011 14:08:39
ว้าววววว ปั่นเรื่องใหม่ก็ฮอตนะผู้แต่งคนนี้ ขอให้รุ่งนะ เจิมๆๆๆๆ แล้วจะคอยเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 1 และ 2 (27/09/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-09-2011 14:58:26
ติดลบตั้งแต่วันแรกเลย
หัวข้อ: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.1 -27/9/11-20:24
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 27-09-2011 20:35:38
ตอนที่ 3 เลงโป้ได้เห็น .. เป็นบุกเป็นตาม  Part 1

เป็นอย่างทีไอ้เอ็มบอกจริงๆด้วยครับ ว่าเพื่อนหรือแฟนของน้องหญิงที่นั่งสวยอยู่เมื่อครู่ จะหน้าตาน่ารัก เปร่งออร่ามาจากฟากถนนนึงเลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงเวลาเดินถือกระดานวาดรูป กับทรงผมเซอร์ๆ และการแต่งตัวปอนๆ ที่ขัดกับหน้าตาขาวอมชมพูของเจ้าตัวจริงๆ

“ตาค้างเลยสิมึง” ไอ้เอ็มทักผม เมื่อเห็นผมจับจ้องอยู่กับวัตถุซึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทางผม

“แม่ง .. อยากได้วะ” นั่นคือประโยคที่ผมอุทานออกไป

“น้องเค้าฮอตมากเลยนะเว๊ย ชายหญิงรุมชอบเต็ม”

“แล้วน้องเค้ามีแฟนยังวะ”

“ก็น้องหญิงนั่นแหละแฟนเค้า”

“แต่กูว่าไม่วะ” ผมพูดแล้วหันไปมองเจ้าหน้าสวยคนนั้นที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะผม แล้วเรื่องราวก็ดำเนินไป อย่างกับตอนที่ผ่านมา


.
.
.
.






“ไม่เป็นไร เราจะคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุจากคนแปลกหน้า   ขอตัวนะ”  น้องน้ำมนต์พูดใส่ผมด้วยสีหน้าและท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก คำพูดที่ดูจะสวยหรู กลับตีความหมายได้ทิ่มแทงหัวใจผมมาก คนแปลกหน้าเหรอ นี่กูพยายามจะทำความรู้จักกับมึงนะ แล้วมึงยังจะมาให้สิทธิ์กูเป็นแค่คนแปลกหน้าอีกเหรอ .. แล้วท่าทางรังเกียจนั่นอีก เกิดมายังไม่เคยมีใครทำหรือพูดกับกูแบบนี้เลยนะ


“ไงมึง โดนเข้าไปจ้อยเลยสิ” ไอ้เอ็มเดินมาตบบ่าผมเบาๆ ในขณะที่ผมยืนมองแผ่นหลังน้องน้ำมนต์เดินเข้าวิทยาลัยไป

“แม่งหยิ่งวะ”

“กูบอกแล้ว น้องเค้าอ่ะไม่ค่อยคบหาใคร อยู่กัยแค่สามคนนั่นแหละ มึงไม่ใช่รายแรกที่พยายามจะจีบน้องเค้านะ ใครๆก็เข้าไปจีบเยอะแยะ แต่โดนกำแพงเงียบกั้นเอาไว้ ถอยหมดทุกราย” ไอ้เอ็มเล่าที่มาที่ไป

“แต่กูจะเอา ในเมื่อกูจะเอา กูจะต้องได้” ผมบอกมัน

“มึงก็เป็นซะอย่างนี้  น้องเค้าเป็นผู้ชายนะเว๊ย จะให้มึงเอาได้ไง”

“กูเป็นผู้ชาย ยังเอาผู้ชายได้ แล้วทำไม มันจะให้กูเอาไม่ได้”  เอากับผมสิ ตรรกะห่าเหวอะไรเวลานี้ ยกมาให้หมด

“กูยอมมึงละ เอาให้ได้แล้วกัน กูจะเอาใจช่วย” คำพูดของไอ้เอ็มไม่ใช่การให้กำลังใจครับ แต่มันแค่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับผม เพราะมันรู้ว่าผมดื้อ ถ้าผมอยากได้ใคร ผมต้องได้ จะให้ไปต่อยตีแย่งชิงมา ผมก็ทำ 



มันดูไม่ค่อยเป็นเรื่องใช่ไหมละ .. แต่สำหรับนักเลงปีโป้อย่างผม .. นี่แหละเรื่องใหญ่ !!!









ใช่ว่าจะอยากง้อหรือว่าอยากจะตามจีบต้อยๆเหมือนหนุ่มสาวทั่วไปเค้าจีบกันหรอกนะครับ แต่ด้วยความที่โม้เพื่อนไว้เยอะ ก็เลยต้องยอมทำอะไรที่มันขัดกับใจตัวเองบ้าง จะว่าไปชีวิตนี้จีบคนอื่นน้อยมาก เพราะแค่ยิ้มให้ แค่ถามชื่อ แค่ขอเบอร์ เธอก็มานอนอยู่ข้างกายแล้ว แต่รายนี้มันดูจะยากกว่ารายไหนๆ ดีครับ ท้าทายดี ปีโป้ชอบบบบ !!!!



“มึง กูอยู่หน้าวิทยาลัยมึง มึงมานั่งเป็นกูหน่อย” ผมโทรไปปลุกไอ้เอ็มแต่เช้าครับ

“มึงจะมาทำไมแต่เช้าเนี่ย  กูยังไม่ตื่นเลยแสดด”

“กูอยากมานั่งดูเด็กวิทยาลัยมึง  มึงมานั่งดูเป็นเพื่อนกูหน่อย”

“มึงบ้าหรือเปล่า ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมา อย่าบอกนะว่ามารอน้องน้ำมนต์”

“อย่าสงสัยมาก รีบอาบน้ำ แล้วมานั่งเป็นเพื่อนกู กูอยู่ร้านป้าตามสั่ง” ผมบอกมันแล้วกดวาง




จะว่าไปก็คงเป็นเหมือนทีไอ้เอ็มพูดว่าผมมาดักรอน้องน้ำมนต์ แต่จะให้บอกว่ามานั่งดักรอ มันก็คงไม่ใช่ผม ถึงมันจะดักทางถูก แต่ถ้าพูดไปก็เสียเชิงกว่า ไม่อยากจะชวนไอ้โอ๊ตมา เพราะรายนั้นชอบบ่นจุกจิก บ่นโน่น บ่นนี้สารพัด อย่างกับเป็นพ่อผม แต่มันก็มีข้อดีของมันนะครับ รายนั้นมันตั้งใจเรียน ฉุดผมจนเรียนผ่านทุกเทอมเลยละ ผมก็ได้มันนี่แหละ เป็นติวเตอร์ยามสอบ

“ป้าครับ น้องน้ำมนต์เขามาเรียนตอนไหนครับ” ผมถามป้าตามสั่ง ขณะที่ป้าแกเอากาแฟ กับข้าวเหนียวห่อมาเสริฟ

“ปกติป้าก็เห็นมาเรียนเช้าๆนะ รายนั้นเค้ารักเรียน มาเช้ากลับค่ำทุกวัน”

“แล้วเค้ากับน้องหญิงเป็นแฟนกันเหรอครับป้า”

“น่าจะใช่นะ ป้าว่าก็เหมาะกันดีนะ หญิงก็น่ารัก น้ำมนต์ก็เด็กดี”

“ไม่ !!!” ผมขัดขึ้นเสียงดัง

“ตาเถร อะไรไม่จ๊ะพ่อหนุ่ม”

“เค้าสองคนไม่เหมาะกันหรอกครับ เชื่อโป้สิ” ผมบอกป้าไป

“ทำไมพ่อหนุ่มคิดแบบนั้นละ”

“โป้ไม่รู้ แต่โป้จะแสดงให้ป้าดู” เริ่มสนุกแล้วครับ เมื่อผมมีคนเข้าร่วมเกมครั้งนี้อีกหนึ่งคน ใช่ว่าผมจะมาเล่นตลก หรือว่าต้องการจะแกล้งคนแก่หรืออย่างไร แต่ที่ผมเล่นกับแกแบบนี้ เพราะผมรู้ว่าป้าตามสั่งหน้าวิทยาลัยของน้องน้ำมนต์นี้ เป็นทั้งแหล่งข่าวและกระบอกเสียงสำคัญของวิทยาลัย ใครทำอะไรทีไหนอย่างไร ป้าแกต้องรู้หมด และยิ่งถ้าผมให้ความสำคัญกับแก มีเหรอที่ผมจะไม่รู้ในทุกๆเรื่องของน้องน้ำมนต์





“มึงอยู่ไหน ทำไมไม่มาเรียน” ไอ้โอ๊ตครับ โทรตามไปเรียนแต่เช้า

“กูกลับบ้านมาหาแม่ มึงเรียนเผื่อกูด้วยนะ”  ตอบมันเสร็จผมก็กดวาง ไม่อยากจะยืดเยื้อกับมันมากนัก

“อย่ามาโกหก กูรู้สันดานมึง” นั่นไงครับ มันส่งข้อความมาด่าแล้ว ผมบอกแล้วว่าถึงผมจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ มันก็คงรู้ว่าผมโกหก สู้พูดน้อยๆ ให้มันส่งข้อความมาด่าเสียยังดีกว่า ไม่อยากจะเสียอรรถรสยามเช้ากับการมองหนุ่มสาวของวิทยาลัยนี้


“น้องหญิง !!!” ผมตะโกนเรียกหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ เธอหันมามองผมทำหน้างงๆ  พร้อมชี้มือที่หน้าเธอ ประมาณว่า เรียกเธอเหรอ

“ครับ พี่เรียกน้อง มาคุยกับพี่หน่อยได้ไหม” ผมบอกย้ำให้เธอมั่นใจอีกที เห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่มุมแกมแบบเขินอาย ก่อนจะเดินเข้ามาในร้านที่ผมนั่งอยู่

“วันนี้มาเช้าจังเลยนะครับ” ผมทักเธอไป ไม่รู้ทำไมเวลาเจอคนน่ารักๆ แล้วชอบพูดเพราะ เห็นไหมครับ ผมก็มีมุมดีๆกับเค้า

“ปกติหญิงก็มาเช้าแบบนี้ทุกวันละค่ะ” เธอตอบผมพร้อมกับเอามือรวบผมที่ปล่อยยาวเมื่อคู่ รวบไว้ด้านหลัง กับตะเกียบคู่ใจของเธอ เหมือนเมื่อวานที่ผมเห็นเธอที่ร้านแห่งนี้

“ทำไมถึงไม่ปล่อยผมไว้ละ พี่ว่าน้องหญิงตอนปล่อยผมก็น่ารักดีนะ” ผมถามอย่างสงสัย

“หญิงไม่อยากรำคาญเวลาทำงานศิลป์อ่ะคะ เลยรวบไว้หยาบๆข้างบน” เธอตอบผมมา

“อ๋อครับ แบบไหนก็น่ารักครับ” ผมชมเธอไป

“ขอบคุณค่ะ”

“เอ่อ แล้วพี่ .. เรียกหญิงมาทำไมหรือคะ” เธอถามผมอีกที

“อ๋อ เปล่าครับ แค่อยากชวนคุย อยากรู้จักเฉยๆครับ พี่ชื่อ ปีโป้นะ เรียนช่างกลที่เทคนิค เป็นเพื่อนไอ้เอ็มมัน เรารู้จักใช่ไหม” ผมบอกเธอไป

“อ๋อ รู้จักค่ะ”

“งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว ขอบคุณมากนะคะ ที่สละเวลามาคุยกับพี่” ผมบอกเธอไป โดยเรื่องใช้คำลงท้ายเป็น “คะ” เพื่ออยากให้เธอฟัง แล้วรู้สึกว่าสนิทกับผมมากขึ้น อีกอย่าง ผมชอบใช้คำนี้ เวลาคุยกับผู้หญิง ผมว่ามันดูเจ้าเล่ห์ดี หึหึ

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นหญิงขอตัวนะคะ” เธอตอบผมพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะเดินยกกระดานวาดเขียนของเธอเข้าวิทยาลัยไป




น้องหญิงมาแล้ว แปลว่าอีกสักครู่น้องน้ำมนต์ก็จะต้องตามมา การจะได้ลูกเสือ เราต้องเข้าถ้ำเสือ การจะกินเนื้อสวรรค์อย่างน้องน้ำมนต์ มันก็ต้องลงทุนกันบ้าง

“รอนานมั๊ยมึง” ไอ้เอ็มครับ เดินเข้ามาทักผม

“เออ ไม่นานหรอก กินไรมั๊ย สั่งเลย เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ผมบอกมัน

“ใจปล้ำจริงเว๊ย กูคงได้กินกาแฟฟรีทุกวันแน่หลังจากนี้”

“มึงก็พูดเกินไป ไม่เกินสัปดาห์หรอก เชื่อกู”

“มั่นใจขนาดนั้นเชียวนายหัวโป้”

“เออ แล้วมึงจะได้รับรู้”

“ครับ แล้วผมจะคอยดู”



การต่อปากต่อคำกับไอ้เอ็มถือเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับเราสองคน เพราะรับส่งกันได้ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นี่ถ้ามันยังเถียงกับผมต่อ ก็ยังคงอีกยาว ดีนะที่มันเลือกเป็นฝ่ายยอมผมซะก่อน

ระหว่างทีไอ้เอ็มกำลังสั่งอาหารเช้ากับป้าตามสั่ง ผมก็ลุกขึ้นมาที่ตู้เย็นที่แช่เครื่องดื่มของร้าน ยืนดูเครื่องดื่มในตู้ แบบไหนแล้วนะที่น้องน้ำมนต์ทานเมื่อวาน แล้วเราปัดทิ้งไป ตอนนั้นจำได้ว่าตกใจมากๆเลย คะแนนยังอยู่ที่ศูนย์ กลับทำกิริยาทรามแบบนั้นอีก ไม่รู้จะติดลบไปถึงไหนแล้ว

“ป้า น้องน้ำมนต์เขาชอบดื่มอะไรเหรอ” ด้วยความที่ไม่ได้สนใจเครื่องดื่มที่น้องน้ำมนต์ดื่ม เหมือนกับสนใจหน้าตาน้องเค้า สมองกลวงๆอย่างผมเลยยากที่จะจดจำสิ่งนั้นได้

“ทำไมไม่ถามน้องหญิงละ เมื่อครู่ก็นั่งคุยกันอยู่” ป้าแกชักจะกวนผมแล้วละครับ

“ก็อยากถามป้า บอกมาเถอะหน่า”

“ดูสิ อยากถามคนอื่น กลับพูดขู่อีก ป้าจะบอกดีมั๊ยเนี่ย”

“เปล่าขู่ ป้าครับ บอกผมหน่อยครับ”

“เพียวริคุ รสเก็กฮวยขาว ขวดสีเขียวนะ น้องน้ำมนต์ชอบดื่ม” สิ้นเสียงที่ป้าพูดมา ผมก็กวาดสายตาหาในตู้แช่

“มีแค่นี้เองเหรอป้า” ผมพูดพร้อมหยิบออกมาทั้ง 3 ขวด

“เออ มีแค่นั้นละ พอดีของเขายังไม่ได้มาส่ง” แกตะโกนลวกๆมาบอกผม เพราะตอนนี้คงจะกำลังทำอาหารเช้าให้ไอ้เอ็มอยู่ ไอ้นั่นกะกินเอาอิ่ม จัดข้าวแต่เช้าเลย

“งั้นผมเอาทั้งสามขวด นี่เงินนะครับ”

“วางเงินไว้ หยิบถุง หยิบหลอดเอาเองนะ ป้าไม่ว่าง”  เอากับแกสิครับ พอสนิทหน่อยไม่ได้





“ไอ้โป้ น้องน้ำมนต์มาแล้ว!!!” เลิกสนใจป้าแกเลยครับ พอได้ยินเสียงไอ้เอ็มตะโกนส่งสัญญาณ สายตาผมก็หันไปมองชายร่างสูงโปร่ง ผมยาวกระเซอะกระเซิง ที่ถือกระดานวาดรูป พร้อมกับสะพายเป้เก่าๆด้านหลัง ในหูมีหูฟังเดินฟังเพลงสบายๆ  ผมเลยรีบเอาเครื่องดื่มที่ซื้อใส่ถุง แล้วรีบวิ่งมาเดินดักหน้าไว้


“ ..” น้องน้ำมนต์เงยหน้ามาดูผม ที่เข้าไปขัดขวางการสัญจรของเธอ พร้อมกับใบหน้าที่เฉยชา
“พี่ซื้อมาฝาก ขอโทษด้วยที่ทำหล่นเมื่อวาน” ผมพูดพร้อมกับยื่นถุงเครื่องดื่มให้ พร้อมกับรอยยิ้มที่คิดว่าใครเห็นก็คงจะใจละลาย




แต่เปล่าเลย น้องน้ำมนต์กลับทำเป็นไม่สนใจ และเดินพ้นไปอย่างกับไม่เกิดอะไรขึ้น  อะไรของเขาวะเนี่ย !!!





“นี่ หยุดก่อน” ผมวิ่งไปดักหน้าอีกครั้ง และเธอก็หยุด พร้อมกับมองมาในท่าทางแบบเดิม

“พี่ขอโทษที่ทำตัวเถื่อนๆ ทรามๆเมื่อวาน คราวหน้าพี่จะไม่ทำตัวแบบนั้น พี่อยากรู้จักน้องน้ำมนต์นะ เราเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ”  ผมพูดดีๆออกไป




น้องน้ำมนต์แน่นิ่งได้สักพัก ก่อนที่เปรยรอยยิ้มบนใบหน้า ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย ก่อนที่จะพูดออกมาว่า






“เราไม่รู้หรอก ว่านายพูดอะไร เพราะเรากำลังฟังเพลงอยู่ และคิดว่าเพลงที่กำลังฟังอยู่ คงเพราะกว่าภาษาพูดของนาย เราเลยไม่อยากจะใส่ใจ  ขอทางหน่อย เราจะเข้าเรียน”



..........................................................................................
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.1 -27/9/11-20:24-
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 27-09-2011 21:06:15
น้ำมนต์สุโค่ยอ่ะ
สุดยอด ๆ  พี่โป้หน้าแหก
55555+
+1 ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.1 -27/9/11-20:24-
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 27-09-2011 21:17:11
หว่าาา  ไม่ทันจิ้มเป็นคนแรก


__________________________

นายเอกแรงมากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.1 -27/9/11-20:24-
เริ่มหัวข้อโดย: kslave ที่ 27-09-2011 21:32:23
กรี๊ดดดดดด เรื่องนี้ สนุกไปนะค่ะ  o13
ปีโป้ก็แรง น้ำมนต์ก็แรง
กลัวโป้จะทำอะไรนอกกรอบนี่สิ  จะรอดมั๊ยเนี่ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.1 -27/9/11-20:24-
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-09-2011 22:07:28
สมนำ้หน้าปีโป้ 555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.1 -27/9/11-20:24-
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 27-09-2011 22:15:15
น้องน้ำมนต์นี่ก็แสบใช่เล่น อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.1 -27/9/11-20:24-
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 27-09-2011 22:21:13
กรี๊ดดดดดดด น้องน้ำมนต์ หน้าหวานแต่แรงส์มากกกกกกกกค่ะ
ปีโป้จะเอายังไงล่ะทีนี้  :z3:
หัวข้อ: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 27-09-2011 23:30:50
ตอนที่ 3 เลงโป้ได้เห็น .. เป็นบุกเป็นตาม Part 2


คำพูดเย็นชา กับการแสดงท่าทางแบบนี้อีกแล้ว .. นี่มันเก่งมาจากไหนเนี่ย ที่มาทำตัวแบบนี้กับผมได้

“ไงมึง หงอยเลยอ่ะดิ” ไอ้เอ็มถามผมเมื่อผมเดินกลับเข้าร้านมาด้วยชาทั้ง 3 ขวด

“แม่ง เล่นตัวชิบหาย นึกว่าอยากได้ตายละ”

“นี่ขนาดไม่อยากได้นะ ยังมาตามเฝ้า ถ้าอยากได้มึงไม่ฉุดมันแล้วเหรอ”

“เอ๊ยย ดีวะ หรือว่าจะฉุดเลยดีวะ”

“ไอ้บ้า  คนเขามีพ่อมีแม่ ฉุดไปถูกจับเข้าคุกเข้าตาราง มันไม่คุ้มนะมึง”

“เออวะ”  เฮ้ออออ ยังดีครับ ที่มีไอ้เอ็มคอยเตือนสติผมอยู่ แต่ไอ้ท่าทีแบบนั้นของน้องน้ำมนต์นี่ มันน่าต่อยหน้าชิบหาย เก็กเหี้ยไรนักหนาวะ ทำอย่างกับผมเป็นสิ่งของ มองผ่านเฉยๆ ไม่สนใจ หรือว่าผมเถื่อนไปวะ




“ป้า ป้าว่าผมหล่อไหม” ผมอยากเชคเรตติ้งของตัวเอง

“อืม ก็หล่อดี” ป้าแกวางมือจากอีโต้ที่แกสับหมูอยู่ หันมาพิจารณาหน้าผมอยู่ 3 วิ ก่อนจะตอบกลับมา และหันกลับไปสับหมูต่อ

“แล้วป้าว่าผมเถื่อนไปป่ะ”

“อืม ก็เถื่อนดี” ป้าทำเหมือนเดิมเป๊ะ

“เอาดีๆป้า ถ้าผมจะจีบน้องน้ำมนต์นี่ ผมจะจีบติดมั๊ย”

“เกร้งงง เกร้ง !!!!” เสียงอีโต้หลุดจากมือป้าแกครับ

“เอ๊ย ป้า เป็นไรเปล่า” ผมรีบเดินมาดู

“อืม ป้าไม่เป็นไร ป้าแค่ตกใจที่เอ็งพูดเมื่อกี้ เอ็งว่าอะไรนะ”

“ผมถามป้าว่า ถ้าผมจะจีบน้ำงน้ำมนต์นี่ ผมจะจีบติดไหม” ผมย้ำคำถามแกอีกที

“โอ๊ย ป้าจะเป็นลม ป้าขอไปหายาลมกินก่อนนะ ไม่ไหวกับเรื่องรักๆของเด็กสมัยนี้”  แกพูดจริงๆครับ ว่าแกจะเป็นลม เพราะตอนนี้แกเดินไปหลังร้านแล้ว






“แต่กูว่ายากวะไอ้โป้ นี่สองวันแล้ว มึงคุยกับน้องเค้านับคำได้เลย” ไอ้เอ็มบอกผม

“ยากๆ แบบนี้แหละกูชอบ แม่งถ้าได้นะ จะไม่ให้ลุกจากเตียงเลย” ผมบอกมัน

“ไอ้หื่น กูไม่คุยกับมึงแล้ว กูมีเรียน ไปละ จ่ายเงินให้กูด้วย”  อ้าวเวรแล้วไงไอ้เอ็ม มาหรอกกินข้าวเช้าฟรีผม แล้วเดินตัวลอยเข้าวิทยาลัยไป ไม่ทันได้ช่วยผมคิดอะไรเลยนะนั่น แถมยังมาตัดทอนกำลังใจอีก เพื่อนรักผมจริงๆเลย






ผมขับรถกลับมายังวิทยาลัยของตัวเอง พร้อมกับนั่งรอพรรคพวกผมที่โต๊ะที่นั่งประจำ ตอนนี้คงใกล้เวลาจะหมดคาบช่วงเช้าแล้ว ไม่นานพวกมันก็คงออกมา

“ฮัลโหล ว่าไงครับน้องจอย” ระหว่างนั้นผมก็โทรกลับไปหาน้องจอย ที่โทรมาหาผมหลายสิบสายแล้ว แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์จะรับ

“ทำไมพี่โป้ไม่รับโทรศัพท์จอยคะ จอยโทรไปหลายสายแล้วนะ” มาแล้วไงครับ ผู้หญิงขี้วีน ขี้เหวี่ยง

“อ๋อ พี่กำลังเรียนอยู่ น้องจอยมีอะไรเหรอ”

“กำลังเรียนอยู่จริงๆเหรอคะ หรือว่ากำลังทำอย่างอื่นกันแน่” นิสัยต่อมาคือขี้จับผิด

“เรียนจริงๆค่ะ แล้วน้องจอยมีไรคะ” เบื่อจะต้องโกหกกับผู้หญิงพวกนี้จริงๆครับ

“เปล่าหรอกค่ะ แค่จะโทรมาบอกว่า เย็นนี้มารับจอยที่หน้าอาชีวะด้วยนะ จอยจะรอพี่โป้ที่หน้าโรงเรียน” 

“อ๋อคะ แล้วพี่จะไปรับนะ งั้นแค่นี้ก่อน พี่ไปกินข้าวกับเพื่อนแล้ว” ผมพูดเสร็จก็ตัดสาย




ที่จริงน้องจอยไม่ใช่ว่าจะไม่มีรถกลับหรืออะไรหรอกครับ เพราะหอของเธอก็อยู่ไม่ไกลโรงเรียนที่เธอเรียนนัก เดินไปไม่กี่นาทีก็ถึง แต่ที่เธออยากให้ผมไปรับ เพราะเธอแค่อยากอวดกับสาวๆอาชีวะ ว่าเธอกำลังคบกับผมอยู่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าได้คบกับผมมันเท่ตรงไหน นี่เธอคงคิดสินะ ว่าจะจับผมอยู่หมัด ... ฝันไกลไปล้านปีแสงแล้วครับ น้องจอย !!




“เอ๊ย นายหัวโป้ ทำไมมานั่งอยู่นี่ครับ ทำไมไม่เข้าเรียน” เสียงของเพื่อยร่วมก๊วนผมครับ ที่เดินออกมาพร้อมกับปากที่คาบบุหรี่ เดินพ่นควันในสถานที่ราชการ โดยไม่คำนึงถึงคณาจารย์และภารโรงเลย

ไอ้นี่มันชื่อเอกครับ ที่จริงเป็นรุ่นพี่ผม แต่ว่าเรียนหลายปีหน่อย ด้วยหลายๆเหตุผล ก็เลยมาอยู่ร่วมก๊วนกับผม  ผมจะเรียกแกว่าพี่ครับ และจะพูดเพราะกับแกหน่อย เพราะนับถือความอาวุโส

“ก็จะให้เพราะอะไรละ  ตามไปเฝ้าเด็กใหม่อยู่อ่ะดิ” ไอ้โอ๊ตครับ เจอหน้าไม่ได้ แขวะผมอีกแล้ว

“ไรวะ นายหัวโป้ ได้เด็กใหม่อีกแล้วเหรอ ไม่บอกเพื่อนฝูงนะมึง” คนนี้ชื่อบ่าวครับ หน้าตาบ้านๆแบบคนใต้ แต่นิสัยจริงใจ ถึงไหนถึงกันครับ

“เด็กใหม่อะไรกัน กูไม่ไวไฟขนาดนั้น” ผมบอกพวกมัน

“คนนี้คงเอายากวะ หยิ่งระดับพระกาฬ” ไอ้โอ๊ตพูดเสริม

“ไปได้ทีไหนมาอีกวะ คราวนี้ชายหรือหญิง แล้วน้องจอยของมึงละ” อีกคนในกลุ่มครับ ชื่อว่าไอ้โดม หน้าตาโอเคเลยละครับ แต่ติดที่มันจะเรียบร้อยหน่อย  จะว่าไปเพื่อนๆในกลุ่มของผมส่วนมากหน้าตาโอเคทั้งนั้นครับ ขนาดไอ้บ่าวยังดูหล่อคมแบบไทยๆเลย  ไมได้เลือกจะคบนะครับ แต่พอคุยแล้วมันถูกคอ เลยคบหากัน เมื่อตอนปีหนึ่ง ปีสอง มีแต่คนหมั่นใส้กลุ่มพวกผมครับ เพราะพวกเราทั้งฮอต ทั้งเท่ แต่พอเป็นรุ่นพี่สุดในวิทยาลัย ก็เลยไม่มีใครกล้าแหยมเท่าไหร่

“ผู้ชายวะ รุ่นน้องไอ้เอ็มมัน” ผมบอกไอ้โดม

“หยิ่งระดับพระกาฬเลยเหรอวะไอ้โอ๊ต” ไอ้พี่เอกถามย้ำกับไอ้โอ๊ต

“พี่ยังไม่เจอ ถ้าพี่เจอแล้วพี่จะอึ้ง ผมนี่โดนตอกกลับมาหน้าหายมาสองครั้งแล้ว พูดแล้วก็เจ็บใจ” ผมหันไปบอกไอ้พี่เอก

“ท่าจะเจอคู่มวยที่น่าสนใจแล้วไงมึง” ไอ้บ่าวพูดเสริม

“แต่กูว่าถ้ามึงแค่เล่นๆ ก็อย่าไปอะไรมากเลยเว๊ย สงสารเด็กเค้า กี่รายแล้วที่มึงฟันแล้วทิ้งมา” ไอ้พี่เอกพูดกับผม

“เอ๊ยพี่ อย่ามาหลอกด่าผมอย่างนั้นสิ ผมฟันเพราะผมรักเค้านะ ไม่ได้ฟันแค่อารมณ์หื่น”

“รักเหรอวะ เชื่อตายแหละกู ฮ่าๆๆ”  หลังจากจบประโยคของพี่เอก ก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากเพื่อนในกลุ่ม มีเพียงแต่ไอ้โอ๊ต ที่ยืนมองหน้าผมแน่นิ่ง ไม่พูดไม่จาอะไร




“ไปกินข้าวกันเถอะ หิวแล้ว”  เพื่อเป็นการตัดบท ผมเลยชวนพวกมันไปกินข้าวกัน







แล้วตอนเย็นวันนั้น ผมและกลุ่มเพื่อนผมก็ไปนั่งรอรับน้องจอยที่หน้าอาชีวะเหมือนที่บอกน้องเขาไว้ ที่จริงผมมารับคนเดียวก็ได้ครับ แต่ที่ตามมา มันก็คงต้องการอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านกันบ้าง ไม่ใช่สิ่งของอะไรหรอกครับ สาวๆแถวนี้แหละ


“พี่โป้ รอนานยังคะ” น้องจอยทักเสียงใส่มาแต่ไกล เธอเดินมากับกลุ่มเพื่อนสาวของเธอ ก็มีคนน่ารักเยอะนะครับ แต่ผมว่าน้องจอยน่ารักสุด

“ไม่นานค่ะ พี่เพิ่งมา แล้ววันนี้อยากไปไหน”  ผมถามพร้อมกับเอามือไปจับมือเธอมาลูกเล่น เป็นการทักทายตามประสาผม

“ไปเดินเล่นห้างดีมั๊ย จอยอยากช็อป” เอากับเธอสิครับ ผู้หญิงนี่จะคิดอะไรนอกเหนือจากช็อปปิ้งได้บ้างเนี่ย

“อืม ได้” ไอ้ผมก็ไม่อยากปฎิเสธ






แต่การเดินห้างของพวกผมมันก็ดูยิ่งใหญ่นะครับ ก็กลุ่มเพื่อนผมมันก็มาด้วย และกลุ่มเพื่อนน้องจอยก็มาด้วยเช่นกัน แต่พวกมันก็แยกย้ายกันเดินตามทางของพวกมัน มีแต่ผมกับน้องจอยมั้งครั้บ ที่เดินจับมือเกาะแขนกัน ที่จริงผมไม่ได้เป็นคนจับ คนเกาะนะครับ น้องจอยต่างหาก คงอยากแสดงความเป็นเจ้าของกับผม เอาไปเถอะครับ ช่วงโปรโมชั่น หลังจากหมดช่วงนี้ จะทำอะไรแบบนี้ยากแล้ว ผมเข้าใจ


“พี่โป้ว่า อันนี้ กับอันนี้อะไรสวยกว่าคะ” เธอพูดพร้อมกับหยิบส้อยคอระย้าห้อยมากมายให้ผมดู

“สวยทั้งสองอันนั้นแหละคะ” เลือกยากจริงๆครับ ของผู้หญิง

“แต่จอยว่าอันนี้สวยกว่านะ” เอากับเธอสิ ผู้หญิงนี่มีความลังเลในชีวิตสูงนะครับผมว่า

“ก็เอาอันนี้ครับ เอาอันนี้ครับพี่” ผมเลือกที่จะตัดบท โดยหยิบอันที่เธอว่าสวยกว่าส่งให้แม่ค้า พร้อมกับยื่นเงินไปจ่าย เพราะถ้าปล่อยให้เธอลังเลอีก วันนี้ผมคงไม่ได้ออกจากร้านนี้

“พี่โป้อ่ะ ใจร้อน จอยยังอยากได้อีกหลายอันเลย” เธอบ่นแบบงอนๆครับ

“ไว้คราวหน้าค่อยมาดูอีกก็ได้ เดี๋ยวแบบใหม่ๆก็มา” ผมบอกพร้อมกับพาเดินออกมานอกร้าน ซึ่งตอนนี้กลุ่มเพื่อนผม กับเพื่อนน้องจอยก็เดินหายไปกับกลุ่มคนในห้างตอนนี้แล้ว

ผมพยายามกวาดสายตาหาพวกมัน เพราะอยากเดินคุยกับพวกมันบ้าง เดินกับน้องจอยแล้วน่าเบื่อ อะไรก็เป็นผู้หญิงไปซะหมด  แต่ไม่รู้ว่าสายตาผมดีเกินไป หรือจิตใจที่จับจ้องอยู่กับเรื่องนั้น ทำเอาผมพบกับบุคคลที่ไปนั่งรอเมื่อเช้าเข้าอย่างจัง




“น้องน้ำมนต์” ผมพูดออกมาเบาๆ

“อะไรนะคะ พี่โป้”  น้องจอยถามผม

“เปล่าครับ น้องจอยอยากเข้สห้องน้ำมั๊ย”

“ก็ดีค่ะ จอยอยากเข้าไปเติมแป้งนิดหน่อย” เธอพูดบอกผม พร้อมกับเดินนำไปทางเข้าห้องน้ำ

“งั้นพี่ยืนดูของอยู่แถวนี้นะ” ผมบอกเธอ แต่สายตายังหันไปมองที่น้องน้ำมนต์อยู่

“ค่ะ อย่าไปไหนละ จอยไม่อยากเดินคนเดียว”  เธอพูดพร้อมกับจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำต่อไป  ผมก็หันหลังให้เธอแล้วเดินตามน้องน้ำมนต์ไป







“น้องหญิง” ผมเลือกที่จะทักเพื่อนของน้องน้ำมนต์ เพราะรู้ดีว่าต้องได้การตอบกลับจากเธอ

“อ้าว พี่ปีโป้” เธอหันมา พร้อมกับน้องน้ำมนต์ และน้องช้างน้อย

“มาเดินเล่นเหรอครับ” ผมถามน้องหญิง แต่สายตาก็หันไปมองปฎิกิริยาของคนตัวสูงที่ยืนเบือนหน้าหนีอยู่

“ค่ะ มาเดินเล่น แล้วก็มาเดินซื้อสีและอุปกรณ์วาดรูปนิดหน่อย”

“แล้วพี่ปีโป้ละคะ มากับใคร มาทำอะไร” เป็นน้องช้างน้อยครับ ที่สนใจอยากจะคุยกับผม  ทำไมไม่ใช่อีกคนนะ

“พี่มากับเพื่อนครับ แต่ตอนนี้ไม่รู้เดินหายกันไปไหนหมดแล้ว ให้พี่เดินด้วยได้ไหม” ผมบอกพร้อมกับตั้งคำถามมัดมือชก  น้องน้ำมนต์หันมามองหน้าผมแบบไม่เต็มใจนัก

“ได้คะพี่ปีโป้ ถ้าไม่กลัวแฟนๆของพี่จะเข้าใจผิด” น้องช้างน้อยเป็นคนตัดสินใจครับ

“งั้นเราไปเดินเลือกของก่อนนะ พวกเธอเดินเล่นกับพี่เค้าไปละกัน” น้องน้ำมนต์พูดแล้วครับ แต่เป็นการพูดเพื่อจะปลีกตัว

“ได้ไงน้ำมนต์ เดินด้วยกันก่อน” น้องหญิงทักท้วงขึ้น

“ใช่น้ำมนต์ เดี๋ยวไปเดินซื้อด้วยกันก็ได้” น้องช้างน้อยช่วยอีกแรง

“อืม งั้นก็ไปกันเถอะ เสียเวลามาเยอะแล้ว” เชื่อแล้วครับ ว่าหยิ่งระดับพระกาฬมันเป็นยังไง แค่ผมเข้ามาทักทายเนี่ยนะ เรียกว่าเสียเวลา อะโด่เอ๊ยย





แต่เพื่อไม่ให้การเดินห้างกับน้องน้ำมนต์ติดขัด ผมเลยต้องจัดการกับคนที่มากับผมซะก่อน

“ฮัลโหล ไอ้โอ๊ต มึงอยู่ไหน” ผมโทรหาไอ้โอ๊ตครับ

“อยู่ชั้นโรงหนัง พวกนี้มันมาเล่นเกม มึงมีไร”

“มึงลงมารับน้องจอยไปส่งหอหน่อยดิ ตอนนี้น้องเค้าอยู่ห้องน้ำหญิงชั้นสอง”

“เอ๊ย แล้วมึงละ ติดอะไรขึ้นมาอีก”

“พอดีกูเจอน้องน้ำมนต์ จะไปเดินห้างกับน้องๆเค้า มึงช่วยกูหน่อยนะ”

“เดือดร้อนกูอีกแล้วนะมึง”

“บอกน้องจอยดีๆละ อย่าให้เค้างอนกู บอกว่าคืนนี้เดี๋ยวกูไปหา แค่นนี้นะ”   เสร็จไปหนึ่งเรื่องครับ ดีนะ ที่มีเพื่อนที่ช่วยได้ทุกอย่างแบบไอ้โอ๊ต ไม่งั้นต้องโดนน้องจอยเหวี่ยงเอาแน่ๆ





“คุยกับใครค่ะ พี่ปีโป้” ช้างน้อยถามขึ้น

“กับเพื่อนนะครับ ฝากมันจัดการธุระนิดหน่อย” ผมตอบไป

“ฮัลโหลค่ะแม่” เสียงน้องหญิงรับโทรศัพท์ครับ

“อ๋อ ค่ะ ตอนนี้เลยเหรอคะ    แต่หญิงมาเลือกของกับเพื่อนอยู่   คะ งั้นหญิงไปดูให้ก่อนก็ได้คะ”  พวกเราทั้งหมดยืนลุ้นกับการสนทนาของน้องหญิง



“น้ำมนต์ เราคงไปเดินเลือกซื้อของกับน้ำมนต์ไม่ได้แล้วละ แม่โทรมาให้เราไปเอาของที่บ้านญาติไปให้” น้องหญิงหันไปพูดกับน้องน้ำมนต์

“เหรอ งั้นก็ไม่เป็นไร เราไปกับช้างน้อยก็ได้”

“ได้ไง ชั้นมากับหญิง ชั้นก็ต้องกลับพร้อมกับหญิงสิ บ้านชั้นอยู่ใกล้นางนะ” ช้างน้อยพูดขัดขึ้น

“งั้นเราก็ไปเลือกคนเดียวก็ได้ เดี๋ยวค่อยเลือกไปเผื่อ”

“เดี๋ยวพี่ไปเดินเลือกเป็นเพื่อนครับ” คงเป็นจังหวะที่ผมจะพูดแทรกเข้าไปได้นะครับ  หรือไม่ได้ ถึงมองหน้ามาทางผมแบบนั้นทั้งสามคน

“ดีเลยค่ะ หญิงฝากพี่ปีโป้ช่วยเดินเป็นเพื่อนน้ำมนต์ด้วยนะคะ” ขอบคุณน้องหญิงมากที่เห็นดีเห็นงาม

“ไม่เป็นไรหญิง เราว่าเราเดินคนเดียว เราหายใจคล่องกว่า”

“แรงนะยะ น้ำมนต์ พูดอย่างกับพี่ปีโป้เค้าเป็นตัวเชื้อโรค”  เอ่อ ผมยังคิดได้ไม่ไกลเท่าน้องช้างน้อยเลยนะเนี่ย

“เอาหน่า น้ำมนต์ ซื้อเยอะอยู่ ให้พี่แกไปช่วยถือก็ดี” นั่นไงครับ เห็นคุณค่าจากเด็กช่างอย่างผมยัง น้องหญิยังมองเห็นเลย

“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ น้องน้ำมนต์ พี่เต็มใจ” ขอแสดงตัวหน่อย เดี๋ยวเค้าจะหาว่าผมโดนบังคับไป

“ฝากน้ำมนต์ด้วยนะคะ หญิงไปก่อนละ ไปกันช้างน้อย” น้องหญิงพูดจบก็เดินออกไปอย่างฉับไวกับน้องช้างน้อย




ส่วนน้องน้ำมนต์ก็เช่นเดียวกัน เดินทิ้งระยะห่างผมไปไกลแล้ว นี่ผมต้องมาเดินตามต้อยๆ เด็กศิลป์ที่เสื้อช็อปเปื้อนสี ผมยาวประบ่า แต่หน้าตาดีคนนี้เหรอนี่ ดูเดินไปสิ คนมองเต็มเลย



“น้ำมนต์ รอพี่ด้วย” ผมตะโกนบอก  และเธอก็หันกลับมามองผม

“เราว่าถ้านายมีธุระอย่างอื่นจะไปทำ ก็ไปทำเถอะ เราเดินซื้อของคนเดียวได้”

“ไม่เป็นไร พี่อยากเดินเป็นเพื่อน”

“แต่เราอยากเดินคนเดียวมากกว่า”

“ทำไมละ เกียจชังอะไรพี่นักหนา นี่เราเพิ่งรู้จักกันเองนะ”

“ไม่ได้เกียจชัง คนที่เค้าเพิ่งรู้จักกัน เขาต้องแสดงมิตรภาพ ไม่ใช่การข่มขู่” เอาเข้าแล้วไงครับ  ซัดกันไปมากลางห้างซะแล้ว

“ก็พี่บอกแล้วไง พี่ขอโทษ ที่พี่ทำไปเมื่อวาน”  เด็กคนนี้นี่ ต้องให้พูดอีกสักกี่รอบ

“นายเคยได้ยินคำว่า ประทับใจแรกพบไหม ซึ่งนายไม่มี แล้วเราก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องรู้จักกัน”

“จำเป็นสิ นี่ทำไมกูต้องมาเถียงอะไรไร้สาระแบบนี้ด้วยนี่ เอ๊ยไม่สิ พี่ว่าเราไปซื้อของกันเถอะ” ผมเริ่มจะปวดหัวแล้ว พูดดีๆกันไม่ได้หรือไง

“ถ้ามันลำบากมากในการแทนตัวเองว่าพี่ เราว่านายก็พูดมึงกูกับเราก็ได้นะ มันน่าจะโอเคกว่าสำหรับนาย”

“เออ ก็ดี กูก็ชอบ ไม่อึดอัด”

“เถื่อน !!!!”  น้องน้ำมนต์ด่าผมออกมาคำนึง ก่อนจะเดินหนีผมไป





เอ้า นึกว่าชอบเถื่อนๆซะอีก  ไรว้า เอาใจยากชะมัด !!!!




...

มาสองตอนเลยวันนี้ ,,, เม้นเยอะๆๆๆๆ

 :call: :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 27-09-2011 23:32:42
จิ้มไว้ก่อน พ่อสอนไว้ ^^


อีปีโป้ เถื่อน!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: kslave ที่ 27-09-2011 23:43:16
ฮ่าๆๆๆ ตลกนายโป้จริงๆ ขึ้นมึงกูกันเลยทีเดียว  :laugh:
เชื่อจริงๆล่ะว่าพ่อคุณไม่เคยจีบใครขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 27-09-2011 23:52:12
เด็กช่าง เด็กศิลป์ อารมณ์อาร์ต+ช่าง จะแบบโรแมนติกปนดิบๆ เถื่อนสินะ
เป็นกำลังใจให้คะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:2
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 27-09-2011 23:59:21
โป้เอ๊ย  น่าฉงฉาน กูมึงกันเลยทีเดียว
น้ำมนต์น่ารักที่สุด ม๊วบๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 28-09-2011 00:44:11
ปีโป้เอ๋ย จะจีบคนที่ดูหยิ่งๆ ต้องอดทนกว่านี้นะจ๊ะ เถื่อนแบบนี้ ชาตินี้มันจะจีบติดมั้ยยย  :z10:
(แต่ใจคนอ่านโคตรหวงน้ำมนต์เลยอะ ไม่อยากให้คู่กับปีโป้แล้ว  มันโหดเกิ๊นนน  กลัวน้ำมนต์จะช้ำ เง้ออออ  :m15: )
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 28-09-2011 01:35:04
หยิ่งไว้น้องน้ำมนต์ ไอ่พี่โป้มันจะได้รู้ว่า ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 28-09-2011 01:51:56
ย่องมาอ่านตอนดึกๆๆ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 28-09-2011 02:02:01
กดไลค์ น้ำมนต์    สิบ ครั้ง ง ง ง 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 28-09-2011 02:25:50
เด็กช่างกับเด็กอาร์ท น้ำมนต์นี่ก็อาร์ทได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-09-2011 14:50:00
ลงกฏไม่ครบข้อ  ขอล๊อคกระทู้ไว้ก่อนนะคะ

เจ้สอง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 3.2 ย่องอัพตอนดึก -27/9/11-11:20-
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 01-10-2011 17:02:16
ปลดล็อคยังหว่าาา
หัวข้อ: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 4 ยิ่งอ่าน ยิ่งเม้น ยิ่งอัพ 1/10/11-10:28
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 01-10-2011 22:41:09
โอ๊ยย บอร์ดโดนล็อคไป 3 วัน นักเขียนใจจะขาดรอนๆ ไม่ได้อัพให้นักอ่านอ่านกัน .. ต้องขอประทานโทษด้วย พอดีผิดที่นักเขียนไม่ได้อัพเดตกฎของเล้า เลยโดนล็อคไปตามระเบียบ .. แต่เมื่อได้กลับมาแล้ว ก็อยากฝากไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจอีกครั้ง ..

จะอัพทุกวันเพื่อเป็นการไถ่โทษ ..  :กอด1: :กอด1:



ตอนที่ 4  สองคนกลางห้าง .. ชื่อฉ่ำกระหน่ำจีบ


ผมละไม่เข้าใจไอ้เด็กช่างกล นายปีโป้นี่จริงๆ  ว่าต้องการอะไรจากผมนัก แล้วดูสิ ไปสนิทกับหญิง กับช้างน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องมาเดินห้างกับนายคนนี้อีก ..

“นี่ รอก่อนดิ” เสียงของนายปีโป้ตะโกนไล่หลังผมมาครับ ไอ้ผมก็รีบที่จะสาวเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

“กูบอกให้มึงหยุดไง”  บทสนทนาเถื่อนๆ พร้อมกับใบหน้าพยามเถื่อนของนายปีโป้ วิ่งมาดักหน้าผมแล้ว ใช่สิ ขายาวกว่าผมนี่

“หลีก”

“ไม่ !!!”

“ทำไมต้องตะโกน”

“ก็อยากให้เชื่อฟังบ้างนี่”

“คิดว่าเสียงดังแล้วจะเชื่อฟังงั้นเหรอ”

“ก็ไม่คิด แต่จะทำ”

“เถื่อนจริงๆ หลีก”

“เดี๋ยว พูดกันดีๆบ้างไม่ได้หรือไง” ปีโป้พูดพร้อมกับดึงมือผมไว้ ในขณะที่ผมกำลังจะพยายามเดินหนี

“ได้ แต่ปล่อยมือก่อน” ผมบอกนายปีโป้ พร้อมกับพยายามบิดมือให้หลุด

“เขินเหรอ” ดูที่ช่างถามมาครับ ไม่อายปากเลย แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก ต้องการสื่ออะไรมิทราบ

“เปล่า แต่ไม่ชอบ” ไม่ได้เขินจริงๆ ผู้ชายจับมือผู้ชายด้วยกันทำไมต้องเขิน แค่มันรู้สึกแปลกมากกว่า หรือพวกคุณว่าไม่แปลก

“ถ้าปล่อยแล้วพูดดีๆกับกูด้วยละ” ดูประโยคที่จะให้คนอื่นเขาพูดดีด้วยสิครับ

“อืมม” ผมรับปากส่งๆไป ยังไงก็อยากให้มันปล่อยมือก่อน

“อ่ะ ปล่อยละ” นายปีโป้พูดพร้อมกับปล่อยมือ ก่อนที่จะยกมือข้างที่จับกับมือผมเมื่อครู่ขึ้นไปดม

“มือหอมจัง ขนาดเป็นเด็กศิลป์ มือทั้งหอม ทั้งนุ่มเลยนะเนี่ย” นายปีโป้พูดออกมาด้วยสีหน้าหื่นกาม เห็นแล้วอยากจะต่อยหน้าจริงๆ

“โรคจิตป่ะเนี่ย” ผมถามไปอย่างสงสัยจริงๆ

“โรคจิตอะไรจะหล่อขนาดนี้”

“หลงตัวเอง”

“หลงรักตัวเองด้วยนะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอานิ้วมาชี้ที่ผม ซึ่งจะให้ความหมายว่ากำลังหลงรักผมอยู่

“โอ๊ย อยากจะบ้า  จะไปไหนก็ไปเลยไป เราจะไปซื้อของ” ผมชักจะทนไม่ไหวกับคนเจ้าเล่ห์คนนี้แล้วจริงๆ ทำไมหญิงกับช้างน้อยไม่คิดบ้างนะ ว่าเราจะไม่ปลอดภัยมากว่าจะสุขสบาย ถ้าอยู่ใกล้คนแบบนี้

“ก็บอกว่าจะไปด้วย” นายปีโป้พูดพร้อมกับทำท่าจะเอามือมาจับมือผมอีก ดีที่ผมเร็วกว่า รีบซ่อนมือไว้ทัน

“เร็วจริงนะ” นายปีโป้แอบแซวผม

“จะไปด้วยให้ได้ใช่ไหม”

“ครับ” ผมอยากจะขำกับคำว่าครับจากปากเด็กช่างคนนี้ คิดจะพูดเพราะก็พูดออกมา

“แหนะ ยิ้มแบบนี้อารมณ์ดีแล้วอ่ะดิ”  ยังไม่เลิกที่จะแซวผมครับ

“เปล่า”

“เปล่าแล้วยิ้มทำไม”

“อย่าซักไซ้อะไรมากได้มั๊ย ถ้าจะไปด้วยก็เดินห่างๆเราไว้ และก็ไม่ต้องพูดอะไรมากด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปหาแฟนของนายเสีย” ผมพูดบอก อีกคนตั้งใจฟังจนรู้สึกผิดสังเกต  เมื่อไม่เห็นอีกคนมีปฎิกิริยาที่จะขัดอะไร ผมก็เลยเดินนำไปที่ร้านเครื่องเขียนของห้าง






แต่เปล่าครับ ไม่ใช่ว่าที่เงียบนั้นคือความเข้าใจ แต่ที่เงียบนั้นคือไม่ยอมรับเงื่อนไขต่างหาก ผมละอยากจะบ้า อยากดิ้นให้ตายกลางห้างนี้ให้ได้

“บอกว่าอย่ามาเดินใกล้”

“ห้างมันแคบ คนมันเยอะ”  ดูข้ออ้างของเขาครับ






กว่าจะมาถึงร้านเครื่องเขียนได้ คนที่เดินข้างผมมาตลอดทาง ที่เผลอๆผมคิดว่าเป็นคนบ้าคนนี้ ก็ดูสิครับ เดินยิ้มมาตลอดทาง แล้วท่าทางการเดินที่ต้องเข้ามาชิดกับผมแทบจะแนบเป็นเนื้อเดียวนั่นอีก ทั้งที่ทางออกจะกว้างขวาง คนก็ไม่ได้เยอะอย่างกับตอนห้างลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์อย่างที่อ้าง  แต่ก็ไม่อยากจะหยุดเถียงไปให้มากกว่านี้ แค่นี้ก็เสียเวลามากแล้ว





“จะมาซื้ออะไรเหรอ”  นายปีโป้ถาม

“สี กระดาษ ฟู่กัน   ดินสอวาดรูป ที่ผสมสี แล้วก็ ..”

“พอๆ เยอะแยะแค่นี้จะถือไหวได้ไง ดีนะที่กูมาด้วย ไม่งั้นมึงแบกคนเดียว มือช้ำหมดแน่ๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอามือมาลูบที่ฝ่ามือผมไปด้วย เอาอีกแล้วไอ้คนนี้ เผลอไม่ได้จริงๆ

“ถ้าแตะต้องตัวเราอีก เราจะไม่เกรงใจแล้วนะ” ถึงไม่เก่งการต่อสู้มากนัก เพราะไม่ชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหา แต่คำว่าไม่เกรงใจแล้วนะ ของผมก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องชกหน้า หรือว่าต่อยหน้าท้องเสมอไป

“โห โหดจังเลย” คำพูด น้ำเสียง และสีหน้าของนายปีโป้ ไม่มีความกลัวบนใบหน้า อย่างกับประโยคที่พูดออกมาเลย กลับแสดงอาการตรงกันข้าม .. มันช่างกวนยิ่งนัก





“นายช่วยไปเอาตะกร้ามาให้หน่อยสิ” ผมพูดบอกนายปีโป้ เมื่อเดินหยิบของจำเป็นหลายอย่างจนจะเต็มมือ

“ได้ครับ นายท่าน” ดูครับ ยังไม่เลิกกวน





“มาแล้ว”

“อืม ขอบใจมาก” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจะหยิบตะกร้าที่นายปีโป้เอามาให้

“ปล่อยสิ” ผมพูดย้ำอีกที เมื่อออกแรงจะดึงตะกร้ามาถือเอง แต่นายปีโป้ไม่ปล่อยให้

“ไม่ปล่อย เดี๋ยวกูถือเอง มึงเดินเลือกไปเถอะ เอาอะไรก็ใส่มาในนี้” นายปีโป้พูดพร้อมกับทำหน้ายิ้มๆให้ผม

“แต่เรา ..”

“อย่าเถียงไรมากได้มั๊ย มัวแต่เถียงกันไปเถียงกันมา จะเลือกซื้อเสร็จไหมวันนี้”  อ่าว โดนดุซะงั้นผม

“ก็ใครกันละ ..”

“ยังไม่หยุดอีก เดี๋ยวก็จูบปากให้” 

“..”  เงียบสิครับผม ไม่ใช่ว่ากลัวที่จะมาจูบปากผมนะครับ แต่รู้สึกขยะแขยงที่ผู้ชายด้วยกันจะมาจูบปากกันในที่สาธารณะชนแบบนี้ และผมคิดว่านายปีโป้ก็คงไม่ได้ขู่ด้วย  ถ้าทำจริงขึ้นมา ผมคงไม่กล้ามาเดินห้างนี้อีกเลย






ผมเดินเลือกซื้อของจนเกือบจะหมด ขาดแค่เพียงกระดาษที่จะซื้อเป็นอย่างหลังสุด เพราะมันถือลำบาก ขอที่ซื้อดูไปดูมาก็เยอะจริงๆครับ เพราะผมต้องซื้อเผื่อสองคนนั้นด้วย หันไปดูคนที่เดินตามมาด้วย ถือจนหนักเชียวครับ ก็ตะกร้าเดียวพอซะที่ไหน ตอนนี้สองตะกร้าใหญ่ๆเลยครับ ถ้ามีรถเข็นในร้านนี้ คงได้เข็นกัน




“ซื้อจะหมดร้านแล้ว”  เสียงเหน็บเล็กๆจากด้านหลังผม

“หนักเหรอ” ผมหันถามด้วยสีหน้าดูถูก

“เปล๊า แค่นี้จิ๊บจ๊อย”  แล้วนายปีโป้ก็ตอบกลับมาเสียงสูง หน้าตากวนๆ

“ยังต้องซื้ออีกสองตะกร้าใหญ่ๆเลยนะ”

“หา !!!”

“ฮ่าๆๆ” ผมหลุดขำออกมา เมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าที่บอกว่าไหว เมื่อได้ยินว่าผมจะซื้อของเยอะกว่านี้เป็นสองเท่า






“น้ำมนต์”

“หือ”  เป็นอะไร อยู่ๆก็มาเรียกซะเต็มยศ

“หัวเราะบ่อยๆนะ เวลามึงหัวเราะ โคตรน่ารักเลย”  นายปีโป้พูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ เล่นเอาผมต้องหลบสายตาของเขา  บอกไม่ถูกเหมือนกันครับว่ารู้สึกอย่างไร แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีคนชมว่าผมหัวเราะน่ารัก อาจเป็นเพราะว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะก็ได้



“เป็นไรหรือเปล่า โกรธกูอีกเหรอ”

“เปล่า ไปที่โซนกระดาษกันเถอะ” ผมพูดบอก ก่อนที่จะเดินนำไปที่โซนกระดาษ








แล้วผมก็เลือกซื้อของสำหรับโปรเจคงานศิลปะที่จำต้องทำให้เสร็จก่อนจะสิ้นเดือนนี้ นี่ยังแค่เริ่มต้น เพราะยังไงผมกับเพื่อนก็ต้องเหนื่อยกันอีกเยอะ

“โห เยอะขนาดนี้มึงจะถือไปหมดได้ไง” นายปีโป้ถามผม ไม่รู้ทำไมได้ยินคำว่ามึงกู แล้วรู้สึกตะหงิดๆ แต่จะบอกให้นายปีโป้พูดเพราะกับผม ก็คงไม่ใช่เรื่อง เพราะมันเป็นนิสัยส่วนตัวของแต่ละคน

“หมดสิ เดี๋ยววางบนรถสองแถวไป” ผมตอบไป

“จะบ้าเหรอ มึงจะเหมาสองแถวหรือไง วางแบบนี้ก็เต็มรถเขาพอดี”

“งั้นก็ไปวินก็ได้ เอาหน่า เราไปของเราได้อยู่แล้วละ”

“ไม่เอา”  งงเลยครับ จู๋ๆ นายปีโป้ก็พูดว่าไม่เอา แถมพอผมทำท่าจะเอาถุงทั้งหมดมาถือเพื่อแยกย้ายกันกลับ กลับไม่ให้ผมอีก

“อะไรของนายอีก เร็วๆ เรารีบกลับบ้าน” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะแย่งถุงทั้งหมดมาถือเอง

“เดี๋ยวกูไปส่งเอง” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินนำผมไป



นี่คือการบังคับให้ผมต้องตามไปใช่ไหม และคือการสมยอมให้นายไปส่งที่บ้านใช่ไหม โอ๊ย ประสาทจะกินหัวกับไอ้เด็กช่างคนนี้ !!!






“บ้านอยู่แถวไหน” มาถึงรถแล้ว นายปีโป้ก็เริ่มถามทันที

“ไม้หลา”

“หา !!!”   ตกใจเลยละสิ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ว่าบ้านผมไม่ได้อยู่ในเมือง แต่อยู่อีกอำเภอนึง แต่ไม่ไกลจากเมืองมากนัก (สถานที่เกิดเรื่องคือจังหวัดนครศรีธรรมราช)



“ไกลแบบนี้ ไม่อยากไปส่งแล้วใช่มั๊ยละ งั้นเอาถุงมา จะกลับเอง”

“ใครบอกละ ไกลแบบนี้แหละที่ต้องไปส่ง ค่ำขนาดนี้แล้วจะมีรถกลับไหมก็ไม่รู้ แล้วนี่กว่าจะได้ไปต่อรถ กว่าจะไปถึงบ้านก็ดึกดื่นอีก อันตรายรู้ไหม คนอะไรเดินเลือกของไม่รู้เวล่ำเวลา”  อ้าว โดนดุซะงั้นผม

“ก็ใครกันละ ที่มาชวนเถียง มาถ่วงเวลาเรา” ผมขอเถียงบ้าง

“เออ กูก็ได้ ยอมรับผิดเอง เพราะถ้าเถียงกันไปมา มึงได้นอนหอกูแน่”  นายปีโป้ตัดบทจบซะงั้น เล่นเอาผมตามเกมไม่ทันเลย ก่อนที่นายปีโป้จะเอาขอไปส่ตะกร้ารถของเขา และก็เอาทีเหลือมาให้ผมถือ อ่อ นายปีโป้ยังไม่ลืมที่จะเอาหมวกกันน็อคมาให้ผมใส่ด้วย

“แล้วของนายละ” ผมถามเมื่อเห็นว่ามีหมวกแค่หนึ่งใบ

“ไม่เป็นไร กูหัวแข็ง เอ๋อไม่แดกกูหรอก รีบขึ้นมา”  เชื่อแล้วครับว่าเด็กช่าง ไม่เห็นต้องเถื่อนขนาดนี้ก็ได้







และด้วยการเป็นสิงห์นักบิด หรือเป็นเด็กแว๊นประจำซอย หรือว่าเป็นนักแข่งมอเตอร์คอสอะไรก็แล้วแต่ละครับ ที่ทำให้ผมมาถึงบ้านไวกว่าที่คิด เวลาที่เคยเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็มาถึงนี่แค่สิบห้านาที ด้วยฝีมือการขับหลบหลีกการจราจรที่ติดขัดในช่วงไพร์มทามของถนน และการบิดมากกว่าแรงม้าของนายปีโป้  ขอบคุณหมวกกันน็อคที่นายปีโป้เสียสละมาให้ ไม่เช่นนั้นผมคงไม่มีสิ่งของใดยึดกายแทนใจเลย





“หลังนี้แหละ” ผมบอกนายปีโป้ พร้อมกับความเร่งในการเคลื่อนที่ของรถมอเตอร์ไซค์ที่น้อยลง จนหยุดในที่สุด

“หลังนี้นี่นะ” นายปีโป้ถามเสียงสูงอย่างสงสัย เมื่อเห็นสภาพบ้านชั้นเดียวที่ปลูกเอาไว้ไกลจากบ้านคนอื่นๆพอสมควร และเป็นแค่บ้านไม้สองชั้นที่มีใต้ถุนธรรมดา สภาพผุพังและเต็มไปด้วยการซ่อมแซมมากมายหลากหลายจุด

“อืม ลงมากินน้ำก่อน” ผมยืนยันกับคนมาส่งอีกครั้ง ก่อนจะเชื้อเชิญให้มากินน้ำตามมารยาท


ผมพานายปีโป้มานั่งที่ใต้ถุนของบ้าน ซึ่งมียายกำลังนั่งดูละครอยู่

“ยายครับ กลับมาแล้วครับ” ผมทักเรียกยาย ก่อนจะวางของต่างๆไว้บนแคร่ แล้วโผเข้าไปกอดยาย

“กลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับช้าจังละลูกวันนี้”  ยายกอดผมตอบ พร้อมกับลูบหัวทักทายผมอย่างเช่นทุกวันที่เคยทำ

“พอดีวันนี้น้ำมนต์ต้องไปซื้อของอ่ะครับ เลยกลับเย็นหน่อย ยายกินอะไรหรือยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วลูก แล้วนั่นใครละ ทำไมไม่ชวนเข้าบ้าน” ยายตอบผม ก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่ามาด้วย พอเจอยาย แล้ลเผลอลืมซะงั้น



“นายปีโป้ ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม เข้ามาข้างในสิ” ผมเรียกอีกครั้ง พร้อมกับกวักมือเชื้อเชิญ

“สวัสดีครับ” นายปีโป้ยกมือไหว้ยายผม เออ ดีแฮะ มือไม้อ่อน ดูดีขึ้นเยอะ

“นั่งก่อนสิลูก เพื่อนน้ำมนต์เหรอ ทำไมยายไม่เคยเห็น”

“เอ่อ เพื่อนรุ่นพี่ที่สาขาอ่ะครับ” ผมตอบพร้อมกับยื่นขันน้ำที่เพิ่งเดินไปตักมาให้ ไม่รู้จะให้บอกว่ายังไง เพราะเป็นเพื่อนกันเหรอ ก็ไม่น่าจะใช่เท่าไหร่

“ยายน้ำมนต์นี่ยังดูสาว ยังดูสวย ยังดูแข็งแรงอยู่เลยนะครับเนี่ย” นายปีโป้เริ่มคุยเล่นกับยายแล้วครับ

“แหม ชมคนแก่นะลูก ยายแก่แล้ว จะให้สวยเหมือนสาวๆสมัยนี้คงไม่ใช่แล้ว”

“ไม่จริงครับยาย  นี่ถ้าผมเจอยายตอนสาวๆ ผมจีบยายแล้วนะครับเนี่ย”

“แหม ที่ปากหวาน ลูกก็หน้าตาหล่อเหลาใช่เล่น แฟนคงสวยมากละสิท่า”

“ยังครับยาย ผมยังไม่มีแฟนเลย กำลังจะจีบอยู่”  นายปีโป้พูดพร้อมกับหันหน้ามามองทางผม

“อย่าโกหกคนแก่สินาย .. เอ่อ พี่ปีโป้”  ไม่รู้จะแทนนายปีโป้ยังไงดี เรียกพี่ก็ไม่ถนัดปากเลย

“นั่นสิ อย่าโกหกคนแก่เลย ยายรู้นะว่าต้องมีแล้วแน่ๆ”

“ไม่มีจริงๆครับ แต่ที่มีอยู่ผมยังไม่เรียกแฟน”

“นั่นไง ยายว่าแล้ว  อย่าเที่ยวไปหลอกใครให้เสียใจละ มันเป็นบาป”

“ครับยาย” นายปีโป้รับปากยาย พร้อมกับยกขันน้ำขึ้นดื่ม  ส่วนยายก็หันหน้าไปดูละครต่อ

“งั้นผมว่าผมกลับก่อนดีกว่านะครับยาย เดี๋ยวจะดึกกว่านี้” เมื่อวางขันลง นายปีโป้ก็พูดลายาย

“อ้าว นึกว่าจะนอนด้วยกันซะที่นี่  ทำไมไม่นอนกันซะที่นี่เลยละ ขับไปขับมา มันอันตราย”

“ไม่เป็นไรหรอกยาย พี่เค้าขับได้ ขับรถดีๆละ” ไม่เอานะยาย อย่าให้มานอนเลย

“ไม่เป็นไรครับยาย คนแถวนี้เค้าไม่สะดวก”

“ใครกันไม่สะดวก ยายสะดวก ถ้าน้ำมนต์ไม่ให้นอนด้วย ก็นอนกับนายก็ได้  ยายอยากนอนกอดคนหล่อๆบ้าง”

“อ้าวยาย แล้วน้ำมนต์ละ” ผมเริ่มท้วงทันที ก็ทุกคืนผมนอนกอดยายอยู่นี่ แล้วทำไมวันนี้ถึงจะเปลี่ยนคน

“ฮ่าๆ ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน วันนี้ผมมีนัดซะด้วย” นายปีโป้บอกยายอีกครั้ง

“นัดกับแฟนไว้อ่ะดิ ยายรู้นะ ไม่รั้งไว้ก็ได้ ยังไงก็ขับรถดีๆละ”

“ครับยาย ขอบคุณมากครับ”

“น้ำมนต์เดินไปส่งพี่เค้าหน่อย”

“อ่าครับ” ผมตอบรับยาย ก่อนที่จะเดินออกไปส่งตามที่ยายบอก







“มึงอยู่กับยายสองคนเหรอ” พอห่างตาพ้นหูยาย คำพูดไพเราะของนายปีโป้ก็หายไปทันที

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“เปล่า แล้วคนอื่นๆละ”

“คนอื่นๆ ใครเหรอ”

“พ่อแม่ พี่น้องอะไรเนี่ยแหละ”

“อืม .. ถึงรถละ ยังไงก็ขับรถกลับดีๆนะ ขอบใจมากที่มาส่ง” ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่เพิ่งได้รับมา พร้อมกับที่เราเดินกันมาถึงรถพอดิบพอดี

“อืม ไม่เป็นไร กูเต็มใจ”

“อืม” ผมตอบพร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าบ้าน

“น้ำมนต์”

“หือ มีไรอีก” ผมเอี้ยวหลังมามองคนที่เรียก ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งคร่อมอยู่บนรถมอไซค์

“คืนนี้หลับฝันดีนะครับ” นายปีโป้พูดบอกผมพร้อมกับรอยยิ้ม

“อืม” ผมตอบไปแค่นั้น ก่อนที่หันหน้าเดินเข้าบ้านต่อ






หลับฝันดีเหรอ .. ผู้ชายอย่างนายปีโป้ มันก็คิด ก็พูดอะไรดีๆกับเค้าเป็นเหมือนกันนะเนี่ย ..


...

อย่างที่จ่อหัว .. ยิ่งอ่าน ยิ่งเม้น ยิ่งอัพ ...

ปล.ดึกๆถ้ากระแสดีจะจัดอีกรอบ :)))
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 4 ยิ่งอ่าน ยิ่งเม้น ยิ่งอัพ 1/10/11-10:28
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-10-2011 23:01:21
ก็พอมีข้อดีมาให้เห็นแล้วเนอะ
น้ำมนต์น่ารักอ่ะ  หวังว่าไม่เศร้ามาก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 4 ยิ่งอ่าน ยิ่งเม้น ยิ่งอัพ 1/10/11-10:28
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 01-10-2011 23:49:59
น้ำมนต์น่ารักอ่า อยากอ่านต่อจัง อัพอีกได้มั้ยคะเนี่ย 55
หัวข้อ: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 02-10-2011 00:09:12
ตอนที่ 5  ปีโป้เร่งรีบ .. ทำคะแนนเข้าไว้

ฝันดีนะครับ ... นี่ผมพูดประโยคนี้ออกไปได้ไงเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดบอกใคร  เมื่อกล้าที่จะพูดก็อยากจะเห็นอาการของคนที่ฟังเหมือนกันว่ารู้สึกยังไง แต่ก็เปล่า กลับไม่มีทีท่า เขินอายหรือว่าดีใจอะไรเลย นี่ถ้าผมบอกคนอื่นๆที่ผมเคยคบมานะ คงนอนฝันหวาน ไม่ก็ยิ้มหน้าบานไปสามวันเจ็ดวัน  เก็บความรู้สึกเก่งจริงๆนะ พอ่น้ำมนต์



แต่วันนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขึ้น สำหรับการรู้จักน้องน้ำมนต์มากขึ้น แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมรู้สึกไม่เหมือนกับเวลาที่ตามจีบคนอื่นๆ ที่ต้องเก็กๆ ทำตัวเป็นนักเลงใหญ่ พูดคะพูดขาเอาใจ หรือไม่ก็จับไม่จับมือถือแขน แต่ตอนเดินกับน้ำมนต์กลับรู้สึกแตกต่าง  แล้วท่าทีที่เสมอต้นเสมอปลายนั่นอีก การหวงเนื้อหวงตัวแบบผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้ดูมีจริตมากจนเกินไป คำพูดคำจา ตลอดจนรอยยิ้มแล้วเสียงหัวเราะ เล่นเอาผมลืมไม่ลงกันเลยทีเดียว






“ยิ้มมาเชียวนะมึง” ทันทีที่เดินมาถึงหอตัวเอง ก็พบว่าประตูหอได้เปิดอยู่ เพราะว่าไอ้โอ๊ตมันมีกุญแจห้องผมครับ  และสมาชิกเพื่อนๆในกลุ่มก็มารวมตัวกันเกือบครบทีม ขาดแต่ไอ้พี่เอก ที่คงจะไปขลุกอยู่กับเมียแก พร้อมกับคำทักทายจากไอ้โอ๊ตเพื่อนรัก

“เป็นไงวะ เด็กใหม่มึง” ไอ้บ่าวถามมาครับ

“คนนี้จะให้โปรกี่เดือนวะ” ไอ้โดมเอากับเขาด้วย

“พวกมึงมาทำอะไรที่ห้องกูเยอะแยะไปหมด กลับไปได้แล้วไป กูจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเรียน” ผมไม่อยากจะตอบคำถามโง่ๆของไอ้พวกนี้ครับ จะเรียกว่าเป็นคำถามเบสิคเลยก็ได้ ที่พวกนี้มันต้องถามผม เมื่อผมเริ่มคยคนใหม่ แล้วเมื่อก่อนผมก็บ้าตอบมันได้เป็นคืนๆเหมือนกัน

“วะ รักเรียนขึ้นมาทันทีนะมึง สงสัยครั้งนี้เจอของดี” ไอ้บ่าวแซวครับ

“พวกกูจะชวนมึงไปกินเหล้า วันนี้วันเกิดไอ้เดช ตอนนี้พี่เอก ไอ้บอย ไอ้เอ็ม รอเราอยู่ที่ร้านแล้ว กูมารอรับมึงไปเนี่ย” ไอ้โดมเล่าที่มาที่ไป ของการมานั่งเล่นห้องผมครั้งนี้

“ไอ้เดชเหรอ มันยังติดต่อกับพวกมึงเหรอวะ” ผมถามพวกมัน


ไอ้เดชเป็นเพื่อนเก่าพวกผมครับ จะว่าเคยอยู่ก๊วนเดียวกันก็คงไม่ผิด แต่ด้วยที่มันเกเร เลยทำให้เรียนไม่จบ เลยออกไปเป็นนักเลงหัวไม้ และที่ถามว่ายังติดต่อกันอยู่อีกเหรอ ก็เพราะว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่มันมายุ่งกับเด็กของผม มีเรื่องกันไปนิดหน่อย มันเลยไม่กล้าจะสู้หน้าผมเท่าไหร่  เอาจริงๆผมก็ไม่ได้หวงเด็กผมมากหรอกนะครับ แต่ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งตอนที่ผมกำลังคบอยู่ก็แค่นั้น  ไม่อยากใช้ของร่วมกับใครในเวลาเดียวกัน ถ้าต่างเวลาจะไม่ว่าเลย



“ก็เห็นว่ามันติดต่อกับพี่เอกเป็นระยะๆ แล้วมันก็ชวนพี่เอกไปนั่งกิน แล้วก็ให้พี่เอกชวนพวกเราอีกที” ไอ้บ่าวอธิบายให้ผมฟัง

“อืม งั้นกูอาบน้ำแป๊บ พวกมึงจะรอหรือไปกันก่อนละ” ผมบอกพวกมัน

“เดี๋ยวกูกับไอ้โดมไปก่อนแล้วกัน แล้วมึงกับไอ้โอ๊ตค่อยตามเข้าไป ร้านเดิมนั่นแหละ” ไอ้บ่าวบอกผมครับ

“เออๆ” ผมตอบรับพวกมัน พร้อมกับเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ริมระเบียงห้อง เตรียมตัวเข้าห้องน้ำอาบน้ำ

“น้องจอยละ โอเคมั๊ย” ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ผมยังไม่ลืมที่จะหันมาถามไอ้โอ๊ตเกี่ยวกับเรื่องน้องจอย

“ก็ดี งอนตามประสาผู้หญิง บอกว่าคืนนี้จะรอมึงด้วย ให้มึงไปหา” ไอ้โอ๊ตตอบมา แต่สายตาของมันยังมองหนังสือแต่งรถที่เปิดอ่าน โดยไม่ได้สนใจผม

“เออ งั้นมึงโทรบอกหน่อย ว่าให้แต่งตัว เดี๋ยวกูพาไปนั่งร้านเหล้าด้วย กูอาบน้ำก่อน” ผมเห็นไอ้โอ๊ตหันมามองหน้าผมนิดนึง ก่อนที่ผมจะเข้าห้องน้ำไป









หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ขับนั่งซ้อนท้ายไอ้โอ๊ตมารับน้องจอยที่หอ ไม่อยากเอารถมาเองครับ ขี้เกียจขับ เพราะขับรถไปบ้านน้องน้ำมนต์ไปกลับ ก็เหนื่อยใช่เล่นเหมือนกัน

น้องจอยลงมาด้วยเสื้อยืดสีขาวตัวบางที่ใส่รัดรูปจนเห็นรูปทรงไปทุกสัดส่วน กับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่แทบจะไม่มีขา เพราะว่ามันสั้นมาก  หน้าที่แต่งมาอ่อนๆ ตามสไตล์ของเธอ เธอคงรู้ว่าผมพาเธอไปนั่งวงเหล้า เลยไม่รู้จะแต่งตัวสวยไปอวดใคร แต่ที่แต่งมานี่ เค้าเรียกแต่งมายั่วละสินะ



“แต่งตัวน่ารักเชียวนะคะ” ผมทักชมเธอ เพราะเห็นหน้าเธอมุ่ยบอกบุญไม่รับซะอย่างนั้น

“พี่โป้ไปไหนมา ทำไมทิ้งจอยอีกแล้ว” และเธอก็เริ่มถามทันที

“มาคะ ไปคุยกันที่ร้าน เพื่อนพี่รออยู่” ผมไม่อยากจะชวนคุยตอนนี้ รู้ดีว่าไม่จบง่าย เลยบอกให้เธอขึ้นซ้อนผมมา แล้วค่อยไปจัดการเรื่องราวกันที่ร้าน





ไอ้โอ๊ตก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดีครับ ขับรถไปตามประสาของมัน ไอ้โอ๊ตนี่มันจะเป็นเพื่อนที่ไปไหนมาไหนกับผมตลอดครับ ถึงแม้ว่าผมจะไปกับเด็กผมก็ตาม ก็จะมีไอ้โอ๊ตนี่แหละที่ตามผมไปด้วย ไปขับรถให้บ้าง เพราะผมค่อนข้างขี้เกียจขับ ไปรอเป็นเพื่อน ไปเดินเป็นเพื่อน แต่ดีนะครับ มันไม่ค่อยบ่น และมันก็ไม่ค่อยยุ่งเรื่องผมกับเด็กๆผมด้วย



เรามาถึงร้านที่เป็นเหมือนร้านขายของชำที่เปิดแข่งกับเซเว่น ปิดตอนลูกค้ากลับ ซึ่งลูกค้าก็คือพวกขี้เมาทั้งหลายแหล่ ทางร้านก็บริการอย่างดี มีโต๊ะให้นั่งก้งกันข้างๆร้าน ขาดเหลืออะไรตะโกนบอกได้อย่างไว  ไอ้พี่เอก ไอ้โดม ไอ้บ่าว ไอ้เอ็ม และไอ้เดชคงกำลังกรึ่มๆ และอีกคนที่นั่งข้างไอ้เดชก็คงเด็กใหม่มัน

“มาแล้วเหรอมึง กูกินกันไปหลายกลมแล้วนะเนี่ย” ไอ้เดชครับ ทำใจดีสู้เสือทักผม ทั้งที่ไม่ได้คุยกันมานานนม

“เออ โทษทีวะ พอดีเพิ่งกลับมาถึงหอ ไม่รู้ว่าวันเกิดมึง เลยไม่ได้เตรียมไรมาให้” ผมบอกมัน พร้อมกับเดินไปนั่งข้างๆมัน ซึ่งคงเป็นที่ๆพวกนี้ตั้งใจจะให้ผมไปนั่งตั้งแต่แรก โดยมีน้องจอยเดินตามมานั่งข้างๆ

“เออ ไม่เป็นไร แค่มึงมากินเหล้ากับกู กูก็ดีใจแล้ว”  คำพูดเบสิคทั่วไปครับ ผมได้ยินทุกงาน  แต่มันก็จริงนะครับ พวกเด็กช่างนักเลงอยากพวกผมไม่อยากได้ของขวัญกันหรอกครับ แค่มากันเหล้าด้วย แค่นี้ก็ดีมากแล้ว



“เออนี่ น้องเหม่ย แฟนกู” ไอ้เดชแนะนำคนที่นั่งข้างๆมันให้ผมรู้จัก ก็หน้าตาดีเลยละครับ เพราะว่าไอ้เดชมันก็หล่อใช่ย่อย แฟนมันแต่ละคนเลยหน้าตาดีไม่แพ้เด็กๆของผมเลย

“อืม พี่ชื่อพี่โป้นะ  ส่วนนี่ก็น้องจอย” ผมแนะนำกับน้องเหม่ยแฟนไอ้เดช พร้อมกับแนะนำให้ไอ้เดชรู้จักกับน้องจอย

“อืม น่ารักเหมือนเดิมเลยนะเด็กมึง” ไอ้เดชทัก

“มันก็ต้องรักษามาตรฐานไว้” ผมบอกมัน และตามมาด้วยเสียงคุยโหวกเหวกโวยวายของพวกเราทั้งก๊วน  นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ค่อยได้เมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ 




คืนนั้นเราก็เมากันถ้วนหน้าครับ กว่าจะได้กลับห้องกันก็เกือบจะเช้าแล้ว ผมได้คุยกับไอ้เดชเยอะแยะมากมาย ได้รู้ว่าเวลาที่มันหายไปนี่มันไปทำอะไรมาบ้าง เป็นการอัพเดตข่าวสารกันไปในตัว เรื่องเก่าๆที่เคยผ่านมาก็ถือว่าแล้วกันไป อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้ถือสากับเรื่องราวครั้งนั้นมากนัก แต่ไอ้เดชมันคิดมาก มันรู้สึกผิด มันเลยหายตัวไปจากกลุ่มเอง




“พี่โป้  ตื่น จอยหิวข้าวแล้ว”  น้องจอยครับเขย่าเขนผมอยู่ เมื่อคืนไอ้โอ๊ตมันมาส่งผมไว้ที่นี่ครับ บอกใฟ้ไปส่งห้องผม แต่น้องจอยก็ไม่ยอม  ทั้งๆที่รู้ว่าผมเมาขนานนั้น มาถึงห้องก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่ดี ..

“จอยหิวก็ไปกินก่อนเลย พี่ยังง่วง” ผมบอกน้องจอยไป

“ไม่เอา จอยจะกินพร้อมพี่โป้ เราไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วยกันมาหลายวันแล้วนะคะ จอยอยากไปกินร้านในเมือง ร้านที่เราเคยไปกินด้วยกันบ่อยๆไงคะ” น้องจอยเริ่มงอแงอีกแล้วครับ ผมละเกลียดนิสัยแบบนี้ของผู้หญิงจริงๆ ไม่เฉพาะผู้หญิงหรอกครับ บางทีผู้ชายที่ผมเคยคบก็เป็นแบบนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ

“พี่ง่วง ขอกลับไปนอนหอแล้วกัน ถ้าจอยอยากไปกินก็เอาเงินไป “ ผมลุกขึ้นจากเตียง ใส่เสื้อใส่กางเกง พร้อมกับเอาเงินวางไว้ให้น้องจอย ก่อนเดินจากห้องไป

“พี่โป้ อย่าทำกับจอยแบนนี้นะ พี่โป้” เสียงของเธอยังตะโกนไล่หลังผมมา ยิ่งทำให้ความน่ารักในตัวเธอลดน้อยลง ลดน้อยลง ..





ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบให้ใครมารบกวนตอนหลับครับ เพราะถ้ามากวน หรือผมนอนไม่เพียงพอแล้ว วันนั้นผมจะหงุดหงิดไม่เป็นอันทำอะไร ใครอยู่ใกล้มือใกล้ตีน แล้วมากวนประสาท ตัวได้น่วมนอนให้น้ำใบบัวบกแน่  แล้วมาเป็นผู้หญิงอีก ผมยิ่งเบื่อเป็นร้อยเท่าครับ ได้นอนก็จะเช้าแล้ว ยังปลุกอีก .. รมณ์เสียเว๊ย !!!




ผมเดินออกมาหน้าหอของน้องจอย กะจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่หอผมหน่อย ไอ้เอ็มมันก็โทรมาพอดี

“ไงมึง ตื่นยังวะ” มันทักผมมาครับ

“อืม ตื่นมาเพื่อจะเปลี่ยนที่นอน มึงมีไรวะ”

“อ๋อ กำลังจะกลับไปนอนต่อที่หอเหรอวะ ยังไม่หายมึนเรอะ”

“มึนที่ไหนกัน กูเพลีย กูอยากนอน แล้วมึงมีไรเนี่ย หรือว่าโทรมากวนตีนกูเล่นๆ กูยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”

“โห พ่อนายหัวโป้ หงุดหงิดแต่หัววัน กูก็ไม่มีอะไร แค่จะโทรมาบอกเรื่องน้องน้ำมนต์”  ไม่รู้ทำไมครับ พอสมองผมได้ยินชื่อนี้ ความรู้สึกเหมือนหายง่วงไปในบัดดลเลย

“น้องน้ำมนต์ทำไม” ผมรีบถามไปเสียงสั่น

“ก็ไม่มีอะไร แค่กูเห็นนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ที่ร้านป้าตามสั่ง ..ช่าง” ผมไม่ฟังไรมากกว่านั้นแล้วครับ ผมรีบตัดสายของไอ้เอ็มทิ้ว พร้อมกวักมือเรียกวินมอไซค์ทันทีทันใด

“พี่ ไปวิทยาลัยศิลป์”






ด้วยความรีบร้อนของผม การสัญจรบนถนนแค่ 5 นาทีก็ดูนานมากเกินไปแล้วสำหรับเส้นทางไม่กี่กิโลจากหอน้องจอยมายังวิทยาลัยศิลป์แห่งนี้


เมื่อมาถึงจ่ายเงินให้พี่วินใบร้อยไปแบบไม่ต้องทอน แม้ว่าพี่แกจะขับไม่ได้เร็วดั่งใจนัก แต่ก็ไม่มีเวลามารอเงินทอนจากพี่แกเท่าไหร่ ผมเดินมาที่ร้านตามสั่งมองเห็นไอ้เอ็มกับกลุ่มเพื่อนของมันกำลังนั่งทานข้างเที่ยงกัน  และหันมายิ้มให้ผมนิดนึง แต่ผมหาสนใจพวกนกพกวกาที่คอยผิวปากแซวนั่นไม่ ผมกลับมองไปที่โต๊ะมุมสุดของร้าน ที่มีหนุ่มหน้าขาว ผมยาวนามว่าน้ำมนต์ นั่งกินข้าว พร้อมกับสองหูเสียบหูฟังเพลงอยู่อย่างไม่รู้เลย ว่าคนหล่อประจำช่างกลกำลังจะมา



“ป้า กระเพราไก่ ไข่ดาว นั่งโต๊ะน้องน้ำมนต์” ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องน้ำมนต์ผมก็หยุดสั่งอาหารกับป้าตามสั่งก่อน

“เออ รอก่อน คิวเยอะ” ป้าแกตวาดชักสีหน้ากลับมา ไม่ง้อลูกค้าเลยนะเนี่ย

“ไม่เป็นไร ผมรอได้” ดีนะที่อารมณ์ดี เพราะจะได้นั่งกับน้องน้ำมนต์ ไม่งั้นไม่กงไม่กินมันแล้ว







“นั่งด้วยนะ” ผมพูดพร้อมกับลากเก้าอี้ออกมาแล้วเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามน้องน้ำมนต์ น้องน้ำมนต์เหลือบตามามองผมนิดหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป

“ทำไมไม่ไปนั่งโต๊ะอื่น” น้องน้ำมนต์พูดออกมา ทั้งที่สายตายังไม่ได้มองหน้าผม หรือว่าสนใจคนข้างหน้าเลย ก่อนที่จะถอดูฟังออก แล้วมองมาหน้าผม พร้อมกับสายตาที่ถามเหมือนที่พูดออกมา

“ก็อยากจะนั่งกินด้วย ไม่ได้เหรอ” ผมถามไป

“เดี๋ยวช้างน้อยกับหญิงจะมา เราไม่อยากให้เพื่อนเราต้องไปนั่งที่อื่น”

“ก็นั่งด้วยกันก็ไก้ นั่งหลายคนอบอุ่นดี”

“ไม่เอาอ่ะ นั่งกับคนเมา กลิ่นเหล้าก็หึ่ง แต่งตัวก็ซมซ่อ นี่เพิ่งตื่นแล้วมาเลยใช่มั๊ย”  เอาแล้วไงครับ นี่สภาพผมดูไม่ได้เลยเหรอ แล้วกลิ่นเหล้างี้หึ่งจริงๆอ่ะ

“ก็ใช่ ตื่นมาหิวข้าว เลยอยากมากินข้าวก่อน แล้วค่อยกลับไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน” ตามน้ำไปเรื่อยครับ

“ถ่อมากินถึงที่นี่เชียว” น้องน้ำมนต์พูดพร้อมกับตักข้าวกินไป ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคนที่นั่งตรงข้ามเลย

“ก็อยากมากินข้าวด้วย ไอ้เอ็มมันบอกว่านั่งกินข้าวคนเดียวอยู่”

“อ๋อ มีสายรายงานด้วยนี้ ไม่ให้สะกดรอยตามไปด้วยเลยละ” ประโยคเหมือนประชดประชัน แต่พูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบง่าย ผมลกับรู้สึกจี๊ดๆ กว่าสีหน้าที่เหน็บแนมซะอีก

“ไม่ได้รายงาน มันแค่โทรมาเล่าสู่กันฟัง” แก้ตัวหน่อยครับ

“เข้าใจ ว่าเพื่อนรักกัน ถ้าจะนั่งตรงนี้ก็นั่งเงียบๆ เราอยากฟังเพลง” น้องน้ำมนต์พูดพร้อมกับยกหูฟังขึ้นมาใส่อีกครั้ง และก็ก้มหน้าทานข้าวในจานที่อยู่ตรงหน้าต่อไป






น้องน้ำมนต์นี่ก็แปลกคนจริงๆ การกระทำแบบนี้มันทำให้ผมพอรู้ว่า น้องน้ำมนต์พอใจที่จะอยู่คนเดียว มีความสุขในการทานข้าวคนเดียว ทั้งๆที่มีผมมานั่งชวนคุย เจ้าตัวยังขอเลือกนั่งฟังเพลงกินข้าว โดยไม่สนใจเพื่อนร่สมโต๊ะซะงั้น ดังนั้นการกินข้าวคนเดียวครั้งนี้ก็คงไม่ใช่ว่าเพื่อนยังมาไม่ถึง  แต่เป็นเพราะความตั้งใจของเจ้าตัวมากกว่า




ผมนั่งมองน้ำมนต์กินข้าวอยู่นาน แม้เจ้าตัวจะรู้ว่าผมนั่งมองหน้าหวานๆ ผมที่ยาวๆ ปากชมพู และแก้มน้อยๆนั้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการเขินอาย หรือความรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด กลับทำเหมือนไม่มีคนอยู่ตรงหน้า แบบนี้ผมว่ายิ่งทรมาณมากกว่านะ






“น้ำมนต์” ผมเรียก

“น้ำมนต์ !!!” ผมเรียกเสียงดังขึ้น พร้อมกับเอามือผมไปสะกิด

“หือ” น้องน้ำมนต์ชักมือตัวเองออก พร้อมกับหันหน้ามามองผม ก่อนที่จะค่อยๆดึงหูฟังออกทีละข้าง สายของหูฟังไปดันให้ยางที่มัดผมอยู่ หลุดออกมา ทำให้ผมหลุดออกมาเป็นทรงผมยาวประบ่า ทื่อๆ ไม่ได้ผ่านการซอย การเซ็ทแต่งปลายแต่อย่างใด

“ยางหลุดแล้วอ่ะ” ผมทัก

“ช่างมันเถอะ รวบไว้เดี๋ยวก็หลุดอีก”

“แล้วทำไมไม่ตัดให้สั้น จะได้ไม่ต้องรำคาญ”

“แล้วใครบอกว่ารำคาญละ”

“อือ ก็ตามใจ”

“แล้วเรียกทำไม”

“อยากคุยด้วย”

“แต่เราไม่ได้อยากคุยด้วยเลย”

“โห ใจร้าย” ผมบอกคนตรงหน้า และทำท่าทางเหมือนเด็กๆ  ทำหเห็นรอยยิ้มเล็กๆจากใบหน้าที่แน่นิ่งมาหลายนาที





“เอ้า ได้แล้ว กระเพราะได่ไข่ดาวของแก”   ป้าตามสั่งก็นะ มาขัดได้ตรงเวลาจริงๆ

“ขอบคุณครับป้า”

“ไม่ต้องขอบคุณชั้น ต้องจ่ายตังค์เท่านั้น” ป้าแกบอก

“ครับ รู้แล้วครับ ไม่กินฟรีหรอกครับ”

“น้องน้ำมนต์ระวังนะ รายนี้มันกะล่อน ป้าละเป็นห่วงหนู” น่าน ดูสิครับ ใช่เรื่องปะนี่

“ครับป้า ขอบคุณครับ” แต่ก็ทำให้เห็นรอยยิ้มของน้ำมนต์ที่พูดกับป้าตามสั่ง ทำไมเวลาพูดกับเราไม่ยิ้มแบบนี้บ้างนะ




หลังจากป้าแกเดินเข้าครัวของแกไป ผมก็หันไปมองคนที่ยิ้มค้างอยู่ ก่อนที่มันจะหันมาเห็นหน้าผม และหุบยิ้มลงไป




“วันนี้ให้กูไปส่งได้มั๊ย” 


......................................................................
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 4 ยิ่งอ่าน ยิ่งเม้น ยิ่งอัพ 1/10/11-10:28
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 02-10-2011 00:21:49
ชีวิตดราม่าแน่ๆเลยหนูน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 02-10-2011 00:40:46
ว่าที่หลานเขยได้เจอคุณยายแล้ว  เสียดายที่ไม่ได้ค้างอะ
เรื่องนี้อิพี่โป้อยู่ปี 3  แต่เรื่องโน้นอยู่ปี 4 ใช่มั้ยคะคนเขียน  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 02-10-2011 00:55:44
โป้  ไปเลิกนิสัยเก่าๆก่อนไป๊
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 02-10-2011 01:21:49
โป้  อยากได้น้องก็ไปเคลียร์ตัวเองให้ดีก่อนเถอะ

รออ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-10-2011 01:27:46
คนนึงกะล่อน คนนึงก็เย็นชา
เหมาะสมกันดี ว่าแต่น้ำมนต์จะไปปรากฎในเรื่องของเป้กะนัทบ้างไหมเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 02-10-2011 10:01:55
ชอบน้ำมนต์ แต่ไม่ชอบปีโป้มีสาวอยู่ยังมาจีบน้ำมนต์อีก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 02-10-2011 10:33:44
มาแล้วววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 02-10-2011 11:20:10
สนุกดีค่ะ
น้ำมนต์สู้ๆ
หัวข้อ: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 6 ตอนรับเที่ยงวันอาทิตย์
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 02-10-2011 12:13:45
ตอนที่ 6  อีกคนคือใคร .. ทำไมถึงใกล้เธอยิ่งนัก



“วันนี้ให้กูไปส่งได้มั๊ย”   เสียงคนตรงหน้าบอกกับผม ผมเงยหน้ามอง ก่อนที่จะยิ้มให้ และหันไปสนใจคนที่กำลังเดินเข้าร้าน ซึ่งเป็นหญิง กับช้างน้อย

“หญิง ช้างน้อย อยู่นี่” ผมส่งเสียง พร้อมกับชูมือเรียก

“มากันแล้วเหรอ มากันทำไมไวจังวะ” ถ้าผมหูไม่ฝาก ผมว่าผมได้ยินเสียงคนตรงหน้าบ่น

“พูดว่าอะไรนะ” ผมถาม

“เปล่า”  โกหก .. หึหึ





“อ้าว พี่ปีโป้ เป็นไงมาไงมานั่งกินข้าวกับน้ำมนต์ได้คะ” ช้างน้อยเริ่มถามทันทีที่เห็นคนแปลกหน้าประจำโต๊ะ

“พอดีพี่หิวข้าว ก็เลยมาหาอะไรกิน แล้วก็เห็นน้องน้ำมนต์นั่งกินคนเดียว เลยมานั่งเป็นเพื่อนครับ” คำตอบดูพระเอกมาก

“มากินไกลจังเลยนะคะ พี่ปีโป้” หญิงเห็นเช่นนั้นเลยเหน็บไปอีกที

“อ่าครับ พอดีมาหาไอ้เอ็มมันด้วย” แถไปใหญ่

“เหรอคะ บอกว่ามาหาน้ำมนต์แค่นั้นก็จบแล้วม้างงงงง” ช้างน้อยย้อนเข้าให้  แต่ผมก็เฉยๆครับ ถึงแม้จะรู้ว่าเขามาหาผมจริง

“มาหาทำไมครับ จำเป็นด้วยเหรอ” คำพูดกับสีหน้า ไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลย

“ไม่คุยกับคนปากแข็งแล้ว ไปสั่งข้าวดีกว่าไปหญิง” ช้างน้อยคงเบื่อที่จะต่อกรกับคนๆนี้ เลยเลี่ยงที่จะไปสั่งข้าว แล้วก็ลากหญิงไปด้วย




“แถเนียนดีนี่”  ผมบอกนายปีโป้

“ขอบคุณครับ”

“ไม่ได้ชม”

“อ้าวเหรอ”  ไม่เข้าใจเขาจริงๆ ว่าจะมาอารมณ์ไหน





“แล้วตกลงว่าไง” นายปีโป้ถามมาสีหน้าจริงจัง

“เรื่องอะไร” ผมถามกลับไปสีหน้าจริงจังเหมือนกัน

“ก็เรื่องที่จะขอไปส่งตอนเย็น”

“ที่บ้านมีบ่อน้ำมันหรือ”

“ใช่”

“หืออออ” ผมทำหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อถือนัก

“ที่บ้านกูป๊าเปิดปั๊มน้ำมัน  มึงไม่ต้องเป็นห่วง”

“นี่จริงหรืออำ”

“จริงสิ จะโม้มึงทำไม”

“ยังไงก็ไม่ต้องไปส่ง  เรากลับเองได้”

“แต่กูก็ไปส่งได้”

“เอาเวลาไปส่งสาวๆของนายเถอะ”

“นี่หึงเหรอ”

“ประโยคนั้นมีส่วนไหนบอกว่าเราหึงนาย” ผมส่ายหน้าให้กับการคิดไปเองของคนตรงหน้า




“มาแล้วค่า ....” เสียงของช้างน้อยดังมาแต่ไกล พร้อมกับจานข้าวในมือ ช่วงนี้ใกล้เข้าเรียนแล้ว ป้าตามสั่งเลยทำไวหน่อย

“มาแล้วก็ดี ช้างน้อย หญิง เราไปรอที่ห้องเรียนนะ” ผมบอกสองคนนั้น

“อ้าว / อ้าว / อ้าว”  สามคนอุทานออกมาพร้อมกัน เล่นเอากากาศรอบข้างอบอ้าวกันไปเลย

“จะรีบไปไหน นั่งเป็นเพื่อนกันก่อนสิ”  หญิงบอกผม

“อยากเข้าไปผสมสีตั้งไว้ก่อน เดี๋ยวไม่ทัน” ผมพยายามยกเหตุผลที่น่าเชื่อถือที่สุดมา

“เอ๊ย ดีเลย งั้นผสมให้ชั้นด้วยนะ” ช้างน้อยฝากผมด้วย

“อืมได้ ไปก่อนนะ” ผมบอกพร้อมหยิบกระเป๋าเดินออก

“ไม่แน่จริงนี่หว่า  ทำไมต้องหนีด้วยละ” เสียงของคนที่เงียบไปดังขึ้น เหมือนจะยั่วอารมณ์ให้ผมโมโห

“ไม่ได้หนี แค่จะไปเรียน”

“โกหก”

“ไม่ได้ขอให้เชื่อ”

“ใจร้ายอ่ะ” ผมหันหน้าไปดูคนที่บอกตัวเองว่าโตแล้ว แต่ดูทำหน้าทำตา เหมือนเด็กโดนขัดใจ นี่ถ้าคู่อริมาเห็นนายปีโป้ตอนนี้ ต้องเอาไปล้อสามวัดสามวาแน่ๆ

“...” ผมเลือกที่จะเพิกเฉย หันหน้ากลับและเดินออกจากร้านไป







ใจร้ายนะเหรอ .. ไม่เลย ผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ นายต่างหากที่ทำตัวของนายเอง นายเลือกจะเป็นแบบนี้เพราะนายเอง ผมอยู่เฉยๆของผม และผมก็เลือกที่จะใช้ชีวิตตามปกติของผมต่อไป




“น้ำมนต์”  เสียงผู้หญิงเสียงใสเรียกผมที่หน้าโรงเรียน  ผมหันไปดูก็พบกับเพื่อนร่วมชั้นของผม ที่ผมแค่รู้จักชื่อ ไม่เคยได้คุยกันด้วยซ้ำ

“อ้าว แพร ว่าไงครับ” ผมขานเธอ พร้อมกับถาม

“จะเข้าไปเรียนเหรอ”

“อืมใช่”

“งั้นเราขอเดินไปด้วยได้ไหม  เราก็กำลังไปที่ห้องเรียนเหมือนกัน”

“อืม ไปสิ” ผมบอกเธอ พร้อมกับเดินไปพร้อมกับเธอ




ที่จริงแล้วแพรเป็นผู้หญิงเซอร์ๆ อาร์ตๆคนนึงครับ ผมของเธอเป็นลอนฟู สีออกชา เวลาโดนแดดจะสวยมาก หน้าของเธอก็เรยวได้รูปไข่ และที่แน่ๆ เธอเป็นดาวเอกผมครับ



“แล้วหญิง กับช้างน้อยละ” เธอถามผม

“อ๋อ นั่งทานข้าวที่ร้านป้าตามสั่งอ่ะ เราอยากเข้ามาผสมสีก่อน”

“อ๋อ อิจฉาน้ำมนต์จัง มีเพื่อนน่ารักๆทั้งนั้น”

“พูดอย่างกับแพรไม่มีเพื่อนน่ารัก” เธอก็มีกลุ่มเพื่อนครับ กลุ่มใหญ่ซะด้วย

“ฮ่าๆๆ ยอกย้อนเก่งนะน้ำมนต์นี่” นี่เธอกำลังชมผมใช่ไหม

“เราเปล่านะ เราพูดความจริง”

“จ้า เชื่อแล้ว เข้าห้องกันเถอะ”




ผมเดินคุยกับเธอมาจนถึงห้องศิลปะครับ คาบนี้เราเรียนเรื่องการวาดรูปด้วยสีน้ำและการจัดองค์ประกอบศิลป์ เหมือนเป็นเรื่องไม่ยากนะครับ แต่ผมว่ายากพอควรเลย แค่การระบายสีน้ำให้สวยก็ยากแล้ว ยังต้องจัดองค์ประกอบศิลป์ให้ลงตัวอีก  มันหินเลยละ สำหรับเด็กปีหนึ่งอย่างพวกเรา



“น้ำมนต์นี่น้ำจ๊ะ” แพรตักน้ำใส่แก้วมาให้ผม เพื่อสำหรับผสมสีครับ

“อ๋อ ขอบใจมากแพร ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

“ลำบากอะไร แพรไปเอาพอดี เลยเอามาเผื่อด้วย”

“อืม ครับ” ผมตอบพร้อมกับรับแก้วน้ำจากแพรมา

“น้ำมนต์สอนแพรผสมสีบ้างสิ แพรว่าน้ำมนต์ผสมสีสวยนะ”

“โห ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแพร เราก็ผสมมั่วๆเอา ถ้าแพรอยากจะให้มันดีๆ แพรก็เริ่มจากใส่น้ำทีละน้อยๆก่อน ถ้าอยากได้อ่อนๆ ก็ค่อยเพิ่มน้ำเข้าไป  มันก็หลักการทั่วไปหละนะ ว่าป่ะ” ผมเหมือนจะสอนเธอ ในสิ่งที่เธอก็พอจะรู้แล้ว

“แล้วยังไงต่อ” เธอถามมาพร้อมกับมองหน้าผม

“ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”

“เหรอ ขอบใจมากนะ”

“ด้วยความยินดีครับ” ไงครับ คำตอบผม ดูเป็นสุภาพบุรุษไหม


“เออใช่ ทำไมวันนี้น้ำมนต์ไม่มัดผมละ เวลาทำงานไม่รำคาญเหรอ” ก่อนที่เธอจะเดินไป เธอก็เดินมาถามผม

“อ๋อ มันมา พอดีมันหลุดไป ยังไม่หายางมัดใหม่เลย” ผมตอบบอกเธอ พร้อมกับเกาหัวเขินๆ

“มานี่มา แพรมัดให้”


เธอพูดพร้อมกับเอาที่มัดผมจากมือเธอ ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ว่ามันคือสีชมพู พร้อมกับเขย่งเท้าอยู่ข้างหน้าผม เพื่อทำท่าจะมัดผมให้กับผม

“ก้มลงหน่อยสิ” นั่นไงครับ โดนดุเลย

“แบบนี้แหละ น่ารักดี” เธอมัดให้ผมเสร็จก็ชมผมอีกครั้ง ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธอมันอย่างไร จนเอามือมาแตะๆดู

“เอ๊ย จะดีเหรอแพร” ก็ผมที่เธอมัดให้ เป็นผมตั้งๆแบบน้ำพุอยู่ตรงกลางหัวนั่นสิครับ

“ดีสิ แบบนี้แหละน่ารัก” เธอตอบผมมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“อ่ะ น่ารักก็น่ารัก” และผมก็ยิ้มกลับไปให้เธอ





“น้ำมนต์”  ผมหันไปมองด้านหน้าห้องซึ่งเป็นเสียงของหญิง  แต่ก็ได้พบกับใบหน้าของอีกคนนึงด้วย .. นายปีโป้

“ผสมสีเสร็จยังยะ” เสียงของช้างน้อยดังมาแต่ไกล

“อ๋อ กำลังผสมอยู่ พอดีแพรมาถาม เลยสอนแพรผสมสีอยู่” ผมบอกช้างน้อย ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องกับหญิง ทิ้งให้นายปีโป้ยืนมองหน้าผมอย่างเคร่งเครียดอยู่อย่างนั้นหน้าห้องเรียน

“แค่ผสมสี ต้องสอนด้วยเหรอ”  ช้างน้อยพูดพร้อมกับทำหันหน้าไปมองที่แพร

“ก็แค่บอกอะไรนิดหน่อย ไม่มีไรหรอก” ผมบอกช้างน้อย

“เพื่อนน้ำมนต์มาแล้ว งั้นแพรไปก่อนนะ” แพรเห็นว่าเหตุการณ์ชักแปลกๆ เธอเลยขอปลีกตัวไป




“ไปสนิทกับชะนีนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่” ช้างน้อยเริ่มชักผม

“ช้างน้อย พูดดีๆหน่อยสิ ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไง” ผมบอก

“ว้ายยย คุยกันแค่ไม่นาน ออกโรงป้องกันด้วย”

“มันไม่ใช่ แต่ไปเรียกเขาแบบนั้นก็ไม่ดีนะ”

“ไม่รู้หละ ชั้นไม่ปลื้ม ชะนีแอ๊บ”

“พอกันทั้งสองคนนั้นแหละ น้ำมนต์ พี่ปีโป้เค้าอยากคุยด้วย เลยตามเข้ามา” หญิงเป็นฝ่ายห้ามช้างน้อยครับ และคงห้ามผมไปในตัวด้วย

“คุยอะไร แล้วเข้ามาได้ยังไง ยามไม่ว่าเอาเหรอ”

“พี่แกสนิทกับยามย่ะ ไปคุยกันให้เสร็จๆ ชั้นกลัวพี่แกยกพวกมารอหน้าวิทยาลัยตอนเย็น”  ช้างน้อยพูดทีเล่นทีจริงกับผม












“มีอะไรอีก” ผมถามคนที่ยืนรออยู่หน้าห้อง

“ตกลงจะให้ไปส่งมั๊ย”

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”

“เพราะผู้หญิงคนนั้นสินะ ถึงรีบเข้ามาก่อน แล้วก็ไม่ยอมให้กูไปส่ง”  ดูครับที่พูด สายตาตัดพ้อนั่นอีก นี่นายเป็นนักเลงจริงๆป่ะเนี่ย หรือว่าได้โควตาเข้าเป็นนักเลง หรือจับฉลากได้ ถึงมีหัวจิตหัวใจคิดอะไรที่ดูหน่อมแน้มแบบนี้


“แล้วแต่จะคิด”




ไม่จำเป็นต้องบอกความจริง และก็ไม่จำเป็นต้องปฎิเสธ ผมเลือกที่จะเดินเข้าห้อง เพื่อเข้ามาผสมสีต่อ  หันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างนอก ก็ไม่ได้เดินออกจากวิทยาลัยแต่อย่างใด








“น้ำมนต์ เธอรู้ใช่มั๊ย ว่าพี่ปีโป้เค้ามาวิทยาลัยทำไมบ่อยๆ”  ช้างน้อยกำลังชวนผมคุย ขณะที่กำลังลงมือปฎิบัติกันอยู่

“อืมรู้สิ มาหาพี่เอ็มใช่ป่ะ” ผมตอบไป พร้อมกับใช้ปลายพู่กันตวัดสี

“แหมมมม เจ้าค่ะ  คิดได้แค่นี้ก็ไปอยู่ในโลกศิลปะของเธอไป”

“อืม” ผมเลือกที่ตัดบทสนทนาด้วยประโยคสั้นๆ และช้างน้อยก็รู้ดีว่าถ้าผมพูดประโยคนี้ออกไป คือไม่อยากจะคุยในเรื่องที่คุยกันอยู่ต่อ .. เพราะผมก็จะมีแค่คำตอบเดียวคือ “อืม”





จะว่าไปผมก็เหมือนคนดื้อ ดื้อต่อสิ่งรอบตัว ดื้อต่อความจริง อะไรบางอย่างมันด็เด่นชัดตำตา ปต่ผมก็เลือกที่จะเชื่อว่ามันยังห่างไกล เลือกที่จะคิดในแบบของผม ความจริงก็ส่วนของความจริง ส่วนที่ผมคิดก็อีกส่วนหนึ่ง แล้วแต่ว่าผมจะให้อัตราส่วนกับอะไรมากกว่ากัน  เพราะผมก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องมาคิดมากและไร้สาระไปกับอะไรที่ไม่ได้ส่งผลให้ตัวผมดีขึ้น หรือแย่ลง ถ้ารู้ก็เท่านั้น ไม่รู้ก็คงเท่านั้นเหมือนกัน



ผมหันหลังไปดูที่หน้าห้องเรียนอีกครั้ง ก็ไม่เห็นเงาของคนที่ยืนอยู่เมื่อต้นคาบ ผมรู้สึกดีขึ้น เพราะอย่างน้อยถ้าเขาคนนั้นยืนรอผมจริงๆ ผมคงรู้สึกแย่ และหากหมดคาบไป ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยกับเค้าอยู่ดี



เมื่อถึงเวลาหมดคาบศิลปะสีน้ำวันนี้ ผมและเพื่อนๆก็แยกย้ายกันเก็บของ ผมรับหน้าที่เอาจานสีไปล้างตามเดิม ไมได้ล้างเก่ง ไม่ได้ล้างสะอาด แต่มันเป็นงานเปียกๆ ช้างน้อยมันไม่ชอบทำ

“น้ำมนต์ จะไปล้างจานสีเหรอ” แพรเดินมาถามผมครับ

“อืมใช่ แพรจะไปด้วยเหรอ” ผมถามเธอกลับ

“ใช่ ไปด้วยคนนะ”



เธอพูดพร้อมกับเดินมาพร้อมผมทันที โดยไม่ต้องรอคำตอบจากผม แต่ก็ไม่เป็นไรครับ มีเพื่อนคุยไป ดีซะอีก ก็อกน้ำสำหรับล้างอุปกรณ์มันอยู่นอกห้องเรียนครับ เดินออกมาหน้าห้องก็เจอแล้ว



ผมหันไปมองรอบห้องเพื่อสังเกตคนแปลกปลอมที่แอบเข้ามาในโรงเรียนผมอีกที เขาไม่อยู่แล้วจริงๆครับ ผมหันไปหันมา ก็ไปเจอกับหน้าของพี่เอ็มอย่างบังเอิญ ผมยิ้มให้แกนิดหน่อย ก่อนจะเริ่มล้างจานสีต่อ คุยกับแพรไปด้วย แพรเป็นผู้หญิงที่คุยสนุกเอาการเลยครับ ปกติผมเป็นคนคุยไม่เก่ง แต่พอได้คุยกับแพรแล้วผมกลายเป็นคนพูดเยอะขึ้นทันทีเลย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน




“น้ำมนต์ ล้างเสร็จยัง พวกชั้นเก็บของเสร็จแล้วนะ” เสียงของช้างน้อยดังมาเตือนสติให้ผมรีบล้าง

“เสร็จแล้วๆ” ตอบหันไปตอบ พร้อมกับก้มเก็บจากสี พู่กัน ไปไว้ในห้อง

“เดี๋ยวนี้หัดนอกใจหญิงเหรอ หือ ?” ช้างน้อยพูดเสียงดัง ทำให้ทุกคนในห้องหันมามองเป็นทางเดียว ส่วนหญิงได้แต่ก้มหน้าเขินๆ

“นอกจง นอกใจอะไร ไปกันเถอะ” ไม่รู้ว่าต้องแก้ตัว หรือต้องพูดอย่างไร ผมว่าตัดบทเสียง่ายกว่านะ ผมเลยหยิบกระเป๋าสะพายข้าง แล้วก็เดินออกนอกห้องเรียนมา โดยมีหญิงและช้างน้อยเดินตามมา วันนี้เรามีเรียนแค่วิชานี้วิชาเดียว ผมกับหญิงกับช้างน้อยว่าจะไปหาแรงบัลดาลใจในการสร้างผลงานศิลปะกัน





“พี่ปีโป้มาอีกแล้ว” เสียงของช้างน้อยพูดขึ้นทำเอาผมต้องมองไปหน้าโรงเรียน เมื่อเห็นนายปีโป้เพิ่งจะจอดเทียบมอเตอร์ไซค์กับฟุตบาตหน้าโรงเรียน ต้องเป็นพี่เอ็มแน่ๆที่โทรไปบอกว่าผมเลิกเรียนแล้ว ... ช่วยกันดีจริงๆนะ

“ชั้นว่าพี่เค้ามาจีบแกแหละ” ช้างน้อยบอกผม

“จีบอะไร เราเป็นผู้ชายนะ”

“แต่แกก็มีเสน่ห์ต่อผู้ชายอยู่แล้วนี่ มากกว่าชั้นอีก”

“อย่ามามั่วช้างน้อย ว่ามั๊ยหญิง เราก็มีเสน่ห์ต่อผู้หญิงเหมือนกัน” ผมหันไปชวนหญิงคุย โดยเลี่ยงที่จะมองหน้านายปีโป้ ที่กำลังมองผมเดินออกไป

“ไม่รู้สิ คงงั้นมั้ง ทั้งพี่ปีโป้ ทั้งแพร สลับกันแทบไม่ทัน” หญิงพูดจาแปลกๆ เล่นเอาผมงงเลย ว่าตกลงจะช่วย หรือจะประชดประชันกันแน่

“นี่หล่อนหึงน้ำมนต์เหรอ ยัยหญิง” ช้างน้อยแขวะครับ

“หึงเหรอ ชั้นมีสิทธิ์ด้วยเหรอ”  เอ่อ .. หญิงแก้ตัวด้วยประโยคนี้นี่นะ .. แล้วเดินนำไปอีก

“หญิง  หญิง!!” ผมเรียกชื่อเธอ

“ยัยนี่ เป็นไรของมัน” ช้างน้อยก็บ่นเหมือนกัน  ผมกับช้างน้อยเลยต้องรีบวิ่งตามไป






“น้ำมนต์”  เสียงนายปีโป้เรียกผม เมื่อผมวิ่งผ่านเขา

“มีไร” ผมหันไปถามชักสีหน้า

“นี่เรียกไม่ได้ใช่มั๊ย” นายปีโป้ก็ถามกลับมาชักสีหน้าเหมือนกัน

“ได้ แต่ตอนนี้กำลังยุ่ง” หญิงงอนผม ข้ามไปอีกฝั่งนึงแล้ว ช้างน้อยก็ตามไปโน่นแล้ว

“เอาไว้ค่อยคุยกันนะ” ผมบอกนายปีโป้ พร้อมกับเดินข้ามถนนไป และขึ้นรถสองแถวตามหญิงกับช้างน้อยไป หันไปมองนายปีโป้ที่ทำหน้างงๆ ก่อนจะขับรถตามผมมา

“หญิง โกรธอะไรน้ำมนต์เหรอ” ผมถาม

“เปล่านี่”

“ไม่จริงอ่ะ หล่อนโกหก ปกติหล่อนไม่ใช่คนแบบนี้” ช้างน้อยกระซิบบอกผม

“อย่าคิดมากหน่า หญิงไม่ได้เป็นอะไร” เธอปฎิเสธอีกครั้ง

“ยังไงหญิงก็เป็นเพื่อนรักเราเสมอนะ คำว่าเพื่อนมันเคยเปลี่ยนแปลง” ผมบอกพร้อมกับเอามือไปแต่ที่บ่าของหญิง

“อืม ขอบใจมากนะ” หญิงตอบผมแล้วก็ยิ้มมา





“น้ำมนต์ !!!” แล้วเสียงของอีกคนก็ดังตามมา

“ว้าว พี่ปีโป้เท่จังเลย ขับรถตามแกมาอย่างกับหนังมาเฟีย”  ช้างน้อยอุทานมา

“กูบอกให้ลงมาคุยกันก่อนไง”  นั่น นิสัยเถื่อนมาอีกแล้ว

“ช้าง บอกพี่แกไป ว่าค่อยคุยกัน ตอนนี้เราไม่อยากคุยอะไร” ผมบอกให้ช้างฝากบอกให้ เพราะยังไงผมก็อายเป็น

“พี่โป้ น้ำมนต์บอกว่าค่อยคุยกัน ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ที่จะคุย” ช้างน้อยรับหน้าที่สื่อประจำตัวผม  ตะโกนบอก

“ไม่ได้ กูอยากคุยกับมึงตอนนี้ ถ้ามึงไม่ลงมา กูก็จะตามอยู่แบบนี้”

“พี่โป้บอกว่า..”

“เรารู้แล้ว ถามไป ว่ามีเรื่องอะไร”

“พี่โป้ มีเรื่องอะไรคะ น้ำมนต์ถาม” ช้างน้อยตะโกนถามไปอีกรอบ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แฟนมึงเหรอ หรือมาจีบมึง หรือยังไง”





“แอ๊ดดดดดด” เสียงกริ่งคนกดลง






“เอี๊ยดดดดดดดดด” เสียงล้อรถของนายปีโป้






“เอ๊ย พี่โป้”






“เอ๊ย ระวัง”








“เอี๊ยด เอี๊ยด  โครม !!!!!!”














..............................................................................

ตอบคำถามจากแฟนนักอ่านเรื่องเป้นัทนะครับ .. เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนเรื่องเป้นัทครับแต่ไม่นาน เดี๋ยวอีกสักพักก็จะมีส่วนหนึ่งของเรื่องเป้นัทเข้ามาเกี่ยว แต่ไม่มาก เพื่อไม่ให้อรรถรสของเรื่องนี้หายไปครับ

ปีโป้อยู่ปีสามครับ โรงเรียนเทคนิคมีแค่ปีสามครับ เทียบได้กับม.6
ส่วนน้ำมนต์อยู่ปี 1 ครับ เทียบได้กับ ม.4

สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านเรื่อง เป้ นัท ก็สามารถอ่านเรื่องนี้ได้เข้าใจครับ เพราะเรื่องมันผูกกันนิดหน่อย (นิดเดียวจริงๆ)
แต่ถ้าอยากอ่านเรื่อง [CHOOSE ME !!] ภารกิจเลือกรักหนุ่มกวนโอ๊ยยย !!! ก็ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
แต่ยาวมากนะครับ season 3 แล้ว ^ ^

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=23719.0
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 02-10-2011 12:47:19
อ่านแล้วแอบสะใจ
น้ำมนต์อย่าพึ่งใจอ่อนนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-10-2011 12:55:01
 :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-10-2011 13:25:19
เกิดอารายขึ้น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] กลรัก ... เปื้อนสี ตอนที่ 5 ตามมาติดๆ 2/10/11 -0:00-
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 02-10-2011 14:25:44
ว๊ากกกกกกก เอี๊ยดดดดดด  โครมมมมม!!!!! ตายยกเรื่อง จบบริบูรณ์ วะฮ่าๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 02-10-2011 18:24:26
ตอนที่ 7.1 


“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”  ผมแหกปากร้องออกมาอย่างเสียงดัง ไม่อายคนทั้งโรงพบาบาล หมอ หรือใครๆหน้าไหนทั้งนั้น .. ก็มันเจ็บนี่ครับ

“เบาๆ หน่อย ทีไปทุบตี กต่อยกับคนอื่นไม่เจ็บเท่านี้เลยนะ” หมอครับ รักษาผมอย่างเดียวพอครับ ไม่ต้องสอนผม

“ต้องใส่เผือกไว้ก่อนนะ จะได้หายซ่าส์กับเขาบ้าง” หมอแก่รุ่นพ่อผมพูดอย่างนั้น ก่อนที่เหล่าพยาบาล บุรุษพยาบาลจะเรียงหน้ากันเข้ามา ทำอะไรก็ไม่รู้กับแขนซ้ายผม




คิดไปแล้วก็เจ็บใจ แถมอับอาย ก็ไอ้รถสองแถวบ้านั่นสิ จะจอดก็ไม่บอก แล้วไอ้เราก็ดันไปสนแต่คนบนรถจนไม่ทันได้ดู หักหลบทันที่ไหนละ ดีนะแค่เสียหลักชนฟุตบาตแล้วล้มลงมา โดนรถทับตัว แขนลงผิดทาง เลยต้องเข้าเฝือกไว้แบบนั้น คนบนรถไม่มีใครสงสารผมเลย มีแต่คนสมน้ำหน้า นายหัวรถก็ด่าแล้วด่าอีก .. ตกลงนี่กูทำผิดมากใช่มั๊ยยย .. กูเจ็บตัวนะเว๊ยยยยย







“พี่ปีโป้ เป็นไงบ้างคะ” ผมออกมาจากห้องฉุกเฉิน โดยมีน้องช้างน้อยเข้ามาทักผมคนแรก หันมองไปทางด้านหลังก็มีน้ำมนต์และหญิงนั่งรออยู่ แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจอะไรผมนัก

“ไม่เป็นไรครับ แขนหัก แค่ใส่เฝือกไว้ก่อน”

“โถๆ น่าสงสารจริงๆ คิดซะว่าฟาดเคราะห์นะคะ”  น้องช้างน้อยพูดพร้อมกับเอามือมาแตะที่เฝือกผม อารมณ์ประมาณอยากจะลูบผม แต่คงไม่กล้า





“เอ๊ย ไอ้โป้ ยังไม่ตายเหรอวะ” เสียงของกลุ่มเพื่อนผมดังมาแต่ไกลครับ

“สัด ไอ้บ่าว  มาถึงก็ปากดีเลยนะ” ผมตะโกนด่าไปด้วย

“อ้าว เอ๊ย มันยังด่าได้ แปลว่าไม่เป็นไร พวกเรากลับกันเถอะ”  ยังกวนไม่เลิกครับ





“เป็นไงบ้างมึง” ไอ้โอ๊ตถามครับ

“เออ ไม่เป็นไรมาก แขนหักนิดหน่อย สมองยังไม่เสื่อม” ผมตอบมันไป

“ได้ข่าวว่ามึงทำเจ๋ง ขับรถจีบเด็ก แล้วก็ทำล้มเรียกร้องความสนใจเหรอวะ” ไอ้เอ็มครับ ทักมาน่ารักมากกก

“พ่อมึงดิ ก็จะล้มเรียกร้องความสนใจทำไม ขนาดกูแขนหัก มันยังไม่ถามไถ่อะไรกูเลย” ผมตั้งใจจะพูดให้เสียงดัง และหันหน้าไปมองคนที่กำลังพาดพิง

“ก็เด็กมันไม่สน มึงจะไปยุ่งกับมันทำไมวะ” ไอ้โอ๊ตครับ  ย้ำอยู่นั่นแหละ

“ยุ่งเจ็บตัวไงน้องโอ๊ต ดูดิ น้องเขาเหมือนจำใจมานั่ง น่าสงสารเนอะ”

 “พี่เอกสงสารผมเหรอ”

“เปล่า พี่สงสารน้องเค้า ฮ่าๆๆ”  ดูครับ เห็นดีเห็นงาม หัวเราะกันเข้าไป

“จำไว้เลยนะ แต่ละคน”  ได้แต่บอกไว้ครับ ทำไรไม่ได้ รอให้ถอดเฝือกก่อนแล้วกัน

“โอ๊ต ไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้กูหน่อย เอากระเป๋าตังค์ไป” ผมพูดบอกไอ้โอ๊ตให้ไปจัดการธุระให้ครับ

“เออๆ” มันพูดพร้อมกับกระเป๋าตังค์ และเดินไปพร้อมกับไอ้บ่าวครับ พร้อมกับเดินสวนกลุ่มขงอน้องน้ำมนต์ที่กำลังเดินมาทางผมพอดี .. หึหึ ขอหยิ่งหน่อยเหอะ ทำไม่สนใจเราดีนัก




“พี่ปีโป้คะ หญิงกับเพื่อนขอกลับก่อนนะคะ หายไวๆนะคะพี่” น้องหญิงเป็นตัวแทนคนอื่นๆ เข้ามาบอกกลุ่มชายล้วนที่ทำหน้าหื่นอยู่ตรงนี้




“ทำไมรีบกลับละครับ ไปหาอะไรกินกับพวกพี่ก่อนมั๊ย” ผมถามไป

“เออ ใช่ๆ ไปหาอะไรกินกันก่อน” เพื่อนข้างหลังผมก็กลายเป็นลูกคู่ในทันที เห็นน่ารักหน่อยไม่ได้นะพวกมึงนี่

“ไม่ดีกว่าคะ น้ำมนต์เค้าจะกลับบ้านแล้ว”

“ไปกินอะไรกันก่อนไม่ได้เหรอ จะรีบกลับไปไหน” ผมไม่ได้ตั้งใจพูดกับน้องหญิงครับ แต่พูดผ่านหัวน้องหญิงไปคุยกับน้องน้ำมนต์

“น้ำมนต์ เอายังไงดี” น้องหญิงหันไปถามเพื่อนของเขาครับ

“แล้วแต่หญิง แล้วแต่ช้างน้อย”

“ชั้นไป คริๆ ผู้ชายทั้งนั้น หล่อๆเพ”

“ก็ได้คะ พี่ปีโป้”   ดีมากน้องหญิง ในเมื่องสองในสามเสียง ยังไงน้องน้ำมนต์ก็ต้องไป






“พี่โป้ !!!!!!!!!!!!!”  โอ๊ยยย เสียงที่ไม่ปรารถนา ดังมาแล้วครับ

“หึหึ คนของมึงมาแหนะไอ้โป้”

“ขอบคุณครับพี่เอก  ผมได้ยินแล้วครับ”

“พี่โป้ เป็นไงบ้างคะ จอยได้ยินจากเพื่อนมา ว่าพี่เกิดอุบัติเหตุ เลยรีบวิ่งแจ้นมาหาพี่ ว้ายยย แขนหักเหรอคะ เจ็บไหมคะ โอ๊ยย จอยจะเป็นลม”

“พี่ว่าน้องจอยหยุดพักให้หายเหนื่อยก่อนดีมั๊ยคะ น้องจอยจะเป็นลมกับพูดยาวๆทั้งที่ยังหอบๆนี่แหละพี่ว่า”  ผมเห็นอาการของเธอแล้วตกใจครับ ไม่รู้จะอะเลิทมากมายไปไหนกัน

“แหม พี่โป้อ่ะ ก็จอยเป็นห่วงพี่โป้นี่”  ทำไมนะ ความน่ารักของเธอถึงน้อยลง น้อยลงทุกวัน

“ครับ พี่รู้แล้วครับ  พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ผมบอกเธอครับ

“ค่ะ จอยรู้สึกโล่งขึ้นมากเลย แล้วนี่พวกพี่จะไปไหนกันคะ”

“กลับห้อง”

“งั้นจอยไปด้วย จอยขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารักเมื่อเช้านะคะ ไม่โกรธจอยนะ”  เธอพูดพร้อมกับมาควงแขนผมข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือก พร้อมกับทำท่างอนง้อผม





“งานเข้าแล้วไงมึง ไอ้โป้ กูไปก่อนนะ”  พี่เอก ไอ้โดม ไอ้เอ็ม ที่ผมซะงั้น

“เหมือนพี่ปีโป้จะไม่สะดวกแล้ว งั้นหญิง น้ำมนต์ ช้างน้อย ก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ”  น้องหญิงเข้ามาลาผมอีกคน

“อ้าว เดี๋ยวสิ ไม่ไปหาอะไรกินกันแล้วเหรอ”

“อะไรคะ พี่โป้ เห็นบอกว่าจะกลับห้องไง”  โอ๊ยย น้องจอย

“ไม่เป็นไรดีกว่าคะ ไว้คราวหน้าละกัน” น้องหญิงพูดพร้อมกับเดินไป โดยมีช้างน้อยแล้วก็น้ำมนต์เดินตาม






โอ๊ยยย ทำไมวันนี้มันโชคร้ายแบบนี้เนี่ย ล้มรถทีนึงแล้ว  ยังมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก

“จอยปล่อยพี่ก่อน” ผมบอกน้องจอย พร้อมกับวิ่งไปตามน้องน้ำมนต์

“พี่โป้ไปไหน อย่าทิ้งจอยสิ” เสียงของน้องจอยตามหลังมา







“น้ำมนต์ หยุดก่อน” ผมตะโกนเรียก

“น้ำมนต์บอกให้หยุดก่อนไง” ผมตะโกนเรียกอีกทีอย่างเสียงดัง เมื่ออยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว

“มีอะไร” น้ำมนต์หันกลับมาถามหน้านิ่ง ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรผมเลยนะเนี่ย ยังเจ็บๆอยู่ แล้วต้องมาวิ่งตามนี่นะ

“ให้กูไปส่ง”

“จะบ้าหรือไง แขนหักซะอย่างนั้น จะไปส่งได้ไงอีก”

“ให้กูนั่งรถไปกับมึง”

“อย่าบ้านะ กลับไปนอนพักกับแฟนนายเสียไป เราไม่อยากทรมารคนป่วย”

“ไหน ใครแฟนเรา เรายังไม่มีแฟน”

“งั้นก็กิ๊กนาย อย่าบอกว่าไม่ใช่อีกนะ  โน่นวิ่งแจ้นมาแล้ว เราไปละ หายไวๆ และก็อย่าขับรถตามสองแถวอีก”

“พี่โป้ รอจอยด้วย”







สิ้นบทสนทนา น้ำมนต์ ช้างน้อย และหญิงก็ขึ้นสองแถวกลับไป จริงๆเลยนะน้ำมนต์ นี่ขนาดผมเจ็บแบบนี้ ก็ไม่คิดที่จะสงสารที่จะเห็นใจอะไรผมเลยสินะ ต้องให้เจ็บมากกว่านี้หรือถึงกับตายเหรอ ถึงจะได้หันมาสนใจผมบ้าง



แล้วผมละ ทำไมถึงต้องสนใจเด็ดศิลป์คนนี้ให้มากนัก ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ ..







นี่เราคิดจะจีบเล่นๆ จะฟันเล่นๆไม่ใช่เหรอ .. แล้วนี่มันคืออะไร ?
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 02-10-2011 20:01:57
นังพี่โป้  แกเพิ่งรู้เหรอว่ารักน้องน้ำมนต์อ่ะ
จ๊าดง้าวแท้

น้ำมนต์น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 02-10-2011 20:29:38
ขอบคุณคนเขียนที่มาอธิบายสถานะของอิพี่โป้ค่ะ  :pig4:
เออเนาะ ลืมไปจริงๆ ว่าอาชีวะเค้าเรียน 3 ปี
พอดีอ่านตอนที่พี่โป้มาแนะนำตัวกับน้ำมนต์ว่าอยู่ปี 3
ส่วนเรื่องโน้น บอกแค่ว่าอิพี่โป้เป็นรุ่นพี่ชั้นปีสูงสุดของโรงเรียน เราเลยคิดไปเองว่าอยู่ปี 4 อะค่ะ

เม้นท์เรื่องบ้าง  น้องน้ำมนต์ใจแข็งมาก แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเป็นเรามีนักเลงโตมาจีบมันก็ไม่ค่อยน่าปลื้มเท่าไหร่หรอก  กลัวววววว  o22
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-10-2011 20:52:45
 o13มากน้องมนต์แบบนี้ละดีแล้ว

มีแล้วไม่รู้จักพอ เห็นแต่ละคนเป็นของเล่น ควายโป้ :z6:


การกระทำมีสมองแต่เหมือนคนไร้ความคิด คนอื่นเขาไม่ได้โง่เง่านะมึง มันยุคไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 02-10-2011 21:12:38
รอให้อิพี่โป้มันพิสูจน์ตัวเองก่อน นำ้มนต์เอาหางตาไปเหลือบมองดูนะ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-10-2011 21:14:23
นิ่งได้อีก น้ำมนต์เอ๋ย
ยัยจอยนี่ตัวเกะกะจิงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 02-10-2011 22:46:32
ฮั่นแน่  พี่โป้  o18  หลงน้องหน้ามน เอ้ย น้องน้ำมน แล้วหรอเนี่ย  :impress2: :-[


 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 03-10-2011 08:07:18
จอยน่ารำคาญมาก รีบๆทิ้งไปแล้วหันมาจีบน้ำมนต์อย่างจริงจังชะทีเหอะโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 03-10-2011 14:21:30
นายโป้ มาจีบเค้าทั้งๆที่กิ๊กอยู่ด้วยเนี่ยนะ คิดได้
ใครจะสนกันล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-10-2011 15:59:59
รออ่านอยู่นะค๊ะ ปีโป้สู้ ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: LuxThae ที่ 03-10-2011 16:22:35
เค้ารออ่านอยู่นะตะเอง >.,<   :pighaun:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.1 มาก่อนครึ่งนึง 2/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-10-2011 16:52:54
ถ้าโป้จะจีบน้ำมนต์จริงๆ ก็ควรจะจัดการปัญหาเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 03-10-2011 18:08:16
ตอนที่ 7  ระหว่างชายกับหญิง หนึ่งสิ่งที่ต้องเลือก   Part 2


“อ้าว ไปไหนกันหมดแล้ววะ” ไอ้โอ๊ตครับ เดินออกมาจากโรงพยาบาล พร้อมกับถุงยา หลังจากที่มันไปจัดการเรื่องการเงินเสร็จ

“กลับกันหมดแล้วแม่ง  ไอ้โอ๊ต ไปส่งกูกลับหอหน่อย ไอ้บ่าวมึงพาน้องจอยไปส่งหอให้กูด้วย” ผมบอกพวกมัน

“ไม่เอา จอยอยากไปหอกับพี่โป้ด้วย” น้องจอยเริ่มโวยวาย ยิ่งทำให้ผมอารมณ์เสีย

“กลับไปอยู่หอก่อนไป พี่กำลังอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากลงไม้ลงมือ” พูดไปงั้นแหละครับ เอาเข้าจริงผมก็ไม่ทำไรผู้หญิงหรอก ถึงเป็นนักเลงก็เป็นสุภาพบุรรุษครับ

“ไปครับน้องจอย” ไอ้บ่าวพูดบอก

“ไว้จอยโทรหานะคะ” น้องจอยบอกลาผมหน้าเฉาเชียว








“หงุดหงิดไรอีกวะ หน้าหมาไม่แดกเลย” โดยไอ้โอ๊ตหลอกด่าอีกกู

“ไม่รู้วะ กลับหอกันเถอะ”  ไม่ใช่ไม่รู้หรอกนะครับ แต่เหมือนมันเยอะ เยอะจนบอกไม่ถูกว่าจริงๆแล้วไม่พอใจอะไร ไม่พอใจน้องจอยที่เข้ามาขัดจังหวะ ไม่พอใจน้ำมนต์ที่ทำเป็นไม่สนใจ หรือไม่พอใจตัวเองที่ดูหวั่นไหว และไม่เข้าใจว่าต้องการอะไรจากไอ้หนุ่มหน้ามนคนนั้นกันแน่






“ไอ้โอ๊ต มึงว่าน้องจอยเป็นไงบ้างวะ” ผมถามมันขณะที่เราทั้งสองถึงหอผมแล้ว ซึ่งผมกำลังนอนอยู่บนเตียง เอามืออีกข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกก่ายหน้าผากอย่างเครียดๆ ส่วนไอ้โอ๊ตก็นั่งอยู่บนพื้น กำลังแกะอาหารที่มันแวะซื้อก่อนเข้าหอมาให้ผม

“ก็ดี น่ารักดี แต่ขี้วีน ขี้น้อยใจไปหน่อย” มันตอบมามองหน้าผม ก่อนจะก้มแกะถุงแกงต่อ

“แล้วน้องน้ำมนต์ละ”  ผมถามมันอีกที

“ก็ดี น่ารักดี แต่หยิ่งไปนะ”

“ก็ดี น่ารักดีทั้งสองคนเลยนะมึงอ่ะ ถ้าให้มึงเลือก มึงจะเอาใครเป็นแฟน”

“ให้กูเลือกเหรอ”  ไอ้โอ๊ตเลิกสนใจกับถุงกับข้าวข้างหน้า มันหันหน้ามามองผม แล้วครุ่นคิด แต่สีหน้าและแววตาของมันเหมือนกำลังบอกอะไรผม มากกว่าที่มันจะพูดออกมา  .. ทำไมต้องจ้องหน้ากูด้วยวะ กูถามแค่นี้เองนะ

“กูไม่เลือกสองคนนั้นหรอก กูมีคนที่กูรู้สึกดีอยู่แล้ว”  มันตอบแล้วยิ้มให้ผม ก่อนจะก้มหน้าแกะถุง้ขาวเทใส่จานต่อไป

“รู้สึกดีอยู่แล้วเหรอ ใครวะ”  ไอ้ผมก็พวกสอดรู้ด้วยสิ เลยถามไปทันทีที่อยากรู้





“สักวันหนึ่ง มึงจะรู้เป็นคนแรก” 





ประโยคสั้นๆประโยคนั้น เล่นเอาผมขนลุกทะลุเฝือกกันเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็นานๆทีจะเห็นไอ้โอ๊ตทำหน้าจริงจัง แต่สายตาของมันแฝงด้วยรอยยิ้ม แล้วมุมปากลักยิ้มของมันอีก .. หน้าตามันน่าสงสัย มีพิรุธมากๆ





“มามึง ลงมากินอะไรหน่อย จะได้กินยาแล้วนอนพักซะ พรุ่งนี้มึงต้องปวดเมื่อยมากกว่านี้แน่ๆ” ไอ้โอ๊ตเรียกผมลงไปกินข้าวครับ ก็นั่งกินกับมันนั่นแหละ ดีหน่อยครับที่แขนข้างขวาผมยังใช้งานได้ ถึงจะเข็ดๆ เมื่อยๆนิดหน่อย ก็ทนฝืนกินได้  นี่ถ้าได้ไปกินข้าวกับน้ำมนต์นะ จะอ้อนให้มันป้อนให้หน่อย คิดแล้วก้เสียดายจริงๆ




“มึงชอบน้องมนต์เค้าแล้วเหรอวะ”  อยู่ๆไอ้โอ๊ตก็ถามผมมา

“ก็ชอบสิ ไม่ชอบกูจะตามจีบทำไม”

“กูไม่ได้หมายความว่าชอบแบบนั้น  เอาไงดี หมายถึงรักอ่ะ มึงรักน้องเค้าแล้วเหรอ”  มันอธิบายคำถามของมันใหม่

“รักเหรอ” ผมทวนคำถามมัน พร้อมกับตักข้าวใส่ปาก สมองก็คิดทบทวนมากมาย





ตอนแรกที่ผมเข้าไปจีบ  ก็เพราะว่ามันน่ารัก น่ารักแบบผู้หญิง แต่อยู่ในร่างของผู้ชาย แค่อยากได้ อยากชื่นชมให้สมใจ แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันก็เท่านั้น




แต่ตอนนี้อะไรมันก็ไม่เหมือนอย่างที่ใจคิด จากเมื่อก่อนแค่กระดิกนิ้ว คืนนั้นทั้งคือก็หฤหรรษ์   จบลงบนเตียง อาจมีระยะเวลาผูกพันรายสัปดาห์ รายเดือน แต่ไม่มีใครคบกับผมนานเกิน 3 เดือน ไม่เขาเบื่อ ผมก็เบื่อ เพราะเราต่างโหยหากันแค่ร่างกาย ไม่มีใครคนไหนเข้าถึงหัวใจของผมสักคน ..




และผมก็คิดว่าคนๆก็เหมือนกัน ..




แต่ที่แตกต่างอีกอย่าง ผมก็ยังไม่เคยจะลองคบหาใครพร้อมกับสองคน ส่วนมากผมก็จะคบเป็นคนๆไป เพราะถึงจะเป็นแค่กิ๊ก หรือว่ายังไง ก็อยากให้เกียรติเขาบ้าง แต่พอครั้งนี้ ทั้งที่มีน้องจอยอยู่ แต่ทำไมผมยังอยากจะเข้าไปครอบครองเด็กคนั้นจังเลยนะ




“ไอ้โป้ ไอ้โป้  สัดโป้ !!!”

“เอ๊ย มีไรวะ” เสียงของไอ้โอ๊ต เล่นเอาทำลายความคิดของผมไปหมด

“มึงอ่ะ เป็นอะไร นั่งเหม่อเชียว  คิดไรอยู่”

“คิดถึงน้องน้ำมนต์”

“บร๊ะ  เป็นเอามากนะมึง”










“กูว่ากูจะเลิกกับน้องจอยแล้ววะ”





................................................................
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 03-10-2011 18:34:00
อัยย๊ะ หรือว่าโอ๊ตชอบโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: LuxThae ที่ 03-10-2011 19:32:25
หนูโอ๊ต ชอบใครเนีย น่่าสงสัย  >w<" :impress2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-10-2011 20:35:11
จะเลิกแล้วก็ให้เด็ดขาดด้วยนะครับคุณชายปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 03-10-2011 20:49:52
เลิกเลย เอาหั้ยแน่ โป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-10-2011 20:57:25
มีดีอย่างเดียวคือคบทีละคน --"
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-10-2011 21:15:19
ตัดสินใจได้ดี ปีโป้เอ๋ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 03-10-2011 21:32:48
อ้าว เพื่อนโอ๊ต จะมาเป็น เพื่อน...กูรักมึงว่ะ กะเค้าบ้างหรือนี่
ดูแลกันซะขนาดนี้ สงสัยเรื่องนี้มีแห้วกระจายแน่

อิพี่โป้จะเลิกกับน้องจอยก็เอาให้เคลียร์ๆ นะ อย่าให้เจอว่าชะนีตามไประรานน้องน้ำมนต์ล่ะ
เดี๋ยวเจอถาดสีไม้พู่กันของน้ำมนต์และผองเพื่อนเขวี้ยงใส่ จะหาว่าคนอ่านไม่เตือน   :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 03-10-2011 21:40:09
ผมว่าแล้ว  ว่าโอ๊ตต้องแอบชอบพี่ปีโป้ของเรา (ของมึงตอนไหนวะ :z6:)

รอนะครับผม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 03-10-2011 23:21:54
โอ๊ตชอบโป้ชัวร์ป้าบบบ
คิดถึงน้ำมนต์จัง รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-10-2011 00:47:14
 :กอด หาความจริงใจจากไอ้โป้ไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-10-2011 01:07:56
 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 04-10-2011 06:26:53
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 04-10-2011 10:08:50
กรี๊สสสสสส เรื่องกำลังเข้มข้น เลิกกับนังจอยซะเดี๋ยวนี้เลยนะนังปีโป้

รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ ยะฮู้ววววว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 04-10-2011 12:20:56
ดีแล้วโป้เลิกกับจอยแล้วจะได้จีบน้ำมนต์เต็มที่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 05-10-2011 01:28:14
เมื่อไหร่จะมาลงตอนใหม่ล่ะผู้แต่งงงงงง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiinZ ที่ 10-10-2011 20:48:15
จิ้มก้นพี่ช้างน้อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สะจายยย :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 10-10-2011 22:00:05
จิ้มก้นพี่ช้างน้อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สะจายยย :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ร้ายกาจนักนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 10-10-2011 23:50:18
เพิ่งตามอ่านค้าบ

อิอิ

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiinZ ที่ 11-10-2011 01:11:34
ร้ายกาจนักนะ

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-10-2011 14:51:57
ดันๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: ChiinZ ที่ 14-10-2011 00:32:10
มารอคอย  มาต่อเหอะคร๊าบบบ บ   บ :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 18-10-2011 09:38:55
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 7.2 ครึ้งหลังมาแล้ว 3/10/11
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 20-10-2011 18:08:53
ว๊าววว!!! ชอบอะ
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 8 อัพใหม่แก้ระบบล่ม !!!
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 22-10-2011 12:36:26
เป็นตอนเก่าที่เคยลงไว้ ,, แต่บอร์ดล่มไป และหาย

เลยนำมาลงใหม่นะครับ ..

ส่วนต่อไปรอก่อนนะครับ  ..

ขอโทษที่หายไปนานพอดีไปต่างจังหวัด และติดน้ำท่วมแหะๆๆ


ตอนที่ 8  ขนาดเข้าเฝือก  .. ยังป่วนกวนใจ


รู้สึกใจไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ เหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุให้คนอื่นต้องได้รับบาดเจ็บ ถึงจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ตัวเองก็มีส่วนผิดอยู่ดี  นี่ถ้าเราลงมาคุยกับเขาตั้งแต่ตอนแรก เขาคงไม่เจ็บแบบนี้ก็ได้  แล้วอาการท่าทางที่ทำเป็นหยิ่งยโสของเราอีก ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเราถึงไม่อยากแสดงอาการเป็นห่วงให้กับคนๆนั้นนะ .. ถ้าถามว่าเป็นห่วงมากเหรอ คงตอบว่าไม่ เพราะแค่เป็นหัวในฐานะคนต้นเหตุ ... เท่านั้น


“น้ำมนต์ คิดอะไรอยู่เหรอ” หญิงถามผมเมื่อเราสามคนนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านป้าตามสั่งของอีกวันนึง

“อ๋อ เปล่าหรอก คิดถึงงานโปรเจคศิลปะนะ”  ผมพูดโกหกไป

“จริงเหรอ ชั้นนึกว่าแกคิดถึงพี่ปีโป้” ช้างน้อยนี่อ่านใจคนได้เหรอนี่

“เปล่าซะหน่อย ทำไมเราต้องคิดถึงด้วยละ” ผมบอกพวกเขาไป

“แต่หญิงว่า น้ำมนต์ก็น่าจะไปเยี่ยมพี่เค้าหน่อยนะ อย่างน้อยๆเราสามคนก็เหมือนเป็นต้นเหตุ” หญิงเล่า

“ใช่ ชั้นก็คิดเหมือนหญิง” ช้างน้อยเสริม

“จำเป็นด้วยเหรอ  คนดูแลเขาคงเยอะแยะไปหมดแล้ว”

“นี่แกกำลังหึงนังชะนีจอยนั้นใช่มั๊ย” ช้างน้อยซัดใส่ผมทันที

“จะหึงทำไม อยากไปก็ไป จะไปตอนไหนละ” ไม่อยากพูดอะไรมากครับ เดี๋ยวเขาจะหาว่าอย่างโน้น อย่างนี้ ตามน้ำไปแล้วกัน

“เอาหลังเลิกเรียนวันนี้เสร็จแล้วกัน ไปถามที่อยู่จากพี่เอ็มเอา ดีมั๊ย” หญิงเสนอความคิดที่น่าจะเป็นเช่นนั้น ผมกับช้างน้อยได้แต่พยักหน้ารับกันเบาๆ





“หนูน้ำมนต์  ป้าได้ยินว่าไอ้ปีโป้มันล้มรถเหรอ มันเป็นไงบ้าง ป้าได้ยินเด็กๆแถวนี้เค้าพูดกัน” ในขณะที่เรากำลังคุยกัน ป้าตามสั่งก็มาถามข่าวคราวของนายปีโป้จากพวกผมครับ

“อ๋อครับ แขนหักเข้าเฝือกอยู่ครับป้า แต่ก็คงยังซ่าได้เหมือนเดิม” ผมตอบแล้วยิ้มๆให้

“ป้าก็คิดแบบนั้น  อย่าไอ้โป้เหรอ จะหยุดซ่า งั้นป้าไปผ้ดข้าวต่อละ แค่อยากมารู้ว่ามันตายยัง”  ป้าแกแอบพูดติดตลก ก่อนจะเดินเข้าครัวไปต่อ

“ป้าแกกลัวเมาท์กับคนอื่นไม่รู้เรื่องนะ เลยมาถามแก” ช้างน้อยพูดกับผมเมื่อเห็นป้าตามสั่งเดินไปแล้ว

“แล้วทำไมต้องมาถามเราอ่ะ ไม่ถามเธอกับหญิงละ” ผมย้อนไปถามช้างน้อย

“แหม .. ก็รู้ๆกันอยู่” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเอามือกอดอก และแสยะปากให้ผม

“ไปเรียนกันเถอะ เลิกแล้วจะได้ไปเยี่ยมพี่โป้กัน” หญิงบอกพวกเราสองคน ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเห็นด้วย เก็บกระเป๋าไปเรียน





ชีวิตของเด็กเรียนสายอาชีพอย่างพกวเรา วันๆนึงก็เรียนไม่เยอะหรอกครับ แล้วพวกผมก็อยู่ปีหนึ่งด้วย ก็เลยเน้นเรียนวิชาสามัญก่อนเป็นหลัก ซึ่งวาพวกนี้จะเรียนทั้งวันของวันจันทร์และอังคาร แต่พอพุธ พฤหัส และศุกร์ พวกเราก็จะเรียนวิชาสาขา ซึ่งแล้วแต่ใครเลือกเรียนและเลือกลงครับ แล้วแต่ความถนัด ความชอบเลย




“พี่เอ็ม เจอพอดีเลย พี่เอ็มกำลังจะไปไหนคะ” หญิงเรียกพี่เอ็ม เมื่อเราทั้งสามกำลังเดินออกนอกโรงเรียน เพื่อไปเยี่ยมนายปีโป้ตามที่ตกลงกันไว้

“อ๋อ พี่ว่าจะไปหอไอ้โป้มันหน่อย เรามีอะไรเหรอ” พี่เอ็มตอบและถามต่อ

“อ๋อ ดีเลยคะ พวกเราก็จะไปเยี่ยมพี่ปีโป้เหมือนกัน ให้พวกเราไปด้วยคนนะคะ” หญิงตอบพี่เอ็มไป

“อืม ได้ครับ แล้วจะไปกันยังไงละ”

“ก็คงนั่งสองแถวกันไป แล้วพี่เอ็มละ”

“พี่เอามอไซค์ไป เอางี้เดี๋ยวเพื่อนพี่มันจะไปหาไอ้โป้ด้วย เดี๋ยวให้มันมารับพวกน้อง แล้วไปพร้อมกัน”

“ไม่เป็นไรดีกว่าคะ เดี๋ยวเราสามคนนั่งสองแถวไปก็ได้ เกรงใจพวกพี่เปล่าๆ”

“เอ๊ย ไม่เป็นไร ยังไงพวกมันก็ต้องผ่านทางนี้ งั้นรอแป๊บนะ”




บทสนทนาของพี่เอ็มกับหญิงสิ้นสุดลงเมื่อพี่เอ็มเดินไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเขา ผมพอจะจับใจความได้ว่า เราจะไปหานายปีโป้พร้อมกับพี่เอ็มและเพื่อนๆ โดยซ้อนมอเตอร์ไซค์ของพวกพี่ๆเขาไป .. อืม  ได้แว๊นกันอีกละ




เวลาผ่านไปสักพักนึง เพื่อนพี่เอ็มอีกสองคนก็ขับรถมาเทียบฟุตบาตที่เรากำลังยืนคอยอยู่ ซึ่งทั้งสองคนที่ขับรถมา ผมคุ้นหน้าอยู่หนึ่งคน คนที่น่าจะเป็นเพื่อนของนายปีโป้ และเคยเจอที่โรงพยาบาล ส่วนอีกคนไม่คุ่นหน้าเลย

“นี่เพื่อนพี่ คนนี้ชื่อบ่าว คนนี้ชื่อเดช” คนที่คุ้นคือบ่าว และคนที่ไม่คุ้นคือเดช

“เดี๋ยวน้องช้างน้อยไปกับไอ้บ่าว น้องน้ำมนต์ไปกับไอ้เดช ส่วนน้องหญิงไปกับพี่นะ”  พี่เอ็มพูดจัดการการนั่งรถให้พวกผมเสร็จสรรพ  ผมมองสภาพรถเลยเข้าใจว่าทำไมถึงให้หญิงไปกับพี่เอ็ม เพราะสภาพรถดูเป็นรถที่สุดแล้ว

“ชื่อน้ำมนต์เหรอ ชื่อน่ารักดีนะ” ทันทีที่ขึ้นรถของเพื่อนพี่เอ็ม หรือพี่เดชได้ พี่เขาก็ทักผมทันที

“อ่า ขอบคุณครับ” ผมได้แต่ตอบไปสั้นๆแบบนั้น ก่อนที่การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจะเข้ามาแทนที่





ชั่วอึดใจเดียวด้วยการลัดเลาะถนนอย่างชำนาญของพวกพี่ทั้งสามคน เราก็มาอยู่ที่ใต้หอของนายปีโป้ ซึ่งพี่เอ็มคงโทรมาบอกคนป่วยล่วงหน้า นายปีโป้จึงลงมารอใต้หออยู่แล้วกับพี่โอ๊ต เพราะผมคิดว่าถ้าขึ้นไปทั้งหมดนี้บนห้องของนายปีโป้ เราคงขี่คอคุยกัน นายปีโป้กำลังนั่งยิ้มมองมาทางผม จนผมต้องหลบสายตา



“เกาะพี่ซะแน่นเลย กลัวเหรอ” พี่เดชถามผม เมื่อพี่แกถอดหมวกลงจากรถ

“เปล่าครับ” ผมตอบแกไป แต่ที่ผมเกาะก็ไม่ใช่อะไร มันเป็นไปตามสัญชาตญาณความปลอดภัย

“ทีหลังกอดที่เอานะ ไม่ต้องจับชายเสื้อ เสื้อพี่จะขาดเสีย” พี่แกพูดมายิ้มๆให้กับผม พี่เดชเป็นเพื่อนในกลุ่มของนายปีโป้ที่หน้าตาใช้ได้เลยครับ เพราะความคมเข้มแบบหนุ่มใต้ คิ้วที่หนาดก หน้าที่เนียนใสรับกับทรงผมที่ไว้ยาวเป็นรากไทร และความสูงและร่างกายที่บึกบึน พี่แลเลยดูเป็นคนที่น่าคบหามากกว่านายปีโป้เจ้าเล่ห์นั้นมากมาย


“น้องน้ำมนต์ระวังหลุม”

“โอ๊ย !!” ด้วยความที่เดินใจลอย ไม่ทันได้ระวัง และไม่ทันได้ฟังพี่เดชบอก ผมเลยเดินพลาดตกหลุมที่เกิดจากบล็อกตัวหนอนหลุดหายไป

“เดินไม่ดูทางเลย ดูสิ เกือบล้มหัวฟาดพื้นแล้วไง” ดีนะครับ ที่พี่เดชรับผมไว้ทัน ไม่งั้นคงล้มอย่างที่พี่เค้าบอก

“ขอบคุณครับ พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ผมบอกพี่แก พร้อมกับพยายามพยุงตัวเองขึ้น

“เป็นไรมียน้ำมนต์” หญิงหันมาถามผมครับ

“ไม่เป็นไร เราแค่เดินตกหลุมนิดหน่อย” ผมบอกเธอไป ก่อนจะเดินไปต่อไปที่เป็นมุมนั่งเล่นของหอพักนี้






“ไงมึง อยู่ยังไง ถึงได้ไปวัดถนนเล่นวะ” พี่เดชเริ่มทักนายปีโป้

“ไม่มีไร แค่ว่างๆ อยากเอาหน้าหล่อๆ ลองไปทาบเล่น” นายปีโป้สวนกลับมา แต่แววตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่ผม มันไม่ใช่แววตาที่ผมเห็นเมื่อตอนแรกที่ลงรถมา แต่มันกลับเป็นแววตาที่ดูดุดันกว่านั้น  เหมือนกับไม่พอใจอะไรผม .. อะไรอีกละ ผมเพิ่งจะมาถึงนะเนี่ย

“แต่หน้ามึงก็ไม่เป็นอะไรนี่ ลงสัยมันจะหนากว่าคอนเกรีต”

“สัด ถ้ามาแล้วหาเรื่องกลับไปเลยไป ขากูไม่เจ็บ กูยังเตะคนได้” ดูเขาครับ เพื่อนเค้าอุตส่าห์มาเยี่ยม กลับไล่อีก

“พี่ปีโป้เป็นยังไงบ้างคะ หญิง ช้างน้อยกับน้ำมนต์ตั้งใจจะมาเยี่ยม แต่ไม่ได้ซื้อไรติดมือมาเลย พอดีมากับพี่เค้า ลืมบอกให้แวะซื้อของเยี่ยม” หญิงทักนายปีโป้ไป

“ไม่เป็นไรครับน้องหญิง ไม่ต้องเอาของเยี่ยมอะไรมาเยี่ยมก็ได้ พี่ไม่ใช่คนป่วยอะไร ช่วงนี้ก็แค่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว แล้วก็รำคาญไอ้เฝือกนี่เฉยๆ  ขอบใจนะที่มาเยี่ยม” 

“ไม่เป็นไรคะ”

“แล้วมึงละ มาเยี่ยมแล้วจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” นายปีโป้หันมาถามผมครับ  ใช้ภาษาเถื่อนได้อีก

“เราเหรอ ?” ผมหันไปย้ำเพื่อความแน่ใจ

“เออ มึงนั่นแหละ”

“อืม หายไวๆนะ”

“แค่นี้”

“แล้วจะเอาแค่ไหน”

“เอาเยอะกว่านี้”

“หายไวๆ นะ ... ครับ”

“กวน”




นายปีโป้ๆค่อยยิ้มออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่ดูหงุดหงิดจากอะไรก็ไม่รู้เมื่อครู่  ไม่ต่างกับที่นายปีโป้เคยชมผมหรอกครับ ว่าถ้าผมยิ้มแล้วผมน่ารักขึ้น เพราะนายปีโป้ก็เช่นเดียวกัน .. เมื่อเขายิ้ม ความเป็นเด็กช่างกวนตีนของเขา ก็เหลือแค่เด็กตี๋ที่ทะเล้นๆ เท่านั้น




“เอ๊ยย  กินส้มตำกันดีมั๊ย ” พี่เอ็มพูดขึ้นเพื่อถามความเห็นทุกคน

“เออ ดีๆ กูกำลังหิวพอดี” พี่บ่าวออกความเห็น

“ดีเลยคะ ช้างน้อยอยากจกปลาร้า”

“เอ๊ย น้องช้าง  กินปลาร้าด้วเหรอครับ”

“ช้างน้อยคะ พี่บ่าว ช่วยเรียกให้มันเต็มๆสักนิด”

“เออ นั่นแหละ น้องช้างน้อยกินปลาร้าด้วยเหรอ”

“ก็เบาๆอ่ะคะ แค่อยากรับรู้รสชาดอาหารไทย” ช้างน้อยตอบมาอย่างหน้าเหนียมอาย

“งั้นเอาตามนี้ กินส้มตำกันนะ” พี่บ่าวกล่าวสรุปอีกที





แล้วพวกเราทั้งหมดก็เคลื่อนพลมาที่ร้านส้มตำ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ คนจากช่วงเที่ยงก็ทยอยไปหมดแล้ว  ร้านเลยดูโล่ง  พวกเราเลยนั่งกันได้แบบไม่อึดอัด  รายการอาหารถูกสั่งมาเยอะแยะมากมาย จากการสั่งออร์เดอร์ของช้างน้อย พี่บ่าว และพี่เอ็ม  ผมถูกจัดที่นั่งให้นั่งข้างกับพี่ปีโป้ ตามความต้องการของคนป่วย แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมพี่เดชต้องมานั่งใกล้ผม เลยทำให้ผมไม่ได้นั่งติดเพื่อนคนไหนๆเลย  ..




แล้วผมจะคุยกับใครละเนี่ย ??




“น้องน้ำมนต์เรียนสาขาอะไรครับ” พี่เดชเริ่มชวนผมคุยครับ

“เรียนวิจิตรศิลป์ครับ” ผมตอบพี่แกไป

“แล้วพี่ละครับ” พร้อมกับถามแกกลับบ้าง

“พี่ไม่เรียนแล้วครับ พอดีเรียนช่างกลกับพวกไอ้โป้ไรนี่แหละ แต่หัวไม่ดี เลยออกมาช่วยกิจการที่บ้าน “ พี่แกตอบมาดูดี คงเป็นสคริปต์ที่เตรียมไว้เวลาใครถามถึงการเรียน



“น้ำมนต์  หยิบแก้วน้ำให้หน่อย”  นายปีโป้พูดแทรกขึ้นมา ระหว่างบทสนทนาระหว่างผมกับพี่เดช

“ทำไมไม่หยิบเองละ” ผมหันไปถามเขา

“ก็มือชั้นเจ็บ แล้วชั้นจะหยิบยังไง”

“เจ็บมือซ้าย ก็หยิบมือขวาได้นี่”

“ชั้นหยิบไม่ถึง”  โกหกชัดๆ แก้วน้ำอยู่ตรงหน้าทำไมจะหยิบไม่ถึง แล้วดูทำหน้าทำตา น่าหมั่นไส้ชะมัด

“อ่ะนี่ กูหยิบให้”  ไม่ใช่ผมนะครับ แต่เป็นพี่โอ๊ตที่นั่งถัดไปจากนายปีโป้ เป็นคนหยิบให้

“ขอบใจมึงมากไอ้โอ๊ต แต่กูไม่ได้ขอให้มึงช่วย ก็นั่งเฉยๆไป”  นายปีโป้หันไปดุเพื่อนของเค้า

“อะโด่ กูอุตส่าห์หวังดี โดนด่าอีก” พี่โอ๊ตบ่นออกมาเบาๆ  แต่หน้าตาแกเหมือนจะดูจริงจัง




“แล้ววันนี้มึงจะกลับตอนไหน” นายปีโป้หันมาถามผม

“ก็กินเสร็จคงกลับ นายมีอะไร”

“เปล่า แค่อยากไปส่ง”

“ไปส่งอีกแล้ว จะบ้าหรือไง แขนยังใส่เฝือกอยู่ไม่เห็นเหรอ”  เป็นอะไรของนายนี่ ถึงได้อยากไปส่งนัก

“ให้ไอ้โอ๊ตขับ แล้วซ้อนสามกันไปไง ไม่เห็นยากเลย”

“ไม่ต้องเลย รอให้หายก่อน แล้วค่อยไปส่ง”

“มึงบอกแล้วนะ ว่าแขนกูหายจะให้กูไปส่ง”

“ถึงเวลานั้น แล้วค่อยมาคุยกัน”

“ไม่เอาละ ถ้าแขนกูหาย มึงต้องให้กูไปส่งมึงทุกวันเลย”

“แล้วน้องจอยมึงละวะ  มึงไม่ต้องไปส่งแล้วเหรอ” พี่เดชที่นั่งฟังเราคุยกันก็สวนขึ้นมา

“กูเลิกแล้ว และกูก็กำลังจะจีบคนใหม่” นายปีโป้หันไปพูดกับพี่เดช โดยผ่านทางหน้าของผม ด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง

“เปลี่ยนแฟนบ่อยจริงๆนะมึงเนี่ย แล้วคราวนี้ใครอีกละ แล้วจะคบกันได้นานเท่าไหร่กัน”  พี่เดชก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ทำไมผมรู้สึกว่าสองคนนี้เขาไม่ค่อยถูกกันยังไงยังงั้น

“คนนี้กูตั้งใจ กูจริงจัง และกูก็จะไม่เล่นเหมือนคนก่อนๆแล้ว มึงจำไว้”

“แล้วใครกันวะ ..อย่าบอกนะว่า”   ไม่ต้องบอกครับ ว่าตอนนี้หน้าของทั้งสองหันหน้ามาที่ใคร  ทั้งพี่เดชและนายปีโป้พร้อมใจที่จะมองมาทางผม  โดยที่สายตาของนายปีโป้นั้นดูจะจริงจัง ส่วนของพี่เดชนั้นก็เต็มไปด้วยความตกใจ







“เออ คนนี้แหละ ... รู้แล้วก็ห่างๆไว้”

หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 9 อัพใหม่แก้ระบบล่ม !!!
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 22-10-2011 12:40:19
ตอนที่ 9   ไม่ผิดใช่ไหม .. ที่รักใครไม่เป็น


ไม่บอกก็รู้ครับ ว่าไอ้เดช เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของผมคนนี้ มันคิดยังไงกับไอ้เด็กน้ำมนต์  เห็นแค่แววตาที่มันมองน้องน้ำมนต์ ก็รู้ถึงจิตใต้สำนึกมันแล้วครับ  ไม่ไม่รู้ ว่าไอ้เดชมันก็เป็นเหมือนผม ที่มีนิสัย หญิงก็ได้ ชายก็ดี ฟันฟรีเอาหมด และผู้หญิงที่ร้านเหล้าวันนั้น ไม่อยากจะพูดของเพื่อน ว่าเด็กล่า ไม่แพ้มันนั่นแหละ นั่งจึงไม่ต้องถามเรื่องความสัมพันธ์หลังจากนั้นของทั้งสองคน
 

ผมเคยบอกแล้วใช่มั๊ยครับ ว่าไอ้เดชมันเคยแย่งกิ๊กผม  เรียกว่าแย่งคงไม่ใช่ เพราะไอ้เดชมันก็แทบจะไม่ได้ทำอะไร กิ๊กผมตอนนั้นต่างหาก ที่มันร่านไม่รู้จักพอ ได้ผมแล้ว แต่ก็ยังอยากจะได้เพื่อนผมอีก  แต่ผมก็คงลืมบอกไป ว่ากิ๊กผมคนนั้น เป็นเด็กผู้ชาย



“เออ คนนี้แหละ .. รู้แล้วก็ห่างๆไว้” ผมบอกไอ้เดช พร้อมกับข่มขู่ทางสายตา ไอ้เดชเห็นถึงกับผงะไปพักนึง ส่วนน้องน้ำมนต์ไม่ต้องพูดถึง หน้าตอนนี้บึ้งตึงอย่างกับหมีกินผึ้งมา

“พี่เอ็ม ขอน้ำมนต์ไปนั่งตรงนั้นได้มั๊ย” นั่นไงครับ แสดงถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ทำไมต้องเปลี่ยนที่นั่ง” ผมถาม

“อยากไปนั่งใกล้หญิง”

“มึงโกหก”

“ไม่อยากจะนั่งใกล้นาย ... ความจริงแล้ว พอใจยัง”  มันพูดพร้อมกับลุกขึ้นไป แล้วไปยืนที่ไอ้เอ็ม เพื่อกดดันให้ไอ้เอ็มลุกขึ้น ไอ้เอ็มหันมามองหน้าผมนิดนึงเชิงถามว่าเอาไง ผมพยักหน้าส่งๆไป ยังไงน้ำมนต์ก็โกรธแล้ว ไม่อยากจะให้โกรธมากกว่านี้


“งานเข้าแล้วไงพี่ปีโป้” ช้างน้อยพูดขึ้นมาอย่างกับรู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นยังไง





ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปฝั่งน้ำมนต์

“หญิง พี่ขอนั่งตรงนี้ได้มั๊ย” ผมขอร้องหญิง

“เอ่อ ..”

“พี่จะนั่งตรงนี้ !!” ตอนนี้กลับกลายเป็นบังคับละ  หญิงเลยต้องจำใจลุกขึ้น ทั้งๆที่มีมึงน้ำมนต์ดึงไว้ แต่เธอก็เดินไปนั่งอีกทางจนได้ บรรยากาศบนโต๊ะดูอึมครึมไปหมด แม้กระทั่งพนักงานที่มาเสริฟส้มตำ ยังกล้าๆกลัวๆที่จะเสริฟ




“ชอบทำนิสัยเถื่อนๆแบบนี้ตลอดสินะ” ยังไม่ทันนั่งครับ ก็โดนคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าด่าซะละ

“ก็มึงทำตัวให้กูต้องเถื่อน” ผมพูดพร้อมกับนั่งลง

“ตัวเองไม่เคยจะผิด” น้ำมนต์พูดออกมาเบาๆ

“กูยอมรับกูผิด แต่กูจะทำให้มันกลายเป็นถูก”

“คิดไปเอง”

“เอ๊ะมึงเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกเถียง เห็นมั๊ยกูเจ็บแขนอยู่” ผมเริ่มเอาแขนที่เข้าเฝือกมาอ้าง

“..” มันกลับเงียบแทน เออ ดี เจ๋ง

“ทำไมต้องเปลี่ยนที่นั่ง ไม่พอใจอะไรกู กูพูดอะไรผิด” ผมถามมัน

“ก็แค่อยากให้นายคุยกับเพื่อนได้สบายขึ้น”

“โกหก”

“อืม”





อีกแล้วครับ ทำไมต้องจบประโยคด้วยคำว่าอืมด้วย ผมละเบื่อจริงๆ เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเลย




“ว้ายยย ปลาร้ามาแล้ว กลิ่นหอมมาเชียว มาจกกันเถอะค่า ... ช้างน้อยเครียดจนน้ำย่อยกัดกระเพราะหมดแล้ว” น้องช้างน้อยคงเห็นว่าสถานการณ์ดูไม่เข้าท่า เลยชวนให้ทั้งโต๊ะคลื้นเคลง

“พี่บ่าวว่าน้องช้าง ใช้มือจกก็ได้นะครับ จะได้อินๆไง” ไอ้บ่าวก็เริ่มชวนช้างน้อยคุยเล่น

“พี่บ่าวคะ หนูบอกกี่ครั้งแล้วว่าหนูชื่อช้างน้อย เรียกหนูว่าช้าง เดี๋ยวแม่ก็ตกมันให้ดูเสียนี่”

“จ้าๆๆ  อ่ะนี่เอาไก่ไปกินนะจ๊ะ อย่าตกมันเลยนะ”



และก็เป็นจริงอย่างที่พวกมันสองคนอยากให้เป็น บรรยากาศรอบโต๊ะก็ดูครึกครื้นขึ้น น้ำมนต์ดูมีรอยยิ้มมากกว่าเมื่อกี้ หันไปมองไอ้เดช ก็ยังมองมาทางน้ำมนต์ไม่หยุด มันคงรู้สินะ ว่าน้ำมนต์กำลังไม่พอใจผม ..


นี่มึงจะแย่งของกูอีกแล้วเหรอ ...



ไม่สิ , ผมแค่วิ่งนำมาก่อน .. และมันอาจจะกำลังวิ่งตามหลัง



ยังไม่มีใครถึงเส้นชัยทั้งนั้น ..





“กินไรมั๊ยมึง เดี๋ยวกูตักให้” ผมถามน้ำมนต์

“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ก่อนจะช่วยคนอื่น” 

“งั้นมึงก็ฉีกไก่ให้กูหน่อย กูอยากกิน”  ไม่ให้ผมช่วย ก็ต้องมาช่วยผม

“วุ่นวาย”  น้ำมนต์หันมาด่าผม ก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบไก่มาฉีก แล้วส่งให้ผม

“ป้อนด้วย” ผมบอกมัน

“ถ้ามือทั้งสองข้างใช้งานไม่ได้ ก็ใช้ลิ้นเลียเอา” น้ำมนต์พูดพร้อมกับเอาไก่วางไว้บนจานผม


ไอ้คำว่าเลียเอานี่มันทะแม่งๆนะครับ , ว่ามั๊ย



หรือว่าผมถูกหลอกด่า , ไม่หรอก



“ใจร้าย ไม่ช่วยคนป่วยเลย” ผมบ่นเล็กๆ

“แต่เหมือนนายไม่ได้ป่วยอะไรนะ ยังกะล่อนได้เหมือนเดิม”

“ก็ใครกันละ ทำให้กูเป็นแบบนี้”

“จะโทษเราว่างั้น”

“เปล่าซะหน่อย” ไม่กล้าว่าอะไรหรอกครับ เมื่อกี้ก็ดราม่าไปแล้ว ถ้าจะให้ดราม่าอีก ผมว่าได้เก็บเงินกลับบ้านกันแน่





พวกเรานั่งกินส้มตำกันนานพอสมควร สั่งกันมาเยอะแยะไปหมดครับ น้ำมนต์ก็ช่วยผมบ้าง ให้ผมกินเองบ้าง ไม่ได้ช่วยเพราะหลงผมหรืออะไรหรอกครับ สงสารซะมากกว่า .. แต่ก็ดีครับ อย่างน้อยๆก็มีความรู้สึกอื่นบ้าง ที่ไม่ใช่ทำหน้าเซ็งๆ หยิ่งๆ หรือไม่รู้หนาวรู้ร้อนเหมือนแต่ก่อน

เย็นวันนั้นผมให้ไอ้โอ๊ตขับรถพาผมมาส่งน้ำมนต์ที่รถครับ ไอ้เดชยังอาสาจะไปส่งน้องน้ำมนต์ด้วย และน้ำมนต์ก็เต็มใจให้มันไปส่งด้วย  โดยให้เหตุผลว่า ยังไงก็นั่งกับพี่แกมาตั้งแต่แรก  น่าเจ็บใจ


หลังจากที่ส่งน้ำมนต์เสร็จ ผมก็กลับมานั่งเล่นที่หอเหมือนเดิม เมื่อความสุขผ่านไป ความวุ่นวายก็จะตามเข้ามาสินะ ยังไม่ทันย่างเข้าหอ ผมก็เห็นน้องจอยนั่งรออยู่ใต้หอแล้ว

“มึงขึ้นไปก่อนไอ้โอ๊ต กูขอจัดการอะไรหน่อย” ผมบอกไอ้โอ๊ต ให้มันเดินขึ้นห้องไปก่อน ช่วงนี้ไอ้นี่มาอยู่กินกับผมครับ ตัวดิดกันยังกับคู่แฝด แต่ก็ดีนะครับ เพราะช่วงนี้ผมทำอะไรคนเดียวลำบากมาก



“พี่โป้ ทำไมไม่รับโทรศัพท์จอยคะ” น้องจอยซัดมาทันทีที่เห็นหน้าผม

“พี่รับไม่ได้ เจ็บแขน”

“เจ็บแขนอะไรกัน อีกข้างนึงก็รับได้”

“พี่กินยา แล้วก็นอนหลับ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร” ผมพยายามบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยครับ

“แล้วทำไมตื่นมาไม่โทรกลับ จอยโทรหาพี่หลายสายแล้วนะ” เธอก็ยังยกประเด็นอื่นมาอีก

“ไอ้โอ๊ตพาพี่ไปกินข้าว ลืมเอามือถือไป” ผมบอกเธอ

“งั้นคืนนี้จอยนอนกับพี่นะ ให้พี่โอ๊ตไปนอนหอแก” เธอเริ่มอ่อนลง จนกลายเป็นคนที่ต้องง้อผมแทน

“ไม่เป็นไรหรอก ลำบากเราเปล่าๆ ไอ้โอ๊ตมันผู้ชาย มันช่วยอะไรได้ดีกว่าเรา”

“ทำไมพี่โป้พูดแบบนี้ ทำไมถึงเฉยชากับจอยแบบนี้ เบื่อจอยแล้วเหรอ” เธอเริ่มโวยวายขึ้นอีกแล้ว ผู้หญิงนี่ตามอารมณ์ไม่ทันเลยจริงๆ

“พี่ไม่ได้เบื่อเรานะ เอาไงดีละ คือว่าพี่ว่า ... เราห่างๆกันบ้างก็ดีนะ” ไม่รู้ครับ ไม่รู้ว่าจะต้องบอกเลิกใครสักคนเขาต้องงัดประโยคทิ่มแทง ตรงไปตรงมา เพื่อให้รู้ๆกันไป แต่พอถึงเวลาจริงแล้ว เราก็ต้องหาประโยคอ้อมโลกมาพูดกันอยู่ดี

“ห่างกัน .. ทำไมคะ พี่โป้มีคนใหม่แล้วนั้นเหรอ” เธอพูดมาแบบจริงจัง แววตาของเธอดูดุดันขึ้น

“ก็ไม่เชิง”

“พี่โป้ .. พี่โป้ทำแบบนี้ได้ไง จอยไม่เคยมีใคร แต่ทำไมพี่ปีโป้ทำแบบนี้” เธอพูดพร้อมกับเอามือมาตีที่ตัวผม มันอาจจะสะเทือนไปโดนแขนที่เข้าเฝือกผมบ้าง ยอมรับว่าเจ็บ แต่ผมว่าคงน้อยกว่าเธอ

“พี่ขอโทษนะจอย แต่เราก็คุยกันตั้งแต่ตอนแรกแล้วนี่ ว่าเราคบกันแบบไหน”

“แต่ .. แต่จอย”

“ถ้ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา  พี่ก็ว่าไม่เห็นมันจะแปลกอะไร” ผมบอกเธอไป เพราะเรื่องการคบหาของผมกับเธอ เราไม่เคยพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ เพราะนั่น .. ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ

“จอยไม่ยอมหรอกคะ กว่าจอยจะได้พี่มา มันก็ยากเย็น แล้วนี่จะมาทิ้งจอยไปง่ายๆ พี่โป้มองจอยผิดไปแล้วค่ะ” เธอพูดอะไรออกมาอีกเยอะแยะมากมาย พร้อมกับเดินจากหอของผมไป





อีกแล้ว , ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้วสินะ ผมนั่งทรุดลงกับม้าหินอ่อนของสวนที่หอลงอย่างเหนื่อยใจ .. มันไม่ใช่ครั้งแรกของผู้ชายที่รักสนุกและไม่รู้จักพออย่างผมต้องเจอแบบนี้ .. เพราะทุกคนที่เจ้ามาหาผมหรือผมเข้าไปหา เขาก็รู้ดีว่าผมต้องการแค่สัมพันธ์ทางกาย  แต่ก็ทุกคนที่เข้ามา ได้คืบจะเอาศอก .. ได้กายหวังจะเอาใจ


ผิดที่เขาที่หวังมากเกินไป




หรือผิดที่ผม .. ที่รักใครไม่เป็นสักที







“กลับไปแล้วเหรอวะ” ไอ้โอ๊ตคงแอบมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เมือ่เห็นว่าสถานการณ์โอเค เลยเข้ามา พร้อมกับมือที่ตบลงบนบ่าผม

“อืม สงสารวะ” ผมบอกไอ้โอ๊ต

“คนที่เจ็บเพราะความรัก น่าสงสารทั้งนั้นละ”  ไอ้โอ๊ตบอกผม ผมเงยหน้าขึ้นมองมันนิดหน่อย

“มึงพูดอย่างกับเคยเจ็บเพราะรัก” ผมถามมัน

“อะโด่ กูโตแล้วนะมึง เจ็บเพราะรัก ใครๆก็เคยๆกัน” มันพูดมายิ้มๆ

“เหรอ  กูเคยป่ะวะ ไม่แน่ใจวะ” ผมบอกมันไป พร้อมกับคิดถึงรักครั้งก่อนๆที่เคยผ่านมา

“เคยสิ มึงต้องเคยแน่ ไม่งั้นมึงจะทำตัวแบบนี้เหรอ”

“แบบนี้ .. ยังไงวะ”

“เล่นกับความรัก เล่นกับความรู้สึกคนอื่น มองทุกอย่างเป็นแค่ความใคร่ ความสนุก”

“กูดูเลวจังวะ” ผมบอกมัน  ทำหน้าจริงจัง

“กูก็ว่างั้น” มันก็ตอบมาหน้าจริงจังเหมือนกัน





อยากจะขำเหมือนที่ไอ้โอ๊ตกำลังอมยิ้มเหมือนจะหลุดขำผมเหมือนกันครับ แต่ก็ขำไม่ออกครับ เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านเข้ามา ไอ้โอ๊ตมันพูดถูกทั้งหมด ผมมองความรักเป็นแค่ความใคร่ ความสนุก ทุกอย่างที่เข้ามาไม่เคยทำให้ผมเคยคิดเลยว่าผมจะจริงจังกับมัน ทุกคนที่เข้ามาก็รู้ .. แต่เขาพยายามเข้ามาเปลี่ยน .. แต่ก็ไม่เคยมีใครทำได้




สำหรับผมแล้ว ..




“หากคนเราเคยเจ็บเพราะรัก .. ไม่ผิดหรอก, ที่เราจะเอาคืนมันบ้าง ..”
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 8 และ 9 อัพใหม่ !!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 22-10-2011 16:50:24
ใครทำ ปีโป้น้อย หว่า  o12
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 8 และ 9 อัพใหม่ !!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 22-10-2011 19:54:22
ปีโป้มีอดีตงั้นเหรอเนี่ย
แต่บางทีการจะเอาคืนมันก็น่าจะมีลิมิตนะเราว่า ไม่งั้นชีวิตไม่มีความสุขหรอก
พอได้แล้วแหละมั้ง ไอ้การเอาคืนเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 8 และ 9 อัพใหม่ !!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 22-10-2011 20:26:25
โป้เอ๊ย~ น่าฉงฉาน...ซะเมื่อไหร่เล่า
จะจีบน้องก็ไปเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเหอะ
ตามมาเม้น
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 8 และ 9 อัพใหม่ !!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 22-10-2011 20:42:53
เดช เราว่าน่าไม่โอละนะ
= ="
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 25-10-2011 20:45:22
ตอนที่ 10

หลังจากวันนั้นที่ไปกินส้มตำมากับพวกนายปีโป้มา ผมก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาอีกเลย  นี่ก็ผ่านมา สามวันได้แล้ว ที่นายปีโป้ไม่โผล่หน้ามาที่วิทยาลัยผม ผมกับเพื่อนๆก็มัวแต่ยุ่งๆเรื่องการเรียน เจอพี่เอ็มบ้าง ก็ถามไถ่กันไป



“แปลกจังเลย ทำไมพี่ปีโป้ถึงหายไปเลยนะ” ช้างน้อยแอบบ่นครับ

“ทำไม แกคิดถึงเหรอ” หญิงถาม

“ก็มีบ้าง แต่คนที่น่าจะคิดถึงกว่า คงไม่ใช่ชั้น” ช้างน้อยพูดพร้อมกับหันหน้ามามองที่ผม

“มองหน้าเราทำไม มีอะไรเหรอ” ผมถามไปแบบไม่รู้ไม่ชี้

“เนียนตล๊อดดดดด” ช้างน้อยพูดเสียงสูง อย่างกับไม่เชื่อถือผม

“แต่เราว่าก็ดีแล้วนะ รู้กสึกสบายใจดี ไม่มีใครมาพูดจาเถื่อนๆกวนสมอง” ผมบอกช้างน้อยไป

“แน่เหรอยะ วันแรกๆเห็นมองหาแล้ว มองหาอีก”

“มั่วแล้ว เราไม่ได้หานายปีโป้”

“แล้วมองหาใคร”  ช้างน้อยถาม ในขณะที่ผมก็กำลังมองหาคนๆนึงพอดี




“แพร” ผมกวักมือเรียกผู้หญิงทีกำลังเดินเข้าร้านมา

“อะไรนะ  แกมองหานังแพรนีเหรอ” ช้างน้อยถาม

“สวัสดีน้ำมนต์ ช้างน้อย หญิง” แพรเข้ามาถึงก็ทักทายผมและเพื่อนๆ

“สวัสดีย่ะ” ช้างน้อยพูดกระแทกเสียงใส่

“ไปกันเลยมั๊ยน้ำมนต์” แพรหันมาถามผม

“จะไปไหนกัน” หญิงแทรกถามขึ้น

“พอดีแพรจะชวนเราไปช่วยซื้อของที่ใช้ทำผลงานอ่ะ” ผมหันไปบอกหญิง

“คือแพรเลือกไม่ค่อยเก่ง เลยอยากให้น้ำมนต์ไปช่วย” แพรพูดเสริม

“อ้อเหรออออ  มันคงเลือกยากมากเลยสินะ แค่เลือกสี พู่กัน กระดาษ” ช้างน้อยครับ

“ไปด้วยกันมั๊ย หญิง ช้างน้อย” ผมเลยเลือกที่จะชวนพวกเขาสองคนไปด้วย

“ไม่เป็นไร น้ำมนต์ไปเถอะ วันนี้หญิงรีบกลับบ้าน” หญิงตอบผมมา

“ช้างน้อยละ ?”

“ไม่ละ ชั้นไม่อยากไปขัดใจให้เสียอารมณ์”

“งั้นเราไปกันเถอะน้ำมนต์ เดี๋ยวเย็นแล้วรถจะติด” แพรพูดพร้อมกับจับมือผมเดินออกไป ผมหันไปยิ้มให้กับช้างน้อยกับหญิงนิดหนึ่ง ถึงหน้าตาของพวกเธอสองคนจะไม่ยิ้มมากนัก แต่ก็ไม่ ถึงกับแย่





ปกติแล้วผมไม่เคยไปไหนมาไหนกับคนอื่นเลย นอกจากสองคนนั้น  อาจเป็นเพราะว่าไม่มีใครมาชวนผมมากกว่า เพราะคนอื่นๆมองว่าผมเป็นคนหยิ่ง  ทั้งที่ไม่เคยรู้จักผม  สำหรับแพร ผมว่าเค้าคงอยากเป็นเพื่อนกับผม เธอเลยเข้ามาคุย และชวนผมไปไหนมาไหน  อันที่จริงผมก็อยากจะให้แพรสนิทกับหญิง และช้างน้อยเหมือนกัน แต่เหมือนว่ามันจะไม่สมหวัง เพราะจากท่าทีของหญิงและช้างน้อย ก็ดูไม่เป็นมิตรอะไรเลยกับแพร





จะว่านายปีโป้หายไปก็จริง แต่ที่เข้ามาก็พี่เดชอีก  รายนี้เล่นมาดักรอหน้าวิทยาลัยกันเลย แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก แค่เข้ามาทัก แล้วบอกขอไปส่ง แต่ผมก็ปฎิเสททุกครั้ง ไม่อยากมีปัญหากับใคร และก็ไม่อยากให้เพื่อนมีปัญหากันเพราะผม





“น้ำมนต์คิดไรอยู่เหรอ ดูเครียดๆจังเลย” แพรถามผมขณะที่กำลังเดินเลือกของกันอยู่

“เปล่าหรอก  แพรเลือกของครบแล้วเหรอ”

“อืม ครบแล้ว  น้ำมนต์อยากได้อะไรมั๊ย”

“ไม่ละ ไปจ่ายเงินกันเถอะ”

“อืม”




ผมกับแพรเดินเลือกของกันไม่นานครับ และของที่แพรต้องการจะปรึกษาผมนั้น เธอก็ตัดสินใจซื้อเอง โดยไม่ได้ถามผม ก็ยังงงๆอยู่ว่า จะให้ผมมาเป็นเพื่อนทำไม




“ไปกินขนมหวานกัน เดี๋ยวแพรเลี้ยง”  แพรพูดบอกผม เมื่อเราเดินออกมาจากร้าน

“เอ๊ย ไม่เป็นไร ไม่ต้องเลี้ยงหรอก”

“ได้ไง น้ำมนต์อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนแพร ไปเถอะนะ นะนะ”  ไอ้ที่เค้าว่า ลูกอ้อนผู้หญิงนั้นน่ากลัว ผมว่าจริงนะครับ
“ก็ได้”








ไม่รู้ว่าความบังเอิญ หรือว่าโลกแคบ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เราไปไหนแล้วต้องเจอคนที่เคยเจอ รู้จัก หรือแฟนของใครที่เรารู้จัก ใช่แล้วครับ ผมเจอกับกลุ่มแฟนของนายปีโป้ ถ้าจำไม่ผิด เธอน่าจะชื่อจอย แต่แปลกที่เธอมานั่งกินขนมหวานกับคนอื่น ที่ไม่ใช่นายปีโป้


“น้ำมนต์รู้จักเค้าเหรอ” แพรถามผม

“อ๋อ เคยเห็นผ่านๆนะ” ผมบอกแพร

“เขาสวยดีเนอะ ตัวขาว สวย แก้มชมพู ไม่เหมือนแพรเลย”

“ใครบอกละ เราว่าแบบแพรก็น่ารักไปอีกแบบ ไม่เห็นต้องเหมือนคนอื่น”

“จริงเหรอ น้ำมนต์คิดแบบนั้นเหรอ”

“ใช่ คนเรามันสวยต่างกัน อยู่ที่ว่าใช้อะไรมอง”

“ปากหวานแบบนี้ สาวคงติดตรึมสินะ”

“เอ๊ย ไม่มี”

“แหนะ ไม่เชื่อหรอก”

“จริงๆ น้ำมนต์ยังไม่คิดมีใครตอนนี้หรอก อยากเอาจริงเอาจังกับเรื่องเรียนนะ”

“น่ารักจังเลย”

“ความคิดใช่ป่ะ”

“น้ำมนต์นั่นแหละ” 



โห เขินเลยเรา อุตส่าห์เลี่ยงประเด็น แต่แพรก็ดันตอบมาตรงๆแบบนี้ เล่นเอาไปไม่ถูกเลย เวลาผู้หญิงมาชมว่าเราน่ารักนี่ต้องทำตัวยังไงนะ  เขินแบบนี้หรือเปล่า เอามือเกาหัวแบบนี้หรือเปล่านะ



“ขนมหวานได้แล้วจ๊ะ”  ดีนะครับ ทีเด็กเสริฟมาช่วยขัดจังหวะให้ ไม่งั้นผมคงทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มคุยอะไรกับแพรต่อดี

“กิน  ขนมหวานกันเถอะ” ผมบอกเธอ เธอยิ้มให้ผมเหมือนจะขำๆ แต่กลั้นไว้  .. ร้ายจริงนะแพร ทำผมไปไม่ถูกแบบนี้







ระหว่างที่กินขนมหวานกับแพร ผมก็มองไปทางโต๊ะคนชื่อจอยบ่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิด แต่สายตามันชวนสงสัย ว่าตอนนี้จอยกับนายปีโป้มันยังไงกัน ทำไมแฟนเขาถึงมานั่งกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้






“ขอบใจน้ำมนต์มากนะ ที่มาซื้อของเป็นเพื่อนแพร และก็มากินขนมหวานเป็นเพื่อนด้วย” แพรพูดบอกผมที่ท่ารถขึ้นรถของเธอ

“ไม่เป็นไรหรอก  เต็มใจครับ” ผมบอกเธอไป

“งั้นแพรไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”  เธอพูดพร้อมกับโบกมือ ลาผม  ผมยกมือขึ้นโบกเธอเล็กน้อยก่อนยิ้มให้






คราวนี้ก็ถึงตาผมเดินกลับไปที่ท่ารถของตัวเองบ้าง  แต่เพราะทางไปท่ารถของผมนั้น ผ่านทางเข้าซอยหอพักของนายปีโป้ ไม่รู้อะไดลใจให้ผมหยุดมองที่ปากซอยนั้น

“นายจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย” ผมถามกับตัวเอง



เพราะไม่รู้ว่าแขนจะหายหรือยัง แล้วนายกับแฟนจะมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่านะ ผมถึงได้เห็นอะไรแบบนั้น  จะเข้าไปหาดีไหมนะ  ถ้าเข้าไปแล้วนายปีโป้จะคิดว่าเราเป็นคนยังไง แต่เราไปหาในฐานะเพื่อน คนรู้จักนี่  แค่ไปเยี่ยมคนป่วย จะว่ไปเค้าก็ป่วยเพราะเรา



“ไปเยี่ยมสักแป๊บก็ได้” ผมตัดสินใจได้ จึงเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยหอพักนายปีโป้




ประมาณ ห้านาที ผมก็เดินมาถึงหอของนายปีโป้  มันไม่ได้ไกลมาหรอกครับ เพียงแค่ผมเดินมาพร้อมกับความลังเล  เดินไปเดินกลับอยู่ เลยปาไปหลายนาทีกว่าจะเดินมาถึงหน้าหอ



ภาพที่ผมเห็นคือเด็กตัวโต มือใส่เฝือกกำลังยุ่งอะไรอยู่กับมอไซค์คู่ใจของเค้า  เห็นแล้วช่างเก้ๆกังๆ ชวนให้ผมสงสัยว่าเค้ากำลังจะทำอะไร




“ทำอะไรนะ” ผมทักไปทางด้านหลัง เล่นเอาคนที่หันหลังอยู่ หันมามองแบบทันที

“น้ำมนต์” นายปีโป้เรียกชื่อผม ท่าทีตกใจอย่างกับเห็นผี

“ใช่ เราเอง  ทำไม ตกใจอะไรกัน” 

“มึงมาทำไม” นายปีโป้ถามผมมา โดยหันหน้ากลับไปสนใจรถของเค้าต่อ

“พอดีผ่านมาทางนี้ เลยอยากมาเยี่ยม”

“อืม ขอบใจมาก ชั้นไม่เป็นไรแล้ว นายกลับไปเถอะ”  โห หยิ่งทำเล่นตัว คนเขาอุตส่าห์มาเยี่ยม

“อืม งั้นกลับละ” ผมบอกพร้อมกับหันหลังกลับ





“เอ๊ยยย จะกลับจริงเหรอ”  นายปีโป้หันมาห้ามผม  พร้อมกับมืออีกข้างที่ไม่เจ็บทำท่าห้าม ก่อนที่จะเอาลง ตอนที่ผมหันมา

“ก็ไล่แล้วนี่”

“กูให้อยู่ต่อ”

“ทำไมให้อยู่ต่ออีกละ”

“ก็มึงมาเยี่ยมกูนี่ อยู่เยี่ยมกูก่อนดิ”

“อืมๆ ไม่อยากเถียงกับคนป่วย แล้วนั่นจะทำไรละ”

“จะไปโรงบาล”

“หา .... จะขับรถไปเองเนี่ยนะ”

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“นายจะบ้าเหรอ ทำไมไม่นั่งสองแถวไป”  ผมละไม่เข้าใจไอ้เด็กโข่งจอมปัญหานี่จริงๆ

“วันนี้ไปเอาเฝือกออก ขี้เกียจกลับมาเอามอไซค์”

“แล้วจะไปไหนต่อ หลังเอาเฝือกออก”  ผมถามด้วยความสงสัย

“ไปเตะบอล”

“นายนี่นะ แขนเพิ่งจะหาย ก็ไปออกกำลังอีกแล้ว ทำไมไม่พักพื้นอีกวันสองวัน แล้วค่อยไปเตะ” ผมอดไม่ได้ที่จะต่อว่านายปีโป้

“เป็นห่วงกูเหรอ”  นายปีโป้หันมาถาม หน้าตาจริงจัง

“ห่วงดิ เดี๋ยวเกิดหักอีกข้างขึ้นมาจะทำไง มาเดี๋ยวเราไปส่งที่โรงบาลเอง”  ผมพูดพร้อมกับจับรถของนายปีโป้ และก็ขึ้นขับ

“เอ้า มาสิ เดี๋ยวเราไปส่ง ยืนยิ้มอะไรอีกละ”  ผมหันไปดุอีกครั้ง ก่อนที่นายปีโป้จะขึ้นซ้อนมอไซค์มา






นายปีโป้นั่งห่างกับผมพอสมควร ก่อนที่เขยิบเข้ามาใกล้ทีละนิด จนในที่สุดตัวแทบติดกัน ผมก็อยากจะหนีอยู่หรอก ถ้ามันไม่สุดที่นั่งแล้ว  แล้วไอ้มือที่ไม่เข้าเฝือกก็อยู่ไม่นิ่งเลยนะ




“จะทำไรนะ” ผมดุขึ้น  พร้อมหันหน้าไปดู

“จับหน่อย กลัวตก”  นายปีโป้ตอบมาครับ พร้อมกับทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ซะ   เชื่อตายละ  กลัวด้วยเหรอกับตกรถ ก่อนหน้าจะขับมาเองยังอันตรายกว่าอีก


“จับแค่เสื้อ ไม่ต้องกอดเอว” ผมบอกพร้อมกับรีบขับมอไซค์ให้ถึงโรงพยาบาลไวๆ ก่อนจะโดนคนเจ้าเล่ห์ เล่นอะไรพิเรนท์ไปมากกว่านี้



“ถึงแล้ว ลงไปเลย”  ผมพูดบอกคนข้างหลัง

“เดี๋ยวเราไปจอดรถก่อน นายเข้าไปหาหมอเลยก็ได้ เดี๋ยวเราเอากุญแจไปให้” ผมบอกอีกครั้ง เมื่อคนข้างหลังลงแล้ว ก่อนที่จะขับมอไซค์ไปจอดไว้ที่จอดรถ


“ทำไมไม่เข้าไปก่อนละ”  พอเดินกลับมาที่เดิมก็เห็นว่านายปีโป้กำลังยืนรออยู่ทีเดิม

“ไม่เอาอ่ะ กลัวมึงทิ้งกูไป” ดูเห็นผลเขาครับ ปัญญาอ่อนมาก

“เราจะทิ้งไปได้ไง ยังไงเราก็ต้องเอากุญแจมาคืน” ผมพูดพร้อมกับเอากุญแจใส่มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกให้นายปีโป้ไป

“เอานี่ คืน”

“แล้วจะไปไหน” นายปีโป้เรียกผม เมื่อผมทำท่าจะเดินกลับ

“ก็จะกลับบ้าน”

“อ้าว ไหนว่าจะไม่ทิ้งกู”

“แล้วจะให้อยู่ทำไม เรามาส่ง คืนกุญแจให้ แล้วนายก็เข้าไปเอาเฝือกออก พอออกมาก็ขับไปเตะบอลต่อ จะให้เราอยู่ทำไมอีก” ผมว่าผมคุยกับนายปีโป้ไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ ไม่รู้ว่าใครมีปัญหากันแน่

“มึงจะลำบากใจมากมั๊ย ถ้ากูขอให้อยู่เป็นเพื่อนกูฝ่าเฝือก”  สีหน้าและแววตาของนายปีโป้ ดูจริงจังมาก มันคงอยากให้อยู่เป็นเพื่อนจริงๆ

“อืม ไม่นานใช่มั๊ย”

“ไม่นานหรอก ไปๆ เข้าไปข้างในกัน กูสายมาเยอะละ” มันพูดพร้อมกับเอามือที่ไม่เจ็บมาจูงมือผมเดินไป




“เอ๊ยย ปล่อยมือ”  ผมบอกนายปีโป้ พร้อมกับพยายามบิดมือให้กลุดออก

“เออ เดินตามมาเถอะ เดี๋ยวมึงหลง” ตลกละ คนไมได้เยอะอะไขนาดนั้น จะให้หลงได้ไง  แต่ก็ไม่อยากเถียงแล้วครับ เถียงไปก็เท่านั้น





“มาฝ่าเฝือกครับ” นายปีโป้บอกพยาบาลที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

“นัดไว้ใช่มั๊ยคะ”

“ใช่ครับ

“งั้นนั่งรอสักครู่นะคะ” พยาบาลบอกนายปีโป้ ก่อนที่เดินเข้าห้องฉุกเฉินไป คงเข้าไปเตรียมอุปกรณ์






“มึงสบายดีมั๊ย” นายปีโป้ถามผม เมื่อเราสองคนนั่งรออยู่ข้างนอก

“สบายดี” ผมตอบไป

“กูได้บินว่าไอ้เดชไปหามึงทุกวันเหรอ”

“กูคงไปหาเพื่อนเค้ามั้ง”

“ไม่หรอก มันตั้งใจไปหามึง”  ถึงแม้ว่าผมจะรู้อยู่แก่ใจ แต่การแกล้งไม่รู้บ้างคงจะดีกว่า




“มึงรอตรงนี้นะ เดี๋ยวกูมา” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินไปหาเคานท์เตอร์พยาบาล แล้วเดินกลับมาพร้อมกับปากกาเคมี



“มึงเขียนให้กูหน่อยสิ  หาที่เขียนเอานะ เพราะไอ้พวกเพื่อนเวรมันเขียนเต็มไปหมดแล้ว”  นายปีโป้ยื่นปากกา และยื่นแขนมาให้ผม

“เขียนว่าอะไรอ่ะ”

“แล้วแต่มึงดิ มึงอยากเขียนอะไรก็เขียน”   



ผมรับปากกาเคมีมา เปิดฝา แล้วก็พยายามหาพื้นที่ว่างๆ ของเฝือกที่เคยเป็นสีขาวเขียน ซึ่งตอนนี้มันคล้ายกับจิตรกรรมฝาผนังตามห้องน้ำไม่มีผิด



   

“คุณสัณหรัชต์ เชิญคะ” พยาบาลเรียกชื่อผู้ป่วย ซึ่งคงเป็นชื่อนายปีโป้  เป็นช่วงเวลาที่ผมเขียนเสร็จพอดี

“มึงเขียนว่าอะไร” มันถามผม

“ไม่บอก ค่อยหาอ่านเอาเองแล้วกัน”  ผมพูดพร้อมคืนปากกาให้

“ไปได้แล้ว พยาบาลรออยู่” ผมพูดแล้วผลักนายปีโป้ให้เข้าห้องพยาบาลไป



อยากรู้ละสิ ว่าผมเขียนว่าอะไรลงไป ..







ไม่บอกหรอก 






นายปีโป้ก็ไม่รู้ว่าจะหาเจอหรือเปล่า ...







แต่ช่างเหอะ

 










“มึงกูขอหมอแล้ว หมอบอกว่ามึงเข้ามาเป็นเพื่อนกูได้”









โห นักเลงไรนี่ .. ป๊อดจริงๆ












หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 25-10-2011 21:02:55
ปีโป้ป๊อดว่ะ :laugh:
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ครับผม :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 25-10-2011 21:13:39
 :serius2: :serius2: เขียนว่าไรง่ะ

ผมอยากรู้นะ อยากรู้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 25-10-2011 21:20:33
ค้างคาใจง่ะ

น้ำมนต์เริ่มใจอ่อนแล้วใช่ม้า

ไอ้โป้นี่มันหยาบเกิน พูดไม่เพราะกะน้ำมนต์ ตรบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 25-10-2011 21:33:09
น้ำมนต์ - เรา นาย
ปีโป้ - กู มึง

สมกันมากเลยนะคู่นี้  :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-10-2011 01:11:45
มาเฟียก็เงี้ยแหละ  หยาบคายย  แต่  คารมณ์ดี ฮ่าๆ
ต่อไป โป้ ต้องแทนตัวเองว่าพี่นะโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 26-10-2011 01:53:50
เขียนว่าไรอะ บอกมาซะดีๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 26-10-2011 07:59:52
ช่างอ้อนนะ ปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 26-10-2011 08:58:12


ปีโป้ได้ข่าวว่าแค่เอาเฝือกออก ไม่ใช่ผ่าไส้ติ่งซะหน่อย  ต้องอ้อนให้น้ำมนต์เข้าไปเป็นกำลังใจด้วย   

สงสัยปีโป้ต้องเอาแว่นขยายส่องดูแหง จะได้รู้ว่าน้ำมันต์เขียนว่าอะไร    แต่ที่แน่ๆ มันค้าง :z3: คนอ่านก็อยากรู้ว่าน้ำมนต์เขียนอะไร   
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 10 มาแล้ววว 25-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: LuxThae ที่ 26-10-2011 18:12:14
ไม่น๊า  :o12: :o12: หนูจะใจอ่อนง่าย ๆไม่ได้นะจ๊ะน้ำมนตร์ >w<
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 26-10-2011 20:51:29
ตอนที่ 11

จริงๆเลยนะ ไอ้น้ำมนต์  มึงนี่มันร้ายจริงๆ  นี่ขนาดกูบอกตัวเองว่าอย่าไปพบหน้า อย่าไปหา หักห้ามใจไม่เจอหน้า ไม่เข้าไปคุย ไม่เข้าไปยุ่ง ทำมาได้ตั้งหลายวัน แล้วทำไมมึงต้องเป็นฝ่ายมาหากูเองวะ .. ทำไมต้องมาทำให้ทุกสิ่งที่กูพยายามทำมาหลายวันมันพังสลายไปแบบนี้วะ ...




ใช่แล้วครับ  อย่างที่ผมบ่นนั่นแหละ หลังจากที่ผมบอกเลิกกับน้องจอยไปแล้ว ผมได้นอนคิด ยืนคิด พับเพียบคิด แพลนกิ้งคิด ลิวิเทติ้งคิดด้วยเอ้า .. ว่าผมต้องเลิกเป็นคนรักง่าย หน่ายเร็ว ฟันแล้วทิ้งแบบนี้ได้แล้ว และนายน้ำมนต์ ผมก็คงคิดแบบเดียวกับคนก่อนๆ ถ้าลองไม่ไปเจอ ไม่พูดคุย ผมคงลืมไปได้ เหมือนกับคู่ขาคนอื่นๆของผม




แต่เปล่าเลย ผมทำไม่ได้แม่สักวัน ทุกวันผมต้องใช้ให้ไอ้โอ๊ตพาผมไปจอดรถแอบที่หน้าวิทยาลัยของน้ำมนต์ เพื่อดูตอนที่เขาเลิกเรียน  เป็นความรู้สึกที่ว่า ตัวเองเป็นเอามาก และก็ไม่เคยเป็นขนาดนี้ ...  ดังนั้นไม่แปลกหรอก ที่ผมจะเห็นไอ้เดชมาดักรอหน้าโรงเรียน เพื่อทักทายกับน้ำมนต์ทุกวัน .. ไอ้ผมก็อยากจะทำเหมือนไอ้เดช ให้ไอ้เดชรู้ไปเลย ว่าคนนี้ผมเอาจริง ..




แต่ก็นั่นละ .. ผมมันขี้ลังเล  ยังไม่เข้าใจตัวเอง ว่าผมจะเล่นหรือจะเอาจริงกับคนๆนี้กันแน่ ..





ทันทีที่ได้ยินเสียง และเห็นหน้าของน้ำมนต์มาที่หอผม หัวใจของผมกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ  ดีใจจนพูดออกมาไม่ถูก  มันทำให้ผมเข้าใจตัวเองว่า กูไม่ได้เล่นๆกับมึงแน่  ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันมาหาผมด้วยเพราะอะไร ไม่อยากเข้าข้างตัวเองให้มันมากมาย แค่มันมาเยี่ยมผม ผมก็ดีใจจนบอกไม่ถูกแล้ว แล้วยิ่งอาสามาส่งผมที่โรงพยาบาลอีก ใจผมนี่เต้นแทบจะหลุดออกมาอยู่ข้างนอก  ใครว่าผมเว่อร์ ผมก็ยอมครับ




ยิ่งตอนที่นั่งรถมาด้วยกัน ถ้ามือไม่เจ็บจะกอดให้แน่นไม่ให้คลายเลย คนเหี้ยไรผมหอมชิบหาย กลิ่นตัวอ่อนๆของมันทำให้ผมหลังไหล แทบเอาหน้าซุกที่หลังของมัน ถ้าไม่เจอสีหน้าดุๆของมันซะก่อน





“เสร็จแล้วคะ” พยาบาลสาวสวยบอกผม เมื่อถอดเฝือกออกเรียบร้อยแล้ว  แขนโล่งซะจนไม่ชินเลย เอามาเทียบกับอีกข้าง ขาวขึ้นจนสังเกตได้

“เดี๋ยวไปชำระเงินที่ช่องจ่ายเงิน แล้วก็กลับบ้านได้เลยคะ” พยาบาลคนเดิมบอกผม พร้อมกับยื่นเฝือกที่อยู่กับผมมาหลายวันให้ผม

“ขอบคุณครับ” ผมบอกเขาแล้วรับมา พร้อมกับพลิกหาข้อความบนเฝือกทันที อยากรู้ว่าไอ้น้ำมนต์มันจะเขียนว่าอะไร

“เสร็จแล้วเรากลับละนะ” เหมือนมันจะรู้ว่าผมจะทำอะไร พูดขัดมาซะงั้น

“เอ๊ย เดี๋ยวดิ”

“มีไรอีก” คราวนี้มันตอบมาพร้อมกับชักสีหน้าเลย ไรวะ หงุดหงิดบ่อยจริงๆ

“กูจะไปส่ง” ไหนๆก็ถอดเฝือกแล้ว และก็จำได้ว่ามันบอกว่าถ้าถอดเฝือกแล้วจะให้ไปส่งได้

“ไม่เป็นไร เรากลับเองได้”

“ไม่ได้”

“นายไปเล่นบอลกับเพื่อนนายเถอะ หรือไม่ก็กลับไปรับแฟนนาย” คราวนี้มันพูดพร้อมกับเดินออกจากห้องฉุกเฉินไป โดยมีผมเดินตามมาติดๆ




“แต่กูอยากไปส่งมึง” ผมใช้มือข้างที่เพิ่งเอาเฝือกออกดึงมือมันไว้ รู้สึกไม่ได้ใช้งานมานาน เรี่ยวแรงแทบไม่มี

“แต่นายยังไม่หายดี”

“กูหายดีแล้ว”

“เมื่อไหร่จะหายดื้อ”

“มึงนั่นแหละ เมื่อไหร่จะหายดื้อ”

“เราดื้อตรงไหน”

“ตรงนี้ไง ดื้อทุกครั้งเวลาขอจะไปส่ง”

“นายก็ดื้อจะไปส่งทุกครั้งเหมือนกัน ไปส่งแฟนนายโน่นไป”  เอาอีกละ โยนไปเรื่องแฟนผมอีกแล้ว นี่หึงผมหรือเปล่าเนี่ย

“กูไม่มีแฟนแล้ว”

“หมายความว่าไง”

“กูเลิกหมดแล้ว” ผมบอกมัน เห็นสีหน้าแววตาที่มันมองมา เหมือนกับไม่เชื่อ

“กำลังหาใหม่ละสิ” มันถามผมมา

“อืม กำลังจีบอยู่” ผมตอบมันไปพร้อมกับยิ้มๆ มันจะรู้ไหมนะ ว่าผมหมายถึงมัน

“แล้วทำไมไม่ไปตามรับส่งเขาละ”

“ก็นี่ไง กำลังทำอยู่”  ตอนนี้มึงน่าจะเข้าใจแล้วนะ







มันเงียบครับ ทำไมต้องเงียบด้วยวะ ขัดขืนมายังดีกว่าเงียบแบบนี้ ผมละเดาใจมันไม่ถูกจริงๆ ว่ามันคิดอะไรของมันอยู่

“ให้กูไปส่งเถอะ แลกกับที่มึงมาเป็นเพื่อนกู” ผมบอกมันดีๆอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปเอารถที่มันจอดไว้ พอขับมารับมันที่ยืนอยู่ที่เดิม มันก็ขึ้นซ้อนผมมา พร้อมใบหน้าที่เฉยชาของมัน  ผมไม่รู้หรอกว่ามันคิดอะไร รู้แต่ว่าแค่มันยอมขึ้นมาก็ดีแล้ว






ตลอดระยะทางขับรถไปบ้านมัน ผมขับอย่างช้าๆ เพราะไม่ได้อยากรีบเร่งอะไร อยากอยู่ในสภาพแบบนี้กับมันนานๆ และอีกอย่างผมก็ไม่อยากทำเก๋าขับไว เพราะเพิ่งเอาเฝือกออก ไม่อยากลับไปใส่ใหม่



และเมื่อมาถึงบ้านมัน ก็เหมือนกับครั้งแรกที่ผมมา ยายของมันก็ยังรอมันอยู่ตรงที่เดิม ยังนั่งดูละครเหมือนเดิม

“ลงมาก่อนสิ” มันบอกผม

“สวัสดีครับยาย จำผมได้มั๊ย” ผมทักยายทันที ที่ยาแกหันมาปรือตามองว่าใครมากับหลานแก

“อ้าวว พ่อหนุ่ม จำได้สิ ไม่มาหายายนานเลยนะ เป็นไรละ สบายดีเปล่า”

“สบายดีครับยาย พอดีผมแขนหัก เลยไม่ได้มาเยี่ยมยายเลย”

“ตาเถน แขนหักเหรอ เป็นไงบ้าง ไหนให้ยายดูหน่อยซิ”

“หายแล้วครับยาย  เพิ่งเอาเฝือกไปสดๆร้อนๆ”

“โถๆ แล้วยังอุตส่าห์มาส่งน้ำมนต์มัน ไม่ปวดแย่เหรอลูก”

“ก็ปวดนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไรมาก แค่นี้เล็กน้อย” ผมบอกยายไปตามความจริงครับ ไม่ได้อ้อนอะไรเลย

“เหรอ งั้นคืนนี้ก็ค้างกันที่นี่สิ ขับกลับไปคนเดียวมันอันตราย”

“ยาย !!” ไอ้น้ำมนต์ทักขึ้นมาทันที

“ดีเลยครับยาย ผมอยากนอนคุยกับยาย” ผมตอบยาย พร้อมกับหันไปยิ้มกับน้ำมนต์

“ยายอย่าไปรบกวนเค้าเลย น้ำมนต์ว่าพี่แกขับรถกลับได้ เชื่อน้ำมนต์เถอะ” 

“ไม่เลย ไม่ได้รบกวนอะไรเลย พี่นอนได้”  ผมรีบแย้งขึ้นมา พูดคำว่าพี่กับมันนี่ แปลกๆปากจังเลย

“นั่นสิน้ำมนต์ อย่าไปไล่พี่เขาเลย พี่เขาอุตส่าห์มาส่ง” ดีครับยาย ว่าไปเลย

“งั้นก็ตามใจ” น้ำมนต์พูดมา พร้อมกับเก็บกระเป๋าขึ้นบ้านไป





“อย่าไปถือสาน้ำมนต์มันเลยนะลูก  น้ำมนต์มันหวงยาย มันกลัวยายรักคนอื่นมากกว่า”  ยายอธิบายเหตุผลให้ผมฟัง

“ครับ ไม่ถือหรอกครับ งั้นเดี๋ยวผมขอไปโทรบอกเพื่อนก่อนนะครับยาย” ผมบอกยาย แล้วเดินเลี่ยงออกมา





“ฮัลโหลไอ้โอ๊ต วันนี้กูไม่กลับห้องนะ” ถึงแม้ว่าไอ้โอ๊ตไม่ได้อยู่หอเดียวกับผม แต่มันก็แวะมาหาผมทุกเย็น ยังไงก็ต้องโทรบอกมันก่อน ไม่อยากให้มันเป็นห่วง

“ไม่กลับห้อง แล้วมึงไปนอนไหน”

“กูมานอนบ้านน้องน้ำมนต์” ผมบอกมันไป







“เอ๊ย ไอ้โอ๊ต เงียบทำไมวะ”  ผมทักมันอีกครั้ง เมื่อเห็นมันเงียบไป

“เปล่า ไม่มีไร แขนมึงเป็นไงบ้าง เอาเฝือกออกแล้วใช่มั๊ย”  มันถามผมกลับมา

“เออ เอาออกแล้ว แล้ววันนี้สอบเป็นไงบ้าง บอกจารย์ยังว่ากูขอไปสอบชด” ที่จริงวันนี้มีสอบครับ แต่ผมให้มันไปบอกว่าผมไปเอาเฝือกออก และจะไปสอบชดวันหลัง วันนี้เลยไม่มีใครพาผมมาโรงบาล

“เออ กูบอกจารย์ให้แล้ว แกบอกให้รีบไปสอบ”

“แล้วมึงจดข้อสอบไว้ให้กูป่ะ  กูไม่ได้เรียนหลายวัน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“จดไว้แล้ว ทั้งคำถามคำตอบ มึงมาท่องเอาเองแล้วกัน” นี่แหละครับ เขาว่ามีเพื่อนดี ก็ถือว่าโชคดีไปสิบชาติ

“เออ ขอบใจมึงมาก งั้นแค่นี้ก่อนมึง กูจะเข้าบ้านน้ำมนต์ละ”

“เออๆ” 






ผมวางสายพร้อมกับเดินมาหยิบเฝือกที่แขวนไว้หน้ารถ เดินมานั่งใต้ถุนบ้าน ที่ตอนนี้ไม่มีคุณยายแล้ว สงสัยจะขึ้นบ้านไปแล้ว
มองดูเฝือกที่เพื่อนผมพยายามเขียนกันมากมาย 

“อดว่าวเลยมึง”

“เดชไอ้ด้วน”

“ทำไมไม่ขาดไปเลยวะ”

“นายหัวโป้ขี่เงี่ยน”

“มามะ กูชักให้”

“เมียมึงอยาก กูขอจัดแทนนะ”




นี่แค่เล็กน้อยนะครับที่พวกมันเขียนกันไว้ ส่วนมากก็ไม่พ้นเรื่องอย่างว่า  ก็พวกที่เขียนมันคิดเรื่องอื่นเป็นที่ไหนกัน  พยายามมองหาประโยคของน้ำมนต์ ว่ามันต้องซ่อนอยู่มุมไหนสักแห่ง พลิกไปพลิกมาจนมาเจอกับประโยคนี้

“ช่างไม่รู้เลย”




“ใครเขียนประโยคนี้วะ” ผมถามขึ้นมา

“นาย นาย”

“นายปีโป้ !!!”  เสียงของน้ำมนต์เรียกผมตรงบันไดบ้าน

“มีไร”

“ขึ้นบ้านมาอาบน้ำได้แล้ว จะนั่งให้ยุงกัดเล่นหรือไง”

“อืม ขึ้นไปละ” ผมเอาเฝือกเก็บเข้าถุงที่ใส่มาเหมือนเดิม ก่อนจะวางไว้บนแคร่ใต้ถุนบ้าน และขึ้นบ้านตามน้ำมนต์ไป





บ้านของน้ำมนต์ค่อนข้างกว้าง ข้างบนไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากนัก มีแต่ตู้เสื้อผ้า มุมทำงานศิลป์ และครัวเล็กๆ บ้านหลังนี้ไม่มีห้องนอน  มีแต่ลานกว้างๆ ซึ่งผมคิดว่าเขาคงกางมุ้งนอนกันในตอนกลางคืน



“นี่ผ้าขนหนู  ลงไปอาบน้ำที่โอ่งด้านล่างนะ”  น้ำมนต์เดินถือผ้าขนหนูมาพร้อมกับส่งให้ผม

“แล้วทำไมไม่เอาลงไปให้แต่แรก ให้กูขึ้นมาอีกทำไม” ผมละสงสัย

“ก็ขึ้นมาถอดเสื้อผ้าข้างบน แล้วก็ลงไปอาบข้างล่าง แค่ขึ้นมาข้างบนแล้วลงไปข้างล่าง แค่นี้มันลำบากมากเหรอ” เอากับเขาสิ ไม่น่าเรื่องมาเลยกู

“ครับๆ ไม่ลำบาก แล้วมึงละ ไม่อาบด้วยกันเหรอ” ไม่ได้จะทะลึ่งนะครับ เพียงแต่เห็นว่ามันยังไม่อาบน้ำ เลยชวนมันอาบด้วยกันไปเลย

“ยังก่อน เดี๋ยวต้องเข้าครัว ทำกับข้าวเสร็จแล้วจะไปอาบ นายไปอาบก่อนเลย”  น้ำมนต์พูดพร้อมกับเดินเข้าครัวไป ซึ่งก็ไม่มีอะไรกันหรอกครับ เป็นแค่ระเบียงบ้านของชั้นสองนั่นแหละ  ผมมองเด็กผมยาวที่เอายางมันไว้อย่างลวกๆ กำลังตั้งกระทะจะทำอะไรสักอย่าง หน้าตาเขาดูสนใจกับสิ่งตรงหน้าเป็นอย่างมาก จนไม่ได้สนใจว่าผมกำลังมองดูอยู่ ส่วนยายนั่นนั้นกำลังนอนยืดหลังอยู่ ผมเลยถอดเสื้อผ้าออก แล้ววางไว้บนราวที่อยู่ใกล้ๆ แล้วลงมาอาบน้ำที่โอ่ง





ถึงบ้านของน้ำมนต์ไม่ห่างจากเมืองมาก แต่การใช้ชีวิตของบ้านน้ำมนต์ก็เป็นแบบชาวบ้านมากๆ ห้องอาบน้ำยังเป็นกลางแจ้งเลย แต่ถ้าจะถ่ายก็มีห้องน้ำเล็กๆอยู่ใกล้กัน ผมยืนมองโอ่งอยู่พักนึง เอามือแตะน้ำในโอ่งแล้วโคตรเย็น  ก่อนจะกลั้นใจตักขันน้ำราดตัวแบบเร็วๆสามสี่ขัน แล้วเอาสบู่มาฟอกตัว แล้วรีบตักมาล้างฟองสบู่อีกครั้ง





หนาวจริงๆครับ น้ำโอ่งกับบรรยากาศพลบค่ำแบบนี้ .. ตัวผมสั่น ขนตั้งชันหมดแล้ว






“เอ๊ยยยย ทำไมไม่ใส่ผ้าขาวม้าอาบ”  เสียงของน้ำมนต์ดังมาข้างหลังผม ผมหันไปดู ทั้งๆที่สบู่ยังเต็มหน้าอยู่ จึงได้แต่หรี่ตาดูเล็กน้อย

“ก็มึงไม่ได้ให้มานี่”  ก็ไม่บอกนี่ ว่าต้องนุ่งผ้าขาวม้าอาบ ผมเลยนุ่งกางเกงในอาบไปเลย

“ก็มันตากอยู่ตรงนั้น ไม่เห็นเหรอ” มันบอกผมพร้อมชี้มือ ผมเลยเปิดตามองให้เต็มที่ ก็เห็นว่ามันตากอยู่จริงๆ

“โอ๊ยๆๆ แสบตา” เพราะเปิดตามองมากไป ฟองสบู่เลยเข้าตา

“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า” เสียงของอีกคนกำลังชมเชยผม

“ไหนขันละเนี่ย” ผมพยายามใช้มืองมหาขันในโอ่ง เพราะตอนนี้ปิดตาซะสนิทเลย





“เอาหน้ามา” เสียงของน้ำมนต์ใกล้ตัวผมมากขึ้น พร้อมกับน้ำทีไหลลงมาล้างหน้าผม พอผมลืมตาก็เห็นหน้าน้ำมนต์ที่ทำหน้าจริงจังกับการล้างหน้าให้ผมมาก




หน้าของน้ำมนต์ห่างกับผมไม่มากนัก เพราะว่าผมตัวสูงกว่าเลยต้องก้มหน้าลงไปมอง  และน้ำมนต์ก็พยายามจะเขย่งเท้า เพื่อจะได้รดหน้าผมถึง





“ออกหมดแล้ว” เสียงของคนตัวเล็กกว่าบอก

“ขอบใจนะ” ผมตอบไป พร้อมกับปฏิกิริยาบางอย่างที่เกิดขึ้นที่ส่วนกลางของร่างกายผม  ถ้าน้ำมนต์เห็นมันตอนนี้  มันต้องหาว่าผมหื่นแน่ๆ

“กูอาบเสร็จแล้ว กูเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมรีบจะเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ใกล้ๆโอ่งมานุ่ง แล้วเดินเข้าห้องน้ำ  ก่อนที่จะปิดประตูห้องน้ำ ผมแอบหันหลังไปมองน้ำมนต์อีกครั้ง ก็เห็นน้ำมนต์มองมาทางผมอย่างงงๆเหมือนกัน  ภาพของผู้ชายหุ่นดี ที่มีกล้ามแขนพอสวยงามไม่มากนัก หน้าท้องมีกล้ามหน้าท้องขึ้นอ่อนๆ รับกับผิวขาวๆ ผมที่เปลี่ยนจากรัดกับยางวงมาเป็นตะเกียบแนวๆ  ทำให้ผมต้องรีบปิดประตูห้องน้ำในทันใด









ขอจัดการกับน้องชายตัวเองหน่อยเถอะ ไม่ได้เอาออกมาหลายวันแล้ว !!!!


............................................................................


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 26-10-2011 21:12:50
ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล แต่คาดว่าคงไปไม่ถึงไหน  :laugh:
ขอบคุณคนเขียนมากๆ ค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 26-10-2011 21:39:25
แหม...
แหมก็หื่นสะแล้ว ว

คิคิ

ตามอ่านมานานไม่ค่อยได้เม้นเลย
เพราะอ่านในโทรศัพท์
+1ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 26-10-2011 21:52:15
ไม่ได้ทะลึ่งนะแต่ก็อย่างที่เพื่อนปีโป้ว่าอ่ะแหละ 'อดว่าวเลย'  กร๊ากกกกกกกกกกกกก
พี่แกเลยมาจัดที่บ้านน้ำมนต์ฉลองเอาเฝือกออก แหม นึกว่าจะใจเย็นนะนี่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 26-10-2011 22:39:05
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

โอ๊ตใช่ไหม :'>
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-10-2011 23:21:33
นายปีโป้เสน่ห์แรงจริง ๆ
น้องน้ำมนต์ใจอ่อนจนได้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 27-10-2011 10:29:15
ปีโป้เอ้ย ไปไหนไม่รอดแล้วแก

ต้องตกเป็นทาสน้ำมนต์แล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 27-10-2011 16:20:23
ขอบคุณครับ และจะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 27-10-2011 20:38:12
ไม่ค่อยเลยนายปีโป้ 555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: LuxThae ที่ 27-10-2011 22:09:37
เหมือน ๆ โอ๊ต จะชอบ นายหัวโป้ เลยนะ  :z3: :z3:

เอ๊ะ ๆๆ มันชักยังไง ๆอยู่นะเนีย  :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-10-2011 22:26:26
หื่นเนาะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 28-10-2011 01:39:47
ว่าแล้วเชียว ว่าโอ๊ตต้องชอบไอ้ปีโป้ 
แต่น้องน้ำมนต์เขียนไรให้ปีโป้หรอครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 11 26-10-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 28-10-2011 19:01:32
 :z3: น้ำมนต์เขียนว่าไรเนี่ย อยากรู้
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 29-10-2011 00:08:08
ตอนที่ 12


อะไรของเค้าเนี่ย อาบน้ำแล้วเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็ร้อนอีก ทำไมไม่เข้าก่อนงานเสียให้เรียบร้อย แล้วไม่อายฟ้าอายดินหรือไงนั่น ใส่แต่กางเกงในอาบน้ำ คงจะมั่นใจในหุ่นที่มีแต่ซิกแพ็ค กล้ามเป็นมัดๆของตัวเองมากสินะ


ถึงแม้ผมจะไม่หุ่นล่ำแบบนายปีโป้ แต่ก็พอดูได้แล้วกันนะ ไม่ได้แห้งจนลดพัดปลิว และก็ไม่ได้น่ากลัวแบบนักเลงอย่างนายปีโป้




พูดไปก็เจ็บใจ ที่ยายชวนนายปีโป้ค้างที่บ้านด้วย  เจ็บใจมากกว่าที่ยอมให้มาส่ง ทั้งที่ความรู้สึกตอนนั้นก็บอกไม่ถูกอยู่ดี ว่าทำไมให้มาส่ง เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงก็คงใช่ แต่ประโยคที่นายปีโป้บอกว่ากำลังจะจีบเรานี่สิ .. เรากำลังคิดอะไรของเราอยู่กันนี่ ..




ไม่เอาละ ไม่อยากคิดมาก อาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวดึกจะหนาว  ว่าแล้วผมก็ตักน้ำในโอ่งอาบอย่างสบายใจ












“นาย เสร็จหรือยัง เข้าไปนานแล้วนะ” ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่นายปีโป้ก็ยังไม่มีทีท่าออกมาจากห้องน้ำ จะถ่ายอะไรนานขนาดนั้น ท้องผูกหรือไง

“อือๆ เสร็จแล้วๆ เดี๋ยวออกไปๆ”  เสียงดังส่งผ่านจากห้องน้ำมา

“ขี้ไม่ออกเหรอ” ผมทัก

“ออก ออกเยอะหลายรอบด้วย” นายปีโป้บอกผมมา พร้อมกับหน้าตาหื่นกามของมัน

“ทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อยก่อนอาบน้ำ ดูสิเหงื่อเต็มตัวหมดแล้ว”

“ก็มึงนั่นแหละ”

“อ้าว ผิดอะไรที่เรา”

“เออ ช่างเหอะ ขึ้นบ้านกัน” อะไรของเขาวะเนี่ย  แต่ช่างเหอะ อย่าไปสนใจ ขึ้นบ้านไปดีกว่า ป่านนี้ยายคงรอกินข้าวแล้ว





ผมขึ้นบ้านมาก็เอาชุดของผมไปให้นายปีโป้ใส่ เป็นเสื้อยืด และกางเกงขาสั้น




“ทำไมมันตัวเล็กจังอ่ะ” นายปีโป้บ่นออกมาเมื่อใส่เสื้อยืดของผมแล้วมันคับๆ

“เราว่าพอดีแล้วนะ นี่หาตัวใหญ่สุดมาให้แล้วนะ” ผมบอกเค้า

“นี่ใหญ่สุดแล้วเหรอ กูจะนอนหลับไหมเนี่ย อึดอัดตายเลย” ยังไม่หยุดบ่นครับ ทั้งๆที่เสื้อมันก็ไม่ได้คับอะไรขนาดนั้น ออกจะพอดีตัว

“ถ้ามันอึดอัดก็ถอดซะ ไม่ต้องใส่เสื้อนอน” ผมบอก

“ได้เหรอวะ ก็ดีวะ ปกติกูไม่ค่อยใส่นอนอยู่แล้ว” เอ๊ยยยย เอาจริงด้วย นี่ผมประชดนะ

“ไม่อยากพูดด้วยแล้ว เสียอารมณ์” ผมบอก พร้อมกับเดินมาจัดแจงอาหาร






“ยาย กินข้าวครับ” เมื่อจัดแจงเสร็จก็เรียกยายมานั่งกินด้วยกัน บ้านผมไม่มีโต๊ะทานข้าวหรอกครับ แค่ปูเสื่อแล้วก็นั่งกินด้วยกัน ปกติก็ไม่ค่อยได้ปูหรอก แต่พอดีวันนี้นายปีโป้อยู่ด้วย เลยปูให้มันดูดีขึ้นมาหน่อย

“โห อะไรอ่ะ น่ากินจังเลย” คนที่เป็นแขกของบ้านทักขึ้น

“แกงส้มชะอมไข่ ปลาทูกับน้ำพริก แล้วก็ผัดผักโขม” อาหารบ้านๆทั้งนั้นครับ ที่ผมทำวันนี้

“เหรอวะ น่ากินจังเลย” นายปีโป้ก็ยังโอเว่อร์ตลอด

“น่ากินก็กินเยอะๆนะลูกโป้ น้ำมนต์เค้าทำอาหารเก่ง อร่อยด้วย” ยายพูดบอกปีโป้

“ได้เลยยาย โป้จะกินให้หมดเลยวันนี้” ดูครับดู อ้อนยายไม่เลิก








หลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จ ผมก็เก็บจานชาม และก็กางมุ้งให้กับยาย เพราะยายผมจะเป็นคนนอนไวมาก และก็ตื่นเช้ามากๆเช่นเดียวกัน  เมื่อจัดที่นอนให้ยายเสร็จแล้ว ผมก็กลับมาล้างจาน โดยมีแขกของบ้านนั่งดูการกระทำของผมอยู่





“นายง่วงนอนหรือยัง” ผมถาม

“ยังเลย กูนอนทั้งวันมาเป็นสัปดาห์แล้ว”

“สบายเนอะ  แค่ปวดแขนก็สำออยไม่ไปเรียน”

“กูไม่ได้สำออย แต่ไปกับไม่ไปก็ค่าเท่ากัน กูเลยนอนอยู่ห้องดีกว่า อีกอย่างกูก็ลาป่วยได้ด้วย ไม่ได้ขาดเล่นๆ”  นายปีโป้อธิบายครับ

“เลยใช้สิทธิ์เต็มที่เลยสิ”

“เออสิ นานๆจะได้ป่วยกับเขาที” 




ผมไม่อยากจะเถียงให้ยาว เลยหันกลับมาสนใจกับจานชามตรงหน้า




“ให้กูช่วยล้าง”  นายปีโป้พูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆผม

“ไม่เป็นไร เราล้างเองได้ มีนิดเดียวเอง” ผมบอก

“เออหน่า  ช่วยๆกันล้าง จะได้เสร็จไวๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับดึงฟองน้ำสำหรับล้างจานไปถือไว้เอง ก่อนที่จะหยิบน้ำยาล้างจานบีบใส่ และจัดการล้างจานชาม ช้อน และอุปกรณ์ต่างๆ ทิ้งให้ผมต้องล้างน้ำเปล่าแทน






“นายล้างจานเป็นด้วยเหรอ แปลกจัง” ผมพูดออกมาเมื่อเราสองคนช่วยกันล้างจานเสร็จ

“แล้วมันจะไปยากตรงไหนวะ แค่ล้างจาน”  นายปีโป้พูดพร้อมกับยักคิ้ว

“ก็เห็นเป็นนักเลงหัวไม้ ไม่คิดว่าทำงานอย่างนี้เป็น”    ผมพูดไปแบบเชิงเล่น แต่ก็ทำให้สีหน้าของนายปีโป้เปลี่ยนไป และไม่มีเสียงตอบกลับมา





“ทีหลัง อย่ามองใครแค่ภายนอกอีกละ กูไม่ได้แย่อยากที่มึงคิด”  เขาพูดพร้อมกับเดินออกไปนั่งตรงบันไดบ้าน




นี่ผมพูดแรงไปเหรอ






“ไม่นึกนะ ว่านายจะขี้น้อยใจ” ผมเดินตามมา แล้วพูดกับนายปีโป้  เรากำลังนั่งอยู่ตรงมุกของบ้าน ที่ยื่นออกมา มีเก้าอี้ที่ทำขึ้นติดกับกำแพงไม้กั้นไว้ตรงมุกบ้าน ไว้สำหรับนั่งรับลม

“น้อยใจอะไร กูไม่ใช่คนเซนซิทีฟขนาดนั้น”

“แล้วอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรละ”

“กูแค่อยากให้มึงมองกูให้มากกว่าที่คนอื่นเค้ามองกู”  จริงจังซะงั้น

“ทำไมต้องเราด้วย”

“เพราะกูให้ความสำคัญกับมึง”  เอาสิ ไม่น่าถามต่อเลยผม  ไม่คิดว่านายปีโป้จะจริงจังขนาดนี้


ถ้ายิ่งถาม จะยิ่งเข้าตัว .. เงียบไว้ดีกว่า

“มึงอย่าเงียบสิ มึงเข้าใจที่กูพูดไหม” ยังไม่หยุดอีก  จะให้ผมตอบว่าไงละ






“เราเข้าใจ แต่นายอย่าพยายามเลย”

“หมายความว่ายังไง” นายปีโป้ถามมาสีหน้าเครียด

“ก็หมายความว่า ยังไงเราก็ไม่ชอบผู้ชายด้วยกันหรอก  เราเป็นเพื่อนกันได้นะ เป็นพี่เป็นน้องกัน” ผมอธิบายไปตามความรู้สึกของตัวเอง
“นี่มึงคิดกับกูแค่นี้จริงๆเหรอ” 

“จริงสิ  เราเห็นนายเป็นเพื่อน ถึงนายจะกวนตีน ทำตัวเถื่อนๆกับเรา แต่นายก็เป็นคนดี คบหาเป็นเพื่อนได้”  ผมอธิบายต่อ

“แต่กูไม่ได้คิดกับมึงแค่นั้น”

“ความรัก มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆอย่างที่นายคิดหรอก บางทีมันอาจจะเป็นความหลง หรืออารมณ์ชั่ววูบ หรือแค่นายอยากจะเล่นๆกับเรา เหมือนคนอื่นๆของนายก็ได้”

“เมื่อก่อนอาจใช่ แต่ตอนนี้กูคิดแล้วนะ ว่ากูชอบมึงจริง” ยิ่งคุยยิ่งเสียงดัง ยายจะได้ยินไหมเนี่ย

“ที่กูไม่ไปหามึงมาหลายวัน เพราะกูอยากจะลองใจตัวเอง ว่ากูคิดยังไงกับมึงแน่ เพราะมึงมันทำให้กูควบคุมความคิด ความรู้สึกของตัวเองไม่ได้  แต่กูทำไม่ได้ซักวันมึงรู้มั๊ย กูต้องแอบไปดูมึงหน้าวิทยาลัยทุกวัน  กูแค่อยากเห็นหน้ามึง”  เอาแล้วไง  ผมว่านายปีโป้เค้าต้องเมาอะไรสักอย่างแน่ๆ แพ้ผักโขมหรือเปล่าเนี่ย




“เอาละ เอาเป็นว่าเราเข้าใจนายแล้วกัน แต่จะให้เรารู้สึกกับนายเหมือนที่นายรู้สึก เราคงทำไม่ได้ เพราะเรายังคิดกับนายแค่เพื่อน ไม่ก็รุ่นพี่  เราว่าเข้านอนเถอะ  เดี๋ยวยายตื่น” ขอตัดบทจบแบบนี้แล้วกันนะครับ  ยิ่งคุยยาว ผมว่านายปีโป้ยิ่งมากมาย  เลยรีบเดินนำมากางมุ่งอีกที  ทิ้งให้อีกคนนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย






ไม่ใช่ผมจะไม่รู้หรอกครับ ว่าใครที่เข้ามารู้สึกยังไงกับผม  ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ ถึงแม้จะไม่เคยมีแฟนกับเค้า แต่ก็รู้ว่าการเข้ามาจีบมันเป็นยังไง  ทั้งนายปีโป้ พี่เดช แพร หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของหญิง ผมรู้ดี  เพียงแค่ไม่คิดว่า นายปีโป้จะรุกเร้ามากมายขนาดนี้




มากจนตั้งตัวไม่ทัน ..






แต่ก็อย่างที่ผมบอกนายปีโป้นั่นแหละครับ สำหรับตอนนี้ผมก็มองเขาเป็นแค่เพื่อน ไม่ก็รุ่นพี่คนหนึ่ง  กับผู้หญิงผมยังไม่เคยเป็นแฟนเลย จะให้มามีแฟนคนแรกเป็นผู้ชายเหรอ .. ยายคงอกแตกตายพอดี






“ให้ชั้นนอนไหน” นายปีโป้เดินเข้ามาเปิดมุ้งถามผม ถามซะเพราะเชียว

“ก็นอนด้วยกันนี่แหละ บ้านเรามีมุ้งแค่นี้ หรือนายจะนอนนอกมุ้งให้ยุงหามละ” ผมบอกนายปีโป้

“มึงไว้ใจกูเหรอ” นายปีโป้ถามมา พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ถ้าจะทำอะไรเราก็ลองดูสิ  นี่มันบ้านเรานะ” ผมพูดไปพร้อมกับทำหน้าขู่

“กูจะทำไรได้ละ มึงให้กูเป็นแค่เพื่อนนี่” นายปีโป้พูดมาแบบน้อยใจ ก่อนจะเข้ามุ้งมา 





วันนี้น้อยใจบ่อยจังเลยนะ มาดนักเลงหายไปหมดแล้วเนี่ย !!!







และแล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าผมจะนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ก็เถอะ อาจเพราะกังวลคนที่นอนข้าง ที่คาดว่าคงนอนไม่หลับเช่นกัน แต่ก็นั่นแหละ ดีหน่อยที่นายปีโป้ไม่ได้มายุ่มย่ามอะไรผม  แต่ที่น่าสงสัยคือนายปีโป้คงไม่ได้ท้องผูก แต่น่าจะท้องเสียนะ เพราะผมเห็นเขาลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยมาก









“เมื่อคืนนายท้องเสียเหรอ” ผมถาม พร้อมกับมองหน้าตาเขาซึ่งดูซีดๆไป ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้ากันอยู่สองคน ส่วนยายออกไปทำธุระที่อำเภอตั้งแต่เช้า

“อือออ” นายปีโป้ตอบมาลอยๆ

“ดืมเกลือแร่หน่อยมั๊ย  เราว่านายหน้าซีดไปนะ เหมือนไม่มีแรงเลย” ผมบอกเขา

“ไม่เป็นไร  รีบกินแล้วรีบเข้าเมืองกันเถอะ” นายปีโป้บอกผม

“วันนี้เราไม่มีเรียน เราไม่เข้าไปหรอก”

“อ้าว ได้ไงกัน งั้นกูก็อยู่นี่กับมึง”

“นายจะบ้าหรือเปล่า ไม่มีเรียนบ้างหรือไง”

“ไม่มีเหมือนกัน”

“มั่ว !!!”

“เออ กูมั่ว ก็กูอยากอยู่กับมึง”

“จะอยากอยู่กับเราทำไม  เข้าเมืองไปเรียนเถอะ”

“ไม่เอาอ่ะ เข้าไปตอนนี้ก็สายแล้ว เค้ามีเรียนแต่คาบเช้า บ่ายก็ไม่มีเรียน ให้กูนอนเล่นบ้านมึงดีกว่าอีก” 

“งั้น ตามใจ”  ผมบอก






















“อัลโหล” ยังไม่ทันจะทำอะไร สายโทรศัพท์ของนายปีโป้ก็เข้ามาซะงั้น

“ว่าไงคับน้องเดียว”   คนที่โทรมาน่าจะเป็นรุ่นน้องมันนะครับ




“จำได้สิครับ   นึกยังไงโทรหาพี่ได้ละเนี่ย”   ความจำนายดีเนอะ




“นึกแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องก็คงไม่โทรมาหรอก” 




“ฮ่าๆๆ แล้วมีเรื่องอะไรกับใครละคราวนี้” 




“เอางั้นเลยเหรอ จะให้พี่ไปจัดการให้เหรอ”  เบื่อเรื่องพวกนักเลงจริงๆ เอะอะอะไรก็ใช้แต่กำลัง




“พี่อยู่บ้านเพื่อนครับ”




“ยังไม่รู้เหมือนกัน  น้องเดียวรีบเหรอ  รีบให้พี่ไปจัดการให้ หรือคิดถึงพี่กันแน่เนี่ย”  นายปีโป้พูดพร้อมกับมองมาทางผม คงคิดว่าผมกำลังแอบฟังอยู่ละสิ



“ได้ๆ เดี๋ยวบ่ายๆพี่เข้าไปหา น้องเดียวยังอยู่หอเดิมใช่มั๊ย”  นึกแล้วไม่มีผิด ว่าคนชื่อเดียวต้องแฟนเก่านายปีโป้แน่ๆ




“ครับๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้ อย่าคิดมาก  สวัสดีครับ” 









“แฟนเก่าโทรมานะ”  นายปีโป้บอกผม

“แล้วบอกเราทำไม”  สงสัยสิ จะบอกผมให้ได้อะไร

“เผื่อจะหึงกูบ้าง”

“ฝันไปเหอะ”

“กูคงอยู่กับมึงทั้งวันไม่ได้แล้วละ  แฟนเก่ากูมีเรื่อง จะให้กูไปจัดการหน่อย”

“ตามสบาย นายจะทำอะไรก็เรื่องของนาย”

“นี่ถ้าคนอื่นมาได้ยิน เค้าจะว่ามึงหึงกูนะเนี่ย”

“ใครเค้าจะไปตีความเข้าข้างตัวเองแบบนายละ”  จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้หึงหรืออะไรเลย พูดไปตามความคิด ว่านายปีโป้จะทำอะไรก็แล้วแต่เขา ผมไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวอะไรอยู่แล้ว

“แล้วมึงจะเข้าเมืองไปกับกูมั๊ย”

“ไม่ละ เดี๋ยวยายกลับมาไม่เจอ จะเป็นห่วงเอา”

“งั้นกูไปก่อนนะ  ถ้าเสร็จไวจะแวะมาหา”

“ไม่เป็นไรหรอก จะขับไปขับมาทำไม เสร็จก็กลับบ้านนายไป” ผมละไม่เข้าใจเขาจริงๆ

“ไม่เป็นไร กูจะมารับมึงไปเที่ยวบ้านกูบ้าง เดี๋ยวค่ำๆเจอกัน”









นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินออกจากบ้านผมไป และขับมอเตอร์ไซค์ออกไปในที่สุด 






ไหนบอกว่าอยากอยู่กับเราทั้งวันไง พอแฟนเก่าโทรมาก็รีบวิ่งแจ้นไปหาซะงั้น ..






หัวใจนักเลงนี่ .. เชื่อถือยากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 29-10-2011 00:52:13
"ไหนบอกว่าอยากอยู่กับเราทั้งวันไง พอแฟนเก่าโทรมาก็รีบวิ่งแจ้นไปหาซะงั้น .. "

โอ๊ะโอ!!! บ่นแบบนี้แถวบ้านเรียกน้อยใจนะ
XP
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-10-2011 02:11:07
 o13 o13 o13 o13 o13

อ่านนิยสยเรื่องนี้แล้ว คิดถึงตอนเป็นวัยรุ่นน่ะ บางประโยคเราคิดอยู่ในใจแต่ไม่เคยพูดออกมา

ไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่ในจินตนาการของใครสักคน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 29-10-2011 02:34:59
ปีโป้จะไปเจอนัทกับเป้แล้ว อยากรู้ว่าปีโป้อยากให้เป้นัทช่วยเรื่องอะไร?
สรุปว่าข้อความที่น้ำมนต์เขียนที่เฝือกคือข้อความนั้นหรือเปล่า  รออ่านต่อไปปปปปปปปป   :pig4:

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 29-10-2011 03:18:20
น้ำมนต์ไม่หวั่นไหวอะไรบ้างเหรอ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 29-10-2011 10:51:30
นั่นคืออาการคนไม่ได้หึงนะ...แต่ออกแนวน้อยใจมากกว่า
ปีโป้ต้องหมั่นทำคะแนนแล้วก็สร้างความเชื่อมั่นให้น้ำมนต์มาก ๆ หน่อยล่ะ อย่าเพิ่งท้อหรือตัดใจไปซะก่อน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-10-2011 11:49:27
อิ้ววววววหนูน้ำมนต์รู้ตัวมั้ยลูกว่าน้อยใจเจ้าโป้เข้าให้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 29-10-2011 12:36:24
ผมรู้สึกไปเองรึป่าวหว่า

เหมือนน้ำมนต์จะแอบหึงปีโป้

เล็กๆๆนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-10-2011 14:03:05
น้อยใจ โป้ซะแล้ว น้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 29-10-2011 14:41:28
เอาแล้วไงง ง ง
น้ำมนต์หึงเหรอจร๊ะ
55555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 29-10-2011 16:50:34
ไหนบอกว่าไม่หึงไงน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 29-10-2011 19:25:15
แอ๊ะ ๆ หนูน้ำมนต์ มีใจให้โป้มันแล้วล่ะสิ

โป้เอ้ย จีบเค้าให้มันติดนะแก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-10-2011 19:35:15
 :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 29-10-2011 23:00:00
น้ำมนต์ไหนว่าแค่ เพื่อนไง  o18 มีแอบหึงนะ ชอบประโยคสุดท้ายจัง  :impress2:
นายโป้  คงไม่ได้ท้องเสียหลอกมั้ง แต่......  :z1:

 :pig4: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-10-2011 20:33:02
ให้เขารุกคืบมานอนมุ้งเดียวกันแล้ว จะหนีไปไหนพ้นจ๊ะน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 12 อัพดึกๆ 29-10-54
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 30-10-2011 21:43:31
กำลังหวานชื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ก็มีคนมาขัดซะแระ อารมณ์เสีย!!!
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13 มากับน้องน้ำ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 07-11-2011 13:43:58
เฮ้อออ ว่าจะอยู่กับน้ำมนต์ทั้งวันแล้วเชียว แต่ก็มีธุระอีกจนได้ แต่ถ้าอยู่ทั้งวันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ แค่คืนเดียวก็เสียน้ำแทบหมดตัวแล้ว คนเหี้ยไรไม่รู้ แค่นอนใกล้ยังอยากจะจับปล้ำซะอย่างนั้น แล้วเวลานอนหันหลังให้อีก  ปัดโถ่ !! มึงจะยั่วกูไปถึงไหน หืออออ



ปากก็บอกว่าคิดกับเราแค่เพื่อน แต่การกระทำมึงนะ จะให้กูคิดกับมึงแค่เพื่อนได้ไง  เล่นเอาซะผมหน้าซีดขาอ่อนเลยนะ นี่ผมไม่ต้องช่วยตัวเองมานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย  พอกลับมาทำก็ทำเอาๆ อย่างกับฟื้นวิชา


ก็ตั้งแต่เด้าเป็น ผมก็มีคนมาสนองดุ้นตลอด  คิดแล้วก็สงสัยในตัวเอง  นี่มึงเปลี่ยนไปมากเลยนะไอ้ปีโป้




“พี่ปีโป ฮือๆ” เมื่อมาถึงหอผมก็พบกับไอ้โอ๊ต น้องเดียว และเพื่อนของน้องเดียวครับ ก่อนอื่นผมต้องแนะนำก่อนเลยว่า น้องเดียวคนนี้เคยเป็นกิ๊กผมครับ เป็นเด็กโรงเรียนมัธยมชื่อดัง คบกันได้ไม่นานหรอกครับ เพราะเธอไปยุ่งกับเพื่อนผมซะก่อน  คนนี้แหละครับที่เคยไปยุ่งกับไอ้เดช หลังจากนั้นผมเลยห่างๆมา และนี่แหละครับ มีปัญหาถึงติดต่อผมมา




“ว่าไงน้องเดียว แล้วไปทำไรมานี่หน้าตาเละไม่เป็นท่าเชียว” ผมมองดูสภาพของน้องเดียว หมดภาพเด็กมัธยมน่ารักที่ผมเคยตามรับส่งเลย

“พี่โป้ เดียวโดนรุมทำร้ายครับ มันยกพวกมาหาเรื่องเดียวถึงห้องพักเดียวเลยนะ พี่โป้ดูสภาพเดียวตอนนี้สิ” น้องเดียวพูดพร้อมกับหันซ้ายหันขวาให้ผมดูสภาพหน้าตาเค้า ซึ่งผมมองแล้วเจอมาหนักไม่เบา

“แล้วมันเป็นใคร มาทำน้องเดียวได้ไง” ผมถามไปด้วยความอยากรู้

“มันชื่อนัทคะพี่ มันเป็นรุ่นพี่พวกหนู มันร้ายมากๆเลยนะคะ” เพื่อนของน้องเดียวเป็นคนตอบแทน ก่อนจะหันหน้าไปทางไอ้โอ๊ต เหมือนจะต้องการให้ไอ้โอ๊ตสนใจ

“แล้วนี่จะให้พี่ช่วยอะไรเหรอ” ผมถาม

“พี่ปีโป้ต้องไปจัดการแก้แค้นให้เดียวนะ  เดียวไม่ยอมให้มันมาทำเดียวข้างเดียวแน่” น้องเดียวบอกผม

“อันนั้นอ่ะพี่ต้องจัดการให้อยู่แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปหาเราที่หน้าโรงเรียนแล้วกัน พี่ขอคุยกับเพื่อนพี่ก่อน ตอนนี้เรากลับไปเรียนกันได้แล้ว โอเคมั๊ย” ผมบอกพร้อมกับเอามือลูบหัวเด็กที่ทำท่าออดอ้อนผม




จะว่าไปก็อย่างที่ผมบอกแหละครับ ว่าเด็กเก่าๆของผมทุกคน ผมไม่เคยจะทิ้งหรอก มีปัญหาอะไรมาหาผมได้ ยกเว้นแต่จะมีแฟนใหม่ แล้วให้แฟนใหม่เค้าช่วย ส่วนเรื่องนี้ที่น้องเดียวไม่ไปหาไอ้เดช อาจจะเพราะเค้าสองคนอาจจบลงไม่สวยนัก


“เอาไงวะมึง” ไอ้โอ๊ตถามผมเมื่อสองคนนั้นกลับไปแล้ว

“มึงส่งสายไปลืบดิ๊ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครผิดใครถูก” ผมบอกไอ้โอ๊ต

“เออๆ เดี๋ยวกูโทรบอกเด็กกูที่อยู่ในโรงเรียนก่อน”


ถึงแม้ว่าไอ้น้องเดียวจะเคยเป็นกิ๊กเก่าผม ก็ใช่ว่าผมต้องเชื่อไปเสมอไปว่าเค้าถูก แล้วน้องเดียวก็ใช่ย่อยๆซะที่ไหน คบกับผมก็แอ๊บใส เป็นเด็กเรียนเด็กดี แต่พออยู่ลับสายตาผม ก็ตัวก่อเรื่องเลย ถ้าผมเชื่อที่น้องเดียวบอกมาหมดแล้วไปเอาเรื่องคืน แล้วมันไม่เป็นจริง ผมก็กลัวเสียหน้าสิครับ




“เออ ก็ให้เด็กจัดการให้แล้ว เดี๋ยวเย็นๆมันจะโทรมาบอก” ไอ้โอ๊ตเดินกลับมาบอกผม

“เออ ขอบใจมึงมาก กูขอไปนอนเอาแรงก่อน” ผมบอกมัน

“เมื่อคืนคงหนักสินะ” คำถามจากไอ้โอ๊ตกึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจัง ผมสังเกตได้จากแววตามัน

“อืออ” ผมบอกไปแค่นั้น ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด หันไปมองหน้ามันเพื่ออยากรู้แววตามัน แต่มันฉลาดที่ทำหันไปทางอื่นเสีย




“บ่ายๆมาปลุกกูด้วยแล้วกัน” ผมบอกมันแล้วเดินขึ้นห้องไป




บางทีผมก็ควรรักษาในสิ่งที่มันควรเป็นใช่ป่ะครับ  บางคนมันเกิดมาเพื่อเป็นอย่างนั้น เราต้องรักษาให้มันอยู่ในสถานะนั้น  อย่าพยายามทำให้อีกคนมีหวัง และกอดดันตัวเองเลย ..






“ตื่นแล้วเหรอมึง”  เสียงไอ้โอ๊ตทักผม เมื่อเห็นผมลืมตาขึ้นในตอนบ่ายของวันนั้น  นี่ผมหลับไปนานเหมือนกัน

“มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ผมถามมัน พร้อมกับพยายามพยุงตัวเองขึ้น

“เพิ่งมาถึงไม่นาน เห็นว่ายังไม่ถึงเวลานัด เลยยังไม่อยากปลุก”

“เออ นัดไอ้พวกนั้นแล้วใช่มั๊ย”

“เออ นัดแล้ว มันบอกไปเจอกันหน้าโรงเรียนเลย”

“เออๆ งั้นกูอาบน้ำก่อน”




ผมใช้เวลาไม่กี่นาทีในการจัดการตัวเอง แล้วก็นั่งซ้อนมอไซค์ของไอ้โอ๊ตมาที่จุดนัดพบ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาที่เด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียนกัน ผมทราบมาว่ากลุ่มที่มีปัญหากับน้องเดียวยังอยู่ในโรงเรียน พวกมันก็คงกำลังรวบรวมกำลังอยู่เหมือนกัน



“พี่ปีโป้” เสียงของน้องเดียวทักผมมาแต่ไกล

“อืมว่าไง หายเจ็บบ้างยัง” ผมถามพร้อมกับเอามือลูบที่ปากเบาๆ

“ยังเลยครับ เจ็บมากๆเลย”  น้องเดียวพยายามอ้อนผมครับ

“พี่ว่าเข้าไปในโรงเรียนกันเถอะ อยากเข้าไปคุยกับพวกนั้นดู” ผมบอกน้องเดียวแล้วก็หันไปบอกพวกข้างหลังที่ชวนมันมาเสริมทัพ

“เอ๊ยย เดี๋ยวกูเข้าไปก่อน มีอะไรจะเรียก”

“เอ๊ย มึงจะเข้าไปคนเดียวแน่เหรอ” ไอ้โอ๊ตถาม

“เออหน่า ไม่มีไรหรอก ในโรงเรียนนะเว๊ย มีเรื่องสิยามตีตาย” ผมบอกพวกมัน

“เออ มีไรโทรมานะเว๊ย”

“เวลานั้นคงไม่ได้โทรแล้ว ตามมาเก็บกูก็แล้วกัน” ผมพูดติดตลกเพื่อให้พวกมันสบายใจครับ แล้วก็เดินไปพร้อมกับน้องเดียว





น้องเดียวพาผมเดินมาที่บริเวณสนามบาสของโรงเรียนแห่งนี้ครับ ซึ่งมีกลุ่มนักเรียนอยู่กลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่



“พวกนี้แหละพี่โป้  ที่มันมารุมตบเดียว” น้องเดียวพูดพร้อมกับชี้หน้าคู่อริทันทีที่มาถึงที่

“อย่าพูดว่ารุมสิ กูตบมึงคนเดียวเองนะ” แล้วก็มีเสียงคนนึงสวนกลับมา คนนี้คงเป็นอริของมัน ดูท่าทางจะดุไม่เบา ขัดกับหน้าหวานๆของมัน และบุคลิกกวนตีนนั่นจริงๆ

“นี่น้องคนเดียวเองเหรอ ที่ทำให้น้องเดียวเป็นถึงขนาดนี้”   ผมถามไอ้เด็กเด็ดคนนั้น ว่าตัวเล็กๆอย่างมันนี่นะ ที่เล่นเอาจนน้องเดียวสะบักสะบอมขนาดนี้

“อืม ทำไม จะมาล้างแค้นให้เหรอ”  เด็ดจริงๆครับไอ้เด็กนี่ ผมอดยิ้มกับท่าทีดุดันนั่นของมันไมได้ แม้แววตาของมันจะซ่อนความกลัวอยู่ แต่สีหน้าและท่าทางนั้น กล้าหาญไม่เบา ส่วนคนที่ยืนข้างๆ หน้าตาคมเข้มหล่อไม่เบานั้น คงเป็นคนสำคัญของมันสินะ เออวะ น่ารักทั้งคู่ เหมาะสมกันดี

“นี่คงเป็นแฟนน้องสินะ” ผมถามไป

“ใช่ครับ คนที่แฟนพี่จะมาแย่งไง” เด็กเด็ดนั้นพูดพร้อมกับส่งสายตาดุดันไปทางน้องเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆผม

“มึง เบาๆหน่อย ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้น” แฟนของมันกระซิบพูดกันเบาๆครับ แต่ผมก็ได้ยิน

“ก็กูหงุดหงิด อยากจะคุยให้จบๆ กูอยากกลับบ้าน” มันเด็ดจริงๆครับ ความกลัวของมันหายไปไหนหมดนี่ หรือว่าท่าทีและหน้าตาของผม ไม่มีเคล้าให้ผมกลัวเลย  แต่ผมก็พอจะลำดับเรื่องราวที่มาของการวิวาทครั้งนี้ได้แล้ว จากที่ไอ้โอ๊ตสืบมาคร่าวๆ จากที่ปะติปะต่อกันเอง ก็พอจะเดาได้ว่า น้องเดียวคงไปแย่งแฟนของไอ้เด็กเด็ดที่ชื่อนัทคนนี้

“ใจร้อนจริงๆนะ น้องนัท” ผมเริ่มจะเปลี่ยนเกม จากที่จะมาเอาคืน คงต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“พี่โป้ ทำไมต้องไปพูดดีกับมัน เอาคืนให้เดียวเลยสิ  ดูดิเดียวเจ็บตัวเพราะมัน พี่ต้องเอาคืนให้เดียวนะ” เสียงของน้องเดียวเถียงขึ้นมาแบบไม่พอใจ

“เงียบๆหน่า เดียว จะไปทำน้องเค้าทำไม  เดี๋ยวน้องเค้าก็ตัวช้ำหมด” ผมพูดไปพร้อมกับหันไปดุน้องเดียว เล่นเอาคนที่อยู่แถวนั้นงงกับการกระทำของผมทันที

“พี่โป้หมายความว่ายังไง  พี่อย่าบอกนะว่าพี่สนใจมัน” น้องเดียวพูดขึ้นมา

“ก็ไม่แปลกนี่ถ้าพี่จะชอบ  น้องเค้าทั้ง น่ารัก ปากดี แถมยังใจเด็ดอีก” ในเมื่อคิดกันแบบนั้น ผมก็ตามน้ำสิครับ

“พี่โป้ !!!!!!”

“เอ๊ะ เดียว กลับออกไปรอหน้าโรงเรียนไป พี่จะคุยกับน้องเค้า รำคาญ โวยวายอยู่ได้” ไม่อยากแสดงความเจ้าชู้หรอกครับ แต่ในเมื่อเรารู้ว่าคนของเราผิด จะมาเอาเรื่องก็คงไม่ใช่ เรื่องของน้องเดียวคงต้องกลับไปเคลียร์กันอีกที แต่ตอนนี้เพื่อไม่ให้เสียหน้า ผมเลยต้องทำเนียนจีบเด็กนัทนี่ไปก่อน

“ยังไม่ไปอีก พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”  ผมหันไปดุน้องเดียวอีกครั้ง

“นังนัท ชั้นฝากไว้ก่อนนะ” เสียงน้องเดียวอาฆาตน้องนัท แววตาสีหน้าน่ากลัวจริงๆ เด็กสมัยนี้


ตอนนี้ก็เหลือแต่ผม เด็กนัท และก็แฟนของมัน ในเมื่อมีโอกาสได้เจอกับสองคนนี้ ที่ดูท่าทางจะรักกันไม่เบา แล้วรู้สึกอิจฉาในความรักของมันสองคนจริงๆ จะว่าไปน้องนัทก็น่ารักเหมาะแก่การดูแล ส่วนแฟนของมันก็ดูดีไม่แปลกที่ไอ้น้องเดียวจะแย่ง



“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ พี่ชื่อปีโป้ เรียนช่างกลปีสามแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องนัท”  ผมพูดไปพร้อมกับยื่นมือไปทางเด็กนัท  เด็กนัทมองทางผมอย่างงงๆ พร้อมกับมองไปทางแฟนของเค้า ประมาณว่าจะเอาไง แต่คนที่ตั้งสติทันกลับเป็นแฟนหนุ่มของน้องเค้า ที่เป็นฝ่ายยื่นมือมา พร้อมกับพูดทักทายผม




“ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ผมชื่อเป้ และนี่เมียผม ชื่อนัท” หึหึ ไงละครับ ผมเจอเด็กหวงของเข้าให้แล้ว  เจอแบบนี้มีเหรอครับที่นายปีดป่จะอยู่เฉย ขอเล่นตามเกมที่มันปูทางมาให้หน่อยเถอะ

“พี่ขอโทษน้องนัทนะครับ ที่เดียวมันมายุ่งกับน้อง และคนของน้อง ถ้าต่อไปมันมายุ่มย่ามกับน้องนัทอีก บอกพี่นะครับ พี่จะจัดการมันให้”  ผมพูดพร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสารไปทางน้องนัท ที่ยังยืนอึ้งกับกิริยาของผมในตอนนี้

“ขอบใจพี่มาก แต่แฟนผม ผมดูแลเองได้”  แต่คนที่ดูจะร้อนรนเป็นพิเศษก็ต้องแฟนมันนี่แหละครับ

“ถ้าน้องดูแลได้ คงไม่มีปัญหาเหมือนครั้งนี้หรอก ว่ามั๊ย” ผมสวนกลับ

“งั้นพี่ขอไปเลี้ยงน้ำชาขอโทษหน่อยแล้วกัน ได้มั๊ยครับน้องนัท” พร้อมกับเชิญชวนไปหาอะไรกินกันนิดหน่อย

“ไม่เป็นไรดีกว่า ผมรีบกลับบ้าน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวนะ” ไอ้น้องนัทพูดออกมาได้ซักที พร้อมกับทำท่าเดินออกไป

“เดี๋ยว !!!”  ผมเดินเข้าไปดักหน้า  ดวยเสียงที่ดูดุดันนั้น ทำเอาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นนิ่งตกใจไปกับการกระทำของผม

“มีไรอีก” น้องนัทถามกลับมาอย่างกล้าๆกลัว

“ให้พี่ไปส่งได้มั๊ย” ผมพูดออกไปอย่างหยอกเล่น  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมว่าน้องนัทนี่คล้ายๆกับน้ำมนต์ตรงนี้ปากดี และก็อวดเก่ง

“ไม่เป็นไร ผมกลับกับแฟนผมได้  ไอ้เป้ มึงจะไปส่งกูมั๊ย เดี๋ยวกูตกรถ” น้องนัทพูดกับผม ก่อนจะหันไปดุแฟนมัน  จะว่าไป ผมก็คิดว่าไอ้เป้แฟนน้องนัทนี่ ท่าทางจะไม่ต่างอะจากผมนัก

“เออๆ กูไปเดี๋ยวนี้แหละ” ไอ้น้องเป้ ตะโกนบอกแฟนมัน

“แบบนี้สิ น่าสนใจหน่อย” ผมพูดให้หลังสองคนนั้นไป

“คนนี้แฟนผม ถึงพี่เป็นนักเลง ก็ใช่ว่าผมจะกลัว อย่ามายุ่งกับคนของผม” ด้วยความหูไวของมัน เลยสวนผมกลับทันที  แต่คิดเหรอว่าผมจะยอม

“ของแบบนี้ ใครดีใครได้เว๊ย”  หึหึ สบายใจจริงๆเว๊ย !!!!




จะว่าไปแล้ว ผมก็ไม่ได้จะจีบน้องนัทอย่างที่ไอ้เป้แฟนมันกลัวหรอกครับ และผมคิดนะถ้าผมจีบ น้องนัทก็เสร็จผมภายในไม่ถึงเดือน แต่ตอนนี้ผมไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว ผมกลับมองเห็นความรักในตัวพวกมันสองคนที่น่าเอาแบบอย่าง พวกมันตัวแค่นี้ ยังรักกันมากมาย  ถ้าผมพาพวกมันไปรู้จักกับน้ำมันต์  มันคงต้องช่วยอะไรเกี่ยวกับความรักของผมได้บ้างละ ไม่มากก็น้อย




ช่วยกูหน่อยแล้วกันนะ .. กูชักจะเอาจริงกับคนนี้แล้วสิ


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13 มากับน้องน้ำ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 07-11-2011 14:14:05
อะไรของไอโป้มันวะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13 มากับน้องน้ำ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 07-11-2011 14:56:29
...และผมคิดนะถ้าผมจีบ น้องนัทก็เสร็จผมภายในไม่ถึงเดือน...

ทำคุยไอ้พี่โป้ ได้ข่าวคนล่าสุดจีบมาตั้งนานยังไม่ติดเลยไม่ใช่รึ :laugh:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 14 น้องน้ำหรือจะสู้น้ำมนต์ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 07-11-2011 15:06:06
ตอนที่ 14


“น้ำมนต์ ทางนี้” เสียงเรียกผมจากหญิง ดังมาตั้งแต่ไกล มาทางร้านป้าตามสั่ง มองเข้าไปก็เห็นหญิง ช้างน้อย และแขกประจำกลุ่มผมไปแล้ว .. นายปีโป้

“วันนี้ทำไมมาช้า” นายปีโป้ถามผม

“เวลาปกติของเรานี่” ผมบอก

“สายไปห้านาที” นายปีโป้เถียง

“รอรถนาน”

“ทีหลังให้กูไปรับ”

“ ..” ผมไม่อยากเถียงแล้วครับ




“ช้างน้อยทำงานถึงไหนแล้ว” เลยเปลี่ยนเรื่องไปคุยกับช้างน้อยแทน

“เนียนเสมอนะยะ”

“อะไรนะ”

“อ๋อ เปล่า ใกล้เสร็จละ แกอ่ะ”

“ยังไม่ถึงไหนเลย คิดอะไรไม่ค่อยออกช่วงนี้”

“มัวแต่คิดอะไรอยู่ละ” นายปีโป้แทรกเข้ามาอีกแล้ว

“นั่นดิ คิดมากเรื่องอะไรหรือเปล่าน้ำมนต์” หญิงก็ถามมาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอก แค่สมองมันตื้อๆอ่ะ  เลยคิดคอนเซปต์ไม่ค่อยออก” ผมบอกทุกคนไป

“คิดถึงกูอยู่อ่ะดิ” นายปีโป้พูดออกมาอย่างมั่นใจ

“สำคัญตัวเอง” ผมบอกไป

“หยุดๆ ทั้งสองคน ทะเลาะกันตั้งแต่น้ำมนต์หย่อนก้นลงเก้าอี้ ตอนนี้ยังไม่เลิกอีก พี่ปีโป้มีไรคะ มารอเพื่อนหนูแต่เช้าเชียว”  ช้างน้อยห้ามพวกเรา และหันไปถามแขกที่ไม่ค่อยได้รับเชิญนัก

“ค่ำนี้ไปกินน้ำชากันนะ พี่เลี้ยง” นักเลงใจโตบอกทุกคน

“เย้ ดีจัง ไม่ได้ไปกินนานมากๆแล้ว” ช้างน้อยดีใจออกหน้าออกตา

“ดีใจที่ได้ไปกินน้ำชา หรือว่าจะได้เจอใครกันแน่จ๊ะ” หญิงแอบเหน็บช้างน้อย

“พูดอะไรของเธอย่ะหญิง ชั้นอยากไปกินน้ำชากับพี่ปีโป้เค้าเฉยๆ” ช้างน้อยตอบมาหน้าแดง

“ไม่ไปอ่ะ เราอยากกลับไปทำงาน” ผมพูดออกมา ทำเอาทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว

“ไม่ได้ ไปคืนเดียวเอง ฉลองกูเอาเฝือกออก” นายปีโป้หันมาบอกผมหน้าตาเครียด

“ไปเถอะนะน้ำมนต์ นะนะ ชั้นอยากไปอ่ะ ถ้าแกไม่ไป พวกเราก็อดไปนะ” ช้างน้อยอ้อนผม

“ใช่น้ำมนต์ ไปเถอะนะ ไปพักผ่อน สมองจะได้ปลอดโปล่ง จะได้คิดอะไรได้เยอะขึ้นไง” หญิงก็บอกมาอีกคน

“ไม่รู้แหละ มึงต้องไป เดี๋ยวเลิกเรียนกูมารับ พี่ไปก่อนนะน้องๆ” ตัวเผด็จการพูดเสร็จก็ลุกหนีไป






“เข้าไปเรียนกันเถอะ” เสียงหญิงบอกผมกับช้างน้อย พร้อมกับการลุกขึ้นเข้าวิทยาลัยของเรา

“น้ำมนต์”  เสียงผู้หญิงเสียงใสเรียกผมมาจากด้านหลัง

“อ้าว แพร ทำไมวันนี้เพิ่งมาละ” ผมหันไปถามหญิงสาวที่มาด้วยท่ากระเซอะกระเซิง

“พอดีเราตื่นสายอ่ะ นี่กำลังเข้าไปเรียนใช่ป่ะ ไปด้วยคนดิ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น พร้อมกับเอามือสาวผมให้เป็นระเบียบ จากการฟูของการนั่งวินมอไซค์มาหน้าวิทยาลัย

“ไปดิ” ผมตอบสั้นๆ พร้อมกับยิ้มเชื่อเชิญ หันไปมองช้างน้อยที่หน้าไม่บอกบุญนัก ก่อนจะเชิดใส่ผมแล้วเดินนำไปกับหญิง





แล้วเย็นนั้นก็มาถึง เป็นเย็นที่ผมไม่อยากจะให้ถึงเวลาเลิกเรียนเร็วนัก  ผมรู้สึกว่ายิ่งตัวเองยิ่งพยายามหนีจากคนที่ชื่อปีโป้ แต่ผมก็เหมือนกับต้องพบต้องเจอ สิ่งที่รายรอบตัวเค้า เหมือนเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ผมต้องพบเจอไม่เว้นวัน ไม่เว้นแต่เพื่อนของผมตอนนี้ก็คงกลายเป็นพวกของนายปีโป้ไปหมดแล้ว



“ขึ้นมาดิ” เสียงของคนที่ชวนผมไปกินน้ำชา พูดจาด้วยน้ำเสียงเชื้อเชิญ

“นี่จะไปกินน้ำชาเลยใช่ป่ะ” ผมถาม ทั้งที่ยังยืนคุยอยู่ ส่วนรถคันอื่นๆก็ทยอยไปกันหมดแล้ว แม้กระทั่งหญิงกับช้างน้อย ที่คงจะแว๊นตามเพื่อนๆของนายปีโป้ไป

“ทำไม อยากไปไหนก่อนเหรอ”

“แค่ถามดู เพราะนี่ก็เพิ่งเย็น เค้าขายแล้วเหรอ”

“ขายแล้ว แต่ยังไม่ไปกิน”

“หมายความว่าไง”

“หมายความว่ารีบขึ้นมา”

“แล้วจะไปไหน”

“ขึ้นมาเถอะ กูไม่พาไปขายหรอก” 









และก็เป็นอย่างที่นายปีโป้ว่าครับ มันไมได้พาผมมาขาย แต่เรากำลังจะดูหนังกัน

“แล้วคนอืนๆละ” ผมถาม

“เข้าไปแล้วมั้ง ก็มึงอ่ะชักช้า” ผิดที่ผมอีกแล้ว

“แล้วนึกไงจะดูหนัง”

“กูอยากดู”

“แล้วไม่ถามคนอื่นบ้างเหรอ”

“กูบอกว่ากูเลี้ยง มันก็เลยตกลงดูกันหมด”

“แล้วไม่ถามเราเหรอ”

“ไม่จำเป็นนี่”  นายปีโป้พูดกวนตีนก่อนจะดึงมือผมเข้าไปในโรง ที่ในขณะนี้โรงมืดไปหมดแล้ว  แต่หนังยังไม่เริ่ม ยังอยู่ในช่วงตัวอย่างหนัง

“นั่งนี้เลยเหรอ” ผมถาม เมื่อนายปีโป้พามาที่นั่งบนสุดของโรง และไม่มีคนอื่นๆนั่งเลย เนื่องจากเป็นที่นั่งวีไอพี

“อืม ใช่”

“แล้วคนอื่นละ”

“นั่งล่างๆ”

“แล้วทำไมไม่นั่งกับเพื่อน”

“มึงอย่าเรื่องมากได้มั๊ย  นั่งลง” นายปีโป้พูดพร้อมกับดึงผมลงนั่ง ด้วยความที่เป็นเบาะนั่งวีไอพีสำหรับสองคน ผมกับนายปีโป้จึงไม่มีพนักกั้นระหว่างเราสองคน ผมจึงเขยิบไปนั่งติดมุมทางพนักอีกข้างหนึ่ง

“หึหึ” เสียงของมันเหมือนจะขำผม

“กลัวกูเรอะ” มันถาม

“เปล่า อึดอัด” ผมบอกไป

“เหรอ กูคงเชื่อ” มันพูดแค่นั้น แล้วตัวมันก็พิงไปอีกทางนึงเช่นกัน




หนังที่ดูวันนี้ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นหนังแอ็กชั่นไซไฟฟอร์มยักษ์ทุ่มทุนสร้าง  ซึ่งคงเหมาะกับบุคลิกของนายปีโป้ แต่เปล่าเลย ผมกลับได้มาดูหนังอาร์ต ซึ่งไม่บ่อยนักที่หนังพวกนี้จะได้ฉายในโรงทั่วประเทศ เป็นหนังสร้างแรงบัลดาลใจให้กับคนที่มีความฝัน  ถึงแม้เนื้อหาจะเดินไปแบบเรื่อยๆ แต่ก็มีการวางพล็อตเรื่องไว้อย่างสมบูรณ์ จนผมเผลอรักหนังเรื่องนี้




“นาย นาย” ผมปลุกคนที่พาผมมาดูหนังเรื่องนี้ แต่ก็ดันหลับตั้งแต่กลางเรื่อง

“อือ จบแล้วเหรอ” นายปีโป้ถามมาอย่างงัวเงีย

“เปล่า” ผมบอก

“แล้วปลุกกูทำไม”  นายปีโป้พูดมาอย่างหงุดหงิด

“เข้ามาหลับ แล้วจะเข้ามาดำไม” ผมถาม

“ก็อยากให้มึงดูไง เผื่อมึงจะคิดงานของมึงได้”  จะว่าตกใจกับคำตอบนั้น ก็คงบอกว่านิดหน่อย แต่ก็คงไม่เยอะมาก เพราะผมก็คิดอยู่ว่ามันก็คงไม่ชอบหนังแบบนี้นัก

“งั้นก็นั่งเป็นเพื่อนเราหน่อย” ยังไงถ้ามีใครดูเป็นเพื่อนผม ผมก็คงได้ปรึกษาเนื้อหาของหนังบ้าง นี่ถ้านั่งกับหญิงกับช้างน้อย คงได้ซักไซร้กันสนุก

“อือ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอาหัวมาพิงที่บ่าผม

“ทำไรอ่ะ”

“ขอพิงหน่อย มันง่วง”

“เดี๋ยวก็หลับอีก”

“ไม่หลับหรอก” คงเชื่อละครับ



ก่อนที่ผมจะดูหนังทีเหลือไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยเลิกเถียงกับนายปีโป้  นายปีโป้คงดูกับผมได้นิดหน่อย ก่อนจะหลับไปต่อ  จะว่าไปถ้ามาดูตอนนี้ก็ปะติดปะต่อเนื้อหายากแล้วเหมือนกัน





“เอ๊ย น้ำมนต์ ชอบป่ะ เราว่าหนังเรื่องนี้โอเคมากเลยนะ” หญิงถามผมเมื่อเราออกมานอกโรงแล้ว

“ชอบๆ หนังดีเนอะ” ผมบอกเธอ

“ชั้นว่าถ้าเปลี่ยนตอนจบนิดนึง จะเฟอร์เฟ็คมาเลย” ช้างน้อยแอบวิจารณ์

“แต่เราว่าตอนจบแบบนี้แหละดีแล้ว ให้คนไปคิดต่อยอดเอา” ผมบอกช้างน้อย

“เราว่าไปกันเถอะ พวกพี่ปีโป้รอใหญ่แล้ว” หญิงพูดขึ้น ผมเกือบลืมไปเลยว่ามากับพวกนั้น นึกว่ามาดูกันสามคน






“คุยกันสนุกเชียวนะ” นายปีโป้เหน็บผม

“ก็หนังมันสนุก”

“สนุกอะไร ง่วงชิบหาย”

“ตาไม่ถึง ไปว่าหนังเค้า”

“กูพามาดู กูเลี้ยงด้วย ไม่ขอบคุณกูหน่อยเหรอ”

“ทวงบุญคุณเหรอแค่นี้ เราจ่ายค่าตั๋วคืนก็ได้นะ” ผมพูดพร้อมกับชักกระเป๋าเงินออกมา

“ไม่ต้อง !!!” นายปีโป้พูดขึ้นเสียงดัง

“ไม่ขอบคุณก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำแบบนี้ กูไม่ชอบ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินนำผมไปที่รถ



เป็นอะไรของเค้าอีกละเนี่ย





แล้วเราก็มาถึงร้านโรตีชื่อดังของเมือง ซึ่งเหมือนกับได้มีการจับจองไวแล้ว พอเรามาถึงก็ได้นั่งโต๊ะใหญ่สุด ที่พอดีกับจำนวนคน ไม่พอดีสิ เหลือว่างอีกสองที่นั่ง ซึ่งผมคิดว่าคงมีคนตามมาทีหลัง



“กินอะไรสั่งเลยนะ กูเลี้ยง”  นายปีโป้บอกทุกคน

“ใจปล้ำจริงเว๊ย นายหัวกู” พี่บ่าวพูดแซวมา

“ก็ดูก่อนมากับใคร มากับน้องน้ำมนต์ก็ต้องโชว์พาวกันหน่อยดิวะ” พี่เอกเสริมต่อ

“พวกมึงจะกินก็เงียบๆกันไป พูดมากกูให้จ่ายเองนะเดี๋ยว”  เสียงของนายปีโป้ที่นั่งอยู่ข้างผมดังขึ้น และแน่นอน ผมก็ไม่ได้เต็มใจนั่งข้างนายปีโป้มากนัก แต่ก็โดนจัดที่นั่งให้เรียบร้อย นั่งใกล้ไม่พอ นายปีโป้ยังเอามือมาพาดไว้ที่พนักพิงหลังของผม ทำให้ผมไม่อยากจะพิงหลังเลย




“แล้วอีกสองคนใครเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปนานแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีคนอื่นมา

“อ๋อ รุ่นน้องกู กูอยากให้มึงรู้จักพวกมัน” นายปีโป้บอกผม

“อยากให้รู้จักเรา ทำไมเหรอ”

“ก็อยากให้รู้จักอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก” เหตุผลของเค้า ฟังดูดีมาก

“แล้วไหนละ ไม่เห็นจะมา นี่ก็กินกันจนอิ่มหมดแล้วนะ” ผมบอก เมื่อเห็นอาหารตรงหน้าหมดไปอย่างกับทานบุฟเฟ่ต์

“เออวะ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน ไอ้โอ๊ตไหนพวกไอ้นัทไอ้เป้วะ” นายปีโป้บอกผมก่อนที่จะตะโกนถามพี่โอ๊ตที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

“ไม่รู้วะ สงสัยจะเบี้ยวมึงแล้ว”  พี่โอ๊ตตะโกนบอกมา

“มันแน่มาก !!!” เสียงของนายปีโป้ดูโกรธเคืองมาก

“มีไรกันวะ” พี่เอกถามขึ้น

“ไม่มีไรพี่ เด็กเบี้ยวนัดมัน มันเลยโกรธ” พี่โอ๊ตอธิบาย

“พี่คิดเงินเลย” พี่โอ๊ตเลยสั่งให้พนักงานคิดเงิน จะได้กลับๆกัน





“ไม่เห็นต้องโมโหอะไรขนาดนั้นนี่” ผมบอกนายปีโป้ เมื่อเราออกมาจากนอกร้านกันแล้ว

“ไม่ได้เว๊ย มันหยามกู กูนัดแล้วไม่มา มันเสียชื่อนักเลง”

“เสียชื่อหรือเสียหน้าที่เค้ากล้าไม่มา”

“ ..”

“แล้วเค้าสำคัญมากนักเหรอ ถึงทำให้อารมณ์ขึ้นขนาดนั้น”

“ไม่”

“แล้วทำไมต้องหยุดหงิด”

“เพราะ ..”

“เพราะ ?”

“เพราะมันสำคัญสำหรับเรา”  นายปีโป้บอกผมอย่างงงๆ ก่อนที่จะเริ่มสตาร์ทมอเตอร์ไซค์

“ขึ้นมา” มันบอกผม

“ไปไหน ?”

“ขึ้นมาเหอะหน่า ยังไงกูก็ต้องไปส่งมึงที่บ้านอยู่แล้ว” นายปีโป้พูดมาอย่างหงุดหงิด เร่งหใผมรีบซ้อนมัน




“ไปหน้าโรงเรียนมัน” นายปีโป้ตะโกนบอกพี่โอ๊ตที่ขับรถตามหลังมา แล้วรถก็วิ่งไปด้วยความเร็วทั้งที่โรงเรียนจะไปนั้น ไม่ได้อยู่ไกลอะไรเลย





“มาทำไมอ่ะ” ผมถาม

“มาจัดการพวกไม่รักษาคำพูด”

“นายจะมาชกต่อยเค้าเหรอ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงคู่กรณีมัน

“ไม่หรอก ไม่ต้องลงมือกพวกมันก็หัวหดแล้ว”

“ให้มันแน่นะ”

“เออ มึงห่วงกูเหรอ”

“เปล่าหรอก เราห่วงเด็กในโรงเรียนนั่นต่างหาก”

“กูนึกละ มึงเหรอจะมาห่วงอะไรกู รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูออกมา ไปไอ้โอ๊ต”




แล้วนายปีโป้ก็เดินเข้าไปในโรงเรียนกับพี่โอ๊ต ทิ้งให้ผมยืนเฝ้ามอไซค์อยู่  ในเวลานั้นผมก็คิดไปว่า คนที่นายปีโป้มาหานั้นเป็นใครกัน แล้วมีความสำคัญอะไรกับนายปีโป้นะ ไม่สิ นายปีโป้ว่ามีความสำคัญสำหรับเรา .. เรานั่นก็หมายถึงผมกับนายปีโป้



แล้วมันจะมีความสำคัญกับผมได้ไงละ .. เฮ้ออ ยิ่งคิดก็ยิ่งงง



ผมได้ยินเสียงของนายปีโป้ดังมาเป็นระยะ  แต่ก็คงเป็นเสียงของการขู่มากกว่า  เมื่อเห็นว่าเข้าไปนาน ผมเลยเดินเข้าไปดู เชิงเร่งให้รีบๆด้วย



“เอ๊ยไอ้โป้ ไปกันก่อนเถอะ  ไอ้มนต์มันรอใหญ่แล้ว เดี๋ยวมันก็เหวี่ยงใส่มึงอีก” เสียงของพี่โอ๊ตตะโกนบอกนายปีโป้ โดยใช้ชื่อผมอ้าง


“เออๆ  วันนี้กูแค่มาบอกว่าอย่าหนีกูอีก ถ้าไม่อยากมีเรื่อง มึงสองคนได้ช่วยกูแน่ กูไปก่อนละ” และนั่นก็เป็นเสียงของนายปีโป้ นี่ขนาดพูดให้เขาช่วยนะ แต่ก็ยังไปขู่เค้าอีก



ผมมองเห็นกลุ่มเด็กกลุ่มนั้นแบบลางๆ แต่น่าจะเป็นเด็กม.ปลายกัน หน้าตาก็ดูดีกันทุกคน และไม่น่าจะมีเรื่องกับกลุ่มของนายปีโป้ได้ ผมว่านายปีโป้นี่แหละ ที่ตั้งใจจะไปหาเรื่องพวกนั้น ..




“ไปกลับกัน” นายปีโป้เดินมาบอกผม

“นายทำอะไรเด็กพวกนั้นบ้าง”

“กูต่อยไปคนละหมัด แตะก้านคอมันคนละที กระทืบพวกมันอีกสองสามครั้ง”

“โหด” ผมพูดพร้อมกับเดินหลีกมัน

“นี่มึงหาว่ากูเลวขนาดนั้นเลยเหรอ” นายปีโป้พูดพร้อมกับดึงมือผม ทำให้ผมเซไปทางมัน

“ไม่รู้นายสิ เท่าที่พูดมาคนดีๆเขาทำกันเหรอ”

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกมองกูที่ภายนอกสักที” นายปีโปพูดพร้อมกับสะบัดมือผมออก

“ก็ ..”

“ใช่สิ กูมันไม่ดี ทำยังไงมันก็ไม่ดีหรอก “ มันเริ่มจะเป็นเรื่องที่นอกเหนือการควบคุมแล้วครับ

“นาย .. เรา”

“ไอ้โอ๊ต มึงไปส่งไอ้น้ำมนต์ให้กูหน่อย กูจะไปแดกเหล้า” นายปีโป้พูดพร้อมกับขับรถออกไป ทิ้งไว้แค่ผมที่งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น และพี่โอ๊ตที่เหมือนจะรู้ แต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไร



“กลับกันเถอะพี่โอ๊ต” ผมบอกพี่โอ๊ต





ตลอดทางที่พี่โอ๊ตขับมาส่งผม ผมกำลังคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ก่อนหน้านี้นายปีโป้ไปรู้จักกับเด็กลุ่มนั้นได้อย่างไร และมีความสำคัญอะไรกับ เอ่อ .. กับเราอย่างที่นายปีโป้บอกไว้ และตอนที่เข้าไปคุยคุยอะไรกันเสียงดังโวยวาย แล้วทำไมต้องโกหกผมว่าเกิดการชกต่อย แล้วทำไมพอผมมองเขาไม่ดี ถึงได้โกรธมากมายขนาดนั้น




“ขอบคุณนะพี่โอ๊ต” ผมบอกพี่โอ๊ตเมื่อถึงบ้านของผม

“ไม่เป็นไรครับ” พี่โอ๊ตยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะหันหลังกลับเข้าบ้าน

“น้องน้ำมนต์ครับ” พี่โอ๊ตเรียกผม จนผมต้องเอี้ยวหลังกลับไปมอง

“ไอ้โป้เป็นคนดีนะครับ มันไม่เคยคิดทำร้ายใครก่อน แล้วเรื่องวันนี้มันหวังดีกับน้องนะครับ” พี่โอ๊ตบอกผม

“ครับ” ผมไม่มีอะไรจะพูดต่อ เลยได้แต่ครับเบาๆ

“พี่ก็แค่อยากให้น้องเข้าใจในตัวมันบ้าง ว่าที่มันทำทุกอย่าง มันทำเพื่อน้องนะครับ” พี่โอ๊ตพูดบอกผมมา

“ครับ น้ำมนต์เข้าบ้านก่อนนะครับ ขับรถดีๆนะครับ”

“ครับ พี่ไปก่อนนะ”





วันนี้คงเป็นอีกวันที่ผมได้คุยกับพี่โอ๊ตนานกว่าวันอื่นๆ พี่โอ๊ตดูเป็นเพื่อนของนายปีโป้ที่ดูจะเป็นห่วง และดูแลนายปีโป้ได้ทุกเรื่อง คำพูด น้ำเสียงและสายตาที่พี่โอ๊ตบอกผมเมื่อกี้ เป็นคำพูดที่ดูห่วงใยเพื่อน  น้ำเสียงที่แสดงความเป็นเพื่อน แต่สายตาที่ช่างขัดกับคำพูด และเหมือนกำลังหลบซ่อนความรู้สึกบางอย่างนั้น .. มันชวนให้ผมรู้สึกเจ็บปวดแทน



จนไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่าที่เห็น ..




หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 14 น้องน้ำหรือจะสู้น้ำมนต์ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 07-11-2011 15:48:47
รึว่าพี่โอ๊ตจะชอบโป้ o22

ว่าแต่น้ำมนต์เมื่อไหรจะใจอ่อน

กะปีโป้ซะทีน้อ ถึงตอนนี้จะดูอ่อนลง

บ้างแล้วก็เหอะ แต่ขออีกนิดได้มั๊ยครับ

พี่โปีมันจะได้มีกำลังใจจีบน้ำมนต์ต่อ

นะครับ :impress2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 14 น้องน้ำหรือจะสู้น้ำมนต์ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-11-2011 15:56:53
อึมครึมมากค่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 14 น้องน้ำหรือจะสู้น้ำมนต์ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LuxThae ที่ 07-11-2011 16:29:14
ไม่จริงมั้ง โอ๊ต ชอบ โป้ หรอ   o22 o22!!!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13 มากับน้องน้ำ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 07-11-2011 16:41:42
ไม่ใช่ว่าข่าวลือจะไปเข้าหูน้ำมนต์ให้ยิ่งอคติกับปีโป้เพิ่มหรอกนะ
น้องเดียวน่าตบจริง ๆ ร้ายน่าดู
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 14 น้องน้ำหรือจะสู้น้ำมนต์ 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-11-2011 17:28:18
โอ๊ต ชอบโป้แน่เลยอ่ะ น่าสงสารจัง
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 07-11-2011 17:30:45
หายไปนาน เลยจัดมา 3 ตอนรวด !!!


..............................................................

ตอนที่ 15


“เอ้า ชนนนนนนนนน” เสียงของพวกเราที่มาตั้งก๊งกันที่ร้านแถวที่เที่ยวในเมือง ที่เต็มไปด้วยร้านเหล้าเปิดกันแย่งพื้นที่หญ้าขึ้น

“มึงเป็นไรอีกวะ นายหัวโป้ ถึงได้ชวนพวกกูมาเมาแบบนี้” ไอ้บ่าวถามผมขึ้น

“เออ เป็นไรวะ เมื่อตอนเย็นยังอารมณ์ดีกับน้องน้ำมนต์อยู่เลย” ไอ้เอ็มขอเสริมบ้าง

“ไม่มีไรหรอกวะ แค่หมั่นไส้มัน” ผมบอกพวกมัน

“มึงนี่นะ หมั่นไส้น้องน้ำมนต์” พี่เอกถามบ้าง

“ใช่พี่ ผมทำอะไรนะ กูผิดไปหมด ไม่เคยดูคนที่ข้างในเลย มองดูจากภายนอกตลอด ตีคนจากสิ่งทีเห็น” ผมเริ่มโวยวาย เมื่อนึกถึงเรื่อที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงชั่วโมง

“มึงก็ค่อยๆคุยกันดิวะ น้องเค้ารู้จักมึงยังไม่ถึงเดือนเลย จะเข้าใจเหมือนที่กูรู้จักมึงมาเกือบสิบปีได้ไง” ไอ้เอ็มบอกผม

“ก็กูน้อยใจนี่วะ อุตส่าห์พาไปดูหนัง ให้มันมีแรงบัลดาลใจทำงาน พาไปกินน้ำชา แต่ก็มาพลาดเอาตอนสุดท้าย” ผมอธิบายให้พวกมันฟัง

“ทำไมวะ มึงจะทำไรน้องมัน” ไอ้บ่าวถามผม

“เปล่า กูนัดเด็กสองคนมาด้วย มันเป็นแฟนกัน เอ่อ ผู้ชายกับผู้ชายอ่ะ แล้วมันสองคนรักกันมาก น่ารักด้วย กูอยากจะให้น้ำมนต์มันเห็นเด็กสองคนนี้ ถ้ามันเจอ มันคงชอบเด็กสองคนนี้ และมันอาจจะเข้าใจความรู้สึกของกู แต่เด็กพวกนั้นเสือกเบี้ยวนัดกู”

“ อ๋อ ที่มึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ร้านโรตี” พี่เอกถามขึ้นมา

“ใช่ครับ แล้วผมก็ไปดักเจอไอ้พวกเด็กนั้นที่โรงเรียน โชคดีที่เจอพวกมัน ผมเลยไปสั่งสอนพวกมันหน่อย ที่ผิดนัดผม ไอ้น้ำมนต์มันเห็น มันหาว่าผมไปชกต่อยเด็กนั้น ดูสิครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมบอกพี่เอก

“ก็เออ น้องมันยังไม่รู้จักมึงดี ดีซะอีก มันจะได้รู้จักมึงเพิ่มขึ้น ถ้ามันรับได้ก็จะได้คบกันยาว ไม่ได้ก็ได้เลิกๆกันไป” พี่เอกสอนผม

“ไม่ ยังไงผมก็ไม่เลิก”

“แล้วมึงจีบติดแล้วเหรอวะ” ไอ้บ่าวสวน

“แสดดด ซ้ำเติมกู ชนนนนนนนนน” เป็นประโยคคำถามท่างทำร้ายจิตใจผมมาก  ก็คนมันไม่เคยจีบใครนานขนาดนี้นี่ครับ ทำไมวะ ยิ่งจริงใจ ยิ่งอยากได้ ยิ่งยาก




“แล้วไอ้โอ๊ตละวะ”  ไอ้เอ็มถามขึ้นมา

“ไปส่งน้ำมนต์” ผมบอก

“อ้าว ทำไมให้ไอ้โอ๊ตไปส่งละวะ”

“ก็กูหงุดหงิด ไม่มีอารมณ์ไปส่ง”

“คงจีบติดแหละนะ ทำตัวเชี่ยแบบนี้”  ไอ้เอ็มครับ ให้หน้ากูบ้าง เชี่ยเต็มหน้ากูเลย ...






“โน่นไง มาแล้ว” ไอ้บ่าวบอกทุกคน เมื่อเห็นไอ้โอ๊ตกำลังเดินเข้าร้าน

“เป็นไงบ้าง” ผมถามไอ้โอ๊ต

“ก็เหนื่อยดี แม่งไกลชิบหาย กูซิ่งหมด ..”

“ไม่ใช่ กูไม่ได้หมายถึงมึง แต่กูหมายถึงน้ำมนต์ มันพูดอะไรกับมึงบ้างมั๊ย” ผมขัดมัน

“อ๋อ ก็ไม่มีไร”

“มึงก็นะไอ้โป้ เพื่อนอุตส่าห์ไปส่งเด็กให้ ไม่ถามเรื่องเพื่อน กลับถามเรื่องเด็ก ใจร้ายวะ” ไอ้เอ็มเหน็บผมครับ

“ก็กูเห็นว่ามันไม่เป็นอะไรนี่ จะถามทำไมอีก  ตกลงมันไม่พูดอะไรถึงกูเลยเหรอวะ” ผมแอบเสียใจเล็กน้อย ที่ไม่ได้ยินเรื่องมันพูดถึงผม

“ก็มีบ้าง”

“เอ๊ย อะไรวะ”

“เอ๊ยๆ เบาๆ จะสำลักเหล้านะมึง” ไอ้เอ็มปรามผมพร้อมกับแอบขำ

“ไม่เห็นน้องมันพูดอะไรนะ แต่ท่าทีเศร้าๆ เหมือนกับเครียด คงกังวลมั้ง”

“แค่นั้นเหรอ”

“ก็มีอีก กูก็พูดแก้ตัวให้มึงเล็กน้อย”

“มึงพูดว่าอะไร”

“ก็บอกว่ามึงไม่ได้แย่อย่างที่เห็น ตัวจริงมึงก็เป็นคนดี”

“เออเว๊ย ไม่เสียแรงที่กูไว้ใจให้ไปส่ง ขอบใจมึงมาก หวังว่ามันคงคิดได้ แล้วมาขอโทษกู เอ้า ชนเว๊ย”  ผมพอใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยมันก็ต้องรู้สึกผิดบ้างแหละ ที่มองผมแย่อย่างนั้น





“เอ๊ย รีบจังเว๊ยไอ้โอ๊ต กะตามให้ทันเหรอวะ” ไอ้บ่าวทักไอ้โอ๊ต ที่ยกแก้วเข้าออกเป็นว่าเล่น ผมหันไปสบตามัน ก็เจอสายตาที่แกร่งกระด้างยากจะเดาความนั้นสวนกลับมา

“อยากเมาวะ” ไอ้โอ๊ตตอบสั้นๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าเข้าปากอีกครั้ง

“เอ๊ย เบาๆ รีบไปไหนวะ” ผมปรามมันบ้าง มันมองหน้าผมแว๊บนึง ไม่พูดไม่จาอะไร ก็ยกซดเข้าปากอีกแล้ว



“มันเป็นอะไรของมันวะ” ผมหันไปถามไอ้เอ็ม

“คงเจ็บมั้ง”

“เจ็บ เจ็บเหี้ยไรวะ” ผมละงงกับคำตอบมัน

“เจ็บตรงนี้ไง” ไอ้เอ็มเอานิ้วมาจิ้มที่หน้าอกผม

“นม !!!”

“สัด หัวใจเว๊ย”

“ฮ่าๆๆๆ  เหรอวะ เอ้าๆ ชนเว๊ยๆ ดื่มให้กับมิตรภาพ ความรัก และเด็กช่าง” ผมบอกทุกคน เพื่อตัดบทสนทนาระหว่างผมกับไอ้เอ็ม



ไอ้เอ็มมันสนิทกับไอ้โอ๊ตครับ เพราะว่าไอ้เอ็มมันสนิทกับผมมาก่อน และไอ้โอ๊ตมาสนิทกับผมทีหลัง มันสองคนเลยสนิทกันเอามากๆ บางทีไอ้โอ๊ตสนิทกับไอ้เอ็มมากกว่าผมซะอีก  ไอ้เอ็มนี่เป็นพวกดูคนเก่งครับ มันรู้หมดว่าใครคิดอะไร อย่างเช่นมันรู้ว่าไอ้โอ๊ตเป็นอะไรตอนนี้นี่แหละครับ



“เดี๋ยวกูมานะ” ไอ้โอ๊ตบอกเพื่อนๆในวง ก่อนจะยกแก้วเหล้าไป พร้อมกับซองบุหรี่

“มึงไปดูมันหน่อยซิ” ผมบอกไอ้เอ็มให้ตามไป

“เอิร์ทกว่ากูอีกไอ้สัดโอ๊ต” ผมพูดขึ้นเมื่อไอ้โอ๊ตเดินไปนั่งรับลมที่โต๊ะอื่น และมีไอ้เอ็มตามไปนั่งเป็นเพื่อน

“มันเป็นไรมันวะ มันชอบใครอยู่เหรอ” พี่เอกถามผม

“ไม่รู้วะ  ไอ้นี่มันชอบซุ่มเงียบ”

“แต่กูว่ามีคนรู้” ไอ้บ่าวพูดขึ้นมา

“ใครวะ” ผมกับพี่เอกถามพร้อมกัน ก่อนที่ไอ้บ่าวจะหันไปทางสองคนนั้น และมองไปทางไอ้เอ็ม เป็นอันรู้กันว่า คนที่น่าจะรู้เรื่องของไอ้โอ๊ตดีที่สุดในตอนนี้ คงเป็นไอ้เอ็มอย่างที่ผมคาดไว้ไม่มีผิด





“ช่างเหอะ อย่าไปอยากรู้เลย มันมีไรมันคงมาบอกเองนั่นแหละ” ผมหันหน้ากลับ พร้อมบอกให้อีกสองคนหันมาคุยกันผมด้วย



“เอ๊ย ไอ้พวกนั้นมันรู้จักไอ้เอ็มไอ้โอ๊ตด้วยเหรอวะ” ไอ้บ่าวคนเดียวที่ยังไม่ได้หันหน้าจากโต๊ะไอ้โอ๊ต พูดขึ้น

“พวกไหนวะ” พี่เอกถาม

“ก็พวกโต๊ะข้างๆนั่นไง ทำไมพวกมันเข้ามาคุยมานอย่างกับรู้จักกับไอ้โอ๊ตเลยวะ” ไอ้บ่าวยังพูดของมันไม่หยุด ส่วนผมยังไม่ได้หันไปมอง เพราะกำลังชงเหล้าแก้วใหม่อยู่

“เอ๊ย มันตบหน้าไอ้โอ๊ตด้วย”

“เหี้ยแล้วไง”




สิ้นเสียงพี่เอก พวกเราสามคนรีบเดินไปหาไอ้โอ๊ตและไอ้เอ็มทันที

“เอ๊ย ตบหน้าน้องกูเหรอ” พี่เอกพูดขึ้น ตอนนี้พวกของมันกับพวกของผมที่มีจำนวนคนพอๆกัน ได้ยืนขึ้นสู้หน้ากันหมด

“เอ๊ย พวกมึง ไม่มีอะไร พี่เค้าเล่นกับกูเฉยๆ” ไอ้โอ๊ตรีบแย้ง

“เล่นอะไร กูเห็นอยู่ว่ามันตบหน้ามึง” ไอ้บ่าวขึ้นด้วยอีกคน

“อะไรๆ มึงจะเอาไงหือ” พวกของมันก็คงจะเมาได้ที่เหมือนกัน ถึงพร้อมจะสู้อยู่แล้ว

“เอ๊ยพวกมึง ไม่มีไรหน่า กูดูอยู่ มันคุยกับไอ้โอ๊ตเฉยๆ” ไอ้เอ็มแก้ตัวให้

“คุยแล้วทำไมต้องตบหน้าวะ” ไอ้บ่าวไม่ยอมหยุดครับ

“แล้วมึงจะเอาไง หือ” พวกมันก็เริ่มจะไม่ยอมครับ

“เอ๊ย พวกมึง” ผมพูดขึ้นเสียงดัง แล้วเดินไปหาไอ้โอ๊ต เอามือตัวเองจับหน้าของไอ้โอ๊ตมาดู สายตาของมันมองมาที่ตาของผม แววตาที่ซ่อนอะไรไว้มากมายนั้น ทำเอาผมทำตัวไม่ถูก เวลาได้จ้องตามันจริงๆ

“นี่แค่เล่นเหรอวะ หน้าเพื่อนกูแดงขนาดนี้มึงตบเล่นๆเหรอวะ” ผมพูดขึ้นเบาๆ และดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองพวกมัน

“เอาไงวะไอ้โป้” ไอ้บ่าวถามผม

“เดี๋ยวกูเคลียร์เอง” ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหากลุ่มพวกมัน

“คนไหนตบเพื่อนกู” ผมถาม

“กูเอง ทำไม” มันเดินเข้ามาหาผม

“ไม่มีไรหรอก กูแค่มาเอาคืน” ผมพูดพร้อมกับต่อยหน้ามันไป และเหตุการณ์ชุลมุนก็เริ่มขึ้น พวกเราแลกหมัดกันไปมาตามแต่ละคู่ของในร้าน คนในร้านมองกันขวักไขว่ เจ้าของร้านตามห้ามผมพัลวัน รวมทั้งไอ้โอ๊ตด้วยที่ตามมาห้ามเพราะความเข้าใจผิด
แต่ด้วยเพราะลูกหลงหรือตั้งใจก็ไม่รู้ ไอ้โอ๊ตถึงกับโดนหมัดเพิ่มไปอีกหมัด

“หนอย ไอ้สัด กูจะช่วยมึงแต่มึงกลับมาต่อยกูอีกเหรอ พวกมึงเอามันให้ตาย”  เสียงของไอ้โอ๊ตดังไปทั่วร้าน ทำให้พวกผมจัดเต็มกับตุบตับอีกครั้ง ผมกระทืบไอ้ตัวที่ตบหน้าไอ้โอ๊ตสนุกตีนเลย หันซ้ายหันขวาไปมองคนอื่นก็โดนพวกผมจัดการซะเกือบหมอบ

“ตำรวจ ตำรวจมา” เสียงของเจ้าของร้านตะโกนเตือนสติพวกผม พวกผมเลยรีบวิ่งกันไปที่รถที่จอดไว้ แล้วรีบออกจากพื้นที่ด้วยความรวดเร็ว





ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้าของร้านจะหลอกพวกเรา แต่ก็ยังดีกว่ามาจริง และการรุมยำตีนพวกมันครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้อะไรของร้านเค้าเสียหายเท่าไหร่ โชคดีที่สนิทกับเจ้าของร้าน พรุ่งนี้คงต้องไปชดใช้ค่าเสียหายให้แกหน่อย


“แม่งสะใจชิบหาย ไม่ได้ลงไม้ลงแรงมานานแล้ว” ไอ้บ่าวพูดขึ้นเมื่อเราหนีมาถึงหอผมเรียบร้อย

“เออ เป็นไงกันบ้างวะ เจ็บตรงไหนกันบ้าง” ผมถามทุกคน

“ไม่เป็นไรวะ แค่เข็ดๆนิดหน่อย ไม่ได้ออกแรงซะนาน” พี่เอกบอก

“แล้วนั่นหน้ามึงโดนอะไรมา” ไอ้โอ๊ตถามผม ผมลองเอามือคลำๆหน้าดู

“โอ๊ยย” ถึงกับร้องออกมา เนื่องจากรู้สึกเป็นแผล

“สงสัยโดนลูกหลงของใครในนั้นแหละ” ผมบอกพวกมัน

“เจ็บมากมั๊ย” ไอ้โอ๊ตถามผมอีกที พร้อมกับเอามือมาทำท่าจะจับดูแผล

“เออ ไม่เป็นไร แค่นี้เล็กน้อย” ผมปัดมือทิ้ง พร้อมบอกว่าไม่เป็นไร

“พวกมึงนี่นะ ยังใจร้อนไม่เปลี่ยนเลย ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กตลอดเลย” ไอ้เอ็มพูดขึ้นมาครับ

“ก็มันตบหน้าไอ้โอ๊ตนี่ กูไม่ยอมหรอก มาตบหน้าเพื่อนกูเล่นๆ” ไอ้บ่าวแย้ง

“แต่ก็ฟังเพื่อนมันหน่อยว่ามันทำจริงมั๊ย สถานการณ์เป็นยังไง” ไอ้เอ็มยังเถียงขึ้นมาอีก

“เออพอทั้งสองคนนั่นแหละ มันเกิดขึ้นแล้ว คราวหน้าจำไว้ก็แล้วกัน ว่าหน้าของใครก็ต้องรู้จักดูแล อย่าให้คนอื่นมาตบเล่นง่ายๆ ไม่มีเพื่อนคนไหนอยากเห็นเพื่อนตัวเองโดนตบหน้าฟรีหรอก  ถึงแม้จะเล่นๆกันก็ตาม ถึงแม้ไม่ใช่ไอ้โอ๊ต กูก็ไม่ยอม กูก็จะเอาเรื่องไอ้พวกเหี้ยนั้นให้เลือดมันออกปากเหมือนกัน” ผมพูดออกมาเสียงดังบอกทุกคน




ทุกคนเงียบมองหน้ากันไปมา เพราคงไม่ค่อยเห็นอารมณ์แบบนี้ของผมนานแล้ว




“ขอบใจมึงมากนะ” ไอ้โอ๊ตพูดขอบคุณผม

“ไม่ต้องขอบใจแต่กู ขอบใจทุกคนนี้แหละ และคราวหน้าก็ดูแลตัวเองด้วย ทีคนอื่นดูแลดีนัก ตัวเองกลับไม่ดูแล แยกย้ายกลับหอกันได้แล้วไป” ผมพูดเสร็จก็เดินขึ้นหอไป ที่เหลือปล่อยให้พวกมันเคลียร์กันเอง




อันที่จริงแล้วเรื่องวันนี้เป็นเรื่องเล็กๆมาก เทียบกับที่เคยเกิดมา แต่ด้วยศักดิ์ศรีและความเป็นเพื่อนแล้ว คงไม่มีใครยอมหรอก ที่ให้ไอ้หน้าไหนก็ไม่รู้มาตบหัวตบหน้าเพื่อนตัวเองเล่น ..


สำหรับผมแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อน ไม่มีวันซะหรอกที่ผมจะได้ลงมือ .. และถ้าไม่ติดว่าเมาขนาดนนี้นะ ไม่มีวันซะหลอกที่ผมจะพลาด ..




“โอ๊ยย เจ็บหน้าชิบหาย สัดไหนต่อยกูวะ”
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 07-11-2011 18:02:52
ปีโป้ แกช่างโง่ซะจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 07-11-2011 18:43:46
จะมาม่ารึเปล่าอ่ะ
???
ปีโป้ ขี้โม้จริง
55555555555555555

น้ำมนต์น่ารักอ่ะ ซึนๆ
>///<
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LuxThae ที่ 07-11-2011 18:49:25
 :sad4:   โอ้ว

ชัดเลย อีแบบนี้ ชัดเจนค่ะ

โอ๊ตชอบโป้ ชัว ๆๆๆ :o12:

แต่ว่า โป้กับโอ๊ดเนีย ตัวเท่า ๆกันไม่ได้หร๊อ  :z3: :z3:

อ๊าก   :z13:อยากจะดิ้น  = ="  :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-11-2011 18:58:01
โป้  ขี้โม้  ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 07-11-2011 19:59:04
ใช่จริงๆๆด้วย ย ย ย

โอ๊ตคิดกะโป้เกินเพื่อนอ่ะ

งานนี้โอ๊ตต้องเจ็บปวดแน่เลย

ก็โป้ชอบน้ำมนต์นี่นา

สงสารโอ๊ตอ่ะ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-11-2011 20:16:29
 :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 07-11-2011 20:24:32
เซ็งอิโป้ แกอารมณ์ร้อนแบบนี้น้ำมนต์คงชอบหรอกนะ  :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 07-11-2011 21:58:57
เฮ้อ...

รีบๆ เคลียร์กันเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 07-11-2011 22:48:13
โอ๊ะๆๆๆๆๆ คนเมาก็เงี้ย ไม่ปลื้ม  อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 08-11-2011 00:29:19
อ่านแล้วอึนว่ะครับ  แต่ชอบ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 08-11-2011 10:40:37
ไอ้โป้เอ้ย เมื่อไหร่น้ำมนต์เค้าจะคบกะแกวะ

ใจร้อนไปหมดทุกเรื่องงี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 13-14-15 ชดเชยน้ำท่วม 7-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 08-11-2011 15:24:39
3 เศร้า อีกจนได้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-11-2011 17:29:16
ตอนที่ 16



เช้าวันนั้นผมมาวิทยาลัยตามปกติ แอบลุ้นว่านายปีโป้จะมาดักรออีกหรือเปล่า ไม่ใช่อยากเจอหรือว่าอะไร แต่ก็อยากรู้ว่าที่มันงอน เป็นเพราะอะไรก็เท่านั้น




“มองหาใครยะ” ช้างน้อยถามผม

“เปล่านี่”

“ตอแหล” จุกสิครับ เจอช้างน้อยด่าเข้าให้

“แล้วหญิงละ” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย

“กำลังมา โทรมาบอกชั้นว่ามาช้าหน่อย”

“อืม” ผมเลือกจะตัดประโยค




“นี่แกไม่รู้อะไรจริงๆเหรอ” ช้างน้อยแอบเกริ่นกับผม

“รู้อะไร”

“เรื่องพี่ปีโป้อ่ะ” เธอบอกผม

“เรื่องอะไร”

“ว้ายยย ตกข่าวนะยะ”

“แล้วมันเรื่องอะไรละ” ผมยังสงสัย

“ก็เรื่องเมื่อคืนไง” ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่

“นี่ช้างน้อยรู้ด้วยเหรอ” ผมไม่คิดว่าเรื่องที่นายปีโป้น้อยใจผม จะมีคนรู้ไปทั่ว

“รู้สิ ข่าวดังจะตายไป เค้าลือกันให้แซด”

“ทำไมต้องเอาไปบอกคนอื่นด้วยนะ” ผมแอบบ่นเบาๆ

“ชั้นได้ข่าวมาว่า ตีกันมันเลยเธอ”

“ตีกัน” ผมย้ำกับคำพูดของช้างน้อย

“ใช่ ชั้นได้ยินมาว่ามีไอ้ขี้เมาที่ไหนไม่รู้มาตบหน้าพี่โอ๊ต แล้วพี่ๆเค้าไม่พอใจ เลยเอากลับกันมันเลย ชั้นอยากเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นจริงๆ คงมันหยดติ่งเลยละ” ช้างน้อยเล่าเหตุการณ์ที่ได้ยินมาจากคนอื่นอีกทีนึงให้ผมฟัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับผมเลย

“อ้อ เหรอ” ผมพูดแก้เก้อไป

“ได้ข่าวว่าพี่ปีโป้เจ็บหนักเลยนะ” ช้างน้อยพูดตะล่อมผม

“อืม สมควรแล้ว เป็นนักเลง เมา ชอบมีเรื่อง” ผมบอกช้างน้อยไป

“แกไม่เป็นห่วงเค้าหน่อยเหรอ”

“เป็นห่วงทำไมละ แค่นั้นคงไม่ตายหรอกมั้ง”

“ใจร้ายวะแกเนี่ย” ช้างน้อยบ่นใส่ผม ก่อนจะหันกลับไปมองโต๊ะหนุ่มข้างๆที่นั่งอยู่ อย่างสบายใจ




จะว่าผมไม่เป็นห่วงก็ไม่ใช่หรอกครับ แต่จะให้บอกช้างน้อยไปว่าเป็นห่วงนั่นยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะตัวเองหรือเปล่า และก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง





“เอ๊ยแก หญิงกับพี่เอ็มเดินมาโน่นแล้ว” ช้างน้อยเลิกสนใจผู้ชายโต๊ะข้างๆแล้วหันมาบอกผม

“เป็นไงถึงมาด้วยกันได้นะนั่น” ผมพูดมาลอยๆ



“สวัสดีครับพี่เอ็ม” ผมพูดทักพี่เอ็ม

“ดีครับน้องน้ำมนต์ มาแต่เช้าเชียวนะครับ” พี่เอ็มทักกลับ

“ปกติน้ำมนต์ก็มาเวลานี้นี่ครับ” ผมบอก

“ปกติที่ไหน ปกติเรามาถึงก่อนน้ำมนต์อีกนะ” หญิงแทรกขึ้นมา

“ก็วันนี้เราตื่นไว เลยรีบมาไง” ผมบอกหญิงไปพร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัว  จะมาจับผิดอะไรผมละเนี่ย

“พี่เอ็มเป็นยังไงบ้างคะ กับเหตุการณ์เมื่อคืน” ช้างน้อยรีบถาม

“อ๋อ พี่ไม่เป็นไรครับ ชิวๆมาก เรื่องของคนเมาอ่ะครับ น้องอย่าไปสนใจเลย”  พี่เอ็มตอบแบบผ่านๆ

“แล้วคนอื่นละครับ เป็นไงบ้าง” ผมถามไปบ้าง

“คนไหนละครับ น้องน้ำมนต์” พี่เอ็มย้อนผม

“ก็พี่เอก พี่บ่าว พี่โอ๊ต ทุกคนแหละครับ”

“แหม น้ำมนต์ แกจะถามว่าพี่ปีโป้ก็ถามพี่เอ็มไปเถอะ อย่าเล่นตัวให้มันมากนะ ชั้นรำคาญ” ไงละ โดนช้างน้อยด่าอีกแล้ว

“ถ้าไอ้โป้เหรอครับ มันก็ไม่เป็นไรมาก มันหัวโจกซะอย่างนั้น”

“อ่าครับ” ผมตอบรับไปสั้นๆ

“ไง รู้แล้วสบายใจขึ้นป่ะ” ช้างน้อยบอกผม

“งั้นพี่ไปเรียนแล้วนะ ค่อยเจอกันครับน้องๆ” พี่เอ็มบอกลา เหมือนจะตั้งใจเน้นย้ำที่หญิงเป็นพิเศษ




“ยัยหญิง เล่ามา !!!” นั่งไงครับ หน่วยสืบสวนเริ่มทำงานทันที





แล้วพวกเราก็พอรู้เรื่องคร่าวๆว่าพี่เอ็มเข้ามาจีบหญิง และก็กำลังคุยๆกัน ไม่ถึงไหนมาก ผมว่าดีนะครับ หญิงเป็นคนดี และพี่เอ็มก็คงไม่ใช่เป็นคนเลวมากนัก แต่ก็นั่นแหละ อยากให้ดูและศึกษากันไปเยอะๆ  แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ เรื่องบางเรื่องแต่ละคนคงคิดกันได้  เรื่องของผมสองคนนี้ยังไม่ยุ่งเลย ถึงแม้จะถามๆ และคอยเป็นห่วงบ้าง และผมก็คิดว่า ควรให้เกียรติกัน






เย็นวันนั้น หญิงชวนช้างน้อยไปเดินห้างเล่น เพราะแอบนัดพี่เอ็มไว้ ส่วนผมปฎิเสธ เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ก็กำชับช้างน้อยให้ดูแลหญิงดีๆ .. ก็เรามีกันแค่ 3 คนนี้ครับ ก็ต้องช่วยๆกันไป ส่วนผมตอนนี้ก็นั่งอยู่บนรถเมล์ เพื่อรอรถออกกลับบ้าน  อากาศเย็นๆแบบนี้ โรงเรียนยังไม่ทันเลิก ผู้โดยสารเลยยังน้อย ทำให้ผมนั่งริมหน้าต่าง คิดอะไรไปเรื่อยๆได้




“ลงม่าก่อน” เสียงของคนที่คุ้นเลยบอกผม ทางล่างของรถ

“ลงไปทำไม จะกลับบ้าน” ผมบอก

“เดี๋ยวไปส่ง” มามุกนี้อีกแล้ว ผมเลยทำเป็นไม่สนใจ นั่งมองเอ็มวีลูกทุ่งที่ทีวีบนรถต่อไป





“มึงนี่พูดไม่เคยรู้เรื่องนะ บอกให้ลงมาคุยกันก่อนไง” นายปีโป้ขึ้นมาบนรถตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ และตอนนี้ก็ลากผมลงจากรถเรียบร้อยแล้ว

“ปล่อยมือ” ผมบอกมัน เมื่อโดนลากลงมาจากรถจนได้ คนที่นั่งบนรถ และอยู่ล่างรถมองเป็นตาเดียว เค้าคงกลัวว่าพวกเราจะตีกัน เพราะใส่เสื้อชอปกันคนละสี ต่างสถาบัน

“ไปกับกู เดี๋ยวกูไปส่งบ้าน” มันไม่ปล่อยมือครับ แต่ลากผมไปขึ้นรถมันแทน เมื่อมาถึงรถถึงได้ปล่อยมือผม

“ไปไหน” ผมถาม

“ไปหาไรกินก่อน เดี๋ยวไปส่งบ้าน” มันยังคงยืนยันความคิดตัวเองเป็นหลัก

“รีบขึ้นมา” นายปีโป้สตาร์ทรถมอไซค์แล้วหันมาสั่งผม





นายปีโป้พาผมมาร้านขายโรตีร้านเดิม แต่คนละสาขากัน (ผมบอกไปหรือยังว่าร้านขายโรตีนี้ มีสาขาเยอะมาก” น่าแปลกใจ ที่วันนี้คนค่อยข้างเยอะ เด็กนักเรียนคงเลิกเร็ว เลยมานั่งกันเยอะแยะไปหมด




“จะกินอะไรก็สั่งเลยนะ เดี๋ยวกูไปทักคนรู้จักก่อน”  นายปีโป้บอกผมพร้อมกับเดินหายไปที่โต๊ะอื่น ทิ้งให้ผมนั่งอยู่กับเมนูอาหาร ที่เมื่อคืนวานสั่งมากินเกือบทุกอย่างแล้ว

ผมหันไปดูโต๊ะที่นายปีโป้เดินไปหา น่าจะเป็นเด็กม.ปลาย และก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเด็กม.ปลายกลุ่มเดียวกับเมื่อคืนหรือเปล่า แต่ทั้งสองคนดูหน้าตาน่ารักทั้งคู่  ผมสังเกตได้ไม่นานก็มีเด็กเสริฟมารับรายการอาหาร ทำให้ผมต้องละสายตาจากสองคนนั้น



ผมสั่งอะไรง่ายๆ ไปสองสามอย่าง เผื่อนายปีโป้ไปด้วย และคิดว่ามันคงจะทานได้

“สั่งไรไป” เจ้าตัวมพอดี

“โรตี” ผมบอกมัน

“แล้วทำไมไม่สั่งข้าวละ กูหิว”

“จะรู้ป่ะละ ว่าจะกินอะไร”

“ไรวะ ไม่รู้ใจกูเลยนะมึงนี่ น้องๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเรียกเด็กเสริฟ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่มารับออร์เดอร์จากผมเมื่อกี้

“เอาข้าวมันไก่น้ำแกงสองจานนะ” นายปีโป้ตะโกนบอกตั้งแต่น้องเค้ายังเดินมาไม่ถึงโต๊ะ ได้ยินคำว่า “ครับ” ลอยตามมาเบาๆ

“สั่งทำไมตั้ง 2 จาน หิวเหรอ” ผมถาม

“เผื่อมึงจานนึง”

“แต่เรา ..”

“ไม่ต้องเถียง กูสั่งมาก็กินไป”




หึหึ วันนี้มาดุเชียว แต่ปกติมันก็มาเถื่อนๆแบบนี้ตลอดนี่นะ แปลกที่ตัวเองมากว่า ทำไมถึงไม่กล้าต่อเถียงไปเยอะ หรือว่ายังรู้สึกผิดเรื่องเมื่อคืนอยู่ .. ก็ไม่แน่



“หน้าไปโดนอะไรมา” ผมถาม เมื่อลองสังเกตหน้าของมันดีๆ มีแผลช้ำๆที่มุมปาก

“หมากัด” มันตอบมาแล้วก็ยิ้มๆ

“ไม่แปลกนี้ พันธ์เดียวกัน”

“มึงว่ากูเป็นหมาเหรอ”

“พูดไปตอนไหน”

“มึงนี่นะ กวนกูตลอดเลย พูดดีๆกับกูบ้างไม่ได้หรือไง”

“อย่างกับนายพูดดีกับเรา”

“กูพูดไม่ดีตรงไหน”

“ตรง มึง กู นั่นไง”

“หึหึ ยอกย้อน”  มันคงจะรู้ตัว และเถียงผมไม่ได้ เลยไม่เถียงต่อกลับมา แต่ผมว่าหน้าอย่างนายปีโป้ ถ้าลองพูดเพราะกับเค้าบ้าง ก็คงดูดีไม่น้อย อาจจะขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าทำตัวเถื่อนๆแบบนี้




“มึงยังไม่ง้อกูเลยนะ” นายปีโป้บอกผมด้วยสีหน้าเขินๆ

“ง้อ ?” ผมถามไปอย่างงงๆ

“เออดิ มึงจะไม่คิดง้อกูหน่อยเหรอ”

“เรื่องอะไรอ่ะ” ผมทำงง

“ก็เรื่องที่มึงเข้าใจกูผิดเมื่อคืนไง”

“แล้วยังไงถึงเข้าใจถูกละ”

“นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอ”

“ถ้าไม่บอกแล้วจะรู้ป่ะ”

“มึงนี่นะ ต่อปากต่อคำไม่เลิก ถ้าอยู่ที่ลับนะ จะจับปิดปากด้วยปากเลย” นายปีโป้พูดพร้อมกับทำหน้าหื่นมา ผมเลยต้องเอามือมาปิดปากตัวเองตามสัญชาติญาณ

“กลัวอ่ะดิ” มันแซวผม พร้อมกับยิ้มๆ

“ก็ลองดูดิ มีมือมีตีน ถ้าไม่ตายก็คงได้ต่อยปาก” ผมเอามือที่ปิดปากออก ก่อนที่จะกำหมัด ปกป้องตัวเอง




“เออ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก อะไรที่กูรัก กูจะทะนุถนอมมัน ไม่ให้มันแปดเปื้อนหรอก”  นายปีโป้พูดมาพร้อมกับรอยยิ้ม นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงที่ชอบมันอยู่ คงเคลิ้มไปกับประโยคนั้น และถ้าเป็นผมคนก่อนคงหงุดหงิดน่าดู ..



เอ๊ะ ผมคนก่อนเหรอ .. แล้วตอนนี้ผมเป็นยังไงละ




“เขินอ่าดิ ไม่เคยโดนใครจีบอ่าดิ” นายปีโป้แซว

“หึหึ จะเล่าได้หรือยังว่าเมื่อคืนเป็นบ้าอะไร” ผมชวนเปลี่ยนเรื่อง

“ก็กูรู้จักเด็กผู้ชายม.ปลายสองคนด้วยความบังเอิญ มันเป็นแฟนกัน สองคนที่กูไปหาเมื่อกี้ไง” นายปีโป้เล่าแล้วเงียบไป หันไปมองโต๊ะที่ไปเดินไปหาเมื่อครู่

“อ้าว ไปไหนแล้ว สงสัยกลับละ” มันพูดออกมา เมื่อหันไปมองแล้วไม่เจอเด็กสองคนนั้น

“แล้วเด็กสองคนนั้นเกี่ยวอะไรกัน” ผมถาม

“ก็กูว่ามันสองคนน่ารักดี อยากให้มึงรู้จัก มึงน่าจะชอบ” นายปีโป้อธิบายมาแบบเขิน

“ไม่ใช่แค่นั้นมั้ง” ผมถามอีก

“แค่นั้นแหละ มึงจะเอาอะไรอีก”

“จริงอ่ะ” ผมย้ำอีกที

“ก็ .. ก็ อยากให้เป็นกรณีศึกษา”

“กรณีศึกษาอะไร ?” ผมเริ่มงงกับเหตุผล




“โรตีได้แล้วครับ” เด็กที่รับออเดอร์คนเดิม นำโรตีมาเสริฟได้ตรงช่วงเวลามากเลยครับ

“โอ๊ย ขอบใจมากไอ้น้อง กำลังหิวพอดีเลย” นายปีโป้พูดพร้อมกับช่วยเด็กเสริฟยกอาหารจากถาดมาวางบนโต๊ะ แล้วก็รีบหยิบทาน

“แล้วยังไงต่อ” ผมถามทันที ทีเด็กเสริฟเดินออกไป

“ไม่มีอะไรแล้ว มึงรู้แค่ว่ากูไม่ได้ทำอะไรพวกมันอย่างที่มึงคิดก็พอ คนอย่างกูไม่ทำพวกไม่มีทางสู้หรอก” นายปีโป้ตอบทั้งที่ปากยังมีแต่โรตีอยู่

“แปลว่าที่มีเรื่องเมื่อคืนนี่ พวกมันสู้นายเหรอ” ผมถามเรื่องอื่นต่อ

“มึงนี่นะ รู้เรื่องกูหมดจริงๆ แปลว่าเริ่มสนใจตัวกูแล้วใช่มั๊ย บอกมาซะดีๆ ว่าแอบชอบกูแล้วอ่าดิ” นายปีโป้พูดเข้าข้างตัวเอง พร้อมกับเอาลิ้นเลียนมที่ติดขอบปากไปด้วย

“อย่ามามั่ว ช้างน้อยกับพี่เอ็มบอกต่างหาก เลิกหลงตัวเองได้แล้ว” ผมบอก ก่อนที่ตักโรตีเข้าปากเช่นเดียวกัน

“น้ำหยดลงหิน หินยังกร่อน นับประสาอะไรกับปีโป้ที่อยู่ใกล้น้ำมนต์ สักวันปีโป้ก็ต้องได้กินน้ำมนต์ และน้ำมนต์ก็ต้องได้กินปีโป้ ฮ่าๆๆ”





ผมว่าปล่อยให้นายปีโป้เพ้อไปคนเดียวดีว่าครับ เพราะผมเริ่มมองมันว่าไม่ใช่เด็กช่าง นักเลงหัวไม้ขึ้นทุกวันละ นับวันยิ่งเหมือนเด็กปัญญาอ่อน .. ไม่ไหวจริงๆ





“ฮั่นแหนะ หลบหน้าทำไม เขินอ่าดิ๊”


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 09-11-2011 17:46:34
อยากกิน ทั้งน้ำมนต์ ทั้งปีโป้ เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 09-11-2011 18:42:52
น้ำมนต์ปากแข็งยังไงก็ยังปากแข็งอยู่อย่างนั้นแหละ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-11-2011 19:06:57
ดูไปดูมา ไม่บ้าก็ปัญญาอ่อน

หลงตัวเอง คิดว่าเก่ง อยากให้คนอื่นเข้าใจตัวเองทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีอะไรดี

ที่จะให้คนอื่นเขามาสนใจนะไอ้ปีโป้ เลิกงี่เง่า ทำตัวไร้สาระซะที
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 09-11-2011 19:21:26
น่ารักอ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 09-11-2011 20:17:43
โอ้ นี่แปลว่าน้ำมนต์เริ่ม

เปิดใจให้โป้แล้วใช่มั๊ย เย่ๆๆ

ดีใจแทนนายโป้จริงๆๆครับ

แต่อย่าเพิ่งหยุดจีบน้ำมนต์นะโป้

ต้องรุกต่อไปอย่าหยุดนะ จนกว่า

จะได้มาเป็นแฟน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 09-11-2011 20:47:37
นายปีโป้เริ่มทำตัวน่ารักบ้างละ

วันนึงน้ำมนต์คงจะใจอ่อน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 09-11-2011 20:55:05
น้ำมนต์เริ่มใจอ่อนเมื่อไหร่หว่า
ว่าแต่ ข้อความนั้นบนเฝือกเป็นของน้ำมนต์แน่ๆ ใช่มั้ย ที่บอกว่า "ช่างไม่รู้เลย" อะ
และถ้าใช่ น้ำมนต์หมายความว่าอะไร  :m28:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 09-11-2011 21:48:48
จะกินไรกันอะ

ปีโป้ น้ำมนต์เนีย
5555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 09-11-2011 22:05:37
เอ้อ ออ
เริ่มเห็นด้วยกับน้ำมนต์ล่ะ
55555555555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 16 หวานบ้างอะไรบ้าง 9-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 09-11-2011 22:41:50
ว๊ายยยย ไม่ไหวนะ น้ำมนต์ใจง่าย 55555
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 10-11-2011 10:46:33
ตอนที่ 17

ไม่อยากเข้าข้างตัวเอง และไม่อยากจะคิดเลยจริงๆให้ตายสิ แต่การที่ตามจีบผู้ชายหน้ามนต์นามว่าน้ำมนต์คนนี้ มันทำให้ผมรับรู้ได้ทันที ว่าไอ้ปีโป้คนนี้ต้องมีหวัง ก็ดูสิครับ หยอดนิดหยอดหน่อยเดี๋ยวนี้มีเขิน ปากแข็งจริงนะน้องน้อมนต์ของพี่ เดี๋ยวพี่จะใช้วิชาช่างรักคนนี้แง้มปากน้องเอง



“รีบๆกิน จะกลับแล้ว” มันบอกผมเมื่อผมกำลังนั่งเขี่ยข้าวในจานไป มองหน้ามันไป

“จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน พักเดี๋ยวนึงสิครับ”

“ปัญญาอ่อน” นี่คำคำด่าของมันครับ แต่ผมกลับยิ้มอย่างกับมันบอกกับผมว่า ไอ้หล่อ เลย

“ยังจะยิ้มอยู่อีก โดนต่อยมากระทบสมองหรือไง ขอให้บ้าจริงๆ”

“มึงแช่งกูเหรอ”

“ถ้าแช่งแล้วเป็นจริง จะแช่งให้เยอะกว่านี้”

“ถ้าแช่งแล้วเป็นจริง กูก็จะแช่งให้มึงรักกูหลงกู” เอากับผมสิ

“ไม่ทำคุณไสยไปเลยละ”

“กำลังให้ไอ้โอ๊ตหาหมอผีให้อยู่” ผมพูดแกล้งมัน

“ตลกแล้ว รีบกินๆ” มันคงไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับผมมากนัก จึงเงียบไป








“เออนาย พี่โอ๊ตยังไม่มีแฟนเหรอ” ผมเงยหน้ามองหน้ามัน ระหว่างที่มันถามคำถามนี้ขึ้นมา ไม่มีอะไรหรอกครับ อยากรู้ว่าหน้าตาตอนนี้มันเป็นยังไง

“มองอะไร เราถามว่าพี่โอ๊ตยังไม่มีแฟนเหรอ” มันย้ำกับผมอีกที หน้าตามันดูเรียบเฉย เหมือนกำลังคุยเรื่องทั่วไป

“ทำไม มึงชอบมันเหรอ” ผมถามไป

“เปล่า แค่ถามดู”

“ยังไม่มีอ่ะ กูไม่เห็นมันเคยจีบใคร สาวๆจีบมันเพียบ มันไม่เล่นด้วยซักคน” ผมบอกมัน พร้อมกับก้อมหน้ากินข้าวต่อ หลายคนสงสัย ว่าทำไมผมยังกินข้าวอยู่ ก็ข้าวที่สั่งเผื่อน้ำมนต์นั่นแหละครับ มันไม่กิน มันบอกจะกลับไปกินกับยายมัน ผมเลยต้องจัดการ ครั้นจะไม่กินก็โดนมันดุอีก ว่าไม่รู้จักคุณค่า

“หรือว่าแกมีคนที่แกชอบอยู่” มันสงสัยอีก

“ไม่รู้หรอก มึงจะไปสนใจเรื่องของมันทำไม” ผมเริ่มไม่อยากตอบคำถามมันแล้ว

“ก็อยากรู้ เพื่อนนายคนอื่นๆก็เหมือนจะมีฟง มีแฟนกันหมดแล้วนี่ พี่เอ็มก็ตามจีบหญิงอยู่”

“มันอยากจะมี มันก็มีเองนั่นแหละ อย่าไปยุ่งกับมันเลย ไอ้นี่มันโลกส่วนตัวสูง”

“บางทีอาจะเป็นเพราะนายนะ”

“เพราะกู เพราะกูทำไม !!!” ผมถามไป ข้าวติดคอไป หรือว่ามันกำลังคิดเหมือนกับที่ผมคิด

“ก็เพราะมันอยู่กับนายมากไปไง นายชอบพาไปไหนมาไหน พอสาวเห็นนาย สาวก็ชอบนายหมด ไม่เหลือไว้ให้พี่โอ๊ต”  อ๋ออออ คิดแบบนี้

“เรื่องนี้มันก็ทำใจยากหน่อยนะ ก็กูมันหล่อ”

“อึ๋ยยย ไม่คุยกับนายละ หลงตัวเอง”

“กูทั้งหลงตัวเอง และหลงมึงด้วย” ตอบไปเขินไปครับคราวนี้ ก้มหน้ากินข้าวอย่างเดียวเลย ไม่รู้ว่ามันจะยิ้มหรือเปล่า






ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าน้ำมนต์ถามถึงไอ้โอ๊ตทำไม ถ้ามันถามด้วยเหตุผลที่มันบอกผม ผมก็พอจะโอเค แต่ถ้ามันถามเพราะเหตุผลอื่น ผมว่าเรื่องนี้คงจบลงไม่สวย และเมื่อวานที่ไอ้โอ๊ตไปส่งน้ำมนต์ก็ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง ถึงทำให้ไอ้โอ๊ตกลับมามีสภาพอย่างนั้น

“เมื่อวานไอ้โอ๊ตพูดไรกับมึงบ้าง” ผมถามด้วยความอยากรู้

“ไม่นี่” มันตอบมาด้วยสายตาที่ผมจับไม่ได้ว่าจริงหรือเท็จ

“มีไรกันเหรอ” แต่สายตาที่มันถามผมมา เป็นสายตาที่พยยายามจะคาดคั้น

“เปล่าหรอก กลับกันเถอะ น้องคิดเงิน”






“เดี๋ยวแวะไปเอาเสื้อผ้าห้องกูก่อนนะ” ผมบอกมันเมื่อมาถึงรถ

“เอาไปทำไม”

“กูว่า กูจะไปนอนบ้านมึง”

“หือออ ทำไม ใครอนุญาต”

“เดี๋ยวกูค่อยไปขอยายมึง”

“หน้าไม่อาย”

“ถ้าหน้าไม่หนาพอ กูก็คงไม่กล้ามาจีบมึงหรอก”

“จะทำอะไรก็ทำ อย่ามายุ่งกับเราละกัน เราชักจะหงุดหงิดกับนายละ” มันพูดมาพร้อมกับส่ายหัวเล็กๆ แสดงอาการเบื่อผมเต็มที่ แต่ผมจะสนเหรอครับ เค้าบอกตื้อเท่านั้นที่ครองโลก  ผมก็คิดเหมือนเค้าคนที่บอกนั่นแหละ ..





ไม่กี่นาทีผมก็มาจอดรถหน้าหอของผม มองเข้าไปเห็นไอ้โอ๊ตกำลังนั่งรอผมอยู่ ผมลงถอดหมวกกันน็อค แล้วเดินไปช่วยน้ำมนต์ถอดหมวกด้วย

“ทำอะไร” น้ำมนต์ถามผม

“กูช่วยถอด”

“ช่วยทำไม เราถอดเองได้”

“ก็กูอยากช่วย” ผมพูดพร้อมถอดออกมา






“สวัสดีครับพี่โอ๊ต” น้ำมนต์เอ่ยทักเพื่อนของผมที่นั่งอยู่หน้าหอ หน้าตาขาดชีวิตชีวา

“ดีครับน้องน้ำมนต์ ไปไหนกันมาเหรอครับ” ไอ้โอ๊ตถาม

“อ๋อ .. ไป”

“ไปกินข้าวกันมา แล้วคืนนี้กะว่าจะชวนน้ำมนต์มานอนนี่” ผมแย่งไอ้โอ๊ตตอบ

“หือออ” น้ำมนต์หันมามองผมอย่างงงๆ พร้อมกับทำปากประมาณ พูดว่าอะไรนะ

“อ๋อเหรอ อืมๆ” ไอ้โอ๊ต พูดมาแค่นั้น

“มึงมีไรหรือเปล่า” ผมถามมัน

“ไม่มีไรหรอก กูแค่จะมาหามึงเฉยๆ”

“แล้วทำไมไม่ขึ้นไปนั่งรอบนห้องละ”

“ขึ้นไปแล้ว แต่มึงไม่อยู่ เลยมานั่งรอข้างล่างดีกว่า”

“อืมๆ พรุ่งนี้มีเรียนไรบ้างอ่ะ” ผมถามมัน

“เรียนเชื่อมโลหะ ของจารย์รัตน์” มันบอกผม

“เออ ฝากเชคชื่อด้วย กูอาจไม่เข้า”

“ตลอดนะมึง”

“เออ เบื่อขี้หน้าจารย์วะ ชอบทำโหดแต่กับกู”

“ก็มึงไม่ค่อยเข้าคาบแกนี่”

“กูก็อยากเข้าอยู่นะ แต่คืนนี้ท่าจะหนัก” ผมเดินเข้าไปพูดบอกมัน

“อืมๆ โอเค งั้นกูไปก่อนละ” ไอ้โอ๊ตบอก พร้อมกับหันไปยิ้มให้กับนองน้ำมนต์ ยิ้มแห้งๆของมัน ทำให้ผมรู้สึกแย่กับการกระทำของตัวเองตอนนี้มาก










“นายทำแบบนี้ทำไม” ทันใดที่หลังของไอ้โอ๊ตหายไป น้ำมนต์ก็ถามขึ้น

“เรื่องที่บอกว่ามึงจะนอนหอกูเหรอ” ผมหันไปถามน้ำมนต์

“ไม่ใช่”

“แล้วเรื่องอะไรอีกละ”

“นายทำร้ายจิตใจพี่โอ๊ตทำไม” มันพูดมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“กูไปทำร้ายจิตใจมันตอนไหน” ผมเริ่มเถียงกลับ สายตาตอนนี้พยายามมองเลี่ยงไปทางอื่น ไม่อยากจะมองตาใคร

“ในเมื่อนายไม่ได้รู้สึกเหมือนที่พี่เค้ารู้สึก ก็ไม่เห็นต้องทำร้ายจิตใจนี่” มันพูด พร้อมกับพยายามขยับตัวเพื่อจะสบตาผม

“มึงไม่ใช่กู มึงไม่รู้หรอก” ผมบอกมัน

“ทำไมจะไม่รู้ ที่พี่โอ๊ตทำ มันต่างอะไรกับที่นายทำอยู่ตอนนี้” ผมตกใจทีได้ยินคำพูดนั้น หันไปมองหน้าน้ำมนต์ ที่กำลังจ้องผมอยู่เหมือนกัน

“ต่างกันสิ ต่างกันมาด้วย” ผมบอกมันด้วยสีหน้าจริงจัง

“ต่างกันยังไง นายบอกเรามาสิ” มันก็ถามกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“มึงเป็นแค่คนที่ถูกรัก มึงไม่เข้าใจคนที่เค้ารักมึงหรอก”  ผมบอกมัน แล้วก็ถอดสายตาจากมัน ลงมานั่งที่ม้านั่งของหอ

“ในเมื่อนายเป็นทั้งสองอย่าง นายก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของพี่โอ๊ตดีสิ ไม่ใช่ทำแบบนี้” มันยังคงยืนบอกผมที่เดิม นี่คงเป็นครั้งแรกที่น้ำมนต์พูดเสียงดังกับผม คงเรียกว่าขึ้นเสียงได้เลย 

“คนที่มันควรเป็นเพื่อนกับกู ยังไงมันก็ต้องเป็นเพื่อนกู ไม่ว่ามันจะคิดเกินเลยยังไง กูนี่แหละจะทำให้มันกลับมาคิดกับกูแค่เพื่อนให้ได้” ผมพูดแล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินขึ้นหอ


“แล้วถ้าเราพูดประโยคนี้กับนายบ้างละ” น้ำมนต์สวนกลับมา

“ไม่มีวันซะหรอก มึงกับกูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกัน” ผมพูดแล้วเดินขึ้นหอต่อ





“นายจะไปไหน”  น้ำมนต์ถามผม

“จะขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า มึงจะขึ้นไปรอบนห้องมั๊ย” ผมบอกแล้วถามต่อ

“ไม่เป็นไร เรารอข้างล่างนี่แหละ” เมื่อน้ำมนต์พูดจบ ผมก็เดินขึ้นหอต่อ




ตอนนี้ให้หัวผมรู้สึกฟุ้งไปหมด น้ำมนต์รู้ว่าไอ้โอ๊ตชอบผม ผมรู้ว่าไอ้โอ๊ตชอบผม ไอ้โอ๊ตรู้ว่าผมชอบน้ำมนต์  ทุกคนรู้ว่าผมชอบน้ำมนต์ และต้องมีบางคนที่รู้ว้าไอ้โอ๊ตชอบผม



“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ปวดหัวเว๊ยยยย” ผมระเบิดอารมณ์ออกมาในห้องของตัวเอง

“ทำไมมึงต้องชอบกูด้วยวะไอ้โอ๊ต ทำไมวะ” ผมถามคำถามนี้กับตัวเองเบาๆ



















“น้ำมนต์” ผมเรียกชื่อน้ำมนต์ เมื่อลงมาข้างล่างแล้ว

“หือ มีไร” เหมือนเจ้าตัวกำลังใจลอยคิดอะไรอยู่

“ทำเป็นลืมเรื่องเมื่อกี้นะ กูไม่อยากจะให้มึงเก็บไปคิดมาก” ผมบอก

“อืม เราก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของพวกนายหรอก” มันตอบมาหน้าเรียบๆ

“มันไม่เรื่องของกู มันเกี่ยวกับมึงด้วย มันเป็นเรื่องของเรา” ผมบอกมันด้วยสีหน้าจริงจัง

“เรา ?”

“ใช่” ผมตอบไปสั้นๆแค่นั้น



“ไปกันเถอะ เดี๋ยวค่ำ ยายจะเป็นห่วง” ผมบอกมัน พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือมันมาจูง  น้ำมนต์มองหน้าผมแบบงงๆนิดหน่อย ก่อนจะเดินตามมาอย่างช้าๆ ..



จะหาว่าผมยัดเยียดเรื่องนี้ให้น้ำมนต์ช่วยผมก็ยอมรับ ใช่ว่าเรื่องนี้ผมจะจัดการคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้ามีน้ำมนต์อยู่ข้างๆ มีคนที่คอยเป็นหลักให้ผมรู้ว่า คนนี้คือคนที่ผมรัก และอีกคนคือเพื่อนที่ผมรัก ผมจะรู้จักตัวเองมากกว่านี้





และผมก็จะทำให้ไอ้โอ๊ตมันคิดแบบนี้กับผมเหมือนกัน ...



หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-11-2011 11:21:16
สงสารโอ๊ต
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 10-11-2011 11:23:34
เฮ้อบรรยากาศอึมครึมจัง  สงสารโอ๊ต ที่ทำทุกอย่างให้โป้  แต่ก็ได้แค่คำว่า "เพื่อนรัก"  เท่านั้น  :m15:

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 10-11-2011 11:31:40
สงสารโอ๊ตเหมือนกันนะ แต่ปีโป้กับน้ำมนต์เหมือนยังไม่ถึงไหนเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 10-11-2011 11:50:20
แอบสงสารโอ๊ตเหมือนกัน

นะเนี่ย โป้น่าจะปฏิเสธแบบ

เบาๆๆมือหน่อยก็ได้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 10-11-2011 11:52:58
โป้ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทนโอ๊ตนะ
เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา แล้วถ้าจะทำให้มันจบสวย ๆ หน่อยก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ
โป้ไม่น่าเลือกวิธีหักดิบอย่างนี้ให้โอ๊ตเลย เจ็บแทน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 10-11-2011 12:04:46
ให้โอ๊ตทำใจเอง และค่อยๆ เปลี่ยนความคิดไปเองจะดีกว่ามั้ยไอ้คุณโป้
ทำอย่างนั้นมันเหมือนกับแกรังเกียจความคิดความรู้สึกที่โอ๊ตมีให้ และเร่งรัดให้โอ๊ตเปลี่ยนความรู้สึกไวๆ
เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ทั้งเข้าใจและดูแลแกมาตลอด ไม่เห็นใจเพื่อนบ้างเรอะไอ้คุณโป้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 10-11-2011 12:27:13
น่าสงสารโอ๊ตเนอะ คนเขียนก็หาคนมาดามใจโอ๊ตหน่อยสิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-11-2011 13:33:46
อิพี่โป้เนี่ยน้า ทีโอ๊ตจะให้เขาทำใจ ทีตัวเองดึงดันจะเอาให้ได้ น้ำมนต์เซ็ง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 10-11-2011 14:27:58
สงสารน้ำมนต์ จู่ๆก็โดนลากมาเป็นตัวแปร ซะงั้น

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 10-11-2011 15:59:33
รักสามเศร้า ..เศร้าจริงๆ  :o12:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 10-11-2011 16:20:04
เรื่องของความรักมันบังคับกันไม่ได้จริง ๆ นะ

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 17 ดราม่าบ้างอะไรบ้าง 10-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 10-11-2011 16:37:40
เห็นโอ๊ตแล้วนึกถึงตัวเองง

TT'
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 11-11-2011 16:45:03
ตอนที่ 18


ภายใต้บรรยากาศอึมครึม ณ บ้านของผม นายปีโป้กล่าวทักทายยายผมพอเป็นพิธี ก่อนที่จะเดินหลีกหนีไปหาที่เงียบๆนั่ง ผมปล่อยให้เขาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามประสาเขา  เพราะผมก็มีเรื่องให้คิดไม่แพ้กัน ..

ผมคิดผิดคิดถูกนะ ที่พูดเรื่องวันนี้ออกไป เรื่องที่ผมสงสัยจากแววตาของพี่โอ๊ต และการกระทำอะไรหลายต่อหลายอย่าง ตอนแรกแอบคิดว่าเราคิดไปเอง แต่เมื่อพูดออกไป นายปีโป้เข้าใจ นั่นก็หมายความว่า มันคือเรื่องจริง

อีกอย่างเรื่องมันก็คงไม่จบสวยงามอย่างที่เราสามคนคิด ถึงแม้นายปีโป้จะทำเป็นเพิกเฉย แต่ตอนนี้สมองของเค้าคงคิดหนักน่าดู ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรไปจากผมเลย










“นี่นาย  คิดมากเรื่องพี่โอ๊ตอยู่เหรอ” ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปนั่งคุยด้วย ในเมื่อนายปีโป้ลากผมเข้ามาเกี่ยวข้องแบบมัดมือชกแล้ว ผมก็อยากให้เรื่องของมันจบอย่างสวยงาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

“เปล่าหรอก กูจะคิดมากเรื่องไร้สาระแบบนั้นทำไม”

“ทำเป็นบางดี ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยซึมขนาดนี้”

“มึงสนใจกูด้วยเหรอ” นายปีโป้หันมาถามหน้าตาเฉย จนผมงงว่ามันจะเล่นหรือจะจริงจัง

“เพื่อนกัน ก็ต้องแคร์ความรู้สึกกันดิ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้

“เพื่อนเหรอ ?” นายปีโป้ทวนคำพูด

“แล้วเพื่อนอย่างกู ต้องแคร์ความรู้สึกไอ้โอ๊ตมันเปล่าวะ” และพูดต่อ

“เราว่านะ ไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ เรายังเข้าใจความรู้สึกที่นายมีต่อเราเลย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ชอบความรู้สึกนั้น แต่เราก็ไม่เคยปฎิเสธมัน เพราะเราเชื่อ ว่ายังไงเราก็เป็นเรา ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดใครได้ มีแค่ตัวของเราที่รู้ใจของตัวเอง” ผมหันไปบอกนายปีโป้

“มันก็ไม่ต่างอะไรจากกรณีนาย ที่พี่โอ๊ตรู้สึกดีๆกับนาย นายก็แค่รับความรู้สึกดีๆนั้นไว้ วางตัวในแบบของนาย แล้วก็ค่อยๆทำให้เพื่อนนายเข้าใจว่า ยังไงเราก็เป็นได้แค่เพื่อน ถ้ายังจะดันทุรังต่อไป ก็เจ็บฝ่ายเดียว”

“หมายถึงกูด้วยใช่มั๊ย ที่จะเจ็บเพราะมึง” นายปีโป้หันมาทำหน้าเศร้า

“ไม่มีใครเจ็บเพราะใครหรอก ที่เจ็บอ่ะ เพราะตัวเองทั้งนั้น” ผมตอบไปพร้อมกับยิ้มๆ

“มึงนี่ ชอบพูดอะไรให้งงๆนะ”

“แล้วเข้าใจป่ะละ”

“เข้าใจดิ กูฉลาดนะ กับเรื่องแบบนี้” ยังไม่หยุดโม้




“กูแค่สับสนวะ” นายปีโป้พูดออกมาลอยๆ เหมือนไม่จบประโยค ก่อนจะมองออกไปข้างหน้า ทีเป็นลานกว้างๆ

“สับสนว่าทำไมกูถึงชอบมึง ทั้งที่กูไม่เคยเป็นคนแบบนี้ ทั้งที่มึงก็โคตรจะเย็นชาใส่กู จีบก็โคตรยาก ถ้าเป็นคนอื่นคงเสร็จกูไปนานละ” ผมละเบื่อประโยคขี้โม้ของมันจริงๆ

“และกูก็สับสน ว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้คือความรู้สึกอะไร เหมือนกูกำลังทำอะไรผิด กูเหมือนกับกูทำร้ายความรู้สึกไอ้โอ๊ต”
“รู้สึกผิดว่างั้น” ผมถามสวนไป

“ก็ไม่เชิง แต่กูว่าถ้าเป็นไปได้ กูอยากย้อนไปแก้ไขให้มันดีกว่านี้ กูคงอารมณ์ค้างจากคืนก่อน ที่มันเมา กูรู้ว่ามันเมาเพราะกู กูไม่พอใจที่มันแสดงความรู้สึกของมันมากเกินไป มึงเข้าใจกูป่ะ” ผมไม่เคยเห็นนายปีโป้เครียดเท่านี้มาก่อนเลยนะครับ จริงๆ

“เข้าใจ เราเข้าใจ เรารู้ว่านายแคร์เพื่อน ในเมื่อย้อนกลับไปแก้ไม่ได้ ก็ทำต่อไปให้ดีแล้วกัน” ผมก็ไม่ใช่คนที่ปลอบ หรือให้คำแนะนำใครได้ดีนัก เพราะแค่เรื่องของตัวเอง ก็ไม่เคยจะคิดจะแก้ไข ปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมัน




เรื่องบางเรื่อง ถ้ามันจะเกิด ถ้ามันจะเปลี่ยน ไม่มีใครไปห้ามมันได้หรอก คงเหมือนกับที่ผมไม่เคยห้ามไม่ให้นายปีโป้มาแสดงท่าทีจีบผม ไม่เคยห้ามความรู้สึกของคนอื่นที่มีให้ผม ..





อาจเป็นเพราะ ...

“สำหรับเรานะ มีคนที่รัก ก็ดีกว่ามีคนที่เกลียด นายว่าป่ะ” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าคนที่กำลังหันมาจ้องตาของผม สายตาที่ดูจะอ่อนไหว เปลี่ยนไปตามอารมณ์เวลา จนผมไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

“สำหรับกู มึงก็คิดเช่นนั้นหรือ” สีหน้า สายตาและคำถามนั้น ทำให้ผมต้องหลีกเลี่ยงการจ้องมอง

“ปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมันเถอะ เราตอบใครไม่ได้หรอก” ผมบอก พร้อมกับมองไปข้างหน้า อาจเป็นทางเดียวกับที่นายปีโป้เคยมองก็เป็นได้






“ฮัลโหล” เสียงมือถือของนายปีโป้ดังขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงของนายปีโป้รับ ผมหันหน้ามามองนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปอีก

“อยู่บ้านน้ำมนต์ มึงมีไร”

“เอ๊ย ทำไมวะ”

“เหี้ย ทำไมต้องให้กูไปด้วย พวกมึงก็อยู่กันเยอะแยะ”

“เพราะกูเนี่ยนะ ?”

“เออๆ เดี๋ยวกูไป รออยู่นั่นแหละ”

“เออๆ”




บทสนทนาระหว่างนายปีโป้กับปลายสายจบลง ใจความที่ผมเข้าใจ คือต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วนายปีโป้ต้องกลับไปหาพวกนั้นตอนนี้

“ยายมึงอยู่ไหน” นายปีโป้ถามผม

“อยู่บนบ้าน มีอะไรเหรอ” ผมบอก คงอยากจะลาก่อนกลับ

“กูจะขอยายมึง พามึงไปนอนด้วย”

“หา ไม่เอาอ่ะ”

“เดี๋ยวกูมา ไปบอกยายมึงก่อน”  นายปีโป้หาได้สนใจคำพูดของผมไม่ มันวิ่งขึ้นไปข้างบนในทันที



“เคยฟังกันบ้างป่ะเนี่ย  จะมาก็บังคับให้พามา พอจะไปก็บังคับให้ไปด้วย ประสาทป่ะเนี่ย” ผมบ่นคนเดียว พร้อมกับเดินตามขึ้นบ้านไป เพื่อจะบอกว่า ผมไม่ไปกับมันหรอก




“ไปกันดีๆนะลูก ดึกแล้ว ขับรถกันระวังๆ ฝากดูแลเพื่อนด้วยนะลูกนะ” เสียงของยายกำลังพูดกับนายปีโป้

“ขอบคุณยายมากครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้โป้พาน้ำมนต์มาส่งนะครับ”

“อะไรกันยาย น้ำมนต์ไม่ไปนะ น้ำมนต์จะนอนเป็นเพื่อนยาย” ผมรีบเดินและพูดแทรกเข้าไป

“อะไรกันลูก ไปเป็นเพื่อนพี่ปีโป้เค้าหน่อย ให้เค้าขับรถไปคนเดียวมันอันตราย”

“แต่ ..”

“โป้ว่าถ้าน้ำมนต์ไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรครับ” นายปีโป้พูดกับยาย ด้วยสายตาเศร้าสร้อย มันช่างขัดกับความจริงที่นายจะพยายามบังคับให้เราไปด้วยนัก

“ไมได้ๆน้ำมนต์ พี่เค้าอุตส่าห์มาส่งเรา ทำไมน้ำมนต์เป็นคนไม่มีน้ำใจแบบนี้ละ” โดนยายดุจนได้ผม

“แล้วพี่เค้าก็มีเรื่องต้องกลับไปจัดการ ไปด้วยกัน จะได้ช่วยกันทำ ใช่มั๊ยจ๊ะ ลูกปีโป้” และดูท่ายายจะหลงรักเด็กช่างจอมเจ้าเล่ห์คนนี้แล้ว

“ไหน น้องน้ำมนต์จะเอาอะไรไปบ้าง เดี๋ยวพี่ปีโป้จะช่วยเก็บ ไปเก็บเสื้อผ้ากัน” ถ้าผมจะหมั่นไส้นายปีโป้ตอนนี้ จะแปลกไหม ก็ดูท่าทางอมยิ้มแบบสมน้ำหน้าผม คำพูดคำจาที่แตกต่างจากความเป็นจริงนั่นสิ 





มันน่าโมโหจริงๆ   หึหึ












“ขึ้นมาสิ” นายปีโป้บอกผมเมื่อเราเก็บของเรียบร้อย และกำลังจะออกจากบ้านไป

“นายมันเจ้าเล่ห์” ผมบอกไป

“ถ้าไม่ทำแบบนี้ เมื่อไหร่กูจะได้มึงมาเป็นเมีย”

“นายพูดว่าอะไรนะ”

“กูรู้มึงได้ยินชัดแล้ว รีบขึ้นมา กูรีบ”  มันหันมาพูดจนผมสะอึก จนผมต้องรีบซ้อนท้าย และนายปีโป้ก็ออกตัวรถด้วยความไว จนผมต้องเอามือไปดึงเสื้อมันไว้






รถชะลอตัวช้าลง เมื่อเราขับมาถึงสี่แยกไฟแดงแยกใหญ่ก่อนเข้าเมือง

“เอามือมานี่” นายปีโป้ดึงมือข้างหนึ่งของผมไปโอบไว้กับเอวมัน

“ทำไรอ่ะ”

“กอดกูไว้ดิ จะได้ไม่ตก”

“ไม่เอาอ่ะ จับเสื้อก็ได้”

“ไม่ได้ เดี๋ยวเสื้อกูยับ”

“งั้นไม่จับแล้ว”

“ไม่ได้ เดี๋ยวมึงตกนะ”

“ก็ขับช้าๆสิ”

“ไม่ได้ เดี๋ยวไปไม่ทัน เพื่อนมันมีเรื่อง  มึงอย่าพูดมากได้มั๊ย กอดเอวกูไว้ อย่าเล่นตัวมากนะ” มันหันมาสั่งก่อนที่จะสัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และตามมาด้วยแรงกระชากในการออกตัวของมอไซค์ จนผมต้องผวากอดเอวนายปีโป้ไว้ทั้งสองมือ





จนไม่ถึงห้านาที รถก็มาจอดอยู่หน้าร้านเหล้า ย่านเที่ยวกลางคืนชื่อดัง มองเข้าไปในร้านเห็นพี่เอ็มกับพี่โอ๊ตกำลังสังสรรค์กันอยู่  ผมสังเกตไปเห็นพี่โอ๊ตที่มองมาทางนี้นัยน์ตาเศร้า สภาพร่างกายเหมือนคนเมามายได้เต็มที่

“ไป เข้าไปข้างในกัน” นายปีโป้หันมาบอกผม

“ไม่เอาอ่ะ นายเข้าไปสนุกกับเพื่อนเถอะ เรารอตรงนี้ดีกว่า”

“ทำไมอีกละ หรือว่าเป็นเด็กดี เข้าร้านแบบนี้ไม่ได้”

“ไม่ใช่ แต่ ..” ผมพูดพร้อมกับมองไปทางพี่โอ๊ต ที่ตอนนี้เค้าก็กำลังมองมาที่ผมทั้งสองคน

“ถ้ามึงไม่เข้าไป แล้วกูจะเอามึงมาให้เปลืองน้ำมันรถทำไม” นายปีโป้หันไปมองที่พี่โอ๊ตเหมือนกันก่อนที่จะพูดกับผม

“แต่เราไม่อยากทำร้ายความรู้สึกพี่เค้า”

“มึงไม่ได้ทำอะไรนี่”

“ถึงนายทำ ก็เหมือนเราทำ”

“มันทำตัวของมันเองต่างหาก  เข้ามา !!!” นายปีโป้พูดพร้อมกับดึงมือผมเข้าไป ผมพยายามสะบัดมือ แต่ก็ไม่หลุด






“มาแล้วเหรอไอ้ตัวดี” พี่เอ็มทักขึ้นมา ผมยิ้มให้กับพี่เอ็มเล็กน้อย พี่แกก็ยิ้มมาให้ผมเช่นเดียวกัน ก่อนที่นายปีโป้จะดึงแขนผมลงไปนั่งใกล้ๆมัน

“เป็นไรอีกละไอ้โอ๊ตมึง อกหักเหรอวะ” นายปีโป้หันไปคุยกับพี่โอ๊ต โดยที่มีผมนั่งคั่นกลาง

“อกหักเหี้ยไรมึง กูยังไม่เคยจีบใครซะหน่อย” พี่โอ๊ตตอบกลับมาแบบเมาๆ

“ก็นั่นดิ กูก็เห็นอยู่ว่ามึงไม่เคยจีบใคร จะอกหักได้ไงวะ” นายปีโป้พูดไป พร้อมกับชงเหล้าให้ตัวเองไป ก่อนจะยกซดเมื่อพูดเสร็จ บรรยากาศช่างอึมครึมนัก





“พวกมึงสองคนเลิกเล่นละครกันได้แล้ว มีไรก็พูดกันตรงๆ” พี่เอ็มเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

“น้องน้ำมนต์ ออกไปสูดอากาศกับพี่หน่อยมั๊ย” พี่เอ็มหันมาชวนผม ซึ่งผมรู้ดีว่านั่นคือการเปิดโอกาสให้สองคนนี้คุยกัน  ผมจึงทำท่าจะลุก

“ไม่ต้อง!!! มึงนั่งกับกูตรงนี้” นายปีโป้พูดห้าม พร้อมกับดึงมือผมไว้

“เราว่านี่มันคือเรื่องของนายกับพี่โอ๊ต  อย่าดึงเราไปเกี่ยวข้องด้วยเลย คนที่เจ็บเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรา” ผมพูดพร้อมกับเอามืออีกข้างเดินออกไป โดยที่มีพี่เอ็มเดินตามมา










“พี่เอ็มเมายังครับ” ผมถามขึ้น เพื่ออยากหาเรื่องคุย และไม่อยากสนใจประเด็นของสองคนนั้น

“ยังเลยครับ น้องน้ำมนต์ละ อยากดื่มอะไรเย็นๆมั๊ย”

“ไม่ดีกว่าครับ น้ำมนต์ไม่ค่อยถูกกับแอลกฮฮอล์” ผมปฎิเสธไป

“เอ่อ น้ำมนต์ พี่ถามอะไรหน่อยดิ” พี่เอ็มเริ่มเปลี่ยนจากหน้าที่เปื้อนยิ้ม มาดูจริงจังขึ้น

“อะไรเหรอครับ”

“น้องน้ำมนต์กับไอ้โป้ เอ่อ ยังไงดีละ ..” พี่เอ็มอ้ำอึ้งเหมือนไม่ค่อยกล้าถาม

“คือมันได้น้องน้ำมนต์แล้วยัง”  ผมอึ้งกับคำถามของพี่เอ็ม ที่ไม่คิดว่าจะถามได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้น  นี่ขนาดเรียนด้านศิลป์นะคัรบ ทำไมถึงไม่มีวาทศิลป์เลยนะ ถามมาอย่างกับเด็กช่าง

“ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ เอาเป็นว่าพี่รู้แล้ว” พี่เอ็มพุดพร้อมยิ้มๆ

“เอ๊ย ไม่อย่างที่พี่คิดนะครับ เราเป็นแค่เพื่อน เป็นแค่พี่น้องกัน น้ำมนต์ไม่เคยคิดเกินกว่านั้น และก็ยังไม่เคยเกิดเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น” ผมบอกไป

“จริงอ่ะ ?”

“จริงครับ”

“อืม แล้วเราคิดยังไงกับเพื่อนพี่บ้างละ” เอ่อ ไม่คิดว่าการออกมาสูดอากาศหายใจกับพี่เอ็ม กลับรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดหายใจยังไงก็ไม่รู้




“ก็เหมือนที่บอกไปนั่นแหละครับ เพื่อน พี่น้อง”

“แค่นี้ ?”

“ครับ”

“อืม แต่พี่ว่าไอ้โป้มันชอบน้องจริงๆนะ มันไม่เคยทำอะไรให้ใครขนาดนี้เลยอ่ะ” พี่เอ็มพูดลอยๆออกมา แต่เหมือนอยากให้ผมรับรู้

“เหรอครับ” ผมตอบไปสั้นๆ

“พี่รู้ว่าน้องน้ำมนต์ไม่เคยมีผู้ชายมาจีบ เลยยากที่จะเข้าใจความรู้สึก แต่ถ้าวันไหนน้องน้ำมนต์เข้าใจความรู้สึกตัวเอง วันนั้นค่อยเริ่มต้น ก็ยังไม่สาย”




พี่เอ็มพูดได้แตกต่างจากคำถามที่เคยถาม ประโยคที่ผมเคยคิดว่าแกไม่มีวาทศิลป์ไม่เหมาะกับการเป็นเด็กเรียนศิลป์ก็คงต้องเอาปากกาสีขีดทับไป ..


ผมเข้าใจในคำพูดนั้นของพี่เอ็มดี .. ผมไม่เคยปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง และไม่เคยปิดกั้นคนอื่น ...




สักวันหนึ่ง เมื่อประตูหัวใจของผมเปิดได้กว้างพอ และคนที่เข้ามาในหัวใจผมนั้นมีสิทธิ์จับจองพื้นที่มากที่สุด คนๆนั้นแหละมั้ง ที่ผมจะเริ่มต้นด้วย ..







“ไอ้เอ็ม .. ไปดูเพื่อนมึงหน่อย กูกลับละ”
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-11-2011 16:53:15
โอ๊ตเอ้ยยยย คนบางคนมันเหมาะกับการเป็นแค่เพื่อนกันเน้อ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 11-11-2011 17:04:17
หาผู้ชายดีๆที่สามารถดูแลโอ๊ตได้ให้โอ๊ตสักคนสิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 11-11-2011 18:13:21
เราว่าโอ้ตเขาเคลียตัวเองได้นะ
มีแต่นายโป้เนี่ยแหละทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่
เจ็บกว่าเดิมอีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 11-11-2011 19:02:26
เซ็งโป้ เจ้ากี้เจ้าการไปซะทุกเรื่อง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 11-11-2011 19:39:20
พี่เอ็ม พูดได้กินใจ

ผมมากเลยพี่ สุดยอด  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-11-2011 19:53:12
หุๆๆพี่เอ็มน่าสน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 11-11-2011 20:05:03
โป้เอ๊ย~ เฮ้อ  อ่านแล้วอึมครึมเหมือนเดิม  แต่ยังติดตามครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-11-2011 20:15:59
สงสารโอ๊ตจัง เพื่อนแอบรักเพื่อน แล้วเพื่อนมันก็รู้
แต่เพื่อนมันไม่มีใจให้เลยเนี่ย มันสุดแสนช้ำนะ
แล้วก็เข้าใจปีโป้มันด้วย ไม่ได้รักแบบนั้นนี่ จะให้ทำไง เรื่องของหัวใจใครไปสั่งได้ล่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 12-11-2011 11:38:59
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกก ดราม่าไปแล้วนะ ขอสดใสร่าเริงบ้างสักตอนสองตอนสิ อิอิ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 19 มาอัพซะดึกเลย 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 13-11-2011 01:39:06
ตอนที่ 19


“ไอ้เอ็ม .. ไปดูเพื่อนมึงหน่อย กูกลับละ”  ผมบอกไอ้เอ็มในขณะที่กำลังเดินออกนอกร้าน และเดินมาที่น้ำมนต์ พร้อมกับจับมือเดินกลับไปที่รถ

“กลับแล้วเหรอวะ” ไอ้เอ็มตะโกนถามผมมา

“เคลียร์เสร็จคนนึงแล้ว ยังเหลืออีกคนนึง กูอยากไปเคลียร์ที่ห้อง” ผมตะโกนบอก โดนไมได้หันหลังไปมอง



ผมไม่ใช่คนดีนัก ออกจะเลวซะด้วยซ้ำ ผมไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ ผมขาดในบางอย่าง และเกินในบางเรื่อง ผมเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรต้องได้ และไม่เคยจะต้องแคร์ความรู้สึกของใครมากนัก แต่ก็หาใช่ว่าผมจะดื้อรั้นหรืออันตพาลเป็นอย่างเดียว นอกจากชีวิตของพ่อแม่แล้ว ไม่มีชีวิตใครสำคัญไปกว่าเพื่อนของผมอีกแล้ว


ไม่ใช่ว่าผมเป็นเด็กช่างแล้วจะรักเพื่อนเป็นธรรมเนียม แต่เพราะมีเพื่อน จึงมีไอ้ปีโป้ มีนายหัวโป้อย่างทุกวันนี้ .. ไม่มีทางเสียหรอก ที่ผมจะเสียเพื่อนสักคนนึงไป เพราะความไม่เข้าใจกัน .. ไม่มีทางเสียหรอก

.

.

.

.

.


“ไงมึง เศร้าเลยแม่ง หมดคราบเด็กช่างเลย” ผมทักไอ้โอ๊ต ซึ่งตอนนี้น้ำมนต์และไอ้เอ็มทิ้งผมให้อยู่กับมันแค่สองต่อสอง เปิดทางจังเลยนะ

“เศร้าเหี้ยไรมึง กูแค่อยากกินเหล้าย้อมใจ” มันตอบผมมายิ้มๆ เหมือนพยายามฝืนสุดชีวิต

“ยังจะปากแข็งอีก มีไรก็พูดมา เพื่อนกัน ต้องไม่ปิดบังกันเว้ย” ผมบอกมัน พร้อมกับหันหน้าไปมองมันอย่างจริงจัง

“ ...” มันมองหน้าผมกลับ แต่ไม่ได้พูดจาอะไร ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ จัดเข้าปากหมดแก้ว

“อ้าว ต้องกินให้เมาก่อนใช่มั๊ย ถึงจะกล้าพูด .. ”

“กูชอบมึง”  ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ มันก็แทรกเข้ามา เล่นเอาผมไปไม่ถูกเลย เวลาจะตรงก็เล่นซะตรงดิ่งเลยนะมึง

“กูชอบมึงนะไอ้โป้ กูชอบมึงมากกว่าคำว่าเพื่อน มึงเข้าใจกูมั๊ย ว่ากูรู้สึกอย่างไร” ผมยิ้มให้กับคำพูดเหล่านั้น แต่ก็ยังไม่มีคำพูดใดออกจากปากผม

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน กูไม่เคยมอง ไม่เคยสนใจผู้ชายคนใด เมื่อก่อนกูก็ชอบผู้หญิง ตอนนี้กูก็ชอบผู้หญิงนะ แต่ที่หนึ่งของกูก็ยังเป็นมึง” มันพูดพร้อมกับทอดสายตาไปข้างหน้า เพื่อให้บทสนทนาระหว่างเราสองคนดูเบาๆขึ้น

“มึงมันมีอิทธิพลสำหรับกู ไม่ว่ามึงจะเป็น จะทำ จะชอบใคร กูก็อยากช่วย อยากดูแล อยากอยู่ใกล้มึง เมื่อก่อนกูบอกตัวเองว่า แค่กูได้อยู่ใกล้ แค่กูได้เป็นคนที่สนิทกับมึงที่สุดแค่นั้นกูก็พอใจ แต่นานวันเข้า กูกลับอยากได้เยอะกว่านั้น อยากได้ความรักจากมึงบ้าง ยิ่งมึงชอบน้องน้ำมนต์ ยิ่งทำให้กูมีความหวังว่ามึงจะหันมาชอบผู้ชายอย่างกูบ้าง” มันพูดมาถึงตรงนี้แล้วหยุดนิ่ง

“กูขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” มันหันหน้ามาพูดกับผม นัยน์ตาของมันมีน้ำตาซึมๆออกมา  ทำให้ผมที่นั่งยิ้มให้กับความซื่อของเพื่อนที่อยู่ข้างกายผมอย่างกับฝาแฝดคนนี้ น้ำตาซึมตามมันแบบไม่รู้ตัว

“ขอบใจวะไอ้โอ๊ต ขอบใจมึงจริงๆ” ผมโน้มตัวไปดึงไอ้โอ๊ตมากอดไว้

“ขอบใจวะ ที่รู้สึกดีกับกู แต่มึงก็รู้ใช่มั๊ย ว่ากูรับความรู้สึกดีได้แค่ในระดับเพื่อน” ผมพูดพร้อมกับตบบ่ามัน ก่อนจะ เลิกกอด แต่ยังคงจับบ่ามันทั้งสองข้างไว้


“กูรู้ว่าที่มึงบอกกูวันนี้ มึงไม่ได้ต้องการให้กูรักมึง หรือเปลี่ยนสถานะกับมึง แต่มึงต้องการแค่อยากให้กูรู้ เพราะมึงอึดอัด กูพูดถูกใช่มั๊ย” ผมถามมัน   ไอ้โอ๊ตพยักหน้าให้กับผม


“กูรับรู้แล้ว ต่อไปมึงก็ต้องลดความหวังดีที่มีต่อกูให้น้อยลงบ้าง เก็บไว้ให้คนอื่น หรือไว้ให้ตัวเองให้เยอะๆ กูก็จะดูแลตัวกูเองบ้างแล้วเหมือนกัน กูคงติดนิสัยที่มีมึงข้างกายจนเหลิงไปละ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่มึงกับกูต้องลอง โอเคมั๊ย” ผมพูดแล้วยิ้มให้กับมัน ตอนนี้แววตาของไอ้โอ๊ตดูมีชีวิตชีวาขึ้น ถึงจะมีน้ำตาคลอๆอยู่ก็ตาม


“กูไม่อยากเสียเพื่อนดีๆอย่างมึงไป ไม่ว่ายังไงเพื่อนกูคือคนสำคัญในชีวิตกู ในเมื่อเราเจอทางตัน สำหรับกู กูไม่เลือกวิธีพังกำแพงหรอกนะ  ยังไงซะมันก็สร้างมาก่อนที่กูจะมาเจอมัน มันคงมีค่าในตัวของมัน แต่กูกับมึงจะต้องช่วยกันปีนข้ามกำแพงนั้นให้ได้ ไม่ว่ามันจะสูงเท่าไหร่ มึงกับกูจะปากกัดตีนถีบ เหยียบบ่า ขี้คอกันไป ยังไงเราสองคนก็ต้องข้ามกำแพงที่เป็นทางตันนั้นได้ มึงเข้าใจกูใช่มั๊ย”  ผมพูดมาซะยืดยาว แอบยิ้มภูมิใจที่ตัวเองคิดอะไรเป็นปรัชญาแบบนี้กับเค้าได้

“มึงพูดนี่ ไม่สงสารคนเมาเลยนะ ต้องมาประมวลผลกับคำพูดหรูๆมึงอีก” ไอ้โอ๊ตบอกผมมายิ้มๆ

“อ่ะโด่ มึงอ่ะ ทำกูเสียเซลฟ์เลย กูอุตส่าห์จะทำซึ้ง”

“เออ กูซึ้ง และกูก็เข้าใจ ยังไงคนนั้นของมึงก็ไม่ใช่กู”

“ใช่สิ มึงคือเพื่อนรักกู”

“เออ กูมันก็แค่เพื่อนรัก” มันพูดมาแบบงอนๆ แต่หน้าตาก็ยังยิ้มๆ

“ทำไมวะสัด มึงอยากเสียตูดให้กูเหรอ” ผมพูดไปพร้อมกับเอามือไปตีตูดมันเบาๆ

“แสด อย่ามายุ่งกับบั้นท้ายกูนะเว้ย กูต่างหากละ ที่จะจัดการกับตูดมึง”

“หยุดเลยมึง หยุดเลย ฝันไปสิบปีแสงเลย กูไม่มีวันเสียทวารให้ใครแน่”

“ฮ่าๆๆ นายหัวโป้ขี้เก็กเอ๊ย”  ไอ้โอ๊ตหัวเราะได้แล้วครับ ถึงเสียงหัวเราะจะแค่นๆไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เสียงร้องไห้ คาบน้ำตาที่ไหลมา ค่อยๆซึมหายไปกับการระเหย ผมยิ้มให้กับเพื่อนคนนี้อีกครั้ง

“ขอบใจนะที่พูดกับกูตรงๆ และกูก็ต้องขอโทษมึงด้วยนะ ที่ทำอะไรไร้สาระไปเมื่อตอนเย็น ให้มึงต้องเจ็บใจ” ผมบอกมัน ก่อนจะยื่นมือไปขยี้หัวมัน

“หยุดเลยมึง กูไม่ใช่เด็กมึง อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวกูมีความหวังขึ้นอีก” ไอ้โอ๊ตจับมือผมออก ก่อนจะพูดจาเสียงดัง

“ทำหวงนะ แสดดด” ผมพูดบอกมัน แต่ก็ยังขยี้เหมือนเดิม แต่คราวนี้มันไม่ได้ปัดมือแต่อย่างใด มีแต่รอยยิ้มที่ยิ้มเต็มปากให้ผม

“กูกลับละนะ อย่ากินให้เมามากละ อย่าไปให้ใครตบหน้าอีก และอย่าไปมีเรื่องกับใครเค้า” ผมยืนพร้อมกับเอานิ้วชี้สั่งมัน

“อย่างหลังอ่ะ บอกตัวเองก่อนเถอะ” มันสวนผมมา ผมยิ้มให้มัน

“อย่ามาปากดี กูไปละ” ผมพูดบอกมัน ก่อนจะเดินไปหาไอ้เอ็มและน้ำมนต์

“ไอ้โป้ !!!” ไอ้โอ๊ตเรียกผมอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเอี้ยวหลังไปมองมัน



“มึงคงไม่โกรธกูใช่มั๊ย ถ้ากูจะรู้สึกกับมึงเหมือนเดิม แต่กูสัญญา กูจะไม่ทำให้มึงเดือดร้อน” มันตะโกนบอกผมมาพร้อมกับรอยยิ้ม ส่วนผมก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร ได้แต่ยิ้มตอบกลับมันไปเหมือนกัน


.

.

.

.

.

“นายคุยกับพี่โอ๊ตดีแล้วใช่มั๊ย”  น้ำมนต์ถามผมขณะที่ผมกำลังขับรถรับลมมาเรื่อยๆ

“อืม ดีแล้ว” ผมตอบไปสั้นๆ  และก็ไม่มีเสียงอะไรจากน้ำมนต์เลย  ผมเลยขับรถช้าๆ ชิดข้างทาง



“จอดทำไมเหรอ” น้ำมนต์ถามผม ผมยังไม่ตอบ แต่ก็ถอดเสื้อแจ็กเก็ตตัวที่ใส่มาส่งไปให้มัน

“เอานี่ไปใส่ เดี๋ยวมึงจะหนาว” ผมบอก พร้อมกับยื่นเสื้อให้

“เอ๊ย เดี๋ยวก็ถึงหอนายแล้ว นายใส่ไปเถอะ”

“ใครบอกว่าคืนนี้จะนอนหอกูละ” ผมบอกไป น้ำมนต์ทำหน้างง

“กูจะพามึงไปนอนบ้านกู” ผมบอกมันด้วยสีหน้าจริงจัง

“เอ๊ยย ที่ไหน”

“ขนอม”

“หา ...”

“เอาไปใส่ซะ ยังอีกไกล เดี๋ยวมึงจะหนาว”

“แล้วนายละ”

“กูไม่เป็นไร กูขับกลับตอนดึกๆบ่อย กูชินละ” ผมบอก

“มานี่มา” ผมพูดพร้อมกับเดินอ้อมหลังไปแล้วก็เอาเสื้อใส่มือของมันให้ น้ำมนต์ก็เอามือสอดไปทางซ้ายและขวา และเดินกลับมาข้างหน้า จะรูดซิบให้มันหน่อย แต่มันก็รูดขึ้นเองแล้ว

“ไม่มียางรวบผมเหรอ” ผมถาม

“รวบทำไมอ่ะ”

“เปล่า คิดว่ามึงจะรำคาญ” ผมตอบพร้อมกับเตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง



อากาศยามค่ำคืนของปลายปี ทำให้ผมตัวสั่นไปกับลมที่เข้ามาปะทะพร้อมกับร่างกายของผม ที่ใส่แค่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงยีนเดฟรัดๆ แต่รู้สึกอุ่นที่หลังอย่างบอกไม่ถูก น้ำมนต์ที่นั่งพิงหลัง แล้วก็เอามือมาแอบไว้หลังผม มันคงหนาวมาก ลำพังตัวมันที่ไม่ค่อยมีไขมัน คงไม่ทนต่ออากาศเย็นๆแบบนี้ 




แต่ผมนี่สิ .. จะแข็งแล้วว



“บรึ๋ยยยยยยยย” ผมอุทานขึ้นเมื่อลมหนาวก้อนใหญ่ปะทะเข้าตรงหน้า

“หนาวเหรอ ?” คนข้างหลังถามผมขึ้น

“เปล่าซะหน่อย” ผมปากแข็งตอบไป

“โกหก ตัวสั่นขนาดนั้น ไม่หนาวได้ไง เราว่านายเอาเสื้อของนายกลับไปดีกว่า นายขับรถ นายหนาวกว่าเรา”

“เอ๊ยไม่เอา  มึงใส่นั่นแหละดีแล้ว”

“ไม่เอาอ่ะ เราเหมือนกำลังเอาเปรียบนาย”

“งั้นมึงก็กอดเอวกูไว้ดิ”

“หือ ไม่เอาอ่ะ”

“แค่กอดเอวกูไว้ แค่ให้ความอบอุ่นกูเอง มึงอยากให้กูขับรถแข็งตายหรือไง”

“ถึงได้บอกว่าให้เอาเสื้อไปไง”

“ไม่เอา ถ้าไม่กอดก็ไม่เป็นไร แต่กูไม่เอาเสื้อคืน” ผมคอยมันแล้วรีบเพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยจะได้ถึงบ้านเร็วกว่านี้




แต่ขับมาได้สักพัก มือของคนข้างหลังก็โอบมาที่เอวของผม กอดไว้หลวมๆ ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเอง หรือว่าเป็นจริง ความหนาวที่เกาะติดอยู่กับร่างกายผม เพราะลมหนาวนั้น เหมือนมันได้หลุดออกจากร่างกายผมไป เหลือเพียงความอบอุ่นไปทั้งกายและหัวใจ



ผมจึงค่อยๆลดระดับความเร็วของเครื่องยนต์ลงเล็กน้อย .. วันนี้จะถึงบ้านเช้าก็เอาละวะ รอยยิ้มบนหน้าของผมตอนนี้ไม่รู้ว่ามันกว้างแค่ไหนแล้ว ผมคงยิ้มค้างอยู่แบบนี้จนถึงบ้านแน่ ... ตีนกาคงขึ้นบานเลย




เวลาเกือบๆสองชั่วโมง จากตัวเมืองจนมาถึงบ้านของผม ด้วยการขับรถชมวิว และซึมซับความอบอุ่นจากข้างหลัง  และเมื่อผมรู้ว่าน้ำมนต์มันเผลอหลับ ผมก็ยิ่งอยากขับช้ามากขึ้น ก็ใครอยากจะให้เวลานี้ผ่านไปไวๆละครับ ก็ดูสิ อ้อมกอดที่แน่นขึ้น หน้าและตัวที่ทาบลงบนแผ่นหลังผม  กอดแน่นขึ้นเมื่อมีลมหนาวพัดผ่าน  ผมนี่แทบอยากจอดรถหยุดเวลาไว้ แต่กลัวจะทำให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมา


ผมจอดรถนิ่งอยู่หน้าบ้านตัวเองนานมาก แต่ก็ยังไม่ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ยังคงปล่อยให้มันกล่อมให้น้ำมนต์หลับต่อไป ผมหันไปมองไอ้หนุ่มหน้ามนที่ชื่อน้ำมนต์กำลังหลับตาปริ่ม  ผมที่ยาวสยายลงมาปิดใบหน้าขาวนวลนั้นเล็กน้อย แต่พอให้ผมได้มองโครงหน้านั้นได้


“ถึงแล้วเหรอ” เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดขึ้น พร้อมกับจ้องมาที่ผม ก่อนจะเอ่ยคำถามขึ้น

“ถึงแล้ว เข้าไปนอนในบ้านกันเถอะ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้ เหมือนเจ้าตัวเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังกอดผมซะแน่นเลย จึงรีบชักมือออก ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำไป

“มึงไปถูกเหรอนั่น ที่เดินนำกูไป”  ผมทักมันขึ้น

“เอ่อ ไม่รู้สิ” มันหันตอบผม ก่อนจะหันหน้ากลับไปอีก  สงสัยจะเขินมั้ง คนเหี้ยไร ตอนเขินน่ารักจนอยากจับปล้ำ ผมจอดรถให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินไปหามัน

“วันนี้ไม่นอนเรือนใหญ่ ป๊ากับแม่กูคงหลับแล้ว ไม่อยากไปกวน ไปนอนกระท่อมกูกัน” ผมบอกพร้อมกับจับมือมันเดินมาอีกทางนึง น้ำมนต์ออกแรงดึงมือให้หลุดออกเล็กน้อย แต่ผมกลับจับกระชับให้แน่นขึ้นกว่าเดิม จนน้ำมนต์ไม่อยากจะต่อต้าน ยอมให้ผมจับดีๆ


อย่างที่ผมเคยบอกว่าบ้านผมค่อนข้างเป็นเศรษฐีบ้านนอก มีทั้งเรือปลา มีทั้งปั้มน้ำมัน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย บ้านของผมเลยค่อนข้างกว้างและใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เหมือนในหนัง หรืออะไรหรอก บ้านผมเป็นแค่บ้านสองชั้น ที่ต่อเติมให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ ตามการใช้สอย  ผมมีห้องอยู่ที่เรือนใหญ่ ที่มีไว้เวลาเหงาๆ ไม่อยากนอนคนเดียว และผมก็มีกระท่อมเล็กๆที่อยู่บริเวณสวนหลังบ้าน ที่ผมอ้อนป๊าผมให้สร้างให้ผม  เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ผมชอบมาอยู่เวลากลับบ้าน

“นี่เหรอ กระท่อมนาย” น้ำมนต์ถามขึ้น เมื่อผมพามายืนที่หน้ากระท่อมไม้สีขาว หลังเล็กที่ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นของผม และมีห้องนอนใต้หลังคาสำหรับหลับนอน

“ใช่แล้ว น่าอยู่มั๊ย”

“อืม สวยมากเลยอ่ะ” ผมคิดอยู่แล้ว ว่าน้ำมนต์ต้องชอบมัน เพราะมันเป็นกระท่อมอาร์ตๆหลังนึงเลยละ

“ถ้าชอบ มาอยู่กับกูตลอดเลยก็ได้นะ” ผมบอกไปพร้อมกับยิ้มๆ

“หึหึ ปล่อยมือได้ละ” มันพูดพร้อมกับยกมือที่ผมจับอยู่ขึ้นมา ผมจึงรีบปล่อย และเดินไปไขกุญแจเข้าไปในกระท่อม ถึงแม้ผมไม่ค่อยได้มา แต่แม่ก็มักจะใช้ลูกน้องมาปัดกวาดให้ผมเสมอ  กระท่อมผมจึงดูสะอาด แตกต่างจากหอพักในเมืองเป็นอย่างมาก

“เข้ามาสิ” ผมหันไปบอกคนข้างนอก ส่วนตัวเองก็เดินไปเปิดทีวี เพื่อช่วยเพิ่มเสียงให้กับราตรีนี้ และนั่งลงบนโซฟาที่ผมเป็นคนเลือกเองทุกชิ้น


มองดูไอ้หนุ่มผมยาวเดินดูรูปภาพที่เข้ากรอบติดอยู่ตามผนังไล่เรียงกันมาเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นรูปผมตั้งแต่เล็กจนโต และอีกส่วนเป็นรูปภาพธรรมชาติ ภาพวิว ภาพทั่วๆไป

“ภาพพวกนี้นายถ่ายเองเหรอ” น้ำมนต์ถามผม และชี้ไปที่รูปวิวหนึ่งในขนอมนี่แหละ

“เปล่าหรอก แม่กูถ่าย แม่กูชอบถ่ายรูป กูเห็นว่าแกถ่ายสวยดี กูเลยบอกให้แกอัดมาตกแต่งกระท่อม” ผมบอกไป มือก็กดรีโมทหาช่องกีฬาดู

“สวยจังเลยอ่ะ แม่นายเก่งจังเลยเนอะ”

“พรุ่งนี้มึงค่อยไปบอกแกด้วยตัวมึงก็แล้วกัน ไม่ต้องบอกผ่านกูหรอก” ผมบอกมัน พร้อมกับดูเทปฟุตบอลที่ช่องกีฬากำลังรีรันอยู่

“มานั่งนี่สิ” ผมพูดพร้อมกับตีมือไปที่ว่างบนโซฟาข้างผม น้ำมนต์มองดูตรงที่ผมตีแว๊บนึง ก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาตัวถัดไป ช่างกวนตีนจริงๆ

“กลัวกูเหรอ”

“จะกลัวทำไม”

“นี่มันถิ่นกูนะ แล้วมึงกับกูก็อยู่กันสองต่อสอง แล้วห้องนี้ก็ห่างจากเรือนใหญ่ด้วย เงียบ ไม่มีใครเดินผ่าน” ผมบอกคุณสมบัติสุดยอดของกระท่อมนี้ไป

“ที่พูดมานึกว่าเราจะกลัวมากขึ้นเหรอ” ดูมันปากเก่งครับ

“แล้วทำไมไม่มานั่งข้างกูละ”

“อึดอัด” มันตอบมาสั้นๆ แต่หลีกเลี่ยงสายตาที่จะมองผม

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกปากดี เลิกปากแข็ง เลิกหยิ่ง เลิกโกหกตัวเองซักทีวะ” ผมถามมันด้วยรอยยิ้มขำๆ กับการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดของมัน

“เราไม่เคยทำแบบที่นายพูดสักอย่าง” ดูครับ ที่ยังปากแข็ง พูดแล้วทำมองออกไปทางอื่นนี่นะ คนฟังคงเชื่อมึงมาก

“ทำไมมึงถึงดื้อแบบนี้นะ”

“อย่ามาว่าเรานะ นายมันก็ไม่ต่างจากเราหรอก”  มันหันมาทำตาดุใส่ผม สีหน้าไม่พอใจที่ผมไปว่ามัน

“ไม่รู้ละ กูว่ามึงดื้อ มึงต้องโดนลงโทษ”


ผมพูดพร้อมกับลุกจากที่นั่งของตัวเอง ตรงดิ่งไปหามัน หน้าของผมเคลื่อนที่ไปที่หน้าของมันด้วยความเร็ว หน้าของมันถอยห่างออกไปด้วยสัญชาตญาณ แต่หน้าของผมก็ตามไปถึงเช่นกัน 


ปากของผมประกบลงบนปากสีชมพูของมัน สายตาที่ดูจะตกใจของมันกับอาการตาค้าง ตัวนิ่ง ไม่ขยับตัวด้วยความช็อกนั้น ทำให้ผมออกแรงจูบบนปากนั้นอย่างเบาๆ ก่อนจะถอนหน้าตัวเองออกมานิดหน่อย และยิ้มให้กับคนที่ยังงงกับสิ่งทีเกิดขึ้น ผมหันหลังไปนั่งตรงทีเดิม และพูดกับมันด้วยประโยคบอกเล่าสั้นๆ ..







“จะว่าไป ปากมึงก็ไม่ได้แข็งจริงๆด้วย นุ่มซะ ..”



.........................................................

มาตอนดึกๆ ขอโทษด้วยนะครับ ช่วงนี้ได้ลงไม่บ่อย แต่งเสร็จ แต่ไม่มีเน็ตเล่น หุหุ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 13-11-2011 01:41:24
ว๊ายๆๆๆๆๆ จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {-Re_คุณพ่อมาเฟีย.}(-9-)-ll-รักเจ้านายวายร้ายของผม-ll-0710-ll
เริ่มหัวข้อโดย: tongdbsk ที่ 13-11-2011 01:46:37
^
^
^
ไม่ทันรีบนอ๊า...
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 13-11-2011 12:59:24
^
^
^
ไม่ทันรีบนอ๊า...
ช้าไปหนึ่งปีแสง คิคิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 18 หวานนิด อึมครึมหน่อย 11-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 13-11-2011 15:03:27
ต๊ายยยย ก้าวหน้านะเนี่ยจูบแล้ว อิอิ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 13-11-2011 23:58:31
ตอนที่ 20


ริมผีปากที่ชิดกับริมฝีปากของเมื่อครู่ การกระทำที่เรียกว่าเป็นการประชิดกายครั้งแรกของผมในครั้งนี้ บอกตรงๆผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น และไม่ได้ตั้งตัวที่จะตั้งรับกับเรื่องแบบนี้ 


“จะว่าไป ปากมึงก็ไม่ได้แข็งจริงๆด้วย นุ่นซะ” คำพูดทีดูจะกวนตีน ออกแนวเยาะเย้ยนั้น ยิ่งทำให้ผมโมโหยิ่งขึ้น

“นายมันไม่แมน ฉวยโอกาส” ผมพูดพร้อมลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่ เดินหน้าเข้าไปหามัน

“ทำไม จะเอาคืนกูเหรอ อ่ะกูให้เอาคืนก็ได้” นายปีโป้พูดพร้อมกับทำปากจู๋มาให้ผม

“นายมันเลวมากกกก” ผมพูดพร้อมกับซัดมือขวาเข้าตรงหน้าของนายปีโป้อย่างสุดแรง

“พลั่กก !!!” เสียงของมือผมกระทบกับหน้าของนายปีโป้ส่งเสียงดังไปทั้งห้อง หน้าของนายปีโป้เคลื่อนที่ไปทางเดียวกับมือผม จนตัวเค้าตกลงจากโซฟา



“ไอ้น้ำมนต์ มึงต่อยกู” เมื่อมันลุกขึ้นมาได้ ก็ตะโกนด่าผม เอามือจับที่ปาก ที่กำลังมีเลือดออกมาซิบๆ

“ก็มึงจูบกูก่อน นี่แค่เบาๆ ถ้ายังกล้ามาแตะเนื้อต้องตัวกูอีก มึงเจอเยอะกว่านี้แน่” วันนี้ขอไม่สุภาพกับมันซักวันเถอะ มันจะได้รู้ว่า ผมก็เถื่อนเป็น สถุนเป็น และผมก็เลือกที่จะทำกับคนทีสมควรได้รับเท่านั้น  ผมพูดพร้อมกับเดินออกมาจากมุมที่ใช้รับแขกของกระท่อมนั้น


“มึงจะไปไหน” นายปีโป้พูดพร้อมกับพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น

“ไปนอน ไม่ต้องตามมานะ นอนข้างล่างนั่นแหละ” ผมตะโกนบอกมัน แต่ก็ไม่ได้หันไปดูอีก เดินขึ้นบันไดไปห้องที่เป็นห้องใต้หลังคาของมัน

“แต่นั่นมันห้องกู”

“ถ้ามึงขึ้นมา กูจะไม่คุยกับมึงอีก และกูจะเดินกลับบ้าน” ผมหันหลังไปบอกนายปีโป้ อย่างจริงจัง

“มึง ..”

“กูพูดจริง” ผมย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นบนห้องไป




บนห้องใต้หลังคานี่ค่อนข้างต่ำ  เพราะต้องไล่ระดับตามรูปแบบหลังค่าหน้าจั่ว แต่ถือว่าเป็นการดีไซน์และตกแต่งได้สวยดี บนนี้ไม่มีเตียง แต่มีที่นอนสีขาว ผ้าปู และหมอนสีขาวสองใบวางอยู่ตรงกลางห้อง ผนังห้องข้างหนึ่งติดรูปเจ้าของห้องตั้งแต่เด็กจนโตไว้อย่างมีสไตล์ นี่ถ้านายปีโป้เป็นคนแต่งห้องเอง ผมว่ามันคงมีอารมณ์ศิลปะดีพอควรเลย ส่วนผนังอีกห้องหนึ่งเป็นรูปกับเพื่อนๆของเจ้าของห้อง ทั้งตอนอนุบาล ประถม และมัธยม ผมเดินดูก็พอรู้ว่าตอนที่มันเด็กๆก็ทำกิจกรรมเยอะอยู่ ไม่ว่างานใดๆ มันก็ถูกจับแต่งชุด แต่งหน้าขาวๆของมัน  ออกงาน ไม่มีคราบของนักเลง เหมือนในตอนนี้เลย



“ผู้หญิงคนนี้ ?” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นภาพของผู้หญิงที่ถ่ายรูปคู่กับนายปีโป้มากที่สุด แทบทุกช่วงวัย และแทบทุกกิจกรรมที่นายปีโป้ทำ  ผู้หญิงคนนี้ก็จะอยู่ในทุกๆกิจกรรมนั้น

“คงเป็นแฟนของนายปีโป้สินะ” ผมพูดแล้วสังเกตผู้หญิงที่ผมพูดถึงในภาพ ถือว่าเป็นคนสวยและน่ารักมาก รอยยิ้มที่ยิ้มทุกรูปช่างน่ารัก น่าชัง หน้าออกหมวยๆ แต่ดันมีตาสองชั้น จมูกที่สวยเข้ากับหน้ารูปไข่ .. ไม่แปลกเลยถ้าจะเป็นแฟนของนายปีโป้

“หึหึ แฟนสวยนี่” ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะหันหลังล้มตัวลงบนที่นอน  มองไปข้างบนเพดานที่ตกแต่งทำฝ้าด้วยไม้ราคาแพง ไม่บอกก็รู้ว่าบ้านนายปีโป้ต้องรวยมากๆแน่ แต่ก็ไม่ได้รวยเหมือนคนในเมือง ที่สร้างบ้านหลังใหญ่เพื่อสร้างภาพลักษณ์และบารมี เพราะบ้านของมันค่อนข้างคล้ายครอบครัวคนจีน ที่ปลูกหลายๆหลังใกล้กัน ต่อเติมไปตามจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น และก็เว้นพื้นที่สวนส่วนนี้เอาไว้ สำหรับปลูกกระท่อมให้หัวแก้วหัวแหวนเค้า



ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงไก่ขัน พลิกตัวไปมาก็ไม่เจอเจ้าของกระท่อมขึ้นมานอน คงกลัวที่ผมขู่ไว้ จึงไม่ตามขึ้นมา  ผมจึงลุกขึ้นบิดตัวซ้ายขวาสองสามครั้ง แล้วลงเดินมาข้างล่างอย่างเงียบๆ

มองเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่นั่งกันเมื่อคืนก็เห็นนายปีโป้นอนคุดอยู่บนโซฟาตัวยาวของห้อง  ผมเลยหยิบเอาผ้าแพรที่วางไว้สำหรับห่ม ที่วางอยู่บริเวณนั้น ไปห่มให้กับเจ้าของกระท่อม เพื่อบรรเทาความหนาว  แล้วก็เปิดประตูกระท่อมมารับอากาศยามเช้าของอำเภอขนอม อำเภอของจังหวัดผมที่ติดทะเล มีสถานที่ท่องเที่ยว มีรีสอร์ท และที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย ผมเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเมื่อตอนเด็ก เมื่อครั้งที่ยังอยู่กับพ่อและแม่

ภายในสวนเล็กๆที่ตกแต่งให้ห่างจากเรือนใหญ่ที่นายปีโป้เรียกนั้น ทำให้บริเวณนี้เงียบ มีเสียงนกเสียงไก่ร้องรับอรุณ จนผมเดินชมพืชพันธุ์ที่ปลูกไว้เพลินตา ก่อนจะเดินมานั่งที่ม้านั่งของสวน ที่มองไปไกลๆเห็นชายทะเล ที่ตรงนี้คงเป็นที่ที่แพงไม่น้อย ถ้าเกิดมีการซื้อขาย เพราะวิวมันช่างดีเหลือเกิน ไม่แปลกที่นายปีโป้ให้พ่อแม่ของเค้าสร้างกระท่อมไว้ให้


“สวัสดีค่ะ” เสียงของผู้หญิงดังมาจากด้านหลังผม ผมหันไปดู ก่อนจะยกมือไหว้หญิงวัยสี่สิบปลายๆ ที่แต่งตัวอย่างเรียบง่าย

“อุ๊ย ไม่ต้องไหว้ป้าหรอกค่ะ ป้าเป็นแค่คนรับใช้ที่นี่ หนูเป็นเพื่อนของคุณหนูปีโป้ใช่มั๊ยคะ” ป้าแกตีมือกลางอากาศประมาณไม่พอใจที่ผมไหว้ ก่อนจะถามผม

“ใช่ครับ” ผมตอบป้าแกไปพร้อมยิ้มๆ

“อ๋อ แสดงว่าวันนี้คุณหนูกลับมาค้างบ้าน งั้นเดี๋ยวสายๆ ไปกินข้าวเช้าที่เรือนใหญ่นะคะ หรือว่าจะให้ป้าเอามาเสิร์ฟที่นี่ดีคะ” ป้าแกถามผม

“เอ่อ ..”

“ไม่เป็นไรครับป้าแดง เดี๋ยวหนูไปกินที่เรือนใหญ่เอง”  เสียงของคนเจ้าของกระท่อมดังตามหลังป้าแกมา

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอคะคุณหนู ตายแล้ว นั่นหน้าไปโดนอะไรมาคะ” คุณป้าท่านนั้นทักนายปีโป้ที่เดินห่มผ้าแพรที่ผมห่มให้เดินลงมาจากกระท่อม ก่อนจะถามถึงที่มาของรอยฟกช้ำที่มุมปาก

“ไม่มีอะไรครับป้า หนูเผลอเอาปากไปหยอกคนบางคน จนคนบางคนหยอกกลับมาด้วยหมัด” นายปีโป้พูดพร้อมกับหันหน้ามองมาทางผมนิดๆ

“คุณหนูนี่เล่นอะไรพิเรนท์ๆอีกแล้ว เดี๋ยวป้าไปเอายามาทาให้นะคะ ตกลงว่าจะไปทานข้าวที่เรือนใหญ่ใช่มั๊ยคะ”

“ครับป้า แล้วป๊ากับแม่ออกไปยังครับ”

“ยังคะ คงรอเจอคุณหนูด้วยนั่นแหละ เห็นบ่นๆอยู่ว่าคิดถึง”

“ครับ เดี๋ยวหนูอาบน้ำเสร็จ หนูจะไปที่เรือนใหญ่นะครับ” นายปีโป้พูดพร้อมกับกอดป้าแกหลวมๆ ก่อนที่จะปล่อยให้ป้าแกเดินกลับไปทำธุระของแกที่เรือนใหญ่

ผมเลิกสนใจสองคนนั้น แล้วหันมามองทะเลที่คงจะน่ามองกว่าคนฉวยโอกาสคนนั้น

“ทำไมตื่นไวจัง” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆผม จนผมต้องขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัว

“นี่ยังไม่หายโกรธกูเหรอ ดูดิต่อยกูซะปากเขียวแล้ว” นายปีโป้ยังคงพูดของมัน พร้อมกับยื่นหน้ามาทางผม เพื่อให้ผมดูแผลที่ปากมัน ผมเหลือบตาดูเล็กน้อย และเผลอยิ้มด้วยความสะใจ

“สะใจอ่ะดิ ได้ต่อยกู นี่ถ้าเป็นคนอื่นกูสวนกลับเละไปแล้ว” มันยังพูดโอ้อ้วด

“เอาสิ เอากลับเลย เรานั่งอยู่นี่แล้วไง” ผมท้า

“ไม่พูดมึงกูกับกูแล้วเหรอ รู้มั๊ยเมื่อคืนที่มึงโมโห กูกลัวมึงมากเลยนะ กลัวมึงโกรธ กลัวมึงไม่พอใจ จะขึ้นไปขอโทษก็ไม่ได้ เพราะมึงห้ามขึ้นไป” มันอธิบายให้ผมฟัง

“เราพูดไม่เพราะ สำหรับคนที่ไม่เหมาะสำหรับคำเพราะๆของเราต่างหาก”

“แล้วตอนนี้ทำไมไม่พูดอีกละ”

“อยากให้เราพูดแบบนั้นเหรอ”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่น่ารัก น้ำมนต์ที่กูรู้จัก ต้องเป็นคนพูดเพราะๆ”

“ส่วนปีโป้ที่เรารู้จัก ก็ต้องพูดว่า หนู สินะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มๆ

“นี่มึงล้อกูเหรอ ทำไมวะ พูดหนูแล้วมันทำไม”

“เปล่านี่ เราว่าน่ารักดีนะ นายหน้าจะพูดหนูกับเรานะ เราชอบ”

“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาพูดเลย”

“จริงๆนะ นายพูดหนูแล้วดูเป็นผู้เป็นคนดี”

“ไม่คุยกับมึงแล้ว กูไปอาบน้ำละ มึงเข้าไปดูทีวีในบ้านเลยไป” นายปีโป้พูดพร้อมกับดึงมือผมเดินตามไป

“ปล่อย !!” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะตอนนี้ไม่อยากให้นายปีโป้มีโอกาสที่จะจับเนื้อต้องตัวผมง่ายๆอีกแล้ว เพราะถ้ายิ่งปล่อย ยิ่งได้โอกาส และฉวยโอกาส

“แหม ทำหวงนะ”

“ถ้าไม่หวง คนบางคนก็ฉวยโอกาส”

“จะด่ากูก็ด่าเหอะ ไม่ต้องอ้อม”

“เออ” ผมบอก พร้อมกับเดินนำมันเข้ากระท่อมไป ห้องน้ำของกระท่อมนี้อยู่ถัดจากห้องนั่งเล่น  เดินทะลุม่านไปก็จะเจอ ห้องน้ำเล็กๆ ด้านซ้ายเป็นห้องส้วม ส่วนด้านขวาเป็นห้องอาบน้ำ คงเป็นส่วนเดียวของกระท่อมที่เป็นห้องปูน แต่ก็เป็นปูนเปลือย ซึ่งห้องอาบน้ำก็ได้เปิดหลังคาเพื่อให้ได้บรรยากาศประมาณรีสอร์ทอีกด้วย

“หุ่นมึงน่ารักจัง” นายปีโป้พูดขึ้นขณะที่ผมกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมของตัวเอง แต่มีผ้าขนหนูผืนใหญ่คาดเอวเปลือยท่อนบนอยู่

“อย่ามาทะลึ่ง ทำไมยังไม่แต่งตัวละ อาบเสร็จตั้งนานแล้วนะ” ผมหันไปต่อว่าคนที่อาบน้ำเสร็จก่อนผมนานแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในสภาพผ้าขนหนูท่อนล่างเหมือนผม

“กูอยากอยู่ในสภาพนี้กับมึง กูว่าน่ารักดี” นายปีโป้พูดมาพร้อมกับทำหน้าหื่น

“ปัญญาอ่อนอ่ะนาย ไปแต่งตัวได้แล้วไป” ผมบอกพร้อมกับพยายามเช็ดหัวให้แห้งไวๆ บางทีผมยาวก็น่าเบื่อตรงนี้ละ แต่ผมก็ชอบสระผมบ่อยๆอยู่ดี

“มานี่กูช่วยเช็ด” เสียงของนายปีโป้ดังมาจากข้างหลัง ก่อนที่มือของผมจะถูกจับเข้ากับมึงของมัน แล้วก็พยายามช่วยเช็ดหัว

“ไม่ต้องเลย ออกไปนะ” ผมสะบัดมือของอีกคน แล้วก็ศอกเข้าไปที่หน้าอกทีนึง ทำให้อีกคนต้องถอยหลังออกไป

“เอ๊ยยยย” ผมหันไปดูก็พบว่าผ้าขนหนูของนายปีโป้ได้หลุดลงไปกองกับพื้น

“เอ๊ยยยยยย” เสียงของเจ้าตัวร้องขึ้นเสียงดัง



“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” และตามมาด้วยเสียงของหญิงสาวปริศนาที่ดังขึ้นมาจากหน้ากระท่อม



“หมวยเล็ก” เสียงของนายปีโป้เรียกขึ้น ก่อนที่จะลุกขึ้นนุ่งผ้าขนหนู ผมไม่คิดเลยว่าน้องชายของนายปีโป้จะอยู่ในสภาพแข็งตัวขนาดนั้น ผู้หญิงที่ชื่อว่าหมวยเล็กคนนั้นถึงกับตาโตที่พบเห็นเลยทันที

“หมวยเล็กเข้ามาได้ไง ทำไมไม่เคาะประตู” นายปีโป้เดินไปหาหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามา ผมเลยเลี่ยงมาแต่งตัวในห้องน้ำ ได้ยินสองคนนั้นคุยกันเบาๆ

“ก็หมวยเล็กคิดว่าไม่มีอะไร ใครจะไปรู้ละว่ากำลังโป๊กันอยู่ แล้วนี่ตี๋โป้กำลังทำอะไรอยู่อ่ะ อย่าบอกนะว่า”

“ไม่ใช่ พอดีผ้ามันหลุดนิดหน่อย ไม่ใช่อย่างกับที่หมวยเล็กคิด”

“แล้วทำไมของตี๋โป้ถึงเป็นอย่างนั้นละ”

“เออหน่า หมวยเล็ก อย่าถามมากได้ป่ะ เป็นสาวเป็นนาง” ผมได้ยินสองคนนั้นพูดกัน ก่อนที่จะเดินออกมาข้างนอก เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว

“เดี๋ยวตี๋โป้ไปแต่งตัวก่อนนะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินขึ้นไปข้างบน ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก แต่มีชื่อว่าหมวยเล็ก ผมมองหน้าเธอและยิ้มให้เล็กน้อย และรู้สึกคุ้นๆ ว่าเหมือนเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน

“สวัสดีค่ะ เราชื่อหมวยเล็ก” ผู้หญิงคนตรงหน้าผมเป็นคนแนะนำตัวขึ้นก่อน

“สวัสดีครับ เราชื่อน้ำมนต์” ผมบอก

“เราเป็นเพื่อนของตี๋โป้ตั้งแต่ตอนเด็ก และก็เป็นคู่หมั้นกันด้วย” ผู้หญิงคนนั้นบอกกับผม จึงทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่มีรูปบนห้องนอนของนายปีโป้ ที่มีรูปเยอะ เพราะเป็นคู่หมั้นกันเองเหรอ

“อ๋อครับ .. เราเป็นเพื่อนของนายปีโป้” ผมบอก

“แต่นายหน้าเด็กจังเลยเนอะ หน้าสวยด้วย” หมวยเล็กทักผม

“อ๋อ พอดีเราเพิ่งเรียนปี 1 เอง เอ่อ ม.4 นะ ยังอ่อนกว่านายปีโป้” ผมอธิบายไป

“อ๋อ ว่าแล้ว ว่าทำไมดูหน้าอ่อนๆ ไม่น่าจะเป็นเพื่อนกับตี๋โป้ได้ งั้นเรียกเราว่าพี่ก็ได้นะ เราอายุเท่ากับตี๋โป้” หมวยเล็กพูดขึ้นมา ไม่สิ ต้องเรียกว่า พี่หมวยเล็ก

“คุยอะไรกันอยู่” เสียงของนายปีโป้มา พร้อมกับสภาพการแต่งตัวที่เรียบร้อย

“อ๋อ เปล่า หมวยเล็กแค่ทำความรู้จักกับน้องน้ำมนต์อ่ะ เพื่อนของตี๋โป้คนนี้น่ารักดีนะ หมวยเล็กรู้สึกชอบจัง หน้าสวยเหมือนผู้หญิง ผมก็ยาวสวยเชียว ถ้าไม่ติดกับร่างกายที่สูงโปร่ง และดูมีกล้ามเนื้อแบบนั้นแล้ว หมวยเล็กต้องแอบคิดว่า ตี๋โป้พาผู้หญิงมานอนแน่ๆ” พี่หมวยเล็กพูดกับนายปีโป้

“เหรอ ตี๋โป้ว่า เราไปกินข้าวกันเถอะ ป่านนี้ป๊ากับแม่คงรออยู่แล้ว หมวยเล็กไปเจอพวกแกมาแล้วใช่ป่ะ” เขาสองคนคุยกัน

“เจอแล้ว คุณลุงกับคุณป้าให้หมวยเล็กมาตามด้วย”

“อืม งั้นไปกันเถอะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินขยี้หัวพี่หมวยเล็กเดินออกไป โดยที่มีผมเดินตาม และมองสองคนนั้นเดินคุยกันไป

“ไม่เจอกันนายเลยนะตี๋โป้ ทำไมไม่โกนหนวดบ้าง จะเซอร์ไปถึงไหน”

“ก็โป้ไม่ชอบโกนนี่ หมวยเล็กก็ดูสวยขึ้นนะเนี่ย ผอมลงหรือเปล่า”

“ใช่ หมวยกำลังไดเอ็ท”

“จะลดทำไมอีก นี่ก็ผอมแล้วนะ”

“ไม่เอาอ่ะ หมวยว่ายังอ้วนอยู่”

“แล้วเรื่องเรียนเป็นไงบ้าง จะเข้ามหาลัยแล้วนี่  ตกลงจะไปเรียนกรุงเทพใช่มั๊ย”

“ใช่แล้ว ตอนนี้หมวยได้โควต้านิเทศแล้วนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาหรือเปล่า”

“อ้าว ทำไมละ ชอบไม่ใช่เหรอ”

“แต่หมวยอยากได้ของมหาลัยอื่นนี่”

“เรื่องมากจังเลยนะเราเนี่ย”

“แล้วตี๋โป้ละ จะเรียนไหน”

“ยังไม่รู้เลย”

“คิดได้แล้วนะ”

“ครับๆ”



ผมเดินตามสองคนนี้มา พร้อมกับฟังบทสนทนาที่ดูคุ้นเคยกัน และรู้จักกันเป็นอย่างดี พี่หมวยเล็กเดินกอดแขนของนายปีโป้บ้าง เวลาต้องการจะซักถามหรือคุยด้วย ส่วนนายปีโป้ก็ยังเล่นกับผมของพี่หมวยเล็ก โดยการขยี้บ่อยครั้งที่ผมยาวสลวยดกดำของพี่แก
“หน้าไปโดนไรมา”

“หกล้มนิดหน่อย”

“อย่ามาโม้  โดนใครต่อยมาอีกละ”

“ไม่มีหน่า”


เสียงของสองคนนั้นยังคุยกันไม่หยุด กับระยะทางไม่กี่ร้อยเมตรจากกระท่อมของนายปีโป้ จนมาถึงเรือนใหญ่ของรั้วบ้านขนาดกว้างแห่งนี้ 


ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกเหมือนตัวของผมจะใสขึ้น ใสขึ้น จนเกือบจะหายไปจากตรงๆนั้น

“น้ำมนต์” และเสียงนั้นทำให้ผมกลับมามีตัวตนอีกครั้ง

“หือ” ผมขานไป ทั้งที่ยังไม่ทันตั้งตัว

“เป็นอะไรมั๊ย ไม่เห็นพูดเลย” นายปีโป้ถามผม

“เปล่านี่” ผมบอกแล้วยิ้มๆไป ในใจคิดว่าคุยกันอยู่สองคน จะให้ผมไปคุยอะไรด้วยได้ละ

“อืม ไปกัน” นายปีโป้บอกผม พร้อมกับดึงมือผมไปจับเพื่อจูงเข้าบ้าน แต่ผมก็สะบัดมือออก ก่อนจะมองหน้านายปีโป้ ให้หันไปมองสายตาคนอื่น ซึ่งก็มีพี่หมวยเล็กมองอยู่  นายปีโป้จึงยอมปล่อยมือผม แล้วเดินเข้าไป โดยที่มีผมเดินไปข้างๆ และพี่หมวยเล็กเดินนำไปก่อน

เราเดินเข้ามาในห้องโถงกว้างๆ ที่มีโต๊ะกินข้าวอยู่ตรงกลาง ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีอาหารรออยู่เยอะพอควร ทั้งที่เป็นมื้อเช้า พี่หมวยเล็กเดินไปนั่งแล้ว แต่ผมกำลังยืนอยู่ข้างนายปีโป้ รอให้มันพาไปนั่ง เพราะไม่รู้ว่าจะนั่งตรงไหนเหมือนกัน

“ป๊าครับ แม่ครับ นี่น้ำมนต์ เพื่อนหนู” นายปีโป้แนะนำผมกับพ่อแม่ของมัน ผมยกมือไหว้ทีละคน

“ส่วนนั่นพ่อกู และนั่นแม่สุดสวยของกู” มันบอกผม

“แหม ตาหนู ชมแม่ต่อหน้าเพื่อนอีกแล้วนะ” แม่ของปีโป้พูดขึ้น

“แล้วไมรื้อไม่ชมป๊าบ้างละ อาตี๋”

“โถๆๆ ป๊าก็หล่อครับ หล่อเหมือนหนูเลย”

“ก็มันแน่อยู่แล้วซี้ พ่อลูกกัน เชื้อมันไม่ทิ้งแถว”


“หนูน้ำมนต์มานั่งข้างแม่มา” แม่ของนายปีโป้เรียกผมไปนั่งข้างๆกับแม่ปีโป้ ผมหันไปมองหน้าของนายปีโป้ มันพยักหน้าและยิ้มๆให้ผม ผมเลยต้องเดินไปนั่งข้างแก  ส่วนนายปีโป้ก็ไปนั่งอีกทางนึงของโต๊ะ โดยการนั่งทานข้าวเช้าของเราในวันนี้ มีพ่อของนายปีโป้นั่งอยู่หัวโต๊ะ ถัดมาเป็นแม่ของนายปีโป้ และนายปีโป้ และเป็นผม กับพี่หมวยเล็ก


“หนูน้ำมนต์นี่หน้าหวานจังเลยนะ ไว้ผมยาวอีก แม่นึกว่าผู้หญิงแหนะ” แม่ทักผม

“ใช่ค่ะ หมวยเล็กก็คิดว่าผู้หญิงเหมือนคุณป้าเลย” พี่หมวยเล็กเสริม

“ผู้หญิงอะไรกันคุณ เดี๋ยวนี้เค้าเรียกว่าแนวไง ใช่มั๊ยตาหนู ผู้ชายแนวๆ เค้าชอบไว้ผมยาวๆกัน” พ่อของนายปีโป้แทรกขึ้นบ้าง

“ใช่แล้วป๊า น้ำมนต์มันเด็กศิลป์ครับแม่ มันเลยค่อนข้างทำตัวศิลปินนิดนึง”นายปีโป้ออกตัวแทนผม

“อ๋อ หนูน้ำมนต์เรียนศิลป์เหรอลูก หนูเรียนเกี่ยวกับอะไรคะ แม่ก็ชอบเหมือนกันศิลปะ แม่ชอบถ่ายรูป วาดรูปก็ชอบ”

“ผมเรียนเกี่ยวกับวิจิตรศิลป์ครับ ผมเห็นรูปถ่ายที่กระท่อมฝีมือแม่ สวยมากๆเลยครับ” ผมหันไปคุยกับแม่ปีโป้

“นั่นเป็นภาพที่แม่ถ่ายไว้ตั้งแต่ตอนเรียน จนถึงตอนนี้เลยละ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้จับเลยลูก แม่แก่แล้ว”

“แต่ป๊าว่า หนูน้ำมนต์นี่หน้าตามันคุ้นๆนะแม่ เหมือนใครบางคนที่ป๊ารู้จักอ่ะ”

“ใช่ป๊า แม่ก็ว่าอย่างนั้น” พ่อกับแม่ของนายปีโป้พูดคุยกัน แล้วหันมามองหน้าของผมเพื่อสำรวจใบหน้า

“มั่วแล้วป๊า แม่ น้ำมนต์จะหน้าตาเหมือนใครกันละ เพิ่งเคยมาบ้านเราครั้งแรกด้วย หนูว่ามากินข้าวกันเถอะ” นายปีโป้เป็นคนพูด เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุยกัน ผมหันไปยิ้มให้กับพ่อกับแม่ของนายปีโป้อีกครั้ง ก่อนที่จะก้มหน้าทานข้าว



“นั่นไง !!!” เสียงของพ่อนายปีโป้พูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกับตบมือลงบนโต๊ะ ทำเอาทั้งโต๊ะตกใจไปหมด

“อะไรกันป๊า มีอะไรเหรอ” นายปีโป้ถาม

“ยิ้มแบบนี้ ป๊าคุ้นๆ แต่ป๊าก็ยังนึกไม่ออก” พ่อของนายปีโป้ยังคงพยายามจะนึกถึงความคุ้นเคยในตัวผมอีก ซึ่งถ้าถามผม บอกได้คำเดียวว่าไม่คุ้นเคยอะไรเลยกับสองคนนี้


“ป๊าคิดมากไปแล้ว กินข้าวกันเถอะครับ เย็นหมดแล้ว” เรากลับเข้าสู่สถานการณ์กินข้าวกันอีกครั้ง



แม่ของนายปีโป้ชวนทุกคนคุยเล็กน้อย พี่หมวยเล็กตักกับข้าวให้นายปีโป้บ้าง นายปีโป้ก็ตักให้พี่หมวยเล็กบ้าง และบางครั้งก็ยังเอื้อมมาตักให้ผม ส่วนพ่อของนายปีโป้เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ กินไปมองหน้าผมไป ทำให้ผมไม่ค่อยกล้ากินมากเท่าไหร่นัก .. ก็ดูแกจ้องสิครับ อย่างกับผมเคยเป็นลูกหนี้เก่าแกนั่นแหละ



การกินข้าวเช้ากับครอบครัวนายปีโป้วันนี้คงจบลงด้วยดี ถ้าช่วงปลายของการกินข้าว พ่อของนายปีโป้ที่นั่งจ้องหน้าของผมตั้งแต่เริ่ม ไม่พูดชื่อชื่อหนึ่งขึ้นมา






“ทรงยศ  มนต์ตรีตระกูลชัย”




เม้นขอกำลังใจกันเยอะๆนะคร๊าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 14-11-2011 00:17:25
เป็นกำลังใจให้และคอยจิ้มเสมอมา :haun4:
หัวข้อ: Re: {-Re_คุณพ่อมาเฟีย.}(-9-)-ll-รักเจ้านายวายร้ายของผม-ll-0710-ll
เริ่มหัวข้อโดย: tongdbsk ที่ 14-11-2011 00:42:18
ไม่เคยทันสักที อ๊ากกก ไม่ยอม

ตอนหน้าก่อน หึหึ

แอร๊ยย ทรงยศ คือใครหนอ ?
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 14-11-2011 03:30:08
รู้จักครอบครัวกันแล้วววว :o8:
ชะรอยคุณพ่อคุณแม่ปีโป้จะได้ว่าที่ลูกสะใภ้เป็นคนไม่ใกล้ไม่ไกลตัวนะเนี่ย  :กอด1:

 :L2:   :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 14-11-2011 05:12:33
นังหมวยเล็กนี่ใครกันว่ะ
อย่ามาทำให้ปีโป้กับน้ำมนต์แตกแยกนะเฟ่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-11-2011 09:47:56
กะลังจะดราม่ารึเปล่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: AGAPE ที่ 14-11-2011 11:44:22
ชอบคับ
ปล น้ำมนต์ไม่ง่ายดี ปลื้ม
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-11-2011 16:34:50
“ทรงยศ  มนต์ตรีตระกูลชัย”
คนนี้คือใคร พ่อของน้ำมนตร์เหรอ แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับพ่อแม่ของปีโป้
จะอย่างไรก็ตาม ขอให้เกี่ยวข้องกันด้านดีล่ะกัน ไม่อยากกินมาม่า
นี่ขนาดว่าปีโป้จีบน้ำมนตร์ยังไม่ติดนี่ ก็ยังลุ้นจนตัวโก่งแล้วโก่งอีกแหละ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 14-11-2011 18:31:32
ถึงหมวยจะไม่ร้าย แต่ชั้นก็หมั่นไส้เธอไปแล้ว   :m31:
ทรงยศนี่ใครหว่า รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-11-2011 20:46:49
คนนั้น ต้องเป็นชื่อพ่อของน้ำมนต์แน่เลย
อย่าบอกนะว่า เค้าเป็นโจทย์เก่ากันอ่ะ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-11-2011 21:37:41
ตอนที่ 21


“ทรงยศ  มนต์ตรีตระกูลชัย”  ทั้งโต๊ะเงียบเป็นเสียงเดียว เมื่อป๊าของผมพูดชื่อนี้ออกมา

“ชื่อใครอ่ะป๊า” ผมถาม

“อังศนา น้ำวิเชียร” และแม่ผมก็พูดชื่ออีกชื่อขึ้นมา พร้อมกับมองหน้าไปที่น้ำมนต์ ที่ตอนนี้ตกใจอย่างกับพ่อแม่พูดชื่อคนรู้จักของตน

“ชื่อใครอ่ะแม่ นี่ป๊ากับแม่พูดชื่อใครออกมา” ผมก็หันไปถามอีกที ในขณะที่บรรยากาศรอบโต๊ะดูยังไงชอบๆกล

“ชื่อพ่อชื่อแม่เราเอง” น้ำมนต์ตอบออกมา

“ใช่มั๊ย หนูเป็นลูกไอ้ยศใช่มั๊ย” พ่อผมตบมืออย่างกับคนที่คาดเดาอะไรถูก ก่อนจะหันไปถามทางน้ำมนต์

“ใช่ครับ” น้ำมนต์ตอบมาสั้นๆ ก่อนจะก้มหน้าดูข้าวในจาน

“นี่ลูกของยัยนากับตายศจริงๆเหรอเนี่ย โตเป็นหนุ่มแล้วนะป๊า แม่จำไม่ได้เลยนะเนี่ย” แม่ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวน้ำมนต์ไปด้วย ตอนนี้ผมกำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ป๊าก็จำไม่ได้แล้วแม่ เจอครั้งสุดท้ายห้าหกขวบได้ม้าง ตอนนั้นก็ไม่ได้เรียกว่าน้ำมนต์ด้วยนี่ เลยจำชื่อเล่นจริงๆของหนูน้ำมนต์ไม่ได้” ป๊าหันไปคุยกับแม่ผม

“ใช่แล้ว ตอนนั้นใครๆก็เรียกหนูแดงๆ กัน” แม่หันมาคุยกับป๊าบ้าง ผมหันไปมองน้ำมนต์ที่ยิ้มๆ แต่ก็เหมือนทำตัวไม่ถูกนัก

“นี่มันอะไรกันป๊า แม่ หนูงงหมดแล้วนะ” ผมไม่ลดละที่จะเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่สองคนที่กำลังพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ที่ผมฟังยังไงก็ไม่เข้าใจ

“หนูน้ำมนต์จำป๊าได้มั๊ย” พ่อไมได้สนใจผมเลย

“เอ่อ จำไม่ได้ครับ”

“ป๊าก็ จะจำได้ไง เจอครั้งสุดท้ายก็เด็กอยู่เลย” เสียงแม่ครับ




“ตกลงจะบอกหนูมั๊ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น !!!” ผมพูดขึ้นเสียงดังอีกที เล่นเอาทั้งโต๊ะหันมามองผมเป็นจุดเดียวกัน

“หนู ทำไมตะโกนเสียงดังอย่างนั้นล่ะลูก ไม่มีมารยาทเลย” แม่ดุผม

“ก็ป๊ากับแม่ก็บอกหนูสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย หนูงง” ผมบอกด้วยความหงุดหงิด

“นั่นสิครับ น้ำมนต์ก็งงหมดแล้ว ว่าท่านสองคนรู้จักพ่อแม่น้ำมนต์ได้ยังไง” น้ำมนต์ที่นั่งนิ่งๆ ทำหน้างงๆ ก็ถามขึ้นมาบ้าง

“มา ป๊าจะเล่าให้ฟัง” ป๊าพูดขึ้น ทำให้ผมหันหน้าไปมองอย่างอัตโนมัติ รวมทั้งน้ำมนต์ ไม่เว้นแต่หมวยเล็กที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ก็ให้ความสนใจด้วย

“ไอ้ยศ พ่อน้ำมนต์อ่ะ เป็นเพื่อนสนิทกับป๊า เราเคยอยู่กลุ่มเดียวกันตอนเรียน” พ่อผมเริ่มเล่า

“ส่วนยัยนา ก็เพื่อนสนิทแม่ อยู่โรงเรียนเดียวกับแม่เหมือนกัน” แม่พูดบ้าง

“ตอนที่ป๊าจีบแม่เรา ก็มีพ่อน้ำมนต์นี่แหละ ที่ไปเป็นเพื่อนป๊าจีบแม่เจ้าหนูทุกวี่วัน”  พ่อพูดต่อ

“แล้วพ่อน้ำมนต์ก็จีบแม่น้ำมนต์ไปพร้อมๆกัน”  แม่เสริม

“แล้วพวกเราทั้งหมดก็เป็นแฟน แต่งงาน มีครอบครัวกัน” พ่อเล่าข้ามๆ เพื่อรวบรัด

“โอ้โห น่ารักกันจังเลยครับ นั่นก็แปลว่า ป๊ากับแม่ ก็สนิทกับครอบครัวน้ำมนต์นั่นสิครับ ทำไมผมไม่เคยรู้เลยละเนี่ย” ผมรู้สึกดีใจ ที่อย่างน้อยความสัมพันธ์ของป๊ากับแม่ผม มันก็พอจะช่วยให้เราสนิทกันง่ายขึ้น

“เพราะพ่อกับแม่เราเสียไปตั้งแต่เราอายุห้าขวบไง ครอบครัวเรากับนายถึงไม่เคยได้เจอกันตอนเราโต” น้ำมนต์ตอบมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าสร้อย

“หนูน้ำมนต์” เสียงแม่ของผมพูดขึ้นอย่างเบาๆ ด้วยความรู้สึกสงสาร

“น้ำมนต์อิ่มแล้ว ขอตัวไปเดินย่อยหน่อยนะครับ ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท” น้ำมนต์พูดพร้อมกับเดินออกไป ป๊ากับแม่หันมามองผม

“ไอ้หนู ไปคุยกับน้องเค้าหน่อยไป น้องเค้าคงคิดถึงพ่อกับแม่เค้า” ป๊าบอกผม

“อ่าครับ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินตามน้ำมนต์มา




ผมเห็นน้ำมนต์กำลังเดินกลับมาทางกระท่อมของผม แต่ก็หยุดนั่งมองอะไรที่สวนของบ้าน  สายตามองไปที่ชายหาดของทะเล  ผมเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหา



“คิดถึงพ่อกับแม่เหรอวะ” ผมถามขึ้น ก่อนที่จะลงไปนั่งข้างๆกับน้ำมนต์ บนม้านั่งหินอ่อนตัวเดียวกัน  น้ำมนต์เขยิบหนีเล็กน้อย

“เปล่านี่”

“ไม่ต้องโกหกกูหรอก กูเข้าใจ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้

“ขอบใจนะ” มันพูดขึ้นมาก่อนที่จะหันไปมองทะเลอีก  ผมเลยเงียบ อยากให้เวลาส่วนตัวกับมัน


“พ่อแม่เราเสียด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ ตอนที่เอาเรามาฝากไว้กับยาย และจะขึ้นไปทำงานที่หัวหิน  ยังไม่ทันได้ไปเลย รถก็คว่ำเสียแล้ว ตอนนั้นเรายังเด็กมาก ยังคิดว่าพ่อกับแม่ไปหัวหินอยู่เลย งานศพที่จัดขึ้นที่บ้านยาย เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก ว่าตอนนั้นเราเสียใจแค่ไหน แต่พอโตขึ้น เรากลับรู้สึกเสียใจ ที่ตัวเองไม่มีพ่อกับแม่เหมือนคนอื่นเค้า .. แต่เราก็ไม่เคยร้อง ไม่เคยอ่อนแอ ไม่เคยคิดว่านั่นเป็นปมด้อยของตัวเอง .. ยายบอกว่าเราต้องอยู่ได้ เราก็เลยเชื่อว่าเราต้องอยู่ได้อย่างที่ยายบอก” 


น้ำมนต์พูดออกมาเหมือนจะต้องการเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ผมฟัง ผมว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้ น้ำมนต์คนที่มีหน้าตาน่ารักอย่างกับผู้หญิงคนนี้ ถึงมีหัวใจที่แข็งแกร่ง จนบางครั้งก็เกือบจะเย็นชา ..

“ป๊ากับแม่กู รู้จักพ่อกับแม่มึง ดีเลยเนอะ เราจะได้ดองกันง่ายหน่อย” ผมพูดติดตลกไปเพื่อให้มันได้ยิ้มบ้าง

“ตลกละ แล้วคู่หมั้นของนายละ” มันหันมาพูดกับผมครับ

“ใครกันคู่หมั้นกู”

“พี่หมวยเล็กไง”

“ตี๋โป้  น้องน้ำมนต์ แม่ให้มาตามเข้าบ้านอ่ะค่ะ” เสียงของหมวยเล็กดังมาพอดี

“พูดถึงก็มาเลย ไปกันเถอะ” น้ำมนต์พูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปทางหมวยเล็ก 


นี่ไปรู้มาจากไหนอีกนะ ว่าหมวยเล็กเป็นคู่หมั้นผม ... แต่ยังไงซะ ผมว่าเรื่องราวของพ่อแม่น้ำมนต์และป๊ากับแม่ผม ต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ ไม่งั้นพ่อกับแม่ไม่ท่องชื่อจริงได้ เพียงแค่เห็นหน้าน้ำมนต์หรอก



“วันนี้ป๊าจะไปที่สะพานปลา ไปดูพวกคนงานหน่อย หนูจะไปกับป๊ามั๊ย” พ่อถามผม เมื่อผมเข้ามาในบ้านเป็นคนสุดท้าย

“ก็ได้ป๊า เอาน้ำมนต์ไปด้วยนะป๊า” ผมบอกป๊า

“ได้ดิ หนูน้ำมนต์ ไปเที่ยวสะพานปลากันนะลูก” พ่อบอกผม ก่อนที่จะหันไปชวนน้ำมนต์

“ได้ครับ” มันตอบมาสั้นๆ

“แล้วหมวยเล็กละ จะไปกับลุงด้วยมั๊ย” ป๊าผมหันไปถามหมวยเล็ก

“ไม่ดีกว่าคะ หมวยเล็กอยู่ช่วยคุณป้าที่บ้านดีกว่า” หมวยเล็กตอบ

“ดีเลยหมวยเล็ก วันนี้ป้าอยากทำขนมหวานอยู่พอดี อยากมีลูกมือ” แม่ผมพูดขึ้น

“งั้นป๊าว่าเราไปกันเถอะ สายกว่านี้จะร้อน” ป๊าผมพูด

“ป๊าเอารถยนต์ไปนะ เดี๋ยหนูเอามอไซค์ไปเอง หนูจะพาน้ำมนต์ไปเที่ยวชายหาดด้วย” ผมบอกป๊า

“เอางั้นเหรอ ก็ได้ ยังไงก็รีบตามป๊าไปที่สะพานปลาล่ะ” ป้าพูดกับผม ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไป



ผมหันไปพยักหน้าให้น้ำมนต์ให้มันเดินตามผมมา ผมพาน้ำมนต์เข้าไปในโรงรถของบ้าน ที่อยู่ไม่ห่างจากเรือนใหญ่นัก เพื่อมาเอารถมอไซค์คันโปรดของผม ไปขี่รับลมทะเลยามเช้า



“นี่ เดี๋ยวเราจะเที่ยวกันกับคันนี้” ผมบอกน้ำมนต์ พร้อมกับดึงผ้าคุมรถออก เผยให้เห็นเวสป้า สีชมพูสดใส ที่ผมอ้อนให้ป๊าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด และอ้อนแม่ให้ออกเงินค่าทำสี ทำเครื่องใหม่ให้อีกทีนึง

“โห นี่รถนายเหรอ” น้ำมนต์อุทานออกมาเมื่อเห็นรถผม

“ใช่แล้ว สวยมั๊ย”

“อืม สวยดี”

“อืม ดีจังที่มึงชอบ กูไม่เคยให้ใครซ้อนรถกูเลยนะ สาวๆก็ยังไม่เคย มึงคนแรกเลยนะ” ผมบอกมัน

“แต่เราไม่ใช่สาวๆของนายนะ”

“แต่มึงก็เป็นคนพิเศษของกูเหมือนกัน” ผมตอบไปแล้วยิ้มๆ แต่ใบหน้าที่อยู่ตรงหน้า กลับนิ่งเฉย ไม่รู้สึกอะไรกับคำหยอดของผมเลย  ผมเลยต้องหุบยิ้ม แล้วเข็นรถเวสป้าของผมออกมา  แล้วก็สตาร์ทรถ น้ำมนต์ขึ้นซ้อน ก่อนจะพาน้ำมนต์ขับชมชายหาดทะเลยามเช้า



ชายหาดแถวนี้ยังไม่มีธุรกิจอะไรเติบโตมากนัก ส่วนมากก็เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย มีรีสอร์ท ไม่ก็บังกะโลเล็กๆไว้คอยให้บริการ ความเป็นชาวบ้านยังมีให้เห็นอยู่เรียงราย มีโรงแรมที่ใหญ่ๆของนายหน้าจากกรุงเทพไม่มากนัก  แต่ก็คงอีกไม่นาน พวกนายทุนคงมาทำโรงแรมกันมากขึ้น



แดดอ่อนๆ กับลมทะเลในตอนนี้ทำให้ผมไม่รีบร้อนนักในการขับมอเตอร์ไซค์ไปที่สะพานปลา น้ำมนต์นั่งซ้อนผมโดยไม่ได้พูดจาอะไร สายตาของเค้ามองลงไปที่ชายหาดและทะเลกว้าง   ผมที่เขาไม่ได้รวบไว้ปลิวไปตามแรงลม แว่นกันแดดที่เขายืมของผมมาใส่ รับเข้ากับแสงแดดระยิบระยับ



“มึงใส่แว่นแล้วเท่ดีวะ” ผมบอกมัน

“หล่อกว่านายป่ะ” มันถามมากวนๆ

“ไม่มีทางซะหรอก” ผมบอกมันพร้อมกับยิ้มๆ

“งั้นทีหลังก็ไม่ต้องชม” มันพูดมาพร้อมกับหันหน้าไปดูทางอื่น

“แต่น่ารัก น่าหอมแก้ม”

“อยากโดนต่อยอีกใช่มั๊ย”

“โห คนไรวะ โหดเป็นบ้า แผลเดิมยังไม่หายเลยนะครับบบบ”

“ก็จะต่อยให้หน้าเละไปเลย” ถึงแม้ว่ามันจะพูดมาโหดๆ แต่ผมมองเห็นจากกระจกมองหลังนะ ว่ามันแอบยิ้ม




เรามาถึงสะพานปลากัน โดยผมเห็นป๊าเดินคุมคนงานอยู่ตรงท่าเรือ ผมเดินทักทายคนงานที่คุ้นเคยกันไปเรื่อยๆ พร้อมกับแนะนำน้ำมนต์ให้คนที่ผมสนิทรู้จัก น้ำมนต์ได้แต่ยิ้มและยกมือไหว้  ที่ท่าเรือนี้มีชาวประมงเยอะแยะมากครับ ส่วนมากก็เป็นชาวบ้านลูกหลานแถวนี้แหละ ที่มาของานพ่อทำ พอรับพ่อมา ก็รับเมียมาด้วย สักพักก็รับลูกมาทำด้วย เป็นธุรกิจภายในครัวเรือนของพวกเขาไปแล้ว

“เอ๋า นายหัวโป้ ไม่เห็นหน้าเลยนิหวางนี้  ไปไหนมาเหล๋า” เสียงของคนงานทักผมมาเป็นภาษาถิ่น

“ช่วงนี้เรียนหนักลุง ไม่ค่อยได้กลับบ้าน” ผมตะโกนบอกไป

“เรียนหนัก หรือว่าติดหญิงละ ได้ข่าวว่าหรอยหนัดนิเติน”

“หรอยอะไรกัน มั่วแล้วๆ”

“ทำไมไม่บอกเค้าไปละ ว่าหรอยจริงๆ” น้ำมนต์เหน็บผม

“หรอยยังไงของมึง อย่ามาหาเรื่องกู”

“ไม่รู้สิ”

“เคยชิมแล้วหรือไง  อ้อลืมไป เมื่อคืน ..”

“หยุดพูดเลยนะ ไม่งั้นเราต่อยนายตรงนี้อายคนงานแน่ๆ”  มันพูดแล้วรีบเดินไปเลยครับ ไม่ให้คิดก็พอรู้ว่ามันอาย  หึหึ นับวันยิ่งน่ารักเว้ย



ผมเดินตามมันมาครับ มันเดินมาดูปลาหมึกที่ชาวบ้านไปจับมาได้กับป๊าผมอยู่



“โหตัวใหญ่มากๆเลยครับคุณลุง” น้ำมนต์ทักขึ้น

“เอ๊ย หนูน้ำมนต์ เรียกป๊าว่าป๊าสิลูก ยังไงลูกก็ลูกเพื่อนรักป๊า เรียกว่าป๊าเลย ป๊าไม่ถือ” ป๊าผมบอก

“ใช่ป๊า เรียกไว้จะได้ชินๆ” ผมพูดพร้อมกับอมยิ้มไปทางมัน มันทำหน้าไม่พอใจมากเล็กน้อย คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร

“ครับป๊า นี่พวกเค้าจับมาเองหมดเลยเหรอครับเนี่ย”  น้ำมนต์หันไปถามพ่อ

“ใช้แล้วหนูน้ำมนต์ ช่วงนี้นะหมึกเยอะเลยละ ชาวเรือเลยจับมาได้เยอะแยะ”

“โห ตัวโตๆทั้งนั้นเลย นี่ถ้าทำหมึกยัดไส้นี่ สองตัวก็เต็มหม้อแล้วนะครับ น้ำมนต์ว่า”

“เอาป่ะละ เดี๋ยวป๊าให้แม่ครัวทำให้กิน”

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ”

“เอ๊ย ไม่เป็นอะไร คืนนี้นอนบ้านป๊าอีกคืนสิ ป๊าจะให้แม่ครัวเค้าทำให้”

“เอ่อ ..”

“นอนเหอะมึง เดี๋ยวกูโทรไปบอกยายให้”  ผมบอกมันพร้อมกับยิ้มไปให้ อยากให้มันหายห่วงเรื่องยายของมัน

“เออ ใช่ ยายหนูน้ำมนต์เป็นยังไงบ้าง ป๊าไม่เจอนานแล้ว” พ่อผมถาม

“ก็สบายดีครับ ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่ก็มีเจ็บป่วยบ้าง ตามประสาคนแก่”  น้ำมนต์ตอบ

“อืม ฝากบอกยายด้วยว่าป๊าคิดถึง มีโอกาสคงได้ไปเยี่ยม”

“ครับ”  น้ำมนต์ตอบป๊า ก่อนที่ป๊าจะยกมือไปลูบหัวน้ำมนต์เบาๆ ก่อนจะคล้องคอเดินไปดูปลาหมึกที่กำลังจะขึ้นมาจากเรือ  ส่วนผมนะเหรอ ป๊าไม่สนใจแล้ว ได้แต่เดินตามต้อยๆ



“เออ พูดถึงปลาหมึก หนูน้ำมนต์รู้มั๊ย เมื่อป๊ากับพ่อหนูเป็นวัยรุ่นนะ ป๊ากับพ่อหนูชอบออกเรือไปตกหมึกกันตอนดึกๆ พ่อหนูนะตกหมึกเก่งมากๆเลยละ ได้ทีนึงเป็นลังใหญ่เลย”

“จริงเหรอครับ พ่อน้ำมนต์ตกหมึกเก่งเหรอ น้ำมนต์ไม่ยักรู้” น้ำมนต์ถามป๊าของผมไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แววตาของน้ำมนต์ตอนนี้ดูดีใจที่ได้ยินเรื่องพ่อของตัวเอง

“จริงสิ ตอนนั้นนะ ป๊าพาเพื่อนลงไปแข่งตกหมึกกัน ไม่มีใครชนะพ่อน้ำมนต์เลยนะ”ป๊าผมเล่าทั้งรอยยิ้ม ตอนนี้คงเป็นเวลาของเขาสองคนสินะ คนนึงก็คิดถึงเพื่อนเก่า อีกคนก็คิดถึงพ่อของตัวเอง

“พอช่วงปิดเทอม พ่อหนูก็มักจะมาของานเตี๋ยป๊าทำ บางทีก็อยู่ในรีสอร์ท บางทีก็ออกมาเป็นลูกเรือ พ่อของหนูขยันมากๆเลยนะตอนนั้น” พ่อผมพูดพร้อมกับมองลงไปที่คนเรือ ที่กำลังเดินผ่านไม้กระดานเพื่อเอาสัตว์ทะเลที่จับมาได้ไว้บนสะพาน

“ครับ ยายเคยบอกว่าพ่อของน้ำมนต์ขยันมาก ยายบอกว่าพ่อของน้ำมนต์ไม่มีอะไรเลยตอนที่มาขอแม่ แต่ยายก็ยกให้เพราะพ่อมีความขยัน และก็อดทนจนชนะใจยาย” น้ำมนต์พูดมาด้วยน้ำเสียงและความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเหมือนกับภูมิใจ และมีความสุขที่พูดถึงเรื่องนี้

“ใช่ ป๊ายังจำได้เลย กว่ามันจะชนะใจแม่ยายได้นะ ป๊าลุ้นแทบตาย ฮ่าๆๆ”  ป๊าผมเล่าด้วยเสียงหัวเราะ

“ลุง .. เอ่อ ป๊า ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับพ่อของน้ำมนต์ให้ฟังเยอะๆได้มั๊ยครับ น้ำมนต์อยากฟัง” น้ำมนต์พูดพร้อมกับมองหน้าผม เชิงขอร้อง พ่อผมก้มลงมามองหน้าน้ำมนต์นิดหน่อย

“ได้มั๊ยป๊า หนูก็อยากฟังเรื่องของพ่อน้ำมนต์” ผมพูดพร้อมกับเดินไปกอดคอน้ำมนต์อีกข้างหนึ่ง น้ำมนต์หันมามองหน้าผม พร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ แอบด่าประมาณว่าผมทำเนียน .. แต่ใครจะไปสนละ เนอะ

“ได้สิ เดี๋ยวป๊าเล่าให้ฟัง ถ้าหนูอยากรู้เรื่องแม่หนู หนูก็ไปถามแม่เจ้าโป้มันนะ ถ้าอยากรู้เรื่องไอ้ยศ ก็มาถามพ่อ” พ่อผมบอกด้วยรอยยิ้ม และแน่นอน ว่าน้ำมนต์ก็ยิ้มตามรอยยิ้มนั้นของพ่อ  แปลกใจจริงๆ ที่ผมก็ยิ้มตามทั้งสองคนไปด้วย




ระหว่างที่เราอยู่ที่สะพานปลา ป๊าพาเราดูคนงานไปและเล่าเรื่องของพ่อน้ำมนต์ไป น้ำมนต์ตั้งใจฟังทุกอย่างที่พ่อเล่า โดยลืมไปเลยมั้ง ว่ามีผมยืนอยู่ด้วย แต่ผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนะ กลับดีใจด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าการพาน้ำมนต์มาบ้านครั้งนี้ กลับทำให้น้ำมนต์มีความสุขขนาดนี้ น้ำมนต์คนที่ไม่ค่อยยิ้ม ท่าทางเฉยชา และทำตัวแข็งกระด้างต่อโลก ทั้งๆที่จริงๆตัวเองกลับเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี  อ่อนโยน  คงเพราะว่าขาดพ่อขาดแม่ตั้งแต่เด็กมั้ง น้ำมนต์จึงสร้างภูมิคุ้มกันเป็นความแข็งแกร่ง เพื่อให้คนภายนอกไม่กล้าเข้าใกล้ ในเมื่อไม่มีใครกล้าเข้าหา คงคิดว่าจะปลอดภัยจากศัตรูกระมัง ..

ความคิดเด็กน้อยจริงๆ ...



“ไงมึง ชอบป๊ากูป่ะ” ผมถามขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านไปกินข้าวเที่ยงกัน

“ก็ชอบกว่าลูกแกอ่ะ” มันตอบมากวนๆ

“เหรอ ชอบพ่อแล้ว ไม่ชอบลูกด้วยละ”

“ไม่มีทางอ่ะ”

“ทำเป็นปากดี ระวังสักวันจะกลืนน้ำลายตัวเอง” ผมบอกมัน



“รีบๆขับ เราร้อน”  มันเงียบไปพักนึง ก่อนจะพูดเร่งให้ผมรีบขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ซึ่งอากาศตอนนี้ช่างต่างกับตอนเช้าลิบลับ ..


เรามาถึงบ้านก็เจอป๊า แม่ และหมวยเล็กรออยู่แล้ว

“ตี๋โป้  น้องน้ำมนต์ ทางนี้จ้า” หมวยเล็กตะโกนเรียกพร้อมกับกวักมือเรียกพวกผม วันนี้เราเลือกจะกินข้าวเที่ยงกันที่ศาลาใกล้หาด หมวยเล็กเลยรับหน้าที่มาตามพวกผม ผมหันหลังไปจับมือน้ำมนต์เพื่อจะพาเดินไปด้วยกัน

“ปล่อย” น้ำมนต์พูดพร้อมกับทำท่าจะสะบัดมือผม แต่ก็ยังไม่หลุด

“ทำไมอีกละ” ผมถาม

“เราจะไปห้องน้ำก่อน” คำพูดและสายตาที่ดูก็รู้ว่าเป็นข้ออ้าง ก่อนที่จะสะบัดมือผมหลุดไป เพราะการปล่อยมือของผมด้วย

“น้องน้ำมนต์ไปไหนเหรอ” หมวยเล็กเข้ามาถาม

“เห็นบอกว่าไปห้องน้ำ” ผมตอบหมวยเล็กไป

“งั้นเราเข้าไปกันก่อนเถอะ” หมวยเล็กพูดพร้อมกับจูงมือผมเข้าไปที่ศาลา ซึ่งมีป๊ากับแม่ผมกำลังนั่งคุยกันอยู่ แว่วๆเหมือนกับเป็นเรื่องของน้ำมนต์


“จริงเหรอคะคุณ หนูน้ำมนต์นี่นะ นิสัยเหมือนกับพี่ยศ” แม่ผมพูดขึ้น

“จริงสิคุณ ป๊ามองแว๊บเดียวก็รู้เลย” พ่อผมบอก

“ยังไงเหรอป๊า ที่ป๊าบอกว่าเหมือนกับลุงยศอ่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย

“ก็นิสัยดื้อรั้น อดทน เด็ดเดี่ยว แบบนี้แหละ นิสัยเจ้ายศมันเลย” ป๊าผมบอก ผมแอบยิ้มกับคำพูดของป๊า เพราะมันจริงซะยิ่งกว่าจริงเสียอีก

“หมวยเล็กว่าเรามาทานข้าวกันเถอะคะ หมวยเล็กหิวแล้ว” หมวยเล็กพูดขึ้น

“แต่น้ำมนต์ ..” ผมจะขัด

“เข้าห้องน้ำ เดี๋ยวคงมา เราทานกันก่อนเถอะคะ”

“เอ้า ทานกันก่อนเลยก็ได้นะป๊าว่า ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรให้มากหรอก คนกันเองทั้งนั้น” ป๊าผมพูดตัดบท



เรานั่งทานข้าวไปกันได้ครู่หนึ่ง น้ำมนต์ก็กลับมาจากห้องน้ำ แล้วก็นั่งทานข้าวไป ไม่พูดไม่จาอะไร บนโต๊ะเต็มไปด้วยบทสนทนาของป๊าและแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก่า เรื่องใหม่  ถูกยกมาเล่าขานให้ลูกหลานฟัง


“เออ หนูหมวยเล็ก แล้วเมื่อไหร่จะชวนป๊ากับม๊าหนูมาทานข้าวบ้านแม่อีกละ” แม่ผมถามขึ้น

“อ๋อค่ะ เดี๋ยวเอาเป็นปลายเดือนนี้แล้วกันนะคะ หมวยเล็กจะเรียนท่านให้ ตี๋โป้ว่างมั้ย อาทิตย์ปลายเดือนนี้” หมวยเล็กตอบแม่ผม ก่อนจะหันมาถามผม

“เอ่อ ไม่รู้สิ เดี๋ยวค่อยบอกอีกที”

“เอ๊ย ได้ไงอ่ะ ตี๋โป้เบี้ยวหมวยหลายรอบแล้วนะ ป๊ากับม๊าหมวยบ่นอยากเจอตี๋โป้หลายครั้งแล้วด้วย”

“นั่นสิไอ้หนู เอ็งทำป๊าเสียผู้ใหญ่มาหลายรอบแล้ว กลับบ้านมากินข้าวกับครอบครัวหมวยเล็กเค้าบ้าง ยังไงก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน อย่าทำให้เหมือนห่างเหิน” ป๊าผมพูดขึ้น

“อ้าว อิ่มแล้วเหรอหนูน้ำมนต์ ทำไมกินน้อยจังละลูก” แม่ผมหันไปถามน้ำมนต์ เมื่อเห็นน้ำมนต์รวบช้อนและยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“พอดีน้ำมนต์ยังอิ่มมื้อเช้าอยู่เลยครับ เลยกินได้ไม่ค่อยเยอะ” น้ำมนต์ตอบพร้อมกับยิ้มให้แม่ของผม

“งั้นเดี๋ยวแม่เรียกให้แม่บ้านยกขนมหวานมาให้นะ”

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เดี๋ยวน้ำมนต์เข้าไปช่วยแม่บ้านยกดีกว่าครับ”

“เอางั้นเหรอ งั้นก็เข้าไปในครัวนะลูก บอกให้แม่บ้านช่วยยกมา”

“ครับ” น้ำมนต์ตอบแม่ ก่อนที่จะลุกออกจากศาลาตรงเข้าไปในครัวของบ้าน



“ไม่เอาละ ตี๋โป้ห้ามเบี้ยวนัดเดือนนี้ด้วย” หมวยเล็กพูดมาด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว

“เอาเถอะตาหนู มากินข้าวกับคุณน้าเค้าบ้าง เรานะไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัวหนูหมวยเล็กหลายรอบแล้วนะ” แม่หันมาดุผม

“ครับ ได้ครับ” คราวนี้ทั้งป๊าและแม่ออกปากพูดพร้อมกัน จนผมยากจะเลี่ยงเหมือนครั้งก่อนๆ


ก็ดีครับ ในเมื่อได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ผมจะได้คุยเรื่องนี้ให้มันชัดเจนสักที .. ปล่อยให้มันคาราคาซังมานานนมแล้ว ..




คงถึงเวลาสะสาง “สัญญาแต่ปางก่อน” ซะที !!!,




...................................................

อัพก่อนวันเกิดผม ยังไงก็อ่านให้สนุกนะครับ อวยพรผมด้วยนะ ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 14-11-2011 21:43:38
นังหมวยเล็ก เริ่มร้ายแล้วนะแก ><


อวยพรนักแต่งของเราหน่อย ขอให้มีความสุขมากๆ นิยายขายดิบขายดี แฟนคลับอ่านแล้วรัก อ่านแล้วหลงน๊าาา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 14-11-2011 21:59:17
เอาให้เคลียเลยนะ นายปีโป้!!!
ไม่งั้นน้องน้ำมนต์ต้องเป็นของช้าน น นน น น
5555

หมวยเล็กนี่นะ  :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 14-11-2011 22:00:30
รีบสะสางเข้าปีโป้ เคลียร์ตัวเองซะน้ำมนต์จะได้สบายใจว่าไม่ได้เป็นมือที่สาม

สุขสันต์วันเกิดค่า มีความสุขมากๆ นะคะ
 :a: :b: :a:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 14-11-2011 22:04:12
ปีโป้เริ่มทำตัวเป็นผู้เป็นคนบ้างแระ

แถมเป็นคนกันเองอีกด้วย มีหวัง แต่อีกนานมั๊งกว่าจะจีบติด

หมวยเล็ก อย่าเยอะหนู เป็นสาวเป็นนาง ชิร์

ขอร่วมอวยพรด้วยนะ ขอให้มีความสุขมาก ๆ พบเจอแต่เรื่องดี ๆ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-11-2011 22:29:51
เหมือนหมวยเล็กจะรู้กลายๆนะ

happy birthday na ka
wish have a good day ,, year & every things u'r think na ja
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 14-11-2011 22:34:09
ปีโป้เคลียร์ให้จบเลยนะ
แล้วก็อย่าให้นังหมวยเละมาทำอะไรน้ำมนต์ล่ะ รู้มั้ย :angry2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 20 อัพตอนก่อนนอนสักตอน 13-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-11-2011 22:49:38
ใครเหรอป๊า เพื่อนเก่าเหรอ
พี่โป้รู้ตัวหรือเปล่าว่ามีคู่หมั้นแล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 14-11-2011 23:15:33
น้อยๆหน่อยนังหมวยเล็ก เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย  :m21:
หัวข้อ: Re: {-Re_คุณพ่อมาเฟีย.}(-9-)-ll-รักเจ้านายวายร้ายของผม-ll-0710-ll
เริ่มหัวข้อโดย: tongdbsk ที่ 14-11-2011 23:24:43
บอกตรงๆ ชอบนักเขียนเรื่องนี้จังเลย ขยันอัพมากอ่ะครับ

เอาใจผมไปเลย ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดนะคับ มีความสุขมากๆ แล้วก็มาแต่งนิยายดี ๆ ให้พวกเราอ่านอีกนะครับ.
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-11-2011 00:54:20
ทำให้สำเร็จนะโป้  เอาใจช่วย
อ่านตอนนี้แล้วสงสารน้ำมนต์จัง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 15-11-2011 01:30:50
แอร๊ยยย  รีบๆสะสางด่วนเลยโป้ เดี๋ยวน้ำมนต์เสียใจ ส่วนหมวยเล็กหลบไปเพราะปีโป้น้ำมนต์จอง  :laugh: :laugh:


ปล  เม้นแรกสำหรับนิยายเรื่องนี้   สนุกมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 15-11-2011 03:21:20
หนูแดง เหมือนๆจะ แอบน้อยใจ มีคู่หมั้นแล้วตัวยังมายุ่งกับเราทำไม

รีบๆเคลียให้ไวๆ นะโป้ เดี๋ยวหนูแดงจะเปลี่ยนจะน้อยใจเป้นโกรธ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 15-11-2011 16:26:37
ผมก็ว่างั้น รีบไปเคลียร์ให้จบๆๆ

ไปเลยดีกว่า จะได้ไม่มีปัญหาตอนหลัง

อีกอย่างตอนนี้ผมก็เริ่มรำคาญยัยหมวยเล็ก

อะไรนี่แล้วด้วย เกาะติดโป้อยู่ได้ รกหูรกตา

จริงๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 15-11-2011 19:39:28
น้องน้ำมนต์ นอยด์ อ่ะ  :sad11:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 21 หายข้องใจกันนะ 14-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-11-2011 20:02:03
ครอบครัวหมวยเล็กเขาคงต้องการแบบเงินต่อเงิน ต่อยอดธุรกิจกันน่ะ
เลยมีสัญญาแต่ปางก่อน และคงพูดจนฝังหัวฝังใจหมวยเล็กแหละ
แล้วสาวน้อยแบบหมวยเล็กจะไม่ฝังใจได้ไง ตี๋โป้ทั้งหล่อทั้งรวย
ได้แต่งกันคนคงลือไปทั้งบาง
ว่าแต่จะรอดูว่า ตี๋โป้จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 15-11-2011 23:51:58
ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์


“เอ๊ย ทำไมมึงเพิ่งมาบอกกูตอนนี้วะไอ้เอ็ม แล้วกูจะหาของขวัญให้น้ำมนต์ทันมั๊ยเนี่ย” ผมตะโกนใส่สายทันที ตอนที่ไอ้เอ็มโทรมาบอกผมว่า วันนี้เป็นควันเกิดน้ำมนต์

"แล้วกูจะไปรู้มึงเหรอไอ้โป้ กูไม่ได้จีบน้ำมนต์นะเว้ย และที่กูรู้ เพราะกูเห็นหญิงมันถือของขวัญมาให้น้ำมนต์เมื่อตอนเช้า” ไอ้เอ็มพูด

“ไม่รู้แหละ ยังไงมึงก็ผิด” ผมโทษมัน

“เหี้ยแล้วไง กูผิดตลอด กูว่าแล้วทำไมจีบไม่ติดง่ายๆ”

“มึงอย่ามาปากเสียไอ้เอ็ม เดี๋ยวมึงเจอกูแน่” ผมวางสาย จากไอ้เอ็ม แล้วลงจากหอมุ่งตรงไปที่วิทยาลัยของไอ้เอ็มทันที




ในหัวผมกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรให้น้ำมนต์ดี ผมเลยแวะร้านขายของขวัญชื่อดังของจังหวัด เดินดูของเยอะแยะมากมายที่คิดว่าน้ำมนต์จะชอบ แต่ผมกลับไม่ถูกใจของขวัญชิ้นใดในร้านเลย และก็คิดว่าถ้าซื้อไปน้ำมนต์ก็คงไม่ชอบเหมือนกัน น้ำมนต์ดูอย่างนั้นนะ เอาใจยากชิบหาย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาชอบไม่ชอบอะไร  ขนาดผมตามจีบอยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่มีใครรู้เลย ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบผม ...



ผมตัดสินใจเดินออกจากร้านขายของขวัญด้วยมือเปล่า ใจก็คิดว่าจะไปเดินหาอีกร้าน แต่ก็คิดเผื่อไปอีกว่า ยังไงซะผมก็ออกมามือเปล่าเหมือนเดิมอยู่ดี

“ในเมื่อหาอะไรถูกใจให้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องให้มัน” ผมสรุปเอาง่ายๆแค่นั้น และก็ขับรถมุ่งหน้าสู่วิทยาลัยของน้องน้ำมนต์ในทันที โดยไม่เที่ยวแวะข้างทางอีกแล้ว


พอมาถึงโรงเรียนก็เป็นคาบเรียนของนักเรียน มีบางคนที่เลิกเรียนแล้ว ผมอาศัยความเงียบในตอนนี้คิดว่าจะทำอะไรให้น้ำมนต์ดี ไอ้หัวสมองของผมมันเคยทำอะไรโรแมนติกซะที่ไหนละ  วาเลนไทน์ทุกปี แค่ยื่นดอกกุหลาบให้สาวดอกหนึ่ง สาวพวกนั้นก็แทบจะคลานขึ้นเตียงแล้ว


แต่น้ำมนต์เหรอ ต่อให้ซื้อมาทั้งสวน มันก็มองด้วยหางตา และบอกว่า “เปลือง” อยู่ดี  ใช่ว่าผมโรแมนติกคนเดียวไม่เป็นที่ไหน น้ำมนต์นี่อ่ะ ตัวทำลายความโรแมนติกเลยล่ะ แต่ผมรู้นะ ว่าเวลาผมทำอะไรหวานๆกับเค้าบ้าง มันคงเขิน ผมเห็นมันยิ้มตลอด  แต่บางทีก็แอบคิดว่าที่มันยิ้ม อาจเป็นเพราะมันขำที่ผมทำอะไรบ้าๆแบบนั้นหรือเปล่า มันคงดูขัดกับมาดนักเลงผม


“อัลโหลไอ้โอ๊ต” ผมคิดไรไม่ออกเลยโทรหาไอ้โอ๊ตครับ

“อืม ว่าไงมึง”

“เดี๋ยวเย็นๆมึงชวนไอ้บ่าว พี่เอกไปเจอกันที่ร้านโรตีนะ กูจะพาน้ำมนต์ไปเลี้ยงวันเกิด” คิดอะไรไม่ได้ ก็เลี้ยงข้าวก็แล้วกัน อิ่มด้วย

“มึงเลี้ยงใช่ป่ะ” มันถามกลับ ด้วยคำถามโง่ๆ

“เออดิ หรือพวกมึงอยากจ่ายกันเอง”

“ฝันไปเถอะ เออเดี๋ยวกูโทรบอกให้ แล้วเจอกันที่ร้าน” มันตอบผมแล้ววางสายไปพร้อมกับที่นักเรียนห้องของน้ำมนต์กำลังเดินออกมาพอดี แหมไอ้เอ็มนี่ตามติดน้องหญิงอย่างกับตังเมเชียว หึหึ ก้าวหน้ากว่ากูอีกนะมึงอ่ะ


“อ้าวไงมึง มารอนานแล้วเรอะ” ไอ้เอ็มตะโกนถามผม

“เปล่า กูเพิ่งมา” ผมบอกมัน

“คงเชื่ออยู่หรอก นั่งเหงื่อซกขนาดนั้น” ไอ้เอ็มแซวผม ผมหันไปมองน้ำมนต์ที่เดินถือกล่องของขวัญมามากมาย อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด  ยังมีที่ช้างน้อยช่วยถืออีก


“ไอ้เอ็ม เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านโรตีนะ วันนี้กูเลี้ยง” ผมบอกไอ้เอ็ม

“เลี้ยงกูเรอะ”

“เลี้ยงทั้งหมด” ผมตอบบอกไป

“เนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ พี่โป้” ช้างน้อยส่งเสียงมาถามอย่างอยากรู้

“โอกาสที่พี่อยากเลี้ยง” ผมตอบไป หน้ามองฟ้ามองอากาศ

“อย่าไปถามมันมากเลยน้องช้างน้อย ไอ้นี่มันขี้เก็ก ไปกันเถอะ เดี๋ยวหญิงไปกับช้างน้อยก็ได้นะ ช่วยช้างน้อยถือของด้วย” ไอ้เอ็มด่าผม ก่อนจะจัดแจงคนอื่น


“มึงจะไปไหน” ผมถาม เมื่อน้ำมนต์ทำท่าจะเดินตามไอ้เอ็มไป

“จะไปกับพี่เอ็ม”

“ไปทำไม มากับกู”

“แล้วทำไมไม่บอก”

“แล้วทำไมจะต้องบอก”  ผมหันไปบอกมัน เห็นมันขึ้นมาอย่างพะรุงพะรังกับข้าวของเยอะแยะของมัน เห็นแล้วช่างหงุดหงิด

“ไอ้เอ็มเดี๋ยวก่อน” ผมเรียกไอ้เอ็ม

“มีไรอีกวะ” มันถามพร้อมกับเดินมาหาผม

“มึงเอาของที่น้ำมนต์ไปให้หมด” ผมบอกมัน

“แล้วกูจะถือไปยังไง กูไปคนเดียว”

“ไม่รู้แหละ มึงจะเอาเพื่อน เอาใครที่นี่ช่วยถือไปก็ได้ แต่มึงเอาไปถือให้หมด”

“ไม่เป็นไร เราถือเอง” น้ำมนต์พูด

“ไม่เอา กูขับรถยาก”

“งั้นเราไปกับพี่เอ็ม” น้ำมนต์พูดพร้อมกับทำท่าจะลุกออกจากรถ

“ไอ้เอ็ม ยังอีกกกกกกก” ผมหันไปตวาดไอ้เอ็ม

“น้องน้ำมนต์เอามาให้พี่ช่วยถือเถอะครับ ไอ้คุณหนูโป้มันเริ่มเอาแต่ใจตัวเองแล้ว เดี๋ยวเพื่อนๆพี่มันจะเดือดร้อน อดกินของฟรี” ไอ้เอ็มพูดถูกครับ

“นิสัยไม่ดี” น้ำมนต์พูดพร้อมกับยื่นของให้กับไอ้เอ็มไป



และในตอนนี้น้ำมนต์ไม่มีของขวัญแม่แต่ชิ้นเดียวอยู่ในมือแล้วครับ ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ขับรถไปร้านโรตีอย่างอารมณ์ดี จะหาว่าผมบ้า ผมก็ยอมครับ  บ้าเพราะรักไปแล้วนี่


พอพวกเรามาถึงร้านโรตี เป็นเหมือนเดิมครับ ไอ้พวกนี้มันก็สั่งได้สั่งเอา สั่งแทบทุกอย่างที่มีในเมนู อย่างละไม่รู้กี่จาน มันกินกันได้ยังไงก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าพวกมันจะมากินร้านนี้เฉพาะเวลาที่ผมเลี้ยงเท่านั้นละครับ เพราะว่ามันคงเบื่อไปเลย กินซะขนาดนั้น


ส่วนคนที่ผมตั้งใจจะเลี้ยงจริงๆเหรอครับ กินไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่หรอกครับ ไม่รู้ว่าเพราะไม่หิว รอไปกินข้าวกับยาย หรือว่าเบื่อร้านนี้กันแล้ว ก็ไม่รู้


พวกเราใช้เวลาตั้งแต่เย็น กินกันจนเกือบจะค่ำครับ คนในร้านเริ่มเยอะขึ้น จนผมคิดว่าคงถึงเวลาที่จะยกพวกกลับได้แล้ว  ผมเลยสั่งเด็กเก็บเงิน แล้วก็ออกจากร้านกันมา


“สุขสันต์วันเกิดนะครับน้องน้ำมนต์ มีความสุขมากๆนะครับ” ไอ้โอ๊ต พูดขณะที่กำลังจะแยกออกกลับกัน

“ขอบคุณครับพี่โอ๊ต”

“ส่วนพี่ก็ขอให้น้องมีแฟนที่ดีนะครับ สวยๆ หมวยๆ อึ่ม”

“ขอบคุณครับพี่บ่าว”

“ไอ้บ่าว คราวหน้ามึงอดกินเงินกูแน่” ผมด่าไอ้บ่าวครับ อวยพรไม่ดูตาม้าตาเรือ

“ทำไมวะ กูไม่สนแล้ว ครั้งนี้กูอิ่มแล้ว คราวหน้ามึงก็จำไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆ” ดูที่มันหัวเราะชอบใจครับ

“ส่วนพี่เอกก็ขอให้น้องน้ำมนต์เรียนเก่งๆ จบไวๆ ทำโปรเจคผ่าน แล้วก็วาดรูปสวยๆนะครับ”

“ขอบคุณครับพี่เอก”

“อวยพรกันพอรึยัง กูจะกลับแล้ว” ผมขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกนี้มันชักจะยืดเยื้อแล้ว

“อะไรกันนี่มึง จะรีบไปไหนกันวะ” ไอ้พี่เอกด่าผมครับ

“น้ำมนต์กลับกัน” ผมบอกน้ำมนต์

“เราว่าเรานั่งรถไปเองดีกว่า ของเราเยอะ” น้ำมนต์บอกผม

“ไม่เป็นไร กูอยากไปส่ง”

“แต่ของมันเยอะนะ นายไปส่งก็หล่นปลิวพอดี” ยังจะเถียงอีกครับ

“มาเถอะหน่า กูจัดการได้แหละหน่ะ”



แล้วผมก็พาน้ำมนต์เอาของมาไว้กับรถสองแถวที่จะผ่านหน้าบ้านของน้ำมนต์ โดยฝากนายหัวรถไป แล้วจะไปรอเอาที่คิวรถหน้าบ้านน้ำมนต์  น้ำมนต์ดื้อที่จะไปกับรถสองแถว แต่ผมก็ดื้อที่จะไปส่ง สุดท้ายน้ำมนต์ก็ยอมไปกับผม ไม่ได้แพ้ลูกตื้ออะไรผมหรอกนะครับ ผมว่าเพื่อตัดความรำคาญมากกว่า


ดีครับ ผมจะได้ขับไปส่งน้ำมนต์โดยไม่เห็นพวกบรรดาของขวัญพวกนั้น ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ตุ๊กตาเอย กรอบรูปเอย ดอกไม้เอย อี๋ ... ซื้อกันมาให้ได้ไง อย่างกับวันวาเลนไทน์ น้ำมนต์คงไม่ชอบหรอกผมว่า


“เราชอบของขวัญที่ช้างน้อยซื้อให้มากๆเลยนะ เป็นตุ๊กตาตัวที่เราอยากได้” อยู่ๆมันก็พูดบอกผม ขณะที่ผมขับรถกลับอย่างช้าๆ

“อืม แล้วไง” คงชอบแค่ตุ๊กตาละมั้ง

“ส่วนดอกไม้ช่อนั้นหญิงก็ซื้อให้ หอมมากเลยละ เป็นดอกไม้ที่เราชอบที่สุดเลย” ไอ้ดอกเบจมาศนั่นนะ มึงชอบมากที่สุด หึหึ

“แล้วไอ้กรอบรูปอันใหญ่ๆนั่นละ”

“อ๋อ อันนั้นแพรวาดรูปให้เรา แพรวาดรูปเหมือนเก่งมากเลย วาดเราซะหล่อกว่าตัวจริงอีก”

“กูว่าไม่เห็นจะเหมือน ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ว่าเค้าวาดมึง”

“นายนี่ตาไม่ถึงจริงๆ”



หึหึ ตกลงมึงชอบทุกอย่างเหรอ แต่มึงคงแกล้งพูด เพื่อไม่อยากจะให้คนให้เสียความรู้สึกนั่นแหละ กูเข้าใจดี วันเกิดผมแต่ละปีได้อะไรมาก็ไม่รู้ ผมชอบแบ่งๆไปให้กับพวกไอ้บ่าว ไอ้โอ๊ต ไอ้เอ็ม พี่เอก เอาไปใช้กัน หอพวกมันเลยเต็มไปด้วยของที่พวกสาวๆให้ผมมา



“ขอบใจมากนะ” น้ำมนต์พูดพร้อมกับทำท่าจะเดินหันหลังเข้าบ้านไป หลังจากที่ผมมาส่ง และช่วยขนของขวัญไปวางไว้ในบ้านให้

“เอ๊ยยย น้ำมนต์” ผมเรียกรั้งไว้ น้ำมนต์เอี้ยวหลังมามองผมนิดนึง

“เอ่อ .. คือ ..”

“มีไร ว่ามาดิ” มันเริ่มจะหันมาทั้งตัว




“เดี๋ยวคืนนี้ดึกๆกูโทรหานะ ยังไม่นอนใช่มั้ย”  ผมบอกไป

“อืม วันนี้ต้องทำงานส่ง” น้ำมนต์ตอบมาพร้อมกับยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป


“เฮ้อออออออ” ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะรีบขับรถกลับหอ  ใจก็คิดว่าทำไมไม่เข้าไปคุยกับยาย แล้วให้ยายชวนนอนบ้านนะ แต่ก็นั่นแหละ ช่วงนี้น้ำมนต์ทำแต่งานส่ง  ผมก็ไม่อยากไปกวนเค้า น้ำมนต์เค้าชอบใช้โลกส่วนตัวของเค้าสร้างงานศิลป์ครับ อะไรกวนใจเค้านิดหน่อย ก็ไม่เป็นอันทำงานแล้ว และผมก็คิดว่า ผมนี่แหละ ตัวก่อกวนชั้นเยี่ยมเลย



ผมกลับมาอาบน้ำปะแป้ง ใส่บ็อกเซอร์ที่ปราศจากกางเกงลิงรัดน้องชายเฝ้ามองนาฬิกา  คิดไปว่าเวลาไหนที่น้ำมนต์ผ่อนคลายบ้าง  ช่วงหลังๆนี่ผมขอน้ำมนต์โทรหาบ่อยๆครับ แต่ก็คุยได้ไม่นานหรอก เพราะผมไม่รู้จะคุยอะไร อีกคนก็เช่นกัน แทบจะไม่คุยอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่ต่างจากคุยกันต่อหน้านักหรอก  ยกเว้นว่าจะเถียงกัน แบบนั้นยาวครับ



“อัลโหล ทำไรอยู่” ผมกรอกเสียงถามไป เมื่อผมตัดสินใจโทรหาได้สำเร็จ

“กำลังนั่งดูภาพที่เพิ่งวาดเสร็จ”

“เป็นไงบ้าง สวยมั๊ย”

“ไม่รู้ดิ เหมือนมันขาดๆอะไรไปบางอย่าง เราก็ยังหาจุดบกพร่องมันไม่เจอ”

“แล้ววาดภาพอะไรเหรอ”

“วาดภาพคนอ่ะ คนกำลังมีความรัก” น้ำมนต์บอกผม



แล้วผมก็เงียบ ที่เงียบเพราะกำลังคิดว่าคนที่กำลังมีความรัก มันต้องมีอะไรนะ


“แววตา” ผมพูดไป

“แววตา ทำไมเหรอ” น้ำมนต์ถามกลับอย่างสงสัย

“ก็คนที่มีความรัก แววตาเค้าจะดูมีความสุข” ผมบอกเค้า พร้อมกับคว้ากระจกหัวเตียงมามองแววตาของตัวเอง ผมว่าตอนนี้มันกำลังเปร่งแวววาวเลยละครับ

“อืม งั้นเดี๋ยวเราค่อยแก้ตาใหม่” น้ำมนต์บอกผม




เราเงียบกันอีกครั้ง ในเมื่อผมหมดเรื่องจะถาม และน้ำมนต์ก็คงหมดเรื่องจะคุย  ผมเงยหน้ามองเพดาน มองพัดลมที่กำลังหมุนไปมา ก่อนจะลดสายตามามองนาฬิกาที่แขวนไว้ตรงเพดาน ..




ใกล้เวลาแล้วสินะ


“น้ำมนต์” ผมเรียกชื่อนั้น

“หือ ว่าไง” คำขานเดิมๆ ของน้ำมนต์ดังขึ้น

















“สุขสันต์วันเกิดนะ”



























“นึกว่าจะไม่พูดซะแล้ว”






“กูแค่อยากเป็นคนสุดท้ายของมึง”






เมื่อผมพูดจบ เข็มสั้นและเข็มยาวก็บรรจบกันตรงเลข 12 พอดี เข็มวินาทีก็กำลังข้ามพ้นตัวเลขสิบสองไป ทำหน้าที่ของมันต่อไป เดินไปตามวันเวลาอีกวันหนึ่ง ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง  สำหรับผมแล้วถึงแม้ว่าจะไม่ได้บอกน้ำมนต์เป็นคนแรกของวัน แต่ผมก็อยากจะบอกเป็นคนสุดท้าย






และถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่คนแรกที่น้ำมนต์รัก  .. แต่ผมก็ขอเป็นคนสุดท้ายเช่นกัน









“อืมม   ขอบใจนะ”





......................................................................

ไหนๆ ก็วันเกิดผมแล้ว อารมณ์อินเลยให้เป็นวันเกิดน้ำมนต์ด้วยซะเลย จะได้แต่งง่ายๆ จำง่ายๆ 555555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 15-11-2011 23:54:12
กีสสสสสสสสสสสสสสสสส

จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :pighaun:




วันเกิดปีนี้ คนแต่งเหงาล่ะสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 16-11-2011 00:02:46
HBDคนเขียนจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 16-11-2011 00:48:06
HBD ' ค่ะ   :L2: :L2:
ไม่มีอะไรจะให้นอกจากคำอวยพรให้มีความสุขมาก ๆ  มามะ มากอด 1 ที  อิอิ  :กอด1: *โดนถีบกลับมา 55   :z6: *

ยังไงก็เชียร์โป้ให้จีบน้ำมนต์ติดเร็ว ๆ ละกัน อยากดูตอนหวาน ๆ ใจจะขาดแว้ววว   :impress2:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 16-11-2011 01:03:43
แอบนึกว่าเป็นตอนรักกันแล้ว นี่ยังจีบกันอยู่เลย :z3:

HBD คนเขียนจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: BirdJa ที่ 16-11-2011 02:03:20
้HBD คนเขียนนะคะ หัวโป้น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 16-11-2011 06:18:09
ปีโป้หัวม่วงเอ้ย :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-11-2011 06:34:58
 :-[

HBD คนเขียนครับ  :a13:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 16-11-2011 09:43:52
สุขสันต์วันเกิดค่า

ขอให้มีความสุขมาก ๆ ทั้งน้ำมนต์และผู้แต่งนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 16-11-2011 10:45:37
แอบหวานกันเล็กๆ นะคู่นี้  :กอด1:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 16-11-2011 12:06:53
สุขสันต์วันเกิดจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-11-2011 12:43:56
็Happy Birthday ค่ะ มีความสุขมากๆ สมปรารถนาในทุกๆสิ่ง ไม่เจ็บไม่จน บุญรักษานะคะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 16-11-2011 13:15:37
ชอบน้ำมนต์จังน่ารักดี
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 16-11-2011 13:21:29
 :กอด1: :กอด1:

หวานได้อีก.........
HBD  คนแต่งด้วยคนจ้า..
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ วันเกิดน้ำมนต์&วันเกิดผู้แต่ง 15-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 16-11-2011 15:09:26
แฮปปี้เบิดเดย์น้องน้ำมนต์ พร้อมๆกับ แฮปปี้เบิดเดย์คนแต่งค่า  :กอด1:
ขอให้มีความสุขถ้วนหน้าเถิดดดดดด   :z2:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 16-11-2011 23:03:17
ตอนที่ 22


ไม่รู้ว่าเสียมารยาทหรือเปล่า แต่ผมก็ทำตัวแบบนี้ถึงสองครั้งแล้ว ออกมาจากโต๊ะอาหารก่อนที่คนอื่นจะกินกันหมด ใจก็ไม่อยากจะทำ แต่ก็บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน ว่าทำไมตัวเองไม่สมควรอยู่ตรงจุดนั้น เหมือนตัวเองเป็นใครก็ไม่รู้ 

“ว่าไงจ๊ะหนู ให้ป้าเอาอะไรให้เหรอ” ป้าแดง แม่บ้านของนายปีโป้ทักผม

“พอดีแม่บอกว่า ให้ยกขนมหวานไปเลยอ่ะครับ” ผมตอบไป พร้อมกับทำหน้าทำตามองหาขนมหวาน ที่แม่กับพี่หมวยเล็กได้ทำตั้งไว้

“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวป้ายกไปเองก็ได้ เด็กๆก็มี” ป้าแกบอกผม

“ไม่เป็นไรครับ ผมมาแล้ว ให้ผมช่วยเถอะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปยกถาดที่วางอยู่บนโต๊ะกลางครัว ในถาดได้ตักขนมหวานเป็นถ้วยๆ สำหรับคนห้าคน


“เดี๋ยวผมยกไปเองครับ” ผมบอกป้าแล้วก็ยกออกไปจากครัว  ใจนึงก็อยากเดินช้าๆ เผื่อว่าเค้ายังคุยกันไม่เสร็จ อีกใจก็อยากจะรู้เรื่องราวที่เขาคุยกัน 


เคยเป็นกันมั้ยครับ บางทีเราก็อยากเป็นคนดี แต่อีกด้านของความคิดของเราก็บอกว่า ลองหน่อยเหอะ เอาหน่อยเถอะ เลวหน่อยเถอะ แล้วความดีกับความเลวมันก็ออกมาทะเลาะกัน จิตใจด้านไหนของเราเข้มแข็งสุด ด้านนั้นจะชนะ


ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เล่าให้ฟังเฉยๆ ว่าตอนนี้สมองผมก็เป็นแบบนั้น  และสมองผมก็บอกผมอีกอย่างหนึ่งว่า ถึงเข้าไปยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับผม ผมจะไปสนใจอะไร


“ขนมหวานมาแล้วครับ” ผมตะโกนบอกคนในศาลา พร้อมกับยิ้มให้กับทุกคน  จะหน้าบึ้งทำไม ในเมื่อเข้าใจในตัวเองแล้ว

“มาแล้วตาหนู ขนมหวานที่ตาหนูชอบไง แม่กับหนูหมวยเล็กช่วยกันทำ” แม่ของนายปีโป้พูด พร้อมกับช่วยผมยกกล้วยบวชชีขนมหวานไทยๆ ที่ตักใส่ถ้วยอุ่นๆ ให้กับทุกคน

“โอ้โห น่ากินจังเลยครับ” นายปีโป้พูดขึ้น

“นี่แม่ก็สอนหนูหมวยเล็กเค้าทำนะ เผื่อออกเรือนไปจะทำให้ตาหนูกินได้”  แม่ปีโป้พูดพร้อมกับยิ้มๆไปทางพี่หมวยเล็ก

“เดี๋ยวหมวยเล็กทำให้ตี๋โป้กินนะ หมวยเล็กทำเป็นหมดแล้ว” หมวยเล็กพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับนายปีโป้

“มึงล่ะน้ำมนต์ ทำเป็นมั๊ย กล้วยบวชชี” อยู่ๆ นายปีโป้ก็หันมาถามทางผม เล่นเอาเกือบสำลักน้ำกล้วยบวชชีที่เพิ่งตักเข้าคอ

“พอทำเป็น ยายเคยสอน” ผมตอบไป

“จริงเหรอหนูน้ำมนต์ หนูทำเป็นด้วยเหรอ เก่งจังเลยลูก” แม่นายปีโป้หันมาชมผม

“อ๋อ พอดียายน้ำมนต์แกทำขนมหวานขายอ่ะครับ น้ำมนต์เลยต้องช่วยบ้าง เลยพอทำเป็นอย่างสองอย่างอ่ะครับ” ผมตอบแม่นายปีโป้ไป

“เหรอลูก ดีจัง คราวหน้าทำมาให้ป๊ากินบ้างนะ” ป๊านายปีโป้พูดบ้าง

“อ่าครับ” ผมตอบไป

“งั้นคราวหน้า น้ำมนต์สอนพี่หมวยเล็กทำขนมหวานอื่นๆบ้างนะ พี่หมวยเล็กอยากทำเป็นเหมือนกัน” พี่หมวยเล็กหันมาพูดกับผมเหมือนกัน แต่เธอกลับแสดงอาการทางสีหน้าเลย ว่าเธอรู้สึกอะไร





“กินขนมหวานกันเถอะครับ อร่อยดีนะครับ” นายปีโป้เลยต้องเป็นคนตัดประเด็นเรื่องที่คุยกันอยู่






เย็นวันนั้นนายปีโป้พาพี่หมวยเล็กไปส่งที่บ้าน โดยพาผมนั่งรถไปกับมันด้วย คราวนี้ไปรถยนต์ครับ บรรยากาศในรถก็ไม่ค่อยจะดีนัก  นายปีโป้กับพี่หมวยเล็กนั่งหน้ากัน ส่วนผมนั่งหลัง ไม่มีใครพูดใดๆออกมา


“ตี๋โป้ หมวยเล็กว่าตี๋โป้รอกินข้าวเย็นกับที่บ้านหมวยเล็กดีป่ะ” อยู่ๆพี่หมวยเล็กก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“อือ ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวโป้กลับไปกินกับที่บ้านดีกว่า” นายปีโป้ปฎิเสธ

“แต่ ..” เสียงของพี่หมวยเล็กเหมือนหลุดออกมานิดหน่อย ก่อนจะหายไป



ในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง



“หมวยเล็ก โป้ว่าเราน่าจะคุยเรื่องนี้กับผู้ใหญ่เค้าซักทีนะ” นายปีโป้เริ่มคุยอีกครั้ง

“เรื่องอะไรเหรอ” พี่หมวยเล็กถามด้วยความอยากรู้ ทำหน้าตาจิ้มลิ้มใส่นายปีโป้ น่ารักไม่เบา

“ก็เรื่องที่เราหมั้นหมายไว้ไง โป้ว่าเราควรจะเคลียร์กันให้มันจบๆ”

“ยังไงคะ หมวยเล็กไม่เข้าใจ”

“หมวยเล็ก เราไม่ได้รักกันเลยนะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเลี้ยวรถเพื่อจอดข้างทาง ผมเห็นท่าว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีนัก เลยเลือกที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างแทน

“แต่ ..”

“ไม่มีแต่อ่ะหมวยเล็ก เรื่องของเรามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่คิดอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วจู่ๆก็มาลงที่เราสองคน โป้ไม่ยอมให้ใครมาคลุมถุงชนหรอก นี่มันพ.ศ.อะไรเข้าไปแล้ว”

“โป้ก็พูดได้สิ โป้ไม่ลองมาเป็นหมวยเล็กล่ะ หมวยเล็กเป็นผู้หญิงนะ” เริ่มมีปากเสียงกันแล้วครับ

“ก็เพราะหมวยเล็กเป็นผู้หญิงไง โป้ถึงไม่อยากจะให้หมวยเล็กมาเสียหายกับโป้ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กนะหมวยเล็ก โป้ก็รักหมวยเล็กแบบเพื่อนแบบน้อง ไม่เคยคิดอย่างอื่นเลย”

“แต่หมวยเล็กคิด ..”

“หมวยเล็ก !!”

“หมวยเล็กว่าให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เถอะ ถ้าตี๋โป้อยากจะยกเลิกสัญญาอะไร ก็ไปคุยกับผู้ใหญ่ของตี๋โป้เอง แล้วให้เค้ามาคุยกับพ่อแม่หมวยเล็ก”

“ปัดโถ่เว๊ยยยยยยยย” เสียงของนายปีโป้ลั่นอารมณ์ออกมาด้วยการทุบลงที่พวกมาลัยอย่างเสียงดัง ทำให้เสียงแตรดังลั่นไปหมด ผมยังตกใจไปกับเสียงนั้นด้วย



“รีบไปส่งหมวยเล็กเถอะ หมวยเล็กอยากกลับบ้านแล้ว” สิ้นเสียงขอร้องของพี่หมวยเล็ก นายปีโป้ก็ออกตัวรถอย่างเร่งด่วน ขับรถด้วยความเร็วจนผมกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆไปไม่ได้



แต่ก็ถือว่าโชคดี ที่พวกเรามาส่งพี่หมวยเล็กถึงบ้านอย่างปลอดภัย เมื่อถึงประตูบ้านพี่หมวยเล็ก พี่หมวยเล็กก็เปิดประตูลงไป โดยไม่มีคำพูดใดๆ ก่อนจะเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไป นายปีโป้นิ่งอยู่หน้าบ้านนั้นสักพัก ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดหรือเงียบดี

“มานั่งข้างหน้า” นายปีโป้พูดออกมา

“อะไรนะ” ผมถามเพื่อความแน่ชัด

“กูบอกว่ามานั่งข้างหน้า” นายปีโป้หันมาพูดกับผมช้าๆ ชัดๆ แต่หน้าตาไม่รับรู้อารมณ์ใดๆเลย ผมเปิดประตูด้านหลัง และเข้ามานั่งข้างหน้าข้างคนขับตามที่นายปีโป้บอก


รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ช่างแตกต่างกับตอนขามาอย่างเห็นได้ชัด นายปีโป้กับหน้าตาที่บูดเบี้ยวบ่งบอกอารมณ์ไม่พอใจ ไม่พูดไม่จาอะไร เหมือนกำลังใช้ความคิด จนผมก็ไม่กล้าที่จะชวนคุยด้วย จึงหันไปมองกระจกอีกด้านหนึ่ง มองทางไปเรื่อยๆ


นายปีโป้ขับพาผมมาคนละทางที่จะกลับบ้าน ก่อนจะพามาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆกับชายทะเล เสียงดับเครื่องยนต์ทำให้ผมรู้ตัวว่า นายปีโป้ต้องการจะพักแถวนี้สักพัก  เครื่องยนต์ดับไปนานแล้ว แต่นายปีโป้ก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปเดินรับลมทะเลข้างนอก สายตายังคงจ้องไปที่ทะเลกว้าง เหมือนอยากวิ่งกระโจนเข้าหา แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งมอง



“ไปเล่นน้ำทะเลกันมั๊ย” ผมถามนายปีโป้ พร้อมกับหันไปยิ้มให้ เจ้าตัวยังงงๆเล็กน้อยว่าผมมาอารมณ์ไหน เล่นน้ำทะเลตอนเย็นๆนี่นะ  ผมยิ้มให้อีกทีเพื่อเป็นการยืนยันว่าผมพูดจริงนะ  พร้อมกับเปิดประตูออกไป ถอดรองเท้าแตะไว้บนหาดทราย แล้วก็วิ่งลงไปในทะเลที่อยู่ข้างหน้า ผมได้ยินเสียงปิดประตูของอีกด้านหนึ่ง จึงรู้ว่านายปีโป้ก็วิ่งตามผมมา  อุตส่าห์ได้มาทะเลทั้งที ทั้งที่ปกติผมก็ไม่ค่อยได้เที่ยวที่แบบนี้เท่าไหร่ ยังไงก็ขอเล่นน้ำทะเลหน่อยแล้วกัน



ผมวิ่งลงมาถึงน้ำทะเลที่อยู่ประมาณหน้าแข้งของผม นายปีโป้ก็วิ่งมาทันผมพอดี และยืนอยู่ข้างๆกัน  ผมมองหน้ามันยิ้มๆ เพื่อให้มันอารมณ์ดีขึ้นบ้าง มันเห็นหน้าผมยิ้มๆ ก็พยายามยิ้มให้ผม แต่ดูยังไงก็รู้ครับ ว่ามันกำลังฝืนความรู้สึกตัวเอง ผมเลยคว้าเอาแขนของมันแล้วลากมันลงทะเล  เราล้มลงในพื้นที่น้ำพอประมาณเอว  ทำเอาน้ำเค็มสัมผัสกับหน้า ตา และปากของผมให้รับรู้ว่านี่คือน้ำทะเลจริงๆ


“ไงมึง เค็มสมใจมึงมั๊ย มึงมันบ้าจริงๆ” นายปีโป้ยิ้มแล้วครับ  แม้ในแววตาของมันจะยังคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้

“นี่แหนะ” ผมกวักน้ำใส่หน้ามันครับ

“มึงแกล้งกูเหรอ” มันเอามือลูบหน้า ก่อนจะด่าผมครับ

“แกล้งคนคิดมาก” ผมบอกมัน พร้อมกับดำน้ำทะเลลงไปเพื่อตั้งใจจะหลบหน้านายปีโป้ ปล่อยให้เก็กไปก่อน



ผมโผล่หัวขึ้นมาก็ยังเห็นมันยังยืนอยู่ตรงที่เดิมครับ ซึ่งห่างจากผมเล็กน้อย มันยิ้มมาให้ผม ผมยิ้มตอบกลับมัน


“น้ำมนต์ !!” มันตะโกนมาหาผม

“มีไร !!” ผมตะโกนกลับไปบ้าง

“กูขอโทษ !!”

“ขอโทษเรื่องอะไร”


มันไม่ตอบผม แต่เลือกที่จะดำน้ำและว่ายมาทางผม มันโผล่หัวอยู่หน้าผมห่างกันไม่ถึงคืบขึ้นมาอย่างเร็วจนผมตกใจ จนผมต้องถอยห่างออกไปหนึ่งจังหวะ

“ขอโทษนะ ที่พามึงมาเจอเรื่องแบบนี้”  นายปีโป้คงหมายถึงเรื่องของมันกับพี่หมวยเล็ก

“ไม่เป็นไรนี่ คนเราก็มีเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้นแหละ” ผมบอกไป เพราะยังไงแล้ว ผมก็คนนอกอยู่ดี

“แต่สำหรับกูมันไม่ใช่”

“ไม่ใช่ยังไง”

“กูไม่อยากให้มึงเข้าใจผิด”

“เรื่องอะไรละ”

“เรื่องที่ว่ากูกับหมวยเล็กหมั้นกัน”

“แล้วยังไง เข้าใจผิดถูกมันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา” ผมเข้าใจแบบนี้มาตลอด

“กูไม่เชื่อหรอก มึงต้องคิดบ้างแหละ” มันสวนกลับมา จนผมต้องเงียบ



“ยังไงมันก็เรื่องของนายอยู่ดี เราคิดมากไปก็ไม่เห็นจะช่วยอะไร”  ผมตอบพร้อมกับดำน้ำหนีนายปีโป้ไป  ในใจก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกที่ได้ยินเรื่องการหมั้นหมายของทั้งสองฝ่าย  แต่ก็เป็นเพราะว่าประหลาดใจมากกว่า


ประหลาดใจ .. มันคือเหตุผล



ผมแช่น้ำเล่นกับนายปีโป้อยู่สักพักใหญ่ๆ เราต่างคนต่างแช่น้ำอยู่คนละมุมกัน ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้นายปีโป้กำลังคิดเรื่องอะไร คิดเรื่องพี่หมวยเล็ก เรื่องผม หรือเรื่องหมั้นหมาย  ผมภาวนาแค่ขอให้นายปีโป้เลิกคิดมากได้ไวๆ ขอน้ำทะเลรับเอาความทุกข์ของนายปีโป้ไป


ท้องทะเลกว้างพอที่จะรับเอาความทุกข์ของใครหลายต่อหลายคนที่ต้องการจะมาถ่ายเทมันออกที่นี่ บางคนเอาน้ำตามาฝาก บางคนเอาความเศร้ามาฝาก รวมทั้งบางคนเลือกทะเลเป็นที่เก็บเกี่ยวความสุขของเค้า




ผมเดินขึ้นมาจากทะเลก่อนนายปีโป้ ขึ้นมานั่งบนหาดทรายที่พอจะมีน้ำซัดมาถึง  ผมว่าหาดทรายเป็นอะไรที่น่าฝากเรื่องราวเอาไว้ เราเขียนอะไรไว้ก็ตาม ไม่นานน้ำทะเลก็จะกลบสิ่งเหล่านั้นไปหมด แตกต่างกับการเขียนลงบนกระดาษ ไม่ลบก็ขยำทิ้ง ยังทิ้งอดีตไว้อยู่ดี


“เหนื่อยแล้วเหรอมึง เล่นอย่างกับคนไม่เคยเจอทะเล” คนที่เพิ่งขึ้นมา ทักผม

“นายขึ้นมาหลังเราอีกนะ”

“ก็กูแช่รอมึงอยู่” นายปีโป้พูดพร้อมกับทรุดลงนั่งข้างๆผม


“หายเครียดหรือยัง” ผมถามไป ขณะที่สายตาของเราสองคนกำลังจ้องมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะจมลงสู่ท้องทะเล

“ยังเลยว่ะ ยังอีกหลายอย่างที่กูอยากทำให้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ”

“อย่ารีบสิ ทำไปให้เสร็จทีละเรื่อง ทีละเรื่อง”

“แต่เวลามันบีบคั้นกู มันบอกกูว่ากูต้องจัดการให้มันเสร็จๆ”

“นายต่างหากที่ไปบีบคั้นเวลา นายไปเร่งรีบให้ทุกอย่างต้องเป็นดั่งใจนายไปหมด ด้วยการบังคับปัจจัยอื่นๆ จนสุดท้ายนายนั่นแหละที่ถูกบีบเอง”

“มึงว่ากูยังมีหวังเปล่าวะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับหันหน้ามามองผม

“ความหวังของนายไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราซะหน่อย” ผมตอบออกไปลอยๆ ทั้งๆที่รู้ว่าจริงๆแล้วนายปีโป้หมายถึงความหวังเรื่องอะไร



“แต่กูว่าหัวใจของกู มันอยู่ที่มึงแล้วนะ”  ถึงผมไม่ได้หันไปดูหน้านายปีโป้ตอนนี้ แต่ก็รับรู้ได้ถึงความจริงจังจากพลังเสียง ..






“พระอาทิตย์ตกที่นี่สวยดีเนอะ”  อาจไม่ใช่คำตอบของคำถาม หรือว่าประโยคต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้องใดๆกับที่นายปีโป้บอกผม แต่ถ้าผมเถียงชนะความรู้สึกตัวเองนิดนึง  ประโยคนั้นคงยาวกว่านี้ก็ได้


“มึงก็เป็นของมึงแบบนี้สินะ ฮ่าๆๆ” คำว่าแบบนี้ของนายปีโป้ดูจะกว้างมากถ้าพูดกับคนอื่น แต่ถ้าใช้แทนตัวผม มันคงจะแคบน่าดู ... เพราะผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ



“กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้แม่คงรอทานข้าวแล้ว” นายปีโป้พูดพร้อมกับลุกขึ้น และยื่นมือมาให้ผม  ผมชะล่าใจว่าจะยื่นมือไปจับดีมั๊ย

“ให้กูได้หาเศษหาเลยจากตัวมึงบ้างเหอะ คิดซะว่าสงสารกู” คำพูดที่ดูจะไม่จริงจัง รอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์นั้น ทำเอาผมสงสารไปตามที่นายปีโป้บอก ยื่นมือไปจับมือนายปีโป้ แล้วอีกคนดึงให้ผมลุกขึ้นจากพื้นทราย




ภาพพระอาทิตย์เบื้องหลังกำลังลับตา ความมืดกำลังเข้าครอบงำ เรื่องราวหลายๆเรื่องเลือกจะปิดบทในแต่ละวัน แต่เรื่องบางเรื่องเลือกที่จะสานต่อไป ...






“ป๊าครับ แม่ครับ ผมว่าทานข้าวเสร็จ ผมขอคุยเรื่องหมั้นกับหมวยเล็กหน่อยได้ไหมครับ” นายปีโป้พูดขึ้นกลางโต๊ะอาหาร ทำเอาป๊าและแม่ของนายปีโป้มองมาอย่างสงสัย ว่าจะคุยเกี่ยวอะไร แต่ผมคิดว่าท่านสองคนคงพอจะรู้จักลูกชายตัวเองมากพอสมควร ไม่งั้นจะจัดการนายปีโป้ให้กลายเป็นคนละคนตอนอยู่ในเมืองได้ไง



หลังทานอาหารค่ำกันเสร็จ ผมปลีกตัวออกมาโดยมารยาท เพราะรู้ดีว่าเรื่องราวต่อจากนั้นคือเรื่องราวภายในครอบครัว  นายปีโป้กับท่านทั้งสองเลือกที่จะคุยกันที่โถงของบ้าน ส่วนผมก็เลือกที่จะมาเดินรับลมที่สวนของบ้านเช่นกัน


“คุณหนูจะรับขนมทานเล่นไหมคะ” ผมหันไปมองเสียงจากด้านหลัง ป้าแม่บ้านเดินมาถามผมครับ

“ไม่เป็นไรครับ น้ำมนต์อิ่มแล้ว” ผมตอบไป และยิ้มให้แก

“หนูน้ำมนต์น่ารักจังเลยค่ะ ป้าไม่ค่อยเจอเพื่อนคุณหนูที่น่ารักๆแบบนี้เลย” ป้าแกพูดชมผมก่อนจะเดินมาใกล้ๆผม

“นั่งก่อนสิครับป้า คุยเป็นเพื่อนน้ำมนต์หน่อย” ผมบอกแก

“ผมหนูน้ำมนต์สวยจังเลยนะคะ ตอนแรกป้านึกว่าเพื่อนผู้หญิงของคุณหนู” ป้าแกพูดตามประสาแกไป ผมได้แต่ยิ้มให้

“คุณหนูไม่ค่อยพาเพื่อนมาบ้านเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนมากพามาก็นอนที่เรือนใหญ่ คุณหนูหวงกระท่อมหลังนี้มาก ขนาดคุณหมวยเล็กยังนับครั้งเข้าได้เลยค่ะ “ ป้าแกพูดไปยิ้มไป พร้อมทำหน้าสงสัย

“เพราะน้ำมนต์มาคนเดียวมั้งครับ ปกตินายปีโป้คงพาเพื่อนมาเยอะ นอนที่กระท่อมยาก” ผมบอก

“ไม่จริงเลยค่ะ คุณเอ็มเพื่อนคุณหนูตั้งแต่เด็กๆนะคะ ก็ไม่ค่อยได้มากระท่อมเท่าไหร่หรอกค่ะ ทุกวันนี้ยังงอนๆคุณหนูอยู่เลย”

“ครับ ป้าท่าทางจะรักคุณหนูของป้ามากเลยนะครับ” ผมเริ่มชวนป้าเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะประเด็นมันไม่ใช่เพราะนายปีโป้หวงกระท่อมแล้ว แต่จะกลายเป็นว่าผมสำคัญยังไงถึงได้อยู่ในกระท่อมนี้

“จะไม่ให้ป้ารักได้ไงละคะ เห็นกันมาแต่อ้อนแต่เอาะ ตอนเด็ก ซ้นนนน ซน เวลาป้าเลี้ยงเป็นลมแล้วเป็นลมอีก  แต่ตอนนี้ก็ยังดื้อนะคะ แต่เป็นดื้อเงียบแทน นี่ก็ไม่รู้คุยอะไรกับคุณท่านเค้า สงสัยจะเรื่องอยากถอนหมั้น ป้าเห็นคุยกันมาหลายรอบแล้ว ไม่ลงรอยสักที”  ป้าแกเริ่มจะเข้าข่ายนินทาเจ้านายแล้วครับ แต่ผมก็ยังยิ้มๆฟังแกนะครับ แกดูเป็นคนที่ใจดี และคงอยู่ที่นี่มานานมากๆแล้ว ไม่ว่าใครก็รักแกครับ ผมเจอแกยังชอบแกเลย แกดูจิตใจดีครับ

“คุณหนูน้ำมนต์รู้มั๊ยคะ ว่าตอนนี้คุณหนูมีแฟนอยู่ที่ในเมืองหรือเปล่า” อยู่ๆป้าแกก็ถามมาครับ

“เอ่อ ไม่รู้สิครับ” ผมตอบพร้อมกับหลบสายตาป้าแกนิดหน่อย

“ป้าว่าคุณหนูต้องติดหญิงแน่ๆ พักหลังไม่ค่อยกลับบ้านเลย ป้าละชะเง้อคอยทุกศุกร์ เสาร์เลย” ป้าแกพูดไปเรื่อยๆครับ

“เดี๋ยวผมจะบอกให้นะครับ ว่าให้กลับบ้านมาบ่อยๆ จะบอกว่าป้าคิดถึง”

“อุ๊ย ไม่เอาค่ะคุณหนู เดี๋ยวคุณหนูปีโป้จะมาดุป้าเอา ป้าไปก่อนนะคะ ป้าชอบคุณหนูน้ำมนต์นะคะ มาที่นี่บ่อยๆล่ะ คุณหนูปีโป้จะได้กลับบ้านบ่อยๆ” ป้าแกพูดพร้อมกับลุกและเดินจากไป ทิ้งผมให้ยิ้มกับอาการของป้าแกอยู่คนเดียว




ผมนั่งอยู่ในสวนนานพอสมควรก็ไม่เห็นทีท่าว่านายปีโป้จะกลับมา ยุงก็เริ่มจะกัดผม ผมเลยคิดซะว่าไปรอในกระท่อมดีกว่า เลยเข้ามานั่งรอนายปีโป้ ดูทีวีไปเรื่อยๆ หยิบเอาหนังสือที่ชั้นวางหนังสือมาดูเล่นบ้าง จนนายปีโป้เปิดประตูเข้ามา




สีหน้าของนายปีโป้ตอนนี้ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีความกวนตีน ไม่มีความเจ้าเล่ห์ซ่อนบนใบหน้านั้นเลย ผมยืนขึ้นมองเด็กโข่งตัวโต ที่ตัวเกือบเท่าประตูกระท่อม หน้าตาดูไม่มีความสุขจ้องมองมาที่ผม สายตาที่ดูเศร้าเหมือนเด็กที่ทำอะไรแล้วโดนขัดใจ ความดื้อรั้นในสายตาถ่ายทอดมาให้ผม  ผมเลือกที่จะค่อยๆยิ้มให้กับใบหน้านั้น




นายปีโป้เดินเข้ามาใกล้ๆผม ในขณะที่ผมก็ยังยืนอยู่ที่เดิม มือของนายปีโป้ค่อยโอบเข้ากับข้างหลังของผมทั้งที่ผมไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ได้มีอาการขัดขืนอะไร คางของนายปีโป้วางลงบนบ่าข้างขวาของผม ก่อนที่กระซิบบอกผมด้วยเสียงแหบพร่า ..










“ให้กูกอดมึงหน่อยนะ  ... หายเหนื่อยแล้วกูจะปล่อยเอง”





.................................................................................

ช่วงนี้อัพบ่อยเอาใจนักอ่านทุกท่าน ยังไงก็ขอกำลังใจเยอะนะครับ แล้วจะปั่นมาให้บ่อยๆ


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 16-11-2011 23:41:09
ปล่อยโป้ไปเถอะหมวย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 16-11-2011 23:59:53
ไม่ใช่แค่เรื่องขอถอนหมั้น แต่ยังมีเรื่องจะคบกับผู้ชายด้วย...หนักหน่อยนะโป้ แต่ก็ต้องสู้ๆ ถ้ายังอยากได้ดังใจ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 17-11-2011 00:22:46
โป้สู้นะ  :sad4:
ส่วนหมวยเล็ก ผู้ชายเค้าไม่เอาแล้วเธอจะดึงดันไปเพื่ออะไรห๊ะ !   :z6:  อึ๊ยยยย    :fire:

ปล   อยากให้รักกันเร็ว ๆ อ้ะ  :serius2:

ปลล  ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ

 :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 17-11-2011 00:40:57
น้ำมนต์อย่าใจร้ายกับโป้เลยนะ โป้น่าสงสารออก (เฉพาะตอนนี้ นะ)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 17-11-2011 02:02:23
อย่าหายเหนื่อยไวละ
นานๆจะได้กอดที
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 17-11-2011 05:36:26
โป้น่าสงสารมาก เดาว่าพ่อแม่ อาจจะไม่ยอมเรื่องถอนหมั้น

บอกพ่อแม่ไปเลยโป้ ให้หมั้นกับน้ำมนต์แทนไม่แน่ อาจจะยอม
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 17-11-2011 06:31:20
ปีโป้ที่รัก สู้ๆเน้อ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 17-11-2011 09:34:37
ฮือๆ เราสงสารปีโป้อ่ะ ต้องถอนหมั้นไม่ได้แน่เลย

น้ำมนต์สงสารมัน ให้กำลังใจมันหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 17-11-2011 10:22:33
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ช่วยกันกอดโป้หน่อย
น้ำมนต์ช่วยหน่อยสิ โป้น่าสงสารจัง

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Warlock ที่ 17-11-2011 12:18:45
อืมๆตอนต่อไปจะเป็นยังไงละนี่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 17-11-2011 12:19:27
อย่าบอกนะครับว่าพ่อแม่นายโป้
ไม่ยอมถอนหมั้น จะบร้าเร๊อะ น่าจะถาม
ความสมัครใจจากลูกซักนิด ตัดสินใจกันเองได้ไง
แบบนี้มันฆ่าลูกตัวเองทางอ้อมชัดๆ สงสารปีโป้อ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 17-11-2011 12:51:34
 :sad4: :sad4:  ปีโป้ สู้ๆเน้อ

 :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 17-11-2011 14:47:15
โป้สู้สู้ :ped149:นะ
เกลียดยัยหมวยจัง
+1ให้จ๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: seaweed ที่ 17-11-2011 14:53:41
เอาไฟไปเผาบ้านนังหมวย บอกมาว่าอยู่ที่ไหนของขนอม จะไปวางเพลิง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 17-11-2011 15:14:03
สงสารโป้อ่ะ สู้ๆนะโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Whitel3eal2 ที่ 17-11-2011 23:16:40
โอ๊ยยย ประโยคสุดท้ายแปลว่าอารัย??? อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งเลิกรักน้ำมนต์นะ!!!!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 18-11-2011 02:03:42
มาแบบนี้คงโดนคัดค้านมาแน่ๆเลยนายโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: nona159 ที่ 18-11-2011 12:37:43
ไม่ชอบหมวยเล็กอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-11-2011 17:15:19
สงสารนายโป้
ฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้นะ
แต่ก่อนอื่นทำให้น้ำมนต์รักซะก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 22 อัพทุกวันเม้นกันเยอะๆนะ 16-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 19-11-2011 13:16:59
คิดถึงงงงงงงงง :กอด1:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 21-11-2011 15:18:00
ตอนที่ 23


“ให้กูกอดมึงหน่อยนะ  ... หายเหนื่อยแล้วกูจะปล่อยเอง”  คำพูดที่พูดไปด้วยเสียงแผ่วเบาของผม สื่อความหมายได้ชัดเจน แขนของผมสองข้างกอดตัวบางๆของน้ำมนต์ไว้ คางของผมวางลงบนบ่าคนที่ตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อย ผมได้กลิ่นยาสระผมจากผมของน้ำมนต์เล็กน้อย ให้ความรู้สึกหอมสดชื่น บวกกับกลิ่นสบู่อ่อนๆที่ตัวของน้ำมนต์  ทำเอาใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ความตั้งใจจะกอดให้รู้สึกหายเหนื่อย กลับรู้สึกว่าร่างกายตัวเองจะแย่ไปกว่าเดิม  ผมจึงกอดรัดตัวน้ำมนต์แน่นๆอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยน้ำมนต์ให้เป็นอิสระ





“นายโอเคแล้วนะ” น้ำมนต์ถามผมมาด้วยสีหน้าเรียบๆ สายตาเจือความห่วงใย

“อืม กูโอเคแล้ว เดี๋ยวกูมานะ” ผมบอกน้ำมนต์ก่อนจะรีบเดินมาข้างหลัง และเปิดประตูเข้าห้องน้ำ รีบนั่งลงบนชักโครก ถอดกางเกงออกอย่างว่องไว





เปล่าครับ ผมไม่ได้ปวดท้องเข้าห้องน้ำหรืออย่างไร ก็เจ้ามังกรหยกของผมนั่นสิ มันพยศอีกแล้ว มันจะมาตื่นตัวอะไรเอาตอนนี้ครับ กะทำหวานกับน้ำมนต์ซักหน่อย  น้ำมนต์ก็อุตส่าห์คล้อยตาม แต่ไอ้มังกรหยกตัญหากลับไม่รักดีเสียนี่ เดี๋ยวพ่อกจัดการให้เลือดตกยางอกซะหรอก




หึหึ ว่าแล้วก็ขอจัดการกับไอ้มังกรเก้านิ้วนี่ก่อนแล้วกัน .. หึหึ โม้ไว้ก่อน ป๊าสอนไว้











ผมออกมาจากห้องน้ำก็เห็นน้ำมนต์เปิดดูทีวีอยู่ครับ แต่ตาก็มองหนังสือที่เปิดอ่านอยู่เช่นกัน ตกลงจะทำอะไรกันแน่ละเนี่ย

“ท้องเสียเหรอ” น้ำมนต์ถามผม แต่สายตาก็ยังคงดูหนังสืออยู่

“อือ” ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะนั่งลงไปข้างๆน้ำมนต์

“อ่านไรอ่ะ” ผมชะโงกหน้าไปดูหนังสือที่น้ำมนต์กำลังดู มันเป็นหนังสือศิลปะครับ แม่ชอบเอามาเก็บไว้ที่กระท่อมผม แม่บอกว่ามันเข้ากับกระท่อมผมดี นานๆทีผมถึงจะเปิดออกมาดูรูปเล่นบ้าง

“นายนี่ก็ปรับอารมณ์ไวเหมือนกันนะ” น้ำมนต์ปิดหนังสือเล่มนั้นแล้วหันมามองหน้าผม



ปรับอารมณ์เร็ว  อย่างไรเหรอ  ผมทำหน้างงๆกลับไป



“ก็เมื่อกี้นายเข้ามายังทำหน้าเศร้าสร้อยเหมือนโดนพ่อแม่นายขัดใจอยู่เลย แต่พอออกจากห้องน้ำนายก็ดี๊ด้าอย่างกับถูกหวย เราเลยว่านายปรับอารมณ์ไวไง เรารู้สึกจะตามไม่ค่อยทัน” มันพูดมาซะยาวเลยครับ




“ก็ .. เอ่อ  กูไปปลดทุกข์มาไง ทุกข์มันก็เลยหมดไป”

“เหรอ วิเศษจังเลยเนอะ” น้ำเสียงหน้าตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประชด หึหึ

“มึงไม่อยากรู้บ้างเหรอ ว่ากูคุยกับป๊ากับแม่กูว่าไงบ้าง”

“ไม่นี่ เรื่องส่วนตัวของนาย”  มันพูดพร้อมกับเปิดหนังสือเล่มเดิมอ่านต่อ

“แต่มันมีมึงเกี่ยวข้องด้วยนะ”

“นายอ้างอะไรเราไปละ” สายตามันยังคงจับจ้องที่หนังสือเล่มนั้น

“กูบอกว่ากูชอบมึง อยากหมั้นกับมึง”

“อืม แล้ว ... เอ๊ยยยย” มันปิดหนังสือทันทีเลยครับ

“นายพูดว่าอะไรไปนะ” และก็ถามมาหน้าตาเลิกลัก

“กูบอกว่ากูชอบมึง ขอหมั้นกับมึงแทนได้มั๊ย” ผมย้ำกับมันอีกที

“นายล้อเราเล่นใช่มั๊ย”

“กูพูดจริง”

“พอเลย ไม่ต้องมาอำเรา เราไม่คุยกับนายแล้ว” มันทำเป็นไม่รับรู้ หยิบหนังสือเล่มเดิม ขยับไปนั่งโซฟาอีกตัวนึง








“ถ้ากูพูดแบบนั้นจริงๆ มึงจะทำยังไง” ผมถามไปแบบจริงๆจังๆ มันวางหนังสือในมือลง

“ก็จะไปบอกท่าน ว่านายพูดเล่น”

“แล้วถ้ากูบอกว่ากูพูดจริง”

“นายคิดไปเอง”





“เหอะๆ  ก็จริงของมึงสินะ อุปสรรคของกูมันไม่ได้อยู่ที่ว่ากูจะมีคู่หมั้นหรือยัง แต่มันอยู่ที่ว่ากูมีคนรักหรือยังต่างหาก แต่การรักเค้าข้างเดียว มันคงไม่ได้เรียกว่าคู่รักสินะ” ผมพร่ามออกไป

“นายต้องการจะบอกอะไร”

“กูบอกป๊าว่ากูมีคนที่กูรักแล้ว ซึ่งคนนั้นไม่ใช่หมวยเล็ก และกูก็คิดกับหมวยเล็กแค่น้องสาวเท่านั้น” ผมพูดพร้อมมองหน้ามัน แต่มันพยายามหลบตา

“ถ้ามึงหันมองตากูตอนนี้ มึงจะรู้ว่าคนที่กูรักคือใคร” ผมพูดด้วยความจริงจัง แต่อีกคนกลับไม่หันมาสบตาผมเลย





“น้ำมนต์” ผมเรียกชื่อมันอีกที

“มีรายยยยย”

“เมื่อไหร่มึงจะเชื่อใจกู ว่ากูรักมึงจริงๆ จะให้กูไปบอกยาย บอกป๊าบอกแม่กูตอนนี้เลยก็ได้ ว่ากูรักมึง” ผมเริ่มจริงจังแล้วครับ

“กูไม่ได้ขอให้มึงเห็นใจกูในตอนนี้ กูแค่ขอให้มึงแค่เปิดใจเท่านั้น เปิดใจให้กูเข้าไปในใจมึงบ้าง กูไม่เคยทำแบบนี้เลยกับใคร ไม่เคยวิงวอนขอความรักจากใคร ไม่เคยขอให้ใครมารักกูเลย และกูก็จะให้มึงรักกูเหมือนกัน ขอแค่เปิดใจให้กูบ้างก็เท่านั้น”  ผมพูดต่อ ในขณะที่อีกฝ่ายยังนึ่งอยู่กับหนังสือเล่มเดิม




“น้ำมนต์ ...” ผมเรียกเสียงนั้นอย่างเบาๆ น้ำมนต์วางหนังสือลงแล้วมองมาที่ผม ตาของน้ำมนต์แดงเล็กน้อย

“ถ้านายยังไม่รู้จักเราดีพอ นายอย่ามาพูดแบบนี้อีก  และถ้าเราไม่เปิดใจให้นาย เราคงไม่นั่งอยู่ตรงนี้  นายต่างหากที่พยายามบังคับเรา บังคับให้เรารู้สึกนั่นโน่นนี่  นายบอกว่านายต้องการชนะใจเรา แต่เปล่า ถามตัวเองเถอะ ว่าพยายามเต็มที่หรือยัง เราไม่ได้ง่ายๆเหมือนคนที่ผ่านมาของนายนะ” น้ำมนต์พูดแล้วก็เดินออกไปจากตรงนั้น


“ปัง !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงประตูกระท่อมปิดดังปังบอกว่าน้ำมนต์ออกไปข้างนอกระท่อมแล้ว




ทิ้งผมกับความว่างเปล่า มีแค่เสียงทีวีเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้  คิดทบทวนคำพูดที่น้ำมนต์พูดมา ผมมันแย่จริงๆ ก็จริงของมัน ถ้ามันไม่เปิดใจให้ มันจะยอมมานอนบ้านผมเหรอ นี่มันคืนที่สองแล้วนะ มันจะยอมให้ผมชิดใกล้ขนาดนี้เหรอ แล้วผมยังต้องการอะไรอีก แล้วทำไมผมต้องไปเร่งทุกๆอย่างให้เร็วตามใจตัวเองด้วย




“โถ่เว๊ยยย” ผมสบถออกมาพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างขยี้หัวแรงๆ เพื่อให้เรื่องราวบ้าๆที่เครียดมาทั้งวันหายไปบ้าง ก่อนที่ผมจะพิงหัวไปบนพนักของโซฟา



ผมกำลังคิดว่าวันนี้ผมเจออะไรมาบ้าง เจอน้ำมนต์เอาผ้าห่มมาห่มให้ผมตั้งแต่เช้า ทั้งที่ผมก็รู้สึกตัวแล้ว แต่ก็อยากเห็นความห่วงใยของคนที่นอนสบายข้างบน เจอกับหมวยเล็กที่มาทวงคำสัญญาเรื่องหมั้น แล้วก็มาทะเลาะกันตอนไปส่งกลับบ้าน  ได้เล่นน้ำทะเลกับน้ำมนต์ เล่นน้ำกับคนที่รู้จักก็เหมือนไม่รู้จัก ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัย ยิ่งรู้จักก็ยิ่งไม่รู้จัก แล้วก็ต้องมาทะเลาะกับป๊าเรื่องเดียวกับตอนกลางวัน  ถ้าการบอกป๊าไปว่าผมชอบน้ำมนต์แล้วทำให้เรื่องทุกอย่างโอเค ผมคงเลือกทำไปแล้ว แต่ตอนนี้คนที่ผมรัก เขายังไม่โอเคกับผมเลย บอกไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ยิ่งทำให้ป๊ากับแม่ไม่ชอบน้ำมนต์ไปอีก


แล้วเหตุการณ์เมื่อกี้อีก เหตุการณ์ที่ทำให้ผมไม่เข้าใจตัวเองว่าจะไปทางไหนต่อ ไม่เข้าใจความหมายของน้ำมนต์ที่บอกว่าเปิดใจให้แล้ว ไม่เข้าใจว่าอีกคนคิดกับผมยังไงกันแน่



นี่ผมโง่เกินจะเข้าใจ  ... หรือน้ำมนต์ทำตัวน่าสงสัยในเรื่องนี้กันแน่นะ




ผมผงกหัวจากโซฟา เลิกครุ่นคิดเรื่องที่ผ่านมา และรู้ว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไป เดินหน้าให้กับความจริงจังครั้งแรกในชีวิต การพิชิตใจคนที่ใจเย็นอย่างน้ำแข็งที่ชื่อน้ำมนต์คนนี้ คงยากสมที่เค้าล่ำลือกันจริงๆ 



แต่ก็นั่นแหละ .. นายหัวโป้ซักอย่าง





ผมออกมานอกกระท่อมเห็นน้ำมนต์นั่งมองท้องฟ้าอยู่ตรงม้านั่ง ผมเข้าไปหยิบผ้าห่มผืนเดียวกันเมื่อเช้าคุมตัวมา แล้วก็เดินไปที่น้ำมนต์ ก่อนจะเอาผ้าคลุมตัวอีกคนไว้ด้วยกัน

“อากาศหนาวนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายซะหรอก” ผมบอกมัน

“อืม ขอบใจนะ” มันบอกผม





และนั่นคือบทสนทนาของเราระหว่างที่นั่งดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวเล็กดาวน้อยมากมาย เสียงของลมหายใจที่แผ่วเบาของแต่ละคน รับรู้ได้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายของวันนี้  ความเงียบทำให้เราสองคนเข้าใจกันมากขึ้น ผมรู้นะว่ามันก็รู้ว่าผมชอบมัน และผมก็รู้นะ ว่าสักวัน มันก็ต้องคิดเหมือนผม












ผมตื่นเช้ามามองใบหน้าของคนที่นอนข้างผมเมื่อคืน เป็นคืนแรกที่ผมนอนหลับสนิทข้างมัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจเพราะเหนื่อยมาหลายเรื่องทั้งวัน ไม่ก็เพราะร่างกายปรับตัวกับอีกร่างกายได้แล้ว
หน้าของน้ำมนต์ตอนนี้ไม่ต่างจากตอนที่ตื่นนัก หน้าตาที่ไม่ค่อยมีรอยยิ้ม แต่ก็มีเสน่ห์ที่ทำให้อยากมองจนไม่อยากคาดสายตา ผมจ้องมองอยู่นานก่อนที่เปลือกตาเล็กๆของน้ำมนต์จะเปิดขึ้น


“มองอะไร” คำถามห้วนๆกับหน้าตางงๆของน้ำมนต์บอกผมมา

“มองคนน่ารัก” ผมบอกไป

“ประสาท” มันพูดก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วผลักผมให้ล้มลงไปนอนกองกับที่นอนเหมือนเดิม  ผมรู้นะว่ามันอาย




เช้านั้นหลังจากที่เรากินข้าวเช้ากันเสร็จ ผมก็รีบพามันกลับมาส่งที่บ้านของมัน เห็นยายยิ้มต้อนรับผมอย่างดี ผมคุยอะไรกับยายนิดหน่อย ก่อนจะขอตัวกลับมาที่หอ




“ไอ้เอ็ม มาหากูที่หอหน่อยสิ” ผมโทรไปบอกมันก่อนที่จะล้มตัวลงนอนหลับตารอไอ้เอ็ม สมองก็คิดถึงแต่เรื่องน้ำมนต์ โน่น นี่ นั่นมากมาย ออกจะเบื่อตัวเองเล็กน้อยที่เพียงแค่หลับตา หน้าคนที่อยากเจอทุกวัน ก็ปรากฎขึ้นทันที






ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ไอ้เอ็ม มันก็มาถึงห้องผม



“ไงมึง มีไรถึงโทรเรียกกู” มันทักผม

“กูเครียดวะ” ผมบอกมันไป พร้อมกับลุกขึ้นมองหน้ามัน

“เรื่องไรวะ”

“เรื่องหมวยเล็ก”

“ทำไมวะ”

“ป๊ากูบอกว่า ในเมื่อกูยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ก็มีหมวยเล็กนี่แหละ ที่เหมาะสมกับกูที่สุด”

“แล้วทำไมมึงไม่บอกว่ามึงมีแฟนแล้ว”

“ถ้าแกถามว่าใคร กูจะบอกยังไง แล้วถ้าแกอยากเจอตัวกูจะทำยังไง อีกอย่างแกก็รู้ว่ากูไม่ค่อยจริงจังอะไรกับใคร”

“แล้วมึงเจอคนที่มึงจะจริงจังด้วยหรือยังละ”

“เจอแล้ว”

“น้ำมนต์รึ”

“เออ แต่กูก็ยังไม่รู้อยู่ดี ว่ามันจะชอบกูมั๊ย น้ำมนต์หรือน้ำแข็งก็ไม่รู้  เย็นชาชะมัด” ผมพูดไปพร้อมกับนึกหน้าคนที่เพิ่งจะไปส่งบ้านมา

“กูก็บอกมึงแต่แรกแล้ว ว่าคนนี้มันไม่ได้ง่ายๆ”

“เออ กูเผลอใจไปเองแหละ เผลอจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเนี่ย”

“เหมือนกับตอนไอ้เบสท์อ่ะนะ”







ผมอึ้งไปสักพักที่ไอ้เอ็มพูดชื่อนี้มา ชื่อที่ผมเคยจำได้อย่างดี และเป็นชื่อที่ผมอยากลืมมากที่สุด เป็นชื่อที่กลายเป็นความทรงจำที่ผมจะลืม คนที่ทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่มีหัวใจ คนที่ทำลายความเชื่อในความรักของผม




“เอ๊ย กูขอโทษ กูแค่ถามว่ามันเหมือนคราวนั้นมั๊ย ขอโทษที่พูดชื่อมัน” ไอ้เอ็มเหมือนรู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป จนต้องกล่าวขอโทษขอโพย

“เออ ช่างเหอะ กูลืมมันไปหมดแล้ว” ผมบอกพร้อมกับฝืนยิ้มให้มันไป





ประโยคที่ว่า “เราไม่เคยจะลืมมัน แค่เราไม่เพิ่มความทรงจำ” คงเป็นเรื่องจริงในตอนนี้  ผมคงลืม “ไอ้เบสท์” คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรักแรกของผมยาก และอาจจะไม่มีวันลืม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าผมยังรักมันนี่



ยังไม่ลืม , ไม่ได้หมายความว่ายังรัก .. ซะหน่อย





ผมคุยกับไอ้เอ็มต่ออีกนิดหน่อย มันบอกให้ผมคุยกับหมวยเล็กดีๆ  ถ้าให้ดีก็บอกไปเลยว่าผมเป็นคนยังไง กำลังดูใจใครอยู่ ซึ่งผมก็คิดอยู่ว่าถ้าถึงเวลาผมคงต้องทำ




พอไอ้เอ็มกลับไป ผมก็นอนลงบนเตียงอีกครั้ง พร้อมกับหลับตา แต่ภาพในครั้งนี้ช่างแตกต่างจากการหลับตาครั้งที่แล้ว ภาพก่อนหน้าที่เคยเป็นน้ำมนต์รักครั้งใหม่  แต่ตอนนี้กลับไอ้เบสท์ ..




รักครั้งแรก



.

.

.




“กูรักมึงนะไอ้เบสท์” ผมพูดประโยคนี้อีกครั้ง ในวันที่เราสองคนเรียนจบม. 3 เพื่อนที่โตขึ้นมาพร้อมผม เพื่อนที่อยู่ข้างผมมาตลอด เพื่อนที่คอยห่วงใย และเพื่อนที่คอยดูแลหัวใจของผม

“กูก็รักมึง ..” มันพูดพร้อมกับยิ้มๆมาให้ผม





ไอ้เบทส์เป็นเพื่อนบ้านของผม มันอยู่กับยายของมัน เพราะพ่อแม่ของมันทำงานที่ต่างประเทศ นานๆทีถึงจะได้มาหา เราเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จนไม่ต้องบอกเลยว่าเราสนิทกันขนาดไหน โดยมีไอ้เอ็มอีกคน ที่เราสนิทกันจนรู้ว่าใครคิดยังไง และไอ้เอ็มมันก็รู้ว่าผมกับไอ้เบสท์รักกัน  .. รักจนเกินคำว่าเพื่อนไปแล้ว


ผมกับมันเคยฝันถึงช่วงวัยโตของเราสองคน  เราคงได้อยู่ด้วยกัน มีรีสอทจ์ที่เราสองคนดูแล มีเรือปลาของพ่อผมคอยจัดการ และมันก็จะตั้งรากฐานที่นี่กับผม




“โป้ .. กูมีอะไรจะบอก” มันกำมือผมแน่น ก่อนที่จะหันหน้ามามองผม

“จะบอกรักกูอีกเหรอ เพิ่งพูดไปเองนะ” ผมแซวมัน มันเบือนหน้าไปมองทะเลข้างหน้า โดยไม่ได้รู้สึกเขินอาย หรืออะไรกับประโยคนั้นเลย จึงทำให้ผมต้องปรับอารมณ์มาสนใจคำพูดของมันที่จะบอก



“กูต้องไปอยู่กับครอบครัวกูที่เมืองนอกแล้ววะ” มันพูดมาแค่ประโยคสั้นๆ แต่ความรู้สึกของผมมันเหมือนถูกค้อนปอนด์ทุบลงอย่างหนักที่หัวใจ มันไม่พังทลาย แค่ปวดร้าวและสั่นไหวจนจุกไปหมด



“มึงไปไม่นานใช่มั๊ย” ผมกลั้นใจถามไป พร้อมกับยิ้มบางๆไปให้

“กูก็ไม่รู้วะ” คำตอบสั้นๆ ที่ทำลายความมั่นใจในตัวผมพังทลาย




เราเงียบกันอยู่นาน ผมมีล้านพันคำถามที่อยากจะถาม อยากจะย้ำเพื่อความมั่นใจในความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่รู้จะเลือกคำถามไหนมาถาม  ผมเชื่อว่าระยะทางต้องไม่ทำให้พวกเราสองคนห่างกัน เชื่อว่าความรักของเราสองคนต้องดำเนินต่อไป แม้ตัวจะไกลกัน  เชื่อว่ามันต้องรักผมคนเดียว เหมือนที่ผมรักมัน ..



แต่ผมก็เชื่อผิด ..




หลังจากที่ไอ้เบสท์ไปอยู่กับพ่อแม่ของมัน เราติดต่อกันบ่อยๆเฉพาะสองสามเดือนแรก แต่หลังจากนั้นมันก็หายไป ผมส่งเมล์ไปหาก็ไม่ได้รับการตอบกลับ โทรไปหาก็ไม่เคยรับ ผมส่งเมล์ไปหาทุกวัน โทรไปหาทุกวันตลอดระยะเวลาสองสามเดือนต่อมา แต่ก็ไม่เคยมีการตอบกลับแต่อย่างใด



ความเฉยชาของมันทำให้ผมแทบบ้าตาย .. มันทำร้ายยิ่งกว่าการได้รับรู้ว่ามันไม่รักผมแล้ว ให้รู้ว่ามันมีคนใหม่ยังดีกว่านี้ มันคงดีกว่าค้างๆคาๆ แบบไม่รู้สถานะของตัวเอง




และหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมก็ไม่ได้รับการติดต่อจากมันอีกเลย เคยไปหายายมัน ยายมันก็บอกว่ามันติดต่อกลับมาตลอด อยู่ทางโน้นสบายดี

พอรู้ว่ามันสบายดี ผมก็อดห่วง มันไม่ได้หายสาบสูญไป แต่มันคงเลือกที่จะติดต่อกับคนที่มันต้องการติดต่อจริงๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นไม่ใช่ผม





หัวใจผมสลายไปกับรักครั้งแรก .. และหลังจากนั้น ผมก็ไม่เคยไว้ใจใครอีกเลย  .. แม้แต่ตัวเอง


.

.

.

.




ผมลืมตาขึ้นมาจากภาพนึกคิดของเรื่องราวในอดีต อดีตที่คิดว่าลืมไปแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ริมขอบตา และบริเวณแก้ม  มือของผมค่อยๆปาดมันทิ้ง ก่อนลุกขึ้นนั่งบนเตียง ฟังเสียงของหัวใจตัวเองเต้นอีกครั้ง










“หัวใจมันเต้นอยู่กับปัจจุบัน .. มันต้องเต้นเพื่อให้กูมีชีวิตอยู่เพื่อคนปัจจุบันสิ”
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 21-11-2011 16:02:27
นายโป้ ต้องอยู่กับ น้ำมนต์ สิ อย่าไปสนคนในอดีตเลย
หัวข้อ: Re: {-Re_คุณพ่อมาเฟีย.}(-9-)-ll-รักเจ้านายวายร้ายของผม-ll-0710-ll
เริ่มหัวข้อโดย: tongdbsk ที่ 21-11-2011 16:13:44
มาแล้วๆๆ

ไปอ่านก่อน

ฟิ้วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 21-11-2011 16:32:00
ดราม่าจริงๆ :o12: :o12: 
 คนเก่าก็ยังไม่ลืม  น้ำมนต์ล่ะจะเอายังไง :serius2:
 อึดอัดแทนปีโป้ สู้สู้เน้อ  :กอด1:

ขอบคุณครับคนเขียน :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 21-11-2011 16:37:55
โอย ดราม่าจริง ๆ ด้วย

ปีโป้น่าสงสารอ่ะ มีอดีตที่เศร้ามากจริง ๆ

น้ำมนต์รักโป้เถอะนะ เราขอร้อง (อินมากตรู)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 21-11-2011 16:52:47
รักครั้งแรกน่ากลัวที่สุด
ถ้าเกิดว่าน้ำมนต์รักโป้ แล้วอยู่ๆนายรักแรกอะไรนั่นโผล่มาทวงโป้ล่ะ
ไม่เอานะ ไม่สวยนะ
ชักสงสารน้ำมนต์ยังไงไม่รู้ ดูโป้มีแต่อดีตลึกลับไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 21-11-2011 17:06:30
สงสารโป้อ่ะ ดีแล้วที่ไม่จมอยุ่กับความรักในอดิต อ่านแล้วคิดถึงรักของตัวเองเลย เหอเหอ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 21-11-2011 19:04:25
คนเขียนก็นะ มีหมวยไม่พอ ยังเพิ่มเบสท์คนในอดีตมาอีกหนึ่ง เรื่องนี้เอ๋ยยยย จงซับซ้อนดราม่ามากขึ้นๆๆๆๆๆ   :sad4:

(สงสัยจริงๆ ว่าน้ำมนต์ยังติดใจเรื่องอะไรถึงยังใจแข็งกับโป้ ความประพฤติ นิสัย หรือเวลา?)  :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 21-11-2011 19:05:14
ปีโป้ อย่าทำให้น้ำมนต์เสียใจนะ
ลืมคนเก่าไปได้แล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-11-2011 19:29:02
ดาร์กไปมั๊ย :กอด1:
หัวใจยิ่งอ่อนแออยู่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 21-11-2011 20:53:09
อื้ม ม ม
นายปีโป้ก็มีมุมน่าสงสารกับเค้าเหมือนกันแฮะ
5555555555555


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-11-2011 21:32:03
เอาใจช่วยนะนายหัวโป้ เห็นใจนายจัง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 21-11-2011 22:04:01
โอ้ยยยย ไม่ไหวจะดราม่าแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 23 มันยังคงเป็นดราม่า 21-11-11
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 22-11-2011 01:54:43
ไม่ใช่ว่าสู้ทำจนให้น้ำมนต์รักแล้ว นายเบสท์กลับมาจากต่างประเทศนะ

อย่างงั้น สงสารน้ำมนต์แย่เลย รักแรกมันลืมยากและมิอาจลืม
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 22-11-2011 15:19:31
ตอนที่ 24



“ตี๊ด ตี๋ดีดิ๊ด ตี๊ดตี๋ดีดิ๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังข้างหูผมตั้งแต่เช้า ก่อนเวลานาฬิกาปลุกผมอีก ผมเอื้อมมือไปกดรับสายเบอร์คนที่โทรเข้าบ่อยที่สุดในช่วงนี้ แล้วนำมาแนบหู

“อัลโหล มึงตื่นยัง” เสียงปลายสายทักผมมา

“ยัง มีไร กี่โมงแล้ว” ผมทั้งตอบทั้งถามไปพร้อมเสียงงัวเงีย

“จะหกโมงเช้าแล้ว ตื่นอาบน้ำนะ เดี๋ยวกูไปรับที่บ้าน รอกูอยู่ที่บ้านละ” นายปีโป้บอกผมก่อนจะตัดสายไป ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วหลับตาอีกครั้ง






“หืออ จะมารับเหรอ” ผมสะดุ้งตื่นเมื่อสมองประมวลผลคำพูดของนายปีโป้เสร็จ

“จะมารับทำไมละเนี่ย” ผมแอบบ่นเล็กน้อย แต่ก็ยกมือถือขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ อีกไม่กี่นาทีมันก็คงได้ทำงานของมัน พร้อมกับลุกขึ้นจากที่นอน หยิบผ้าขนหนู ตรงไปเข้าห้องน้ำ





ตั้งแต่กลับมาจากบ้านนายปีโป้ สมองผมก็คิดเรื่องโน่นนั่นนี่เต็มไปหมด เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอน  นาฬิกาก็เดินเข้าวันใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว


การอยู่กับตัวเองทำให้ผมได้ตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาชีวิตผมได้เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างบอกไม่ถูก เพียงผู้ชายคนที่ชื่อปีโป้เดินเข้ามาในชีวิต อะไรหลายๆอย่างก็เข้ามาเช่นกัน ความรู้สึกหลายๆอย่างเข้ามาตามลำดับเวลา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกตกใจปนงุนงงในวันแรกเจอ ความรู้สึกไม่ประทับใจในครั้งต่อมา ความรู้สึกสงสารในวันที่ล้มรถ ความรู้สึกว่าเค้าก็มีดี ตลอดจนความรู้สึกตอนนี้ .. ที่ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง




เพียงแค่รู้สึกว่าไม่ได้เบื่อหน้าโหดๆที่มีหนวดมีเครา เก็กๆหยิ่งๆทำเท่นั้นๆอีกแล้ว  แต่ถ้าถามว่าอยากเจอทุกวันไหม







ก็คงใช่ ..









ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาจากบ้านก็เห็นเด็กช่างที่เกาะติดชีวิตผมนั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเค้า มองดูหน้าตาเหมือนคนอดหลับอดนอน ผมคิดว่าคงไม่ได้นอนนั่นแหละ ถึงได้ตื่นเช้าซิ่งมอเตอร์ไซค์มารับผมได้




“แต่งตัวนานจังวะ” เสียงคนบนรถทักผมมา

“ก็ปกติของเรา” ผมตอบพร้อมกับเดินเข้าไปหา

“งืดดดดดดด  ตัวหอมจังวะ” นายปีโป้พูด พร้อมกับเอาจมูกมาสูดดมที่ตัวผม พร้อมกับเอามือมาโอบเอวผมไว้

“ทำไรอ่ะ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่นะ” ผมพูดพร้อมกับเดินถอยหลังมา ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าตัวเองยังยิ้มๆอยู่

“โห นิดหน่อยก็ไม่ได้ ให้กูชื่นใจบ้างเหอะ” คนพูดทำท่าทางหงุดหงิด ก่อนจะยกมือขึ้นมาเพื่อจะขอโอบเอวผม

“พอเลยๆ ไปกันได้แล้ว” ผมพูดเปลี่ยนประเด็น ทำให้อีกคนหน้าหงอย รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ให้ผมซ้อน แล้วออกจากบ้านไป






“นึกยังไงมารับเนี่ย” ผมถามขณะกำลังนั่งรถไป นายปีโป้ขับช้าๆ เนื่องจากอากาศน่าจะหนาว และก็คงไม่รีบอะไรมาก เพราะนี่ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า

“ไม่ได้นึกอะไร แค่อยากเห็นหน้า” มันหันมาตอบนิดนึงก่อนจะหันหน้าตรงไปต่อ

“อยากเห็นหน้าก็รอที่วิทยาลัยก็ได้” ผมสวนไป

“อยากเห็นหน้าคนแรก” นายปีโป้หันมาตอบเหมือนเดิม ก่อนจะเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น ผมจึงเลือกจะจบบทสนทนาระหว่างเราสองคน







ไม่นานนักก็มาถึงหน้าวิทยาลัยของผม ซึ่งก็ยังเป็นเวลาเช้ามากๆอยู่ดีที่จะมีนักเรียนนักศึกษามาเรียนกัน  นายปีโป้จอดรถไว้ก่อนจะเดินเข้าร้านป้าตามสั่งไป โดยมีผมเดินตาม

“ป้าเอาโจ๊กหมูสอง โอวัลตินหนึ่ง กาแฟหนึ่ง” นายปีโป้สั่งอาหารและเครื่องดื่มให้ผมเสร็จสรรพ ก่อนเดินเข้าไปที่โต๊ะมุมในสุดของร้าน

“รู้ได้ไงว่าเราอยากกินโจ๊ก” ผมถาม

“ก็กูอยากกิน”

“เราเลยต้องกินด้วยว่างั้น”

“กินๆไปเถอะมึงอ่ะ อย่าเรื่องมากได้มั๊ย อย่าชวนกูทะเลาะด้วย กูง่วง”

“แล้วทำไม่รู้จักหลับจักนอน”

“มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย” นายปีโป้พูดพร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่เปิดอ่านหน้ากีฬา

“เรื่องอะไรเหรอ บอกเราได้ป่ะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามมัน

“เรื่องของมึงนั่นแหละ” นายปีโป้พูดผ่านหนังสือพิมพ์มา ผมจึงไม่เห็นหน้าตาว่าจริงจังหรือว่าแหย่เล่น

“คิดอะไรนักหนา เรามีอะไรให้นายต้องคิดมาก” ผมบอกไปลอยๆ ไม่อยากให้ใครมาคิดมากเรื่องของตัวเอง

“คิดว่ามึงจะชอบกู เหมือนที่กูชอบมึงบ้างมั๊ย” นายปีโป้พูดพร้อมกับวางหนังสือพิมพ์ลง สายตาทั้งคู่จ้องมาที่ผม แววตาและสีหน้าที่ดูจริงจัง ขอบตาที่คล้ำจากการขาดการพักผ่อน ทำเอาผมทำตัวไม่ถูก

“อึ้งเลยดิ มึงน่าจะชินได้แล้วนะ กูบอกชอบมึงไม่รู้กี่ครั้งแล้ว” นายปีโป้พูดอีกครั้ง ก่อนจะพิงหลังไปบนพนัก เอามือขึ้นเซ็ทผมที่ฟูๆของเขานิดหน่อย เหมือนกับคำพูดที่พูดออกมา เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เลิกจริงจังไปเสียแล้ว




“คนที่มีรักมากแบบนาย มันก็คงมองเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องง่ายๆไปหมดสินะ” ผมย้อนถามไป

“แล้วคนที่ไม่เคยมีความรักแบบนาย ทำไมต้องสร้างกำแพงไว้ซะแน่นหนาด้วยละ” แล้วนายปีโป้ก็ย้อนผมกลับมา ด้วยท่านั่งที่จริงจังอีกครั้ง




ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบคำถามนั้น  พร้อมกับที่โจ๊กและโอวัลตินมาวางอยู่ตรงหน้าผม นายปีโป้รับกาแฟมาคนๆ ก่อนจะซดเข้าปาก และตักโจ๊กกินอย่างลืมไปว่าตัวเองได้พูดอะไรออกมา จนทำให้อาหารมื้อเช้าของผมกร่อยลงไปในทันตา




กำแพง นะเหรอ .. คงถูกของนายปีโป้ ผมมันคนที่สร้างกำแพงล้อมรอบตัวเองไว้สูงและแข็งแรงมาก เพราะอย่างนี้มั้ง ผมจึงไม่มีความรักกับเขาสักที เพราะไม่มีใครที่ทำลายกำแพงและก็ไม่มีใครเคยปีนข้ามมาได้ เพราะว่าผมกลัวอะไรหลายต่อหลายอย่างถ้าให้ใครเข้ามาในหัวใจของผม  การเจ็บจากความรัก ทรมารกว่าการเจ็บแบบมีบาดแผลหลายร้อยล้านพันเท่า




ผมไม่ต้องการแบบนั้น ..




ถึงแม้ไม่เคยรับรู้ถึงการมีคนรัก แต่ความรักมันก็รายล้อมผมไม่เคยห่าง ผมแค่รับรู้ว่ามันคือความรัก แต่ก็ไม่เคยจะสัมผัสจริงจังเสียที ไม่รู้ว่ารสชาติของการมีความรักไปพร้อมกับมีคนรักมันเป็นอย่างไร ผมต้องรอคอยคนที่ปีนกำแพงขึ้นมา หรือว่าพังกำแพงนั้นต่อไปอย่างนั้นหรือ






หรือผมจะเลือกสร้างประตู .. เพื่อเปิดรับเขาดี







“น้ำมนต์ ..” เสียงเรียกใสๆ ดังมาข้างๆหูผม ก่อนที่ผมจะหันไปดูหญิงสาวที่กำลังยิ้มสวยให้ผม พร้อมกับทรงผมฟูๆของเธอ

“แพร” ผมเรียกชื่อนั้น พร้อมกับยิ้มแบบแห้งๆให้เธอไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องฝืนใจยิ้ม หันไปมองอีกคนที่กินโจ๊กอยู่ก็วางช้อน และยกหนังสือพิมพ์ฉบับเดิมมาอ่านอีกครั้ง

“ทำไมมาเช้าจังเลย แพรขอนั่งด้วยคนนะ” เธอพูดพร้อมกับลากเก้าอี้หัวโต๊ะนั่งลง พร้อมกับยิ้มมาให้ผม

“พอดีเพื่อนไปรับมาหน่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาไปหาคนที่ลดระดับหนังสือพิมพ์มาสังเกตการณ์สนทนาระหว่างผมกับเธอ

“อ๋อเหรอ วันนี้น้ำมนต์ว่างมั๊ย แพรอยากชวนน้ำมนต์ไปดูนิทรรศการ ที่หอศิลป์เค้าจัดนิทรรศการชุดใหม่ ศิลปินคนนี้เก่งมากเลยนะ ถ้าไปดูรับรองว่าต้องได้แรงบัลดาลใจมาทำโปรเจคแน่ๆเลย” เธอพูดมาเสียงใส ก่อนจะค้นกระเป๋าของเธอ แล้วส่งแผ่นพับโฆษณานิทรรศการมาให้ผม

“เอ๊ยย ศิลปินคนนี้นี่ น้ำมนต์ก็ชอบเค้า เค้ามาจัดนิทรรศการที่หอศิลป์เหรอ” ผมตื่นเต้นที่เห็นแผ่นพับนั้น เพราะเป็นศิลปินที่ผมติดตาม คนที่อ่านหนังสือพิมพ์แอบชะเง้อมองแผ่นพับใบนั้น แต่ก็ยังเงียบสังเกตการณ์เหมือนเดิม

“ใช่แล้ว ไปกันมั๊ยเย็นนี้” แพรถามผมอีกครั้ง

“เอ่อ ..” ผมยังอ้ำอึ้ง สายตาของคนที่อ่านหนังสือพิมพ์จ้องมาแบบไม่พอใจ

“ดูอะไรกันยะ ท่าทางจะสนุกกันใหญ่” เสียงของช้างน้อยดังมาพร้อมกับดึงแผ่นพับจากมือผมไป

“มาไวจังเลยน้ำมนต์” หญิงทักผมมา พร้อมกับนั่งลงในเก้าอี้ตัวถัดไปจากผม

“อ้าว พี่ปีโป้ มาเช้าจังเลยนะคะ” ก่อนที่หญิงจะหันไปทักนายปีโป้ ที่เอาหนังสือพิมพ์ลงแล้ว

“อุ๊ย นิทรรศการศิลปะ น่าสนจังเลยอ่ะ พี่ปีโป้ดูสิ” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเดินไปนั่งข้างๆนายปีโป้ แล้วยื่นแผ่นพับให้นายปีโป้ดู  นายปีดป้เหลือบตามองเล็กน้อย

“ไปดูด้วยกันมั๊ยช้างน้อย” แพรถามขึ้นมา

“ไปป่ะ หญิง” ช้างน้อยพูดพร้อมกับส่งแผ่นพับให้หญิง โดยไม่ได้หันมาสนใจอะไรแพรเลย

“แล้วแต่สิ น้ำมนต์ว่าไง” หญิงอ่านรายละเอียดเล็กน้อยก่อนถามผม

“ไปเถอะนะน้ำมนต์ แพรอยากไปเดินดูกับน้ำมนต์ น้ำมนต์ต้องแนะนำแพรได้ดีแน่ๆ”

“วิทยากรเค้าก็มียะ” ช้างน้อยเหน็บเบาๆ แต่ก็ได้ยินกันถ้วนหน้า

“ไปเนอะน้ำมนต์ บ่ายนี้ก็ว่างด้วย” แพรยังคอยถามผม

“ไปก็ไปครับ ไปกันหมดนี่เลย” ผมพูดบอกแพรไป

“หมดนี่ พี่ปีโป้ด้วยเรอะ” หญิงถามขึ้นมา พร้อมกับอมยิ้มมาหาผม

“แล้วแต่เขาสิ” ผมตอบไปลอยๆ

“ไปไหมคะ พี่ปีโป้ ไปดูนิทรรศการกัน” ช้างน้อยถามนายปีโป้ ที่นั่งเงียบมานานมากๆ นายปีโป้หันมามองหน้าผมอย่างต้องการคำตอบจากใบหน้าผม แต่ผมก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไป จนนายปีโป้ทำหน้าบึ้งๆ และตอบมาว่า



“ไม่ไปอ่ะ  พี่ไม่ชอบ”

























“พี่ปีโป้ ทางนี้” เสียงช้างน้อยกวักมือเรียกนายปีโป้ คนที่บอกว่าจะไม่มา แต่ก็โผล่มาจนได้

“ไหนบอกว่าไม่อยากมา” ผมถามทันทีที่เห็นหน้านายปีโป้

“ก็อยากมาแล้ว จะทำไม” กวนตั้งแต่เจอหน้าเลยสินะ

“ไปกันเถอะน้ำมนต์” ผมไม่อยากสนใจนายปีโป้เท่าไหร่ ประจวบกับที่แพรเรียกผมพอดี ผมเลยปลีกตัวไปเดินกับเธอ ทิ้งให้นายปีโป้อยู่กับช้างน้อยและหญิงไป













ผมกับแพรเดินดูนิทรรศการกันเพลินเลยครับ ศิลปินคนนี้ยังไม่ค่อยดังมากในวงกว้างครับ แต่ผลงานของเค้าก็เป็นที่น่าสนใจเลย การตวัดปลายสีของพู่กันเค้ามีเรื่องราวเล่าได้มากมายเลยครับ แต่ส่วนมากเค้าจะเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับท้องฟ้า เพราะว่าศิลปินคนนี้มีความทรงจำเกี่ยวกับท้องฟ้าในวัยเด็กของเค้า



“ภาพนี่สวยจัง” ผมพูดออกมาขณะยืนดูภาพๆหนึ่งที่มีสีตวัดไปมา อย่างวกวน สีต่างๆขัดกันอยู่ในตัว แต่เมื่อมารวมกันมันผสมผสานกันอย่างลงตัวเช่นกัน ศิลปินใช้สีอ่อนเป็นพื้นหลัง และใช้สีเข้มๆตวัดไปมาอย่างไม่มีที่มาและที่ไป

“เหมือนกูกับมึงเลยเนอะ” จู๋ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้านหลังผม พอหันไปดูก็เป็นนายปีโป้ เดินตามมาทันผมตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย แล้วแพรละ

“มึงเป็นเหมือนพื้นหลังอ่อนๆของภาพนี้ ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมาย กูเป็นเหมือนเส้นสีที่ตวัดไปมา ภาพนี้สวยเพราะมีสองส่วน” นายปีโป้พูดความคิดของตัวเองออกมา ทำเอาผมแปลกใจในคำพูดของเขามาก นี่เขามองศิลปะออกด้วยเหรอ

“ชีวิตมึงจะไม่จืดชืด ถ้ามีชีวิตกูเข้าไปอยู่ด้วย เหมือนกับภาพนี้ไง” มันด่วนสรุปให้ผมฟัง





“ดูเป็นด้วยเรอะ” ผมหันหน้าไปถาม

“ไม่เป็นหรอก แค่อยากเอามาโยงให้เข้ากับกูและมึงเฉยๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับยิ้มๆให้ผม

“บางทีสีอ่อนๆด้านหลัง ก็อยากสวยงามในแบบของมัน โดยไม่ได้ต้องการความวุ่นวายของสีเข้มก็ได้นะ” ผมพูดตอบไปพร้อมกับมองหน้านายปีโป้ รอยยิ้มนั้นค่อยๆลดลง


“น้ำมนต์ทางนี้ ภาพนี้สวยมากเลย” เสียงของแพรเรียกผมพร้อมกับการกวักมือ ผมหันไปมองแพรและเดินไป โดยทิ้งอีกคนให้ยืนมองภาพนั้นอยู่ที่เดิม








เราใช้เวลาตลอดทั้งเย็นที่นั่น  ผมเดินกลับมาทางเดิมก็ต้องแปลกใจกับคนๆนึงที่ยืนอยู่ตรงนั้นที่เดิม นายปีโป้ที่ยืนมองรูปนั้นอย่างพิจารณา จนผมไม่รู้ว่าต้องการมองให้รู้ถึงวิธีการวาดหรือไง








“มึง กูรู้แล้ว” อยู่ๆนายปีโป้ก็หันหน้ามา พร้อมพูดเสียงดัง ทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นมองมันเป็นตาเดียว

“อะไร” ผมถามกลับไปเบาๆ

“กูรู้แล้วว่าทำไมสีอ่อนๆจึงต้องการสีเข้มๆ” นายปีโป้พูดออกมาด้วยท่าทีดีใจ แพรที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ก็ยืนงงอยู่กับสิ่งที่เห็น

“เพราะอะไรละ” ผมถามกลับไปเพราะอย่างรู้เหตุผลที่นายปีโป้คิด

“มึงฟังกูดีๆนะ” มันพูดอย่างเตรียมพร้อม มีการหายใจเข้าออก เพื่อระงับความตื่นเต้น ผู้คนที่เดินไปเดินมาแถวนั้น ต่างก็รอลุ้นว่าเด็กช่างเสื้อช็อปคนนี้จะสื่อความหมายของรูปอย่างไร





นายปีโป้ยิ้มให้กับผู้คนที่กำลังมองมาที่มันอย่างกับตัวเองเป็นดารา ผมหันไปมองคนด้านหลังที่เป็นนักเรียนบ้าง นักศิลปะบ้าง ที่ยืนอยู่ประมาณสองสามคน คงหลวมตัวบ้าไปตามเด็กช่างคนนี้ไปแล้ว





“สีอ่อน มันแสดงถึงความอ่อนโยน แต่สดใส น่ารัก แอบหม่นๆบ้าง แต่กูเชื่อว่า เวลามองแล้วจะยิ้มได้ทุกเวลา” นายปีโป้พูดพร้อมกับมองมาที่หน้าผม แววตาของเค้าบ่งบอกว่าสีอ่อนสีนั้น หมายถึงผม

“แล้วถ้าสีเข้มมันคือความก้าวร้าว มันคือความเข้มแข็ง ความดื้อรั้น แต่มันก็คือความจริงจัง และจริงใจ ถ้าตั้งใจจะทำอะไร มันก็แสดงว่าสิ่งๆนั้นมีความสำคัญจริงๆ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสีเข้มนั่นหมายถึงตัวเค้า และผมกำลังคิดว่านายปีโป้กำลังนอกประเด็นอย่างเห็นได้ชัด คนอื่นๆเริ่มมาดูมากขึ้น สงสัยจะรำคาญเสียงดังๆของเค้า เห็นช้างน้อยกับหญิงก็ยืนอยู่อีกด้านนึงของห้องนี้

“คนที่ดี คือคนที่ต้องมีทั้งความอ่อนโยน และความเข้มแข็ง ภาพที่ดีคือภาพที่มีทั้งความอ่อนและความเข้มและต้องลงตัว คู่รักที่ดีก็ต้องมีทั้งคนอ่อนและคนที่แข็ง” นายปีโป้พูดอย่างเร็วๆ สายตามองมาที่หน้าผม ผมว่าผมเข้าใจภาพนั้นไม่ต่างจากที่นายปีโป้รู้หรอก  นายปีโป้นิ่งเงียบไปสักพัก เค้าก้มหน้าสูดลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามามองผมอีกครั้ง พร้อมกับประโยคหยุดโลก












“เป็นแฟนกับกูนะ  .. น้ำมนต์”
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: Whitel3eal2 ที่ 22-11-2011 16:05:06
อั๊ยย่ะ ขอเป็นแฟนได้ติสมากพี่ โยงจนเข้าเรื่องตัวเองได้ ^^

น้ำมนต์ก้อรับไว้พิจารณาหน่อยเนาะ โป้หน้าจะเหลือนิ้วเดียวแล้ว รับ ไม่รับ เป็น ไม่เป็น

ต่อด่วน~~~~
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: jay_tt ที่ 22-11-2011 16:21:32
เราตกลงเป็นแฟนกับนาย 


เอ้ย......... ลืม 


นึกว่าตัวเองเป็น น้ำมนต์    (เขิน...........) :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 22-11-2011 16:22:13
“สีอ่อน มันแสดงถึงความอ่อนโยน แต่สดใส น่ารัก แอบหม่นๆบ้าง แต่กูเชื่อว่า เวลามองแล้วจะยิ้มได้ทุกเวลา"
"แล้วถ้าสีเข้มมันคือความก้าวร้าว มันคือความเข้มแข็ง ความดื้อรั้น
แต่มันก็คือความจริงจัง และจริงใจ ถ้าตั้งใจจะทำอะไร มันก็แสดงว่าสิ่งๆนั้นมีความสำคัญจริงๆ”
“คนที่ดี คือคนที่ต้องมีทั้งความอ่อนโยน และความเข้มแข็ง ภาพที่ดีคือภาพที่มีทั้งความอ่อนและความเข้มและต้องลงตัว
คู่รักที่ดีก็ต้องมีทั้งคนอ่อนและคนที่แข็ง"  “เป็นแฟนกับกูนะ  .. น้ำมนต์”     
ปรบมือดังๆให้ปีโป้ :m4:
ชอบทั้งที่เขาวิจารณ์ภาพเชิงเปรียบเทียบ และชอบทั้ง ความกล้าที่จะขอความรัก ณที่ตรงนั้น
ดี ยัยแพรจะได้รับรู้และเลิกหวังในตัวน้ำมนต์ด้วย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-11-2011 16:28:16
โอ้กล้ามากกกก ไม่ใช่น้ำมนต์อายจนโกรธพาลไม่พูดด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 22-11-2011 16:52:42
 :-[  :-[  :-[   :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 22-11-2011 17:36:13
ปีโป้ นายแน่มาก o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-11-2011 19:27:04
มนต์จะว่าไงอ่ะ ลุ้นแทนโป้เลนนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 22-11-2011 19:59:22
แหม่ๆๆๆ  เด็กช่างกลบรรลุในความหมายของภาพได้เข้าข้างตัวเองมากกกกก   :z3:
น้ำมนต์ก็รับๆ เป็นแฟนไปเถอะ กว่าเขาจะคิดได้ขนาดนั้นมันเป็นเรื่องยากสำหรับนายโป้จริงๆ นะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 22-11-2011 20:11:37
อยากได้คนนี้เป็นแฟนอ่ะ อ๊ากกก  :m3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 22-11-2011 20:14:34
นายแน่มากปีโป้เจ๋ง เรานับถือนายจริงๆ 5555 o13 :call:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-11-2011 20:30:12
น้ำมนต์ยืดอกตอบตกลงไปเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 22-11-2011 21:01:36
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

โป้นายหล่อมาก

น้ำมนต์จ๋า ตอบตกลงเถอะนะ ค่อย ๆ รักกันเบา ๆ ไปก่อนก็ได้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 22-11-2011 21:21:25
ตกลงเหอะน้ำมนต์ เด็กช่างเค้ากุส่าทำตัวติสแตกเลยนะเนี่ย55555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 24 จะรักจนกว่าเธอจะรับ .. จะรักจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 22-11-2011 22:11:52
ค่อยๆรักกันเบาๆ กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส เขินนนนน
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 22-11-2011 23:24:49
ตอนที่ 25  จุดเริ่มต้นของบทดราม่า


“คนที่ดี คือคนที่ต้องมีทั้งความอ่อนโยน และความเข้มแข็ง ภาพที่ดีคือภาพที่มีทั้งความอ่อนและความเข้มและต้องลงตัว คู่รักที่ดีก็ต้องมีทั้งคนอ่อนและคนที่แข็ง”  ผมท่องสคริปต์ตามที่ได้รับมาตรงเป๊ะๆ ก่อนหยุดนิ่งฟังเสียงหัวใจของตัวเอง นี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นโครมครามอย่างกับต้องการออกมาเต้นข้างนอก


ตึก ตึก



ตึก ตึก



ตึก ตึก





.
.
.
.



“แม่ เห็นรูปที่หนูส่งไปให้หรือยัง” ผมโทรหาแม่หลังจากที่ถ่ายรูปผลงานศิลปะที่ยืนเถียงกับน้ำมนต์ส่งไปให้แม่

“เห็นแล้ว มีไรละตาหนู” แม่ถามกลับมา

“แม่ว่าสีอ่อนๆด้านหลัง กับสีเข้มๆข้างหน้า มันมีความสัมพันธ์กันยังไงอ่า แล้วถ้ามันอยู่ด้วยกันมันจะดีไหม” ผมถามแม่ไป

“ทำไมมาถามคำถามแม่แบบนี้ละ การบ้านเหรอ ?” แม่ถามผมกลับ

“ไม่ใช่ กำลังเถียงกับใครบางคนอยู่  บอกมาเร็วๆแม่”  ผมรีบเร่งแม่



แม่ขอเวลาดูภาพประมาณสองสามนาที ก่อนอธิบายถึงอารมณ์ของภาพ การใช้สี หน้าที่ของสีอ่อน หน้าที่ของสีเข้ม บอกผมถึงการผสมผสาน และบอกเปรียบเทียบอะไรหลายต่อหลายอย่างให้ผมฟัง


ผมเพิ่งรู้สึกว่าการที่แม่ของผมชอบศิลปะ มันส่งผลดีกับผมมากๆ ก็วันนี้แหละ



.
.
.
.


“เป็นแฟนกับกูนะ  .. น้ำมนต์”  ผมพูดประโยคนั้นออกไป พร้อมกับใจที่เต้นหนักกว่าเดิม ผู้คนในห้องต่างมองมาที่ผมเป็นตาเดียว  น้ำมนต์แน่นิ่งอย่างกับคนโดนสตาร์ฟไว้ ไม่ไหวติง แม้เปลือกตาก็ยังไม่กระพริบ

น้องผู้หญิงที่ชื่อแพรที่ยืนอยู่ข้างน้ำมนต์เหมือนกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ตั้งตัวทัน ผมเห็นเธอมองมาที่ผมสลับกับมองหน้าน้ำมนต์ ก่อนที่เธอจะเอามือของเธอจับกับมือของน้ำมนต์แน่น


“น้ำมนต์ขอโทษนะคะ น้ำมนต์มีแฟนแล้ว  นี่คือแฟนของน้ำมนต์ หนูคงเป็นแฟนกับพี่ไม่ได้” เธอพูดจบก็ดึงน้ำมนต์ออกจากห้องนี้ไป 

 ร่างของน้ำมนต์เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณที่โดนลากออกไป ผมว่าผมเข้าใจการกระทำของแพร ที่ลากน้ำมนต์ออกไปจากฝูงชนครั้งนี้ โดยการอ้างว่าตัวเองคือน้ำมนต์  เธอต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมขอเธอเป็นแฟน เพื่อไม่ให้น้ำมนต์เสียหาย รวมทั้งผมด้วยสินะ




ผู้คนที่ยืนมองผมเมื่อครู่ ต่างพากันเดินชมนิทรรศการต่อ ผมไม่กล้ามองหน้าใครๆ ไม่ได้อับอาย แต่รู้สึกว่าตัวเองพลาดไป พลาดที่มาขอน้ำมนต์เป็นแฟนตอนนี้  ถึงน้ำมนต์อยากจะเป็นแฟนกับผม หรือไม่อยากเป็น ยังไงซะ น้ำมนต์ก็ไม่ตอบมันมาอยู่ดี


นี่ผมกำลังคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกในหนังฮอลีวู๊ด กำลังขอนางเอกแต่งงานหรือไงนะ


“เป็นอะไรมั๊ยคะ พี่โป้” น้องหญิงเดินมาทักผม

“อืม พี่โอเค”

“พี่ยังไม่ได้ฟังคำตอบน้ำมนต์เลยนะคะ ไม่ตามไปฟังละ” ช้างน้อยเตือนสติผม



ใช่สินะ คนที่ปฎิเสธผมไม่ใช่น้ำมนต์ซะหน่อย แต่เป็นแพร ที่ช่วยแก้สถานการณ์แย่ๆของผมครั้งนี้ ผมคิดได้จึงรีบวิ่งตามน้ำมนต์ไป



น้ำมนต์กำลังยืนอยู่กับแพรที่ลานจอดรถ  มีเสียงของแพรถามน้ำมนต์ว่าเป็นอะไรบ้าง โอเคมั๊ยเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆจากน้ำมนต์เลย


“น้ำมนต์” ผมตะโกนเรียกทางด้านหลัง น้ำมนต์หันกลับมามองผม พร้อมกับแพร

“กูขอโทษที่ขอมึงเป็นแฟนตรงนั้น แต่ถ้ากูขอมึงเป็นแฟนตรงนี้ มึงจะเป็นแฟนกับกูมั๊ย”  ผมถามมันไปอีกครั้ง ด้วยความมั่นใจมากกว่าเดิม

“นี่นายยังจะกล้ามาถามน้ำมนต์อีกเหรอ นายมันบ้าไปแล้ว” เสียงของแพรตะโกนด่าผม แต่ผมหาได้สนใจไม่
น้ำมนต์มองมาทางผม ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม แขนข้างขวาของน้ำมนต์ง้างขึ้นมาแล้ว เหวี่ยงเข้ามาตรงใบหน้าผม




“พลึ่บ !!!!”  แต่ครั้งนี้มันต่างกับครั้งที่แล้วลิบลับ ผมจับทางได้ว่าน้ำมนต์ต้องทำแบบนี้ ผมจึงเอามือจับแขนนั้นไว้ได้

“ปล่อย”  น้ำมนต์พูดบอกผม ด้วยสายตาไม่พอใจ

“ไม่ปล่อย จนกว่าจะตอบ”

“แค่นี้ยังตอบไม่ได้อีกเหรอ”

“ตอนกูจูบมึงครั้งแรก มึงก็ต่อยกู แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามึงไม่ชอบมัน ตอนนี้กูก็ขอมึงเป็นแฟนครั้งแรกเหมือนกัน มึงก็จะต่อยกู ก็ไม่ได้หมายความว่ามึงไม่ชอบกูเหมือนกัน” ผมแย้งมันไป

“คิดไปเอง ปล่อยเรานะ”  มันพูดอีกครั้งก่อนที่จะสะบัดมือหลุดไป



 “เจ็บมั๊ยน้ำมนต์” ผู้หญิงที่ชื่อแพรเข้ามาจับแขนน้ำมนต์ดู ผมแอบเห็นมีรอยแดงนิดหน่อย

“ไม่เป็นไรแพร ขอบใจมาก” มันตอบผู้หญิงนั้นไป

“ตกลงจะเป็นแฟนกับกูดีๆหรือจะให้กูบังคับ” ผมถามมันอีกครั้ง




มันเงียบให้ผม ผู้หญิงชื่อแพรยังคงจับแขนของมันพลิกไปพลิกมาเพื่อดูร่องรอยของการจับอีกครั้ง ปากก็ถามว่าเจ็บมั๊ยๆ ไอ้น้ำมนต์ก็บอกว่าไม่เป็นไรๆ เหมือนกับไม่สนใจอะไรผมเลย



“น้ำมนต์ !!!”  ผมเรียกมันอีกที



น้ำมนต์หันหน้ามามองผม  ก่อนจะหันหน้าไปมองผู้หญิงชื่อแพร แล้วเรื่องที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น น้ำมนต์ก้มลงไปจูบที่ปากของแพร ผู้หญิงสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนเป็นจูบตอบในภายหลัง ภาพนั้นทำเอาหัวใจของผมที่เต้นโครมครามเมื่อครู่ กำลังจะหยุดเต้น และพร้อมจะแตกสลายไปกับตา


ทั้งสองคนถอนปากออกจากกัน แต่ยังมีสายตาที่เชื่อมกันอย่างรับรู้



“เป็นแฟนกับน้ำมนต์นะแพร” 



ใครก็ได้ครับ เอาปืนมายิงผมหน่อย ยิงผมให้ตายไปซะตรงนี้ซะดีกว่า ผมไม่รู้ว่าที่มันทำต้องการอะไร ประชด ไม่ทันคิด แกล้ง หรือรักกันจริง แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่เห็นมันทำร้ายจิตใจของผมแบบนี้ 


“ไอ้น้ำมนต์ มึงมานี่” ผมเดินไปกระชากแขนน้ำมนต์ เดินตามผมมา

“น้ำมนต์ ไปไหน นายจะพาน้ำมนต์ไปไหน” เสียงของแพรดังขึ้น พร้อมกับเสียงเท้าที่วิ่งตามมา

“มานี่ นังชะนีแพร ไม่ต้องไปตามเค้า หล่อนมันตัวสร้างเรื่อง”  แต่ก็ได้ยินเสียงช้างน้อยมาขัดไว้ ผมเลยเลิกสนใจเบื้องหลัง คิดว่าเรื่องแค่นี้ ช้างน้อยคงเอาอยู่





ผมลากน้ำมนต์มาจนถึงหอตัวเอง ในสภาพที่ย้ำแย่พอควร เพราะคนที่ซ้อนพยายามดิ้นไปดิ้นมา ผมต้องใช้มือข้างนึงดึงตัวมันไว้ ออกแรงเยอะอยู่เพื่อสู้กับแรงของคนข้างหลัง แต่ก็มาถึงห้องผมได้



“โอ๊ยยยย” เสียงของอีกคนร้องดังขึ้น เมื่อผมเหวี่ยงตัวลงบนเตียง

“ชอบนักใช่มั๊ย ประชด ชอบนักใช่มั๊ยการจูบ” ผมพูดไปพร้อมกับรุกเข้าไปกอดน้ำมนต์ พรมจูบไปทั่วใบหน้า เสียงร้องห้ามของอีกคนดังขึ้นไม่ขาดสาย พร้อมๆกับหมัด เตะ ทั้งมือทั้งเท้าเข้ามาตรงร่างกายของผม แต่ใครจะไปหยุดละครับ อารมณ์โกรธ อารมณ์เจ็บใจ และอารมณ์ใคร่กำลังโถมเข้ามาในตัวผมเต็มๆ ผมเริ่มดึงเสื้อผ้าของน้ำมนต์ออก กระดุมเสื้อขาดกระเด็น เผยให้เห็นส่วนบนที่ขาวอมชมพูของคนตรงหน้าผมจับมือทั้งสองข้างของน้ำมนต์ชูขึ้นเหนือหัวแล้วเอามือตัวเองจับไว้ ก่อนจะพรมปากและลิ้นไปตามร่างขาวอมชมพูนั้น มืออีกข้างผมก็ค่อยๆถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆกลับมาสนใจกับรูปร่างตรงหน้าอีกครั้ง ร่างบางลดแรงต้านทานลงจนผมยิ้มกระย่องในใจ  จึงเงยหน้าขึ้นมาดู



แต่ที่ไหนได้ ภาพน้ำตาไหลของน้ำมนต์ทำเอาหัวใจของผมที่สลายไปแล้ว กลับกระจุยกระจายย่อยยับเป็นปุยผงไปอีกพันๆเท้า  อารมณ์ต่างๆนานาที่เข้ามาเมื่อครู่ หายไปหมด ปีศาจที่เข้าสิงผมตนนั้นหายไปพร้อมกับน้ำตาของคนตรงหน้า


“น้ำมนต์กู ..” กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันที ปากแข็งไม่รู้จะพูดประโยคใดออกไปดี น้ำตาของน้ำมนต์ที่ไหลออกมา หน้าตาที่ไม่ได้บอกความรู้สึกว่าเจ็บส่วนไหน แต่คนที่มองนั้นเจ็บไปทั้งใจ


ผมรีบคว้าร่างของน้ำมนต์เข้ามากอดเอาไว้ น้ำตาตัวเองก็ไหลออกมาแบบรู้เวลา นี่ผมกำลังคิดจะทำอะไรลงไปเนี่ย ผมปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองมาทำร้ายคนที่ผมบอกได้ว่ารักแบบนี้ได้ไงกัน


“กูขอโทษน้ำมนต์ กูขอโทษ กูขอโทษ” ปากผมพร่ำออกไปพร้อมกับน้ำตา ปริมาณที่ออกมาอาจจะมากพอๆกับอีกคน แต่ความเจ็บปวดนั้น อีกคนคงมากกว่าแน่ๆ



ผมกอดร่างที่เหมือนไร้ความรู้สึกนั้นปากก็พูดว่าขอโทษๆอยู่เนิ่นนาน  แต่อีกคนกลับเฉยชา
“ปล่อย” คำพูดของอีกคนดังขึ้นอย่างแหบพล่า  เล่นเอาผมใจหาย รีบปล่อยตัวน้ำมนต์  ทันทีที่ผมปล่อยตัวไป มันค่อยๆลุกขึ้น หยิบเสื้อของมัน ที่ผมดึงจนกระดุมขาดแทบทุกเม็ดมาสวมใส่
“มึงจะไปไหน” ผมปาดน้ำตาตัวเองแล้วถามมัน แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรมา ผมเลยรีบลุกหยิบเสื้อแจ็กเก็ตในตู้เสื้อผ้า แล้วก็เดินไปใส่ให้มัน พร้อมกับรูดซิปหน้าให้มัน  อย่างน้อยก็ปกคลุมความผิดพลาดที่ผมทำไว้ เมื่อผมใส่เสื้อให้มันเสร็จ  มันก็เปิดประตูเดินออกจากห้องผมไป



ผมรีบไปคว้าเสื้อตัวเองมาใส่อีกครั้ง ก่อนที่จะตามมันลงไป



“ไปไหน ให้กูไปส่ง”  ผมขับรถตามมันมา ซึ่งมันกำลังเดินบนฟุตบาท แต่มันก็ไม่ได้ตอบอะไรผม  แล้วมันก็โบกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แล้วนั่งไป ผมก็ขับตามมันไปเรื่อยๆ



ตลอดระยะทางที่ผมขับรถตามมันมา มันไม่มีแม้สักครั้งที่มองหันหลังกลับมามองผม  มันให้วินมอเตอร์ไซค์พามันมาส่งที่คิวรถสองแถวกลับบ้าน แล้วมันก็ขึ้นรถสองแถวกลับบ้านไป  แต่ผมก็ยังขับรถตามมันมาเป็นระยะๆ  รถจอดข้างทาง ผมก็จอดแวะ คนในรถมองมาที่ผมกันหมด ยกเว้นเพียงแต่คนที่ผมมองคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่เคยหันมามองผมเลย



ผมขับรถตามมาจนมันลงจากรถแล้วมันเดินต่อเข้าบ้านมันไป  ไม่ต้องบอกว่าผมยังขับรถตามอยู่ไหม เพราะตอนนี้แทบจะขับเทียบเลยด้วยซ้ำ

“น้ำมนต์ กูขอโทษ” ผมพูดประโยคนี้ครั้งที่ร้อยแล้ว และถ้าต้องพูดอีกสักล้านครั้งเพื่อให้อีกคนยกโทษให้ผมก็ยินดีจะพูด  แต่คำตอบที่ได้ กลับเป็นความเฉยชา ที่รู้สึกได้มากกว่าครั้งแรกที่เคยเจอกันอีก



ใจของผมทรมาน มันทุรนทุรายจนอยากจะบ้าตาย อยากมีเครื่องย้อนเวลา ไปแก้ไขเรื่องราวที่ทำลงไปวันนี้



น้ำมนต์เดินกลับมาถึงบ้าน และเดินเข้าบ้าน พร้อมกับตรงดิ่งขึ้นชั้นบนในทันที ผมได้แต่มองแผ่นหลังนั้นอย่างช้าๆ ที่หายเข้าบ้านไป ยายมองมาที่ผมอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้เข้ามาถาม คงอยากให้มันเป็นเรื่องของพวกเรา


ผมจอดรถมองหลังคาบ้านนี้อยู่พักใหญ่ ก็เห็นน้ำมนต์เดินลงมา และตรงมาทางผม ใจที่ห่อเหี่ยวของผมกำลังมีความหวัง น้ำมนต์ต้องกลับมาให้อภัยผมแน่ๆ ผมบอกตัวเองแบบนั้น


แต่พลาด .. มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด  น้ำมนต์เดินมาแล้วยื่นเสื้อแจ็กเก็ตที่คุมตัวของเค้ามาถึงบ้านให้ผม แล้วก็เดินกลับเข้าบ้านไป ไม่มีแม้แต่คำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากนั้น ไม่มีการสบตาใดๆกับผม


ผมค่อยๆขับรถกลับหออย่างช้าๆ เพราะขืนรอต่อไป ยายต้องสงสัยและเข้ามาถามเรื่องราวแน่ๆ ผมไม่อยากจะโกหก และไม่อยากให้น้ำมนต์ต้องมาลำบากเพราะผมอีก




การเดินทางของความพยายามของผมกำลังไปได้สวย แต่ต้องมาสะดุดเพราะอารมณ์ชั่ววูบของผม ความวู่วามที่มีโดยสันดานดิบของผม มันกลับมาทำร้ายผมและคนที่ผมรักอีกแล้ว



คำถามคือผมจะสู้ต่อไปทั้งที่มันต้องยากเย็นแสนเข็นกว่าเดิม หรือผมจะถอยกลับไป ไปสู่โลกของผมที่ไม่มีคนที่ชื่อน้ำมนต์ โลกที่เต็มไปด้วยสีสัน เสียงเพลง ผู้คน กามอารมณ์ แต่ขาดซึ่งความรักและหัวใจ







ผมควรทำอย่างไรดี  .. ในช่วงเวลาที่แสนจะโหดร้ายและสับสนเช่นนี้




.................................................


หวังว่าจะไม่ดราม่าเกินไปนะ  :m15:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 22-11-2011 23:26:45
ว๊ากกกกกกกกกกกก ทำร้ายจิตใจเกินไปแล้ว T^T
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 22-11-2011 23:38:53
จริงๆ ก็เบื่อน้ำมนต์นะ ทำตัวน่ารำคาญอ่ะ

ไม่ชอบ ก็บอก ไม่เป็นแฟน ก็เท่านั้น

ทำไมต้องเอาแพรเข้าไปยุ่งด้วย คิดอะไรไกลๆ หน่อย ไม่เป็นรึไง

ไม่ดราม่านะ ผมว่า มัน งี่เง่า มากกว่า :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 22-11-2011 23:40:44
น้ำตาเกือบไหลอ่ะ TT :sad11:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 22-11-2011 23:47:34
 :a5:
ยังแพร๊๊๊ีี(กรีดร้องเสียงสูง) หล่อนนี่มันอยู่ผิดที่ผิดเวลาจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-11-2011 23:48:54
งี่เง่าทั้งคู่ คนนึงประชด คนนึงไม่คิด :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 23-11-2011 00:03:06
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-11-2011 01:09:01
รู้สึกไม่ปลื้มน้ำมนต์เลยอ่ะ
ไม่บอกความรู้สึกของตัวเอง ว่ารู้สึกยังไงกับโป้
เราว่า ตอนนี้น่าสงสารโป้มากๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 23-11-2011 02:15:11
เซงนังชะนีแพร คนเขาบอกรักกัน เสือกเสนอหน้า

โอ้ยจัดการนังแพรเลย ช้างน้อย  :beat:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 23-11-2011 09:26:16
ไม่ดราม่าเลย แต่ดราม่ามากกกกกกกกก แงงงงงงงงงงง

เราสงสารโป้มากเลยอ่ะ ถ้าใครมาเห็นคนที่รักจูบกับคนอื่นคาตาแบบนั้น ใจคงสลายจริง ๆ น้ำมนต์ไม่น่าเลย

เราว่าโป้ถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้วล่ะ มันรักไปแล้ว ถ้าเรารักใครซักคนแล้วเจ็บจนต้องหันหลังกลับมาถามตัวเองว่าถอยดีไหม นั่นแปลว่า เราหันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว จนกว่าจะเจอทางตัน

ขอให้ดราม่าแบบนี้คลี่คลายไว ๆ นะ คนอ่านใจจะขาด (ชั้นอินไปไหมนี่)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 23-11-2011 09:29:01
น้ำมนต์ไม่รู้สึกอะไรกับโป้จริงหรอ?  :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 23-11-2011 10:47:25
ชิส์ อีปีโป้ ชั้นขอคำชมนายไว้เมื่อตอนที่แล้วคืนก็แล้วกัน
หลงชื่นชมว่านายดูภาพศิลป์ออก (คิดว่าได้เชื้อแม่มา)
ที่ไหนได้ ลอกคำพูดแม่มา ชิส์
ส่วนเรื่องขอความรักน้ำมนต์ ก็ยังชมอยู่ว่านายกล้าดี เพียงแต่..
น้ำมนต์เขาไม่เหมือนคนอื่นๆเท่านั้นแหละ เขามีข้อแม้ในชีวิตค่อนข้างเยอะ
แต่ที่น่าตำหนิคือนายมันไม่รู้จักยับยั้งอารมณ์ นายดูน้ำมนต์ไม่ออกเหรอว่า
เขาน่ะต้องแบบใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่บุ่มบ่ามใจร้อนเอาแต่ใจแบบนาย
คราวนี้นายพลาดเองนะ นายผูกปมเองนะปีโป้ แล้วก็ผูกซะแน่นเชียว แก้ยากนะ แต่นายคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆใช่ปะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 23-11-2011 12:54:13
 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  จะเคลียร์กันยังไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 23-11-2011 14:18:51
 :monkeysad:
สงสารน้ำมนต์ก็สงสาร
สงสารโป้ก็สงสาร
 :เฮ้อ:

มีชะนีสร้างเรื่องจริงๆ
 :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 23-11-2011 17:15:31
เฮ้อๆๆ ๆๆ
เพราะมีเเพรอยู่ใกล้นั้นแหละ
ถึงทำให้น้ำมนต์คิดมาก คิดว่างั้นนะ
ว่าแต่การกระทำของแพรนี้ =='
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 23-11-2011 18:09:21
สงสารนายปีโป้ สุดหัวใจ  :monkeysad: :m15:

น้ำมนต์ ใจร้ายง่ะ   :serius2:


 :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-11-2011 18:16:03
วันนี้ไม่เข้าข้างใคร
นายปีโป้ทำไม่ถูกที่สารภาพรักไม่เลือกสถานที่และเวลา ซ้ำร้ายใช้กำลังข่มเหง ทำให้ปัญหายิ่งเลวร้ายไปใหญ่
น้ำมนต์ก็ทำไม่ถูกด้วยที่ไปขอแพรเป็นแฟนและจูบกันต่อหน้าปีโป้ เหมือนไปเติมเชื้อไฟ
ไม่รักไม่ว่าแต่อย่าทำร้ายจิตใจกัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 23-11-2011 19:42:47
โป้ ช่างหัวน้ำมนต์มันเหอะ
หาคนใหม่ไปเลย หล่อๆอย่างโป้สบายอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 25 จุดเริ่มต้นของบทดราม่า 22/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 23-11-2011 21:22:48
พลิกซะงั้น เหมือนจะไปได้ดีแท้ๆน่ออออ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 23-11-2011 23:26:58
   ตอนที่ 26  ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก (เราเตือนคุณแล้วนะ!!)


   ถ้าหากได้รู้ว่าการแอบสร้างประตูเล็กๆที่กำแพงนั้น ทำให้ใครคนนั้นล่วงรู้ แล้วแอบมาพังประตูที่กำลังสร้างเปิดรับเขาในไม่ช้า  .. ผมคงไม่คิดจะสร้างมัน


   ผมรู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่หาย มันคือเรื่องราวที่แสนวุ่นวาย และเข้ามาในชีวิตของผมแบบไม่ทันตั้งตัว การเปิดรับคนแปลกหน้าเข้ามาพัวพันกับชีวิต มันทำให้เราไม่รู้เลยสินะ ว่าชีวิตเราจะเดินไปในทิศทางไหนและเมื่อไหร่

   ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องโทษใคร โทษที่ตัวเองไว้ใจใครมากเกินไป โทษที่ใครคนนั้นทำอะไรพลาดไป โทษหัวใจที่เผลอไปกับสิ่งดีๆที่เขาทำมาทั้งหมด  กว่าจะรู้ตัวเองอีกที ก็พลาดกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่เขาจะมาย้ำยีจิตใจเราได้ง่ายๆ




“เป็นไรไปน้ำมนต์ ยายเห็นตั้งแต่กลับมาก็ไม่พูดไม่จา” ยายเดินมาถามผม ที่นั่งแน่นิ่งมองท้องฟ้าอยู่ตรงระเบียงบ้าน

“เปล่าครับยาย” ผมบอกยายไป

“ทะเลาะอะไรกับพี่ปีโป้เหรอ”

“เปล่านี่ครับ”

“เอาเถอะ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร เรื่องของวัยรุ่นยายคงไม่เข้าใจ ยายแค่อยากบอกกับหนูว่า คนที่ประเสริฐที่สุด คือคนที่รู้จักการให้อภัย การเก็บมาเกลียดโกรธชังไม่ใช่วิสัยของคนดี มีไรก็คุยกับพี่เค้า ให้อภัยได้ก็ให้ไปเถอะ ยายไม่อยากให้หนูเก็บมาคิดให้มันหนักหัว” ยายพูดแล้วเอามือมาลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มให้และเดินเข้าบ้านไป



ให้อภัย , มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับยาย ..


“ฮัลโหลว่าไงแพร” ผมรับโทรศัพท์เบอร์ของคนที่พยายามโทรมาหลายสิบสายตั้งแต่ที่จากกันมา แต่ผมก็ไม่อยากจะรับ จนถึงเวลานี้ คิดว่าอารมณ์ผมคงใกล้เข้าสู่สภาะปกติแล้ว

“ฮัลโหลน้ำมนต์ เป็นยังไงบ้าง แพรเป็นห่วงน้ำมนต์มากเลยนะเนี่ย โทรไปน้ำมนต์ก็ไม่รับ รู้มั๊ยว่าแพรเป็นห่วง” เธอพูดมาซะยาว จนผมเกือบจะประมวลผลฟังแทบไม่ทัน

“อืม เราไม่อะไร พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ ขอบใจมากที่เป็นห่วง แค่นี้ก่อนนะ” ผมรวบรัดสรุปและตัดสายไป



จะว่าไปวันนี้ผมก็ทำไรผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเหมือนกัน  แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่า การเล่นกับความรู้สึกคนอื่น ไม่ได้ทำให้คนอื่นเจ็บข้างเดียว เรานี่แหละ ที่จะเจ็บไปด้วย ไม่ว่าทางใดก็ตาม ..









“น้ำมนต์ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ประโยคแรกของการทักทายวันนี้ของช้างน้อย ที่เดินเข้ามาในร้านป้าตามสั่งแล้วถามผม กับสายตาที่มองมาที่ผม ก่อนจะหันไปมองโต๊ะนายปีโป้ที่อยู่อีกมุมนึงของร้าน ที่นั่งจ้องผมตั้งแต่ที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในร้านนี้

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ผมบอกก่อนจะก้มอ่านหนังสือในมือต่อ

“แกอย่ามาโกหกชั้น ชั้นรู้ว่าเรื่องเมื่อวานมันต้องร้ายแรงมาก ใช่มั๊ย”

“ไม่รู้สิ”

“แกนี่โกหกไม่เก่งเอาซะเลย ถ้าแกไม่เล่าชั้นจะไปถามพี่ปีโป้”

“อืม ไปถามเค้าสิ”

“จัดให้”  ช้างน้อยพูดพร้อมกับสะบัดหน้าสะบัดก้นให้ผม แล้วเดินไปหานายปีโป้ ผมปรายสายตาไปมองนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเลิกสนใจ



“น้ำมนต์”  เสียงแพรเรียกผม พร้อมกับหน้าที่ชะโงกมามอง เล่นเอาผมตกใจกับท่าทางของเธอ

“ว่าไงแพร มาเช้าเชียว”

“ก็อยากมานั่งคุยกับน้ำมนต์” เธอพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆผม

“น้ำมนต์หน้าตาซีดๆนะ ไม่สบายหรือเปล่า” เธอพูดพร้อมกับเอามือขาวนุ่มของเธอมาแตะที่หน้าผาก และบริเวณแก้มของผม

“อือ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” ผมบอกไปยิ้มๆ

“เมื่อวานเรายังไม่ได้ตอบน้ำมนต์เลยนะ เรื่องนั้น” เธอถามผมขึ้นมา

“เรื่องอะไรเหรอ”

“ก็เรื่องที่ ..”

“เราขอโทษนะแพร แต่ช่วยลืมเรื่องเมื่อวานไปได้มั๊ย คิดซะว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เราขอโทษจริงๆ” ผมขัดเรื่องที่เธอจะพูด

“อื้มมม เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมมั๊ย” เธอพูดแล้วยิ้มแห้งๆมาให้ผม

“แน่นอนอยู่แล้ว” ผมตอบพร้อมกับยิ้มกว้างๆให้เธอ



“อย่ายิ้มแบบนี้ดิ”

“ทำไมเหรอ”

“แพรกลัว ว่าแพรจะไม่คิดกับน้ำมนต์แค่เพื่อน” เธอตอบมาแบบขำๆ



ผมรู้สึกสงสาร และรู้สึกแย่ที่ดึงเอาเธอเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องราวของผม  ผมเลยต้องเลือกที่จะตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อยากจะให้มันยุ่งเหยิงไปกว่าเดิม ผมอยากกลับไปในวันที่ผมมีแค่หญิงและช้างน้อย วันที่เราสามคนอยู่ด้วยกัน มองตาก็เข้าใจ ไม่ต้องพูดอะไรก็สื่อความหมายได้


พูดปุ๊บ ช้างน้อยกับหญิงก็เดินกลับมาพอดี

“แพรเข้าห้องก่อนนะ  ไปละ” และแพรก็ขอตัวออกไปพอดี


“ชั้นละเกลียดนังชะนีแอ๊บตัวนี้เหลือเกิน” ช้างน้อยพูดทันทีที่กลับมาถึงโต๊ะ

“ไปว่าเค้าทำไมช้างน้อย” ผมดุช้างน้อย

“ก็จริงนี่ ชั้นไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา อันไลค์ค่ะ” เธอตอบมาหน้าตาหนักแน่น

“น้ำมนต์ โอเคนะ” หญิงถามผมด้วยหน้าตาเป็นห่วง

“ก็โอเคนี่” ผมพูดพร้อมกับยิ้มๆ บอกแล้วไงครับ ว่ามองตาก็รู้ว่าหญิงหมายถึงโอเคเรื่องอะไร

“แกจะไม่ยกโทษให้พี่แกจริงๆเหรอ” ช้างน้อยถามบ้าง

“ไม่รู้สิ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย”

“พี่แกน่าสงสารนะหญิงว่า เหมือนพี่แกอยากจะคุยกับน้ำมนต์เลยนะ”

“อย่าเพิ่งเลยหญิง เรายังไม่พร้อม” ผมตอบทั้งสองคน ผมรู้ดีว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งที่มองผมอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ผมไม่เคยมองกลับไปก็ตาม

“เข้าเรียนกันเถอะ” ผมตัดบทของทั้งสองคน เพราะยังไงก็ไม่พ้นเรื่องของคนโต๊ะมุมร้าน






การดำรงชีวิตของผมช่วงนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย จนลืมไปแล้วว่าเคยมีผู้ชายเด็กช่างเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของผม ผมใช้เวลาช่วงนี้ทุ่มไปกับโปรเจคปลายภาคที่ต้องแสดงงานศิลป์ในงานประจำปีของวิทยาลัย ผม หญิง ช้างน้อย มาวิทยาลัยแต่เช้าเพื่อมาทำงานด้วยกัน และกลับดึกๆค่ำๆ เพราะเตรียมงานกันเพลิน  ชีวิตของผมวุ่นวายจนลืมเรื่องวุ่นวายก่อนหน้านี้ไป แต่อย่าคิดว่าผมจะลืมได้นะครับ ในเมื่อตัวต้นเรื่องยังคอยโผล่หน้ามานั่งจ้องผมทุกเช้า ตกเย็นก็มานั่งเฝ้าที่ห้องศิลปะ ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์กว่าๆที่ผ่านมา ผมไม่เคยแม้แต่สบตา ไม่เคยคุย เขาแทบไร้ตัวตนในสายตาของผม อยากจะลืมชื่อ ลืมหน้าตา ลืมเรื่องราว ลืมว่าเคยรู้จักกันให้มันรู้แล้วรู้รอดไป


แต่ก็มาเข้าใจตัวเองเหมือนกัน .. ทำไมมันถึงยิ่งจำ .. จำแต่เรื่องที่ทำให้ยิ้ม , เหตุการณ์ที่ดูร้ายแรงในวันนั้น ทำไมในวันนี้มันช่างดูบางเบา แต่สมองก็คอยย้ำภาพวันนั้นให้ชัด เพื่อการแข็งใจไม่ให้ตัวเองอ่อนแอ



“วันนี้น้ำมนต์กลับยังไงเหรอ” หญิงเดินมาถามเมื่อใกล้เวลาเสร็จงานของวันนี้

“คงนั่งวินไปมั้ง”

“ให้พี่เอ็มไปส่งมั๊ย นั่งวินไปหลายบาท”

“ไม่เป็นไรดีกว่า น้ำมนต์เกรงใจ” ที่จริงแล้วผมมีคนคอยทยอยรับส่งผมเยอะพอควรครับ หลังจากที่ขาดนายปีโป้ไป แต่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล สมุนของนายปีโป้ทั้งนั้น ที่แวะเวียนคอยมารอส่งผมกลับบ้าน พี่เอ็มนี่บ่อยสุด เพราะรอส่งหญิงด้วย มีพี่โอ๊ต พี่บ่าว พี่เอกบ้าง และที่นอกเหนือจากสมุนของนายปีโป้ก็คงมีแค่คนเดียว .. พี่เดช



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่เดชรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับนายปีโป้หรือเปล่า ถึงได้กลับมารอรับผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยังไม่เคยได้กลับกับแกหรอกครับ เพราะว่ามีสมุนของนายปีโป้มารับตลอด และได้รับคำสั่งแกมบังคับจากหญิงและช้างน้อยว่า ต้องกลับกับพวกสมุนพวกนี้เท่านั้น

“น้ำมนต์ ขนมกินรองท้องหน่อยสิ” ช้างน้อยส่งซองขนมมาให้ผม ซึ่งก็มีมาทุกวันเช่นกัน และไม่ต้องบอกว่าใครซื้อมาให้ คนที่คุณรู้ว่าใครนั่นแหละ แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ กินบ้างเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ช้างน้อยเหน็บผม

“วางไว้ก่อนเลย เรายังไม่หิว” วันนี้ผมเลือกที่จะปฏิเสธไป 



“น้องน้ำมนต์ ยังไม่กลับอีกเหรอครับ” เสียงของพี่เดชเดินเข้ามาทักผมในห้องศิลปะครับ พี่แกมักทำแบบนี้บ่อยๆ เมื่อมาถึงก่อนเวลา ที่พวกสมุนนั้นจะมา

“ยังเลยครับพี่เดช ต้องแก้ภาพนิดหน่อยครับ” ผมบอกทั้งที่มือก็ยังถือพู่กันตวัดไปมาอยู่

“ไหนพี่ดูหน่อยซิ” พี่เดชพูดพร้อมกับเดินมาข้างหลังผม

“สวยแล้วนี่ แก้ตรงไหนอีก”

“โห ยังไม่สวยหรอกครับ มันเหมือนขาดมิติไป ยังไม่เหมือนจริง”

“แล้วนี่น้ำมนต์วาดใครเหรอ”

“แม่น้ำมนต์ครับ” ผมบอกไปแล้วยิ้มให้

“สวยจังเลย ว่าแล้วว่าทำไมน้ำมนต์ได้ใครมา” 

“ชมว่าน้ำมนต์สวยเหรอครับ”

“เปล่า พี่หมายถึงหน้าตาดีได้แม่มา” ผมคุยกับพี่เดชอีกนิดหน่อย พี่เดชก็บอกว่าจะออกไปรอข้างนอก ผมก็ไม่ว่าอะไร จะไปบอกทำไมว่าไม่ต้องรอ เขาอาจจะไม่ได้รอไปส่งก็ได้ อาจจะรอบอกลา ไม่อยากสำคัญตัวเองให้มากมาย




“น้ำมนต์ มาดูรูปนี้ให้แพรหน่อยสิ” แพรเดินมาสะกิดผมครับ ผมยิ้มให้เธอก่อนจะเดินตามเธอไป

“น้ำมนต์ว่าสีมันอ่อนไปหรือเปล่าอ่ะ แพรว่ามันยังไงๆไม่รู้” ท่าทางของเธอตอนนี้น่ารักดีนะครับผมว่า ผมแอบยิ้มไปกับท่าทีที่เธอไม่มั่นใจ หน้าตาที่ดูฉุนเฉียวกับผลงานของตัวเอง แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อย

“น้ำมนต์ !!! ยิ้มแบบนี้หมายความว่าอะไร” เธอหันมาดุผมนิดหน่อย ที่ไปยิ้มใส่ผลงานเธอ

“อ๋อเปล่า  ไมได้ยิ้มอะไร ก็โอเคแล้วนะ ถ้าแพรชอบไล่สีจากอ่อนไปเข้ม เราว่าแพรลองเพิ่มสีตรงกลางให้เข้มกว่านี้อีกนิด ก็น่าจะดีแล้วนะ” ผมพูดไปยิ้มไป แพรฟังไปทำหน้าดุผมไป

“แค่นั้นเหรอน้ำมนต์ว่า”

“ครับ มันโอเคแล้ว แต่ก็แล้วแต่แพรนะ ศิลปะมันไม่มีข้อจำกัดในการสร้างสรรค์อยู่แล้ว”

“โอเคจ๊ะ ขอบใจน้ำมนต์มาก” เธอยิ้มหวานๆให้ผมอีกครั้ง ไม่รู้สิครับ เวลาที่เห็นแพรตั้งใจทำงานศิลป์ ความสวยความน่ารักในตัวเธอกลับมากขึ้น มากขึ้น ทำให้ผมหลงใหลทุกที ผู้หญิงที่ชื่นชอบผลงานศิลปะนี่มีเยอะนะครับ แต่ผู้หญิงสวยนี่ ผมว่าไม่เท่าไหร่  .. ยกเว้นแต่แพรนี่แหละครับ



“น้ำมนต์ เก็บของยังยะ ชั้นจะกลับแล้ว”  เสียงข้องช้างน้อยดังมาจากข้างหลัง อย่างรู้กันว่า ผมต้องห่างๆตัวแพรแล้วละ

“อือๆ เดี๋ยวเก็บแล้ว” ผมตอบกลับไป  บางทีผมก็รู้สึกนะครับ ว่าเพื่อนๆของผมก็กลายเป็นสมุนของนายปีโป้ไปหมดแล้ว ไม่ว่าผมจะทำอะไร เดินก้าวไปทางไหน ช้างน้อย หญิงก็คอยจับตา และรายงานข่าวผมไปหมด แต่ทั้งสองคนก็พยายามเอาเรื่องของนายปีโป้มาบอกผมนะครับ ช่วงแรกๆผมไม่อยากฟัง ถึงขั้นห้ามพูด ก็หายไป ช่วงหลังๆสองคนนี้ใช้แผนใหม่ เป็นการคุยกันสองคน แต่มีผมนั่งอยู่ด้วย ผมเลยต้องจำใจรับรู้เรื่องราวของนายปีโป้อย่างเลี่ยงไม่ได้



ผมเดินกลับมามุมตัวเอง เก็บข้าวเก็บของใส่เป้ โดยไม่ลืมที่จะหยิบลูกอมฮาร์ทบีท ที่ช้างน้อยตั้งใจแยกวางไว้ให้ก่อนจะเอาขนมไปแบ่งเพื่อนๆในสาขากิน  ไม่มีอะไรหรอกครับ คนให้เขาตั้งใจให้มันมา ตอนนี้ผมมีจนจะเปิดร้านขายได้แล้ว และมันไม่ได้มีแค่ลูกอมอย่างเดียว มันจะมีโน้ตเล็กๆเหน็บอยู่ด้วยต่อกันจนเป็นเรื่องเป็นราว อย่างกับซีรี่ส์เกาหลี ไม่รู้จริงๆว่าเด็กช่างกลคนนั้น จะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย


 แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ ว่ามันทำให้ผมยิ้มก่อนนอนได้ทุกคืน ..






“น้ำมนต์” เสียงหญิงร้องทักขึ้นขณะที่เราสามคนกำลังเดินออกมานอกวิทยาลัย และกำลังคุยเรื่องผลงานกันอยู่ ผมหันไปมองหน้าหญิง ก่อนจะมองสายตาหญิงที่มองไปข้างหน้า



“พี่ปีโป้นี่” ช้างน้อยหันไปดูเช่นกัน และพูดยืนยันกับสิ่งที่พบเห็น  ที่พวกเราสามคนต้องตกใจ เพราะนายปีโป้ไม่เคยโผล่มาเวลานี้นานแล้ว เกือบสองสัปดาห์แล้วด้วย ส่วนมากก็จะให้พวกสมุนของเค้ามาดักรอผมทั้งนั้น แต่วันนี้กลับเลือกที่จะมาเอง และที่ดูน่าตกใจกว่านั้นคือ พี่เดชที่นั่งบนมอเตอร์ไซค์รออยู่อีกฝั่งหนึ่ง ทั้งสองไมได้คุยกัน แต่ก็ใช้สายตาเขม่นกันจนสังเกตได้ถึงความไม่ถูกชะตากันทั้งสองฝ่าย


“ศึกชิงนายก็คราวนี้ละ” ช้างน้อยพูดออกมาติดตลก แต่ผมกลับไม่มีอารมณ์ขำสักแอะในตอนนี้ ..



“กลับบ้าน  .. เดี๋ยวกูไปส่ง” นายปีโป้เดินเข้ามาหาผมและพูดประโยคนั้น เป็นเสียงพูดจากนายปีโป้ที่ผมได้ยินในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมต้องตกใจกับประโยคนั้น และทำไมหัวใจถึงเต้นไม่เป็นจังหวะ แค่คนที่เคยสร้างความไม่พอใจให้กับตัวเอง และยังบอกได้ว่ายังโกรธอยู่กับการกระทำนั้น มาพูดด้วย ..

“ไม่เป็นไร” ไม่รู้ว่าก้อนเนื้อก้อนไหนสั่งงานให้พูดคำนี้ออกไป

“กลับเองได้” ความหยิ่งยโสในสมองของผมนั้น มันชนะความรู้สึกที่หัวใจไปแล้ว

“แล้วใครจะไปส่งน้ำมนต์ละ นี่มันดึกแล้วนะ หญิงไม่ยอมให้น้ำมนต์กลับวินหรอก” หญิงพูดแทรกขึ้นมา

“ใช่ จะให้ชั้นขับไปส่งก็ได้นะ แต่ตอนกลับนั่นสิ ชั้นกลัว” ช้างน้อยเสริม

“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง” แล้วเสียงของอีกคนที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ก็ดังขึ้น


“พี่เดช” ผมเอ่ยชื่อนั้นเบาๆ


เอาแล้วไงครับ ผมจะทำไงดีละทีนี้ การกลับบ้านครั้งนี้ ไม่ใช่ง่ายๆอีกแล้วสิ  ถ้าเลือกไปกับนายปีโป้ นั้นก็คือการให้อภัยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน  แต่ถ้าเลือกไปกับพี่เดชนั่นก็คือการเปิดทางให้ผู้ชายอีกคนเข้ามาจีบผมอีก นี่ผมจะต้องเจอคนเข้ามาจีบอีกกี่คนที่เป็นผู้ชายละเนี่ย




“ฮัลโหลครับยาย” ขอคั่นเวลาตัดสินใจด้วยการรับโทรศัพท์ยายหน่อยแล้วกัน

“กลับยังลูก ดึกแล้วนะ” ยายถามผมมา เสียงเป็นห่วงเป็นใย

“กำลังจะกลับแล้วครับยาย ยายนอนก่อนก็ได้ครับ น้ำมนต์เอากุญแจบ้านมา”

“ยายนอนไม่หลับหรอก ยายเป็นห่วงหนู แล้ววันนี้ใครจะมาส่งเหรอ”

“เอ่อ ..”

“ถ้าพี่ปีโป้มาส่งก็ชวนเขาค้างที่นี่เลยก็ได้นะ ขับกลับไปมันดึกแล้ว”

“เอ่อ .. คือน้ำมนต์กับเค้ายัง ..”

“นี่อย่าบอกยายนะ ว่ายังไม่คุยกันอีก ไม่เอานะน้ำมนต์ ยายไม่ชอบเลยทำตัวแบบนี้ โตๆกันแล้วต้องคุยกัน มีอะไรไม่ชอบไม่พอใจก็เปิดใจคุยกัน ยายบอกหนูแล้วไง ว่าไม่มีการให้อะไร ยิ่งใหญ่เท่าการให้อภัย”

“ครับยาย น้ำมนต์เข้าใจครับ”

“แต่ก็อย่างว่า ยายคงไม่ค่อยเข้าใจวัยรุ่นสมัยนี้ วัยรุ่นสมัยนี้ใช้สมองวัดความรู้สึกกัน ตอนยายสาวๆ ยายใช้ความรู้สึกจากหัวใจทั้งนั้นละ ยังไงก็รีบกลับมาละ ยายจะรอ ไม่งั้นยายนอนไม่หลับ”

“ครับยาย”



แค่วางสายจากยาย ผมก็ได้คำตอบสำหรับคนที่จะไปส่งผมวันนี้แล้วละครับ อย่างที่ยายบอก ว่าไม่มีการให้อะไร ยิ่งใหญ่เท่าการให้อภัย เกิดมาเป็นคนต้องรู้จักคำนี้ ถ้าถามว่าไม่กลัวเจ็บอีกครั้งหรอ ไม่กลัวเป็นเหมือนเดิมเหรอ ผมก็คงบอกได้ว่ากลัว


แต่เจ็บตอนนั้น กับรู้สึกขาดหายอะไรบางอย่างในตอนนี้ มันคงไม่ต่างกันมากนัก



แล้วจะทนรู้สึกแบบนี้ไปทำไมกันละ .. เลิกหยิ่งยโสได้แล้วน้ำมนต์




“น้ำมนต์ เดี๋ยวแพรไปส่งก็ได้นะ  .. พ่อแพรมารับ”  ยังไม่ทันที่จะให้คำตอบแก่สองตัวเลือกที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตัวเลือกที่สามก็เข้ามาอีก

“พอดีพ่อแพรเอารถเก๋งมารับ เดี๋ยวให้พ่อแพรแวะไปส่งน้ำมนต์ก่อนก็ได้นะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าแพร น้ำมนต์มีคนจะไปส่งแล้ว เกรงใจพ่อแพรเปล่าๆ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มๆให้กับแพรไป คนที่รายล้อมผมตอนนี้ ดูท่าจะไม่ถูกโฉลกกับแพรเอาเสียเลย เพราะสายตาแต่ละคน ต่างก็จ้องเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“อือ นั้นแพรไปก่อนนะ  ค่อยเจอกัน” แพรพูดพร้อมกับโบกมือ

“จะรีบไปไหนยะ รอดูน้ำมนต์เลือกคู่ เอ๊ยย เลือกคนไปส่งก่อนสิ” เสียงช้างน้อยดังขัดขึ้น ทำให้แพรต้องหยุดชะงัก

“แกก็บอกมาสิ ว่าจะให้ใครไปส่ง ชั้นอยากกลับบ้านละนะ ไม่มีเวลามาดูรจนาเลือกคู่นานนะยะ” ช้างน้อยคงรำคาญผมเต็มทีแล้ว ถึงได้เหน็บมาได้เจ็บแสบ และโบราณขนาดนั้น


ผมล้วงกระเป๋าเป้ หยิบซองลูกอมฮาร์ทบีทถุงนั้นขึ้นมา พร้อมกับอ่านข้อความที่แปะไว้


.

.

.


มึงโกรธกู กูรู้ แต่อย่าเกลียดกูนะ .. เพราะกูรัก (ของกู)  –  วันที่ 1


หลับตาก็คิด ลืมตาก็คิด ทำอะไรก็คิด .. กูรู้ว่ากูผิด แต่กูขอโทษ หายโกรธกูได้แล้วนะ – วันที่ 2


มึงไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปบ้างเหรอ .. กูนะ .. รู้สึกเหมือนจะ “ขาดใจ” ทุกวันเลย มึงรู้มั๊ย  - วันที่ 3


กินข้าวบ้างนะเว๊ย ผอมไปเลยนะ .. อย่าคิดแต่งานจนลืมคิดถึงกูละ – วันที่ 4


มึงจะใจร้ายกับผู้ชายอย่างกูไปแล้วนะ .. น้ำมนต์อย่างมึงใครปลุกเสกมาเนี่ย !!!  – วันที่ 5


กูมากินน้ำชา แต่กูอยากเห็นหน้าน้ำมนต์ กูให้เพื่อนไปส่ง แต่ก็ก็ส่งใจไปด้วยเหมือนกัน  ... เน่าจังเลยวะ – วันที่ 6


ถ้ามึงใจแข็งแบบนี้ เปลี่ยนชื่อเป็นหินมนต์ดีมั๊ย .. แม่งไอ้ใจหิน ทำร้ายนายหัวโป้ได้ลงคอเหรอ มึงอยากตายหรือไงห๊ะ – วันที่ 7


ขอโทษ , ครั้งที่ล้าน ครั้งที่พัน .. ถ้าอยากฟังอีกครั้ง อยากชวนมึงมานั่งฟัง ข้างๆกู .. (เสี่ยววะ .. แต่กูชอบนะ) – วันที่ 8


น้องน้ำมนต์ครับ พี่ปีโป้คิดถึงน้องน้ำมนต์จังเลย  .. ถ้ามึงหายโกรธกู กูจะพูดเพราะกับมึง .. ( แต่ไม่สัญญานะว่าทำได้นานมั๊ย ) –วันที่ 9


ถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ดีกับกู กูจะไปฟ้องป๊า ว่าลูกเพื่อนป๊าทำร้ายหัวใจกู ... ป๊า ..... หนูเจ็บ  ฮือๆๆๆ  (กูน่าสงสารละสิ) – วันที่ 10


กูจำหน้ามึงได้ตลอดเวลาเลยนะ .. แต่ที่จำได้ดีกว่า คือหุ่นมึง .. แม่งน่าฟัดวะ .. ( อ่าวเห้ยย ลามกอีกกู) – วันที่ 11


ยิ้มก่อนอ่าน ตาหวานก่อนเปิด  .. โบราณวะ นี่กูยังจำมันได้ไงวะ  (ปูลู .. พี่คิดถึงน้องนะจ๊ะ) – วันที่ 12


พรุ่งนี้มึงตาย ถ้าไม่ดีกับกู (กูพูดจริง กำลังขัดปืนเลยนะเนี่ย !!)  - วันที่ 13



.

.

.

.


ผมล้วงกระเป๋าเป้ หยิบซองลูกอมฮาร์ทบีทถุงนั้นขึ้นมา พร้อมกับอ่านข้อความที่แปะไว้




“วันนี้กูจะมารับนะ .. ถ้าไปกินลูกอม ถ้าไม่ไปทิ้งมันซะ แต่ถ้าอยากบอกรัก ก็ให้กูหอมหนึ่งที  (วอนอยากตายแล้วไงกู) !!!”



ผมอ่านข้อความที่แปะไว้หลังถุงลูกอมแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย พลันให้นึกถึงข้อความที่ผ่านมาของนายปีโป้ ไม่บอกก็รู้ว่าไม่เคยจะง้อใคร เพราะที่ทำมามันออกแนวข่มขู่ เรียกร้องความสนใจทั้งนั้น  เพียงแค่มีคำว่าขอโทษบ้าง และใส่ความจริงใจพร้อมกับตัวตนของเค้ามาก็เท่านั้น



สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องมาที่ผม บอกตามตรงไม่ชอบอารมณ์ตอนนี้เลย แต่ผมว่าการหลีกหนีปัญหา การสร้างกำแพงกั้นความรู้สึกของตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขเลย ทั้งคนที่อยู่ในกำแพง และคนที่รอคอยอยู่ข้างนอก ต่อให้พยายามทำความเข้าใจโลกส่วนตัวของตัวเอง รอใครอีกคนเข้ามาไม่ว่าช่องทางไหนก็ตาม


แต่ใครกันละ ที่มันจะอยู่ในโลกของคนอื่นได้ตลอดเวลา  เราต้องออกจากกำแพงของเรา และก้าวไปในกำแพงของคนอื่นบ้าง


และถ้าวันใดวันหนึ่งคิดว่าเราทั้งสองรู้จักโลกภายในกำแพงของกันและกันมากขึ้นแล้ว วันนั้นเราก็พร้อมจะช่วยกันทุบกำแพงนั้นลง  ..








“พี่เดชครับ” ผมเรียกชื่อนั้น เล่นเอาคนอื่นๆมองมาทางผมเป็นทางเดียว คงมีแต่พี่เดชที่มองมาพร้อมกับรอยยิ้ม



“ครับ น้องน้ำมนต์” พี่แกรีบขานออกมาเสียงสั่น






“ขอบคุณพี่เดชมากนะครับ  แต่ทางไปบ้านน้ำมนต์มันไกล ให้คนที่คุ้นเส้นทางไปส่งน้ำมนต์ดีกว่าครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มไปให้ ประโยคนั้นของผมไม่ใช่แค่ประโยคบอกว่า บ้านผมไกลเท่านั้น แต่มันยังบอกอะไรพี่เดชหลายต่อหลายอย่างไปในตัว


ผมหันมามองหน้าช้างน้อย หญิง ที่ยังทำหน้างงๆ ปนยิ้มๆกับสิ่งที่เห็น ก่อนที่จะหันไปมองหน้าคนบางคนอย่างใจเต้นระรัว พร้อมกับมือที่แกะถุงและแกะลูกอม พร้อมกับเอามันเข้าปาก  รอยยิ้มของคนตรงหน้าเผยให้เห็นชัดอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาแสนนาน ..












“พร้อมจะไปส่งเราหรือยัง  ?”






โอ้เย้ สงสารคนอ่าน ขี้คร้านจะดราม่า 5555


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 23-11-2011 23:30:44
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ทั้งน้ำตา ซึ้งมากกกกกก อยากบอกว่าเขินแทน 5555 กดไลค์ให้ตอนนี้พะยะค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-11-2011 23:39:04
ว๊ากกก  โป้น่ารักอ่ะ  น้ำมนต์ด้วย
เย้ๆๆๆ  เค้าดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-11-2011 23:46:21
พร้อมมมมม

น้ำมนต์น่ารักล้านเท่าอ่ะวันนี้ เฮ้อออนายหัวโป้ก็นะ ข้อความมันช่างเลี่ยนและข่มขู่ดีแท้ แต่เราชอบนะ กร๊ากกกก
อย่าทำเหลวไหลอีกนะ น้องให้โอกาสแล้วเนี่ย
 o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 23-11-2011 23:47:36
กลัวดราม่าจะตายแล้ว
ข้อความที่แนบมากับลูกอมน่ารักมากกก :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 23-11-2011 23:53:43
ดีแล้วล่ะ ทำงี่เง่าอะไรตั้งนาน น้ำมนต์ น่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 24-11-2011 00:02:08
หวังว่านายโป้จะสำนึกและไม่เอาแต่ใจอีกนะ  :เฮ้อ:
จะคบกันจริงก็พบกันครึ่งทางเถอะ จะโวยวายจะนักเลงไปเพื่อ?
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: NiNJA ที่ 24-11-2011 00:05:27
กรี้ดดดดดดดดดดดดดด   
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 24-11-2011 01:49:27
เค้าชอบตอนนี้อะ ชอบประโยคเสี่ยวๆ ชอบประโยควอนตาย ของนายโป้จัง ฮ๊าาา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 24-11-2011 02:17:51
กี๊สสสสสสสสสส เห็นมั้ยไอ้โป้ น้ำมนต์น่ารักขนาดนี้ ^ ^~ อุตส่าห์ให้อภัยคนเลวๆอย่างนายแล้ว ห้ามทำไม่ดีอีกนะ ไม่งั้นจะต้องเสียใจ!!!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/1
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 24-11-2011 02:22:34
อ๊ายยยย!!
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกรักคนแต่งจัง

XD
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 24-11-2011 05:58:18
โอ้ย นึกว่าดราม่าจริงๆ เตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ซับหน้าเลย นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 24-11-2011 06:38:34
 :o8: น้ำมนต์ทำตัวดีๆนะ เดี๋ยวมีรางวัลให้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 24-11-2011 09:07:59
อุ๊ย คุณหลอกดาวอ่ะ

แต่ดีแล้วล่ะที่ไม่ดราม่า ตอนนี้น่ารักดีนะ ข้อความขอโทษของนายโป้ฮามาก

น้ำมนต์ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว กำแพงมันหนาไป๊ หนุ่มน้อย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-11-2011 11:40:38
ตั้งชื่อตอนซะน่ากลัวทำให้เราไม่กล้าอ่าน
แต่พอได้อ่านก็หุบยิ้มไม่ลง วุ้ยอะไรกันนี่
นายปีโป้ได้รับโอกาสอีกครั้ง อย่าทำพลาดล่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 24-11-2011 12:15:12
อมยิ้มแก้มจะแตก   :impress2:
น้องน้ำมนต์เริ่มใจอ่อนแล้วซี่  เอ๊ะ  หรืออ่อนมานานแล้ว แต่ปากแข็ง ฮ่าา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 24-11-2011 12:47:01
เฮ้ออออออออออออออออออ!!!! :เฮ้อ:  ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นผลสอบอีก (เว่อร์ไปล่ะ )

ต่อไปก็ทำตัวดีๆนะนายปีโป้  :-[ :-[



ขอบคุณครับคนเขียน  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 24-11-2011 13:11:39
อ่านตอนนี้แล้วรุ้สึกน่ารักดีอ่ะ :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: seaweed ที่ 24-11-2011 15:07:34
อยากได้ ดราม่า อีกอะ เอาน้องเบสกลับมาดีไหมคะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: thejaoil ที่ 24-11-2011 17:09:34
คนเขียนน่ารักมากค่า อย่าดราม่าอ่ะดีแล้วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 24-11-2011 20:14:17
ตอน24เกลียดยัยแพรมาก
ตอน25 :impress3:
ตอน26ยิ้มแก้มปริในตอนท้าย
อยาก+สัก100ครั้ง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 26 ตอนนี้ดราม่าที่สุดในโลก(เราเตือนแล้วนะ)23/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 24-11-2011 20:29:31
ปากฉีกถึงหูเลย ยิ้มกว้างมากเกินไปน่ะ :laugh:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 24-11-2011 23:21:25
ตอนที่ 27  เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป


“พร้อมจะไปส่งเราหรือยัง  ?”

.

.

.


ถ้าถามว่าหลังจากวันนั้น  ชีวิตของผมเป็นยังไง ผมให้คำตอบกับตัวเองยังไง ระหว่างเดินไปต่อ หรือจะท้อถอยหลังกลับ คำตอบของผมมันคงอยู่ที่การกระทำหลังจากวันนั้นแหละครับ


ทั้งคืนผมไม่เป็นอันหลับอันนอนอีกแล้ว (ถ้าลองย้อนดู 2 วันแล้วที่ผมไม่ได้นอน) เพราะทำยังไงมันก็นอนไม่หลับจริงๆ สมองของคนเรามันลึกลับซับซ้อนจริงๆครับ มันสามารถทำให้เราคิดโน่นนั่นภายในเวลาเดียวกันได้ ผมนอนคิด ยืนคิด นั่งคิด สุดท้ายก็ต้องมาเมาคิด



“ไงมึง เรียกมาซะดึกเชียว” ไอ้เอ็มกับไอ้โอ๊ตมาถึงห้องผม พร้อมกับเสบียงในมือ จะอะไรอีกละครับ ก็เบียร์เย็นๆกินให้สมองระงับการทำงานนิดหน่อย

“กูเครียด” ผมตอบกลับไปหน้าจริงจัง พวกมันสองคนหันหน้ากันมองแป๊บนึง ก่อนจะยิ้มกันออกมา

“เครียดอะไรอีกวะ” ไอ้เอ็มถามกลับมา

“วันนี้กูจะปล้ำน้ำมนต์ มันโกรธกูใหญ่เลย”

“เอ๊ย แล้วเสร็จมั๊ยวะ”

“เสร็จพ่อมึงดิ น้ำตามันไหลพราก กูไม่กล้าทำอะไรต่อเลย แล้วนี่แม่งหน้าก็ไม่มอง พูดก็ไม่พูดกับกู กูว่ามันคงโกรธคงเกลียดกูไปเลย กูไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว เลยโทรตามพวกมึงซื้อเบียร์มา” ผมบอกพวกมัน

“เสียดายวะ” ไอ้เอ็มบ่นออกมา

“เสียดายไรวะ” ไอ้โอ๊ตปากไว ถามก่อนผม

“ก็เสียดายที่ไม่เสร็จ ไหนๆก็ต้องโกรธกันอยู่แล้ว ได้สักทีก่อนจะเป็นไรไป”

“สัดเอ็ม เดี๋ยวกูเตะปากแตกเลย กูไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”

“แหม ไม่ใช่คนแบบนั้น เมื่อก่อนมึงก็ฟันดะเลยนี่ แต่เรื่องนี้กูแซวเล่น มึงมันไม่น่าวู่วาม”

“เป็นไงถึงอารมณ์ร้อนขนาดนั้นได้วะมึง กูเห็นมึงใจเย็นมานมนาน” ไอ้โอ๊ตถามบ้าง



แล้วบทสนทนาในวงเบียร์ก็เริ่มขึ้น พร้อมกับเบียร์เย็นๆที่เทใส่แก้ว จิบกันแก้เครียด  ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้มันฟัง มันมีชมผมที่ผมกล้าขอน้ำมนต์เป็นแฟนนั่นนี่ แต่ก็มาด่าเอาตอนท้ายที่ทำอะไรไปไม่คิด ก็นะ ใครมันจะรับได้ละ คนที่ตัวเองชอบมาจูบกับใครก็ไม่รู้ แถมดูออกว่าประชดประชันขนาดนั้น ใจมันก็ร้อนไปตามอารมณ์เลือดหนุ่ม พลันทำอะไรไปไม่ทันได้คิด กว่าจะได้สติก็เล่นเอาอีกคนบอบช้ำจิตใจไปซะมากมายแล้ว



“เอาไงต่อละคราวนี้” ไอ้โอ๊ตถามขึ้นเมื่อฟังที่มาที่ไปจบ

“สู้ หรือ ถอย” ไอ้เอ็มถามจริงจัง

“คนอย่างกูไม่เคยถอย เพราะกูไม่เคยได้ มันทำให้เสียชื่อกู” ผมยืนกรานออกไป ทั้งที่จริงใจก็ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นมากนัก แต่ก็ไม่อยากให้พวกมันสองคนมาหยามผม

“ให้มันแน่” ไอ้เอ็มพูดออกมาอย่างกับดูถูกกัน



คืนนั้นพวกเรานั่งกินเบียร์กันถึงเช้าครับ เพราะผมกินยังไงก็ไม่ค่อยเมา  พอเช้าพวกมันสองตัวหลับกันหมด ผมเลยขับรถมานั่งรอน้ำมนต์ที่ร้านป้าตามสั่ง  นั่งรอไม่นานคนที่รอก็มา ผมมองน้ำมนต์ตั้งแต่ก้าวแรกที่เค้าลงจากรถ และก็ไม่ละสายตาอีกเลย ผมเฝ้ารอแค่น้ำมนต์หันมามองที่ผมสักนิด  แค่หางตาก็ยังดี



แต่ก็นั่นละครับ ผมคงหวังมากเกินไป



ผมทำอย่างนี้ทุกวันครับ พยายามตั้งนาฬิกาปลุก เพื่อตื่นมามองหน้าน้ำมนต์ทุกเช้า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ยิ่งรู้ว่าเขาไม่เคยมองมา ก็ยิ่งอยากจะเอาชนะให้ได้ แล้วยิ่งตอนหลังมารู้จากช้างน้อยและน้องหญิงว่าน้ำมนต์ต้องกลับบ้านดึก ผมก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะรถประจำทางไปบ้านน้ำมนต์ก็หมดตั้งแต่หัวค่ำ ผมเลยต้องบอกให้ไอ้เอ็ม ไอ้โอ๊ต ไอ้บ่าว พี่เอก สลับสับเปลี่ยนกันไปส่งบ้าง  พอรู้ว่าไอ้เดชมาป้วนเปี้ยนอีก ผมก็มาดูน้ำมนต์บ่อยขึ้น  กลัวว่าน้ำมนต์จะไปหลงคารมไอ้เดชมัน


ยอมรับครับว่าเป็นเอามาก ซื้อขนมส่งจดหมายง้อแบบเด็กๆ แต่ก็ทำเท่าที่ตัวเองจะทำได้ บางอย่างที่ไม่เคยทำก็ต้องมาทำเพราะคนๆนี้  หวังแค่เขายกโทษให้


แค่นั้นจริงๆ


.

.

.

.



ตลอดทางที่ผมขับรถมาส่งน้ำมนต์ในวันนี้ เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ไม่รู้ว่าต่างคนต่างเขิน หรือผมกำลังอิ่มเอมใจจนพูดอะไรไม่ออกกันแน่ วินาทีที่น้ำมนต์เอาลูกอมเข้าปาก มันทำให้หัวใจของผมหยุดเต้นไปชั่วขณะ ก่อนกลับมาเต้นอย่างไวอีกครั้ง บอกตามตรงมันดีใจมากกว่าน้ำมนต์ตกลงเป็นแฟนอีก


“ขอบใจนะ” มันบอกผมเมื่อผมมาส่งถึงบ้าน  พร้อมกับยิ้มเล็กๆมาให้ ไม่บอกก็รู้ว่าเขิน

“อืม” ไอ้ผมก็ใช่ย่อย ทำไมไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้นะ


เราสองคนยืนมองหน้ากันอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ตาก็จ้องตา ยิ้มๆกันไป แต่ก็ไม่มีประโยคใดหลุดออกมา น้ำมนต์ก็ยังไม่เข้าบ้าน ผมก็ยังไม่อยากกลับ

“เหนื่อยมั๊ย / ผอมลงนะ” พอเวลาจะพูด ก็ยังจะพูดพร้อมกันอีก โอ๊ยยยย อะไรกันวะเนี่ย

“นายพูดก่อนสิ”

“มึงอะพูดก่อน”

“ไม่เอาอ่ะ” มันพูดมา แล้วยังทำยิ้มเขินอีก โอ๊ยย ไม่ไหวแล้วกู

“ถามว่าเหนื่อยมั๊ย” ผมเลือกจะถามก่อน

“เหนื่อย แต่ก็สนุกดี” มันตอบผมมา



“นายผอมลงนะ” มันเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถามผม

“คนมันตรอมใจ” ผมตอบไปสั้นๆ

“เว่อร์ไปละ” มันด่าผมมา แต่ก็ยิ้มเต็มๆปากอีกครั้ง ไม่ว่ากี่ครั้งที่มันยิ้มแบบนี้ มันก็ทำให้ผมตกหลุมรักมันได้ทุกครั้ง แล้วครั้งนี้ยังมีความเขินเข้ามาอีก ไม่รู้จะให้รักมากกว่าเดิมยังไงแล้ว



“น้ำมนต์ น้ำมนต์รึเปล่าลูก” เสียงของยายตะโกนมาจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน

“ใช่ครับยาย” น้ำมนต์ขานกลับไป

“กลับมาแล้วทำไมไม่ขึ้นบ้านละลูก แล้วใครมาส่ง พี่ปีโป้หรือเปล่า”

“ครับยาย โป้มาส่งเอง” ผมตะโกนตอบยายไป

“เอ้า ก็พากันขึ้นบ้านมาสิลูก  ดึกแล้ว พี่ปีโป้ก็ค้างซะที่นี่เลย พรุ่งนี้ค่อยพากันเข้าเมือง มาๆ ข้างนอกมันหนาว” ยายพูดก่อนจะปิดหน้าต่างลงไป


“ที่จริงยายบอกให้นายค้างที่นี่” น้ำมนต์บอกผม

“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกละ” ผมถาม

“ก็ ..”

“เขินอ่ะดิ”

“เขินอะไร”

“ไม่รู้สิ แต่กูก็เขินนะ”



ผมว่าเราสองคนเหมือนคนบ้าไปแล้วครับ พูดอะไรกันนิดหน่อยก็เขินม้วนกันแล้ว ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าตอนนี้น้ำมนต์คิดกับผมอย่างไร จะชอบผมมากขึ้น หรือว่ายังเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิมมันก็คงไม่สำคัญแล้วมั้ง .. ขอแค่ได้อยู่ข้างๆกันแบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว



คืนนั้นผมก็ค้างที่บ้านน้ำมนต์ตามคำชวนของยายนั่นแหละครับ การนอนเคียงข้างน้ำมนต์บ่อยครั้ง ทำให้ผมชินกับเนื้อหนังมังสาหน้าผมนั้นมากขึ้น และต้องฝึกฝืนใจตัวเองได้ดีขึ้นด้วย น้ำมนต์ก็คือน้ำมนต์นั่นแหละครับ นิ่งๆ เงียบๆ ดูเฉยๆในบางครั้ง แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้กันบ้าง


ผมว่าถ้าน้ำมนต์คนเก่าคือคนที่สร้างกำแพงอย่างแน่นหนา คนๆใหม่ในวันนี้ คือคนที่มีแค่กำแพงอากาศเท่านั้นแหละครับ แต่ก็ยังไม่กล้าสรุปอะไรมาก จากสิ่งที่เห็นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรอกครับ ไม่อยากจะให้ความหวังตัวเองมากไปอีกแล้ว เพราะตอนเจ็บมันโทษใครไม่ได้จริงๆ นอกจากตัวเอง



“วันนี้อยู่ทำงานอีกมั๊ย” ผมถามขณะนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันที่ร้านป้าตามสั่ง ไม่ได้นั่งกินมานานมากๆ จนเราสองคนเขินอายทำตัวไม่ค่อยถูก จะหาว่าผมเว่อร์ผมก็ยอมครับ แต่มันเขินๆจริงๆ เหมือนคนกำลังจีบกันใหม่

“อยู่ พรุ่งนี้วันหยุดด้วย คงกลับดึกเป็นพิเศษ”

“ไปนอนบ้านกูมั๊ย”  ผมถามมันไป มันมองหน้าผมนิดหน่อย

“อาทิตย์นี้ต้องเจอกับครอบครัวพี่หมวยเล็กไม่ใช่เหรอ”  มันถามผมกลับมา แปลกใจจังที่มันจำได้

“อืม ไปด้วยกันไหมละ”

“อือ ไม่เอาอ่ะ เรื่องของครอบครัวนาย”

“แต่กูอยากให้มึงไปกับกูอ่ะ” ผมเริ่มจริงจัง

“จะให้เราไปทำไม นายไปจัดการเรื่องของนายเถอะ”

“แต่ ..”

“อย่าลากให้เราเข้าไป แล้วผู้ใหญ่เค้ามองไม่ดีเลย เรารู้ว่านายต้องการจะสื่ออะไร แต่ .. เราขอเวลาหน่อยนะ อย่าเพิ่งเร่งอะไรเลย” คำพูดของน้ำมนต์ที่ดูจะงงๆในตัวเอง แต่ผมก็เข้าใจในคำพูดนั้น

“อืม” ผมขานรับในลำคอ


เข้าใจครับ ว่าน้ำมนต์รู้สึกอย่างไร เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมารู้จักกับมัน ผมก็ต้องจัดการด้วยตัวผมเอง ไม่รู้สิครับ ที่ชวนไปบางทีก็แค่อยากให้มันอยู่ใกล้ๆ ผมจะได้มีกำลังใจในการต่อสู้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามันไปแล้วคนที่บ้านผม บ้านหมวยเล็กจะมองยังไง  เวลาคุยเรื่องนี้กันมันก็คงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้แน่นอน


สู้มันไม่ไปซะ ยังจะดีกว่า ..






และแล้ววันนั้นก็มาถึงไวอย่างกับนิยายตัดตอน  ผมว่าไม่หรอก มันคงถึงเวลาจัดการเรื่องราวนี้เสียที ผมเลือกมาบ้านในตอนเช้าของวันนั้น โดยไม่เลือกที่จะมาค้างคืนที่บ้านตอนกลางคืน เพราะรู้ดีว่าถ้ากลับมาค้าง คงได้นั่งฟังป๊ากับแม่เป่าหูอีกเยอะแยะมากมายแน่ๆ


“คุณหนูมาแล้ว” ป้าแดงร้องเรียกขึ้น เมื่อเห็นผมขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่โรงจอดรถ

“พวกเค้ามากันยังป้า” ผมถามป้าไป

“มากันสักพักแล้วค่ะ นั่งอยู่ในโถงรับแขก” ป้าบอกผม ผมลงจากรถแล้วก็รีบเดินเข้าไปในทันที



“สวัสดีครับคุณอา” ผมยกมือไหว้พ่อและแม่ของหมวยเล็ก

“อ้าวมาแล้วเหรอ เจ้าตัวแสบ ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลยนะเนี่ย” คุณอาผู้ชายทักผมมาครับ

“พอดีช่วงนี้เรียนหนักอ่าครับ” คำตอบแบบเดิมๆของผมถูกขึ้นมา

“สบายดีนะลูก ดูซูบไปนะอาว่า” อาผู้หญิงเป็นฝ่ายทักบ้าง

“สบายดีครับ” ผมตอบแล้วก็เดินไปนั่งตรงโซฟาที่ว่างข้างๆกับหมวยเล็ก


“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” หมวยเล็กกระซิบถามผม

“อืม โทษทีที่มาช้า” ผมบอกเธอ

“เราไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้นานแล้วนะคะ หมวยเล็กชอบบรรยากาศแบบนี้จังเลย” หมวยเล็กพูดขึ้นมา

“ผมว่าเรามาคุยกันให้จบๆเถอะครับ ป๊า แม่ คุณอา” ผมรีบเสนอประเด็น

“ตาหนู ไม่เอาหน่า อย่าเสียมารยาท” แม่หันมาดุผม

“ไม่เป็นไรหรอกคุณพี่ มีอะไรหรือจ๊ะ ลูกโป้” อาผู้หญิงพูดขึ้น

“ผมว่า เรื่องของผมกับหมวยเล็ก เราน่าจะทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวที่แน่ชัดกว่านี้นะครับคุณอา ผมกับหมวยเล็กโตๆกันแล้ว ผมอยากให้เรื่องที่ตกลงกันไว้ ได้เคลียร์ให้มันจบๆสักที” ผมเริ่มอธิบาย

“ตาหนู ป๊าว่าเรื่องนี้ให้ป๊าคุยกับคุณอาเขาเองดีกว่านะ ตาหนูไปเดินเล่นกับหนูหมวยเล็กไป” พ่อแย้งมาดุและไล่ผม

“ไม่เอาครับ หนูไม่ไป ให้คุยกันแค่ผู้ใหญ่ ก็จบลงแบบเดิมอยู่ดี หนูจะคุยให้มันจบๆ” ผมหันไปบอกพ่อ

“แล้วลูกโป้ต้องการอย่างไรละลูก” คุณอาผู้ชายหันมาถามผมบ้าง

“ผมอยากให้ยกเลิกการหมั้นครับ” ผมตอบออกไปอย่างมั่นใจ ทุกคนในห้องตกใจกับสิ่งที่ผมพูดเล็กน้อย มีแต่หมวยเล็กที่แน่นิ่ง อย่างกับรู้ว่ายังไงๆวันนี้ต้องมาถึง

“ทำไมถึงอยากยกเลิกละ หรือลูกโป้มีแฟนแล้ว” อาผู้หญิงถามผม

“ตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่ต่อไปก็ไม่แน่”

“นั่นก็แปลว่าตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิกการหมั้นก็ได้นี่” อาผู้หญิงพูดขัด

“แต่เรื่องแบบนี้ ผมว่าถามความเห็นของเด็กทั้งสองคนดีมั๊ยครับ” ป๊าผมพูดแทรกขึ้นมาบ้าง รู้สึกเหมือนป๊าก็อยากจะช่วยผมอยู่เหมือนกัน แม้การคุยด้วยกันแต่ละครั้ง แกจะแสดงอาการต่อต้านก็ตาม

“ว่าไงละหนูหมวยเล็กเห็นด้วยหรือเปล่า” ป๊าหันไปถามหนูหมวยเล็กครับ

“คือ ..”

“แล้วเรื่องของพวกเราละครับ จะให้มันเป็นไปยังไง” คุณอาผู้ชายหันมาคุยกับป๊าทำหน้าจริงจัง

“เรื่องของพวกเรา เราเอาไว้คุยกันเองดีกว่ามั๊ยครับ อย่าเอาเด็กมาเกี่ยวข้องเลย” ป๊าผมบอก

“เป็นอันว่าคุณต้องการให้สองคนนี้ถอนหมั้นกันใช่มั๊ยครับ” คุณอาถามอีกครั้งอย่างจริงจัง

“หนูหมวยเล็กว่าไงละ ตาโป้เค้ายืนกรานอยากถอนหมั้น หนูละ” ป๊าผมหันไปถามหมวยเล็กอีกครั้ง


“ผู้ชายเค้าอยากถอน ทางเราเป็นผู้หญิงจะไปยื้อได้อย่างไรคะ”คุณอาผู้หญิงเสริมบ้าง

“งั้นเอาเป็นว่าเรื่องการหมั้นหมายของผมกับหมวยเล็กที่เคยตกลงกันไว้ตั้งแต่พวกผมยังไร้เดียงสาก็ถือว่ายกเลิกกันนะครับ ผมยังเคารพคุณอาทั้งสองท่านเหมือนเดิม และยังรักหมวยเล็กแบบน้องสาว และแบบเพื่อนเหมือนเดิมเช่นกันครับ” ผมรีบสรุปความ

“แต่เรื่องของเราสองคนไม่เหมือนเดิมแน่  กลับบ้านคุณ  กลับบ้านหมวยเล็ก” เสียงคุณอาผู้ชายตะคอกบอกพ่อผม ก่อนจะบอกให้คุณอาผู้หญิง และหมวยเล็กเดินตามแกออกไป





“เป็นยังไง พอใจหรือยัง ต้องการแบบนี้ใช่มั๊ย” ป๊าถามผม อารมณ์เหมือนต้องการเก็บความโกรธเอาไว้

“คุณก็ อย่าหงุดหงิดใส่ลูกสิ คุณตั้งใจจะให้มันออกมาแบบนี้เองไม่ใช่เหรอ” แม่ผมปรามป๊า

“หนูขอโทษครับป๊า แต่หนูไม่ได้รักหมวยเล็กจริงๆ”

 “อืม ป๊าเข้าใจ ป๊าก็ไม่อยากบังคับจิตใจเรา เรื่องผู้ใหญ่ เดี๋ยวป๊าค่อยจัดการเอง” ป๊าเหมือนอารมณ์เย็นลง ผมลุกเข้าไปนั่งกับโซฟาเดียวกับป๊าและแม่ โดยมีตัวผมคั่นกลาง



“ขอบคุณที่เข้าใจหนูนะป๊า” ผมพูดพร้อมกับหอมแก้มป๊าทีนึง

“อึ๋ยยยยย พอเลยตาหนู ป๊าขนลุกไปหมดแล้ว” ป๊าร้องออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“หอมแม่ด้วย” ผมพูดพร้อมกับหอมแก้มแม่

“ข้างนี้ด้วยสิตาหนู เดี๋ยวแก้มแม่ไม่เท่ากัน”

“อะอะ”

“หอมแม่รุนแรงเหลือเกิน นี้คงเก็บไว้หอมสาวๆละสิ กับป๊ากับแม่แล้วแบบไม่ค่อยเต็มใจ” แม่เหน็บผม

“เปล่าเลยนะครับ หนูเต็มใจหอม หนูขอแค่ป๊ากับแม่เข้าใจ หนูก็ดีใจแล้ว” ผมอธิบายแม่

“ที่จริงป๊าก็ไม่ค่อยอยากจะให้เราถอนหมั้นกับเขาหรอก เพราะเขากับเราก็ทำธุรกิจกันมานาน คุณอาของเรา เค้าหัวการค้า หัวโบราณด้วย การยกเลิกหมั้นกับเค้านั้น ส่งผลต่อธุรกิจป๊าแน่” ป๊าผมอธิบาย

“แล้วทำไมป๊าถึงยอมพูดให้หนูละ”

“ก็เพราะแม่เค้าไม่อยากบังคับหนูไง ตั้งแต่เด็กแต่เล็กมาเคยบังคับอะไรได้บ้างละ ก็ไม่มี ดื้อซะขนาดนั้น แล้วคิดว่าจะมาบังคับให้แต่งงานกับคนที่หนูไม่รัก ป๊าว่าคงยากเข้าไปใหญ่” ป๊าพูดต่อ

“อีกอย่างธุรกิจป๊าก็พอตั้งตัวได้แล้ว ไม่ต้องพึ่งพิงธุรกิจของคุณอาเขาเท่าไหร่แล้ว ในทางกลับกันธุรกิจของคุณอานั่นสิ ที่กำลังมีปัญหา” ป๊าบอกเหตุผลที่แท้จริงออกมา

“แต่ยังไงตาหนูก็ต้องทำตัวดีๆกับหมวยเล็กเหมือนเดิมละ แม่ยังรักและเอ็นดูหนูหมวยเล็กเหมือนเดิม เห็นเป็นลูกเป็นเต้าไปแล้ว เข้าใจใช่มั๊ย” แม่บอกบ้าง

“เข้าใจครับ แม่อย่ามองหนูไม่รู้จักโตสิ หนูรู้นาว่าอะไรเป็นอะไร หนูก็คิดกับหมวยเล็กแค่เพื่อน แค่พี่น้องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ผมบอก

“แล้วคนไหนละ ที่เราคิดมากกว่าเพื่อน กว่าพี่กว่าน้อง ไม่พามาให้แม่กับป๊ารู้จักบ้างละ” แม่ถามมาพร้อมรอยยิ้ม

“เคยพามาแล้วครับ” ผมพูดเสียงเบาๆ

“อะไรนะ” แม่ถามย้ำ

“อ๋อ เปล่าครับ ให้หนูจีบติด แล้วก็โอเคกว่านี้ก่อนนะแม่ หนูจะพามาหาบ่อยๆเลย”

“อะไรกันวะตาหนู ระดับลูกแล้ว ยังจีบไม่ติดอีกเหรอเนี่ย เสียชื่อป๊าหมด” ป๊าหยามผม

“ของที่ได้มายากๆ เรามักจะเห็นคุณค่าของมันนะป๊า อะไรที่มันได้มาง่ายเกินไป เราก็ทิ้งมันง่ายเหมือนกัน ใช่มั๊ยแม่” ผมบอกป๊า ก่อนที่จะหันไปยิ้มกับแม่

“ใช่แล้วตาหนู คนบางคนก็จีบแม่เป็นปีๆเหมือนกันนั่นแหละ” แม่บอกผม แต่ก็เหน็บป๊า

“แล้วไงละ ป๊าก็จีบติด พิชิตจนรักจนหลงป๊า”

“พอเลยคุณ ชั้นอายลูก”

“แหม อายไรจ๊ะ ลูกโตเป็นควายแล้ว ไม่ต้องไปอายมัน “



ผมนั่งยิ้มและแอบขำอยู่พักใหญ่กับการจีบกันของป๊ากับแม่ ผมรู้ครับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่ป๊าจะมาจีบแม่ผมติด และแต่งงานมาจนถึงทุกวันนี้ ป๊าเป็นลูกคนจีนมีฐานะ แต่แม่ผมเป็นไทยแท้ลูกชาวสวน ป๊าเรียนสายสามัญ แม่เรียนสายช่างทางด้านศิลปะคล้ายๆกับน้ำมนต์ แต่ทั้งสองก็เจอกันด้วยความบังเอิญ .. และรักกันด้วยความตั้งใจมาจนถึงทุกวันนี้






“ฮัลโหล ทำอะไรอยู่” ผมแยกออกมาจากห้องนั่งเล่น ปล่อยให้ป๊ากับแม่นั่งจีบกันตามประสาผู้ใหญ่ ส่วนตัวผมก็ออกมาโทรหาไอ้น้ำมนต์มัน

“เพิ่งถึงวิทยาลัย” น้ำมนต์ตอบมา

“ทำไมมาถึงช้าจัง”  นี่ปาไปบ่ายแล้วครับ

“ช่วยยายขายขนมอยู่”

“ขายดีมั๊ย”

“ขายดีสิ เราไปช่วยขายซะอย่าง”

“มีหนุ่มๆมาขายขนมจีบบ้างมั๊ย”  ต้องมีใครมาจีบมันบ้างแหละ

“ถามทำไม”

“ก็อยากรู้”

“ไม่มีอะ มีแต่สาวๆ”

“แล้วชอบมั๊ย”

“ก็น่ารักดี”

“น้ำมนต์ !!”  หึหึ หงุดหงิดๆ

“เรียกทำไม”

“กูหึงนะ”

“ใช่สิทธิ์อะไรมาหึงเรา”

“สิทธิ์ที่ .. เอ่อ สิทธิ์ที่มึงกินใจกูไปไง”

“กินใจ ?”

“ก็วันก่อนมึงกินลูกอมหัวใจไปนั่นแหละ มันหัวใจกู”

“ว่าละ ไม่อร่อยเลย”

“มึงกล้าพูดแบบนี้เหรอ”

“เราจะทำงานแล้ว มีไรอีกมั๊ย” มันชวนเปลี่ยนเรื่องครับ

“วันนี้กูนอนบ้านนะ”

“บอกทำไม”

“กลัวใครบางคนคิดถึง”

“หลงตัวเอง”  ชอบจังเวลาโดนด่า ท่าจะโรคจิตแล้วผม

“กูบอกให้ไอ้โอ๊ตไปส่งมึงนะวันนี้” ผมบอกมันไว้

“อืม”




“มึงจะไม่ถามกูหน่อยเหรอ เรื่องที่บ้าน”

“อยากจะเล่าก็เล่ามาสิ” เชื่อแล้วครับ ว่ามันมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผมจริงๆ แต่ผมอยากให้มันสนใจมากกว่านี้นี่

“ไม่เล่า ก็มึงไม่อยากรู้”

“อืม”

“มึงนี่นะ”

“ทำไมอีก”

“กูจะเล่าก็ได้”

“เล่นตัวจริงๆ”

“กูยกเลิกหมั้นแล้วนะ กูเป็นอิสระแล้ว” ผมพูดไปกับยิ้มเต็มปาก อยากให้มันมาเห็นผมยิ้มตอนนี้จัง

“แล้วไง ?” มันถามกลับ

“มึงก็จะได้แต่งงานกับกูได้แล้วไง”

“ตลก”

“แหนะ ยิ้มอยู่ใช่มั๊ย” ผมรู้ครับ ว่ามันกำลังยิ้ม

“ยิ้มบ้าอะไรของนาย”

“ยิ้มดีใจไง”

“จะดีใจทำไม แค่นี้นะ ทำงานก่อนแล้ว”

“เอ๊ยๆๆ”



วางสายไปแล้วครับ  สงสัยคงเขิน ผมยังเขินเลย นี่แค่คุยผ่านโทรศัพท์นะเนี่ย ถ้าเจอหน้ากันจะคุยได้ยาวๆแบบนี้มั๊ยเนี่ย .. เฮ้อ พูดแล้วก็อยากขับรถไปหา แต่ก็นะ อยู่ให้ป๊ากับแม่ชื่นใจหน่อยแล้วกัน เขาอุตส่าห์ช่วยพูดเรื่องหมั้นให้ ..




คนเรานี่เวลามีเรื่องราวดีๆเข้ามา มันก็เข้ามาพร้อมกันเนอะ .. แต่เขาว่าความสุขมักจะผ่านไปไว เพราะเรามัวแต่รีบไขว่ขว้าตักตวงมันมากจนเกินไป มันเลยหมดไว พอเจอเรื่องทุกข์ เรามักจะค่อยๆเอาเข้ามาๆ กว่าจะหมดไปก็นานโข




แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้น ผมจะค่อยๆใช้ความสุขที่มี ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะสุขหรือทุกข์อย่างไร บางคนอาจมองว่าผมผ่านด่านแรกมาไกลแล้ว แต่สำหรับผมมันแค่เริ่มต้น ก่อนหน้านั้นแค่ปรับพื้นฐาน แต่หลังจากนี้สิ คือหลักสูตรพิชิตใจของแท้ เด็กศิลป์ใจแข็งอย่างน้ำมนต์ ต้องเจอเด็กช่างกลจอมตื้ออย่างนายปีโป้






ไม่เสร็จป๋า แล้วจะเสร็จหมาที่ไหนละ ... โอ๊ยยยย คิดแล้วตื่นเต้น  วะฮ่ะฮ่ะฮ่าๆๆๆ



หัวข้อ: Re: {-Re_คุณพ่อมาเฟีย.}(-9-)-ll-รักเจ้านายวายร้ายของผม-ll-0710-ll
เริ่มหัวข้อโดย: tongdbsk ที่ 24-11-2011 23:28:42
อ๊ากกก คนแรก ในที่สุดก็คนแรกดีใจเว่อร์


ว่าแล้วก็ตามไปอ่านก่อน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-11-2011 23:32:35
ท่าทางจะยังมีมาม่าชามโตรออยู่อีกหรือเปล่าเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 24-11-2011 23:33:32
อ๊ากกก คนแรก ในที่สุดก็คนแรกดีใจเว่อร์


ว่าแล้วก็ตามไปอ่านก่อน

ดีใจขนาดนั้นเชียว 5555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 25-11-2011 00:12:54
สรุปว่าตอนนี้เขาสองคนเป็นอะไรกันจ๊ะ... มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน? หรือเปล่า  :o8:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 25-11-2011 00:28:27
 :z13:อีกรอบ
ที่นี้ก็รุกน้ำมนต์
ได้แล้วนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 25-11-2011 00:54:35
ดีมากนายปีโี้ เคลียร์ทางบ้านได้ซะทีเรื่องหมั้นกะชะนีสมัยเด็ก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 25-11-2011 02:41:51
สู้ๆนะโป้ จีบน้ำมนต์ให้ติดให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 25-11-2011 05:37:31
ไม่เสร็จป๋า แล้วจะเสร็จหมาที่ไหนละ

โป้เอ้ย เอาให้ได้ก่อนแล้วค่อยโม้เถอะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 25-11-2011 10:02:59
ฮูเล่ โป้เป็นอิสระแล้ว ดีกันแล้วโด้ย

หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล

เราเป็นกำลังใจให้นะ น้ำมนต์+ปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 25-11-2011 12:51:16
 o13 เยี่ยมมากนายปีโป้ 
สู้ต่อไปเน้ออออออ


ขอบคุณครับคนเขียน  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 27 เคลียร์ให้หมดทาง .. แล้วเดินต่อไป 24/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: seaweed ที่ 25-11-2011 13:29:08
หนุกหนานมากมาย อีหมวยเล็กหน้าหงายเลยคะ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ช่วยกันจิ้นนักแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 555
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 26-11-2011 22:20:14
ช่วงนี้ผมไม่มีแรงบันดาลใจปั่นนิยายเลย แต่อยากชวนพวกเรามาช่วยกันจิ้นดีกว่าว่า แต่ละคนเป็นใครหน้าตาอย่างไรกันดี

นักแสดงที่สมควรมีหน้าตาเป็นหลักแหล่ง

ปีโป้ น้ำมนต์ หญิง ช้างน้อย เอ็ม โอ๊ต บ่าว พี่เอก แพร พี่เดช โอ้เย้ ช่วยกันจิ้นเร้วววว

ถ้าตัวแสดงมาครบ นิยายจะตามมาในไม่ช้า อ้าวเร่เข้ามาๆ

 :z1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ช่วยกันจิ้นนักแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 555
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 26-11-2011 23:34:28
คนอื่นไม่รู้ แต่ช้างน้อยให้ดีเจบุ๊กโก๊ะ
 :laugh: :laugh:

(http://www.daradaily.com/content/news/dj-bookko.jpg)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ช่วยกันจิ้นนักแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 555
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 27-11-2011 00:33:54
ตั้งแต่เริ่มอ่านน้ำมนต์หน้า ซิน ซิงกูล่า จะแวบมาตลอด ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ช่วยกันจิ้นนักแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 555
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-11-2011 01:58:41
นึกไม่ออกอ่ะ  นึกออกแตช้างน้อย  เวลาอ่านทีไร นึกถึง ซีแนม AF1  ทุุกที(ตอนซีแนมอ้วนนะ)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ช่วยกันจิ้นนักแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 555
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 27-11-2011 03:50:30
โอย ตามทันแล้ว

เล่นเอาตาแฉะ ฮ่าๆ

เร็วๆ นะ โป้ โม้ไว้ซะเยอะ 555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ช่วยกันจิ้นนักแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 555
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 27-11-2011 08:12:05
น้องน้ำมนต์
(http://www.fashionsuptar.com/wp-content/uploads/2011/04/Dara-News-1763.jpg)

พี่ปีโป้
(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/319285_238339126209368_100000998463878_647614_4724827_n.jpg)

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ช่วยกันจิ้นนักแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 555
เริ่มหัวข้อโดย: mujika_keita ที่ 28-11-2011 21:36:09
เข้ามาดัน ๆ ๆ
เราว่า พี่นัทหน้าแก่ไปนะ สำหรับเด็กมอปลาย(อาชีวะ)    :z2:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 29-11-2011 22:23:18
หายเงียบไปนาน กลับมาพร้อมตอนใหม่ที่อาจทำให้หลายๆคนอมยิ้ม จนน้ำตาเล็ดได้ 555




ตอนที่ 28


มีหลายคนเข้ามาถามถึงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับนายปีโป้ ไม่ต้องมากหรอก แค่หญิงกับช้างน้อยสองคน ผมก็ให้คำตอบไม่ได้แล้ว

จะบอกว่าเขาอยู่ในฐานะอะไร ผมก็ให้คำจำกัดความไม่ถูกอยู่ดี เพราะผมยังรู้สึกเหมือมเดิม ยังอยากให้มันอยู่แบบนี้ แบบนี้แหละดีแล้ว ..เนอะ

ผมเคยได้ยินมาว่า เวลาเราให้โอกาสใครสักคน เรากำลังให้โอกาสตัวเองไปด้วย .. คงจริงอย่างที่เคยได้ยินมา เพราะผมไม่ใช่แค่ให้โอกาสนายปีโป้ ในการกลับเข้ามาคุยพูดจา แต่ผมก็ให้โอกาสตัวเองในการเปิดใจ .. เปิดให้ใครอีกคนเข้ามา


นายปีโป้ก็ยังเป็นนายปีโป้อยู่วันยังค่ำ ความเถื่อนในตัวมันไม่มีวันหายไปหรอก ยังชอบบังคับโน่นนี่ไปเรื่อย เค้าจะมารอกินข้าวกับผมทุกเช้า และก็จะมารอรับผมส่งกลับบ้านทุกค่ำ  แต่ไม่ค้างบ้านผม มันบอกว่ากลัวอดใจไมไหว จะปล้ำผมเอา ผมละส่ายหัวกับพฤติกรรมห่ามๆของมันจริงๆ



“มึงว่ากูน่ารักขึ้นป่ะ” คนที่ผมพูดถึงถามขณะที่กินข้าวเช้าด้วยกัน ผมเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงงๆ นี่มันจะอะไรของมันอีก

“เฉยๆ” ผมตอบไป แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ

“เหรอ แต่มึงน่ารักขึ้นนะ” นายปีโป้พูดมาด้วยหน้าตาเฉยๆ อย่างกับคำพูดนั้นเป็นแค่คำพูดลอยๆ

“จริงเหรอ น่ารักขึ้นยังไง” ไอ้เราก็เขินเป็น แต่ก็อยากรู้ว่ามาไม้ไหน

“เวลามึงทำผมแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ แล้วดูดีวะ วันนี้กูขอนั่งเฝ้ามึงนะ” อีกฝ่ายพูดมาไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เหมือนบอกเล่า ว่าวันนี้จะขออยู่ด้วย


ที่จริงวันนี้เป็นวันหยุดครับ ผมเลยไม่ต้องแต่งชุดนักศึกษามา ไม่ต้องใส่เสื้อชอป แต่เลือกใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อตพับแขน กับกางเกงยีนต์ตัวโปรด และก็ม้วนผมกลมๆไว้บนหัว ไม่อยากปล่อยให้รกรุงรังแค่นั้น  ..


แต่ทำแล้วมันน่ารักจริงเหรอ


“มึงอย่ามองกูแบบนั้นสิ” อีกคนบอก

“ทำไมอีกละ”

“ก็กูอยากจูบปากมึง”

“ชักเยอะมากขึ้นทุกวันแล้วนะ ได้คืบจะเอาศอก”

“ใครบอกเอาศอก กูจะเอามึงต่างหาก”

“พอเลย เราไม่คุยด้วยแล้ว และก็ไม่ต้องมานั่งเฝ้าด้วย มากวนเราเปล่าๆ จะไปเหล่สาวที่ไหนก็ไป” ผมบอกไปด้วยสีหน้าจริงจัง อีกฝ่ายแบะปากไม่พอใจ อย่างกับเด็กโดนดุ

“ไล่กูอีกแล้วนะ ไปจริงแล้วจะเสียใจ” ดูๆที่พูดเข้า น่ารักตายละ




แล้ววันนั้นทั้งวันมันก็นั่งเฝ้าผมจริงๆครับ แต่ก็ไม่ได้นั่งเฉยๆนะครับ มันก็นั่งแซวคนอื่นไปทั่ว ยิ่งกับสาวๆนี่แซวใหญ่ คนเดินผ่านไปผ่านมาก็เขินป็นธรรมดา


วันนั้นผมเลิกทำงานไวหน่อย  และนายปีโป้ก็บอกว่าจะชวนเพื่อนๆไปกินเลี้ยงกัน เนื่องในโอกาสอะไรผมไม่รู้หรอก มันแค่บอกว่านานแล้วที่ไมได้กินกับเพื่อน และได้ชวนผม ช้างน้อยแล้วหญิงไปด้วย เห็นว่าเลิกงานไว และหญิงจำเป็นต้องไปกับพี่เอ็ม ผมเลยตามน้ำไปด้วย



เรามาร้านที่ผมเคยมากับนายปีโป้คราวก่อน ครั้งที่นายปีโป้มาคุยกับพี่โอ๊ต ผมกับนายปีโป้มาหลังสุดละ เพราะนายปีโป้มัวแต่อาบน้ำแต่งตัว ไม่รู้จะหล่อไปถึงไหน


“มาแล้วเว๊ยมาแล้ว คู่รักคู่ใหม่ วิ้วววววว” เสียงของพี่บ่าวแซวมาแต่ไกล ผมได้แต่เดินก้มหน้างุดๆไป ไม่ค่อยชอบคำนี้เท่าไหร่ หรือว่ายังไม่ชินก็ไม่รู้

“ปากเสียไอ้บ่าว เดี๋ยวกูต่อยคว่ำเลย” นายปีโป้บอกออกไป สีหน้าจริงจัง ก่อนจะหันมามองหน้าผม มันคงรู้ว่าผมไม่ชอบที่ใครมาแซวแบบนี้ อีกอย่าง ผมกับนายปีโป้ก็ไม่ได้เป็นอะไรถึงขั้นนั้น

“ขอนั่งด้วยสิ ช้างน้อย” ผมเลือกที่จะเดินไปแทรกนั่งข้างๆช้างน้อย แทนที่จะเดินตามไปนั่งข้างนายปีโป้ อย่างที่ใครๆวางแผนไว้ให้

“ทำไมมานั่งเบียดชั้นละ” ช้างน้อยแอบบ่น

“นั่งด้วยไม่ได้หรือไง” ผมดุไปนิดหน่อย ก่อนอีกคนจะนั่งเงียบ ตักกับแกล้มกินอย่างสบายใจ

“น้องน้ำมนต์กินเหล้า ได้มั้ยครับ” พี่เอกหันมาถามผม

“เอาโค้กให้น้ำมนต์” แต่คนตอบกลับเป็นนายปีโป้

“น้ำมนต์กินได้ครับ” ผมบอกไปพร้อมกับยิ้มๆ ให้พี่เอก

“ก็บอกให้กินโค้กไง” เสียงของคนชอบบังคับดังมาอีก

“ก็เราอยากกินบ้างนี่ ไม่เมาหรอก” ผมบอกนายปีโป้ไป

“โอ๊ยยยย พี่ปีโป้ขา อย่าไปห้ามมันเลยคะ พวกหนูสามคนกินเป็นคะ เพราะเคยกินแก้เครียดกันบ่อยๆ เห็นพวกหนูเรียบร้อยแบบนี้ แต่ที่จริงพวกหนูคอแข็งนะคะ” ช้างน้อยพูดแทนผม ผมหันไปยิ้มให้เล็กน้อย


“เออ รินเบาๆละ” นายปีโป้ยอมให้ผมกิน ก่อนจะหันไปสั่งพี่เอก


อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ผมไม่ใช่เด็กเรียบร้อยอะไรมากนัก เพียงแค่ภาพลักษณ์ของผมอาจจะดูนิ่งๆ แต่จริงๆแล้วมันก็ต้องมีกันบ้างเรื่องแบบนี้ เรียนรู้ไว้เพื่อปรับตัว บางทีมันช่วยให้เรามีอารมณ์ศิลป์ มีความคิดอีกรูปแบบนึงเลยนะ


ภายในวงเหล้าก็คุยกันสนุกดีครับ ส่วนมากจะเป็นพี่บ่าวที่ชวนๆเพื่อนๆคุย เล่าเรื่องโน่นนั่นนี่ ผมเพิ่งรู้วันนี้แหละครับ ว่าเวลาพี่บ่าวแกพูดนี่จะออกสำเนียงทองแดงนิดหน่อย เพราะแกคงเป็นคนใต้แท้ๆเลยมั้ง แต่ก็เป็นเสน่ห์ของแกดีครับ แอบเห็นช้างน้อยจ้องพี่บ่าวตาไม่กระพริบเลย


“จ้องใหญ่เชียวนะ” ผมเหน็บช้างน้อย

“บ้า จ้องไรยะ” เจ้าตัวทำเขินกลบเกลื่อน

“ชอบก็จีบสิ”

“ชั้นก็กลัวตีนเป็นเหมือนกันนะยะ จะให้ชั้นเสี่ยงตายหรือไง” 

“ฮ่าๆๆ” ผมอดขำกับคำพูดนั้นของช้างน้อยไม่ได้ ถึงพี่บ่าวจะอยู่คมใต้ แต่ก็มีเสน่ห์นะครับ และคารมนี้ไม่เป็นรองใครเลย ส่วนช้างน้อยนะเหรอ .. อย่าให้ผมบรรยายเลย



“เมาหรือยัง” นายปีโป้ที่ไม่รู้ลุกมาจากที่นั่งข้างพี่โอ๊ตตอนแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ๆก็มากระซิบกระซาบข้างหูผม

“ยังเลย  ไม่ต้องพูดใกล้ขนาดนั้นก็ได้” ผมพูดพร้อมกับถอยห่าง

“ไปนั่งข้างกูมั้ย” มันคือคำชวน หรือคำบังคับละนั่น

“ไม่เอาอ่ะ อยากนั่งเป็นเพื่อนช้างน้อย” ผมบอกไป

“จำไว้ จำไว้” นายปีโป้พูดทิ้งท้ายนิดหน่อย ก่อนเดินกลับไปนั่งที่เดิม ยกเหล้าเข้าปากอย่างกับมันเป็นน้ำดื่ม ผมลองทำดูบ้าง 


อี๋ ... ขมชิบ  นี่พี่เอกชงเบาๆแล้วใช่มั้ยเนี่ย



เรากินไปกินมาสักพัก หญิงต้องขอตัวกลับก่อน เพราะดึกแล้ว พี่เอ็มเลยต้องไปส่ง พอสองคนนั้นออกไป เสียงพูดถึงก็ดังตามมา ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมว่าพวกพี่ๆเค้าอิจฉากันมากกว่า เพราะสองคนนี้จะว่าไปก็พัฒนากันเร็วมาก หญิงที่ไม่ค่อยมีใครกล้ามาจีบ เพราะคนอื่นๆคิดว่าเป็นแฟนกับผม และเจ้าตัวก็ไม่ค่อยปฎิเสธซะด้วยสิ เธอให้เหตุผลว่า ยังไม่อยากให้ใครเข้ามา แต่พอพี่เอ็มรู้ว่าผมไม่ได้เป็นแฟนกับหญิง พี่แกเลยเข้ามาจีบ และหญิงเองก็คงชอบพอไม่เบา



“พี่ปีโป้ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงผู้หญิงเรียกนายปีโป้ ทำเอาผมต้องเงยหน้ามามองเสียงนั้น หลังจากที่ก้มหน้ามองแก้วเหล้า และคิดอะไรอยู่คนเดียวพักใหญ่

“น้องจอย” เสียงของนายปีโป้ทักผู้หญิงที่ผมก็คุ้นหน้าดี เพราะวันแรกที่เจอนายปีโป้ ผมก็เจอผู้หญิงคนนี้ด้วย

“จำชื่อกันได้เหรอคะ นึกว่าจะลืมจอยไปแล้วนะเนี่ย ไม่เห็นจะโทรหาจอยบ้างเลย เสื้อผ้าก็ไม่เห็นไปเก็บคืน หรือว่ายังอยากจะไปหาจอยอยู่คะ ทำแบบนี้จอยมีความหวังนะ” เธอคงเมาเล็กน้อย ถึงกล้าพูดแบบนี้ และยังนั่งลงบนตักของนายปีโป้ด้วย ก่อนที่เอาแขนของนายปีโป้มาโอบไว้

“พี่ว่าน้องจอยเมาแล้วนะ กลับโต๊ะเถอะ” นายปีโป้พูดกับน้องจอย แต่สายตาก็เหลือบมามองผมบ้าง ผมเลยแกล้งหันไปทางอื่น พร้อมกับยกแก้วที่มองเล่นอยู่เมื่อครู่ ขึ้นมาซดซะ ...

ทำไมรสชาติมันไม่ขมเหมือนตอนแรกแล้วนะ

“ไม่เอาอ่า จอยอยากให้พี่ปีโป้ไปส่ง ไม่ใช่ส่งที่โต๊ะนะ ส่งกลับหอจอยด้วย” เธอพูดแล้วก็เอาหัวของเธอซุกลงที่หน้าอกของนายปีโป้


โอ๊ยยย แล้วผมจะดูเขาพลอดรักกันทำไมเนี่ย ..


“พี่เอก ชงให้ผมหน่อยสิ” ผมเลิกสนใจ เลยส่งแก้วให้พี่เอก พี่แกมองหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนจะรับแก้วและไปชงให้อีก

“ใส่อีกดิพี่เอก แค่นั้นน้ำมนต์จะไปรู้สึกอะไร” ผมบอกพี่เอกพร้อมกับยิ้มๆให้ ก็ดูพี่แกใส่สิ อย่างกับให้ผมกินมิกซ์เพียว

“ไอ้เอก ไม่ต้องเยอะ !!!” เสียงอีกคนดังมา ผมหันไปมองก็ยังเห็นเขาสองคนอยู่ในสภาพเดิม เลยรีบหันกลับมารับแก้วจากพี่เอกอย่างไว

“น้องจอย พี่ว่าน้องกลับโต๊ะก่อนเถอะนะ รอให้น้องหายเมา แล้วเราค่อยคุยกัน” เสียงคนนั้นนั่นแหละ

“ไม่เอาอ่า พี่โป้บอกว่าจะคุย จะคุยกับจอยตั้งแต่วันบอกเลิกจอย จนวันนี้พี่ปีโป้ก็ยังไม่ได้คุยกับจอยเลย จอยรู้นะว่าพี่ก็ยังไม่มีคนใหม่ พี่รอจอยมาง้ออยู่ใช่มั๊ย นี่ไง จอยมาง้อแล้ว คืนดีกันนะ จอยขอโทษๆ” เสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ยังพร่ำไม่หยุด คงมีแต่ผมที่ไม่ได้สนใจกับภาพนั้น แต่ก็ได้ยินเสียง

“น้องจอย พี่โอ๊ตไปส่งนะครับ” เสียงพี่โอ๊ตพูดขึ้นบ้าง

“ไม่เอา อย่ามายุ่ง !!”

“เอ๊ะจอย  พี่ว่าจะไม่ขึ้นเสียงกับเราแล้วนะ แต่อย่ามาทำตัวแบบนี้ได้มั๊ย มันไม่น่ารักเลย เราสองคนจบไปตั้งนานแล้วนะ เป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันเถอะ” เสียงของนายปีโป้ดูจะหงุดหงิดมาก จนผมต้องหันกลับมาสนใจ

“พี่โป้ อย่ามาทำเสียงดังให้จอยกลัวนะ จอยไม่กลัวหรอก จอยไม่ยอมเสียพี่ไปแน่ๆ ฮือๆ” เธอพูดพร้อมกับกอดพี่ปีโป้ร้องไห้

“นังน้ำมนต์ จะนิ่งดูอยู่อีกนานมั๊ยยะ จะโดนแย่งอยู่แล้วนะ” ช้างน้อยกระซิบบอกผม ด้วยอาการกรึ่มๆ

“ทำไมเหรอ ปล่อยเขาไปสิ เขาเป็นแฟนเก่ากันนี่” ผมว่าผมเข้าใจถูก

“น้ำมนต์ !!!” ไม่ใช่เสียงช้างน้อยครับ แต่เป็นเสียงของนายปีโป้ ที่หันมาเรียกผม

“ทำไม” ผมถามกลับไป ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกซบอกแล้วหันมามองผม

“มานี่มา” นายปีโป้พูดด้วยสีหน้ายู่ยี่ พร้อมกับกวักมือให้ผมไปหา

“ไม่ไป !!!” ผมพูดพร้อมกับยกแก้วในมือซดหมดแก้วอีกครั้ง  อี๋ .. ขมปี๋เลยครับ  พี่เอกแกล้งผมแน่ๆ

“พี่โป้อ่ะ ไปส่งจอยหน่อยสิ นะ น้า .. เพื่อนจอยกลับหมดแล้ว หรือว่าจะให้จอยไปนอนหอพี่ปีโป้อีกละ” ผู้หญิงคนนั้นเลิกสนใจผมและหันไปจ๊ะจ๋ากับนายปีโป้ต่อ  เลยหันไปสบตานายปีโป้ที่มองมาทางผม สายตาของเขาบ่งบอกอะไรหลายอย่างในนั้น ทั้งมีความดุ ไม่อยากให้ผมกินต่อ และก็ดูขำๆ ที่คงเห็นผมกรึ่มๆ แล้วไหนละท่าทางรำคาญผู้หญิงคนนั้น ไม่เห็นจะมีเลย แล้วนั่นอีก พอเห็นผมมองแล้วยิ้มกวนตีนนั่นอีก


ตลกนักหรือไงฮะ ..


ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันช่างยั่วอารมณ์โมโหผม ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างทุลักทุเล เดินเข้าไปหานายปีโป้ อีกด้านนึง ที่ไม่ใช่ด้านผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ พยายามทรงตัวให้ตรง หน้านิ่งๆ  มองหน้าไอ้คนกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น


“ยิ้มทำไม หา .. เมากัญชาหรือไง” ผมถามไป

“มึงอ่ะเมาแล้ว มานี่มา”  มันพูดพร้อมกับดึงมือมาจับแขนผม พร้อมกับออกแรงดึงไปหามัน

“ไม่เอาอ่ะ ปล่อยนะ” ผมก็ออกแรงสะบัดมือของนายปีโป้เช่นกัน

“พี่ปีโป้ จะไปลากมันมาทำไม” เสียงผู้หญิงคนนั้นโวยวายซะจนผมแสบแก้วหู ทำไมผู้หญิงที่รายล้อมนายปีโป้แต่ละคน ต้องนิสัยคล้ายๆกันหมดเลยเนี่ย  อ๋อ ใช่สิ นายปีโป้มันคงชอบ

“จอยลงไปได้แล้ว พี่จะให้แฟนพี่นั่งตักพี่แล้ว” เสียงนายปีโป้บอกพูด

“อะไรนะ คนนี้แฟนพี่ปีโป้เหรอ” เธอถาม

“แอร๊ยยยยย ชั้นรำคาญแล้วนะ มานี่เลยนังหอย ออกมาจากตักของพี่ปีโป้เดี๋ยวนี้นะ” ยังไม่ทันที่นายปีโป้จะตอบอะไร เสียงของช้างน้อยที่กำลังเมาได้ที่ก็แปรดเสียงขึ้น พร้อมกับออกแรงดึงผู้หญิงคนนั้นพ้นตักนายปีโป้ไป

“แกเรียกใครว่านังหอยยะ อีตุ๊ด”

“กูนี่แหละที่เรียก อีนังหอยเปียก อย่ามาทำตัวกระหรี่แถวนี้ กลับซ่องหล่อนไปซะ”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด นัง นัง”

“หยุด !!! อย่าด่าชั้นนะ เดี๋ยวชั้นตกมันแล้วตบเธอดิ้นชักแหง็กตรงนี้  แล้วจะหาว่าช้างน้อยไม่เตือน”

“พี่บ่าวคะ  ช่วยช้างน้อยพากระหรี่กลับซ่องหน่อยได้มั้ยคะ พระ นางเค้าจะได้สวีทกัน”  ช้างน้อยปราบพิษของหอยเปียก เอ๊ยย ไม่ใช่สิ ผู้หญิงที่ชื่อจอยได้ ก็หันมาบอกให้พี่บ่าว ที่นั่งงงกับฝีมือของช้างน้อยไม่ต่างจากทุกคนที่นั่งอึ้งอยู่

“อ่าๆ ครับๆ” พี่บ่าวพยักหน้าเงิบๆ ก่อนจะยกแก้วในมือซดหมด แล้วลุกขึ้นไปที่รถ

“มานี่มา ชั้นจะสงเคราะห์ด้วยการพาแกกลับซ่องฟรี โครงการส่งชะนีกลับถิ่น ไม่คิดเงิน ถ้าแกเหงารูนัก ชั้นจะเรียกชายฉกรรจ์สักสองสามโหลมาถลุงให้ และจำไว้นะ ว่าอย่ามาป้วนเปี้ยนกับผัวเพื่อนชั้นอีก กว่าเค้าจะรักกันได้ ถ้าแต่งเป็นนิยายก็ปาไปครึ่งเรื่องแล้ว และถ้าเป็นนิยายจริงๆละก็ ตอนนี้คือตอนสุดท้ายที่หล่อนจะได้ออกในเรื่องนี้ อีชะนีร่านชาย” เสียงด่าของช้างน้อยค่อยๆค่อยๆหายไปพร้อมกับร่างของผู้หญิงคนนั้นที่โดนช้างน้อยลากไป ทิ้งเอาไว้แค่ความสะใจของใครต่อใครหลายคน รวมทั้งผมด้วย




“มานี่มา” เสียงพร้อมกับแรงดึงจากคนบางคน ทำให้ผมเลิกสนใจภาพที่ช้างน้อยเรียกว่าส่งชะนีกลับถิ่นนั้น เพราะโดนนายปีโป้ดึงมานั่งตักเขาเรียบร้อยแล้ว

“ปล่อย” เสียงผมบอก

“ไม่เอาอ่ะ ถ้ามึงไม่นั่ง กูจะหาคนอื่นมานั่งอีก”

“ก็ลองดูสิ”

“เมาแล้วนะเนี่ย” อีกคนพูดพร้อมกับแขนที่โอบเอวผมไว้ คางก็ค่อยๆมาวางลงบนบ่าผม

“ไหน ใครเมา ระดับน้ำมนต์แล้ว ไม่เมาหรอก”

“ไม่เมาได้ไง หน้าแดงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเมาหรือเขินกันแน่”

“โอ๊ยยยยยยยย ไอ้โอ๊ต กูอยากกลับห้องแล้ววะ แม่งจีบกันไม่อายกูเลย” เสียงพี่เอกดังขัดขึ้นมาครับ

“นั่นนะสิ ไม่เกรงใจกูเลยนะมึง” คำพูดของพี่โอ๊ตที่เหมือนไม่คิดอะไร แต่ผมก็รู้ว่ามันซ่อนอะไรในประโยคนั้น

“เงียบไปเลยพวกมึง นานๆน้ำมนต์จะทำตัวน่ารักแบบนี้” เสียงคนที่กอดผมพูดด่าเพื่อน

“ปล่อยได้แล้ว อายเพื่อนนาย” ผมบอกพร้อมกับพยายามออกแรงเล็กน้อย  .. แค่เล็กน้อยจริงๆนะ

“ไม่ปล่อย อยากกอดนานๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับสูดดมเล่นๆที่ผมของผม

“ผมหอมจัง  ขอหอมได้มั๊ย” 

“หอมดิ” คนบ้าอะไร ดมผมแล้วหอม นี่ขนาดผมไม่ได้สระมานะครับ ไม่งั้นผมคงไม่รวบผมแบบนี้หรอก วันนี้รีบๆด้วย เลยไม่อยากสระผม เพราะกว่าจะแห้ง สายกันพอดี








“จ๊วบบบบ”
“เอ๊ยยยยยยยยยยยย /เอาแล้วๆ”






เสียงแรกคือเสียงคนหอมผม .. ผมในที่นี่คือสรรพนาม และบริเวณที่หอมคือแก้มของผม
เสียงต่อมาเป็นเสียงตกใจของพี่โอ๊ต และตามมาด้วยเสียงพี่เอก
นี่ผมซื่อหรือนายปีโป้มันเจ้าเล่ห์กันแน่เนี่ย  ???







“แก้มมึงแดงกว่าเดิมเลยนะนั่น  สงสัยจะเมาจูบกูละ”






หึหึ .. ไอ้เจ้าเล่ห์





หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: คันจัง ที่ 29-11-2011 22:40:37
น่ารักอ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 29-11-2011 23:34:12
ตบเข่าฉาด เป็นน้ำมนต์หน่อยไม่ได้ถลาไปนั่งตักปีโป้แทนชะนีจอยแต่แรกแล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 29-11-2011 23:44:57
ไอย๊ะ น้ำมนต์เมาแล้วน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 30-11-2011 01:11:42
นายหัวโป้เจ้าเล่ห์มาก :z1:
แต่สะใจช้างน้อยลากชะนีไปส่งป่าจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 30-11-2011 03:55:16
ต่อไปได้โดนมอมบ่อยแน่น้ำมนต์เอ๋ย  :z1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 30-11-2011 14:12:56
น่ารักมาก

รอตอนแบบนี้มานานแล้ว

เด๋วนี้อ่านแล้ว หน้า S.Singular ลอยมาจริง ๆ ด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 30-11-2011 14:39:50
จริงด้วย วันนี้อ่านไปยิ้มไป :laugh: เป็นตอนที่อ่านแล้วอารมณ์ดี :m1:มีความสุขจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 30-11-2011 15:48:24
ช้างน้อย น้อง o13  :pigha2: กับโครงการส่งชะนีกลับถิ่น     

 :-[ ปีโป้นายเจ้าเล่ห์จริงๆ  เล่นเอาน้ำมนต์หายเมา แต่คงเขินแทน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-11-2011 16:39:40
ช้างน้อยด่าซะน้องจอยแทบจะเสียชีวิต  ไม่สามารถอยู่สู้หน้าประชาชีได้อีกต่อไปแล้ว  สุด ๆ เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 30-11-2011 17:36:27
ช้างน้อยเจ๋งมาก :z2:
1+จ๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: mujika_keita ที่ 30-11-2011 17:43:20
ช่วงนี้สายตาไม่ค่อยดี เข้ามาหานิยายเรื่องนี้ หาแล้วหาอีก ย้อนไปกี่หน้า ๆ ก็ไม่เจอ
ต้องอาศัยลุงกูเกิน ตลอด ๆ แต่อ่านแล้วอบยิ้มจริงๆคนเขียน  :really2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-11-2011 21:22:31
เมาแล้วน่ารัก สงสัยต้องให้เมาบ่อย ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 28 กลับมาแล้วครับผม 29/11/54
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 30-11-2011 21:58:08
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :impress2: :-[
ถ้าน้ำมนต์เมาแล้วจะน่ารักขนาดนี้นะ   :man1: :man1:


 :pig4: :L1:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 02-12-2011 01:16:52
ตอนที่ 29



ถ้ารู้ว่าเมาจะน่ารักขนาดนี้นะ ..


ไม่ต้องบอกก็รู้นะครับ ว่าผมหมายถึงใคร ก็ไอ้คนที่นั่งซบหลังผมซ้อนมอเตอร์ไซค์กลับหอนี่ไง  ดีนะที่มันโทรบอกยายมันก่อน ว่าคงไม่กลับบ้าน ไม่งั้นผมต้องถ่อไปส่งทั้งที่เมาๆนี่แหละ


“เมาเหรือเปล่า”  ทั้งๆที่รู้ว่ามันเมา แต่ผมก็ยังอยากจะถามมันเล่นๆอีกครับ ว่ามันจะตอบยังไง

“เปล่า ไม่ได้เมาซะหน่อย” เสียงของมันแหบๆ เหมือนกับคนไม่ค่อยมีแรงจะพูดอยู่แล้ว

“ไม่เมาแล้วทำไมเงียบละ”

“นั่งรถอยู่ จะให้พูดอะไรละ” หน้าของมันทาบลงกับหลังของผม แทบจะติดเป็นเนื้อเดียวกันเสียด้วยซ้ำ แล้วมือที่กอดเอวผมจนแน่นนั่นอีก  อยากให้หออยู่ที่ขนอมเหลือเกิน หรือผมจะขับกลับบ้านดี



แต่อย่าดีกว่าครับ กว่าจะถึงน้ำมนต์คงสร่างเมา ผมเสียดายเวลาดีๆ



ไม่ถึงห้านาที ผมก็ขับรถมาเรื่อยๆจนถึงหอของผม รถดับเครื่องเรียบร้อย แต่คนข้างหลังก็ยังไม่มีท่าทีจะลงจากรถ
“เอ๊ยย ถึงแล้ว” ผมส่งสัญญาณบอก

“อือออ” อีกคนส่งเสียงรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในท่าเดิม ผมเลยปล่อยให้มันนอนอยู่อย่างนั่นพักนึง เอี้ยวตัวเล็กน้อย เพื่อให้ผมได้เห็นหน้าคนที่กำลังนอนหลับใหลบนแผ่นหลังของผม


ใบหน้าของมันยังดูขาวใสเหมือนเดิม แสงไฟฟลูออเรสเซต์ที่สาดมาจากโรงจอดรถ ส่องมาเล็กน้อย เพื่อให้เห็นโครงหน้าของมันได้ชัดขึ้น ปากจู๋ที่ทำเหมือนแสดงความไม่พอใจ ดูแล้วน่าจับจูบเป็นบ้า  ผมของมันก็ยังถูกมัดรวบไว้แบบเดิม แต่ก็มีเส้นผมหลุดออกมาดูวุ่นวายเล็กน้อย ผมเอามือของตัวเองพยายามเอื้อมไปปัดไรผมนั้นออกเล็กน้อย มองหน้าที่แดงๆ จมูกที่ดูรั้นๆ ปากที่อมชมพูเพลิน จนอีกคนลืมตาแป๋วมามองผม


“ถึงแล้วเหรอ” มันถามอย่างงงๆ

“เออ ถึงนานแล้ว” ผมบอก มันเริ่มขยับตัวออกจากหลังผม และลงจากรถ

“ทำไมไม่ปลุก” มันพูดพร้อมกับเดินไปทางขึ้นหอ ผมนี่นะไม่ปลุก บ้าไปแล้ว และที่เดินนำไปนั่น เขินใช่ปะละ  ดูที่เดินเซ เดินไปถึงห้องให้ถีบสิ




สุดท้ายผมก็ต้องช่วยประคองจนมาถึงห้องผมจนได้ มาถึงก็นอนลงบนเตียงเลยครับ


“เมาง่ายนะเนี่ย” ผมพูดขณะที่กำลังถอดรองเท้า ถุงเท้าให้มัน  เกิดมายังไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้เลยนะเนี่ย

“เมาอารายยย        กินนิด  ......... เดียววว” คำพูดที่ลากยาวๆของมัน ผมต้องหยุดฟังก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วมาเช็ดให้มัน

“เช็ดตัวหน่อยนะ จะได้นอนสบายๆ” ผมพูดพร้อมกับเช็ดหน้าให้มัน อีกมือก็แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตมันไปเรื่อย แล้วก็เช็ดลงต่ำมาเรื่อยๆ


ให้ตายเถอะ ตอนนี้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว มือไม้เริ่มสั่นเมื่อเห็นสัดส่วนของมันใกล้ๆ และได้สัมผัสแบบนี้ ตัวของมันขาวจริงๆครับ ขาวกว่าหน้าของมันทีว่าขาวแล้ว กล้ามหน้าอกที่ขึ้นเล็กน้อย พอให้รู้ว่าเป็นชายสามศอก หัวนมที่อมชมพูชูก้าน ไม่ได้บอดเหมือนกับของคนอื่นๆ หน้าท้องที่มีลูกกล้ามเล็กๆ บอกให้รู้ว่ายังสนใจร่างกายของตัวเอง โดยการออกกำลังกายบ้าง  ขนนำทางของมันขึ้นเล็กน้อย พลันให้อยากรู้ว่าข้างในจะเป็นเช่นไร


ผมกลืนน้ำลายลงคอ อึกแล้วอึกเล่า เพื่อหวังระงับและหักห้ามใจตัวเอง มือจากที่เช็ดโดยผ้า ก็กลายเป็นใช้มือเปล่าลูบไล้ไปบนผิวขาวเนียนนั้น คนที่ตกเป็นเป้าสายตาของผมหลับใหลไปกับความเมา จนผมคิดว่าถ้าทำอะไร ก็คงไม่รู้สึกตัว ผมก้มหน้าลงเข้าใกล้หน้าของมันอย่างช้าๆ ขนตาของมันที่ยาวปานจะพันกันทั้งบนล่าง คิ้วหนาที่ทำให้โครงหน้าของมันดูสวย ปากที่อมชมพู ทุกสิ่งทุกอย่างบนใบหน้ามันดึงดูดให้ผมอยากทำกิจกรรมยามค่ำคืนของมันจริงๆ






“ไม่ !!!” ผมพูดพร้อมกับถอนหน้าออกจากมันอย่างไว แล้วหันหลังให้กับร่างเล็กที่ปรารถนา

“เราจะทำร้ายน้ำมนต์เป็นครั้งที่สองไม่ได้” ผมบอกกับตัวเอง ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองหน้ามันอีกครั้ง ปีศาจในร่างกายก็บอกกับผมว่า “ถ้าไม่จัดการครั้งนี้ มันจะมีครั้งไหนอีก”  แต่เทวดาในตัวผมก็ออกมาบอกว่า “ถ้าเราทำให้น้ำมนต์เชื่อใจ ต่อไปเขาก็จะเป็นของเราทั้งร่างกายและหัวใจ” ปีศาจกับเทวดาทะเลาะไปมา จนผมปวดหัวตัวเอง



“กูจะไม่ทำร้ายมึง” ผมบอกกับตัวเอง จนทำให้ฝ่ายปีศาจถูกหมัดซ้ายของเจ้าเทวดานอนหงายไป

“แต่กูขอทำร้ายตัวกูเองหน่อยนะ  กูไม่ไหวจริงๆ”  ผมพูดพร้อมกับรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ นั่งลงบนชักโครก เปิดประตูห้องน้ำมองคนที่นอนอยู่ พร้อมกับทำร้ายตัวเองไป ..

นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสินะ .. เฮ้อออ ไอ้โป้เอ๊ยยยยย



หลังจากที่ทำร้ายตัวเองและจัดการอาบน้ำให้ตัวเองชุ่มชื่นเสร็จ ผมก็กลับมาจัดการกับหนุมน้อยที่หลับใหลอยู่บนเตียงอีกที ผมของมันตอนนี้ได้หลุดออกมาปล่อยผมสยายแล้ว คงเป็นมันที่ดึงยางรัดผมออกด้วยตัวมันเอง เพราะคงเจ็บหนังศีรษะ
ผมใช้มือตัวเองถอดกางเกงยีนส์เดฟรัดขาของมันออก ดีที่มันใส่บ็อกเซอร์มา ไม่งั้นผมว่าผมคงต้องทำร้ายตัวเองอีกรอบ แล้วเดินไปเปิดแอร์ และปิดไฟนอน


“คืนนี้กูจะได้นอนกอดมึงทั้งคืนแล้วนะ  .. น้ำมนต์” ผมพูดกับตัวเอง พร้อมกับมองใบหน้านั้นอย่างสุขใจ ผมเดินขึ้นบนเตียง ดึงผ้านวมขึ้นห่มทั้งผมและมัน พร้อมกับลากร่างของมันมาอยู่ในอ้อมแขนของผม มันดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในอ้อมแขนของผม ผมหอมแก้มมันเบาๆหนึ่งครั้ง วันนี้ได้หอมไปกี่ทีแล้ววะเนี่ย ทั้งตอนอยู่ร้าน และตอนนี้ อยากหอมทั้งวันทั้งคืนเลย แต่ก็ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวานครับ ผมจึงรวบตัวนอนกอด และก็หลับใหลตามๆกันไป






“นาย นาย” เสียงบางคนดังอยู่ข้างๆหูผม พร้อมกับมือที่สะกิดที่หน้า

“นายปล่อยเราได้แล้ว” อีกประโยคถัดมา ผมพยายามลืมตาเพื่อมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด

“ตื่นแล้วเหรอ” เมื่อรู้ว่าคือน้ำมนต์ ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ตื่นนานแล้ว ปล่อยเราได้แล้ว” อีกคนพูดพร้อมกับพยายามดิ้นให้ออกจากอ้อมกอดผม

“ยังไม่อยากปล่อยเลย นอนต่อเถอะนะ อยากกอดอีก” ผมพูดพร้อมกับทำเสียงอ้อนๆ ให้อีกคนเห็นใจ

“ไม่เอาแล้ว ไม่นอนแล้ว อึดอัด” อีกคนพูดด้วยสีหน้ารำคาญ และออกแรงดิ้นมากขึ้น ผมก็ต้องออกแรงกอดมากขึ้น

“แต่กูยังง่วงนี่” ผมบอก

“แต่เราไม่ง่วงแล้ว ถ้าไม่ปล่อย เราต่อย”

“เอามือทีไหนต่อย” ผมท้า ในเมื่อผมรวบมือรวบแขนไว้หมดแล้ว

“ท้าใช่ไหม”  มันพูดพร้อมกับทำหน้าโกรธแค้น


“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย” โดนแล้วครับ  มันแสบมาก ไม่มีมือ มันก็ใช้เข่า แล้วเข่ามันก็แทงเข้ามาที่เป้าของผมอย่างจัง ปีโป้น้อยที่ออกมาต้อนรับแสงยามเช้า โดนเข่ามหาภัยของน้ำมนต์ไปจังๆ คงเจ็บใช่ย่อย


ด้วยความตกใจและเจ็บ ทำให้ผมปล่อยตัวมันไปอย่างอัตโนมัติ พอมันหลุดจากอ้อมกอดผมได้ ก็รีบลุกออกจากเตียง ไปยืนห่างผมทันที

“สมน้ำหน้า” คนที่ทำร้ายร่างกายผม ยืนยิ้มอย่างสะใจ

“ทำไมมึงใจร้ายกับกูนักวะ”

“ใครกันแน่ที่ใจร้าย ให้นอนกอดทั้งคืนยังไม่พอใจอีก ได้คืบจะเอาศอกตลอด”

“ให้นอนกอด ? แปลว่ามึง ..”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว อาบน้ำละ” มันขัดผมก่อนที่จะวิ่งเข้าห้องน้ำไป



หมายความว่าอะไร หมายความว่าเต็มใจให้ผมนอนกอด ให้ผมหอมแก้มนะเหรอ .. เอ๊ยยย แค่คิดก็เขิน ลืมอาการเจ็บเป้าไปเลย

“ยิ้มบ้าอะไร” อยู่ๆ มันก็เปิดประตูห้องน้ำมาเห็นท่าทีของผม

“ไม่มีไร แล้วไม่อาบน้ำเหรอ” ผมแกล้งเก็บอาการ เพราะผมรู้ว่ามันก็กำลังเก็บอาการอยู่

“ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย” มันพูด

“อยู่ในตู้ชั้นบน” ผมบอกพร้อมกับที่มันเดินไปหยิบ และเข้าห้องน้ำไปอีกที




โอ๊ยยยยยยยย ดีใจเว๊ยยย อย่างนี้ไม่เรียกว่าไม่มีใจก็ไม่ใช่แล้ว ใจหินยังไง ก็แพ้น้ำกร่อนอย่างนายปีโป้สินะ น้ำมนต์เอ๊ยเจอน้ำกรดเข้าไป ใจอ่อนเลยสินะ .. ผมนอนยิ้มอย่างนั้นอยู่คนเดียวไปอีกพักใหญ่ รู้งี้น่าทำมากกว่านอนกอดนะเนี่ย .. แต่ว่าแบบนี้ก็ดีแล้วนะ อย่างน้อยๆมันก็เชื่อใจผมแล้ว


ผมกับมันอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ ก็รีบพามันมาส่งที่วิทยาลัย เพื่อทำงานต่อในระหว่างที่เรานั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านป้าตามสั่ง บทสนทนาเล็กๆของผมกับมันก็เริ่มขึ้น


“นายยังไม่เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ” มันถามผม

“ใครอ่ะ” ผมเงยหน้ามามองเล็กน้อย

“คนเมื่อคืนอ่ะ” มันบอกใบ้ปริศนานี้ให้ผม

“อ๋อ น้องจอยเหรอ” ผมเงยมามองมันเต็มๆ เมื่อนึกขึ้นได้

“อืม คนนั้นแหละ”

“เลิกนานแล้ว ทำไมเหรอ มึงหึงกูเหรอ” ผมถามลองใจ

“เปล่าซะหน่อย แค่อยากรู้เฉยๆ” มันตอบพร้อมกับก้มหน้ากินข้าวต่อ

“กูเลิกนานแล้ว เลิกตอนที่กูรู้ใจตัวเอง ว่ากูชอบมึง  ว่ากูจริงจังกับมึง และคิดว่าจะคบกับมึงคนเดียว” ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“บอกเราทำไม” มันตอบมาน้ำเสียงอ้อมแอ้ม อย่างคนเขินอาย

“ไม่รู้สิ เผื่อมึงอยากรู้ กูบริสุทธิ์ใจ เมื่อก่อนกูอาจคบใครเป็นว่าเล่น ครั้งละคนสองคน แต่กับมึงกูจริงใจ กับคนอื่นอาจมีระยะเวลาในการคบ”

“ช่วงโปรโมชั่นว่างั้น” มันขัดผม

“มึงจะว่างั้นก็ได้ แต่แต่ละคนที่คบระยะการคบสั้นยาวก็อยู่ที่การทำตัวของแต่ละคน  ถึงยังไงก็ไม่มีใครที่กูต้องจีบนานเท่ามึง กว่าจะได้มาเป็นแฟนโคตรยากเข็ญ”

“ใครบอกว่าเราเป็นแฟนนาย” มันขัดอีกครั้ง

“เออ ยังไม่เป็นก็ไม่เป็น หลายเรื่องจังเลยนะมึงเนี่ย” ผมชักจะตามมันไม่ทันแล้ว วันนี้ทำไมถึงสงสัยอะไรแบบนี้ แล้วคำถามคำขัดแต่ละอย่าง จะดูจริงจังไปเปล่าเนี่ย

“แต่สำหรับมึง กูไม่เคยวางแผน ไม่เคยคิดถึงระยะเวลา ไม่มองหาอนาคต” ผมจ้องตาแล้วบอกมัน มันทำสายตาสงสัยประมาณว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น

“เพราะมึงเป็นคนพิเศษ กฎของกูจะยกเว้นสำหรับคนพิเศษซึ่งจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมึง” ผมตอบพร้อมกับยิ้มๆให้มัน

“ดูหนังเยอะไปป่ะ” มันขัดผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันขัดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แก้มของมันแดงขึ้นนิดหน่อยจากมุกจีบของผม


“มึงงงง เดี๋ยวถ้ากูกินเสร็จ แล้วทำอะไรน่าเกลียด มึงอย่าว่ากูนะเว๊ย”  ผมบอกมันอย่างกลัวมันจะว่า

“ทำอะไรของนาย” มันถามด้วยอาการกลัวๆ

“เวลากูกินข้าวอิ่มๆ กูชอบเรอวะ” ผมบอกมัน

“เรอทัก ...”


แค่นั้นละครับ  หน้าแดงทั้งหน้าเลย .. แหมๆๆ มุกเสี่ยวๆนี่มันก็ได้ผลกับน้ำมนต์เหมือนกันนะเนี่ย รู้งี้คัดมาเล่นนานแล้ว

เอ๊ยๆๆ เขินด้วยคน




หลังจากที่ผมกินข้าวกับน้ำมนต์เสร็จก็ต้องกลับมาจัดการงานของตัวเองเหมือนกัน เพราะเท่าที่รู้ๆ คือผมไม่ค่อยได้เข้าเรียนกับคนอื่นมากนัก งานของผมก็เลยเยอะตาม แต่ก็ดีที่มีไอ้โอ๊ต คอยทำส่งให้บ้าง แต่นั่นละ ให้มันทำจนเคยตัว จนผมลืมไปแล้วเหมือนกัน ว่าเรียนอะไรไปบ้าง


“ไงมึง เป็นไงถึงมาห้องกูได้” ไอ้โอ๊ตถามทันทีที่ผมโผล่หัวเข้าไปในห้องมัน

“คิดถึงมึงมั้ง” ผมตอบไปเล่นๆ มันหันมามองหน้าผมทันที ทำหน้าจริงจัง

“กูล้อเล่น” ผมบอกมันไป

“สัด อย่าพูดงี้ดิ กูใจหายหมด  แล้วมีอะไรตกลง” มันหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานมันต่อ ผมก็เดินไปนั่งบนเตียงนอนของมัน

“มีงานอะไรที่กูยังไม่ได้ส่งบ้างวะ” ผมถามมัน

“ไม่มีแล้วนี่ กูทำส่งให้มึงหมดแล้ว” มันพูดมา ทั้งที่ไม่ได้หันหน้ามามองผม ฟังมันพูดแล้วผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“ไอ้โอ๊ต” ผมเรียกชื่อมัน มันหันมามองผมเล็กน้อย

“เรียกทำไม”




“ที่มึงทำให้กูขนาดนี้ เป็นเพราะว่ามึงรักกูเหรอ” ผมถามออกไป

“ถามทำไมวะ” มันพูดพร้อมกับหันกลับไปสนใจบนโต๊ะทำงานบนต่อ

“กูอยากรู้”

“รู้แล้วมีอะไรดีขึ้นเหรอ ถ้าไม่มีไรดีขึ้น ก็อย่ารู้มันเลย”

“อืม คงจริงอย่างที่มึงพูด ในเมื่อไม่มีอะไรดีขึ้น สู้ไม่รู้มันซะดีกว่า” ผมตอบคอตก รู้สึกยังไงก็อธิบายไม่ถูก จะบอกว่าดีใจก็ไม่ใช่ บอกว่าเสียใจก็ไม่เชิง

“กูขอโทษวะ” ผมบอกมัน

“กูว่าอย่าพูดถึงมันเลย เอาเป็นว่าที่ทำให้มึงทุกอย่าง เพราะว่ามึงคือเพื่อนรักกู มึงคิดแค่นี้ มึงจะได้สบายใจ” มันพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“อืม ขอบใจมึงมาก”

“หลังจากนี้มึงก็อย่าลืมอ่านหนังสือเยอะๆละ เดี๋ยวพอครูส่งงานกลับ ก็ค่อยมาติวกับกูแล้วกัน” มันพูดบอกผม ผมมองหน้าของมันอย่างพินิจพิจารณา ชายหนุ่มหน้าเกลี้ยงเกลา อาจขอบตาคล้ำนิดหน่อยเพราะนอนดึกกินเหล้าเยอะ คิ้วที่หน้าเข้ม ทรงผมที่ไม่ยาวมาก เซ็ทเป็นทรงฮิตตามเทรนด์ได้อย่างลงตัว รูปร่างและหุ่นที่สันทัด ..


“ทำไมมึงไม่หาแฟนวะ จะปล่อยให้ตัวเองโสดอีกนานเท่าไหร่กัน เสียดายความหล่อหมด” อย่างที่พูดนั่นแหละครับ ไอ้โอ๊ตนี่ไม่ใช่ขี้เหร่เลย สาวติดมันเพียบ

“ยังไม่พร้อมวะ”  มันพูดพร้อมกับหลบตาผม  หันหลังไปสนใจที่โต๊ะ

“ไม่พร้อมเหี้ยไรอีก  หล่อก็หล่อ เรียนก็เก่ง ที่บ้านก็โอเค พร้อมหมดแล้วนี่”



“ใจกูไม่พร้อม”  มันให้คำตอบที่ทำให้ผมหยุดนิ่ง ไม่สามารถพูดอะไรต่ออีก

“อืมมม” ผมพูดลากยาวไป


“มึงเอานี่ไปอ่านนะเว๊ย กูทำสรุปไว้ ข้อสอบคงออกประมาณนี้” มันพูดพร้อมกับส่งสมุดจดเลคเชอร์ของมันมาให้ผม

“แล้วมึงละ ไม่อ่านเหรอ” ผมรับแล้วถามมัน

“กูค่อยอ่านวันใกล้ๆสอบ มึงสมองกลวง แถมอ่านช้า เอาไปอ่านก่อน”

“สัด ด่ากู”

“หรือไม่จริงละ”

“เออ จริง กูมันหัวขี้เลื่อย อ่านช้า เข้าใจยาก ถ้าไม่มีมึงคงยังซ้ำชั้นอยู่ปีหนึ่ง”

“กูดีขนาดนั้น แล้วทำไมไม่รักกูละ”



เอ่อ .. จุกเลยครับ ไม่มีอะไรจะพูดต่อ วันนี้มันมาแปลกเลยครับ เมาก็ไม่ได้เมา หรือว่ายังแฮงค์จากเมื่อคืน ไม่น่าใช่นะครับ สายตาของไอ้โอ๊ตหันมามองผมด้วยสายตาที่จริงจัง และต้องการคำตอบจากประโยคคำถามนั้น

“ก็มึงเป็นเพื่อนกูไง”

“แล้วถ้ากูไม่ใช่เพื่อนละ” เอ๊ะ ผมว่ามันต้องยังเมาๆอยู่แน่ ถึงได้ใส่ไม่ยั้งขนาดนั้น มันลุกขึ้นยืน และเดินมายืนจ้องหน้าผม

“ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนมึง มึงจะรักกูได้เหรอ”

“กูว่ามึงคงยังไม่หายเมา เราค่อยคุยกันดีกว่าไอ้โอ๊ต กูกลับก่อนละ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง หน้าของผมกับมันจึงเผชิญกันอย่างจัง แต่ผมก็เลือกเป็นฝ่ายหนีสายตานั้นก่อน

“เดี่ยวสิ” มันเอามือทั้งสองข้างมาจับที่บ่าผม คำพูดห้ามปราม สายตาเว้าวอน ผมมองสายตานั้นอย่างทำตัวไม่ถูก



“กูรักมึงนะไอ้โป้ รักมึงตั้งแต่วันแรกที่เจอ กูไม่เคยรักใครมาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยรู้สึกดีกับเหี้ยหน้าไหนทั้งนั้น ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตกู กูไม่เคยรู้สึกรักอะไรมัน กูแค่อยากให้มึงหึงกูบ้างเวลากูไปมีอะไรกับพวกมัน แต่มันก็เหมือนว่าทำร้ายตัวกูเอง”

“ไอ้โอ๊ต กูว่ากูกับมึงคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ” ผมพูดขัด

“ไม่ กูยังอยากบอกมึงอีก ว่ากูรู้สึกดีกับมึงยังไง  ว่ากูรักมึงเท่าไหร่” มันยังดื้อด้าน

“เพื่ออะไรละ มึงต้องการอะไรกันแน่ ถึงมึงจะพูดมาเยอะแยะมากมาย กูก็รักมึงไม่ได้อยู่ดี มึงคือเพื่อนกู ยังไงก็เพื่อน มึงไม่เข้าใจเหรอ ตอนนี้กูมีคนที่กูรักแล้ว แล้วมึงจะพูดพร่ำให้ตัวมึงเจ็บเองทำไม  มึงต้องการอะไรกันแน่ไอ้โอ๊ตตตตตต”  ผมตะโกนใส่หน้ามัน เพื่อหวังว่าจะเรียกสติมันกลับมาได้บ้าง  บรรยากาศในห้องอึมครึมแม้ว่าจะเปิดหน้าต่าง ลมเข้ามาได้ อากาศรอบกายกลับอบอ้าว เหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้าของเราทั้งสอง  สายตาของไอ้โอ๊ตหลุบต่ำลง ก่อนจะหันมามองผมอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง และมุ่งมั่น แววตาของมันเต็มไปด้วยแรงปรารถนาและความตั้งใจ จนผมตั้งตัวรับกับสิ่งนั้นแทบไม่ทัน










“มีอะไรกับกูสักครั้งได้มั๊ย ??”




หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 02-12-2011 01:32:09
ไม่ได้นะโว้ย ปีโป้ กลับไปหอด่วนเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 02-12-2011 01:38:14
เฮ้ยยยยยยยยยยยยย   o22
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 02-12-2011 02:13:25
รอดูว่าตอนหน้านายหัวโป้จะตอบว่ายังไง
จะตอบรับหรือจะปฏิเสธ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 02-12-2011 04:45:39
คิดไม่ออก ใครจะเป็นฝ่ายกด

แต่อย่าเลยถ้าน้ำมนต์ รู้จะมองหน้ากันไม่ติดปล่าวๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-12-2011 07:45:29
 :เฮ้อ:
รักเค้าข้างเดียว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-12-2011 08:10:34
ถ้าจะต้องมีอะไรกัน  ขอให้น้ำมนต์รู้  เพราะโป้คงไม่เหมาะกับน้ำมนต์หรอกถ้างั้น
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 02-12-2011 09:29:58
โอย ๆ ชั้นจะเป็นลม

โอ๊ตเอ้ย จะทำร้ายตัวเองไปถึงไหน แค่นี้ก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว
ขอมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักตัว มีความสุขตายแหละ

ไอ้โป้ แกอย่าเชียวนะ ชะตาขาดแน่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 02-12-2011 10:20:01
ถ้าแกยอมนะโป้ เราจะเลิกเชียร์แกทันที
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 02-12-2011 13:02:52
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย :serius2: 
อย่านะโป้ อย่าทำนะ  ถ้าน้ำมนต์รู้จะรู้สึกยังไง  :o12:


รักเขาข้างเดียว ทรมานที่สูดดดดด   :o12:   
เป็นกำลังใจให้โอ๊ต  :กอด1:ขอให้ผ่านช่วงเวลาที่ทรมานนี้ไปให้ได้นะ  :sad4:

ขอบคุณครับ คนเขียน  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 02-12-2011 13:47:33
อย่าเชียวนะ ทั้งสองคนแหละ โอ๊ตตอนนี้โดนพิษรักและอารมณ์พาไปล้วนๆ
เมื่อมันผ่านอารมณ์ตรงนี้ไปโอ๊ตจะต้องรู้สึกผิด ความรู้สึกนี้จะ
กัดกร่อนใจโอ๊ตไปตลอดจนโอ๊ตไม่มีความสุขแหละ เพราะโดยเนื้อแท้แล้วโอ๊ตเป็นคนดี
ส่วนปีโป้ ถ้าลุแก่อารมณ์ตรงนี้ ไม่รีบระงับและตัดใจ จะเสียใจไปสามประเด็นเลย
         ประเด็นที่1 เสียใจและโกรธตัวเองที่ใจไม่เข้มแข็ง
         ประเด็นที่2 สองเสียใจเพราะจะต้องเสียเพื่อนดีๆแบบโอ๊ต
         ประเด็นที่3 เสียมากที่สุด ทุกอย่างที่เพียรทำมาจะพังลงอย่างไม่เป็นท่า และะจะเสียน้ำมนต์ไปจนไม่มีทางจะได้กลับคืน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: goonglovenut ที่ 02-12-2011 14:26:36
 :m31:อย่านะโป้ ขอบอกไม่งั้นมองหน้ากันไม่ติดแน่
ถ้าน้ำมนต์รู้เข้า :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 02-12-2011 16:44:16
ปีโป้ อย่าทำให้น้ำมนต์ผิดหวังเป็นครั้งที่ 3 4 5 นะเว่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 02-12-2011 21:53:19
หาคู้ให้โอ๊ตหน่อยได้มั๊ย  :z3:
+1จ๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-12-2011 22:21:55
อย่าเชียวนะโป้  คิดถึงปัญหาที่จะตามมาด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 02-12-2011 22:32:23
อย่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาานะ
 :z3: :z3:  พี่โอ๊ตเป็นไรวะ
พี่มาเฮี้ยนอะไรตอนเค้ากำลังจะลงเอยกันวะเนี่ย โกรธแล้วนะ!!!!!!!!!!!!!!
 :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 29 หลอกให้เธอตายใจ 2/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 03-12-2011 10:41:56
เอิ่ม ม มม
อย่าเด็ดขาดนะปีโป้!!!!!!!
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 04-12-2011 19:43:33
ตอนที่ 30



“น้ำมนต์ !!!!”


เสียงนั้นทำเอาผมตกใจ จากที่ใจลอยๆ มือเลยดันไปปัดเอาจานสีที่วางอยู่ จนตกลงพื้น สีในจานกระเด็นกระจัดกระจาย โดนกางเกงยีนส์ที่ใส่มาและผ้าใบก็ไม่เหลือสภาพ


“เอ๊ยย แพรขอโทษ” เสียงของคนเรียกผมเมื่อครู่ร้องขึ้นเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว

“ไม่เป็นไรหรอกแพร น้ำมนต์เผลอเอามือไปปัดเอง” ผมพูดพร้อมกับก้มเก็บจานสี

“แพรต่างหาก ที่เรียกน้ำมนต์ไม่ทันตั้งตัว น้ำมนต์คงตกใจ” เธอแก้ต่างอีกครั้ง

“น้ำมนต์ใจลอยเองละ พอดีกำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อย” ผมบอก

“คิดอะไรเหรอ บอกแพรได้ป่ะ” เธอถามสีหน้าห่วงใย

“ไม่มีไรหรอก น้ำมนต์ไปล้างสีก่อนนะ” ผมพูดพร้อมกับเดินออกมา

“มา เดี๋ยวแพรช่วย” และเสียงนั้นก็ดังตามหลังมา



แปลกๆครับ อยู่ๆผมก็ใจลอยคิดถึงนายปีโป้ขึ้นมา ทั้งๆที่เพิ่งจากไปเมื่อกี้ มันไม่ใช่ความคิดถึงแบบอยากเจอหน้า แต่มันเป็นความคิดถึงที่รู้สึกโหวงเหวง ที่บอกไม่ถูก ว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น ใจก็คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับเขามั้ย ...  ว่าแล้วผมก็ยกโทรศัพท์โทรหา



เสียงรอสายยิ่งดังนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงปลายสายเท่านั้น นี่มันคือการทำงานของประสาทส่วนของการคิดไปเองสินะ มันคิดไปต่างๆนานา ทั้งที่ไม่ได้มีมูลอะไรเลย

“ฮัลโหล” เสียงปลายสายทักกลับมาอย่างแหบพร่า

“ฮัลโหล ทำอะไรอยู่เหรอ” ผมถามในคำถามที่ไม่คิดว่าจะต้องเป็นคนที่ต้องมาถามอะไรกับคนที่กำลังดูใจคบหา

“เปล่า ไม่ได้ทำอะไร น้ำมนต์มีอะไรหรือเปล่า” เสียงอีกฝ่ายดูเหมือนพยายามพูดเรียกให้ลมเต็มลำคอ เพราะแต่ละคำดูช่างพูดยากเย็น

“ไม่มีไร แค่นี้ก่อนนะ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไมได้เป็นอะไร อย่างที่คิดไปมากมาย ผมเลยกดวางสาย


“มาน้ำมนต์ แพรช่วยล้าง”คนที่เดินตามหลังผมมา ส่งเสียงทักขึ้น ผมหันไปยิ้มให้เล็กน้อย

“ไม่เป็นไรดีกว่าแพร เดี๋ยวน้ำมนต์จัดการเอง”

“ให้แพรช่วยเถอะนะ แพรจะได้รู้สึกดีขึ้น” เธอบอกมาสายตาวิงวอน  จนผมใจอ่อนตามเธอ

“อ่า ก็ได้ครับ” ผมตอบไปพร้อมกับยิ้มเล็กๆ ไม่คิดว่าผมจะแพ้ลูกอ้อนผู้หญิงได้ง่ายขนาดนี้



แพรเปิดน้ำใส่ขันแล้วก็นั่งลงเอาน้ำลูบสีที่ติดกางเกงผมออก ส่วนผมก็เปิดน้ำล้างที่มือและบริเวณเสื้อ


“น้ำมนต์ใส่บ็อกเซอร์มาป่ะ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาถาม

“ทำไมเหรอ” ผมถามกลับไปด้วยสีหน้างงๆ ว่าทำไมล้างสี เกี่ยวอะไรกับบ็อกเซอร์

“ก็ถ้าใส่มา น้ำมนต์ถอดกางเกงยีนส์ออกมาดีกว่า แพรจะได้เช็ดง่ายขึ้น”

“อ๋อ จะดีเหรอ ไม่เหมาะมั้ง”

“ไม่เป็นไรเหรอ แพรไม่ถือ หรือว่าน้ำมนต์อาย” เธอพูดพร้อมกับอมยิ้มเชิงล้อเลียนผมนิดหน่อย

“อือๆ ก็ได้ครับ” ผมพูดพร้อมกับถอดกางเกงยีนส์ที่ใส่มาให้เธอช่วยทำความสะอาดให้ ส่วนตัวเองก็ยืนอยู่ในสภาพใส่บ็อกเซอร์



“น้ำมนต์คบกับพี่คนนั้นเหรอ” คำถามจากปากของแพร แต่สายตาเธอก็ยังสนใจกับกางเกงตัวนั้น ผมหันไปมองสีหน้าเธอ ว่าต้องการจะสื่ออะไรกับผมกันแน่ แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“นายปีโป้นะเหรอ ?” ผมถามเพื่อย้ำว่าใช่คนเดียวกับที่เธอคิดหรือเปล่า

“ใช่สิ หรือมีคนอื่นอีก” เธอหันมายิ้มก่อนทำสีหน้าล้อเลียน

“เปล่า ไม่มีใครแล้ว แล้วก็ไม่ได้คบกับนายปีโป้อะไรนั่นด้วย” ผมตอบไปตามความเป็นจริง เพราะว่าผมแค่กลับมาคุยกับเ ค้า คุยกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น และก็ไม่ได้คบหาอย่างที่ใครๆคิด

“เหรอ แพรได้ยินเค้าพูดกัน แพรก็เลยคิดว่าน้ำมนต์จะเป็น ...” เธอพูดแล้วหยุดไปชั่วครู่ ผมหันไปมองหน้าเธอก็พอรู้คำตอบนั้นดี ว่าเธอต้องการจะสื่ออะไร

“ถ้าน้ำมนต์เป็นอย่างที่เค้าว่า แพรจะคิดยังไงเหรอ” ผมไม่รู้หรอก ว่าต่อไปผมจะเป็นอย่างไรในสายตาคนอื่น แต่ผมแค่อยากรู้ว่าถ้าผมเป็นแบบนั้น แล้วคนเค้าจะรู้สึกอย่างไร

“สำหรับแพร แพรคิดว่าแพรเข้าใจนะ และยังไงแพรก็ยังรู้สึกกับน้ำมนต์เหมือนเดิม” คำพูด แววตาของเธอดูจริงจัง คำว่า “เหมือนเดิม” ของเธอ ฟังแล้วให้ความหมายไปต่างๆนานา



“น้ำมนต์” หลังจากความเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เธอก็เรียกผมขึ้นมาอีกครั้ง ผมหันไปมองหน้าเธอโดยสัญชาตญาณ

“แพรยังรอน้ำมนต์เสมอนะ ไม่ว่าใครจะทำอะไร จะว่าน้ำมนต์ยังไง ถ้าเจ็บ ถ้าเหนื่อย มาหาแพรได้นะ แพรจะรอ” คำพูดที่บอกมานั้น อธิบายคำว่าเหมือนเดิมได้อย่างชัดเจน .. แต่ผมกลับอยากให้คำว่าเหมือนเดิมคำนั้น มีความหมายที่เป็นปริศนาต่อไปมากกว่า ..


“ขอบใจนะ” คำตอบที่ดูจะเป็นรูปแบบของการสนทนา แต่ผมคิดว่า คำนี้แหละดีที่สุดแล้ว ไม่ได้ให้ความหวัง และก็ไม่ทำร้ายน้ำใจกัน



“เอานี่จ๊ะ สะอาดแล้ว” เธอพูดพร้อมกับยื่นกางเกงยีนส์ที่เปียกน้ำเพียงเล็กน้อย และปราศจากรอยสีที่ชัดเจนเมื่อครู่ หายไปแทบสิ้น  ผมรับมาใส่อย่างว่องไว

“ขอบใจมากนะแพร ถ้าไม่ได้แพรนี่ กางเกงน้ำมนต์คงต้องเปียกน้ำชุ่มแน่ๆ” ผมบอกเธอ เพราะคิดว่า ถ้าได้ล้างสีเอง ครึ่งล่างของผมคงเปียกอย่างกับเดินฝ่าน้ำท่วมมา

“ไม่เป็นไร ฝึกไว้” เธอตอบพร้อมยิ้มๆ ผู้หญิงคนนี้มีรอยยิ้มที่มีอิทธิพลต่อผมจริงๆ เวลาเธอยิ้มยิ่งทำให้เธอน่ารัก หัวฟูๆของเธอที่ไม่เคยได้จัดแต่ง ดูเข้ากับใบหน้าที่ยิ้มๆนั้นมากยิ่งขึ้น

“เข้าไปทำงานกันต่อเถอะ” คำพูดของผมบอกเธอให้เข้าไปที่ห้องปฏิบัติการพร้อมกัน



“น้ำมนต์” เธอเรียกผมอีกครั้ง วันนี้เธอเรียกผมแล้วเงียบแบบนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว

“มีอะไรเหรอ” ผมหันหลังไปมองเธอทีเดินตามหลังมา พร้อมกับยิ้มให้

“ถ้าคนที่น้ำมนต์เลือกเป็นผู้หญิง คนๆนั้นต้องเป็นเราคนแรกนะ”  คำพูดที่จริงจัง มากับสายตาที่ดูกังวล แต่เปื้อนรอยยิ้มที่พยายามสร้างให้ภาพดูนุ่มนวลนั้น ทำให้ผมยิ้มตาม แต่ก็มีสายตาไม่ต่างจากคนที่บอกมา

“ได้สิ” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความผูกพัน หรือความเป็นไปได้กันแน่ ถ้าผมมีความรักแบบคนทั่วไป ผมคิดว่าคนตรงหน้าผมตอนนี้นี่แหละ ที่ผมจะเลือกให้ยืนข้างๆ เป็นคนแรก


ไม่รู้หรอกว่าคนรักคนแรกของผมจะเป็นใคร จะเป็นคนแรกและเป็นคนสุดท้าย หรือจะเป็นคนแรกที่เข้ามา และเปิดทางให้คนอื่นๆได้เข้ามาตาม ดูยังไงมันก็เป็นเรื่องของอนาคตทั้งนั้น  แต่ถ้าถามว่าทุกวันนี้โอเคไหม ผมก็ยังให้คำตอบกับคำถามนั้นไม่ได้ คงมีแต่รอยยิ้มตอบกลับไปให้


เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังยิ้ม , ดีกว่าเสียใจก็แล้วกัน ..







“น้ำมนต์”  เสียงของคนที่มาส่งตอนเช้าโผล่หน้ามา พร้อมเสียงใสและรอยยิ้ม ผมวางพู่กันลงในแก้วน้ำที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำ แทบจำสภาพเดิมไม่ได้แล้ว

“เข้ามาก่อนสิ” ผมเรียกให้อีกคนเข้ามาในห้องปฏิบัติงานศิลปะ

“วาดอะไรอยู่” อีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับถาม และสายตาก็มองมาที่รูปภาพอย่างสนใจ

“รูปสุดท้ายแล้ว เสร็จนี้ก็เสร็จสิ้นกันเสียที โปรเจคนี้” ผมตอบไปกับยิ้มให้กับความเหน็ดเหนื่อยของโปรเจคงานศิลปะที่ทำมาระยะเวลาเกือบเดือน

“เอ๊ย จริงดิ หลังจากนี้ก็มีเวลาอยู่กับกูแล้วดิ” อีกคนดีใจเกินหน้าเกินตา

“จะบ้าเหรอ ใกล้จะปิดเทอมแล้ว ปิดเทอมน้ำมนต์ก็ต้อง ..” ผมเงียบเล็กน้อย เมื่อคิดถึงฤดูกาลที่จะมาถึง

“ต้องทำอะไรเหรอ” อีกคนถามอย่างสงสัย

“ไม่มีไรหรอก แค่ต้องช่วยยายขายขนมหน่ะ” ผมตอบไปพร้อมกับยิ้มๆ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปช่วยขาย”

“อืม แล้วนี่เป็นไงบ้าง ไปห้องพี่โอ๊ตมา” ผมหันไปถาม อีกคนยิ้มลดระดับยิ้มลงอย่างเห็นได้ชัด

“ก็ดี” คำตอบสั้นๆ ที่ให้ตีความหมายในคำนั้นเอาเอง ผมเลือกที่จะเพิ่มระดับรอยยิ้มของตัวเองขึ้นแทนประโยคสนทนาต่อไป มือหยิบพู่กันที่แช่น้ำไว้เมื่อครู่มาจุ่มสี และระบายสีรูปภาพต่อไป อีกคนก็เงียบ นั่งดูผมทำชิ้นงานของตัวเองอยู่อย่างนั้น



บางทีความเงียบของนายปีโป้ มันก็คือความสงสัยในตัวผมที่อยากจะรู้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน ผมทอดสายตาไปมองคนข้างๆอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งเขาก็จะพยายามยิ้มให้ผม แต่เมื่อผมหันกลับมาสนใจงานต่อ ผมก็สัมผัสได้ถึงใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดของเค้า


บางทีความสงสัยของผม มันก็เพิ่มขึ้นด้วยระดับความใกล้ชิด ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งได้เห็นมุมที่แตกต่างของผู้ชายคนนี้ และมุมนี้ ก็คืออีกมุมที่ไม่เคยเจอ ..


“เป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่” ผมหันไปถาม มือก็พยายามระบายสีรูปภาพไปต่อ เพื่อทำให้นายปีโป้คิดว่า ผมไม่ได้สนใจอะไรจริงจังขนาดนั้น

“ไม่มีไรหรอก เครียดเรื่องสอบหน่ะ” นายปีโป้ตอบมาพร้อมกับรอยยิ้ม ดูมีความกังวลในนั้น

“อืมใช่ จะสอบแล้วนี่ ไม่เข้าเรียนอย่างนาย จะทำข้อสอบได้เหรอ” ผมแกล้งแหย่เล่น

“ได้อยู่แล้ว กูหัวดีจะตายไป” นายปีโป้พูดโอ้อวด ก่อนจะยิ้มให้เห็นฟันครบทุกซี่อีกครั้ง  เป็นยิ้มที่ผมรู้ว่าไม่ได้มาจากใจมากนัก





หลังจากที่ผมวาดรูปชิ้นสุดท้ายเสร็จ เก็บงานล้างจานสีพู่กัน ก็ออกมาจากวิทยาลัย ก็เห็นนายปีโป้นั่งเหม่อรอผมอยู่บนมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขา ผมยืนมองเขาอยู่สักครู่ มองดูสายตาที่เขาเงยขึ้นมองฟ้า ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ แต่คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่โอ๊ตแน่ๆ เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็ยังบ้า ยังเสี่ยวกับผมอยู่เลย แต่พอกลับมาจากห้องพี่โอ๊ต ก็กลายเป็นหน้ามือหลังมือไป



ผมจึงรีบเดินเข้าไปหา พร้อมเตรียมใจจะเอ่ยปากถาม


“นาย ..”

“มึง ..” ยังไม่ทันจะได้ถาม คนอีกคนก็มีเหมือนเรื่องจะพูดกับผมพอดี

“ถ้ากูเคยทำอะไรผิดพลาดซ้ำซ้อน มึงจะให้อภัยให้กูไหม” คำถามออกมาจากสีหน้าที่จริงจัง แววตาที่ดูเศร้าจนเห็นได้ชัด

“ก็ขึ้นอยู่ว่าผิดร้ายแรงแค่ไหน” ผมตอบไป

“ถ้ามันร้ายแรงละ”

“ก็ขึ้นอยู่ว่าเรื่องอะไร”

“ถ้าเรื่องชู้สาวละ”

“ก็ขึ้นอยู่ว่ามีช่วงไหน”

“หมายความว่ายังไง ?” อีกคนถามกลับมา คิ้วเกือบจะหันกันแล้ว

“ถ้าช่วงนี้ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน นายก็มีสิทธิ์เต็มที่ เหมือนกับก่อนหน้านี้”

“นี่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันอีกเหรอ”

“ก็ไม่รู้สิ เราก็ตอบนายไม่ถูก”

“แล้วถ้าหลังช่วงนี้กูมีไรกับใครมึงจะไม่โกรธเหรอ”

“เราไม่มีสิทธิ์นี่ แต่เราก็คงต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ ว่าเราจะเอายังไงกันต่อ”

“หมายความว่าจะเดินต่อหรือจะหยุด”

“อืม นายไปมีอะไรกับใครมาเหรอ” ผมถามไปได้ไงนี่ คำถามนี้





อีกคนเงียบไปอยู่นาน ก่อนจะเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมา หน้าตาดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น

“กูไม่ทำร้ายตัวเองขนาดนั้นหรอก  พยายามมาเยอะแยะแล้ว จะให้มาเจอทางแยกแห่งการตัดสินใจอีกทำไม ?”

“แล้วทำไมถึงดูเศร้า ?”

“เพราะกูรู้สึกผิด”

“กับเราเหรอ ?”

“เปล่า”

“กับพี่โอ๊ต ?”

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นมัน”

“ก็เพิ่งกลับจากห้องพี่โอ๊ตมานี่”

“ก็ไม่เชิงหรอก”



คำตอบที่ดูเหมือนจะไม่แยแส แต่ก็ช่วยให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวได้มากขึ้น ถ้าเป็นอย่างที่นายปีโป้เป็นและพูดมา พี่โอ๊ตต้องขอสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับนายปีโป้ และสิ่งนั้นก็คือสิ่งที่นายปีโป้ถามว่าผมจะโกรธไหม ..



ถ้าเป็นความจริง ว่าไม่มีอะไร .. ผมควรจะดีใจไหม ?

แล้วถ้าไม่จริง ทั้งสองมีอะไร .. ผมควรจะเสียใจไหม ?



นี่มันอะไรกันอีกละเนี่ย ?



“ไปนั่งเล่นกับกูก่อนนะ” เสียงอีกคนบอก พร้อมกับเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ที่ดังตามมา

“ไปไหนเหรอ”  ผมถามอย่างอยากรู้ แต่ก็ได้เพียงแค่รอยยิ้มกลับมาเท่านั้น เป็นคำตอบของคำถามของผม





ปกติผมก็ไม่ค่อยรู้นักหรอก ว่านายคนนี้จะพาผมไปไหนมาไหน ไม่เคยเรียกร้อง และก็ไม่เคยขัดขืนว่าอยากไปไหนมาไหนกับเขา แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันรู้สึกเหมือนกับว่า ไปไหนก็ได้  ..



แค่ได้อยู่ด้วยกัน ...






แล้วนายปีโป้ก็พาผมมาสวนสาธารณะของจังหวัด อาณาเขตกว้างใหญ่กับสนามหญ้าที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวขจี ต้นไม้ที่ขึ้นเรียงสลับกันไปมา ช่วยบดบังแสงแดดยามเย็นที่มีอยู่เล็กน้อยได้ดี ผู้คนกำลังเดินเล่น บ้างเป็นคู่รักจับมือกันกระหนุงกระหนิง บ้างเป็นแม่กับลูกน้อยวัยก้าวย่าง ฝึกเดินกันอย่างสนุกสนาน และล้มลงบนพื้นสนามหญ้าเพื่อลดความเจ็บปวด ผมมองไปที่สระน้ำที่กว้างใหญ่ และคงมีความลึกที่มากมายไม่แพ้ความกว้างนั้น น้ำไม่ใสมาก แต่ก็เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อย



“ไปนั่งเรือถีบกัน” อีกคนที่สังเกตอยู่ว่าผมกำลังมองผู้คนในสระนั้น พูดบอกผมพร้อมกับจูงมือผมเดินตามไป


ไม่นานผมกับนายปีโป้ก็นั่งอยู่บนเรือรูปเป็ด หรือห่าน หรือหงส์ตัวใหญ่ก็ไม่อาจรู้ ในแม่น้ำที่มีสีเขียวใส มองเห็นปลาเล็กปลาใหญ่ว่ายไปมา ผมให้ความสนใจกับสิ่งข้างหน้า ข้างหลัง ข้างล่าง จนลืมสังเกตคนที่ชวนมา ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร ก็เลยหันหน้าไปมอง คนที่จ้องท้องฟ้า อย่างกับจะถามหาคำตอบจากมัน ..


“ฟ้าสวยดีเนอะ” คงเป็นคำถามที่ดึงอีกคนกลับมอยู่บนผืนน้ำอีกครั้ง

“สวยยังไง ไม่เห็นมีเมฆอะไรเลย มีแต่ฟ้า ท้องฟ้ามันต้องมีเมฆให้เราจินตนาการว่ามันเป็นรูปอะไรบ้าง มันถึงจะได้สวย” อีกคนพูดตามความคิดเด็กช่าง

“ฟ้ามันก็ต้องสีฟ้า ฟ้ามันก็ต้องสว่างแบบนี้แหละ ถึงเรียกว่าสวย ฟ้าที่มีเมฆมาบดบังมันก็คงคล้ายๆกับปัญหาที่เข้ามา รอวันเคลื่อนย้ายไป แล้วฟ้ามันก็จะกลับมาสดใสอีกครั้ง” ส่วนนี้คือความคิดของเด็กศิลป์

“อืม คงจริงของมึง กูคงชินกับฟ้าที่มีแต่เมฆ ชินกับชีวิตที่มีแต่ปัญหา” อีกคนพูดพร้อมกับเอามือข้างนึงของตัวเองมาจับที่มือของผม สายตาลดระดับมามองตรงไปข้างหน้า

“ถ้ากูอยู่กับมึง สักวันฟ้ามันต้องสว่างและสดใสอย่างที่มึงมองมัน มึงว่าอย่างนั้นมั้ย” นายปีโป้พูดพร้อมกับหันหน้ามามองผม ทำให้ผมหลบตาไปไหนไม่ได้ เพราะเป็นผมต่างหาก ที่จ้องมองเขาก่อนหน้านั้นแล้ว





“เรา .. เรา ..”








“เป็นแฟนกับกูได้มั้ยน้ำมนต์”






หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 04-12-2011 19:58:20
เออนะ ลุ้น ตามชื่อตอน จริงๆ

ลุ้นว่า โป้มันจะไปมีอะไรกับโอ๊ต รึเปล่า

แล้วก็ลุ้นว่าน้ำมนต์ จะยอมเป็นแฟนโป้ รึยัง  ลุ้น ลุ้น ลุ้น  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 04-12-2011 20:07:54
Say YES!!!!
ไปเลย~
น้ำมนต์
555555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 04-12-2011 20:12:48
โป้ แกไม่ได้ทำใช่มั๊ยหา

น้ำมนต์จ๋า ถ้าโป้มันไม่ทำอะไรผิด ก็เป็นแฟนกะมันเถอะนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 04-12-2011 20:15:33
ง่ะ มองไม่เห็นเรื่องนี้ซะงั้น
พลาดไปตั้งสองตอน
อ่านตอนพี่โอ้ตแล้วรู้สึกสะเทือนเล็กๆ ดูท่าี่แกคงต้องการความหวังจนหยดสุดท้าย
ส่วนน้ำมนต์ ตอนโดนเรอทักใส่นี่ น่าร้ากกก :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 04-12-2011 21:01:13
ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าถ้านายโป้มีอะไรกับโอ๊ตแล้วล่ะก็ เรารับไม่ได้แน่ๆ ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไรก็ตาม
เพราะไม่รู้ว่านายโป้จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นไปอีกทำไม อยู่ดีไม่ว่าดีซะงั้น  :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-12-2011 00:16:23
ตอบตกลงไปเลยน้ำมนต์
นายปีโป้อย่าทำให้แฟน ๆ ผิดหวังนะเว้ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 05-12-2011 02:44:13
. . . . อยากรู้ ปีโป้กับโอ๊ต
มีไรกันมั๊ย (ขอให้มีๆๆ)

555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 30 ลุ้น ลุ้น ลุ้น 4/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-12-2011 10:13:41
ปัญหาคาใจตอนนี้คือ
1.ปีโป้มันเผลอมีอะไรกะโอ๊ตหรือเปล่า
2.น้ำมนต์จะยอมคบปีโป้เป็นแฟนรึเปล่า
3.สืบเนื่องจากข้อ 1. ณ เวลาที่สองคนกำลำงคุยกันอยู่นี้
ถ้าสมมุติว่าปีโป้เผลอมีอะไรกะโอ๊ตแล้ว น้ำมนต์จะยังคิดและพูดแบบนี้ไหม
"ถ้าช่วงนี้ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน นายก็มีสิทธิ์เต็มที่ เหมือนกับก่อนหน้านี้"
ผู้เขียนกรุณารีบมาไขปัญหาไวๆด้วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 05-12-2011 13:46:37
ตอนที่ 31


“เป็นแฟนกับกูได้มั้ยน้ำมนต์”


ผมเอ่ยประโยคนี้เป็นครั้งที่สองที่ขอคนตรงหน้าเป็นแฟน ครั้งแรกที่ทำให้เรื่องราวกลับตาลปัตรไปหมด แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า คนที่อยู่ใกล้ตอนนี้ไม่เหมือนคนก่อน คนๆนี้คือคนที่ทำให้ผมอุ่นใจ และอยากอยู่ใกล้ทุกครั้งเวลามีปัญหา คนที่ผมกำมือแน่น เพื่อบอกให้รู้ว่าคำพูดที่ผมพูดไปนั้น ผมจริงจังกับมัน และเหมือนจิตใต้สำนึกของผมบอกตัวเองว่า ถ้าครั้งนี้โดนปฏิเสธ ผมคงต้องกลับไปตั้งหลักอีกนาน ร่างกายที่อ่อนแอ เหมือนท้องฟ้าที่มีเมฆมากแบบนี้ กว่าจะรอให้เมฆเคลื่อนตัวผ่านพ้นไป ให้กลับมาสว่างอีกครั้ง คงต้องใช้เวลา


“เป็นแฟนกับกูนะ กูชอบมึงจริงๆ” ผมพูดประโยคขอเป็นแฟนอีกครั้ง ก่อนที่ยกมือของมันให้สูงขึ้นให้ตั้งฉากกับพื้นโลก อีกคนมองมาอย่างงงๆ ว่าผมมาไม้ไหน อารมณ์ไม่น่าจะโรแมนติก ผมก็จับยัดเข้าไปอย่างไม่สนใจรูปบท อย่างไม่สนใจสถานที่ สภาพแวดล้อม แต่ผมก็ลองมองๆ มันก็โรแมนติกไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกันนะเนี่ย

“ถ้าเป็นแฟนแล้ว ต้องทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมบ้างละ” อีกคนถามมาอย่างเขินอาย บรรยากาศรอบข้างที่เป็นสีอึมครึม กลายเป็นสีชมพูอย่างฉับไว ผมรู้สึกได้ถึงก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าหัวใจผม ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

“ก็ไม่มากหรอก แค่เจอกันบ่อยขึ้น คุยกันบ่อยขึ้น โทรหากันบ่อยขึ้น นอนด้วยกันบ่อยขึ้น” ผมพูดด้วยใจเต้นระรัว ท่าทีดูช่างร้อนรน

“เท่าที่ฟังมา ตัวติดกันแทบจะ 24 ชั่วโมงแล้วนะ” อีกคนขัดมาหน้าตาซื่อๆ

“ใครบอกว่าแค่ 24 ชั่วโมงละ ตลอดชีวิตเลยต่างหาก” คำพูดที่ไม่ได้ดูโรแมนติก ไม่รู้ไปลอกไดอาล็อกมาจากที่ไหนแห่งใดผม ก็ไม่ได้มีความสำคัญกับผมตอนนี้

“เอาไงอ่ะมึง กูเขินจะบ้าตายแล้วนะเนี่ย มึงอย่าคิดนานดิ” ผมเร่งเร้ามัน

“อย่าว่าแต่นายเลย เราก็เขินนะ ก็คนมันไม่เคยนี่ จะให้ตอบว่ายังไงละ” อีกคนก็เขินจนเบือนหน้าหลบ ผมก็เข้าใจมันนะ ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีใครขอเป็นแฟน และไม่เคยตอบตกลง จะให้ตอบว่า ได้ ก็ดูจะใจง่าย แต่จะปฏิเสธดูจะไม่อยู่ในตัวเลือกในขณะนี้

“ถ้าตกลง เอ่อ ...” เอาไงดีวะ

“ถ้าตกลงไปดูหนังกัน !!” ผมบอกมัน ไม่รู้ว่ามันสมองจากส่วนไหนคิดขึ้นมาได้  มันมองหน้าผมพร้อมกับยิ้มๆ คงคิดว่าไม้ไหนของมึงอีกเนี่ย




“อืม ก็ดี อยากดูหนังเหมือนกัน”  คำตอบที่ออกมาจากปากคนปากชมพู ใบหน้าขาว ผมที่รวบไว้บนหัวแต่ก็มีไรผมหลุดออมากแซมตามหน้าผาก คอ รอยยิ้มที่ยิ้มให้เห็นฟันครบ 32 ซี่ ดั่งมีมนต์อะไรสั่งให้ผมยิ้มตามรอยยิ้มนั้นทันที พร้อมกับคว้าตัวมันมากอดไว้ อย่างดีใจสุดขีด

“ขอบใจมึงมากนะ ขอบใจมึงจริงๆ” กอดมันไปพร้อมกับใจที่ไร้เมฆหม่นใดๆมาบังทัศนียภาพของหัวใจตัวเอง  ในวันที่ใจโคตรจะหม่นหมองแบบนี้ มีใครอีกคนมาช่วยขจัดเมฆร้ายๆไป ใจผมคงชื้นขึ้นมาดั่งสายฝนหล่นลงกลางทะเลทราย มันไม่ได้ทำให้ความร้อนความกระหายลดลง เพียงแค่เพิ่มหวังและกำลังใจให้คนที่เหือดแห้งความรัก กลับมามีชีวิตชีวาขึ้น แค่เท่านั้น ..


“ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวเรือล่ม” อีกคนส่งเสียงขึ้นมา เพื่อให้รู้ว่า ผมควรปล่อยกอดนั้น ก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปใหญ่ ผมรีบปล่อยแล้วเอามือทั้งสองข้างของมันมาจับไว้

“มึงเป็นแฟนกูแล้วนะ อย่าไปเล่นหูเล่นตากับใคร อย่าเที่ยวอ่อยใครไปทั่ว อย่าไปนั่งซ้อนท้ายมอไซค์ใคร อย่าทำให้กูโกรธ  อย่า ..”

“เริ่มจะไม่อยากดูหนังละ ..” มันพูดขัดมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“เอ๊ย ไม่ได้ กูจองตั๋วแล้ว ยังไงมึงก็ต้องไปดูกับกู”

“ก็ดูสิ ข้อห้ามอะไรเยอะแยะ ทำไมตอนถามตอนแรก ไม่เห็นมีพวกนี้เลยนี่” มันเริ่มโวยวาย

“แล้วถ้ากูบอกมึงก่อน มึงจะยอมเป็นแฟนกูเหรอ”  ผมเริ่มเจ้าเล่ห์ตามแบบที่ตัวเองมีติดตัวมา

“ขี้โกง”

“ฮ่าๆๆ กูล้อมึงเล่น มึงจะเป็นยังไงก็เป็นไปเถอะ แค่มึงยังเป็นแฟนกู และยังอยู่ข้างกู มึงจะอ่อยใครให้มันตายด้วยเสน่ห์มึงก็ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็ได้แค่มอง แต่กูนั้นได้มาทั้งตัวและหัวใจ” ผมพูดพร้อมกับทำหน้าทะลึ่งมองหุ่นของมันอีกครั้ง


“อย่ามาทะลึ่งนะ จะไม่ไปดูหนังแล้วเหรอ”

“เดี๋ยวดิ ปั่นเรือกันก่อน”

“ก็ดีเหมือนกัน”


บทสนทนาระหว่างผมกับมันผุดมาเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าตอนที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน แค่มือที่จับกันนั้น รู้สึกพิเศษกว่าเดิมก็เท่านั้น  ผมรู้สึกว่าลืมเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นมาในวันนี้เกือบหมดสิ้น .. แต่มันก็คงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพราะยังไง เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ผมไม่ได้ทำให้มันจบ ..


ผมแค่เลือกเดินหนีมันมา ..

.

.

.

.



“มีอะไรกับกูสักครั้งได้มั้ย ??” 


ประโยคที่พูดมากจากสีหน้าและแววตาที่วิงวอนของไอ้โอ๊ต ทำให้ผมอึ้งทำตัวไม่ถูก ไม่มีเสียงใดๆที่หลุดออกจากปาก สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แสนอ่อน แทบจะไร้ซึ่งลม ผมล้มลงไปบนเตียงอย่างง่ายดายด้วยการผลักของคนตรงหน้า อีกคนล้มมาทับผมอย่างกับเก็บอาการความต้องการไม่ไหว กระดุมเสื้อของผมถูกปลดลงอย่างไว และดูว่าเป็นสิ่งกีดขวางที่คนข้างบนอยากดึงให้ขาดไปซะทุกชิ้น  ลิ้นที่หยาบกร้านวนเวียนที่หน้าอกของผมทั้งสองข้าง บ้างก็กัดกรามเข้าไปทำให้ผมรู้สึกเจ็บปนเสียวระบม ลิ้นและหน้าของมันขยับขึ้นมาข้างบน ไซร้ไปตามซอกหู ใบหู ช่วงคอ ก่อนที่มันจะยกตัวเองขึ้นและจัดการกับเสื้อของตัวเองจนเปลือยท่อนบนเหมือนกับผม ก่อนที่จะก้มลงมาจูบปากของผมอย่างดูดดื่ม ผมจำไม่ได้ว่าผมได้สนองกับริมฝีปากนั้นไหม แต่ผมแทบไม่รู้สึกอะไรกับคนตรงหน้า แทบหายใจไม่ออก ร่างกาย หัวใจ และทุกอย่างแทบแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ จำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าพยายามย่ำยีทำร้ายคนที่มันเรียกว่า “เพื่อนรัก” ไปนานเท่าไหร่



“กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง” เสียงเรียกเข้ามือถือยี่ห้อผลไม้ถูกกัดเหมือนเป็นมาตรฐานที่คนชอบใช้เหมือนกันจนเสียงอาจหลอนได้ดังขึ้นเตือนสติผม ให้ตัวเองกลับมามีสติอีกครั้ง เลยรู้ว่าอีกคนกำลังวุ่นวายกับส่วนล่างของตัวเองอย่างเหือดกระหาย ปานไม่เคยเจอ ไม่เคยพบเห็น ผมสะบัดศีรษะเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมา ก่อนที่จะใช้กำลังที่ขาพอจะมี ถีบคนตรงหน้าลงไป


แรงของผมมีพอที่จะพาร่างใหญ่นั้นกระเด็นออกจากเตียงไปชนกับผนังห้อง


“ผลั่ก” เสียงที่ดังบอกถึงการกระทบกันของร่างกายและกำแพง คนที่โดนถีบตัวม้วนด้วยความจุกอยู่พักหนึ่ง แต่สายตาก็มองมาที่ผมไม่ขาด ผมรีบดึงส่วนล่างของตัวเองให้เข้าสู่สภาพปกติ หยิบเอามือถือตัวเองมาดู


“น้ำมนต์” ผมพูดชื่อคนที่โทรเข้ามา อย่างแหบพร่า หูตัวเองแทบไม่ได้ยินเสียงนั้น  ก่อนกดสไลด์มือถือจากซ้ายไปขวา เป็นการรับสาย

“ฮัลโหล”  เสียงที่เพิ่งเรียกกลับมาได้เล็กน้อย คงทำให้ปลายสายตกใจใช่น้อย  บทสนทนาเล็กๆเริ่มต้นขึ้นภายในเวลาไม่ถึงนาที แค่อีกฝ่ายโทรมาถามแสดงถึงคามเป็นห่วงที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน มันทำให้สมอง หัวใจ และทุกส่วนของร่างกายของผม กลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง มันทำให้ทุกๆอย่างกลับมามีสติเหมือนเดิม  หัวใจกลับมาเต้นเป็นจังหวะแบบเดิม ลมหายใจเข้าออกคงที่ หันไปมองคนที่ยังนั่งอยู่ที่ผนังห้องด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอีกต่อไป ผมรีบคว้าเสื้อที่ถูกขว้างไปด้วยแรงปรารถนาของคนบางคนหล่นไปกองมุมหนึ่งของห้องมาใส่โดยไว ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องนั้น โดยไม่สนใจสภาพของเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย


น้ำตาลูกผู้ชาย ที่เสียเพราะเพื่อนนี่มันยากห้ามจะเก็บเอาไว้จริงๆ ผมไม่ได้เสียใจที่ผมพลาดพลั้งเสียท่าให้กับมัน แต่ผมเสียใจที่มันกล้าทำกับผมได้ลงคอ เสียใจที่มันกล้าพูดประโยคนั้นมาทำร้ายจิตใจของผมให้กระเจิดกระเจิง จนไม่มีแรงตอบโต้ เกลียดตัวเองที่ไม่มีสติยับยั้งอารมณ์ใคร่เพียงชั่ววูบของเพื่อนที่คบกันมาที่รู้แทบทุกอย่างในชีวิต


.

.

.

.


ก่อนจะออกจากสวนสาธารณะ ผมโทรบอกเด็กสองคนที่ผมรู้จัก และอยากพาไปให้น้ำมนต์รู้จักมาเจอกที่ร้านโรตี คงถึงเวลาแล้ว ที่เด็กสองคนนั้นที่ผมถูกชะตา และอยากให้รู้จักกัน ..



“พี่ปีโป้ ทางนี้” มาถึงเสียงของน้องนัทก็ตะโกนเรียกผม ผมหันดูหน้าไอ้เป้ ที่ทำหน้าไม่พอใจที่แฟนมันร้องเรียกผมออกนอกหน้า

“อยู่ทางโน้น น้ำมนต์” ผมสะกิดบอกอีกคน ที่กำลังวุ่นอยู่กับทรงผมบนหัวของตัวเอง

“ปล่อยมันดีกว่า” ผมพูดพร้อมกับดึงยางที่หัวของมันออก

“ไม่ได้สระมา”

“ก็ไม่เห็นว่าจะเหม็นอะไรนี่” ผมพูดพร้อมกับดมผมของอีกคน

“อืมๆ งั้นก็ตามใจนาย”


ตอนนี้น้ำมนต์เลยเดินตามผมมาด้วยสภาพผมปล่อยสยาย ถ้ามองจากด้านหลังจะดูไม่ออกเลย ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่นั่นละ คือเสน่ห์ที่ผมชอบ


“มากันนานยัง” ผมทักทั้งสองคนไป

“นานแล้ว นัดไม่เป็นเวลา แล้วยังมาสายอีก ไม่ไหวๆๆ” ไอ้เป้ตัวแสบเหน็บผมตั้งแต่แรกเจอ

“ยังไม่นานเลยพี่โป้ ไอ้เป้มันก็พูดไปนั่นแหละ” ไอ้นัทเลยแก้ต่างให้อีกที

“แล้วพี่มากับใครอ่ะ” ไอ้นัทถามขึ้นอีกที เมื่อน้ำมนต์เดินมาถึงพอดี

“นี่ พี่น้ำมนต์ แฟนพี่เอง” ผมแนะนำให้สองคนที่นั่งอยู่รู้จัก  ทั้งสองคนมองน้ำมนต์อย่างกับฉากแรกของหนังที่เปิดตัวนางเอกของเรื่อง ไอ้เป้กลืนน้ำลายลงคงดังเฮือก ส่วนไอ้นัทก็ยิ้มซะจนเห็นถึงฟันคุด


“จะมองอีกนานมั้ยพวกมึง” ผมเรียกสติพวกมันคืนมา

“คนเดียวกับวันนั้นเลยมึง” ไอ้นัทหันไปกระซิบกับไอ้เป้

“น่ารักวะ ไม่น่าเป็นแฟนกับพี่ปีโป้เลยอ่ะ” ไอ้เป้แสดงความคิดเห็น

“พวกมึงจะนินทาอะไรกู ก็ให้มันเบาๆหน่อย” ผมเรียกสติพวกมันอีกครั้ง ไอ้เด็กสองคนนี่นะ

“น้ำมนต์นี่ชื่อเป้ นี่ชื่อนัท พวกมันสองคนเป็นแฟนกัน” ผมแนะนำให้น้ำมนต์รู้จัก น้ำมนต์ยิ้มให้เด็กสองคนนั้นเล้กน้อย

“สวัสดีครับพี่น้ำมนต์” ไอ้เป้ยกมือขึ้นไหว้

“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ เรียนม.ไหนกันเหรอ”

“ม.สี่ครับ”

“เอ๊ย ก็รุ่นเดียวกันดิ เราก็เรียนปวช.ปีหนึ่งเอง” น้ำมนต์บอกพวกมันสองคน ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า สามคนนี้รุ่นเดียวกันจริงๆ นี่ตกลงผมแก่สุด

“เอ๊ย จริงเหรอครับ เป้น่าเจอน้ำมนต์ก่อนหน้านี้นะครับ”

“ไอ้เป้ / ไอ้เป้ !!” เสียงของผมกับไอ้นัท ประสานขึ้นพร้อมกันอย่างกับรู้ว่ามันกำลังคิดอะไร น้ำมนต์หัวเราะให้กับท่าทีของสองคนนั้น




ผม น้ำมนต์ ไอ้เป้ ไอ้นัท นั่งกินข้าวเย็นกันไปพักใหญ่ น้ำมนต์คุยถูกคอกับไอ้นัทมาก เพราะคุยไปคุยมา ทางกลับบ้านพวกมันสองคนกลับทางเดียวกัน  สามารถนั่งรถเมล์กลับทางเดียวกันได้ ของน้ำมนต์จะลงป้ายแรก แต่ของไอ้นัท จะลงป้ายสุดท้าย


ส่วนผมก็คุยกับไอ้เป้บ้าง  แต่ติดที่ไอ้นี่มันกวนตีน  ถามอะไรไปมันก็ตอบมากวนตีน  จุดประสงค์จริงๆของผมเหรอครับ แค่อยากให้น้ำมนต์รู้สึกว่า ไม่ได้แปลกเลยที่ผู้ชายจะรักจะชอบกัน อย่างคู่ไอ้เป้กับไอ้นัท มันก็ไม่ได้รักกันง่ายๆเลย แต่พอมันได้รักกัน มันก็รักกันหนักแน่น ถึงจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา มันก็จับมือช่วยกันฝ่าฟัน อย่างเช่นกรณีที่น้องเดียวเข้าไปเป็นมือที่สามของคู่นี้ มันก็ทำให้ผมรู้ว่า ไม่มีใครช่วยพวกมันได้ นอกจากความเข้มแข็ง และความเชื่อใจในความรักของพวกมันนั่นเอง ..


เวลาแค่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง ผมก็รับรู้ได้ว่าน้ำมนต์เข้าใจความรักแบบนี้มากขึ้น คนที่ไม่เคยมีแฟนแบบน้ำมนต์ คงลำบากใจที่ แฟนคนแรกก็กลายเป็นผู้ชายเหมือนตัวเอง คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับมัน และผมก็คิดว่าน้ำมนต์ต้องพยายามเข้าใจสภาวะที่แวดล้อมให้มากกว่านี้


ทุกวันนี้เราต่างก็เข้าใจภายในหัวใจของตัวเอง ว่ารู้สึกอย่างไร แต่ถ้าเราจะรักกันจริง และหวังว่าจะใช้ชีวิตด้วยกัน สิ่งที่เราต้องเข้าใจนอกเหนือจากนั้น คือการวางตัวในสังคม ซึ่งมนุษย์เรามีสองวิธีในการศึกษาการวางตัว นั่นคือไม่เป็นแบบอย่าง ก็ต้องหาแบบอย่าง ผมคิดว่าน้ำมนต์คงไม่พร้อมที่จะเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น ผมก็เลยเลือกที่จะให้คนอื่นมาเป็นแบบอย่างให้กับคู่รักของผม


ไอ้เด็กสองคนนี้ก็ไม่ได้มีคู่ชีวิตที่ดีจนต้องยกโล่ให้ เพียงแค่มันมีมุมมองและวิธีการประคับประครองหัวใจของกันและกันให้มันไปตลอดลอดฝั่ง .. ก็แค่นั้น



“เป้ กับ นัทนี่น่ารักดีเนอะ” น้ำมนต์บอกกับผมขณะที่เราออกมาจากร้านนั่นแล้ว

“ชอบละสิมึงอ่ะ” ผมแซวมัน

“ก็ชอบนะ น้องเป้นี่หล่อ คมเข้ม ดูเท่ดีนะ”

“นี่มึงชอบไอ้เป้มันเหรอ นี่มึงเพิ่งเป็นแฟนกูนะ”

“ก็ใครมันเปิดทางให้เราละ”

“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนี้มึงนี่จับทางกูได้หมดละ กูไม่รู้ไปทางไหนดีแล้ว”

“นายต้องการอะไรเหรอ ถึงให้เรามาเจอกับนัทเป้” มันถามผมมา

“ไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก แค่อยากบอกว่า รักแบบเรา มันไม่ได้ผิดปกติ มันไม่ใช่เรื่องแปลก” ผมบอกมัน และหันไปยิ้มให้

“ถ้าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข  เพศมันก็เป็นแค่ตัวอักษร ความรักมันเรื่องของหัวใจ มันไม่ใช่เรื่องของตัวเลขและเรื่องของตัวอักษร  มึงเข้าใจที่กูพูดมั้ย ?”  ผมบอกมัน

“อืม เราเข้าใจ” คำพูดว่าเข้าใจของมัน  สื่อสารทางวาจา และบอกผมทางกายด้วย มันเอามือของมันโอบเอวผมไว้หลวมๆ เพื่อให้ผมรู้ว่า มันเข้าใจที่ผมพูดดี ..




ผมพาน้ำมนต์กลับมาห้องของผมก่อนที่จะไปส่งมันกลับบ้าน


“ไหนบอกจะพาไปดูหนัง” อีกคนทักขึ้นอย่างไม่ได้จริงจังอะไร

“ก็นี่ไง มาดูที่ห้องกู กูไม่ได้บอกนี่ว่าจะพาไปดูที่ไหน” ผมตอบแล้วยิ้มๆ

“ขี้โกงตลอดเลยนะ”

“ไม่ได้ขี้โกงนะ แค่มีทักษะในการพูดสูง”

“กะล่อน”

“ชมเหรอจ๊ะ ที่รัก” 



เงียบ  เงียบเลยครับ เจอคำหวานไปคำเดียว  เหลือบตาไปมองนิดหน่อยก็เห็นแก้มมีเลือดฝอยแดงๆขึ้นเต็มหน้าละ เขินง่ายจริงวุ๊ย  น่ารักจริงๆเลย

“ทำอะไรน่ะ” มันถามผมขณะที่ผมกำลังเขย่งเท้า มือก็ควานหาของบนตู้เสื้อผ้าของตัวเอง

“หาของนิดหน่อย” ผมหันไปตอบ พอดีกับที่มือไปปะกับกล่องที่ผมต้องการหาพอดี เลยออกแรงหยิบลงมา



มันเป็นกล่องลังสีน้ำตาลขนาดเล็ก ผมเอามือปัดฝุ่นออกเล็กน้อย คนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ถึงกับเอามือปิดจมูกเพราะกลัวฝุ่นเข้าไปแพร่เชื้อ ผมหันไปยิ้มให้กับท่าทางนั้นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกล่องนั้นออก


“เฝือก ?” คนข้างๆพูดสิ่งที่เห็นในกล่อง

“ใช่ เฝือก เฝือกที่กูต้องเข้า เพราะตามจีบใครบางคน” ผมพูดแล้วหันไปยิ้มกับมัน มือก็หยิบเฝือกสองซีกนั้นขึ้นมา ก่อนจะวางกล่องไว้บนพื้น และลากมันมานั่งด้วยกันบนเตียงกลางห้อง

“แล้วจะเอามาดูทำไม ระลึกความหลังเหรอ” มันถามผมทีเล่นทีจริง

“เปล่า กูแค่อยากรู้” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาไป

“อยากรู้อะไร” มันก็ถามมา สีหน้างงๆ

“อยากรู้ว่าวันนั้นที่มึงเขียน มึงเขียนว่าอะไร” ผมถามออกไป มือก็ประกอบเฝือกสองซีกให้เป็นซีกเดียว  พยายามให้ตัวอักษรที่ถูกแยกออกจากกันด้วยสว่านอันแหลมคมของหมอ เข้ามาต่อติดด้วยกันอีกครั้ง เพื่อให้คำต่างๆ ประโยคต่างๆสมบูรณ์ขึ้น



“อยากรู้ก็หาเอาเองสิ”  มันบอกผม

“ไม่เอา กูหาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เจอ เจอก็ไม่แน่ใจ” ผมบอกมัน แขนสองข้างก็กระแทกใส่ตัวมันเชิงชี้เร็วๆ

“คำนี้ .. มั้ง” มันชี้ไปที่คำว่า “ช่างไม่รู้เลย” คำที่ผมเคยคิดว่าเป็นมันเขียน



แต่เวลาเปลี่ยน ความคิดของผมก็เปลี่ยน และผมเชื่อว่าไม่ใช่มัน ที่เขียนคำนี้


“ไม่เอามั้ง เอาจริงๆ” ผมจริงจังมากขึ้น

“แล้วทำไมไม่เชื่อว่าเราเขียนคำนี้ละ” มันถามขึ้นอย่างลองเชิง

“ก็เพราะกูรู้ไง ว่าคนเขียนจริงๆคือใคร”

“อืม เก่งดีนี่ แล้วทำไมแค่คำของเราเขียนถึงไม่รู้ละ”

“ไม่รู้สิ กูหาไม่เจอ”

“แล้วจริงจังขนาดนั้นเชียว” มันถามผม

“ก็นิดหน่อย กูเคยเห็นในหนัง ในการ์ตูน เขาชอบเขียนสารภาพความรู้สึกกัน ว่าคนที่เขียนรู้สึกอย่างไรกับคนที่เข้าเฝือก กูเลยอยากรู้ว่าตอนนั้น มึงรู้สึกยังไงกับกู”

“แค่นั้น ?” เสียงของมันสูง อย่างกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

“ก็เออดิ” ผมยืนยันมัน และออกแนวเร่งเร้าให้มันรีบบอก

“นั้นก็แปลว่าคำๆนี้ คนเขียนก็ต้องการบอกอะไรนายสินะ” มันชี้ไปที่คำเดิม

“เออ ตอนนี้กูรู้แล้ว กูไม่ต้องสืบว่าใครเขียน และไม่ต้องสืบความรู้สึกคนนั้นแล้ว แต่กูอยากรู้ความรู้สึกมึง” ผมบอกมัน

“ถ้ารู้แล้ว อย่าเสียใจละ”

“ทำไม มึงเขียนว่าอะไร” ผมเริ่มรู้สึกใจไม่ดี กับสิ่งที่มันพูด หรือผมจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากรู้ เก็บใส่กล่องแล้วพาไปทิ้งตอนนี้เลยดี


ไม่ทันแล้ว มันยกเฝือกออกจากมือผมไป พลิกๆหาที่มันเขียนอยู่สองสามครั้ง แล้วก็หยุดเฝือกไว้กับที่ มันคงเจอประโยคที่มันเขียนแล้วสินะ ผมปิดตาไม่อยากมองประโยคมากมายบนเฝือกนั้น  ใจเต้นสั่นอย่างกับมันจะขอผมเป็นแฟน


“นี่ เราเขียนตรงนี้” มันส่งเสียงบอกผมว่ามันเจอแล้ว และมันคงจะชี้นิ้วรอให้ผมรออานแล้วด้วย


ผมรีบเปิดตาขึ้นเล็กน้อย สายตามองไปที่นิ้วเรียวขาวของมันที่ชี้อยู่บนเฝือกสีขาว และตัวอักษรเล็กๆสีดำ  อ่านข้อความที่ผมเฝ้าคิดว่าต้องเป็นคำสารภาพรักหวานๆ  เป็นปมหนึ่งให้ผมกลับมาเห็น และบอกกับตัวเองได้ว่า มันก็ชอบผมมานานแล้วเหมือนกัน 



มันคงจริงอย่างที่ผมเฝ้าคิด ถ้าประโยคข้างหน้ามันไม่ใช่ประโยคนี้













“ปีปีโป้ ป่ะป่ะปีปีโป้  :p”




.......................................................................
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-12-2011 14:00:43
ถ้าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข  เพศมันก็เป็นแค่ตัวอักษร ความรักมันเรื่องของหัวใจ มันไม่ใช่เรื่องของตัวเลขและเรื่องของตัวอักษร>>>>ชอบประโยคนี้อ่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ  ตอนจบฮาอ่ะ  น้ำมนต์นี่แอบรั่วเหมือนกันนะ กร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 05-12-2011 14:04:49
หักมุมซะ :m20:
+1ให้จ๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-12-2011 14:26:49
ก่อนอื่นขอ :กอด1:พร้อมกับ :จุ๊บๆ:คนเขียนที น่ารักจัง มาไวเคลม..เอ๊ย..อัพไวแบบนี้รักตายเลย
ขอ โห่...ฮิ้ววววว...สามรา ด้วยความดีใจ เขารับรักและยอมเป็นแฟนแล้ว
ก็เป็นบรรยากาศหวานๆ(เหรอ)ตามแบบฉบับของปีโป้อะนะ
ส่วนน้ำมนต์ก็น่ารักเขินอายแบบนิ่งๆเฉยๆของเขาล่ะ
อิ อิ ก็น่ารักไปอีกแบบเน้อคู่นี้น่ะ
ต่อไปก็เป็นช่วงเรียนรู้กันและกันล่ะน้ำมนต์
....ปีโป้..อย่าโกรธโอ๊ตเลย  ด้วยความรู้สึกมันล้นอกจนระเบิดออกมาน่ะ อารมณ์มันเลยพาให้โอ๊ตบ้าไป
ด้วยวัยของพวกเธอก็แค่นี้เอง การเผลอสติมันเกิดขึ้นได้นะ เปลี่ยนจากโกรธเป็นเห็นใจหรือสงสารโอ๊ตมันดีกว่าไหม
ป่านนี้โอ๊ตมันคงรู้ตัวแล้วล่ะ และมันคงรู้สึกผิดจะแย่แล้วมั้ง นึกถึงมิตรภาพที่ดีที่มีต่อกันมาตั้งยาวนานดิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 05-12-2011 14:36:51
โอ๊ย ฮา ประโยคของน้ำมนต์น่ารักมาก

โป้สมหวังแล้วนะแก ทำตัวดี ๆ ล่ะ จะได้รักกับน้ำมนต์ไปนาน ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 05-12-2011 16:52:47
“ปีปีโป้ ป่ะป่ะปีปีโป้  :p”    :m20: :laugh:
นายปีโป้คงไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว 



 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 05-12-2011 18:18:08
ถ้าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข  เพศมันก็เป็นแค่ตัวอักษร

เอ๋อ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมานึกไม่ออก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 05-12-2011 18:32:39
ป๊าดดด ติโธ๊ะ   ไม่ใช่ยน้ำมนต์ คิดไม่ได้นะเออ   เป็นไง จี๊ดเลย มั้ย ปีโป้จ๋า   :m20:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 05-12-2011 18:48:17
น้ำม้นนนนนน จะน่ารักไปไหนลูก
เจอตอนบอกอยากดูหนังนี่ก็ดาเมจแล้วนะ
เจอคำสุดท้ายที่นอนตายเลย  :m3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 05-12-2011 19:02:10
น้ำมนต์นี่แอบเกรียนป่าว  :m28:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 05-12-2011 21:43:02
 :เฮ้อ: ถอนหายใจแรงๆ ให้โอ๊ต เพราะรักมานาน เพราะตัดใจไม่ได้ และเพราะขาดสติ ก็เลยต้องกลายเป็นแบบนี้
คงต้องทำใจยอมรับความจริง และกล้าที่จะขอโทษ เพื่อให้ความรู้สึกดีๆ ของเพื่อนกลับคืนมา

จุดประทัดให้คู่นายโป้กับน้ำมนต์ ในที่สุดก็แฮบปี้กันซักที ลุ้นมานานมากกกกกกก  ดีใจด้วยยยยย   :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 05-12-2011 22:42:55
ไม่ได้เม้นนาน แต่แอบอ่านตลอด หุหุ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-12-2011 23:24:12
 :jul3: ฮาน้ำมานต์ ส่วนเรื่องโอ๊ตไว้เมนท์ดราม่าต่อตอนหน้า ตอนนี้อยากหวาน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-12-2011 23:34:15
จะหวานกันไปไหน อ่านแล้วก็เขิน แต่แก้มไม่แดงเหมือนน้ำมนต์นี่สิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: goonglovenut ที่ 06-12-2011 11:40:22
 :laugh:สะใจอ่ะ น้ำมนต์โคตรน่ารักเลย คิดได้ไง คำที่เขียนใส่เฝือกน่ะ
คำคมดีเนอะ ถ้าอายุเป็นเพียงตัวเลข เพศเป็นแค่ตัวอักษร อืม ถูกต้อง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-12-2011 15:25:36
น้ำมนต์น่ารักอ่ะ
ปีปีโป้ ป่ะป่ะปีโป้  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 31 จะรักหรือไม่รัก จะรักหรือว่าไม่รัก 5/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-12-2011 20:34:16
อ่านทันแล้วจ๊ะ..... เหนื่อย

น่ารักมากๆเลย พี่โป้กับน้องน้ำมนต์

โอ๊ต....น่ากลัวนะ  o18
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 06-12-2011 23:00:12


ตอนที่ 32  เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน



ภาพของเต้นท์ที่วางเรียงรายในสนามบาสของวิทยาลัย ซุ้มกิจกรรมต่างๆตามแต่ละสาขาตั้งอยู่เรียงราย ผลงานศิลปะของนักศึกษาแต่ละคนถูกจัดวางอย่างเข้าที่เข้ารอย นักศึกษาเจ้าของผลงานประจำตามจุดแสดงผลงานของตัวเอง คอยผู้คนที่สนใจ และคณะกรรมการ ตลอดจนครูอาจารย์เจ้าของวิชาเข้ามาดูและให้คะแนน


ใช่แล้วครับ วันนี้เป็นวันงานวิชาการของวิทยาลัยผม วันที่ผมและเพื่อนๆในสาขาต้องขนผลงานทั้งเทอม ตลอดจนโปรเจคที่ทำต่างๆมานำเสนอต่ออาจารย์และผู้สนใจที่จะเข้ามาชม มาถ่ายรูป และมาซักถามผลงานของแต่ละคนกัน ปีหนึ่งอย่างพวกผมนำเสนอผลงานจิตรกรรม ปีสองจะเป็นประติมากรรม ส่วนปีสาม จะออกแนวสถาปัตยกรรมขนาดเล็ก ผลงานต่างๆถูกจัดไว้ในแต่ละส่วนของวิทยาลัย งานมีสองวันครับ คือวันนี้และวันพรุ่งนี้ วันนี้ก็จะมีพิธีเปิดเล็กน้อย และก็ผู้บริหารก็จะเดินมาชมผลงาน ช่วงบ่ายๆก็จะมีนักเรียนโรงเรียนละแวกใกล้เคียง


“ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์จากเบอร์ที่โทรเข้าหาผมบ่อยสุดในช่วงนี้

“ทำอะไรอยู่ ได้นอนหรือยัง” อีกคนถามผม เพราะรู้ว่าผมเตรียมจัดซุ้มเกือบทั้งคืนที่ผ่านมา

“ไปแอบงีบมาพักนึงแล้ว” ผมบอกนายปีโป้ ที่จริงนายปีโป้ก็มาเฝ้าผมทั้งคืน ก่อนที่ผมจะไล่ให้ไปนอน เพราะวันนี้จะมีสอบในช่วงเช้า

“เดี๋ยวกูสอบเสร็จแล้วจะไปหานะ”

“อืม”

“คิดถึงนะ”

“เว่อร์ไปละ เพิ่งจะห่างกันไม่กี่ชั่วโมง” อยู่ๆก็เริ่มรู้สึกว่าร้อนหน้าครับ ทั้งที่เช้าๆแบบนี้แดดก็ไม่ได้มากมายอะไร

“ก็กูไม่อยากจะห่างมึงสักนาทีนี่หน่า บอกกูหน่อยสิว่าคิดถึงกูมั๊ย”

“ไม่เอา ไม่บอก”  ผมพูดพร้อมกับรีบเดินออกมานอกเต้นท์แสดงงาน สงสัยอยู่ที่อับไป เลยรู้สึกร้อน

“มึงไม่บอก กูทำข้อสอบไม่ได้แน่ๆ” ดูครับ ข้ออ้างเค้า

“บอกเร็วๆ กูจะเข้าห้องสอบแล้ว” ยังเร่งอีก

“อืม ตั้งใจทำข้อสอบนะ” ผมบอก

“แค่นี้ ?”

“ถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็ตั้งใจทำข้อสอบ แล้วจะบอกเมื่อสอบเสร็จ” ผมตั้งเงื่อนไขไป

“จริงนะมึง ถ้าโกงกู กูจับปล้ำกลางงานแน่ แค่นี้นะครับบบบ” ไม่รู้ว่าจะเป็นคำขู่ หรือจะหวานใส่กันแน่ ผมชักจะปรับอารมณ์กับคนนี้ไม่ถูกแล้วสิ




“น้ำมนต์ อยู่นี่เอง ชั้นตามหาตั้งนาน” เสียงช้างน้อยเรียกผมครับ

“มีไรเหรอ ช้างน้อย” ผมหันไปถาม

“จะเข้าพิธีเปิดแล้ว เข้าห้องประชุมกันเถอะ” ช้างน้อยบอก

“อืม ไปสิ” ผมเดินตามช้างน้อยไป



ช่วงพิธีเปิดนักศึกษาทุกคนจะต้องเข้าไปทำพิธีที่ห้องประชุมของวิทยาลัยครับ ลำดับการก็เป็นไปตามลำดับการทั่วไป มีการกล่าวจากประธานเล็กน้อย พอเสร็จลำดับพิธีสำคัญ พวกเราก็ทยอยกันมาคอยตามจุดต่างๆของตัวเอง เพื่อรอการเดินชมของคณะผู้อำนวยการ และแขกอาวุโสต่างๆ


ผมกับเพื่อนๆอยู่ใกล้กันครับ ซึ่งระดับชั้นของพวกผมจะเป็นระดับชั้นแรกที่ถูกเข้าชม อาจารย์ที่สอนพวกผมก็จะถือกระดาษรอให้คะแนน คะแนนพวกนี้จะใช้เป็นคะแนนสอบปลายภาคไปเลยครับ จึงดูมีความสำคัญกับพวกเราทุกคน


กว่าจะผ่านช่วงชั้นของเราไป ก็ปาไปจะสิบโมงแล้วครับ ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่าใครได้อะไรเท่าไหร่ แต่ทุกคนรู้สึกเหมือนกันคือโล่งครับ 


“เฮ้ออออ เสร็จสักที หวางไป ได้แรงอก” เสียงช้างน้อยดังมา เมื่อคณะอาจารย์เดินผ่านไป

“เดี๋ยวนี้หัดพูดสำเนียงใต้นะช้างน้อย” หญิงแอบแซว

“อุ๊ยตาย ชั้นพูดอะไรออกไป” ช้างน้อยทำท่าเขินอายเล็กน้อยที่โดนหญิงจับได้

“เค้าพยายามฝึกให้เนียนนะหญิง” ผมขอเหน็บบ้าง

“แหมนังน้ำมนต์ เดี๋ยวนี้ปากดีนะยะ ใช่ซี้ มีแฟนเป็นนักเลงนี่ ใครจะไปกล้าต่อปากต่อคำ” เธอจีบปากจีบคอด่าผม แถมสายตายังจ้องจิกให้ผมแทบพรุนไปทั้งตัว  เรียกรอยยิ้มให้คนที่อยู่รอบได้เกือบทุกคน


“น้ำมนต์ยิ้มแย้มแบบนี้แล้วน่ารักดีเนอะ” เพื่อนผู้ชายในสาขาคนนึงพูดขึ้น

“เออ ใช่วะ ปกติไม่ค่อยเห็นยิ้มแย้ม ร่าเริงแบบนี้เลย” อีกคนพูดเสริม

“ก็จะไม่ให้ยิ้มแย้มได้ไงละคะ คนเค้ากำลังอินเลิฟ” ช้างน้อยไม่รอช้ารีบแถลงไข

“พูดไปนั่นช้างน้อย” ผมรีบขัดช้างน้อย

“เอ๊ย ดูตอนนี้สิ ตอนเขินยิ่งน่ารักวะ นี่ขนาดเราเป็นผู้ชายยังหลงเลยนะเนี่ย พวกผู้หญิงละ” เพื่อนคนแรกพูดขึ้นอีก ก่อนจะเรียกให้เพื่อนผู้หญิงคนอื่นมาดูด้วย ตอนนี้ผมเลยเหมือนกำลังถูกรุมมองจากทุกคน แต่ก็เป็นพวกเพื่อนๆในสาขาของผมนั่นแหละครับ คงเป็นครั้งแรกๆมั้งครับ ที่ผมได้ยิ้มแย้มให้กับคนเหล่านี้ 

   บางทีผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผ่านมาผมเป็นคนยังไง เย็นชา เฉยๆ หรือว่าหยิ่ง จนบรรดาเพื่อนๆผมไม่ค่อยกล้าที่เข้ามาคุยด้วย แต่วันนี้หลายๆอย่างมันคงจะเปลี่ยนไปแล้ว

“จริงด้วยเธอ น้ำมนต์ตอนเขินนี่น่ารักดีนะ ชั้นเห็นแล้วใจจะละลาย” กลุ่มเพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งพูดขึ้น ผมหันไปมองแล้วยิ้มให้

“อ๊ายยยยยยยยยยย ยิ้มแบบนี้ เอาหัวใจชั้นไปดีกว่าน้ำมนต์”  ผู้หญิงคนเดิมพูดขึ้นอย่างขำขัน เรียกเสียงหัวเราะดังมาเรื่อยๆ

“ว้าย ตายแล้วพ่อเทพบุตรดุดณเดช คูกิมิยะ เจ้าของหัวใจนายน้ำมนต์เดินมานั่นแล้ว”  เสียงของช้างน้อยพร้อมกับสายตาที่มองไปข้างหน้า พลันทำให้สายตาทุกคู่ที่มองยังผม มองตามสายตานั้นไป


ภาพของผู้ชายที่ถือดอกกุหลาบหลายสีในช่อใหญ่ที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลและมัดด้วยเชือกป่าน เดินมาพร้อมกับท่าทีเคอะเขิน ขาก้าวแล้วหยุดเหมือนไม่ค่อยกล้า ช่อดอกไม้ที่ถือเหมือนกับคนไม่เคยจับ รอยยิ้มที่มองมาทางผม ก่อนจะหันมองกลุ่มเพื่อนๆผมที่ยืนล้อมอยู่ แล้วท่าทางที่เหมือนจะเดินกลับนั้นอีก อะไรของเขาละนั้น


“พี่ปีโป้ขา เดินมาเถอะค่ะ  หนูลุ้นจนเยี่ยวเหนียวหมดแล้ว” เสียงช้างน้อยตะโกนไปให้คนที่ทำท่าลังเลได้ยิน ก่อนที่อีกคนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วเดินมาอีกครั้ง


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ภาพตรงหน้า ผู้ชายที่เคยไว้หนวดเครารุงรัง วันนี้หน้าใสเกลี้ยงอย่างกับเด็กน้อยประถม ผมเผ้าที่ไม่เคยเข้าที่วันนี้ผ่านการเซ็ตและจัดทรงมา เสื้อผ้าที่ไม่เคยถูกระเบียบ วันนี้แต่งครบชุดทุกระเบียดนิ้ว ผ้าเรียบกรีบแทบบาดหากคนเดินชน เดินผ่านกลุ่มเพื่อนผมเข้ามาอย่างสง่างาม ปานแบรดพริทเดินเข้างานรางวัลออสการ์


เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม สายตาที่เขินอายอย่างกับเด็กอนุบาลที่เต้นงานโรงเรียนครั้งแรก ส่วนผมตอนนี้หน้าร้อนแทบระเบิด ถ้าเป็นกาต้มน้ำคงมีไอควันเล็กๆออกมาตามรูขุมขน มือของอีกคนยกขึ้นเกาหัวขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผมหลบตาออกไปมองเพื่อนๆที่ยืนยิ้ม ยืนลุ้น ยืนมองอย่างอึ้งกับสิ่งทีเห็น ก่อนจะได้ยินประโยคขัดกับการพรรณนาข้างบน


“อ่ะ กูให้” ประโยคสั้นๆสามพยางค์ พร้อมกับดอกกุหลาบช่อใหญ่หลายสียื่นมาให้ผม

“รีบรับสิ กูเขินนะ”  นายปีโป้เร่งเร้าผม พร้อมมือที่ยื่นดอกไม้ให้พยายามเขย่าให้ผมรับ ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นเกาหัวจนผมที่เซ็ตมาจะไม่เป็นทรงแล้ว

“ขอบใจนะ” ผมเอื้อมมือไปรับ ก่อนที่จะเอามาดมๆดู ทำไมมันช่างเยอะแยะหลายสีแบบนี้ละเนี่ย ผมมองมันอย่างสงสัย

“ก็กูไม่รู้ว่ามึงชอบสีอะไร เลยบอกให้เค้าเอามาให้ทุกสีเลย” คนที่ยืนตรงหน้าบอกผม

“แล้วเอามาให้ทำไม” ผมถาม

“ก็แสดงความยินดีไง ช้างน้อยบอกมา” นายปีโป้พูดพร้อมกับหันไปมองหน้าช้างน้อย

“อ้าว ตลาดวายแล้วค่ะ ประจำซุ้มของใครของมันเลยค่ะ หมดฉากหวานๆแล้ว ทำหน้าที่ของตัวเองไปค่ะ เรื่องชาวบ้านจบแล้ว” เสียงของช้างน้อยดังขึ้นมาบอกเพื่อนๆ เมื่อสายตาผมหันไปจ้องมอง


“ตลอดเลยสินะ รายนี้” ผมพูดออกมาเบาๆ อย่างกับไม่ได้ถือสาอะไร มองดูช้างน้อย หญิง ยืนจับกลุ่มพูดคุยกับเพื่อนๆผมในสาขาอยู่ในมุมหนึ่งไม่ไกลจากผมนัก


“ชอบมั๊ย ?” นายปีโป้ถาม

“อืม ชอบ” ผมตอบพร้อมกับก้มมองดอกกุหลาบหลายสีนั้นอีกครั้ง

“หมายถึงกูนะ ไม่ใช่ดอกกุหลาบ” อีกคนบอกมาพร้อมกับรอยยิ้มทะเล้น ผมเงยหน้ามองพร้อมส่ายหัวให้เล็กน้อยกับความเจ้าเล่ห์ของคนที่พูด




“โกนหนวดด้วยเหรอ” ผมถามขึ้น

“อืม คนบางคนบอกว่าไว้หนวดแล้วหน้าเหมือนโจร” คนบางคนนั้นคงหมายถึงผม

“แบบนี้ก็ไม่ต่างกันมากหรอก” ผมบอก

“มึงนี่นะ กูอุตส่าห์เอาใจแล้วนะ ไม่ชมกูหน่อยละ ว่าหล่อกว่าเดิมมั๊ย” นายปีโป้พูดพร้อมกับยื่นหน้ามาหาผม ให้ผมสังเกตหน้าของเขาให้ชัดๆ


หน้าของคนตรงหน้า ไม่ต่างอะไรกับหน้าเด็กนัก ผิวที่ใส เกือบไร้ริ้วรอย มีร่องรอยสิวเล็กน้อย ปากที่ผมชมพู คิ้วที่เข้มเสริมให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น แววตาที่ใสและข้างในมีใบหน้าของผมอยู่ รอยยิ้มที่ยิ้มไม่เต็มที่เหมือนกั๊ก หรือไม่ก็เขิน

“ว่าไงละ กูหล่อกว่าเดิมมั๊ย”

“อืม” ผมตอบไปสั้นๆ อีกคนถอยหน้าห่างออกไป แต่ยังไม่วายยิ้มกว้างเต็มหน้า เริ่มผุดสีผิวแดงๆขึ้นเล็กน้อย



พวกเราสองคนนั่งเงียบกันอยู่แบบนั้นอยู่พักใหญ่  ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าเงียบทำไม ก็นั่งอมยิ้มกันจนกล้ามเนื้อที่หน้าเกร็งไปหมด



“ทำข้อสอบได้มั๊ย” ผมถามทั้งที่ยังก้มหน้ามองเท้าตัวเองอยู่

“ก็ทำได้บ้าง” อีกคนตอบมาในท่าทางเดียวกับผม

“เอ๊ยยย มึงบอกว่าถ้าทำข้อสอบได้ มึงจะบอกอะไรกู” ก่อนจะเงยหน้า พูดเสียงดัง เพราะนึกอะไรบางอย่างได้

“บอกอะไร ?”

“มึงอย่ามาเนียน พูดมาเลย กูจำได้ อย่ามาทำเนียน พูดมาๆ” นายปีโป้ถามกลับมาด้วยท่าทีร้อนรน

“ไม่มีไร เราลืมไปแล้ว”

“ตลอดเลยมึง จำไว้เลยนะ”  คนตัวโตทำท่างอนนี่ ดูไม่ได้เลยนะครับผมว่า

“อ่าๆ บอกก็ได้” ผมบอก อีกคนหูผึ่ง หันหน้ามายิ้มๆเตรียมฟัง



“วันนี้ .. “

“น้ำมนต์ !!!!!!!!!!!!!!!!”  ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เสียงช้างน้อยที่แหลมปรี๊ดดด พุ่งมาจนผมตกใจ อีกคนสะบัดหัวอย่างหงุดหงิด

“มีอะไรช้างน้อย” ผมตะโกนไปถาม

“มีคนมาหา น่ารักด้วย” ช้างน้อยบอกเรื่องรอง ก่อนจะบอกเรื่องหลัก

“ไปที่ซุ้มกันเถอะ” ผมบอกนายปีโป้

“ใครกันนะ มาขัดจังหวะสารภาพรักกู  หึหึ”  เสียงคนข้างหลังเดินบ่นมาเป็นระยะ




“สวัสดีครับพี่น้ำมนต์”  เสียงของเด็กสองคนดังมาตรงหน้า

“อ้าว เป้นัท ไม่ต้องสวัสดีหรอก เรารุ่นเดียวกัน” ผมบอก พร้อมกับทักเด็กสองคน ที่เพิ่งเคยเจอกันเมื่อไม่นานมานี้

“ดีพี่โป้” เป้ตะโกนทักนายปีโป้

“มาทำไมกันตอนนี้ หือ ?” คนข้างหลังถาม

“ก็โรงเรียนพามาตอนนี้ จะให้ผมมาตอนไหนได้ละ” เป้ตอบ

“มันขัดจังหวะกู” นายปีโป้กระซิบบอก

“อืม ก็ดี ผมชอบ”

“ไอ้เป้ มึงกวนตีนกูแบบนี้ ไปไหว้ครูรอกูเลยไป กูจะจัดมวยให้”

“พอกันทั้งสองคนเลย  ว่าแต่เป้ นัท มีอะไรถึงเรียกหาเรา” ผมห้ามไอ้สองตัวแสบ ก่อนจะหันมาคุยกับนัท ที่ยืนยิ้มอยู่

“เปล่าครับ พอดีว่าครูให้มาดูงาน แล้วนัทเห็นซุ้มนี้น่าจะเป็นซุ้มพี่น้ำมนต์ เลยให้พี่คนนั้นเรียกให้อ่ะครับ” นัทตอบมา

“บอกแล้วไง ไม่ต้องเรียกเราว่าพี่หรอก” ผมบอกนัทอีกที

“ไม่ได้หรอกครับ แฟนพี่ปีโป้ ก็เหมือนเป็นพี่พวกเรา ใช่มั้ยเฮียโป้” น้องนัทตะโกนถาม

“ดีมากน้องนัท น่ารักแบบนี้ น่าจะมีแฟนใหม่นะพี่ว่า”

“เอ๊ย พี่โป้ พูดงี้ได้ไง”

“ทำไมจะพูดไม่ได้”

“ถ้าไอ้นัทมีแฟนใหม่ ผมจะจีบพี่น้ำมนต์”

“มึงก็ลองดูสิ  ถ้าไม่อยากถูกกูบดกระดูก”

“นี่นาย ไปนั่งรอเงียบๆข้างหลังก่อนเลยไป เราจะแนะนำผลงานน้อง” ผมคิดว่าถ้านายปีโป้อยู่ด้วย คงไมได้แนะนำผลงานแน่ๆ เลยบอกนายปีโป้ไป

“นี่มึงไล่กูเหรอ ?” อีกคนถามมาหน้าตาเลิกลัก

“เปล่า แค่บอกว่าให้ไปนั่งรอ”

“เออ ก็ได้ กูเห็นแก่น้ำมนต์นะไอ้เป้” นายปีโป้ยังไม่วายพูดขู่อีก ผมยิ้มให้กับความดิบเถื่อนนั้น ที่นับวันก็เริ่มชินกับมันแล้ว



เมื่อนายปีโป้หลบมุมไป ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามรูปแบบของมัน กลุ่มเด็กนักเรียนของเป้นัท กรูเข้ามาถามที่มาที่ไปของผลงานของผมและเพื่อนๆ บ้างถามเทคนิค บ้างถามแรงบัลดาลใจ บ้างก็ถามเกี่ยวกับระยะเวลา มีเด็กๆไม่น้อยที่ขอผมถ่ายรูปด้วย  ผมก็ยิ้มยินดี แม้อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยสู้กล้องเท่าไหร่นัก พอเด็กๆเห็นว่าถ่ายรูปกับผมได้ หลังๆผมเลยยืนให้เด็กๆเข้ามาถ่ายรูป มากกว่าจะได้พูดเกี่ยวกับผลงานศิลปะของตัวเอง  และเมื่อเยอะขึ้น ผมก็เริ่มมองหาตัวช่วย  หันไปเจอสายตาของนายปีโป้ที่เหมือนกับกำลังจ้องมองมาที่ผมพักใหญ่แล้ว สีหน้าไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนดียวกับตอนที่มา ดูหงุดหงิด เหมือนกับไปกินรังผึ้ง รังแตนที่ไหนมา ผมฉีกยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนพยักหน้าให้มาช่วยหน่อย


“หลีก หลีกให้หมด” เสียงของนายปีโป้ดังมาเบาๆ ก่อนแหวกกลุ่มน้องๆมัธยมที่เข้ามาจะขอถ่ายรูปกับผม

“อุ๊ยเธอ พี่คนนี้ก็น่ารักอ่ะ พี่คะ หนูขอถ่ายรูปหน่อยได้มั๊ย” น้องมัธยมคนนึงพูดขึ้นเมื่อเห็นนายปีโป้

“ว้าย น่ารักจริงด้วย” น้องคนอื่นๆเลยกรูกันตามไปทางนายปีโป้แทนผม ผมเลยรอดพ้นจากกลุ่มน้องๆนั้น ปล่อยให้นายปีโป้เป็นเหยื่อรายต่อไป


“นี่ แกจะให้พี่ปีโป้เผชิญกับชะนีเด็กตามลำพังเรอะ” ช้างน้อยถามผม

“อืม ปล่อยเขาไปเถอะ เราเหนื่อยละ”

“เด็กพวกนี้นี่นะ แทนที่จะสนใจผลงาน กลับมาสนใจผู้ชาย ชั้นละรับไม่ได้ ว่าแล้ว ชั้นก็ขอเก็บรูปคู่พี่ปีโป้สักรูปดีกว่า วันนี้มาซะหล่อเชียว แอร๊ยยย” ช้างน้อยบ่นๆไปคนเดียว ก่อนจะหยิบไอโพนขึ้นมาเดินแกวกฝูงชนเข้าไปหานายปีโป้






“สวยทุกรูปเลยนะครับ รูปของน้องน้ำมนต์นี่” เสียงผู้ชายคุ้นหูดังอยู่ข้างหลังผม

“อ้าว พี่เดช  ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ พี่ชมเกินไปแล้ว” ผมหันไปดู

“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะครับ” พี่เดชพูด

“อ่าครับ พอดีช่วงนี้ ..”

“มีแฟนแล้ว” ผมยังไม่ทันได้หาเหตุผลมาพูด พี่เดชก็พูดขัดขึ้น

“เออ ใช่ น้ำมนต์มีแฟนแล้ว” และยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร มือใหญ่ของชายร่างสูงก็เดินมาโอบบ่าผมไว้

“มึงนี่หวงจริง อะไรจริงนะ กูไม่ทำอะไรผิดเป็นครั้งที่สองหรอก ถึงกูจะชอบก็ตามเถอะ” พี่เดชพูดกับนายปีโป้

“ใครมันจะไปรู้  กูพลาดเพราะความไว้ใจมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้กูรักจริง กูไม่มีวันพลาดให้ใครแน่”

“กูคงไม่มีวันได้ความไว้วางใจจากมึงแล้วสินะ”

“ความไว้วางใจมันก็เหมือนแก้ว ถ้าพลาดทำตกไปครั้งหนึ่ง รอยร้าวก็เกิด ให้กลับมาเป็นแก้วที่สวยงามแบบเดิมคงยากวะเพื่อน” นายปีโป้บอกเพื่อนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่มันดูเป็นรอยยิ้มที่อาบด้วยยาพิษ

“ยังไงซะ สักวันกูจะทำให้มึงเห็น ว่าแก้วใบที่ร้าว มันก็ยังใส่น้ำดื่มได้ มันคงดีกว่าแก้วที่วางอยู่ข้างมึง บางใบแค่ไว้ประดับ บางใบก็ไว้ทำร้ายตัวมึงเอง” พี่เดชพูดอะไรให้ผมรู้สึกงงเล็กน้อย

“พี่กลับก่อนนะน้องน้ำมนต์” ก่อนที่จะหันมาบอกลาผม ผมยิ้มให้แกเล็กน้อย ผมหันมองสีหน้าของนายปีโป้ ที่อยากจะเข้าใจความรู้สึก แก้วใบไหนกันที่พี่เดชพูดถึง แก้วใบไหนกันที่วางไว้แค่ประดับ ใบไหนกันที่มีแต่อันตรายกับตัว


“มีอะไรรึเปล่า” ผมพูดบอกอีกคนที่ยืนมองพี่เดชขับรถออกไป


“ไม่มีอะไรหรอก” คำพูดนี้ เชื่อแล้วว่ามันเป็นคำโกหกที่จับติด

“อืม ไม่มีไรก็ดีแล้ว ยิ้มๆสิ เด็กๆจะได้ขอถ่ายรูป” ผมไม่อยากจะซักไซ้อะไรมาก ถ้าอีกคนยังไม่พร้อมบอก ก็ไม่อยากจะไปเท้าความ

“ไม่เอาแล้ว กูอึดอัด เขินกล้องด้วย” นายปีโป้ตอบมาแบบยิ้มๆ

“พี่คะ ขอถ่ายรูปพี่สองคนคู่กันหน่อยได้มั๊ยคะ” ยังไม่ทันขาดคำ ก็มีน้องนักเรียนมาขอถ่ายรูปอีกแล้ว

“ได้สิครับ ถ่ายพี่คู่คนนี้ใช่มั๊ย” นายปีโป้ที่บอกว่าเขินกล้อง ตอนนี้หายเขินซะงั้น

“หนึ่ง สอง ซั่ม” เสียงของน้องผู้หญิงที่นับจังหวะ ก่อนกดชัตเตอร์เก็บภาพของพวกเราสองคน




นั่นคงเป็นรูปคู่รูปแรกของผมกับนายปีโป้ รูปที่นายปีโป้ยืนชิดแนบกายผม แขนใหญ่ๆนั้นโอบกอดผมไว้หลวมๆที่เอว  มืออีกข้างเอื้อมมาจับมือผมไว้ รอยยิ้มของเราเพิ่มขึ้นตามจังหวะนับ แม้ว่าเสียงชัตเตอร์จะดังผ่านไปแล้ว แต่มือที่โอบหลังและที่จับไว้ยังคงที่ ไม่ได้รับการปลดปล่อยแต่อย่างใด


“ปล่อยได้แล้ว” ผมบอก

“ไม่ปล่อย จนกว่าจะบอกว่าจะบอกอะไรกู”

“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์”

“ใครกันแน่ที่เจ้าเล่ห์  บอกมา ไม่งั้นกูจูบตรงนี้แน่”  นายปีโป้พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาหาผม

“แล้วเมื่อเช้าถามว่าอะไรละ” ผมก้มหน้าเล็กน้อย แล้วถามไป

“ถามว่าชอบกูมั๊ย” นายปีโป้บอก

“ไม่ได้ถามแบบนี้นี่”

“เป็นคำถามดอกเบี้ย เนื่องจากมึงบอกกูช้า”

“เจ้าเล่ห์มากไปละ”

“ชอบมั๊ย ?” อีกคนถามย้ำ

“ชอบสิ”  ผมตอบไป อีกคนยิ้มออกมาเห็นฟันเกือบครบ 32 ซี่ หน้าที่ไร้หนวดเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย







“ดอกไม้นะ ไม่ใช่คน”


 :L2: :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 07-12-2011 00:00:03
55555555+  โดนน้ำมนต์เอาคืนซะงั้น  :laugh:

เอ่อ..ไอ้คุณเดชพูดอะไรทิ้งไว้แบบนั้นคะ กลับมาเฉลยด่วนนนนนน  :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-12-2011 00:16:45
แอร๊ยยยยยหวานเวอร์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 07-12-2011 00:32:37
นายเดช รู้ อะไร ดีๆ เด็ดๆ มาเล่าแจ้ง แถลงข่าววงใน ให้คนอ่านบ้างซิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 07-12-2011 00:34:18
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 07-12-2011 03:32:04
หวานเว่ออออ :-[

แต่ไอ้พี่เดชมันรู้เรื่องอะไรหว่า
แล้วเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับไอ้พี่โอ๊ตด้วยมั้ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-12-2011 03:46:25
 :o8: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 07-12-2011 04:45:02
โอ๊ยน้ำมนต์น่ารักมากกก
มีลางว่าปีโป้จะซวยเพราะเพื่อนชอบกล
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-12-2011 12:03:32
หวานกันไปกับลุคใหม่ของนายปีโป้
ที่เดชพูดแก้วเป็นพิษน่ะหมายถึงโอ๊ตเหรอ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 07-12-2011 12:11:18
น่าร๊ากกกกกก   :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 07-12-2011 13:32:37
ปีโป้นิวลุกส์ น้ำมนต์ก็น่ารัก  เล่นเอาเขินกันไป

พี่เดชเหมือนจะรู้อะไรดีๆ เลย แต่เดาว่าต้องมีแก้วอยู่ 1 ใบที่หมายถึงโอ๊ตแน่ๆ  เฮ้อ จะออกอาการรักแรง แค้นแรงป่าวนิ


 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 07-12-2011 18:18:18
พอเป็นแฟนแล้วหวานซะ :-[  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-12-2011 19:02:20
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 07-12-2011 19:15:17
น่ารัก ก  กเกิ๊น นน
ปีโป้เปลี่ยนไปนะ
กร๊าก ก ก ก ก  ก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 07-12-2011 20:36:18
เริ่ดแล้วค่ะ อ่านไปทุบขาทุบแขนตัวเองไป  :-[
แต่มาสะดุดตรงอีพี่เดชเนี่ย จะสื่ออะไรไม่ทราบยะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 07-12-2011 21:19:20
คนสงสัยแต่อิพี่เดช คนเขียนมาชี้แจงแถลงไขด่วนนนนน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 32 เขินต่อเนื่อง เรื่องยังไม่ถึงไหน 6/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 08-12-2011 11:59:50
เอาน้าเดช? ไปเก็บด่วน
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร 8/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 08-12-2011 22:20:23

ตอนที่ 33



ไม่รู้ว่าทุกอย่างกำลังเริ่มต้น หรือหลายอย่างกำลังเปลี่ยนไปกันแน่ .. ผมชักให้คำตอบกับตัวเองไม่ถูก



ในวันนี้วันที่ผมมีน้ำมนต์คนที่ผมรู้สึกว่าผมรักอยู่ข้างๆ แต่เหมือนผมต้องห่างคนที่เคยอยู่ข้างๆผมตลอดเวลาไปเช่นกัน .. ใช่แล้วครับ ไอ้โอ๊ตนั่นเอง , ตั้งแต่วันนั้นมา ผมกับมันก็ไม่ได้เจอะเจอหน้ากันอีกเลย มันพยายามหลบผมตลอดเวลา ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงสอบ ผมก็ยิ่งไม่ได้พบได้เจอมัน  มันจะเข้ามาสอบสายนิดหน่อย แล้วก็ออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นอย่างนั้นทุกวิชา จนมาถึงวันนี้


แต่ถ้าถามว่าผมทำข้อสอบได้ไหม ก็ต้องบอกว่าไอ้โอ๊ตมันยังดีที่คิดถึงพวกผม มันจะทำสรุปมาให้แล้วให้ไอ้บ่าวถ่ายเอกสารมาให้ผมอ่าน ซึ่งก็ทำให้ผมเข้าใจง่ายขึ้น


มาถึงวันนี้ เป็นการสอบวิชาสุดท้าย ผมเลือกที่จะทำข้อสอบอย่างไว เพราะคิดว่ายังไงซะวันนี้ผมต้องคุยกับมันให้รู้เรื่อง ผมหนีเรื่องนี้มานานแล้ว และตอนนี้มันก็กลายเป็นคนหนีซะเอง ต่างคนต่างหนี ก็ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง



เมื่อไอ้โอ๊ตทำข้อสอบเสร็จและลุกขึ้นไปส่งกระดาษคำตอบ ผมก็รีบลุกขึ้นไปส่งตามๆมันไป และเดินออกนอกห้องตามมันมา


“รีบไปไหนนักหนาของมึงวะ”  ผมถามขึ้นจากด้านหลัง มันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหยุดเดิน

“โป้ .. มึงมีไร” มันถามมาทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับมา

“ใจคอจะไม่คุยกับกูแล้วเหรอวะ” ผมถามไปเสียงอ่อน มันคงตกใจที่ผมมาทักมัน

“กู .. กูไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับมึงนี่” มันตอบมาตะกุกตะกักเหมือนเดิม

“แต่กูมี” ผมบอกมันไป มันค่อยๆหันหน้ากลับมามองผม

“มึงมีไร  รีบพูด กูจะไปเก็บของกลับบ้าน”

“รีบกลับจังเลยนะ ไม่ไปกินเลี้ยงกันก่อนละ สอบเสร็จทั้งที” ผมบอก

“เอ่อ ..”

“คืนนี้สองทุ่มเจอกันร้านเดิมนะ ต้องไปให้ได้ละ กูอยากคุยกับมึง” ผมบอกมัน

“อือ กูขอไปคิดดูก่อน ถ้าไปคงเจอกัน” มันตอบก่อนหันหลังกลับ

“ยังไงกูก็อยากให้มึงไป” ผมบอกมันอีกครั้ง ก่อนที่มันจะเดินจากไป



สำหรับผมตอนนี้ลืมไปแล้วครับ ว่าใครผิดใครถูกในเรื่องนี้ ถ้ามัวแต่มองว่ามันผิด ผมถูก มันต้องมาขอโทษผม ผมว่าผมคงเสียเพื่อนอย่างมันไปแน่ มันไม่ใช่ว่าจะไม่สำนึกนะครับ แต่มันยังไม่กล้าพอ มันคงคิดว่าตัวเองผิดมหันต์ แต่สำหรับเพื่อนอย่างมันแล้ว ผมพร้อมจะให้โอกาสมันแก้ตัวอีกสักครั้ง ..



เหมือนกับที่น้ำมนต์เคยให้โอกาสผม ..





ค่ำคืนนั้นผมและผองเพื่อน รวมทั้งน้ำมนต์ ช้างน้อย และหญิงก็ไปร่วมดื่มฉลองกันที่ร้านเดิม เพราะพวกผมเพิ่งสอบเสร็จ และพวกน้ำมนต์ก็เพิ่งเสร็จโปรเจคปลายปี ถือเป็นการปลดปล่อยไปในตัว

“วันนี้กินน้อยๆนะ” ผมบอกคนที่นั่งข้างผม โดยมีมือผมโอบเอวไว้หลวมๆ เพื่อไม่ให้อีกคนอึดอัดเกินไป

“รู้แล้วหน่า” น้ำมนต์ตอบมาก่อนจะยกแก้วตรงหน้าจิบเหล้าในแก้วเล็กน้อย นี่ขนาดปากบอกว่ารู้แล้วนะ แต่ก็ยังยกกิน แต่ก็นะ เมาแล้วน่ารัก ก็อยากให้เมาทุกวัน



ผมมองบรรยากาศโดยรอบ เพื่อมองหาว่าไอ้โอ๊ตจะมาตอนไหน ใจหวังว่ามันต้องมา เพราะไอ้บ่าวบอกว่า มันยังไม่กลับบ้าน แต่มันจะมาตอนไหน ไม่มีใครรู้ได้

“มึงทะเลาะอะไรกับไอ้โอ๊ตวะโป้ เห็นไม่คุยกันเลย ไอ้นั่นก็เอาแต่หลบหน้า” พี่เอกถามผมขึ้นกลางวง เรียกความสนใจจากทุกคนที่นั่งรายล้อมอยู่

“ไม่มีอะไรมากหรอก” ผมตอบไปยิ้มๆ เพื่อไม่อยากให้ใครกังวลอะไร น้ำมนต์มองหน้าผมอย่างกับต้องการพูดอะไรกับผม ก่อนที่หันกลับไปคุยกับช้างน้อยต่อ เหมือนไม่สนใจอะไรที่ผมพูดไป



สักพักไอ้โอ๊ตก็เดินเข้ามาในร้านครับ มันมาจริงๆด้วย ผมรีบวางแก้วเหล้าในมือมองมันที่เดินเข้ามา มันไม่ได้มาคนเดียวครับ มันมากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมและน้ำมนต์คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี


“แพร” เสียงของน้ำมนต์พูดถึงผู้หญิงคนนั้น เมื่อหันไปมองในทิศทางเดียวกับผม

“มาด้วยกันได้ยังไงน่ะ” ผมถามขึ้นเบาๆ

“เอ๊ย มาแล้วเว๊ย” เสียงไอ้บ่าวบอกเพื่อนๆในวง

“อ่าวเอ๊ย มานั่งนี้มา แหม พาสาวมาด้วย เด็ดไม่เบาเพื่อนกู หายไปนาน กลับมาก็โอเพนนิ่งเชียว” เสียงพี่เอกแซวมัน พร้อมกับกวักมือให้ไปนั่งโต๊ะข้างๆแก ซึ่งก็คือฝั่งตรงกันข้ามกับผม



“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ผมพูดกับมันพร้อมกับยิ้มๆให้

“ไม่มาได้ไง เพื่อน  ... ชวนทั้งที” มันพูดกับผมโดยเว้นช่องว่างหลังคำว่าเพื่อนเยอะพอสมควร จนเหมือนตั้งใจ

“แพรมาได้ยังไง” น้ำมนต์เอ่ยถามเพื่อนของเขาขึ้นบ้าง

“ก็พี่โอ๊ตชวนมา แพรก็เลยมาอ่ะ” เธอตอบสั้นๆ เข้าใจง่าย

“ไงไอ้โอ๊ต ไม่แนะนำให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยเหรอ เด็กใหม่มึงอ่ะ”  ไอ้บ่าวตะโกนถาม

“อ่อ ทุกคนนี้แพร ส่วนนี่เพื่อนๆโอ๊ต ปีโป้ บ่าว พี่เอก เอ็ม ส่วนคนอื่นๆ แพรน่าจะรู้จักนะ” มันพูดพร้อมกับแนะนำรายคน

“สวัสดีคะทุกคน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ผู้หญิงที่เพิ่งเป็นที่รู้จักแก่กลุ่มอย่างแจ่มชัด พูดขึ้น

“เด็กใหม่มึงน่ารักนะเว๊ย “ ไอ้บ่าวแซว

“เด็กบ้า เด็กบอไรมึง เพื่อนกัน” ถึงแม้คำว่าเพื่อนกันจะขาดห้วนไปบ้าง แต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามันต้องมีอะไรพิเศษจากการเขินอายของมัน ผมยิ้มกับมันเล็กน้อย แต่เมื่อมันมองมาสบตาผม รอยยิ้มของมันก็หายไปทันที เหลืองเพียงแค่ใบหน้าที่เฉยชาเหมือนเดิม



เวลาของค่ำคืนนี้ดำเนินไปอย่างช้าๆ เหล้าโซดาน้ำแข็งถูกยกจัดยกมาอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาดสาย บรรดาเพื่อนผู้ชายของผมเมื่อเกิดอาการมึนเมา ปากก็พร่ำพูดเรื่องราวต่างๆนานา เรื่องจริงบ้าง เรื่องเล่นบ้าง เพื่อสร้างสีสันให้ครื้นเครง ส่วนคนที่นั่งข้างผม ก็กินเบาๆตามที่ผมขอ มันเลยได้แต่นั่งยิ้มและชวนคนอื่นคุยไปตามประสา


ผมว่าตั้งแต่วันที่ไอ้บ่าวไปส่งน้องจอยกับช้างน้อย วันนี้สองคนนั้นดูสนิทกันผิดหูผิดตา แต่ก็คงไม่น่าแปลก เพราะไอ้บ่าวมันเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย มันเป็นมิตรกับทุกคนอยู่แล้ว ยิ่งช้างน้อยไม่ต้องพูดถึง ใครอยู่ด้วยก็ยิ้มแย้มได้ทั้งนั้น จะว่าไปน้ำมนต์ก็เคยบอกผม ว่าช้างน้อยมันแอบปลื้มไอ้บ่าวอยู่ แต่ผมก็ไม่กล้าเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้เขาหรอก เพราะไอ้บ่าวมันไม่ได้มีรสนิยมเหมือนกับผม แต่มันก็ไม่ได้ถือตัวรังเกียจหรือต่อต้านอะไร เพราะช้างน้อยก็ออกจะน่ารักสมชื่อขนาดนั้น ผิวขาวหน้าตี๋ (หรือหน้าหมวยดี) ที่ได้มาจากทางพ่อและแม่ ตัวเล็กๆ กำลังน่ารัก ผมทรงเกาหลีลากปะบ่า การแต่งตัวดูจะผิดหูผิดตาจากเด็กศิลป์ แต่ก็มีเสน่ห์และน่าหลงใหล ไม่แพ้คนอื่นๆในกลุ่มเค้าเลย
ถ้าไอ้บ่าวมันจะชอบช้างน้อยสักนิด .. ผมว่าคู่นี้ก็น่าลุ้นดี


“เอ๊ยมึง เดี๋ยวไอ้เดชมาด้วยนะเว๊ย” ไอ้บ่าว เพื่อนคนเดียวในกลุ่มที่รู้สึกว่าจะคุยกับไอ้เดชมากสุด พูดขึ้นหลังจากวางสาย

“อืมๆ” ผมได้แต่ขานรับในลำคอ เพราะยังไงซะ ไอ้เดชมันก็คือเพื่อน .. คือแก้วใบหนึ่งที่ผมเคยรักและหวงแหน

“เดี๋ยวมานะ อย่าดื่มเยอะละ” ผมบอกน้ำมนต์ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ออกมาสูบบุหรี่ ปกติผมไม่ได้เป็นคนติดบุหรี่มากมายอะไร แต่จะสูบเฉพาะเวลาเครียด และก็เวลาดื่มเท่านั้น ไม่ได้ติดถึงขั้นขาดไม่ได้ แต่ก็เลิกไม่ได้สักที ไม่รู้เป็นอะไร



ผมเดินมาที่สูบบุหรี่หน้าห้องน้ำ เป็นลานกว้างๆ จัดไว้สำหรับคนจะมาสูบบุหรี่โดยเฉพาะ ก้นบุหรี่ของลูกค้าคนอื่นยังมีไฟสีแดงๆที่จานรองก้นบุหรี่ แสดงให้เห็นว่าคนก่อนหน้าที่มาสูบ เพิ่งออกไปไม่นาน  ผมล้วงบุหรี่ออกจากกระเป๋า ก่อนจะหยิบไฟแช็คขึ้นมา ประกายไฟช่วยให้ปลายบุหรี่มีสีแดง ควันเล็กน้อยออกมาจากปลายนั้น



“ขอกูตัวดิ” เพื่อนที่ผมเชิญมาวันนี้ เดินเข้ามาพูดขึ้น ผมส่งซองบุหรี่ให้มัน ก่อนจะเอาบุหรี่ของตัวเองที่จุดเสร็จแล้ว สูบลมเข้าปาก และพ่นออกมา เพื่อต้องการซึมซับกลิ่น ไม่อยากให้มันตกลงไปทำร้ายปอดตัวเอง

“ขอต่อไฟหน่อย” ไอ้โอ๊ตพูดพร้อมกับเอาบุหรี่ของตัวเองเข้าปาก แล้วยื่นหน้าของมันมาต่อกับบุหรี่ที่ผมคาบอยู่ ภาพตอนนี้คือหน้าของเราสองคนห่างกันแค่บุหรี่ต่อสองตัว ผมจ้องมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ แต่มันกลับจ้องมองหน้าผมอย่างกับต้องการจะบอกอะไร


เมื่อไฟติดที่ปลายบุหรี่ของมันแล้ว ไอ้โอ๊ตจึงถอดหน้าออกไป สูบบุหรี่เข้าปอด และปล่อยควันออกมาทางจมูก


“ทำข้อสอบได้มั๊ย” ไอ้โอ๊ตใช้มือคีบบุหรี่ออกจากปาก ก่อนจะถามผม สายตามองไปข้างหน้า

“เรื่อยๆ ตามประสากูนั่นแหละ” ผมตอบไป ในท่าทางไม่ต่างจากมันนัก

“โทษทีที่ไม่ได้ไปติวให้” มันบอก

“อืม ไม่เป็นไร กูเข้าใจ”

“เข้าใจว่าไง” มันหันหน้ามาถามผม

“เข้าใจว่ามึงไม่สะดวกไง” ผมบอกมันไป ตามความคิดของตัวเอง

“อือ  ขอโทษว่ะ” มันพูดก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองอะไรของมันเหมือนเดิม

“เรื่องไรวะ” ผมถามมัน

“ทุกเรื่อง” มันพูดออกไป สายตาก็ยังจดจ่ออยู่ที่เดิม




“รวมทั้งเรื่องน้องเดียวด้วยมั้ย ?” เสียงปริศนาดังเข้ามาทางพุ่มไม้ ก่อนจะโผล่หน้าเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“ไอ้เดช / ไอ้เดช” เสียงของผมกับไอ้โอ๊ตดังขึ้น เมื่อหันไปเจอหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามา


“เออ กูเอง ตกใจหน้าซีดเชียวนะไอ้โอ๊ต” ไอ้เดชหันไปคุยกับไอ้โอ๊ต

“ตกใจเชี่ยไรมึง ก็มึงเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ใครบ้างจะไม่ตกใจ” ไอ้โอ๊ตพูดบอก

“แล้วเมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ เรื่องน้องเดียว ทำไม?” ผมสงสัยเลยถามมัน

“มึงก็ลองถามเพื่อนรักมึงดูสิ กูมันก็แค่เพื่อนที่มึงเคยสนิทด้วยก็แค่นั้น” ไอ้เดชยังไม่หยุดเล่นลิ้น

“มึงอย่าไปสนใจอะไรมันเลยไอ้โป้ ไอ้เดชมันคงเมาแล้ว คงอยากขอโทษมึงเรื่องไอ้น้องเดียว” ไอ้โอ๊ตพูดบอกผม

“เมาเชี่ยไร กูยังไม่ดื่มสักหยด” ไอ้เดชเริ่มโวยวาย

“งั้นไป ไปดื่มกัน นานๆทีได้เจอหน้า” ไอ้โอ๊ตรีบทิ้งบุหรี่ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปโอบคอไอ้เดช แล้วเดินหันหลังให้ผมไป




“เดี๋ยวก่อนพวกมึง ..” เสียงของผมทำเอาพวกมันสองคนหยุดชะงัก

“มี .. อะไรวะ” ไอ้โอ๊ตหันมาถามผม พร้อมกับยิ้มแบบฝืนๆ





“รอกูด้วย กูก็จะไปเหมือนกัน” ผมพูดพร้อมกับทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น ก่อนจะใช้เท้าขยี้ให้ไฟมอดอีกที พร้อมกับเดินตามพวกมันไป



พร้อมกับความค้างใจที่เพิ่มขึ้นมากมาย .. แต่ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้



สำหรับผมในตอนนี้ คงเหมือนคนที่อยากจะตักน้ำใส่ตุ่ม แต่เจอแต่น้ำที่ขุ่นมัว แต่ก็ต้องฝืนตักเข้าไป น้ำที่ขุ่นมัวที่มาใหม่ ปนเปเข้าเป็นเนื้อเดียวกับน้ำที่ใสเมื่อก่อน ยิ่งน้ำขุ่นมากขึ้นเท่าไหร่ สีของน้ำในตุ่มของผมก็เริ่มขุ่นมากขึ้นเท่านั้น ..


เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้โอ๊ต ถึงแม้ว่าผมพยายามลืมเรื่องต่างๆ และให้โอกาสมันกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของผมใหม่ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่มันได้ทำพลาดไปแต่อย่างใด คำขอโทษที่พูดออกมา ไม่รู้ว่ามีอะไรเคลือบแคลงใจอยู่อีกไหม มันทำให้ผมรู้สึกคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ ..

เรื่องไอ้เดช ที่เข้ามาพูดประโยคชวนโลกหมุน ให้หัวผมหมุนรอบเร็วกว่าเดิมเป็นสามเท่านั้นอีก ไม่ว่าจะแก้วอันตราย และอะไรเกี่ยวกับน้องเดียวนั่นอีก มันเป็นอะไรของมัน ทำไมชอบทำให้ทุกเรื่องมีปริศนา แล้วทำไมไม่พูดตรงๆออกมา
ตกลงผมควรจะเชื่อใจใครดี , ไอ้โอ๊ต , ไอ้เดช .. หรือตัวผมเอง



คืนนั้นไอ้โอ๊ตดูลุกลี้ลุกลนเป็นพิเศษ ให้ไอ้เดชนั่งกินเหล้าข้างๆ โดยที่เมื่อก่อนพวกมันไม่ได้มีที่ท่าว่าสนิทอะไรกันมากมาย ผมได้แต่ตั้งข้อสงสัย ชวนพวกมันคุยเรื่อยเปื่อย โดยหวังว่าน้ำเมาจะทำให้ความจริงที่อยากรู้ออกมาบ้าง

“บอกให้คนอื่นดื่มน้อยๆ แต่ตัวเองอ่ะ ชนลูกเดียวเลยนะ” น้ำมนต์สะกิดผม ผมหันไปยิ้มๆ

“ไม่ต้องมายิ้มเลย เดี๋ยวก็เมาเอาหรอก” โดนดุอีกครับ

“ไม่เมาหรอกครับ ปีโป้ซะอย่าง ไม่เมาง่ายๆหรอก” ผมตอบไปหน้ายิ้ม

“ตาเยิ้มขนาดนี้ เรียกว่าไม่เมาได้ไง” น้ำมนต์ยังไม่หยุดยัดเยียดความเมาให้ผม

“มันก็เยิ้มตลอดแหละ ... เวลาได้มองน้ำมนต์” ผมบอกพร้อมยิ้มอีก เขินๆยังไงก็ไม่รู้

“ไม่คุยด้วยแล้ว จะดื่มก็ดื่มไปเลย” มันสะบัดหน้าหนี  ผมได้แต่ยิ้มๆ ก่อนที่จะเอามือไปโอบกอดมันให้แน่นขึ้น น้ำมนต์ดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ผมกอดโดยดี



“เอ๊ย ไอ้เดช ช่วงนี้ทำอะไรอยู่วะ หายหน้าหายตาไปเลยนะมึง” ไอ้บ่าวตะโกนถามมาจากอีกฟากนึงของโต๊ะ

“ก็เรื่อยๆ ช่วยงานพ่อ ตามประสากูนั่นแหละ” ไอ้เดชตอบ

“แล้วเมียมึงละ ไปไหนแล้ว” มันถามต่อ

“กูเลิกหมดแล้ว”

“ไมคราวนี้โสดนานจังวะ ไม่รีบหาใหม่มาคลายเหงาหน่อยละ”

“กูอยากเจอรักจริงๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง” มันตอบมาพร้อมกับมองมาทางผม

“เหมือนกูเหรอ ?” ผมถามขึ้นเสียงสูง เชิงเล่นเชิงจริง มือก็ดึงน้ำมนต์มาชิดตัวมากขึ้น จนอีกคนส่งเสียงอึดอัดเหมือนไม่พอใจ

“เออ กูอยากมีแฟนน่ารักๆ แบบมึง” มันพูดพร้อมกับมองหน้าไปที่น้ำมนต์ รายนั้นก็ยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันมาทำตาดุใส่หน้าผม เชิงบอกว่าปล่อยได้แล้ว แต่เรื่องไรผมจะยอมละ

“พี่เดชคะ ช้างน้อยก็ว่างนะคะ” เสียงช้างน้อยดังขึ้นขัดจังหวะ

“น้องช้างน้อย พี่ยกให้ไอ้บ่าวมันดีกว่าครับ” ไอ้เดชสวนกลับ

“เอ๊ย ไหงโยนให้กูซะงั้นหรอก กูไม่ชอบกระเทยเว๊ย” ไอ้บ่าวเริ่มโวยวาย

“แหม พี่บ่าว ทำไมพูดอย่างงี้ละคะ คืนนั้นเรายัง  ...” ช้างน้อยพูดพร้อมทำท่าเขินอาย ยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้มากขึ้น ว่าคืนนั้นมันเป็นยังไง

“คืนนั้นทำไมช้างน้อย” พี่เอกเร่งถาม

“ก็คืนที่ไปส่งนังจอยไง พี่บ่าวยัง ..”

“หยุดเลยช้างน้อย  ไม่ต้องพูดไรแล้ว พวกมึงอย่าไปเชื่อ กูไม่ได้มีอะไรซะหน่อย” ไอ้บ่าวเริ่มร้อนตัว

“ม่ายยยยย กระซิกกระซิก พี่บ่าวจะทำแบบนี้กับช้างน้อยไม่ได้นะ” ช้างน้อยเริ่มออกนางเอกเจ้าน้ำตาแล้วครับ มือกรีดกรายดึงทิชชู่ที่วางอยู่กลางโต๊ะ เอาไปแตะๆริมขอบตา ประหนึ่งว่าน้ำตาซึม ท่าทางจริตจะก้าน ทำเอาไอ้บ่าวหัวเสียเลย

“ช้างน้อยอย่าพยายามฆ่าพี่แบบนี้สิ พี่ไปทำอะไรเราตอนไหน เพื่อนมันล้อพี่หมดแล้วนะ” ไอ้บ่าวถึงขั้นเว้าวอนเลยครับ

“ทำอะไรไว้ ก็รับผิดชอบสิ คนเราอ่ะ เห็นเราเป็นผักเป็นปลาหรือไง  ม่ายย ช้างน้อยแซดดดดดดด” เธอเล่นละครได้เนียนมากครับ เรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราได้ทุกคนเลย

“แหม พี่แค่หอมแก้มเองนะ” ไอ้บ่าวเริ่มหลุดมาแล้วครับ

“น่านนนนไง  ทุกคนนคะ ช่วยช้างน้อยด้วยนะคะ  ช้างน้อยไม่ยอม ช้างน้อยโดนพี่บ่าวย่ำยี” ตอนนี้เริ่มไม่รู้แล้วครับ ว่าสองคนนี้พูดจริงหรือกะเล่นเอาขำๆกันแน่

“แต่วันนั้นพี่บ่าวเมานี่ พี่บ่าวไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ช้างน้อยนะ” ไอ้บ่าวก็เริ่มตามน้ำแล้วครับ



จริงเท็จสลับกันไป มีแค่ช้างน้อยกับไอ้บ่าวเท่านั้นที่รู้ความจริง ระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน การหยอกล้อยังดำเนินไปเรื่อยๆตามทางของมัน พวกเรานั่งขำกับการหยอกล้อกันไปมาระหว่างช้างน้อยกับไอ้บ่าวอยู่พักใหญ่


อยู่ๆไอ้เดชกับไอ้โอ๊ตก็เดินออกจากกลุ่มไปเงียบๆ ผมหันหลังมองนิดหน่อย บรรยากาศในโต๊ะก็ยังคงครึกครื้น  ผมเลยเลือกเดินตามสองคนนั้นไปอย่างเงียบๆ ซึ่งผมคิดว่าพวกมันก็ไปยัดบุหรี่ลงปอดกันตามปกติ ผมเลยอยากยัดลงบ้าง



และผมคงได้เข้าไปยัดบุหรี่ลงปอดอย่างตั้งใจ ถ้าไม่เดินมาได้ยินอะไรเข้าเสียก่อน



“มึงจะบอกอะไรไอ้โป้”

“บอกในสิ่งที่มันควรจะรู้”

“มันไม่ควรจะต้องรู้อะไร”

“ต้องรู้สิ ต้องรู้อะไรหลายอย่างด้วย”

“รวมทั้งเรื่องของเราเหรอ ?”

“ถ้ามึงต้องการ กูก็พร้อม”

“เชี่ยเดช !!!”





หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร 8/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-12-2011 22:47:13
แล้วเรื่องน้องเดียว อะไรยังไง งงมากมายยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร 8/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 08-12-2011 22:48:50
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง    :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร 8/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 08-12-2011 22:50:58
อ๊ากกกกกก ค้างที่สุดดดดดด
 :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร 8/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 08-12-2011 22:57:57
ยิ่งนาน ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับโอ๊ตขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร 8/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-12-2011 00:33:58
อะไรกันเหรอ โอ๊ตกับเดช อย่าบอกนะว่า รับทานกันไปแล้ว วะเฮ้ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่เคยบอกใคร 8/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-12-2011 00:49:38
มันคืือเรื่องอะไร  โอ๊ตมีอะไรกับเดชเหรอออ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-12-2011 01:27:07
(ถ้าจะอ่านตอนที่ 33 คอมเม้นก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 คอมเม้น)



เนื่องจากวันนี้นักเขียนนอนดึก แล้วบัเอิญเปิดไปเจอโปรแกรมหนังเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า มึง - กู เพื่อนกันจนวันตาย
นักเขียนรู้สึกทันทีทันใดว่า นักแสดงเรื่องนี้ ช่างเหมาะสม เหมาะเจาะกับนักแสดงเรื่อง กลรัก ... เปื้อนสี ของนักเขียนหลังเขาคนนี้เหลือเกิน

ถึงแม้ว่าบางคนจะไม่เหมือนอย่างที่บรรยายไว้ .. แต่ถ้านำไปจิ้นต่อตามภาพที่บรรยายบอกไว้ รับรองบรรเจิดแน่
และให้ดี ถ้าไปดูหนังเรื่องนี้กลับมา , เราจะได้จิ้นกันกระจายอีกที


มะ .. โม้มาซะยาวแล้ว เรามาดูกันว่าใครเป็นใครกันบ้าง ถูกใจไม่ถูกใจบอกนักเขียนได้นะ (นักเขียนว่าง และกำลังตัน จึงเอามาดูเล่นๆแก้เบื่อ)



นักแสดงเรื่องกลรัก .. เปื้อนสี  จากเรื่อง มึง - กู เพื่อนกันจนวันตาย

1.ปีโป้  รับบทโดย พระเอกลูกครึ่งสุดหล่อ มาริโอ้ (พยายามจิ้นๆ ให้เป็นจีนๆมีหนวด แล้วกลับมาหน้าใสนะ)

(http://image.ohozaa.com/i/560/OEbkG.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628hs)
ส่วนนี่รูปจากในหนัง  เท่ซะ !!!!
(http://image.ohozaa.com/i/594/SNDDX.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628in)


2.น้ำมนต์ นายเอกของเรื่องรับบทโดยพระเอกหน้าหวาน เมาส์ บีโอวาย (พยายามจิ้นว่าผมยาวสลวยสวยเก๋นะ)

(http://image.ohozaa.com/i/5a8/TPSiH.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628jk)
ส่วนนี่รูปจากในหนัง ผมสั้นไปนิด !!
(http://image.ohozaa.com/i/34a/L7LXJ.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628kb)


3.หญิง


(http://image.ohozaa.com/i/61f/cIZDl.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628l1)
รูปจากในหนัง ดูลุยๆ น่ารักดี
(http://image.ohozaa.com/i/3d3/95mv6.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628l2)

4.ช้างน้อย

(http://image.ohozaa.com/i/5dc/M5rzR.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628k4)
ปากมันๆ หน้าเด้งๆ ผมเริ่ดๆ ใช่เลยละ
(http://image.ohozaa.com/i/202/zk0rj.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628k6)

5. เอ็ม
(http://image.ohozaa.com/i/518/s6Sb4.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628l4)
คนนี้ดูกวนๆ แต่หน้าดูจริงใจ จริงจังดี
(http://image.ohozaa.com/i/2b8/azOt6.png) (http://image.ohozaa.com/view/628l5)

6. โอ๊ต
(http://image.ohozaa.com/i/264/WVuc4.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628l6)
หล่อไม่แพ้พระเอกเลย รายนี้
(http://image.ohozaa.com/i/22d/AMujO.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628l7)

7.บ่าว

เข้มๆ บ้านๆ ทะเล้นๆ
(http://image.ohozaa.com/i/671/MNmRe.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628kd)

8.พี่เอก
ดูโตกว่าหน่อย มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ดูกวนๆ
(http://image.ohozaa.com/i/5df/cPAcb.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628ks)

9.แพร
สวยสวย มาดเซอร์ๆ ผมยาวสวย
(http://image.ohozaa.com/i/5fb/Y2vhI.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628ku)
ภาพจากในเรื่อง ดูเป็นคุณหนูนิดๆ
(http://image.ohozaa.com/i/50d/s1VXs.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628l0)

10.เดช
หน้าตาทะเล้นกวนตีน
(http://image.ohozaa.com/i/6e2/HD4wn.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628nv)
ออกแนวเด็กที่ไม่ค่อยได้เรียน อะไรประมาณนี้
(http://image.ohozaa.com/i/6a8/WlVZs.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628o0)

11. แถม น้องจอย ให้อีกคน

(http://image.ohozaa.com/i/6b7/Ku0PO.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628pv)
(http://image.ohozaa.com/i/635/ds2Bn.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628q1)

12. และน้องเดียวด้วย !!!

(http://image.ohozaa.com/i/307/dWGAp.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/628rh)




หมดแล้ว ตัวละครเรื่องนี้เยอะมากกกกก แต่ก็เน้นคนสำคัญๆก็แล้วกัน ตัวละครทั้งหมดที่นำมาแทนนี้ มาจากนักแสดงภาพยนต์เรื่อง มึง - กู เพื่อนกันจนวันตายทั้งหมด  รับรองว่าถ้าไปดูเรื่องนี้ เหมือนได้ดู กลรัก .. เปื้อนสีในโรงแน่ๆ


เหมือนไม่เหมือน แตกต่างยังไงก็ต้องขออภัยนักอ่านทุกท่านด้วยนะครับ เอาเป็นว่าขำๆก็แล้วกัน
แต่ผมชักชอบพระ-นายคู่นี้นะ .. จิ้นได้น่ารักดี


ไปแล้ว , ไปแต่งต่อแล้ว กำลังเจ้มจ้นเลย !!!!



หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 09-12-2011 01:41:30
ภาพอิมเมจ โอ๊ตดูแมนและบึกกว่าปีโป้อะ  :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-12-2011 01:46:12
ภาพอิมเมจ โอ๊ตดูแมนและบึกกว่าปีโป้อะ  :z3:
หรือว่า โอ๊ต  ต้องเป็นคนกดปีโป้  ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 09-12-2011 05:34:18
โอ๊ต-เดช แถมยังมีไอ้น้องเดียวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย 3P รึเปล่าหว่า :a5:

อิมเมจพี่บ่าวหล่อออออออ :m3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 09-12-2011 08:46:29
บอกได้ว่า.........เง็งมากมาย

รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 09-12-2011 09:00:15
อุ๊ย ในที่สุดก็ออกตัวละครมาให้จิ้นกันซะที ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปีโป้ อยากได้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-12-2011 13:17:13
น่ารักเนอะ :กอด1:
1+จ๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-12-2011 13:24:39
หรือว่า โอ๊ต  ต้องเป็นคนกดปีโป้  ฮ่าๆๆๆ

แอบฮา 555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 09-12-2011 17:40:57
ฮ่วย ไอ้พี่โอ๊ตมันจะมาไม้ไหนฟร่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 09-12-2011 19:35:13
ถ้าอิมเมจตามนี้ . . . ช่วยหาคู่ให้เอ็มทีซิ
ผมขอร้อง XD

 o18 o18
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-12-2011 20:31:26
ถ้าอิมเมจตามนี้ . . . ช่วยหาคู่ให้เอ็มทีซิ
ผมขอร้อง XD

 o18 o18

เอ็ม คู่หญิงไงครับ กำลังจีบๆกัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 09-12-2011 20:43:31
เดชกับโอ๊ตต้องมีปิดบังอะไรบ้างอย่างอยู่แน่เลย :เฮ้อ:
น่าจะเกี่ยวกับน้องเดียวด้วยนะเนี่ย

คู่ปีโป้น้ำมนต์น่ารัก แต่ฮาคู่ช้างน้อยพี่บ่าวมาก o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 09-12-2011 20:46:55
กรี๊ดดดด มันค้างอ่ะพี่ :z3:
ฮาช้างน้อยกับพี่บ่าว น่ารักดีนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 33 + เปิดตัวนักแสดงพร้อมภาพประกอบการจิ้น !!!
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 09-12-2011 21:53:57
เอ็ม คู่หญิงไงครับ กำลังจีบๆกัน

สปอยยยยยย 5555
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 10-12-2011 00:03:22

ตอนที่ 34



ค่ำคืนแสนยาวนานนี้เริ่มต้นตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน จนพระจันทร์ขึ้นแทนที่ การดื่มสังสรรค์ถือเป็นเรื่องปกติของช่วงหลังสอบเสร็จและเสร็จสิ้นกิจกรรม  ผมรู้สึกชอบเวลาได้อยู่กับเพื่อนๆที่ผมรัก และพี่ๆที่ผมสนิท และก็ได้อยู่กับนายปีโป้ในค่ำคืนแบบนี้แล้วสิ

มันอบอุ่นดีเนอะ ..


แต่ตอนนี้นายปีโป้ที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก็ไปนานกว่าที่คิด ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วง เพราะวันนี้รายนั้นก็เมาใช่ย่อย ปากบอกผมว่าอย่าดื่มมาก แต่ตัวเองก็ซัดไปซะเยอะ แต่ก็เข้าใจ ว่าอยากสนุกกับเพื่อน เพราะผมก็มองว่าค่ำคืนนี้สนุกจริงๆ


ช้างน้อยที่คอยสร้างอารมณ์ขันให้กับกลุ่มก็ยังพูดสร้างเสียงหัวเราะอยู่ไม่ขาดสาย โดยมีพี่บ่าวอยู่ข้างๆ คอยรับส่งมุขอย่างเข้าขา
หญิงกับพี่เอ็มก็ดูจะมีโลกส่วนตัวของเขาสองคน ที่ดูช่างมีความสุข และช่างน่าอิจฉา


“น้ำมนต์ ทำไมดื่มน้อยจังเลย” แพรทักผมขึ้นมาขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ

“อ๋อ เราไม่ค่อยอยากเมาเท่าไหร่ กลัวเมาแล้วรั่ว” ผมตอบไปยิ้มๆให้กับสมาชิกใหม่ของวง ที่มาร่วมแจมกับพวกเราครั้งแรก

“เหรอ อยากเห็นน้ำมนต์รั่วจังเลย” เธอตอบมายิ้มๆ ก่อนจะยื่นแก้วของเธอมา หมายจะชนแก้วกับผม ผมเลยยกแก้วชนเธอตอบ

“เป็นไงถึงมากับพี่โอ๊ตได้ล่ะ” ผมถามออกไป เมื่อได้ดื่มเหล้าในแก้วนั้นหมด

“พอดีเราคุยกับพี่เค้าได้พักนึงแล้ว แล้วพี่เค้าก็ชวนเรามา บอกว่าน้ำมนต์ก็มาด้วย เราเลยอยากมา” คำตอบของเธอทำให้ผมตีความหมายว่า ที่เธอมาเพราะผม ไม่ใช่เพราะพี่โอ๊ต .. เอ๊ะ ชักจะยังไงๆ

“อ๋อเหรอ ดีๆ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีครับ

“เดี๋ยวเรามานะแพร ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ผมบอกพร้อมกับลุกออกมา ใจจริงไม่ได้ตั้งใจจะมาเข้าห้องน้ำหรอก แค่อยากมาดูว่านายปีโป้ทำไมมานนานจัง



การเดินเข้าไปหานายปีโป้ของผมต้องหยุดลง เมื่อเห็นหลังของนางปีโป้ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้า  พร้อมกับเสียงคนสองคนกำลังคุยกัน ผมเดินเข้าไปใกล้นายปีโป้มากขึ้น มากขึ้น

“รวมทั้งเรื่องของเราเหรอ ?”

“ถ้ามึงต้องการ กูก็พร้อม”

“เชี่ยเดช !!!”

“มึงเลิกคิดว่าไอ้โป้จะชอบมึงได้แล้วไอ้โอ๊ต ยังไงมันก็คิดกับมึงแค่เพื่อน”

“มึงไม่ต้องมายุ่ง ยังไงมึงก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

“แต่กูกับมึง ..”

“มึงอย่าเอาเรื่องนั้นมาอ้าง กูแค่พลาด”

“เหอะๆ ครั้งแรกยอมรับว่าพลาด แล้วครั้งต่อมาๆล่ะ มึงพลาดหรือมึงเงี่ยนกันแน่”

“เชี่ยเดช หุบปากหมาๆของมึงซะ กูว่ามึงเมาแล้ว กูจะกลับโต๊ะแล้ว”

“เดี๋ยวก่อนมึง แล้วมึงไปดึงแพรเข้ามาอีกทำไม เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ”

“กูไม่ได้ทำไร แพรมันไม่ได้ชอบกูอยู่แล้ว มันชอบน้ำมนต์โน่น เป้าหมายกูกับมันเหมือนกัน”

“มึงนี่ตัวช่วยเยอะเนอะ ทั้งกู ทั้งแพร”

“มึงก็ชอบน้ำมนต์นี่ ไม่ได้ฝืนใจอะไรตัวเองไม่ใช่เหรอ”

“ชอบกับรัก ยังไงมันก็ไม่เหมือนกัน”

“เลิกพูดเหอะ กูไปแล้ว เดี๋ยวมีคนได้ยิน”



เมื่อสิ้นประโยคสนทนา นายปีโป้ก็ขยับตัวเล็กน้อย  ก่อนจะหันหลังกลับมามองผม สายตาของเขาไม่ต่างจากคนที่กำลังจะร้องไห้ ตาที่ดุดัน แววตาแดงกร่ำ หน้าที่ปราศจากรอยยิ้ม นายปีโป้มองผมอย่างตกใจ เช่นเดียวกันผมก็ตกใจกับสายตานั้น ก่อนที่เขาจะปรับสายตา แล้วเดินมาจับมือผม ลากไปจากจุดนั้น



นายปีโป้ลากผมเดินผ่านโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ ทุกคนมองผมกับนายปีโป้แบบงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ ผมไม่มีคำตอบให้กับสายตาที่มองมาอย่างสงสัยทุกคู่นั้น


นายปีโป้ลากผมมาจนถึงม้านั่งฝั่งตรงข้ามของร้าน ซึ่งเป็นลานจอดรถ  เขานั่งลงบนม้าหินอ่อนนั้นโดยมือของเขายังจับมือผมอยู่ ผมเลยลงไปนั่งข้างๆ


“นี่มันอะไรกันวะมึง กูงงไปหมดแล้ว” ประโยคที่หลุดออกจากปากนั้น ยากจะเดาว่าคนที่จับมือผมอยู่ กำลังแย่สักแค่ไหน

“คงไม่มีอะไรหรอก อย่าเพิ่งคิดอะไรให้มันมากเลย” ผมพยายามพูดปลอบ

“ไม่มีอะไรได้ไง มึงก็ได้ยิน สองคนนั้นมันต้องมีอะไรที่ปิดบังกู” สายตาที่ย้อนมาถามผมอย่างไม่พอใจ อารมณ์โกรธที่รอการปลดปล่อย

“ในเมื่อเค้ายังไม่พร้อมจะบอกเรา เราก็อย่าไปอยากรู้เลย”

“ให้กูโง่อยู่แบบนี้น่ะเหรอ โง่โดยไม่รู้ว่าสองคนนั้นมันกำลังเล่นอะไรกับกู ทำอะไรกับกูบ้าง” อารมณ์ของอีกคนเหมือนภูเขาไฟที่รอการปลดปล่อย แววตาเคลือบไปด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง

“แล้วเขาทำอะไรนายได้บ้างล่ะ เขาทำให้นายรักเค้าได้ไหมละ เขาแย่งเราไปจากนายได้ไหมละ แล้วเป็นไปอย่างที่เขาต้องการสักอย่างไหม” ผมสวนเขากลับบ้าง ถึงไม่ได้มีน้ำเสียงที่ใช้อารมณ์ แต่คำพูดก็พยายามข่มให้อีกคนรับรู้ถึงเหตุผลของผม


“เค้าไม่เคยได้ในสิ่งที่เค้าต้องการ  และเค้าจะไม่มีวันได้มันไป ถ้าเรายังเชื่อใจกัน” มือผมอีกข้างหนึ่งนำไปวางทับมือเราสองคนที่จับไว้ และกุมมือนั้นไว้อย่างแนบแน่น ตามคำที่ผมพูด แววตาของผมคงสื่อให้คนข้างๆรู้สึกดีขึ้น รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนในหน้าเขา ทำเอาผมยิ้มตามไปด้วย

“ขอบใจมึงมากนะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอามือมาโอบตัวผมไปไว้ในอ้อมกอดเค้า

“ในวันที่กูมีปัญหา กูขอแค่มีมึงข้างๆให้กูกอดแบบนี้ เรื่องที่ว่าร้ายแรงแค่ไหน กูเชื่อว่ากูจะผ่านพ้นมันได้”  มันพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับมือที่ลูบผมเล่นไปด้วย





ผมลากนายปีโป้กลับมาที่โต๊ะจนได้ เพราะอีกคนบอกยังไม่อยากจะไปเจอใคร ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเจอหน้าพี่โอ๊ต พี่เดช  แต่ผมก็บอกไปว่าอย่ามาทำนิสัยเด็ก โตจนมีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว ยังทำตัวแบบนี้


“ไปไหนกันมาวะ สองคนนี้” พี่เอ็มถามทันทีเมื่อผมกับนายปีโป้มาถึงโต๊ะ

“แหนะ อดใจไม่ไหว ไปซั่มกันมาแล้วเรอะ” พี่บ่าวเริ่มแซว

“ปากเสียไอ้บ่าว เดี๋ยวโดนตีนกูเลย” นายปีโป้หันไปดุพี่บ่าว ก่อนจะพาผมไปนั่งที่เดิม

“มานั่งนี่” ยังไม่ทันที่ผมจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ นายปีโป้ก็ลากผมไปนั่งบนตักซะแล้ว ผมรู้ดีว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไร ผมเลยต้องยินยอมเขาไป


“กูละอิจฉาสองคนนี้จริงๆ กว่าจะรักกันได้ก็ยากเย็น พอรักกันก็รักกันปานจะกลืนกิน” พี่บ่าวพูดถึงผมกับนายปีโป้ครับ

“พี่บ่าวก็มีช้างน้อยไง มามะ เรามารักกันให้หวานกว่าเค้าสองคน” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเดินไปทำท่าจะนั่งตักพี่บ่าวบ้าง

“เอ๊ยยย อย่ามานะมึง กูเอาเรื่องจริงด้วย” พี่บ่าวเริ่มป้องกันตัวเอง

“ว้ายยย จะเอาจริงๆเลยเหรอคะ ช้างน้อยยังไม่พร้อมเลย” แต่ดูที่ช้างน้อยตีความสิครับ ความหมายเป็นอย่างอื่นไปแล้ว

“โอ๊ย อินี่ ไปกลับหอกับกู เดี๋ยวกูจัดให้ชุดใหญ่” พี่บ่าวพูดพร้อมกับลุกขึ้นทำว่าจะไปจริงๆ

“ไปก่อนนะน้ำมนต์ ถึงจะรักกันหลังเธอ แต่ก็ได้กันก่อน ชั้นชนะย่ะ” ดูสิครับ ท่าทางดีใจออกนอกหน้าของเธอ ไม่ทำให้พวกเราอมยิ้มตามได้ไง

“พี่จะเอาหนูจริงเหรอ หนูยังซิงอยู่เลย” เธอหันไปคุยกับพี่บ่าว ทำท่าบิดตัวเขินอาย

“พี่บ่าวพาไปเลยค่ะ เอาให้กลับมาขาถ่างเลยนะคะ” หญิงที่อยู่ในสภาพกรึ่มๆ เริ่มอยากมีบทบาทบ้าง

“แหม นังหญิง อิจฉาก็บอกมาเถอะ พี่บ่าวอ่ะ มังกรนครศรีเลยนะ” น่านครับ ช้างน้อยอวดสรรพคุณ

“เอ๊ย จริงเหรอช้างน้อย” พี่เอก พี่เอ็มและคนอื่นๆตกใจกันใหญ่

“เอ๊ย ช้างน้อยก็พูดเกินไป พี่เขินนะเนี่ย”  พี่บ่าวนี่ก็ช่างเล่นตามนะครับ



ภายในบรรยากาศที่ดูเหมือนจะครึกครื้นนี้ มีคนนึงที่ไม่ขำกับสิ่งที่ตลกนั้น คนที่โอบผมไว้นี่แหละครับ เขาได้แต่ยกแก้วเหล้ากินอย่างไม่สนใจอะไรข้างนอก หน้าเขาหันไปมองหน้าพี่โอ๊ต พี่เดชสลับกันไปมา โดยที่ทั้งสองคนก็หันมองกลับมาบ้าง เหมือนทั้งสามต้องการจะสื่อสารอะไรกัน แต่ก็ไม่พูดออกมา เวลาหันหน้าเจอ นายปีโป้ก็จะยื่นแก้วไปชนกันมากกว่า


“เป็นอะไรวะโป้ ชนยับเชียว” พี่เอ็มคงสังเกตนายปีโป้มาพักนึง ถึงได้ถามไป

“กูอยากกินกับเพื่อน ไหนมึงยกแก้วมาชนกับกูหน่อย” นายปีโป้ตอบพี่เอ็ม ก่อนจะยื่นแก้วไปหา

“หมดแก้ว” เสียงแก้วชนกัน พร้อมกับเสียงจากปากนายปีโป้


“กินเยอะไปแล้วนะ” ผมหันไปบอกคนที่อยู่ข้างหลัง

“ไม่เมาหรอก เชื่อพี่นะคะ” จะเชื่อดีไหมเนี่ย สรรพนามเปลี่ยนไปซะขนาดนี้

“พี่เลยเหรอ ?” ผมย้อนถาม

“ทำไมล่ะ ปกติกับแฟนคนอื่น พี่ก็พูดแบบนี้” อ้อ จริงสินะ กับแฟนคนอื่นก็พูดเพราะ มีแต่กับผมที่พูดมึงกูกันอยู่ตลอด

“แล้วทำไมตอนไม่เมาไม่พูดล่ะ” ผมถาม

“ก็พี่ชินแล้วนี่คะ คราวหลังพี่จะพูดกับน้องน้ำมนต์เพราะๆนะ” ปากคนพูดนี่เฉิ่มด้วยกลิ่นเหล้า ตานี้หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า และนั่นจะขยับปากเข้าหาผมทำไมอีกล่ะนั่น

“ถอยเลย ไม่ต้องเอาปากมาใกล้” ผมบอกห้าม

“ทำไมละคะ พี่ขอหอมแฟนพี่ไม่ได้เหรอ” ดูครับ ปากว่ามือถึงจริงๆ มือตอนนี้ก็กอดผมแน่นกว่าเดิมอีก

“ไม่เล่นนะนาย เราอายคนอื่น ทั้งร้านมีแต่พวกเราซะที่ไหนล่ะ”

“พี่ก็ไม่ได้เล่นค่ะ พี่จะจูบจริงๆ” โอ๊ยย อยากจะบ้า

“น้ำมนต์ขา .. ถ้าหล่อนไม่ให้พี่ปีโป้ขาของช้างน้อยจูบ ชั้นจะยื่นหน้าที่ปัดแก้มกับอีทูดี้ประเทศเกาหลีให้พี่ปีโป้จูบเดี๋ยวนี้แหละ”  นั่นไงครับ เสียงช้างน้อยแขวะมานั่นแล้ว แปลว่าทุกคนในโต๊ะกำลังสนใจผมอยู่

“ช้างน้อย กำลังนอกใจพี่นะ” และเสียงพี่บ่าวก็ขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง

“ว้าย ตาเถน ช้างน้อยลืมตัว มีผัวแล้วชอบอ่อยไปทั่ว โอ๊ย แย่ๆๆๆ”  ดูกิริยาเธอครับ ทำท่าตกใจอย่างกับไฟไหม้บ้าน ผมเลยได้แต่ยิ้มๆ

“จ๊วบบบบ” ไม่ทันใด นายปีโป้ก็ขโมยหอมแก้มผมตอนเผลออีกแล้ว

“แอร๊ยยยยยยย พี่ปีโป้อ่ะ  ช้างน้อยอิจฉานะ”

“จะไปอิจฉาเค้าทำไม มาพี่ก็หอมเป็น จ๊วบบบบ”

“อร๊ายยยยยยยยยย พี่บ่าวละก้อ เป็นผัวหนูเลยนะ ทำบัดสีบัดเถลิงต่อหน้าประชาชีแบบนี้ พี่ทุกคนเป็นพยานนะคะ หนูสองคนได้กันแล้ว”

“ชิบหายแล้วกู ได้เมียในวงเหล้าแล้วหลาว” พี่บ่าวพูดใต้ออกมาเลยครับคราวนี้ คงหายเมากันเลยทีเดียว




“มีความสุขกันจังเลยเนอะ” อยู่ๆ เสียงพี่โอ๊ตก็ดังขึ้น ทำลายเสียงหัวเราะของทุกคน ทุกคนหันหน้าไปมองพี่โอ๊ต ที่ตอนนี้กำลังยกแก้วเหล้าเข้าปาก

“เป็นไรวะไอ้โอ๊ต จริงจังอะไรนักหนาวะ” พี่เอกถามมาอีกฟากหนึ่ง

“ไม่มีไรพี่ ผมแค่อิจฉา” พี่โอ๊ตตอบไป

“มึงจะอิจฉาทำไม น้องแพรก็นั่งอยู่ข้างๆมึง ทำไมไม่หวานบ้างล่ะ” พี่บ่าวถามขึ้นมา

“กูไม่ชอบโชว์หวาน”

“ไม่ชอบโชว์หวาน หรือไม่ได้ชอบเค้าจริงๆกันแน่”  เสียงของคนข้างหลังผม ดังผ่านใบหูผมไป

“นาย ..” ผมส่งเสียงเพื่อเตือนให้เขาเงียบๆ

“มึงพูดอะไรของมึงไอ้โป้” พี่โอ๊ตเริ่มมีอารมณ์


คนข้างหลังผมเงียบลง ถอนหายใจเข้าออกหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดอะไรออกไปด้วยสำเนียงเมาๆ อย่างคนจะร้องไห้

“มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะโอ๊ต คนที่กูเคยคิดว่าแสนดี ทำไมวันนี้มึงถึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน ทำไมวันนี้มึงถึงกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่กูตามแทบไม่ทัน คนที่ไม่เคยมีพิษมีภัยกับใคร ทำไมวันนี้มึงถึงดูลึกลับจังเลยวะ .. ทำไมมึงคนเดิมมันหายไปไหนวะ มึงบอกกูหน่อยซิ” ผมหันไปมองนายปีโป้ ที่พูดด้วยสายตาที่มองฟ้า แต่น้ำตาไหลอาบสองแก้ม


“เอ๊ย เป็นไรวะโป้ กูว่าถ้ามันเรื่องส่วนตัวก็เอาไว้คุยกันสองคนก็ได้นะเว๊ย” พี่เอ็มเห็นสถานการณ์ไม่ดีเลยพูดขึ้น

“ถ้ามึงเปลี่ยนไปเพราะกู กูขอโทษนะเว๊ย ที่กูให้อะไรที่มึงต้องการไม่ได้ กูมีให้แต่ความเป็นเพื่อน เพื่อนที่ไม่ว่ายังไงจะไม่สูญหาย จะไม่พังทลาย ไม่ว่ากูจะมีแฟนกี่คน กูก็ยังมีเพื่อนคนเดิม กูเลิกกับแฟนไปกี่คน กูก็ยังมีพวกมึงเหมือนเดิม มึงอย่าทำให้กูลำบากใจเลยโอ๊ต”  แม้ว่าประโยคที่นายปีโป้พูดไป จะดูเป็นเรื่องราวของคนสองคน แต่ผมเชื่อว่าทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เพราะสายตาของทุกคนไม่ใช่สายตาแห่งความสงสัย แต่เป็นสายตาของความสงสาร พี่เอกยกแก้วเหล้าดื่มอย่างไม่สนใจอะไร พี่บ่าวนั่งก้มหน้าเงียบมองแก้วเหล้าในมือ พี่เอ็มนั่งมองหน้านายปีโป้สลับกับหน้าพี่โอ๊ตไปมา พี่เดชนั่งเอามือกุมบ่าพี่โอ๊ตไว้

“มึงก็พูดได้ มึงไม่มาเป็นกูนี่” พี่โอ๊ตพูดขึ้นพร้อมกับลุกเดินออกไป

“แต่ถ้ามึงมาเป็นกู มึงก็จะไม่พูดแบบนี้ !!!” นายปีโป้ยังตะโกนบอกอีกครั้ง น้ำตาที่หลั่งออกมาของเขา ยังไหลออกมาเรื่อยๆ เพราะน้ำตานี้ด้วยกระมัง ถึงทำให้วงสนทนาวันนี้เงียบลงทันที


พี่โอ๊ตไม่ได้สนใจเสียงอะไรของนายปีโป้ เขาเลือกเดินออกจากร้านไป ก่อนที่แพรจะวิ่งตามเขา และพี่เดชก็ตามกลับไปเช่นกัน บรรยากาศในวงเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า จนยากจะกู้สถานการณ์กลับ ช้างน้อยที่ร่าเริง พอเห็นน้ำตาลูกผู้ชายของนายปีโป้ก็ไม่กล้าเปิดปากออกมาแม้แต่น้อย ผมหันหน้าเอามือเช็ดน้ำตาให้กับนายปีโป้ ที่มองหลังของเพื่อนหายไปจากร้าน บนโต๊ะไม่มีบทสนทนาใดๆอีกเลย


“กูเสียใจ” คำพูดของนายปีโป้พูดบอกผม แววตาเขาดูเศร้ามากมาย

“อือ เราเข้าใจ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าชีวิตคนเราการทะเลาะกับเพื่อนที่เคยสนิทและรักกัน มันทำร้ายจิตใจมากกว่าการเลิกกับแฟนอีก ผมไม่เคยมีแฟน แต่ผมรู้ว่าการไม่เข้าใจกับเพื่อนนี่มันเจ็บยังไง มันทรมานอย่างบอกไม่ถูก แฟนเสียไปก็หาใหม่ได้ แต่เพื่อนคนหนึ่ง นิสัยแบบหนึ่ง เสียไป .. คงเสียใจน่าดู




คืนนั้นเราแยกย้ายกลับกันด้วยบรรยากาศอึมครึม  คืนนี้ผมนอนค้างที่หอของนายปีโป้ เพราะว่าจะกลับตอนนี้ก็ดึกมาก และคนขับไปส่งก็อยู่ในอาการเมามากด้วย แต่ก็ยังฝืนขับรถกลับหอมาจนถึง


พอมาถึงหอก็ต้องพบกับคนบางคนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว


“พี่เดช” ผมเรียกชื่อนั้น เพื่อบอกนายปีโป้ว่ามีคนรออยู่ นายปีโป้หันไปมองตามผม ก่อนที่พี่เดชจะเดินเข้ามาหา

“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” พี่เดชพูดเมื่อเดินมาถึง

“มีไรก็พูดมา กูชักจะยืนไม่ค่อยไหวแล้ว”

“กูรู้มึงไหว”

“ก็พูดมาสิ มึงมีอะไร น้ำมนต์มันรู้เรื่องกูทุกเรื่อง มันคือคนที่กูไว้วางใจ และไม่ใช่คนนอกสำหรับกู” นายปีโป้บอกพี่เดชไป เมื่อพี่เดชมองมาทางผม เหมือนต้องการให้ออกไปก่อน

“เดี๋ยวเราขึ้นห้องก่อนก็ได้” ผมบอกนายปีโป้

“ไม่ต้อง อยู่กับกูตรงนี้แหละ” นายปีโป้ห้ามผม พร้อมกับจับมือผมแน่นขึ้น


แล้วบทสนทนาของทั้งสองก็เกิดขึ้น ภายใต้ความเคร่งเครียด


“มึงรู้อะไรมาใช่ไหม ถึงพูดอะไรไปอย่างนั้น”

“เออ กูรู้ แต่กูก็ยังไม่รู้ในสิ่งที่กูควรจะรู้”

“ไม่มีเรื่องอะไรที่มึงควรจะรู้แล้ว”

“ทำไมมึงถึงพูดกับกูกับไอ้โอ๊ตไม่เหมือนกันวะ ฮ่าๆ มึงนี่มันกลับกลอกจริงๆ”

“มึงจะว่ากูเลวยังไงก็ช่างมึง แต่มึงก็อยู่ของมึงไป ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรอีกแล้ว”

“ถ้ารักมันขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ทำให้มันรู้ละ”

“มันไม่ใช่เรื่องของมึง”

“มึงก็คงไม่ต่างจากมัน เจ็บเพราะความรัก ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก โดยไม่รู้เลยว่าเค้าจะรักเราไหม ถ้ากูเดาไม่ผิด ครั้งไอ้น้องเดียว มึงก็คงไม่อยากทำ แต่เป็นเพราะมัน”

“มึงคิดมากไปแล้ว กูแค่มาบอกมึงแค่นี้ กูไม่อยากเห็นมันเจ็บอีก” พี่เดชพูดพร้อมกับเดินออกไป

“แล้วมึงไม่เจ็บหรือไง” นายปีโป้ตะโกนบอกไป พี่เดชหยุดนิ่งอีกครั้ง

“กูรู้ว่ามึงก็เจ็บ ทำตามหัวใจของตัวเองบ้างเถะไอ้เดช อย่าทำตามที่คนอื่นบอกนักเลย ถึงคนนั้นจะมีอิทธิพลต่อหัวใจมึง แต่เค้าก็ไม่ใช่เจ้าของหัวใจมึง ยังไม่สาย ถ้ามึงจะเริ่มทำ  หัวใจ มันแตกต่างจากแก้ว ตรงที่มันสามารถแตกสลายได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มึงอาจจะมองว่าความเป็นเพื่อนของเราเป็นแก้ว มันแตกร้าวมาพอควรแล้ว แต่ความรัก มันคือส่วนของหัวใจนะเว๊ย มึงจะให้มันแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหรอ มึงไม่เจ็บเหรอวะ”



“กูทนมาตั้งนาน กูทำทุกอย่างเพื่อมันมาตั้งมากมาย แค่นี้อีกนิดเดียว ทำไมกูจะทำให้มันอีกไม่ได้วะ”  สิ้นเสียงของพี่เดชประโยคนั้น พี่เดชก็ขับรถออกไปจากหอของนายปีโป้


“พวกมึงมันดื้อ ดื้อกันทั้งหมด”  เสียงของคนข้างๆผมดังขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้ามามองผม ผมยิ้มให้เขาอีกครั้ง

“นายก็ดื้อไม่ต่างจากพวกเค้านักหรอก” ผมบอกไป

“แต่ผลของการดื้อของกู กูก็ได้มึงมานี่ และกูก็ไม่ได้ไปยื้อแย่ง บังคับฝืนใจใครด้วย” อีกคนตอบมา ผมไม่รู้จะตอบยังไงไปดี จะบอกว่าเขาบังคับให้ผมรักก็ไม่ใช่ บอกว่าเขาไปยื้อแย่งผมมาจากใครก็ไม่จริง เลยเลือกที่จะยิ้มให้

“ความรักมันเข้าใจยากจริงๆวะ” อีกคนพูดก่อนจะเดินมาจูงมือผมขึ้นหอเขาไป



ผมว่านายปีโป้พูดถูกอยู่ครึ่งหนึ่ง และผิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ความรักไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากหรอก ถ้าใจของสองคนที่รักตรงกัน  ถ้าเขาสองคนรู้สึกเหมือนกัน ความรักก็เป็นเรื่องง่ายของคนสองคน เหมือนคู่พี่เอ็มและคู่หญิง

แต่ถ้าความรักที่ไม่ตรงกัน แต่ใช้เวลาเพื่อจูนเข้าหากันให้มันเข้าที่เข้าทาง และใจตรงกัน ก็คงเหมือนผมกับนายปีโป้ กว่าจะรู้สึกเหมือนกัน มันต้องใช้เวลาในการศึกษา อย่างน้อยก็ความเชื่อมั่น ว่าเขารู้สึกแบบนั้นกับเราจริงๆ

และก็คงเหมือนพี่เดช กับพี่โอ๊ต ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าที่มาที่ไปของสองคนนี้เป็นอย่างไร และถ้าผมไม่เข้าใจผิดไป ผมว่าพี่เดชคงรู้สึกดีกับพี่โอ๊ตไม่น้อย เรื่องราวของน้องเดียว เรื่องราวที่ทำให้พี่เดชต้องออกจากวิทยาลัย เรื่องราวที่ทำให้บาดหมางกับนายปีโป้ ผมว่ามันต้องเกิดจากสิ่งที่พี่เดชทำให้กับอีกคน หรือไม่ก็เพื่อให้อีกคนสบายใจ

รักของพี่เดชดูยิ่งใหญ่กว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย แต่พี่โอ๊ตกลับมองไม่เห็นมัน เพราะพี่โอ๊ตใช้หัวใจทั้งดวงมามองที่นายปีโป้เพียงคนเดียว ในเมื่อใจไม่ตรงกัน รักก็เลยกลายเป็นเรื่องยากของคนสองคน



ผมก็ได้แต่หวัง ว่าใจของเขาทั้งสองคนจะตรงกัน และเรื่องมันจะจบลงด้วยดี







แค่หวังนะครับ

















“น้ำมนต์”  เสียงของอีกคนเรียกผม เมื่อเราสองคนเข้ามาในหอของนายปีโป้ และปิดประตูเสร็จ  สายตาเขาก้มต่ำมองมาที่ผม มือข้างหนึ่งท้าวประตู ข้างหนึ่งอยู่ที่ลูกบิด

“หือ ว่าไง” ผมขานรับเงยหน้ามองคนที่แววตาแดงกล่ำ ไม่รู้เพราะเหล้าหรือเพราะร้อง ลมหายใจมีแต่แอลกอฮอล์ หน้าแดงไปทั้งหน้า

“ไม่ว่าจะยังไง กูก็เลือกมึงแล้ว มึงเชื่อใจกูนะ กูจะไม่มีวันทิ้งมึง” อีกคนพูดด้วยสีตาตั้งมั่น

“ไม่เคยกลัวนี่ นายนั่นแหละ ที่ต้องระวังตัวไว้” ผมบอกก่อนจะเลื่อนมือตัวเองเปิดไฟห้อง

“ไม่มีทางหรอก มึงต้องไม่มีทางทิ้งกู” อีกคนพูดมาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว” ผมย้อนถาม

“คืนนี้นี่แหละ ที่กูจะทำให้มึงมั่นใจ”





นายปีโป้บอกผมก่อนจะเลื่อนมือจากลูกบิดไปปิดสวิตซ์ไฟที่ผมเพิ่งเปิดเมื่อครู่ หน้าของคนที่ก้มอยู่ ก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะแนบกับหน้าผม ริมฝีปากของเขาประกบเข้าพอดีกับริมฝีปากของผม


สายลมอ่อนๆพัดมาทางระเบียงที่ไม่ได้ปิด แสงสว่างจากข้างนอกที่บอกไมได้ว่าแสงจันทร์หรือแสงไฟฟ้าส่องเข้ามาทำให้ห้องดูไม่มืดจนเกินไป  เวลาและค่ำคืนนี้คงดำเนินอย่างเชื่องช้า ผ่านราตรีที่แสนยาวนาน อย่างที่ใครหลายต่อหลายคนต้องการให้เป็น





เช่นเดียวกันกับการจูบกัน .. ครั้งนี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-12-2011 00:32:31
ห๊าาาาาาา เค้าได้กันแล้วววว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 10-12-2011 00:45:25
อะฮะ อะฮะ คืนนี้จะไปถึงเลเวลไหนกันจ๊า  :m4:

โอ๊ตเอาคนมาเกี่ยวหลายคนจัง เจ้าเล่ห์นะเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 10-12-2011 08:22:57
ปีโป้อ่ะ จูบน้ำมนต์ แค่นี้ ต้องปิดไฟด้วยเหรอ  :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 10-12-2011 09:31:47
เอ๊ะ ๆ มันช่างน่าสงสัย คืนนี้จะไปถึงไหนกันหนอ  :-[

โอ๊ตใจร้ายมาก ทำร้ายคนไปทั่วเลย ทำคนอื่นเสียใจไว้เยอะ ตัวก็มาเจ็บแบบนี้ ยังไม่รู้สึกตัวอีก ไม่ยอมจบซะที ใจร้ายที่สุด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: goonglovenut ที่ 10-12-2011 09:52:02
 o13น้ำมนต์สุดยอด บทจะเข้าใจก็เข้าใจง่ายดี
มีสติยั้งคิดชอบอ่ะ คนใจร้อนต้องได้แฟนแบบนี้แหละ
คนเขียนเก่งนะ ใช้คำพูดมาเขียนได้ซึ้งดี :3123:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 10-12-2011 10:06:47
 :o8: เค้าแค่จูบกันหรือได้กันแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 10-12-2011 12:00:14
โอ๊ตเจ้าเล่นะ :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 12-12-2011 14:30:58
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย สงสารปีโป้ สับสนน่าดู ทรมานนะที่ได้มารุ้แบบนี้เหอเหอ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 12-12-2011 19:46:51
น้ำมนต์น่ารักจัง เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายดี ไม่ค่อยคิดมาก ปีโป้ถึงรักขนาดนี้  :-[

ส่วนเรื่องของโอ๊ตนี่ดูซับซ้อนจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-12-2011 20:49:48
รู้สึกดีจังเลยน้า เวลามีปัญหาแล้วมีคนยืนเคียงข้าง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 34 รักเจ้าเอย 10/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 12-12-2011 22:26:06
คนแต่งกำลังจะอัพแล้วววววว มาลอยคอ รอคอย อย่างตั้งใจ วิ้วววววว
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 12-12-2011 22:27:09
เอาคอนพิเศษมาแก้ขัดครับ  :L2: :L2:




ตอนพิเศษ :: ช้างน้อย – พี่บ่าว


“ช้างน้อย เดี๋ยวเธอกลับกับใครเหรอ” นังหญิงเอ๋ยถามชั้นเบาๆ เมือ่ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่อง งานเลี้ยงย่อมมีวีนเลิกรา ชั้นรู้ดี แต่ชั้นนี่สิ ยังไม่เลิกเวิ้นเลย ทั้งหน้าพี่ปีโป้จูบนังน้ำมนต์ และพี่บ่าวหอมแก้มชั้นมันยังวิ้งๆอยู่ในหัวไม่หายเลย

“อ้าว แล้วตอนมาช้างน้อยมากับใครเหรอ” พี่เอ็มหันมาถามชั้นบ้าง

“อ๋อ เพื่อนที่วิทยาลัยมาส่งอ่ะคะ ก็คิดว่าตอนกลับจะให้พี่ปีโป้ไปส่งก่อน แต่เค้าก็ไปกันหมดแล้ว” ชันพูดไปด้วยความน้อยอกน้ออยใจ ที่ดันเกิดมาเป็นกระเทยที่ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่นัก ได้แต่สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกรอยยิ้ม แต่ก็ต้องอยู่อย่างคนเหงา พูดแล้วชั้นเศร้า น้ำตาอยากจะไหล




“เดี๋ยวกูไปส่งเอง” และแล้วเหมือนเสียงฟ้าประทาน เสียงพี่บ่าวดังมาจากข้างหลัง พี่แกพูดกับพี่เอ็ม ชั้นหันไปมองแก เหมือนมีแสงออร่าอยู่ด้านหลงพี่เค้า .. พระเอกมาอ่ะ !!

“จะดีเหรอออ .. พี่บ่าวก็” ชั้นถามพี่ไปแบบเขินๆอายๆ ก็รู้ๆกันอยู่ว่า look live love คนนี้แค่ไหน

“อย่าเรื่องมาก หรือจะนอนเฝ้าร้าน” โห มามาดไหนอีกเนี่ย ดุเชียว เมื่อกี้ยังตบมุกกับชั้นอย่างกับมาจากคณะเชิญยิ้มเหมือนกัน พอตกดึก ตลกตกงานซะงั้น

“ไปค่ะไป ชั้นแล้วนะหญิง ไว้เจอกัน” ชั้นบอกกับพี่บ่าว ก่อนจะหันไปลานังหญิง ที่ยืนเบียดๆกับพี่เอ็ม อย่างกับจะสิงร่างกันแล้ว 







สายลมอ่อนๆในยามดึกของคืนนี้ช่างหนาวบาดขั้วหัวใจชั้นจริงๆในตายเถอะแจ็ก โรสหนาวปานอยู่ในทะเลน้ำแข็ง อยากเอามือโอบกอดพี่บ่าวเพื่อคลายความเหน็บหนาวแทบตาย แต่ก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังที่กว้างและสง่านั้น รู้ดีว่าที่พี่แกเล่นด้วยก็เพื่อให้ทุกคนครึกครื้น เค้าไม่ได้จริงจัง หรือสนใจเราจริงจังอย่างคำยุของใครต่อใคร



ชั้นก็เลยต้องเจียมตัว ว่าแค่อยู่ในฐานะ ดาราตลกแค่นั้น ใครกันละจะมารักดาราตลกอย่างชั้น ก็ชั้นมันไม่ใช่นางเอกนี่ .. แค่มีบทบาทในเรื่อง ได้สร้างสีสันก็ดีแค่ไหนแล้ว




“หนาวเนอะ” อยู่ๆพี่บ่าวก็พูดขึ้น

“ช้างน้อยหนาวมั๊ย” พี่แกหันมาถามชั้น ชั้นได้แต่พยักหน้าเชิงรับรู้ว่าหนาวเหมือนกับที่พี่แกรู้สึกเหมือนกัน

“ไปทางเดิมใช่มั๊ย” พี่กถามอีกครั้ง

“ใช่ครับ ทางเดียวที่เคยไปส่งวันก่อนนั่นแหละ” พี่แกเคยไปส่งชั้นมาครั้งนึงแล้ว ครั้งนั้นก็ที่พานังชะนีจอยไปส่งหอ ก่อนจะพาชั้นไปส่งอีกที

“ครับเหรอ ?” พี่แกทักท้วงกับคำขานรับของผม

“อ๋อ ค่ะ” อันที่จริง ก็ไม่อยากจะพูด คะ ขา ให้ใครต่อใครมองว่าแรดแบบนั้นแบบนี้ แต่ก็บอกไง เวลาชั้นอยู่กับเพื่อน เสียงหัวเราะของเพื่อน สำคัญกับชั้นที่สุด ใครจะมองยังไงก็ช่างหัวเค้า ชั้นไม่แคร์อยู่แล้ว

“ตกลงจะคะ หรือจะครับ” พี่บ่าวยังไม่หยุดสงสัย

“แล้วพี่ต้องการให้ช้างน้อยพูดแบบไหนละ” ชั้นเลยถามไปบ้าง

“ลองพูดครับ ทำตัวแบบผู้ชายสักวันได้มั๊ย” พี่แกพูดพร้อมกับเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านชั้น

“สักวัน ?” ชั้นงงกับคำว่าสักวันนั้น

“พรุ่งนี้พี่จะมารับไปดูหนัง แต่ช้างน้อยต้องเป็นผู้ชายนะ ตอนเที่ยงก็แล้วกัน พีไปละ” พี่แกบอกชั้นแค่นั้น พร้อมกับควันรถและเสียงแว๊นก็หายไป ทิ้งให้ชั้นยืนงงกับเรื่องที่ได้ยิน








“กรี๊ดดดดดด” ชั้นกรี๊ดในใจเสียงดังกว่า 135 เดซิเบล ถ้ากรี๊ดออกเสียง ป่านนี้คนทั้งหมู่บ้านคงตื่นกันหมด  นี่พี่แกชวนชั้นไปเดทหรือเนี่ย ไม่น้า .. ชั้นเขินนะเนี่ย




ตายแล้ว ต้องพอกหน้าก่อนสิ ไม่นะ เพิ่งกินเหล้ามา หน้าโทรมแน่ๆ แล้วชุดละ จะใส่ชุดอะไรไป โอ๊ยยย แม่จะซักชุดโปรดให้หรือยังนะ

โอ๊ยย ตื่นเต้น คือนนี้ชั้นจะได้นอนมั๊ยเนี่ย !!!








หลายคนคงคิดว่าชั้นโอเว่อร์แอคติ้ง แต่ก็จริงคะ ก็ชั้นไม่ได้เดทมานานมากๆแล้วนะสิ ไม่ค่อยมีใครเข้ามาจีบชั้นหรอก ถ้าเป็นชายจริงก็จะเช้ามาหานังหญิง ถ้าเป็นชายเทียมก็จะหลงเสน่ห์นังน้ำมนต์ ชั้นเลยไม่ได้ชายไหนมาสนใจ บางทียังมีชะนีเล็กชะนีน้อยมาตามขอถ่ายรูปขอเบอร์ จนชั้นต้องแรดกลบเกลื่อนให้รู้ไปเลยว่า “กูเป็นตุ๊ด” อย่ามาจีบกูนะยะ





ว่าแล้วกว่าที่ชั้นจะพอกหน้า จะขัดผิว จะจัดชุดเสร็จสรรพ ราตรีนี้ก็ใกล้จะหมดแล้วซะงั้น ชั้นหลับไปด้วยความเพลียตั้งแต่ตอนไหนไม่ยักรู้หรอก รู้แต่แผ่นมาร์คหน้าที่พอกไว้ ยังไม่ได้เอาออกเลย ตื่นมาก็กรี๊ด กร๊าดอยู่พักใหญ่ กลัวสิวอุดตันขึ้นสิ  กว่าจะหน้าใสแบบไม่พึ่งวุฒิศักดิ์เนี่ย ชั้นหมดไปหลายหมื่นแล้วนะ ใครบอกมีของดีมีสูตรเด็ด ชั้นลองมาหมด ถ้าใครมาถามเคล็ดหน้าใสจากชั้น ชั้นก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าตัวไหนดีสุด เพราะใช้มาเยอะมากกกกก





ขณะที่ชั้นอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันคาดอก บนหัวใส่หมวกอาบน้ำ พาดผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเอาไว้ที่คอ มือก็กำลังบีบครีมสำทารองพื้น คำพูดของพี่บ่าวเมื่อคืนก็ดังขึ้น




“พรุ่งนี้พี่จะมารับไปดูหนัง แต่ช้างน้อยต้องเป็นผู้ชายนะ”





กรี๊ดดดดดดดดด  ต้องเป็นผู้ชายนะ !!!!! นี่มันอะไรของพี่บ่าวเนี่ย ทำอย่างไรละคะทีนี้ เปิดตู้เสื้อผ้ารื้อตู้ใหญ่ หาชุดที่แมนที่สุดในสามโลกมาใส่ แล้วมันจะมีไหมเนี่ย บริจาคเด็กข้างบ้านไปหมดแล้วห ม่าม้าอ่ะ รู้ว่าหนูไม่อบก็เอาไปให้เขาหมด ตอนนั้นชั้นก็ดีใจ แต่มาตอนนี้หนูชักโกรธหม่าม้าแล้วนะ







ในที่สุดชั้นก็แปรงโฉมตัวเองเสร็จจนได้ ทันเวลาที่เสียงมอเตอร์ไซค์ของพี่บ่าวมาเทียบท่าจอดหน้าบ้านพอดิบพอดี ชั้นรีบคว้าเป้ที่เพิ่งรื้อมาจากลังเก็บของ อาจจะดูเชยไปหน่อย แต่แมนมากกกกกก






“ตรงเวลาจังเลย พี่บ่าว” ชั้นพูดพร้อมกับเปิดประตู คว้าผ้าใบคู่โปรดใส่เท้าอย่างไว หันไปมองอีกทีก็เห็นพี่บ่าวมองชั้นตาค้างแล้ว นี่ถ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่องนะ ชั้นคงคิดว่าชั้นเป็นนางเอกไปละ ฉากที่พระเอกมองชั้นตอนนุ่ชุดราตรี เดินลงจากบันไดบ้าน




ว้ายๆๆๆ วนิดาชัดๆ  .. เขินเลยนะเนี่ย !!!




“แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนี่” พี่บ่าวพูดมาพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย แต่เล่นเอาใจชั้นสั่นไปทั้งตัว ใจสั่นนะคะ แต่รู้สึกได้ทั้งตัว




ชั้นหันไปมองกระจกของบานประตูบ้าน ที่พอสะท้อนให้เห็นตัวชั้นในวันนี้อีกครั้ง ภาพข้างหน้าคือเด็กชายตัวเล็กๆ กับผมที่ไม่ได้เซ็ทอะไร แค่เป่าให้แห้ง เสื้อยืดที่พอดีตัว ยี้ห้อ YATTA ที่ดาราชอบใส่กัน ที่เพื่อนที่รู้จักซื้อให้ตอนวันเกิด และก็ไม่ได้ใส่มันสักที กางเกงยีนเดฟที่รัดขาเส้นเลือดแทบปริ กับผ้าใบสีฟ้าคู่โปรด และเป้สะพายข้าง ..




แค่นี้ .. พี่บ่าวก็ตะลึงชั้นแล้วเหรอเนี่ย หลงใส่บิ๊กอาย พอกหน้าซะนาน .. หึหึ



“ไปกันยัง” พี่แกเรียกให้ชั้นรู้สึกตัวอีกครั้ง

“อ่า .. ครับ” ผมตอบพี่แกไป ก่อนที่พี่บ่าวจะส่งหมวกกันน็อคมาให้ชั้น ชั้ยสวมมันเข้าศีรษะ รู้สึกดีที่วันนี้ไม่เซ็ทผมมา มางั้นคงเสียทรงไปกับหมวกใบนี้ แต่มันก็ใส่ที่ล็อกใต้คางยากเย็นจริงๆ


“มาพี่ช่วย” พี่บ่าวพูดพร้อมกับเอามือของแกมาจับสาย แล้วก็ใส่สายรัดคางหั้น สายตาพี่แกวันี้ ทำไมมันดูแตกต่างจากทุกๆวันนะ พี่บ่าวหนุ่มพูดทองแดง ที่คอยแต่พูดอะไรกวนประสาท ทำตัวกวนตีนเพื่อนในกลุ่ม สายตาของแกวันนี้ช่างดูอบอุ่น ชวนมองมาก ชั้นตื่นเต้นฉี่แทบเล็ด กับสายตานั้น  อุ๊ยย !!!






แล้วพี่บ่าวก็พาชั้นมาที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัด พี่แกลากชั้นเดินอย่างไว ชั้นไม่ทันได้สนใจเลยว่าใครมองมา หรือใครมาห้างวันนี้บ้าง รู้เพียงแต่พี่บ่าวแกมุ่งหน้าไปชั้นดูหนังในทันที





“จองตั๋วก่อน” พี่แกหันมาบอกแค่นั้น

“ครับ ..” ผมตอบไป

แล้วพี่แกก็เข้าช่องซื้อตั๋ว โดนไม่ได้ถามชั้นสักคำว่าจะดูเรื่องอะไร รอบไหน แต่ก็ปล่อยไปเถอะ แกคงเลี้ยงชั้น ชั้นยังไงก็ได้ แค่สงสัยว่าพวกเด็กช่างนี่ ไม่มีความโรแมนติกอะไรเลยหรือไง




“อ่ะ ตั๋วของช้างน้อย” พี่แกส่งตั๋วมาให้ชั้น ชั้นก็รับไป

“140 บาท” พี่แกบอกต่อ ชั้นหันควับไปมองอย่างงงๆ

“ไม่ได้เลี้ยง แค่ชวนมาดู” พี่แกยืนยันว่าจะเอาเงินชั้น  กรี๊ดดดดด แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกคะ จะได้เลือกเรื่องกับเค้าบ้าง ชั้นควักเงินให้พี่แกไปอย่างลวกๆ วางไปบนฝ่ามือของพี่แก





“ไป กินข้าวกัน” พี่แกพูด แล้วก็เดินนำไปอีกแล้ว

“เดี๋ยวพี่บ่าว” ชั้นเลยต้องห้ามพี่แกก่อน

“มีอะไรเหรอ” พี่แกหยุดแล้วหันมาถาม

“จะไปกินอะไร ถามช้างน้อยด้วยสิ” ชั้นบอกแกไป แกทำหน้าคิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มๆมาให้ผม

“แล้วน้องช้างน้อยอยากกินอะไรละ”

“กินพิซซ่า” ชั้นบอกไป

“หือ ไม่เอาอ่ะ ไม่เห้นจะอร่อย เลี่ยนก็เลี่ยน” พี่บ่าวให้เหตุผลมา

“เคเอฟซี ดีมะ” ชั้นให้อีกอย่าง

“โห กินไก่ทอดหาดใหญ่ ยังอร่อยกว่าอีก”  เอ่อ .. พี่แกเปรียบเทียบซะ

“เอ็มเค เอาป่ะ”

“กินหมูกระทะโก๊ะตี๋ก็ได้มั้ง”

“แล้วพี่อยากกินอะไรละ”  ชั้นเริ่มจะไม่ไหวกับสิ่งที่พี่แกแทนเข้ามาแล้วนะ

“ข้าวแกงแล้วกัน พี่อยากกินอะไรเผ็ดๆ” พี่แกพูดเสร็จก็เดินนำชั้นไป 







กรี๊ดดดดดดดดดดด นี่เหรอการเดทของชั้นกับพี่แกในวันนี้ ..





“น้องช้างน้อยไม่กินอะไรเหรอ” พี่แกพาชั้นมากินที่ฟู๊ดคอร์ทของห้าง และพี่แกก็ไปซื้อหาอาหารของแกมาจนได้

“ช้างน้อยยังไม่ค่อยหิว เดี๋ยวช้างน้อยเดินไปซื้อขนมกินก่อนนะ” นบอกพี่แกก่อนจะเดินมาซื้อเบเกอรรี่ร้านดังของเมืองไปนั่งกินกับพี่แก





ขณะนั่งกินข้าวนั้น ชั้นรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะบนใบหน้า  นี่หน้าจะมันเท่ากระทะทอดกล้วยแขกยังเนี่ย รู้สึกเสียความมั่นใจ เอามือลูบริมฝีปาก ก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่แตกแห้งระแหงไปหมด


โอ๊ยยย หมดกัน ปากอมชมพูของชั้น ไมได้รับวิตามินตามที่ควรได้ หน้าชั้นจะเป็นสิวไหมเนี่ย หน้ามันซะอย่างนี้





“เวลาแต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ไม่เห็นต้องแต่งอะไรให้มากเลย” พี่บ่าวบอกชั้น

“แต่ ..” อยากจะถียงใจแทบขาดว่าแบบนี่อ่ะ มันไม่ใช่ชั้น แต่ก็นะ อย่าดีกว่า

“อ่าครับ อิ่มหรือยัง ไปดูหนังกัน” ชั้นบอกพี่บ่าว แกยิ้มให้ชั้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกจากศูนย์อาหารไปพร้อมๆกัน








“เอ๊ย ไอ้บ่าว” ยังไม่พ้นจากศูนย์อาหารก็มีเสียงเรียกพี่บ่าวดังมาจากด้านหลัง ชั้นหันควับไปมองด้วยความสงสัย 

“อ้าว ไอ้นนท์ ว่าไงวะ กลับมั้งแต่เมื่อไหร่” พี่บ่าวหันไปสนทนากับชายหนุ่มที่เดินมา ชั้นแอบกรี๊ดในใจดังกว่าเดิม เพื่อนพี่บ่าวคนนี้หล่อมากกกก หล่อจนชั้นอยากลากกลับบ้าน

“เพิ่งถึงเมื่อเช้านี่แหละ มึงละเป็นไงบ้าง”

“เออ กูสบายดี ไม่เจอนาน หล่อขึ้นเยอะเลยนะมึง เป็นเด็กเทพก็งี้แหละนะ”

“เอ๊ย ชมเกินไปแล้ว แล้วนี่มึงมากับใคร” พี่เค้าพูดแล้วหันมามองชั้น ทั้งที่ชั้นก็ยังจ้องหน้าพี่เค้าอยู่ อุ๊ยตาย หลบไม่ทัน

“อ๋อ เพื่อน ชื่อช้างน้อย” พี่บ่าวหันมามองชั้น ก่อนที่จะหันไปพูดกับพี่คนนั้น

“เอ๊ย ชื่อน่ารักดีวะ ดีครับช้างน้อย ผมนนท์นะครับ” พี่แกชื่อนนท์ พี่แกบอกชั้น ได้ยินกันทั่วมั๊ยยะ

“ดีครับ” เก็กเสียงหล่อที่สุดในสามโลก ตอบแกไป

“เพื่อนมึงน่ารักดีนี่ ไม่น่าเป็นเด็กช่างเหมือนมึงนะ” พี่นนท์ชมชั้นอีกแล้ว อ๊ายยย ชั้นเขินที่สุดในสามโลก

“เออ มันเรียนวิทยาลัยศิลป์ มันมีเมียแล้ว” อ๊ากกกก พี่บ่าวพูดอะไรออกไป ทำไมพูดทำร้ายช้างน้อยแบบนี้ มีเมียเนี่ยนะ

“หือ อะไรนะ นึกว่ายังโสด เสียดายจัง” ม่ายยยยยยยยยย ช้างน้อยอยากตาย ใครก็ได้ลากช้างน้อยไปเผาหน่อย ทำไมพี่บ่าวถึงทำกับช้างน้อยแบบนี้

“เสียดงเสียดายอะไร แฟนมึงเยอะแยะ” พี่บ่าวหันไปคุยกับพี่นนท์ต่อ โดยทิ้งให้ชั้นยืนก้มหน้ามองเล็บตีบตันตัวเองอย่างอนาถใจ

“เยอะแยะอะไร ก็เลิกหมดแล้ว” นั่นไง พี่เค้าอยากจีบชั้นแน่ๆ

“เออ ค่อยคุยกันมึง เดี๋ยวกูไปธุระก่อน” พี่บ่าว จะรีบไปไหนนนนนนน ยังอีกนานกว่าหนังจะเข้า

“เออ เดี๋ยวค่อยโทรชวนไปกินเหล้า” พี่นนท์พูดพร้อมกับกับโบกมือไป

“ไปก่อนนะช้างน้อย” กรี๊ดดดด ยังไม่ลืมหันมาลาชั้น

“ครับ ไว้ค่อยเจอกัน” อ๊ายยย ชั้นอยากบอกว่า ขอเบอร์ ขอพิน ขอวอทแอพได้มั๊ย อยากพูดมากกว่านี้  แต่ติดกับสายตาตรงหน้านั้น






“ชอบอะดิ เพื่อนพี่” หันมามองแบบรู้

“ทำไมพี่บ่าวพูดไปแบบนั้นละ ช้างน้อยเสียหายหมดนะ” ชอบยังไงก็ต้องแอ๊บไว้ แอ๊บไว้ช้างน้อย พุทโธ ธัมโม สังโฆ

“ก็ทำไมละ บอกไปว่าโสด มันก็จีบเราดิ มันอ่ะเสือไบ ขาฟันเลยนะ อย่างช้างน้อยอ่ะ หลงมันแน่ โดนมันฟันแล้วทิ้งอยู่แล้ว พี่ไม่อยากให้ไปยุ่งกับมันนัก”

พี่แกตอบมาด้วยหน้าตาจริงจัง จนอิชั้นน้ำตาจะไหล นี่พี่แกเป็นห่วงชั้นเหรอเนี่ย 

“หน้ามันหมดแล้ว ไปห้องน้ำก่อนมั๊ย” พี่บ่าวทักชั้น ยอมรับว่ารู้สึกเสียเซลฟ์ ถ้ามีใครมาทักชั้นแบบนี้ แต่วันนี้ตั้งใจจะแมนแล้วก็แมนให้ทั้งวัน หน้ามงหน้ามันไม่สนใจ เพราะชั้นมั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนก็เหมือนชั้น

“ไม่เป็นไรครับ ไปดูหนังกันเถอะ” ชั้นบอกพี่แก พี่แกยิ้มให้ชั้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินใกล้ชั้น แล้วเอามือมาเกาะบ่าพาชั้นเดิน





“ตึกตึก ตึกตึก” ชั้นสัมผัสได้ถึงใจที่สั่นของชั้นแทบไม่เป็นจังหวะ นี่มันอะไรกันเนี่ย แค่พี่แกเดินมาเกาะบ่าใจชั้นก็สนั่นหวั่นไหวหมดแล้ว





แต่ใจต้งอมาสั่นเป็นสองเท่า เมื่อชั้นเดินมาเจอกับสิ่งนี้

“พี่บ่าวววว !!!” ชั้นเรียกชื่อพี่แกออกมา

“มีอะไรช้างน้อย” พี่แกถามมาด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้ชั้น








“เครื่องสำอางลดราคา !!!” 











อึ้ง อึ้ง พี่บ่าวอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก ก่อนจะทำหน้าบึ้งไม่พอใจใส่ชั้นมา ชั้นเลยต้องหลบตาต่ำ ลืมไปเลยว่าวันนี้ต้องแอ๊บแมน แต่ก็นะ เครื่องสำอางยี่ห้อโปรดของชั้นมันลดราคานี่ หึหึ ดูสิชะนีสี่ห้าตัวกำลังตบตีแย่งกันอย่างเมามัน ถ้าชั้นพลาดงานนี้ คงได้ซื้อราคาเต็ม เงินหมดกันพอดี  ม่ายยยยยย





“จะดูมั๊ยหนังอ่า” พี่แกพูดพร้อมกับมือที่กระชับบ่าชั้นแน่นกว่าเดิม พร้อมกับออกแรงลากไป สายตาชั้นยังคงปรายตามองที่ร้านเครื่องสำอางนั้นเล็กน้อย จนลับสายตาชั้น





ถือว่าหนังที่พี่บ่าวเลือกดูจะมีรสนิยม เหมาะกับชั้นพอสมควร เพราะพี่แกเลือกหนังฮอลีวู้ดทุ่มทุนสร้างดู เพราะชั้นก็ชอบหนังแนวนนี้อยู่แล้ว พระเอกแสนหล่อ นางเอกแสนเปรี้ยว ยิงกันตู้มต้าม  แอฟเฟ็กอลังการตระกาตาดาวล้านดวง มันเป็นอะไรที่ช้างน้อยไลท์มากๆ






“ไง ชอบมั๊ย” พี่บ่าวถาม ระหว่างที่เราสองคนออกมาจากโรงหนังแล้ว

“ชอบครับ มันมากเลย” ชั้นตอบไปยิ้มๆ และจริงใจ ไม่ได้เสแสร้ง

“ดีครับ ช้างน้อยชอบพี่ก็ดีใจ” พี่แกพูดพร้อมกับเดินมาเตะมือที่บ่าชั้นพาเดินอีกครั้ง ครั้งนี้ผมรู้สึกชินมากขึ้น และก็พอจะรู้เหตุผลที่แกให้ชั้นแต่งตัวแมนๆแบบนี้แล้วละ เพราะพี่แกคงไม่อยากให้ตกเป็นเป้าสายตาใคร ไปไหนมาไหนแบบเพื่อนๆกัน ซึ่งชั้นก็เข้าใจ เพราะถ้าเดินกับคนแรดๆอย่างชั้นสองต่อสอง ก็ต้องตกเป็นขี้ปากขี้ตาใครๆเค้า




แต่วันนี้ชันก็อึดอัดเล็กน้อยเหมือนกันนะ ชุดนะไม่เท่าไหร่ เพราะปกติชั้นก็แต่งแบบนี้ แต่แค่เยอะกว่านี้นิดหน่อย แต่หน้าที่มันเยิ้ม ปากที่ซีดแตกนี่สิ มันทำให้ความมั่นใจในตัวชั้นลดลง 56.39 เปอร์เซ็นต์





“รอพี่ตรงนี้แป๊บนะ เดี๋ยวพี่มา” เหมือนพี่แกมีอะไรต้องไปทำ ชั้นเลยยืนรอพี่แกอย่างที่พี่แกบอก






จะว่าไปมาเดทกับพี่บ่าววันนี้ เอ๊ะ เรียกว่าเดทคงไม่ได้สิ เอาว่ามาดูหนังกับพี่แกวันนี้ ก็ไม่ได้เลวร้าย  ถึงแม้ว่าพี่แกไม่ได้หล่อเหลา เดินมาปุ๊บ สาวกรี๊ดเหมือนหนูวิ่งตัดหน้า แต่พี่แกก็มีเสน่ห์ในแบบของพี่แก เสน่ห์ของผู้ชายบ้านๆ ที่แสดงได้แค่ความจริงใจ และความเป็นห่วงเป็นใย ชั้นว่าถ้าผู้หญิงคนไหนได้พี่แกเป็นแฟน คงโชคดีไม่น้อยเลย อย่างน้อยพี่แกก็น่าจะดูแลผู้หญิงคนนั้นได้




ภาพของเด็กช่างกวนบาทาเมื่ออยู่ในกลุ่มพี่เขา กับภาพที่ชั้นเห็นวันนี้ดูแตกต่าง แต่ก็ดูน่าสนใจไปอีกแบบ รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่อย่างน้อยชั้นก็ได้สัมผัสกับอีกมุมหนึ่งของผู้ชายคนนี้ ถึงพี่เค้าจะไม่ได้คิดอะไรกับชั้น แต่ชั้นก็แอบคิดว่าตัวเองฉลาดที่เลือกชอบผู้ชายคนนี้ เพราะพี่แกมีดีกว่าที่คนอื่นๆคิด




ว้ายย เขินจังเลย คิดอะไรของชั้นเนี่ย






“รอนานมั๊ย”  พี่บ่าวกลับมาละ

“เปล่าคะ  เอ๊ย เปล่าครับ” ชั้นตอบไปยิ้มๆ  แหม มันไม่ชินสักที

“ถ้ามันลำบาก ก็ไม่ต้องฝืนก็ได้ เป็นตัวของตัวเองเถอะ” พี่แกพูดมายิ้มๆกับชั้น ดูเป็นยิ้มของความจริงใจ หาใช่ยิ้มเยาะเย้ย
“แต่ ..”

“พี่ขอโทษ ทีไปบังคับให้เราทำอะไรที่ไม่ถนัด  เอ๊านี่  พี่ซื้อให้” พี่บ่าวพูดพร้อมกับยื่นถุงเครื่องสำอางร้านที่ลดราคามาให้ชั้น

“พี่ชื้อให้ช้างน้อยเหรอ” ชั้นถาม ตาโตด้วยความสงสัย

“ใช่ แต่ไม่รู้จะถูกใจมั๊ยนะ  พี่บอกพนักงานว่า เอาไอ้ตัวที่ทำให้หน้าไม่มัน และก็ไม่วอกมาก เอาแบบปากไม่แดง แต่ก็ไม่แตก  ช้างน้อยใช้ได้หรือเปล่า”  พี่บ่าวยิ้มๆ เอามือเกาหัวแสดงถึงความเขินอาย  ว๊ายยยย เวลาเขินอายพี่แกน่ารักขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์นะเนี่ย




“ขอบคุณนะคะ” ชั้นตอบพี่แกไป





ก่อนที่พี่แกจะเอาถุงไปถือให้ และมือกลับมาพาดบ่าชั้นอีกครั้ง  ชั้นไม่รู้หรอก ว่าพี่แกรู้สึกกับชั้นแบบไหน พี่น้อง เพื่อนกัน หรือมากกว่านั้น แต่ชั้นก็ดีใจนะ ที่พี่แกเข้าใจชั้น และไม่รังเกียจที่ชั้นเป็น


คนเราถ้าจะรักจะชอบกัน ก็อย่าพยายามไปเปลี่ยนอีกคนให้มากจนเกินไป จนทำลายความเป็นตัวเค้า แต่ถ้าอีกคนพร้อมจะเปลี่ยนนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ผิดนี่ ถ้าจะเปลี่ยนเพื่อคนที่เรารัก 



เส้นทางของใครก็เส้นทางมัน แต่ถ้าจะมาร่วมทางเดินกัน ก็ตองเอาเส้นทางของทั้งสองมาต่อกัน ข้างทางข้างหนึ่งเป็นของตัวเอง ข้างทางอีกข้างหนึ่งก็เป็นของอีกคน ผลัดกันเดินชมข้างทางของกันและกันไปเรื่อยๆ

สักวันหนึ่งมันก็จะเป็น “ทางของเรา” 


ชั้นพล่ามไปอย่างนั้นแหละ เพราะตอนนี้ชั้นก็ยังเดินในทางของชั้น พี่บ่าวก็ยังเดินในทางของแก แค่วันนี้ทางเดินของเราสองคนมันมาตัดผ่านกันเฉยๆ ... พรุ่งนี้อาจจะแยกไปตามของตัวเอง หรือว่าจะสร้างถนนตัดใหม่ ก็ไม่มีใครรู้หรอก







ขอบใจนะพี่บ่าว .. สำหรับวันนี้ ..
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: teae ที่ 12-12-2011 23:19:04
น่าจะเปงอีกคู่นะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-12-2011 23:30:33
ต่อให้พี่บ่าวและช้างน้อยจะไม่ใช่คู่กัน แต่เราเชื่อนะว่าสองคนนี้จะมีมิตรภาพที่ดีต่อกันตลอดไป เราชอบโมเม้นต์นี้ค่ะ
ขอบคุณมากๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 12-12-2011 23:33:29
จะมีหวังมั้ยคู่นี้  :call:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 13-12-2011 07:42:56
ช้างน้อยกะพี่บ่าว :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 13-12-2011 08:58:04
อบอุ่นดีนะ

วันนึงคงมีคนมารักช้างน้อย อย่างที่ช้างน้อยเป็น ^_______^

ปล. คิดถึงน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 13-12-2011 09:01:23
รอถนนตัดใหม่ที่มีช้างน้อย-พี่บ่าวร่วมทางกัน   

พี่บ่าวคงคิดว่าได้ว่าเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุด อย่าไปฝืนใจใคร  เพราะตัวพี่บ่าวก็คงไม่อยากถูกบังคับ

แต่แอบฮาพี่บ่าว ที่เก็บเงินค่าตั๋ว  มีการบอกช้างน้อยว่า ชวนมาดู   เดทแรกกับข้าวแกง อืมหรูจริงๆ พี่บ่าว  แต่ยังมีมุมน่ารักที่แอบไปซื้อเครื่องสำอางให้ช้างน้อยอ่ะ 

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 13-12-2011 11:45:03
เครื่องสำอางยี่ห้ออะไรเนี๊ยยยย สรรพคุณดีเวอร์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 13-12-2011 13:25:23
น่ารักนะเนี่ย
ช้างน้อยมีคู่กับเค้าซะที :z2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-12-2011 13:47:40
คู่นี้น่าสนใจไม่แพ้คู่เอกแหละ อิ อิ  พี่บ่าวกับช้างน้อย
หวังว่าคงมีเรื่องราวของคู่นี้อีกนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ช้างน้อย - พี่บ่าว 12-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-12-2011 13:51:05
ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็คบ ๆ กันไป เป็นเพื่อน พี่-น้อง มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ดูแลกัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 13-12-2011 15:52:04
จัดมาอีกคู่ !!



ตอนพิเศษ หญิง – พี่เอ็ม


“พี่เอ็ม หญิงรออยู่ที่เดิมนะคะ”  สิ้นเสียงของน้องหญิง ผมวางหูโทรศัพท์แล้วหลับตาลงอีกครั้ง  วันนี้ผมมีนัดไปรับหญิงมาทานข้าวเที่ยงครับ ตั้งแต่ผมเริ่มจีบ และเริ่มคบกัน การทานข้าวเที่ยงของเราสองคนก็ดูเป็นอะไรที่ต้องพบ ต้องเจอกันทุกวันแล้วสิ



ที่หลับตานี่เพราะว่ากำลังนึกถึงช่วงที่จีบๆกันครับ หลายคนคงงง ว่าผมเข้าไปในชีวิตหญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ และหญิงละเข้ามาในชีวิตผมตั้งแต่เมื่อไหร่





ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนเลยว่า ผมเป็นคนค่อนข้างขี้อายครับ จึงไม่ค่อยมีแฟนตลอดเวลาอย่างกับคนอื่นเค้า แต่ก็มีคนเข้ามาคุยกับผมเรื่อยๆ แต่ก็นั่นละครับ ในเมื่อมันไม่ใช่ ผมก็ไม่ฝืนใจเท่าไหร่






จนไอ้โป้มันมาจีบน้องน้ำมนต์ และทำให้ผมรู้ว่าหญิงกับน้ำมนต์ไม่ได้เป็นแฟนกัน  ตอนนั้นมันก็ทำให้ผมมองหญิงในมุมมองที่เปลี่ยนไป จะว่าชอบก็ใช่  แต่ก็ยังไม่กล้าจีบหรอกครับ ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็นคนขี้อาย





จนกระทั่งวันนั้น





.

.

.







“พี่เอ็มคะ  ..” เสียงน้องหญิงเรียกผม ผมหันไปมองเธอ

“ว่าไงครับน้องหญิง” ถามไปหน้าสงสัย พอๆกับเธอที่ทำหน้าสงสัยเช่นกัน

“พี่พอรู้เรื่องน้ำมนต์ กับพี่ปีโป้หรือเปล่าคะ พอดีหญิงเห็นว่าช่วงนี้น้ำมนต์แปลกๆไป เค้าสองคนทะเลาะกันหรือเปล่า” น้องหญิงถามผมมาด้วยความสงสัย เช่นเดียวกัน ผมก็สงสัยในประเด็นนี้ เพราะพักนี้ไอ้โป้มันดูแปลกๆไป

“พี่คิดว่าต้องมีเรื่องอะไรบ้างแหละ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร พี่ถามมัน มันก็ไม่ยอมบอก”  ผมบอกเธอไป ใจก็กลุ้มใจว่าสองคนนี้มีปัญหาอะไรกัน

“ยังไงพี่เอ็มรู้เรื่องอะไร พี่เอ็มบอกหญิงด้วยนะคะ หญิงเป็นห่วงน้ำมนต์ รายนั้นยิ่งเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่ด้วย”  น้องหญิงบอกผม แต่สีหน้าและแววตาก็ยังเต็มไปด้วยควาเมป็นห่วงเป็นใยในตัวน้องน้ำมนต์



“เอ่อ น้องหญิง เดี๋ยวครับ” ผมเรียกไว้ก่อนที่น้องหญิงจะเดินออกไป

“มีอะไรเหรอคะ” น้องหญิงหันมาถามอีกครั้ง

“พี่ขอเบอร์น้องหน่อยสิ  .. เผื่อมีอะไรพี่จะได้โทรบอก” ถึงจะมีเหตุผลมารองรับ แต่ก็ต้องยอมรับครับ ว่าเขินเหมือนกันกับการขอเบอร์สาวแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้




น้องหญิงคงเห็นรอยยิ้มและความเขินของผม เธอก็เลยอมยิ้มตาม และคงรู้ว่าแม้จริงแล้วผมอยากได้เบอร์เธอทำไม





.

.

.

.




หลังจากวันนั้น ผมก็โทรคุยกับหญิงทุกคืน แรกๆก็เรื่องของน้ำมนต์กับปีโป้ แต่หลังชักจะเป็นเรื่องของเรา .. จนสุดท้ายก็มีแต่เรื่องของเราสองคนเท่านั้นที่พูดคุยกัน


“พี่เอ็มโทรมาคุยกับหญิงทุกวันแบบนี้ ไม่เบื่อแย่เหรอ” มีครั้งหนึ่ง เธอเคยถามผมแบบนี้

“ไม่นี่ครับ หรือว่าน้องหญิงเริ่มเบื่อพี่แล้ว” ผมถามกลับบ้าง แอบกลัวคำตอบเล็กน้อย

“ไม่เบื่อหรอกค่ะ แค่ช่วงหลังๆ เหมือนเรื่องคุยมันจะน้อยลง หญิงกลัวพี่เอ็มจะเบื่อๆอ่ะค่ะ” เธอตอบผมมา

“ไม่หรอก สำหรับพี่ คุยมากคุยน้อยไม่สำคัญ แค่ได้คุยกัน พี่ก็ดีใจแล้ว” ผมบอกเธอไป





เราสองคนเงียบกันอยู่ครู่ใหญ่ ไม่ต้องบอกว่าทำไม ก็เขินนั่นแหละครับ ..






เราเปลี่ยนจากคุยโทรศัพท์กันน้อยลง แต่เจอกันบ่อยขึ้น น้องหญิงอนุญาตให้ผมไปรับส่งเธอทุกวัน ซึ่งปกติเธอจะไปจะมากับช้างน้อย ทำให้ผมต้องตื่นเช้าทุกวันมารับมาส่งเธอ ก็ดีเหมือนกันครับ ผมได้เข้าเรียนกับเขาบ้าง






ต้องบอกว่าเมื่อได้รู้จักน้องหญิงจริงๆขึ้นแล้ว เขาน่ารักกว่าที่คิดเลย ปกติหญิงจะเป็นคนพูดน้อย แต่เวลาอยู่กับช้างน้อยและน้ำมนต์ก็พูดเยอะหน่อย แต่พออยู่กับผมนี่ พูดเยอะสุดๆเลย  เธอมีมุมมองของผู้หญิง ที่บางทีก็ผู้หญิงจ๋า แต่บางทีเธอก็มีมุมมองของผู้ชาย สงสัยเพราะเธออยู่กับน้ำมนต์และช้างน้อย เธอเลยเข้าใจความคิดความอ่านของผมดี







“หญิงคิดยังไงกับเรื่องไอ้โป้จีบน้ำมนต์เหรอ” ครั้งหนึ่งผมเคยถามเธอ

“คิดยังไง หมายถึงอะไร ถามให้ชี้เฉพาะหน่อยสิ” เธอมักต้องการคำถามที่ตรงไปตรงมาเสมอ

“ชอบ หรือไม่ชอบ รังเกียจ หรือเฉยๆ” ผมเลยถามแบบให้ตัวเลือกไป

“อืม ก็ชอบนะ พี่ปีโป้ดูน่ารักดี ถ้าไม่มาหลอกน้ำมนต์นะ แต่ก็ไม่รู้สิ ว่าน้ำมนต์จะชอบพี่แกหรือเปล่า เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ก็ไม่เห็นทีท่าว่ารายนั้นจะมีแฟนเลย ใครมาจีบ น้ำมนต์ก็เชิดใส่ตลอด หลายรายเลยท้อ จนหายไปหมด”

“แล้วถ้าเพื่อนเป็นแฟนกับผู้ชาย เราไม่คิดอะไรบ้างเหรอ”

“แล้วเราจะไปคิดแทนเขาสองคนทำไมละ เขารักกันสองคน ไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย” เธอตอบผมพร้อมกับรอยยิ้ม เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มองโลกในแง่บวกหรอกครับ เธอแค่มองในมุมมองที่มันควรจะเป็น ยอมรับและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของมัน  นี่แหละครับที่ทำให้ผมหลงใหล







แต่ก็ใช่ว่าเวลาแค่ไม่นาน ทำเอาผมหลงผู้หญิงคนนี้หัวปักหัวปำนะครับ มีอะไรอีกหลายๆเรื่องเลยภายในเวลาแค่ไม่นาน ที่ทำให้เธอมีความน่าสนใจ ผมเคยถามเธอว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มีแฟน เธอบอกว่าเธอรอให้ใครมาจีบน้ำมนต์ก่อน เพราะใครหลายคนเข้าใจว่าเธอเป็นแฟนน้ำมนต์ ถ้าเธอชิงมีแฟนก่อน คนจะหาว่าเธอนอกใจน้ำมนต์ คนจะมองว่าตัวเองไม่ดี และน้ำมนต์ก็จะตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น




“ถามจริง หญิงชอบน้ำมนต์หรือเปล่า” ผมถามไปทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้

“อืมมมม  เคยชอบ” เธอยิ้มตอบมา

“แล้วตอนนี้ทำไมไม่ชอบแล้วละ”

“มีคนอื่นให้ชอบมากกว่า” และต้องบอกว่าเธอยิ้มมาทางผม ด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม





ผมถามว่าทำไมเธอถึงชอบน้ำมนต์ เธอก็บอกว่า น้ำมนต์เป็นคนน่ารัก ใครเห็นใครก็ชอบ ทั้งชายทั้งหญิงนั่นแหละ หลงเสน่ห์หนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้ทั้งนั้น

“พอหญิงได้มาเป็นเพื่อนกับน้ำมนต์ หญิงเลยเข้าใจคำว่าเพื่อนได้ดีเลย จนคิดว่าไม่อยากจะเปลี่ยนไปเป็นแฟน เพราะน้ำมนต์เป็นคนที่มีเพื่อนไม่ค่อยเยอะ  เพราะเขาต้องการคนที่เข้าใจเขา และเขาก็ศึกษาเพื่อนแต่ละคนจนรู้จักจริงๆ ไม่ได้คบเอาปริมาณ แต่คบเอาคุณภาพ หญิงเลยคิดว่า เป็นเพื่อนกันนี่แหละ ยั่งยืนดี” เธอบอกผมมาแบบนี้





ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว รอไปรับสาวน้อยที่มาครอบครองหัวใจดวงน้อยๆของผมไปกินข้าว เรากินอาหารธรรมดา ร้านป้าตามสั่ง ขนมจีนหน้าเมือง มีบ้างบางมื้อที่อยากไปกินในห้างแก้เลี่ยน  แต่ก็ไม่บ่อยมากหรอกครับ บางมื้อเท่านั้น



การไปกินกันแต่ละครั้งก็มีผมออกบ้าง เธอออกบ้าง บางมื้อก็แชร์กัน เธอบอกผมว่า ถ้าเป็นแฟนกันเมื่อไหร่เธอจะไม่ออกเลยสักมื้อ แต่ผมเห็นพอตกลงเป็นแฟนกัน เธอก็ยังช่วยผมออกอยู่ดี




นั่นแหนะ อยากรู้ละสิ ผมขอเธอเป็นแฟนอย่างไง ไม่อยากจะเล่าเลย ผมเขินเหมือนกันนะเนี่ย เพราะถึงขนาดเพื่อนๆผม เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าผมขอคบกับน้องหญิงตอนไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร




เอาวะ เล่าก็เล่า






ก็วันนั้นผมกับน้องหญิงก็ไปกินข้าวกันปกติ ยอมรับครับว่าเราสองคนสนิทกันมากขึ้น ด้วยช่วงเวลาที่รวดเร็ว แต่หนูนา กวนมึนโฮยังบอกเลย ว่ารักไม่ต้องการเวลา พี่เอ็มก็เลยเพิ่มว่า มันต้องการความเข้าใจ และผมคิดว่า เราสองคนเข้าใจตรงกัน




“หญิงรู้มั๊ย ว่าเราคุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว” ผมถามเธอ

“ก็จะครบเดือนแล้วมั้ง” เธอตอบแบบไม่ได้คิดอะไร

“สามสัปดาห์ หกวัน สิบสามชั่วโมง ยี่สิบห้านาที ใกล้จะยี่สิบหกแล้ว” ผมบอกเธอ

“เอ๊ยย จริงอ่ะ มั่วหรือเปล่า”

“ไม่เชื่อก็ลองนับดูสิ” ผมท้าเธอ

“ไม่เอาละ แล้วมีอะไร ทำไมต้องนับด้วย”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากบอกเฉยๆ”

“เหรอคะ ทำตัวน่าสงสัยนะเนี่ย” เธอถามมาเชิงเล่นเชิงจริงจัง แต่ก็ยังยิ้มๆในแบบของเธอ



“หญิง เดี๋ยววันนี้พี่พาไปรู้จักแฟนพี่นะ”  ผมบอกเธอไปใจสั่นระรัว

“แฟนของพี่ ?” เธอถามกลับมาหน้าเศร้า รับรู้ได้เลยว่าเธอคงใจแป้วเล็กน้อย

“ใช่ พี่อยากให้เรารู้จักไว้” ผมใจสู้บอกเธอไปอีกครั้ง

“อ๋อ ค่ะ ได้ค่ะ” เธอบอกผมมา ก้มหน้าก้มตา





แล้วเมื่อผมทานอาหารเที่ยงกับเธอเสร็จ ผมก็จูงมือเธอมาในส่วนของชั้นขายเสื้อผ้าของห้าง เธอไม่พูดไม่จากับผมเลย แม้แต่มือเธอก็ยังไม่อยากให้ผมจูง แต่ผมก็ยังพยายามจับมือเธอไว้ ไม่ยอมปล่อยมือเธอ




“ถึงแล้ว นี่ไงแฟนพี่ รู้จักกันไว้วะ” ผมพาเธอมาในมุมหนึ่งของโซนเสื้อผ้าหญิง แล้วจับบ่าเธอหันเข้าหากระจกบานใหญ่ที่มองเห็นเธอได้เต็มตัว เห็นหญิงแอบปิดตาเล็กน้อย ก่อนจะเปิดตาและพบว่าตัวเองอยู่ในกระจกบานนั้น




นี่แหละครับ  แฟนผม




“เป็นแฟนกับพี่นะหญิง” ผมบอกเธอ เห็นสายตาเธอที่งง เหมือนไม่เข้าใจว่าผมกำลังเล่นอะไร กว่าเธอจะนึกได้เล่นเอาผมใจแป้วไปเลย เธอยิ้มตอบกลับผมมา ในแววตาเธอแอบมีน้ำตาซึมๆเล็กน้อย




“แฟนพี่เอ็มนี่ สวยใช่ย่อยเลยนะ”  เธอพูดประโยคนี้ออกมา รอยยิ้มของเธอแสดงให้เห็นอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่แสนวิเศษ เพราะมันทำให้ผมยิ้มตามอย่างง่ายดาย

“พี่ตาถึง จะมีแฟนทั้งทีก็ต้องให้ได้แบบนางสาวไทย” ผมแซวเธอไป เธอหัวเราะชอบใจใหญ่ ก่อนจะหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกไปมา





และนั่นแหละครับ ฉากขอเธอเป็นแฟนของผม ผมจำได้จากหนังเกาหลีเรื่องนึงที่เคยดู ที่พระเอกให้รูปถ่ายคนที่รักกับนางเอกไป บอกว่าในนี้มีคนที่พระเอกรักที่สุด พอนางเอกเปิดดูก็เป็นกระจกส่องมาที่หน้านางเอก  ผมประทับใจฉากนั้นมาก






เห็นผมโหดๆ แต่ผมก็มีอารมณ์โรแมนติกกับเขาเป็นเหมือนกันนะ






แล้ววันนี้ผมก็มารับเธอตรงเวลาเหมือนเดิม หลังๆเธอจะนั่งรถสองแถวมารอผมที่หน้าวิทยาลัยเธอ เพราะเธอไม่อยากให้ผมขับรถไปไกล ผมก็ไม่อยากขัด เพราะผมก็ไม่อยากตื่นไว้กว่านี้ วันนี้เธอมาในชุดลำลองธรรมดา กับเดรสสีน้ำตาลรับกับผมของเธอที่ทำกับสีโค้ก ติดกิ๊บอันเล็กบนหัวเล็กน้อย น่ารักใช่เล่นเลยนะเนี่ยแฟนผม







“รอนานมั๊ย” คำถามแรกที่ผมถามเธอเมื่อจอดมอเตอร์ไซค์เทียบฟุตบาตร เธอยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า

“นาน !!” และหน้าบึ้งใส่ ..




จะให้ไม่นานได้ไงละครับ ก็ผมมัวแต่เพ้อระลึกอดีตอยู่ แต่ทำไงได้ละครับ สายไปแล้ว ผิดไปแล้ว เลยได้แต่ยิ้มใสซื่อน่าเอ็นดูให้เธอไป


“ไม่ต้องมายิ้มเลย มื้อนี้เลี้ยงหญิงด้วย” เธอบอกผมแค่นั้นแล้วก็ขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มา





ถ้าความรักเปรียบเสมือนเส้นทางของสองคนมารวมกัน  ตอนนี้ผมคงมีเส้นทางลาดยางที่ตัดผ่านขั้วหัวใจของผมแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าถนนลาดยางสายนี้จะตัดได้ยาวเท่าไหร่  มันคงขึ้นอยู่กับงบประมาณของหัวใจที่ให้กันมั้ง ถ้าผมยังสู้ งบประมาณยังเยอะ และถ้าเธอพร้อม ทรัพยากรเต็มที่ ถนนสายนี้ก็จะเดินทางไปสู่จุดนิรันดร์ของมัน




เส้นทางข้างหน้าอาจจะมีปัญหาแล้วอุปสรรคอีกมากมาย มีหลุมมีบ่อ มีป่า มีน้ำ หลายต่อหลายอย่างขวางกั้น แต่ผมเชื่อว่าถ้ามีมือใครอีกคนกำไว้อย่างอุ่นๆ และลุยไปพร้อมๆกัน เส้นทางสายนั้นคงจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถึงจะยิ้มบนขวากหนามก็ตาม







“พี่เอ็ม” หญิงเรียกผมมาจากด้านหลัง ขณะที่ผมจอดรถติดไฟแดง ผมหันไปมองเล็กน้อย



“ไฟเขียวแล้วค่ะ  เหม่ออะไรเนี่ย เดี๋ยวเหอะ !!!”









โอย โอยย .. เธอแค่สร้างภาพดุเฉยๆครับ ปกติ .. เธอไม่กล้าหรอก







เดี๋ยวปั๊ดดดดดดดดดดดดด   จูบเลย !!!!




หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 13-12-2011 17:15:24
  :z13:
กด+เป็ด
ให้คนขยัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 13-12-2011 17:16:58
  :z13:
กด+เป็ด
ให้คนขยัน


ไม่ได้ขยันครับ แค่มันตันเรื่องหลัก เลยอยากยัดๆเรื่องรองๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 13-12-2011 18:27:49
^
^
^
อย่างนี้นี่เองง 555
น่ารักทั้งสองคู่เลยย  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 13-12-2011 19:17:59
ช้างน้อย+พี่บ่าว ท่าทางจะมีซัมติง แต่คงยังอีกนาน

น้องหญิง+พี่เอ็ม จะบ้าตายไม่ยักรู้ว่า พี่เอ็มมีมุม โรแมนติกเว่อร์ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 13-12-2011 19:19:30

ไม่ได้ขยันครับ แค่มันตันเรื่องหลัก เลยอยากยัดๆเรื่องรองๆ

^
^

เขียนเลิฟซีนของโป้กับน้ำมนต์มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ ปีโป้ไม่มีน้ำยาทำอะไรน้ำมนต์ล่ะสิ  หุหุหุ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 13-12-2011 19:23:55
น่ารักทั้งสองคู่เลย   :-[
คู่ช้างน้อยบ่าวนี้ฮาน่ารัก สงสารช้างน้อยอุตส่าห์พยายามแอ๊บแมน :laugh:
ส่วนคู่หญิงเอ็มนี้หวานได้อีก  :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 13-12-2011 20:38:41
อย่าตันนานนะคะคนอ่านคิดถึงน้องน้ำมนต์กะนายปีโป้จะแย่แล้ว :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 13-12-2011 20:49:12
คู่นี้น่ารักดีค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าพี่เอ็มจะขี้อาย น้องหญิงน่ารักและรักเพื่อนมากๆ พี่เอ็มห้ามทำน้องหญิงเสียใจเด็ดขาดเข้าใจมั้ยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-12-2011 21:13:52
หูยยย..เอ็มแอบโรแมนติกนะเนี่ย อิ อิ ขนาดขี้อาย ดูดิขอเป็นแฟนได้น่ารักซะ
(แม้จะแอบๆจำมาจากในหนังก็เหอะ)
หญิงก็น่ารักนะ ดูไม่มากไม่น้อยดี
และ..คนเขียนก็น่ารักแหละ ขยันอัพด้วย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ หญิง - พี่เอ็ม 13-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 14-12-2011 07:42:34
น่ารักทุกคู่เลย
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-12-2011 10:47:02
คู่สุดท้ายยยยย !!!



ตอนพิเศษ เดช – โอ๊ต













ถ้าผมย้อนเวลากลับได้ .. วันนั้นผมจะบอกความจริงกับมัน



.


.


.


.



“นายชื่ออะไร” เสียงของเพื่อนร่วมชั้นของผมถามขึ้น ผมเงยหน้ามอง เป็นเพื่อนหน้าหล่อ ที่ทำตัวลัลล้า เดินถามชื่อเพื่อนเกือบทั้งห้อง

“เดช” ผมตอบมันไปสั้นๆ

“เราชื่อปีโป้ นี่เพื่อนเราชื่อโอ๊ต” มันแนะนำตัวเองให้รู้จัก ก่อนจะแนะนำเพื่อนของมันอีกคนหนึ่ง เพื่อนของมันยิ้มให้ผม จนผมเผลอมองรอยยิ้มนั้นอยู่นาน ไม่รู้ว่าอะไรมันสะกดให้ผมหลงในรอยยิ้มนั้น กว่าจะตั้งตัวได้ ก็ปาไปหลายนาที

“มาอยู่กลุ่มเราไหม มาเป็นเพื่อนกัน” คนชื่อปีโป้ชวนผม

“มาเป็นเพื่อนกันเดช เพื่อนเยอะๆสนุกออก” นายที่ชื่อโอ๊ตชวนผม ผมหันไปยิ้มให้เขาก่อนพยักหน้าหงึกๆ เชิญตกลง



และนี่คือเพื่อนกลุ่มแรกของผมในวิทยาลัยเทคนิคแห่งนี้






วันเวลาผ่านไปไวเป็นปีๆ กลุ่มของพวกเราก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้น แต่คนที่ผมสนิทกลับไปไม่ใช่สองคนแรกที่ผมรู้จัก กลับเป็นไอ้บ่าว หนุ่มใต้จริงใจ ที่มันรับรู้เรื่องราวของผม ที่ผมยินดีจะเล่าให้มันฟังเกือบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียว





เรื่องที่ผมชอบเพื่อนของผมเอง





ผมรู้สึกว่าผมชอบไอ้โอ๊ตมาตั้งแต่วันแรกๆที่รู้จักมัน ถึงจะมองออกว่ามันชอบไอ้โป้ก็ตามแต่เถอะ แต่ยังไงผมก็ยังชอบมัน และเหมือนมันจะรู้ว่าผมชอบมัน ผมไม่เคยแสดงออกให้คนอื่นรู้หรอก แต่ผมจะแสดงออกให้มันรู้เพียงคนเดียว เช่น อาสาไปส่งหอ อาสาไปรับ ซื้อข้าวไปให้ เช่าหนังไปดุเป็นเพื่อนมัน ไปรับมันที่คิวรถ ไปส่ง เรื่องพวกนี้ไม่มีเพื่อนในกลุ่มคนไหนรู้ มีแค่ผมกับมันเท่านั้น  .. ที่รับรู้ความรู้สึกนี้









“อ่ะมึง กูซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝาก” ผมบอกพร้อมกับยื่นถุงก๋วยเตี๋ยวให้มัน มันรับแล้วเอาไปวางที่โต๊ะ แล้วก็นั่งเล่นคอมของมันต่อไป

“งานชิ้นนี้มึงส่งแล้วนี่” ผมทักเมื่อเห็นมันทำการบ้านที่มันส่งไปแล้ว

“ของไอ้โป้ กูทำให้มัน เห็นมันไม่ยอมทำเองสักที” มันตอบผมทั้งที่หน้าตาของมันก็ยังจดจ่ออยู่กับงานหน้าคอมนั้น




ผมนั่งลงบนเตียง ไม่มีเรี่ยวแรงจะถอนหายใจ ได้แต่มองแผ่นหลังของมันที่กำลังทำงานให้กับคนที่มันรัก โดยที่มันไม่เคยจะหันมามองคนที่อยู่ข้างหลังมัน ที่รู้สึกไม่ต่างจากที่มันรู้สึกกับไอ้โป้เลย



“ฮัลโหลว่าไงมึง” เสียงมือถือของมันเข้ามาครับ ทายไม่ผิดก็น่าจะเป็นไอ้โป้

“ยังไม่กินเลย  ... เออได้  .. เออ เดี๋ยวกูไปรับที่หอ” พอมันวางสายก็ลุกขึ้นจัดการตัวเอง แต่งตัวและออกไป



สุดท้ายก๋วยเตี๋ยวผมก็เป็นหมัน ทิ้งมันเน่าอยู่บนโต๊ะนั้น และเป็นผมเองซะอีก ที่ต้องเก็บเอาไปทิ้งเอง








และชีวิตของผมกับมันก็ยังคงดำเนินไปเช่นนั้น ใครว่าน้ำมนต์ที่เย็นชา ถ้ามาเจอไอ้โอ๊ต จะรู้ว่ามันเย็นชากว่า เรียกว่าเยือกเย็นคงจะได้ ตั้งแต่มันชอบไอ้โป้ มันก็ไม่เคยชายตามามองคนอื่นอีกเลย มีคนมากมายเข้ามาจีบมัน ไม่มีใครที่มันจะรับพิจารณาสักคน  รวมแม้กระทั่งผม ถึงแม้ไม่เคยบอกมันว่ารู้สึกอย่างไร แต่ที่ทำลงไป มันน่าจะรับรู้บ้าง






จนวันนั้นมาถึง วันที่มันเมา ผมก็เมา มันเศร้าเพราะว่าไอ้โป้ไปคบเด็กมัธยมโรงเรียนประจำจังหวัด ซึ่งเป็นผู้ชาย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจนออกนอกหน้า  ชื่อว่าน้องเดียว ถึงไอ้โป้มันเคยจะมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหน้า แต่มันก็ไม่เคยคบกันใครจริงจังเหมือนคนนี้  มันชวนผมมากินเหล้าที่ห้องมัน มันพยายามทำเป็นหน้าชื่นเวลาอยู่กับไอ้โป้ แต่ต้องมาอกตรมเวลาอยู่กับผม ปากก็พร่ำว่าทำไมไอ้โป้ถึงไม่เลือกมัน





“มึงงงงงง กูไม่ดีหรือไงวะ ทำไมมันไม่สนใจกูบ้าง ทำไมวะมึงงงงง”  ไอ้โอ๊ตพูดกับผมไม่ค่อยเป็นภา ซึ่งตอนนี้มันคงเมาได้ที่แล้ว

“มึงอย่าคิดไรมาก คนไม่รักทำยังไงก็ไม่รัก คนที่มันรัก ทำยังไงมันก็ตัดใจไม่ลงหรอก” ผมบอกมันก่อนยกเหล้าวดเพียวเข้าปาก พูดเองก็เจ็บเองเว๊ย คนเรา

“แต่กูรักมันนะ กูทำให้มันตั้งเยอะแยะมากมาย ทำไมมันไม่สนใจกูบ้างวะ” ผมปล่อยให้มันพูดไป เพราะผมก็คิดตามมัน ผมก็ทำอะไรให้มันเยอะแยะมากมายไม่ต่างจากที่มันทำให้ไอ้โป้หรอก ทางของเราคงเหมือนเส้นขนาด มันไม่เคยอยากเข้ามาเดินทางเดียวกับผม ไม่เคยแม้แต่จะเอียงเส้นทางของมันเองเข้าหาผมเลยสักครั้ง



และเช่นเดียวกัน ทางของไอ้โป้กับมันก็ไม่ต่างอะไรจากผม





“แต่มึงยังมีกูนะไอ้โอ๊ต ยังมีกูที่อยู่ข้างมึงเสมอ” ผมบอกมัน ด้วยแววตาที่จริงจัง เหมือนกับคำพูดที่บอกมัน ไม่ว่ามันจะคิดกับผมยังไง ผมก็ยังยืนอยู่ข้างมัน ไม่ว่ามันต้องการหรือไม่ต้องการ ผมก็ยังจะยืนในมุมหนึ่งของผม มุมมืดๆ ที่ไม่เคยมีแสงส่อง


มันมองสวนผมกลับมาด้วยสายตาที่เชื่อมด้วยความเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปากของมันฉ่ำด้วยเหล้าเพียวที่พึงซดเข้าไป ผมยื่นปากของตัวเองเข้าหามันอย่างกับปากนั้นมีมนต์เสน่ห์และแรงดึงดูด เช่นเดียวกันมันก็ไม่ได้หลบหรือป้องอะไรจากตัวผมทั้งสิ้น ผมจูบกันมันอยู่เนิ่นนาน  ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะลบลงบนเตียงแคบๆสามฟุตครึ่ง แต่เต็มไปด้วยร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มที่กอดกันไวจนถึงเช้า







ไอ้โอ๊ตตื่นด้วยอาการสะลึมสะลือ ก่อนจะรีบปลุกผมให้ตื่นตามมัน หน้าตามันตกใจอย่างกับไฟไหม้ตึก

“นี่มันอะไรกันวะ” มันถามผมมาหน้าตาจริงจัง

“ก็อย่างที่เห็น” ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

“โธ่เว๊ย มันเกิดอะไรบ้าๆแบบนี้ขึ้นได้ไงวะเนี่ย” มันเริ่มหัวเสีย ลุกออกจากเตียง คว้าเอาบ็อกเซอร์ของมันมาใส่อย่างลวกๆ เดินไปมาในห้องแคบๆของมัน อย่างกับจะคิดทำอะไร





“กูขอโทษ กูเมา” ผมปริปากขอโทษมัน เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี

“ขอโทษแล้วไง ก็ไม่มีไรดีขึ้น แล้วนี่มึงเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ มึงชอบผู้ชายด้วยเหรอ” มันถามผม

“กูได้ทั้งนั้น”

“เออ ก็ดี ว่าแต่มึงไม่ได้คิดอะไรกับกูใช่มั๊ย ?” มันหันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง จ้องอย่างกับอย่าให้คำตอบนั้นไม่เหมือนอย่างที่มันหวังไว้นะ




ถึงแม้ที่ผ่านมาผมจะทำดีกับมันมากมาย แต่มันคงไม่รับรู้อะไร เพราะหัวใจของมันมีแต่ไอ้โป้ทั้งใจ ไม่เคยมีพื้นที่ให้ใครเข้าไปเลย มันจึงไม่เคยรับรู้ความดี




“ไงมึง กูถาม อย่าบอกนะว่ามึง ..”

“เออ กูไม่ได้ชอบมึง พอใจยัง” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ใส่เสื้อผ้าของตัวเองบ้าง และคิดว่าคงผมคงต้องกลับแล้ว กลับไปพร้อมกับจติใจที่ไม่ได้ดีขึ้นเลย







“ดีเลย งั้นมึงจัดการน้องเดียวให้กูหน่อยสิ”  เสียงพูดที่ดังมาจากด้านหลัง มันเจ็บยิ่งกว่าคำพูดว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับมันเมื่อกี้เสียอีก เราสองคนยืนหนังหลังให้กันในความเงียบ ผมรู้ดี ว่าประโยคนั้นของมันมันไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ และมันต้องการให้ผมจัดการน้องเดียว ไปจากชีวิตไอ้โป้ เหมือนอย่างที่มันคิดจริงๆ





.


.


.


.





ก็อย่างที่บอก ถ้าผมย้อนเวลาได้ ผมจะบอกมันตั้งแต่วันนั้น บอกมันว่าผมคิดอะไรกับมัน ถ้าผมกล้าบอกความรู้สึก เรื่องราวต่างๆ คงไม่วุ่นวาย และยากจะเข้าใจเหมือนดังทุกวันนี้








ผมโดนตีหน้าว่าแย่งแฟนเพื่อน เป็นชู้กับเมียคนอื่น  ใช่ครับ ผมทำให้น้องเดียวหลุดมาจากวงโคจรจากไอ้โป้ได้จริง ด้วยแผนของไอ้โอ๊ต ที่หลอกให้น้องเดียวมานอนกับผม แต่จะโทษผมคนเดียวคงไม่ได้ ในเมื่อเด็กมันยั่วผมขนาดนั้น ถึงจะมีไอ้โป้ที่หล่อ รวยอยู่แล้ว แต่มันก็คงอยากลิ้มรสน้องชายผมไม่แพ้กัน จะว่ามันร่าน ก็คงไม่ผิด และผมก็จัดให้น้องเดียวชุดเต็ม ติดใจยิ่งกว่ารสของไอ้โป้อีก




และสิ่งที่มันได้ตอบกลับ คือภาพที่ไอ้โป้ กับไอ้โอ๊ตเข้ามาเห็นพวกเราสองคนนอนเหนื่อยไร้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นภาพทีไอ้โอ๊ตได้จัดแจงไว้แล้ว





และหลังจากวันนั้นไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ของไอ้โป้กับน้องเดียวที่เปลี่ยนไป ผมกับไอ้โป้ก็ไม่เหมือนเดิม ใครมันจะกล้าคบกับคนที่ตีท้ายครัวคนอื่น ผมรู้ดีตั้งแต่ก่อนจะทำแล้ว ผมแค่หวังว่าไอ้โอ๊ตมันจะเห็นความดีที่ผมทำบ้าง




แต่เปล่า มันกลับทำตัวเหินห่างกับผม อย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด มันอ้างว่าไอ้โป้ไม่ให้ยุ่งกับผม ตอนนั้นผมโกรธไอ้โป้มาก ที่มันกล้ามาสั่งเพื่อนๆในกลุ่มแบนผม แต่พอมารู้อีกทีจากไอ้บ่าว มันบอกว่าไอ้โป้ไม่เคยพูด และมันก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับผมอยู่ แต่ยังไม่พร้อมก็แค่นั้น





หลังจากนั้นผมก็ประสบปัญหากับการเรียน เพราะมัวแต่ไปสนใจไอ้โอ๊ต ผมไปหามันเมื่อมันเรียกหา เมื่อมันต้องการให้ผมสำเร็จความใคร่ที่กักตุนของมัน ผมไปอย่างเต็มใจ ผมไปอย่างมีความสุข ถึงแม้รู้ว่านั่นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราว ที่มันจะเรียกหาเมื่อมีอารมณ์ทางเพศกับผมเท่านั้น





หลังผมออกจากวิทยาลัยมา ผมก็คิดจะถอยห่างจากเรื่องนี้ หาแฟนคบคนอื่นไปทั่ว เปลี่ยนแฟนบ่อย ยอมรับว่าทำตัวประชด เลิกไปหาไอ้โอ๊ต เวลามันโทรมาก็บอกว่าอยู่กับแฟน คิดว่ามันคงจะมีอารมณ์หึง หวงผมบ้าง แต่ก็นั่นแหละ ผมคงหวังจากมันเกินไป






และในสุด .. ผมก็กลับมามีค่าอีกครั้งในสายตามัน เมื่อไอ้โป้มีน้ำมนต์เข้ามาพัวพัน และไอ้โป้จริงจัซะยิ่งกว่าคนไหนที่ผ่านมา มันทุรนทุรายแทบอกแตกตายเวลาที่สองคนนี้จีบกัน และตอนนั้นมันก็นึกถึงผม





ผมทำได้แค่เข้าไปจีบน้องน้ำมนต์ แต่ก็ไม่ได้เต็มที่อะไรมากนัก  ผมรู้สึกเหนื่อยที่ต้องทำอย่างตัวเองเป็นหุ่นเชิด ที่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ตามใจเขา ผมไม่เข้าใจหัวใจตัวเอง ว่าที่ทำทุกวันนี้ทำไปทำไม เพื่อใคร และผมได้อะไรกลับมา






“กูรู้นะเดช ว่ามึงรักกู” ครั้งหนึ่งมันเคยพูดกับผมแบบนี้เมื่อเสร็จภารกิจรีดน้ำกาม

“มึงรู้” ผมสวนคำพูดมัน

“กูก็รักมึงนะ แต่ความรัก คือการเห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขไม่ใช่เหรอ” มันพูดพร้อมกับมือที่ลูบไล้ไปบนหน้าท้องของผม

“มึงทำยังไงก็ได้ ให้น้ำมนต์กับปีโป้ไม่ลงเอยกัน”





คำว่ารักของมัน พูดมาเพื่อผลประโยชน์ในตัวมันทั้งนั้น ผมรู้ ผมซึ้งดี แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ แรงรัก กับแรงเกลียดในตัวผมมีให้มันพอๆกัน และท่าทางจะหนักไปทางด้านรักมากกว่า ถึงจะรู้ว่าหลอกใช้ยังไง ก็ยอมเป็นทาสถวายใจให้มันย่ำยีอย่างไร้ค่า






“เจ็บปวดทน ฉันก็จะทน รักเธอจนไม่มีหัวใจให้ใคร
ก็อย่างที่รู้ รู้ๆเธอมีคู่ใจ ฉันก็ยังไม่วายเปิดใจหลงใหลในเธอ


หลอกทำไม รักฉันทำไม ทั้งที่ใจเธอมีเขาเป็นคนครอง
อย่าบอกว่าเธอรักฉันเพียงเธออยากลอง ได้ดังใจปองกลับมองข้ามไป


เกลียดเธอยิ่งนักที่หลอกฉัน เกลียดนักมาหลอกกัน
เธอทำกับฉันเจ็บช้ำอย่าบอกใคร รักก็สุดรัก ไม่อยากรุนแรงไป
ก็ใจไม่เข้มแข็งพอ ทั้งรักและทั้งเกลียด สุมแน่นในหัวใจ.....สุดทำ”







เสียงเพลงที่เปิดคลอเวลานี้ ช่างเหมาะกับผมจริงๆ น้ำตาที่เคยร่ำไห้จากการรักคนๆหนึ่ง มันไหลออกมาจนหมด จนวันนี้เหือดแห้งและตกใน ไม่มีน้ำตา ใช่ว่าไม่เจ็บ




เจ็บ .. เจ็บจนบรรยายให้ฟังไม่ถูก






แต่ถึงจะเจ็บเท่าไหร่ , ผมก็รักมากเท่ากันอยู่ดี






“ฮัลโหล” ผมรับสายจากมันอีกครั้ง ในเวลาเดิมๆ ของวันเดิมๆ

“มึงทำไรอยู่” ปลายสายก็ถามคำถามเดิมๆ

“เปล่า” และผมก็ตอบแบบเดิมๆ

“มาหากูหน่อยสิ แค่นี้นะ”








และทุกอย่างก็วนเวียนอยู่แบบเดิมๆ .. ผมก็ยังคงเป็นไอ้คนเดิมที่งมงายกับอะไรที่ยังไม่มีทางออก



...



ปีโป้กับน้ำมนต์มาตอนหน้าแล้วนะ ...  :bye2:

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 14-12-2011 11:47:25
ตอนแรกน่าสงสารโอ๊ตนะ แต่พออ่านตอนนี้ ไม่ชอบล่ะ เห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-12-2011 11:52:40
ไอโอ๊ต  ไอเลว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-12-2011 11:54:51
โอ๊ตโคตรเห็นแก่ตัวเลย
ขอ :z6:สักที
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-12-2011 12:04:40
เดชกับโอ๊ตเป็นคู่ทรหดไปก็แล้วกัน
เดชทำให้โอ๊ตได้ทุกอย่าง แต่ก็หัดแข็งข้อบ้างในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ยอมซะขนาดนั้น ก็หงอเกินไป
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 14-12-2011 12:36:26
ชอบตอนพิเษทุกตอนเลย
แต่ของเดชนี่
น่าสงสารอ่ะ
T^T
จะว่าโอ๊ต ก็ใจร้ายอ่ะ
หลอกใช้เดชไปเรีื่อยๆเลย
เฮ้อ อ อ อ  อ
แต่ละคนก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองเนอะ
55555555555

รอปีโป้กับน้ำมนต์ค่ะ ><
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 14-12-2011 13:19:44
หญิงกะพี่เอ็ม น่ารักดีนะ หญิงเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากเลย ไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย พี่เอ็มก็ขี้อาย แสนดี เหมาะกันมาก เอาใจช่วยจ้ะ  :3123:

โอ๊ต ชั้นเกลียดเธออ่ะ เธอใจร้ายมาก เธอทำร้ายทุกคนเลย แล้วยังไม่หยุดอีกนะ วันนึงคงจะต้องเสียใจอย่างแสนสาหัส
 :z6:
เดช สงสารว่ะ ต้องใช้คำนี้อย่างเดียวเลย หวังว่าซักวันนึงจะขึ้นจากหลุมดำที่แสนใจร้ายนี้ได้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 14-12-2011 14:38:49
โอ๊ต ไอ้ขี้อิจฉา แบบนี้ ไม่ควรได้รับความรักความจริงใจจากใครเลย แม้แต่เดช

สงสารเดช อยากให้มีใครสักคนดึงเดชออกมาจากวงจรอุบาทว์ของโอ๊ตเร็วๆ

รีบๆเคลียร์เข้าใจกับปีโป้นะเดช ยังไงก็เพื่อนกัน ส่วนโอ๊ตช่างแม่งมัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 14-12-2011 17:42:46
เฮ้อ...โอ๊ตไม่ไหวจะเคลียร์เลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 14-12-2011 19:16:43
สุดยอดอ่ะเดชทำเพื่อคนที่ตัวเองรักได้มากมายขนาดนี้สงสารอ่ะ  โอ๊ตไม่มองความรักของเดชเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-12-2011 19:46:07
โอ๊ตเป็นนายอิจฉาแบบร้ายลึกนะเนี่ย
ระหว่างสงสารกับสมเพช เดชเหมาะกับคำใดที่สุด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-12-2011 20:24:02
เดชพอเถอะ อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองไปมากกว่านี้เลยนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 14-12-2011 20:57:55
คู่พี่บ่าวกับช้างน้อยน่ารักที่สุด :-[

โอ๊ตเป็นคนที่น่ากลัวมากๆ ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง o18

เดชน่าสงสารรักเขาข้างเดียว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 14-12-2011 22:30:21
ตามทันแล้ว...

ถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 15-12-2011 00:37:12
โอ๊ต ไม่รู้ว่่าจะใช้คำไหนกับนายเลยว่ะ o18
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 15-12-2011 01:13:28
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 15-12-2011 02:03:52
ผิดหวังกับโอ๊ตมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นได้ขนาดนี้
ทั้งๆที่คิดว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีแท้ๆ
ส่วนเดชก็นะ รักไปไหน รักจนมองไม่เห็นใครทั้งคู่ ทั้งๆที่คนั้นเขาก็ไม่มองมาที่ตัวเองสักหน่อย
เฮ้ออออออ

ชอบน้ำมนต์ม้ากมาก คนแบบนี้ไม่ค่อยพบเจอ ฮ่าๆ
อะไรๆก็นิ่งเงียบ นายเรามาได้จนถึงเป็นแฟน
น่ารักๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 15-12-2011 04:27:09
โอ๊ต  หวังว่าจะกลับตัวได้โดยเร็ว ก่อนที่จะเสียเพื่อน เสียคนที่รักเราไปทั้งหมด
พี่เดช  พระเอกมากครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 15-12-2011 05:12:42
สงสารพี่เดชอ้ะ ทำให้โอ๊ตขนาดนั้นแต่เค้าก็ไม่รัก :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ เดช - โอ๊ต 14-12-11
เริ่มหัวข้อโดย: moriku ที่ 15-12-2011 22:32:00
ไม่น่าเชื่อโอ๊ตจะทำเเบบนี้ สงสารเดชจังT.T
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 16-12-2011 01:21:15
ตอนที่ 35





ทันทีที่มือของผมเอื้อมไปปิดไฟ ริมฝีปากของผมก็ประกบกับคนตรงหน้าอย่างช้าๆ เป็นครั้งที่ผมรู้สึกอยากแสดงความรักกับคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากของผมค่อยๆลูบไล้และสัมผัสเข้าไปข้างในของอีกคน กลิ่นเหล้าอ่อนๆของทั้งผมและมันผสมกันไปมา พอๆกับลิ้นของผมที่ตวัดซ้ายขวาในช่องปากของอีกคนที่ยังคงกระด้าง ไม่ชำนาญการนัก



“นาย หยุดก่อน” อีกคนผลักอกผม ก่อนจะหาอากาศหายใจแล้วพูดออกมา

“ทำไมละครับ ขอพี่โป้ให้ชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอ” ผมเริ่มจะงอแง

“ไม่เอาแล้ว เมาแล้ว ไปนอนเถอะ” อีกคนพูดพร้อมกับพยายามเอาตัวออกจากอ้อมแขนผม

“ยังไม่เมาเลย พี่โป้จะพิสูจน์ให้น้องดูไง ว่าพี่โป้รักน้องน้ำมนต์มากแค่ไหน” ผมบอกอีกคนพร้อมกับก้มหน้าเอาจมูกไปชน

“วิธีแบบนี้พิสูจน์มากี่คนแล้วละ” อีกคนย้อนกลับมาซะเจ็บ

“แต่พี่รักน้ำมนต์จริงๆนะ” ผมยังคงยืนยันความรู้สึกของตัวเอง ณ ตอนนี้

“รักจริง แล้วรอได้หรือเปล่าละ” สายตาที่เว้าวอนนั้น ทำเอาผมใจอ่อนระทวยไปหมด อีกคนคงไม่พร้อมรับศึกในวันนี้จริงๆ





“ได้สิ รอมาตั้งนานแล้ว จะรออีกนิดนึงจะเป็นไรไป” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้กับมัน

“น่ารักมาก จุ๊บ” น้ำมนต์บอกผมด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเขย่งมาจูบที่ปากผมหนึ่งครั้ง






สำหรับคนนี้ .. ผมรอได้เสมอครับ ในเมื่อรอมาตั้งนานกว่าเขาจะรักผม งั้นก็คงต้องรอต่อไป จนกว่าเขาจะพร้อม และสำหรับผม การพิสูจน์ว่ารักกันมากน้อยแค่ไหนสำหรับน้ำมนต์แล้ว มีอะไรให้ผมพิสูจน์ได้อีกเยอะแยะมากมาย ที่ไม่ต้องใช้ร่างกายและความใคร่มาพิสูจน์กัน






คำคืนนั้นจบลงด้วยอีกคนที่อยู่ในอ้อมแขนของ ความอบอุ่นจากอีกคนช่วยให้หัวใจของผมที่เคยตายด้านเพราะความรักกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผมอาจจะเคยเกเรกับหัวใจของตัวเอง เล่นอะไรพิเรนท์ๆจนทำให้หัวใจผมเจ็บช้ำ ด้วยการกระทำซ้ำๆของตัวเอง แต่หลังจากนี้ ผมรู้แล้วว่าหัวใจที่เต้นอยู่นั้น เต้นได้เพราะใคร ..










“ปิดเทอม นายกลับบ้านหรือเปล่า” น้ำมนต์ถามในเช้าของวันต่อมา ในขณะที่ผมกำลังยืนแปรงฟันอยู่

“กลับ มึงอ่ะ” ผมหยุดแปรงฟันแล้วตอบมัน

“กลับอยู่แล้ว เราไม่ได้มีหอในเมืองนี่” มันตอบผมมาพร้อมกับมือที่จับเอาผ้าห่มที่เราห่มด้วยกันสองคนเมื่อคืนมาพับให้  ผมก้มหน้าลงบ้วนปาก เอาฟองยาสีฟันออกไปให้หมด ก่อนที่ผมจะเผลอกลืนไปเยอะกว่านี้ เวลาพูดกับมัน


“ไม่ใช่ กูหมายถึง มึงจะกลับไปบ้านกูด้วยมั๊ย ไปอยู่กระท่อมกับกู กูเหงา” ผมหันไปบอกมันพร้อมกับทำหน้าจริงจัง เพื่อให้มันรู้ว่า กูชวนมึงจริงๆนะ และกูก็เหงาจริงๆด้วย

“ได้ไง เราต้องอยู่กับยาย นายไปทำหน้าที่ลูกที่แสนดีของนายเถอะ เราก็จะทำหน้าที่หลานที่แสนดีของเราเหมือนกัน” มันบอกผมมา

“แต่กูอยากให้มึงอยู่ใกล้ๆนี่หน่า” ผมเดินออกมาหามัน ทำสายตาอ้อนวอน เหมือนแมวขอปลาทู

“ห่างกันบ้าง จะได้คิดถึงกันมากขึ้น” มันตอบมาพร้อมกับยิ้มๆ

“ไม่เชื่ออ่ะ มึงเหรอจะคิดถึงกู” ผมย้อนๆ แบบน้อยใจ

“ไม่เชื่อก็ตามใจ” ดูมันครับ แทนที่จะง้อผมหน่อย ไม่มีเลย เชื่อแล้วจริงๆ น้ำมนต์นะน้ำมนต์ !!








แล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงเวลาของปิดเทอมที่ผมอยากให้เปิดเทอมไวๆ การกลับบ้านของผมมาครั้งนี้ก็เหมือนกับการกลับบ้านมาในทุกๆครั้ง แต่ที่แตกต่างคือผมต้องช่วยงานป๊ามากขึ้น ป๊าบอกว่าตั้งแต่เรายกเลิกการหมั้นกับหมวยเล็กไป ลูกค้าของป๊าที่ได้มาจากพ่อของหมวยเล็ก หายไปพอสมควร ดังนั้นป๊าจึงพาผมมาช่วยงาน ทั้งหาลูกค้าใหม่ และรักษาลูกค้าเดิมไว้


ป๊าบอกว่า ป๊าตามใจผมจนผมเลือกเรียนช่าง แต่มันก็ไม่ได้เอามาใช้อะไร แถมตอนเข้ามหาลัย ผมยังต้องไปเข้าเรียนพวกบริหารอีก ซึ่งไม่รู้ว่าหัวของผมจะไปด้านนั้นได้ไหม แต่ป๊าก็อยากให้เรียน เพราะตามใจเรียนช่างแล้ว ก็ต้องตามใจป๊าเรียนบริหารเหมือนกัน แต่สำหรับผมแล้ว เรียนอะไรก็ได้ เพราะผมก็ยังไม่ได้คิดถึงอนาคตของตัวเองไว้ไกลเกินวันพรุ่งนี้เหมือนกัน และก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็คงทิ้งธุรกิจที่บ้านไม่ได้อยู่ดี




“เมื่อไหร่จะพาแฟนมาให้แม่รู้จัก หือตาหนู” แม่ผมถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังนั่งดูทีวีพักเหนื่อยจากกลับมาแพปลา

“แม่อยากเจอจริงเหรอ” ผมถามสวนไป

“ก็อยากเจอสิ ว่าแต่น่ารักเหมือนแม่มั๊ย”

“โห จะน่ารัก จะสวยสู้แม่ได้ไง แม่สวยกว่าเยอะ”

“ไม่ต้องมาทำปากหวาน  บอกแม่มาซะดีๆนะ ว่าคนไหน แม่เคยเจอหรือยัง” แม่ทำหน้าอยากรู้มาก พร้อมกับลงมานั่งใกล้โซฟาใกล้ผม

“เคยเจอแล้วครับ” ผมบอกไปพร้อมกับรอยยิ้มแบบมีเลศนัย

“น่านนน คนไหนนะ จะไม่บอกแม่จริงเหรอ” แม่ยังคงพยายามคิด และซักไซ้อยู่เนิ่นนาน จนผมปล่อยให้แกคิดไปต่างๆนานา




จะว่าไป ผมก็คิดวิธีที่จะบอกแม่ให้รู้เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะว่าวันหนึ่ง แม่ก็ต้องรู้อยู่ดี แต่วันนั้นมันจะมาถึงเมื่อไหร่ ผมขอผลัดไปก่อนแล้วกัน .. ยังไม่อยากดราม่าช่วงนี้





เย็นวันนั้นไอ้เอ็มมารับผมไปกินเบียร์ที่ร้านอาหารอีสานร้านหนึ่ง ที่ผมกับมันไปกันบ่อยๆครับ ตั้งแต่ปิดเทอมมาผมก็ห่างเรื่องสังสรรค์ไปพอสมควร ส่วนมันก็เพิ่งจะได้กลับบ้านมา มัวแต่หลงสาวอยู่ในเมือง จนลืมบ้านลืมเพื่อน ที่กลับมานี่เพราะผมโทรไปบอกมันครับ ว่าถ้าไม่กลับมา ผมเลิกคบ ถึงได้เห็นหัวกันนี่แหละ





“มึงไม่ไปหาน้องน้ำมนต์บ้างเหรอ” มันถามผมเมื่อเบียร์เย็นๆ ถูกซักเข้าคอมันไปได้ครึ่งแก้ว

“ไม่ค่อยมีเวลาเลยวะ ช่วงนี้ป๊างานยุ่งมาก กูต้องอยู่ช่วย” ผมบอกมันไป พร้อมกับยกเบียร์เข้าปากเหมือนกัน

“ไม่คิดถึงหรือไงวะ” มันถาม

“เกินกว่าคำนั้นแล้ววะ โทรคุยกันทุกคืน กลางวันกูก็โทรเกือบทุกชั่วโมง นี่ขนาดอยู่ไกลกันแค่ขับรถไปห้าชั่วโมงกว่าๆถึงนะ กูยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วถ้าต้องไปเรียนมหาลัย กูคงขาดใจตาย” ผมอธิบายความอัดอั้นให้มันฟัง

“มึงก็ดูเว่อร์ๆดีนะ กูว่า” มันกัดผมครับ

“กูไม่ได้เว่อร์เว๊ย ความรู้สึกคนเรามันวัดกันไม่ได้อยู่แล้ว ว่าอย่างไหนน้อย แบบไหนมาก อะไรพอดี” ผมบอกมันพร้อมกับยักคิ้วให้

“เออ กูเข้าใจ กูก็คิดถึงของกูเหมือนกัน” มันบอกผมครับ

“แหม เพิ่งห่างกันได้ไม่ถึงวัน คิดถึงกันซะแล้ว” ผมขอกัดมันบ้าง

“ฮ่าๆ ไม่ต้องมาแซวกู แล้วช่วงนี้น้องน้ำมนต์ทำอะไรเหรอ”

“อยู่บ้าน ช่วยยายขายขนม วาดรูป ไม่ก็ออกไปถ่ายรูปเล่น ตามอารมณ์ศิลป์ของมัน” ผมบอกไป

“อืม ไม่เห็นจะคิดถึงมึงเลยเนอะ”

“แสดดด มึงรู้ได้ไง ว่าไม่คิดถึง”

“คิดถึง แล้วทำไมไม่มาหามึงบ้างละ เพิ่งเป็นแฟนกันนะเว๊ย อย่าปล่อยให้ห่างกันนานๆ เดี๋ยวความรักมันก็เจอจางไปหรอก”

“ไม่หรอก กูเชื่อ ว่าระยะทาง ไม่ทำให้รักกูจางง่ายๆ”

“เออ ให้มันจริงอย่างที่มึงคิดแล้วกัน”




ไอ้เอ็มพูดจนเบียร์เย็นๆ รสหวานๆเมื่อแตะลิ้นเมื่อครู่ รู้สึกขมๆขึ้นมาทันทีเลยครับ ไอ้นี่มันเป็นพวกมองอะไรไกล และมองลึก มองขาด ไม่ได้มองเข้าข้างใคร ไม่ได้มองให้คนอื่นดูดี คนไหนดูชั่ว แต่มันจะมองอย่างเป็นกลางๆ




ผมรู้จักมันดีครับ มันไม่ได้ต้องการจะให้น้ำมนต์ดูแย่ แต่มันแค่อยากจะเตือนๆผม เพราะระยะทาง มันเคยทำให้ผมต้องเจ็บมาครั้งหนึ่งแล้ว ..





“ฮัลโหล ทำไรอยู่มึง” คืนนั้นผมโทรไปหาน้ำมนต์ไวกว่าทุกวัน

“กำลังช่วยยายทำขนม” มันบอกผมมา

“พรุ่งนี้กูไปหานะ”

“แล้วงานไม่ยุ่งเหรอ”

“คนงานทั่วไปยังมีวันหยุดเลย แล้วกูเป็นถึงลูกเจ้าของจะให้ทำตลอดเลยหรือไง” ผมกวนมัน

“เหรอครับ คุณหนูโป้” ดูมันครับ ตอบผมมากวนๆไม่แพ้กัน

“ใช่แล้วครับ พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าละ”

“เจอกันในเมืองดีกว่า เจอกันครึ่งทาง จะได้ไม่เอาเปรียบกัน” มันบอกผม

“อืม ก็ได้ แล้วแต่มึงสะดวกเลย” น้ำมนต์มันชอบคิดอะไรเล็กๆแบบนี้เสมอเลยครับ

“ได้ครับ คุณหนู” ดูที่มันทะเล้นครับ

“แหนะ ยังไม่หยุด เจอจะจับจูบให้”

“ลองดูสิ มีต่อยแน่”

“โห โหดจริงๆเลย กล้าทำนายหัวโป้เหรอ”

“ก็นายหัวโป้ มันกวนน้องน้ำมนต์นี่”

“น้องน้ำมนต์ ?”

“ทำไมอีกละ”

“เปล่า กูเขินเวลามึงแทนตัวเองว่าน้อง”

“แต่พี่ปีโป้ก็ยังแทนตัวเองว่ามึงกู”

“ไหน ? ใครกัน พี่ปีโป้ออกจะพูดไพเราะเสนาะหู”

“เหรอครับ”

“ใช่แล้วครับ”  อยากพูดเพราะๆกับมันอยู่หรอก แต่ไม่ชินสักที

“นี่ๆ มีอะไรจะบอก” มันพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสัย

“มีอะไร ?”

“เงี่ยหูมาใกล้ๆ” มันพูดซะอย่างกับกว่าอยู่ใกล้กัน ผมนี่กดโทรศัพท์แทบจมเข้าไปในหูละ





“คิดถึงนะครับ  ตึ๊ด ตึ๊ด”






หึหึ .. ร้ายจริงๆแฟนผม ร้ายที่กล้าทำให้ผมยิ้มค้าง ร้ายที่กล้าตัดสายกับผม ร้ายแบบนี้ ไม่รักก็บ้าแล้ว






“นั่งยิ้มอะไรอ่ะ ตาหนู” ป๊าทักมาพอดี หุบยิ้มแทบไม่ทัน

“เปล่านี่ป๊า”

“โกหกคนแก่บาปนะ” ดูแกพูดเข้า

“แฟนบอกว่าคิดถึง” ผมบอกแกไป จะได้ไม่ต้องมานั่งแช่งผม

“แค่นี้ถึงกับยิ้ม” ดูที่แกถามมา

“ป๊าไม่ใช่วัยรุ่น ป๊าไม่เข้าใจหรอก”

“เอ็งว่าป๊าแก่เหรอ หือ ?”  เริ่มไม่จบง่ายๆแล้วครับ

“ใครว่า ป๊า เปล่าซะหน่อย ป๊าครับ พรุ่งนี้หนูขอเข้าเมืองนะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเสีย

“ไปทำไม ไปหาแฟนเหรอ?”

“ก็ไม่เชิง นะนะ ป๊านะ เดี่ยวจะมาช่วยงานชดวันหลัง” ผมยื่นข้อเสนอ

“ได้ ..”  เอ๊ย ทำไมง่ายจังวะ

“แต่ ..” นั่นไง ข้อแลกเปลี่ยน

“แต่อะไรอีกละป๊า หนูทำงานให้ป๊ามาหลายวันแล้วนะ เงินก็ไม่ได้เนี่ย ดูดิตัวดำหมดแล้ว “ นายหัวโป้กำลังเริ่มงอแงครับ

“ป๊ากับแม่จะไปด้วย ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องไป”





เอ่อ .. อะไรของป๊าเนี่ย พูดแล้วก็เดินจากไป ทั้งป๊าทั้งแม่กำลังจู่โจมหนูอยู่นะเนี่ย 





แต่ถ้าไม่พาไป สักวันแกสองคนก็คงรู้อยู่ดี ถ้าไม่ใช่วันพรุ่งนี้ มันก็ต้องมีสักวัน ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่พร้อม แต่ในเมื่อทุกอย่างบังคับขนาดนี้ ก็ต้องกล้าเผชิญความจริงแหละ ..




สู้เค้า .. นายหัวโป้ !!











วันนี้ป๊ากับแม่ผมแต่งตัวกันเต็มยศเลยครับ แม่บอกกลัวน้อยหน้าลูกสะใภ้ ส่วนป๊าบอกว่าไม่อยากน้องอยากน้อยหน้าผม เอากับเขาสองคนสิ และนี่ผมก็ยังไม่ได้บอกน้ำมนต์เลยว่าป๊ากับแม่มาด้วย กลัวเกร็งจนไม่มา กลัวไม่กล้ามาเจอ รายนั้นยิ่งเข้าใจยากอยู่แล้ว ตอนที่โทรมาบอกว่ากำลังออกมา และจะรอหน้าวิทยาลัย ผมก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก  ใจตอนนี้อยากขับรถให้ช้าๆ อยากลงไปเข็นด้วยซ้ำ


“ตาหนูเป็นไรเหรอ ทำไมขับรถช้าแบบนี้” แม่ที่อยู่ข้างหลังถามผมครับ

“ไม่รีบแม่” ผมบอกแม่ไป

“งั้นลงตาหนู ป๊าขับเอง ป๊ารีบ กลับมาทำงานทำการอีก” ป๊าผมเริ่มหงุดหงิดไปด้วยคน จนผมต้องเร่งความเร็ว





อีกไม่กี่แยกก็จะถึงมหาลัยผมแล้ว ผมอยากให้วันนี้ในเมืองรถติดมากๆ ให้เหมือนกรุงเทพยิ่งดี แต่นี่มันต่างจังหวัด จะให้ไปติดมากมายแบบนั้นได้อย่างไร ยิ่งคิดเหงื่อยิ่งไหล ทั้งๆที่แอร์ก็เปิดซะแรงขนาดนี้



“ป๊าครับ แม่ครับ” ผมเรียกทั้งสองคน เพื่อให้มาสนใจที่ผมจะสารภาพ

“มีไรตาหนู” แม่ขานรับ

“ว่ามา” ป๊าก็หันหน้ามาสนใจ

“ในชีวิตของหนู ป๊ากับแม่เคยผิดหวังกับหนูเรื่องอะไรมากที่สุดเหรอครับ” ผมถามลองเชิง

“แกไม่ได้ที่หนึ่งตอนป.6” ป๊าบอกผม

“โห ป๊า จริงจังหน่อยสิ”

“สำหรับแม่ แม่ไม่เคยผิดหวังในตัวลูกเลยจ๊ะ” แม่ตอบได้นางสาวไทยมาก

“แหมคุณ ยอลูกซะ” จนป๊าต้องเหน็บ

“ก็ทำไมละ ลูกชั้นน่ารัก” แม่หันไปสวนป๊า

“ทำไมวะตาหนู แกกลัวป๊ากับแม่ไม่ชอบแฟนแกเหรอ” ป๊าหันมาสนใจผม และคงรู้ทันว่าที่ผมถามนี่หมายถึงอะไร

“จะพูดแบบนั้นก็ถูกครับ” ผมพูดพร้อมพยักหน้า กลืนน้ำลายกับคอที่แห้งผาก เพราะแยกหน้าก็คือวิทยาลัยของน้ำมนต์แล้ว

“นี่ตาหนูมาทางวิทยาลัยศิลป์นี่ แฟนตาหนูเรียนวิทยาลัยศิลป์เหรอ” ป๊ามองทางแล้วถามผม

“อ่า .. ครับ” ผมตอบไปแบบไม่เต็มคำนัก เพราะไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงจุดนัดพบของผมกับน้ำมนต์แล้ว และตอนนี้น้ำมนต์คงยืนรออยู่แล้ว


“วิทยาลัยศิลป์เหรอ หนูน้ำมนต์เรียนอยู่ที่นี่นิ” แม่ผมเสริม





“เอ๊ะ หรือว่า // อย่าบอกนะว่า”  ป๊ากับแม่ของผมประสานเสียงถามขึ้นมาพร้อมกับรถที่จอดเทียบฟุตบาตร ข้างทาง แล้วด้านซ้ายก็เป็นน้ำมนต์ยืนอยู่ในชุดกางเกงยีนส์เดฟรัดขา ขาดตรงหัวเข่าเล้กน้อย ใส่เสื้อยีนส์เก่าๆพับแขน  ปล่อยผมยาวสยายไปตามสายลมที่พัดผ่าน ทำหน้าสงสัยเมื่อมีรถไปเทียบข้างหน้า เพราะคงไม่คุ้นกับรถที่บ้านผม





“ครืดดดดดดด” เสียงกดกระจกลงโดยฝีมือผมดงขึ้น โดยกระจกที่เปิด เป็นกระจกทางด้านที่ป๊าผมนั่งอยู่

“สวัสดีครับ  สวัสดีครับ” น้ำมนต์ทำหน้างงๆ เล็กน้อย ที่เห็นหน้าสองท่านนั่งอยู่บนรถ ก่อนจะยกมือไหว้ ป๊ากับแม่ของผมก็รับไว้ และยิ้มแห้งๆออกมา คงยังช็อคอยู่ไม่น้อย

“ขึ้นนั่งข้างหลังสิ” ผมบอกน้ำมนต์ น้ำมนต์พยักหน้าให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดประตูหลังขึ้นนั่งข้างแม่ผม





ในรถเก๋งรุ่นท็อปของตลาดคันนี้ ไม่มีแม้เสียงใดๆหลุดรอดออกมา การหายใจของแต่ละคน ยังต้องพยายามหายใจให้เกิดเสียงให้กระทบกับผนังจมูกให้น้อยที่สุด ผมคนขับยังต้องหรี่แอร์ที่เร่งเปิดขับไล่ความร้อนอบอ้าวในตัวเองให้เบาลง ส่งผลให้เหงื่อที่รอเวลาไหล เคลื่อนตัวต่ำลงตามแรงดึงดูดโลก  ผู้โดยสารที่เพิ่งก้าวขาขึ้นมาใหม่ นิ่งเงียบอย่างกับอยู่ในสงครามเย็นแบบไม่รู้ตัว

 

ผมที่แน่กับทุกเรื่อง กล้าเผชิญกับทุกอย่าง มาวันนี้ต้องมาเจอความเงียบที่แสนจะโหดร้ายกว่าความเงียบใดๆของทั้งสองคน เล่นเอาผมไม่อยากหายใจ อยากขับรถพุ่งชนสิบล้อฝั่งตรงข้าม ถ้าคนที่นั่งรถอยู่นั้นมีแค่ผม ผมคงทำอะไรบ้าๆแบบนั้นไปแล้ว




รถสี่ล้อจอดเข้าเทียบที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวเมือง เพียงแค่รอดจอดสนิทเท่านั้น ประตูทั้งสองข้างถูกเปิดขึ้นอย่างไว ก่อนที่จะเดินเห้างไป

“ไปเจอกันที่ร้านเดิม” แม่หันมาบอกผม ก่อนจะเดินตามป๊าไป





“เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ หันไปมองคนที่นั่งข้างหลังที่ทำสีหน้ากังวลแพ้ผม แม่ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

“มีอะไร .. หรือเปล่า” น้ำมนต์ถามมาด้วยสีหน้าสงสัย และคงไม่อยากฟังคำตอบอะไรมากนัก

“อย่าให้กูพูดเลย เดี๋ยวมึงก็ต้องรู้ ไปกันเถอะ เดี่ยวเขาจะรอนาน” ผมบอกมัน แล้วเดินลงรถมา





ระยะทางเดินไปถึงร้านประจำที่ป๊ากับแม่ผมชอบมาทานเวลาเข้าเมืองไม่กี่ร้อยเมตร แต่เหมือนผมกำลังเดินขึ้นเนินเขา ที่ผมกำลังแบกภูเขา  โอ๊ยยย ทรมารเว๊ย






ภาพของทั้งสองคนที่นั่งไม่พูดไม่จา และนั่งจ้องมองมาที่ผมและน้ำมนต์ ยากจะคาดเดาสายตานั้น เล่นเอาผมขนลุกวาบที่สันหลัง ภาวนาให้อย่ามีอะไรที่คาดไว้อีกเลย



“มีอะไรจะบอกป๊ามั๊ย” ป๊าเริ่มคำถาม พร้อมกับส่งสายตามองมาที่ผม ผมหันไปสบตาป๊าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางแม่อย่างกับจะขอความช่วยเหลือจากแก แต่สายตานั้นก็ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย เลยหันมามองน้ำมนต์ที่นั่งอยู่ข้างๆ น้ำมนต์ยิ้มฝืนๆให้ผมเล็กน้อย ผมรู้ดีว่าอีกคนก็ลำบากใจกับการมานั่งอยู่ในที่แห่งนี้ แม้จะกว้างขวางโอ่อ่าซะเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนว่ากำแพงของร้านกำลังบีบให้พวกเราอึดอัด จอยากขาดอากาศหายใจ



“ว่าไงละตาหนู” คำถามในน้ำเสียงธรรมดาของป๊า ทำให้ผมกลับมาสบตากับป๊าอีกครั้ง ป๊าผมไม่เคยขึ้นเสียงตวาด เพื่อขู่เอาความจริงของผม น้ำเสียงเยือกเย็นแบบนี้แหละ ที่น่ากลัวกว่าเสียงตวาดโหวกเหวกโวยวาย


ผมถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับกับมือของน้ำมนต์ไว้ สายตาของป๊ากับแม่หันมาสนใจที่มือคู่นั้น


“ป๊าครับ แม่ครับ  นี่น้ำมนต์ครับ  แฟนผม” ผมบอกไป พร้อมกับส่งสายตาสู่กับสองท่าน ที่มองมาทางผมด้วยสายตาที่ตกใจอีกครั้ง

“อืม เก่งดีนี่” คำพูดจากปากของป๊าตอนนี้ ไม่ใช่คำชมแต่อย่างใด แต่นั่นคือคำประชดประชันที่ร้ายกาจ บาดลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

“ป๊า ..” ผมไม่รู้จะหาประโยคไหนมาพูด เพราะถึงจะพูดอะไรออกไป ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่แกสองคนจะเข้าใจ

“คบกันนานหรือยัง” แม่เป็นฝ่ายถามผมบ้าง

“เกือบๆ จะสองเดือนแล้วครับ” ผมก้มหน้าตอบ

“ก็หลังจากถอนหมั้น” แม่สวนผมมา

“อ่าครับ” ผมบอกแม่ไป

“ถ้าป๊ารู้ว่าถอนหมั้น แล้วมันจะเป็นอย่างนี้ ..” ป๊าผมพุดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่ก็หยุดไว้ไม่พูดต่อ ทิ้งให้ประโยคนั้นเป็นปริศนา ที่ทำให้ผมไม่สบายใจขึ้นหลายล้านเท่าตัว




“คุณลุง คุณป้าครับ” น้ำมนต์เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง

“คือน้ำมนต์ก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกแบบนี้ให้ท่านทั้งสองเข้าใจยังไงนะครับ เพราะถ้าถามน้ำมนต์เอง น้ำมนต์ก็ไม่ค่อยเข้าใจมันหรอกครับ มันคงเป็นความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูด และก็เขียนเป็นตัวอักษรไม่ได้ มันคือความรู้สึกที่ต้องแสดงผ่านการกระทำ ..”

“ที่พูดมาก็สวยหรูดีนี่” ป๊าผมพูดกระแทกน้ำมนต์

“ผมขอโทษนะครับ ถ้าเข้ามาทำให้คุณลุงกับคุณป้าไม่สบายใจ” น้ำมนต์บอกพร้อมกับก้มหน้า

“ป้าว่าหนูน้ำมนต์กลับไปก่อนดีมั๊ยคะ ป้าขอคุยกับลูกของป้าก่อนแล้วกัน” แม่ผมหันไปพูดกับน้ำมนต์ น้ำมนต์เงยหน้ามามองหน้าแม่ของผม ก่อนที่จะยิ้มให้กับแม่ผมเล็กน้อย และลุกขึ้นจากเก้าอี้



“เอี๊ยดด” เสียงเก้าอี้ลากกับพื้นในวินาทีนี้ ดูเป็นเสียงที่บาดหัวใจของผมเหลือเกิน ผมหันมองอีกคน มือกระชับแน่นกว่าเดิม น้ำมนต์ใช้มืออีกข้างมาแกะมือผมออก แต่ผมก็ยังไม่อยากจะปล่อยมือนั้นไป

“ตาหนู” เสียงของป๊าผมดังขึ้นมาอีกที อย่างที่บอกนั่นแหละครับ เป็นเสียงเรียบเฉย แต่ช่างโหดร้ายสำหรับผมในตอนนี้เหลือเกิน ตาของผมเริ่มจะมองอะไรไม่ชัด เพราะเริ่มเต็มไปด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อริน


“เราค่อยคุยกันนะ” น้ำมนต์ฝืนยิ้มบอกผม หน้าตาของเขาดูซีดจนผมเป็นห่วง รอยยิ้มที่ส่งมาให้ ผ่านริมฝีปากเล็กๆนั้นไม่ช่วยอะไรผมในตอนนี้ได้เลย


“ไม่นะมึง มึงอย่าทิ้งกูไปสิ” ผมบอกมัน น้ำตาเริ่มไหลลงแก้ม

“ใครบอกว่าเราทิ้ง นายคุยกับพ่อแม่นายเสร็จ แล้วเราค่อยกลับมาคุยกัน เราไม่ทิ้งนายหรอก” คำพูดปลอบโยนของอีกคน ที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ไม่มีคาบน้ำตาใดๆบนใบหน้า แต่แววตาอย่างกับคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างสาสม




น้ำมนต์เอามือมาแกะที่มือผมอีกครั้ง ถ้าหากการปล่อยมือมันไปในครั้งนี้ ผมไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้ผมจะได้จับอีกหรือเปล่า และผมก็ไม่รู้เลยว่า ผมจะได้เจอมันอีกไหม





“ปล่อยน้ำมนต์ได้แล้วตาหนู” เสียงของป๊าดังขึ้นอีกครั้ง และดังขึ้นกว่าเดิม มือของผมหลุดลงอย่างง่าย อย่างกับคนไร้เรี่ยวแรง น้ำมนต์หันหลังให้ผมในทันที ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปอย่างช้าๆ  กระจกของร้านสะท้อนให้ผมเห็นหน้าน้ำมนต์ ที่มีน้ำตาไหลออกมา ยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดใจ




ถ้ารู้ว่าการที่ป๊ากับแม่รู้ความจริง จะทำให้ผมเจ็บแบบนี้ ทำให้น้ำมนต์ต้องมีน้ำตาแบบนั้น ทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าป๊ากับแม่จะรับเรื่องนี้ได้ ทำให้ผมคิดว่ารู้จักป๊ากับแม่ดี .. 




ผมจะขอปิดมันไปจนกว่าวันนั้นจะมาถึง






หรือว่าแท้จริงแล้ว   วันนั้น .. มันมาถึงแล้วกันแน่นะ ..









.........................................


 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 16-12-2011 01:35:27
 :monkeysad:(ขอบ้าง)

เห็นป๊าทำใจยกเลิกเรื่องหมั้นได้ขนาดนั้น ก็นึกว่าเรื่องน้ำมนต์จะไม่ได้โกรธขนาดนี้
สงสารน้ำมนต์อ่ะ ยังไม่ได้พูดทำความเข้าใจอะไรเลยก็ต้องกลับไปก่อนซะแล้ว
แล้วแบบนี้นายหัวโป้จะพูดยังไงกับที่บ้านล่ะ
แซ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 16-12-2011 02:10:37
 :m15: :m15: :m15:
ป๊ากับแม่ใจร้ายอ้ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 16-12-2011 02:35:19
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 16-12-2011 04:56:24
 TT__________TT
 รู้ก็รู้ว่าเรื่องนี้มีมาม่า
 ห้ามตัวเองเลิกอ่านไม่ได้อ่ะ
 ก็นะอ่านแล้วมันก็ติด
 สงสารพี่โป้
 สงสารน้องน้ำมนต์
 อยากให้ป๊ากับแม่เข้าใจ
 รอตอนต่อไปเป็นกำลังใจให้นะคะ
 ฮือออออออออ..
 เค้าเครียดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 16-12-2011 06:31:30
ใจเย็นปีโป้ ตอนนี้ป็ากับแม่ เค้าตั้งหลักไม่ทัน

น้องน้ำมนต์ สู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 16-12-2011 08:46:15
 :sad4:

so sad อ่ะ สงสารปีโป้กับน้ำมนต์

คุณพ่อ คุณแม่ โปรดเข้าใจเถอะนะคะ แค่คนเค้ารักกันเอง

ปล. ชั้นเพลีย ชั้นอินมาก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 16-12-2011 09:21:25
โอ๊ยยยยยยยย   ปวดตับมากกกกกกกกกก :o12:

จะเศร้าไปถึงหน่ายยยยยยยยยยยย :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 16-12-2011 12:35:05
ก็เข้าใจความรู้สึกของทั้งคนเป็นพ่อแม่ และคนที่เป็นลูกแหละ
ดิฉันคิดว่า ประเด็นสำคัญที่พ่อแม่ลูกน่าจะคุยกันคือ จะเลือกอะไร ระหว่าง
ความสุขความพอใจของลูก ที่พ่อแม่จะต้องพยายามเข้าใจและทำใจยอมรับ
(ซึ่งตามรูปการณ์แล้ว ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นไปได้ยากมากๆ)
หรือ ความมีหน้ามีตาในสังคม(การแคร์สังคมรอบตัว)แต่ทุกข์ใจทั้งพ่อแม่ลูก
แต่ดิฉันอาจคิดผิดก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-12-2011 13:57:27
นายหัวโป้สู้ๆ เอาชนะใจคนใจแข็งอย่างน้องน้ำมนต์ได้แล้ว
นี่แค่ป๊ากับแม่ของตัวเองแท้ๆ ก็ต้องทำได้สิ เชื่อใจพวกท่านว่าท่านต้องเข้าใจเนาะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: maytarapat ที่ 16-12-2011 15:14:01
เป็นกำลังใจให้ทั้งน้องน้ำมนต์และพี่ปีโป้ค่ะ
ความรักชนะทุกอย่างนะค่ะ

สู้ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 16-12-2011 16:53:04
นายหัวโป้ น้ำมนต์ สู้ๆนะ :n1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 17-12-2011 23:29:50
อ่านตอนนี้แล้วหน้าแก่ขึ้นสิบปี เพราะมัวแต่ขมวดคิ้ว ย่นหน้า กรี๊ดดดดด เศร้าตับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 18-12-2011 20:35:46
เครียดจังเลย เอาใจช่วยนะทั้งสองคน  :m15:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 35 ปีโป้น้ำมนต์กลับมารายงานตัวแล้ว 16-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 18-12-2011 21:22:20
เหมือนแม่ี่พี่โป้จะใจเย็นกว่าพ่อนะ
ไม่ไหวเลยนาย ลูกจะเ็็ป็นอะไรก็ต้องรับได้สิ :เฮ้อ:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 19-12-2011 20:27:25
ตอนที่ 36



การเดินทางของความรัก มันต้องมีอุปสรรคบ้างสินะ .. และวันนี้มันคงเป็นอุปสรรคที่ร้ายแรง เท้าที่ผมเคยเจอมา การได้มาพบกับครอบครัวของนายปีโป้ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนมาก ครั้งที่แล้วผมจากมาด้วยรอยยิ้ม





แต่ครั้งนี้ผมจากมาด้วยน้ำตา ..







บนโลกแห่งความจริง ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ถึงแม้มันจะเกิดกับคนสองคนก็ตาม แต่ในห้วงของความรัก ย่อมมีอะไรหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ผมเลือกจะหลีกหนีครอบครัวของนายปีโป้ไม่ได้ เพราะยังไงซะ นั่นก็คือที่มาที่ไปของเขา แล้วเรื่องของผมกับเขาก็เพิ่งจะเริ่มต้น





ระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน จะไปประสาอะไรกับตลอดชีวิตที่นายปีโป้มีมา ถึงแม้การพิสูจน์ความรักจากเขาทำให้ผมรู้แล้วว่าเขาจริงจัง และเรื่องของเราคงไม่จบลงง่ายๆ แต่มาถึงตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว ไม่รู้จะเดินไปต่อ หรือจะถอยหลัง แค่แรงยืนอยู่กับที่ยังไม่มีเลย






“ช้างน้อยยย” เสียงผมเรียกคนที่อยู่ตรงหน้า ผมไม่รู้จะไปไหน เลยมาหาช้างน้อยที่บ้าน

“น้ำมนต์” อีกคนคงตกใจไม่ใช่น้อยที่เห็นผมมาในสภาพคราบน้ำตาเต็มแก้มแบบนี้ ผมโผเข้าไปกอด้างน้อยทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ต้องการแค่ใครสักคนก็ได้ในตอนนี้ อยู่ใกล้ๆ นั่งเป็นเพื่อน และคอยให้กำลังใจผมหน่อย

“ตายแล้วน้ำมนต์เพื่อนชั้น ไปพบไปเจออะไรมาอีกละเนี่ย ถึงร้องไห้ปานน้ำท่วมกรุงแบบนี้”

“ช้างน้อย พ่อ พ่อ พ่อกับแม่ ของปีโป้ เค้า เค้า ฮือๆๆ”  ผมไม่รู้ว่าพูดไปช้างน้อยจะเข้าใจหรือเปล่า เพราะน้ำมูก น้ำตา มันทำให้ปากผมพูดไม่รู้เรื่องเลย

“อ่าๆ โอเคๆ ชั้นพอจะเดาได้ ใจเย็นๆ  หยุดร้องได้แล้ว ดูสิ ตาบวม น้ำมูกน้ำตาเต็มหน้ามดแล้ว” ช้างน้อยพูดพร้อมกับพาผมมาที่สวนหลังบ้าบของช้างน้อย ก่อนจะยื่นกล่องทิชชู่ให้ผม

“เช็ดหน้าเช็ดตาซะ  แล้วมาค่อยๆคิดกันว่าจะเอาไง” ช้างน้อยบอกผม

“ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าแกกับพี่ปีโป้จะจริงจังอะไรกันแค่ไหน แต่ที่ชั้นรู้ เมื่อมันเกิดความรัก คนสองคนก็มักจะมองไปข้างหน้า พอมีอะไรไม่เป็นดั่งใจ ก็ต้องมีเสียใจ ปวดใจกันบ้าง แต่ครั้งนี้คงเจอกับปัญหาใหญ่เลยสินะ ..” ช้างน้อยกำลังพูดให้ผมฟัง

“เราตั้งตัวไม่ทัน เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้พ่อกับแม่ของนายปีโป้จะมา แล้วนายปีโป้จะแนะนำว่าเราเป็นแฟน เราไม่คิดว่ามันจะเร็วแบบนี้ ..” ผมพยายามบอกไปบ้าง

“คงจะช็อคซีนีม่าสินะ ถ้าเป็นชั้นอาจหัวใจวาย ดิ้นพล่านอยู่แถวนั้น” ช้างน้อยหยอดมุกมาเพื่อให้ผมขำ ผมยิ้มให้เธอเล็กน้อย

“ชั้นคงช่วยอะไรแกมากไม่ได้ นอกจากนั่งเป็นเพื่อนแก ให้กำลังใจแกตอนนี้หรอก เรื่องความรัก ปัญหาที่เกิด มันไม่ได้เกิดจากคนสองคนก็จริง แต่เวลาแก้ คนสองคนนะที่ต้องช่วยกันแก้” ผมเข้าใจที่ช้างน้อยพูดดี

“อืม เรารู้ดี ตอนนี้เราแค่ต้องการใครสักคนคุยกับเรา” ผมบอกพร้อมยิ้มให้กับช้างน้อยอีกครั้ง

“ชั้นยินดีเสมอ” และช้างน้อยก็ยิ้มกลับมาให้ผมเช่นเดียวกัน







เรารักกันแค่สองคน แต่คนสองคนก็อยู่บนโลกแค่สองคนไม่ได้ เมื่อมีคนอื่นเข้ามา ก็จะไม่ใช่โลกของคนสองคนอีกต่อไป เมื่อมีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัญหาต่างๆก็จะตามมา .. พวกเขาเข้ามาสร้างปัญหาให้กับเราสองคน แต่ไม่เคยช่วยแก้ และคนที่แก้คือคนที่รักกันทั้งสองคน ..





ตอนนี้ผมอยากให้นายปีโป้อยู่ข้างๆผมเหลือเกิน .. และนายปีโป้ก็คงคิดไม่ต่างจากผม




ผมกลับบ้านไปด้วยใจที่ห่อเหี่ยว มือที่กำมือถือไว้ตลอดเวลา เพื่อรอการโทรมาจากใครบางคน กำจนแน่น เหงื่อที่มือไหลจนมือถือเปียก ก็ไร้วี่แววของคนที่คิดถึง ครั้นจะโทรไปก็กลัวจะรบกวน และทำให้อะไรยุ่งยากมากไปกว่าเดิม



กลับมาบ้าน ยิ้มให้ยาย แล้วขึ้นบ้านไปทำงาน หาอะไรทำเพื่อให้สมองลืมๆ ในสิ่งที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ แต่ไม่ว่าทำอะไร ก็ไม่ดีสักอย่าง จนต้องเลิกทำ และมานั่งมองยายทำขนม



“ยาย ..” อยู่ๆผมก็เรียกชื่อนี้มา ทั้งที่สายตาก็ยังเหม่อมองออกไปที่ท้องทุ่งที่ไม่มีจุดจบของสิ่งมีชีวิต

“ว่าไงลูก เป็นอะไรอีกวันนี้ เห็นเหม่อตั้งแต่กลับมา” ยายหยุดมือที่กำลังทำกระทงใบตองอยู่ แล้วเดินมานั่งใกล้ๆผม

“ทำไมความรักมันถึงลึกลับซับซ้อนแบบนี้ละ” ผมถาม พร้อมกับพิงหัวไปซบที่หน้าอกยาย

“โถ หลานยาย กำลังมีความรักสิท่า .. ไปหลงรักสาวที่ไหนเข้าให้อีกละ”  ยายพูดพร้อมกับลูบผมของผมไปเบาๆ

“ความรักนี่ต้องระหว่างชายกับหญิงเหรอยาย นั่นคือนิยามของความรักเหรอยาย” ผมถามย้อนไป สายตาสงสัย ยายก็มองมาด้วยตางุนงงในคำถามนั้นเช่นกัน

“มันไม่ใช่นิยามหรอก มันเป็นแค่เรื่องปกติ กว่าจะมาเป็นเรื่องปกติได้ มันก็ต้องเคยไม่ปกติมาก่อน จนคนเริ่มรับได้ ก็กลายเป็นสิ่งปกติขึ้นมา”

“แล้วยายละครับ จะรับได้ไหม ถ้าน้ำมนต์รักกับใครแบบไม่ปกติ” ผมถามไป ใจเต้นตึกตักไม่แพ้เมื่อตอนกลางวัน ผมอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็กๆ รู้ดีว่ายายเป็นคนอย่างไร ยายไม่ใช่คนแก่หัวหงอก ที่คล่ำอยู่กับเรื่องโบราณ ยายเป็นคนมองโลกให้เป็นปัจจุบัน ยายบอกกับผมเสมอว่าอะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด ห้ามไม่ได้ก็ปล่อยมันไป ถ้าไม่มีใครเดือดร้อน ยายก็ไม่เคยห้ามทำ



แต่ครั้งนี้ยายกลับไม่สบตาผม สายตามองไปข้างหน้าจุดหมายคงไม่ต่างจากที่ผมมองตอนแรกนัก ยายยิ้มใหกับภาพที่เห็น





“เมื่อก่อนทุ่งนาแห่งนี้ เคยเป็นที่ๆของชาวนามาปลูกข้าวกัน ปลุกกันทุกปี ภาพที่เห็นคือภาพทุ่งนาสีเขียว แล้วก็ค่อยๆเหลือง กลายเป็นรวงทองในที่สุด แล้วก็กลายเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ รอคอยฤดูทำนามันอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ทุกปีๆ จนมันกลายเป็นเรื่องปกติของที่นี่ไป ยายเฝ้ารอคอยวันที่ฤดูทำนามาถึง จนทุกวันนี้นาข้าวกลายเป็นนาร้าง ที่ไม่มีใครสนใจมันแล้ว ทำนาก็ไม่ได้ข้าว ขาดน้ำ คนที่ทำเป็นค่อยๆหายไป หายไป จนภาพที่เป็นปกติของทุกวันนี้ คือทุ่งนาร้างๆ มีหญ้าต่างๆมากมาย ที่ไม่ใช่ต้นกล้าของข้าว  น้ำมนต์เข้าใจที่ยายพูดมั๊ย” ยายพูดยาว ก่อนที่จะก้มลงมาถามผม ที่เงยหน้ามองยายพูดอยู่





เมื่อก่อนการทำนาคือสิ่งปกติ ที่ยายเคยชิน เคยเห็น มันก็คงเหมือนกับการที่ผู้ชายกับผู้หญิงรักกัน แต่ทุกวันนี้นาที่ร้าง ไร้ซึ่งฤดูปลูกข้าว กลับมาแทนที่ภาพเก่าๆนั้น .. ยายก็กำลังพยายามทำความเคยชินมัน ให้กลายเป็นเรื่องปกติ .. เช่นเดียวกับเรื่องราวของความรักที่แปลเปลี่ยนไป ..




“เข้าใจครับยาย” ผมตอบแล้วก็กอดยายแน่นๆอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นไปหอมแก้มยายทั้งสองข้าง

“เมื่อไหร่จะเลิกอ้อนยายแบบนี้เนี่ย โตแล้วนะ มีแฟนแล้วด้วย” ยายแซวผม

“ไม่เอาอ่ะ ถึงโตก็จะอ้อน น้ำมนต์รักยายนะครับ ยายผมน่ารักที่สุดในโลก”

“พอเลยๆ ไม่ต้องมาทำปากหวาน คราวหน้าก็ชวนพี่ปีโป้มาเที่ยวบ่อยๆนะ บอกว่ายายยินดีต้อนรับ” ยายพูดชื่อนั้นออกมา อย่างกับรู้เรื่องราวก่อนหน้านั้นมาอย่างดี ว่านายปีโป้เข้ามาจีบผม และตอนนี้ก็เป็นแฟนของผม

“ถ้าอะไรมันเป็นไปในทางที่มันควรจะเป็น ยายคงจะได้เจอเขาอีก” ผมไม่รู้จะบอกยายอย่างไรดี

“มันต้องเป็นในทางที่เราอยากจะให้เป็นสิ อย่าให้อะไรมากำหนดชีวิตของเรา เข้าใจมั๊ย” ยายพูดให้กำลังใผม กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ .. ผมยิ้มให้กับยาย คลายกอดยายก่อนที่ยายจะเดินกลับไปทำขนมต่อ






เวลาที่เราท้อ เรามีปัญหา ใครหลายคนไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำอยู่คืออะไร และทำไปทำไม ขอแค่หนึ่งคนเท่านั้นที่เข้าใจ ปลอบใจ และให้กำลังใจผม ขอแค่อยู่ข้างๆผม ขอแค่คอยลูบผมปลอบผมเบาๆ ในวันที่ปัญหาต่างๆถาโถม เข้าไม่ได้ช่วยให้ปัญหาต่างๆหมดไปหรอกครับ เขาแค่ช่วยให้ผมมีแรงพอที่จะสู้กับปัญหาเหล่านั้น ทำให้ผมฮึดขึ้นมาอีกครั้ง





ในวันที่ปัญหาถาโถม ขอแค่มี “ยาย” เข้าใจผม .. ผมก็ดีใจแล้วครับ








“ติ๊ด ตี๋ ดี ดิ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ตี ดิ๊ด”  เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาทำลายความคิดของผม ที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ยากจะอธิบาย ผมคว้ามือถือที่อยู่ห่างจากมือไม่ไกลนัก ดูเบอร์ที่โชว์อยู่

“นายปีโป้” ผมอุทานขึ้นเล็กน้อย ดีใจที่เป็นเบอร์นี้ หันไปมองยายเล็กน้อย ซึ่งแกก็กำลังมองมาที่ผมพอดี พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจมาให้ผม ผมกดรับด้วยใจสั่น .. ไม่รู้เลยว่าปลายสายจะโทรมาบอกเรื่องอะไร โทรมาทำไม และเรื่องดีหรือร้าย ..






“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงไป พยายามทำให้น้ำเสียงเป็นปกติที่สุด

“มึงอยู่ไหน” ปลายเสียงถามมาอย่างไม่รู้อารมณ์

“อยู่บ้านแล้ว” ผมตอบ

“เออ แค่นี้แหละ”  และนายปีโป้ก็วางสายไป ทิ้งให้ผมงงกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่มีข่าวดี หรือว่าข่าวร้ายใดๆ ให้ผมต้องดีใจหรือเสียใจเลย .. มีเพียงข้อสงสัยว่าจะโทรมาทำไม โทรมาแค่นี้ ..







ผมนั่งรอโทรศัพท์อีกครั้ง โดยหวังว่าเค้าจะโทรมา นั่งจ้องอยู่อย่างนั้น  จนตัดสินใจโทรหาเองบ้าง







หมดสัญญาณเรียกพร้อมกับไร้เสียงตอบรัก สถานะถูกเปลี่ยนเป็นฝากข้อความ ผมกดซ้ำอีกครั้งก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกของสัญญาณที่เรียกในตอนนี้ ดังแต่ละครั้ง เล่นเอาใจผมสั่นไหวไปหมด




ผมคงยึดติดกับมันจนเกินไป ..



“ยายว่า มาช่วยยายทำขนมดีกว่านะ” เสียงยายเรียกผมให้กลับสู่โลกแห่งความจริง ผมคงหมกมุ่นกับมือถือและคาดหวังอะไรเยอะไป ผมหันไปยิ้มให้ยาย ก่อนจะวางมือถือไว้ และเดินไปหายาย ช่วยยายทำขนม







   ไม่นานนัก ก็มีรถยนต์คันคุ้นตามาจอดที่หน้าบ้านผม ผมจำได้ดีว่าเป็นรถใคร ทั้งที่เคยนั่งเพียงครั้งเดียวก็ตาม รอยยิ้มค่อยๆเกิดขึ้นบนในหน้าผม ผมมองเข้าไปในรถได้สักครู่ คนในรถก็ทยอยลงมา




“สวัสดีครับคุณยาย” นายปีโป้ยกมือไหว้คุณยายผม ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม แล้วก็ลากออกมาจากตรงนั้น

“ไปไหน” ผมถามเบาๆ หันหน้าไปมองพ่อแม่ของนายปีโป้ เห็นแม่ของนายปีโป้ยิ้มให้ แต่ป๊า หรือพ่อก็ยังหน้าบึ้งเหมือนเดิม

“ไปคุยอะไรกับกูหน่อย” นายปีโป้บอกผม พร้อมออกแรงดึงผมอีกครั้ง

“แล้วทำไมไม่ ..”

“ไปคุยกับพี่เค้าเถอะน้ำมนต์ รออยู่นานแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงยายของผมขัดจังหวะขึ้นมา พร้อมกับท่าทียิ้มเยาะเย้ยขอแก นายปีโป้ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะจูงมือผมเดินไป




ผมหันไปมองภาพข้างหลัง เป็นภาพของพ่อแม่ของนายปีโป้ กำลังทักทายยายผมอยู่ และดูท่าแม่จะรู้จักยายดี





“จะลากไปอีกไกลมั๊ย” ผมบอกนายปีโป้ เมื่อเห็นคนโตกว่าลากผมเข้ามาในทุ่งนาร้างแถวบ้านของผม ซึ่งห่างจากบ้านคนแถวนี้พอสมควร มองออกไปเจอแต่ทุ่งนาที่เต็มไปด้วยหญ้าหลากหลาย เขียวบ้าง เหลืองบ้าง ร่วงโรยตามฤดูกาล





นายปีโป้หยุดเดิน และหันกลับมามองผม ก่อนจะเข้ามากอดผมไว้อย่างแน่น เล่นเอาแมหายใจแทบไม่ออก ผมโดนกอดอยู่แบบนั้น โดยไม่มีเสียงใดๆหลุดออกจากอีกคนเลย เข้าลูบที่ผมของผมอย่างช้าๆ เสียงหัวใจของเราสองคนเต้นดังจนฟังไม่ทัน ว่าเป็นของใคร และของใคร








“ลากมาตั้งไกล เพื่อมากอดนี่นะ” ผมทักท้วงอย่างขำๆ เมื่ออีกคนไม่มีทีท่าจะปล่อยผมออกจากอ้อมกอด

“ก็กูคิดถึง ตั้งแต่ปิดเทอมกูยังไม่ได้กอดมึงเลย แถมเมื่อเช้าก็เจอเรื่องแย่ๆเข้าไปอีก กูเลยอยากกอดมึงไว้นานๆ กูกลัว กลัวว่าจะไม่ได้กอดมึงอีก” นายปีโป้พูดพร้อมกับปล่อยผมจากอ้อมกอด มาเป็นกุมบ่าทั้งสองข้างของผมไว้ ในตาแฝงไปด้วยความเศร้า คำพูดเหล่านั้นทำเอาน้ำตาผมแทบไหล

“ทำไมพูดแบบนั้นละ หรือว่าป๊ากับแม่นานเค้าอยากให้เรา ..”

“กูขอโทษ” ผมยังไม่ทันจะพูดจบ นายปีโป้ก็ขัดด้วยประโยคนี้ เล่นเอาผมไปต่อไม่ถูก ยืนก้มมองพื้นดินที่พบแต่หญ้าที่ตายไปด้วยการขาดน้ำ นัยน์ตาผมก็คล้ายๆกับกำลังหลั่งบางอย่างให้ความชุ่มชื่นกับสิ่งนั้น .. แต่มันคงจะไม่เพียงพอ




“เป็นไรไปอ่ะ” นายปีโป้ถาม พร้อมกับมือที่ยกหน้าผมเชิดขึ้น

“ร้องไห้ทำไม” เขาถามมาอีกครั้ง

“ต้องเลิกกันจริงๆเหรอ ไม่เลิกกันไม่ได้เหรอ เรายังไม่พร้อมเลยนะ” ผมพูดไปพร้อมกับน้ำตา  ที่ไหลออกมาด้วยความเสียใจ ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวความรักครั้งแรกของตัวเอง จะจบลงง่ายๆแบบนี้

“เป็นอะไร ฟังกูพูดให้จบก่อนสิ กูบอกว่ากูขอโทษ ที่ทำให้มึงเสียใจ ร้องไห้ที่ห้าง ขอโทษที่ทำให้มึงต้องกลับบ้านมาด้วยความเสียใจ ขอโทษที่ไม่ได้ดูแลมึง  นี่แหละทีกู่จะขอโทษ แล้วมึงจะร้องทำไมเนี่ย” ผมอึ้งเมื่อได้ฟังสิ่งที่นายปีโป้พูด นี่ผมตีโพยตีพายไปเองเหรอเนี่ย

“นายอ่ะ .. ทำไมไม่รีบพูดให้มันจบๆ ทำไมปล่อยให้เราคิดไปไกล ทำไมทำกับเราแบบนี้” ผมพูดด่านายปีโป้ พร้อมกับตีที่หน้าอกเขาไปด้วย
 
“ตีแบบนี้ไม่รักกูแล้วเหรอ พี่เจ็บนะ” ดูครับ ที่พูดอ้อน แล้วยังอมยิ้มที่มุมปากอีก

“ไม่ต้องมาพูดเลย จะไปหายายแล้ว” ผมพูดพร้อมกับจะปลีกตัวกลับไปที่บ้าน

“เดี่ยวก่อนสิ กูยังพูดกับมึงไม่จบนะ” อีกคนก็ดึงไว้

“มีอะไรอีก เรียกมาแค่กอดอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ” ผมย้อนถาม

“ถ้าทำอย่างอื่นได้ ก็จะดีมาก” นายปีโป้ตอบมาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่ต้องมาทะลึ่ง แล้วป๊ากับแม่นาย .. เอ่อ” ผมจะถามยังไงดีละครับ

“กูคุยกับแกแล้ว” นายปีโป้พูดบอกมา อย่างกับจะรู้ว่าผมต้องการถามอะไร

“คุยแล้ว แล้วพวกท่านว่ายังไงเหรอ ?”

“แม่เหมือนจะเข้าใจ แต่ป๊ายังไม่อยากรับรู้อะไร แกบอกว่ารอเราจบมหาลัยก่อน แกคงขอเวลาทำใจ ดีหน่อยที่แม่ช่วยพูดให้ แม่บอกว่าลูกรักใครแม่ก็รักด้วย และแม่ก็ชอบมึงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย แต่ป๊ากูก็ชอบมึงนะ แต่แกคงไม่ได้ชอบถึงขั้นอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ กูลูกชายคนเดียวด้วย แกคงอยากอุ้มหลาน” พูดมาถึงตอนนี้ นายปีโป้ก็หยุดพูดไป ผมก็พลันรู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ทำไมเค้าสองคนเข้าใจง่ายจังเลย ทั้งที่ท่าท่าก่อนเราออกมา ดูโกรธซะขนาดนั้น” ผมถาม

“ก็กูรั้นไง กูบอกว่ากูรักมึง กูไม่เคยรักใครเท่ามึงมาก่อน กูบอกเขา กูเล่าให้เขาฟังว่ากูทำยังไง ถึงกูจะได้มึงมาเป็นแฟน กูบอกว่ากูไม่เคยใช้ความพยายามเท่านี้มาก่อน  กูบอกว่าแค่นี้พอแสดงให้ป๊ารู้มั๊ย ว่าหนูรักน้ำมนต์แค่ไหน” นายปีโป้พูดพร้อมกับจับมือผมเอามาลูบเล่นเบาๆ

“พูดแบบนี้จริงเหรอ” ผมจะเชื่อดีไหมเนี่ย

“จริงสิ ตอนพูดนะ น้ำเสียงหนักแน่น วาจาเกรี้ยวกราดดุจชายชาติทหารเลยล่ะ” ยิ่งน่าเชื่อถือน้อยลงเข้าไปอีก

“เดี่ยวไว้ค่อยไปถามแม่นายอีกที ว่าพูดแบบนั้นจริงไหม”

“เอ๊ย ไม่ต้อง กูบอกมึงก็ได้” นั่นไงครับ มันต้องมีอะไรแน่ๆ

“อ่า . ว่ามา” ผมยืนกอดแก รอฟังความจริงจากนายปีโป้ นายปีโป้เอามือเกาหัวเหมือนกำลังคิดว่าจะเล่าอย่างไรดี

“คือ .. เอ่อ .. คือกูร้องไห้นานมาก มึงดูที่ตากูสิ ตากูบวมเปล่าล่ะ นี่กูเอาผ้าเย็นประคบแล้วนะ ยังบวมๆอยู่เลย ป๊ากับแม่คงไม่เคยเห็นกูร้องไห้แบบจะเป็นจะตายแบบนี้  แต่ที่จริงกูก็เสแสร้งด้วยแหละ เสียใจก็ตอนที่มึงจะไป ตอนนั้นเสียใจจนน้ำตาไหล แต่ในเมื่อมันไหลแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายต้องมีค่ากว่านั้น กูเลยร้องไห้หนักเรียกร้องความสงสารเข้าไปอีก แม่เห็นกูร้อง แกก็จะร้องด้วย เลยบอกว่า แกชอบมึง แกรับได้ บอกป๊าว่าถ้าป๊าไม่ยอมรับ ก็ไม่ต้องมาสนใจกูกับมึง ไม่ต้องสนใจแม่ด้วย ออกแนวบังคับป๊าไปในตัว ป๊าอับจนหนทาง จนต้องเปิดโอกาสให้กูกับมึงคบกัน”

“อย่างนี้นี่เอง” ผมพยักหน้าสองสามครั้งเมื่อฟังเรื่องจบ

“แต่เอาเข้าจริง กว่าจะคุยกับป๊าเข้าใจก็นานอยู่ และป๊าก็บอกว่าขอเวลาทำใจ ให้กูเรียนจบมหาลัยก่อน แล้วแกจะยอมรับในตัวมึงอีกครั้ง มึงรอได้ไหมล่ะ”

“เรื่องอะไรเราจะรอ” ผมอยากแกล้งนายคนนี้ดูบ้าง

“มึงพูดว่าไงนะ” นายปีโป้ตะโกนกลับมาเสียงดังลั่น

“ถ้าคนบางคนไม่ทิ้งเรา ก็คงไม่มีใครกล้ามาจีบเราแล้วละ กว่าจะมีแฟนกับเขาสักคน ไม่ใช่ง่ายๆเลยนี่” ผมบอกไปพร้อมกับยิ้มๆ

“เมื่อกี้ไม่ได้พูดแบบนี้นี่ .. แต่ก็ดีละ กูชอบ” นายปีโป้บอกผม พร้อมกับเดินเข้ามาโอบคอผมอีกครั้ง





เรื่องราวของผมกับนายปีโป้ก็มักจะเป็นแบบนี้แหละครับ วันๆหนึ่งมีทุกอารมณ์ เขาบอกกันไว้ว่า ถ้าไม่เคยร้องไห้มาก่อน ก็จะไม่มีวันเห็นคุณค่าของรอยยิ้ม .. ถ้าไม่เคยรู้สึกสูญเสีย ก็จะไม่เห็นคุณค่าของความรัก ผมเข้าใจแล้วละครับ ว่ามันรู้สึกเช่นไร เวลาเป็นแค่ตัวแปรหนึ่งเท่านั้นที่เอามาใช้พิสูจน์ความรักของผม ความรู้สึก ความผูกพัน สิ่งต่าๆงที่เขาทำให้ผมต่างหาก ที่มันเอามาพิสูจน์ .. ว่าคนๆนี้ รักเราจริงๆ
ผมกับนายปีโป้เดินกลับเข้าบ้านมา โดยมีมือของนายปีโป้จับมือผมไว้ และเมื่อใกล้มาถึงบ้าน ผมเลยบอกให้เขาปล่อยมือ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรต่อกัน แต่การแสดงความรักประเจิดประเจ้อแบบนี้ก็คงไม่ดีนัก .. ยิ่งความรักของเราแล้ว ยิ่งยากจะยอมรับ






“กลับกันมาแล้ว” ยายผมทักเมื่อเห็นผมกับนายปีโป้เดินเข้ามาที่ใต้ถุนบ้าน

“หนูน้ำมนต์ .. แม่ขอโทษด้วยนะลูก ที่ทำให้ลูกเสียใจวันนี้” แม่นายปีโป้เดินเข้ามาจับมือลูบแขนปลอบผม

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ” ผมตอบแล้วยิ้มไป

“ดูสิคุณ น่ารักจริงๆเลยหนูน้ำมนต์เนี่ย แม่ดีใจจัง แม่จะได้มีลูกชายเพิ่มละ” แม่ปีโป้พูดพร้อมกับหันไปคุยกับป๊าของนายปีโป้ ที่นั่งขรึมไม่พูดไม่จาอยู่

“นี่คุณ .. จะเก็กอีกนานมั๊ย เมื่อกี้ก็ยังชมหนูน้ำมนต์กับคุณยายอยู่เลย พอตาหนูโป้มาก็ทำเก็กซะงั้น  ตาหนูโป้มันรู้หรอก ว่าคุณทำไปทำไม  ดูสิตาหนู ป๊าเค้างอนเรา เค้ากลัวเราไปม่รักเค้า” แม่ของนายปีโป้หันไปดุป๊าของนายปีโป้ ก่อนจะหันไปพูดกับเค้า

“จริงเหรอป๊า ...” นายปีโป้พูดกับป๊าลากเสียงยาว ทำเสียงกวนๆ กับหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้คุณลุงมากขึ้น

“ไม่ต้องมายุ่งกับป๊า ป๊ามันไม่หนุ่ม ป๊ามันผมไม่ยาว ป๊ามันไม่ได้หน้าขาว มันไม่ได้น่ารักแล้วนี่” นั่นไงครับ ป๊าน้อยใจใหญ่แล้ว

“โอ๋ๆ ไม่น้อยใจนะตัวเอง ยังเค้าก็รักตัวเองเหมือนเดิมแหละ มามะกอดหน่อย” นายปีโป้พูดพร้อมกับกอดคุณลุงไว้แน่น คุณลุงดิ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มขึ้นบ้าง

“เอากับเขาสิบ้านนี้  ถ้าลูกชายมีแฟนผู้หญิง แม่ก็น้อยใจ พอลุกชายมีแฟนเป็นผู้ชาย พ่อก็น้อยใจอีก กลัวลูกไม่รักสินะ เหอะๆๆ” ยายพูดสรุป ก่อนจะหัวเราะออกมา กับภาพของพ่อลูกกำลังง้องอนกัน





ส่วนแม่ของนายปีโป้ ก็จับตัวผมหมุนซ้ายหมุนขวา จับแก้มจับแขน ลูบไล้ไปตามตัวเป็นว่าเล่น

“หนูน้ำมนต์นี่ผิวสวยจังเลยคะแม่ หนูชักชอบแล้วสิ ดูๆไปก็คล้ายผู้หญิงนะคะเนี่ย” คุณป้าพูดกับยาย เรื่องของผม จะว่าผมเขินก็ใช่ แต่ก็ไม่ชอบเท่าไหร่ ที่มีใครบอกว่าเหมือนผู้หญิง

“น้ำมนต์มันได้แม่มันมา ผิวอะไรเนี่ยเหมือนแม่มันหมด” มีแต่คนบอกว่าผมเหมือนแม่ครับ เค้าบอกว่าผู้ชายเหมือนแม่จะไม่อาภัพ แต่ผมว่าผมยงอาภัพที่พรากจากพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กอยู่ดี

“นั่นสิคะ มองแว๊บแรกหนูก็คิดเลยว่าเหมือนยัยนามากๆ” คุณป้าบอกว่าผมหน้าเหมือนแม่ผมครับ





“ลูบไล้พอหรือยังคุณ ถูอย่างกับจะขอหวยจากหนูน้ำมนต์”  คุณลุงส่งเสียงมาจากด้านหลัง

“ป๊าอิจฉาอ่าดิ บอกหนูมาเถอะ ว่าอยากกอดน้ำมนต์เหมือนกัน” นายปีโป้แซวพ่อของตัวเอง

“ใครบอกละ ป๊าไม่อยากกอดใครทั้งนั้นแหละ แกก็ออกไปเลย ไม่ต้องมาเกาะแกะกับพ่อ พ่อร้อน”

“ร้อนจริงอ่ะ งั้นหนูไปกอดแม่ดีกว่า”

“เอ๊ยย”

“โอ๋ๆๆ ใครจะกล้าทิ้งป๊าละ ถึงหนูจะมีแฟน แต่หนูก็รักป๊าเหมือนเดิมนะ รักมากๆด้วย” นายปีโป้อ้อนใหญ่แล้วครับ ผม ยาย และคุณป้ายิ้มให้กับภาพนั้นใหญ่

“ให้มันจริงเห๊อะ .. นานๆทีกลับบ้าน นึกว่าไปติดสาวที่ไหน ที่แท้ก็ลูกไอ้ยศ หนีไม่พ้นมันจริงๆเลยกูเนี่ย” คุณลุงพูดถึงพ่อผมครับ




“โอเค เดี่ยวคราวหน้าหนูจะกลับบ้านทุกอาทิตย์เลย  จะไม่เถลไถลที่ไหนอีกแล้ว หนูสัญญา”

“ไม่ต้องมาเลย ป๊าไม่อยากเจอ” คุณลุงพูดมาสีหน้าจริงจัง

“อ้าว ไงงั้นอีกละป๊า”  นายปีโป้เริ่มเอาใจป๊าตัวเองไม่ถูกละ แต่หัวโตๆ ผมยาวๆของเค้าก็ยังไถๆอยู่ตามแขนของป๊าขงเค้าอยู่ดี







“ถ้าจะมา ต้องพาหนูน้ำมนต์มาด้วย เข้าใจมั๊ยยยยยยย”  ก่อนประโยคที่ชัดเจนจะหลุดออกมา พร้อมรอยยิ้มที่แสนใจดีของคุณลุงจะกลับมาให้เห็นบนใบหน้าอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้เต็มที่อีกครั้ง







ภาพตอนนี้คงเป็นภาพที่น่าดูไม่เบา ภาพของคุณลุงนั่งกอดและเกาหัวลูกชายตัวโต ที่อ้อนพ่ออย่างกับเด็กๆ กอดบ้าง หอมแก้มบ้างสลับไป ภาพของคุณป้าที่ยืนโอบเอวผมไว้เบาๆ สายตาจ้องมองพ่อลูกเล่นกัน และภาพของยายที่ดูลูกๆหลานๆ พรางเคี้ยวหมากในปาก มีแซวบ้าง คุยบ้างตามประสา






เมื่อก่อนผมมองว่ารักเข้าใจยาก และช่างซับซ้อน แต่เพราะคนเราเลือกจะมองต่างมุม มองกันคนละแบบ บางคนมองรักเพื่อผมประโยชน์ บางคนมองรักเพื่อชื่อเสียง บางคนมองรักคือเพศ คืออายุ บางคนมองรักแค่คลายเหงา บางคนมองรักคือทั้งชีวิต





ถ้าเรามองรัก ว่ามันคือความรัก .. เมื่อนั้นเราก็จะมองมันเหมือนกัน








ขอบคุณคคุณลุงคุณป้า และก็ยายมากนะครับ .. ที่มองรักครั้งนี้เหมือนกับที่ผมและนายปีโป้มอง





 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 19-12-2011 20:53:19
 :z13:



 :mc4: ดีใจที่ลงเอยด้วยดี
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 19-12-2011 20:55:55
 o13 น้ำมนต์น่ารักขึ้นทุกวัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 19-12-2011 21:02:48
คุณพ่อคุณแม่น่ารักมากค่ะ ขอชมเชย  :m4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 19-12-2011 21:08:04
อ๊อยยยยย.~
ลุ้นมากอ่ะ
ที่สุดแล้ว เค้าก็เข้าใจกัน
นายโป้ใช้น้ำตาแก้ปัญหา
ไม่ค่อยแมนเนอะ แต่ได้ผลก็โอเคแล้ว
ดีใจอ่ะ ดีใจเว้ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 19-12-2011 21:59:28
เกือบจะโกรธพ่อแม่ปีโป้แล้วเนี่ยะ ถ้าไม่ได้อ่านตอน 36
ตอนแรกก็รักน้ำมนต์ดี ลูกของเพื่อนสนิทนี่น่ะ
แต่พอลูกตัวเองมารักน้ำมนต์ ก็แสดงท่าขัดขวาง
สุดท้่ายแล้ว ลูกรักใครก็รักด้วยเนอะ แถมยังเป็นลูกเพื่อนสนิทอีกด้วย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 19-12-2011 22:14:14
 :mc4:  :mc4:

สมหวังกันซักที ปีโป้พิสูจน์กับทุกคนแล้ว ทั้งกับน้ำมนต์และพ่อแม่ ดีใจด้วย  :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 19-12-2011 22:32:48
ฝากน้ำมนต์ไปทุบไอ้พี่โป้แรงๆสักที
มาบอกขอโทษ คนอ่านเค้าก็ตกใจไปกับน้ำมนต์ด้วยนะเนี่ย เฮอะ โมโห

นึกว่าป๊ากับม๊าจะไม่ยอมรับเสียอีก  ป๊าคงทำใจยากนิดนึง
แต่ลองได้เห็นได้เอ็นดูขนาดนี้แล้ว จะเปลี่ยนยอมรับมันก็ไม่ยากหรอกเนอะ

น้ำมนต์น่ารกมากเลย เวลาคุยกับโป้
โฮ้ยยย แทนตัวเองว่าเรามันดู  ฮึ้งงงงงง  น่ารักๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 19-12-2011 23:08:18
น้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-12-2011 23:38:19
 :mc4: ดีใจกับน้ำมนต์และพี่ปีโป้ด้วย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-12-2011 23:51:18
คุณป๊า คุณแม่ทำบีบหัวใจมาก ลุ้นจนตัวโก่ง
เกือบหวิวอีกทีตอนน้ำมนต์ถามว่าไม่เลิกไม่ได้เหรอ โอ๊ย อิชั้นจะร้องไห้ตาม
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 20-12-2011 00:37:20
อ่านตอนแรกกะว่ามาม่าชัวร์ต้มมาม่า กำลังเดือดเลย ดีนะยังไม่ใส่ลงไป

ไม่งั้นมาม่าฉันหวานแน่ๆ (หวานเพราะป๊ากับโป้นะ)

อ่านตอนหลังแล้ว ซึ้งจัง ชอบที่ป๊าบอกว่า "นานๆทีกลับบ้าน นึกว่าไปติดสาวที่ไหน ที่แท้ก็ลูกไอ้ยศ หนีไม่พ้นมันจริงๆเลยกูเนี่ย”

 :กอด1:กอดคนเขียนแรงๆ 1ทีสำหรับตอนนี้

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
(อันหลังแถม)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 20-12-2011 00:49:13
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 20-12-2011 01:41:46
เอ่อ..จะว่ายังไงดี..อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าถูกกระชากอารมณ์จากตอนที่แล้วมาก
อารมณ์ประมาณว่าเหมือนกำลังต้มมาม่า
พอน้ำเดือดหย่อนมาม่าลงหม้อปุ๊บแก๊สดันหมดก่อนเส้นจะนิ่มซะงั้น :serius2:
แต่ก็เอาเถอะ ดีใจที่ป๊ากับแม่โป้ยอมรับเรื่องน้ำมนต์นะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 20-12-2011 04:19:36
น่ารักทุกคน  โดยเฉพาะป๊า 555 แอบเป็นแฟนคลับป๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 20-12-2011 08:11:46
ลุ้นจนเหนื่อย นึกว่าจะแย่ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 20-12-2011 09:21:23
เย้ เย ดีใจลงเอยกันด้วยดี

ป๊า แม่ คุณยาย เท่ห์มากเลยอ่ะ ในความเป็นจริงคงไม่ง่ายที่จะยอมรับได้ในสังคมประเทศไทย แต่เค้าก็ยอมรับเพราะความรักที่มีให้ปีโป้กับน้ำมนต์

ความรักนี่มันดีจริง ๆ (เพ้อมากเลยชั้น)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 20-12-2011 11:01:06
 :-[ นึกว่าจะไม่สมหวังเสียแล้ว...
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 20-12-2011 12:32:36
 :กอด1: :กอด1:

มีความสุขจังงงง 
แต่สงสารน้ำมนต์มากมายอะตอนแรก  เป่าปี่ไปหาช้างน้อยซะงั้น
ยายดีจังเลยเนอะ  ป๊าขาาา อ้อนลูกได้น่ารักมาก  55555555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 20-12-2011 12:40:43
 :เฮ้อ: นึกว่าจะได้กินมาม่าอีกชามซะแล้ว     

ความน่ารัก  ความอ่อนน้อมถ่อมตนของน้ำมนต์ จะทำให้ป๊ายอมรับได้เอง สู้ๆ o13  ชอบคุณยายของน้ำมนต์เป็นคนแก่ที่น่ารักมาก มิน่าหลานถึงน่ารักทำให้ใครๆ ก็หลงรักเนอะ





หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 20-12-2011 12:57:35
น่ารักกันทุกคนเลย :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-12-2011 13:04:00
อ่านตอนนี้เป็นอะไรที่ :m11:ดีใจสุดๆ ดีใจไปกับปีโป้และน้ำมนต์จริงๆ
พร้อมกับชื่นชมผู้สูงวัยทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณยาย ที่มองโลกอย่างเป็นปัจจุบัน
พยามยามตามโลกได้ทัน รู้เท่าทันโลก ไม่ยึดติดกับสิ่งใดจนเกินไป ซึ่งจะทำให้ใจเป็นทุกข์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 20-12-2011 14:40:00
อ่านตอนนี้เป็นอะไรที่ :m11:ดีใจสุดๆ ดีใจไปกับปีโป้และน้ำมนต์จริงๆ
พร้อมกับชื่นชมผู้สูงวัยทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณยาย ที่มองโลกอย่างเป็นปัจจุบัน
พยามยามตามโลกได้ทัน รู้เท่าทันโลก ไม่ยึดติดกับสิ่งใดจนเกินไป ซึ่งจะทำให้ใจเป็นทุกข์


เพิ่งผ่านการนั่งสมาธิวิปัสนามาใช่มั้ยเนี้ย 555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-12-2011 22:14:52
ท่าทีพ่อกับแม่นายปีโป้ตอนแรก นึกหนูน้ำมนต์ของชั้นจะแย่ซะแล้ว

เข้าใจกันดีแบบนี้ค่อยโล่งอก   :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 20-12-2011 22:25:56
อ่านตอนแรกๆเศร้าแทนน้ำมนต์เลย  :monkeysad:
แต่ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี  :mc4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-12-2011 22:33:33
เย้ ในที่สุดปัญหาก็ลงตัว โล่งงง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 มาต่อแล้วครับ 19-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 21-12-2011 09:39:33
^^
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 21-12-2011 23:56:12

ตอนที่ 37 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน



ในวันหนึ่งๆ ของใครแต่ละคนคงมีเรื่องราววุ่นวายมากมาย ที่เข้ามาและหายไป บางอย่างทิ้งไว้แค่ร่องรอยแห่งความทรงจำ บางอย่างก็ยังเหลือคราบไม่เคยขาดหาย บางอย่างก็รอวันเพิ่มขึ้นๆ อย่างไม่มีท่าทีจะลดละ ..

แต่ทุกอย่างมันคือสิ่งที่เกิดไปแล้ว .. และสิ่งที่ยังไม่เกิด  ถ้าไม่สนใจและปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น และเราอยากให้เป็นคงจะดีกว่า


“รอนานมั้ย” ผมถามมันเมื่อรับมันขึ้นรถมาจากจุดนัดพบ วันนี้ผมชวนน้ำมนต์ไปเที่ยวบ้านผมครับ ผมเลยเข้ามารับมันในเมือง

“ไม่นานหรอก มาคนเดียวเหรอ”  มันถามผม เมื่อขึ้นนั่งได้เรียบร้อยแล้ว

“มากับแม่ แต่แม่อยู่ห้าง กำลังซื้อของ บ่นว่าอยากจัดปาร์ตี้”ผมบอกขณะกำลังออกรถมุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้า ที่เพิ่งจะไปส่งแม่เลือกซื้อของมา

“จัดปาร์ตี้เหรอ เนื่องในโอกาสอะไรอ่ะ” มันถามทำหน้าจิ้มลิ้มสงสัย ผมมองแล้วอยากจับจูบซะตอนนี้

“ไม่รู้ ต้อนรับลูกสะใภ้มั้ง” ผมตอบมันไป

“ไอ้บ้า ..” มันพูดมาพร้อมเขินๆ ผมเคยบอกหรือยังนะ ว่าเวลามันเขินนี่ มันน่ารักที่สุดในโลกเลย ถ้าเคยบอกแล้วก็ขอบอกอีก และจะบอกแบบนี้ไปตลอด

“เอามือมาหน่อย” ผมบอกมัน

“ทำไมอีกละ” อีกคนถามแบบไม่พอใจ แต่ก็ส่งมือมาให้

“ขอจับหน่อย” ผมพูดแล้วก็จับมือมันไว้

“เอ๊ย ไม่เอา อันตราย ขับรถไปเลย” มันพูดพร้อมกับดึงกลับ ผมเอามือของตัวเองข้างที่จับมือมันเมื่อกี้ยกขึ้นมาดมเบาๆ

“หอมจังเลย” พูดแล้วหันไปยิ้มให้มัน

“โรคจิตขึ้นทุกวันแล้วนะ” ดูครับ ดูมันดุผม

“กูจะบ้าขึ้นทุกวันก็เพราะมึงนี่แหละ”

“แหนะ โทษเราอีก”

“ก็มึงน่ารักอ่ะ” ไม่รู้จะเถียงอะไรมันแล้วครับ มันน่ารักไม่หยุดเลย

“พอเลย รีบขับๆไป เดี๋ยวแม่นายรอนะ” มันบอกผมครับ

“เบื่อมั้ย” ผมชวนคุยเรื่องอื่น

“เบื่ออะไร ?”

“เบื่อที่ต้องมาอยู่กับกู ไปนอนบ้านกู มีแฟนแบบกู”

“จะเบื่อทำไมละ หรือว่านายเบื่อ” มันไม่เคยมีเหตุผลอะไรเลย ผมเชื่อแล้ว

“กูไม่เบื่อ แค่มึงอยู่ด้วย ไม่ว่าทำอะไรกูก็ไม่เบื่อ ให้แค่นั่งมองมึงทั้งวันกูยังนั่งมองได้เลย มึงเชื่อกูป่ะล่ะ” ผมพูดไป คิดภาพตามไป และคิดว่ายังไง ผมก็ไม่เบื่อมันง่ายๆ เหมือนคนอื่นๆแน่ๆ เพราะมันมีอะไรให้ผมได้ค้นหาอยู่ตลอดเวลา

“ให้จริงอย่างที่พูดเหอะ .. แต่ว่าเราชักจะเบื่อนายแล้วอ่ะ” มันพูดมาพร้อมกับยิ้มๆที่มุมปาก ถึงรู้ว่าพูดเล่นก็เหอะ แต่ฟังแล้วใจแป้วใช่ย่อย

“มึงอย่ามาพูดแบบนี้นะ กูยิ่งใจไม่ค่อยดีอยู่” ผมละเบื่อมันจริงๆ ชอบมาล้อเล่นให้ใจเสีย

“รีบขับไปเลย อยากเจอแม่แล้ว เบื่อนายจริงๆแล้วมั้งเนี่ย” ดูมันครับ ยังพูดไม่หยุด



เมื่อเราสองคนมาถึงห้าง ผมก็โทรถามแม่ ว่าแม่อยู่แถวไหน ก็ได้คำตอบว่ากำลังรอจ่ายตังค์อยู่ ผมกับมันเลยเดินเข้าไปหา ก็พบว่าแม่จ่ายตังค์เสร็จพอดี


“สวัสดีครับคุณป้า” น้ำมนต์ทักแม่ผมครับ พร้อมยกมือสวัสดี

“ป้าเป้ออะไรกันหนูน้ำมนต์  เรียกแม่สิลูก” แม่ผมตอบมาพร้อมรอยยิ้ม เล่นเอาผมยิ้มตามไปด้วยกับประโยคนั้น

“อ่าครับแม่” น้ำมนต์พูดออกไปแบบเขินๆ

“อุ๊ยดูสิหนูน้ำมนต์เขิน ตาหนูดู” แม่ดีใจใหญ่ที่เห็นมันเขิน

“เห็นแล้วครับแม่”

“ต๊าย ตาย ถ้าเขินแล้วน่ารักแบบนี้ แม่ล่ะอยากจับหยิกแก้ม” แม่ผมพูดพร้อมกับทำท่าจะเอามือหยิกแก้มน้ำมนต์

“อย่าดิแม่ เดี๋ยวแก้มช้ำหมด” ผมดึงน้ำมนต์เข้ามาหาผม

“แหม ตาหนู หวงจังเลยนะ ใช่ซี้ .. แม่มันไม่จิ้มลิ้มแบบนี้แล้วนิ” ดูครับดู เดี๋ยวนี้ชอบงอนผมทั้งแม่ทั้งป๊าเลย ..

“ไม่หรอกครับ น้ำมนต์ว่ายังไงแม่ก็ยังสวย ยังน่ารัก” ดูมันยอแม่ผมครับ

“จริงเหรอหนูน้ำมนต์ แม่ว่าแม่แก่แล้วนะ ดูสิตีนกาแม่” แม่พูดพร้อมกับยื่นหน้าไปหาน้ำมนต์

“นิดเดียวเองครับ ยังดูสาวอยู่เลย”

“พอเถอะครับหนูว่า กลับบ้านกันดีกว่า ยอกันไปยอกันมา ไม่ได้จัดปาร์ตี้กันพอดี” ผมบอกแม่ครับ

“แหมตาหนูนี่ ขัดจังหวะจริงๆเลย ไปกันเถอะหนูน้ำมนต์ ไปคุยกับแม่บนรถกัน แม่ไม่ค่อยได้คุยกับเราเลย คราวที่แล้วไปบ้านแม่ แม่ก็ไม่ค่อยว่างคุยด้วย เดี๋ยวนั่งหลังคุยกับแม่ไปนะ ปล่อยตาหนูเป็นคนขับรถไป วันนี้เราเป็นเจ้านายกันสองคน”


แม่ผมพูดร่ายยาว และยังไม่จบแค่นั้น ตลอดการเดินทางจากห้างในเมือง ถึงบ้านของผม แม่ชวนน้ำมนต์คุยมาตลอดทาง โดยทิ้งให้ผมขับรถเหงาๆ อยู่ข้างหน้าแค่คนเดียว อย่างที่แม่บอก ว่าวันนี้ผมเป็นแค่คนขับรถ คุณหนูกับคุณผู้หญิงเค้าอยากจะคุยกันตามประสา ผมไอ้แต่มองกระจกหลัง นั่งมองหน้าไอ้น้ำมนต์ตาปริบๆ ทำสายตาออดอ้อนให้มันสงสาร แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันกลับแลบลิ้น แล้วไม่สนใจผมไปเลย


เรื่องที่คุยกันก็เรื่องทั่วๆไปนั่นแหละครับ และเหมือนแม่ผมจะรู้ว่าน้ำมนต์อยากจะรู้เรื่องแม่ของเค้า แม่ก็เล่าให้ฟังเรื่อยๆ ทำเอาน้ำมนต์เลิกสนใจผมไปเลย .. รายนี้นะครับ อย่าให้ป๊ากับแม่ผมพูดเรื่องพ่อแม่เค้า เพราะว่ามันจะไม่สนใจอะไรอีกเลย



“ตาหนู ไปเรียกคนมาช่วยยกนะ แม่ไปนั่งคุยกับหนูน้ำมนต์ที่โถงก่อน” แม่ผมพูดพร้อมกับลากมันไปด้วย มันมองมายิ้มให้ผมเล็กน้อย  นี่ผมคิดผิดคิดถูกเนี่ย ที่พามันมานอนบ้าน เหมือนมันจะไม่ได้อยู่กับผมเลย

“มาคะ คุณหนู ป้าช่วย” เสียงป้าแดงครับ พูดพร้อมกับช่วยยกข้าวของที่แม่ผมซื้อมา

“คุณหนูน้ำมนต์มาเหรอคะ ป้าเห็นหลังแว๊บๆ” ป้าแดงถามผม

“ใช่ครับป้า เดี๋ยวป้าไปตามเด็กมาช่วยยกนะครับ ผมไปเอาคนรักผมคืนก่อน” ผมพูดเสร็จก็เอาของในมือไปไว้ในครัว ก่อนจะเดินเข้ามาหาแม่ที่โถง




ไม่มี !!!



แม่พาน้ำมนต์ไปไหนละเนี่ย ??



“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงผมเคาะประตูห้องแม่ครับ

“แม่ ... “

“มีไรตาหนู” แม่ตะโกนออกมา

“ทำไรอยู่ ... เอาน้ำมนต์คืนมา” 

“เดี๋ยวสิ แม่กำลังคุยกับน้ำมนต์เพลินเลย เข้ามาก่อนมา” สิ้นเสียงแม่ ผมเปิดประตูห้องแม่เข้าไป ก็เห็นสองคนกำลังนั่งดูอัลบั้มรูปถ่ายแม่ในอดีต และในรูปพวกนั้นคงมีรูปแม่ของน้ำมนต์อยู่ด้วย  น้ำมนต์มองแต่ละรูปอย่างช้าๆ มันยิ้มให้กับทุกรูปที่มันดู มือมันค่อยๆลูบไปบนใบหน้านั้นเบาๆ



“ขนของลงหมดแล้วเหรอ” แม่ถามผม

“น่าจะหมดแล้วครับ หนูใช้เด็กช่วยขนละ” ผมตอบแม่

“โอเค งั้นเดี๋ยวแม่เข้าครัวก่อนนะ หนูน้ำมนต์ เดี๋ยวดูเสร็จตามไปเป็นลูกมือแม่นะจ๊ะ” แม่พูดกับผม ก่อนจะหันไปคุยกับน้ำมนต์

“ได้ครับ” มันตอบแม่ผม พร้อมยิ้มให้ ก่อนที่แม่จะเดินออกจากห้องไป

“หึหึ น้อยใจแล้วนะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปนั่งช้อนหลังมัน โอบเอวมันเล็กน้อย เอาคางตัวเองวางบนบ่ามัน

“น้อยใจอะไร” มันถามเบาๆ แต่สายตายังคงจ้องมองรูปถ่ายในอัลบั้มอย่างช้าๆ

“ก็ไม่สนใจกูเลย”

“ใครบอกละ”

“ก็กูเห็น”

“แล้วยังไงถึงเรียกว่าสนใจละ” มันพูดพร้อมกับหันหน้ามามองผม หน้าของเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ มันยิ้มให้ผมอย่างกวนๆ

“แบบนี้ไง” ผมรีบผลักมันลงนอนบนเตียง แล้วก็จูบปากมัน หอมไปทั่วแก้ม

“นี่ !! นาย หยุด .. นี่มันห้องแม่นายนะ” มันผลักผมออก และพูดให้ผมฉุกคิด จึงลุกขึ้นนั่ง

“งั้นไปห้องกู” ผมจับมือมันเพื่อจะลากมันไปที่ห้องผม ซึ่งในบ้านใหญ่ บ้านผมอยู่ห้องถัดจากห้องป๊ากับแม่ไม่กี่ก้าว

“ไม่เอา ....” มันร้องบอกเสียงยาว

“จะเอา ....” ผมก็บอกเสียงยาวเหมือนกัน

“ไอ้บ้า หลีกไปเลย” มันด่าผม พร้อมกับผลักผมล้มลงบนเตียง ส่วนมันก็รีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปอย่างไว



ปล่อยมันไปก่อนครับตอนนี้ .. อย่าให้ถึงกลางคืนนะ .. เสร็จกูแน่ !!!






ผมออกมาจากห้องแม่ก็เดินผ่านครัวเล็กน้อยครับ เห็นน้ำมนต์กำลังเป็นลูกมือช่วยแม่เตรียมอาหารอยู่เลย เห็นแล้วผมก็ยิ้มครับ มันกับแม่ผมเข้ากันได้ดีกว่าที่ผมคิด น้ำมนต์มันเป็นคนน่ารักครับ อยู่ใกล้ใคร ใครก็หลงมัน เพียงแต่มันไม่ค่อยเปิดใจมากกว่า ไม่ค่อยอยากรู้จัก ไม่ค่อยอยากสนิทกับใคร


แต่พอมันมาคบกับผม ผมก็คิดว่ามันเข้าหาคนเก่งขึ้น ไม่อยากคิดว่าเป็นเพราะผมที่พามันพบเจอคนอื่น แต่ผมอาจแค่ช่วยให้มันออกมาจากกำแพงของมันเฉยๆ ส่วนที่เหลือ เพราะมันล้วนๆครับ


มันหันมาเจอผม ผมยิ้มให้มันไป แต่มันกลับเชิดหน้าใส่ผม คงยังไม่หายงอน ที่ผมจะปล้ำมันเมื่อกี้ .. ผมขำกับท่าทางของมัน ก่อนที่จะเดินออกมาจากตรงนั้น มาดูคนงานที่จัดโต๊ะที่สนามหญ้า ไม่รู้ว่าแม่ชวนใครมาบ้าง แต่คงจะเป็นเพื่อนๆแม่กับป๊า เพื่อนผมคงมีไอ้เอ็มที่ผมโทรไปบอกตั้งแต่เที่ยงแล้ว


งานในสวนโอเค ผมเลยออกจากบ้านไปหาป๊าที่สะพานปลา ไปหาแกหน่อยครับ เดี๋ยวหาว่าผมตัวติดน้ำมนต์ แล้วไม่สนใจแก ช่วงนี้แกยิ่งน้อยใจอยู่


“ไงป๊า เหนื่อยเปล่า” ผมพูดพร้อมกับยืนขวดน้ำที่หยิบลงมาจากในรถส่งให้ป๊า

“เหนื่อยครับลูกชาย วันนี้ป๊ามันไม่มีตัวช่วย” ป๊าพูดพร้อมกับรับขวดน้ำ ก่อนเปิดฝาซดเข้าคอ

“แหนะ น้อยใจอีกแล้ว เดี๋ยวนี้น้อยใจบ่อยนะป๊าเนี่ย” ผมแกล้งแซวแกเล่น มองดูคนงานยกของ เตรียมของลงเรือ

“น้อยใจอะไร ป๊ากลัวแค่ลูกไม่รักเท่านั้นแหละ” ดูแกครับ ดูแก

“นั่นแหละ เค้าเรียกว่าน้อยใจป๊า” ผมบอกป๊าไป พร้อมกับขำๆ ป๊ายิ้มให้ผมก่อนจะถามผมต่อ

“แล้วไหนละ เมียมึง”

“ป๊าพูดไรแบบนั้น มันเสียหายหมด”

“แล้วไมต้องเขิน” ดูครับ เดี๋ยวนี้ย้อนเก่ง

“เขินอะไร แฟนครับป๊า ไม่ใช่เมีย ป๊าไปเรียกแบบนี้ต่อหน้ามันนะ มันคงโกรธตายเลย”

“ป๊ารู้หน่า อย่ามาสอน อยู่กับแก ป๊าก็อยากพูดแบบแมนๆไง” ขำกับท่าทางของป๊าครับ

“อยู่บ้านครับ ช่วยแม่เตรียมกับข้าว”

“วะ แม่ศรีเรือนซะด้วย”

“อย่าประชดสิป๊า” ผมละไม่เข้าใจอารมณ์วัยทองของแกจริงๆ

“เออ ป๊าผิดอีกแล้ว แตะต้องไม่ได้เลยนะ” น่าน งอนใหญ่แล้ว

“ฮ่าๆๆ ป๊านี่นะ ตลกใหญ่แล้ว ไม่คุยกับป๊าแล้ว ไปรอที่รถดีกว่า” ผมบอกพร้อมกับจะเดินหนี

“ที่ให้เรียกแฟน ก็เพราะยังไม่ได้เค้าอ่าดิ๊ ไม่ไหวเลยลูกป๊า” 

“ป๊า !!” ผมหันควับมองป๊าตาขวาง มาดูถูกผมแบบนี้ได้ไง .. แถมยังดูถูกมากๆซะอีก

“อย่ามาทำโมโห ป๊ารู้ทันอ่ะดิ ไม่ไหวๆ แม่แกนะป๊าได้ตั้งแต่เป็นแฟนวันแรกโน่น” ดูครับที่โม้ เชื่อตายละ

“ไม่คุยกับป๊าแล้ว รีบเคลียร์งาน จะได้กลับบ้าน” ผมหันหลังบอกป๊าแล้วเดินมารอป๊าที่รถ





ป๊าเคลียร์งานอีกเล็กน้อยครับ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถ ตอนมาป๊าขับอีกคันมาครับ แต่ป๊าบอกว่าจอดไว้นี่แล้วกัน อยากกลับกับผม ผมอุตส่าห์หนีเมียมารับทั้งที ผมไม่อยากจะอะไรกับแกมากครับ เดี๋ยวมันจะยาวกว่าเดิม เลยรีบพาแกกลับบ้านมาอาบน้ำอาบท่า เพราะว่าไม่นานอาหารคงเสร็จ



พอผมมาถึงบ้านในสนามหญ้าก็จัดวางเรียบร้อยแล้ว ป๊าแยกไปอาบน้ำ ผมเดินเข้าไปหาน้ำมนต์ในครัว ตอนนี้มันน้ำมนต์กำลังอยู่หน้าเตาครับ มือกำลังคนอะไรอยู่ไม่รู้ หน้าวุ่นเชียว  ผมว่าผมอย่าเข้าไปกวนดีกว่า ยืนมองมันแบบนี้ดีกว่า ไม่ว่าตอนไหนมันก็น่ารักจริงๆครับ ตอนนี้มันรวบผมไว้อย่างหยาบๆไว้บนหัว ตัวมีผ้ากันเปื้อนสีหวานของป้าแดงแขวนคออยู่ มือก็คนอะไรในหม้ออย่างตั้งใจ  ผมบอกแล้วไงครับ ว่าคนๆนี้ผมไม่มีวันเบื่อหรอก



“มองอะไรตาหนู” 

“แม่ ตกใจหมด เบาๆสิ” แม่ครับ เดินมาจากทางหลังผม คงกลับมาจากไปคุยกับป๊า

“แหม ทำเป็นขวัญอ่อน ทำไมไม่เข้าไปละ”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไปกวนมัน”

“เหรอยะ แหม ทำตัวน่ารักนะเนี่ย”

“ไม่เอาละ ไม่คุยละ ไปอาบน้ำดีกว่า” ผมเลี่ยงจะคุยกับแม่ครับ เพราะยังไงซะ ช่วงนี้ผมพูดอะไรก็เป็นที่น่าจับผิดไปหมด ไม่ได้น้อยใจนะครับ แต่มันเขิน



ผมกลับมาอาบน้ำที่กระท่อมครับ เพราะเสื้อผ้าส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน พอออกมาก็เจอน้ำมนต์นั่งรออยู่ที่โซฟาแล้วครับ

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถาม

“แป๊บนึงได้แล้ว” มันบอก

“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวได้ไปกินข้าวกัน” ผมบอกมัน มือก็ยังเช็ดหัวกับผ้าขนหนูผืนเล็ก

“ต้องไปกินที่สนามหญ้านั้นเหรอ” มันถามมาทำหน้าทำตาสงสัย

“อืมใช่  มีอะไรเหรอ”

“เปล่า”

“มีไรบอกกูสิ เหมือนมึงมีอะไรไม่สบายใจ” ผมว่ามันต้องมีอะไรในใจแน่ๆ ผมเลยลงไปนั่งข้างๆถามมัน

“ก็เราไม่รู้จักใคร ตอนเราเดินมาเห็นใครก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด” มันตอบผมมา

“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง อย่าไปสนใจไรเลย เพื่อนป๊ากับเพื่อนแม่น่ะ เดี๋ยวไอ้เอ็มมา มึงก็นั่งกับกูกับไอ้เอ็มแล้วกัน”  ผมบอกมัน พร้อมกับเอามือลูบหัวมันเบาๆ

“อืม” มันพยักหน้าเหมือนเข้าใจ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป



ใจจริงผมก็ไม่ค่อยชินนักหรอกครับ กับการกินข้าวเย็นแล้วก็มีคนอื่นมากินด้วยเยอะแยะมากมาย ทั้งที่ผมรู้จัก และไม่รู้จัก และก็ต้องรู้จัก บางคนผมก็สนิท ส่วนมากก็เพื่อนๆของป๊า และแม่ทั้งนั้นครับ ไม่ได้ไฮโซโก้หรูอะไรกันหรอกครับ แค่แม่กับป๊าชอบชวนพวกเขามาทานข้าวเย็นที่บ้าน มาคุย มาแลกเปลี่ยนเรื่องการค้าขายกัน ป๊าบอกว่า ถ้าเราซื้อใจเค้าได้ ต่อไปเราจะทำอะไรก็ง่าย แสดงความเป็นมิตร ก็จะได้มิตรกลับมา ผมไม่เข้าใจที่ป๊าบอกมากนัก แต่ก็คงประมาณ อยากได้ใจเขา เราก็ต้องชวนเขามากิน .. แบบนี้ล่ะมั้ง


ถามว่าผมชอบไหม ก็ไม่ค่อยชอบหรอกครับ และผมก็ไม่ค่อยได้มากินบ่อยนัก ปีหนึ่งสองสามครั้ง ทั้งที่ป๊ากับแม่จัดเกือบทุกเดือน เพราะผมอยู่หอบ้าง ไม่อยากลงมากินบ้าง ถ้ากลับบ้านมาเจอวันเลี้ยงก็จะเลี่ยง แล้วก็มาอยู่ในกระท่อมครับ แต่หลังจากนี้คงยากแล้ว ป๊าจะให้ผมรู้จักทุกคนไว้ให้หมด ผมก็ต้องเอาใจป๊าครับ เพราะอยากให้ป๊าเข้าใจผมเหมือนกัน





“มารอนานยัง”  ผมตบบ่าทักไอ้เอ็มที่มันนั่งรอผมอยู่อยู่ที่โต๊ะในสวน ที่แยกห่างมาจากโต๊ะของแม่กับป๊าเล็กน้อย

“เออ กูเพิ่งมา แล้วน้ำมนต์ละ” มันตอบผม ก่อนจะถามถึงน้ำมนต์

“แต่งตัว เดี๋ยวตามมา” ผมตอบพร้อมกับนั่งลงข้างๆมัน

“มึงพาน้ำมนต์มาเปิดตัวกับพ่อแม่มึงแล้วเหรอ” ไอ้เอ็มถามอย่างสงสัย

“เออ” ผมตอบมัน ตาก็มองดูบรรดาเพื่อนป๊ากับแม่ที่มากันวันนี้ หน้าเดิมๆทั้งนั้น

“แล้วพ่อแม่มึงเค้าไม่อะไรเลยเหรอ”

“มึงจะให้อะไรละ”

“คือเค้าโอเค แฮปปี้ ชอบใจเลยว่างั้น”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เรื่องมันยาววะ ว่างๆจะเล่าให้ฟัง”

“แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรนี่”

“แต่กูไม่ค่อยมีอารมณ์เล่า เอาเป็นว่าแม่ชอบ ป๊าเฉยๆกำลังทำใจ แค่นี้มึงโอเคยัง”

“ก็ดี ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย เดี๋ยวกูมานะ” มันพูดพร้อมกับเดินแยกไป คงจะไปโทรหาหญิง และที่ถามก็คงถูกหญิงให้มาสืบ ..



“รอนานมั๊ย” น้ำมนต์เดินเข้ามาถามผท คำถามคุ้นๆ เหมือนผมเพิ่งจะถามไอ้เอ็มไปเมื่อกี้

“นาน” ผมบอกมัน

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่อยากห่างกันแม้แต่วินาทีเดียว” ผมพูดพร้อมกับดึงมือมันลงมานั่งข้างๆผม พร้อมกับจับมือมันไว้

“อย่าเว่อร์ให้มากได้ป่ะ” มันดุผมครับ

“แฟนคนอื่นกูอ้อนเยอะกว่านี้อีก” ผมบอกมัน

“แล้วไง อ้อนแล้วก็ได้เลยดิ” มันถามกลับอย่างกับรู้ดี

“อืม หลายยกด้วย”  ผมก็ตอบไปอย่างชอบใจ

“เมื่อไหร่จะหายหื่นนี่” มันตอบพร้อมกับออกแรงดึงมือออก แต่ผมไม่ปล่อยให้หลุดหรอก

“เมื่อได้มึงแล้ว” ผมตอบไปหน้านิ่ง จริงจังใส่มัน

“พวกมึงสองคนไปเอากันก่อนแล้วค่อยมากินข้าวดีมั๊ย” เสียงบุคคลที่สามดังขึ้นมาขัด

“พี่เอ็มมม สวัสดีครับ พี่เอ็มดูดิ หื่นตลอดอ่ะ น้ำมนต์กลัวแล้วเนี่ย” น้ำมนต์หันไปฟ้องไอ้เอ็มซะงั้น

“งั้นมานี่ครับ มานั่งข้างพี่มา ไอ้นี่มันไว้ใจไม่ได้ครับ พี่ว่าคืนนี้ไปนอนบ้านพี่ดีกว่า”

“เอ๊ย ไอ้เอ็ม มึงอยากตายหรือไงวะ” ผมเริ่มโวยวาย

“ดูดิ เถื่อนอีกแล้ว” น้ำมนต์ด่าผมอีก

“เออ กูจะอยู่นิ่งๆแล้ว จำไว้ๆ” น้อยใจครับ เดินไปหาป๊ากับแม่ดีกว่า



ผมเดินมาแบบงอนๆ หันหลังไปเห็นไอ้เอ็มขำผมใหญ่ ส่วนน้ำมนต์ก็ยังดูยิ้มๆ ชอบใจกันมากสินะ ได้แกล้งนายหัวโป้นี่


“อ้าว ตาหนู มานี่มา” แม่กวักมือเรียกผมพอดี ผมเดินเข้าไปหาแม่ พร้อมกับยกมือไหว้เพื่อนๆของแม่รายคน

“โตแล้วหล่อไม่ทิ้งเชื้อพ่อเลยนะคะนี่” คำพูดทั่วไป ที่ผู้ใหญ่มักจะชมลูกของคนที่มาเยี่ยมสินะ ผมเห็นเขาไปบ้านไหน ก็พูดแบบนี้ตลอด แต่ผมก็ยิ้มให้เล็กน้อย

“โป้ ไปเรียกน้องมาด้วยสิ ป๊าอยากแนะนำให้เพื่อนป๊ารู้จักน้องเราหน่อย” ป๊าบอกผม

“น้อง ?” ผมถามไปหน้างง

“หนูน้ำมนต์ไง” ป๊าบอกผม

“อ๋อครับ ได้ครับ” ผมเข้าใจว่าป๊าต้องการแนะนำน้ำมนต์ให้เพื่อนๆป๊ารู้จัก เลยเดินเข้าไปเรียกน้ำมนต์มาที่โต๊ะ



“นี่ครับทุกคน น้องชายตาโป้มัน เป็นลูกชายเพื่อนรักผมเองครับ เพื่อนรักคุณหญิงเขาเด้วย ชื่อหนูน้ำมนต์” มาถึงป๊าก็แนะนำน้ำมนต์กับเพื่อนๆของป๊า

“สวัสดีครับ” น้ำมนต์ยกมือไหว้ทุกคน

“ตายแล้ว น่ารักจังเลยนะคะ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นผู้ชาย ชั้นคิดว่าผู้หญิงนะเนี่ย ผมสวยมากหนู” เพื่อนแม่คนหนึ่งทักขึ้น

“น่ารักใช่มั้ยละคะ ต่อไปคงได้เห็นหน้ากันบ่อยๆ เพราะจะมาอยู่เป็นเพื่อนตาหนูโป้มัน ชั้นชอบมากเลย นี่อาหารที่เราทานๆ หนูน้ำมนต์เค้าช่วยทำนะคะเนี่ย ยายเค้าทำอาหารเก่ง เรียนมาจากยายค่ะ” แม่ผมช่วยโปรโมตน้ำมนต์ยกใหญ่

“ถ่ายรูปเก่งด้วยนะครับ วาดรูปก็สวย เดี๋ยวว่างๆให้ลองโชว์ฝีมือดูได้นะครับ” คราวนี้เป็นป๊าผมพูดบ้าง

“โห ลูกชายคุณคนนี้เก่งจริงๆนะครับเนี่ย ชักอยากได้ไปเป็นลูกเขยแล้วสิ มีแฟนหรือยัง หนูน้ำมนต์” เพื่อนป๊าถามขึ้นบ้าง

“เอ่อ ...”

“มีแล้วครับ” ผมตอบแทนไป

“แหม หวงน้องจังเลยนะตาโป้ กลัวน้องขายออกก่อนหรือไง” เพื่อนแม่คนหนึ่งแซวผม

“ไมได้หรอกค่ะ คนนี้ชั้นหวง และห่วง”

“งั้นชั้นขอตาโป้แทน”

“อ๋อ ถ้าคนนี้ได้คะ”

“อ้าว แม่ ไหงงั้นละ” เอาแล้วไงครับ เริ่มหลงไอ้น้ำมนต์เข้าแล้วสิ คราวนี้ผมหมาหัวเน่าแน่



บรรยากาศการกินข้าวเย็นวันนั้นผ่านไปด้วยความสนุกครับ ทุกคนหลงน้ำมนต์กันหัวปักหัวปำ มันทำอะไรก็ดูดีไปหมด แค่นั่งนิ่งๆยังน่ารักเลย มีแต่คนขอเบอร์มันเพื่อจะเอาไปให้ลูกสาวเค้า ขอธรรมดาไม่เป็นไรหรอก แต่มันเสือกให้อีก จนผมต้องเอาเบอร์ผมไปให้แทน บอกว่าเบอร์น้ำมนต์มันไม่ค่อยได้ถือ หลายคนสงสัยว่าทำไมผมหวงจัง แต่พอเจอแม่หวง พ่อหวงเข้าบ้าง เลยพาลกันเข้าใจว่าพวกเราหวงน้ำมนต์กันทั้งบ้าน  ประมาณเห่อน้องชาย เห่อลูกชายคนใหม่



“ไงบ้างตาหนู ข้างนอกเก็บหมดยัง” ป๊าเดินมาคุยกับผม หลังจากบอกให้ผมคุมคนเก็บของให้หมด ส่วนแม่เข้าไปพักผ่อน โดยลากน้ำมนต์ไปคุยเล่นด้วย

“หมดแล้วป๊า ทำไมป๊ายังไม่นอนอีกครับ” ผมถามป๊า เห็นว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

“อีกแป๊บนึง ปล่อยแม่เค้าคุยกับลูกชายคนใหม่เค้าก่อน” ป๊าบอกพร้อมกับชายตาไปยังห้องของแม่

“แม่หลงน้ำมนต์ใหญ่ล่ะ ผมต้องรีบไปเอาคืน ไม่งั้นคืนนี้แม่จับนอนกับแม่แน่” ผมบอกป๊าไป

“ฮ่าๆๆ หวงจริงหวงจังเว๊ยคนนี้” พ่อแซวผม ก่อนจะเดินนำไปนั่งที่โซฟา และผมเดินไปนั่งตาม

“ผมรักมันจริงๆนะป๊า” ผมบอกป๊าไปอย่างจริงจัง

“เออ ป๊ารู้” ป๊าตอบมายิ้มๆ มือหยิบรีโมทมาเปิดทีวี พอให้มีเสียงอื่นๆดังบ้าง

“ขอบคุณมากนะป๊า สำหรับวันนี้” ผมบอกป๊า ก่อนจะยิ้มให้

“ขอบคุณเรื่องไรวะ” ป๊าถามหน้านิ่ง มือก็กดเปลี่ยนช่องหาข่าวไปเรื่อย

“ก็ที่ป๊าพาน้ำมนต์ไปรู้จักเพื่อนป๊าไง ป๊าทำให้ผมรู้ว่าป๊าอยากให้น้ำมนต์มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเรา ถึงจะให้คนนอกมองว่ามันเป็นน้องชายผมก็ตาม” ผมสรุปความเข้าใจของผมจากสิ่งที่เห็นในวันนี้

“คิดขนาดนั้นเชียว ป๊ายังไม่ได้ทำไรเลย” ปากแข็งอีกแล้วป๊าผม

“ถึงยังไงก็เถอะ ผมก็รู้ว่าป๊ารักผม และป๊าก็รักมันด้วย”

“แล้วแต่ตาหนูจะคิดแล้วกัน ยังไงซะมาถึงขนาดนนี้แล้ว ก็อย่าทิ้งกันละ ป๊าไม่อยากตอบคำถามใครว่าลูกชายอีกคนไปไหน” ป๊าบอกก่อนจะกดรีโมทปุ่มสีแดง เพื่อปิดทีวี ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา

“หนูรักป๊านะ” ผมพูดบอกป๊า

“ป๊าก็รักหนู ถ้าหนูมีความสุข ป๊าก็มีความสุข ถ้าไอ้ยศมันรู้ว่าป๊าได้ดูแลลูกมัน มันคงดีใจ” ป๊าหันกลับมาคุยกับผม

“ขอบคุณนะป๊า”

“ป๊าก็ขอบใจตาหนูเหมือนกัน ที่พาน้ำมนต์มา ให้ป๊าได้ตอบแทนไอ้ยศมันอีกครั้ง” ป๊าพูดก่อนจะหันกลับเดินเข้าห้องไป




คำพูดที่ว่าถ้าลูกมีความสุข พ่อกับแม่ก็มีความสุข เป็นคำพูดของผู้ที่เสียสละที่สุดในโลก ไม่มีใครที่จะเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อให้คนอื่นได้มีความสุข ได้เท่ากับพ่อแม่ของเราอีกแล้ว .. ใครที่บอกว่าทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรักก็เชื่อไม่ได้เท่ากับที่พ่อแม่บอกว่าทำทุกอย่างเพื่อลูก .. ผมไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนกัน ที่มีป๊า มีแม่ที่เข้าใจผมแบบนี้ ..





และไม่รู้ว่าผมโชคดีที่ไหนกัน .. ที่ได้พบและได้เจอน้ำมนต์ในวันนี้



หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 22-12-2011 00:16:20
วุ้ยย..มีความสุขไปกับนายหัวโป้จัง :pig3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 22-12-2011 00:41:35
 :L2:  อ่านแล้วมีความสุข

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 22-12-2011 01:55:55
ท่าทางว่าคนที่มีความสุขที่สุดคงจะเป็นนายหัวโป้หละนะ o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 22-12-2011 04:02:02
พ่อกับแม่พี่โป้น่ารัก
หลงน้ำมนต์กันทั้งบ้านจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 22-12-2011 04:48:39
อ่านแล้ว happy มากมาย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 22-12-2011 08:13:39
มีความสุขจน คิดว่าจะมาเหตุอะไรเกิดอีก อย่าเพิ่งแจกมาม่านะ

ขอหวานๆเลี่ยนๆ แบบนี้สักพัก ตอนนี้ยังไม่เบื่อของหวาน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 22-12-2011 08:50:45
น่ารักมาก อ่านแล้วมีความสุขที่สุด

รักครอบครัวนี้ทุกคนเลย แต่รักน้ำมนต์มากที่สุด ฮี่ ฮี่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 22-12-2011 10:14:13
ตอนนี้น้ำมนต์เป็นดวงใจของครอบครัวนายหัวโป้  มีหวังพี่โป้จะหมาหัวเน่าซะแล้ว 555 ทั้งพ่อ-แม่หลงลูกชายคนใหม่มากเลย

ครอบครัวสุขสันต์  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 22-12-2011 10:19:07
 o18 อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขจัง 

ขอบคุณครับ :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 22-12-2011 11:25:22
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-12-2011 13:44:51
นายหัวโป้มีความสุขที่สุดเลยนะเนี่ย อย่าทำน้องเสียใจนะเพราะเราก็จะเสียใจด้วยเหมือนกัน
ป๊ากับแม่น่ารักมาก
แต่คุณยายน่ารักที่สุด ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 22-12-2011 14:45:47
มีความสุขจัง :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 22-12-2011 16:11:45
ดูอบอุ่นและมีความสุขจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: maxsextex ที่ 22-12-2011 18:07:06
อยากอ่าน ต่อเร้วๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 22-12-2011 19:08:38
น้ำมนต์น่ารักมาก มีแต่คนเห่อกันใหญ่ อิอิ
ป๊ายิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลย

อยากสงสารนายหัวโป้นะ แต่ได้รักกับน้ำมนต์นี่ ชิ
เพราะงั้นเอาสมน้ำหน้าไปซะ :laugh: :laugh:

ปล.แต่นายหัวโป้หล๊งหลงน้ำมนต์นะ คู่นี้น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 22-12-2011 19:18:43
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 22-12-2011 19:56:57
มีความสุขดีจังนายปีโป้ อ่านไปสุขตามเลย :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 36 ที่รัก เธอคือดวงใจของฉัน 21-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-12-2011 02:18:34
ป๊ากะแม่เห่อลูกคนใหม่น่าดูเลย
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 25-12-2011 23:02:40


ตอนที่ 38


หากย้อนเวลากลับไปได้ .. กลับไปวันแรกที่รู้จักกับคนตรงหน้า กลับไปคิดถึงบทสนทนาวันนั้น กลับไปดูท่าทีของตัวเองที่เคยทำ แล้วก็ย้อนกลับมาจนถึงทุกวันนี้คงไม่มีใครเชื่อ ว่าวันนี้ของน้ำมนต์จะได้มาลงเอยกับคนบางคนที่วันแรกผมทำตัวเฉยชา เย็นชา และไม่มีแม้แต่ความสนใจให้เลยคนนี้ ..

“ตื่นนานแล้วเหรอ” เสียงของเจ้าของกระท่อมเดินออกมาทักผมที่ยืนอยู่ตรงระเบียงหน้ากระท่อม

“ตื่นได้สักพักละ อากาศดีจังเลยเนอะ” ผมหันไปตอบพร้อมกับสัมผัสกับอ้อมกอดที่สวมมาจากด้านหลังของมัน

“อืม ชอบละสิ ย้ายมาอยู่กับกูเลยมั้ย” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอาคางมาวางบนบ่าผม เป็นท่าประจำของคนๆนี้ไปแล้ว

“ได้ไงละ เรายังมียายนะ”

“ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันให้หมด เอายายมาอยู่กับแม่”

“ยายคงมาอยู่หรอก แกติดบ้านซะขนาดนั้น” ผมบอกนายปีโป้ไป

“อีกอย่าง เราก็เกรงใจครอบครัวนาย เอาให้อะไรๆมันลงตัวกว่านี้เถอะ ไม่นานนายก็เรียนจบแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างเลยนะที่เราจะต้องทำกัน เราสองคนยังเด็กกันอยู่เลยนะ” ผมบอกต่อ

“อืม จริงจังแต่เช้าเลยแฮะ”

“ก็คุยเรื่องจริงจังทำไมละ”

“ครับๆ พี่ขอโทษ” อีกคนพูดพร้อมกับโอบไว้แน่นกว่าเดิม

“เมื่อคืนเจ็บมั้ย ?”

“ไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องนี้เลย ปล่อยด้วย อึดอัด” คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วยังงอนคนที่กำลังกอดอยู่ไม่หาย

“โอ๋ๆ ไม่เอาน้า กูรักมึงนะ และกูรู้ว่ามึงก็รักกู” ดูที่คิดเข้าข้างตัวเองได้สุดยอด

“อืม ไม่พูดถึงแล้ว” ผมบอกมันพร้อมกับดิ้นจนหลุดจากอ้อมกอดนั้น

“เขินอ่ะดิ ไปต่ออีกรอบดีป่ะ” นายปีโป้ยังแซวผมอีกรอบ

“ไม่เอา ไม่ต้องเลยนะ”  ผมพูดพร้อมกับออกจากอ้อมแขนนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในกระท่อม

“แหมๆ ทำเป็นเขิน ทีเมื่อคืนแล้วร้องซะลั่น” ยังครับ ยังไม่หยุด

“ถ้านายยังไม่หยุด อย่าหวังว่าจะมีครั้งต่อไป” ผมหันไปบอกด้วยสายตาจริงจัง

“เอ๊ยยยย ได้ไง ไม่พูดแล้วๆ สัญญาว่าจะไม่พูดแล้ว” นายปีโป้พูดด้วยท่าทีร้อนรน เดินเข้ามาจับแขนจับมือผมอย่าให้ผมโกรธ

“ไม่รู้ล่ะ โกรธแล้ว” ผมพูดเดินหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ

“อย่าตามมา และอย่าพูดอะไรมาก กำลังโกรธ ไม่มีอารมณ์เถียงอะไรด้วยหรอก” ผมหันไปบอกนายปีโป้ที่ยืนทำหน้าน่าสงสารอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ



เอาไงดีละ มาถึงบรรทัดนี้ทุกคนคงอยากรู้แล้วสิว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน  แล้วผมจะบอกจะเล่ายังไงดีละ ในเมื่อผมก็ยังเขินและอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรจากที่นายปีโป้ล้อผมเลย เอาเป็นว่าปล่อยให้มันผ่านไปดีกว่า ถึงแม้ทุกคนอยากรู้ แต่ผมก็เขินปากเล่าไม่ได้อยู่ดี ถ้าอยากรู้จริงๆล่ะก็ ไปคาดคั้นเอาจากนายปีโป้เอาเองละกัน รายนั้นเค้าคงเล่าได้ครบทุกอย่าง เก็บทุกรายละเอียดอยู่แล้ว




“อ่ะ นี่ข้าวต้ม กับไข่ลวก กูให้ป้าแดงทำมาให้ มึงจะได้มีแรง”  อีกคนพูดขณะที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ข้าวต้มและไข่ลวกได้วางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง ชุดหนึ่งจัดการไปเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกชุดหนึ่งของผม ผมมองที่อาหารนั้น ก่อนจะหันหน้ามองคนที่พูดกับผมแบบเรียบๆ เพื่อให้อีกคนรู้ว่าผมยังไม่หายโกรธนะ

“กูไปอาบนะ” คำพูดนั้นคือคำบอกเล่า หรือคำขออนุญาตผมไม่แน่ใจ แต่เจ้าตัวก็เดินเข้าห้องน้ำผ้าเช็ดตัวปลิวไป




“มึง หายโกรธกูยัง” นายปีโป้ออกมาด้วยสภาพเปียกท่อนบน และคาดว่าท่อนล่างด้วย แต่ถูกผ้าเช็ดตัวคาดปิดไว้

“..” ผมไม่ตอบไปครับ

“ทำไมโกรธนานจังวะ” เอ่อ .. ไม่ถึง 20 นาที นี่นานแล้วเหรอครับ

“..” อยากจะบ้ากับคนๆนี้

“เอางี้ หายโกรธกูนะ เดี๋ยวกูจะพาไปเล่นน้ำทะล” ดูครับ เอาข้ออ้างอะไรมาก็ไม่รู้

“ไปแพปลา ?” หึหึ เคยไปมาแล้วนะนั่น



“อยากไปไหนละ กูให้มึงหนึ่งวันเลยวันนี้ อยากให้กูทำอะไรให้ก็บอกมาเลย”  สงสัยจะคิดไม่ออก เลยต้องตามใจผมละ

“เช็ดตัวให้แห้งแล้วไปแต่งตัว” ผมบอกไป เพราะทนเห็นน้ำจากตัวนายปีโป้ หยดลงพื้นแหมะๆ แบบนั้นไม่ได้

“แค่นี้เองเหรอ แค่นี้มึงก็หายโกรธละเหรอ แล้วทำไมไม่บอกตั้วแต่แรก” ไงละครับ พูดด้วยแล้วกวนแบบนี้ มันน่าโกรธมั้ยละครับ นายปีโป้เดินไปเช็ดตัวกับผ้าเช็ดตัวอีกผืน และหายขึ้นห้องไปแต่งตัว ส่วนผมก็จัดการกับข้าวต้มกับไข่ลวกฝีมือป้าแดง จริงๆแล้วผมไม่ชอบไข่ลวกเลยครับ มันดิบๆ แล้วก็ชวนอ้วกในคอมาก แต่ก็ไม่อยากให้ป้าแดงแกเสียใจ และคิดว่าคงเพิ่มกำลังสำหรับวันนี้ได้ เลยลองกินดู 


อืม .. รสชาติก็โอเคนะครับ



“วันนี้ไม่ทำงานเหรอ” ผมถามขณะซ้อนท้ายรถคลาสสิคคันเดิมที่เคยซ้อนเมื่อครั้งที่แล้วอีกครั้ง

“อืม ป๊าให้ลา” อีกคนตอบมาหน้ายิ้ม

“โดดงานอ่าดิไม่ว่า”

“อย่ามาว่ากูแบบนั้นนะ กูอ่ะพนักงานดีเด่นนะเว๊ย ทำงานไม่เคยบ่น” โม้อีกแล้วครับ

“พอเลยๆ ไม่ต้องคุยโว จะพาเราไปไหนละ” ผมถาม

“พาไปถ่ายรูป”

“ถ่ายรูป ?”

“ใช่ กูยืมกล้องแม่มาให้แล้ว มึงคงใช้เป็นนะ วันนี้กูอยากตามใจมึง พามึงไปถ่ายรูปที่สวยๆ โดยมีกูเป็นนายแบบให้ โอเคมั๊ย” ดูครับดู ตกลงใครควรดีใจกับทริปวันนี้แน่นี่

“เราขอถ่ายวิวไม่ได้เหรอ ?”

“ได้ แต่ต้องถ่ายกูด้วย”

“นายชอบให้คนถ่ายรูปให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”  ผมถามไปอย่างสงสัย เพราะเท่าที่รู้ คนๆนี้ไม่ใช่พวกบ้ากล้องหรือยังไง นายปีโป้จอดรถข้างทาง ก่อนจะหันมาทำหน้าจริงจังเพื่อตอบคำถามนั้นผม


“ตั้งแต่มีมึงเป็นตากล้อง”  หน้าตาจริงจัง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ การจอดรถเพื่อพูดประโยคที่คิดว่าจะกินใจผมนั้น ทำเอาผมหมั่นไส้คนขับรถขึ้นมาทุกวันๆละ

“ไอ้บ้า !!” ไม่รู้จะด่ายังไงให้เจ็บแสบแบบไม่หยาบคายดี กับคนๆนี้ถึงขนคำหยาบมาสิบย่อหน้าก็คงจะไม่รู้สึกอะไร

นายปีโป้ยิ้มรับคำด่าว่าไอ้บ้าของผมอย่างกวนๆ ก่อนจะขับรถคลาสสิคคู่ใจของเขาไปเรื่อยๆ นายปีโป้พาผมมาแวะหาดที่ผมกับนายปีโป้เคยมาเมื่อครั้งที่แล้ว ก่อนจะจอดรถ และส่งกล้องถ่ายรูปของแม่นายปีโป้มาให้ผม

กล้องของแม่นายปีโป้เป็นกล้องฟิมล์ครับ รุ่นคลาสสิครุ่นหนึ่งเลย ตอนนั้นคงแพงมากๆ และตอนนี้ถ้าขายต่อ ก็แพงไม่แพ้กัน ผมมองมันอย่างตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าจะได้ใช้กล้องตัวนี้ในชีวิต

“เป็นไร ทำไมมองกล้องแม่กูแบบนั้น ใช้ไม่ได้เหรอ ?” นายปีโป้มองมาอย่างสงสัย

“ใช้ได้ แต่เรากลัวว่าจะทำของแม่นายพัง นี่มันของดีเลยนะ” ผมบอก

“ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงแม่ก็ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว ถ่ายให้สวยๆล่ะ แม่ใส่ฟิล์มมาให้แล้ว” นายปีโป้บอกผม



เหมือนตัวเองกำลังย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วเลยครับ เหมือนผมกำลังกลับไปอยู่รุ่นพ่อรุ่นแม่ผมเมื่อท่านๆยังวัยรุ่นกันเลย การได้มาจับกล้องคลาสสิค ถ่ายรูปทะเล โดยมีรถคลาสสิคเป็นพล็อบ ภาพรอยยิ้มกวนๆของนายแบบ ท่าทางบ้าบอของคนที่ถูกผมถ่าย ภาพวิวที่ผมหันมาจับแทนภาพนายแบบ สภาพแวดล้อมอะไรหลายอย่าง มันทำให้ผมหลงรักวันนี้จนอยากรู้ว่าอะไรดลใจให้นายปีโป้ชวนผมมา และถ้าวิธีนี้เป็นวิธีขอโทษ ไม่ให้ผมโกรธผมละก็ ผมอยากบอกเขาว่า นายปีโป้คิดถูกแล้วครับ .. เพราะวิธีนี้ ผมหายขาดเลย



ทริปถ่ายรูปของเราสองคนวันนี้จบลงด้วยดี ผมได้ถ่ายรูปในหลายๆที่ เปลี่ยนฟิมล์ไปหลายม้วนเลย การถ่ายรูปกับฟิมล์มันมีเสน่ห์ตรงที่แต่ละครั้งของการกด เราต้องตั้งใจกับมันให้เต็มที่ เราต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เห็น และเชื่อมั่นในตัวเอง ว่าภาพแบบนี้นะ คือสิ่งที่เราต้องการ เพราะทุกอย่างจะถูกบันทึกลงในฟิมล์นั้น ไม่สามารถนำมาลบ แล้วถ่ายใหม่ได้ (ถึงจะถ่ายซ้ำได้แบบกล้องโลโม่ แต่ก็ได้ภาพที่แตกต่างจากถ่ายครั้งแรกอยู่ดี) นายปีโป้ที่บ้าเห่อให้ผมถ่ายให้ก็เลิกบ้าไปครับ ปล่อยให้ผมได้ถ่ายรูปของผม เรามีถ่ายรูปคู่กันบ้าง เพราะนายปีโป้อยากมี ไม่มีใครช่วยถ่ายหรอกครับ หมุนกล้องเข้าหาตัวเองงั้นแหละ ภาพออกมาเป็นอย่างไร ก็อีกเรื่องหนึ่ง


“กลับเองได้นะ” นายปีโป้ถามขึ้นเมื่อมาส่งผมที่คิวรถ

“ได้ นายไปทำธุระให้ป๊าเถอะ” ผมบอก

“อาทิตย์ หน้าก็เปิดเทอมแล้ว กูจะได้มาเจอมึงทุกวันอีกแล้ว”

“ไม่เห็นจะอยากเจอเลย”

“อีกแล้วนะมึง พูดแบบนี้อีกแล้วนะ เดี๋ยวเหอะ”

“ฮ่าๆ ไปได้แล้ว เดี๋ยวร้านก็ปิดกันพอดี”

“อืม ไปแล้วนะครับ รักนะครับ” ผมยิ้มให้กับคำพูดนั้น ถึงจะเขินแต่ก็ต้องเก็บอาการ มองดูรถยนต์คันที่นั่งมาจากบ้านของปีโป้หายไปตามระยะทางที่ไกลขึ้น


.

.

.

.


“มึงว่าตรงเส้นขอบฟ้านั่นมีอะไรมั้ย ?” นายปีโป้ถามผม ตอนที่กำลังขับรถกลับ ผ่านทะเลสีฟ้าสด และสุดไกลตามองเห็นเส้นขอบฟ้าประจบกับเส้นขอบทะเล

“มีคำถาม” ผมตอบไปแบบกวนๆ

“กูเอาจริงๆ”

“ไม่รู้สิ นายคิดว่ามีอะไรล่ะ”  ชอบถามอะไรแปลกๆ เดี๋ยวก็ตอบแบบอารมณ์ศิลป์ไป จะเข้าใจไหมละทีนี้

“กูว่ามันน่าจะมีอนาคตของเราสองคนอยู่”

“วันนี้เราคุยกันเรื่องอนาคต แต่ต่อไปมันจะกลายเป็นเรื่องอดีตก็ได้ .. ใครจะไปรู้”  ผมไม่รู้คิดอะไรออกมา ถึงได้พูดประโยคนี้ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเส้นขอบฟ้าเลยแม้แต่น้อย .. นายปีโป้มองมาทางผมแบบงงๆ เหมือนต้องการจะสื่ออะไร และแน่นอนผมก็ให้คำตอบแก่นายปีโป้ และตัวเองไม่ได้เช่นกัน


.

.

.



ตั้งแต่วันที่นายปีโป้เข้ามาในชีวิตผม ตั้งแต่ยายรับรู้ ตั้งแต่พ่อแม่ของนายปีโป้โอเคกับความรักครั้งนี้ ผมรู้สึกถึงความโชคดีของตัวเอง จนรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ว่าทำไมคนๆหนึ่งที่เพิ่งได้รู้จักกับคำว่ารัก ถึงโชคดีเหมือนเดินไปด้วยกลีบกุหลาบแบบนี้ พอคิดได้แบบนั้น ใจมันเลยรู้สึกว่า ตอนนี้เมื่อเจออะไรดีๆมา อีกไม่นานผมคงได้พบกับเรื่องแย่ๆ ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวรับเข้าสักวัน



“นังน้ำมนต์” เสียงหนึ่งเรียกมาด้านหลังผม ทำเอาการใจลอยของผมกระเจิดกระเจิงไปหมด ผมหันไปดูเจอกับเด็กคนหนึ่ง ท่าทางจะเป็นเด็กมัธยม แต่งตัวดูดี หน้าตาก็น่ารัก แต่เขากลับจ้องมองมาทางผม อย่างกับจะเอาเรื่อง

“เรียกเราเหรอ” ผมไม่รู้จะแทนตัวเองว่าพี่ดีไหม เลยแทนว่าเราไป เพราะไม่รู้ว่าใครแก่กว่า อ่อนกว่า

“ใช่ ชั้นเรียกแก” แต่ก็ต้องมาผงะเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกคนใช้แทนผม ชั้น , แก .. นี่เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ

“มีธุระอะไรกับเราเหรอ” ผมใจเย็นถามไป

“แกเป็นแฟนกับพี่ปีโป้เหรอ” คำถามนั้นหลุดออกมาจากปาก ทำให้ผมคิดหน้าคิดหลัง ว่าคนๆนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงรู้จักนายปีโป้ รู้จักผม และทำไมถึงรู้เรื่องนี้

“นายต้องการอะไร” ผมเลี่ยงจะตอบคำถามที่คนๆนี้ถามมา แต่ขอถามกลับไป

“ก็ต้องการรู้ว่าแกเป็นแฟนกับพี่ปีโป้เหรอ ก็แค่นั้น” ผมมองดูรอบๆ อีกที ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่คิวรถเมล์ แต่ก็ไม่มีคนอื่นเลย นอกจากผม เด็กคนนี้ และเพื่อนของเขาอีกสองคน

“แล้วนายจะอยากรู้ไปทำไม” ผมทำใจกล้า ถามไปแล้วยิ้มๆ เพราะยังไงซะ ผมก็ตัวโตกว่าเด็กคนนี้ แค่จำนวนน้อยกว่า ก็เท่านั้น

“ก็ชั้นอยากรู้ ชั้นเป็นแฟนเก่าพี่ปีโป้” ในที่สุดผมก็รู้ในสิ่งที่ผมไม่ควรรู้ มากกว่าที่คนๆนี้รู้เรื่องของผมอีก .. ตอนนี้ผมเริ่มเป็นต่อละ

“อ๋อ เลยอยากจะมาตามวีนเรางั้นเหรอ”  การต่อปากต่อคำกับคนอื่น ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผมเลย เพราะผมไม่ค่อยอยากคุยกับคนแปลกหน้ามากนัก แล้วนี่ยิ่งมาหาเรื่องอีก ผมแทบจะไม่เคยทำตัวแบบนี้เลย

“อย่ากล้าดีให้มันมากนักนะ คิดว่าพี่ปีโป้เลือกเป็นแฟนแล้วจะมาทำซ่าส์เหรอ เดี๋ยวพี่ปีโป้เขี่ยทิ้งแล้วแกจะรู้สึก” คำพูดถากถางที่เต็มไปด้วยคำแช่งนั้น ทำเอาผมกลัวเด็กคนนี้ขึ้นมาทันที

“น้องคือน้องเดียวใช่ไหม ?” ผมกลั้นใจถามไป เพราะคิดว่าแฟนเก่านายปีโป้ที่เป็นผู้ชาย มีไม่กี่คนนัก

“ใช่ ชั้นเดียว จำหน้าชั้นไว้แล้วกัน” คำพูดนั้นเล่นเอาผมงงกับการกระทำ ว่าทำไมผมต้องจำ และนี่ยังต้องเจอกันอีกเหรอ

“เดี๋ยวก่อนน้องเดียว” ผมเรียกไว้ก่อนเด็กกลุ่มนั้นจะเดินจากไป

“มีอะไร” เสียงนั้นกระชากอย่างเสียอารมณ์

“พี่ไม่เคยมีเรื่องกับเรา และไม่ต้องการมีเรื่อง น้องกับนายปีโป้เป็นอดีต อย่ามายุ่งอะไรกับพี่สองคนเลย” ผมบอกไป

“ไม่มีทาง ชั้นจบกับพี่ปีโป้ไม่ดีนัก และชั้นก็รับไม่ได้ ถ้าพี่ปีโป้มีแฟนเป็นผู้ชาย และเป็นแก” เอ่อ ทำไมอารมณ์ร้ายแบบนี้ละ ?


“มีอะไรกันเหรอ” อยู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบกับฟุตบาท ที่ผมกับน้องเดียวยืนอยู่

“พี่เดช” เสียงผมพูด

“มีอะไรกันเดียว น้องน้ำมนต์” พี่เดชถามน้องเดียว ก่อนหันมาถามผม

“เปล่า แค่ทักทายแฟนพี่ปีโป้” น้องเดียวตอบ

“ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบบ้าง

“เดียว พี่ขอเตือนนะ ว่าอย่ามายุ่งกับน้ำมนต์ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” พี่เดชหันไปคุยกับน้องเดียว

“ทำไมละ ทำไมเดียวจะยุ่งไม่ได้ พี่เดชอย่ามาพูดแบบนี้กับเดียวนะ” น้องเดียวเริ่มโวยวาย

“แล้วเดียวจะหาว่าพี่ไม่เตือน”

“แล้วพี่เดชจะเห็น ว่าเดียวไม่จบง่ายๆแน่” น้องเดียวพูดพร้อมกับเดินลากเพื่อนหายไป ผมรู้สึกแย่ที่เจอะเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่างบอกไม่ถูก รู้ว่าน้องเขาเป็นแค่แฟนเก่านายปีโป้ ก่อนที่จะมาคบกับคนชื่อจอย แต่ไม่คิดว่าจะตามมาราวีผม ซึ่งไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาเลย


“เป็นอะไรบ้างน้องน้ำมนต์” พี่เดชถามผม

“เปล่าครับ ไม่เป็นอะไร แค่ตกใจนิดหน่อย” ผมบอกไป

“น้องน้ำมนต์ระวังตัวหน่อยนะครับ เด็กคนนี้ใช่ย่อยเลย มันจองล้างจองผลาญแฟนไอ้โป้ตลอด ตอนน้องจอยก็โดน แต่ดีหน่อยที่น้องจอยเค้าก็ใช่ย่อย ต่างคนต่างแรง เลยปะทะกันได้ไม่นาน ยังไงซะถ้าเค้ามาแรงใส่น้องน้ำมนต์ น้องน้ำมนต์ก็แรงกลับบ้างนะครับ เด็กคนนี้มันชอบหาเรื่องไปทั่ว ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก” พี่เดชกำลังพูดให้ผมงง ตกลงว่าเค้าเป็นคนดี หรือไม่ดี

“อ่าครับ” ผมตอบไป ถึงยังไงก็รู้แค่ว่าต้องระวังตัวไว้

“แล้วนี่จะไปไหนเหรอครับ ให้พี่ไปส่งไหม”

“อ๋อ จะกลับบ้านครับ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวน้ำมนต์นั่งรถกลับเองได้ ขอบคุณพี่เดชมากครับ” ผมตอบปฏิเสธไปพร้อมกับรอยยิ้ม

“ไอ้โป้นี่มันโชคดีนะครับ ที่ได้น้องน้ำมนต์เป็นแฟน” พี่เดชพูดพร้อมกับยิ้มๆให้ผม แต่เป็นยิ้มที่แฝงด้วยนัยน์ตาที่แสนเศร้า

“ไม่หรอกครับ สักวันพี่เดชก็จะเจอคนดีๆ ที่เหมาะกับพี่เดช” ผมยิ้มตอบไปเหมือนกัน แต่ผมว่าสายตาของผมมันคงเปี่ยมไปด้วยกำลังใจให้พี่เดช ให้พี่แกได้มีกำลังใจต่อสู้กับความรักของแกต่อไป


“ฮัลโหล  ..  ใกล้จะถึงแล้ว  ..  อืมๆ  .. เอาไรนะ  ..  โอเค  ..  เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้” พี่เดชหยิบเอาโทรศัพท์มารับสายเข้า พร้อมพูดบทสนทนาสั้นๆกับใครบางคน

“พี่ไปก่อนนะน้องน้ำมนต์ ไว้ค่อยเจอกัน” ก่อนที่พี่เดชจะหันมาบอกลาผม ผมพยักหน้ายิ้มให้ พร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านพ้นไปในทิศทางของหอใครคนหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าต้องใช่คนๆนั้น



เวลาที่มีคนพูดว่านายปีโป้โชคดีที่ได้เป็นแฟนกับผม ผมอยากให้เค้าคนนั้นกลับไปคิดดูใหม่จัง ผมว่าผมต่างหากที่โชคดี ที่ได้เป็นแฟนกับนายปีโป้ .. อย่างน้อยๆ น้ำมนต์คนใหม่ก็พร้อมจะสู้โลกมากขึ้น  อย่างน้อยก็เรื่องน้องเดียวที่เพิ่งจะเข้ามา มันคงเข้ามาให้ผมรู้ว่า ผมต้องผ่านอะไรไปบ้าง ความรักมันถึงจะได้แข็งแรงและมั่นคง ..






เข้ามาน้องเดียว .. น้ำมนต์พร้อมต่อกรด้วยละ  !!!

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 25-12-2011 23:59:38
น้ำมนต์จัดการอีน้องเดียวให้อยู่หมัดไปเลย มันจะได้ไม่กล้ามาปากดีใส่อีก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 26-12-2011 00:00:57
ถ้าเป็นเรื่องของน้ำมนต์ปีโป้ อยากให้เป็นต้นร้ายปลายรักมากกว่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 26-12-2011 00:05:57
นิวน้ำมนต์
น้ำมนต์คนใหม่ไฉไลกว่าเดิม  o13

ยอมได้ก็ยอมไป แต่ถ้ามากไปก็อย่าไปยอมนะน้ำมนต์
เดี๋ยวนายหัวโป้ก็มาช่วยดูแลอีกแรงละมั้ง รักขนาดนั้นนี่ ^^


เอ่อ...ถึงกับกินไข่ลวกเลยหรอ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-12-2011 00:25:32
เห็นชื่อตอนแล้วหวิวใจ นึกว่าหมายถึงน้ำมนต์กะปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-12-2011 01:04:30
ดีแล้วน้ำมนต์ สู้ๆนะ  เอาแรงแบบนัทไปเลย  แบบบุกไปตบเดียวถึงบ้าน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 26-12-2011 01:29:15
โหหห มีมารมาราวีอีกละ????
สงสารน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-12-2011 02:01:07
ชักอยากเห็นตอนน้ำมนต์ออกบทบู๊
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 26-12-2011 02:31:10
อยากเจอน้ำมนต์เข้าดาร์คโหมด อยากให้น้ำมนต์วีน เชียร์ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 26-12-2011 02:40:18
น้องเดียว เดี๋ยวจะเจอของจริง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 26-12-2011 02:58:32
อิพี่โป้มันซั่มน้องตอนไหนเนี้ย
เค้าแอบอยู่ใต้เตียงตลอดเว
ทำไมมะด้ายยินเสียงอ่ะ
เรื่องอิเด็กเดียว....
อย่ายอมให้มันได้ใจ
น้ำมนต์สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 26-12-2011 08:56:27
นายปีโป้ แกกลับมาเล่าเรื่องคืนนั้นของแกกับน้ำมนต์ของชั้นให้ฟังเดี๋ยวนี้

นังน้องเดียว เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่ทำตัวให้มันสมวัยเลยนะ

เดี๋ยวจะโดนน้ำมนต์คนใหม่แล้วจะหนาว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 26-12-2011 09:55:06
ปีโป้แกไวจังนะ พอน้อง say yes ปุ๊บ แกพาน้องไปฮันนีมูนเลยนะ 

น้องเดียวแกได้เจอดีแน่   ระวังจะเจอโหมดน้ำมนต์โหมดองค์ลงแล้วจะหนาว  ยิ่งถ้าได้น้องนัทมาช่วยล่ะแก เละเป็นโจ๊กแน่
   
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 26-12-2011 19:42:55
น้ำมนต์สู้ๆ
น้องเดียวก็น้องเดียวเถอะ  :angry2:
อยากอ่านพาร์ทปีโป้เร็วๆจัง :z1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 26-12-2011 19:58:30
อีเดียว  :z6:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 26-12-2011 20:16:34
ไอ้เด็กเดียววอนหาเรื่องโดน :z6:จริงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 26-12-2011 20:56:46
เข้ามาน้องเดียว .. น้ำมนต์พร้อมต่อกรด้วยละ

 o13 ขอยกนิ้วให้
ชอบประโยคนี้มากเลยน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 38 ต้นรักปลายร้าย 25-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 26-12-2011 21:03:05
หนูน้ำมนต์ต้องทำใจและตั้งสติให้ดี เพื่อที่จะรับมือกับคนพาลให้ได้
และให้คิดซะว่าเป็นการเพิ่มสีสันให้กับชีวิตคู่นะหนู
แม้มันอาจจะสีจัดจ้านร้อนแรงไปก็เหอะ (เอ๊ะ ! รึนี่จะเป็นสีที่เข้ามาเปื้อนนะ)
หวังว่าคงไม่มีใครอยู่เบื้องหลังนังเดียว คอยเป็นทัพหลังช่วยตีกระหน่ำนะ
(ไอ้เพื่อนตัวร้ายคนนั้นของนายปีโป้)
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 26-12-2011 21:29:07
ตอนที่ 39
   


   ผมขับรถมาจากน้ำมนต์อย่างช้าๆ ใจจริงอยากจะขับรถไปส่งมันให้ถึงบ้าน แวะไปกอดคุณยายของมันแน่นๆสักครั้งสองครั้ง ที่เลี้ยงหลานมาได้น่ารัก น่าดูแล น่า ... ซะอย่างนั้น แต่ก็ติดกับธุระของป๊านี่แหละ รู้ว่าผมจะเข้าเมืองหน่อย ก็ฝากใช้งานมาซะงั้น แต่ไม่เป็นไร วินาทีนี้ต้องเอาใจแกหน่อย .. แกอุตส่าห์เข้าใจ ทั้งรักทั้งเอ็นดูน้ำมนต์ขนาดนั้น ..




เฮ้อ .. อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อคืนจัง คืนแห่งความสุขที่ผมจะไม่มีวันลืม




.

.

.

.





“ป่ะ กลับห้องกัน” น้ำมนต์เดินออกมาจากห้องของแม่ผม หลังจากที่ป๊าเพิ่งเข้าไป

“คิดไรกับกูป่ะเนี่ย ชวนกลับห้องเฉย” ผมแซวมันเล่น ยังยิ้มมีความสุขจากการคุยกับป๊าไม่หาย

“คิดสิ” มันตอบมาหน้าจริงจัง

“เอ๊ย จริงอ่ะ” ผมดีใจตอบไปเสียงตื่น

“คิดว่าเราควรนอนกันได้แล้ว ดึกแล้วนะเนี่ย” มันพูดพร้อมกับเดินนำผมไป ปล่อยให้ผมดีใจเก้อกับความคิดไปเองของตัวเอง





เราสองคนเดินกันมาผ่านบริเวณบ้านใหญ่มาเรื่อยๆ ผมรีบเดินตามมันและเอามือตัวเองไปจับมือมันไว้เบาๆ ทำให้บรรยากาศโดยรอบเป็นสีชมพูขึ้นอย่างมหัศจรรย์ มันหันมามองผมพร้อมกับยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่บอกว่ามีความสุข เช่นเดียวกับที่ผมยิ้มกลับไป ความหมายก็ไม่ได้แตกต่างกัน ไม่นานเราสองคนก็มาอยู่ในกระท่อมหลังน้อยที่รอคอยสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน เป็นคู่ชีวิต




“น้ำมนต์” ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่ตื่นเต้น

“หือ ?” มันหันกลับมามองผมด้วยหย้าที่ยิ้มๆ แววตาสงสัย

“ขอจูบกอดหน่อยได้มั๊ย” ผมบอกมัน มันยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือที่จับกับผม แล้วสวมกอดเข้าลำตัวผม และมีอ้อมกอดของผมสวมทับมัน นี่คือคำอนุญาตที่น่ารักที่สุด ไม่ต้องตอบอะไร แค่ทำ

“ได้ยินเสียงหัวใจกูมั๊ย ?” ผมถามมัน

“ได้ยินสิ แต่แยกไม่ออก ว่านั่นมันเสียงหัวใจนาย หรือเสียงหัวใจเรา” คำตอบของมันทำเอาผมยิ้ม และกอดมันไว้แน่นกว่าเดิม หัวใจของเราสองคนแนบบนหน้าอกข้างขวาของอีกคนหนึ่ง สัมผัสได้ถึงแรงสั่นที่เคลื่อนไหวโดยเกิดจากภายใต้จิตใจของแต่ละคน

“ทำไมมึงถึงทำให้กูรักมึงขนาดนี้นะ ทำไมมึงถึงเข้ามาทำให้ชีวิตกูมันดูสดใสซะจนหมดความมัวหมอง ทำไมมึงถึงมาทำให้ชีวิตกูขาดมึงไม่ได้ .. ทำไมกันนะ” ผมพูดออกไป มือข้างหนึ่งพรางสาวผมมันเล่นอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าตัวเองมีความสุขมากขนาดไหนในตอนนี้ แต่รู้เพียงว่าทั้งใบหน้ารอยยิ้มแววตาของผม มันยิ้มให้กับการกระทำครั้งนี้จนยากจะอธิบาย

“แล้วทำไมกันนะที่เราถึงเปิดใจให้กับผู้ชายเถื่อนๆ ทำไมกันนะรักครั้งแรกของเราถึงเป็นผู้ชายด้วยกัน ทำไมพ่อแม่เราสองคนต้องรู้จักกัน ทำไมเราถึงรู้สึกผูกพันกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ ราวกับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานแล้ว” คำถามจากปากมันคงไม่ต่างอะไรจากปากผมนัก เราไม่อยากหาคำตอบให้กัน แต่เราอยากจะถามคำถามมากมายนั้นออกมา




เพราะคำตอบนั้นยากจะอธิบาย .. พรหมลิขิต ? เนื้อคู่ ? กลับภพมาเกิด ? ก็คงดูเป็นนิยายน้ำเน่าไป จึงไม่อยากจะสรุปเรื่องราวเหล่านี้ ปล่อยให้มันเป็นคำถามกับคำว่า “ทำไมกันนะ .. ?” คงจะดีกว่า





ผมปล่อยกอดมันก่อนจะมองหน้า หน้าที่ขาวใสไร้สิวอย่างกับเด็กไวแรกเกิด แก้มที่แดงๆเพราะกาศที่เย็น หรือไม่ก็กำลังอายๆ ผมที่ยาวพ้นบ่าไปถึงหลังของมันยังเรียกความสนใจจากผมได้ทุกครั้งที่มองตัวมัน

“ขอจูบหน่อยนะ” ผมพูดพร้อมกับก้มลงไปจูบที่ปากมัน แบบไม่รอให้มันอนุญาตแต่อย่างไร มันตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถอยหน้าหนี ฝีมือการจูบของมันถ้าวัดระดับชั้น คงอยู่แค่อนุบาลสอง เพราะการใช้ลิ้นในการค้นหาตัมันของผมยากและลำบากมาก มันได้แต่เปิดทางให้ผมเข้าไปค้นหาเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นไกด์ในการนำทางแต่ย่างใด ผมซะอีกที่ต้องจูงมันไปด้วยกัน




“อืออออ ออแอ้ว อายใอไอ่ออก” เสียงมันดังอู้อี้ในลำคอ คงอยากให้ผมเอาปากออก ผมเลยดูดปากมันแรงๆหนึ่งทีก่อนจะถอนปากออก

“เฮ้อออ เกือบขาดใจตายแล้วไง” อีกคนบอกผม ผมยิ้มให้กับผลงานของตัวเองครั้งนี้ หน้ามันแดงขึ้น ปากมันก็แดงขึ้น ดูยังไงก็น่ารักขึ้น

“กูไม่ไหวแล้ววะ น้ำมนต์ กูขอนะ” ผมพูดพร้อมกับเข้ารวบกอดน้ำมนต์อีกครั้ง ปากก็ประกบลงเข้ากับปากมันอย่างไว จนอีกคนตั้งตัวไม่ทัน พร้อมกับออกแรงขาพามันเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงโซฟา ผมออกแรงผลักมันล้มลงและตัวเองล้มทับอย่างไว ปากก็ยังมีคลายออกจากปากมัน และดูทีท่าว่าจะเร่งเร้าอารมณ์ในตัวผมให้มากขึ้น มือก็ปลดกระดุมเสื้อของมันไปเรื่อยๆ ทั้งที่มือของอีกคนก็ป้ายไปมา แต่จะทันการอะไรผม มือไวปานทศกัณฐ์แบบนี้ ปลดเสื้อสาวๆไม่ถึงนาทีก็ล่อนจ้อนแล้ว ผมปล่อยปากจากปากมันแค่เล็กน้อย ทิ้งระยะห่างให้มันได้หายใจ ตอนนี้มันหอบพร่าด้วยความเหนื่อยปากเปิดเพื่อต้องการอากาศเข้าไปให้ปอดได้หายใจ

“เป็นเมียกูนะ” ผมพูดออกไปเบาๆ

“คำขอเถื่อนไปนะ” เสียงมันตอบกลับมาทำเอาผมแทบหลุดขำ แต่มันก็ยังยิ้มมาให้

“มาถึงขนาดนี้แล้ว ยอมๆกูเหอะนะ กูไม่ไหวแล้ว” ผมบอกมัน อารมณ์เร่งเร้าและอ้อนวอน

“อย่าให้เราเจ็บนะ” แค่นั้นแหละครับ คำอนุญาตของมัน ผมไม่สนใจว่ามันจะพูดอะไรต่อแล้ว ผมก้มลงไปจูบปากกับมันอีกครั้ง มืออีกข้างก็ปลดพันธนาการที่อยู่บนร่างของเราสองคนโดยมีอีกคนที่พอรู้งานช่วยผมปลดบ้าง สภาพตอนนี้คือคนสองคนกำลังนอนเกลือกกลั้วกันไปมาบนโซฟาตัวใหญ่คลาสสิกของกระท่อม  ภาพกล้องถ่ายมุมกว้างชวนให้เห็นสัดส่วนของทั้งสอง ก่อนที่แพลนกล้องไปรอบห้อง และจบลงตรงโคมไฟ ..












































ไม่สิ ..จบแบบละครสมัยก่อนไม่ได้ ตอนนี้เลยต้องจัดเรท 20 บวกไป ถ้าอายุไม่ถึงก็โปรดอ่านข้าม เพราอารมณ์ห่ามของนายหัวโป้กำลังเริ่มต้น ฉากรักครั้งแรกที่จะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งนี้






รอยจูบที่พรมไปทั่วใบหน้าของอีกคน ทำเอาผิวแดงๆเริ่มเป็นรอยเล็กๆ แต่ผมก็เลือกฝากรอยให้ต่ำลงมา เก็บไว้ในร่มผ้าเท่านั้น ผมเริ่มลากไซ้ไปไปตามซอกหูแล้วลงมาตามต้นคอน้ำมนต์หลับตาสนิทไม่รับไม่รู้อะไรภายนอก ผมยิ่งอยากแกล้งอยากแหย่ เลยยกแขนของมันขึ้นแล้วไล่เลียไปใกล้ๆวงแขน มันขนลุกชัน ตาโพรงมองมาอย่างสงสัย ผมจึงรีบก้มลงหอมแก้มของมันเบาๆ ลากลงมาเรื่อยๆจนมาที่หน้าอกของมัน วนเลียอยู่อย่างนั้น น้ำมนต์ดิ้นพร่านด้วยความเสียว ทำเอาผมยิ้มย่องในใจมืออีกข้างก็เอาไปสัมผัสกับมนต์น้อยที่ไม่น้อยนักของมัน มันยังคงดิ้นทำตัวไม่ถูกเหมือนเดิม แก้มที่แดงอยู่ก็แดงขึ้นอีก เมื่อผมลุกล้ำในตัวมันมากขึ้น

และเมื่อลิ้นของผมไล่วนกับหน้าอกของมันครบสองข้าง โดยที่มันยังนอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่นั้น ผมก็ลากลิ้นมาล่างเรื่อยๆ จนลุกตัวขึ้นมามองหน้ามัน ที่มุดเข้าหาโซฟา หน้าจะเข้าไปอยู่ในเนื้อหนังของโซฟาแล้ว




“เป็นไรครับที่รัก” ผมถามมัน มันหันหน้ากลับมา พร้อมกับมองมาที่ผม

“ไม่รู้สิ จะให้ตอบว่าอะไรละ” หน้าตาที่เขินอาย ตอบมาอย่างกับว่ากำลังแตกสลายไปกับคนที่พูดด้วยตรงหน้า เล่นเอาผมยิ้มไม่หยุด

“ยิ้มอะไรอีกละ จะทำอะไรก็ทำสิ” คำพูดที่ดูดุๆ แต่แฝงด้วยคำสั่งที่ชวนขำมากกว่าเดิม

“รีบจริงเลยวุ๊ย เงี่ยนขนาดนั้นเชียว” ผมบ่นเบาๆ แต่อีกคนคงได้ยิน

“โอ๊ยย” ผมร้องโอดขึ้นมาเมื่อมันเอามือมาตีที่แขนผม ก่อนจะหันหน้ากลับไปซุกกับโซฟา

“จะหันไปทำไม มานี่ มาทำให้เค้าบ้าง” ผมพูดพร้อมกับจับมันหันตัวหันมา และดึงตัวมันให้ลุกขึ้น

“ให้ทำอะไร” มันถามผมมาหน้าตื่น เชื่อแล้วจริงๆว่าไม่เป็น

“อ่า ทำเหมือนที่กูจะทำให้มึงนะ จำดีๆละ” ผมบอกมัน มันพยักหน้างึกๆ ตาเพิ่งดู ผมเข้าไปกอดมันไว้แล้วเอาลิ้นสอดเข้าไปในหู ไล้เลียลงมาตามคอ เรื่อยๆมาจนบริเวณหัวนมของมัน กัดเม้มเล็มวยเวียนอยู่ครู่ใหญ่ สสับไปสลับมา มันก็ยังดิ้นไปมาอย่างเดิม มีเสียงครางในลำคอเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะก้มลงไปอมท่อนลำมนต์น้อยนั้น

“เอ๊ยยยย” น้ำมนต์ตกใจที่ผมแบบนี้ให้ พร้อมถอยออกหนี

“เป็นไรอีกละ” ผมถาม

“ต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ”

“ปกติกูไม่เคยทำให้ใครหรอก ยกเว้นมึง” ผมพูดพร้อมกับก้มลงไปให้ปากสัมผัสกับมนต์น้อยนั้นอีกครั้ง มนต์น้อยของมันสภาพเที่ไม่เคยผ่านการใช้งาน ลำตรงยาวเด่น แต่ก็ไม่ใหญ่มาก หัวยังปิดสนิท แอบสงสัยว่าเคยช่วยตัวเองบ้างมั๊ย ผมพยายามเม้มๆ และดึงเพื่อให้ปากมนต์น้อยมันเปิด ก่อนจะใช้ลิ้นตวัดไปมา มันครางซี๊ดเล็กน้อย ผมเลยได้ใจครอบมันทั้งลำแล้วก็ดูดไปมา มันทั้งดิ้น ทั้งมือที่ผลักให้ผมออก แต่มีเหรอที่ผมจะยอมมัน ผมเล่นกับมนต์น้อยนั้นอยู่พักใหญ่

“นายๆๆๆ พอก่อน มันจะออกแล้ว” น้ำมนต์พูดห้ามเตือนผมมา จนผมต้องเอาปากออกจากมัน

“อ่ะ ทำแบบนี้แหละ” ผมขึ้นมาแล้วบอกมัน มันมองหน้าผมอย่างงๆ ส่งคำถามว่าเอาจริงเหรอ ผมพยักหน้าหงึกๆสองสามครั้งให้มัน  มันมองท่อนลำปีโป้ขนาดจัมโบ้ของผม แล้วหน้าแดงปรี๊ดอย่างกับน้ำร้อนเดือน ผมยิ้มเชื้อเชิญมัน พร้อมกับนอนบนโซฟา ปล่อยให้เป็นหน้าที่มันได้บรณนิบัติสามีมันบ้าง





มันเคลื่อนร่างบางเล็กๆของมันมาทับตัวผมอย่างทุลักทะเล ก้มลงจูบที่ปากผมอย่างขัดเขิน ก่อนที่พรมจูบทั่วใบหน้า อย่างกับเด็กหอมผู้ใหญ่
 
“เลียบ้างดิ” ผมบอกมัน

“รู้แล้วหน่า  รีบจังเลยนะ”  มันทำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะเอาลิ้นของมันเลียตามซอกหูของผม ผมขำหึหึในลำคอ กับการกระทำของมัน จนมันต้องมาจ้องหน้าผมตาแข็งอีกครั้ง ผมต้องแกล้งหลับตา มันจึงได้เริ่มทำหน้าที่ของมันต่อ ก็ไม่ให้ผมขำได้ไงละครับ มันเลียตัวผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย น้ำลายของมันเหมือนจะไหลท่วมตัวผมละ คงตื่นเต้นไม่น้อย ที่ต้องมาทำอะไรที่ตรงกันข้ามกับตัวเองมากๆแบบนี้ มันเลียลงมาเรื่อยๆ จนมาที่หน้าอกของผม มันให้ลิ้นเลียๆ ดูดอยู่พักใหญ่ ตรงนี้ยอมรับว่าเสียวครับ เพราะผมลืมตามองดูมันทำ ปากเล็กๆสีชมพูของมัน สีหน้าที่ตั้งใจเกินจริง ยิ่งกว่าตอนมันวาดภาพ ลิ้นที่ตวัดไม่ค่อยมีทิศ เล่นเอาปีโป้จัมโบ้ของผมแข็งตึงจนปวดเอ็น  มันเลียวนอยู่แบบนั้นพักใหญ่ ผมก็สะดุ้งลุกขึ้น






“มีไรอีก ?” มันคงตกใจที่อยู่ๆผมก็สะดุ้งขึ้นมา ผมเลยจับตัวมันให้ลงไปนั่งข้างล่าง และผมนั่งอยู่บนโซฟา ตอนนี้ปีโป้ขนาดจัมโบ้คำโตอยู่ตรงหน้ามันอย่างเลี่ยงไม่ได้  มันมองอยู่พักนึงอย่างพินิจพิจารณา คงคิดว่ามันต่างกันมากละสินะ ระหว่างของมึงกับของกู

“มองอะไร ทำไปเลย” ตาผมเอาคืนบ้าง เร่งมัน มันมองตาค้อนมาทางผมเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆเอาลิ้นมาแหย่ที่หัวปีโป้

“อ๊า ....” ผมครางออกมาทันทีที่ลิ้นอุ่นๆของมันสัมผัสกับปีโป้จัมโบ้ของผม เจลใสๆค่อยๆไหลออกมาตามอารมณ์ที่เกินจะหักห้าม น้ำมนต์คงชอบใจที่ผมครางออกมาแบบนั้น มันจึงใช้ลิ้นวนๆอยู่ตรงนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอาปากเล็กๆของมันครอบเข้าไป ปากของมันครอบได้เล็กน้อยเท่านั้น และดูท่าว่าจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว ถึงได้ค้างไว้แบบนั้น ผมเลยยกเอวของตัวเองเด้าขึ้นลง อย่างช้าๆ

“ดูดเลย อร่อยนะ” ผมบอกมัน พร้อมกับสายตาเชื้อเชิญ มันเลยบังคับปากผมให้ดูดปีโป้จัมโบ้ตามจังหวะขึ้นลงของการยกเอวของตัวเอง สายตาผมตอนนี้เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วครับ เพราะว่ามองหน้ามันแล้วน้ำรักจะทะลักให้ได้ ผมจึงเลือกจะมองเพดานแทน


“ไม่ไหวแล้ววะ” ผมพูดเมื่อคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว ผมเลยลุกขึ้นและให้มันมานั่งโซฟาแทน น้ำมนต์ก็ทำอย่างเคอะเขินไปหมด มันนั่งลงขาชิดจนผมหงุดหงิดใจไม่ได้

“ก็คนมันไม่เคยนี่” เหมือนมันจะรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร จึงด่าผมกลับมา

“ครับๆ แล้วพี่จะสอนให้บ่อยๆ จะได้ชินๆ” ผมบอกมันก่อนจะเดินไปหยิบเจลและถุงยางในลิ้นชักมา แกะซองแล้วหุ้มปีโป้จัมโบ้อย่างชำนาญ  พร้อมกับบีบเจลให้ชุ่มมือ เดินเข้ามาหามัน ยกขาทั้งสองข้างของมันพาดคอไว้ สายตามันมองมาอย่างสงสัย ผมเอามือที่ชุ่มด้วยเจลหล่อลื่นป้ายไปที่ทางผ่านเมืองของน้ำมนต์เบาๆ มันดิ้นเล็กน้อยเมื่อมีความเย็นของบางอย่างแตะผิวหนังของมัน ผมก้มลงไปเลียหน้าอกมันไปมา เพื่อให้มันลดความกังวล ตาของน้ำมนต์เริ่มปิดลงอีกครั้ง ผมเริ่มใช้นิ้วของตัวเองแหย่เข้าไปหนึ่งนิ้ว

“โอ๊ยยย” มันร้องออกมาเสียงหลง

“ทนหน่อยนะจ๊ะที่รัก พี่ทำไม่เจ็บหรอก” ผมระซิบบอกมันที่หู ก่อนจะเลียไซ้มาตามหูและจบลงที่หน้าอกอีกครั้ง น้ำมนต์เอสแขนตัวเองมาพาดไว้บนคอผม และออกแรงกระชับคอทักครั้งที่ผมสอดนิ้วเข้าออก ผมเพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง เพื่อส่งตัวแทนเข้าผ่านเมืองไป ก่อนที่ปีโป้ของผมจะเข้าตามไป ..




ผมเอามือที่ชุ่มเจลนั้นมาทาไปทั่วปีโป้จัมโบ้ ตอนนี้ปีโป้จัมโบ้ก็เยิ้มไปด้วยเจลไม่แพ้กับทางผ่านเมืองของน้ำมนต์ ผมก้มลงไปกระซิบที่หูน้ำมนต์อีกครั้ง



“กูรักมึงมากนะ  และจะรักมึงตลอดไป” คำธรรมดาเถื่อนๆของผม ถูกพูดไปอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มเขินๆของมัน ผมจูบปากมันอีกครั้ง ลิ้นไล่วนไปมา พร้อมกับการพัฒนาการจูบของมันพอเป็นที่น่าพอใจ มันตอบโต้มาได้อย่างดี ผมจับท่อนลำของผมใส่ไปในทวารของมันเบาๆ

“อ๊า ..” เสียงร้องของมันดังในลำคอ แต่ก็หายไปเพราะผมยังจูบกับมันอยู่ พยายามดึงจุดสนใจของมันมาที่ปากของมันแทน ผมค่อยๆขยับอวัยวะบุกเมืองของมันอย่างเบาๆ ช้าๆ เพื่อให้นิ่มนวลที่สุด น้ำตมนค์เกร็งมือตัวแข็งทื่อเล่นเอาคอผมแทบเป็นเหน็บ

“อย่าเกร็จสิจ๊ะ” ผมคายปากบอก

“เกร็งที่ไหนละ” มันสวนกลับมา

“ก็นี่แหละ ที่ทำอยู่คือเกร็ง” ผมบอก

“แล้วทำยังไงไม่ให้หายเกร็งละ” ถามผมอีก ผมไม่รู้จะตอบไง เลยก้มลงไปเลียหน้าอกให้มันแทนอีกครั้ง การขมิบที่ทวารมันค่อยๆคายตัว ทำให้ปีโป้จัมโบ้ของผมเคลื่อนทีได้ง่ายขึ้น น้ำมนต์มีการถอยหนีลำของผมเป็นระยะ แต่ผมก็เอามือดักไว้ และดึงกลับมา จังหวะที่ดึงกลับมาแต่ละครั้ง เหมือนเป็นการตอกสลักให้เข้าง่ายกว่าเดิม ยิ่งทำให้มันรู้สึกเจ็บขึ้น หลังๆมันจึงทนไม่ยอมถอยห่าง ผมเข้าไปในเมืองมันอย่างยากลำบาก เพราะประตูทางเข้าของมันตอดรัดแน่น จนผมแทบกระอักเลือดสีข้นออกมาตั้งแต่หน้าประตู  แต่พอเข้าไปได้ครึ่งลำก็ต้องหยุดพัก




“แม่งเสียววะ” ผมสบถออกมา

“นายเสียว แต่เราเจ็บนะ” ได้ยินคำพูดนี้ ผมไปต่อไม่ถูกเลย จะบอกว่าเดี๋ยวก็เสียวตามผม ก็กลัวว่ามันจะไม่เชื่อ เลยก้มลงไปจูบปากมันอีกที พร้อมกับโยกสะโพกตัวเองเข้าออกอย่างช้าๆ น้ำมนต์ครางในลำคอเป็นระยะๆ ผมรู้สึกอยากได้ยินเสียงมัน จึงปล่อยปากออกจากมันอย่างไว


“อ๊า .. อ๊า” เสียงของมันดังมาพร้อมกับปากที่ปล่อยให้เป็นอิสระ มันหลับตาปี๋มือยังคล้องคอผม พร้อมกับเล็กที่จิกลงบนหลังอย่างกับว่าเนื้อหนังของผมเป็นเหล็ก ผมรีบใช้จังหวะนี้ดันลำตัวเองเข้าไปจนสุดลำ

“โอ๊ยยยยยยยย” เสียงของมันดังมาก ผมก้มลงไปจูบมันอีกครั้ง พร้อมกับแรงเด้าที่เพิ่มจังหวะขึ้น ปากของมันกับผมแค่ประกบกันเท่านั้น ไม่มีการแลกลิ้นอะไรกัน  ผมเอามือของผมไปจับกับมนต์น้อยของมัน พร้อมกับชักเข้าออกให้มันแข็งตัวขึ้นอีกครั้ง ปล่อยปากจากมันมาวนเวียนที่หน้าอกของมัน ทั้งที่สะโพกก็ยังเด้าอยู่อย่างนั้นไม่ยั้ง แรงขมิบและความแน่นฟิตของเมืองน้ำมนต์ทำเอาผมแทบปิ๊ดทุกครั้งที่สอดเข้าไป

“อ๊า อ๊า อ๊า ....” เสียงครางของผมกับมันดังสลับกันไปมาอย่างกับไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร





“นาย  นาย  เราไม่ไหวแล้ว” เสียงของคนตัวเล็กดังขึ้น พร้อมกับมือผมที่เร่งจังหวะชักเข้าออกของมนต์น้อยไว้ขึ้น และสะโพกของตัวเองที่เร่งจัวหวะให้ไวขึ้น ตามแรงชัก  น้ำรักขาวข้นทะลักออกมาจากมนต์น้อยอย่างกับเขื่อนแตกเต็มฝ่ามือของผม พร้อมกับเสียงร้องของคนตัวเล็ก และตัวที่อ่อนโยน แรงตอดรัดที่เมืองทวารเล่นเอาปีโป้จัมโป้เดินทางติดขัด รัดจนปีโป้ต้องออกแรงกระแทกอีกสองสามครั้งแรก



“อ๊า ...........” เสียงครางสุดท้ายของผมดังขึ้นเมื่อปีโป้จัมโป้ พ่นน้ำหวานแสนข้นมาเต็มหลอด พร้อมกับแรงเด้าอีกสองสามครั้ง เสียวซ่านไปทั้งตัว ขาเกร็งจิกพรม แขนอ่อนตัวโยนไม่ต่างจากอีกคนที่กอดผมไว้ หลับตากริ่ม






“สุดยอดว่ะ” ผมพูดออกมา พร้อมกับแรงโยกที่สะโพกเบาๆ ไม่ขาด น้ำมนต์ลืมตามามองผมอย่างอ่อนแรง

“เอาออกได้แล้ว” ปากและสายตาบอกอาการเจ็บจนผมสงสาร

“ขอแช่ไว้หน่อยไม่ได้เหรอ เสียวดีว่ะ” ผมบอกด้วยสายตาอ้อนๆ

“ถ้าทำตัวแบบนี้ คราวหน้าไม่ต้องอีกแล้วนะ” สิ้นเสียงนั้นผมจำเป็นต้องถอดปีโป้จัมโบ้ที่อ่อนแรงออกอย่างช้าๆ น้ำมนต์ทำหน้าเหยเกเล็กน้อย ก่อนที่ท่อนลำจะหลุดออกมา ผมดึงเอาถุงยางออก แล้วดูน้ำหวานจากปีโป้จัมโบ้ที่ไหลออกมา




“กูว่าของกูเยอะแล้วนะ .. แต่ของมึงเยอะกว่าอยู่ดี ฮ่าๆๆ” ผมแซวมันครับ เพราะตอนนี้ตัวของมันเต็มไปด้วยน้ำรักจากมนต์น้อยของมันเต็มหน้าท้อง  มันมองมาทางผมอย่างค้อนๆ ก่อนที่ผมจะเอาถุงยางไปทิ้ง แล้วเดินกลับมาหามัน ที่ยังนั่งอยู่ในสภาพเดิม





“มา เดี๋ยวอุ้มไปอาบน้ำนะ” ผมพอเข้าใจว่ามันคงเหนื่อย และไม่อยากขยับตัวไปไหน ครั้งแรกของมันครั้งนี้คงทำให้มันเดินลำบากไปพักใหญ่ แต่ผมว่าผมทำกับมันครั้งนี้อย่างเบาๆ และธรรมดาที่สุดแล้ว เพราะผมไม่ได้ต้องการจะโชว์เหนือเล่นท่ายาก หรืออยากฝากประสบการณ์อันเร้าใจไว้กับมันเหมือนกับคนอื่นที่ผ่านอะไรมาเยอะมากมายก่อนจะมาเจอผม  เพราะถ้าทำแบบนั้นไป ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้แง้มประตูเมืองของมันเข้าไปเที่ยวก็ได้ ...





.

.

.

.








แค่คิดถึงภาพเมื่อคืน ปีโป้จัมโบ้ก็เริ่มขยายตัวซะงั้น  ผมละอยากจะนอนกับมันทุกคืนเลย อยากนอนก่อน อยากสอนบทรักให้มันอย่างช้าๆ อยากให้มันรู้ว่าผมรักมันเท่าไหร่ .. อันที่จริงเปิดเทอม ผมจะชวนมันมาอยู่หอด้วย แต่ก็เกรงใจยายอยู่ดี .. แต่เอาเหอะ สักวันในหนึ่งอาทิตย์ก็ยังดี ..





วันนี้ผมมาทำธุระให้ป๊าที่วัดประจำจังหวัดครับ ป๊าให้ผมเอาของมาถวายหลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อกับป๊าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน ผมจึงสนิทกับพระรูปนี้เป็นอย่างมาก พูดได้ว่าครอบครัวผมเลยดีกว่า





และเนื่องจากวันนี้มาวัดประจำจังหวัด คนเลยค่อนข้างเยอะ เพราะวัดนี้คือวัดพระธาตุครับ วัดคู่เมืองชาวนครศรีธรรมราช หรือว่าชื่อเต็มๆว่า  วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร  ครับ จะมีกรุ๊ปทัวร์ ไม่ก็ชาวบ้านแวะเวียนเข้ามาสักการะ พระบรมมหาธาตุเป็นจำนวนมาก ผมเลยต้องเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปพบหลวงพ่อที่กุฏิครับ





ผมเข้าไปถวายของที่ป๊าฝากมาให้หลวงพ่อเสร็จ ก็อยู่พูดคุยสารทุกข์สุกดิบกับหลวงพ่อชั่วครู่ ก็ขอตัวกลับครับ เพราะหลวงพ่อคงจะจำวัดกลางวันต่อ ผมไม่อยากรบกวน





ตอนเดินกลับมาที่รถ ผมก็เดินมองบรรยากาศรอบๆวัดอีกครั้ง ถึงแม้จะเป็นวัดประจำจังหวัด และอยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัยผมนัก แต่น้อยครั้งเหมือนกันที่ผมจะมาเดินเล่นแถวนี้ นอกจากจะมากับป๊าและแม่  วัดก็คือวัด มีความสงบและมีความศรัทธามาให้แก่ญาติโยม ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวจะมากันอย่างเนืองแน่น นั่นก็หมายความว่าความศรัทธาก็มีมากๆตามกัน ผมมองยอดพระธาตุ ก่อนที่จะก้มต่ำมาเรื่อยๆ มองผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมา ยิ้มให้กับวัดคู่บ้านคู่เมืองครั้งนี้ และคิดว่าสักวันจะพาน้ำมนต์มาไหว้พระกันสองคนให้ได้ ..




ผมมองเพลินสายตาก็ไปสะดุดเอากับคนบางคนที่มีใบหน้าคุ้นเคย ผมอึ้งชั่วขณะ มองภาพคนๆนั้นกำลังเดินไปกับกลุ่มของเขา ใจของผมสั่นขึ้นมาอย่างกับทำงานผิดปกติ ภาพของคนตรงหน้าเริ่มหายไปเรื่อยๆตามความไกลของระยะทาง และผู้คนที่เดินตัดไปมาซับซ้อน





ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมสังสมองบอกเท้าตัวเองให้วิ่งตามคนๆนั้นไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นแผ่นหลังอยู่ไกลๆ เท้าของผมก็ยิ่งเพิ่มความเร็ว




“เอี๊ยดดดดดดดดดด” เสียงเบรกของรถเก๋งคันหนึ่งที่ผมกำลังวิ่งตัดหน้าดังขึ้น

“อยากตายหรือไงวะ แม่งข้ามมาได้” เสียงก่นด่าของคนขับดังตามให้หลังผมมา แต่ผมไม่ได้หันกลับไปต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าของรถคันนั้น คิดในใจมันไม่ชนผมก็บุญแค่ไหนแล้ว ผมหันไปยกมือบอกว่าขอโทษครับเบาๆ แล้วหันหลังวิ่งต่อตามคนๆนั้นที่เห็นอยู่ไม่ไกลนัก





ตลอดระยะทางที่วิ่งตามมา เหมือนภาพเรื่องราวต่างๆกำลังวิ่งกลับมาพร้อมๆกับความใกล้ถึงตัวเขาคนนั้น เหมือนผมกำลังดาวน์โหลดไฟล์บางอย่างที่ฝังไว้ในชิปที่ลึกลงไปภายใต้ก้นลึกของหัวใจ 




และเมื่อใกล้ถึงตัวคนนั้นมากเท่าไหร่ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดก็ใกล้จะสมบูรณ์มากเท่านั้น  คนๆนั้นหยุดอยู่ข้างรถยนต์คันหนึ่งซึ่งน่าเป็นของเค้า ผมรีบวิ่งไปจนตามทัน ชายคนนั้นมองผมมาอย่างสงสัย ผมก้มหน้าหอบเหนื่อยตัวโยน  ก่อนจะเงยหน้ามามองคนที่วิ่งตามอย่างชัดๆอีกครั้ง พร้อมไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาครบสมบูรณ์ มีสัญญาณติ๊งพร้อมกับข้อความขึ้นว่า Download complete ขึ้นมายืนยัน




หน้าตางงๆของคนที่ผมวิ่งตามจ้องหน้าสงสัยผมอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มและเรียกชื่อผม





“ปีโป้” 




นั่นคือเครื่องยืนยันว่าผมจำถูกคน .. และไม่เสียแรงที่ผมวิ่งตาม ไม่เสียแรงที่เกือบถูกรถชนตาย ไม่เสียแรงที่ถูกไอ้คนขับรถนั้นด่า






มึงกลับมาแล้ว .. มึงกลับมาแล้วจริงๆ 







ผมยิ้มให้กับใบหน้านั้น ก่อนจะถามคำถามไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ..













“เบสท์ใช่มั๊ย ?”





























 :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 26-12-2011 22:14:08
นั่นไง ทำให้อยาก :serius2:แล้วจากไปพร้อมมาม่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 26-12-2011 22:23:26
นายหัวโป้ ยังไงของแกเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 26-12-2011 22:31:35
ค้าง นอนไม่หลับแน่ๆ คืนนี้ 555+
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-12-2011 23:15:20
อะไรกัน ๆ มาวางระเบิดแล้วก็จากไป
เพิ่งหวานไปหยก ๆ จะขมอีกแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 26-12-2011 23:58:28
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 27-12-2011 00:25:38
รอกินมาม่าจ้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-12-2011 00:52:36
ไอ้ปีโป้  :z6: แกเพิ่งได้หนูน้ำมนต์ไปนะอย่ามาทำมาม่านะเฟ้ยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 27-12-2011 01:25:18
ความสุข....อย่าเพิ่งปายยยยยยยยย
ม่ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 27-12-2011 02:53:33
เบสท์ไหน เบสท์หนั้ยยย ไม่รู้จัก เรื่องนี้ไม่มีตัวละครชื่อเบสท์ใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆ
โฮวววว ดราม่าจะมาแล้วใช่ไหม
ทำไมนายหัวโป้ต้องดีใจขนาดนั้นด้วยเนี่ย ถ้ายังแบบนี้เดี๋ยวน้ำมนต์ก็เข้าใจผิดหรอก
กลัวๆๆๆๆ

ปล.นายหัวโป้สอนน้ำมนต์อย่างกับคุณครูสอนเด็กบวกเลขเลย
นายหัวโป้ : 1+1 เป็น 2    อ่ะ น้ำมนต์ลองทำ 2+2 ดูนะ  กร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-12-2011 03:16:38
ปีโป้ อะไรของแกเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 27-12-2011 06:10:57
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 27-12-2011 07:41:47
น้องน้ำมนต์ตูงานงอก สองเด้ง ปีโป้เมียเก่ากลับมาถ้าทำน้ำมนต์เสียใจนะ จะให้น้ำมนต์หนีไปไกลๆไม่ต้องเจอกันอีกเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 27-12-2011 09:03:32
อื้อ หือ นายปีโป้ แกอย่าทำให้ชั้นเครียดนะเว้ย

อดีตมันก็เป็นแค่ความทรงจำเท่านั้นแหละ ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป แกอย่าไปรื้อฟื้นดึงดันให้มันกลับมาเป็นปัจจุบันอีกเลย

ชั้นสงสารน้ำมนต์มาก ไหนจะนังน้องเดียว แล้วก็รักครั้งแรกอย่างเบสท์อีก แถมเพิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันไปแล้วอีก

มันช่างเป็นสถานการณ์ที่ทรมานใจซะเหลือเกิน (ชั้นอินขั้นสูงเลย)

ปล. โปรดมาเคลียร์ก่อนปีใหม่เถอะนะ อย่าให้ต้องค้างคาใจข้ามปีเลย  :m15:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 27-12-2011 09:12:29
ปีโป้นายคงไม่คิดไปเป่าถ่านเก่าให้มันคุขึ้นมาอีกรอบนะ   อย่าลืมว่านายสัญญากับน้ำมนต์ไว้ยังไง 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 27-12-2011 09:28:53
อย่าทำให้ตัวน่าหมั่นไส้นะเว้ย ปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 27-12-2011 11:14:51
ติดตามอ่านอยู่สักพักแล้วค่ะ ตอนนี้อ่านทันแล้ว
ก่อนอื่นเลยขอชื่นชมความอดทนของนายปีโป้
ทำทุกอย่างจนพิชิตใจของน้ำมนต์ได้ในที่สุด
กว่าน้ำมนต์จะเปิดใจได้ เล่นเอาเหนื่อยเลยอ่ะ
เพราะฉะนั้นเลยไม่อยากให้มีเรื่องอะไรมากระทบ
แต่ถ้าจะมีบททดสอบเข้ามาบ้างก็ไม่แปลกอะไร
ทั้งคู่จะได้เข้มแข็ง และจะได้ฝ่าฟันไปด้วยกัน
ดีใจกับทั้งสองคน ที่ครอบครัวและคนรอบข้างเข้าใจ
ว่าแต่บททดสอบกำลังเดินทางมาหาทั้งสองคนอยู่
เป็นกำลังให้กับทั้งคู่ ขอให้ผ่านมันไปได้ด้วยดีนะ
และต้องขอบคุณคนเขียนมากๆ เรื่องนี้สนุกมากค่ะ
จะติดตามต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ :L2:


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 27-12-2011 11:32:44
หวานได้เปปเดียว
จะมาม่าอีกแล้วเหรอ
เฮ้อออออออออ :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 27-12-2011 11:40:12
 :z6:โว๊ย~ พี่โป้ ถ้าทำให้น้องน้ำมนต์เสียใจนะ เมิงตาย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 27-12-2011 12:43:51
เหมือนจะได้กลิ่นมาม่าลอยมาล่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-12-2011 17:46:17
อ้าว....นายปีโป้ เบสท์เป็นแฟนเก่านายใช่ป่าว

ทำไมทำท่าดีใจซะขานดนั้น 

อย่าทำร้ายหัวใจน้องน้ำมนต์ของชั้นนะ ไม่งั้น  :z6:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 27-12-2011 18:41:38
อ้าววววววว~~
พี่โป้
แกจะต้มมาม่าใช่ไหมเนี้ย
รอก่อนนะ เค้าหาทิชชู่ก่อน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 27-12-2011 22:15:16
เรื่องคนนั้น...อ่านตอนแรกตกใจนึกว่าจะเป็นแพลนฉากโคมไฟจริงๆ  :a5:
ส่วนเรื่องคนนั้น...เหมือนต่อไปจะดราม่า :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 28-12-2011 00:06:19
 :oni1: :oni1: ตามทันละ :oni1: :oni1:

แต่ถ้าตามทันแล้วมาเจอมาม่าชามโตแบบนี้ ขอพักไปทำใจก่อนดีกว่า

 :กอด1: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 39 เรื่องคืนนั้น .. เรื่องคนนั้น 26-12-55
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 28-12-2011 12:48:16
กำลังสวีทหวีดวิ้วกันอยู่ดีๆ
แล้วน้องเบสท์รักเก่า o22
น้องมาผิดเวลาไปมั๊ย
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 28-12-2011 16:12:35



“ฮัลโหล ว่างอยู่มั๊ย”




“อืม ไม่เท่าไหร่ว่ะ กำลังช่วยขนงานป๊าอยู่ มึงมีอะไรมั๊ย”




“อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร”





“เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวกูว่าง กูโทรไป”







ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด 







ผมนั่งมองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไปจากคนรักของผม บทสนาทนาซ้ำๆเดิมๆ แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบครั้งในองสามวันที่ผ่านมา เราสองคนคุยโทรศัพท์กันน้อยลง ตั้งแต่วันที่ผมกลับมาจากบ้านเค้า ตอนกลางวันอีกคนก็บอกว่ายุ่ง พอตกดึกอีกคนก็บอกว่าง่วง .. ความเข้าใจ  และความพยายายามเข้าใจของผมเริ่มจะหมดลง หมดลงทุกวัน





คำถามแต่ละครั้งที่โทรหา เล่นเอาคนโทรไปไปต่อไม่ถูก “มึงมีอะไรมั๊ย” แค่คำถามนี้คำถามเดียวเล่นเอาผมแปลกใจกับคนที่เคยคุยเคยโทรหาทุกครึ่งชั่วโมงเพียงเพราะว่าแค่คิดถึง และแค่อยากได้ยินเสียง ..





ถ้าไม่คิดมากไป .. ผมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไป .. จากใครอีกคน







ตอนเต็มๆ .. เร็วๆนี้ !!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 28-12-2011 16:17:05
 :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 28-12-2011 16:24:30



“ฮัลโหล ว่างอยู่มั๊ย”




“อืม ไม่เท่าไหร่ว่ะ กำลังช่วยขนงานป๊าอยู่ มึงมีอะไรมั๊ย”




“อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร”





“เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวกูว่าง กูโทรไป”







ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด 







ผมนั่งมองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไปจากคนรักของผม บทสนาทนาซ้ำๆเดิมๆ แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบครั้งในองสามวันที่ผ่านมา เราสองคนคุยโทรศัพท์กันน้อยลง ตั้งแต่วันที่ผมกลับมาจากบ้านเค้า ตอนกลางวันอีกคนก็บอกว่ายุ่ง พอตกดึกอีกคนก็บอกว่าง่วง .. ความเข้าใจ  และความพยายายามเข้าใจของผมเริ่มจะหมดลง หมดลงทุกวัน





คำถามแต่ละครั้งที่โทรหา เล่นเอาคนโทรไปไปต่อไม่ถูก “มึงมีอะไรมั๊ย” แค่คำถามนี้คำถามเดียวเล่นเอาผมแปลกใจกับคนที่เคยคุยเคยโทรหาทุกครึ่งชั่วโมงเพียงเพราะว่าแค่คิดถึง และแค่อยากได้ยินเสียง ..





ถ้าไม่คิดมากไป .. ผมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไป .. จากใครอีกคน







ตอนเต็มๆ .. เร็วๆนี้ !!

^
^

ไม่ค่อยเข้าใจคนเขียนส่วนใหญ่สักเท่าไหร่ว่าทำไมชอบดรามากันจัง แต่ก็นะ เรื่องนี้คนเขียนคงแพลนไว้แล้วว่าจะมีบุคคลที่สามอีกคนหนึ่งเข้ามาป่วน เพราะเท่าที่จำได้เหมือนคนเขียนจะเคยเกริ่นๆ เอาไว้แล้วว่าปีโป้เคยมีความหลังฝังใจมาก่อน
ไม่อยากเสพดรามาแต่คงจำต้องทนเสพ  เง้อออออออออ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 28-12-2011 16:28:15
อยากร้องไห้เนอะ ทำไมดป้เป็นแบบนี้นะ
ตอนแรกอยากได้เขาตัวแทบสั่นพอได้แล้วไม่รู้จักดูแล
 :เฮ้อ: สงสารน้ำนมต์  :o12:
ทำไงดีอยากอ่านไวไว อยากด่าโป้มัน  :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 28-12-2011 16:37:40
นายหัวโป้จะอะไรยังไงให้มันหนักแน่นหน่อย
ตอนหน้า มาม่าอีกแย้วววว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 28-12-2011 16:47:20
ได้ฟันแล้วก็เลยตีจากใช่ไหม ปีโป้เน่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 28-12-2011 17:06:05
แกตายแน่ ไอ้โป้น้อย หอยสังข์ 
คอยดูเหอะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 28-12-2011 17:08:38
ขอบอกว่า...ไม่กล้าอ่านตอนต่อไป....
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 28-12-2011 17:59:44
มายั่วให้อยากนะคนเขียน

ไม่เอาเร็วๆนี้ จะเอาตอนนี้

 :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 28-12-2011 18:30:14
แค่ตัวอย่างก็ จิตตกแล้วอ่ะ มาเต็มตอนนี้ น้ำตาแตกแน่ๆ

หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 28-12-2011 19:50:49
ตอนที่ 40  คนของเขา และรักของเรา



“ฮัลโหล ว่างอยู่มั๊ย”


“อืม ไม่เท่าไหร่ว่ะ กำลังช่วยขนงานป๊าอยู่ มึงมีอะไรมั๊ย”



“อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร”



“เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวกูว่าง กูโทรไป”







ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด 



ผมนั่งมองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไปจากคนรักของผม บทสนาทนาซ้ำๆเดิมๆ แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบครั้งในสองสามวันที่ผ่านมา เราสองคนคุยโทรศัพท์กันน้อยลง ตั้งแต่วันที่ผมกลับมาจากบ้านเค้า ตอนกลางวันอีกคนก็บอกว่ายุ่ง พอตกดึกอีกคนก็บอกว่าง่วง .. ความเข้าใจ  และความพยายายามเข้าใจของผมเริ่มจะหมดลง หมดลงทุกวัน




คำถามแต่ละครั้งที่โทรหา เล่นเอาคนโทรไปไปต่อไม่ถูก “มึงมีอะไรมั๊ย” แค่คำถามนี้คำถามเดียวเล่นเอาผมแปลกใจกับคนที่เคยคุยเคยโทรหาทุกครึ่งชั่วโมงเพียงเพราะว่าแค่คิดถึง และแค่อยากได้ยินเสียง ..




ถ้าไม่คิดมากไป .. ผมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไป .. จากใครอีกคน
















“ไงน้ำมนต์ มาเช้าจังเลยนะ”  เสียงของหญิงทักผมในเช้าของวันเปิดเทอม ในมุมเดิมๆของร้านป้าตามสั่ง หญิงยิ้มให้ผม เช่นเดียวกันกับที่ผมยิ้มตอบให้เธอ ก่อนที่จะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของผม

“เป็นไงบ้าง สบายดีนะ โทษทีที่ไม่ค่อยได้โทรหาเลย” หญิงพูดกับผม

“อืม สบายดี ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ค่อยได้โทรหาหญิงเหมือนกัน” ผมบอกเธอไป

“แล้วนี่เป็นไร ทำไมดูไม่ค่อยสดใสเลย ไม่สบายหรือเปล่า” หญิงถามมาสีหน้ายิ้มๆ เปลี่ยนเป็นกังวลแทน

“เปล่าหรอก มีเรื่องให้เราต้องคิดนิดหน่อย” ผมบอกเธอไป

“เรื่องพี่ปีโป้หรือเปล่า” เธอถามย้ำ

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรื่องนั้นละ  หรือว่ารู้อะไรมา” สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมมาทันที ว่าหญิงต้องรู้อะไรที่ผมไม่รู้

“คือหญิงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าจริงเท็จยังไง วันนั้นหญิงได้ยินพี่เอ็มกับพี่ปีโป้คุยกัน ว่าเพื่อนเก่าของเค้าสองคนกลับมา อันนี้น้ำมนต์รู้ป่ะ”

“อันนี้เราก็พอรู้ นายปีโป้บอกเราว่าเพื่อนเก่าตอนเด็กเค้ากลับมา” อันนี้นายปีโป้บอกผมแล้วครับ

“นั่นแหละ หญิงมารู้ตอนหลังว่าเพื่อนเก่าคนนั้นอ่ะ เป็นรักแรกของพี่ปีโป้” หญิงตอบมาหน้าตาจริงจัง เช่นเดียวกับหัวใจของผมที่กำลังเต้นแผ่วลงที่ได้ยินเรื่องนี้ ความรู้สึกใจหาย .. มันเป็นแบบนี้นี่เอง

“น้ำมนต์ น้ำมนต์ ฟังหญิงอยู่ป่ะ” หญิงเรียกสติผมคืนอีกครั้ง

“อ๋อ อือ ว่าไง” ผมตอบหญิงไป

“แต่น้ำมนต์อย่าไปคิดมากเลย หญิงว่าพี่ปีโป้เค้าคงลืมไปหมดแล้วมั้ง ไอ้รักครั้งแรกมันก็นานมาแล้ว ตอนนี้เค้าคงมีแต่น้ำมนต์แล้วแหละมั้ง” หญิงพูดปลอบใจผม

“อะไรกัน อะไรกัน ชั้นได้ยินอะไร อะไรรักแรก บอกชั้นมานะ กำลังเมาส์ชั้นอยู่ใช่มั๊ย” ช้างน้อยที่เดินเข้ามาได้ยินไม่กี่ประโยค ตีความไปต่างๆนานา พร้อมกับรอยยิ้มเรียกเสียงฮา

“บ้าเหรอ จะไปนินทาเธอทำไม มีเรื่องอะไรให้นินทา” หญิงสวน

“งั้นเรื่องรักแรกของใคร ของยัยน้ำมนต์เหรอ”

“เปล่า” ผมปฎิเสธไป

“โอ๊ย ชั้นหงุดหงิด ไม่อยากรู้มันละ แต่แค่อยากพูดอะไรเล็กน้อย ว่ารักแรกมันลืมยาก แล้วถ้ายิ่งรักมาก มันยากจะลืม” ช้างน้อยพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปสั่งข้าวกับป้าตามสั่ง





รักแรก .. มันลืมยากจริงๆเหรอ ?




แล้วถ้ายิ่งรักมากๆ .. มันจะลืมยากจริงๆเหรอ ?





“น้ำมนต์ อย่าไปใส่ใจคำพูดช้างน้อยเลย ยัยนั่นมันปากเสียแต่เช้า ไปสั่งข้าวกันเถอะ”











วันนี้วันเปิดเทอมวันแรกครับ การเรียนการสอนเลยดูสบายๆ อาจารย์แค่เข้ามาชี้แจงรายวิชา และก็เนื้อหาที่จะสอนตลอดทั้งเทอม แล้วก็ปล่อยพัก พอตกบ่ายผมก็เลิกเรียนแล้ว  วันนี้โรงเรียนและวิทยาลัยต่างๆในเมืองเปิดพร้อมกันหมดครับ ของนายปีโป้ก็เหมือนกัน .. แต่ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ เสียงมือถือ ตลอดจนใบหน้าโหดๆของเขา .. ผมก็ยังไม่ได้เจอเลย





“ฮัลโหล ..” ผมกลั้นใจกดโทรศัพท์โทรไปหานายปีโป้อีกครั้ง

“เออมึง กูว่าจะโทรหามึงพอดีเลย เลิกเรียนหรือยัง” อีกฝ่ายทักมาเสียงใส ผมแอบยิ้มในใจเล็กน้อย ที่นายปีโป้บอกว่าจะโทรหาผมพอดี จริงหรือไม่จริง

“เลิกแล้ว นั่งอยู่หน้าโรงเรียน”

“เออ เดี๋ยวกูไปรับ รออยู่นั่นละ”  สิ้นคำพูดนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป  ผมยิ้มรอคอยอย่างมีความหวัง ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเป็นเอามากขนาดนี้ .. ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกรักผู้ชายคนนี้มากขึ้น มากขึ้นทุกวัน






“รอนานมั๊ย” อีกคนถามมาพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นยิ้มที่ผมอยากเห็นมาหลายวัน

“ไม่นานเท่าไหร่ ดำขึ้นนะเนี่ย” ผมทักนายปีโป้ ที่หน้าดำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“จริงเหรอวะ แล้วยังหล่อเหมือนเดิมป่ะ”

“ไม่รู้สิ แล้วนี่จะมารับไปไหน”

“ไปกินข้าวกัน ขึ้นมาสิ” นายปีโป้พูดใช้ผมขึ้นรถตาม และหลังจากนั้นรถก็เคลื่อนหน้าไปร้านข้าวที่นายปีโป้พาผมไป







นายปีโป้พาผมมาร้านอาหารบรรยากาศร้านดีๆร้านหนึ่ง ที่ตกแต่งร้านด้วยสวนและน้ำตกดูเขียวขจี และอิงกับธรรมชาติ บรรยากาศดีเลยละครับ




“ร้านสวยจัง” ผมพูดชมออกมา

“มึงชอบเหรอ คราวหน้าจะพามากินบ่อยๆ” นายปีโป้บอกผมก่อนจะจับมือผมเดินตามไป ผมรู้สึกเขินเล็กน้อยที่โดนจับมือแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้สะบัดออกแต่อย่างใด




นายปีโป้จูงมือผมตรงเข้าไปในร้าน ผมคิดว่าเค้าคงจองโต๊ะไว้แล้ว พนักงานจึงไม่ได้เข้ามาถาม ผมเดินทะลุส่วนของกลางร้าน ซึ่งจะมีเวทีเล็กๆ เราเดินผ่านมันมาและทะลุกับหลังร้านซึ่งหลังร้านจะเป็นบ่อขนาดใหญ่ และมีร้านยื่นออกมา บรรยากาศหน้าร้านและในร้านว่าสวยแล้ว ข้างนอกนี้ผมว่าสวยกว่า ผมหงุดยืนดูบรรยากาศรอบๆเล็กน้อย  ก่อนที่นายปีโป้จะถึงมือผมให้เดินตามอีกครั้ง





นายปีโป้จูงมือผมมาหยุดที่โต๊ะ โต๊ะหนึ่งที่มีคนนั่งอยู่แล้ว ก่อนที่จะปล่อยมือผมออก ทันทีที่คนที่นั่งอยู่นั้นหันมามองพวกผมสองคน คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะยิ้มให้กับพวกเราสองคน เขาเป็นเด็กหนุ่มน่ารักคนหนึ่งที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับนายปีโป้ หน้าตาหล่อและดูดี ผิวพรรณขาวใสไม่เหมือนคนบ้านนอกอย่างพวกผม การแต่งตัวดูดี มีออร่าจนคิดว่าเป็นดารามาที่ร้านนี้

“น้ำมนต์นี่ เบสท์ เพื่อนกู เบสท์นี่น้ำมนต์” นายปีโป้แนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน ก่อนที่ลงไปนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับคนที่ชื่อเบสท์นั้น

“สวัสดีครับพี่เบสท์” ผมทักและยิ้มให้

“ดีครับน้องน้ำมนต์ น่ารักกว่าที่พี่คิดนะเนี่ย” พี่เบสท์เพื่อนเก่านายปีโป้พูดกับผม ผมยิ้มให้ก่อนที่จะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ข้างๆนายปีโป้

“น้องๆ เอาจานช้อนแก้วน้ำเพิ่มอีกชุดหนึ่ง” เสียงของนายปีโป้ตะโกนบอกพนักงาน ผมสังเกตดูอาหารและจานชามบนโต๊ะ พบว่าพร่องไปเยอะพอสมควร จานและช้อนตลอดจนแก้วน้ำของนายปีโป้ผ่านการกินมาพอสมควรแล้ว นั่นหมายความว่าก่อนที่จะไปรับผม เขาสองคนมานั่งกินกันก่อนแล้ว ..

“น้องน้ำมนต์สั่งอะไรเพิ่มอีกมั๊ย เดี๋ยวพี่เอาเมนูให้” พี่เบสท์หันมาถามผม

“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ น้ำมนต์ไม่ค่อยหิว” ผมบอกไป

“แฟนใหม่มึงนี่น่ารักนะเว๊ย น่ารักกว่ากูอีก” พี่เบสท์หันไปคุยกับนายปีโป้

“เอ๊ย อย่าเอาไปเทียบกัน ยังไงมันก็คนละคน” นายปีโป้พูดแย้งกับเพื่อน ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม





ยิ้มแบบนี้ .. ??




“งั้นมึงบอกกูมา ใครน่ารักกว่า” พี่เบทส์ถามเล่นกับนายปีโป้

“ก็บอกไงว่าอย่าถาม มันไม่เหมือนกัน คนละคน คนละเวลา” นายปีโป้ยังตอบไปพร้อมกับยิ้มๆ มือก็เขี่ยๆอาหารในจาน

“นี่ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อน มึงคงไม่พูดแบบนี้สินะ” พี่เบสท์พูดแล้วเหล่ตามามองผมเป็นระยะ ผมได้แต่ยิ้มฝืนๆให้แกไป

“อย่าพูดเลยมึง จานมาแล้ว มากินกันดีกว่า” นายปีโป้พูดขัด ก่อนที่จะเอาจานจากเด็กเสริฟมาให้ผม

“อ่ะนี่ ทอดมันกุ้ง กูจำได้มึงชอบ” พี่เบสท์พูดพร้อมกับตักทอดมันกุ้งให้นายปีโป้ แต่ก็ยังเหลือบตามามองผม

“มึงยังจำได้ด้วย”

“จำได้สิ กูจำได้หมดแหละ”

“อ่ะนี่ กูรู้ว่ามึงก็ชอบ” ส่วนนายปีโป้ก็ตักเอาทอดมันปลากลายให้พี่เบสท์เหมือนกัน





ผมนั่งมองเค้าสองคนคุยกันไปมา เหมือนว่าตัวเองไร้ตัวตน เรื่องราวในอดีตของทั้งสองคนถูกขุดคุ้ยมาเยอะแยะมากมาย จนผมคิดว่า ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม ไม่มีอาหารชิ้นไหนได้เข้าไปในปากผม ไม่มีคำถามอะไรจากใคร ไม่มีความสนใจจากคนข้างกาย ไม่มีแม้เหลียวตามามองแววตาผม





“เอ๊ย เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน” เสียงนายปีโป้พูดขึ้น เพื่อตัดบทสนทนาที่ยาวเหยียดของทั้งสองคน

“เออๆ กินแล้วก็ขี้ นิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยน” พี่เบสท์บอกไป

“สัดนะมึง เสือกจำแต่เรื่องแย่ๆของกู”

“ใครบอกว่าจำแต่เรื่องแย่ๆ กูจำได้ทุกเรื่องแหละ”  คำพูดแววตาของพี่เบสท์ทำเอาผมแทบสะอึก เช่นเดียวกับนายปีโป้ ที่ไปต่อไม่ถูก ก่อนจะยิ้มๆ ให้พี่เบสท์ และหันมายิ้มให้ผม สีหน้าลังเลว่าจะพูดอะไรเล็กน้อย ก่อนจะเดินหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป







“เป็นไงบ้าง เป้นแฟนกับไอ้โป้” พี่เบสท์เริ่มบทสนทนากับผม ผมตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆก็เริ่มคำถามนี้

“อ่า ก็ดีครับ” ผมตอบไปสั้นๆ

“น้องนี่ไม่น่าจะเป็นสเป็กไอ้โป้ได้นะ อยู่จืดๆ ติสๆ น่าเบื่อๆยังไงก็ไม่รู้” พี่แกพูดโดยไม่ได้สนใจมองหน้าผม มือใช้ส้อมหมุนๆเส้นสปาเก็ตตี้ก่อนจะเอาเข้าปาก

“..” ผมไร้คำตอบจะพูดไป

“ไอ้โป้มันบอกอะไรน้องบ้างละ บอกมั๊ยว่าสองสามวันนี้ไปไหนมาบ้าง มันคงไม่เล่าสินะ มันยังห้ามพี่บอกน้องเลย ตลกมันจริงๆ ดูดิตามรับส่งพี่ไปโน่นมานี่ จนวันนี้ก็ไม่ได้ไปเรียน จนาดเปิดเทอมวันแรกยังโดดเลย นี่ถ้าพี่เรียนกับมันด้วยนะ ไม่มีทางที่มันจะโดดเรียนหรอก นั่งตัวติดแจกับพี่ในห้องละ น้องสังเกตมั๊ยว่ามันดำขึ้น ก็เมื่อวานนะสิ ไปเล่นน้ำทะเลกับพี่มา มันขับมอไซค์พาพี่เที่ยวรอบหาด พูดแล้วคิดถึงตอนเด็กจริงๆ ตอนนั้นนะหลังเลิกเรียน มันจะปั่นจักรยานพาพี่เวียนรอบหาดทุกวันเลย ..” พี่เบสท์พูดมาซะยืดยาว โดยที่ผมไม่เข้าใจว่าจะพูดเรื่องพวกนี้ให้ผมฟังทำไม

“อันที่จริง พี่ก็ไม่ได้อยากจะกลับมาที่นี่เท่าไหร่หรอก ถ้าไม่กลับมาจัดการเรื่องบ้าน เรื่องที่ดินของคุณยาย แล้วบังเอิญมาเจอกับไอ้โป้เข้า ก็เลยระลึกความหลังกันนิดหน่อย” ผมสะอึกกับคำว่าระลึกความหลังที่พี่เบสท์พูดมา และสายตาที่ส่งตรงมามองผม ไม่มีความเป็นมิตรในสายตานั้น .. พี่เบสท์วางช้อนลง ก่อนจะเอาผ้าที่หน้าตักขึ้นมาซับปาก และมองมาทางผมพร้อมกับรอยยิ้มที่อาบด้วยยาพิษ











“พี่ว่า พี่อยากได้เค้าคืนแล้วละ .. ขอพี่กลับนะ”

“เปร้ง !!!!!!!!!!!!!!!” เสียงแก้วที่อยู่ข้างมือผม ตกลงพื้นด้วยอาการตกใจของผม

“โถๆๆ ขวัญอ่อนจริงๆเด็กน้อย” พี่เบสท์พูดปลอบผม

“ไม่ต้องครับน้อง ค่อยเก็บทีเดียว พวกพี่จะกลับกันแล้ว” พี่เบสท์พูดห้ามพนักงานที่จะเข้ามาจัดการกับเศษแก้วที่อยู่บริเวณใต้โต๊ะ และใกล้เท้าผม

“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ แล้วนี่เสร็จไอ้โป้มันยัง อย่ายอมให้มันทำอะไรเราง่ายๆละ ถ้ามันได้แล้วมันทิ้งเราแน่ พี่เตือนแล้วนะ ไอ้โป้มันสันดานเสีย ชอบฟันแล้วทิ้ง ตอนจีบๆนะ ชี้ไม้เป็นนก ชี้นกเป็นไม้ แต่พอได้ละก็ ไม้นกอะไรมันไม่สนหรอก” คำพูดของพี่เบสท์ยังดังเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่สมองของผมไม่พร้อมกับการประมวลผลรับรู้ในครั้งนี้ น้ำตาเริ่มก่อตัวที่เบ้าตาเล็กน้อย สมองบอกตัวเองว่าห้ามไหลๆ อดทนไว้น้ำมนต์ จะร้องให้ใครก็ไม่รู้ที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงชั่วโมงเห็นไม่ได้






น้ำมนต์คนที่เข้มแข็ง เย็นชา และทนได้กับทุกสิ่งอย่างจงกลับมา ..












กลับมาสิ !!!












“น้องน้ำมนต์ ไปไหน” ผมไม่อยู่ฟังเสียงร้องห้ามของใครแล้ว ผมลุกจากเก้าอี้นั้น จากโต๊ะมุมนั้น วิ่งออกมาจากร้านที่ผมชอบแรกเข้า แต่ตอนนี้มันตรงข้ามไปหมด


“น้ำมนต์ มึงไปไหน” เสียงของใครสักคนที่ผมคุ้นเคยดี ร้องเรียกห้ามผม แต่ผมไม่อาจบอกขาตัวเองให้หยุดวิ่งได้ เช่นเดียวกันที่ไม่อาจห้ามน้ำตาที่กำลังไหลให้กับความอ่อนแอในตอนนี้ได้เช่นกัน





ไหลมาเลย .. ไหลมันออกมา




โง่จริงๆ เลยไอ้น้ำมนต์ รู้ทั้งรู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง เห็นกับตา อดีตที่ผ่านมาเค้าเคยจริงจังอะไรกับใครไหม .. แล้วทำไมถึงคิดไปต่างๆนานา ว่าตัวเองจะเป็นคนแรก ที่เขาจะรักและหยุดที่เรา






โน่นไง คนที่เค้ารักจริงๆ มาทวงแล้ว .. เห็นไหม
















“มึงจะไปไหน” แรงกระชาดแขนทำให้ผมหยุด และหันไปมองหน้าคนที่เข้ามากระชาก

“ร้องไห้ทำไม มึงเป็นอะไร” นายปีโป้ถามผม เมื่อหน้าของผมหันไปให้นายปีโป้เห็น

“ปล่อย” ผมบอกนายปีโป้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตา คนๆนี้ก็ไม่มีสิทธิ์เห็นน้ำตาผมอีกแล้วเหมือนกัน

“มึงเป็นอะไร ทำไมต้องวิ่งออกมาแบบนี้ คนเค้าแตกตื่นหมดแล้ว ทำอะไรเหมือนเด็กอีกแล้วนะ”

“ใช่สิ เรามันเด็ก เด็กไร้เดียงสา ที่นายจะหลอกยังไงก็ได้ หลอกว่ารัก หลอกว่าชอบ แต่สุดท้ายยังไงมันก็คือคำหลอกลวงอยู่ดี” ผมพูดไป น้ำตาที่กลั้นก็พังออกมา มือก็ปาดไปปาดมาอย่างกับที่ปัดน้ำผม

“มึงใจเย็นๆ กูไม่ได้ด่าว่ามึงไร้เดียงสาอะไรเลยนะ แค่กูอยากให้มึงบอกกูว่าทำไมถึงร้อง ไม่ใช่หนีปัญหาแบบเด็กๆ”

“ปล่อยเราเถอะนะ ปล่อยเราเถอะ” คำพูดที่บอกไปไม่ใช่คำสั่ง แต่มันคือคำอ้อนวอน

“ไม่ กูไม่ปล่อย มึงบอกกูมา มึงอย่าเป็นแบบนี้สิ” นายปีโป้พูดพร้อมกับมือที่บิดแรงขึ้น จนผมปวดไปหมด  ผมไม่อยากพูด อยากจะขอร้องอ้อนวอนอะไรอีกแล้ว คนในร้านกำลังมองมา พนักงานเจ้าของร้าน ตลอดคนผ่านไปผ่านมาก็ให้ความสนใจกับเด็กสองคนที่กำลังทะเลาะเรื่องอะไรก็ไม่รู้






“กูว่าคุยตรงนี้ไม่รู้เรื่องแน่ มานี่ตามกูมา” นายปีโป้คงเห็นว่าคนมองเยอะ เค้าจึงดึงผมเดินตามไป  นายปีโป้พาผมมาที่รถ ก่อนจะจับผมขึ้นรถไปด้วยกัน แล้วตรงดิ่งมาที่หอของนายปีโป้














“ปัง !!!!!!!” เสียงประตูถูกปิดลงดังลั้น พร้อมกับผมกับนายปีโป้ที่อยู่ในห้องเงียบๆ มีเพียงแค่เสียงสะอื้นของผม

“มึงเป็นอะไร บอกกูหน่อยสิน้ำมนต์ อย่าเป็นแบบนี้ได้มั๊ย กูใจไม่ดีเลย” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินมาจับมือผมที่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนเขานั่งบนพื้นในท่าคุกเข่า หน้ามองมาที่หน้าผมที่กำลังก้มอยู่

“นายยังรักเค้าใช่มั๊ย”ผมถามไปด้วยเสียงสะอื้น

“อะไร เค้าไหน?” น้ำเสียงจริงจัง หน้าครุ่นคิดของนายปีโป้โผล่มา

“พี่เบสท์ไง” ผมบอกไปนายปีโป้ก้มหน้า ไม่สบตาผม ใจของผมลดแรงสั่น กลัวคำตอบที่จะได้จนไม่อยากรับรู้ อยากเอามืออุดหู อยากบอกอีกคนว่าไม่ต้องตอบแล้ว




น้ำตาที่ว่ากลั้นอยู่แล้ว กลับไหลออกมาอีกครั้งเหมือนต้องการให้หมดสาย มือที่จับอยู่ค่อยๆปล่อยออกจนผมอยากจะดึงรั้งมาจับเอง หน้าที่เงยขึ้นมามองผมกับแววตาที่รู้สึกผิด





ขอเถอะ .. ไม่ต้องบอกเราแล้ว ผมยกมือตัวเองขึ้นมาปิดปากตัวเอง กลั้นเสียงร้อง ตัวสั่นโยกด้วยอาการอัดอั้น น้ำตาไหลเต็มหน้าเต็มมือ




















“กูขอโทษ .. ”






 :m15:




เจอกันใหม่ปีหน้าเด้อ !!!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนที่ 40 29-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 28-12-2011 19:54:05
ง่ะตอนต่อไป เหมือนว่าเราจะต้อง :monkeysad:ไปกับน้องน้ำมนต์อ้ะ
เหมือนว่าถ่านไฟเก่าจะสำแดงเดชเหรอโป้ ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันเตรียม :beat:นายแน่..นายโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 28-12-2011 20:03:17
แหงกกกกกกกกกก !!!!!!!!!

เจอแบบนี้เข้าไป ผมก็ค้างข้ามปีซิครับบบ

 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 28-12-2011 20:06:13
ไม่ต้องมาขอโทษ....เลิกไปซะ !!!!
น่้ำมนต์คนเดิมจงกลับมา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 28-12-2011 20:08:14
อยากบอกว่าร้องไห้ตามไปแล้ว สะเทือนใจจริงๆๆ
มันค่อนข้างเหมือนชีวิตจริงมากๆ
เกลียดไอ้ปีโป้วะคนเห็นแก่ตัว
แทบจะรอถึงปีใหม่ไม่ได้ อย่ามาทำให้ร้องไห้แล้วจากไปสิคุณคนเขียน
ขอสักอีกตอนแล้วค่อยหลังปีใหม่ได้ไหม
พลีสสสสสสสสสส  :call:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 28-12-2011 20:17:16
ไอ้โป้ ถ้าไม่มีอะไร ทำไม่ ไม่บอกน้ำมนต์ ตรงๆว่า ไปไหน ทำอะไร ที่ไหน กับใคร

ถึงจะไม่มีอะไร จริงๆมันก็ คือการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ที่จำทำให้น้ำมตน์ เชื่อใจ ไว้ใจ

ทำแบบนี้ ไม่ดีเลย ถ้าเราเป็นปีโป้ จะพาน้ำมนต์ มารู้ จักกับเบสท์ ตั้งแต่วันแรกเลย

อดีตบ้างเรื่อง เป็นเรื่องส่วนตัวก็จริง แต่ อย่าลืมว่าน้ำมนต์เพิ่งเปิดใจ อารมณ์กำลังอ่อนไหว

แล้วโป้มาทำแบบนี้ มันใช้ไม่ได้เลยอ่ะ ไม่แคร์ความรู้สึกน้ำมนต์เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 28-12-2011 20:29:30
อ่าววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
อะไรอ่ะ   :a5:
แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ถ้ามีคนที่อยู่ในใจ และพร้อมจะกลับไป ถ้าเค้ากลับมา
แล้วมาจีบน้ำมนต์ทำไม  :m16: :m16:

เหอะ งี่เง่าสิ้นดีอ่ะ  อะไรฟะ!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: maytarapat ที่ 28-12-2011 20:32:08
รู้สึกเหมือนพอโป้ได้อย่างที่ต้องการแล้วก็ไม่สนใจอะไรเลย
กลายเป็นน้ำมนต์ที่ต้องคอยวิ่งไล่ตาม
อยากได้น้ำมนต์คนเดิมกลับมา อยากให้เฉยชา ไม่หวั่นไหว

คำว่าขอโทษอาจไม่พอสำหรับความรู้สึกที่เสียไป
เฮ้อ! ! ! !! !  :sad4: :sad4: :sad4:

อ่านไปเศร้าไป สงสารน้ำมนต์จริงๆ
คำว่ารัก มาพร้อมกับความเจ็บปวด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 28-12-2011 20:37:16
คุณหลังเขาาาาาา  ได้โปรด  เอามาลงต่อเถอะครับ  อย่าให้คนอ่าน ซึมกะทือเวลาไปพักผ่อนตอนปีใหม่เลย  พลีสสสส
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 28-12-2011 20:48:14
 :z6: อิโมตัวนี้เป็นครั้งแรกที่ใช้และอยากมอบให้ปีโป้!!!

โหยยย มาขอโทษกันแบบนี้เจ็บจี๊ดๆเลยอ่ะ
ทำไมนายหัวโป้เป็นคนแบบนี้เนี่ย รู้ใช่มั้ยล่ะว่ามันจำร้ายจิตใจน้ำมนต์ถึงขอโทษน่ะ
เฮ้อออออ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะบอกว่าไม่ทั้งที่ใจมันคิดน่ะนะ
เบสท์เนี่ยเปิดตัวแร๊งแรง มาทวงคืนกันง่ายๆแบบนี้เลยเรอะ
หวังว่าปีโป้คงไม่ผิดใจกับน้ำมนต์มากกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 28-12-2011 20:49:08
แอร๊ย มาม่าอร่อยดี o13
คิดว่าไอ้น้องเดียวแรงแล้วนะ เจอไอ้เพื่อนเบสเข้าไปน้องเดียวกลายเป็นเด็กน้อยไปเลย o18
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 28-12-2011 20:50:47
คือ..ปีโป้เป็นอะไรวะ มึงไม่มีปาก? หรือว่าไง
Kตุ๊ดไข่เหอะมึงอ่ะ  :z6: :beat: :m31: :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 28-12-2011 21:02:38
ไม่น่าหลงเข้ามาอ่านตอนนี้เลย ค้างข้ามปี โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 28-12-2011 21:13:49
OK ปีโป้ถ้านายเลวกว่านี้มีเฮแน่ :fire:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 28-12-2011 21:32:57
สวัสดีค่ะ อ่านตอนนี้ต้องขอเม้นจริงๆ (เม้นแรกเลย  อิอิ ไม่เคยเม้นใครเลย เลวนะเนี่ย  :z6:)
อยากถามปีโป้ว่า "รักมากมายของปีโป้มันแค่นี้ใช่ไหม?" T^T เข้าใจอารมณ์นี้เลยอ่ะ ได้ทุกอย่างแล้วนิ
มันจบไปแล้วนินา ฮืออออ มาง้อน้ำมนต์เลยนะ แล้วคำขอโทษอ่ะ ไม่ต้องพูด เล่ามาสิความจริงอ่ะ จะได้รู้และเข้าใจ !!
ปล.อินไปหน่อย อิอิ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-12-2011 22:36:47
 :z6:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: l3iZal2l2e ที่ 28-12-2011 22:41:07
เอ่อนี่สินะ ฟันแล้ว(กำลังจะ)ทิ้ง  :a5:
โธ่ สงสารน้ำมนต์ คนกำลังเริ่มเปิดใจ เจอแบบนี้เข้าไป คงกลายเป็นปิดใจยิ่งกว่าเดิม
คราวนี้ละ ง้อยากกกกกก ง้อให้ตายกันไปข้าง ก็ไม่รู้ว่าจะยอมเปิดใจได้เท่าเดิมมั้ย
คิดดีๆนะนายปีโป้ เบสท์แค่กลับมาจัดการธุระ อีกแป๊ปก็กลับ หลังจากนั้นจะทำยังไง ตามมาง้อน้ำมนต์เหรอ?
คงสายไปละมั้ง -___-
อยากให้นึกถึงว่าต้วเองใช้ความพยายามเท่าไหร่น้ำมนต์ถึงจะยอมเปิดใจให้น่ะ แล้วจะทิ้งไปง่ายๆกับรักแรกที่จบไปแล้ว งั้นรึ?
แล้วนี่ที่หายไปรำลึกความหลังกันสองคน คงไม่ใช่ว่า....กันไปเรียบร้อยแล้วนะ ไม่งั้นน้ำมนต์เสียใจแย่
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 28-12-2011 23:05:56
โอ้ยยยย อยากจะบ้ากับตอนนี้เลย คนเขียนกลับมาอีกซักตอนเหอะ
นอนไม่หลับเลยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 28-12-2011 23:16:49
ไอ้โป้ แกมันแย่มากเลยอ่ะ ตัวเองยังตัดใจจากรักครั้งนั้นไม่ได้เลย
แล้วมาปากดี มารักน้ำมนต์งั้นงี้ ที่แท้ก็ไม่เคยรักน้ำมนต์ด้วยซ้ำมั๊งเนี่ย
พอได้ทุกอย่างจากเค้า ได้ทั้งตัว ได้ทั้งใจ แล้วก็ไม่สนใจใยดี กลายเป็นน้ำมนต์ที่ต้องวิ่งไล่ตาม พอเหอะ ถ้างี้ เลิกกันไปเลยดีกว่า แกมันไม่ดีพอสำหรับน้ำมนต์หรอก

เราสงสารน้ำมนต์มากอ่ะ เข้าใจความรู้สึกทุกอย่างเลย รักครั้งแรกก็ต้องมาเจอความรู้สึกเสียใจแบบนี้แล้ว จะรักใครได้ใหม่อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้

ปล ข้ามปีเลยเหรอ ตาย ๆ ตายก่อนใครแน่ชั้น  :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 28-12-2011 23:29:05
แวะมาอีกรอบ ขอเปลี่ยนตัวพระเอกเป็นเดช ได้ป่าวครับ อย่างน้อยเดชก็รักจริงและทุ่มเทให้คนรักเสมอ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 29-12-2011 00:36:16
บวกเป็ดไปแล้วโดยยังไม่อ่าน  :sad4: ก็เค้าไม่อยากกินมาม่าค้างปีอะ  ช่วงนี้ดรามาหลายเรื่องเกิ๊นนนน
ไว้มาเก็บเรื่องปีหน้านะจ๊ะ

สวัสดีปีใหม่คนเขียนจ้า   :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-12-2011 00:51:40
ขอโทษทำไม ขอโทษเรื่องไร
ตอบมาให้สวย ไม่งั้นโดนแน่นายโป้
แฟนเก่ามาแล้วไง ไม่แคร์คนที่นายบอกว่ารักนักรักหนา ฮึ่ย อยู่ใกล้ ๆ จะต่อยซักเปรี้ยง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 29-12-2011 08:51:03
ค้างง่ะ  ขอก่อนปีใหม่ได้มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 29-12-2011 09:58:35
คงจะอิ่มกับมาม่าชามนี้ไปอีกนาน

 :กอด1: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 29-12-2011 10:33:17
พี่เบสท์ร้ายกว่าที่คิดนะเนี่ย คิดได้ไงมาทวงคืน
ตัวเองเป็นคนทิ้งโป้ไปเองนะ แล้วกลับมาทำไม
โป้เองก็ผิด ทำอะไรไม่บอกน้ำมนต์เลย ปิดบัง
ถ้าบริสุทธิ์ใจทำไมไม่พาไปเจอตั้งงแต่วันสองวันแรก
แล้วยังมากินข้าวกันก่อนอีก ถ้าไม่โทรมาจะเจอมั๊ย
คำขอโทษนั่นหมายความว่ายังไง ขอโทษที่ยังรักอยู่
หรือขอโทษที่รำลึกความหลังกันอย่างที่เบสท์บอก
น้ำมนต์เข้มแข็งไว้นะ เค้าร้องไห้ไปกับน้ำมนต์ด้วยล่ะ :monkeysad:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
บวกเป็ดให้น้ำมนต์
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 29-12-2011 11:48:15
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-12-2011 12:09:17
ก็รู้ว่าเศร้าแต่ก็ยังอยาก
จะอ่านแล้วเป็นไง
ค้างข้ามปีใช่มั๊ย :z3:
กด+เป็ดก๊าบก๊าบ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 29-12-2011 12:29:09
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 29-12-2011 14:32:23
เป็นตอนที่อ่านแล้วน้ำตาเกือบไหล ใจเต้นโครมคราม
ฉันเกลียดแกนังปีโป้ ฉันเกลียดแก แกทำร้ายน้องน้ำมนต์ของช้านนนนนนนนนนน
ฉันจะเอาระเบิดไปวางบ้านแก!!!!!
แกอีกคน อีเบสท์ฉันจะเอาน้ำกรดไปสาดแก ฉันเกลียด!!!!!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


แต่งมาซะขนาดนี้ ไม่ให้โดนรถชนตายให้หมดเลยล่ะ


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 40 คนของเขา และรักของเรา 28-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 29-12-2011 20:14:22
ขอโทษอะไร
ไม่เข้าใจว้อยยยย
อะไรก็ช่างอย่ายกโทษให้นะลูก
ทิ้งมันเลยน้องน้ำมนต์
อิพี่โป้มันต้องมีเยื่อใยแน่ๆ
บริสุทธิ์ใจอะไรฟระ
โกหกน้องด้วยอ่ะ
แม่ง....~
เมื่อก่อนตามจีบรถล้มแขนเดาะ
ลืมแล้วใช่ไหม
สงสารน้องน้ำมนต์อ่ะ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 30-12-2011 16:45:37
ตอนที่ 41


ถ้าการไม่บอกความจริงแล้วทำให้คนที่ผมรักร้องไห้เสียใจขนาดนี้  ผมอยากจะเอาหัวตัวเองโขกกับกำแพงให้เลือดในสมองไหลออกมาให้หมดๆ ทำไมถึงต้องคิดอะไรไปเอง ว่ามันจะเข้าใจ ว่ามันจะไม่ถือสา ทำไมไม่คิดว่าถ้ามันไม่เข้าใจ และถ้ามันถือสาบ้างนะ .. ทำไมผมไม่คิดในประเด็นนี้บ้าง







“กูขอโทษ”







.

.

.

.





“เบสท์ใช่มั๊ย ?”  คำถามที่ผมถามไป ได้รับกลับมาพร้อมรอยยิ้มของคนตรงหน้าคือคำตอบ

“มึงกลับมาแล้วเหรอ” ผมยิ้มถามไปอีกครั้ง






ไอ้เบสท์ครับ รักแรกของผม มันกลับมาเมืองเกิดมันอีกครั้ง หลังจากที่มันหายไปนานแสนนาน จนผมไม่ได้รับข่าวคราวของมัน มันกลับมาครั้งนี้เพื่อมาจัดการเรื่องบ้านและที่ดินของคุณยายมันครับ เอาตรงๆคือมาขายที่นั่นแหละครับ เพราะว่ามันกะจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศกันหมดเลย
การเจอกับมันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวลา หรือความคิดความอ่านของผมที่โตขึ้น ทำให้ผมรู้สึกกับมันในมุมมองที่เปลี่ยนไป คนที่เคยรักกันมากๆ เป็นได้ยากครับที่จะโกรธเคือง เกลียดกันข้ามปีข้ามชาติ และผมก็เป็นอย่างนั้น แต่นั่นก็ใช่ว่าผมจะยังรักมันเหมือนเดิมนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมันย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และสถานการณ์







“ทะเลที่นี่ยังสวยเหมือนเดิมเลยเนอะ” ไอ้เบสท์ถามผมขณะที่เราสองคนกำลังนั่งมองทะเลบนรถคลาสสิกที่ผมขับพามันเที่ยวเวียนรอบหาด อย่างที่เคยทำด้วยกันเมื่อตอนเด็กๆ ต่างแค่ตอนนั้นผมปั่นจักรยาน

“อืม หลายๆอย่างที่นี่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปหรอก บางอย่างก็ยังเหมือนเดิม แต่บางอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป” ผมบอกมัน สายตาก็พาดมองไปรอบๆทะเล
“แล้วมึงละ” มันถามผม พร้อมกับมือที่เขยิบมาจับไว้ที่มือผม

“มึงยังเหมือนเดิมมั๊ย” ผมหันไปมองมัน พร้อมกับสายตามันที่จ้องมองผมอยู่ ยอมรับว่าสายตาคู่นั้นทำให้ใจผมเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เป็นสายตาคู่แรกที่ผมหลงรัก และอยากมองมันทุกค่ำเช้า

“เวลาเปลี่ยน อะไรๆมันก็เปลี่ยนว่ะ” ผมบอกมัน พร้อมกับเลื่อนมือออกจากที่มันจับ

“มึงมีแฟนใหม่แล้วเหรอ” มันถามผม

“อืม มีแล้ว”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”

“ผู้ชาย”

“เหรอ ไวจังแฮะ ผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเอง” มันบอกผม

“สำหรับมึงมันก็ไม่กี่ปี แต่สำหรับกู คนที่เฝ้ารอการกลับมาของมึง มันช่างนานแสนนานว่ะ”

“กูขอโทษ แต่ ..”

“ช่างมันเถอะไอ้เบสท์ ยังไงมึงก็ยังเป็นเพื่อนรักกูเสมอ” ผมบอกมันพร้อมกับเอามือกอดคอมันแล้วยิ้มให้

“เพื่อนรัก ?”

“เออดิว่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูช่วยมึงขายที่แล้วกัน สองสามวันนี้จะไปไหนก็บอกกูละ เดี๋ยวกูขับรถให้ เรื่องที่เรื่องบ้าน เดี๋ยวกูก็บอกป๊าให้ช่วยหานายหน้าดีๆให้”

“อืมๆ ขอบใจมึงมาก”

“แล้วนี่พักที่ไหน มานอนบ้านกูมั๊ย จะได้ไม่เปลืองค่าโรงแรม”

“เออ ขอบใจว่ะ”

“เพื่อนกัน แค่นี้ยังน้อยไปเว๊ย”






แม้ฐานะที่เปลี่ยนไปของเราสองคน  แต่มันก็เหมือนเป็นแค่คำเรียกที่คล้ายกับกำแพงกั้นความรู้สึกเท่านั้น ผมรู้ดีว่าผมต้องทำอย่างไรในตอนนี้ ผมรู้ดีว่าหัวใจของผมตอนนี้เป็นของใคร และผมรู้ดีว่ายังไงซะผมกับไอ้เบสท์สุดท้ายแล้วเราก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกัน ..





“มึงนอนห้องกูที่นี่นะ” ผมบอกมันหลังจากที่พามันมากินข้าวกับที่บ้าน และพามันมานอนห้องผมที่เรือนใหญ่

“แล้วมึงละ” มันถามผม

“กูจะไปนอนที่กระท่อม”

“แล้วทำไมมึงไม่นอนกับกูซะที่นี่ละ” มันถามผมกลับ

“กูว่าอย่าดีกว่า มึงเป็นแขกของบ้านกู กูอยากให้มึงหลับแบบสบายๆ” ผมบอกแล้วยิ้มให้มัน

“มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะโป้” มันพูดพร้อมกับเข้ามาโอบกอดผมไว้ข้างหลัง เล่นเอาผมตัวแข็งไปต่อไม่ถูก

“เปลี่ยนอะไรวะ กูก็ยังเป็นไอ้โป้คนเดิม”

“แต่มึงไม่รักกูเหมือนเดิมแล้วนี่”

“รักสิ เพียงแต่ในฐานะอื่น” ผมบอกมัน พร้อมกับปลดมือมันที่โอบกอดผมอยู่

“อย่าทำแบบนี้เลยนะ เดี๋ยวคนของมึงกับคนของกูจะเสียใจเปล่าๆ” ถึงแม้ผมไม่รู้ว่ามันมีคนคบอยู่หรือไม่ในตอนนี้ แต่ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมว่ามันก็มีแฟนไม่ต่างจากผม นิ้วนางข้างซ้ายของมันมีแขวนเกลี้ยงใส่อยู่ การคุยโทรศัพท์ทุกชั่วโมงของมัน แม้กระทั่งรูปคู่ในกระเป๋าที่ผมแผลอเห็น มันพอจะเป็นคำตอบให้ผมได้

“มึงรู้ ?”

“เปล่าหรอก แค่เดาเอา อีกอย่างกูรักแฟนคนนี้กูมาก กูไม่อยากทำร้ายเค้า”

“ไม่อยากทำร้าย แต่มึงก็โกหกเค้า กูได้ยินนะ เวลามึงคุยโทรศัพท์” มันย้อนผม และมันคงคิดว่าที่ผมโกหกน้ำมนต์ เป็นเพราะว่าผมยังรักมันมากกว่าน้ำมนต์

“ที่กูโกหก เพราะไม่อยากให้เค้าไม่สบายใจ กูแคร์ความรู้สึกมัน อีกอย่างกูก็ไม่อยากให้มึงน้อยใจที่กลับมาครั้งนี้กูไม่ได้ดูแล อย่างน้อยความทงจำในวัยเด็กของกูกับมึงมันก็สวยงาม ก็อยากเก็บแต่เรื่องราวดีๆไว้” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองหน้ามันด้วยความรู้สีกที่มั่นคง และหวังว่ามันจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ

“ขอร้องเถอะ คืนนี้นอนกับกูได้มั๊ย”  มันบอกผมมาพร้อมกับกอดผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการสวมกอดทางด้านหน้า ผมกอดกลับมันเล้กน้อย ลูบปลายผมมันเบาๆ





“กูขอโทษนะไอ้เบสท์ กูรักมึงแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว”  สิ้นคำพูดผม ผมคลายอ้อมกอดนั้นและจับบ่ามันพร้อมยิ้มให้มัน ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้น






ผมรู้ครับว่าครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจที่สุดของผม คนที่ผมเคยรักมากที่สุด หลับมาในช่วงเวลาที่ผมมีคนที่ผมรักมากที่สุดเช่นกัน รักครั้งแรกกับรักครั้งสุดท้ายมันทำให้ชีวิตผมลังเล ทำอะไรบางอย่างผิดๆไปบ้าง อย่างเช่นการโกหกน้ำมนต์ ก็เพราะผมไม่อยากให้มันกังวล ยอมรับครับว่าผมมันไม่ใช่พระเอก ที่จะกล้าพอบอกน้ำมนต์ว่า ผมพาแฟนเก่าไปเที่ยว และอยู่กับแฟนเก่าทั้งวัน เพียงเพราะจะพามันไปทำธุระเรื่องที่ดิน เรื่องบ้าน และพามานอนบ้านด้วย แต่ผมก็ขอผิดพลาดแค่การโกหกครั้งนี้ ไม่อยากให้อะไรมันเลยเถิดจนยากจะแก้ไขและย้อนเวลากลับ



ผมคิดถึงน้ำมนต์มากนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึง แต่สองสามวันมานี้ที่อยู่กับไอ้เบสท์ ผมไม่ได้โทรหามันเลย เพราะยุ่งตลอด ไหนจะงานของป๊า ไหนจะช่วยไอ้เบสท์เรื่องธุระอีก เวลามันโทรมาผมก็ยุ่งจริงๆ บางทีตอนว่างๆ โทรหามันก็คุยไมได้นาน ไอ้เบสท์ก็เรียกอีกแล้ว




น้ำมนต์มันจะคิดน้อยใจบ้างมั๊ยเนี่ย .. ผมนี่ช่างเป็นแฟนที่แย่จริงๆ






ผมว่าปัญหาแบบนี้คงเหมือนกับการเลือกเพื่อนกับเลือกแฟน เวลาที่เราอยากจะดีกับเพื่อนไว้ให้มากๆ แต่ก็ไม่อยากจะให้แฟนน้อยใจ บางทีการไม่บอกความจริงบางอย่างไป อาจจะช่วยได้บ้าง และยังไงซะ ผมก็ว่าน้ำมนต์คงจะเข้าใจผม





“มึงขึ้นเครื่องกลับเย็นนี้ใช่ป่ะ” ผมถามไอ้เบสท์ที่กำลังนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งมันตั้งใจจะพาผมมาเลี้ยงขอบคุณ

“อืมใช่ มึงไปส่งกูด้วยนะ” มันบอกผมมา

“มันแน่นอนอยู่แล้ว เดี๋ยวกูพาแฟนกูไปส่งด้วย” ผมบอกแล้วยิ้มให้มัน พร้อมกับอาหารที่มาเสริฟที่โต๊ะพอดี คิดไปก็น่าจะโทรชวนน้ำมนต์มากินด้วยนะ

“เดี๋ยวกูชวนแฟนกูมากินด้วยได้ป่ะ” ผมถามไอ้เบสท์

“เอ่อ .. อีกสักพักดีกว่านะ กูยังอยากคุยอะไรกับมึง” มันบอกผม ผมได้แต่ยิ้มให้มัน เพราะยังไงซะก็ไม่อยากขัดใจมันเท่าไหร่ ยังไงก็วันสุดท้ายแล้วที่มันจะอยู่ที่นี่ และคงอีกนานกว่ามันจะกลับมา





แต่ผมกับมันก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆครับ ไม่ได้มีเรื่องราวสำคัญอะไรที่น้ำมนต์มันไม่ต้องรู้เลย วันนี้น้ำมนต์เปิดเทอมวันแรก เมื่อเช้าผมก็ไม่ได้ไปหามันที่วิทยาลัย มันจะน้อยใจอะไรผมไหมเนี่ย




“มึง ..” ผมเรียกไอ้เบสท์

“ว่าไง”

“มึงอย่าพยายามอะไรที่มันไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้เลยนะ  กูไม่อยากเห็นใครเจ็บเพราะเรื่องนี้” ผมบอกมัน และคิดว่ามันคงรู้ดีว่าเรื่องอะไร

“ไม่มีใครเจ็บหรอก ถ้าไม่โกหกใจตัวเอง” มันย้อนผม

“แต่กูรักแฟนกู”

“มากขนาดนั้นเชียว ?” มันถามกลับมาเสียงสูง





“กูว่ามากกว่าที่กูเคยรักคนอื่นๆที่ผ่านมา ..”

“รวมทั้งกูด้วยเหรอ” มันมองหน้าและถามอย่างสงสัย





“ประโยคเมื่อกี้มันบอกไปหมดแล้ว .. อย่าให้กูย้ำเลย”



.

.

.

.



“กูขอโทษนะน้ำมนต์ ที่กูไม่บอกมึงไปตั้งแต่แรก ว่าไอ้เบสท์เป็นแฟนเก่ากู แต่กูไม่ได้คิดอะไรกับมันแล้วจริงๆนะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือที่ปล่อยออกเมื่อครู่ขึ้นมาจับมือมันที่ป้องปากตัวเองอยู่ในตอนนี้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตา น้ำมนต์คงผิดหวังในการกระทำของผมครั้งนี้มาก มากจนไม่อยากให้อภัย

“มึงอย่าร้องสิ กูไม่ได้คิดกับมันเหมือนแฟนแล้วนะ กูรักมึง มึงได้ยินมั๊ยว่ากูรักมึง” ผมบอกมันซ้ำๆ น้ำมนต์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา รอยยิ้มของมันทำให้ผมพลันน้ำตาไหลไม่แพ้กัน  ผมไม่รู้หรอกว่าสี่ห้าวันที่ผานมาอีกคนรู้สึกอย่างไร คงจะน้อยใจและอัดอั้นมากมาย วันนี้เลยทะลักออกมาอย่างที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“ทำไม ทำไมไม่บอกเราตั้งแต่แรก ทำไมต้องปิดบังเราด้วย” มันพูดมาพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงกับมัน และรวบมันมากอดไว้

“กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ กูไม่อยากให้มึงคิดมาก แต่กูก็คิดผิด กูน่าจะบอกมึงตั้งแต่แรก” ผมกอดรัดมันแน่นกว่เดิม น้ำตาค่อยๆไหลออกมาอาบแก้มผม

“ไม่ต้องมาพูดเลย เราจะเชื่อคำพูดนายได้อีกมั๊ยเนี่ย” มันพูดพร้อมกับทุบลงที่หลังผม ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย ในตอนนี้น้ำมนต์คงเจ็บกว่าผมเป็นร้อยล้านพันเท่า

“มึงไม่ต้องเชื่อที่กูพูด มึงไม่ต้องเชื่ออะไรในตัวกูอีกแล้วก็ได้ ขอแค่อย่างเดียว เชื่อกูแค่อย่างเดียวพอ ว่ากูยังรักมึง” ผมบอกมันและลูบหลังมันเบาๆ บทเรียนครั้งนี้ของผม มันทำให้ผมจำไปตลอด

“พี่เบสท์เค้ามาขอนายคืน พี่เบสท์เค้าบอกว่าเค้ามีอะไรกับนาย พี่เบสท์เค้า ..”

“พอเถอะมึง มึงไม่ต้องไปฟังอะไรใคร มึงอยากรู้อะไรหลังจากนี้มึงถามกู กูจะบอกความจริงกับมึง แต่มึงจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่มึง” ผมไม่รู้ครับ ว่ามันได้ยินอะไรมากจากไอ้เบสท์บ้าง  ไอ้เบสท์มันคงจะหวงผมตามประสาแฟนเก่าทั่วไป แต่ถ้ามันทำให้ผมกับน้ำมนต์ไม่เข้าใจกันแบบนี้ ผมว่าผมกับไอ้เบสท์มีเรื่องต้องคุยกันยาว









“ทำไมต้องโกหกเรา” ผมปล่อยกอดมันมามองหน้ามัน กับคำตอบนี้

“บอกเหตุผลไปก็แก้ตัวอยู่ดี มึงต่อยหน้ากูเหอะ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรครับ เพราะยังไงซะมันก็ขึ้นชื่อว่าโกหกแล้ว ไม่อยากได้ชื่อว่าตอแหลอีก

“ปลั่กกก !!!!!!!!”  มันต่อยผมจริงๆครับ ไม่ยั้งมือด้วย เล่นเอาผมหน้าหันเลย

“มึงต่อยกูจริง” ผมหันหน้ากลับไปถามมัน มือกุมที่ปาก เจ็บชะมัด

“ยังเจ็บได้ไม่เท่าที่เราเจ็บเลย” มันบอกผม ผมอึ้งกับคำพูดนั้น หน้าที่บอกว่าเจ็บชะมัดเมื่อกี้ ขอถอนคำพูดจะได้มั๊ยครับเนี่ย

“งั้นต่อยกูอีก จนกว่ามึงจะหายเจ็บ” ผมบอกมันไป พร้อมกับยื่นหน้าให้มัน

“เราไม่อยากต่อยนายแล้ว เราอยากต่อยคนที่ทำให้เราเข้าใจผิด” มันตอบกลับมาหน้าตาจริงจัง

“ไอ้เบสท์เหรอ ?”

“ก็ใครที่ไหนอีกละ ที่ทำเอาร้องตาบวมแบบนี้” มันพูดพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตา

“กูขอโทษนะ กูไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดขนาดนี้ ไม่คิดว่าไอ้เบสท์มันจะไปพูดอะไรให้มึงไม่สบายใจ ขอโทษที่ไม่ได้สนใจมึงเลยสองสามวันที่ผ่านมา แต่ยังไงกูก็อยากให้มึงเข้าใจกูนะ กูไม่อยากให้เพื่อนมันน้อยใจ มันอุตส่าห์กลับมา” ผมพอรู้นิสัยของไอ้เบสท์ดีครับ ว่ามันเป็นคนหวงของมาก ถ้าใครได้ของมันไป มันจะตามเอาคืนมาให้จนได้ .. แต่เสียใจ ผมไม่ใช่สิ่งของ

“แต่ให้เราน้อยใจแทน ?” มันย้อนถามกลับ

“ไม่ใช่แบบนั้น มึงอย่าหาเรื่องกูสิ กูรู้สึกผิดแล้วนะ แค่เห็นมึงร้องกูก็ใจสลายแล้ว แล้วมารู้ว่าเป็นเพราะตัวกูทำมึงร้องอีก กูนี่อยากจะเอาของแข็งทุบหัวตัวเองจริงๆ”

“เอาหัวมา เราทุบเอง” มันพูดพร้อมกับเอามือไปเอื้อมหมอนข้างบนเตียงมาถือไว้

“มึงจะใจร้ายกับกูได้ลงคอเหรอ” ผมอ้อนมัน

“ก็นายใจร้ายกับเราก่อน” มันสวน

“ถึงร้ายก็รักนะ เกเรยังไงก็รักนะ” ผมร้องเพลงแซวมัน อยากเห็นมันกลับมายิ้มเหมือนเดิม

“ไม่ตลก” นั่นไง มันไม่ขำ

“มึงจะให้กูทำยังไงอีกละ ให้กูไปคุยกับเบสท์มั๊ย ว่ากูรักมึงมาก กูไม่ได้คิดกับมันเหมือนเดิมแล้ว และขอร้องว่าอย่ามายุ่งกับกูกับมึง อย่าทำให้กูกับมึงเข้าใจผิดกันอีก แบบนี้ดีมั๊ย”

“ก็ดี”

“เอ๊ยยย เอาจริงอ่ะ” นี่มันกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย

“นายไม่ทำก็ได้นะ แต่ก็ไม่ต้องคบกันต่อ” มันยื่นคำขาดมา

“ทำไมมึงถึงไม่เชื่อใจกูเลยละ”

“แล้วมันน่าเชื่อใจมั๊ยละ ดูสิที่เราต้องร้องไห้แบบนี้ เพราะนายทำตัวของนายเองทั้งนั้นนะ”

“อืม กูผิดเอง โอเค กูจะไปคุยกับไอ้เบสท์ ว่ากูรักมึง กูไม่ได้รักมันแล้ว” ผมบอกมันก่อนจะเอาดึงเอาตัวมันมากอดเบาๆ

“ไม่ต้องมากอดเราเลย นายมีความผิด เราจะไม่ให้นายได้สัมผัสเราถ้ายังไม่ปรับปรุงตัวเอง” มันพูดพร้อมกับเขยิบห่างออกจากผมไป

“โหย ทำไมใจร้ายกับกูอย่างนี้ละ เราไม่เจอกันมาหลายวันแล้วนะ”

“แค่นี้ยังน้อยไป สำหรับคนอย่างนาย” มันพูดแล้วลุกออกจากเตียง เปิดประตูออกจากห้องผมไป




“มึง เดี๋ยวดิ รอกูก่อน” ผมรีบออกจากห้องล็อคประตูวิ่งตามมันมา กลัวว่ามันจะเดินหนีกลับบ้านเหมือนครั้งก่อนอีก





แต่เปล่าครับ มันยืนรอผมอยู่ที่มอเตอร์ไซค์ผม ตาของมันแดงกร่ำจากการร้องไห้ ผมมองหน้ามันแล้วใจเสียจริงๆ ไม่คิดว่านี่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมทำมันร้องไห้เพราะผม มันต้องเจ็บเพราะผมกี่ครั้งแล้วนะ แล้วครั้งนี้ก็ผิดที่ผมคนเดียว คิดอะไรไปเองทุกอย่าง คิดว่ามันจะเข้าใจ คิดว่าเรื่องแค่นี้คงไม่เป็นไร ..




ในเมื่อผมเป็นคนผูกทุกอย่างให้มันเป็นผม ผมก็ต้องแก้ด้วยตัวของผมเอง






“ไปคุยกับไอ้เบสท์กัน” ผมเดินมาบอกมัน

“เราต้องไปด้วยเหรอ”

“ไปดิ มึงจะได้รู้ว่ากูคุยอะไรกับมัน”

“เราไม่อยากเจอหน้าพี่แก” มันบอกพร้อมกับก้มตาลงต่ำ

“มึงจะวิ่งหนีทุกอย่างไม่ได้หรอก มึงต้องกล้าเผชิญกับมัน เป็นแฟนกับกูไม่ได้เลิศหรู ไม่ได้สบายอย่างที่คนอื่นเค้าคิด เป็นแฟนกับกูต้องเจอะต้องเจออะไรอีกมากมาย และยิ่งอย่างมึง กูโคตรจะจริงจังแบบนี้ เราต้องผ่านอะไรหลายอย่างไปด้วยกัน” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แล้วเราจะแน่ใจได้ไง ว่านายจะไม่ปล่อยมือเราทิ้งไว้กลางทางอีก” คำถามของมันถามมันด้วยแววตาที่ผิดหวังกับตัวผมในครั้งนี้มาก

“หลังจากนี้ไปมึงอาจจะไม่เชื่อใจกูเหมือนเดิม อาจจะไม่เชื่อทุกอย่างที่กูพูด อาจไม่ฟังคำขอของกู กูจะไม่ว่ามึง แค่เชื่ออย่างเดียว ว่ากูรักมึง รักมึงคนเดียว ต่อไปถ้ามึงร้องไห้เพราะกูอีก กูจะเป็นคนไปจากมึงเอง”





ประโยคไม่กี่ประโยคที่พูดไปนั้น ไม่ได้ต้องการจะให้มันซึ้งใจ หรือคล้อยตาม แต่ผมพูดอย่างจริงจังที่สุดแล้ว จริงจังพอๆกับการขอมันเป็นแฟน มันร้องไห้กี่ครั้ง ก็ทำให้ผมปวดใจทุกครั้ง และครั้งต่อไป ถ้ามันจะร้องไห้เพราะผมอีก ผมนี่แหละที่จะเป็นคนไป .. ไปจากชีวิตมันเอง





“ถ้าถึงวันนั้น  ถ้าเรายังรักนาย .. เราจะรั้งนายไว้เอง” คำพูดของมันที่ตอบกลับผมมา ถึงไม่ได้มีรอยยิ้มอะไร แต่ผมก็เชื่อ ว่ามันเชื่อใจในคำพูดนั้นของผม















ผมโทรหาไอ้เบสท์จึงรู้ว่าไอ้เบสท์มันรออยู่ที่สนามบินแล้วตอนนี้ ผมเลยพาน้ำมนต์ไปที่นั่น เพราะตั้งใจจะไปส่งมันอยู่แล้ว และก็ตั้งใจจะไปเคลียร์เรื่องนี้ให้มันจบๆด้วย


เรามาถึงสนามบิน ก็เห็นไอ้เบสท์นั่งรออยู่แล้ว มีไอ้เอ็มมาส่งด้วย หรือไม่ก็คงมาด้วยกัน ผมเอื้อมมือไปจับมือของน้ำมนต์ไว้ และจูงมือเดินเข้าไปหามัน

“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” ไอ้เบสท์ทักผมมา

“มาสิ ต้องมา ในเมื่อบอกมึงไว้แล้ว” ผมบอกมัน มือก็ยังจับน้ำมนต์ไว้

“อ้าวน้องน้ำมนต์ เป็นอะไรไปเหรอ ตาบวมเป่งเชียว” ไอ้เบสท์หันไปถามน้ำมนต์ที่ยืนอยู่ข้างหลังผม

“ไม่มีอะไร ทะเลาะกับกูนิดหน่อย” ผมบอกมันไป

“อ๋อเหรอ อย่าทะเลาะกันบ่อยละ สงสารน้องเค้า”

“ไอ้เบสท์ กูขอคุยอะไรกับมึงหน่อยสิ” ผมบอกไป

“อะไรเหรอ เดี๋ยวกูใกล้จะเข้าไปข้างในแล้ว”

“ไม่นานหรอก มึงแค่บอกน้ำมนต์ไป ว่าเราไม่ได้มีอะไรกัน”

“แล้วจะให้กูไปโกหกน้องเค้าทำไม” ไอ้เบสท์พูดเสียงดังขึ้น มองไปที่น้ำมนต์

“มึงอย่าพูดบ้าๆแบบนี้นะไอ้เบสท์ กูกับมึงเป็นแค่เพื่อนกันแล้วแค่นั้น” ผมยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง

“ถ้ามึงบริสุทธิ์ใจแล้วทำไมต้องโกหกน้องเค้าละ”

“มึงอย่ามาเล่นลิ้น มึงจะทำให้กูกับน้ำมนต์ไม่เข้าใจกันทำไม ในเมื่อมึงกับกูก็ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ มึงก็มีคนของมึง กูก็มีคนของกูอยู่แล้วตอนนี้ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยนะ ที่มึงกำลังทำอยู่” ผมเริ่มจริงจังมากขึ้น

“มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ อย่างกับคนละคนที่กูเคยรู้จัก เมื่อก่อนกับกูมึงยังไงก็ได้ ปากบอกว่ารัก ปากบอกว่ารอกู แต่วันนี้มึงกลับมาบอกให้กูบอกว่าไม่รักมึง และบอกตัวเองว่าไม่รักกูแล้ว ตลกดีวะ”

“คนที่น่าตลกก็คือมึงต่างหากไอ้เบสท์ คนที่ลืมกันไม่ใช่กู แต่เป็นมึง มึงเป็นคนทิ้งกูไปเองนะ และในวันที่มึงกลับมาถ้ากูไม่เจอมึง มีเหรอที่เรื่องราวต่างๆมันจะวุ่นวายแบบนี้ มึงคงคิดว่าการเข้าไปทักมึงวันนั้น เป็นเพราะว่ากูยังมีใจให้ ถ้ากูเข้าใจผิดก็ขอโทษที แต่กูอยากให้มึงรู้จักคำว่าเพื่อนมากกว่านี้ กูทำทุกอย่างในฐานะเพื่อน และจะคงเป็นความเป็นเพื่อนมึงตลอดไป กูไม่เคยลืมเรื่องราวดีๆระหว่างมึงกับกู มันคือความทรงจำที่ดี มันคือรักครั้งแรกของกู แต่กูอยากอยู่กับปัจจุบันว่ะ และกูเชื่อว่ากูอยู่ได้ โดยมีมึงเป็นเพื่อน และมีน้ำมนต์เป็นแฟน” ผมพูดมายาวเหยียด โดยมีไอ้เอ็มและน้ำมนต์เป็นพยานในครั้งนี้

“อือ ก็เข้าใจแล้ว ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยนี่” มันตอบมาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก อย่างกับมองเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก

“ขอโทษทีวะ สำหรับเรื่องของน้ำมนต์แล้ว กูไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึกมัน”

“ฮ่าๆๆ กูนี่มันบ้าจริงๆนะ มาไม่กี่วันก็ทำชีวิตคู่มึงวุ่นวายไปหมด ทำเอาน้องน้ำมนต์ร้องไห้ตาบวม ทำเอามึงไม่พอใจกู ทำเอาตัวเองเสียเซลฟ์ไปเยอะเลย ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะน้ำมนต์” มันหันไปบอกน้ำมนต์

“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอน้ำมนต์” ผมสะกิดถามน้ำมนต์

“เราพูดได้ด้วยเหรอ ?” มันถามผมกลับ

“ได้สิ อยากพูดอะไรก็พูด” มันมองมาที่ผมอย่างกลัวๆ และมองไปที่ไอ้เบสท์อย่างไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนที่มันจะเดินมายืนข้าวหน้าผม สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ




“พี่เบสท์ครับ  คนๆนี้เป็นของน้ำมนต์แล้ว ได้โปรดอย่ามาทำอะให้เราผิดใจกันอีก สำหรับพี่อาจมองว่าการมาวุ่นวายชีวิตคนอื่นเป็นเรื่องตลก แต่สำหรับผม ผมมองว่ามันช่างน่าขยะแขยง คนดีๆเค้าไม่ทำกันหรอก ผมอยากต่อยหน้าพี่สักทีนึงให้หายเจ็บใจที่พี่มาทำให้ผมต้องเสียใจและผิดใจกับนายปีโป้ แต่ผมก็ไม่อยากทำ เพราะว่าคนดีๆ เขาก็ไม่ทำแบบนี้เหมือนกัน” ..



มันพูดจบทุกคนได้แต่เงียบและอึ้งไปกับสิ่งที่มันพูด คำพูดคำจาน้ำเสียงเรียบๆของมัน เล่นเอาผม ไอ้เอ็ม และไอ้เบสท์ไม่เชื่อว่ามันจะด่าได้เจ็บแบบนี้ ไอ้เบสท์ถึงกับกำหมัดจิกเล็บแน่น ไม่พูดตอบโต้อะไร



“นายจะล่ำลาอะไรเพื่อนนายก็ตามสบายนะ  เราไปรอที่รถละ ล่ำลาห่างๆนะ ไม่ต้องถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัว ถ้าไม่อยากมีปัญหากับเรา”  มันบอกกับผม ก่อนจะเดินออกไป ในทางเดียวที่เดินเข้ามา




“เมียมึงโหดจังวะ” ไอ้เอ็มพูดออกมาหลังจากน้ำมนต์เดินหายไปแล้ว




หลังจากนั้นผมก็บอกลาไอ้เบสท์ทันที มันมีท่าทีที่ไม่ค่อยอยากคุยกับผมนัก อาจเพราะเสียหน้าที่โดนเด็กมาด่า หรือเพราะรู้ว่าผมไม่ได้รักมันแล้ว อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงยังไงซะ ผมกับมันก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี มันบอกว่าคงไม่กลับมาเมืองไทยแล้ว นอกซะจากจะจำเป็นจริงๆ ซึ่งผมก็กำชับมันว่า กลับมาก็มาหาผมได้ โทรหาผมได้ เพราะยังไง มันก็คือเพื่อนผมเสมอ






“รอนานมั๊ย” ผมเดินมาหาไอ้น้ำมนต์ ที่นั่งรอผมอยู่

“ก็นานอยู่ แต่ไม่เป็นไร รู้สึกสบายใจ เลยไม่เสียอารมณ์นัก”

“มึงนี่ก็ร้ายใช่ย่อยนะ พูดซะกูอึ้งไปเลย” ผมแซวมันพร้อมกับยิ้มๆ

“เราฝึกไว้ เพราะด่านต่อไปคนเก่าๆของนายจะเข้ามาราวีเราอีกเยอะ”

“มึงหมายถึงใครอีกละ ?”

“เดี๋ยวนายก็รู้”

“เออ กลับไปนอนกอดกันเถอะ กูอยากกอดมึงจะแย่อยู่แล้ว” ผมพูดพร้อมกับอ้าแขนอยากเข้าไปกอดมัน

“ฝันไปเถอะ  นายจะไม่สิทธิ์มายุ่งอะไรกับเรา จนกว่าเราจะเชื่อใจนายอีกครั้ง” มันพูดพร้อมกับเดินหลีกผมไป ผมได้แต่ยิ้มกับอาการนั้น





แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าผมโดนลงโทษก็แล้วกัน ที่ไปโกหกมัน และทำมันเสียใจ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ โชคดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่บอกเลิกผมแล้วไปหาคนใหม่ ไม่งั้นคนที่เจ็บปวดที่สุดคนต่อไปก็คงเป็นผม





ชีวิตนักเลง มีอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเพื่อน คำว่าเพื่อนตัดยังไงก็ตัดกันไม่ขาด แต่ชีวิตนักเลงก็ต้องมีความรัก และคำว่าเพื่อนกับคนรักก็มักจะเข้ามาสร้างปัญหาให้กับนักเลงไม่มากก็น้อย ..










สำหรับผมถ้าให้เลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน .. ผมก็เลือกไม่ได้อยู่ดี
แต่ถ้าเลือกได้จะเลือกให้มีคนเสยใจกับการกระทำของผมน้อยที่สุด .. ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟนก็ตาม

















สวัสดีปีใหม่ครับ






 :L2:


ปล.ตอนสุดท้ายของปีนะ ... คริๆ พบกันปีหน้าจริงๆแล้วเด้อ หลังเขาไปเที่ยวปีใหม่ก่อน  หลังเขาไปเชียงคาน ภูทับเบิก ถ้าใครไปแถวนั้น คงได้เจอกันเด้อ  กลับมาคงมีเม้นเพียบ ยาวเฟื้อย เหมือนกับตอนด่านายปีโป้นะ .. หลังเขาชอบ ฮ่าๆๆ

สวัสดีปีใหม่ครับมิตรรักแฟนน้องน้ำมนต์   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 30-12-2011 17:00:38
ขอบคุณค่ะ เท่ี่ยวให้หนุกนะคะ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
สนุกปนน้ำตาและความซาบซึ้ง
เจอกันหลังปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-12-2011 17:23:38
เย้ๆๆๆ  คลี่คลาย   เจอกันปีหน้านะครับ
สะใจโป้จริง  อดกอดน้ำมนต์เลย  ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-12-2011 17:23:47
น้ำมนต์ด่าได้เจ็บมากกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: l3iZal2l2e ที่ 30-12-2011 17:37:12
โห "น่าขยะแขยง" งี้... "คนดีๆไม่ทำกัน" งี้
เจ็บจี๊ดเลยน้องน้ำมนต์
 :laugh:

เที่ยวปีใหม่ให้สนุกนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 30-12-2011 18:00:55
โดนด่าแค่นี้ยังน้อยไปนะนายเบสท์
ดีนะที่เป็นน้ำมนต์คนดี
ถ้าเป็นคนอื่นมีเจ็บแน่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-12-2011 18:11:18
น้ำมนต์แน่มาก นักเลงตัวจริงต้องงี้สิ
นายปีโป้แค่นักเลงสมัครเล่น

สวัสดีปีใหม่ค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 30-12-2011 18:24:02
รักคุณคนเขียน มาเคลียตอนนี้
โอ๊ยโล่งอกมากมายมหาศาลกดเข้าบอร์ดทุกวันเพื่อรอเรื่องนี้จริงๆๆ
นายเบสมันน่าจิงๆๆให้ตายเถอะ
ดีเจอน้ำมนต์เงียบเลยทีนี้สมแล้ว
เหลืองน้องเดียวอีกนึ่ง
เพลียจริงโว้ย เด็กเก่าทำไมต้องมาราวี น้ำมนต์สู้ๆๆ
ปล.ไปเที่ยวให้สนุกนะ Happy new year
+1สำหรับตอนนี้ชอบมากโป้เป็นคนชัดเจนดี
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 30-12-2011 18:26:14
น้ำมนต์หนูแน่มาก o13  เล่นเอาอึ้งกันไปเลย  เบสท์คงหายซ่าไปเลยโดนเด็กด่าแบบนี้

ตอนหน้า น้องเดียวจะโดนน้ำมนต์จัดการยังไงนะ อยากรู้จริงๆ 


Happy New Year 2012  คนเขียน (คนหลังเขา) เที่ยวให้สนุกนะคะ  :pig3: 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 30-12-2011 18:27:11
ไม่ค้างล่ะ สบายใจ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 30-12-2011 18:48:11
ถึงจะรู้ความจริงแล้ว
ทำไมเค้าไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยอ่ะ
ห่วงน้องน้ำมนต์กว่าเดิมอีก
อิพี่โป้มันแคร์ความรู้สึกทุกคน
ส่วนแฟนค่อยเคลียร์
หลังจากทะเลาะกันเสร็จ
มีแฟนอย่างอิพี่โป้
น้องน้ำมนต์คงต้องเหนื่อยอีกเยอะ~
~~~~
เที่ยวให้สนุกนะคะ
เจอกันปีหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 30-12-2011 18:55:42
ถูกใจมากๆๆๆๆๆๆ น้ำมนต์สู้ๆ เป็นไงปีโป้หงอยเป็นหมาเหงาเลย สะใจ จริงๆ :m20:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 30-12-2011 19:32:55
น้ำมนต์เยี่ยมมาก o13
อยากอ่านต่อ จะจัดการกับกิ๊กเก่าๆ ที่เหลือยังไง
ขออ่านตอนพิเศษนะ อย่าเพิ่งรีบจบ มันต้าง  :serius2:
 :mc1: :mc3: :mc2:
Happy New Year 2012
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 30-12-2011 19:42:09
ตกใจเลยนึกว่าตอนสุดท้ายของเรื่อง...ที่แท้ของปี

แกล้งกันได้นะคนเขียน แล้วยังมาแกล้งเขาตั้งแต่ตอนที่แล้วจบได้ค้างคาสุดขีด
นึกเสียใจต้มมาม่ารอ จนอืดหมดชามแล้ว

พออ่านตอนนี้สาดมาม่าทิ้งเลย หมั่นไส้นายปีโป้ ใครจะไปเข้าใจนายตลอดถ้าเข้าใจขนาดนั้นไม่ต้องบอกรักแล้ว ไม่ต้องจีบเจอหน้าเป็นแฟนกันไปเลย

ปอลิง.ฝากน้ำมนต์ ทุบปีโป้ซักที(หรือหลายๆที) :m31:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 30-12-2011 20:58:58
โธ่ เห็นขึ้นหัวว่าตอนสุดท้าย ใจหายหมดเลยอ่ะ
ตอนนี้น้ำมนต์น่ารักจัง แสดงความเป็นเจ้าของโป้ด้วย
ถูกต้องแล้วล่ะคนของเราก็ต้องเป็นของเราสิเนาะ
คนอื่นไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น พูดและทำได้ดีมากจ้ะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
กดเป็ดให้น้ำมนต์เช่นเคย :z2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 30-12-2011 21:18:36
น้ำมนต์เจ๋งมากกกกก :กอด1:

เที่ยวให้สนุกน๊า
 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 30-12-2011 22:05:30
เจอน้ำมนต์แบบนี้เบสท์เจ็บกว่าโดนน้ำมนต์ต่อยอีกนะ
เออ..ต่อว่านายโป้ซะหน่อย กรณีเบสท์เนี่ย คิดได้ไง โกหกเพราะกลัวน้ำมนต์คิดมาก กลัวน้ำมนต์ไม่สบายใจ
แสดงว่าไม่รู้จักน้ำมนต์จริงๆซะแล้ว  จำไว้เลยนายโป้ กับน้ำมนต์น่ะ ต้องความจริงเท่านั้น เขามีเหตุผลพอหรอกน่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 30-12-2011 22:13:54
ฮู้ย ยย ย
สมแล้วที่เป็นเมีย นักเลง
55555555555
:D
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 30-12-2011 22:14:09
งงๆ กับเบสท์  ทิ้งเขาไปเองแท้ๆ และตอนนี้ก็มีแฟนอยู่ด้วยนะ ไม่ใช่ไม่มี  เออ..แล้วจะมาป่วนพวกเค้าทำไมกันล่ะเนี่ย
นิสัยเสียน่าขยะแขยงเหมือนอย่างที่น้ำมนต์บอกจริงๆ แหละ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 30-12-2011 22:59:04
โอ๊ย ขอบคุณมากเลยที่มาต่อให้ ทำเรานอนไม่หลับไปสองคืนเลยนะเนี่ย

เบสท์เอ้ย ชั้นอยากกระโดดถีบนายว่ะ คนอะไร รักก็ไม่รัก ทำมาหวงของ ทำคนอื่นเสียใจ อย่างที่น้ำมนต์ด่าเป๊ะเลย คนดี ๆ เค้าไม่ทำกันหรอก

นายปีโป้ แกมันคิดอะไรสั้นจังเลยนะ โกหกแฟนเพราะกลัวแฟนไม่สบายใจ ตื้นเขินจริง ๆ สมองเนี่ย คนเราคบกัน มีอะไรผิดปกตินิดหน่อยก็รู้แล้ว เป็นไงล่ะ จำไว้เลยนะ อย่าคิดเองเออเอง ว่าน้ำมนต์ไม่คิดมากหรอก ไม่เจ็บหรอกอีกนะ แกต้องใส่ใจความรู้สึกน้ำมนต์ให้มาก ๆ นะ

น้ำมนต์จ๋าเริ่ดที่สุด ตอกกลับอย่างนี้สิ นายเอกยุคใหม่ อย่าไปยอมมัน ถ้าไอ้โป้มันมีคดีอะไรให้เคลียร์อีก จัดการให้สาสมทั้งไอ้โป้ทั้งเด็กเก่ามันเลยนะ ฮึ่ม

ปล. เที่ยวให้สนุกนะคุณหลังเขา อยากบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทำเราอินขั้นสูงสุดเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 30-12-2011 23:05:42
แต่น้ำมนต์พูดก็ถูกนะ คนอย่าง เบสท์ น่าขยะแขยง อ่ะ  :เฮ้อ: นึกภาพไม่ออก ก่อนนี้เคยเป็นรักแรกของโป้ ได้ไง
ขนาดตอนปีโป้ มาให้บอกว่าไม่มีอะไร ยังไม่สำนึก ยังเล่นต่ออีก “แล้วจะให้กูไปโกหกน้องเค้าทำไม” อึ้งเลย

โป้ก็คนดีเกินไปละ เจอแบบนั้น ผมคงไม่แคร์ละ คงเสียดายความรู้สึกดีๆ ที่เคยให้มากกว่า

ถูกอย่างน้ำมนต์บอก คนดีๆ เค้าไม่ทำแบบนั้นจริงๆ  :angry2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 30-12-2011 23:47:28
อ๋อ มันเปนงี้นี่เอว . . .
เกลือบละนะนายโป้

ปล.ตอนเห็นคำว่า ตอนสุดท้าย
ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม - -"
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 31-12-2011 00:22:46
ว๊ายยยยยยยยย

น้ำตาไหลพรากกกกกกกกก

หลังเขาทำเพื่อนน้ำตาไหลได้ในตอนนี้ นายเยี่ยมมากกกก

ไปเที่ยวเผื่อด้วยนะ แล้วก็เก็บบรรยากาศดีๆ มาแต่งตอนพิเศษด้วยล่ะ

เลขาจะเร่งทุกวัน วะฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-12-2011 00:44:51
โล่งอก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 31-12-2011 01:05:24
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 31-12-2011 01:26:36
^^ ลุ้นแทบแย่ แฮปปี้ตอนรับ ปีใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-12-2011 09:48:30
ชอบคำพูดน้องน้ำมนต์นะ  มีหลายประโยคเลยที่แบบว่า คิดได้ไงอ่ะ o13
คนแต่งเก่งจัง  ยืมไปด่าคนอื่นได้เลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 31-12-2011 12:25:41
สวัสดีปีใหม่ครับ...... :L2:

เฮ้ออออออออ นึกว่าจะเศร้า
สู้สู้ เน้อน้ำมนต์ คงจะมีเรื่องให้เคลียร์อีกเยอะ.. :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 31-12-2011 14:25:16
นายหัวโป้สุดยอดดดดด
บทจะพูดดีๆก็เล่นเอาเราอึ้งเชียว
แฟนน่ะไว้มีคนเดียว ส่วนเพื่อนน่ะไว้มีหลายๆคน
ตอนนี้ด่านนายหัวโป้ไม่ลง ก็รักน้ำมนต์ขนาดนี้นี่เนอะ อิอิ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ปีนี้เราอดเที่ยว ต้องแห้งเหี่ยวอยู่กับบ้าน TT
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 31-12-2011 14:28:14
ปีโป้ สำนึกผิดไปเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 31-12-2011 16:44:03
น้ำมนต์ นายแน่มาก ด่าเจ็บจริงๆ แล้วกะhappy new yearนะค่ะ :mc4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 31-12-2011 18:36:08
พี่หลังเขาพูดว่าตอนสุดท้าย  แอบตกใจนิด ๆ แฮะ  แต่พออ่านจนจบก็โล่ง
น้ำมนต์  หนูสุดยอดมว๊าก o13
 :mc3: สวัสดีปีใหม่ครับผม:mc2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 41 ตอนสุดท้าย .. 30-12-54
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-01-2012 20:52:26
น้ำมนต์พูดได้สะใจจริงๆ  o13

นายปีโป้เจอของจริงแบบนี้ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ :laugh:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 04-01-2012 20:33:50
ตอนที่ 42

ถ้าความรักต้องผ่านอุปสรรคนานา เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของกันและกัน .. แล้วต้องผ่านอีกสักกี่ครั้งกัน ความรักของเราทั้งสองถึงจะแข็งแกร่งพอ ..





“พี่น้ำมนต์” มีเสียงหนึ่งเรียกผม ขณะที่ผมกำลังรอรถอยู่ที่คิวรถเมล์เพื่อจะกลับบ้าน

“นัท” ผมหันไปมองก็พบกับนัท นักเรียนโรงเรียนสายสามัญที่นายปีโป้เคยพาผมไปรู้จัก

“ไม่ต้องเรียกเราว่าพี่ก็ได้ เรารุ่นเดียวกัน” ผมบอกนัท เพราะยังไงซะถ้าเทียบกันแล้ว เราก็เรียนม.4 เหมือนกัน แค่คนละสายกันเท่านั้น

“ไม่ได้ครับ นัทไม่ถนัด แล้วนี่พี่น้ำมนต์จะไปไหนเหรอ” นัทถามผม

“กำลังจะกลับบ้านครับ แล้วนัทละ”

“กำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน โชคดีจังวันนี้เราได้กลับพร้อมกัน” ผมคงเคยบอกแล้วนะครับ ว่าผมกับนัทนั่งรถสายเดียวกันกลับบ้าน แต่ผมจะลงป้ายแรกเลย ส่วนนัทนั้นจะลงป้ายสุดท้าย ..

“เป็นไงบ้าง สบายดีนะ” ผมถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ

“ครับ สบายดี แล้วพี่ละ”  น้องนัทพูดพร้อมกับเดินขึ้นรถเมล์ไปพร้อมผม

“สบายดีครับ เป้ละ คงสบายดีใช่มั๊ย” ผมตอบพร้อมกับนั่งลงเบาะว่างๆ กันสองคน วันนี้มีเพีอนคุยตอนกลับบ้านด้วย

“ก็งั้นๆตามประสามันนั่นแหละ  แต่นัทว่าพี่น้ำมนต์เหมือนกำลังเครียดๆอะไรอยู่นะ แววตาดูไม่ค่อยยิ้มแย้มเลย” แววตาไม่ยิ้มแย้ม .. นัทนี่ก็แปลกคนนะ มองรอยยิ้มคนอื่นจากแววตา

“ก็มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวมันก็คงหายๆไปเอง” ผมบอกไป พยายามทำแววตาของตัวเองให้กลับมายิ้มแย้ม

“เรื่องพี่ปีโป้เหรอ ?” อีกคนถามด้วยแววตาสงสัยปนห่วงใย

“เรื่องของเราสองคน ที่มีคนอื่นเข้ามาวุ่นวายมากกว่า” ผมบอกไป

“อ๋อ เรื่องแบบนี้เอง นัทเคยเจอมาเยอะแล้ว เชื่อใจกันไว้นะพี่น้ำมนต์ ของแบบนี้มันอยู่ที่เราสองคน ถ้าเราเชื่อใจกัน และพร้อมใจกันต่อสู้ไปกับมัน ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก”

“ครับ เราก็พยายามคิดเช่นนั้น”

“แต่ถ้าใครเข้ามา แล้วมันหนักหนานัก เราก็ต้องจัดการมันบ้าง อย่าปล่อยไว้ให้มันได้ใจ ความรักมันเป็นของเรา อย่าให้ใครมาหยิบยืมเอาไปล้อเล่นกับหัวใจและความรู้สึก” นัทบอกผมอย่างกับผ่านอะไรมามากมาย

“ต้องจัดการเลยเหรอ นัทเคยจัดการยังไงละ” ผมชักสงสัย

“พี่น้ำมนต์รู้จักไอ้เดียวไหม แฟนเก่าพี่ปีโป้นั่นแหละ .. เอ่อ” นัทเหมือนลืมตัวไป ที่พูดถึงเด็กคนนั้น

“ไม่เป็นไรหรอก เรารู้แล้วว่าเค้าเคยคบกัน และเราก็รู้จักเด็กคนนั้นเหมือนกัน”

“นั่นแหละ มันมายุ่งกับไอ้เป้ด้วยนะ อีนี่มันร้ายมาก มันอยากได้ไอ้เป้จนตัวสั่น พอไม่ได้อย่างใจก็มาลอบกัดนัท มันเข้ามารุมตบนัทในห้องพยาบาลทั้งๆที่นัทไม่สบายไม่มีแรงจะต่อสู้กับมัน” นัทเล่ามาอย่างดุเดือด

“โห อย่างนั้นเลยเหรอ”

“แล้วรู้มั๊ย นัททำไง พอนัทหายดีนะ นัทบุกไปรุมตื๊บมันถึงห้องเลย โดนไปสลบแทบเท้า จนมันพาพี่ปีโป้มาเคลียร์ แต่พี่ปีโป้ก็ไม่ได้เข้าข้างมัน นั่นแหละเลยทำให้นัทรู้จักกับพี่ปีโป้”

“นัทนี่โหดใช่ย่อยเลยนะ” ผมพูดไปพร้อมกับชูงกให้กับความเก่งกล้าของนัท

“ไม่ได้หรอกครับ ใครทำเรา เราต้องเอาคืน เดี๋ยวมันจะหาว่าเราไม่แน่จริง แล้วคิดจะมาป้วนเปี้ยนกับเราอีก” น้องนัทตบท้ายด้วยวาจาที่ดูน่าเกรงขาม

“อืม น้องเดียวคนนี้ก็มายุ่งกับเราเหมือนกันนะ” ผมบอกนัทไป

“จริงเหรอครับ ให้นัทช่วยเอามั๊ย นัทยังไม่หายเจ็บใจมันเลย” นัทถามขึ้นเสียงสูง

“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวเราจัดการเอง ถ้าให้นัทจัดการ มีหวังน้องเดียวนั้นได้ตายคาตีนนัทแน่ๆ” ผมพูดไปพร้อมกับอมยิ้ม

“แหม พี่น้ำมนต์ก็ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่นัทเคยเรียนมวยมาเมื่อตอนเด็กก็แค่นั้น” นัทพูดมาพร้อมกับยักคิ้วให้ผม



หลังจากนั้นผมกับนัทก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน นัทเป็นคนที่คุยสนุก และก็ดูเป็นกันเองมาก ไม่แปลกใจเลยที่นายปีโป้เคยบอกว่า เค้าชอบน้องนัทตั้งแต่แรกเห็น เพราะคนๆนี้มีทั้งความแกร่ง และความเก่งอยู่ในตัว ใครอยู่ใกล้ก็เป็นต้องรัก ต้องเอ็นดู และยิ่งถ้าใครได้เป็นแฟนนะ ต้องหวงมากๆแน่ๆ


นัทยังบอกผมอีกว่ากว่าที่เค้าจะได้รักกับเป้อย่างทุกวันนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะแยะ ทั้งเพื่อนกันเอง ทั้งคนอื่นๆ แต่ก็ด้วยความมั่นคงจึงผ่านมันมาได้ และไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ไม่มีใครเข้ามายุ่ง เพียงแต่คงอยู่ในช่วงเฝ้าระวังภัย เพราะไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาตอนไหน ..


ความรักบางทีก็เหมือนกับอุทกภัยน้ำท่วมนะครับ ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี ไม่รู้ว่าจะเอาอยู่อย่างที่ใครเขาบอกหรือเปล่า และไม่รู้ว่าเมื่อมันมาแล้ว จะหมดไปตอนไหน คนที่ประสบปัญหาก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง อยู่ด้วยลำแข้งของตัวเอง ความรักก็คงเป็นเช่นนั้นนั่นแหละ ..






















“มึงเลิกเรียนหรือยัง” สายโทรศัพท์ของนายปีโป้ดังขึ้นพร้อมกับคำถามที่เหมือนกับคำสั่ง

“เลิกแล้ว” ผมตอบไป

“เออ เดี๋ยวกูไปรับ”

“แล้วจะไปไหนอีก”  ผมถามอย่างสงสัย

“ไปเดทกัน” เอ่อ .. เดท ?




ไม่รู้จะดีใจ หรือยังไงดีครับ เพราะว่าสำหรับผมกับนายปีโป้แล้ว เราเหมือนว่าจะเดทกับอยู่ทุกวัน  และก็ไม่เห็นว่าคนๆนี้จะมีความโรแมนติกอะไรให้ได้เห็นมากนัก นอกจากการกระทำที่ดูตรงไปตรงมา คิดอะไรก็พูด จะทำอะไรก็ทำ แต่บางครั้งมันก็ดูมีเสน่ห์ชอบกล .. จนผมคิดว่านั่นแหละคือสิ่งที่นายปีโป้แตกต่างจากคนอื่นๆ






ไม่นานนักรถคลาสสิกคู่ใจของอีกคนก็มารอผมอยู่ที่หน้าวิทยาลัย ปกติแล้วนายปีโป้จะไม่เอารถคันนี้มาขับในเมืองครับ แต่แปลกที่คราวนี้เอามาขับ

“แต่งตัวอะไรของนาย” แปลกใจเรื่องรถไม่พอ ยังต้องมาแปลกใจกับการแต่งตัวของคนนี้อีก

“เสื้อคู่ไง มึงไม่รู้จักเหรอ เอานี่ไปของมึง” นายปีโป้พูดพร้อมกับส่งถุงกระดาษมาให้ผม คาดว่าข้างในคงเป็นเสื้อเช่นเดียวกับที่อีกคนใส่อยู่

“ต้องใส่ด้วยเหรอ ไม่ใส่ไม่ได้เหรอ อายคนเค้า” ผมบอกไป พร้อมมือก็โบ้ยจะไม่รับเอาเสื้อที่นายปีโป้หามาให้นั้น

“ถ้ามึงอายมาก ก็ไม่ต้องไปกับกูก็ได้ ใช่สิ คบกับกูมันน่าอายนี่” เอาแล้วไงครับ ไปอีกเรื่องหนึ่งแล้ว นายปีโป้นี่เวลาจะเอาแต่ใจก็ใช่ย่อยนะ

“แต่ ..”

“ไม่มีแต่ เอาไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้” นั่นไง โหมดบังคับมาแล้ว




ผมรับเสื้อนั้นมาอย่างไม่พอใจ แต่ทำไงได้ อีกคนอุตส่าห์ซื้อมาให้ทั้งที ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำ เปิดมาดูเป็นเสื้อสีฟ้าอ่อนๆ ซึ่งต่างจากของอีกคนที่เป็นสีเขียวอ่อนๆ แต่ลวดลายด้านหน้าเหมือนกัน .. นี่มันไม่ใช่เสื้อคู่ครับ แต่เป็นเสื้อเหมือน เหมือนที่ลวดลายด้านหน้าครับ แต่สีแตกต่างกัน ข้อความของเสื้อเขียนว่า “Limited edition” ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าคนซื้อต้องการจะสื่ออะไร แต่ผมว่ามันก็น่ารักดี ..

เราสองคนเป็นรุ่นที่มีจำกัด .. เสื้อลายนี้อาจมีขายเกลื่อน  แต่เชื่อเหอะว่าไม่มีใครใส่แล้วรู้สึกดีเหมือนกับผมกับนายปีโป้ตอนนี้หรอก ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้ม เผยให้อีกคนเข้าใจว่าผมค่อนข้างจะพอใจกับเสื้อตัวนี้ อารมณ์แตกต่างจากตอนที่ได้ไปอย่างเห็นได้ชัด




“ไงละ น่ารักใช่ป่ะละ” นายปีโป้ถามมาหน้าตากวน

“ก็โอเค เลือกเก่งนี่” ผมบอกไป

“ไม่ใช่เป็นเพราะลายเสื้อหรอก แต่เป็นเพราะมึงใส่ มันเลยดูดีเป็นพิเศษ” นั่นๆ แอบหยอด ผมยิ้มเล็กน้อย อีกคนยกมือขึ้นเกาหัวอย่างเขินๆ

“ไปกันยัง” นายปีโป้พูดพร้อมกับสตาร์ทรถคลาสสิกของเค้า

“จะไปไหนกัน” ผมถาม

“ไปร้องคาราโอเกะ”









สิ้นประโยคนั้น ไม่นานผมก็อยู่ในตู้คาราโอเกะของห้างดังในตัวเมือง เรานั่งอยู่ในตู้คาราโอเกะตู้มุมสุดของร้าน ห่างจากทางเดินและผู้คนผ่านไปผ่านมา ผมนั่งมองหน้าของอีกคนว่าจะมาอารมณ์ไหนกันอีกละเนี่ย ถึงชวนมาร้องคาราโอเกะ ร้อยวันพันปียังไม่เคยได้ยินอีกคนพูดออมาเป็นร้อยกรองเลยสักครั้ง ..


“จะเข้ามานั่งมองหน้ากันเหรอ ?” ผมถาม อีกคนยิ้มเห็นฟันครบ ตาหยีก่อนเอื้อมมือไปกดรหัสเพลง

“ทนฟังกูหน่อยนะ .. กูอยากร้องให้มึงฟัง” นายปีโป้พูดพร้อมกับหน้าจอขึ้นโชว์ชื่อเพลง ตามมาด้วยอินโทร ผมอ่านชื่อเพลงนั้นอย่างช้าๆ และยิ้มให้กับท่าทีของคนที่จะร้องเพลงนี้ ..


“จากนี้ไปจนนิรันดร์”





แค่ได้มองตาเธอในวันนั้น      จากที่เราเจอกันแค่ครั้งเดียว
เปลี่ยนชีวิตที่เคยโดดเดี่ยวให้มีความหมาย
ไม่ว่าฉันและเธอ   ต่างคนต่างมาต่างกันเท่าไหร่
คำว่ารักจะผูกใจเราไว้ ไม่ให้ไกลกัน
จากที่เคยเย็นชาก็หวั่นไหว    จากเป็นคนอื่นไกลก็คุ้นเคย
สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลย   เธอบอกกันให้รู้
เปลี่ยนชีวิตฉันไป   อยากอยู่นานๆเพื่อจะเฝ้าดู
วันพรุ่งนี้รักเราจะเป็นอย่างไร
ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้   ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
เมื่อได้มีบางคนข้างกาย   เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆกัน
ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์   ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น
รักของเราจะอยู่จนวันตาย
จะเป็นคนดูแลเมื่อเธอล้ม   จะเป็นลมโอบเธอเมื่อร้อนใจ
กี่ปัญหามากมายเพียงใด เรามีกันไม่แพ้
ต่อไปนี้สัญญา    จะเกิดอะไรกับเธอแล้วแต่
คนคนนี้ไม่มีวันจะหายไป
ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้    ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
เมื่อได้มีบางคนข้างกาย  เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆกัน
ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์    ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น
รักของเราจะอยู่จนวันตาย
ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้   ว่าชีวิตมันดีเช่นไร
เมื่อได้มีบางคนข้างกาย  เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆกัน
ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์   ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น
รักของเราจะอยู่จนวันตาย



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเนื้อหา หรือว่าคนข้างหน้าที่ร้องเพลงนี้ให้ฟังกันแน่ น้ำตาของผมจึงไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว มือที่อีกคนจับไว้หลวมๆ จนกลายเป็นกำแน่นไปตามความรู้สึกนั้น .. นายปีโป้หันมามองผมเมื่อร้องเพลงนั้นจบ รอยยิ้มที่จริงใจ แววตาที่จริงจัง ทำเอาผมยิ้มสวนไปทั้งน้ำตา ..



“กูร้องแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ มึงถึงกับน้ำตาไหลเนี่ย” นายปีโป้กวนๆผมมาพร้อมรอยยิ้ม

“ไอ้บ้า จะซึ้งก็ไม่บอกกันเลย” ผมด่าไปพร้อมกับเอามือตี

“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะครับ มาพี่โป้เช็ดน้ำตาให้ ดูสิ แค่นี้ก็ซึ้งจนน้ำตาเล็ดละ แค่เริ่มต้นเดทเองนะเนี่ย” เขาพูดพร้อมกับเอามือมาปาดน้ำตาให้ผม

“ใครใช้ให้ทำซึ้งละ” ผมดุไป

“ก็กูอยากร้องให้มึงฟังนี่ กูชอบเพลงนี้มากเลยนะ มึงลองฟังทีละประโยคนะ มันตรงกับเราสองคนมากๆเลย” อีกคนพูดพร้อมกับลูบผมของผมเบาๆ

“อืม ถ้าเราฟังอีก คงร้องอีก เอาไว้ค่อยฟังเวลาคิดถึงนายแล้วกัน”

“งั้นมึงก็ต้องฟังทุกคืนก่อนนอน โอเคมั๊ย ?” อีกคนพูดบอกเหมือนสั่งเด็กน้อย

“ครับผม” ผมตอบไปให้ด้วยรอยยิ้ม

“ดีมาก ที่รักกกกกกก  แล้วที่รักจะร้องเพลงอะไรให้พี่โป้ฟังเหรอ” เอาแล้วสิ ทำมาเป็นพูดดี แล้วจะให้ผมร้องเพลงให้ฟังอีก

“เอ่อ .. เราต้องร้องด้วยเหรอ” ผมทำหน้างงถาม

“ร้องสิ กูยังร้องให้มึงฟังเลย เป็นแฟนกันต้องไม่เอาเปรียบกัน” นายปีโป้พูดมาด้วยหน้าตาจริงจัง แต่ซ่อนความทะเล้นไว้ในนั้น

“ค่อยร้องให้ฟังนะ เรายังไม่เตรียมเพลงมาเลย นะนะ” ผมพูดอ้อนๆไป เพราะไม่รู้จะร้องเพลงอะไรดี

“งั้นมึงต้องโดนลงโทษ” นายปีโป้พูดมาหน้าเหี้ยม

“ลงโทษอะไรอีก”

“ขอหอมแก้มครั้งนึง” ช่างตอบมาหน้ายิ้มแป้นเหลือเกิน

“ก็ได้ แต่ไม่ใช่ที่นี่นะ เราอายคน”

“แน่อยู่แล้ว งั้นติดไว้ก่อนนะ ไป ไปเดทกันต่อ” นายปีโป้พูดพร้อมกับจับมือผมเดินออกจากตู้คาราโอเกะ




พอออกมาข้างนอกเล็กน้อยนายปีโป้เลยเปลี่ยนจากจับมือมาเป็นโอบบ่าไว้แทน ซึ่งทำให้ผมโอเคกับการกระทำนั้นมากกว่า อย่างน้อยๆมันก็ไม่โจ่งแจ้งจนเกินไป

“พี่ปีโป้ !!” มีเสียงผู้ชายเรียกนายปีโป้มาจากด้านหลัง ผมกับนายปีโป้เลยหันไปดู

“น้องเดียว” นายปีโป้เรียกชื่อนั้น

“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ พี่ปีโป้สบายดีมั๊ยครับ” น้องเดียวในสภาพชุดนักเรียน เดินเข้ามาคุยกับนายปีโป้

“สบายดีครับ” นายปีโป้ตอบไป

“แล้วมากับใครนี่ ไม่เห็นแนะนำให้เดียวรู้จักเลย” น้องเดียวนี่ร้อยเล่มเกวียนจริงๆนะครับ วันก่อนยังทักผม และรู้ว่าผมเป็นแฟนกับนายปีโป้ วันนี้ความจำเสื่อมซะงั้น

“พี่ว่าเรารู้จักกันแล้วนะ วันก่อนน้องยังมาทักพี่เลย” ผมพูดขึ้น พร้อมกับยิ้มให้

“อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ” นายปีโป้สงสัย

“ไม่ครับ / รู้จักแล้ว” ผมกับน้องเดียวตอบมาพร้อมกับ

“ยังไงกันเนี่ย” นายปีโป้เริ่มงง

“รู้จักกันแล้วครับ แบบบังเอิญ” น้องเดียวเลยเป็นฝ่ายบอกความจริง

“อ๋อ ก็ดีละ จะได้ไม่ต้องแนะนำอะไรมาก งั้นพี่ไปก่อนนะน้องเดียว วันนี้พี่มีเดท” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินโอบไหล่ผมหันหลังมา

“เดี๋ยวครับพี่โป้” น้องเดียวยังเรียกอีก พวกเราเลยเอี้ยวตัวหันไปดู

“ว่างๆ เดียวจะโทรหานะครับ” น้องเดียวพูดมาหน้ายิ้ม  ผมหันไปจ้องหน้านายปีโป้ด้วยสายตาดุ เห็นสายตาผมแล้ว ดูซิ ว่าจะตอบไปว่ายังไง




“อย่าเลยดีกว่าครับ เมียพี่คนนี้ดุ” นายปีโป้บอกไป ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง มือที่พาดบนบ่าลดลงมากอดที่ระดับเอวเล็กน้อย ก่อนที่จะพาผมเดินต่อไป ผมหันไปมองหน้าน้องเดียวแว๊บหนึง พร้อมกับยักคิ้วเชิงเย้ยให้หนึ่งครั้ง น้องเดียวทำหน้าโกรธไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ .. นี่เป็นการประชันหน้าครั้งแรกที่เราประกาศศึกกันสินะ  เสียดายจังที่ผมชนะตั้งแต่ยังไม่ได้ออกแรงใดๆเลย




เฮ้ออ .. แย่







“คิดอะไรของมึง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” นายปีโป้ถาม เมื่อเราสองคนนั่งอยู่กันในร้านไอติม

“เปล่านี่ แค่ดีใจที่มีมีแฟนเชื่อฟัง” ผมตอบไป

“ไหน ใครเชื่อฟังมึง กูแค่เกรงใจต่างหาก”

“แล้วมันต่างกันตรงไหนละ อย่างนี้สินะ ที่เค้าเรียกว่ากลัว ...”

“พอเลย มันไม่ใช่ความจริง อย่างกูนี่นะที่จะกลัวเมีย ไม่มีทางซะหรอก” นายปีโป้แย้งหน้าดื้อ

“ให้มันแน่เหอะ ความผิดครั้งที่แล้วยังจำได้อยู่นะ”

“โห ไรกันอ่ะ อุตส่าห์พามาเดทแล้ว นึกว่าจะไถ่โทษได้”

“ไม่มีทางซะหรอก ต้องสั่งสอนให้จดจำบ้าง ไม่งั้นจะเคยตัว”

“ถ้ากูรู้ว่ามึงจะใจร้ายแบบนี้นะ ..” นายปีโป้บ่นมาหน้าเศร้า

“จะทำไม ?”

“จะไม่ทำให้มึงเสียใจเลย สัญญา” แต่ต่อกลับมาด้วยหน้ายิ้ม

“ดีมากกกกกก”




อันที่จริงผมว่านายปีโป้ไม่ได้กลัวอะไรผมหรอกครับ แค่คนมันความผิดติดตัว เลยยอมๆผมไป เอาเข้าจริงยอมผมได้ซะที่ไหน เผด็จการซะขนาดนั้น  แต่ก็ดีครับ ขอช่วงเอาคืนบ้าง ..




“กินไอติมเสร็จแล้วไปวาดรูปกัน” นายปีโป้บอกผม

“วาดรูป ?”

“ใช่ ไปวาดรูปที่สวนกัน”

“มาอารมณ์ไหนเนี่ย แล้วจะไปวาดรูปอะไร” ผมละสงสัยในความคิดคนนี้จริงๆ

“อารมณ์อยากให้แฟนวาดรูปตัวเองให้ ได้มั๊ยครับ” ดูที่อ้อนเข้า

“ไม่สวยอย่าบ่นละ” ผมบอกไว้ก่อน

“จะสวยได้ไง พี่ปีโป้ต้องหล่อสิ” เอ่อ .. ไปไม่ถูกเลยครับงานนี้







แล้วการเดทอย่างต่อไปของเราคือการมาวาดรูปนายปีโป้ในสวนสาธาระณะที่นายปีโป้เคยขอผมเป็นแฟน แต่คราวนี้ไม่ได้นั่งเรือถีบ แค่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ร่มๆ สงบๆในสวนเท่านั้น ก่อนมาผมก็แวะไปเอาอุปกรณ์ที่วิทยาลัยมาก่อน ก็ไม่มีอะไรมาก แค่กระดาษ ไม่กระดาน ดินสอ ยางลบ และมีดเหลา

“ขอมีดหน่อยสิ จะเหลาดินสอให้” นายปีโป้พูดพร้อมกับหยิบดินสอของผมไป ขณะที่ผมกำลังตั้งขารองกระดานวาดรูป

“อยู่ในกระเป๋าด้านหน้าน่ะ” ผมบอก

“มึงหันมาดูนี่” นายปีโป้เรียกให้ผมหันกลับไปดูอีกที  ภาพที่เห็นคืออีกคนกำลังเก็กท่าเหลาดินสออยู่

“อะไรอีกละ” ผมถามอย่างงุนงง เพราะไม่มีอะไรที่น่าจะอวดผมได้เลย

“นี่เค้าเรียกว่า .. หล่อเหลา” นายปีโป้ทำท่าเหลาดินสอ พร้อมกับเก็กหน้าหล่อมาทางผม

“...” ไม่มีคำพูดใดๆจากปากผม ได้แต่ยิ้มให้กับความกล้าในตัวเค้า

“มึงอ่ะ ไม่ขำหน่อยเหรอ” เหมือนอีกคนจะไม่พอใจ

“มานั่งได้แล้ว รีบวาด จะได้รีบกลับบ้าน” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย ไล่ให้อีกคนมานั่งหน้าผม ที่เป็นเนินเล็กน้อย นายปีโป้เลือนั่งท่าสบายๆ มองมาทางผม

“มึงนับหนึ่ง สอง สามด้วยนะ”

“จะบ้าเหรอ ไม่ได้ถ่ายรูปนะ”

“อ้อเหรอ กูล้อเล่น” ยังจะกวนอีก

“นั่งดีๆ ไม่ต้องเกร็ง ถ้านายเกร็งเดี๋ยวนายจะเมื่อย กว่าจะวาดเสร็จ ยิ้มแบบธรรมดา ไม่ต้องกว้างมากนัก เดี๋ยวปากจะแห้งเสียก่อน ทำตัวตามสบาย” ผมบอกอีกคน พร้อมกับเริ่มลงมือวาดวงกลมและขีดเส้นแบ่งสัดส่วนของหน้า





การได้มานั่งวาดรูปเหมือนของนายปีโป้ครั้งนี้ทำให้ผมได้สังเกตหน้าตาของคนตรงหน้าอย่างชัดเจนอีกครั้ง ผมไล่สำรวจใบหน้าที่ได้รูปของเขามาตั้งแต่บน ผมที่ตัดรากไทรเปิดหน้าผากเห็นความขาวของใบหน้า จมูกที่โด่งได้รูปตั้งเป็นสันอยู่ตรงกลาง คิ้วที่รับกับรูปหน้าและดวงตาโตที่มีเสน่ห์แวววาวและซ่อนไว้ซึ่งความเจ้าเล่ห์นั้น ริมฝีปากที่อมชมพู ถึงแม้จะมีรอยดำเพราะสูบบุหรี่บ้าง แต่ถือได้ว่ายังชมพูและมันเยิ้มอย่างกับคนทาลิปมันตลอดเวลา ส่วนล่างของหน้าที่มีหนวดเล็กน้อย แสดงถึงการโกนที่ผ่านมาไม่กี่วันมานี้ ตั้งแต่คบกับผมนายปีโป้โกนหนวดบ่อยขึ้น ไม่ได้ปล่อยให้ยาวเซอร์เหมือนครั้งก่อนๆ  ยิ่งดูผมก็อดยิ้มให้กับคนตรงหน้าไม่ได้ นี่ผมกำลังภูมิใจกับใบหน้าแฟนตัวเอง หรืออะไรกัน ทำไมวันนี้นายปีโป้ถึงดูหล่อจังเลยนะ






“ยิ้มอะไรของมึง” นายปีโป้ถามมายิ้มๆ เมื่อเห็นว่าผมกำลังยิ้มอยู่

“เปล่านี่” ผมบอกไป แต่ก็ยังยิ้มไม่หยุด

“อย่ายิ้มแบบนั้นสิ กูเขินนะ” อีกคนก็ยิ้มเขินไม่หยุด

“อย่าขยับดิ นั่งนิ่งๆเฉยๆ” ผมบอกอีกคน พร้อมกับพยายามกลั้นยิ้มไว้

“มึงก็อย่ายิ้มสิ” นายปีโป้บอก ผมกำลังทำอยู่ ..




ผมลงมือวาดหน้าของนายปีโป้อีกครั้ง เราใช้เวลากันพอสมควรเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้วาดรูปเหมือนแบบลงรายละเอียดเยอะมากมาย เพราะถ้าวาดแบบนั้นต้องใช้เวลาเยอะกว่านี้ เอาแค่ดูเป็นรูปเป็นร่าง เส้นอาจจะไม่คมจนมองชัดเป๊ะๆ แต่ก็ให้อารมณ์ภาพเหมือนไปอีกแบบ ผมวาดเสร็จก็เขียนบางอย่างใต้ภาพ และลงวันที่วาดไว้

“เสร็จแล้ว” ผมบอกนายปีโป้

“เหรอ ไหนดูหน่อย” อีกคนพูดพร้อมกับเดินขึ้นมาหาผม บิดซ้าย บิดขวาดัดมือ ดัดแขนมาตลอดทาง คงเมื่อยใช่ย่อย

“จากนี้ไปจนนิรันดร์  น้ำมนต์    น่ารักจังเลยมึงเนี่ย  วาดกูซะหล่อเชียว ” นายปีโป้พูดขึ้นทันทีที่เห็นรูปนั้น โดยอ่านข้อความที่ผมเขียนไว้ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นกับภาพวาด

“หล่อกว่าตัวจริงป่ะ” ผมถาม

“ไม่นะ ตัวจริงหล่อกว่า น่ารักกว่า ใหญ่ยาวกว่า” นายปีโป้พูดพร้อมกับมือไม้ที่รวบมาทางด้านหลังผม

“อย่ามาทำตัวทะลึ่ง เอามือออกไป” ผมพูดพร้อมกับเอี้ยวตัวหนี นายปีโป้ก็ปล่อยมือออกเหมือนกัน

“โอเค งั้นลงบัญชีไว้ ตามเก็บทีเดียว”

“พอเลย อย่ามาเยอะกับเรา” ผมยกนิ้วห้าม ทำตาดุใส่

“พอเลย อย่ามาใจร้ายกับกู” นั่น ดูที่สวน และทำหน้าดุมาเหมือนกัน ผมเลยต้องจ้องตาให้ดุยิ่งกว่าเดิมใส่

“เออ ไม่ดื้อแล้ว” ดูที่พูดเข้า อย่างกับเด็กจริงๆ ผมยิ้มให้กับเด็กเกเรคนนี้

“จะไปไหนต่อ” ผมถามถึงสถานที่เดทต่อไปของวันนี้

“ไปห้องกู” นายปีโป้บอกผม

“ไปทำไม ?” ผมสงสัยอีกแล้ว

“ก็ไปเดทกันไง” นายปีโป้ตอบมาหน้ายิ้มๆ ดูเจ้าเล่ห์ๆชอบกล

“เดทที่ห้องนายนี่นะ” ผมถามย้ำอีกที เพื่อความแน่ใจ

“อืม ใช่ มันเป็นเฟสสุดท้ายของการเดทอ่ะ”





ชัดๆ แน่ๆ ทั้งคำพูด ท่าทางที่เขินอายบอกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ สรุปว่าที่ทำมาทั้งวันนี้ รอแค่เฟสสุดท้ายนี้ใช่มั๊ย ..  ใครมีแฟนเจ้าเล่ห์แบบผมบ้าง .. แนะนำวิธีจัดการด่วนเลยครับ




น้ำมนต์กราบละ !!


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 04-01-2012 20:39:50
^
^

จิ้มก่อน อ่านทีหลัง
-----------------------------------------------------------------------

ปีโป้ไม้เจ้าเล่ห์ธรรมดานะน้ำมนต์ เพราะโป้มันหื่นด้วย  :m20: :haun4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 04-01-2012 20:45:51
อย่าเยอะได้ป่ะ ปีโป้ หมั่นใส้อ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-01-2012 20:47:32
ชอบมุขหล่อเหลาจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 04-01-2012 20:53:53
น่ารัก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 04-01-2012 21:01:23
อีพี่โป้้้้!!  :m3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 04-01-2012 21:19:54
:pigha2: กับมุกหล่อเหลาของโป้ นี่ถ้าหน้าไม่หล่อทำไม่ได้นะ

แค่ยกแรกอิน้องเดียวก็โดนหมัดฮุกของน้ำมนต์ซะแล้ว   น้ำมนต์น่าชวนนัทไปร่วมด้วยช่วยกันปราบอิน้องเดียวนะจะได้หายซ่า

เป็นเดทที่น่ารักดี
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 04-01-2012 21:29:37
หวานจนมดเดินตามละ เป็นวิธีไถ่โทษที่น่ารักมากเลย
นานวันเข้าน้ำมนต์ก็เริ่มจะหวานบ้างอะไรบ้างแล้วเนอะ
เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของปีโป้มากขึ้นแล้ว ดีจังเลย
นอกจากปีโป้จะเปลี่ยนตัวเองแล้วยังเปลี่ยนน้ำมนต์ด้วย
แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีทั้งคู่ หวังว่าจะไม่มีอุปสรรคนะ
ตอนนี้ที่เห็นๆก็น้องเดียวนี่แหละ ดูกันต่อไป
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
ป.ล. แอบปลื้มน้องนัทอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-01-2012 21:38:01
นายหัวโป้ กริ๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-01-2012 21:56:25
มุกนายปีโป้นี่เหลือร้ายจริงๆ

แต่ก็ชอบว่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 04-01-2012 21:57:10
อยากให้พี่โป้หวานแบบนี้บ่อยๆ
น่ารักมากกกกก
น้องน้ำมนต์ก็แลดูควบคุมสะมีได้ดี
เกรงใจเมียอย่างนี้
แม่ยกน้องน้ำมนต์ปลื้มค่ะพี่โป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 04-01-2012 22:00:00
นายปีโป้นี่ก็หวานน่ารักเป็นกับเขาเหมือนกันเนาะ น่ารักดีอะ
ส่วนน้ำมนต์น่ารักมากกกกกกกก พอรักเขาเข้าไปแล้วก็เปิดใจเต็มที่เลย   :กอด1:

บวกเป็ดให้น้องนัท ดารารับเชิญของเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-01-2012 22:50:25
ดีนะที่เขาห้ามยิ้มกันแค่สองคน ไม่ได้เผื่อแผ่มากับคนอ่านด้วย
เพราะตอนนี้หน้าบานเป็นจานดาวเทียมไปแล้ว

น้ำมนต์มีพัฒนาการด้านความแรงเพิ่มอีกแล้ว
มันต้องแบบนี้แหละ คนของเราประกาศมันไปซะเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 04-01-2012 22:51:40
อ่าน 2 ตอนรวดดด  :-[

แหม พี่ปีโป้เนี่ยละก็ โรแมนติกจริง แต่มีความใน(ใจ)แฝง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 04-01-2012 23:11:24
เจ้าเล่ห์ แต่น้ำมนต์ชอบ ใช่มะ
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-01-2012 23:58:37
อื้อหืออออออ หมั่นไส้หล่อเหลาค่ะ 555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 05-01-2012 05:43:31
เจอมุก หล่อเหลาไปนี่ฮาแบบฉุดไม่อยู่เลย 555
อยากอ่านเฟสสุดท้ายของการเดทอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 05-01-2012 08:08:32
น้องน้ำมนต์เค้าก็สู้คนแล้วนะ
อย่ามาเยอะนะน้องเดียว
 :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 05-01-2012 08:44:34
คิดถึงสุดยอดเลยน้ำมนต์จ๋า ฮี่ ๆ

นายปีโป้ตอนนี้น่ารักมาก เกลียมัวอีกต่างหาก นังน้องเดียวจ๋อยเลย สะใจชั้น

ไอ้เฟสสุดท้ายนี่น่าตรบมาก อย่าทำอะไรน้ำมนต์ของชั้นนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 05-01-2012 12:28:02
น่ารักกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-01-2012 14:16:59
ชอบน้ำมนต์ที่แอบร้ายนิด ๆ
ก็นะไม่ใช่นางเอกละครหลังข่าวนี่เนอะจะได้อ่อนแองี่เง่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 05-01-2012 14:29:56
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 05-01-2012 23:04:27
ทำไมเราต้องเขินแทนน้ำมนต์ด้วยเนี้ย!!! ไม่เข้าใจตัวเองเลย แอร๊ยยย ไม่เอาไม่เม้นแระ เขินนนน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 06-01-2012 08:57:28
ฮากับมุกหล่อเหลา  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 06-01-2012 12:49:15
ฮ่าาาาา  น้ำมนต์อ่ะ  ไวกว่านี้อีกนิดดดดนึงนะแล้วจะตามพี่ปีโป้ทัน
แต่พี่ปีโป้อ่ะเจ้าเล่ห์ว่ะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 42 มายิ้มต้อนรับปีสองห้าฮ่ะฮ่ากัน 4-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 06-01-2012 14:30:00
ตอนแรกกลัวจะมาม่านาน ดีนะเนี่ยที่เข้าใจและรับฟังกัน
ไม่ปล่อยให้เข้าใจผิดอยู่
ชอบน้ำมนต์มาก โดนใจ!! o13
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 06-01-2012 14:32:31
ตอนที่ 43



“อัลโหล”

“เดี๋ยวมึงมารับกูที่หอไปเรียนด้วยนะ”

“เอ่อ .. อืม เดี๋ยวเข้าไปรับ”

“เออๆ เดี๋ยวเจอกัน”




บทสนทนาสั้นๆที่ผมคุยกับไอ้โอ๊ต เพราะตั้งแต่เปิดเทอมมา ไอ้โอ๊ตขาดเรียนไปหลายวัน เพราะมันเพิ่งกลับมาจากบ้านมัน บ้านมันมีงานต้องเคลียร์เล็กน้อย มันเลยเพิ่งจะกลับมาหอหลังจากเปิดเรียนได้อาทิตย์นึง พอผมรู้ว่ามันกลับมาแล้ว เลยโทรให้มันไปรับผมไปเรียนด้วย เหมือนแต่ก่อน .. ผมอยากทำให้อะไรๆเหมือนอย่างเดิมมากที่สุด ในฐานะที่มันเป็นเพื่อนรักของผมคนหนึ่ง







ไม่นานนักไอ้โอ๊ตก็มารับผมที่หน้าหอ ผมซึ่งยืนรอมันอยู่แล้วยิ้มให้มัน มันมองมาทางผมและยิ้มเฝื่อนๆมาให้ หน้าตาของมันเปลี่ยนไปเยอะ จากที่ไม่เจอกันหลายอาทิตย์ มันดูซูบผอมซะจนสงสัย ว่าไปทำอะไรมา

“มึงสบายดีนะ” ผมถาม

“ก็เรื่อยๆวะ ไปเรียนกันยัง” มันตอบผม พร้อมกับสะบัดหน้าเป็นเชิงให้ผมขึ้นซ้อนท้ายรถมัน ผมยิ้มตอบก่อนจะขึ้นรถหลังมัน





วันนี้เป็นอีกวันที่ผมเรียนเกือบทั้งวัน เลยได้อยู่กับเพื่อนทั้งวัน มีโทรไปหาน้ำมนต์บ้างในตอนพัก แต่ก็คุยกันไม่ได้นาน วันนี้น้ำมนต์เลิกไว และบอกว่าจะไปธุระกับช้างน้อยและหญิง ผมเลยไม่ได้ห่วงหรือกังวลอะไร

“มึงไปทำไรมาวะไอ้โอ๊ต ทำไมดูผอมๆ โทรมๆ” ไอ้บ่าวถามในสิ่งที่ผมสงสัยตั้งแต่แรกเจอ

“ช่วยงานที่บ้านวะ ช่วงนี้ช่วงเก็บเกี่ยว พ่อไม่ค่อยสบาย กูเลยต้องเหนื่อยขึ้นเท่าตัว” มันบอกเพื่อนๆครับ ที่บ้านมันทำสวนครับ หลายอย่างเลยละ ปลูกมัน ปลูกสัปปะรด ปลูกผักต่างๆ แต่พ่อแม่มันเป็นเจ้าของไร่นะครับ มีลูกน้องช่วย ที่มันบอกว่าเหนื่อยนี่ คือเหนื่อยในการควบคุมดูแล

“แต่หน้าตามึงเหมือนคนเล่นยาเลยนะ” จู๋ๆพี่เอกก็พูดประโยคนี้ขึ้น ทำเอาเพื่อนทั้งกลุ่มหันไปมองไอ้โอ๊ตเป็นตาเดียวกัน

“ยาบ้า ยาบออะไรของมึง ไม่มีหรอก พวกมึงคิดมาก กูทำงานหนักแล้วไม่ได้พัก” มันบอกพวกผมอีกที

“เออ งั้นก็พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายโทรม อยู่แบบนี้สาวหายหมด” ไอ้บ่าวบอกอีกทีครับ

“แล้วน้องแพรมึงเป็นไงบ้างวะ” พี่เอกชวนคุยต่อ

“เลิกกันแล้ว” มันตอบมาสั้นๆ

“ทำไมวะ”

“ไม่รู้ดิ เข้ากันไม่ได้ ไม่ใช่ ไม่อยากฝืน” มันตอบเหตุผลคนอื่นๆ แต่หันหน้ามามองผม ผมเลยเลี่ยงหันหน้าไปมองอย่างอื่น

“เรื่องมากชิบหายเลยนะมึงเนี่ย ได้คนสวยๆมาก็ไม่ชอบอีก” พี่เอกบ่นมัน

“เด็กนั่นก็ไม่ได้ชอบกูด้วยแหละ” มันบ่นออกมาเล็กน้อย เราคุยกันสักพักก็แยกย้ายกันกลับหอ นัดเจอกันตอนค่ำๆเพื่อจะกินต้อนรับเปิดเทอมกันหน่อย ไอ้โอ๊ตก็มาส่งผมที่หอเหมือนตอนขาไป






“ไปนั่งเล่นบนห้องกูก่อนมั๊ย” ผมถามมัน

“ไม่ดีกว่า กูมีธุระ” มันบอกผม

“เออ ตามใจ งั้นเจอกันตอนเย็น”


ไม่ใช่ว่าการเว้นระยะห่างระหว่างผมกับมันเป็นการดีสำหรับผม หรือสำหรับมันนะครับ เพราะระยะห่างของมันกับผมตอนนี้ เราเหมือนกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน เหมือนมันกำลังสร้างรั้วหนามกั้นคำว่ามิตรภาพ ทั้งๆที่ผมนั้นอยากจะเข้าไปสานเรื่องราวให้มันยังคงดีแบบเก่า  .. ถึงจะยากหน่อย แต่ก็ต้องลองทำครับ 

สักพักไอ้เอ็มก็มาหาผมที่ห้อง รายนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าเท่าไหร่ตั้งแต่คบกับน้องหญิง แต่ก็ต้องเข้าใจว่ากำลังช่วงข้าวใหม่ปลามัน และก็ไม่ต่างอะไรจากผมนัก ไปว่าไปติงอะไรไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนสวนกลับด้วย


“พวกมึงได้กันยังวะ” อยู่ๆไอ้เอ็มก็ถาม ผมหันควับไปมองหน้ามันอย่างงงๆทันที

“ถามทำไม?” ผมถามมันกลับ

“ก็แค่อยากรู้ ทำไมตอบไม่ได้วะ ทีคนก่อนๆมึงได้แล้วบอกกูเลยนี่”

“มันต่างกันเว๊ย” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้มัน

“มันต่างกันยังไง” ถามอีก แถมยังทำหน้าตาโง่ๆอีก

“คนอื่นกูใคร่ แต่คนนี้กูรัก” ผมตอบพร้อมกับยักคิ้วให้

“โอ๊ยยย จะอ้วก เสี่ยวชิบหายนะมึงเดี๋ยวนี้  แล้วตกลงได้กันยัง” ด่าผมแล้วยังไม่จบ วนกลับมาเรื่องเดิมอีก

“ไม่รู้ ไปถามเจ้าตัวสิ”

“ไอ้บ้า กูได้โดนน้องน้ำมนต์เหยียบอกกูดิ”

“กูขอให้มันเหยียบหน้าแทนก็ได้นะ”

“แสดด ไม่อยากรู้แล้วก็ได้” เหมือนน้อยใจ แต่ก็ไม่สน

“แล้วมึงละ ได้น้องหญิงยัง” ผมถามกลับบ้าง

“เอ๊ยๆๆๆ มึงพูดอะไร อย่าพูดแบบนี้นะเว๊ย น้องหญิงเสียหาย กูรักด้วยใจ ไม่ได้รักเพราะอยากได้ อยากเอา” นั่นๆๆ ทีมันร้อนตัวใหญ่

“กูก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามกลับเฉยๆ กระวนกระวายซะ” ผมย้อนมัน แต่ก็ยิ้มเยาะมันที่มุมปาก ส่วนมันหน้าตื่นไปไกลละ





“ไอ้โป้ เวลามึงคุยกับน้องน้ำมนต์ มึงแทนตัวเองว่าอะไรวะ" เหมือนมันจะตั้งตัวได้ใหม่แล้ว จึงเริ่มชวนผมคุยต่อ

“แทนกูว่ากู แทนมันว่ามึง  ทำไมวะ ?” ไอ้นี่ถามอะไรไร้สาระเข้าเรื่อย

“เปล่า กูก็แค่ถามดู ทำไมมึงไม่แทนตัวเองดีๆหน่อยวะ มึงกู ถ่อยชิบหาย” มันหลอกด่าผมครับ

“ก็กูชินแบบนี้  ..”

“แล้วน้ำมนต์ละ เรียกมึงว่าอะไร”

“น้ำมนต์เหรอ มันแทนตัวเองว่าเรา และก็เรียกกูว่านาย”

“โห อย่างกับฟ้ากับเหว” หน้าตา คำพูดคำจาของมัน เหยียดผมอยู่นัยนัย

“มึงจะทำไม แล้วึมงกับน้องหญิงละ”

“กูเหรอ แทนเค้ากับตัวเอง ไง น่ารักมั๊ย” ทั้งหมดทั้งมวลคืออยากอวดผมว่าคู่ตัวเองน่ารักสินะ

“เออ น่ารักมาก” ผมบอกมัน

“มึงจริงใจมากอ่ะ” และมันก็ประชดผม

“กูจะบอกไว้ว่าคำสรรพนามมันเปลี่ยนไปตามความสัมพันธ์เว๊ย” และมันก็บอกกับผมหน้าตาจริงจัง ผมคิดตามประโยคสวยหรูของมัน พลันคิดในใจว่า ที่ผมพูดมึง กู กับน้ำมนต์นี่ ไม่เหมาะไม่ควรมากหรือไง เรื่องนี้ต้องไว้ไปถามน้ำมนต์บ้าง ไอ้เอ็มยิ้มเล็กน้อยที่เห็นผมครุ่นคิดในสิ่งที่มันพูด ก่อนที่ผมจะยิ้มให้มัน และถามกลับไป









“คำสรรพนามนี่มันคืออะไรแล้ววะ ?”





















“ปัง ปัง ปัง !!!!!!!!!!!” เสียงเคาะประตูห้องผมดังสนั่น ผมสะดุ้งตื่นจากการนอนหลับเอาแรงก่อนจัดหนักคืนนี้ทันที ในใจหงุดหงิดว่าใครกันที่เคาะประตูได้รุนแรงขนาดนี้  ไอ้เอ็มก็เพิ่งจะกลับไป หรือลืมอะไรไว้ จึงรีบเดินไปเปิดประตู

“มีไรมึง เคาะซะตกอกตกใจหมด” ผมเปิดมาดู เจอไอ้เดชยืนเหงื่อซกอยู่หน้าห้องผม หน้าตาร้อนรนชอบกล

“ไอ้โอ๊ต  ไอ้โอ๊ตแย่แล้ว” ไอ้เดชบอกผมด้วยหน้าตาตื่น ผมรีบกลับห้องคว้าเอาเสื้อที่พาดไว้บนเก้าอี้ และหยิบกุญแจห้องที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะรีบปิดประตู และวิ่งตามไอ้เดชมาทันที




ไม่รู้หรอกครับว่าคำว่าแย่แล้วของไอ้เดชมันเป็นอย่างไร แต่ด้วยสีหน้าและท่าทีของไอ้เดช มันสื่อให้ผมรู้ว่า ไอ้โอ๊ตต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่อย่างที่มันพูดจริงๆ


 
ไม่กี่นาทีไอ้เดชก็พาผมมาถึงห้องของไอ้โอ๊ต ประตูถูกล็อคไว้ด้วยตัวยู ยิ่งทำให้ผมกังวลกับคนที่อยู่ข้างในมากขึ้น ไอ้เดชรีบไขกุญแจอย่างไว มือไม้สั่นจนผมพาลใจสั่นไปด้วย ปรตูถูกเปิดออกด้วยความรวดเร็ว สายตาของผมได้พบกับสภาพของไอ้โอ๊ต ที่ไม่คิดว่าจะพบเจอ

ไอ้โอ๊ตถูกมัดมือมัดเท้าไว้กับเก้าอี้ไม้ ปากถูกยัดไว้กับเสื้อยืดมีหยดน้ำลายไหลออกมาเหนียวเยิ้ม สายตามันละห้อย และดูทุรนทุรายสลับไปสลับมา ผมเดินเข้าไปหามันอย่างช้า อย่างกับไม่เข้าใจภาพตรงหน้า ว่ามันเกิดอะไรขึ้น




“กูมาหามันเมื่อตอนเย็น เห็นมันกำลังเล่นยา กูเลยห้ามมัน มันเลยลงแดง กูเลยมัดมันไว้” ไอ้เดชเหมือนรู้ว่าผมต้องการรู้อะไร จึงรีบอธิบายผม

“นี่มันติดยาเหรอวะ” ผมถามไปอย่างกับไม่ได้ต้องการคำตอบใดๆ เพราะภาพตรงหน้าก็ตอบได้หมดแล้ว

“มันเพ้อ มันหมกมุ่น เอ่อ ..”

“เรื่องกูเหรอ ?” ผมหันไปสบตาไอ้เดช ที่เหมือนจะไม่อยากพูด

“คงงั้น มันรักมึงมาก ยิ่งเห็นมึงรักกับน้ำมนต์มากเท่าไหร่ มันทนไม่ได้ เลยหาที่ระบาย มันเลยมาเล่นยา  กูไม่คิดว่ามันจะติดมากขนาดนี้ นึกว่ามันจะเล่นแก้เครียด”

“แปลว่ามึงรู้มานานแล้ว”

“ก็ไม่เชิง”

“มึงนี่นะ  รู้แล้วทำไมไม่บอกกู ปล่อยให้เลยเถิดแบบนี้ได้อย่างไร เหี้ยชะมัด” ผมสบถออกมาที่มารับรู้เรื่องอะไรที่แก้ไขยาก

“มึงอย่าด่ากูตอนนี้เลย ช่วยกูคิดก่อน ว่าจะทำไงกับมันดี” ไอ้เดชเหมือนรู้สึกผิด จึงถามความเห็นผม ผมก็ตื้อตันไปหมด

“ปล่อยให้มันหายลงแดงก่อน แล้วค่อยคุยกับมันอีกที” ผมไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่นั่งจ้องมันอยู่แบบนั้น






นานเข้าไอ้โอ๊ตยิ่งดิ้นขึ้นใหญ่ แถมยังคลื่นไส้จะอาเจียนอีก ผมเลยรีบลากมันไปไว้ในห้องน้ำ ไอ้โอ๊ตดินพร่านไปตามพื้นของห้องน้ำ สายตากรอกไปกรอกมา มือไม้สั่นเทา ปากบิดเบี้ยวไม่ได้รูป

“กูว่าพามันไปโรงบาลเหอะ” ไอ้เดชบอกผม

“ถ้าพามันไป มันโดนส่งไปบำบัดแน่ และเรื่องต้องใหญ่กว่าเดิม ขอแค่มันผ่านคืนนี้ไปได้ อะไรหลายอย่างจะโอเค มึงไปเอาผ้าขาวม้าในตู้มันมา กูจะจับมันมัดไว้ในห้องน้ำนี่แหละ มันต้องอ้วกอีกเยอะแน่” ผมบอกไอ้เดช ไอ้เดชรีบวิ่งไปเอาผ้าขาวม้ามาให้ผม ผมจัดการมัดมือข้างหนึ่งของไอ้โอ๊ตไว้กับอ่างล้างหน้า ไอ้โอ๊ตมองหน้าผมสายตาเหมือนขอความช่วยเหลือ

“ยา .. ขอยากูหน่อย” ปากที่พูดอย่างพะงาบๆ น้ำลายไหลเปอะเปื้อนนั้น ทำเอาผมน้ำตาไหล

“ปล่อยกูเหอะ ไอ้โป้ปล่อยกูเหอะ” เสียงของมันดังขึ้นเรื่อยๆ ผมรีบมัดให้เสร็จๆ

“ทนอีกนิดนะมึง กูรักมึงนะเว๊ยถึงทำแบบนี้” ผมบอกมัน พร้อมกับปิดประตูห้องน้ำออกมา ข้างในห้องน้ำยังมีเสียงดังของการอาละวาดของมันออกมาไม่ขาด เสียงข้าวของในห้องน้ำกระจัดกระจายพอๆกับเสียงอาเจียนของมันที่ดังมาสลับการดิ้นพร่านของตัวมัน

ผมหันมามองไอ้เดชที่นั่งอยู่บนเตียงเอามือปิดหน้า ในมือชุ่มไปด้วยน้ำที่คาดว่าอาจจะหลั่งมาจากตาของมัน ถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้จะคลุมเคลือจนทำให้ผมสงสัย แต่ประเด็นนี้ถูกยกออกไป ณ ตอนนี้

“กูไม่น่าปล่อยให้มันเลยเถิดมาถึงนี้เลย” มันพูดออกมาเบาๆ

“กูน่าจะห้ามมันตั้งแต่แรกที่มันคิดจะเล่นยา กูนี่มันแย่จริงๆ ตามใจมันได้ทุกเรื่อง” มันพูดต่อมาเรื่อยๆ ผมเลยเลือกจะเดินลงไปนั่งข้างๆมัน
“มึงอย่าโทษตัวเองแบบนี้ดิวะ เรื่องมันเกิดมาแล้วยังไงก็กลับไปแก้ไขไม่ได้ ตอนนี้คือช่วยกันให้มันกลับมาเป็นคนเดิม ถ้ามึงโทษตัวเอง กูก็ผิด ที่มันเล่นยาก็เพราะกู กูนี่แย่จริงๆ พอมีแฟนก็ลืมเพื่อน”





เราทั้งสองนั่งเงียบอยู่กับห้องที่เริ่มมืดเพราะแสงอาทิตย์กำลังลับหาย เสียงในห้องน้ำยังดังโครมครามแสดงให้พวกเรารู้ว่าคนข้างในยังมีชีวิตและมีแรงที่จะต่อสู้กับความต้องการของตัวเองอยู่  ผมหยิบมือถือโทรหาไอ้บ่าว เพื่อบอกยกเลิกเรื่องคืนนี้ที่จะไปดื่มกับพวกมัน แต่เปลี่ยนแผนแทน

“เดี๋ยวพวกมึงซื้อมากินกันที่ห้องไอ้โอ๊ตแทนนะ .. ไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร มาดูเอาเอง” ผมบอกไอ้บ่าวแค่นั้น แล้วก็วางสายไป


“เดี๋ยวกูมา” ผมหันไปบอกไอ้เดชที่นอนแผ่อยู่บนเตียงมือก่ายหน้าผาก อย่างกับคนคิดไม่ตก มันพยักหน้าเล็กน้อยรับรู้สิ่งที่ผมบอก ผมเดินออกมานอนห้องของไอ้โอ๊ตลงมาชั้นล่างเพื่อจะโทรหาน้ำมนต์


“อัลโหล ทำอะไรอยู่” ผมถามไปเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“ทำการบ้าน” มันตอบมา

“เยอะมั๊ย กูกวนรึเปล่า”

“ไม่อ่ะ กำลังคิดถึงพอดี”

“เป็นประโยคที่อยากได้ยินพอดี” ผมตอบไปพร้อมกับรอยยิ้มแรกของวัน

“แล้วนั่นทำอะไรอยู่ เพิ่งตื่นเหรอ วันนี้จะไปดื่มกับพวกพี่ๆเค้าเหรอ” อีกคนถามมาระรัว

“อยู่หอไอ้โอ๊ต ไม่ไปแล้ว เปลี่ยนมากินห้องไอ้โอ๊ตแทน” ผมบอกไป

“อ๋อ ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครมาจีบ”

“หวงกูเหรอ” ผมถามอย่างยิ้มๆ

“แค่ห่วงเฉยๆ”

“แล้วมันต่างกันยังไง” 

“ต่างกันก็แล้วกัน”

“ชอบเล่นลิ้น”

“กินอะไรหรือยัง” อีกคนเปลี่ยนเรื่องคุย

“ยังเลย ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ คิดถึงมึงมากกว่า”

“เยอะขึ้นทุกวัน”

“ด่ากูเหรอ”

“เปล่า แค่บอกว่าคิดถึงเยอะมากขึ้นทุกวัน” ใครว่าผมเจ้าเล่ห์คนเดียวละครับ อีกคนก็ใช่ย่อย

“น้ำมนต์ ..” ผมเรียกเสียงมันสั้นๆ

“หือ ?”

“ทำไมมึงถึงตกลงเป็นแฟนกับกู” คำถามชวนดราม่ามาแล้วครับ ไม่รู้ทำไมอยู่ๆผมถึงอยากรู้เหตุผลของมัน

“ทำไมถึงอยากรู้ขึ้นมาละ”

“ไม่รู้สิ อยากได้ยิน อยากมีกำลังใจในการต่อสู้กับอะไรหลายๆอย่าง”

“จริงจังขนาดนั้นเชียว ?”

“อืม”







“ไม่รู้สิ .. นายเป็นคนแปลกหน้าที่มีผลต่อหัวใจเรามั้ง .. เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร เราไม่รู้ว่าเค้าเรียกมันว่าอะไร ตอนนี้เราเลยแทนมันว่าความรัก .. แค่นี้แหละเราเลยตกลงเป็นแฟนกันนาย”

“ง่ายๆ สั้นๆ คือมึงรักกู” ผมสรุปเอาเอง ตามประสาคนชอบเข้าข้างตัวเอง

“พอสั้นไปแล้วมันดูซึ้งกว่าเนอะ ทำไมเราพูดซะยาวเลย” น้ำมนต์แอบขำในความคิดตัวเอง

“ไม่ว่าจะพูดอ้อมโลก หรือตรงไปตรงมา ยังไงมันก็เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากปากมึง ขอบใจมึงมากนะ”

“วันนี้มาแปลกจังเลย ไม่รู้ว่าไปพบไปเจออะไรมา แต่เราก็ขอให้นายผ่านพ้นมันไปให้ได้นะ”

“นับวันมึงจะเป็นมากกว่าแฟนกูแล้วนะ .. น้ำมนต์”

“เราต้องการเป็นอะไรๆหลายๆอย่างในตัวนาย ถ้าวันหนึ่งเป็นอะไรไม่ได้ เราก็ยังเป็นอีกหลายๆอย่างที่ยังเป็นได้ เขาใจที่เราพูดใช่ป่ะ” คนๆนี้ยังคงซ่อนความอินดี้อยู่ในตัวเองไม่หาย

“เข้าใจครับ แต่จะไม่มีวันทำให้มันเป็นอย่างอื่นแน่นอน ปีโป้สัญญา”





วันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้น้ำมนต์คิดว่าผมมีปัญหาอะไร และน้ำมนตืก็ไม่ใช่คนที่จะอยากรู้เรื่องผมไปหมดทุกเรื่อง เรื่องบางเรื่องผมไม่อยากเล่า น้ำมนต์ก็ไม่เคยถาม แต่ผมจะแสดงแค่ความรู้สึกให้เขารับรู้ ว่าตอนนี้ผมรู้สึกแบบนี้นะ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร แต่เขาก็ยังปลอบใจและอยู่ข้างๆผมได้

น้ำมนต์จึงกลายเป็นคนที่ “พิเศษ” .. และ “วิเศษ” สำหรับผมไปเลย





ผมวางสายจากน้ำมนต์แล้วรีบออกไปหาซื้ออะไรมากิน และไม่ลืมที่จะซื้อมาฝากไอ้เดชมัน กลับมาก็เห็นไอ้เดชมันนั่งหลังพิงอยู่หน้าห้องน้ำ กอดเข่าก้มหน้า เห็นแล้วอดสงสารมันไม่ได้ มันคงรู้สึกผิดมาก กับสิ่งที่ไอ้โอ๊ตเป็นอยู่ในตอนนี้ คนหนึ่งดิ้นรนเพราะต้องการยาอย่างจะบ้าตาย อีกคนก็ดิ้นรนด้วยความห่วงใยจนไม่เป็นอันทำอะไรเช่นกัน



“ไอ้เดช มากินอะไรก่อนมา เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปอีกคน” ผมบอกมันพร้อมกับแกะถุงก๋วยเตี๋ยวที่ซื้อมาให้มันใส่ชาม

“กูกินไม่ลงว่ะ มึงกินไปเหอะ” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วบอก

“ฝืนกินหน่อยดิวะ อย่าทรมานตัวเองไปเลย มึงเชื่อกู เดี๋ยวไอ้โอ๊ตก็ต้องดีขึ้น” ผมบอกมันไปก็แค่นั้นแหละครับ เพราะอีกคนเหมือนกับหูทวนลม ไม่สนใจอะไร







คืนนั้นพวกผมมาตั้งวงกันหน้าห้องน้ำนั่นแหละครับ พวกเราไม่ได้ดื่มจัดหนักอะไรกัน แค่อยู่เป็นเพื่อนไอ้โอ๊ตมันก็เท่านั้น หลายคนสงสัยว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้ ทำไมไม่พามันไปส่งโรงพยาบาล หรือไปบำบัด ผมยอมรับว่าผมกลัวครับ กลัวว่ามันจะขาดอิสรภาพจากความคิดนั้นของพวกผม สู้ให้มันขาดอิสรภาพแค่หนึ่งคืน ดีกว่าต้องถูกส่งไปบำบัดและมีประวัติไปอีกหลายวัน  ผมเคยมีเพื่อนติดยาเยอะครับ เพราะผมอยู่ในสังคมที่เรียกว่าล่อแหลมก็ได้ แต่ผมไม่คิดว่าคนใกล้ตัวมากๆของผมคนนี้จะติดซะเอง และวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ค่อนข้างหักดิบพอสมควร



เสียงในห้องน้ำยังดังมาเป็นระยะ ทำให้พวกผมใจชื้นที่ได้ยิน แม้จะเป็นเสียงที่ดูวุ่นวายไม่สามารถคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นก็ทำให้พวกเรารู้ว่ามันยังหายใจอยู่  เสียงค่อยๆหายไปตอนใกล้จะสว่าง มันคงเพลียจัดและคงหลับไปแล้ว พวกผมคิดกันแบบนั้น ..




พวกผมเปิดประตูเข้าไปพบกับสภาพของมันนอนหลับอยู่ท่ามกลางกองอ้วก กลิ่นฉี่ กลิ่นอ้วกลอยกระจายเต็มห้องไปหมด ไอ้เดชรีบวิ่งเข้าไปแก้ผ้าที่มัดมือมันไว้อย่างไว ก่อนจะรีบถอดเสื้อผ้าของไอ้โอ๊ตออก



“อย่าเพิ่งให้น้ำโดนตัวมัน เดี๋ยวมันจะหนาว” พี่เอกบอกเมื่อเห็นว่าไอ้เดชกำลังจะเปิดผักบัวรดไอ้โอ๊ต

“ทิ้งมันไว้ให้มันตื่นก่อนดีกว่า ถ้าไปปลุกมัน เดี๋ยวมันจะอยากยาอีก” ไอ้บ่าวเสริม

“แล้วจะทิ้งให้มันนอนท่ามกลางกองอ้วกอยู่แบบนี้เหรอ ?” ไอ้เดชหันมาถาม

“หรือมึงอยากให้มันตื่นมาทรมานอีก ?” ไอ้บ่าวตอบไปด้วยคำถามเช่นกัน ไอ้เดชมองสวนกลับมาอย่างไม่พอใจกับความคิดของพวกผม และก็ไม่พอใจในตัวเอง เหมือนมันกำลังสับสนว่าจะทำยังไงต่อไปดี




“พวกมึงออกไปรอข้างนอกเถอะ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนมันเอง” ไอ้เดชตัดสินใจด้วยตัวมันและบอกพวกผมมา ไอ้บ่าว ไอ้เอ็ม พี่เอกมองหน้ามาทางผมเหมือนจะขอคำตอบ ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้เดช ก่อนจะนำพวกเพื่อนๆที่ยืนอออยู่หน้าห้องน้ำออกมานั่งข้างนอก มีบางคนลงไปเอนหลังพักสายตาบนเตียง ส่วนผมก็ออกมายืนระเบียงนอกห้องรับอากาศที่ใกล้รุ่งแบบนี้







“สงสารไอ้โอ๊ตมันว่ะ” ไอ้เอ็มทีเดินตามผมออกมาพูดขึ้น

“เออ สงสารแม่งทั้งสองคน” ผมตอบไป

“ไอ้โอ๊ตมันรักมึงมากเลยนะเนี่ย ถึงกับต้องใช้ยาช่วยให้หายคิดเรื่องมึง” ไอ้เอ็มย้ำในสิ่งที่ผมรับรู้มาตลอด

“แล้วมึงเห็นอะไรที่มากกว่าที่มึงคิดป่ะละ” ผมถามมันกลับ

“มึง ... หมายถึงไอ้เดชเหรอ” มันพูดออกมาช้าๆ ผมพยักหน้าให้กับคำพูดนั้น

“มึงเห็นใช่มั๊ยละ ว่าอะไรที่ไอ้เดชทำให้ไอ้โอ๊ต มันก็ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากที่ไอ้โอ๊ตมันชอบกูเลย”

“มันก็จริงของมึง แต่ความรักของใครมากของใครน้อยมันก็เอามาวัดกันไม่ได้อยู่ดี”

“ไม่มีรักมากรักน้อยหรอกมึง .. มึงแต่รักได้ กับรักไม่ได้ ความเป็นไปได้ มึงเข้าใจคำนี้ป่ะ”

“อืม กูพอเข้าใจ” มันพยักหน้ากลับมาให้ผม ถึงแม้หน้าของมันอาจจะดูงงๆ แต่ผมคิดว่ามันคงเข้าใจเหมือนที่ผมบบอกมันจริงๆ





พระอาทิตย์ของวันใหม่กำลังจะขึ้นทางทิศตะวันออกเช่นเดียวกับทุกๆวัน  เป็นสัญญาณบอกว่ากำลังเริ่มแล้ววันใหม่ แสงสว่างที่จะพาหลายชีวิตดำเนินไปตามทางที่วาดไว้ด้วยตัวเอง หรือไม่ก็วาดไว้ด้วยโชคชะตา



ความรักระหว่างผมกับน้ำมนต์คงเป็นเรื่องที่ยังคงดำเนินไปทั้งด้วยมือของเราที่วาดไว้ 





แต่ความรักของไอ้เดชและไอ้โอ๊ต .. นาทีนี้ต้องอาศัยโชคชะตา





เพราะไม่รู้เลยว่า เมื่อไหร่พวกมันสองคนจะเข้าใจและช่วยกันวาดด้วยตัวของพวกมันเอง ..













........................................................................

เม้นเยอะๆ ขอความเห็นตอนนี้หน่อย ..   :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 06-01-2012 15:19:45
ชอบประโยคนี้ค่ะ

น้ำมนต์จึงกลายเป็นคนที่ “พิเศษ” .. และ “วิเศษ” สำหรับผมไปเลย

ฟังแล้วรู้สึกว่ามันมากกว่ารักไปแล้วววววววว

โอ๊ตมีเพื่อนที่ดี แล้วคนที่รักอยู่ใกล้ตัว  ตาสวางได้แล้วค่าาาาา :beat:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 06-01-2012 15:23:17
อยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่โอ๊ตจะรักตัวเองสักที จุดยืนที่มีต่อนายปีโป้เป็นเพื่อนมันไม่สำคัญพอต่อโอ๊ตเหรอ ?? คำว่าเพื่อนมันสู้คนรักไม่ได้เลยรึไง หรือไม่รู้ว่านายโป้ให้ความสำคัญกับเพื่อนได้มากขนาดไหน คนบางคนเหมาะจะเป็นคนรักแต่กับบางคนเหมาะที่จะเป็นเพื่อน
ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ายังไม่แน่ใจว่าใครจะรักใครเป็นคนรักหรือรักใครเป็นเพื่อน ก็หันมารักตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 06-01-2012 15:27:36
โหหหหหหห ปีโป้แอบให้ข้อคิดด้วยอ่ะ ไม่น่าเชื่อ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 06-01-2012 15:33:10
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย มันเกินความคาดหมายมากๆ
ไม่คิดว่าโอ๊ตจะรักปีโป้ขนาดนี้ ช่างรุนแรงจริงๆเลย
น่าสงสารทั้งโอ๊ตและเดช อะไรที่มากไปบางครั้งก็ไม่ดี
ถ้าเดชจะวาดอยู่ฝ่ายเดียว มันก็คงจะไม่เป็นรูปเป็นร่าง
ขอให้โอ๊ตเข้มแข็งโดยไว และผ่านมันไปให้ได้นะ
โชคดีมากๆ ที่มีเพื่อนๆอยู่เคียงข้างในเวลาแบบนี้
หวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้น สำหรับวันใหม่นะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L1:
มอบเป็ดให้น้ำมนต์ (เกี่ยวมั๊ย) ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 06-01-2012 15:53:08
โอ๊ตหันมามองเดชสักทีนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 06-01-2012 16:38:36
โอ๊ตเล่นยาไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะรับกับความผิดหวังและความเสียใจไม่ได้
สงสารทุกคน ทั้งโอ๊ต เดช ปีโป้ และเพื่อนๆ
ยิ่งคนที่ต้องมาเห็นคนที่รักเป็นแบบนี้ด้วยแล้ว มันทรมานยิ่งกว่าคนที่เป็นเสียอีก  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 06-01-2012 16:45:32
งานนี้อยากจะสงสารโอ๊ตนะ  แต่มันก็เป็นผลกรรมมาจากที่โอ๊ตทำร้ายคนอื่นด้วย  แล้วพอไม่สมหวัง ก็หันมาทำร้ายตนเอง

การหักดิบด้วยวิธีของปีโป้ไม่รู้จะช่วยให้โอ๊ตคิดได้บ้างหรือเปล่า  อยากให้โอ๊ตหันกลับมารักตัวเองมากขึ้น 

เดชอยากเป็นคนรักของโอ๊ตแต่ดันตามใจคนที่ตัวเองรักในทางที่ผิด   ส่วนโอ๊ตก็อยากให้หันกลับไปมองเดชบ้างว่ายังมีคนที่รักและรอคอยที่จะให้โอ๊ตรักอยู่

ดีใจแทนปีโป้ที่ได้น้ำมนต์อยู่เคียงข้าง  เพราะน้ำมนต์เป็นคนรักที่เข้าใจ เชื่อใจ ปลอบใจ และคอยอยู่เคียงข้างโป้ตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-01-2012 17:07:00
ถึงแม้โอ๊ตจะรักโป้ไม่ได้ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่ได้รัก หันกลับมาทบททวน แล้วลองรัก คนที่รักเราดูบ้าง รักคนที่รักเรา ดีกว่ารักคนที่เรารักนะโอ๊ต
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 06-01-2012 17:16:15
สงสารโอ๊ต...สงสารเดช  :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 06-01-2012 17:31:43
ไม่มีใครผิดสำหรับความรัก...
แค่ยอมรับและทำใจ อย่าปล่อยให้ความรู้สึกมาทำร้ายเรา
สงสารโอ๊ต แต่ถ้าหากโอ๊ตผ่านไปได้
ฟ้าหลังฝน...มักจะสดใส
อ่านตอนนี้แล้ว มันสะท้อนอะไรหลายอย่าง
ยังงัยก็...อดทนไว้นะ...โอ๊ตตต



หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 06-01-2012 18:16:19
ปีโป้มีกำลังใจที่ดีๆอย่างน้ำมนต์อยู่ข้างๆแล้ว ต้องผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปให้ได้

ส่วนเดชกับโอ๊ต เรื่องที่เกิดขั้นครั้งนี้ น่าจะตัดสินอะไรได้ชัดเจนขึ้นระหว่าง จบ กับ เริ่มต้นใหม่

แต่คนอ่านอยากให้เป็นอย่างหลังมากกว่า 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 06-01-2012 18:20:26
ซึ้ง....มิตรภาพยิ่งใหญ่เสมอ
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 06-01-2012 18:51:57
ปีโป้ โอ๊ต เดช สู้ๆ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 06-01-2012 19:57:18
ความรักมีอานุภาพเสมอ ทำให้คนเราทำอะไรได้มากมาย อย่างไม่น่าเชื่อ

ความรักของโอ๊ตคงเหมือนเพลิงที่ร้อนแรง ถ้าไม่ได้ดังใจหวัง ก็ทำลายได้ทุกอย่าง แม้แต่ตัวเอง ทางเดียวที่จะดับเพลิงนั้นได้ คงเป็นจิตใจที่เข้มแข็งของตัวเองนั่นแหละ โอ๊ตต้องตัดใจให้ได้ซะดี ที่ผ่านมาไม่ใช่ตัดไม่ได้ แต่ไม่เคยตัดใจเลยต่างหาก

ตอนนี้เราสงสารปีโป้ที่สุดเลยนะ เห็นเพื่อนรัก ต้องมีชีวิตที่ไม่ดี โดยมีเหตุผลที่เริ่มจากตัวเอง คงเป็นความรู้สึกที่แย่ไม่ใช่น้อย

เอาเป็นว่า ตอนนี้ชั้นยกน้ำมนต์ให้แกตอนนึงละกันนะ ฮี่ ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 06-01-2012 20:00:35
ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง
ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ
ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 06-01-2012 20:37:47
โอ๊ตเอ้ย...เราคิดว่านายจะเข้าใจแล้วนะเนี่ย :เฮ้อ:
ตอนนี้ชอบคู่เอ็ม-หญิงจัง มันดูรั่วๆใสๆดี  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-01-2012 22:32:09
ขอให้โอ๊ตเลิกยาได้เร็วๆ และเริ่มต้นใหม่กับความรักึ
ครั้งใหม่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-01-2012 22:40:29
 o13 ยกนิ้วให้ความคิดของนายปีโป้

สงสารโอ๊ตและเดช  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 06-01-2012 23:13:08
น้ำมนต์เป็นคนพิเศษที่วิเศษมาก  o13
ปีโป้เป็นผู้ชายที่โชคดีมากที่มีคนรักที่เข้าใจและเปิดกว้าง
แต่ตอนนี้สงสารเดชจัง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 06-01-2012 23:17:47
ซึ้งมากครับตอนนี้ รอให้โอ๊ตหายดีและคิดได้สักทีว่าใครรักเราอะไร แบบไหน
น้ำมนต์โผล่มาแต่เสียงยังน่ารักเลย :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 06-01-2012 23:41:57
ตอนนี้ก็แสดงออกถึงความรักของแต่ละคน
คู่หนึ่ง น้ำมนต์ปีโป้ ก็รักด้วยความเข้าใจ ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ กว่าจะรักกันได้
อีกคู่ คงต้องอาศัยความเห็นอกเห็นใจ และโอ๊ตคงต้องตัดใจ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-01-2012 23:43:31
เป็นตอนที่สาระเต็มมากค่ะ แอบเครียดนิดๆ

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 07-01-2012 00:16:56
หน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งสงสัย และสงสาร

เห้อออออ ศาลาคนเศร้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 07-01-2012 02:47:05
หยุดทำให้ตัวเองดิ่งลงเหวซะทีเถอะโอ๊ต :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-01-2012 20:12:21
ไม่รู้สิเหมือนโอ๊ตไม่รักตัวเองเลย
ต่อให้รักโป้มากแค่ไหนก็ไม่ควร
ที่จะทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้
แล้วก็เห็นใจเดชอ่ะที่รักโอ๊ต
แต่ไม่ได้ความรักตอบอยาก
ให้โอ๊ตเปิดใจจัง
ยังงัยก็เอาใจช่วยทั้งคู่ :L2:


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-01-2012 20:39:37
โอ๊ตเก็บใจไว้รักตัวเองบ้าง ไม่ใช่ทุ่มให้คนเดียวซะหมด
รักแล้วเจ็บก็อย่ารักเลย
สงสารทั้งโอ๊ต เดช และปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 08-01-2012 21:42:14
สงสารเดชจัง
รู้ทุกอย่างแต่ก็ยังรักเค้ามากอยู่ดี
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-01-2012 00:38:33
คิดไม่ถึงว่าโอ๊ตจะเล่นยาเยนะเนี่ย
ไม่เข้าจเหมือนกันว่าโอ๊ตรักโป้มากขนาดไหน มากขนาดที่ยอมทิ้งตัวเองไปเลยเหรอ
เสียใจนะเนี่ย 
ที่จริงถ้าโอ๊ตจะคิดสักนิดว่าถ้ามันออกมาแบบนี้โป้ก็ต้องเสียใจไปด้วย เพราะส่วนหนึ่งลึกๆในใใจโป้ก็รู้อยู่แก่ใจว่าโอ๊ตทำไปเพราะรักตัวเอง
TT เศร้าอ่ะ
เลิกให้ได้นะโอ๊ต

ปล.น้ำมนต์น่ารักจริงๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 43 โชคชะตา หรือข้าลิขิต 6-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 09-01-2012 10:51:13
เพิ่งมาอ่านค่าาาาา^^
อ่านทีเดียวรวดเลย โโยส่วนตัวชอบน้ำมนต์ตอนแรกๆค่ะ
ดูหยิ่งๆ แต่น่ารัก น่าเอ็นดูมากกกก>O<
พี่โป้ก็เท่ซะ เราว่าหลายๆอย่างมันโอเคนะค่ะ
แต่หลายๆอย่างมันกลับอ่อนไป
เหตุผลมันน้อยไปบางที บางจุด เช่นตอนโป้บอกรักน้ำมนต์น้ำมนต์ไปกระโดดจูบแพร
แต่ว่าโดยรวมๆแล้วเราก็ชอบนะค่ะ
รักน้ำมนต์ :กอด1:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ^^
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-01-2012 11:29:09
ตอนที่ 44.1


“แก .... แกว่าพี่บ่าวน่ารักป่ะ” เสียงช้างน้อยลากยาวในประโยคแรก ก่อนจะตั้งคำถามในประโยคหลัง หน้าตากรุ้มกริ่มเอียงอาย

“อืม ก็น่ารักดี” ผมเงยหน้าจากนิตยสารที่เกี่ยวกับศิลปะที่ยืมช้างน้อยมาอ่านแล้วตอบไป

“เหรอ ชั้นว่าพี่แกน่ารักมากเลยนะ” ช้างน้อยพูดจา มือไม้ทำท่าเพ้อฝัน

“ไปสนิทสนมกันมาตั้งแต่ตอนไหนละ” ผมถามสวนไป พับนิตยสารที่อยู่ตรงหน้าไว้ แล้วมาสนใจที่ช้างน้อย

“ก็หลายตอนนะ แกอยากรู้ตอนไหนละ” นั่น อยากให้รู้ แต่ดันมีกั๊กอีก

“ช้างน้อยอยากเล่าตอนไหนก็เล่ามาเถอะ ท่าทีอัดอั้นมากเลยนี่” ผมบอกไปขำๆ

“แหม แกละก็ ชั้นก็แค่อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ยังไงเรื่องของชั้นก็ไม่หวานปานน้ำปีโป้เหมือนแกหรอก” และมีเหรอที่ช้างน้อยจะไม่กัดตอบ

“อ่าๆ ไม่อยากจะเถียงมากมาย ไหนเล่ามาซิ ว่าพี่บ่าวเค้าน่ารักยังไง และไปสนิทสนมกันตอนไหน” ผมก็ชักอยากรู้ขึ้นมาจริงๆแล้ว

“ก็แบบว่า เอ่อ แอร๊ยยย ชั้นเขินอ่ะแก” ไปกันใหญ่แล้วครับ ตอนที่ไม่อยากรู้กลับอยากเล่า พออยากจะรู้ขึ้นมา กลับพูดไม่ออกอีก

“งั้นเราไม่ฟังแล้ว” ผมบอกพร้อมกับทำท่าจะเปิดนิตยสารอ่านต่อ

“เอ๊ยแก เดี๋ยวดิ” ช้างน้อยบอกพร้อมกับเอามือมาปิดนิตยสารผม ผมส่งสายตาไปประมาณว่า จะเอายังไง จะเล่าหรือไม่เล่า

“อ่ะๆ เล่าก็ได้” ช้างน้อยปล่อยมือออกจากนิตยสาร ก่อนถอยตัวพิงพนักพิง เหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง ใบหน้าก็กรุ้มกริ่มชวนสงสัย นี่ผมกำลังจะได้ฟังนิทานปรัมปราหรือเปล่านะ ..

“ก็วันก่อนนะ พี่บ่าวมารับไปดูหนัง หลังจากเคยไปดูกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เค้าเลี้ยงชั้นด้วยนะ และเป็นหนังรักด้วย” ช้างน้อยเล่าด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

“ชั้นก็ถามว่าทำไมถึงชวนชั้นไปดู พี่แกบอกว่าพวกเพื่อนๆพี่แกไม่ชอบหนังแนวนี้ แต่แกอยากจะดูเลยมาชวนชั้น”

“ไม่มีใครไปดูเป็นเพื่อนว่างั้น” ผมขัดขึ้นเล็กน้อย

“ก็ประมาณนั้นแหละ แต่แกอย่าเพิ่งขัดสิ” ช้างน้อยแอบดุผม

“พอดูหนังเสร็จ มันก็ใก้ลค่ำแล้วละ แกถามชั้นว่ารีบกลับมั๊ย ชั้นก็เฉยๆ แกบอกว่างั้นไปนั่งรถเล่นกันก่อน แล้วแกก็พาไปขับรถชมเมืองเล่น ชั้นรู้สึกเหมือนเป็นแฟนพี่แกเลยนะ” ช้างน้อยพูดไปยิ้มไปกับเรื่องราวที่ตัวเองเจอมา

“แต่ก็นั่นแหละ ชั้นไม่อยากคิดไปไกล และคิดเข้าข้างตัวเอง บางทีพี่แกอาจจะเหงา ไม่มีเพื่อนคุย เลยมาชวนชั้นเฉยๆ กลัวคิดไปไกลแล้วจะผิดหวัง” เธอพูดต่อแต่เปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลแทน

“แล้วที่เป็นอยู่แบบนี้โอเคป่ะละ” ผมถามกลับ

“ก็โอเคนะ อย่างน้อยๆชั้นก็มีคนให้พอได้คิดถึง” ช้างน้อยตอบยิ้มๆ

“ถ้าโอเคแบบนี้ ก็รักษาให้มันอยู่ในสถานะแบบนี้ อย่าไปเรียกร้องอะไรให้มันมากเกินไป เพราะผิดหวังมาเมื่อไหร่ เรานี่แหละที่จะเจ็บปวด” ผมบอกไปยิ้มเช่นกัน

“ชั้นละอิจฉาแกจริงๆที่มีแฟนดีๆแบบพี่ปีโป้ แต่ก็นะคนเราไม่เหมือนกัน” ช้างน้อยพูดกับผมและสรุปไปในตัว

“ไม่มีอะไรดีไปทุกอย่างหรอก และความรักมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนๆเดียวด้วย มันขึ้นอยู่กับคนทั้งสองคน ถ้าวันไหนคนสองคนมันจูนติดกันขึ้นมา จากความรักก็กลายเป็นคู่รักได้ เราลุ้นให้ความรักของช้างน้อยกลายเป็นคู่รักไวๆนะ” ผมพูดให้กำลังใจเธอ

“ขอบใจแกนะ แต่แค่นี้ชั้นก็ยิ้มได้แล้ว เยอะกว่านี้กลัวดราม่าค่ะ” เธอบอกผมติดขำๆ





ไม่ใช่ว่าเรื่องราวความรักทุกคู่จะสุขสมหวังจะเป็นเหมือนดั่งคู่ของผมที่อีกฝ่ายตามจีบอย่างเอาเป็นเอาตายและสามารถชนะใจได้ หรือจะเป็นแบบคู่ของหญิงกับพี่เอ็ม ที่เป็นความรักที่ต่างคนต่างยอมรับ และคนทั่วไปก็มองว่าสวยงาม ความรักของคู่ช้างน้อย กับพี่เดชเหมือนกัน  มันมีเส้นทางเดินที่แตกต่างกันไป ยังต้องพบต้องเจออะไรพิสูจน์ความรู้สึกกันอีกมากมาย แต่ใครมันจะไปรู้ละ เมื่อถึงเส้นทางเส้นหนึ่ง จากคำว่าความรักในอุดมคติของแต่ละคน มันอาจจะมาบรรจบเป็นคู่รัก ในความคิดของคนคู่หนึ่งก็ได้ ..




รอบๆตัวผมมีความรักรายล้อมมากมายตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ พอรู้ก็พบว่าตัวเองก็กลายเป็นคนมีความรักไปกับเขาแล้ว หรือก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเปิดใจกับเรื่องแบบนี้ เลยมองไม่เห็น แกล้งไม่รับรู้ ปิดหู ปิดตา ปิดใจ พอมีใครบางคนเข้ามา ทุกๆอย่างจึงค่อยๆเปิดกว้างขึ้น กว้างขึ้น .. จนเข้าใจมัน




ถ้าพูดถึงความรักแล้ว จะไม่พูดถึงคู่นี้ที่ผมให้ความสนใจอยู่ห่างๆก็จะหาว่าลำเอียง นั่นคือคู่พี่โอ๊ต กับพี่เดช เรื่องราวของสองคนนี้ดูจะถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆให้ได้ยินในกลุ่มนายปีโป้ จากการแสดงความรู้สึกของพี่เดช ที่ทำให้บรรดาเพื่อนร่วมกลุ่มหันกลับมามองมุมที่ไม่เคยมีใครมอง หรือถูกปิดตายไว้ด้วยการแสดงที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของทั้งสองคน และเมื่อวันหนึ่งมีคนหนึ่งคนแสดงความรู้สึกชัดขึ้น .. ภาพบางภาพจึงเกิดขึ้นท่ามกลางข้อสงสัย และอะไรๆที่ยากจะคาดเดา





วันนี้นายปีโป้มารับผมตอนเที่ยงเพื่อนกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่จะพาผมมาโรงพยาบาล โดยก่อนหนานี้ได้เกริ่นบอกผมว่าพี่โอ๊ตไม่สบาย ร่างกายอ่อนแอ จึงต้อมารักษานอนพักให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล



ภายในห้องพักผู้ป่วยวีไอพีของโรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองที่ไม่ได้เลิศหรูอะไรมากนักสำหรับต่างจังหวัด มีเตียงอยู่กลางห้องหนึ่งเตียงที่คนป่วยนอนกดทีวีเปลี่ยนช่องไปมา และมีคนเฝ้าป่วยนอนอยู่บนโซฟาสายตาไม่ได้สนใจทีวีข้างหน้าแต่หันมามองคนป่วยตลอดเวลา อย่างกับกลัวว่าคนที่นอนบนเตียงเหล็กติดล้อนั้นจะหายไปถ้าคาดสายตา




“คนอื่นๆไปไหนหมดวะ” นายปีโป้ถามขึ้นเมื่อเดินจูงมือผมเข้ามาถึงในห้อง พี่โอ๊ตละมือจากกดรีโมททีวี หันสายตามามองนายปีโป้และมองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปเปลี่ยนช่องทีวีต่อ

“กลับไปห้องกันหมดแล้ว เหลือแต่ไอ้เดชนี่แหละ ไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับๆไปเสียที” พี่โอ๊ตตอบ

“แล้วมึงจะไล่เพื่อนทำไม เค้าอุตส่าห์ตั้งใจมานอนเฝ้ามึง มึงจะได้ไม่เหงา” นายปีโป้พูดก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่โอ๊ต โดยมีผมปลีกตัวไปนั่งที่โซฟาเยี่ยมไข้มุมห้องมุมหนึ่ง

“กูอยู่คนเดียวได้ ไม่เห็นจะตาย ผ่านเมื่อคืนมาได้ แค่อยู่คนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก” พี่โอ๊ตพูดกับนายปีโป้ ก่อนจะกดรีโมทปิดทีวี สงสัยเลื่อนช่องจนกลับมาที่เดิมและไม่มีอะไรสนใจเท่าไหร่

“ปากดีจริงๆนะมึงเนี่ย เมื่อคืนถ้าไม่มีไอ้เดชมึงจะรอดมาปากดีแบบนี้มั๊ย” นายปีโป้ว่าเพื่อน

“ใช่ว่ามันคนเดียวซะที่ไหน มีมึง ไอ้บ่าว ไอ้เอ็ม พี่เอกอีก” พี่โอ๊ตยังย้อน ผมหันดูพี่เดชที่เปลี่ยนจากมองหน้าคนไข้เป็นนอนหงายหลับตาไม่สนใจ พลันสงสารพี่แกเล้กน้อย

“แล้วไอ้เพื่อนคนไหนละที่อยู่เป็นเพื่อนมึงในห้องน้ำแคบๆที่เต็มไปด้วยฉี่ด้วยอ้วกมึงอย่างไม่รังเกียจขนาดนั้น” นายปีโป้ย้อนใส่พี่โอ๊ต

“นี่มึงจะมาด่ากูใช่มั๊ยไอ้โป้ ถ้าจะแค่มาด่ากูว่ามึงกลับไปพอดรักกับเมียมึงเหอะ กูอยากพักผ่อน” พี่โอ๊ตเหมือนหมดทางจะต่อเถียง เลยเบี่ยงเบนมาทางผมแทน ไม่รู้สิตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าพี่โอ๊ตคิดอะไรกับนายปีโป้ เหมือนพี่เค้ากับผมก็ไม่สนิทใจในการคุยกันเหมือนแต่ก่อน ผมไม่กล้า .. หรือพี่เค้าเปลี่ยนไป , อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

“กูไปแน่ แต่กูอยากให้เพื่อนกูหายดี ไม่อยากให้ต้องมากังวลอะไรแล้วทำตัวโง่ๆอีก”

“ถึงจะโง่ยังไงก็ตัวกู”

“แต่เวลาที่มึงเจ็บ ไม่ได้มีแค่มึงคนเดียวซะหน่อยที่เจ็บ คนอื่นเขาก็เจ็บปวดไปด้วย นายเจ็บ ฉันเจ็บมึงเคยได้ยินมั๊ย”

“เออ กูเคยฟังนะ เพลงเค้าออกจะดัง”

“เคยฟังก็จำใส่หัวอันชาญฉลาดของมึงเสียด้วย จะได้ไม่ทำอะไรโง่ๆอีก”

“มึงเนี่ยนะ กูไม่สบายอยู่ มาชวนกูเถียงอยู่ได้”

“อย่างมึงอ่ะไม่ตายง่ายๆหรอก ไอ้โอ๊ตที่กูรู้จัก มันเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เจ็บเพราะความรักแค่นี้ ไม่ทำให้มึงถึงตายหรอก แค่เผลอทำอะไรที่คิดว่าจะทำลายความรู้สึกได้ ก็เท่านั้น”

“มึงจะพูดอะไรของมึงอีกเนี่ย” บทสนทนาระหว่างพี่โอ๊ตกับนายปีโป้เงียบลง เช่นเดียวกับเสียงในห้องที่เงียบสนิท พี่เดชลืมตามามองพี่บนเตียงเมื่อเสียงต่างๆหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับผมที่ก่อนหน้าแค่ฟังบทสนทนาผ่านๆ แต่ตอนนี้ก็ทอดสายตาไปมองสองคนที่นั่งคุยอยู่บนเตียงเหมือนกัน



“โอ๊ต .. มึงกับกูผ่านอะไรมาเยอะแยะเหลือเกิน ยกพวกตีกัน หนีเรียน โดดเรียน ซดมาม่าหม้อเดียวกัน กินเหล้า กินเบียร์ ลองโน่นลองนี่กันมาหมดทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือกรีดเลือดร่วมสาบานกัน ความสัมพันธ์มันลึกซึ้งจนยากจะตัดขาด มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง และก็ใช่ว่ากูจะไม่รู้ว่ามึงเป็นคนยังไง

แต่มึงฟังกูนะ มึงคือเพื่อนรักกูที่กูจะไม่มีวันทิ้งให้มึงเจ็บแบบนี้อีกแล้ว ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร แค่มึงเปิดใจมองอะไรให้กว้างกว่าที่เคยมอง มีคนรักมึงมากมาย อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยนะ เวลารู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่พบแม้แต่บาดแผล มันทรมานกว่าโดนมีดกรีดอีก มึงรู้มั๊ย” น้ำเสียงของนายปีโป้พูดไปช่างเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใย ใบหน้าที่ก้มมองคนป่วยบนเตียงแฝงไปด้วยความจริงใจ มือที่ลูบผมพี่โอ๊ตนั้นดูเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งปลอบขวัญเด็กน้อยที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา คนป่วยหลับตาแน่นิ่ง สองแก้มอาบไหลด้วยน้ำตา


“ปิดตา แล้วเปิดใจ มึงจะพบของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตมึง” นายปีโป้พูดก่อนจะคลายมือออกจาหัวคนป่วย ก่อนจะเดินมาหาพี่เดช ยื่นมือไปหาคนที่นอนมองไปยังเตียงผู้ป่วยเหมือนต้องการช่วยดึงให้ลุกขึ้น ในตาพี่เดชเต็มไปด้วยร่องรอยความชื้น พี่เดชเอื้อมมือมาจับกับมือนายปีโป้ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนตามแรงดึง นายปีโป้ยิ้มให้กับพี่เดชเล็กน้อยก่อนจะดึงมือเข้ามาสวมกอดเบาๆ อบ่างกับต้องการให้กำลังใจ
มือของนายปีโป้ตบลงที่หลังของพี่เดชสองสามครั้ง



“มึงทำดีที่สุดแล้วไอ้เดช เรื่องอื่นๆที่ผ่านมาไม่ว่ามึงจะรู้สึกผิดหรือคิดมากเพราะกู กูขอให้มึงลืมไปให้หมด เรามาเริ่มต้นกันใหม่” คำพูดที่เต็มไปด้วยการให้อภัยของนายปีโป้ทำเอาผมน้ำตาซึมไปกับมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่นั้นไปด้วย นายปีโป้ปล่อยกอดจากพี่เดช ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้เดินไปหาพี่โอ๊ต



“ฝากเพื่อนรักกูด้วยนะ” นายปีโป้บอกก่อนจะส่งยิ้มให้ คนบนเตียงยังนอนหลับตาพร้อมกับทางน้ำตาที่ยังไหลออกมาเป็นสาย นายปีโป้เดินมาหาผมก่อนจะส่งมือให้ ผมเอื้อมไปจับพร้อมกับลุกเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป





ประตูห้องวีไอพีถูกปิดลงพร้อมกับคนสองคนที่อยู่ภายนอก และคนสองคนที่อยู่ภายใน นายปีโป้ดึงผมให้หยุดดูคนสองคนที่อยู่ภายในผ่านทางกระจกของประตู ภาพที่เห็นคือมือของพี่เดชเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้กับคนป่วย พร้อมกับอีกมือที่จับกันไว้ คนป่วยลืมตามามองหน้าของพี่เดช ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากหมอนและสวมกอดอีกคนเอาไว้ไปพร้อมกับสายน้ำตาของทั้งคนกอด และถูกกอด




ผมกับนายปีโป้มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม มือของนายปีโป้ที่จับผมไว้ถูกกำไว้อย่างหลวมๆ แต่มีการกระชับเป็นจังหวะเพื่อบอกว่าหัวใจเราสองคนยังเต้นและปกติดีอยู่ ผมมองหน้าอีกคนที่มองเข้าไปในห้องนั้น หน้าของเขาเปื้อนด้วยรอยยิ้มและสายตาที่มีความสุข


สิ่งที่ผมค้นพบในวันนี้คือนายปีโป้รักผม และรักเพื่อนของเขา .. ไม่น้อยไปกว่ารักผมเลย


 :3123:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-01-2012 11:38:16
เพิ่งมาอ่านค่าาาาา^^
อ่านทีเดียวรวดเลย โโยส่วนตัวชอบน้ำมนต์ตอนแรกๆค่ะ
ดูหยิ่งๆ แต่น่ารัก น่าเอ็นดูมากกกก>O<
พี่โป้ก็เท่ซะ เราว่าหลายๆอย่างมันโอเคนะค่ะ
แต่หลายๆอย่างมันกลับอ่อนไป
เหตุผลมันน้อยไปบางที บางจุด เช่นตอนโป้บอกรักน้ำมนต์น้ำมนต์ไปกระโดดจูบแพร
แต่ว่าโดยรวมๆแล้วเราก็ชอบนะค่ะ
รักน้ำมนต์ :กอด1:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ^^

ขอบคุณมากครับ ชอบความคิดเห็นแบบนี้จัง จะได้เห็นจุดอ่อนของตัวเองด้วย
ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะครับ :)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 09-01-2012 11:45:20
จิ้มก่อนนน เด่วมาอ่านนะค่ะไปมหาลัยก่อนเด้อ :z13:

------------------------------------------------
ตอนนี้น้องน้ำมนต์ไม่มีบท ก๊ากกกก :t2:
พี่ปีโป้ยังคงไว้ซึ่งความรักเพื่อน และคงความเป็นนายหัวเยี่ยงเดิม
พี่เดชก็ยังคงเป็นคนที่รักเขา และยอมเพ่อเขาทุกอย่าง
เหมือนกับโอ๊ตที่ยอมทำทุกอย่างให้ได้เขามา
ความจริงมาคิดๆดูแล้วนิยายเรื่องนี้โยงกันไปมา รักกันไปมาเนอะ ฮ่า
ชอบตรงคำนี้ค่ะ สิ่งที่ผมค้นพบในวันนี้คือนายปีโป้รักผม และรักเพื่อนของเขา .. ไม่น้อยไปกว่ารักผมเลย


อ่านแล้วดูงงๆเนอะ ต้องทำความเข้าใจสักสามนาที ฮ่าๆ
ปกติเราชอบคนที่รักแฟนและต้องรักเพื่อนพ่องด้วย อย่างพี่โป้นี่โดนสุดๆ
เสียแต่ว่า เสียน้ำตาให้คนอื่นเห็นงายไปนิด

ชอบช้างน้อย อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนสนิททุกครั้ง ร่ำไป >O<
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 09-01-2012 12:29:41
พระเอกมากนายปีโป้
 o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 09-01-2012 12:46:16
พระเอกมาเอง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 09-01-2012 12:54:38
“ปิดตา แล้วเปิดใจ มึงจะพบของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตมึง”  ประโยคนี้
สุดยอดจิงๆค่ะ อ่านแล้วซึ้ง......
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KURATA ที่ 09-01-2012 12:57:49
ตามเข้ามาอ่านพี่ปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 09-01-2012 13:38:08
ปีโป้ วันนี้ใจนายหล่อมาก

ขอให้โอ๊ตเปิดใจ รับความรัก ความปรารถนาดี ของเดชจริง ๆ เสียทีนะ

 :3123:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 09-01-2012 13:38:15
้ัีั :เฮ้อ: ขอให้ต่อจากนี้มีแต่เรื่องดีๆนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 09-01-2012 14:04:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 09-01-2012 14:27:17
อยากให้โอ๊ตคิดได้ซะที
สงสารเดชมาก
สงสารโอ๊ตด้วย
รักกันเร็วๆนะ
เดชสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 09-01-2012 14:51:12
ซึ้งอ่ะ ซึ้ง ยังไม่หมดใช่มั้ยยังอีกครึ่ง รีบมาต่อนะ จะได้ซึ้งรวดเดียวครบเซ็ต :กอด1:  :m1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-01-2012 14:57:39
นายปีโป้ปล่อยกอดจากพี่โอ๊ต ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้เดินไปหาพี่เดช => น่าจะเป็ยนายโป้ปล่อยกอดจากพี่เดช แล้วให้เดินไปหาพี่โอ๊ตรึเปล่าเอ่ย ??
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 09-01-2012 15:00:53
ว๊ากกกกกกกกกกกกกก
เดชสุดยอดดดดดด
โอ๊ตมาหาเดชเอถะคนแบบนี้ในโลกนี้ไม่มีแล้วนะโว้ย
ฮ่าๆๆๆๆๆ อยากอ่านคู่โอ๊ตเดชมากอ่านไปตอนนึงซึ้งเว่อร์
ปีโป้สุดยอดน้ำมนต์ภูมิใจมากอ่าดิงานนี้
จัดให้หน่อยน้ำมนต์1ดอก 555++
ปล.อีกครึ่งหลัง คืนนี้ใช่ไหม 55555++รอๆๆอยากอ่านคืนนี้จัง
+1 :bye2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-01-2012 15:33:37
นายปีโป้ปล่อยกอดจากพี่โอ๊ต ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้เดินไปหาพี่เดช => น่าจะเป็ยนายโป้ปล่อยกอดจากพี่เดช แล้วให้เดินไปหาพี่โอ๊ตรึเปล่าเอ่ย ??

ขอบคุณมากครับ ช่วงนี้เลขาตรวจคำผิดไม่ค่อยว่าง เดินสายบ๊อยยยยบ่อย เลยไม่มีใครตรวจเนื้อเรื่องให้เลย ขอบคุณที่บอกครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-01-2012 16:46:57
^
^
^
ยินดีค่ะ ร่วมด้วยช่วยตรวจสอบจะอ่านอย่างเดียวก็กระไรอยู่ 555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-01-2012 17:48:55
เยี่ยมสุดยอดเลยนายหัวโป้ โอ๊ตจะได้ไมคิดมากเรื่องนี้ซะที
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 09-01-2012 18:37:09
ซึ้งกินใจ!!  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 09-01-2012 19:04:30
นายหัวโป้ นายเยี่ยมมากกกก o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 09-01-2012 19:09:27
มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-01-2012 19:20:57
รักกัลรักกัล :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-01-2012 20:11:43
ปีโป้สิ่งที่นายทำวันนี้มันเยี่ยมมาก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-01-2012 20:29:49
น้ำตาซึมไปกับความเป็นเพื่อนรักที่แท้จริง ความจริงใจที่มีให้กัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพที่มองเห็นในห้องผ่านช่องกระจกนั้น
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 09-01-2012 20:46:09
รักกันๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: MrTeddy ที่ 09-01-2012 20:48:28
 :m15: ซึ้ง + ตื้นตัน กับความรักของเพื่อน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.1 มาซึ้งๆก่อนครึ่งแรก 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 09-01-2012 21:25:18
หวานบ้างทะเลาะกันเบาๆบ้าง จะได้ไม่มีดราม่าโถมเข้ามาจนตั้งตัวไม่อยู่
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-01-2012 21:31:26
ตอนที่ 44.2

“ทำไมพูดเก่งจัง ไปจำจากไหนมาเหรอ” ผมถามนายปีโป้ขณะที่เรากำลังนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟชิวๆร้านหนึ่ง อารมณ์ไหนของเขาอีกไม่รู้ถึงอยากนั่งร้านกาแฟแบบนี้

“พูดอะไรเหรอ” นายปีโป้ถาม

“ก็พูดกับพี่โอ๊ตไง พูดซะซึ้งจนเราน้ำตาแทบไหล” ผมบอกไป

“อ๋อ ทำไมวะ ก็พูดออกมาจากความรู้สึก จากความคิด จากก้นบึ้งของหัวจายยยยย” นายปีโป้พยายามพูดจริงจัง แต่ก็ไม่วายกวนๆในตอนหลัง

“เราชอบจัง ความรู้สึกรักเพื่อนของนาย” ผมบอกไปตามความคิดของผม นายปีโป้ยิ้มให้มาเชิงงงๆ ที่ผมกลับประทับใจในเรื่องแบบนี้ของเค้า

“สำหรับนักเลงนะเว๊ย ขาดเหล้าได้ แต่ขาดเพื่อนไม่ได้ นักเลงคนไหนไม่มีเพื่อน มันไม่ใช่นักเลง มันก็แค่คนวางมาดทำซ่า ใครตีมันก็ตายเดี่ยว แล้วคนที่จะเป็นนักเลงได้ ต้องซื้อกันด้วยใจ ไม่ใช่แค่ให้เหล้าแล้วได้คำว่ามิตรภาพไป” คนตรงหน้าผมพูดอะไรที่ดูจริงจังมากในตอนนี้ แต่ผมกลับยิ้มรับความคิดของอีกคนอย่างชอบใจ

“มึงเชื่อมั๊ยว่าพวกขี้เมา ตั้งวงเหล้าทั้งหลายอ่ะ ไม่ใช่ว่ามันอยากจะกินเหล้าเท่าไหร่นะเว๊ย มันอยากจะคุย อยากจะแลกเปลี่ยนชีวิตกันมากกว่า เอาเรื่องคนนี้มาคุย เอาเรื่องคนนั้นมาเปิดใจ ใครมีอะไรก็ช่วยๆกัน เค้าถึงบอกไงว่าไม่มีความลับในวงเหล้า และเหล้าเป็นตัวเปิดปากคนเรา” ผมพยักหน้ารับในสิ่งที่อีกคนพูด

“ชีวิตกูถึงอายุแค่นี้ก็ผ่านวงเหล้ามาเยอะ รู้จักคนมาก็ไม่น้อย บางคนเข้ามาประจบสอพลอ พอได้ที่ตัวเองต้องการก็ไป บางคนก็ต้องการบารมีคุ้มครอง บางคนก็อยากได้มิตรภาพที่แท้จริง กูไม่ได้หมายความว่าเป็นนักเลงแล้วต้องเมานะเว๊ย แค่ต้องรู้จักเข้าสังคม เพื่อสร้างบารมี”

“ดูยิ่งใหญ่จริงแฮะ” ผมสวนเล่นๆ

“มึงอาจจะหาว่ากูเว่อร์ แต่กูว่ามันจริงวะ กูรักเพื่อนกูมากนะ เพราะเพื่อนมันเข้ามาด้วยจุดประสงค์ของการพึ่งพากันและกัน ใครมีไรก็ช่วยกัน อย่างกูก็พึ่งเรื่องเรียนไอ้โอ๊ต ไอ้โอ๊ตก็พึ่ง พึ่ง เอ่อ มันพึ่งอะไรก็บ้างวะ”

“ฮ่าๆๆ นั่นสิ เค้าพึ่งอะไรนายกันบ้าง มีแต่นายที่ไปพึ่งเค้า” ผมตลกกับตัวอย่างที่นายปีโป้จะยกขึ้นมา แต่กลับไม่สมบูรณ์ซะงั้น

“ไม่รู้แหละ แต่กูรู้สึกว่าเราพึ่งพากันอยู่  ส่วนแฟนนะ มันเข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน เราไม่ได้ต้องการพึ่งพากัน แต่เราต้องการกันและกัน”

“โอ้วววว เน่าซะ” นับวันผมจะเริ่มมีแฟนเป็นพระเอกลิเกแล้วครับ

“กูคิดแบบนี้จริงๆ มึงไม่เชื่อก็ตามใจ” ดูครับ ทำท่าทางงอนด้วย

“เชื่อสิ ทำไมไม่เชื่อละ”

“อืม ขอบใจนะที่เชื่อกู กูอยากให้มึงเข้าใจกูนะ ว่าสำหรับกู กูขาดเพื่อนไม่ได้จริงๆ และกูก็ขาดมึงไม่ได้เหมือนกัน” คำพูดพร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับกันตรงกลางโต๊ะ ไม่รู้ว่ามันจะซึ้งอะไรหรือเปล่า แต่ผมก็ยิ้มให้กับมัน





คำถามระหว่างให้เลือกเพื่อนกับเลือกแฟน คงเป็นคำถามโลกแตกของทุกวันนี้ ว่าจะเลือกใครดี เพราะทั้งสองก็สำคัญพอๆกัน บางคนบอกว่าเลือกแฟน เพราะแฟนมีได้แค่คนเดียว เพื่อนมีได้เยอะแยะมากมาย บางคนก็บอกว่าเลือกเพื่อน แฟนหาเมื่อไหร่ก็ได้ .. ก็แล้วแต่เหตุผลของใครของมัน ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก




แต่ถ้าเป็นไปได้ก็คงไม่มีใครอยากเลือก งั้นคนที่เป็นแฟนอย่างผมจึงควรเข้าใจไว้ว่า คนอย่างนายปีโป้เป็นอย่างไร และเพื่อนของนายปีโป้ก็ต้องเข้าใจด้วยสินะ .. ว่านายปีโป้เป็นอย่างไรเหมือนกัน ปัญหาระหว่างเพื่อนกับแฟนจะได้ไม่เกิดเหมือนกับคู่อื่นๆ






“น้ำมนต์” มีเสียงเรียกผมมาทางด้านหลัง ก่อนที่จะหันไปมองนายปีโป้ก็สายตาและสีหน้าเปลี่ยนแล้ว

“อ้าว แพร” ผมหันไปมองก็พบกับหญิงผมยาวเจ้าเสน่ห์ที่ผมมองทีไรก็ไม่เคยเบื่อสักที

“มาทำอะไรที่นี่เหรอน้ำมนต์” เธอถามผม

“มานั่งเล่นอ่ะ แพรละ” ผมตอบแล้วถามต่อ

“อ๋อ นี่ร้านพ่อแพรเอง” เอ่อ โลกมันช่างกลมดีเนอะ

“ดีนะมากินครั้งแรก” เสียงของนายปีโป้หลุดมาครับ

“อ่า พี่ปีโป้สวัสดีคะ” เลยทำให้แพรรู้ว่าผมมากับนายปีโป้

“กลับกันยังน้ำมนต์ เค้าง่วงแล้ว” เอ่อ ดูเขาสิครับ เพิ่งกินกาแฟปั่นไป บ่นว่าง่วง แถมแทนตัวเองว่าเค้าด้วย

“ง่วงอะไร เพิ่งกินกาแฟไป” ผมย้อนถาม เพราะพอจะจับทางได้ว่านายปีโป้ต้องมีลูกไม้อะไรแน่ๆ

“ก็เค้าไม่ชอบกินกาแฟ กินไปแล้วชอบง่วง” เหตุผลฟังขึ้นมาก

“งั้นเรากลับก่อนนะแพร ไว้คราวหน้าจะมานั่งเล่นใหม่ ร้านแต่งน่ารักมาก” ผมไม่อยากจะมากความกับนายปีโป้ เลยบอกลาแพร

“จะกลับแล้วเหรอ เพิ่งมาเอง ไปวิทยาลัยก็ไม่ค่อยเจอหน้าเลย” แพรแอบบ่นน้อยใจเล็กน้อย

“นั่นสิ ว่างๆมาทานข้าวกันตอนเช้าบ้างสิ” ผมบอกเป็นคำเชิญชวน

“ใช่น้องแพร ว่างๆมากินกับพี่กับน้ำมนต์บ้างก็ได้นะ ทานกันสองคนเหง๊า เหงา” นายปีโป้ยังไม่หยุดก่อกวนครับ

“อ่า ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะพี่ปีโป้ น้ำมนต์ ไว้คราวหน้าเราค่อยคุยกันนะ วันหลังก็มานั่งร้านอีกบ้างละ นี่ถ้ายังไม่จ่ายเงิน แพรอยากจะเลี้ยงเลยนะ” แพรเหมือนไม่อยากเล่นด้วยกับนายปีโป้จึงตอบปฎิเสธไป จึงชวนผมมาวันหลังแทน ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน ร้านนี้จะจ่ายตั้งแต่รับเครื่องดื่มมาเลยครับ

“โอเค เดี๋ยวว่างๆเราจะมาเที่ยวอีก เรากลับละนะ เจอกันที่วิทยาลัยนะ” ผมบอกแล้วยกมือโบกลาไป ส่วนนายปีโป้ก็มองยิ้มๆ แล้วก็เอามือมาพาดบ่าผมลากผมเดินออกมา พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างเหมือนต้องการให้แพรได้ยิน

“ตัวเอง แต่เค้าไม่ชอบนั่งร้านกาแฟเท่าไหร่นะ เค้าชอบนั่งร้านเหล้าอะไรพวกนี้ คราวหน้าเราไปนั่งร้านเหล้ากัน” 





“ทำไมไปพูดแบบนั้น ไม่น่ารักเลยนะ” ผมดุนายปีโป้เมื่อออกมาถึงที่จอดรถ

“ทำไมละตัวเอง เค้าพูดไม่น่ารักยังไงอีกละ” ดูครับดู ยังไม่หยุดเล่น

“แล้วไอ้พูดเค้าตัวเองนี่อีก ร้อยวันพันปีไม่เคยพูด มาพูดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของนี่นะ” ผมเริ่มจะไม่เข้าใจคนๆนี้มากขึ้นทุกวัน .. ไอ้เข้าใจมันก็เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสินะ




“ก็กู หวงของกู หึงของกู รักของกู เข้าใจมั๊ย” นายปีโป้พูดมาเหมือนไม่พอใจที่ผมประโยคก่อนหน้านี้ไป

“เข้าใจ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นกับแพรเลย เค้าไม่ได้ทำอะไรให้เราซะหน่อย” ผมก็ไม่ยอมใจอ่อนหรอก ในเมื่อผมมองว่าเขาก็ทำไม่ถูกนัก

“ไม่ได้ทำอะไร มึงคิดว่าเค้าจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ เค้าชอบมึงนะ”

“แต่เรารักกันไม่ใช่เหรอ ?”




ผมถามไปด้วยสีหน้าจริงจัง สำหรับผม แพรก็ไม่ต่างอะไรจากจอยหรือน้องเดียว ที่เป็นเหมือนคนเก่าหรือคนที่เราสองคนอาจเคยรู้สึกดี แตกต่างซะอีก ผมกับแพรเป็นแค่เพื่อนกัน เราไม่เคยมีสัมพันธ์อะไรเกินกว่านั้น ถ้าไม่นับการทำอะไรที่พลาดพลั้งของผมครั้งนั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
ผมเลยมองว่าคนเหล่านี้ไม่เคยส่งผลอะไรกับชีวติคู่ผมเลย ถึงแม้ว่าเขาจะชอบผม .. แต่เรายังรักกันไม่ใช่เหรอ ?




“กูขอโทษ” นายปีโป้บอกมา

“ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเข้าใจความรู้สึกนาย รู้ว่านายหึงเรา และเราก็ไม่โกรธด้วย เราแค่อยากบอกนายว่าแพรเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรา เราไม่อยากให้นายแสดงพฤติกรรมแบบนั้นกับเค้า ไม่ว่านายจะมองว่าเค้าเป็นศัตรูหรือยังไง แต่เค้าก็คือเพื่อนเรา เราแค่อยากให้นายให้เกียรติเพื่อนเรา เหมือนที่เราให้เกียรติเพื่อนนาย .. แค่นี้เอง”


ผมตอบไปยิ้มๆ ผมเข้าใจนะครับ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องมาคุยกัน ว่าที่ทำไปถูกหรือเปล่า ไม่อยากจะให้ครั้งหน้าผมสู้หน้าแพรไม่ติด เพราะผมก็มองมันเป็นมิตรภาพ ไม่จากที่นายปีโป้มีหรอก

“อืม กูเข้าใจแล้ว เดี๋ยวกูมานะ”

“จะไปไหน” ผมถาม

“ไปขอโทษน้องแพร” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินเข้าไปในร้านอีกครั้ง ผมเห็นแพรก็ยังยืนอยู่ตรงเคาวน์เตอร์ของร้านมองมาทางนี้ และมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่นายปีโป้เข้าไปคุยด้วย ก่อนจะยิ้มแย้มกับนายปีโป้ และคุยอะไรกันไม่รู้อีกพักใหญ่ และนายปีโป้ก็เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม








“ไปคุยอะไรกันตั้งนาน เห็นบอกแค่จะไปขอโทษ” ผมถามสีหน้าอยากรู้

“เป็นนักเลงมันก็ต้องมีทักษะการพูด อยู่ๆจะเข้าไปขอโทษได้ไง” อีกคนตอบมายิ่งทำให้ยิ่งอยากรู้

“แล้วไปคุยว่าไงละ”

“ก็ไปชมว่าแต่งร้านสวย ใช้งบประมาณเยอะไหม บอกไปว่าอยากให้พ่อเปิดที่ขนอมบ้าง กาแฟชงยังไง มีสอนหรือเปล่า แล้วก็ชวนไปทานข้าวตอนเช้า แล้วก็ขอโทษที่ไร้มารยาทเมื้อกี้ แล้วก็เดินมา” นายปีโป้บอกผมมาหน้ายิ้ม

“เจ้าเล่ห์เก่งตลอดสินะ” ผมละอดหมั่นไส้กับฝีปากของอีกคนไม่ได้

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นจะได้มึงเรอะ”

“ได้อะไร ?”

“ได้มาเป็นแฟนไง” นายปีโป้ตอบพร้อมยิ้มตาหยี ก่อนเดินไปสตาร์ทรถ แล้วหันมาพยักหน้าเร่งให้ผมรีบขึ้นซ้อนตามไป






ผมไม่รู้หรอกครับว่าชีวิตของคนอื่นๆมีใครรายล้อมรอบกายบ้าง บางคนอาจมีแค่เพื่อน บางคนอาจจะมีแฟนด้วย แต่สิ่งที่ผมรู้คือความหมายของคำว่ามิตรภาพ ไม่ว่าช่วงชีวิตไหนเราก็ต้องมีมิตร มีไว้ไม่เสียหายแน่ๆ .. ผมจึงเลือกเก็บมิตรภาพดีๆระหว่างผมกับแพรไว้ แม้อีกคนอาจรู้สึกดีมากกว่าที่ผมรู้สึก แต่เชื่อว่าสักวันหนึ่ง ความเป็นเพื่อนจะช่วยหลอมให้เรารู้สึกในสิ่งเดียวกัน



ตัวละครที่เข้ามาในชีวิตเราบางคน ถึงแม้ว่าไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับเรามาก เช่นกันที่ไม่ส่งผลกระทบมากนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องตัดตัวละครนั้นทิ้งนี่ครับ ปล่อยให้เขาได้ดำเนินชีวิตในแบบของเขา ในโลกของเราได้ เว้นแต่วันหนึ่งเขาจะสร้างผลกระทบมากกว่าผลดี .. วันนั้นเราค่อยมาพิจารณาว่าเขาควรอยู่ในโลกของเราอีกหรือเปล่า





“แล้วตกลงไปเอาคำพูดว่าเค้ากับตัวเองมาจากไหน  หึ ?”








รู้สึกว่าเรื่องมันใกล้จะจบแล้วนะ .. (บอกไว้ก่อน .. จะได้เตรียมใจ อิอิ)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 09-01-2012 21:40:37
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 09-01-2012 21:52:11
ซึ้ง......
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 09-01-2012 21:55:52
นั่นนะสิ อ่านไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่าคนเขียนตั้งใจจะจบเรื่องเร็วๆ นี้ยังไงไม่รู้
พออ่านที่คนเขียนทิ้งท้ายไว้จบ ก็โป๊ะเชะเลยแฮะ
เคลียร์กันหมดแล้วหรือยังหนอ ทั้งแพร โอ๊ต เดช  ไอ้น้องเดียว (คนสุดท้ายยังไม่เคลียร์ แต่ดูเหมือนจะทำอะไรทั้งคู่ไม่ได้  :laugh: )

ขอบคุณคนเขียนมากๆ ค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 09-01-2012 22:00:41
คุณคนเขียนใจดีมากกกกกกกก
ว่าแล้วต้องมาต่อ  :mc4:
อ่านเรื่องนี้แล้วอารมณ์ดีมากๆๆๆ  :really2:
ดีที่สุดแล้วน้ำมนต์ใครได้ไปโชคดีจริงๆๆ
นายปีโป้นายโคตรๆๆโชคดีเลยหาคนแสนดีแบบนี้ได้อีกที่ไหน
ปล.รักคนเขียนจัง  :man1:
+1อีกได้ไหม ได้สินะ 555++ ถ้าไม่ได้ทำไงอ่าขอบวกไปก่อนละกันเพราะขึ้นตอนใหม่แล้วนิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 09-01-2012 22:06:41
นั่นนะสิ อ่านไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่าคนเขียนตั้งใจจะจบเรื่องเร็วๆ นี้ยังไงไม่รู้
พออ่านที่คนเขียนทิ้งท้ายไว้จบ ก็โป๊ะเชะเลยแฮะ
เคลียร์กันหมดแล้วหรือยังหนอ ทั้งแพร โอ๊ต เดช  ไอ้น้องเดียว (คนสุดท้ายยังไม่เคลียร์ แต่ดูเหมือนจะทำอะไรทั้งคู่ไม่ได้  :laugh: )

ขอบคุณคนเขียนมากๆ ค่า  :pig4:

ผมว่าผมพยายามลากเรื่องเยอะแล้วนะ นี่ผมรีบตัดอีกเหรอ คริๆๆ พยายามใส่ฉากหวานๆคั่นเวลาบ่อยๆด้วยซ้ำ อิอิ
ขอบใจที่ติดตามเด้อ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-01-2012 22:19:21
จะจบแล้วอ่าาา  เง้ออ  คงคิดถึงนายหัวโป้กะน้ำมนต์แย่เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 09-01-2012 22:25:53
ก่อนจบไม่ลองให้น้ำมนต์ ได้เป็นนายเอก จีจ้า รึ จา พนม มั่งเหรอ อิอิ ล้อเล่น
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 09-01-2012 22:28:41
นั่นนะสิ อ่านไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่าคนเขียนตั้งใจจะจบเรื่องเร็วๆ นี้ยังไงไม่รู้
พออ่านที่คนเขียนทิ้งท้ายไว้จบ ก็โป๊ะเชะเลยแฮะ
เคลียร์กันหมดแล้วหรือยังหนอ ทั้งแพร โอ๊ต เดช  ไอ้น้องเดียว (คนสุดท้ายยังไม่เคลียร์ แต่ดูเหมือนจะทำอะไรทั้งคู่ไม่ได้  :laugh: )

ขอบคุณคนเขียนมากๆ ค่า  :pig4:
^
ความรู้สึกเดียวกัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-01-2012 22:45:48
ถ้าจบคงคิดถึงน้ำมนต์-นายหัวโป้และผองเพื่อนมากๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 09-01-2012 22:49:58
เอ่อ.. โป้ อย่าพูดเค้ากะตัวเองเลยนะ คนอ่านขนลุก o21 :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 09-01-2012 23:10:16
ขอบคุณมากครับ ช่วงนี้เลขาตรวจคำผิดไม่ค่อยว่าง เดินสายบ๊อยยยยบ่อย เลยไม่มีใครตรวจเนื้อเรื่องให้เลย ขอบคุณที่บอกครับ

อุ๊ย โดนคนอ่านแย่งตำแหน่งเลขาห้าร้อยไปซะแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 09-01-2012 23:52:40
สองคนนี้เวลาเค้าคุยกันนี่น่ารักตลอด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 10-01-2012 00:12:59
ตามทันแ้ล้ว

เย้ๆๆ

ฮ่าๆ

สนุกค้าบ... อิอิ

น้ำมนต์น่ารักชะมัด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 10-01-2012 01:45:52
จะรีบจบไปไหนคะ
ยังสนุกอยู่เลยอ่ะ
อ่านตอนแรกๆก็ซึ้งมาก
พี่โป้ นักเลงหญ๋ายยยยย
พอเจอบรรทัดสุดท้าย
ใจหายเลยค่ะ
ไม่อยากให้รีบจบ
แต่ก็ตามใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 10-01-2012 10:07:16
ปีโป้ นายหล่อมาก  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 10-01-2012 10:14:07
นายปีโป้ นี่มันตลกนะ แล้วก็น่ารักด้วย หึงได้อนุบาลหมีน้อยมาก แต่ก็เข้าใจในสิ่งที่น้ำมนต์รู้สึกได้รวดเร็ว คนรักกันมันต้องอย่างงี้สินะ

ว่าแต่จะจบแล้วเหรอ ใจหายจริง ๆ อ่ะ ชอบน้ำมนต์กะปีโป้มาก ๆ แต่ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วก็เข้าใจค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 10-01-2012 10:23:17
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ ซาบซึ้งไปกับคำว่าเพื่อน
โอ๊ตโชคดีนะ ที่มีเพื่อนดีๆอยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งกัน
ทำให้ผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้อย่างปลอดภัย
ต่อไปก็รักตัวเองให้มากๆ สมกับที่เพื่อนเค้ารักเรา
ตอนนี้โป้พูดได้ซึ้งใจมาก พระเอกสุดๆ
แต่น้ำมนต์ยังแอบติดใจ คำว่า เค้ากับตัวเองอยู่สินะ :laugh:
ไม่รู้ไปได้มาจากใคร  :m20:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 10-01-2012 10:47:38
โป้ใจนายหล่อมาก o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 10-01-2012 13:21:59
แอบสงสัยว่านายปีโป้ไปกินยาผิด มาเปล่านิ  พูดได้ดีเกินคาด   ยิ่งตอนที่พูดกับโอ๊ตนี่แบบ พระเอกสุดๆ

นายโป้แกไหลลื่นมากนะ  มีกลัวเสียฟอร์มที่จะเอ่ยปากขอโทษนะ 

เหลือเคลียร์กับอิน้องเดียวก็จบแล้วดิ     แต่ก่อนจบขอตอนพิเศษคู่เดช-โอ๊ตในแบบหวานๆ ด้วยนะคะคุณหลังเขา  :call:   

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 10-01-2012 17:42:33
ปีโป้นึกยังไงเนี่ยใช้เค้ากับตัว  o22
ชอบคำของน้ำมนต์ "แต่เรารักกันไม่ใช่เหรอ?"
โดนใจมาก!!  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 10-01-2012 20:11:57
น้ำมนต์น่ารักจริงๆนะเนี่ย
เป็นคนที่เข้าใจและพยายามจะเข้าใจ อดทนเป็นเลิศ
ได้คนดีๆมาอยู่ข้างตัวแล้วห้ามปล่อยไปไหนเชียวนะนายหัวโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 10-01-2012 20:26:03
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 44.2 ครึ่งหลังกับคำว่ามิตรภาพ 9-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KiissHy ที่ 10-01-2012 21:42:18
ชอบนายโป้พูดเรื่องมิตรภาพจัง พูดได้ดีมากเลย  o18

แต่พูดเค้ากับตัวเองนี่  :m20: ก๊ากกกกกก นายหัวโป้เอ้ย ทำไมน่ารักอย่างนี้เนี่ย

ไม่ว่าใครก็ทำไรไม่ได้ถ้าคนสองคนเข้าใจกันแบบนี้เนอะ

^^

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 11-01-2012 12:04:53
ตัวอย่างตอนต่อไป



“กูว่ากูออกไปก่อนดีกว่า” ผมพูดกับตัวเอง

“เอ๊ย ไอ้โป้ มาตั้งแต่ตอนไหน” ไอ้เดชที่เผื่อสายตามามองผมบ้าง มองกลับมาทางผมแล้วทักขึ้น

“นึกว่าจะไม่สนใจกูซะแล้ว” ผมว่ามัน

“เข้ามาตอนไหนวะ ทำไมไม่เคาะประตูบ้าง” ไอ้โอ๊ตถาม มองสีหน้ามันแล้วคงดีขึ้น เพราะว่าได้น้ำเกลือไปหลายขวดแล้ว พรุ่งนี้คงออกจากโรงพยาบาลบ้าน หลังจากนี้ก็คงต้องบำบัดกันอีกเล็กน้อย เพื่อไม่ให้มันกลับไปเล่นยาบ้าๆนั่นอีก

“เออ กูขอโทษ กูไม่คิดว่าพวกมึงจะสปาร์คกันขนาดนี้” ผมแซวพวกมัน

“สปาร์คไรมึง” ไอ้โอ๊ตสวนมาแบบอายๆ

“แหมๆ ถ้ากูเข้ามาช้ากว่านี้ กูว่ากูคงได้เห็นอะไรเด็ดๆ” ผมยังไม่หยุดแซวก่อนจะส่งถุงของกินไปให้ไอ้เดช ที่ยืนยิ้มอายๆอยู่ไม่ห่างจากเตียง มันรับไปแล้วไปจัดการ

“ทะลึ่งนะมึง กูไม่นอกใจมึงหรอก” ไอ้โอ๊ตล้อผมครับ

“ให้มันแน่นะ อย่ารักใครมากกว่ารักกูละ กูไม่ยอมจริงๆด้วย” เล่นมาก็เล่นไปครับ

“พวกมึงเล่นกันไม่เกรงใจกูเลยนะ” ไอ้เดชครับ สวนมาทันที

“พวกมึงเป็นไรกัน ทำไมกูต้องเกรงใจ” ผมย้อนถาม ทำหน้ายักคิ้วใส่ไอ้เดช ไอ้เดชถึงกับเงียบหันไปมองหน้าไอ้โอ๊ตที่ส่งสายตาไม่รู้ไม่ชี้

“นั่นไง ก็ไม่เห็นจะเป็นไรกัน ..”

“เป็น !!” ผมพูดไม่ทันจบ ไอ้เดชก็ขัดขึ้น หันหน้ามามองผมอย่างจริงจัง มึงจะต่อยกูมั๊ยเนี่ย ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้โอ๊ต ที่มันหันมามองไอ้เดชอย่างตกใจกับคำว่าเป็นของมันเหมือนกัน

“เป็นอะไรของมึง” แต่มีเหรอที่ผมจะยอม การงัดปากคนนี้ชอบนักชอบหนาแหละ

“ไม่รู้ ถามไอ้โอ๊ตเอาเอง” ไอ้เดชมีโบ้ยครับ

“เอ๊ย โยนขี้มาทางกูอีก” ไอ้โอ๊ตหันหน้าหนีครับ

“ปากหนักกันทั้งคู่” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ และเหมือนสองคนนั้นจะได้ยิน เพราะมันสองคนก็หันมามองทางผมเป็นตาเดียวกัน ผมเดินช้าๆ มานั่งที่โซฟาเยี่ยมไข้ สายตาของมันก็มองมาทางผมอย่างกับกล้องวงจรปิด เมื่อเห็นว่าผมทำเป็นไม่สนใจ พวกมันสองคนเลยสบตากัน เหมือนต้องการจะบอกอะไรกันและกัน





“เป็นแฟนกับกูได้มั๊ย .. ไอ้โอ๊ต”









............................................................

เต็มตอน .. ตอนไหนดี  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 11-01-2012 12:41:48
เต็มตอน .. ตอนไหนดี 

^
^


ตอนนี้แหละ จัดมา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 11-01-2012 12:59:38
นั้น มาหย่อนระเบิดไว้อีก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 11-01-2012 13:13:05
ถ้าจะถามว่าตอนไหน
ขอตอบว่าตอนนี้เถอะ 5555555++
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 11-01-2012 13:40:21
ฟ้าหลังฝน...ของเดชกับโอ๊ต
หวานซะที....
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 11-01-2012 13:51:07
จะตอนไหนก็มาเห้ออออ
มาทำให้อยาก(อ่าน) แล้วจากไป :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-01-2012 14:06:14
อืม..เนอะ อ่านๆไปก็คิดอยู่นะว่า ปมต่างๆ ก็คลี่คลายไปทีละปมๆแล้ว รอวันจะใจหาย(เรื่องจบ)เหมือนกัน
ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องราวต่างๆมันต้องมีจุดจบ แต่ก็เนอะ มันอดใจหวิวๆไม่ได้ เมื่อรู่ว่าเรื่องจะจบ หรือจบเรื่องน่ะ
รอเรื่องของเดชกะโอ๊ตเต็มตอน ตอนไหน ก็ตอนนั้นแหละ ตามใจคนเขียนล่ะกัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 11-01-2012 15:12:33
ตอนนี้แหละ อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 11-01-2012 16:40:18
ความรักมันเป็นของเรา อย่าให้ใครมาหยิบยืมเอาไปล้อเล่นกับหัวใจและความรู้สึก   o13 o13
เวลารู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่พบแม้แต่บาดแผล มันทรมานกว่าโดนมีดกรีดอีก มึงรู้มั๊ย o13 o13

ชอบๆ 

 :เฮ้อ: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 11-01-2012 18:07:50
ว๊ากกกกก  เอาอีกๆ
ค้างอย่างรุนแรง  จัดมาเลย  ตอนนี้แหละ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-01-2012 19:36:12
อ่านตัวอย่างแล้ว :m16:

มาต่อให้เต็มตอนซะทีนะ   o18
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 11-01-2012 20:26:42
 อ่านตัวอย่างตอนต่อไป แล้ว  ขอ :mc4:  :pig4: คุณหลังเขามากค่ะ  ได้ตามคำขอ  รีบจัดมาด่วน 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 11-01-2012 21:03:02
ตามอ่านทันแล้ว  แอบส่งตัวอย่างตอนต่อไปมายั่วคนอ่านด้วยอะ  :laugh:

ต้องขอบอกว่าตั้งแต่แรกก็สะดุดตากับชื่อเรื่อง "กลรักเปื้อนสี" ชื่อเรื่องน่าสนใจดี
พอเริ่มอ่านไปสองตอนก็เข้าใจว่าเป็นความรักของหนุ่มช่างกลกับหนุ่มช่างศิลป์นี่เอง

อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าคุณหลังเขาเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากกว่าสองเรื่องที่ผ่านมา
เวลาอ่านเรื่องผ่านการเล่าเรื่องของปีโป้กับน้ำมนต์แล้วรู้สึกว่าเหมือนมีคนสองคนมาเล่าเรื่องให้ฟังจริงๆ

 จากที่อ่านมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนล่าสุดนาโอมิเข้าใจว่าเรื่องกลรักเปื้อนสีคุณหลังเขาตั้งใจนำเสนอแก่นเรื่องความเป็นเพื่อนแท้ มิตรภาพของความเป็นเพื่อนเป็นเรื่องหลัก ไม่ได้มุ่งเสนอภาพดราม่า แต่สำหรับเรื่องนี้เห็นคุณหลังเขาปูเรื่องไว้ค่อนข้างใหญ่ มีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนรุ่นพ่อแม่ของปีโป้กับน้ำมนต์ ความขัดแย้งของแฟนเก่าของปีโป้กับน้ำมนต์
หรือแม้แต่ประโยคที่นายปีโป้เคยสัญญากับน้ำมนต์ว่า

"ถ้าทำให้น้ำมนต์ต้องร้องไห้หรือเสียใจอีกจะเป็นฝ่ายเดินจากน้ำมนต์ไปเอง"

ซึ่งประเด็นเหล่านี้สามารถขยายเรื่องออกไปได้พอสมควร ถ้าจะจบในเร็วๆ นี้จริงก็รู้สึกเสียดายประเด็นที่อุตส่าห์ปูไว้ หรือว่าคุณหลังเขา เห็นคุณหลังเขาบอกว่าใกล้จบแล้วจริงหรอ แอบเสียดายนิดๆ เพราะรู้สึกว่าจบเร็วจัง แม้ว่านิยายเรื่องที่ผ่านๆ มาของคุณหลังเขามีเอกลักษณ์ตรงที่กระชับ ไม่ยืดเยื้อ ซึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่สำหรับเรื่องกลรักเปื้อนสีนาโอมิคิดว่ายังพอขยับขยายเรื่องให้มีเหตุการณ์ดราม่าเล็กๆ เพิ่มเข้าไปอีกได้ เพราะชื่อเรื่องว่า "กลรักเปื้อนสี" ถ้ามองว่าเป็นเสมือนเล่ห์กลของความรักที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยแผนการหรือสีต่างๆ ก็มองได้ การเพิ่มเหตุการณ์ดราม่าเข้าไปก็เหมือนเป็นการแต้มสีให้กลรักเรื่องนี้มีสีสันขึ้น เอ...หรือว่าจริงๆ แล้วคุณหลังเขาก็แอบซุ่มเตรียมทำดราม่าเล็กๆ เซอร์ไพรส์ คนอ่านอยู่เหมือนกัน

แอบหวังในใจว่าจะได้อ่านกลรักเปื้อนสีอีกหลายๆ ตอน

แต่ตอนนี้ขอ :จุ๊บๆ: +1 ให้อย่างเป็นทางการก่อน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตัวอย่างตอนต่อไป 11-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: vallnut ที่ 12-01-2012 11:05:53
อืมใกล้จะจบแล้วหรอ :เฮ้อ:
น่าเสียดายจังยังอยากอ่านต่ออยู่เลย :bye2:
แต่เหมือน ว่าที่เขียนเรื่องนี้เพราะนายปีโป้จะเข้าไปมีบทบาทในภารกิจเลือกรักหนุ่มกวนโอ๊ย แน่เลย
เหมือนให้มาทำความรู้จักกับนายปีโป้ก่อนที่จะเขียนอีกตอนของ นัทกับเป้ รึเปล่าไม่รู้
แต่ คุณหลังเขาบอกว่าเขียนเพิ่มตอนมาแล้วถ้ายืดต่อไปอาจจะไม่สนุกยังไงจะติดตามต่อไปนะคะ



หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 12-01-2012 11:58:53
ตอนที่ 45


เมื่อความรัก เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยวไม่ได้ .. แต่ถ้ามันจะเกิด อะไรก็ห้ามมันไม่ได้อยู่ดี เอากับมันสิ ไอ้ความรักนี้ เรื่องขี้ๆซะที่ไหน ..



“กินไรกันยังพวกมึง กูซื้อของมาฝาก” ผมเดินเข้าห้องคนป่วยที่เพิ่งออกไปเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เลยซื้ออะไรติดไม้ติดมือเข้ามาด้วย



แต่เอ่อ .. ผมคงเข้ามาผิดจังหวะไปหน่อยสินะ .. และคงเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงด้วย ก็ภาพตรงหน้าที่เห็นมันคือภาพของไอ้เดชนั่งอยู่บนเตียงคนป่วยนั่งมองหน้ากันตาหวานเยิ้มจนมดแถวนั้นป่วยไปตามๆกัน




“กูว่ากูออกไปก่อนดีกว่า” ผมพูดกับตัวเอง

“เอ๊ย ไอ้โป้ มาตั้งแต่ตอนไหน” ไอ้เดชที่เผื่อสายตามามองผมบ้าง มองกลับมาทางผมแล้วทักขึ้น

“นึกว่าจะไม่สนใจกูซะแล้ว” ผมว่ามัน

“เข้ามาตอนไหนวะ ทำไมไม่เคาะประตูบ้าง” ไอ้โอ๊ตถาม มองสีหน้ามันแล้วคงดีขึ้น เพราะว่าได้น้ำเกลือไปหลายขวดแล้ว พรุ่งนี้คงออกจากโรงพยาบาลบ้าน หลังจากนี้ก็คงต้องบำบัดกันอีกเล็กน้อย เพื่อไม่ให้มันกลับไปเล่นยาบ้าๆนั่นอีก

“เออ กูขอโทษ กูไม่คิดว่าพวกมึงจะสปาร์คกันขนาดนี้” ผมแซวพวกมัน

“สปาร์คไรมึง” ไอ้โอ๊ตสวนมาแบบอายๆ

“แหมๆ ถ้ากูเข้ามาช้ากว่านี้ กูว่ากูคงได้เห็นอะไรเด็ดๆ” ผมยังไม่หยุดแซวก่อนจะส่งถุงของกินไปให้ไอ้เดช ที่ยืนยิ้มอายๆอยู่ไม่ห่างจากเตียง มันรับไปแล้วไปจัดการ

“ทะลึ่งนะมึง กูไม่นอกใจมึงหรอก” ไอ้โอ๊ตล้อผมครับ

“ให้มันแน่นะ อย่ารักใครมากกว่ารักกูละ กูไม่ยอมจริงๆด้วย” เล่นมาก็เล่นไปครับ

“พวกมึงเล่นกันไม่เกรงใจกูเลยนะ” ไอ้เดชครับ สวนมาทันที

“พวกมึงเป็นไรกัน ทำไมกูต้องเกรงใจ” ผมย้อนถาม ทำหน้ายักคิ้วใส่ไอ้เดช ไอ้เดชถึงกับเงียบหันไปมองหน้าไอ้โอ๊ตที่ส่งสายตาไม่รู้ไม่ชี้

“นั่นไง ก็ไม่เห็นจะเป็นไรกัน ..”

“เป็น !!” ผมพูดไม่ทันจบ ไอ้เดชก็ขัดขึ้น หันหน้ามามองผมอย่างจริงจัง มึงจะต่อยกูมั๊ยเนี่ย ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้โอ๊ต ที่มันหันมามองไอ้เดชอย่างตกใจกับคำว่าเป็นของมันเหมือนกัน

“เป็นอะไรของมึง” แต่มีเหรอที่ผมจะยอม การงัดปากคนนี้ชอบนักชอบหนาแหละ

“ไม่รู้ ถามไอ้โอ๊ตเอาเอง” ไอ้เดชมีโบ้ยครับ

“เอ๊ย โยนขี้มาทางกูอีก” ไอ้โอ๊ตหันหน้าหนีครับ

“ปากหนักกันทั้งคู่” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ และเหมือนสองคนนั้นจะได้ยิน เพราะมันสองคนก็หันมามองทางผมเป็นตาเดียวกัน ผมเดินช้าๆ มานั่งที่โซฟาเยี่ยมไข้ สายตาของมันก็มองมาทางผมอย่างกับกล้องวงจรปิด เมื่อเห็นว่าผมทำเป็นไม่สนใจ พวกมันสองคนเลยสบตากัน เหมือนต้องการจะบอกอะไรกันและกัน






“เป็นแฟนกับกูได้มั๊ย .. ไอ้โอ๊ต”






อึ้ง ครับ อึ้ง อึ้งกันไปเลยทีเดียว ไอ้เราก็ไม่คิดว่ามันจะมามุขนี้ เล่นมาขอเป็นฟงเป็นแฟนกันหน้าเรา ไม่เขินไม่อายกันบ้างเหรอนั่น แต่คนที่อึ้งกว่าคงไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นไอ้โอ๊ตที่นั่งมองบนเตียงตาค้าง ผมได้แต่ยิ้มๆให้กับสองคนนี้  เรื่องราวต่อไปก็ปล่อยให้เขาสองคนคุยกันเองดีกว่า หน้าที่เปิดปากของผมจบลงแล้ว ผมยิ้มให้กับไอ้เดชอีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินออกจากห้อง




“จะไปไหนไอ้โป้” ไอ้โอ๊ตเรียกผมเสียงเยือกเย็น ผมรู้สึกเสียวสันหวังวาบเลย

“มีไร” ผมเอี้ยวคอไปถามอย่างงงๆ

“เริ่มแล้ว ก็อยู่ต่อให้จบดิ” มันบอกผม

“อะไรอีกกกก” ผมถามลากเสียง

“อยากรู้ แล้วทำไมไม่อยู่ฟังละ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อยู่เป็นพยานรักให้เพื่อนหน่อยไม่ได้เหรอ” มันบอกผมพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“อุ๊บ๊ะ พูดยังกับจะแต่งงานกัน” ผมแซวเล่นไป

“เอ้า จะทำอะไรก็ทำ จะพูดอะไรก็พูด กูทั้งเขิน ทั้งอายแทนหมดแล้วนี่ ยิ่งไอ้เดชนะ ไม่ต้องพูดถึง” ผมบอกมันก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้เดชที่ยืนบิดๆลุ้นๆ อย่างกับคนปวดเยี่ยว

“มึงพูดว่าอะไรนะไอ้เดชเมื่อกี้ กูไม่ได้ยิน” ไอ้โอ๊ตหันไปคุยกับไอ้เดชครับ ไอ้เดชเงยหน้ามามองอย่างกลัวๆ พร้อมกับเกาหัวอย่างอายๆ

“กูบอกว่าเป็นแฟนกับกูได้มั๊ย” ไอ้เดชพูดออกมาเบาๆ แต่ก็พอได้ยินครับ

“มึงพูดว่าอะไรนะ กูไม่ได้ยิน เข้ามาใกล้ๆซิ” แหม ไอ้โอ๊ต มารยาเยอะจริงๆนะมึงเนี่ย ผมยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย แต่ไอ้เดชก็เชื่อครับ เชื่องด้วย ไอ้โอ๊ตเรียกก็เดินเข้าไปใกล้ๆเตียง

“มาอีก ..” ไอ้โอ๊ตบอก

“แล้วพูดใหม่” มันยิ้มได้ใจครับ ไอ้เดชก็ยิ้มเขินเหมือนกัน ก็ตอนนี้ตัวมันห่างกันไม่ถึงสิบเซน ไอ้โอ๊ตเหมือนจะลงจากเตียงคนป่วยมาคุยกันมันยังไงยังงั้น

ไอ้เดชคงรู้ตัวครับ ว่าโดนไอ้โอ๊ตเล่นซะแล้ว และเหมือนต้องรีบข่มบ้าง มันเลยโน้มตัวเข้าไปใกล้ไอ้โอ๊ต ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น โอ๊ยยยย กูเขินแทน ผมเอามือมาปิดตา ไม่กล้ามองภาพข้างหน้านั้น แต่นิ้วทั้งห้าก็อ้าออกมาให้เห็นอยู่ดี



“เป็นแฟนกับผมนะครับ โอ๊ต”



อ๊ากกกกกกกกกกก  ขอโรแมนซ์กว่ากูอีก พูดเพราะซะผมขนลุกเลย หยึ๋ยๆๆ อะไรของพวกมันสองคนเนี่ย ผู้ชายแมนๆ มีกล้าม รูปร่างสมส่วน หน้าเถื่อนเรียนช่าง มาจีบกันต่อหน้าต่อตา คิดแล้วสยิว แอบคิดถึงคู่ตัวเองว่ามันจะเหมือนคู่นี้มั๊ยนะ ไม่หรอก น้ำมนต์น่ารัก และผมก็หล่อซะขนาดนั้น คงจะดูเหมาะสมกันอย่างกับดอกฟ้าและหมาพันธุ์



พอๆ วกกลับเข้ามาดูพวกมันสองคน ที่จ้องตากันอย่างกับจะกลืนกินกันแล้ว



“ไอ้โอ๊ต มึงจะเป็นไม่เป็นก็ตอบไปสิวะ กูลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้ว” ผมบอกไปอย่างหงุดหงิด

“ก็กูไม่รู้จะตอบยังไงนี่ ไม่เคยมีใครมาขอกูเป็นแฟน” นั่น มามุกคล้ายๆน้ำมนต์เลย

“ถ้าเป็นจูบมัน ไม่เป็นมาจูบกู” ผมบอกเงื่อนไขมันไป แต่ไม่วายขอเข้ามีส่วนร่วม และถ้ามันจะมาจูบผมจริง ไม่เป็นไร
ผมวิ่งได้ 





สองคนนั้นขำๆกับเงื่อนไขที่ผมเสนอไป ไอ้เดชมองหน้าไอ้โอ๊ตอย่างกับรอคำตอบ ใจมันคงสั่นอยากกับแผ่นดินไหว 10 ริกเตอร์ ไอ้โอ๊ตยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มแบบเด็กๆ รอยยิ้มที่ผมคิดว่าน่ารักสมวัยเหมาะกับไอ้โอ๊ตตอนนี้มาก







“อยู่ใกล้กันซะขนาดนี้แล้ว จะไปไขว่คว้าหาคนอื่นจูบทำไม” 








สิ้นประโยคนั้นปากของไอ้โอ๊ตก็ประกบเข้ากับปากของไอ้เดช ผมปิดตาหยีโดยที่มือยังอยู่ข้างลำตัว ยอมรับว่าเขินอาย และค่อนข้างอิจฉา แต่ก็ไม่กล้ามองว่าพวกมันจะทำอะไรกันต่อไป ผมรีบหันหลังให้ ลืมตา แล้วเดินออกจากห้องนั้นอย่างช้าๆ





ภาพเบื้องหลังตอนนี้จะเป็นอย่างไรผมว่าไม่สำคัญเท่ากับภาพต่อจากนี้ ความรักที่จะเริ่มต้นไปพร้อมๆกับลบล้างความเจ็บช้ำของทั้งสอง  บาดแผลจากความรัก ต้องใช้ยาใจเท่านั้นครับในการรักษา และคนที่มียาใจ ก็คือคนที่เราพร้อมจะมอบใจให้เค้าไป ..





รักษากันดีๆนะครับ













ถ้าเราอยากให้เวลาหมุนไปไวๆเท่าไหร่ เวลามันก็จะดูเชื่องช้าไม่ทันใจเราเมื่อนั้น แต่ถ้าหากเราอยากยื้อรั้งเวลาไว้ มันก็กลับไปไวให้ไม่ได้อย่างใจตลอดสินะ แต่นั่นคงจะเป็นเมื่อก่อนสำหรับผม เพราะตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าเวลาของผมกำลังเดินตามเข็มทีละติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก อย่างที่มันควรจะเป็น 



มีใครอยากเร่งเวลาให้ผมบ้าง .. แล้วมีใครอยากยื้อเวลาให้ผมบ้างเหมือนกัน ?  ถามไปอย่างนั้นแหละครับ ไม่มีใครส่งผลกับคนอื่นได้ เท่ากับตัวเองหรอก จริงมั๊ย ?



วันนี้ผมมาแปลกว่ะ คิด พูด ทำอะไรก็ดูเป็นปรัชญาไปหมด คนมันมีความสุขนี่ครับ จะไปมองอะไรๆให้มันเกิดขึ้นในทางลบทำไม แต่ถ้าให้บอกว่าสุขเรื่องอะไรก็คงบอกกันเยอะหน่อย งั้นเอาง่ายๆ สั้นๆ แล้วกันนะครับ ว่าทำไมผมถึงรู้สึกว่ามีความสุขแบบนี้




“เพราะว่าผมมีคนที่ผมรัก เป็นครอบครัว น้ำมนต์และกลุ่มเพื่อนของผม และเขาเหล่านั้นก็รักผมด้วย”





แค่นี้แหละครับ สุขแบบย่อๆของผม แต่ดูยิ่งใหญ่จริงๆ .. ว่ามั๊ยครับ











ถ้าขึ้นย่อหน้าใหม่ย่อหน้านี้เพื่อบอกว่าหลายวันผ่านมา คงดูจะเป็นนิทานซะเกินไป แต่ตอนนี้เวลาของผมมันก็เดินไวกว่าที่คิดนั่นสิ ไอ้โอ๊ตออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ ทุกอย่างกลับมาดำเนินไปอย่างช้าๆอีกครั้ง




“ตกลงไอ้โอ๊ตกับไอ้เดชคบกันเหรอวะ” ไอ้เอ็มถามผม ขณะนั่งรอคนอื่นๆที่จะตามมาสมทบที่ร้านเหล้าเจ้าประจำของพวกเรา น้ำมนต์ก็มาครับ แต่รอมาพร้อมหญิงและช้างน้อย ผมกับไอ้เอ็มมานั่งรอกันก่อน เพราะพวกเค้ายังเคลียร์งานกันไม่เสร็จ

“เออ ประมาณนั้นแหละ” ผมตอบมันไป มือก็คนแก้วเหล้าที่เพิ่งใส่โซดาลงไป

“มีอีกคู่แล้วไงแก๊งค์เรา ชายชายอีกแล้ว กูเหมือนแปลกแยกเลย”

“แปลกแยก ยังไงวะ ?” ผมมองหน้าก่อนยกเหล้าขึ้นซด

“ก็กูมีแฟนผู้หญิงคนเดียวไง” มันพูดแล้วยิ้มภูมิใจในความเป็นชายชาตรีของมัน

“ยังมีพี่เอก ไอ้บ่าวนี่ และไม่ว่าใครมีแฟนเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง ก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มเรามีปัญหาอะไรนี่” ผมบอกมัน

“อืม มันก็จริง”

“หรือมึงมีข้อสงสัยอะไร” ผมถามมันอย่างเป็นทางการ

“เปล่าครับนายหัวโป้ ผมจะกล้าไปสงสัยอะไร” มันก็ตอบผมมาอย่างเป็นทางการเหมือนกัน



ไอ้เอ็มมันเพื่อนผมตั้งแต่ประถมครับ มันก็รู้รสนิยมผมตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันรับเรื่องพวกนี้ได้ และผมว่าต่อไปทุกคนก็ต้องรับมันได้เหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่อยากมีใครถูกมองว่าวิปริต หรือว่าแปลกแยกหรอกครับ แต่การทำตามสิ่งที่เสียงหัวใจเรียกร้อง ก็ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นด้วย



ความรักในรูปแบบนี้จึงต้องมีขอบเขต ขอบเขตในการแสดงออก ขอบเขตในการแสดงความคิด หรือพูดง่ายๆ ในที่สาธารณะก็อย่าให้มันมาก แต่สำหรับผม ผมสนซะที่ไหนละ .. คนมันรักนี่ ใครมีปัญหาก็มาตีกัน  ฮ่าๆๆ




“โน่นไง ผัวเมียคู่ใหม่มาแล้ว” ไอ้เอ็มพูด พร้อมกับสายตาที่มองไปที่หน้าร้าน เป็นไอ้โอ๊ตกับไอ้เดชครับ สองคนนี้ก็เหมือนเดิมครับ คบกันเป็นแฟน แต่การแสดงแบบเพื่อน อาจจะห่วงใยดูแลกันมากขึ้น แต่มองภายนอกและไม่บอกนี่ไม่รู้จริงๆครับ ว่ามันเป็นแฟนกัน

“มึงนินทาอะไรกูไอ้เอ็ม” ไอ้โอ๊ตครับ อย่างกับมีหูทิพย์

“เปล่านี่ ไม่เชื่อมึงถามไอ้โป้ดู” มันโยนมาทางผมครับ

“มันนินทา”

“อ้าววว แสด ไม่ช่วยกันเลยนะมึงนะ” ผมเป็นคนดี ไม่อยากโกหก

“ไอ้โป้ไม่บอกกูก็พอรู้ กูกับไอ้โป้อ่ะ มองตาก็รู้ใจแล้ว” ไอ้โอ๊ตครับ พอมีแฟนแล้วกล้าเล่นกับผมมากขึ้นนะรู้สึก

“เหรอจ๊ะ มองตารู้ใจเลยเหรอ” ไอ้เอ็มแซวครับ

“เอ๊ยๆๆ อย่าดึงกูเข้าไปพัวพัน เดี๋ยวผัวมึงต่อยกู” ผมบอกพร้อมทำท่าไม่สนใจ

“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอไอ้เดช” ไอ้เอ็มถามขึ้นครับ

“ไม่เอาอ่ะ กูชอบแสดงความรัก มากกว่าแสดงความคิดเห็น”

“โอ้ววววววววววววว” เอากับมันสิครับ ผมกับไอ้เอ็มถึงกับครวญครางกันเลยทีเดียว ไอ้นี่มันพูดน้อยต่อยหนักจริงๆ พูดมาทีนึงเล่นเอาไอ้โอ๊ตเขิน เงียบกริบกันไปเลยทีเดียว ไม่พูดเปล่านะครับ ยังเอามือไปโอบเอวของไอ้โอ๊ตไว้ด้วย ไอ้นั่นก็ยิ่งเขิน

“หมั่นไส้วะ” ไอ้เอ็มจิ๊ๆ ในลำคอ





อีกสักพักเพื่อนๆคนอื่นก็ตามกันมาครับ น้ำมนต์กับเพื่อนๆก็มาถึงเหมือนกัน ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุดครับ บรรยากาศที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือว่าเพื่อน มันทำให้ผมยิ้มไปได้กับรสเหล้าอ่อนๆที่อยู่ในแก้ว และคนหนึ่งคนที่นั่งข้างๆ มีแค่มือที่จับกันไว้อย่างหลวมๆ สบตาแล้วยิ้มๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรมากมาย




“มีแต่คนมีแฟนเว๊ย กูละเบื่อจริงๆ” พี่เอกพูดมาท่ามกลางเสียงของคู่รักแต่ละคู่นั่งคุยกัน

“ไรกันพี่ ยังมีผมที่โสดเหมือนพี่นะ” ไอ้บ่าวช่วยพี่มันครับ

“โสดจริงอ่ะมึง พูดแบบนี้น้องช้างน้อยน้อยใจแย่” พี่เอกพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าช้างน้อย ที่ตอนนี้กำลังหยิบแก้วเหล้าขึ้นซดหมดแก้ว



ไอ้บ่าวก็เหมือนกันครับ มันยกแก้วเหล้าขึ้นมาตามๆเหมือนกัน .. สองคนนี้กำลังคิดอะไรของเค้าอยู่อีกนะ




“เราสองคนเป็นเพื่อนกันพี่เอก ใช่มั้ยช้างน้อย ?” ไอ้บ่าวบอกทุกคนให้ได้ยิน ช้างน้อยยิ้มๆให้กับคำพูดของไอ้บ่าว

“อ่า .. ใช่” ช้างน้อยตอบมาแบบค่อยๆ บรรยากาศของราตรีคืนนี้ดูอึมครึมขึ้นมาทันที

“เอ๊ย เป็นเพื่อนกันก็ดีแล้ว แล้วทำไมต้องเศร้ากันทั้งสองคนด้วยวะ กูละไม่เข้าใจ” พี่เอกบอกทั้งสองคนครับ ไอ้บ่าวเลยหันมองหน้าช้างน้อย เช่นเดียวกันที่สองคนนั้นหันหน้ามองกันพอดี เหมือนสองคนนี้มีเรื่องอะไรจะพูดกัน เพียงแต่ไม่มีใครเอ่ยปากก่อนก็เท่านั้น

“นาย ..” น้ำมนต์เรียกผมครับ เสียงเหมือนจะดูมึนๆแล้ว ผมเลยเลิกสนใจคู่ไอ้บ่าวช้างน้อย มาสนใจตัวเอง

“มีไรครับ” ตอบไปเพราะๆหน่อย เพราะเวลาน้ำมนต์มึนๆนี่น่ารักอย่าบอกใครเลย

“เราอยากร้องเพลงให้นายฟัง” เอ่อ อึ้งสิครับ อยู่ๆก็มาอ้อนบอกว่าอยากร้องเพลงให้ผมฟัง มาไม้ไหนอีกเนี่ยน้ำมนต์ของผม ผมก็ได้แต่ยิ้มครับ

“ว่าไงนะ ?” ขอถามอีกที เผื่อหูฝาดไป

“เราอยากร้องเพลงให้นายฟัง ที่ติดค้างนายไว้ไง” น้ำมนต์บอกผมครับ ก่อนจะยิ้มซะผมใจละลาย

“เอางั้นเหรอ แล้วจะร้องเพลงอะไร”

“ไม่บอก เดี๋ยวรู้เองนั่นแหละ” ยังไม่หยุดครับ ยิ้มอะไรของมันเนี่ย

“น่ารักใหญ่แล้วนะเราเนี่ย” ผมบอกมันพร้อมกับเอามือหยิกแก้มมันเบาๆ ก่อนที่จะลุกไปคุยกับเจ้าของร้าน ให้จัดแจงเครื่องดนตรีให้หน่อย อย่างที่บอกนั้นแหละครับว่าร้านนี้พวกผมมากันบ่อย จึงสนิทชิดเชื้อกันดี




ผมนัดแนะกับนักตนตรีไว้แล้วก็เดินมาบอกน้ำมนต์ว่าไปร้องได้แล้ว แปลกใจจริงๆกับน้ำมนต์ครับ ที่จะมาร้องเพลงให้ผมที่ร้านนี้ มันไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง ..




น้ำมนต์ยิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินไปนั่งบนเวทีเล็กๆของร้าน มันนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางไว้ และมีไมค์กับขาตั้งที่ปรับไว้อย่างพอดี ทุกคนบนโต๊ะหันไปสนใจน้ำมนต์ที่กำลังกลายเป็นที่สนใจของคนทั้งร้าน ภาพของเด็กศิลป์เสื้อยีนส์เก่าๆ กับทรงผมที่กล้าวมวยไว้ข้างบนแบบทรงเดิมๆของมัน รอยยิ้มแบบใสๆเด็ก และหน้าตาที่ดึงดูดให้ทุกคนสนใจ ผมห่วงและหวงมันจนอยากเข้าไปดึงกลับมานั่งที่โต๊ะ และกลับไปร้องให้ผมฟังคนเดียว แต่ก็คงยากครับ เพราะรายนั้นดูตั้งใจกับการร้องเพลงครั้งนี้มาก มันหันไปบอกนักดนตรีที่มีแค่มือกีตาร์ด้านหลังในเพลงที่มันจะร้อง พี่มือกีตาร์ยิ้มรับกับชื่อเพลงนั้น ก่อนที่อินโทรของเพลงจะเกิดขึ้นผ่านการเกากีตาร์ของพี่แก




น้ำมนต์มองมาทางโต๊ะผม สายตาจ้องอยู่กับผมไม่ขาด รอยยิ้มบางๆบนในหน้าเรียวขาวนั้น ทำให้ผมเขินอายไปก่อนที่เสียงเพลงของน้ำมนต์จะขับขานอีก ..



ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน
ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย
เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน

(แต่)ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น
จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
อะไรยังไงก็คงไม่สำคัญ
เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ




   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงร้องที่ลงตัว หรือเนื้อหาเพลงที่กินใจ ผมจึงฟังไปยิ้มไป พร้อมๆกับรอยยิ้มของคนร้อง เพื่อนในโต๊ะมีแซวๆ จนผมเขินอายเล็กน้อย .. ทำไมน้ำมนต์มันน่ารักแบบนี้นะ




เธอไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
เธอไม่ใช่คนที่ฉันฝัน
แต่เธอเป็นมากกว่านั้น
เธอคือคนที่ฉันรัก

ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน
ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย
เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน

แต่ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น
จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
ฉันเองก็ไม่เคยเข้าใจ

(แต่)ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น
จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
อะไรยังไงก็คงไม่สำคัญ
เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ

เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ
และจะขอมีเธอ อยู่อย่างนี้



เสียงร้องของน้ำมนต์จบลงไปก่อนที่เสียงกีตาร์จะสิ้นสุด เสียงปรบมือในร้านดังขึ้นเป็นกำลังใจ และส่วนมากจะดังสุดที่โต๊ะพวกผม ผมยังยิ้มไปหยุด เช่นเดียวกันกับคนบนเวทีที่ยังยิ้มและมองมาที่ผมไม่หยุดเหมือนกัน ..




“มีคนๆหนึ่งครับ เค้าเข้ามาทำให้คนธรรมดาอย่างผม กลายเป็นคนที่พิเศษสำหรับเขา คนที่บอกผมว่า ถ้าวันไหนเค้าทำให้ผมเสียใจอีกหนึ่งครั้ง เค้าพร้อมที่จะเดินออกไปจากชีวิตผม .. แล้วผมก็บอกเค้าว่า ถ้าวันนั้นมาถึง ผมนี่แหละจะรั้งเค้าไว้เอง สุดท้ายแล้วประเด็นมันก็เลยไม่ได้อยู่ที่ว่า ต่อไปผมจะดีใจ หรือผมจะเสียใจอีกหรือเปล่า แต่ประเด็นมันดันอยู่ที่ว่า ต่อไปเราจะยังรักกันแบบนี้หรือเปล่า .. ถ้ายังรัก ก็ยังไหวครับ ขอบคุณทุกความรัก ณ ที่แห่งนี้ครับ”




สิ้นคำพูดนั้นของน้ำมนต์ เสียงตบมือดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินยิ้มลงมาจากเวทีเล็กๆของร้าน ทุกสายตามองตามมันมาอย่างสงสัยว่าใครคือคนที่โชคดีคนนั้น ที่ได้รักกับผู้ชายที่โคตรจะน่ารักคนนี้ ผมไม่รอให้เค้าจับได้หรอกครับ ว่าเป็นผม ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเอง และเดินเข้าไปหามัน แต่เป็นการเดินเข้าหาแบบไม่ได้สบตา น้ำมนต์มองมาทางผมอย่างงงๆ มือของผมกับมันสัมผัสกันเล็กน้อยตอนเดินสวนกัน  ตอนนี้ผมมานั่งอยู่บนเวที และมันก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเก้าอี้ผม และมองมาทางผมเช่นเดียวกัน




“ผมอยากร้องบ้างครับ เห็นเค้าร้องแล้วน่ารักดี” ผมพูดใส่ไมค์ไปเบาๆ คนในร้านยิ้มเล็กน้อยกับท่าทีของผม

“ผมร้องเพลงรักไม่เก่งนะครับ เก่งแต่แสดงความรัก” ผมพูดไปอีกนิด

“เอ๊ยยย นั่นมันมุขกู” ไอ้เดชตะโกนขึ้นมาเลยครับ

“เออน่ะ กูยืมก่อน” ผมบอกไปขำๆ ก่อนจะหันหลังไปบอกพี่มือกีตาร์ในเพลงที่ผมร้อง

“ร้องได้เหรอน้อง เพลงมันค่อยข้างเร็วนะ” พี่มือกีตาร์ถามผมกลับ

“พี่ก็ช่วยผมร้องด้วยสิครับ” ผมบอกพี่แกไป พี่แกทำหน้าเอ่อๆเล็กน้อย ประมาณว่ามึงร้องไม่ได้ แล้วจะมาร้องทำไม ผมยิ้มปลอบใจพี่แก ก่อนจะหันกลับมามองข้างหน้าอีกครั้ง




“ผมมีหนึ่งประโยคที่อยากบอกคนที่ผมรักครับ เป็นประโยคที่ไม่มีในเนื้อเพลง แต่มันคือชื่อเพลงเพลงนี้ ผมอยากบอกเธอว่า รักเมียที่สุดในโลกครับ”



สิ้นเสียงพูดนั้น เสียงกรี๊ดโห่ร้องดังตามขึ้นมา พร้อมกับอินโทกีตาร์ที่รู้จังหวะ ผมยิ้มเขินอายอย่างมีความสุข มองหน้าน้ำมนต์ที่ทั้งยิ้ม ทั้งขำในตัวผม



i never love another like i love u baby
u ma number one lady yeah...

ฉันมักจะถามเธอเป็นประจำว่าเธอ¬นะรักฉันไหม
และหากว่าเธอนะบอกว่ารักแล้วเธอ¬นะรักแค่ไหน
รักเท่าฟ้าหรือมหาสมุทร รักเท่าผืนดินหรือผืนน้ำ รักฉันที่สุด
เธอบอกว่าบางทีมันยากที่จะอธิบาย
ไม่ต้องกังวลจะไม่ไปไหน จนกว่าวันสุดท้าย
ไม่ใช่ว่าฉันนั้นไม่เชื่อใจ ฉันรู้ว่าเธอทำเพื่อฉันนะ ไม่ใช่เพื่อใคร

ย้ำคิด ย้ำทำ อยากได้ยินซ้ำๆ เวลาเธอหายไปก็อยู่กับใจช้ำๆ
ช่วยมองตาตอนฉันข้างเธอ ฉันยังรอฟังเธอรู้ไหมเธอต้องห้ามเหม่อ
u ma number one lady...
จะไม่มีใครที่มาแทนที่เธอ
และไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะรักเธอ¬ตลอด ไป...

 ให้บอกว่ารักเท่าจักรวาลมันก็ยังไม่พอ
ก็อยากได้ยินเธอพูดซ้ำ like i never heard dat before
ก็อยากได้ยินมันทุกวัน อยากได้ยินอยากจะบอกรักฉัน
ได้มั้ยเธอ. . .

ถึงเเม้ว่าเสียงเพลงมันคือชีวิต¬ฉันเเต่ตื่นขึ้นมาไม่มีเธอมีชีวิตไปก็เท่านั้น
เพราะอยู่กับเธอฉันไม่ต้องเเกล้งทําเหมือนว่าเข้¬มเเข็งถึงอ่อนเเอก็ไม่สําคัญ
เหมือนซุปเปอร์แมนบ้างครั้งต้องเเก¬ล้งทําเป็นคนธรรมดา
เเต่อยู่กับเธอฉันเป็นซุปเปอร์แมนได้ทุกเวลา
ไม่¬ใช่ใครเพียงเเค่คนหนึ่งมันคือคําว่าเราก็เท่านั้นไม่ใช่คนอื่น
ฉัน¬ไม่ใช่คนดีอะไรเเถมยังเอาเเตใจ เ¬เต่เธอก็รักฉันเเบบที่เป็นไม่ว่¬าจะไม่เหมือนใคร
ไห้กอดฉันไว้ทุก¬ๆคืนทําไห้อุ่นใจเเม้ยามนอนหรือ¬ว่ายามตื่น

u ma number one lady...
จะไม่มีใครที่มาแทนที่เธอ
และไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะรักเธอ¬ตลอด ไป...

ให้บอกว่ารักเท่าจักรวาลมันก็ยังไม่พอ
ก็อยากได้ยินเธอพูดซ้ำ like i never heard dat before
ก็อยากได้ยินมันทุกวัน อยากได้ยินอยากจะบอกรักฉัน
ได้ไหมเธอ...





ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนั่นแหละครับ ว่าผมนนี้ “รักเมียที่สุดในโลก” จริงๆ






...

 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 12-01-2012 12:07:30
จิ้มก่อน พาน้ำมนต์กับปีโป้ มาผิดเวลา รึเปล่า ---
-------------------------------------------------------

กรี๊ดดดดดด หวานเว่อร์ๆ ไม่แคร์สื่อก็แคร์คนอ่านมั่งดิ อิจฉาโว้ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 12-01-2012 13:00:18
 :-[  :-[

น่าร๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 12-01-2012 13:29:47
เข้าใจกันแล้ว
คู่เอกก็หวานไม่เกรงใจใคร
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 12-01-2012 13:39:48
สงสัยต้องมอมเหล้าน้ำมนต์บ่อยๆซะแล้ว
เมาแล้วน่ารักมากกว่าเดิมร้อยเท่า โป้คอนเฟิร์ม
ส่วนคู่เดชกับโอ๊ต ดีใจกับทั้งสองคนจริงๆค่ะ
กว่าจะมีวันนี้ เจ็บช้ำกันมาไม่ใช่น้อย
ถึงเวลาที่ทั้งคู่จะมีความสุขร่วมกันเสียที
บรรยากาศชื่นมื่น ยกเว้น พี่บ่าวกับช้างน้อย
คู่นี้จะมีอะไรในกอไผ่อีกหรือป่าวนะ  :เฮ้อ:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ เป็นอีกตอนที่อ่านแล้วยิ้มมมม :L2:
บวกเป็ดให้น้ำมนต์คนกล้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 12-01-2012 13:41:30
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า

อยากเป็นนายปีโป้อ่ะ อยากให้น้ำมนต์ร้องเพลงให้บ้าง
 
ขอให้น้ำมนต์มีความสุขตลอดไป   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 12-01-2012 14:00:15
อยากเจออะไรแบบนี้บ้างจัง จะมีโอกาสได้เจอบ้างป่ะเนี่ย

 :กอด1: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 12-01-2012 14:15:10
ดีใจกับโอ๊ตที่เจอคนที่รักจริงแบบเดช   ที่ไม่ชอบบอกพูด แต่ชอบแสดงออก  เดชนายแน่มาก แย่งซีนโป้ไปเลย 555

อิจฉาโป้ว่ะ  น้ำมนต์ทำไมน่ารักแบบนี้  พี่บ่าวพูดแบบนี้ช้างน้อยก็เสียใจแย่ดิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 12-01-2012 14:29:14
กรี๊ดดดดด..~
พี่โป้ร้องเพลงโปรดของเค้า
เป็นน้องน้ำมนต์เคลิ้มตายเลย
คู่พี่เดชกับพี่โอ๊ตก็น่ารักนะ
เหลือแค่พี่บ่าวกับน้องช้าง ที่ยังอึมครึมอยู่
สงสารน้องช้างน้อย
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 12-01-2012 14:30:56
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 12-01-2012 14:45:37
เย่  ดีใจกะพี่โอ๊ตด้วยน๊าาาาา

น้ำมนต์ก็หวานได้่นะเว้ยยยยยยยยยยย  555
น่ารักอ่าา  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 12-01-2012 15:46:26
โว๊ะหวานไปไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยย
กำลังจะตายเพราะน้ำตาลมันท่วม
คู่โอ๊ตเดชก็หวานคู่นายเอกพระเอกก็ไม่น้อยหน้า
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ คู่น้องช้างกะพี่บ่าวละ ไม่หวานกับเขาหรอ

http://www.youtube.com/watch?v=zK97vVXHalw
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-01-2012 16:34:00
หวานจ๋อย
ดีใจกับเดชและโอ๊ตด้วย ลงเอยซะที
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-01-2012 17:17:31
อื้อหืออออออแข่งกันหวานรึไงจ๊ะ 555  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 12-01-2012 17:20:41
อ่านแล้วมีความสุข หวานกันเกือบทุกคู่

น้ำมนต์ปีโป้..หวานได้แบบมั่นใจว่าทั้งคู่จะประคองความรักไปได้อีกนานแสนนาน
โอ๊ตเดช..คู่นี้แม้เพิ่งจะเริ่มเข้าใจกัน แต่เพราะผ่านความทุกข์ร่วมกันมามาก จึงเชื่อได้ว่าแม้มีอุปสรรคผ่านเข้ามาอีกมากแค่ไหน ทั้งคู่ก็จะผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้ด้วยดี
หญิงเอ็ม..คู่เพื่อนๆ หวานได้ขนาดนี้ ก็หวังว่าคู่นี้ที่สามารถหวานได้โดยไม่อายฟ้าดินจะไม่ยอมแพ้เพื่อนๆ นะจ๊ะ
ช้างน้อยพี่บ่าว..สู้ต่อไป ทาเคชิ ถ้าใช่ มันก็คือใช่ ล่ะนะ
เอก..หาคู่ได้แล้วตัวเอ๊งงงง

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-01-2012 18:00:29
ฮิ้ววววว...วันนี่มีความสุขนัก กับการอ่านเรื่องนี้
คู่โอ๊ตกับเดชก็ลงตัวแล้ว คู่นายหัวโป้กับน้ำมนต์ ไม่ต้องพูดอะไรอีก หวานน่ารักอยู่แล้ว
ถ้าไม่เกรงใจนายหัวโป้นะ อยากกอดน้ำมนต์แน่นๆนานๆ ฟัดแก้มป่องๆข้างละหลายๆที หอมเหม่งอีกซักหลายฟ้อด
เหลือคู่ช้างน้อยกับพี่บ่าวแหละ ผู้เขียนไม่ต่อไม่ได้นะคะ มาเปิดเรื่องสองคนนี้ไว้แบบอึมครึมๆแล้วค้างๆคาๆไว้แบบนี่้ ไม่ได้นะคะ
ได้โปรดมาทำให้กระจ่างทีเถิด นะคะ นะคะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 12-01-2012 18:48:24
ต้องอ่านไปฟังไปด้วยเพราะอ่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-01-2012 19:12:58
สงสัยมดเต็มร้านแน่ๆ

หวานกันไม่แคร์สื่อเลย   :impress2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-01-2012 19:19:21
หวานมากเลยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 12-01-2012 19:48:12
รักน้ำมนต์กับนายหัวโป้อ่ะ  น่ารักมว๊าก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 12-01-2012 20:03:28
ตอนนี้หวานแข่งกันเลยนะ
เดช โป้  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 12-01-2012 20:15:09
คู่เดชโอ๊ตขอคบกันแบบน่ารักมาก
ตอนนี้หวานทุกคู่
ชอบปรัชญาความรักในเรื่องนี้มาก  :z2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 12-01-2012 21:02:52
น่ารักกันจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-01-2012 22:09:43
เย้ๆๆๆ  ในที่สุดก็ลงตัว
อิจฉาโป้มากอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 12-01-2012 22:40:53
ตอนนี้ช่างหวานซะ อ่านไปยิ้มไป


"รักเมียที่สุดในโลก" เมื่อไรจะมีใครมาบอกให้นาโอมิฟังบ้างนะ  :o8:

 :จุ๊บๆ: +1 ให้กับความหวานอีกหนึ่งที

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KiissHy ที่ 12-01-2012 23:31:59
อ้ากกกกกกกกกกกกกกน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก

ทั้งเดชโอ๊ตด้วย

แต่น้ำมนต์น่ารักไม่ไหวแล้วววว ฟังเพลงไปด้วยยิ่งอื้อหืออออเขินนนนนน

นายโป้เด็กช่างจริงป่าวเนี้ยยยย คิดแต่ละอย่าง  o13 แลมีปรัชญาในชีวิตมาก

ตอนนี้หวานนนนนนนใกล้จบแล้วหรอ :sad4: จะเอาดราม่าๆๆๆ55555555*ผ่างๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 13-01-2012 00:39:52
หวานโคตรรรรรรรร...

รักเมียนายเหมือนกันโป้ 555555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 13-01-2012 14:13:14
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


หวานจนเลือดกำเดาไหลเยิ้ม
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 45 รักเมียที่สุดในโลก 12-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 13-01-2012 14:39:26
เย่ อ่านทันแล้ว มีครบทุกรสชาติจริงๆเรื่องนี้ เหอะๆ ตอนนี้หวานกันแล้ว อิๆ

ชอบบทที่น้ำมนต์ด่าเบสท์อะ ชอบประโยคนั้น สะใจดี  :laugh:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 13-01-2012 16:52:22

ตอนพิเศษ  ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต


ตึกตึก


ตึกตึก


ตึกตึก


เสียงหัวใจที่เต้นระรัว ใบหน้าของคนที่เฝ้ามองมาตลอด ความรู้สึกที่เก็บไว้ข้างในถูกเผยออกไป คำบางคำที่ต้องการจะบอกก็ได้บอก วันเวลาของการขอมันเป็นแฟนของผมได้ทำไปแล้ว วินาทีการรอคำตอบจากมัน ดูเป็นอะไรที่จะฆ่าผมตายได้ในทุกๆวินาที


ตึกตึก


ตึกตึก


ตึกตึก


“อยู่ใกล้กันซะขนาดนี้แล้ว จะไปไขว่คว้าหาคนอื่นจูบทำไม”    สิ้นประโยคนั้น ปากของมันประกบเข้ากับปากผมเบาๆ ตามันหลับพริ้มซึ่งต่างจากผมที่ยิ้มไปกับรสจูบ ตาเบิกโพรงด้วยความตกใจและตื้นตัน หางตามองเห็นว่าไอ้โป้กามเทพของพวกเราในครั้งนี้ ออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างช้าๆ ทิ้งให้ผมกับไอ้โอ๊ตอยู่ภายใต้สถานะใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ..


เราเป็นแฟนกันแล้วครับ ..



“เอ๊ย เดี๋ยวก่อน” ไอ้โอ๊ตปล่อยริมฝีปากจากปากผม ขณะที่ผมกำลังจะเริ่มรสจูบเลยต้องตกใจที่มันพูดออกมา

“มีไร” ถามไปอย่างหงุดหงิด อยากจูบๆคนนี้ในฐานะแฟนมานานแล้ว

“มึงแน่ใจแล้วนะ ว่าอยากเป็นแฟนกับกู” อยู่ๆก็ถามขึ้นมา ตกลงเอาไงแน่เนี่ย ผมดีใจไปแล้วนะ

“แน่แล้วสิ ไม่แน่ใจจะขอมึงเป็นแฟนทำไม” ผมบอกมัน

“แต่กูนิสัยไม่ดีนะ” มันบอก

“กูก็ไม่ใช่คนดีอะไรมาก” ผมตอบ

“กูดื้อ ไม่เชื่อฟัง แถมยังเอาแต่ใจอีก” มันบอกพร้อมทำหน้าครุ่นคิด

“กูเชื่อง ว่านอนสอนง่าย และชอบเอาใจ” ผมบอกมันไปยิ้มๆ

“กูเคยทำให้มึงเสียใจ และมีปัญหากับเพื่อนๆ ที่บ้าน เยอะแยะมากมายเลยนะ”

“แต่มึงก็ทำให้กูยิ้มได้ด้วยนี่ เป็นคนเดียวในสองสามปีที่ทำให้กูยิ้มได้”

“แต่กูเคยติดยา เป็นคนขี้อิจฉา เจ้าเล่ห์เพทุบาย”

“ก็คนมันรัก ถึงแม้มึงจะเป็นไอ้ขี้คุก ฆ่าคนมาสิบกว่าศพกูก็รัก ถ้ากูไม่รักกูไม่ยอมให้ใครต่อใครด่ากูว่าไอ้โง่อย่างทุกวันนี้หรอก” ผมสวนมันไปทีเดียวให้หมดๆ เพราะไม่รู้ว่ามันจะงัดข้อเสียอะไรมันมาอีก ใจก็ชักหวั่นว่ามันจะไม่ยอมคบด้วย

มันตกใจเล็กน้อยที่ผมทำสีหน้าจริงจังจากประโยคสุดท้ายที่พูดไป

“มึงรักกูขนาดนั้นเลยเหรอ” และมันก็ถามมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน

“มากกว่านี้อีก” ผมบอกมันและก้มลงไปจูบมันที่หน้าผาก


จะมีใครคนไหนรู้บ้างนะ ว่าความรักที่ผมมีให้คนๆนี้ มันมากกว่าการที่ผมรักตัวเองอีก ยอมตกเป็นไอ้โง่ในสายตาคนอื่นๆ เพื่อแลกกับการได้อยู่ใกล้ และได้รักมัน ถ้าจะหาเหตุผลว่าทำไมถึงรักมันนัก ผมก็ตอบมันไม่ได้หรอก มันเกิดขึ้นมาตอนไหน ผมก็ไม่รู้ตัว พอรู้ตัวอีกที สายตาของผมก็ไม่เคยมองใครนอกจากมันอีกแล้ว ..


และวันนี้ วันที่มันหันมามองผมแล้ว .. วันที่เราสองคนมองไปในทางเดียวกัน ผมจะไม่มีวันปล่อยให้สายตาคู่นั่น คาดสายตาไปจากผมอีก .. จะไม่มีวัน ..


“ขอบใจมึงมากนะ มึงดีกับกู จนกูไม่รู้จะตอบแทนมึงยังไง” มันบอกผม พร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับมือของผมไว้อย่างหลวมๆ

“ไม่ต้องตอบแทนอะไรกูหรอก สิ่งที่กูให้ไปหวังแค่อย่างเดียว คือรักจากมึง แค่นี้กูก็มีความสุขแล้ว”


คำตอบของผมไม่ใช่คำตอบของพระเอก แต่เป็นคำตอบของตัวร้ายในเรื่อง ที่มีความรักไม่ได้แตกต่างไปจากที่พระเอกมีให้นางเอกเลย แม้ว่าไอ้โอ๊ตไม่ใช่นางเอก หรือนายเอกที่แสนดี แต่มันก็พอดีสำหรับผม .. ก็เพราะว่าผมมันก็ไม่ใช่พระเอกที่แสนดีเหมือนกัน



คนเราจะโง่มากๆ ในตอนที่รักใครมากๆ แต่เราจะมองเห็นแค่ด้านรักมากๆ ของเรามากกว่าด้านที่เรียกว่า โง่มากๆ คนเหล่านี้จะได้ผลตอบแทนอยู่สองอย่างครับ คือจะได้ความรักมากๆจากคนที่เรารัก หรือไม่ก็จะได้คำว่าโง่มากๆจากสายตาคนอื่นๆที่มองเข้ามา
ก่อนหน้าผมอาจจะเป็นไอ้หน้าโง่มากๆ แต่ตอนนี้ผมกลับได้ความรัก และคนที่ผมรักมากๆแล้วครับ ..




“มึงยังชอบไอ้โป้อยู่มั๊ย” ผมถามไอ้โอ๊ตที่ตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ และก็กำลังนั่งทานบะหมี่เกี้ยวข้างทางกับผมอยู่

“ถามทำไม ?” มันมองหน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะตักบะหมี่เข้าปากไป

“ก็แค่อยากรู้ กูจะได้ทำตัวถูก” ผมบอกไป

“มึงก็เป็นแบบที่มึงเป็นนี่แหละ ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไร และก็อย่าคิดมากเรื่องนี้เลย” มันตอบแบบไม่จริงจังอะไร

“ตกลงคือยังชอบ ?” ผมถามซ้ำ

“หรือจะให้กูเกลียดเพื่อนละ ?” มันก็สวนมา

“ขอเวลากูปรับตัวหน่อยนะไอ้เดช กูเจ็บมาเยอะ คงไม่ต่างอะไรจากมึงหรอก ทางที่กูเคยเดิน กูก็คงต้องเดินต่อไป เพื่อไปพบหนทางใหม่ ในระหว่างที่กูจะเปลี่ยนเส้นทางเดิน กูก็ต้องผ่านทางเก่าๆนี้อยู่ดี” มันอธิบายให้ผมฟัง

“อืม กูเข้าใจแล้ว กูรอได้ รอวันที่มึงรักกูหมดใจ” ผมตอบไป พร้อมกับตักเกี้ยวในจานผมให้มัน ส่งยิ้มให้มันเล็กน้อย มันมองมาอย่างงงๆว่าผมไม่กินหรือ ผมเลยบอกมันไปพร้อมกับยิ้มๆ



“นี่เกี๊ยวกู กินซะ เดี๋ยวกลับไปกินเจี๊ยวกูต่อ”



ถ้าถามว่าตอนนนี้ไอ้โอ๊ตเลิกรักไอ้โป้ได้ยัง ผมว่าคงยากครับ อย่างที่มันเคยบอกนั่นแหละ มันเจ็บมาเยอะ ชีวิตของมันเคยรุ่งสุดๆเพราะคนชื่อปีโป้ และชีวิตของมันก็เคยตกต่ำถึงที่สุดเพราะคนที่ชื่อปีโป้เหมือนกัน .. ร่องรอยบาดแผลของมันเต็มทั่วตัวและหัวใจไปหมด แต่ผมนี่แหละ จะเป็นคนสมานแผล ทายาลบรอยแผลเป็นนั่นให้เจือจางที่สุด





“ไอ้เดช ปล่อยกูได้แล้ว จะกอดอีกนานมั้ยเนี่ย” คนในอ้อมกอดผมกำลังดิ้นไม่หยุดครับ เพราะนี่ก็สายมากแล้ว เราสองคนยังนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียงนอนในห้องมันอยู่เลย

“จะรีบตื่นไปไหนละ เรียนก็ไม่มี” ผมบอกมัน

“ก็ไปสูดอากาศข้างนอกบ้างสิ ใจคอจะนอนกอด ชวนกูเอาอย่างเดียวเลยเหรอ” ไอ้นี่พูดตรงชิบ

“เออ งั้นกูเอาต่อนะ” ตรงมาก็ตรงไปครับ

“พอเลยมึง ตั้งแต่เลื่อนขั้นมาเป็นแฟนกูนี่ชักจะเอาใหญ่นะ” มันว่าผมครับ

“ก็จะไม่ให้เอาใหญ่ได้ไง มีแฟนน่าเอาซะขนาดนี้” ผมก็บอกมันกลับ

“ทำไมมึงหื่นนักวะไอ้เดช ทำไมเมื่อก่อนกูไม่ยักรู้”

“ก็เมื่อก่อนกูมาเพราะมึงเรียก มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรละ”

“ตอนนี้พอมีสิทธิ์ เลยใช้สิทธิ์เต็มที่ ว่างั้น”

“ก็ข้าวใหม่ปลามัน มึงก็ต้องเข้าใจกันบ้างสิ”


ยังไงผมก็ขอเถียงบ้างครับ อยู่กับมันมาไม่ค่อยได้พูดจากับมันหรอก เพราะต้องเกรงใจมัน ก็ตอนนั้นผมไม่มีสิทธิ์ในตัวมันเหมือนตอนนี้นี่ครับ เลยได้แต่เออออ กับมันไปตามประสา

บางทีผมก็คิดนะ .. ว่าผมจะได้นอนกอดมันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน ชีวิตคนมันสั้น อย่าเก็บลูกชิ้นไว้กินทีหลัง อะไรที่มันอร่อยๆ ต้องรีบลองก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ลิ้มลอง อะไรที่อยากทำก็ให้รีบทำครับ ให้ชีวติดำเนินไปโดยคิดว่าวันนี้นะ ที่จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่บนโลก เราจะได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำมากที่สุด ถึงพรุ่งนี้ตายเราก็จะได้ไม่เสียใจ และเสียดาย


“ไอ้โอ๊ต ..” ผมเรียกชื่อมันอีกครั้ง มันเลิกดิ้นแล้วครับ สงสัยคงเหนื่อย

“หือ เรียกทำไม”



“กูรักมึงนะ .. กูรักมึงจริงๆ” ผมบอกมันไปพร้อมกับกระชับกอดของมันให้แน่นขึ้น

“เออ กูรู้แล้ว” และมันก็บอกแบบนี้มาทุกครั้ง .. ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่ได้หวังอะไรจากมันมากนัก เพราะเมื่อก่อนผมแค่ได้รัก และแค่ได้มอง แต่วันนี้ผมเกือบจะได้ครอบครองมันแล้ว ..



“รักกูนานๆนะไอ้เดช อย่าทิ้งกูไปไหนละ” ไอ้โอ๊ตพูดบอกผมอีกครั้ง ผมซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหลตาม โอบกอดมันไว้แน่นๆอีกครั้ง



ถ้าช่วงเวลาที่ผ่านมาของผมกับมัน คือบทพิสูจน์ความจริงใจของกันและกัน ผมว่าผมผ่านมันมาได้ด้วยคะแนนนำดิ่ง และทิ้งห่างคนอื่นๆเลยละ และวันนี้ผลของความจริงใจของผม ทำให้ผมนอนอยู่ตรงนี้ พร้อมๆกับมัน ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าทุกอย่างที่ผมทำลงไปมันส่งผลแล้ว

ผมได้รับสิ่งตอบกลับแล้ว ..




“เอ๊ย ไอ้โป้โทรมาว่าตอนค่ำเจอกันที่ร้านเดิม” ไอ้โอ๊ตบอกผม ผมพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย ก่อนจะรีบจัดการใส่เสื้อผ้าหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ วันนี้นอนเล่นบนเตียงกันทั้งวันแล้ว กว่าจะลุกกันได้ก็ปาไปเย็นแล้ว

“ดีจังเลย จะได้ฉลองที่มีเมียกับเค้า” ผมพูดขึ้นเมื่อนึกออกว่าไม่ได้ฉลองอะไรมานานแล้ว

“ไหน ใครเมียมึง” ไอ้โอ๊ตถามมาแบบกวนตีนครับ

“ไม่รู้สิ หรือจะให้กูแสดงให้ดูใหม่” ผมพูดพร้อมกับเดินมาหามัน เริ่มปลดกระดุมที่เพิ่งติดไปเมื่อครู่ออก

“แต่ถ้าครั้งนี้มึงพลาด มึงโดนเสียบแน่” ดูมันขู่ครับ ทำเอาผมต้องติดกระดุมเสื้อกลับเหมือนเดิม ไม่อยากมีปัญหากับเมียรัก



หลายคนคงคิดว่าความรักระหว่างไอ้โป้กับน้องน้ำมนต์เป็นเรื่องราวที่น่าลุ้นตื่นเต้นและน่าอิจฉา ก็แน่สิครับ มันพระเอกนายเอกนี่ แต่ถ้าทุกคนได้รู้เรื่องผมบ้าง ให้ผมได้เล่าเรื่องราวของตัวเองบ้าง รับรองครับว่าเรื่องราวของผมน่ารักไม่ต่างจากคู่เอกหรอก ..  และไอ้โอ๊ตก็น่ารักไม่ต่างจากน้ำมนต์ด้วย


ไอ้ยะ .. เขินหล่าวชมแต่แฟนตัวเอง



ไปกินข้าวสวยก่อนนะ .. กินข้าวโอ๊ตมาทั้งวันแล้ว  ฮิ้ววววววววววววววว

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 13-01-2012 16:59:35
5555 เดชชนะเลิศอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 13-01-2012 17:17:00
555 ไม่น่าเชื่อว่าเดชจะมีมุมต๊องๆเหมือนนายหัวโป้ด้วยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 13-01-2012 17:21:35
เดชนี่ก็หยอดมุกตลอดเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 13-01-2012 18:05:51
พี่เดชได้ทีเอาใหญ่เลยนะ
ดีใจที่ได้อ่านบทหวานๆของคู่นี้แล้ว
ขอบคุณมากจ้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 13-01-2012 18:09:22
555 อ่านะ คู่นี้ก็มีมุมน่ารักๆเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 13-01-2012 18:12:23
 :pig4: :o8: ได้อ่านตอนพิเศษ เดช-โอ๊ต ตามคำขอ  ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ดูๆ ไป เดชจะออกแนวติ๊งต๊อง หื่นๆ  เวลาอยู่ใกล้คนรัก  ในที่สุดความรักของทั้งคู่ ก็เดินมาบนเส้นทางเดียวกันซะที  ดีใจกับเดชที่อดทนยอมทำทุกอย่างที่คนรักต้องการ แม้คนอื่นจะเห็นว่ามันโง่  แต่ผลตอบแทนสุดท้ายที่ได้รับก็คุ้มค่า  เพราะโอ๊ตก็ได้เห็นความรักที่เดชยอมทำให้ 



หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-01-2012 19:17:59
เดชหวานไม่ยั้งเลยนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 13-01-2012 19:32:33
 :-[ น่ารัก หวานซะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 13-01-2012 19:34:52
โว๊ะคู่นี้ มันทั้งซึ้งและหวานปนๆๆกัน
น่ารักดีแต่คงสู้คู่เองไม่ได้หรอกนะ  :laugh:
ต่อไปน้องช้างกะพี่บ่าวใช่ไหม คู่นี้คงมีซัมติงสักอย่างแน่ๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-01-2012 19:35:58
คู่นี้ก็หวานไม่แพ้คู่อื่นเลย :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 13-01-2012 20:37:08
เดชน่ารักมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 13-01-2012 20:42:23
เชื่อแล้วว่าน่ารักไม่แพ้คู่อื่นเลย :-[
และก็เชื่ออีกว่าเดชรักโอ๊ตมากจริงๆ
ขอให้ได้ยินคำว่ารักจากปากโอ๊ตเร็วๆนะ
สงสัยเดชจะถูกกับข้าวโอ๊ตนะเราว่า
เดชกินแล้วถึงได้กระชุ่มกระชวยขนาดนี้
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 13-01-2012 20:47:57
 :o8: :o8: :o8: :o8: อ๊ายยยยย ได้ทีหวานเชียวน่ะ ดีใจด้วยยย ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 13-01-2012 23:15:40
 :o8: :o8:
หลังๆมานี่หวานกันตลอดเลยน้าาา
ยกมือสนุบสนุนพี่เอกนะ  อิจฉาาาาาา


เดชโอ๊ตน่ารักมากกกก
สำหรับคู่นี้ เพราะรัก คำเดียวจริงๆ
รักกันแล้วก็รักกันนานๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 14-01-2012 00:02:20
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 14-01-2012 00:37:02
โอะ โอะ เหมือนจะเรื่องของโอ๊ตกับเดชต่อ
อยากอ่านต่อ  :z1:

รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. เขินหล่าว คำว่า หล่าว ข้างหลังแปลว่าอะไรหรอคะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-01-2012 00:39:24
โอะ โอะ เหมือนจะเรื่องของโอ๊ตกับเดชต่อ
อยากอ่านต่อ  :z1:

รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. เขินหล่าว คำว่า หล่าว ข้างหลังแปลว่าอะไรหรอคะ

หล่าว หรือว่า หลาว  แปลว่าอีกแล้วครับ เป็นสำเนียงแบบคนใต้ ศัพท์ใต้นั่นเอง

เช่น เอาแล้วหลาว ก็คือ เอาอีกแล้วนะ  เจอแล้วหล่าว  เจอกันอีกแล้ว

อะไรประมาณนี้ เขินหล่าว ก็คือ เขินแล้วนะ ..
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 14-01-2012 01:34:30
อารมณ์ดีนะนายเดช หวานไม่แพ้กัน
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 14-01-2012 10:56:18
เดช หล่อว่ะ

โอ๊ต นายเป็นคนโชคดีมากนะ รู้ตัวไว้เลย
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-01-2012 12:36:02
ตอนที่ 46.1



ถ้าเสียงเพลงที่ขับขานผ่านให้กันในคืนนี้ คือคำตอบของทุกอย่างในความรักของผมกับนายปีโป้ ผมว่าผมได้มากกว่าคำตอบของคำถามนะ ..


“ไง กูร้องเพลงเพราะเหมือนเดิมมั๊ย” นายปีโป้เดินลงมาจากเวทีพร้อมกับเดินตรงลงมานั่งที่ผม ทุกสายตาในร้านจ้องมองมาทางที่ผมกับนายปีโป้ไม่ขาด

“อืม ช่างไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก” ผมตอบไป

“มึงประชดป่ะเนี่ย ?” นายปีโป้ถาม เลิกคิ้วใส่

“จริง จริ๊งงงงง” ผมก็ลากเสียงยาวใส่เหมือนกัน

“พอเลยๆ เมาแล้วเจ้าเล่ห์นะเรา มานั่งใกล้ๆ ขอกอดหน่อย” นายปีโป้บอกผม พร้อมกับพยายามเขยิบเก้าอี้ของผมให้เข้าใกล้เข้าเรื่อยๆ

“พวกมึงหวานกันเบาๆบ้าง คนเค้ามองกันทั้งร้านแล้ว” พี่เอ็มพูดขึ้นมาครับ

“แล้วไง กูไม่ได้ไปหวานเย้ยใครนี่ กูก็หวานกับแฟนกู” นายปีโป้บอกเพื่อนไป

“แต่เราว่าเชื่อพี่เอ็มหน่อยก็ดีนะ คนอื่นๆเขาไม่ได้คิดเหมือนพวกเราทุกคน” ผมบอกนายปีโป้ไป พร้อมกับส่งสายตามองรอบร้าน มีบ้างสายตาที่ยิ้มเขินอาย และชื่นชมในความรักของพวกผมทั้งสอง แต่ก็มีบ้างอยู่ดีที่เขามองว่ามันเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับเขา



“มึงดูโต๊ะนักเลงนั่นดิ มองมาโต๊ะเราอย่างกับจะหาเรื่อง” พี่โอ๊ตพูดขึ้นครับ สายตาของเพื่อนๆนายปีโป้ค่อยๆหันไปมองโต๊ะที่พี่โอ๊ตบอกอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้อีกโต๊ะสงสัย ผมก็เช่นกันครับ แต่หันไปกลับต้องตกใจ เพราะทางนั้นก็มองมาทางนี้หน้าเข้มกันเลยทีเดียว

“เอ๊ย อย่าไปสนใจ เราก็อยู่ส่วนเรา เขาก็อยู่ส่วนเขา โต๊ะใครโต๊ะมัน ไม่ได้ไปพอดรักกันบนหัวใครก็อย่าคิดไรมาก” พี่เอกพี่สุดในโต๊ะตัดบทสนทนาที่ดูตรึงเครียดของพวกเราครับ




พวกเราเลยหันกลับมาสนุกกันที่โต๊ะอีกครั้ง วันนี้เป็นอีกวันที่พวกเรามาอยู่กันพร้อมหน้า และมีกลิ่นคละคลุ้งไปด้วยความรัก ไม่ว่าจะเป็นคู่ผมกับนายปีโป้ คู่หญิงกับพี่เอ็มที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู หรือไม่ก็คู่ข้าวใหม่ปลามันอย่างพี่โอ๊ตและพี่เดช  แต่เมื่อทอดสายตากลับมามองเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ต้องคิดใหม่ทันที เมื่อคนที่นั่งข้างๆ ยกแก้วเหล้าเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างกับมันเป็นน้ำเปล่าที่กินแล้วไม่เมาอย่างไรอย่างนั้น ..




“เบาๆ ช้างน้อย รีบไปไหน” ผมสะกิดถาม

“เอ๊ย ชั้นไม่เมาง่ายๆหรอก แค่นี้ยังน้อยไป แกไม่ต้องห่วงชั้นหรอก สนุกให้เต็มที่” ประโยคคำพูดที่แฝงไปด้วยความเศร้า รอยยิ้มที่เจือจางมาด้วยความหมองหม่นทำเอาผมอดเป็นห่วงไม่ได้

หันมองพี่บ่าวก็มีอาการไม่แตกต่างกันมากนัก สองคนนี้มีอะไรในใจกันนะ ทำไมไม่พูดมันออกมา แต่ก็อย่างว่า อะไรหลายต่อหลายอย่างมันไม่เหมือนกัน พี่บ่าวไม่ใช่คนที่จะมีทีท่าว่าจะรักจะชอบผู้ชายด้วยกัน และช้างน้อยนั้นก็ห่างไกลคำว่าผู้ชายไปเยอะ .. แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้หญิงอยู่ดี



“คิดอะไรอยู่ครับ” เสียงของนายปีโป้กระซิบที่ข้างหู พร้อมกับหน้าที่เข้าใกล้ และแขนที่โอบหลังผมไว้

“สงสารช้างน้อยครับ” ผมบอกไปเสียงจ้อย

“โถ ไม่เอาน่ะ อย่าไปคิดอะไรแทนเค้า เค้าอาจจะไม่ได้เป็นอะไรก็ได้” นายปีโป้ปลอบผม

“แต่เราว่าช้างน้อยกำลังเสียใจนะ นายไม่คิดเหมือนเราเหรอ ?” ผมถามไปพร้อมส่งสายตาสงสัย

“คิดครับ แต่ไม่อยากให้น้ำมนต์เครียด ปล่อยให้เขาสองคนจัดการตัวเค้าเองเถอะ เราทำได้แค่อยู่ห่างๆ” นายปีโป้บอกผม ชอบจังเลยเวลาคนๆนี้พูดเพราะๆด้วย ถึงจะขัดกับหน้าตาที่มีหนวดเคราขึ้นบางๆ ดูโหดๆเถื่อนๆก็ตามเถอะ แต่พอพูดแล้ว น่ารักใช่เล่นเลยละ




“ปัง !!” เสียงช้างน้อยวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดัง ทำเอาทุกคนตกอกตกใจและหันไปมองกันเป็นทางเดียว

“ช้างน้อย เป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงถามขึ้นมาทันทีที่ตั้งตัวได้

“เราอยากร้องเพลง” ช้างน้อยพูดแล้วเดินตรงไปบนเวที ทุกคนมองตามกันเป็นตาเดียว ในใจทุกคนคือเป็นห่วงว่าอีกคนเป็นอะไรกัน ผมหันกลับมามองพี่เดช พี่แกแค่ปลายตามองช้างน้อยเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วเหล้าเข้าปากเหมือนเดิม





ช้างน้อยนั่งลงบนเก้าอี้คนร้อง ก่อนจะหันไปบอกเพลงพี่มือกีตาร์ เธอจับไมค์แล้วมองมาทางโต๊ะพวกเรา ซึ่งก็รู้กันดีว่าเธอมองใคร แต่คนที่เธอมองนั้นกลับไม่ได้มองผ่านมาทางเธอเลย พี่บ่าวสนใจเพียงแค่แก้วเหล้าในมือ เมื่อดื่มหมดก็ชงใหม่ จนพี่เอกต้องเอามือมายั้งบ้างเป็นครั้งราว




เสียงกีตาร์เสียงใสแต่เต็มไปด้วยความเศร้าได้เริ่มขึ้น สายตาของคนที่จะร้องดูเศร้ายิ่งกว่า ผมเอื้อมมือไปจับมือของนายปีโป้ไว้เบาๆ เพราะรู้สึกเป็นห่วงช้างน้อยมาก จากคนที่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่วันนี้กลับไม่มีแม้วี่แววการยิ้มเลย ..




ข้อความที่เธอเคยส่ง อะไรที่ทำให้ฉัน
แสดงถึงความเป็นห่วงและสนใจ
เพิ่งรู้ว่ามันลำบาก ไม่เป็นตัวเธอใช่ไหม
เหนื่อยไหม ต้องทำอะไรอย่างนี้

อย่ายื้อให้เหนื่อยใจ หากเธอไม่เป็นตัวเอง
อย่าฝืนทำต่อไปอีกเลย เพื่อให้เรารักกัน

ขอบใจนะที่ครั้งนึงเธอเคยยอมฝืนใจตัวเอง
ขอบใจนะฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อยครั้งหนึ่ง ที่พยายามทุ่มเท
อดทนให้กัน แค่นั้นก็ดีมากมาย

อย่าโทษว่าตัวเธอผิด อย่าคิดว่าเป็นเรื่องร้าย
อย่ากลัวถ้าเธอจะปล่อยมือฉันไป
กลับไปเป็นเธอคนเก่า เก็บความทรงจำนี้ไว้
ได้ไหมฉันขอให้เป็นอย่างนั้น

อย่ายื้อให้เหนื่อยใจ หากเธอไม่เป็นตัวเอง
อย่าฝืนทำต่อไปอีกเลย เพื่อให้เรารักกัน

ขอบใจนะที่ครั้งนึงเธอเคยยอมฝืนใจตัวเอง
ขอบใจนะฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อยครั้งหนึ่ง ที่พยายามทุ่มเท
อดทนให้กัน แค่นั้นก็ดีมากมาย

ขอบใจนะที่ครั้งนึงเธอเคยยอมฝืนใจตัวเอง
ขอบใจนะฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อยครั้งหนึ่ง ที่พยายามทุ่มเท
อดทนให้กัน แค่นั้นก็ดีมากมาย




ใบหน้าของช้างน้อยในตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลมาตั้งแต่ประโยคแรกของเพลงขึ้น แต่เธอก็สามารถขับร้องเพลงนี้จนจบและไพเราะกินใจ เรียกเสียงปรบมือจากทั้งร้านดังมากกว่าที่ผมกับนายปีโป้ร้อง


ช้างน้อยเดินลงมาจากเวที ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ



“เบื่อพวกตุ๊ดจีบกันชิบหาย” เสียงหนึ่งจากโต๊ะนักเลงที่พวกเรามองในตอนแรกดังขึ้น

“เหี้ยไหนวะ” เสียงนายปีโป้สวนกลับไปทันที เล่นเอาผมตกใจ

“เอ๊ยโป้ เบาๆ อย่ามีเรื่องเลย เชื่อพี่” พี่เอกพูดปรามครับ และเสียงจาดอีกฝั่งก็ไม่ได้ดังมา นายปีโป้อารมณ์เย็นลง ช้างน้อยเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ

“น้ำมนต์ ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิ” ช้างน้อยเดินมาบอกผมครับ ผมพยักหน้าเล็กน้อย หันหน้าไปทางนายปีโป้เหมือนต้องการจะบอกว่าผมไปห้องน้ำกับช้างน้อยนะ นายปีโป้พยักหน้าให้ผมเช่นกัน

ผมเลยเดินมาเป็นเพื่อนช้างน้อยเข้าห้องน้ำ  แต่เราไม่ได้เข้าห้องน้ำหรอกครับ เพราะมาถึงหน้าห้องน้ำ ช้างน้อยก็ร่ำไห้ในทันที

“น้ำมนต์” เธอพูดพร้อมกับโผเข้ามากอดคอผมไว้ ภาพในวันนี้ไม่ต่างจากภาพที่ผมเคยร้องไห้ไปบ้านช้างน้อยตอนที่พ่อแม่ของนายปีโป้ไม่เข้าใจเราสองคน แตกต่างกันที่ วันนี้เป็นช้างน้อยที่เสียใจ

“อยากร้องก็ร้อง หยุดร้องแล้วค่อยมาพูดกัน” ผมบอกอีกคน พร้อมกับมือที่ลูบหลังปลอบเบาๆ อีกคนก็เชื่อฟังที่ผมบอกครับ ร้องไห้ออกมาใหญ่

“ทำไมอ่ะน้ำมนต์ ทำไมชั้นไม่สมหวังในความรักเหมือนกับคนอื่นเค้าบ้าง ทำไมเหรอ ?” เสียงอีกคนถามมาอย่างอู้อี้ เพราะถามไปร้องไป

“ชั้นมันแย่เหรอ หน้าตาชั้นแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมถึงไม่มีใครเข้ามารัก มาจีบชั้น” ช้างน้อยยังถามไปเรื่อยๆ

“อย่าคิดแบบนั้นสิช้างน้อย ช้างน้อยน่ารักเสมอนะ ถึงแม้ใครไม่เห็น แต่น้ำมนต์เห็นนะ” ไม่รู้จะคัดคำปลอบไหนมาปลอบดีครับ

“ชั้นมันไม่น่ารักสินะ แต่ทำไมเค้าต้องมาทำดีกับชั้นด้วย ทำไมเค้าถึงมาทำให้ชั้นชอบเค้า เผลอคิดว่าเค้ามีใจ ทำไมกันนะน้ำมนต์ ทำไมกัน”

“อย่าไปว่าอะไรเค้าเลยช้างน้อย เค้าอาจไมได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ก็ได้ อย่าไปโทษอะไรใคร โทษใจเราดีกว่านะ”

“อืม คงจริงอย่างที่แกพูด จะไปโทษอะไรใคร ต้องโทษใจชั้นที่เผลอไผลไปกับอะไรที่ไม่มีตัวตน นั้นก็แปลว่า ชั้นคิดไปเองคนเดียวสินะ ฮือๆๆ” ช้างน้อยพูดมาพร้อมกับร้องไห้หนักกว่าเดิม ผมไม่รู้จะปลอบยังไง

“ร้องมันออกมา ถ้าคิดว่ามันช่วยได้ก็ร้องมา”

“ช่วยไม่ได้นะสิ ถ้าช่วยได้ป่านนี้เค้าคงมาดูชั้นบ้างอะไรแล้ว แล้วนี่ชั้นจะร้องไปทำไมเนี่ย อีช้างน้อยบ้า” เอา เอาแล้วไงครับ งงกับเธอจริงๆ



“ใครว่าไม่มาดูละ” ทันใดก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นข้างหลังผม ช้างน้อยหยุดร้อง ผลักตัวออกจากกอดผม แล้วหันไปมอง เช่นเดียวกับผมที่หันไปมองเหมือนกัน

“พี่บ่าว” ผมเรียกชื่อคนที่เพิ่งเดินเข้ามา หันไปมองหน้าช้างน้อยกำลังเอามือปาดน้ำตาแบบเด็กๆ ที่ปาดยังไงก็ซ่อนความเศร้าและคาบน้ำตาไม่หมด

“หยุดร้องได้แล้ว แมนๆหน่อยดิ เป็นผู้ชายนะเรา” พี่บ่าวบอกช้างน้อยครับ

“ใครบอกละว่าช้างน้อยเป็นผู้ชาย ช้างน้อยเป็นตุ๊ดต่างหาก” ช้างน้อยก็ซัดกลับทันที

“เออ นั่นแหละ จะเกย์จะตุ๊ดก็เพศชาย หรือมึงไปผ่ามาแล้ว” พี่บ่าวพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ ผมเลยถอยออกห่าง สังเกตการณ์อยู่ข้างๆครับ

“ยัง แต่ก็ไม่แน่ ต่อไปจะสวยกว่าแฟนพี่ให้ดู” อีกคนพูดพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาไปเรื่อย เสียงคัดจมูดังฟิตฟัด

“ใครแฟนพี่ ไม่เห็นจะมีนี่”

“ก็ในอนาคตไง หรือพี่จะไม่มีแฟน”

“ก็ไม่รู้ .. ใครมันจะมารักคนอย่างกู”

“คนที่รักก็ไม่มองเค้าเอง มัวแต่ให้ความหวัง แล้วก็ทำให้เสียใจ”

“กูไปให้ความหวังอะไรตอนไหน ตอนชวนไปไหนมาไหนก็บอกทุกครั้งว่าเพื่อน ว่าพี่น้อง”

“นั่นแหละ มันคือการให้ความหวัง”

“แต่มึงก็รู้นี่ ว่ากูไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น”

“แล้วไง รสนิยมมันเปลี่ยนกันไม่ได้หรือไง” 




เอ่อ  สาบานนะครับ ว่านี่คือการมาเคลียร์ มาง้อกัน เพราะต่างคนต่างเถียงกันแบบไม่ยอมใครกันเลย อีกคนก็เถียงทั้งน้ำมูกน้ำตา อีกคนก็เถียงกลับไปแบบนิ่งๆ จนแทบไม่เชื่อว่ากำลังมาห้ามน้ำตาอีกคน



“เปลี่ยนนะมันเปลี่ยนกันได้ แต่มันก็ต้องใช้เวลา อยู่ๆจะให้เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง มันคงไม่ใช่” พี่บ่าวเริ่มมีเหตุมีผล

“ใช่สิ เอาหน้ามาจนชินแล้วนี่” แต่ช้างน้อยนี่อารมณ์ล้วนๆ

“โอ๊ย ไม่คุยแล้ว เถียงไปยังไงก็ไม่ชนะ ดื้อจริงๆเลย” พี่บ่าวเริ่มหัวเสียครับ

“ก็มันเป็นอย่างนี้ มันดื้อ มันชอบเอาแต่ใจ มันไม่ได้น่ารัก ไม่ได้แสนดี เอาใจเก่งเหมือนคนอื่นๆนี่”





“ทำไมต้องเอาไปเทียบกับคนอื่น ถ้าชอบคนอื่นก็ไปยุ่งกับคนอื่นแล้ว”




















 :jul3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: tekeela ที่ 14-01-2012 14:44:22
พี่บ่าวๆๆๆๆ  -ช้างน้อยยยยยย   น่ารัก เมื่อไหร่จะได้หวานแว๋วบ้างงงง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 14-01-2012 14:45:46
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-01-2012 16:15:58
อ๊ากกก บ่าวช้างน้อย ขอให้สารภาพรักกันไวๆนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 14-01-2012 17:21:26
ถ้าชอบคนอื่นก็ไปยุ่งกับคนอื่นแล้ว


โอ้วมายก้อด คุณพระทอด ช่วยลูกกล้วย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 14-01-2012 17:39:32
กิ๊วๆๆๆๆ เดช-โอ๊ต สารภาพความผิดแล้วมาหวานใส่แบบนี้ ยกโทษให้ก็ได้

แต่ อิพี่บ่าว หมายความว่าไง ตกลงชอบหนูช้างน้อยใช่มั้ยถึงยุ่งด้วยหน่ะ เอาให้ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ ฟ้าหลังฝน เดช โอ๊ต 13-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 14-01-2012 19:11:29
น่ารักโพด โอ๊ตเดช
พี่บ่าว จะเอาไงแน่ฟะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-01-2012 21:09:59
ลืมเปลี่ยนชื่อตอน .. มาอ่านครึ่งแรกกันก่อนเร็วววววววววววววววววว


ครึ่งหลังวันพรุ่งนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 14-01-2012 22:32:38
ช้างน้อยยยยย >O<
ชอบตัวละครตัวนี้ค่ะ น่ารักดี
ชอบนึกว่าช้างน้อยเป็นเพื่อนตัวเองอยู่เรื่อย แล้วเราก็เป็นน้ำมนต์ ก๊ากกก เจอถีบ
นิสัยหรืออะไรหลายๆอย่างคล้ายกันมาก
พี่บ่าวนี่มันอย่างไงกัน มาชวนกันแบบนี้นี่แหละให้ความหวังเว้ยยยย
เข้าใจไหมห๊ะ!!
รอตอนเต็มๆนะค่ะ^^
คนเขียนสู้ๆแล้วเราไปกู้ชาติกัน!!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 14-01-2012 22:58:16

“.... อยู่ๆจะให้เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง มันคงไม่ใช่”

“ใช่สิ เอาหน้ามาจนชินแล้วนี่”



เด็ด และ แรง!!!! 555555

โหครึ่งหลังมาวันพุธเลยหรอคะ แต่ไม่เป็นไร รอได้เสมอ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 14-01-2012 23:58:50
อ้าว พี่บ่าว ถ้าไม่คิดจะลองชอบช้างน้อยจริงๆ ก็อย่ามาพูดแบบนี้นะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KiissHy ที่ 15-01-2012 01:09:43
กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

เค้าชอบช้างน้อยย นึกถึงเพื่อนตัวเอง

ทำไมต้องเอาไปเทียบกับคนอื่น ถ้าชอบคนอื่นก็ไปยุ่งกับคนอื่นแล้ว

โอ้ยยยยยยยประโยคนี้เอาไปสิบกระโหลกค่าพี่บ่าววววววววววว

><! อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น คนทุกคนล้วนแตกต่างกันมีข้อดีข้อเสียต่างกัน

พี่บ่าวอาจไม่ได้ชอบผู้ชายชอบเกย์ชอบตุ๊ด แต่เค้าแค่อาจจะชอบคนคนนี้ นั่นก็คือช้างน้อย  :o8:

ขอบคุณค่าาา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 15-01-2012 02:29:23
พี่บ่าวววววว ยอมช้างน้อยไปเหอะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 15-01-2012 04:18:57
ความรักก็เป็นซะแบบนี้
สงสารช้างน้อยอ่ะ
พี่บ่าวยังจะมาปฏิเสธอีกนะ
ให้ความหวังน้องมันชัดๆ
สาธุ มีคนมาจีบน้องทีเถอะ
จะหัวเราะให้ฟันร่วงเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 15-01-2012 09:41:04
เถียงกันบ่อยๆลูกดกนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 15-01-2012 11:25:36
สรุปคือ พี่บ่าวชอบช้างน้อยใช่มั๊ย
แต่แค่ต้องการเวลาปรับตัวปรับใจ
ช้างน้อยเถียงกับพี่บ่าวเป็นเด็กๆเลย
เถียงเพื่อจะเอาชนะให้ได้ :jul3:
รอลุ้นคู่นี้ต่อไปค่ะ น่ารักไม่แพ้กัน
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
บวกเป็ดให้น้ำมนต์
ป.ล. ตอนนี้ปีโป้กับน้ำมนต์คุยกันน่ารักอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 15-01-2012 13:22:24
ตอนพิเศษ คู่เดชโอ๊ตหวานมาก เดชรักโอ๊ตมากเลย
คู่ช้างน้อยนี้น่ารักแบบงงๆดี ตอนแรกสงสารช้างน้อยมาก
พอพี่บ่าวมาง้อหรือว่ามาเถียงกันก็ไม้รู้ แต่ว่ารู้สึกว่าน่ารักมากเลย
คือคงประมาณว่าชอบช้างน้อย แต่ยังไม่ชินกับการต้องมาชอบผู้ชายมั้ง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-01-2012 13:49:32
"ทำไมต้องเอาไปเทียบกับคนอื่น ถ้าชอบคนอื่นก็ไปยุ่งกับคนอื่นแล้ว”  
ฮิ้วววววว......พี่บ่าวชอบช้างน้อยเหมือนกัน....ตะ...ตะ...แต่ๆๆๆๆว่า
"...แต่มันก็ต้องใช้เวลา อยู่ๆจะให้เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง มันคงไม่ใช่”  
นะจ๊ะช้างน้อย ใจเย็นจ้ะช้างน้อย
"อดเปรี้ยวไว้กิน(พี่บ่าวแบบ)หวาน(ๆ)"
"ช้า ช้า ได้พร้า(พี่บ่าว)เล่มงาม(ๆ)" นะจ๊ะ อิ อิ


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 15-01-2012 15:05:01
โอ้ว...

ตอนนี้เป็นห่วงมากกว่า จะได้สู้กันไหมกับกลุ่มนั้น
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 15-01-2012 17:33:54
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ประโยคสุดม้ายนั่นมันหยุดไปเลย
พี่บ่าวพูดออกมาได้นะ มันก็เหมือนให้ความหวังอย่างช้างน้อยว่านั่แหละ
จะดีมากถ้าให้แล้วไม่เอาคืนไปนะ ><
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 15-01-2012 17:47:55
ครึ่งหลังอ่าอยากได้
โอ๊ยกำลังมันส์เลยพี่บ่าวกะน้องช้าง
55555++
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-01-2012 18:33:40
โป้-น้ำมนต์หวานเวอร์
เดช-โอ๊ตก็น่ารัก
บ่าว-ช้างน้อยรอลุ้นต่อไป
+1จ๊าโดนทุกคนเลย :z2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 15-01-2012 19:24:43
ตอนที่ 46.1


“ทำไมต้องเอาไปเทียบกับคนอื่น ถ้าชอบคนอื่นก็ไปยุ่งกับคนอื่นแล้ว”
 

กริ๊ดดดดดด รีบๆหวานกันนะจ๊ะ เรารอดูอยู่   :impress2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 16-01-2012 09:05:40
สงสารช้างน้อย

หวังว่าพี่บ่าวจะรักช้างน้องจริง ๆ ในซักวันนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 16-01-2012 20:21:59
ช้างน้อยใจเย็นๆ    จริงๆ พี่บ่าวเค้าก็ชอบน้องช้างน้อยแหละ แต่พูดไม่เก่ง  ให้เวลาพี่บ่าวหน่อย พี่แกกำลังสับสนกับชีวิต ให้เวลาพี่บ่าวไปศึกษาก่อนว่าถ้าจะเปลี่ยนมาเข้าด้านหลังมันต้องทำยังไง






หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 16-01-2012 23:46:54
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 17-01-2012 15:51:35
"ทางที่กูเคยเดิน กูก็คงต้องเดินต่อไป เพื่อไปพบหนทางใหม่ ในระหว่างที่กูจะเปลี่ยนเส้นทางเดิน กูก็ต้องผ่านทางเก่าๆนี้อยู่ดี "   o13 o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.1 ครึ่งแรกรับวันเด็ก 14-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 17-01-2012 20:32:40
สงสารช้างน้อย
จัดไปอีกคู่เลยแล้วกันเนอะ
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 17-01-2012 22:18:34
“เปลี่ยนนะมันเปลี่ยนกันได้ แต่มันก็ต้องใช้เวลา อยู่ๆจะให้เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง มันคงไม่ใช่” พี่บ่าวเริ่มมีเหตุมีผล

“ใช่สิ เอาหน้ามาจนชินแล้วนี่” แต่ช้างน้อยนี่อารมณ์ล้วนๆ

“โอ๊ย ไม่คุยแล้ว เถียงไปยังไงก็ไม่ชนะ ดื้อจริงๆเลย” พี่บ่าวเริ่มหัวเสียครับ

“ก็มันเป็นอย่างนี้ มันดื้อ มันชอบเอาแต่ใจ มันไม่ได้น่ารัก ไม่ได้แสนดี เอาใจเก่งเหมือนคนอื่นๆนี่”

“ทำไมต้องเอาไปเทียบกับคนอื่น ถ้าชอบคนอื่นก็ไปยุ่งกับคนอื่นแล้ว”









สิ้นเสียงนั้นเล่นเอาอีกคนนิ่งเงียบไปเลยครับ อึ้งไม่ต่างอะไรจากผมที่ยืนเป็นส่วนเกินอยู่หรอก .. ตอนนี้ช้างน้อยมองหน้าพี่บ่าวอย่างงงๆ อย่างกับไม่มั่นใจว่าที่ตัวเองได้ยินนั้นหูฝาดไปหรือเปล่า .. ปากที่เตรียมจะสวนพี่บ่าวยังอ้าค้างอยู่ น้ำตาที่เต็มหน้ากลับเหือดหายไปอย่างมหัศจรรย์ ..





รอยยิ้มของทั้งสองคนค่อยๆผลุดขึ้นมาบนใบหน้าเล็กๆ ให้พอได้รู้สึกถึงความเขินอาย





“หมายความว่า .. พี่บ่าวก็..”


“พี่บ่าวคะ  ที่โต๊ะกำลังมีเรื่องค่ะ” ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกัน หญิงที่วิ่งมาหน้าตื่นก็พูดประโยคนั้นขึ้นมา พี่บ่าวได้ยินแล้วหันไปมองที่โต๊ะก่อนที่จะวิ่งไปที่โต๊ะทันที


“เกิดอะไรขึ้นหญิง” ผมถาม

“ไอ้พวกนักเลงมันหาเรื่องพี่โป้ คือมันล้อพวกเราอ่ะ แล้วพวกพี่ๆเค้าไม่ยอมกัน” หญิงพูดเสียงสั่น
“ชั้นว่าไปที่โต๊ะเถอะ อยู่ตรงนี้คงช่วยอะไรไม่ได้” ช้างน้อยพูดพร้อมกับชวนพวกเราวิ่งกลับไปที่โต๊ะ






“รำคาญชิบหาย ทำไมมึงไม่เอากันกลางร้านเลยละวะ” เสียงหนึ่งดังมา เมื่อเราสามคนวิ่งไปถึงโต๊ะ เป็นเสียงของนักเลงอีกฝ่ายนึง

“พูดกันดีๆหน่อยสิพี่ น้องๆผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้พี่เดือดร้อนนี่” พี่เอกที่อาวุโสสุดเป็นคนออกโรงคุยครับ ผมเดินไปหานายปีโป้ ที่ถูกพี่บ่าวและพี่เอ็มจับแขนไว้ทั้งสองข้าง

“ใครบอกว่ากูไม่เดือดร้อน กูรำคาน มึงเข้าใจมั๊ย” เอาแล้วครับ ขึ้นมึงกูแล้ว

“พูดดีๆสิวะ พวกกูไปจีบกันบนหัวมึงเหรอ” นายปีโป้ครับ คงเก็บอารมณ์ไม่ไหวแล้ว ผมเลยดินไปหาครับ

“ใจเย็นๆสินาย อยากมีเรื่องนักเหรอ” ผมถามไป

“ก็ดูมันมาหาเรื่องถึงที่ขนาดนี้สิ” นายปีโป้บอกผมครับ

“ใจเย็นมึง ให้พี่เอกเค้าคุยก่อน” พี่เอ็มเริ่มดุนายปีโป้

“แล้วพี่จะเอาไงครับ ผมไม่อยากมีเรื่อง งั้นเดี๋ยวผมกับน้องๆผมกลับไปกินกันที่หอแล้วกัน พี่จะได้ไม่รำคาญ” ถือว่าพี่เอกเป็นคนที่อารมณ์เย็น และยอมคนดีครับ คงไม่อยากให้พวกเรามีเรื่อง เพราะวันนี้ยังมีผม หญิง และช้างน้อยที่ดูจะเป็นตัวถ่วงไม่น้อย

“เออ กลับกันไปเลยไป จะไปเอากันให้ฟ้าเหลืองก็เรื่องของพวกมึง อย่ามาทำอะไรให้กูขนลุกแถวนี้” อีกคนพูดมาพร้อมกับโบ้ยมือไล่ ท่าทางจะเมาไม่น้อย เพื่อนๆของเค้าก็กำลังปรามๆกันอยู่

“มันชักจะเยอะไปแล้วนะมึง พูดกันดีๆไม่ได้หรือไง มาว่าน้องพวกกูทำไม หือ ?” เอ่อ พี่เอกอารมณ์ขึ้นแล้วครับ หลังจากอีกฝ่ายด่ามาขนาดนั้น พี่เอกอารมณ์ร้อนเดินเข้าไปประจันหน้ากับไอ้คนที่พูดเมื่อกี้แล้ว

“ทำไม ทำไมกูจะพูดไม่ได้ หรือมึงอยากจะมีเรื่อง”

“ปลั๊กก !!!” ไม่ต้องอยากครับ มีเรื่องแล้ว พี่เอกต่อยหน้าเข้าไป ไอ้นั่นหน้าหงาย ล้มไปเลย เพื่อนของพวกมันเริ่มลุกขึ้นเดินเขามาแล้วครับ


“น้ำมนต์ หญิง ช้างน้อยไปหลบก่อน” พี่เอ็มบอกพวกผมครับ ผมมองหน้านายปีโป้ที่อารมณ์เดือดเลือดพร่าน ณ ตอนนี้

“นายใจเย็นๆนะ ระวังตัวด้วย” ผมบอกอีกคน จับมือเขาที่กำลังกำแน่น นายปีโป้ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรที่ผมพูดหรือเปล่า


ผมกับหญิงและช้างน้อยเดินมาอยู่ข้างหลังของวงการต่อสู้ครั้งนั้น ภาพทีเห็นคือกลุ่มของนายปีโป้ กำลังยืนประจันหน้ากับอีกกลุ่มหนึ่ง

“ไอ้เหี้ยไหนต่อยกู” ไอ้คนที่พี่เอกต่อยแล้วล้มไป ยืนขึ้นมาถาม

“กูนี่แหละ” พี่เอกบอก

“เมื่อกี้พี่กู แต่หมัดนี้ของกู”



สิ้นเสียงนั้น นายปีโป้ก็ซัดหมัดเข้าตรงหน้าของนายคนนั้น ล้มลงไปอีกครั้ง แล้วหลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ชกต่อยกันอลม่าน นายปีโป้ลงไปนั่งบนตัวที่เค้าต่อยล้ม แล้วยัดหมัดเข้าหน้าไม่ยั้ง




“เอาไงดีน้ำมนต์” หญิงถามผม

“โทรหาตำรวจดีมั๊ย” ช้างน้อยถามด้วย

“แล้วถ้าพวกพี่ๆเค้าโดนจับไปด้วยละ” ผมก็ถามขึ้นมาอีก




โอ๊ยยย ทำไงดีละเนี่ย เกมการต่อสู้ดำเนินกันไปอย่างดุเดือด นายปีโป้โดนพวกมันรุมตีนกันใหญ่เลย แล้วทางพี่บ่าวก็กำลังยืนกระทืบอีกกลุ่มหนึ่งอย่างมัน  ผมแอบเห็นเจ้าของร้านคุยโทรศัพท์ซึ่งแน่นนอน โทรหาตำรวจแน่ๆ





ผมเดินไปมาอยู่ที่เดิมจนหญ้าแถวนั้นตายไปหมดแล้ว ไหนใครบอกว่าพอมีเรื่องตกใจแล้วเราสามารถแบกตุ่มได้ ทำไมผมไม่เดินเข้าไปแบกตุ่มไปคว่ำหัวพวกมันละ แต่ก็นั่นละ ไฟไม่ได้ไหม้นี่


“แก พี่โป้เก่งวะ ต่อยแต่ละทีนะพวกนั้นหน้าหงายเลย” เสียงช้างน้อยทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิด มองหภาพตรงหน้า ภาพของคนทีได้ชื่อว่าแฟนผม ดาหน้าเข้าหาพวกมันแล้วซัดหมัดและสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหน้าแข้งเข้าไปกลางลำตัวพวกมันอย่างกับเป็นกระสอบทราย  .. โอ๊ยยยย ยังมีเวลามาพรรณนาภาพนี้อีก คิด สิ คิด น้ำมนต์




“เอ๊ย พวกมันมีปืน” เสียงของหญิงตะโกนขึ้น ผมหันหน้าไปดูทันที เช่นเดียวกับช้างน้อย





“นายปีโป้ ระวังปืน”

“ไอ้โป้หลีก”

“ปัง !!!!”






























สิ้นเสียงดังสนั่นนั้น คนทั้งร้านกรี๊ดกร๊าดก่อความวุ่นวายภายในร้านย่อมๆจนยากจะควบคุม ร่างหนึ่งร่วงลงบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก เสียงอีกฝ่ายตะโกนถามลั่นว่าใครยิง ใครใช้ให้ยิง แล้วก็มีคนใดคนหนึ่งบอกว่าให้หนี จึงได้เห็นว่ามีคนกรูวิ่งออกไป แขน ขา ปากของผมค้างนิ่ง ไม่มีแรงขยับเขยื้อนไปไหน เพราะภาพทีเห็นก่อนหน้าคือภาพของคนที่ถือปืนเดินเข้ามาหานายปีโป้ และเสียงปืนนั้นดังขึ้น


“ไอ้เดช !!!” เสียงของคนที่ผมรักตะโกนขึ้นเรียกสติให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง ไม่ใช่นายปีโป้ที่โดนกระสุนลุกนั้นครับ แต่เป็นพี่เดชคนที่เดินเข้าไปผลักนายปีโป้ และตะโกนเสียงให้หลีกนั้น

“เดช มึงผลักกูทำไมวะ ไอ้เหี้ย” เสียงของนายปีโป้ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมือที่โอบร่างของพี่เดชขึ้นมา ผมค่อยๆขยับขาไปหาฝูงชนนั้นอย่างช้าๆ

“เดช ไอ้เดช มึงเป็นไรมั๊ย มึงอย่าหลับนะเว๊ย”

“เอ๊ย ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลหน่อย”

“ไอ้โป้ กูว่าพาไปเองเลยดีกว่า”

“เอ๊ยไอ้เอ็มไปเอามอไซค์มา”

“ไอ้โป้กูเอาไปเอง มึงพาน้องไป”

“โอเคไอ้โอ๊ย เอ๊ย พวกมึงยืนทำห่าอะไรอยู่ รีบดิวะ เพื่อนโดนยิงจะตายห่าแล้ว ไปเอารถสัด”


บทสนทนายังคงดังท่ามกลางความวุ่นวาย ผมเห็นพี่ๆคนอื่นๆวิ่งไปเอารถกันให้วุ่น วาย ช้างน้อยกับหญิงไปจากผมตั้งแต่เมือ่ไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าผมกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่ผมไม่เข้าใจ ..

“น้ำมนต์  น้ำมนต์” เสียงคุ้นเค้ยเรียกผมขึ้น

“นาย ..” ผมจำเสียงนั้นได้ดี แม้ประสาทรับรู้จะยังทำงานไม่เต็มที่ก็ตาม


“นายปีโป้” ผมเรียกชื่อนั้นก่อนจะสวมกอดคนๆนั้นไว้ด้วยใจที่เป็นห่วง กอดแน่นอย่างกับกลัวว่าคนๆนี้จะจากไป น้ำตาที่ไหลไม่รู้ออกมาตั้งแต่ตอนไหน แต่รู้ว่าตอนนี้มันเต็มแก้ม เต็มเสื้อของนายปีโป้ไปหมด

“ไอ้บ้า ไอ้ปีโป้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้า” ผมด่าไป มือก็ทุบหน้าอกของอีกคนไป ไม่รู้จะระบายด้วยวิธีไหนดี ถึงจะหายรู้สึกแย่แบบนี้

“กูไม่เป็นไร กูอยู่ตรงนี้แล้ว มึงเห็นมั๊ยว่ากูไม่เป็นไรแล้ว” เสียงนุ่มๆ ที่เหมือนกำลังพยายามระงับความโกรธของตัวเองพูดปลอบผม มือก็ลูบหลังผมเบาๆ

“กูไม่เป็นไรแล้วน้ำมนต์ มึงลืมตามาดูกูสิ กูปลอดภัย กูยังอยู่ให้มึงด่าได้อีกนาน มึงดูกูสิ” คำพูดอวดเก่งท้าทายของผู้ชายคนนี้ไม่เคยใช้ได้ผลกับผมสักครั้ง แม้ว่าผมจะกอดเขาไว้แน่น แต่รอยกอดจากอีกคนก็กอดไว้ผมหลวมๆ ผมปล่อยกอดจากนายปีโป้ มายืนมมองสภาพของคนข้างหน้า สภาพเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ มีร่องรอยเลือดที่ติดมาจากพี่เดชเล็กน้อย ปากที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการชกต่อยนั้นมีเลือดอยู่เล็กน้อย ผมเอามือไปช่วยเช็ดเลือดให้






“โอ๊ยย”

“ไม่ต้องมาสำออยเลย โดนแค่นี้เอง ตอนไปต่อยคนอื่นทำไมไม่คิด”

“มันหาเรื่องกูก่อน มึงก็เห็นนะ”

“ไม่ต้องเถียงด้วย ไปดูพี่เดชกัน” ผมบอกแล้วก็ลากมืออีกคนไปที่รถ นี่ผมมัวแต่เสียเวลาอะไรอยู่เนี่ย กว่าจะตั้งสติได้ ก็ปาไปกี่นาทีแล้วเนี่ย  ตอนนี้พี่เดชจะเป็นยังบ้าง 






“รีบเลย ไม่รู้พี่เดชจะเป็นอะไรบ้างเนี่ย” ผมบอกคนที่ตามหลังก่อนจะได้ยินเสียงบ่นแว่วมาเบาๆ




“มึง  มึงปรับอารมณ์เก่งมาก กูตามไม่ทันมึงแล้วเนี่ย !!!”














...
ขอโทษที่หายไปนานนะ พอดีตันอ่ะ อิอิ :z3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 17-01-2012 22:21:29
อ๊ากกกก  พี่เดช  พระเอกของผม  อย่าเป็นไนคร๊าบบบ o22
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 17-01-2012 22:28:41
พี่เดชอย่าตายเป็นพอ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 17-01-2012 22:37:22
 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
เป็นห่วงพี่เดช อย่าให้ใครเป็นรัยเลยยย สาทุ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 17-01-2012 22:47:12
สั้นมากกก

จบ!!
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 17-01-2012 22:56:12
 :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 17-01-2012 23:10:09
แอบมาโพสท์อะ ตัดฉึกจบให้คนอ่านลุ้นอีกแล้ว  :serius2:

รอลุ้นตอนต่อไป 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 17-01-2012 23:27:52
เดชอย่าเป็นไรมากนะ เพิ่งจะโชว์หวานได้นิดเดียวเองไม่อยากให้โอ๊ตเป็นหม้าย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 17-01-2012 23:28:00
ถ้าสักวัน โป้ เสียเพื่อนไป  คงสำนึกได้อ่ะ

นึกว่า ต้องเสียเดช ไปซะล่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 18-01-2012 03:19:55
 :z13: :z13:
จิ้มจึกๆๆ เค้าไปนอนก่อนนะค่ะพรุ่งนี้มีเรียนT^T
เพิิ่งเห็นว่าอัพ จิ้มก่อนนะ ไว้มาอ่านจ้า
--------------------------------------
เห้ยยยย ทำไมห้าวกันแบบนี้
ไม่คิดกันบ้างหรอมีเรื่องไปช่วยอะไรได้
แต่ก็นะ ศักดิ์ศรีกับลูกผู้ชายเป็นของคู่กัน
น้องเราก็เด้กช่างค่ะ เรื่องแบบนี้เยอะแยะ
แต่ว่า เป็นห่วงพี่โฌป้ครั้งนี้รอดได้แล้วครั้งหน้าจะเป็นไง เคยคิดบ้างไหม
ณ บทนี้น้ำมนต์แลดูเป็นคนตัวเล็กๆที่ทำอะไรไดมากไม่ได้
นอกจากยืนมอง และให้กำลังใจและสติ
โป้ฟังแฟนบ้างก็ดีนะ ไม่งั้นถ้าแกเป้นไรไป
จะไปแย่งน้ำมนต์มา ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 18-01-2012 08:25:13
โอ๊ตไปอยู่ตรงไหนเนี่ย
ทำไมตอนนี้ไม่มีบทเลย
เดชก็พระเอกซะ รับกระสุนแทนเพื่อน
อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปก่อนนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 18-01-2012 08:34:56
เดชอย่าเป็นอะไรนะ
เพิ่งสมหวังมาหมาดๆดันมารับเคราะห์ซะได้  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 18-01-2012 08:50:16
กรรมแล้ว เดชอย่าเป็นอะไรนะ

อย่าดราม่าถึงกระนั้นเลยนะ รับบ่ได้

 :o12:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 18-01-2012 09:45:53
พี่เดชชชช อย่าเป็นอะไรนะ โอ๊ตเป็นห่วง
นักเลงโต๊ะนั้นนิสัยแย่กันจริงๆเลย :m16:
ก็นึกกลัวอยู่ว่าอาจจะมีเรื่อง  แล้วก็จริงๆ
ที่สำคัญมาขัดจังหวะพี่บ่าวกับช้างน้อยนี่สิ
ดีนะที่ปีโป้ไม่เป็นอะไร ขอให้พี่เดชปลอดภัยนะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 18-01-2012 09:57:40
เดชชชช  :monkeysad:
อย่าเป็นอะไรน้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 18-01-2012 11:07:32
ลุ้นตอนต่อไป :กอด1:
+1จ๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 18-01-2012 11:51:47
พุทโธ ธัมโม สังโฆ 
 
เดช เดช เดช ....อย่าเป็นอะไรไปเน้ออออ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 18-01-2012 14:17:38
ลุ้นทั้งคู่ช้างน้อย
ลุ้นนายเดช  อย่าเป็นอะไรมากนะ
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-01-2012 14:23:27
พี่เดชจะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย
ไอ้อันธพาลโต๊ะนั้นนี่มันก็แรงจริง
แบบนี้นายหัวโป้น่าจะอัดให้น่วมก่อนพี่เดชถูกยิง
ช้างน้อยกำลังจะหน้าบานแล้วเชียว
อั้ยยะ พี่เดชอย่าเป็นะไรนะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 18-01-2012 15:55:39
ถึงจะโล่งอกเพราะปีโป้ไม่โดนยิง แต่ก็เสียใจ และใจเสียที่เดชเป็นคนรับลูกปืนแทน
นี่ไงที่เขาเรียกว่าเพื่อนตายล่ะ ขอยกให้เดชเลย... อย่าโดนที่สำคัญ และอย่าเป็นอะไรมากนะเดช
อยากให้ไอ้อันธพาลสวะปากปีจอโต๊ะนั้น โดนเล่นคืนแบบหนักๆเลย(จะโดยกฏหมายหรืออะไรก็เหอะ ขอหนักๆ)
ชิส์ส์... มาขัดจังหวะพี่บ่าวกับช้างน้อยของฉันได้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 18-01-2012 18:07:45
กำลังซึ้งกับคำบอกรักของพี่บ่าว 

พี่เดชอย่าเป็นอะไรนะ  เพิ่งจะได้อ่านฉากหวานของเดช-โอ๊ตแป๊บเดียวเอง

มารอลุ้นอาการพี่เดชต่อไป   


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-01-2012 18:47:12
เดชอย่าเป็นอะไรนะ ฮือๆๆๆ ไม่ยอมๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: tekeela ที่ 18-01-2012 19:39:04
มาหรือยังเอ่ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 18-01-2012 20:45:20
สั้นจังเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KiissHy ที่ 18-01-2012 23:03:48
เดชอย่าเป็นอะไรนะะะะะะะะ

แล้วก็ไม่อยากให้พี่โป้(พวกคนอื่นด้วย)ไปตีกับคนอื่นเลย ถ้าวันนึงเกิดพลาดขึ้นมาจะทำไง เก่งแค่ไหนมันก็ต้องพลาดสักวันT^T :m15:

มาสั้นนนนนนนนนอะ

สู้ๆน้าคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 19-01-2012 00:44:34
มารอฟังความคืบหน้าอาการของเดช :call:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 19-01-2012 16:22:16
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 46.2 มาลุ้นกันต่อ 17-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 19-01-2012 22:19:29
มีคนรู้จักชื่อเดียวกันแบบนี้ถูกยิงเหมือนกัน แต่เขาไม่รอด
ส่วนเรื่องนี้อย่าตายน๊า :z3:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 20-01-2012 00:40:18

ตอนที่ 47


“ไอ้เดชเป็นไงบ้าง” ผมถามขึ้นทันทีที่ถึงห้องไอซียู ทุกคนนั่งหน้าเครียดไปหมด ไอ้โอ๊ตเดินไปเดินมาหน้าห้องไอซียูอย่างกับในละครไม่มีผิด

“หมอยังไม่ออกมาเลย นี่พวกกูก็ลุ้นอยู่ มันโดนยิงบริเวณหน้าอก ไม่รู้ว่าโดนจุดสำคัญอะไรมั้ย” ไอ้เอ็มบอกผมครับ

“ถ้าไอ้เดชเป็นอะไรไปนะ กูจะไม่ให้อภัยกับการกระทำของตัวเองในวันนี้เลย” ผมบอกไอ้เอ็ม ตอนนี้ความรู้สึกผิดต่างๆเต็มไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะผมอารมณ์ร้อน อะไรๆมันคงจบไปตั้งนาน ไม่มีใครเลือดตกยางออกแบบนี้

“อย่าโทษตัวเองสิโป้ พี่ผิดเอง ที่ไปต่อยมันก่อน” พี่เอกพูดขึ้น

“ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้นแหละ ตีมันด้วยกัน ก็ผิดเหมือนกันหมดนั่นแหละ โทษพวกมันที่เล่นอาวุธกันแบบนี้ เหี้ยไม่แมนเลย” ไอ้บ่าวพูดสรุปครับ ทุกคนหันไปมองหน้าตาที่มันจริงจังกว่าทุกๆครั้งที่เคยเห็น


ทุกคนที่อยู่หน้าห้องจึงเงียบกันไปหมด ได้ยินแค่เสียงเท้าของการเดินไปเดินมาของไอ้โอ๊ต ที่ไม่มีใครกล้าทักท้วงมัน เพราะในยามนี้มันคงไม่มีอารมณ์ต่อปากจะเถียงอะไรกับใครแล้ว

“นายมานั่งก่อนดีมั๊ย” น้ำมนต์เดินมาสะกิดผม ให้ไปนั่งข้างๆมัน ที่นั่งรออยู่ข้างช้างน้อยแล้วหญิง

“มึงไปนั่งเถอะ” ผมบอก

“ใจเย็นๆนะ พี่เดชเป็นคนดี พระย่อมคุ้มครอง”

“กูก็หวังว่าจะเป็นอย่างที่มึงบอก”


“เอ๊ย หมอมาแล้ว” เสียงไอ้บ่าวตะโกนบอกเพื่อนๆ ก่อนที่ทุกคนจะกรูเข้าไปหาหมอ

“หมอครับ เพื่อนผมเป็นไงบ้างครับ” ไอ้บ่าวถามขึ้นทันที

“ใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้หมอผ่ากระสุนออกแล้ว กระสุนอยู่ใกล้จุดสำคัญมาก ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่คนไข้ยังไม่ฟื้น ต้องรอเฝ้าดูอาการกันก่อนครับ”

“หมายความว่าไง เฝ้าดูอาการยังไง” ไอ้โอ๊ตถามขึ้นเสียงสั่น

“คนไข้มีสิทธิ์ฟื้นมาใช้ชีวิตปกติ หรือไม่ก็เป็นเจ้าชายนิทราครับ” หมอตอบมาหน้าตาจริงจัง

“เจ้าชายนิทรา ?” ไอ้โอ๊ตถามอย่างกับไม่เชื่อในคำตอบนั้น น้ำตามันค่อยๆไหลออกมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

“ผมเข้าไปเยี่ยมเพื่อนผมได้มั้ยครับ” ผมถามหมอ

“ได้ครับ แต่อย่าเข้าไปรบกวนคนไข้เยอะนะครับ หมออยากให้เขาได้พักผ่อน หมอขอตัวก่อนนะครับ” หมอพูดจบพวกเราทั้งหมดก็หลีกทางให้หมอเดินออกไป


ผมมองหน้าไอ้โอ๊ตตอนนี้  มันคงเจ็บปวดมากๆ เพราะน้ำตาที่ไหลแบบนั้นของมัน เหมือนไม่ใช่อย่างที่มันต้องการ คนอย่างมันกลั้นน้ำตาเก่งจนแทบไม่เคยมีใครเคยเห็น แต่วันนี้มันกลับไหล ทั้งที่กลั้นไว้แทบตาย สีหน้าที่เศร้าจนเหมือนจะเป็นอะไรไปอีกคน ยิ่งทำให้ผมเป็นห่วงมัน

“มึงเข้าไปดูมันกับกูมั้ย” ผมถามมัน มันพยักหน้าให้ผม ก่อนที่จะเดินตามผมเข้ามา เพื่อนคนอื่นๆยืนรออยู่ข้างนอก


ภาพที่เห็นตรงหน้าผมอยากจะเอาหัวตัวเองโขกกับกำแพง และไปนอนแทนที่ไอ้เดชตอนนี้เลยครับ สภาพร่างกายที่พันด้วยผ้าก็อตสีขาวตรงหน้าอก สายยางระโยงระยางมากมายที่สอดเข้าปากเข้าจมูกมัน มอนิเตอร์บนหัวที่มีตัวเลขกระพริบไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้างนั้น ทำเอาผมน้ำตาซึมกับสิ่งที่เห็น นี่ผมเป็นต้นเหตุให้เพื่อนตัวเองเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ


ไอ้โอ๊ตเดินเข้าไปจับมือไอ้เดช น้ำตาของมันยังคงไหลออกมาเรื่อยๆ แต่ไม่มีเสียงสะอื้นให้คนที่นอนซมได้ยินแต่อย่างใด

“มึงรีบตื่นนะไอ้เดช กูยังไม่ได้บอกรักมึงเลย มึงอยากได้ยินไม่ใช่เหรอ มึงต้องตื่นมาฟังนะเว้ย” เสียงพูดสั่นๆของไอ้โอ๊ต ทำเอาผมน้ำตาไหล มือของมันจับมือไอ้เดชไว้ ก้มหน้ามองหน้าคนที่ไม่รู้สึกตัวอย่างพิจารณา

“ไหนมึงบอกว่าจะอยู่ดูแลกูไง ขอเป็นแฟนกูแล้วมาทำแบบนี้ได้ไงวะ กูไม่ยอมนะเว้ย ยังคบกันไม่กี่วันเอง มึงอย่านอนนิ่งแบบนี้ซิ !!!!” ไอ้โอ๊ตเสียงดังในท่อนท้าย ก่อนจะโหมน้ำตาร่ำไห้ขาทรุดลงขอบเตียง มือมันยังคงจับมือของไอ้เดชไว้

“ไอ้โอ๊ตใจเย็นๆ” ผมเดินเข้าไปปลอบมัน น้ำตาของตัวเองก็ไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจเหมือนกัน

“มึงดูสิไอ้โป้ ไอ้เดชมันไม่รักกูแล้ว มันไม่คุยอะไรกับกูเลย มึงดูมันสิ” ไอ้โอ๊ตเริ่มตีโพยตีพายแล้วครับ

“ใจเย็นๆสัด มันไม่ได้ตาย แค่มันยังไม่ตื่น เดี๋ยวมันก็ตื่นมึงเชื่อกู” ผมบอกมัน

“มึงอย่ามาหลอกกู มึงกับหมอหลอกกู กูเชื่อใครไม่ได้ กูอยากให้ไอ้เดชตื่นมาฟังกู ว่ากูรักมัน ไอ้เดชมึงได้ยินมั้ย ว่ากูก็รักมึง มึงได้ยินมั๊ย” 

“เหี้ย เบาๆดิวะ เดี๋ยวพยาบาลก็มาไล่หรอก” ผมดุมัน เมื่อแอบมองเห็นสายตาของพยาบาลในห้องที่มองมาทางเราสองคน

“โป้ ...” ไอ้โอ๊ตปล่อยมือจากไอ้เดช แล้วก็ดึงผมไปกอดไว้ ผมได้แต่ตบบ่ามันเบาๆ เป็นการปลอบใจ ชีวิตของพวกมันสองคนช่างโหดร้ายยิ่งกว่าวงเวียนชีวิต กว่าจะได้รักกันก็แทบตายไปคนนึง พอได้รักกันอีกคนก็ปางตายไม่แพ้กัน 


ไอ้โอ๊ตยังคงกอดคอผมร่ำไห้เบาๆที่เตียงไอ้เดช ภายใต้การหลับไหลนั้นผมไม่รู้เลยว่ามันรู้เรื่องราวอะไรภายในห้องนี้บ้าง แต่ใจก็ยังหวัง หวังให้พลังของความรักที่ทั้งสองมีให้กันสื่อถึงกัน และช่วยให้ไอ้เดชฟื้นขึ้นมาเจอกับความจริงที่สวยงามให้ไว

“ใจเย็นๆไอ้โอ๊ต มึงต้องเชื่อในตัวมันนะ เชื่อว่าสักวันหนึ่งมันจะลืมตาตื่นขึ้นมามองมึง มาฟังมึงบอกรัก เชื่ออย่างกับที่มันเคยเชื่อว่าวันหนึ่ง มึงจะเปิดใจ และรักมันเหมือนกันไง .. ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ มึงเชื่อกู” ผมพูดปลอบมันอีกครั้งไปพร้อมกับความเชื่ออย่างที่น้ำมนต์เชื่อ ว่าคนดี พระต้องคุ้มครอง ..


หลังจากวันนั้นไม่กี่วันไอ้เดชก็ย้ายมาอยู่ห้องปกติได้ครับ แต่ก็ยังได้รับการดูแลพิเศษจากหมอและพยาบาล และแน่นอนไอ้โอ๊ตก็แทบจะเฝ้าอยู่ 24 ชั่วโมง ไอ้เดชมีอาการดีขึ้นครับ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาสักที ส่วนไอ้พวกจิ๊กโก๋ที่หัวใจเหยียดหยามความรักคนอื่นพวกนั้น อีกวันนึงก็โดนจับได้ครับ ผมใช้เส้นของพ่อไปคุยกับตำรวจในพื้นที่ให้จัดการขั้นรุนแรงกับพวกนั้นไปเลย และก็ได้ผลครับ พวกมันทุกคนถูกส่งเข้าโรงเรียนดัดสันดานกันหมด (อายุไม่ถึงที่จะเข้าคุก) แค่นั้นยังไม่พอ ผมก็บอกเพื่อนๆในโรงเรียนดัดสันดานที่ผมพอจะรู้จัก ให้เล่นงานพวกมันให้สาสมกับที่ทำกับพวกผมแล้วไอ้เดชด้วย ใครจะหาว่าผมร้ายผมก็ยอมครับ แต่ผมไม่ยอมให้เพื่อนผมมาถูกยิงฟรีๆแน่ .. มันเล่นเพื่อนผมเกือบตาย แค่นี้ผมว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ


“ถ้ากูเลิกเป็นนักเลงมึงจะว่าไง” อยู่ๆผมก็พูดออกมา ขณะที่น้ำมนต์กำลังนั่งหั่นผลไม้เยี่ยมไข้ของไอ้เดชให้ผมกิน คนที่ซื้อมาเยี่ยมนี่ เค้าไม่รู้หรือไงนะ ว่าไอ้เดชมันเป็นเจ้าชายนิทรา ตื่นมากินห่าไรไม่ได้ ส่วนที่ผมกับน้ำมนต์มาเฝ้าก็เป็นเพราะว่าผมให้ไอ้โอ๊ตไปเรียนครับ ให้มันเอาหัวไปใช้กับการเรียนซะบ้าง จะไม่ได้มานั่งบ้ารอวันไอ้เดชลืมตาอยู่ ผมกลัวมันฟุ่งซ่าน (ที่จริงกลัวไม่มีใครสรุปข้อสอบมากกว่า)

กลับเข้ามาเรื่องที่ผมพูดไป น้ำมนต์มันไม่ตอบผมครับ แต่นิ่งไปสักพัก แล้วก็หั่นผลไม้ต่อ

“มึงได้ยินกูพูดมั้ย ว่าถ้ากูเลิกเป็นนักเลง มึงจะว่าอย่างไรบ้างครับคุณมึง” เอากับผมสิ

“ถ้าจะเลิก ไม่เห็นต้องบอกเรานี่ ทำให้เราเห็นดีกว่า” นั่นไงครับ เมียรักผมไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวผมเลย

“กูพูดจริงนะ” ผมยืนยันไปอีกที แล้วมันก็เดินถือจานผลไม้มาหาผมที่นอนอยู่บนโซฟา สบายอุรากว่าเจ้าของห้องอีก

“อืม ก็ทำให้ได้จริงสิ” มันตอบพร้อมกับวางจานแล้วมานั่งทางปลายเท้าผม

“มึงช่วยตื่นเต้นกับกูหน่อยสิ นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของกูเลยนะ” ผมลุกขึ้นมาคุย หันหน้าไปดูมันอย่างจริงจัง น้ำมนต์เอื้อมมือมาหยิบฝรั่งเข้าปากไปกินอย่างช้าๆ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่เลย

“เอ๊ยยยย นี่มึงสนใจกูบ้างมั้ยเนี่ย กูบอกว่ากูจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเลิกเป็นนักเลง จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน จะไม่ทำให้เพื่อนต้องเจ็บตัว และจะไม่ทำให้มึงต้องเสียใจ”

“กร๊วบ” เสียงน้ำมนต์เคี้ยวฝรั่งอย่างสบายใจเฉิบ ที่พูดไปยาวเฟื้อยเมื่อกี้เหมือนจะไม่มีผล

“ถ้าอยากจะเลิกเป็นนักเลง ฝึกให้ตัวเองเป็นคนใจเย็นก่อน แล้วค่อยมาพูดเรื่องนี้กัน  กร๊วบ !!” คำพูดที่สั้นๆและฟังดูชัดเจนของเมียผม ทำเอาผมอึ้งไปเลย และเสียงเคี้ยวฝรั่งที่ดูน่าสนใจกว่าผมนั้น ทำเอาไม่อยากแตะผลไม้ในจานเลย


“กูเป็นคนใจร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ?” ผมถามออกไปเบาๆ

“ขนาดเราไม่สนใจนาย นายเหมือนจะยัดเยียดเรื่องที่นายสนใจเลยดูสิ นี่ถ้าเป็นคนอื่นนายต่อยคว่ำไปแล้ว” มันตอบผมมา

“มันเหมือนกันที่ไหนละ ?”

“แล้วมันต่างกันยังไงละ ?”

“ก็สำหรับมึง กูก็อยากบอก อยากให้มึงสนใจกู อยากให้มึงรับรู้นะ ว่าต่อไปกูจะไม่เกเรแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเปลี่ยนทางนอน โดยหันหัวไปทางมัน นอนหนุนตักมันแทน

“พูดเป็นเด็ก” มันบอกผม แต่ก็เห็นรอยยิ้มเขินๆของมัน

“ลูบหัวกูหน่อยสิ” ผมบอกอ้อนๆมัน มันก็ทำตามครับ ลูบมันทั้งมือที่เพิ่งจับฝรั่งมานั่นแหละ

“กูว่าบางทีกูนี่แหละ เป็นคนที่หาเรื่องให้คนอื่นเค้า ถ้ากูใจเย็นกว่านี้อย่างที่มึงบอก ก็คงไม่มีเรื่องกันแล้ว” ผมบอกมันไปอย่างสำนึกได้

“มันก็ไม่ได้อยู่ที่นายคนเดียวนี่ แต่เราว่านายก็ต้องเริ่มที่ตัวนายเองก่อน ถ้านายระงับอารมณ์ตัวเองได้ นายก็จะห้ามเพื่อนได้ ไม่ใช่อะไรนายก็เป็นทัพหน้า ยังไงก็จะตีจะตีลูกเดียว” น้ำมนต์ก้มหน้ามาพูดกับผม มือก็ลูบไรผมไปเรื่อยๆ

“มึงนี่เป็นคนแปลกมากๆเลยนะน้ำมนต์” ผมพูดออกไป

“แปลก ? แปลกยังไงกัน”

“มึงเหมือนคนที่อ่อนต่อโลก เหมือนคนที่อยู่ในโลกของตัวเองไปวันๆ รอบตัวมึงจะเป็นอย่างไร มึงก็จะไม่เปลี่ยนแปลงตาม หรือว่าสนใจอะไรไปมากว่าพื้นที่ของมึง แต่พอกูรู้จัก และรักมึง มันทำให้กูรู้ว่ามึงเป็นคนที่มองโลกได้เฉียบกว่ากูนัก ทำไมมึงถึงน่ารักแบบนี้เนี่ย ..” อันหลังนี่ไม่ใช่แล้วครับ แต่อยากชมเฉยๆ อีกคนหน้าแดงขึ้นมาเลยครับ

“บุคลิกของคนเรามันไม่ได้บอกหมดนี่ ว่าคนเราต้องเป็นอย่างที่แสดงออกไปหมด อย่างนายที่ดูเถื่อนๆ เกรเร กวนตีน แต่ก็ยังมีมุมบางมุมนะ ..”

“บางมุมทำไม” ผมละอดเขินออกนอกหน้าไม่ได้ แค่ผมชมมันว่าน่ารัก น้ำมนต์ยังยิ้มหน้าแดงขนาดนั้น ถ้ามันบอกผมแบบนั้นบ้าง ผมคงเขินมากว่าแน่ๆ

“มีบางมุมที่น่าหมั่นไส้มากๆ อย่างเช่นตอนนี้ไง”

“อ่ะโด่ มึงอ่ะ ไม่เคยชมแฟนมึงเลยนะ” ผิดคาด หึหึ

“อย่างนายอ่ะ จะให้เราชมอะไรอีก ดูดีไปหมดแล้ว หล่อ รวย แถมมีแฟนน่ารักอีก” ดูมันครับ พูดไปยิ้มไป แถมมีแอบชมตัวเองด้วย มันชักจะทะเล้นขึ้นทุกวันแล้วไอ้คนๆนี้

“ถ้ามีคนบอกกับมึงว่า กูโชคดีมากที่ได้เป็นแฟนกับมึง มึงจะตอบเค้าไปว่ายังไง ?”   ผมถามมันไป มันทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบผมว่า


“เราก็จะบอกเค้าไปว่า ทำไมไม่คิดว่าเป็นเราบ้างละ .. ที่โชคดี” คำตอบของมันที่มาพร้อมรอยยิ้มนั้น ทำให้ผมยิ้มตามทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของมันแบบนี้ อยากนอนมองมันยิ้มแบบนี้ทั้งวันเลยจริงๆ ..


อย่างที่มันบอกนั่นแหละครับ เราทั้งสองคือคนที่โชคดีที่สุดที่ได้รักกัน ถึงใครจะมองว่าผมโชคดีมากๆ แต่จะมีสักกี่คนที่มองเหมือนมันบ้างละ มองว่าตัวเองก็โชคดีที่ได้ผมเป็นแฟน .. คงมีแต่มันนี่แหละ


แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมรักมันจนหมดใจได้ไงละครับ .. ถ้าเป็นพวกคุณ พวกคุณจะไม่รักเหรอ



“สวีทกันอีกแล้วนะ นี่มาเฝ้าแฟนกู หรือมาจีบกันเองวะเนี่ย” ไอ้โอ๊ตครับ เข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง กำลังหวานกับน้ำมนต์อยู่เลย

“กลับมาแล้วหรอมึง เรียนเป็นไงบ้าง” ผมลุกขึ้นจากนอนตักน้ำมนต์ แล้วชวนมันคุยครับ แก้เขินด้วย

“ก็เรื่อยๆ ไม่มีไรมาก มีการบ้านด้วย เดี๋ยวทำแล้วจะให้ลอก” มันบอกผมครับ ก่อนที่ตัวมันจะวางเป้ไว้ แล้วเข้าไปวุ่นๆในห้องน้ำ ก่อนจะออกมาพร้อมกับน้ำในกะละมัง กับผ้าขนหนูผืนแล้วเดินไปที่เตียงที่ไอ้เดชนอนไม่รับรู้อะไรอยู่อย่างนั้น


“กูรีบออกจากห้องมาเลยนะเนี่ย กลัวมึงร้อนแล้วนอนไม่สบาย จะฝากให้ไอ้โป้เช็ดให้มึงก็เกรงใจมัน ตัวมันเองยังไม่ค่อยดูแลเลย แล้วมันจะดูแลมึงได้ยังไงกัน ฟงแฟนก็ไม่ใช่ แล้วดูสิ พาแฟนมาจีบกันในห้องอีก มึงคงอิจฉาแย่เลยสินะ แต่ไม่ต้องกลัว กูมาแล้ว กูมาทำหน้าที่แฟนที่ดีแล้ว” ไอ้โอ๊ตพูดกับแฟนมันครับ ผมกับน้ำมนต์ได้แต่นั่งมองหน้ากัน และยิ้มให้กันแบบเศร้าๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินและเห็นไอ้โอ๊ตทำแบบนี้ แต่ไอ้โอ๊ตจะทำแบบนี้ทุกวัน คุยกับไอ้เดชตลอด อยู่กับไอ้เดชมากเท่าที่จะอยู่ได้ จนครอบครัวไอ้เดชไว้วางใจ ให้ไอ้โอ๊ตมาเฝ้าแทนเค้า แต่ที่บ้านของไอ้เดชก็จะแวะมาทุกวันเหมือนกันครับ


“มึงรู้มั้ยไอ้เดช วันนี้มีรุ่นน้องมาจีบกูด้วยนะเว๊ย น่ารักเชียวละ แต่กูบอกน้องเค้าไปแล้ว ว่ากูมีแฟนแล้ว มึงเห็นมั๊ย กูซื่อสัตย์กับมึงแค่ไหน กูไม่มีวันนอกใจมึงหรอกนะ กูจะรอจนกว่ามึงตื่น ตื่นมาได้ยินกูบอกมึงเต็มๆหูเต็มตาว่ากูรักมึง มึงต้องรีบตื่นนะเว๊ย” คำพูดที่ดูไม่ได้เศร้าอะไร แต่คนที่นั่งข้างๆผมกลับน้ำตาคลอทุกครั้งที่ได้ยินสองคนนี้คุยกัน .. ไม่ใช่สองคนสินะ คงเป็นแค่ไอ้โอ๊ตพูดกับไอ้เดชมากกว่า

“เรากลับกันเถอะน้ำมนต์ กูไม่อยากร้องไห้” ผมหันไปพูดเบาๆกับน้ำมนต์ ที่ตอนนี้น้ำในตาของมันชักเอ่อล้นออกมาบ้างแล้ว น้ำมนต์ไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าให้ผม ผมเอื้อมมือไปจับมันและจูงมือมันออกมา


“ไอ้เดช กูกลับก่อนนะ เมียมึงมาแล้ว” ผมพูดบอกไอ้เดชครับ ไอ้โอ๊ตหันมามองผม

“กูกลับก่อนนะมึง ค่ำๆค่อยมาหา” ผมบอกไอ้โอ๊ตแล้วยิ้มให้

“เออ ขอบใจมึงมาก” มันบอกผม ก่อนจะก้มหน้าเช็ดตัวให้ไอ้เดชต่อ ผมกับน้ำมนต์เลยจูงมือกันออกมาจากห้อง


“เดี๋ยวไอ้โป้” ไอ้โอ๊ตเรียกผมอีกครั้ง ผมเอี้ยวหน้าไปมองมันก่อนยิ้มเชิงถามว่ามีอะไรเหรอ

“อย่าลืมบอกรักกันให้มากๆนะเว๊ย ไม่มีใครรู้หรอก ว่าพรุ่งนี้ใครอีกคนจะอยู่ให้เราบอกได้อีกกี่ครั้ง คิดยังไงก็บอกเขาไป อย่าให้มันสายเหมือนกู” มันบอกแล้วยิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่เจือด้วยความเศร้า และเป็นยิ้มที่หวังดี ผมก็ยิ้มตอบมัน ก่อนจะหันหน้ากลับ มองหน้าน้ำมนต์ และชวนกันเดินออกจากห้องนั้นต่อ


ผมมองกลับไปในห้องนั่นผ่านบานกระจก น้ำตาของคนที่เข้มแข็ง ที่เอาคำว่ารักมาปลอบใจตัวเองเพื่อรอคอยปาฎิหารย์ค่อยๆไหลออกมาอย่างช้าๆ ปากก็พูดอะไรต่อมิอะไรให้ไอ้เดชฟัง มือก็เช็ดตัวไอ้เดชไปเรื่อย  ช่างเป็นภาพที่ผมทนมองได้แค่แว๊บเดียว ก่อนจะเบี่ยงสายตาหนี และจูงมือน้ำมนต์จากไปจากจุดนั้น


บางคนคงมองว่าครั้งนี้คือเวรกรรมที่ทั้งคู่ต้องช่วยกันชดใช้กับสิ่งเลวร้ายที่เคยทำมา แต่ถามหน่อยเถอะครับ ว่าทำแบบนี้ไม่แกล้งกันเกินไปหน่อยเหรอ คนที่เพิ่งเข้าใจกัน รักกัน แต่พูด บอก และแสดงอาการอะไรไป อีกคนไม่รับรู้ มันแตกต่างอะไรจากตอนที่ไม่ได้รักกัน .. ถามหน่อยเถอะครับ ว่าจะกลั่นแกล้งชีวิตคู่ของพวกมันไปถึงไหน



“นาย ..” น้ำมนต์ดึงมือผม เมื่อเราเดินมาถึงลานจอดรถของโรงพยาบาล ผมเลยหันไปมอง สายตาที่แดงกล่ำของแฟนผม บ่งบอกว่าน้ำตาไหลออกมาไม่น้อยเลย

“โหดูดิ ตาแดงเลย เจ้าน้ำตาใหญ่แล้วนะเรา” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอามือเช็ดคราบน้ำตาให้มัน มันยิ้มออกมาแบบเขินๆให้ผม

“ไม่รู้สิ อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลตาม เราสงสารพี่โอ๊ตกับพี่เดช” มันพูดพร้อมกับยิ้มๆให้ผม ผมรู้ดีว่าน้ำมนต์เป็นคนอ่อนไหวในเรื่องพวกนี้แค่ไหน แต่เป็นเรื่องอ่อนไหว ที่ผมนี่แหละจะขอยืนข้างๆ เช็ดน้ำตาให้มันเอง

“ไม่ร้องนะเด็กโง่ เราต้องไม่ทำให้มันเศร้า ไอ้โอ๊ตมันร้องมาเยอะแล้ว เราต้องเข็มแข็งอยู่ข้างๆมัน เห็นมั้ยต่อหน้าเรามันกลั้นน้ำตาแทบตาย มันไม่อยากให้พวกเราเห็นความอ่อนแอของมัน อย่างนั้นต่อไปห้ามร้องให้มันเห็นนะครับ” ผมบอกน้ำมนต์

“อืม เราขอโทษ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก กูเข้าใจ ต่อไปร้องให้กูเห็นคนเดียวพอนะ และต้องให้กูเป็นคนคอยเช็ดน้ำตาให้ด้วย” ผมบอกพร้อมกับยังยกมือป้ายๆเล็กน้อย

“แล้วถ้าเราร้องไห้เพราะนายละ” มันถามขึ้นมา

“ก็ร้องต่อหน้ากูนี่แหละ กูจะได้รู้ว่ากูผิด และกูจะทำให้มึงหยุดร้องเอง” ผมบอกมัน มันยิ้มออกมาตาหยี จนผมต้องเอามือไปขยี้หัวมัน



“นาย ..” น้ำมนต์เรียกผม

“ว่าไงครับ” ผมถามไป แต่มือก็ยังขยี้หัวมันเล่น วันนี้มันปล่อยผมครับ ผมมันนุ่นมาก




“เรารักนายนะ”   




มือที่กำลังขยี้หัวเล่นของผมค้างนิ่งเลยครับ อึ้งไปเลยอยู่ๆก็มาบอกรักผม ไม่ใช่ไม่เคยได้ยินนะครับ แต่ก็ไม่ใช่ง่ายๆเหมือนกันที่จะได้ยินคำนี้จากปากมัน ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายพูดเองบ่อยๆ แต่วันนี้มันกลับมาบอกผมง่ายๆ ในลานจอดรถโรงพยาบาลที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยานี่นะ โรแมนติกมาก !!!


“ทำไมไม่พูดอะไรเลยละ” มันถามผม

“เดี๋ยวดิ ปล่อยให้กูอึ้งนานๆหน่อย อย่าเพิ่งขัด” ผมบอกมันและขอเวลาอึ้งต่อครับ มองตาของมันที่ยิ้มให้ผม มองริมฝีปากที่ประกบกันแน่นเหมือนกำลังกลั้นความเขิน มองจมูกที่ดูเชิดๆ กับขนตาที่แสนยาวนั้น

“อึ้งนานไปละ เอามือออกไปเลย” มันบอกผม พร้อมกับปัดมือผมที่อยู่นิ่งๆบนหัวมันออก

“ทำไมอยู่ๆก็มาบอกรักกูละ  หรือว่าเพราะที่ไอ้โอ๊ตพูด”

“อืม พี่โอ๊ตพูดถูก ถ้ามีโอกาสก็ควรบอกกัน ก่อนที่มันจะไม่มีโอกาส” มันตอบมาหน้าตาเศร้า

“ขอบใจนะ คำพูดคำนี้ของมึง ทำให้กูรู้สึกดียิ่งกว่ากินลิโพสิบขวดอีก” ผมบอกมันไป

“เว่อร์ไปแล้ว”


“ไม่ได้เว่อร์ คำว่ารักคือยาวิเศษ และมึงคือคนพิเศษ กูก็รักมึงนะ รักมากๆด้วย” ผมพูดพร้อมกับดึงมันเข้ามากอดเบาๆ ดีนะครับที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครที่ลานจอดรถ และดีอีกอย่างที่วันนี้น้ำมนต์ปล่อยผม ถ้ามองจากข้างหลังนี้ ผู้หญิงชัวร์ๆ ผมเลยแสดงออกกับมันในที่สาธารณะได้ง่ายขึ้น



“บางทีเส้นทางความรักของทุกคนก็ไม่ได้อย่างใจอย่างที่ทุกคนต้องการหรอก กูมองว่าตัวเองกว่าจะได้รักกับมึง มันก็เจออะไรมาเยอะแยะ แต่ถ้ามองไปอีกคู่ละ สองคนนั้นเคยเฉียดความเป็นความตายมาแล้วด้วยกันทั้งคู่ กว่าจะได้รักกัน แล้วไง พอได้รักกัน  กลับเหมือนกับว่าอยู่กันคนละโลก  กูถึงดีใจไง ที่ทุกวันนี้กูยังมีมึง มึงเข้ามาทำให้ชีวิตของกูมีค่าขึ้นทุกวัน มึงมาทำให้วันๆที่ว่างเปล่า เป็นวันที่เต็มไปด้วยคำว่าชีวิตชีวา .. ไม่รู้จะบอกมึงยังไงดี แต่กูดีใจ และขอบใจมึงมากที่รักกู ขอบใจมึงจริงๆ”





ไม่รู้ว่าตัวเองพูดยาวไปมั้ย ไม่รู้ว่าอีกคนจะเข้าใจรึเปล่า และไม่รู้ว่าบทพูดที่ดูพระเอกในครั้งนี้ จะมีโอกาสพูดมันอีกสักกี่ครั้ง แต่เชื่อเหอะ ถึงคำพูดอาจจะไม่เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกที่มีไม่เคยที่จะเปลี่ยนไป









จบแล้ว ..
































ซะเมื่อไหร่เล่า !!!




ถ้าเรื่องราวของผมกับน้ำมนต์จะจบลงตรงย่อหน้าก่อนหน้า  คงเป็นอะไรที่ทำร้ายจิตใจคนที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นจนจบแน่ๆ เพราะทุกคนในที่นี้ไม่ได้หลงใหลกับกับความน่ารักของน้ำมนต์ และติดตามแค่ความรักของผมกับคนที่กอดอยู่คนนี้เท่านั้น ผมไม่เห็นแก่ตัวขนาดจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว พอตัวเองมีความสุข แล้วก็ลืมเรื่องราวของคนอื่นๆหรอก 
และก็อย่างที่อยากบอก แม้เรื่องราวพวกนี้จะจบลง แต่ทุกชีวิตเหมือนมีชีวิต ในเมื่อมีชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป ตัวละครหลายตัวที่ไม่จำเป็นต้องรู้จุดจบ ตัวละครหลายตัวที่รอลุ้นในเรื่องความรัก บางทีก็ไม่ต้องออกมาเฉลย ตัวละครบางตัวที่กำลังคร่ำเครียดและดราม่า บางทีก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาเฮฮา .. เพราะตัวละครพวกนั้นมันมีชีวิตจริงๆไปแล้ว ..



“น้ำมนต์ว่า ยืดเรื่องอีกซักกี่ตอนดี” ผมคลายกอดอีกคนแล้วก้มหน้าถาม
“ไม่รู้สิ ถามคนอ่านดีกว่า” เธอตอบผม ก่อนจะหันมายิ้มให้กับพวกคุณ .. ทำเอาผมต้องหันมามองด้วย ผมเห็นนะว่าพวกคุณมีรอยยิ้ม ผมเห็นนะว่าพวกคุณกำลังมีความสุข และผมก็เห็นนะว่าพวกคุณกำลังอยากรู้อะไรอีกหลายๆเรื่องเลย งั้นผมถามแล้วกัน ..








ว่าพวกคุณล่ะ อยากอ่านอีกกี่ตอน  ?



 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 20-01-2012 00:50:13
 :L1: :L1: :L1: :L1: ไม่ว่าจะมีสักกี่ตอน ก้อเทียบไม่ได้กับตอนที่ทุกคนมีความสุขที่สุด
ไม่อยากให้จบแบบนี้อ่ะนะ ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 20-01-2012 00:50:59
 :z13: :z13:


“ถ้าจะเลิก ไม่เห็นต้องบอกเรานี่ ทำให้เราเห็นดีกว่า” นั่นไงครับ เมียรักผมไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวผมเลย

ก๊ากกก น้ำมนต์มันพูดถูกวะ ฮ่าๆๆๆ แต่ถ้าเราเป็นพี่โป้คงน้อยใจ แฟนตัวสนใจมากกก
เห็นมุมน่ารักของน้ำมนต์แล้วเรามาีความสุขขค่ะ
ถามว่าอยากให้อีกสักกี่ตอน อ่าาบอกไม่ได้เนอะ
มันแล้วแต่คนเขียนมากกว่าค่ะ
ถ้าจะจบตอนนี้เลยจบได้ไหม มันก็ได้นะถ้าคุณจะให้จบ
แต่ถ้าถามในมุมของเรา เราคิดว่าการที่นิยายจะจบได้เรื่องหนึ่งๆนั้น
มันน่าจะมีความรู้สึกทีอิ่มเอิบกว่านี้ ไม่ตัดฮวบไปเลย
เราคิดว่าจบไม่จำเป้นต้องแฮปปี้ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องมาแตกรายละเอียดว่า
ใครจะเป้นไง เดชฟื้นไหม บ่าว ช้างน้อยรักกันไหม นั่นเป็นเรื่องของอนาคตไปจิ้นเอง
แต่ว่าเรารู้สึกอ่านน้ำมนต์บอกรักอยู่ดีๆมันฮวบลงมาเลย
โป้ก็พูดซะดีเลย แต่ว่ามันขัดแย้งกับสองบรรทัดทุดท้ายที่จะจบมาก ฮ่าๆ
ความรู้สึกเรา ยัง ห๊ะ ไรนะ ทำไรกันรอ ยังอยู่กับตัวละครสองตัวอยู่เลย
ยังไม่ได้รู้สึกค่อยๆถอยออกมาจากโลกนิยาย สู่ความจริงที่ว่ามันกำลังจะจบ
แต่มันเหมือนเราอ่านเรื่องเค้าอยู่แล้วถูกผลักให้จบเลย ไม่ได้ค่อยๆเดินถอยมาอย่างช้า ฮ่าๆงงเนอะ

แต่งต่อก็ได้นะค่ะหรือไม่ก็ได้ เราตมใจคนเขียนค่ะ เพราะคุณคือคนเขียน
แต่ก็ยังแอบอยากอ่านการดำเนินชีวิตของพวกเขาอยู่ ว่าเป็นไงบ้าง
แต่อย่างว่าเรื่องที่ดี ต้องมีการจบ
ไม่ว่าอย่างไเราก็ติดตามอยู่ค่ะ



-----------------------
เอาที่ไปกดเม้นใหม่มาแก้เป้นเม้นนี้นะค่ะ มึนจัดฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 20-01-2012 00:54:24
ไม่อยากให้พี่เดชเป็นอะไรอ่ะ สงสารพี่โอ๊ต
อุตสาห์รักกันแล้วววว จะขาดใจ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 20-01-2012 00:54:42
อย่าถามอย่างนี้เลย

เพราะถ้าให้ตอบ เราก็อยากจะบอกว่าไม่อยากให้เรื่องนี้จบ

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 20-01-2012 01:03:35
อร๊ายยย ถามอะไรแบบนี้ ห่ะ เดี๊ยะตีก้นลายทั้งคู่เลย เอาให้ครบ 100ตอน แล้วค่อยจบ อย่าแกล้งเดชกับโอ๊ตนานเลย ตอนหน้ารีบให้เดชฟื้นเลยนะ ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 20-01-2012 01:08:48
ขอร้อง....อย่าจบแบบนี้!!!!
สงสารโอ๊ตเดช....
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KiissHy ที่ 20-01-2012 01:09:09
ง่ะะะะะะะะะะะะะะะ T^T ชื่อตอนไมแบบนี้เล่าาาาาาาาาาาาา o22
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 20-01-2012 01:09:23
ก๊ากกก เบลอจัด จิ้มไว้แล้วก่อนอ่าน
แต่อ่านจบดันมา กดเม้นใหม่ ก๊ากกกก
แล้วเพิ่งมาเห็น
เราเลยย้ายคอมเม้นท์จากอันนี้ไปใส่ในอันแรกนะค่ะ
ขอโทษนะ แงง*/\*
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 20-01-2012 01:10:48
สงสารโอ๊ตจนน้ำตาซึมไปแล้ว
คนหลับก็หลับไม่สบาย คนรอก็รออย่างไม่รู้จุดหมาย
ทรมานกันมากเกินไปแล้ว(คนเขียนน่ะ ><)
อยากให้เดชพื่นมาไวๆ
 
แล้วก็...อยากอ่านอีกหลายๆๆๆๆๆๆตอนน่ะค่ะ ^^
ก็เข้าใจว่ามันต้องจบ
แต่ก็เข้าใจว่าช้างน้อยกับพี่บ่าวรู้สึกว่าเกือบเคลียร์ มีเหตุมาขัดซะก่อนเลยถือว่ายังไม่เคลียร์ ฮ่าๆ

อีกสักสองสามตอนก็โอเคนะคะ(ทั้งที่จริงๆแล้วคำว่าหลายๆๆๆๆๆเนี่ยมันต้องมากกว่าสองหรือสามนะ ฮ่าๆๆ)

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 20-01-2012 01:11:57
แต่เค้าอยากรู้จุดจบของแต่ละคู่อ่ะ
ตอนนี้ก็ดราม่าอีกแล้ว สงสารโอ๊ตจัง
แต่ก็นะถ้าเป็นชีวิตจริงก็แล้วแต่เวรกรรม  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 20-01-2012 01:19:48
จะว่าไปหลังจากเคลียร์เรื่องเดชได้แล้ว เรื่องก็ค่อนข้างสมบูรณ์ไม่ค้างคาส่วนใด
ฉะนั้นถ้าคนเขียนอยากจบก็จบได้ค่ะ
แต่ถ้าไม่อยากจบ ก็น่าจะได้เหมือนกันน้า...ชีวิตหลังจากนี้ของโป้กับน้ำมนต์ก็มีอะไรต่อได้อีกเยอะ
พอโป้จบไป ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียนต่อ ก็คงมีชีวิตที่เปลี่ยนไปบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าสองคนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 20-01-2012 01:25:15
ยังอยากอ่านต่อครับ

T^T

สงสารโอ๊ตกับเดช
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 20-01-2012 01:38:34
กี่ตอนไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากจะเห็น จะอ่านโป้ กะ น้ำมนต์อย่างนี้ตลอดไปฮะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-01-2012 01:39:01
ยังจบไม่ได้ค่ะ
โอ๊ต-เดช ยังไม่แฮปปี้เลย บาปกรรมนะคะทำกับคู่รักยังงี้
ช้างน้อย-พี่บ่าวก็ยังครุมเครือ
ดราม่าได้แต่ต้องจบแบบมีความสุขค่ะ ขอร้อง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 20-01-2012 09:22:17
เดช หายไว ๆ นะ รีบตื่นมาฟังคำรักของโอ๊ตเร็ว ๆ เถอะ

ถามว่าอยากอ่านอีกกี่ตอน คงเป็นหลาย ๆ ตอนน่ะ ยังอยากรู้เรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้ไปนาน ๆ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-01-2012 11:11:05
เอาหลายๆตอนเลยค่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 20-01-2012 11:33:25
อะไรกันเนี่ย
จะจบแบบนี้หรอ
ไม่น๊าาาาาาาาาาาาา :z3:
อยากอ่านอีกอ่ะ
ยังไม่ครบคู่เลย
พลีสสสสสสสสสส  :a5:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 20-01-2012 11:40:11
ยืดจนกว่าพี่เดชจะฟื้น
น้ำมนต์เรียนจบทำงาน มีลูกด้วย^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 20-01-2012 11:57:16
พี่เดชฟื้นสักที  คนอ่านอยากกินของหวานแล้ว  ไม่อยากกินมาม่ามาก เพราะเค้าบอกว่ากินมาม่ามากเกินมันไม่ดีต่อสุขภาพ

ชอบคำพูดที่น้ำมนต์บอก ถ้าโป้จะเลิกเป็นนักเลง  ให้ใจเย็นลงกว่านี้  อย่าใช้แต่อารมณ์  เพราะคนเราทุกวันนี้ที่ทำร้ายกัน ฆ่ากัน ก็เพราะอารมณ์ร้อนเป็นเหตุทั้งนั้น

อยากอ่านไปอีกเรื่อยๆ  เรารู้คนหลังเขาแต่งเก่ง ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-01-2012 11:58:47
เราคนหนึ่งล่ะที่ไม่อยากกะเกณฑ์ว่าควรจะมีต่ออีกซักกี่ตอน
เราขอให้อยู่ในดุลพินิจของคนเขียนก็แล้วกัน ว่าวางพล็อตเรื่องไว้แค่ไหนอย่างไร
หรือว่าจะยืดออกไปอีก เพื่อผู้เขียนจะได้สัมผัสกับรอยยิ้มอันเปี่ยมไปด้วยความสุขของผู้อ่าน
(เราว่าสัมผัสได้จริงๆนะ) ก็สุดแท้แต่ใจของผู้เขียน
ในเมื่อปมสำคัญๆก็ได้ไขแล้วทุกปม ก็หมือนที่ผู้เขียนบอกนั่นแหละ
"...ตัวละครหลายตัวที่ไม่จำเป็นต้องรู้จุดจบ ตัวละครหลายตัวที่รอลุ้นในเรื่องความรัก
บางทีก็ไม่ต้องออกมาเฉลย ตัวละครบางตัวที่กำลังคร่ำเครียดและดราม่า
บางทีก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาเฮฮา .. เพราะตัวละครพวกนั้นมันมีชีวิตจริงๆไปแล้ว .."

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 20-01-2012 14:02:29
อยากอ่านต่อให้เคลียร์ก่อนค่ะ
เดชจะฟื้นไหม
บ่าวกับช้างน้อยอีกล่ะ
ต่อเลยๆๆ จ้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนที่ 47 หากตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 20-01-2012 14:24:35
อ่านแล้วร้องไห้เลยอ่ะ สงสารโอ๊ตและเดช :m15:
ถ้าหากว่านี่คือการลงโทษทั้งสองคนแล้วล่ะก็
มันคงเป็นบทลงโทษที่โหดร้ายที่สุดของทั้งคู่
อีกคนรอคอย อีกคนคิดว่าก็คงพยายามกลับมา
ขอให้โอ๊ตรอคอยด้วยความอดทนนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนในเรื่อง สู้ๆ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 20-01-2012 15:25:36


สวัสดีครับนักอ่านทุกๆท่าน ทั้งขาจรและขาประจำ



ตั้งแต่เขียนเรื่องนี้มาไม่เคยจะได้ทักทายเป็นจริงเป็นจังกันเลย แต่ก็ได้รับการตอบรับจากนักอ่านทุกท่านเป็นอย่างดี ดีใจครับที่ได้เขียนนิยายให้ทุกคนได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้ร้องไห้ (มีบ้างไหมเอ๋ย) เวลาที่มีความสุขมากที่สุดของหลังเขา ไม่ใช่เวลาที่แต่งนิยายเลย แต่เป็นเวลาทีได้อ่านคอมเม้นท์จากทุกๆคนในที่นี่ มันเป็นเหมือนกำลังใจในการแต่งตอนต่อๆไป .. มันทำให้หลังเขารู้ว่าทุกคนยังติดตาม และยังเฝ้ารอคอยในแต่ละตอนของนิยายเรื่องนี้


โดยส่วนตัวแล้วหลังเขาแต่งนิยายมา 3 เรื่องแล้วครับ เรื่องแรกคือ พี่เลี้ยงสุดซ่าส์ .. ป๊ะป๋าสุดเฮี้ยว เรื่องนี้จบไปแล้วครับ ได้รวมเล่มด้วย (แอบขายของ) เรื่องที่สองคือเรื่อง CHOOSE ME ภาระกิจเลือกรักหนุ่มกวนโอ๊ย เรื่องนี้ยังไม่จบครับ ติดอีก Season หนึ่ง เพราะมัวหลงกับเรื่องที่ 3 คือเรื่องนี้ครับ กลรัก .. เปื้อนสี


เรื่องกลรักเปื้อนสีถือเป็นนิยายเรื่องที่หลังเขารู้สึกรักที่สุดในตอนนี้เลยครับ (แหงละ มีแค่ 3 เรื่อง) รู้สึกเหมือนตัวเองได้เขียนอะไรที่แปลกออกไป ปกติไม่ค่อยได้เขียนนิยายดราม่าครับ จะเขียนเอาสนุกมากกว่า แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ดราม่าเข้มข้นอะไรมาก คงต้องพัฒนากันไปเรื่อยๆ และที่ชอบอีกอย่างคือรู้สึกเหมือนได้เอามุมมองเรื่องราวของความรัก เรื่องราวของมิตรภาพมาสอดแทรกในเรื่อง จนกลายเป็นเสน่ห์ที่หลังเขาคิดว่าไม่ได้กระจอกนะเว๊ยนิยายเรา


ตัวละครทุกตัวดูมีชีวิต ดูมีสีสัน ไม่มีใครดีสุด (ยกเว้นน้ำมนต์ที่ดีเว่อร์) และไม่มีใครที่เลวสุด ทุกตัวละครมีที่มาที่ไป (ยกเว้นนังเบสท์ที่เข้ามาแค่ 2 ตอนคนอ่านเกลียดตลอดเลย) ต้องยอมรับว่าพล็อตเรื่องที่วางไว้เปลี่ยนไปจากที่คิดไว้เยอะ เพราะต้องการให้เรื่องมันกลมกล่อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ .. อาจจะตกหล่นไปบ้าง อาจจะไม่สมบูรณ์ก็ถือเป็นประสบการณ์ในการเอาไปแก้ไขในเรื่องต่อๆไปของหลังเขานะครับ ..


นิยายเรื่องนี้ยังไม่จบครับ แต่ก็คงออกมาอีกไม่กี่ตอนแล้ว หลังเขาอยากให้มันเป็นนิยายที่ค่อนข้างอินดี้ อยากให้คนอ่านได้คิดต่อว่าต่อไปตัวละครแต่ละตัวจะเป็นยังไง ไม่อยากให้มีจุดจบที่สวยงามเหมือนนิยายจนเกินไป แต่ก็รับรองครับ ว่าให้จบแบบ feel good ที่สุด .. ให้นักอ่านทุกคนยิ้มไปกับทุกตัวอักษร


ไม่รู้ว่าทุกคนเป็นเหมือนหลังเขาหรือเปล่านะครับ ที่รักและหลงนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขา ใจจริงก็ไม่อยากให้จบเลย แต่เขียนต่อไปมันจะมีแต่ฉากหวานๆของพระนาย ซึ่งพวกนี้เป็นตอนพิเศษก็ได้ เนื้อเรื่องของนิยายมันต้องมีปมครับ ถ้าไม่มีปมมันก็แค่ตอนพิเศษตอนหนึ่ง .. ไม่อยากดูเป็นการเอาเปรียบคนอ่านครับ


แวะมาทักทายเล็กน้อยครับ อยากให้นิยายเรื่องนี้ได้รวมเล่มเหมือนเรื่องแรกเหมือนกันครับ แต่คงรอโอกาสที่ดีก่อน สุดท้ายหลังเขาก็หวังว่า นิยายเรื่องนี้คงจะอยู่ในใจใครต่อใครอีกหลายคนไปอีกนานนะครับ หวังว่ารอยยิ้มที่มีให้กับน้ำมนต์จะยังคงมีต่อๆไป ความหมั่นไส้ที่มีให้นายปีโป้ก็ยังคงมีไปเรื่อยๆนะครับ


อ๋อ ผมลืมบอกไปครับ ว่าตัวละครแต่ละตัว ทั้งชื่อ ทั้งนิสัย ผมเอามาจากเพื่อนๆผมทั้งนั้นครับ โดยเฉพาะพระเอกนี่ นิสัยเพื่อนสนิทผมเลย ช้างน้อยด้วยครับ ..


ขอบคุณนักอ่านขาประจำที่เข้ามาแวะเวียนคอมเม้นท์นะครับ ไม่ว่าจะเป็น greensnake , little_nok , yayee2 , gookgik , lovely1714 , hoomalone , gupalz , NumPing , malula , mini_bilieber , ไอ้หัวแห้ว , เฉาก๊วย , silent_loner , u_cosmos , chisarachi , KiissHy , Loveyoujung , Still_14OC , Chiren , Running , yeyong , SoN , sam3sam , tekeela , น้องมิ และอีกหลายต่อหลายคนนะครับที่หลังเขาไม่ได้พิมพ์ชื่อ

แต่คนที่หลังเขาประทับใจที่สุดคงเป็นคุณ SoN กับคอมเม้นท์ ^ ^ แบบนี้ของเค้านะครับ หลังเขาจะได้รับเกือบทุกตอน และเมื่อหลังเขาได้รับคอมเม้นท์นี่แล้ว จะเป็นสัญญาณให้หลังเขาต้องอัพตอนใหม่ครับ เพราะคุณ SoN  ได้มาอ่านนิยายตอนนั้นๆแล้ว

ถ้าไม่เป็นการรบกวน หรือเหนือบ่ากว่าแรง หลังเขาอยากเห็นคุณ SoN  วิจารณ์นิยายเรื่องนี้บ้างนะครับ อยากรู้ความรู้สึกบ้าง ผมแคร์ความรู้สึกคุณมากนะครับเนี่ย





ยังไงก็รอคอยตอนต่อไปกันนะครับ

รักทุกคนเลย


หลังเขา

 :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-01-2012 15:44:47
เห็นด้วยกับคุณหลังเขา ตอนนี้รู้สึกอิ่ม พอดีๆแล้วสำหรับการเดินทางของความรู้สึกดีๆของตัวละครในเรื่องนี้

เรื่องราวต่อจากนี้เหมือนเราส่งเด็กๆพวกนี้ออกเดินทางไปที่ไกลๆ ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยๆเหมือนเดิมอีก

แต่แค่ขอให้เด็กๆพวกนี้ได้ส่งข่าวคราวมาให้ได้รับรู้บ้างก็ดีนะคะ ^^



 :pig4: ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่น่ารักและน่าติดตาม

 :กอด1: รักน้ำมนต์และช้างน้อยมากที่สุด 555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 20-01-2012 15:55:14
เราเองก็เป็นอีกคนนึงนะที่รักนิยายเรื่องนี้มาก อินมาก อะไรมาก
จนบางทีลืมไปเลยว่านี่คือนิยาย นึกว่าเป็นเรื่องจริงของน้ำมนต์ ปีโป้ และเดอะแกงค์

ใจจริงก็ไม่อยากให้จบนะ เพราะเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญของชีวิตเราไปแล้วล่ะ แต่เข้าใจว่า งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา
แต่ก็ส่งข่าวให้รู้เรืองราวต่อไปบ้างนะ (ตอนพิเศษนั่นแหละ) ยังไง ๆ ความรักของกลรัก....เปื้อนสี ก็จะอยู่ในใจเราไปตลอด

ขอบคุณหลังเขามากนะ ที่ทำให้เราได้รู้จักน้ำมนต์คนที่แสนพิเศษของเรา เราเลิฟเค้ามากเลย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 20-01-2012 16:01:24
รักเหมือนกันจ้ะ (หมายถึงนิยายอ่ะนะ)  :laugh:
มาเถอะจ้ะ จะอีกกี่ตอนก็รออ่าน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 20-01-2012 17:12:11
รออ่านเหมือนกันค่ะ
รักน้ำมนต์ :กอด1: :กอด1:
จริงๆก็ชอบตัวละครหลายๆตัวในเรื่อง
อย่างช้างน้อย เราชอบเค้านะ
คิดว่าเหมือนเพื่อนเราหนึ่งมากๆเลย การพูดการจา
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KiissHy ที่ 20-01-2012 17:40:00
เรารักตัวละครในนิยายเรื่องนี้นะ พี่โป้ได้เข้ามาอยู่ในฮาเร็มบอยของเราแล้ว(เข้ายากนะจะบอกให้)ก๊ากกกก o18

ช้างน้อยเหมือนเพื่อนเรามากเลยยยยย

ยังไงมันก็ต้องมีวันจบเนอะ แต่ถ้ามันจบแล้วก็ขอเป็นสเปไปเรื่อยๆละกันก๊ากกก  :laugh: :laugh:

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ :D
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 20-01-2012 17:56:28
เรื่องนี้เป็นเรื่องนึงที่เราติดตามมาตลอด
ได้เห็นมุมมองมากมายของความรัก
ทั้งด้านดีและไม่ดี ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะ
รักน้ำมนต์มาก น่ารักทีี่สุด
แต่ไม่ว่าบทสรุปของความรักจะเป็นยังไง
เราเชื่อว่าทุกคนคนได้อะไรจากเรื่องนี้
ไม่มากก็น้อยเน๊อะ
เจอกานๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 20-01-2012 18:07:26
รักนิยายเรื่องนี้เหมือนกัน  เป็นนิยายที่มีครบทุกรสชาติ ฮา หื่น โหด เศร้า  ยิ่งตอนอ่านตอนของเดช - โอ๊ต นั่งน้ำตาไหลอยู่หน้าคอม   เป็นเรื่องที่ให้แง่คิด คำพูดเปรียบเปรย  คำพูดเปรียบเทียบ   แสดงถึงความรัก มิตรภาพ การให้กำลังใจ  การเสียสละ ของเพื่อน และแฟน

สำหรับในเรื่องตัวละครที่ชอบคงเป็นน้ำมนต์ กับช้างน้อย ส่วนพระเอกนายปีโป้มาชอบช่วงหลังที่ใช้คำพูดปลอบโยนเพื่อน  ฯลฯ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 20-01-2012 19:49:22
นิยายเรื่องนี้ทำให้เห็นมุมน่ารักๆ ของพวกเด็กช่าง เทคนิค ที่น่ากลัวๆ ตามความคิดของเรา
เด็กพวกนี้ก็ไม่ต่างจากเรามากนะ แต่เลือดร้อนนิดหน่อย แต่รักเพื่อนมาก ยิ่งมาเห็นมุกตั้งแต่โป้เริ่มจีบน้ำมนต์ ยิ่งชอบและก็จิ้นไปเรื่อยๆ พูดถึงเด็กช่างทำให้คิดถึงวิศวะ(คณะเรา)กะเด็กศิลปกรรม  :-[ อารมณ์นี้ เห็นคู่ไหนๆ ก็แอบจิ้นถึงตัวละครเสมอ
แม้จะไม่ได้อ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกๆที่นึกถึง รอการอัพ แม้เวลาในการอ่านจะไม่อำนวย ยังไงก็ขอบคุรสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :L2:

ปอลิง เดชฟื้นเร็วๆน้า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 20-01-2012 19:56:17
ชอบมุมมองความรักทั้งในแง่ของเพื่อน คนรัก ครอบครัว ในเรื่องนี้มากๆๆ เล่าออกมาได้สุดยอดจริงเปนนิยายเรื่องหนึ่งที่ประทับใจมาก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-01-2012 20:20:19
เรื่องนี้ผมก็ติดตามาตลอด  หลงรักนายหัวโป้ตั้งแต่เรื่อง เป้กะนัทแล้ว
นิยายของคุณสนุกมาก ได้กลิ่นอายของคนใต้ ซึ่งผมชอบมากๆ  ผมก็เป็นคนใต้  ชอบมากที่มีตัวละครและที่เกิดเหตุเป็นคนใต้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 20-01-2012 20:27:42
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจมาก ๆ ทั้งความรักระหว่างคนรัก ครอบครัว และเพื่อน ที่สำคัญน้ำมนต์ยังอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับแฟนผมด้วยนะ  บ้านไม้หลา ชอบตรงนี้ที่สุด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 20-01-2012 20:59:41
 :กอด1: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 20-01-2012 21:38:09
วิจารณ์ตรงๆ เลยนะคะ

เรื่องนี้ช่วงแรกๆ จะไม่ค่อยมีอะไรมาก ก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่พระเอกตามจีบนายเอก
ใครที่ชอบโป้จากเรื่องโน้น ก็อาจส่งใจเชียร์ให้น้ำมนต์ชอบโป้ไวๆ
แต่บางคนก็รำคาญนายหัวโป้ เพราะมันดูเหมือนไร้สาระ ขี้โม้โอ้อวดและค่อนข้างเอาแต่ใจ
ส่วนเราอะเฉยๆ กะนายโป้นะ รู้แต่ว่าน้ำมนต์อะน่ารัก สงวนท่าทีได้ค่อนข้างเยี่ยม เป็นนายเอกที่ดูดีแม้ไม่ได้เป็นคุณหนูฐานะดีเหมือนเรื่องอื่น

พอมาถึงช่วงกลางๆ เรื่อง คนอ่านจะเริ่มเห็นนายหัวโป้อีกมุมหนึ่ง
ทั้งเรื่องความผูกพันระหว่างเพื่อน เมื่อเริ่มมีเรื่องของโอ๊ตเข้ามา
และเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจในการตัดสินใจของตนเอง เมื่อพ่อและแม่ของนายโป้รู้เรื่องของน้ำมนต์
จากจุดนั้นทำให้พระเอกของเรื่องเริ่มมีอะไรที่มีมิติมากขึ้น ดูเป็นผู้นำมากขึ้น ต่างจากตอนแรกๆ ที่รู้สึกว่านายเอกดูจะมีสาระมากกว่าพระเอกเสียเหลือเกิน  :laugh:
พอมาถึงช่วงท้ายยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งโป้ โอ๊ต เดช น้ำมนต์ ร่วมกันจัดเต็ม มันก็เลยทำให้เรื่องนี้มันดูมีอะไรๆ ให้เป็นที่น่าจดจำของคนอ่าน
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้มีเนื้อมีหนังมากกว่าเรื่องก่อนหน้านี้ก็คือ คนเขียนมีลูกเล่นในการนำเสนอที่มากขึ้น เริ่มมีการซ่อนปริศนาไว้ในเรื่องให้คนอ่านต้องติดตาม
โดยเฉพาะปมความลับของโอ๊ต ทั้งเรื่องแอบรักโป้ ข้อความบนเฝือก ความสัมพันธ์กับเดช การกำจัดเดียว และพฤติกรรมแสนดีเกินเพื่อน
ซึ่งถือเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของคนเขียนที่ต้องขอชื่นชมนะคะ
อ้อ..ช่วงดรามาในช่วงท้ายๆ เรื่อง ที่คนเขียนตั้งใจเขียนมากๆ นั้น ก็ต้องขอชื่นชมเช่นกันค่ะ
อ่านแล้วไหลรื่นอารมณ์ไม่สะดุด บิ๊วท์อารมณ์ได้ดี คนอ่านอ่านแล้วคล้อยตามและเข้าใจในอารมณ์ของตัวละครนั้นๆ..ขอบคุณที่ตั้งใจเขียนอย่างเต็มที่นะคะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้และสองเรื่องที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องอื่นๆ ในอนาคตด้วยค่ะ   :L2:   :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 20-01-2012 21:43:13
เราชอบคำพูดของน้ำมนต์ในหลายๆตอนน่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 20-01-2012 23:25:10

“น้ำมนต์ว่า ยืดเรื่องอีกซักกี่ตอนดี” ผมคลายกอดอีกคนแล้วก้มหน้าถาม
“ไม่รู้สิ ถามคนอ่านดีกว่า” เธอตอบผม ก่อนจะหันมายิ้มให้กับพวกคุณ .. ทำเอาผมต้องหันมามองด้วย ผมเห็นนะว่าพวกคุณมีรอยยิ้ม ผมเห็นนะว่าพวกคุณกำลังมีความสุข และผมก็เห็นนะว่าพวกคุณกำลังอยากรู้อะไรอีกหลายๆเรื่องเลย งั้นผมถามแล้วกัน ...

ว่าพวกคุณล่ะ อยากอ่านอีกกี่ตอน  ?

 :jul3: :jul3: :jul3:


"กี่ตอนดีน่ะหรอ" นาโอมิถามตัวเองด้วยสีหน้าและท่าทางครุ่นคิด พลางออกแรงดูดโชกี้โชกี้ที่ใกล้จะหมดหลอด ฉับพลันสาวน้อยก็พบคำตอบของคำถามดังกล่าว

"จะกี่ตอนก็ได้ค่ะ สุดแต่คุณหลังเขาจะวางพล็อทเอาไว้" หญิงสาวตอบคำถามด้วยแววตาเป็นประกาย แม้ว่าเธอจะยังไม่อยากให้นิยายเรื่องนี้รีบจบไปนัก ด้วยเพราะความรักของปีโป้และน้ำมนต์ยังกำซาบในหัวใจดวงน้อยๆ ของเธออยู่ แต่อีกใจเธอก็เชื่อมั่นว่า "หลังเขา" ผู้ตั้งใจถ่ายทอดมุมมองความรักตามแบบโมเดิร์นริซึ่มได้ใคร่ครวญและคิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่าจะเล่าอะไรแค่ไหน อย่างไร

"แม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ก็ทำให้ประทับใจในมุมมองความรักความผูกพันที่มีต่อเพื่อนของนายปีโป้ ทำให้ได้ซาบซ่านยามเมื่อนึกถึงความรักของนายปีโป้กับน้ำมนต์ แค่นี้ก็ทำให้คนที่มีแต่ความเหงาหงอยในหัวใจมีรอยยิ้มขึ้นมาแล้ว" สาวน้อยบอกกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนช็อกโกแล็ตที่ค่อยๆ คลี่ออกมาบนใบหน้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 20-01-2012 23:59:59
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 21-01-2012 00:19:36
    อยากบอกว่าอินกะเรื่องนี้มากเหมือนกัน
(จริงๆแล้วก้ออินกะทุกเรื่องแหละ ยิ่งเรื่องเศร้าๆน่ะ)
ชอบที่เสนอรูปแบบความรักเพื่อนตามแบบฉบับเด็กช่างด้วย
อ่านไปก้อลุ้นไป ยิ่งคู่พี่เดชกะพี่โอ๊ต.............................
แต่ไม่ว่าจะจบแบบไหน  ยังไงก้อแล้วแต่
            รอ อ่าน อยุ่ น่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 21-01-2012 01:25:21
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นนิยายที่ตามจีบกันแบบใสๆ
ออกแนวพระเอกตัวร้ายกับนายเอก(แอบ)เย็นชา 
แต่พออ่านมาเรื่อยๆ คุณหลังเขาได้แต่งมุมมองความรักและมิตรภาพหลายๆด้าน  o13
ทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นมีหลากหลายแง่มุมของชีวิต
บางทีซึ้งไปกับคำพูดและความรู้สึกของตัวละครในตอนนั้นเลย
มันเป็นธรรมดาที่ชีวิตคนเราจะไม่ได้มีแต่ความสุขอย่างเดียว มันก็ต้องผ่านเรื่องราวร้ายๆ
ผ่านอุปสรรคมากมาย และไม่มีจุดจบที่ดี ที่คาดหวังเสมอไป
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆเรื่องนี้มาให้คนอ่านได้เพลิดเพลินนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] รักนิยายเรื่องนี้เหมือนหลังเขามั๊ย ?? 20-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 21-01-2012 07:09:25
 :กอด1:  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 24-01-2012 16:41:36
ตอนพิเศษ บ่าว  มันคงเป็นความรัก

“มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้  มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน  ไม่ยอมหยุดเสียที ..”




เสียงเพลงจากวิทยุที่เปิดทิ้งไว้ตอนเข้าไปอาบน้ำดังขึ้นมาตอนผมออกมาพอดี ผมเดินเข้าไปเปิดเสียงให้ดังขึ้น เพราะรู้สึกชอบเพลงนี้ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้  อาจเพราะท่อนแรกนั้นกระมัง ที่ทำให้ผมสนใจเพลงนี้ขึ้นมา ..



“แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส  แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที  แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้ ..”




อันที่จริงแล้วผมนายบ่าว คนที่มองว่าด้อยนักเรื่องความรัก เพราะไม่ค่อยเห็นผมจีบสาวเท่าไหร่ แต่จะมีใครสักกี่คนกันนะที่รู้ว่าที่ผมไม่เคยจีบใคร เพราะบาดแผลครั้งเก่าที่ยังคอยวนเวียนอยู่ในหัวของผมไม่เคยหายไป .. จะหาว่าน้ำเน่าก็ไม่ว่ากันครับ เพราะมุมมองที่จะได้รับรู้ต่อจากนี้  .. คือเบื้องหลังของผู้ชายชื่อบ่าว





ผมเคยมีความรักครับ และเคยมีแฟนด้วย แต่คงนานมากๆ นานจนเรื่องบางเรื่อง ความทรงจำบางอย่างกลายเป็นสีเทาๆไปหมดแล้ว แฟนผมคนนี้ชื่อ “เตย” ครับ เรารู้จักกันเมื่อตอนม.3 เธอเป็นเด็กกรุงเทพที่ย้ายตามพ่อแม่มาอยู่ที่นครศรีฯ เธอเลยเข้ามาเรียนที่โรงเรียนผมช่วงปลายๆแล้ว เธอน่ารักเชียวล่ะครับ ทุกคนในห้องให้ความสนใจเธอ ไม่เว้นแม้แต่ผม




“ชื่อเตยเหรอ” ผมเดินเข้าไปถามสำเนียงทองแดง จำได้ว่าตอนนั้นการพูดสำเนียงกลางๆของผมอ่อนหัดมาก เธอมองมาทางผมแบบงงๆ ว่าผมไปพูดอะไรกับเธอ แต่เธอก็ยิ้มตามมาอย่างเป็นมิตร จนผมต้องยิ้มเขินกับรอยยิ้มนั้น

“นายถามเราว่า เราชื่อเตยใช่มั๊ย” เธอทวนคำถามของผม ผมพยักหน้าให้เธอ

“ใช่ เราชื่อเตย” เธอตอบและยิ้มอีกที

“อืม เราชื่อบ่าวนะ” ผมบอกเธอไป และคิดว่าจะไปหัดพูดสำเนียงกลางให้ชัดกว่านี้ให้ได้




และนั่นเป็นบทสนทนาแรกระหว่างผมกับเธอ และผมก็รู้ตัวโดยทันทีว่าผมชอบผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว ผู้หญิงที่เป็นเหมือนดอกฟ้า และผมก็เป็นแค่ไอ้หมาวัดที่แหลงกลางไม่ชับ (พูดสำเนียงกลางไม่ถนัด) แถมยังกระแดะไปชวนเธอสนทนาด้วย ..




แต่คุณอาจจะยังไม่รู้ว่ไอ้บ่าวคนนี้ เวลาชอบใครจีบใคร มันเอาจริงเอาจังครับ ทุกๆเช้าผมจะเดินผ่านโต๊ะเธอ และบอกว่าสวัสดีทุกเช้า ทุกเช้า จนเช้าวันหนึ่ง




“เตย สวัสดี” ผมบอกเหมือนเดิมในทุกๆวัน

“สวัสดี บ่าว” และเธอก็ตอบแบบเดิมๆทุกวัน ผมทำท่าหันกลับไปนั่งโต๊ะตัวเอง ก่อนที่จะได้ยินเตยเรียกรั้งผมไว้

“เดี๋ยวก่อนบ่าว” ผมหันมามองเธอด้วยหัวใจที่เต้นรัว นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอแสดงอาการอยากคุยกับผม

“มี .. มีไหร่เหรอ” โอ๊ยยย อยากเอาหัวตัวเองโขกกับกำแพงหลังห้องแรงๆ ก็ประโยคที่พูดไปนี่ โคตรจะทองแดงเลยครับ ก็ทำไงได้ละ คนมันไม่เคยฝึกประโยคอื่นนี่ แค่พูดว่า เตย สวัสดี แค่นี้ก็พูดมาทั้งคืนแล้ว

“สอนเราพูดภาษาใต้บ้างสิ เราอยากพูดเป็น” คำตอบนั้นทำเอาผมยิ้มอย่างกับเธอขอผมเป็นแฟน เพราะมันทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอคงต้องชอบผมแน่ๆ ไม่ชอบที่หน้าตา ก็ชอบที่สำเนียงล่ะว้า ..






และหลังจากนั้นเราสองคนก็สนิทขึ้นเรื่อยๆ ผมสอนเธอพูดสำเนียงใต้ ไปพร้อมๆกับเธอสอนผมให้พูดสำเนียงกลางให้ชัดๆเหมือนกัน  ความขัดเขินที่เคยมีค่อยๆจางหายไป แต่กลับเพิ่มความห่วงใยและเอาใจใส่กันมากขึ้น จนใครต่อใครเข้าใจกันว่าเราสองคนกำลังคบหากัน .. เป็นการเข้าใจผิดที่ผมอยากให้เป็นจริงมากที่สุด  ผมมีความสุขที่ทุกคนคิดแบบนั้น แม้ว่าผมจะเคยถามเตยเลยก็ตาม ว่าเธอคิดอย่างไรกับผม 







จนวันนี้มาถึง ..






“บ่าว เตยว่าระหว่างเราต้องมีอะไรบางอย่างที่คนอื่นเข้าใจผิดแน่ๆ” เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และแน่นอนผมก็ยิ่งเครียดมากกว่าเธอไม่แพ้กัน

“เรื่องอะไรเหรอ” ผมแกล้งถามออกไป

“เราได้ยินเค้าพูดกันว่าเค้าคิดว่าเรากับบ่าวเป็นแฟนกัน”

“เอ๊ย อย่าไปสนใจเลย พวกนั้นมันก็ปากหมาไปอย่างนั้นแหละ” ผมบอกเธอ ให้เธอสบายใจ

“เราไม่สนหรอก แต่แฟนเราสิ ..”





ลมหายใจแทบหยุดเต้นกับประโยคนั้น  แฟน ... เตยมีแฟนแล้วเหรอ





“เตย .. เตยมีแฟนแล้วเหรอ ?” ผมถามออกไป

“ใช่ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกบ่าว บ่าวโกรธอะไรเตยมั๊ย” เธอพูดพร้อมกับยื่นมือมาจับมือผมที่วางอยู่บนโต๊ะเชิงสะกิดถาม เพราะตอนนี้ไอ้บ่าวคนนี้ได้แต่อึ้ง ไม่รู้จะพูดประโยคใดๆออกมา ผมเอามืออีกข้างของตัวเองยกมือเธอออก แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ได้ยินเสียงเธอเรียกอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่อาจรั้งให้ผมกลับไปสนใจได้




ร่างกายที่เหมือนไร้วิญญาณ คนที่เหมือนไม่มีหัวใจกำลังเดินไปที่ไหนสักแห่ง ที่ไม่มีผู้คน ผมไม่รู้หรอกว่าอาการนี้เรียกว่าอาการอะไรในตอนนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าการที่ผมไม่ได้เป็นแฟนกับเธอ แล้วจะคิดว่าตัวเองอกหักจะได้ไหม แต่เท่าที่รู้คือผมจดจำวินาทีที่แสนเลวร้ายนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ .. จากภาพที่เคยเป็นสีแดงสด ที่แสดงถึงความเจ็บปวดรวดร้าว จนทุกวันนี้มันคือภาพทีเทาที่ดูหมองๆ เป็นเครื่องย้ำเตือนว่ากาลครั้งหนึ่งผมเคยรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้ ..


ผมมารู้ตอนหลังแล้วครับ ว่าตอนแรกเธอก็ชอบผม แต่ผมกลับไม่ขอเธอเป็นแฟน ไม่แสดงความรู้สึก ไม่บอกเธอก่อน เธอก็เลยไปสนใจคนใหม่ที่เข้ามาจีบเธอ ตอนผมรู้เรื่องนี้นะ มือผมช้ำไปด้วยเลือด หน้าผมฟกไปด้วยรอยนูนเต็มไปหมด ไม่ได้ไปต่อยไอ้หมอนั่นหรอกครับ ผมต่อยกำแพง เอาหัวโขกด้วย ข้อหาโง่เกินเหตุ คิดอะไร ชอบอะไรก็ไม่เคยบอก ไม่เคยพูด คิดว่าการกระทำเท่านั้น ที่จะทำให้เธอรู้ ...




แย่จิงๆไอ้บ่าว





“ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ  บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม  เธอคือความสุขของฉัน  ถ้าเธอไม่รับมัน  ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม ..”









“อัลโหล เสร็จยัง” ผมโทรไปหาเบอร์ๆหนึ่งที่ทำเป็นปุ่มโทรลัดเบอร์แรกเอาไว้

“ใกล้เสร็จแล้ว พี่บ่าวมารับได้เลย” อีกสายตอบกลับมาอย่างวุ่นๆ คำว่าใกล้เสร็จแล้วของเขานั้น บางทีอาจจะแค่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เป็นได้ และแน่นอน ผมก็ต้องไปรอเหมือนเดิม

“งั้นเดี๋ยวถ้าพี่ไปถึงบ้านก่อน  พี่ไปนั่งรอที่สวนนะ” ผมบอกไป

“โอเค โอเค แค่นี้นะครับ” ปลายสายวางไป คงรู้แล้วสินะว่าผมคุยกับใคร



วันนี้ผมกับช้างน้อยมีเวรต้องไปเฝ้าไอ้เดชมันครับ เพราะไอ้โอ๊ตต้องกลับไปทำธุระที่บ้าน พวกเราหมุนเวรไปเฝ้ากันเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าใครว่าง ใครไม่ว่าง หรือว่าแล้วแต่คู่ใครว่าง และคู่ใครไม่ว่าง




ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ผมจบม.สามมา ผมก็ไม่เคยคบหรือชอบใครจริงจัง อาจโตไปตามอายุและความหนุ่ม และอาจได้ใช้วิชาฝึกจีบสาวเรื่อยๆบ้าง แต่ละคนก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เหมือนมองตาแล้วต่างรู้ว่าต้องการอะไรในกันและกัน ผมเลยได้คนเหล่านั้นมาแบบง่ายๆ และมันก็จากไปแบบง่ายๆไม่ต่างกัน ไม่เคยเกิดความรักหรือความผูกพันใดๆเกิดขึ้น .. มีบ้างที่สานต่อ แต่นั้นก็แค่บ่งบอกว่าติดใจ .. ไม่ใช่มีใจ




แต่พอผมเข้ามาพบกับสังคมใหม่สังคมนี้ สังคมเด็กช่างหน้าเถื่อนนิสัยโหด แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ เรื่องฟงเรื่องแฟนสำหรับผมดูเป็นของนอกกาย เหมือนกับการมีมือถือธรรมดาๆใช้ และไม่ได้หันไปสนใจไอโฟนที่กำลังฮิต เพราะคิดว่าสำหรับไอ้บ่าว มันคงไม่จำเป็น

และพอได้อยู่กับไอ้พวกเพื่อนๆผม ผมก็ได้รู้มุมมองความรักที่หลากหลาย บ่อยครั้งที่คิดว่าทำไมไอ้โป้มันถึงชอบน้องน้ำมนต์ ทำไมไอ้โป้มันชายก็ได้หญิงก็ได้ ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ ทำไมไอ้เดไอ้โอ๊ย ทำไมอะไรหลายๆอย่างมันดูวุ่นวาย ลึกซึ้งยากจะคาดเดา และหยั่งรู้ไปหมด




และบ่อยครั้งที่ต้องถามตัวเองว่า ตัวเองเอาอะไรถาม และตัวเองใช้อะไรตอบ





“รอนานมั๊ย” ช้างน้อยถามผม เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จ และเดินมาหาผมในสวน สวนในบ้านของช้างน้อยกลายเป็นที่ๆผมนั่งคอยคนๆนี้อย่างมีความสุขไปแล้ว บ้านนี้มีสวนอยู่ข้างบ้านที่จัดได้สวยงามดีครับ ผมชอบ

“ไม่นานหรอก ไปกันหรือยัง” ผมบอกไป ทั้งที่จริงก็มารอเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว  หลังจากเหตุการณ์ที่ห้องน้ำวันนั้น อะไรหลายๆอย่างระหว่างผมกับช้างน้อยก็ค่อยเปลี่ยนไป คำถามบางคำถามที่มันยังค้างคาใจอยู่ มันค่อยๆคลายไปกับกาลเวลา อีกคนก็ใช่ว่าจะเรียกร้องเหมือนแต่เก่า  เขาคงเข้าใจว่าอะไรก็ตามในโลกนี้ต้องอาศัยเวลาทั้งนั้นในการเปลี่ยนแปลง






ผมมาถึงโรงพยาบาลก็เจอพี่เอกที่เฝ้าอยู่ก่อนหน้าและกำลังจะเปลี่ยนเวรกับผม เราพูดทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่พี่เอกจะขอตัวกลับ ผมดูอาการไอ้เดช ผู้ที่เปรียบเสมือนไอดอลของผม คนที่มีความรักที่เข้มแข็งดุจหินผา คนที่เสียสละทุกอย่างได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อมิตรภาพ ไอ้เดชไม่ใช่คนโง่ แต่ไอ้เดชเป็นคนที่รักเพื่อนและคนที่มันรักมากกว่าชีวิตของมัน





“พี่เดชเหมือนจะหายดีทุกอย่างแล้วเนอะ” ช้างน้อยพูดขึ้น เมื่อมายืนสังเกตอาการไอ้เดชข้างๆผม

“อืม ทุกอย่างปกติหมดแล้ว รอแค่เมื่อไหร่มันจะลืมตา” ผมบอกพร้อมกับหันไปมองหน้าช้างน้อย

“ช้างน้อยเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง อีกไม่นานทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พี่โอ๊ตกับพี่เดชต้องผ่านชะตากรรมนี้ไปให้ได้” ช้างน้อยพูดมาสีหน้าตั้งมั่น

“อืม พี่ก็คิดแบบนั้น” ผมบอกไป




สำหรับผมไม่รู้หรอกครับ ว่าปาฏิหาริย์มันมีจริงหรือเปล่า ผมเองก็ยังไม่เคยเจอ แต่ผมก็เชื่อว่ามันต้องเกิดขึ้นบ้าง ถ้ามีบางอย่างแลกกับมัน และเมื่อมันเห็นว่าสมควรพอแก่การแลกสิ่งนั้น ..




“พี่บ่าว เดี๋ยวช้างน้อยมานะ” ช้างน้อยบอกผม

“อืมๆ” ผมพยักหน้าบอกไป ไม่รู้หรอกว่าจะไปไหน แต่ก็ไม่อยากจู้จี้วุ่นวาย เพราะถ้าอีกคนอยากบอกก็บอกไปแล้ว แต่บางทีทำไมรู้สึกเหมือนอยากจะรู้นะว่าเค้าอยากไปไหน และทำไมไม่บอกกันนะ ว่าจะไปไหน





นี่ผมเริ่มคิดมากแล้วนะเนี่ย ..







ผมนั้งรอช้างน้อยอยู่นาน จนคิดว่ามันคงนานเกินไปแล้ว ผมจึงเอามือถือมาโทรหา แต่แม่เจ้า ช้างน้อยดันวางมือถือไว้ในห้องนี่อีก  โชคดีที่นางพยาบาลเข้ามาเช็ดตัวให้ไอ้เดชพอดี ผมเลยฝากไอ้เดชไว้กับพยาบาลก่อน และออกมาเดินดูช้างน้อย







ออกมาเจอช้างน้อยกำลังคุยกับหมอคนหนึ่งอยู่ครับ คงเป็นหมอเพิ่งจบใหม่เพราะดูจะหนุ่มเอามากๆ และหน้าตาก็หล่อมากๆไม่แพ้กัน ผมคงไม่หงุดหงิดเท่าไหร่ ถ้าการคุยของเค้าสองคนดูจริงจังกว่านี้ แต่ดูท่าแล้วไม่ใช่เลย ดูช่างหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างกับสนิทสนมมานมนาน มีตีแขนแตะไหล่ให้เห็นกันอีก และที่หายมานานสองนานเพื่อนมาคุยกับไอ้หมอหล่อนี่เหรอ  ?






“ช้างน้อย” ผมเรียกขึ้น  สองคนนั้นหันมามองทางผมอย่างตกใจ

“ว่าไงพี่บ่าว” ช้างน้อยถามผมกลับมาพร้อมทำหน้างง

“...” ผมจะตอบไปว่าอย่างไงดีละเนี่ย ที่เรียกแค่อยากให้หันมาสนใจผมเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรจะคุยด้วยเลย

“เปล่า” ผมบอกไป







แล้วช้างน้อยก็หันไปคุยกับไอ้หมอหล่อนั้นต่อ .. อย่างกับไม่มีผมยืนอยู่ตรงนั้น  อารมณ์น้อยใจมันก็ค่อยผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ไหม แต่เพราะว่าอะไรบางอย่างที่มันยังคงเป็นเส้นคั่นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับช้างน้อย มันทำให้ผมเลือกจะเดินกลับห้องอย่างกับลมที่พัดผ่านมา เข้าตา และพัดผ่านไป ...





ภายในห้องคนป่วยที่มีเจ้าชายนิทรา ผู้ที่หลับไปเพราะความรัก และคิดว่าคงจะตื่นขึ้นมาเพราะความรักเช่นกัน ผมนั่งมองหน้าไอ้เดช เพื่อนที่ผมรักไม่แพ้คนอื่นๆในกลุ่ม มันกับผมติดต่อกันตลอด แม้ว่ามันจะออกไปจากวิทยาลัยตั้งนานแล้ว แต่ด้วยความสนิท และด้วยความคิดว่ามันเป็นคนดี เรื่องที่มันทำกับเพื่อนก็อีกเรื่องหนึ่ง และเรื่องที่มันดีกับผมก็อีกเรื่องเหมือนกัน





ในวันนี้ที่มันหลับอยู่ มันทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่าง คนอย่างไอ้เดชทำมาหมดแล้วทุกอย่าง ยอมให้เพื่อนด่าว่าไอ้ทรยศเพื่อแลกกับความรักที่ไม่รู้ว่าจะมีวันได้มาหรือเปล่า ยอมเป็นไอ้หน่าโง่เพื่อให้ตัวเองได้สัมผัสและใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองมีใจ ยอมตายแทนเพื่อนได้ โดยไม่ได้คิดเหตุผลว่าทำไม และเพราะอะไร ?






เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับช้างน้อยที่เข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมหันไปมองแว๊บหนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจคนป่วยต่อ



“กลับมาตอนไหน ทำไมไม่ชวนช้างน้อยเข้ามาด้วย” ช้างน้อยพูด ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา

“ก็เห็นกำลังคุยกันสนุก เลยไม่อยากขัด” ผมบอกไป

“อืม ช้างน้อยเลยไม่ได้แนะนำพี่บ่าวให้รู้จักเลย ..”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่คงไม่เหมาะจะไปรู้จักกับหมออะไรแบบนั้น”

“พี่บ่าวพูดเหมือนน้อยใจอะไร” เธอสวนผมมา น้ำเสียงสงสัย

“น้อยใจอะไรกัน พี่นี่นะจะไปน้อยใจ” ผมบอกเธอไป และคิดว่าน้ำเสยีงผมคงปกติที่สุดแล้ว

“คนนั้นอ่ะเป็นพี่ชายของเพื่อนช้างน้อย ชื่อพี่หมอทศ ช้างน้อยเคยสินทกับเค้าตอนเด็กๆเพราะไปบ้านเพื่อนบ่อย ตอนนี้พี่แกเพิ่งเรียนจบเลยมาทำที่โรงพยาบาลนี้ ไม่ได้เจอกันนาน เลยทักทายและคุยกันนานไปหน่อย” ช้างน้อยอธิบายให้ผมฟังครับ

“พี่ชายของเพื่อน ?” ผมถามย้ำ

“ใช่ พี่ชายของเพื่อน” ช้างน้อยก็ตอบย้ำ

“อืม ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ผมคิดว่าคำพูดนี้ของผม ไม่พูดออกไปคงจะดีกว่า

“พี่บ่าวนี่ปากแข็งนะ  ปากแข็งแบบนี้ระวังจะโดนคนอื่นแย่งไปเสียละ” ช้างน้อยพูดเหน็บผม





ผมนิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร ใจก็นึกไปถึงคืนนั้น คืนที่ไอ้เดชโดนยิง




.

.

.




“ไอ้บ่าว มึงไปเอารถมึงมา” เสียงไอ้โอ๊ตตะโกนบอกผม ผมรีบวิ่งไปเอารถของตัวเองมา ขณะที่ไอ้โอ๊ตกำลังเดินแบกไอ้เดชเดินมาทางผม พอผมเอารถมาถึงที่มันมันจับไอ้บ่าวขึ้นนั่งซ้อนกลางและมันนั่งตามหลังผม

“รีบเลยมึง” นั่นคือเสียงสัญญาณบอกให้ผมออกตัว ผมบิดคันเร่งให้ไวตราบเท่าที่จะไวได้ เสียงข้างหลังของไอ้โอ๊ตยังดังมาไม่หยุด แม้เสียงลมจะพัดเสียงเหล่านั้นไปบ้าง แต่ผมก็ยังได้ยินชัดเจนอยู่ดี

“มึงอย่าเป็นอะไรนะไอ้เดช  กูยังไม่ได้บอกรักมึงเลย มึงอยากได้ยินไม่ใช่เหรอ มึงต้องไม่เป็นไร มึงต้องรอฟังคำว่ารักจากกูนะไอ้เดช” ประโยคเดิมๆ ประโยคซ้ำๆที่ไอ้โอ๊ยพร่ำพูดตะคอกใส่หูไอ้เดชอย่างต่อเนื่องนั้น ทำเอาผมน้ำตาไหลไปตลอดทาง ไม่คิดเลยว่าการมีชีวติอยู่ของคนที่เรารัก คนที่เรารู้สึกดี มันมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดๆ ครั้นจะมาใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเพื่อบอกความรู้สึกดีๆต่อกัน บางครั้งมันก็คงจะสายเกินไป .





.

.

.

.




“ช้างน้อย ..” ผมเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง หลังจากที่เราสองคนเงียบไปนาน

“หือ .. ว่าไง” อีกคนตอบมาทันที เหมือนกับกำลังรอให้ผมทักขึ้นมา ผมหันหน้าไปหาช้างน้อย ก็เห็นช้างน้อยกำลังจ้องมาที่ผมไม่แพ้กัน ก่อนที่ผมจะหลบตาต่ำมองเท้าตัวเอง



“ช้างน้อยว่าพี่เป็นเกย์มั๊ย ?” ผมถามออกไปพร้อมเงยหน้ามองช้างน้อย เหมือนอีกคนจะงงๆเล็กน้อยๆที่ผมถามไปแบบนั้น

“เอ่อ .. ก็ไม่นี่” อีกคนตอบมาแบบไม่เต็มร้อยนัก

“เกย์นี่คือต้องชอบผู้ชายด้วยกันใช่ป่ะ” ผมถามออกไป

“คงประมาณนั้นมั้ง ..” เช่นเดิม คำตอบที่ไม่เต็มร้อย

“พี่บ่าวถามทำไมอ่ะ” ก่อนที่ช้างน้อยจะถามผมกลับมาบ้าง

“แล้วอย่างไอ้โป้ ไอ้เดช ไอ้โอ๊ต น้องน้ำมนต์นี่เค้าเรียกเกย์ป่ะ” ผมถามอีก โดนไม่ได้สนคำถามของช้างน้อยที่ถามมา

“อืม คงใช่มั้ง ผู้ชายรักกันใครๆเค้าก็มองว่าเป็นเกย์ทั้งนั้นแหละ” คำตอบนี้ช้างน้อยคงมั่นใจสุดแล้วเท่าที่ผมถามมา






“อืมมม ...” ผมส่งเสียงในลำคอเหมือนคนกำลังตรัสรู้






“ช้างน้อย พี่อยากเป็นเกย์แล้ว”








ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดไป เพราะช้างน้อยทำหน้าเหวอมองมาทางผมอย่างกับงงๆ ว่าผมต้องการสื่ออะไรออกไป ทำไมเหรอครับ ผมบอกว่าผมอยากเป็นเกย์ มันผิดตรงไหน ..








“พี่เดชว่าอะไรนะครับ ..” ช้างน้อยถามย้ำ

“พี่ว่า พี่อยากเป็นเกย์ ถ้าพี่เป็นเกย์ พี่ก็จะได้ชอบกับช้างน้อยได้ไง” ผมบอกไปพร้อมกับเขินๆ

“ฮ่าๆๆ ..” แต่อีกคนกลับขำ

“ช้างน้อยขำทำไม ?” ผมสงสัย

“อ้อ เปล่า โอเค พี่บ่าวเป็นเกย์แล้ว อยากจะเป็นมันตอนนี้ก็เป็นได้เลย” อีกคนสรุปให้ผมฟัง

“อืม พี่เป็นเกย์แล้ว แล้วช้างน้อยละ พร้อมจะเป็นแฟนพี่หรือยัง” ผมบอกอีกที ตอนนี้อีกคนไม่ขำผมแล้วครับ แต่กลับเขินแทน






ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าผมชอบคนตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อก่อนแค่อยากรู้จักเพราะเค้าเป็นคนอารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วไม่เครียด แล้วก็พาลให้อยากอยู่ด้วยบ่อยๆ เวลาเครียดๆเบื่อๆก็ชอบชวนไปนั่งเล่น ไปเที่ยวโน่นนั่นนี่  จนเริ่มชินกับการอยู่ด้วยกัน ยอมรับครับว่าชอบทำให้อีกคนคิดมาก และก็รู้ด้วยว่าอีกคนคิดอะไรกับเรา แต่ด้วยคำที่ว่ากูเป็นผู้ชาย และมึงก็เป็นผู้ชายนะ (ถึงจะไม่เต็มร้อยก็เถอะ) เลยทำให้ผมให้คนๆนี้ได้แค่คำว่าเพื่อนและพี่ชาย






แต่พอได้ใกล้ชิดความอายที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันสองคนมันก็น้อยลง น้อยลง อีกคนก็เหมือนจะแมนมากขึ้นเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ฝืนอะไรตัวเองมาก เริ่มมองว่านับวันยิ่งน่ารัก และไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วย จะเรียกว่าหึงคงไม่ผิด จนวันนี้ วันที่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง และไม่อยากจะให้ตัวเองพลาดเหมือนคนก่อน และไม่อยากรอให้ถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตเพื่อนที่จะบอกกัน





เพราะผมไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่โชคดีไม่ตายแบบไอ้เดช แต่ก็โชคร้ายที่ยังไม่ตื่นแบบนี้





“มัวแต่เขินนั่นแหละ จะเป็นไม่เป็น เดี๋ยวก็เลิกเป็นซะหรอก ไอ้เกย์เนี่ย” ผมถามจริงจังไปอีกครั้ง

“ไม่เป็นได้ไง พี่บ่าวลงทุนขนาดนี้แล้ว” อีกคนตอบมาแบบยิ้มๆ ดูเป็นยิ้มที่น่ารักที่สุดในโลกที่เคยเห็นมา ถึงแม้ว่าเราจะนั่งห่างกันคนละมุมห้อง แต่ผมกลับรู้สึกว่าเรานั่งใกล้กันอย่างไงอย่างนั้น





ไม่รู้ว่าด้วยความเขินหรืออย่างไร ผมรีบหันเก้าอี้กลับมามองหน้าไอ้เดช ไม่รู้ว่าไอ้เดชมันรับรู้เรื่องราวครั้งนี้ของผมหรือเปล่าครับ เพราะผมเห็นเหมือนมันกำลังยิ้มๆให้ผมด้วย 















“ นี่มึงยิ้มเยาะเย้ย หรือว่ายิ้มดีใจกับกูวะไอ้เดช .. รีบตื่นมาสอนกูเป็นเกย์เลยนะ”






 :pigha2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 24-01-2012 17:35:52
 :z13: จิ้มๆ อิอิ

เกย์นี่ต้องสอนด้วยหรอบ่าว  :laugh: มันเป็นธรรมชาติหนู
เดชรีบๆฟื้นนะจ๊ะ โอ๊ตรอบอกรักอยู่ คราวนี้ก็สามคู่ชูชื่นเลย >,,<
 :pig4: ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 24-01-2012 18:16:04
ต้องมีคนมากระตุ้นนะพี่บ่าว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 24-01-2012 18:38:33
พี่บ่าววววว  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 24-01-2012 18:43:13
พี่บ่าวน่ารักมาก
สุดยอดมาก
แต่กว่าจะรู้ตัวนานมาก
~~
ชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ
เป็นอีกเรื่องที่ตามอ่าน
รักทุกตัวละคร
แต่
เราอ่านดราม่าไม่ค่อยได้
คือชอบอินตลอด
อ่านบางตอนจุก เลยเม้นไม่ออก
อย่างเรื่องพี่เดชนี่สะเทือนอย่างแรง
ชื่นชมฝีมือคนเขียนค่ะ
คุณหลังเขาเขียนดีมาก
เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ชอบ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-01-2012 18:46:46
ง่าา  ในที่สุดก็คบกันได้นะเนี่ยคู่นี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 24-01-2012 18:54:46
รีบๆตื่นมาสอนบ่าว เป็นเกย์ เลยนะเดช คิคิ บ่าวน่ารักหึงน้องช้างน้อย ชัดๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 24-01-2012 18:56:12
เป็นการบอกรักที่แปลกๆแต่ก็น่ารักนะบ่าว
ยินดีกับช้างน้อยนะ รอมานานแหละ คำขอคบเป็นแฟนจากพี่บ่าวเนี่ย สมใจซะที
เดชก็รีบๆฟื้นมาร่วมยินดีกับบ่าวเด้อ ตัวเองก็จะได้ฟังคำบอกรักจากโอ๊ตด้วย
ขอบคุณตอนพิเศษแบบน่ารักๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เพ่ขุน ที่ 24-01-2012 20:18:19
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 24-01-2012 20:51:47
แหม...นึกอยากจะเป็นก็เป็นซะอย่างงั้น บ่าวหนอบ่าว

ปล.สีอ่านยากไปนะ

 :กอด1: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 24-01-2012 21:05:12
พี่เดชช รีบตื่นมาสอนความเป็นเกย์ให้พี่บ่าวน่ะ ^^

ลุ้นพี่บ่าวกะช้างน้อยอยุ่ วันนี้ไม่ผิดหวังเลยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 24-01-2012 21:06:29
พี่บ่าวน่ารักมาก รู้ใจตัวเองซะที

เดช รีบ ๆ ตื่นขึ้นมานะ คิดถึงแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 24-01-2012 21:07:50
พี่บ่าวน่ารัก   :o8: :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: MrTeddy ที่ 24-01-2012 21:08:54
 :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-01-2012 21:25:05
บ่าวทำถูกแล้ว ชอบก็บอกว่าชอบ
เพราะเวลาและวารีไม่คอยใคร
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 24-01-2012 21:27:47
 :mc4: :o8: ดีใจกับช้างน้อยด้วยที่พี่บ่าวบอกรักแล้ว  เป็นการบอกรักที่น่ารักดี   พี่บ่าวการเป็นเกย์มันจะเริ่มอินไปเองแหละ

รอโอ๊ตบอกรักเดชอีกคู่   :-[ :กอด1:
   


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 24-01-2012 21:53:30
พี่บ่าววววววววว
><
พี่บ่าวก็มีมุมแบบนี้กับเขาเหมือนกันเนอะเรื่องอกหักอะไรแบบนี้เนี่ย
บอกรักแบบนี้กลัวว่าพี่เดชจะทนเลี่ยนไม่ไหวลุกขึ้นมาแซวน่ะสิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 24-01-2012 21:53:54
พี่บ่าว :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 24-01-2012 21:57:58
กรี๊ดดด พี่บ่าวเป็นเกย์แล้ว
ช้างน้อยก็แมนขึ้น ไม่ดูตุ๊ดแต๋ว
แบบนี้ก็สามคู่พอดี
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 24-01-2012 22:01:09
พี่บ่าวน่ารักอ่ะ  :-[
มือใหม่หัดเป็นเกย์
เจออดีตที่ไม่สมหวังก็เลยรีบหน่อยนะเดี๋ยวมันจะสายไป
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 24-01-2012 22:40:35
น่ารัก :-[
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 24-01-2012 22:44:01
ข้าวใหม่ปลามันกันทั้งเรื่องเลยทีนี้

อดใจรอตอนต่อไปไม่ไหว ขออนุญาตเร่งนายหลังเขาให้ปั่นไวไว อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 25-01-2012 00:20:09
แอบหวานนิดๆ โนะพี่บ่าวเนี่ย

ชอบที่คุณหลังเขาเขียนตอนพิเศษแบบที่สัมพันธ์กับโครงเรื่องหลักอยู่
ทีแรกนึกว่าคุณหลังเขาจะเล่าตอนพิเศษแบบแยกเป็นเรื่องๆ ของแต่ละคนไป

รออ่านตอนต่อไปค่ะ 

 :จุ๊บๆ: +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 25-01-2012 00:46:01
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 25-01-2012 10:20:03
เป็นวิธีขอเป็นแฟนที่สมกับเป็นบ่าวเลยอ่ะ
ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันก็หึงเค้าซะแล้ว
แล้วนี่ตกลงเป็นแฟนกันแล้วจะขนาดไหนเนี่ย
คู่นี้คงจะน่ารักไม่แพ้อีกสองคู่แน่เลย :-[
พี่เดชรีบตื่นขึ้นมาฟังคำบอกรักของโอ๊ตนะคะ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษน่ารักๆอย่างนี้ค่ะ
+1 และเป็ดให้เบาๆ :L2:

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 25-01-2012 11:40:26
เอากับเขาสิพี่บ่าว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษบ่าว : มันคงเป็นความรัก 24-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 25-01-2012 11:54:26
ในที่สุดก็ยอมรับใจตัวเองได้ซะทีนะพี่บ่าว o13
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 27-01-2012 16:55:44
ตอนพิเศษ โอ๊ต :: แสนล้านนาที ::



.

.

.

.





“กูขอโทษ กูเมา” คำพูดของไอ้เดชที่บอกผม ในครั้งที่เราพลาดมีอะไรด้วยกันครั้งแรก

“ขอโทษแล้วไง ก็ไม่มีไรดีขึ้น แล้วนี่มึงเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ มึงชอบผู้ชายด้วยเหรอ” ความงุนงงสงสัยในตัวผมเต็มตัวไปหมด ว่าเพื่อนรอบตัวที่ตัวเองไว้ใจ มีรสนิยมแบบนี้ด้วย

“กูได้ทั้งนั้น” คำตอบที่ไม่เต็มปากเต็มคำนั้น ทำเอาผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะมันก็เคยมีแฟนผู้หญิงมาก่อน

“เออ ก็ดี ว่าแต่มึงไม่ได้คิดอะไรกับกูใช่มั๊ย ?” ผมถามมันไปด้วยใจกังวล ในใจก็ลุ้นกับคำตอบของมัน ตอนนั้นบอกไม่ถูกเลย ว่าอยากได้ยินคำว่าใช่  หรือคำว่าไม่ใช่กันแน่ ..


 
ไอ้เดชใช้เวลาคิดอยู่นาน จนผมชักจะกลัวคำตอบของมันมากขึ้น




 
“ไงมึง กูถาม อย่าบอกนะว่ามึง ..” 

“เออ กูไม่ได้ชอบมึง พอใจยัง” คำตอบของมันทำเอาผมใจหล่นวูบ  คำว่าไม่ได้ชอบของมันทำผมนอยด์ๆตัวเองเล็กน้อย ไม่รู้สิว่าทำไม อาจเพราะผมอาจต้องการใครสักคนที่รักผมบ้างมั้ง ..







ต้องยอมรับว่าการมีอะไรกับไอ้เดชครั้งนั้น ทำให้ผมมีความต้องการในตัวมันมากขึ้น  เรากำลังทำอะไรกันโดยใช้สถานะว่าเพื่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นดูเลยเถิดจนยากจถอยกลับ  ความต้องการในตัวมันของผมมีพอๆกับที่ผมต้องการในตัวมัน เรียกใช้ไม่เคยขาด และเราก็เติมเต็มให้กันจนผมรู้สึกอิ่มเอม ขาดแต่เพียงความรู้สึกว่า รักก็เท่านั้น ..





นานวันเข้า เราสองคนเหมือนคนติดยา ติดความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพศสัมพันธ์ที่ยากจะแยกออกจากกัน แม้ว่ไอ้เดชจะมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยเหตุผลใดๆของมันก็แล้วแต่ และผมก็แอบเข้าข้างตัวเองว่า มันคงมีไว้ประชดผม แต่ทุกอย่างระหว่างเราสองคนก็ยังคงดำเนินไปดังเดิม





“แฟนมึงไม่ว่าเหรอ ที่มาหากูบ่อยๆเนี่ย” ครั้งหนึ่งผมเคยถามมันเมื่อเราสองคนเสร็จกามกิจ

“ก็กูอยากมา ใครจะว่าอะไรกูได้” มันตอบมาแบบไม่คิดอะไร

“แล้วทำไมไม่เลิกๆไปเสียละ” ผมพูดออกไปเล่นๆ

“มึงอยากให้กูเลิกเหรอ ?” มันหันมาถามผมจริงจัง

“แล้วแต่มึงดิ เมียมึงนี่” ผมตอบแบบไม่ได้คิดอะไรมากนัก

“แต่ถ้ามึงบอกให้กูเลิก กูก็จะเลิก แค่มึงบอก” ตอนนั้นผมคิดว่ามันจะจริงจังไปไหน

“กูสำคัญขนาดนั้นเชียว ?” ผมถามลองใจมันดู

“อย่าให้กูพูดดีกว่า  ไม่รู้แหละ ถ้ามึงถามแปลว่ามึงไม่สบายใจ งั้นกูจะไปเลิก” มันพูดอย่างจริงจังและมองหน้ามาที่ผม  ผมไม่มีคำตอบอะไรให้กับมัน ได้แต่ยิ้มไป .. เป็นยิ้มที่พอใจในการกระทำนั้น





ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นตัวเองเห็นแก่ตัวมากเกินไปไหม แต่ในใจก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ที่ต้องแบ่งของให้ใครก็ไม่รู้มาใช้ร่วมด้วย ถึงแม้คนๆนี้จะไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมด แต่มันก็อดที่จะหวงในคนๆนี้ไม่ได้






.

.

.

.




ผ้าขนหนูผืนเล็กที่เปียกน้ำค่อยๆเช็ดลงบนแขนของคนที่นอนหลับใหลในช่วงนิทรามาแรมเดือน  ใบหน้าที่มีชีวิตชีวา ขาดแค่การลืมตาและการเคลื่อนไหวของร่างกายเท่านั้น ที่จะทำให้ร่างกายที่แน่นิ่งนี้เป็นหิน กลับมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแฟนผม ..



กี่ครั้งแล้วที่ผมเช็ดร่างนี้ไปร้องไห้ไป ภาพความหลังต่างๆที่เคยทำตัวเลวร้ายกับมัน เหมือนเข็มคอยตำมือให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา คนที่เคยอยู่เคียงข้าง คอยเช็ดน้ำตาให้ผมในวันที่ผมเจ็บปวดเพราะรักคนที่ไม่เคยเหลียวมอง คงไม่ต่างจากความรู้สึกของมัน ที่เจ็บปวดเพราะรักผม ..






.

.

.




มือที่กอดผมไว้แน่น ในห้องน้ำของหอผม สภาพห้องน้ำเต็มไปด้วยกลิ่นฉี่ กลิ่นอ้วก เต็มไปหมด ผมขยับตัวลืมตามองคนที่โอบผมไว้ และคงหลับไปด้วยความเพลีย ..

“ไอ้เดช ..” ปากผมเหมือนจะพูดออกมา แต่กลับไม่มีเสียงออกไป ผมคงเหนื่อยจนแทบไม่มีกำลังจะออกเสียง เลยพยายามขยับตัวเล็กน้อย เพื่อให้อีกคนรู้สึกตัว





ไอ้เดชค่อยลืมตาขึ้นมามองผม 

“มึงเป็นไงบ้าง” ทันถามมาอย่างกับว่าที่ผมเป็นอยู่นี่แค่อาการคนเป็นลม แต่ตอนนั้นผมก็ไม่มีแรงจะตอบอะไร ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว ข้าวมื้อสุดท้ายของวันมันตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ และตอนนี้มันก็ออกจากปากผมมากองอยู่เต็มห้องน้ำไปหมด ผมมองภาพเหล่านั้นอย่างระอา นี่คือผลงานของผมสินะ




ไอ้เดชเหมือนจะเห็นสายตาที่ผมมอง มันรีบลุกขึ้นเปิดผักบัวฉีดน้ำที่พื้น อีกมือก็โกยเศษอาหารกองใหญ่ๆ เอาใส่ในชักโครก ผมเบือนหน้าหนีภาพนั้น เพราะรู้สึกได้ถึงความขยะแขยง แต่ก็ต้องหันหน้ากลับมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่า นั่นมันคือเศษอาหารที่ออกมาจากปากผมนี่ แล้วมันเป็นใครกัน ทำไม่ถึงทำให้ผมได้ขนาดนั้น ..




มันใช่เวลาล้างพื้นห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาถอดเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเม็ดข้าวและกลิ่นฉี่


“อาบน้ำหน่อยนะมึง” คำพูดที่เหมือนพี่ชายบอกน้องชาย สายตาที่เป็นห่วงเป็นใย ไม่มีวี่แววขอความรังเกียจ หรือขยะแขยงแต่อย่างใด



ไอ้เดชค่อยๆอาบน้ำให้ผม แว๊บแรกที่ตัวผมสัมผัสกับหยดน้ำ มันทำให้ใจผมแทบหยุดเต้น ความหนาวจากน้ำทำเอาตัวผมสั่นไม่เป็นท่า ไอ้เดชรีบโผเข้ามากอดผมเอาไว้อย่างไว

“หนาวเหรอวะ” มันถามผม มือก็คอยลูบๆตัวผมอยู่ แล้วก็ช่วยสะบัดน้ำที่อยู่บนตัวผม

“เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้ดีกว่านะ มึงจะได้หอมๆ” มันบอกผม ก่อนที่จะอุ้มตัวตัวผมออกจากห้องน้ำไป ภายนอกห้องน้ำเห็นบรรดาเพื่อนๆของผมกำลังหลับไหลอยู่ตามมุมต่างๆของห้อง นี่ไอ้พวกนี้มันมาทำไมห้องผมเนี่ย ไม่หลับไม่นอนกันหรือไง ภาพการตั้งวงที่ยังคงมีก้นบุหรี่ที่ยังคงมีควันไฟแสดงให้ผมเห็นว่าพวกมันเพิ่งจะได้นอนกัน




แค่นั้นก็ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง คำถามมากมายที่เกิดขึ้นตอนนั้นแทบจะไม่อยากตอบอะไรแก่ตัวเอง แค่คำถามว่านี่กูทำอะไรลงไป ? แค่นี้ก็ร้ายแรงเกินจะแก้ไขแล้ว




ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกชุบด้วยน้ำอุ่นๆ ถูกเช็ดตัวผมด้วยมือไอ้เดช ผมมองแววตาของมันที่เศร้าไม่ต่างอะไรจากผมนัก แต่ใบหน้าของมันกลับมีรอยยิ้ม มันคงอยากจะให้กำลังใจผม เหมือนกับทุกครั้งที่มันเคยอยู่เคียงข้างผม ในวันที่ผมล้มแล้วล้มเล่า ..




จะว่าไปก็มันอีกนั่นแหละ .. ที่เป็นคนส่งมือมาให้ผมและออกแรงดึงให้ผมลุกขึ้นมาใหม่เพื่อเดินต่อไป ..




.

.

.

.

.





ผมนั่งจับมือไอ้เดชไว้แน่น เพราะตอนนี้ไม่รู้จะสื่อสารกับมันแบบไหนดี มีแค่มือที่จับกันไว้ตลอดเวลาเท่านั้น ที่จะทำให้มันรู้สึกได้ ว่ายังมีผมอยู่เคียงข้างมันตลอด ..


“ไอ้เดช กูยื่นมือดึงมึงให้ลุกแล้วนะ เมื่อไหร่มึงจะลุกสักที” ผมบอกพร้อมกับมองใบหน้านั้น

“แต่มึงไม่ต้องกลัวนะ ถึงมึงไม่ลุก กูก็จะไม่ปล่อยมือมึงไว้แน่”  ผมพูดพร้อมกับกำมือมันไว้แน่นกว่าเดิม ไอ้น้ำตาบ้านี่ก็ไหลลงมาอีก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงกลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ 



จากคนที่เคยเข็มแข็ง ไม่เสียน้ำตาง่ายๆ ก็ต้องกลับมาเป็นคนที่ร้องไห้ได้ทุกทีที่อยู่ที่นี่  หรือว่าที่ผมอ่อนแอนั้น ผมต้องการคนที่เข็มแข็งมาดูแลผม ..

“กูอ่อนแอ เพราะอยากให้มึงมาดูแลไงเดช  ตื่นมาปกป้องกูได้แล้ว” พูดไปร่ำไห้ไป มือก็สวมกอดร่างนั้นไว้แล้วซบลงบนตัวของไอ้เดช 



เสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้ผมต้องกลับลุกขึ้นมานั่ง เอามือเช็ดน้ำตาตัวเองออกไป เป็นไอ้โป้กับน้ำมนต์นั่นเองครับ สองคนนี้แวะเวียนเข้ามาเยี่ยม มาเปลี่ยนเวรกับผมบ่อยๆ

“กินไรยังมึง” ไอ้โป้ถามผมทันทีที่ผมกับมันสบตากัน แม้สายตาของมันจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นคราบน้ำตาของผม

“ยังว่ะ ยังไม่หิว” ผมบอกไป

“ไปหาอะไรกินก่อนไป กูดูไอ้เดชให้เอง” มันบอกผม ก่อนที่จะเดินมาเอามือแตะที่บ่าผมเชิงปลอบใจ

“กูกินอะไรไม่ค่อยลงว่ะ”

“กินๆซะบ้าง ดูดิผอมโซกว่าคนนอนป่วยอีก ไอ้เดชตื่นมาจำแฟนมันไม่ได้จะให้ทำไง”

“แค่มันตื่นมา แม้จะจำกูไม่ได้ กูก็ดีใจแล้ว”

“เน่าสาดดดดด ไปกินข้าวเลยไป หรือจะให้กูไปซื้อมาให้” ผมพยักตอบมันไป ไม่รู้เหมือนกันว่าพยักหน้าไปทำไม ไอ้โป้ทำหน้างงๆอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองหน้าน้องน้ำมนตื และจูงมือกันออกไป



คำพูดที่ไอ้โป้บอกว่าแสนจะเน่านั้น ถ้าเป็นจริงขึ้นมาผมจะดีใจอย่างที่พูดไหมนะ ถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้วจำผมไม่ได้ ผมจะมีความสุขเหมือนที่บอกไปไหมนะ .. และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ โลกนี้มันก็คงจะใจร้ายกับผมเกินไปแล้วมั้ง ..






หรือว่าแท้จริงแล้วผมสมควรจะได้โทษจากสิ่งที่ผมเคยทำ ?













ไม่นานนักไอ้โป้ก็กลับเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารมากมาย แต่คราวนี้ไม่เห็นน้องน้ำมนต์มากับมันด้วย

“น้องน้ำมนต์ละ” ผมถามไป

“กูไปส่งไปเรียนแล้ว มันมีเรียนบ่าย” มันตอบผม มือมันก็แกะถุงเทอาหารใส่ชาม

“แล้วทำไมมึงไม่ไปเรียน” ผมถามมัน

“แล้วทำไมมึงไม่ไปละ” มันถามสวน

“กูไปก็เรียนไม่รู้เรื่อง ค่อยอ่านตอนสอบทีเดียว”

“กูไปก็เรียนไม่รู้เรื่อง ค่อยอ่านตอบสอบของมึงทีเดียวเหมือนกัน” คำตอบของมันฟังง่ายมากๆ




ผมเลิกถามมันแล้วครับ อย่างไอ้โป้ไม่ยอมใครง่ายๆหรอก ถามอะไรไปไม่ตอบได้หมด ก็ดักได้ทุกทาง เพราะเป็นอย่างนี้สินะ ถึงได้น้องน้ำมนต์มาเป็นแฟน

“ปีโป้ ..” ว่าจะไม่ถาม แต่ก็อยากจะถามอยู่ดี

“มีไร หิวแล้วเหรอ กินเลยไหม” มันถามมา พร้อมกับทำหน้าเชิญชวนให้ผมไปนั่งกินอาหารที่มันซื้อมา

“ทำไมมึงถึงรักน้องน้ำมนต์วะ” ถึงแม้จะรู้ว่ามันรักมาก และไม่เคยทำอะไรกับใครได้เท่ากับคนนี้มาก่อน แต่ก็อยากรู้อยู่ดี

“จะรู้ไปทำไมวะ” มันนิ่งเล็กน้อยที่ผมถาม ก่อนจะถามผมกลับ

“แค่อยากรู้ แค่ถามดู” ผมพูดไปอย่างกับจะร้องเพลง

“ไม่รู้วะ” มันตอบมาทำสีหน้าเครียด

“มึงรู้สิ และกูคิดว่าน้ำมนต์ก็ต้องเคยถามมึง และมึงก็เคยบอกไปแล้ว” ผมคิดแบบนั้น

“คงงั้นมั้ง แต่กูก็คงลืมไปแล้ว ว่าตอนนั้นใช่คำพูดตะล่อมยังไงให้น้ำมนต์ตายใจ” มันแกล้งพูดเล่นๆกับผมมา

“บอกกูไม่ได้เลยเหรอ” แต่ผมถามไปอีกครั้ง แบบจริงจังกว่าเดิม มันมองหน้าผมอย่างจริงจังอีกครั้ง มือปล่อยถุงอะไรที่กำลังทำอยู่ พิงหลังกับโซฟา และเอามือกอดอกไว้ ..





“โอเค บอกก็บอก” มันพูดขึ้นมา ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยรอมันเล่า

“อย่างแรกเลย กูว่าน้ำมนต์แม่งน่าเอาวะ”

“เอาดีๆ” ไอ้นี่ทะลึ่งตลอด

“ก็เอาดีนะ น้ำมนต์ไม่เซียนต้องสอนไปทีละนิด”

“ไอ้โป้ !!” มันยังไม่หยุดครับ

“นี่แหละจริงสุดแล้ว ก็ตอนแรกใครมันจะคิดละวะ ว่าจะรักหัวปักหัวปำแบบนี้”

“หลงมนต์ของน้ำมนต์เข้าให้ละสิ”

“เออว่ะ หรือว่ามันทำเสน่ห์ใส่กูวะ” มันถามมาหน้าตื่น

“มึงอย่ามาบ้า กูว่ามึงต่างหากที่เอาน้ำมันพรายไปป้ายน้องเค้า”

“เอ๊ยยย ทำไมมึงรู้”

“หยุดตลกแดกได้แล้วไอ้โป้ เล่าต่อดิ๊” ไอ้นี่จริงจังสองนาที แต่เหลวไหลได้เป็นชั่วโมง

“ก็นั่นแหละ ความรู้สึกแบบเพลงตั้งใจมาหลอกอ่ะ เคยฟังป่ะ ที่ร้องว่า ยอมมม รับว่าตั้งใจมาหลอก  ทุกคำที่บอกล้วนแต่หลอกล้วนแต่ลวง” มันพูดพร้อมร้องเพลงประกอบให้ผม

“แต่พอได้รู้จัก ได้ลองจีบ ได้เห็นมุมมองของคนอย่างมัน มันเหมือนคนมาดัดนิสัยกู แล้วก็เปลี่ยนอะไรหลายต่อหลายอย่าง จนวันนึงรู้ตัวอีกที ก็ขาดมันไม่ได้เสียแล้ว” ไอ้โป้อธิบายด้วยคำพูดง่ายๆ สั้นๆ แต่ก็ดูจริงใจที่สุดแล้ว เท่าที่มันพูดมา

“แค่นี้แหละ เหตุผลที่กูรักมัน มึงอยากรู้อะไรอีกมั๊ย” มันถามผมมาด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม และแววตานั้นก็เช่นเดียวกัน ไม่ต้องบอกว่ามันรักน้ำมนต์มากแค่ไหน เพราะแววตาและรอยยิ้มที่มีความสุขของมันในตอนนี้อธิบายได้ทุกอย่าง

“ไม่มีแล้ว ขอบใจมึงมากที่บอกกู” ผมตอบมันไป

“มากินข้าวมา จะได้มีเรี่ยวแรงดูแลไอ้เดชมัน เกิดมึงเป็นอะไรไปอีกคน แล้วใครจะดูแลมันได้ได้ดีเท่ามึง” มันพูดพร้อมกับกวักมือเรียกผม พร้อมกับรินน้ำใส่แก้วให้ ผมเดินไปนั่งที่โซฟาตามที่มันบอก

“ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย ข้าวตามสั่งกล่องเดียวก็พอแล้ว” ผมบอกมันเมื่อเห็นอาหารที่มันซื้อมาเยอะแยะไปหมด

“ได้ไงกัน เมื่อก่อนมึงดูแลกูดีกว่านี้อีก ที่กูทำให้มึง ก็ยังไม่เท่าที่มึงทำให้กูเลยนะเนี่ย” มันพูดแล้วยิ้มๆให้ ดีใจครับที่มันยังจำได้ ว่าเมื่อก่อนผมก็ชอบซื้ออะไรเข้าไปให้มันกิน แกะถุงแกง จัดใส่จาน แล้วก็เรียกมันมากินแบบนี้ ตอนนั้นทำให้มันไปด้วยความรัก และมันก็คงทำให้ผมด้วยความรู้สึกเดียวกัน ..




ผมกับไอ้โป้นั่งกินข้าวด้วยกันครับ มีคุยอะไรบ้างเล็กน้อย ไอ้โป้เหมือนจะกินเป็นเพื่อนผมเฉยๆครับ เพราะดูท่ามันจะกินมาแล้ว เพราะก็ไม่ได้กินอะไรมาก การมีเพื่อนชวนคุยเวลากินข้าว คงทำให้ผมอยากกินอะไรมากขึ้น ดีกว่านั่งกินคนเดียว





สักพักไอ้โป้ก็ขอตัวกลับ สภาวะในห้องกลับเข้าสู่สภาะเดิมอีกครั้ง




“เสียงเพลงที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะจบไปพร้อมกับรอยจูบจากคุณเท่ห์บนหน้าผากผม  “อยู่เป็นคู่ชีวิตกับผมตลอดไปนะ”   นั่น คือประโยคคำถามในความฝันของผม ซึ่งวันนี้มันได้ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากคนตรงหน้า ที่ผมรักเค้าและอยากอยู่เป็นคู่ชีวิตกับเค้าตลอดไปในโลกของความจริง  “อย่าทำให้ผมเสียใจล่ะ” ผมพูดพร้อมโผเข้ากอดคุณเท่ห์โดยมีคุณเท่ห์รับกอดนั้นไว้ น้ำตาแห่งความดีใจของผมหลั่งออกมาไม่หยุด   “ชั้นสัญญา ว่าจะไม่ทำให้นายเสียใจ ชั้นรักนายนะ นายเต้” คุณเท่ห์พูดพร้อมกับเอามือลูบหัวผมเบาๆ ...  “ผมก็รักคุณครับ” ...  นั่นไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวของผม คุณเท่ห์ และเจเจ แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของพวกเราสามคน เรื่องราวที่พวกเราจะใช้คำว่า “ครอบครัว” ร่วม กัน ...  ปัญหาหรืออุปสรรคใดๆที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ผมไม่รู้ คุณเท่ห์ก็ไม่รู้ และไม่มีใครที่รู้ แต่ผมรู้ตอนนี้ก็คือ คนที่จะคอยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผม คือคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผม ณ ตอนนี้ ... และตลอดไป”


ผมปิดหนังสือนิยายเล่มนั้นลงเมื่ออ่านมาจนถึงบทสุดท้าย ความรักที่ผ่านเรื่องราวต่างๆนานากว่าจะรักกันได้ กว่าที่ทุกอย่างจะโอเค กว่าที่จะมีใครบางคนมาร่วมทางของเราไปด้วยกัน กว่าจะเจอกับคำว่าจบบริบูรณ์




ผมยิ้มให้กับความน่ารักของตัวนิยาย ที่อ่านเรื่องนี้ให้คนป่วยฟังมาร่วมเดือน วันละเล็กวันละน้อย เพื่อให้คนป่วยได้รับรู้ถึงเรื่องราวของตัวอักษรที่เล่าผ่านเสียงของผม ได้เห็นมุมมองความรักของคนอื่นๆ และตื่นขึ้นมาสร้างความรักของเราให้งดงาม



มือของผมจับมืออีกคนไว้ น้ำตาที่ทำท่าจะไหลเพราะความเหงาใจ ความท้อใจ ความวังเวงและเหว่ว้า กำลังมาจ่ออยู่ตรงขอบตาขึ้นทุกวินาที


“จะเป็นดาวดวงใดที่ปลายฟ้า จะเป็นรุ้งเส้นใดที่ทอดมา จะเป็นใครคนใดก็ไม่เข้าตา ไม่สวยงามได้อย่างเธอ”  ผมพูดฮัมเพลงขึ้นมาด้วยความที่อยากกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ และอยากขับร้องให้อีกคนฟัง

“จะเป็นเพื่อนใกล้ชิดสนิทเพียงไร จะเป็นใครคนใดที่เคยพบเจอ ไม่มีใครเข้าใจฉันเหมือนเธอ ไม่มี” ผมร้องเพลงไป มือก็จับอีกคนแน่นขึ้น มึงจะเจ็บ จะอึดอัดบ้างมั๊ยนะไอ้เดช




“จะเป็นใครคนใดเมื่อก่อนนั้น  ที่บอกกับฉันว่ารักกันมากมาย  แต่ละคนเข้ามาก็เลยพ้นไป ไม่รักฉันจริงสักคน”




“อยู่บนโลกที่แสนกว้างใหญ่เกินไป เหนื่อยใจจนมันเกือบจะไม่ทน แต่ฉันก็ยังได้พบคนอย่างเธอ” ทำไมเนี่ย ทำไมน้ำตาต้องไหลด้วย




“หมื่นแสนล้านนาทีต่อไปนี้ ขอใช้มันไปกับเธอ  อยากมีวันเวลาที่สวยงาม ดั่งความฝันที่เคยละเมอ”






 “แสนล้านนาทีต่อไปนี้ ไม่มีใครเทียมเท่าเธอ  จะบอกให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า  ..  หนึ่งชีวิตฉันยกให้เธอทั้งหัวใจ”








“ไอ้เดช  ตื่นมาร้องเพลงกับกูสิ  ตื่นมาเช็ดน้ำตาให้กูหน่อย .. ฮือๆๆ” ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะร้องไห้ทำไม ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ผมเคยบอกตัวเองว่ารอได้ กี่เดือนกี่ปีผมก็รอได้ ..





แต่ทำไม นี่ผ่านมาแค่เดือนกว่าๆ ผมก็แทบจะบ้ากับร่างกายที่เคยตอบสนองความรู้สึกของผมเลย การส่งความรักให้กับคนที่ไม่รู้สึกอะไรกับเรานี่ มันทรมานจริงๆนะครับ มันทรมานมากกว่าตอนชอบไอ้โป้อีก





“กูรักมึงนะเดช กูรู้แล้วว่ากูขาดมึงไม่ได้ มาอยู่เป็นเพื่อนกูในวันที่กูไม่มีใครเลยนะ ตื่นมาห้ามกูทำตัวเลวๆหน่อยสิ ตื่นมาตามใจกูหน่อย” มือที่จับไว้แน่น เริ่มปล่อยไปตามแรงที่ผมรู้สึกเพลียกับการเสียน้ำตา น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบหน้าตัวเองซ้ำๆ ไหลลงบนมือนั้นทุกคืนวัน ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล ..











“...”









ร่างกายที่กำลังฟุ้งซ่าน ทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังคิดไปเอง คิดไปว่ามีการตอบรับจากร่างกายที่นอนแน่นิ่ง คิดไปว่าอีกคนรู้สึกได้ถึงความรักและความเสียใจครั้งนี้ คิดว่ามีการบีบมือผมกลับ






นี่ผมคิดไปเองใช่ไหม






ภาพของมือผมที่จับมือไอ้เดชไว้ยังคงอยู่ในสายตาของผมตอนนี้ ผมไม่อยากแม้แต่กระพริบตาเพื่อสังเกตอีกครั้งว่าที่ผมรู้สึกไปเมื่อครู่นั้น ผมไม่ได้คิดไปเอง  ผมไม่ได้เพ้อ ผมไม่ได้ฝัน ..










มือที่จับยังคงแน่นิ่ง น้ำตาก็ยังคงไหล ไม่มีปาฎิหารย์ใดๆเกิดขึ้นอย่างที่หวัง ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิม ความเศร้ากำลังปกครุมไปทั้งห้อง ผมมองหน้าออกไปมองท้องฟ้าข้างนอกที่ใกล้จะเย็นแล้ว พระอาทิตย์ยังคงเสมอต้นเสมอปลายกับการทำงานของมัน ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดินทางไปตามทางที่อยากเดิน






ผมก็ยังนั่งอยู่ทีเดิม ยังยิ้มให้กับคนเดิมๆ ร้องไห้ให้กับเรื่องเดิมๆ จับมืออยู่กับคนๆเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม และยังคงรอวันเปลี่ยนแปลง ..












“อ๊ะ ..” เสียงอุทานออกมาจากปากผมอย่างตกใจ








จะไม่ให้ตกใจได้ไงละครับ ในเมื่อมือของผมถูกกำไว้แน่นด้วยมือของอีกคน  เป็นผมที่โดนจับมือนั้นไว้ ใบหน้าของอีกคนน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง กำมือผมแน่นอย่างกับกลัวผมจะจากไป 




“ไอ้เดช .. มึง” ไม่รู้จะพูดประโยคไหนดี ไม่รู้จะบอกว่าดีใจแค่ไหน ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร น้ำตาแห่งความปิติไหลมาอย่างไม่ขาดสาย  แม้มันจะไม่ลืมตามาดูผม แค่สัมผัสที่อบอุ่นและสัญญาณบ่งบอกกับผมแค่นี้  ผมก็ดีใจเกินจะบรรยายแล้ว มืออีกข้างปาดน้ำตา และเอามากำมือของมันไว้อีกที ไม่ทันไรน้ำตาก็ไหลมาอีก ปากที่ค้างไว้ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ..








“มึง  .. มึง ..”









“มึงกลับมาแล้ว”











...





 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: KiissHy ที่ 27-01-2012 17:01:21
555555555555555555555555* พี่บ่าวน่ารักจัง อยากเป็นเกย์ :m20:

ขอเป็นแฟนแบบน่ารักกง่ะ ชอบ  :o8:

ส่วนเดชรีบๆตื่นขึ้นมาฟังโอ๊ตได้และอิอิ

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เพ่ขุน ที่ 27-01-2012 17:05:40
  :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 27-01-2012 17:24:13
เศร้ามากอ่ะ สงสารโอ๊ต ที่ทำไปทั้งหมดนั่นก็แค่อยากมีใครสักคนที่รักตัวเองจริงๆ
ถึงะผิดวิธีไปมากๆ แต่อย่างน้อยก็กลับมาเจอเดชได้  :monkeysad:

เดชตื่นมาไวๆ ลืมตาหน่อยก็ยังดี คนอ่านเขาเศร้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 27-01-2012 17:45:09
เรื่องมันเศร้า อ่านไปซึ้งไป อินมากมาย  :m15: :m15:
เป็นแบบนี้ก็นะ(คนอ่านมันมาโซ)
แบบถ้าเดชฟื้นมาเลยมันจะแปลกๆอ่ะ
แต่ถ้าพอมีพัฒนาการมีการตอบสนองบ้างอะไรบ้าง
คนอ่านนี้แบบรู้สึกดีขึ้นมากเลย ถ้าเป็นโอ๊ตมันคงมีกำลังใจขึ้นเยอะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 27-01-2012 17:49:00
นี่เดชฟื้นแล้วใช่ไหมเนี่ย?  :monkeysad:
โอ๊ตกะเดชนี่เศร้าอ่ะ ต่างคนต่างกลัว แค่กลัวคนละแบเท่านั้นเอง
พอเดชฟท้นก็สวีทกันแข่งคู่โป้กะน้ำมนต์เลย  :impress2:
 :pig4: ค่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-01-2012 17:50:19
ความพยายามและการรอคอยของโอ๊ตและเดชสำเร็จแล้ว
ตื่นมาดูแลกันและกันได้แล้ว หลับไปนานเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 27-01-2012 18:05:39
เหตุผลของโป้ที่ชอบน้ำมนต์ออกแนวฮา หื่นมาก    สงสารโอ๊ตที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักที่แท้จริง  แต่ตอนนี้โอ๊ตคงรู้แล้วว่ากว่าจะได้รักที่แท้จริงมันต้องผ่านอุปสรรคอะไรมากมาย

เดชตื่นมาฟังคำรักจากปากโอ๊ตเร็วๆ  สงสัยต้องให้โอ๊ตจุ๊บเดชจะได้ฟื้น เลียนแบบเจ้าหญิงนิทรา 555

รออ่านตอนหน้าต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 27-01-2012 18:16:58
รู้สึกตัวแล้วววว ดีใจแทนโอ๊ต
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-01-2012 19:35:34
อ่านตอนนี้แล้วเศร้ามากๆ สงสารโอ๊ต :sad11:

แต่แล้วก็มีปาฏิหารย์เกิดขึ้น  มาต่อเร็วๆนะอยากรู้ว่าจริงหรือป่าว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 27-01-2012 19:45:07
เดชกลับมาแล้ว จริงๆนะ :sad11: อย่าหลอกคนอ่าน อย่าพาเดชไปเถลไถล ที่ไหน นานๆอีกนะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-01-2012 19:55:27
ง่าาา  อ่านแล้วเศร้า
เดชรีบฟื้นขึ้นมาเฝ้าโอ๊ตเร็วๆเลยนะ  แงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 27-01-2012 20:12:06
 :impress: :impress:ดีใจน่ะ ที่พี่เดชฟื้นแล้ววว

หวังว่าคงไม่ความจำเสื่อมน่ะ เเฮะๆ  :m5: :m5: :m5:

และหวังว่าทุกคนจะมีความสุขสักทีน่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 27-01-2012 20:48:09
งื้อ อ อ อ อ
สงสารโอ๊ต เดช ที่สุด
T^T
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: jeeu ที่ 27-01-2012 21:37:48
เศร้ามากกกกกกก~                                    พูดอะไรไม่ออก นอกจากจะบอกว่ารอตอนต่อไปนะคะ                                           
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 27-01-2012 22:01:05
ซึ้งจังเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 27-01-2012 22:11:10
กินมาม่าตอนกลางคืน  อ้วนแน่นอน

 :กอด1: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 27-01-2012 22:28:50
ซึ้งจัง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 27-01-2012 22:53:38
ซาบซึ้ง บราโว่!!!!!!

แอบขายนิยายอะ 5555
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-01-2012 23:30:39
บ่าวน่ารักดี
ส่วนโอ๊ตก็ดูแลกันดี ๆ นะชดเชยเวลาที่เสียไป
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 27-01-2012 23:47:19
ซึ้งมากเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 28-01-2012 00:01:50
ก่อนอื่น ต้องบอกว่า ดีใจมาก ที่มีชื่อตัวเองด้วย อิอิ

อ่านสองตอนพร้อมกัน ทั้งตอนของพี่บ่าวกับน้องช้างน้อย กับ ตอนโอ๊ตเดช

เอ่อ...คนละอารมณ์ ปรับอารมณ์ไมู่ถูกเลยทีเดียว ฮ่าๆ



พี่บ่าวแอบฮานะ อยากเป็นเกย์ซะงั้น ดีใจที่สมหวังกับช้างน้อย อิอิ



ส่วนโอ๊ตเดช ดราม่ามากกกก... หวังว่าเดชจะฟื้นจริงๆ จังๆ สักที

ตอนอ่านโอ๊ตร้องเพลงแสนล้านนาที นี่ น้ำตาจะไหลเลย เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 28-01-2012 02:07:50
น้ำตาซึม
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 28-01-2012 05:26:58
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 28-01-2012 11:41:08
ทำไมมันโศกอย่างนี้ล่ะคะ :monkeysad:
ทั้งๆที่บรรยากาศไม่ได้ชวนเศร้าขนาดนั้น
แต่ทำไมเราร้องไห้ไม่หยุดล่ะเนี่ย :m15:
ยิ่งตอนที่พี่เดชน้ำตาไหลนะ กินใจสุดๆ
แสดงว่าพี่เดชรับรู้ทุกอย่าง ทุกคำพูดสินะ
รอแค่ให้พี่เดชลืมตาขึ้นมาเท่านั้น โอ๊ตรออยู่นะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
ร้องซะตาบวมขนาดนี้ เอาไปเลย +1 และเป็ด..... :o12:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 28-01-2012 13:13:35
การรอคอยนี่มันทรมารจัง :กอด1:
กด+เป็ดจ๊า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 28-01-2012 20:30:54
ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนนาโอมิรึเปล่านะ
ประมาณว่าอ่านตอนนี้แบบเศร้าไปลุ้นไป
มันเศร้านะ แต่อ่านไปก็ลุ้นว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ
จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเดชรึเปล่า 
สุดท้าย...คุณหลังเขาก็ตัดชึบจบตอนสำคัญพอดี   :serius2:

รอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: MooZee ^6^ ที่ 28-01-2012 21:42:17
ตามมาทันจนได้สนุกมากๆเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: september ที่ 29-01-2012 15:45:36
 :m15: :monkeysad: :sad11: :impress3: :sad4: :o12: น้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษที่แสนจะสำคัญ :: แสนล้านนาที :: 27-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 30-01-2012 11:16:57
 :o12:



 :L2:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 30-01-2012 23:45:20

ตอนจบ

Part I



“อะไรนะ ไอ้เดชรู้สึกตัวแล้ว”  เสียงนายปีโป้ตะโกนขึ้นเสียงดังขณะกำลังคุยโทรศัพท์ ได้ยินประโยคนั้นทำให้ผมรู้สึกดีใจ จนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

“เออๆ เดี๋ยวกูไปเลย” อีกคนพูดพร้อมกับวางสาย ก่อนจะหันหน้ามามองผม แววตาของนายปีโป้ตอนนี้ดูมีความสุขจนยากจะอธิบาย

“มึง .. ไอ้เดชรู้สึกตัวแล้ว” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินมาหาผม ก่อนจะจับมือผมแล้วย้ำประโยคเดิมซ้ำๆสองถึงสามครั้ง ก่อนที่อีกคนจะโอบกอดผมไว้ ผมไม่รู้จะพูดคำใดๆออกไป ได้แค่สวมกอดอีกคนแทนคำตอบจากหัวใจ


นาทีนี้ไม่มีใครไม่ดีใจแล้วละครับ พี่เดชหลับไปร่วมเดือน ปล่อยให้คนที่ตื่นโลดเล่นอยู่บนโลกใบนี้เป็นกังวล คอยนับวันเวลาวันที่ลืมตาเข้ามาพบความเป็นจริงบนโลกมนุษย์นี่อีกครั้ง ผมเคยเฝ้าภาวนาให้พี่เดชฝันร้าย พี่เดชจะได้ตื่นสักที แต่คิดไป ถ้าไม่ตื่นขึ้นมา คงจะทรมานน่าดูกับฝันร้ายนั้น เลยเฝ้าภาวนาให้พี่เดชตื่นมาพบกับฝันที่เป็นจริงคงจะดีกว่า



บรรยากาศในห้องผู้ป่วยที่เคยเป็นเหมือนสถานที่ที่ดูเงียบเหงาและเคว้งคว้างแห่งการรอคอย วันนี้กลับดูอบอุ่นผิดตา เพื่อนๆทุกคนที่เป็นที่รู้จักของพี่เดช ตลอดจนครอบครัว ต่างก็พากันมาดูอาการของพี่เดชที่ชวนให้ใจชื้น ขึ้นมา

พี่เดชรู้สึกตัวแล้วครับ ลืมตามามองทุกคน ส่งยิ้มให้กับทุกคนได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ หมอบอกว่าพี่เดชหลับไปนาน คงต้องรอให้สมองกลับมาทำงานตามปกติก่อน ถึงจะกลับมาพูดได้ หมอบอกว่าคล้ายๆกับการพัฒนาของเด็กแรกเกิด แต่กรณีของพี่เดชจะแบบก้าวกระโดด คืออีกสักพักก็พูดได้ จำได้ และกลับมาใช้ชีวิตปกติ ถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน และร่างกายมีกำลังใจพอ

พี่เดชนอนยิ้มให้กับทุกคนในห้อง ทั้งที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาไม่ขาด ไม่แตกต่างจากคนที่มาเยี่ยมพี่เดชในวันนี้ ทุกคนต่างก็มีรอยยิ้มแห่งความสุข ที่เปื้อนน้ำตาแห่งความปิติกันทุกคน

หลังจากที่ครอบครัวของพี่เดชกลับออกไป ก็ถึงคราวของเพื่อนๆทั้งหลายมานั่งคุยกับพี่เดชแบบไม่เกรงใจกันบ้างแล้ว แลดูพี่เดชเหนื่อยๆ แต่ใจแกก็ยังไม่อยากจะหลับ ยังอยากจะตื่นมาคุยกับเพื่อนๆและแฟนของแก

ก็แน่แหละ .. หลับมานานแล้วนี่


“ไอ้เดช กูมีแฟนแล้วนะ” พี่บ่าวพูดพร้อมกับยืนโอบช้างน้อยโชว์

“บ้า พี่บ่าวละก็ ช้างน้อยเขินนะ” ช้างน้อยตีพี่บ่าวเบาๆที่แขนไปหนึ่งที ก่อนจะบิดม้วนอายๆ เรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆที่มา

“มันบอกว่าอยากให้มึงรีบตื่น มาสอนมันเป็นเกย์หน่อย มันอยากเอาช้างน้อยแล้ว” พี่เอกบอกไป

“ไอ้พี่บ่าว คิดแบบนี้จริงๆเหรอ” ช้างน้อยถามหน้าดุ

“จริงสิ อยากลองดู” พี่บ่าวก็ ตรงไปมั้งงง

“แล้วทำไมไม่บอก ช้างน้อยก็สอนได้ ไปรอถามพี่เดชทำไม ตัวเองละก็” ไม่ไหวแล้วครับ สองคนนี้ เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด ห้องสี่เหลี่ยมสีฟ้าอมเขียว กลับมีสีสันขึ้นเยอะ


ผมมองดูพี่โอ๊ตที่นั่งยิ้มอยู่ริมเตียง มือก็จับอยู่กับพี่เดชไม่ห่าง สังเกตเห็นทั้งสองคนหมั่นคอยบีบมือกันแล้วน้ำตาจะไหลครับ ใครจะไปรู้ว่าแค่การจับมือกับใครสักคน แล้วอีกคนจับพร้อมกับบีบมือเบาๆ จะทำให้เรารู้สึกว่ามีอีกคนที่อยู่ข้างๆเรานะ ยังมีอีกคนที่จะไม่ทิ้งเราไป  นายปีโป้เดินมายืนใกล้ผม และจับมือผมไว้เช่นกัน ผมบีบให้กับสัมผัสนั้น

จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละครับ เมื่อยังมีชีวิต ยังมีความรู้สึกอยู่ รู้สึกอย่างไร คิดอย่างไรพูดออกมาเถอะ ในเมื่อรักเค้าก็บอกเค้า ชอบที่เค้าจับมืออยู่แบบนี้ ก็แค่บีบมือกันเบาๆ ก็แปลความหมายได้หลายอย่างแล้วครับ โลกนี้มีวิธีแสดงความรักได้ล้านแปด แต่จะแสดงยังไงให้เขารู้ว่าเรารัก และเราเข้าใจกันนั่นแหละครับ ประเด็นสำคัญ

บางคนคิดว่า ถ้ารักกัน ก็ต้องบอกกัน แต่ถ้าคำที่พูดออกมาเป็นแค่ลมปากละ หาได้มีความรักความเชื่อในคำนั้น คำพูดเหล่านั้นหรือจะสู้แค่ยืนจับมือ และยิ้มให้กันแบบนี้ ..


ทะเลที่หาดขนอมในตอนพระอาทิตย์ตกดิน ตอนนี้ ทำเอาน้ำทะเลที่สีฟ้าสด กลายเป็นสีทองอมเหลือง อย่างกับทุ่งนา มือที่จับกันไว้ในท่าที่นั่งบนรถคลาสสิก รับกับภาพริมทะเลในวันนี้ สายตาที่ปลดปล่อยอารมณ์ ทอดมองไปข้างหน้าอย่างใจเย็น เราไม่เคยเร่งให้พระอาทิตย์ตกเลย ในวันที่เรามาดูพระอาทิตย์ตก และเราไม่เคยเร่งพระอาทิตย์ให้รีบขึ้นเลย ในยามที่เรากำลังหลับไหล เวลาไหนที่เป็นช่วงเวลาของความสุข .. ไม่เคยมีใครเร่งรีบมัน

“จบที่นี่ กูต้องไปเรียนที่กรุงเทพ มึงจะเหงามั้ย ถ้ากูไม่อยู่” นายปีโป้ถามผมมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราคุยกันมานานแล้วครับ และผมก็รู้ดีว่าป๊าของนายปีโป้ อยากให้นายปีโป้ไปเรียนบริหาร เพื่อกลับมาบริหารงานต่อ และนายปีโป้ก็เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่ป๊าขอ นายปีโป้บอกผมสั้นๆว่า แลกกับการมีผม ..

“เหงาสิ ทำไมจะไม่เหงาละ แต่เราอยู่ได้ สบายมาก” คำพูดที่ดูบีบคั้นหัวใจ มือที่ออกแรงบีบมากขึ้นที่มือนั้น รู้ดีว่าคำพูดที่พูดไปช่างตรงกันข้ามกับความรู้สึกตอนนี้ แต่การตอกย้ำและคาดคั้นความจริงก็คงไม่ใช่ทางออกทีดีนัก ในเมื่ออนาคต ก็ยังคงต้องเป็นไปตามทางของมัน

“นายคือคนแรกที่ทำให้เรารู้สึกถึงคำว่ารัก และนายจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้คำนั้นไป” ผมบอกอีกคนพร้อมกับหันหน้าไปมองด้วยแววตาที่จริงจัง



ผมไม่แน่ใจหรอกครับ ว่ารักครั้งแรกนี้ จะดีหรือแตกต่าง ผมอาจจะมีประสบการณ์ทางด้านความรักน้อย แต่ที่ผ่านมาก็พอจะสอนผมได้แล้วว่า ความรักมันเป็นยังไง เจ็บเป็นยังไง และสุขเป็นยังไง ..

ไม่มีคำพูดใดของเราสองคน มีเพียงแค่ลมหายใจที่เบาๆ และไม่อาจสู้แรงของลมทะเลได้ มีเพียงแค่สัมผัสที่มือที่ทำให้รู้สึกว่าเราสองคนยังนั่งอยู่ใกล้กัน มีเพียงสายตาทั้งสองคู่ที่มองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน .. อย่างงดงาม


ว่ากันว่าเมื่อเราข้ามผ่านคำว่าอุปสรรค เรามักจะพบว่าความสุขจะเดินทางไวกว่าความไวแสง และว่ากันว่าปมที่ผูกมัดปมสุดท้ายของใจคนเรา คือใจคนเรานี่แหละ .. เมื่อแก้ปมต่างๆหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ใจตัวเราเองเท่านั้นที่รอการแก้ปมให้หลุดพ้น .. ฟังดูเหมือนนิพพานเลยเนอะ ..







“จะเสียงดังอะไรกันนักหนา อยากคุยกันกลับไปคุยกันที่บ้านไป”  เสียงช้างน้อยดังขึ้นข่มรุ่นน้องที่นั่งทำตาแป๋วอยู่ข้างหน้าอย่างจริงจัง  ช้างน้อยเดินไปเดินมารอบๆรุ่นน้อง มีหญิงเดินมาคอยส่งสัญญาณเป็นระยะ ผมนั่งมองกลุ่มเด็กๆที่เพิ่งเข้ามา สายตาของรุ่นน้องพวกผู้ชายยังคงคอยแทะโลมผมอยู่เป็นระยะ

ภาพบรรยากาศรับน้องใหม่ของวิทยาลัยในปีนี้พวกผมเป็นทีมจัด โดยที่มีช้างน้อยเป็นประธานรับน้อง แน่นอน เธอดุที่สุดแล้วในสาขา โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่ามาดโหดของเธอช่างน่ากลัวมาก วันก่อนเธอเคยดุน้องผู้หญิงคนหนึ่งจนน้ำตาแตกมาแล้ว และเคยทำให้รุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งพาผู้ปกครองมาพบอาจารย์ด้วย โหดแค่ไหนไม่ต้องบอกสินะ เธอบอกผมว่า แฟนเธอสอนมาดี

ผมเป็นรองประธานในการรับน้อง ถึงแม้ว่าไม่ค่อยอยากเข้ามายุ่งกับกิจกรรมที่ต้องเจอกับผู้คนเยอะๆก็เหอะ แต่ก็คงห้ามไม่ได้ ในเมื่อเพื่อนๆในสาขาเลือกเข้ามา ผมเลยทำหน้าที่คอยวางแผนอยู่ด้านหลังมากกว่า และให้ช้างน้อยเป็นคนออกหน้าแทน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกมาเจอกลุ่มเด็กแสบในแต่ละครั้ง น้ำมนต์คนนี้ก็พร้อมจะดึงบุคลิกรุ่นพี่สุดขรึมออกมาเหมือนกัน


“จะเสียงดังกันทำไม” ผมถามออกไปด้วยเสียงเย็นชา น้องกลุ่มผู้ชายที่แอบมองหน้าผม ถึงกับก้มหน้า แต่ก็ยังยิ้มๆอยู่

“แล้วกลุ่มนั้นยิ้มทำไมกัน” เหมือนช้างน้อยจะเห็น เลยถามขึ้นมาเสียงแข็งกว่าผมสามเท่า ด้วยความคิดว่าคงไม่มีอะไรเพราะการถามของช้างน้อยก็คล้ายๆการขู่กลายๆให้เงียบและหยุดยิ้ม แต่นั่นไม่ใช่ หนึ่งในกลุ่มนั้นยืนขึ้น แล้วส่งยิ้มมาทางผม พร้อมท่าทางเขินอายนั้น ก่อนจะพูดออกมา

“พี่น้ำมนต์น่ารักจังเลยครับ”

“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ” เสียงของรุ่นน้องและพวกพ้องนั้นดังขึ้นมาทันทีเลยครับ

“โห่อะไรกัน” ผมถามขึ้นเสียงดัง ทำเอาทุกเสียงเงียบขึ้นมาทันที รุ่นน้องทุกคนแอบยิ้มออกมาให้ผมเห็น แม้กระทั่งรุ่นพี่คนอื่นๆก็ยังแอบหลุด

“ชื่ออะไรอ่ะเรา” ผมถามน้องใจกล้าที่ยืนขึ้น



เด็กหนุ่มรุ่นน้อง รูปร่างสูงโปร่ง จมูกโด่งรับกับรูปหน้า ปากชมพูที่รับกับหน้าขาวๆ กับหุ่นทะมัดทะแมง ทรงผมที่ใกล้จะยาวเต็มที่ รุ่นน้องคนนี้นี่เองที่เพื่อนๆในสาขาชอบเอาไปพูดถึง ถึงความหล่อและน่ารัก และไม่น่าเชื่อว่าจะใจกล้าขนาดแซวรุ่นพี่ในกิจกรรมรับน้องแบบนี้

“พี่เค้าถามเราอ่ะชื่ออะไร” ช้างน้อยถามไปอีกที ถึงแม้พวกเราจะรู้จักชื่อแล้วก็ตาม


เด็กหนุ่มยิ้มเขินๆ แต่ก็มีแววตาของความรั้นอยู่ในนั้น

“ผมชื่อ เป็ปซี่ครับ พี่น้ำมนต์อยากกินมั้ย”

“ส่วนผมชื่อโค้ก พี่ช้างน้อยละสนใจไหม”



หึหึ .. ไอ้เด็กเวร มาคนเดียวไม่พอ ยังชวนกันมาเป็นทีมน้ำอัดลมเลยนะ  น้องคนที่โดนเรียกให้ยืนบอกชื่อไม่ทันจบ เพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ยืนบอกชื่อตัวเองด้วยเช่นกัน สงสัยว่าจะเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน และก็มาด้วนกัน ที่แน่ๆต้องป่วนกันใช่ย่อยแน่ๆ ซ่าสมชื่อจริงๆ



กิจกรรมรับน้องยังคงดำเนินต่อไปภายใต้การควบคุมของช้างน้อย มีผมคอยช่วยประสานงาน และมีหญิงคอยติดต่อเรื่องต่างๆ ตลอดจนเพื่อนในสาขาที่เข้ามาช่วยทำกิจกรรมนี้กัน น่าแปลกใจที่เวลาผ่านไปไวอย่างไม่น่าเชื่อ อยู่ๆผมกับเพื่อนๆก็จบปี 1 กันแล้ว ทุกสิ่งอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เหมือนยังไม่เคยจางหายไปไหน จุดเปลี่ยนของชีวิตของแต่ละคนเริ่มต้นอย่างไม่มีคำว่าจุดจบ ทุกคนในที่นี่วิ่งลงลู่แข่งอย่างกับมองไม่เห็นเส้นชัย จากรีบวิ่งกระโจนไปข้างหน้า พักหลังๆกลับเดินช้าๆ อย่างกับไม่ได้หวังชัยชนะ เพียงแค่อยากจับมือนักวิ่งอีกหลายๆคนในอีกหลายๆลู่วิ่ง เดินทางไปบนลู่ที่ไม่มีจุดจบนี้

“แก เดี๋ยวนังเดียวมันจะเอาข้าวกล่องมาส่งนะ” ช้างน้อยบอกผม ก่อนจะเดินเข้าไปเอาอุปกรณ์รับน้องจากหญิง ได้ยินชื่อไม่ผิดหรอกครับ และไม่ต้องคิดว่าเดียวไหน เดียวคนเดียวกับที่คุณรู้จักนั่นแหละครับ และถ้าอยากรู้ว่าทำไมน้องเดียวถึงได้มาเป็นพรรคพวกกับพวกผมได้ ก็คงต้องเล่าย้อนไปอีกสักหน่อย


ไม่หน่อยมั้งครับ ..
.
.
.
.

“นังน้ำมนต์” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังผม ขณะที่ผม และช้างน้อยกำลังเดินเลือกซื้อของกันอยู่

“ใครอ่ะน้ำมนต์” ช้างน้อยหันไปมองก่อนผม แล้วถามผมขึ้นอย่างสงสัย

“น้องเดียว แฟนเก่านายปีโป้” ผมตอบไปเบาๆ ก่อนจะหันไปจ้องหน้าคนที่กล้าเรียกผมว่านัง มันชักจะมากขึ้นทุกวันนะเด็กนี้

“มีไร” ผมกระชากเสียงถามไป

“ไม่มีไรหรอก แค่อยากมาหาเรื่อง”  ถือว่าเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว และตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอแล้ว ไม่อ้อมค้อม แต่ชอบตอแยไม่จบไม่สิ้น

“ว่างมากหรือไง เที่ยวหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว” ผมถามไป

“คนอื่นอะไรที่ไหนกัน อย่างน้อยเราก็เคยใช้แฟนคนเดียวกัน” อีกอย่างที่มากกว่าชอบตอแย คือความหนาของพื้นผิวหน้าเธอ ที่นับวันยิ่งเยอะขึ้นจนผมชักจะอายแทน

“หนอยแน นังตุ๊ดเด็ก ปากเสียจริงๆนะแก” ช้างน้อยคงรับไม่ได้กับที่นังน้องเดียวพูดมาเมื่อกี้

“แค่นี้ยังน้อยไปนะ สำหรับคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนพี่ปีโป้”

“แล้วแบบไหนถึงจะพอยะ นังแฟนเก่า” เอากับช้างน้อยสิครับ

“อย่ามายุ่งนะ ไม่ได้คุยกับแก”

“ปล่อยเค้าเถอะช้างน้อย รายนี้แค่ก่อกวนเฉยๆ มันก็พวกแมลงวันคอยสร้างความรำคาญ แต่ก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก” ผมบอกไป

“นังน้ำมนต์ แกด่าชั้น” เหมือนน้องเดียวจะรู้ตัว

“พี่ว่าน้องเลิกมายุ่งกับพี่เหอะ ข้อความที่ส่งไปขู่พี่แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย ให้คนโทรไปจีบอีก พี่เฉยๆมาก ถ้าน้องว่างมากก็เอาเวลาไปหาแฟนเถอะ น้องก็ไม่ได้ขี้เหร่ ลดความแรดลง ก็หาสามีใช้เองได้แล้ว” ไม่รู้ว่าพูดแรงไปไหม แต่ก็อดสงสารพฤติกรรมระรานเพื่อเรียกร้องความสนใจของน้องเค้าไม่ได้

“กล้าดียังไงมาสอนชั้น” เอาสิ ที่พูดไปไม่เข้าสมองเลยสินะ

“ให้ชั้นจัดการดีกว่าน้ำมนต์” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเดินออกมาข้างหน้า เอามือมาแตะหน้าอกผม เหมือนต้องการให้ผมถอยไปยืนข้างหลัง ช้างน้อยค่อยๆปลดกระดุมเสื้อที่ข้อมือทั้งสองข้าง ก่อนที่จะถกแขนเสื้อขึ้น เอามือทั้งสองข้างมาดัดเสียงดัง แก็ก แก็ก สะบัดคอไปมาอย่างกับพร้อมขึ้นชก

“แกมันก็แค่ตุ๊ดเด็ก เจอตุ๊ดระดับตำนานแบบชั้นแล้วแกจะหนาว” ช้างน้อยพูดพร้อมกับเดินหน้าเข้าไปหานังน้องเดียว

“แกจะตบชั้นในตลาดนี่นะ” เสียงอีกคนตะกุกตะกักอย่างกับกลัวเต็มที่

“เปล่าหรอก”


“แต่ชั้นจะลากไปตบหลังตลาด” ช้างน้อยพูดพร้อมกับจับข้อมือของน้องเดียวไว้ ด้วยความที่สัดส่วนได้เปรียบกว่าเล็กน้อย ช้างน้อยจึงมีแรงลากที่เยอะกว่า

“ปล่อยนะ พวกแกช่วยชั้นด้วย” น้องเดียวหันไปร้องให้เพื่อนช่วย

“เข้ามาสิ ถ้าไม่อยากตายด้วยอีกคน” ผมเดินไปชี้หน้าพูดบ้าง ผมยังจำได้ว่าน้องนัทเคยบอกผมว่า พวกนี้โดนน้องนัทจัดการมาแทบปางตายแล้ว น้องนัทตัวแค่นั้นยังเอาอยู่ แล้วผมตัวใหญ่กว่ามากมาย มีหรือจะเหลือซาก

“พี่ปล่อยเพื่อนเราเถอะ มันปากดีไปงั้นแหละ” เพื่อนน้องเดียวคนหนึ่งทักขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว เริ่มเข้าทางผมแล้วละ

“ช้างน้อย ลากไปเลย อย่าไปฟัง สั่งสอนให้จำๆบ้าง มายุ่งกับเด็กช่างอย่างเรา มันเรียกว่าหยามกัน” เอากับน้ำมนต์สิ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กช่างอะไร มาวันนี้ยืดอกรับอย่างภาคภูมิ

“ได้เจ้าค่ะนายท่าน เม้ยจะจัดการให้เด็ดขาด มายุ่งกับนายข้าเหรอ นังผีไม่มีญาติ” เอากับเราสองคนสิ บทจะโหดก็โหดกัน บทจะฮาก็ไม่ทันตั้งตัว

“พวกมึงอย่ามาขู่กูนะ พวกหมาหมู่” เอาแล้วครับ นังน้องเดียวเริ่มดิ้นแล้ว

“หมาหมูอะไรยะ พวกเพื่อนหล่อนไม่เข้ามาเองนะ” ช้างน้อยเหน็บไป เพราะเพื่อนมันที่เหลือ ถอยออกไปห่างเลยครับ

“พวกมึงไม่ช่วยกูหน่อยละ” นังน้องเดียวตะโกนช่วย

“ไม่เอาอ่ะ คราวก่อนแผลยังไม่หายเลยนะมึง มึงยอมๆพี่เค้าไปเถอะ” เพื่อนคนนึงของน้องเดียวตะโกนบอกมา

“ตกลงมึงจะเอาไง จะเล่น หรือจะเลิก” ช้างน้อยถามหน้าดุ จับมึงซะแน่น ผมมองแล้วอดสงสารไม่ได้

“ตอบมา !!” เสียงช้างน้อยขู่ได้น่ากลัวมาก และหน้าตาที่อย่างจะกินเลือดกินเนื้อนั่นอีก

“ปล่อยกูนะ” น้องเดียวพูดพร้อมกับสะบัดมือ วิ่งไปหลบหลังเพื่อนมัน

“คราวหน้าก็อย่ามาเล่นกับกูและเพื่อนกูอีก พวกตุ๊ดกระจอก” ช้างน้อยด่าไป ก่อนจะทำหน้าจิกและหยามใส่

.
.
.
.

นั่นแหละครับ เหตุการณ์ที่ทำให้ช้างน้อยได้เป็นประธานเชียร์ เพราะมาดเธอจะดุ ก็ดุดันจนคนอื่นกลัว มาดเธอจะฮาก็ทำคนอื่นฮาน้ำตาเล็ด และนั่นทำให้นังน้องเดียวกลัวผมกับช้างน้อยไปเลย หลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกมันก็ยกกลุ่มกันมาขอสวามิพรรคกับพวกผม ขอเป็นรุ่นน้องในสังกัด น้องเดียวบอกว่าพี่ช้างน้อยแรงและเก่ง เลยจะขอเป็นลูกน้องในกลุ่ม ตอนแรกๆพวกเราก็ไม่อยากได้หรอกครับ รู้สึกว่ามีเข้ามาจะเรื่องเยอะ แต่พวกนั้นก็ตามคอยง้อ คอยบริการ จนช้างน้อยยอม เลยให้พวกมันมันเป็นสมาชิกในการดูแลของช้างน้อย ช้างน้อยเลยได้ใจ ใช้พวกนั้นสารพัด แต่ก็ใช้ว่าจะหลอกใช้อะไร ช้างน้อยก็เลี้ยงดูอย่างดี อบรมบ่มนิสัย ผมยังจำประโยคหนึ่งที่ช้างน้อยเคยบอกน้องๆพวกนี้ได้เลยครับ ช้างน้อยบอกว่า

“เป็นตุ๊ดแล้วแรดไม่มีใครว่า แต่อย่าให้ใครด่าว่าอีแรดก็พอ” ถึงแม้จะงงๆ แต่ก็คงเป็นอะไรที่เข้าใจ ถึงแรดยังไงก็อย่าให้ใครด่า แรดแบบพอเหมาะ แรดแบบเฮฮา อย่าให้ใครมาชี้หน้าด่า


.
.
.
.
.


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 30-01-2012 23:58:08

Part II

“อ่ะ แกน้ำ”  ช้างน้อยส่งขวดน้ำมาให้ผม

“เหนื่อยมั๊ย ?” ผมถามไป

“ไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าไม่เจอรุ่นน้องกวนตีนพวกนั้น” ช้างน้อยพูด พร้อมกับโบ้ยหน้าไปทางพวกแก๊งส์น้ำอัดลม ที่นั่งทานข้าวเที่ยง ส่งสายตามาทางพวกเรา

“เด็กมันแซวเล่นน่ะ” ผมบอกไป

“ชั้นไม่อะไรหรอก จะแซวชั้น ชั้นชอบอยู่แล้ว หล่อๆแซ่บๆแบบนั้น แต่ที่ไม่พอใจคือ มาแซวอะไรตอนชั้นมีแฟนแล้ว” ช้างน้อยทำหน้าพอใจปนไม่พอใจอยู่

“ก็เลิกกับคนนั้น มาเอาคนใหม่สิ” ผมแซวไป

“อุ๊ยตาย ตบปากเลยนะนังน้ำมนต์ พูดอะไรแบบนั้น พี่บ่าวของชั้นถึงไม่หล่อแซ่บ แต่ก็กินหมดแทบไม่เหลือกากเลยนะ” ดูเธอเปรียบเทียบแฟนเธอครับ ตั้งแต่เปิดตัวคบกันนี้ สองคนนี้ก็หวานแข่งกับคู่อื่นๆเชียวครับ พี่บ่าวก็อายน้อยลงที่มีแฟนแบบช้างน้อย และช้างน้อยก็ร่าเริงมากขึ้น เมื่อมีแฟนแบบพี่บ่าว ครั้งหนึ่งพี่บ่าวเคยพาช้างน้อยไปบ้าน เล่นเอาเพื่อนผมตั้งตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว  แต่ก็นั่นแหละ เจ้าตัวกลับมาบอกว่า จัดการเรียบร้อย เบ็ดเสร็จ และแค่นี้สบายมาก

“แล้วนี่เดี๋ยวพี่บ่าวมารับไหม” ผมถามไป

“มาดิ เดี๋ยวเรียนเสร็จคงมาละ” พี่บ่าวเรียนต่อปวส.ที่นี่ครับ เขาบอกว่าไม่อยากไปไหน ชินกับการอยู่บ้านเกิด และทำตัวเป็นหนุ่มใต้บ้านๆแบบนี้

“แล้วพี่ปีโป้ละ จะกลับมาวันไหน” ช้างน้อยถามผมบ้าง

“เห็นว่าช่วงนี้กำลังวุ่นๆกับหาหอพักอ่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเสร็จธุระเมื่อไหร่” ผมตอบไป ใจก็คิดถึง เพราะนายปีโป้ถูกป๊าส่งไปเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังที่เด่นดังด้านบริหารที่กรุงเทพโน่น ผมก็พอจะทำใจกับระยะห่างที่พอจะเกิดขึ้นระหว่างเราสองคนได้แล้ว แน่นอนว่ากว่าจะทำใจได้ก็นานโขอยู่เหมือนกัน ทั้งที่ยาย แม่และป๊าบอกว่าให้ผมไปเรียนต่อวิทยาศิลป์ที่กรุงเทพเพื่ออยู่กับนายปีโป้ แต่ผมก็เลือกเรียนที่นี่ให้จบดีกว่า

การไปเริ่มต้นอะไรที่ไม่ใช่จุดเริ่มต้น คงเป็นอะไรที่วุ่นวาย และสับสนยุ่งยากน่าดู

“คิดถึงอ่ะดิ ดูทำหน้าเข้า” ช้างน้อยแอบแซวผม  ผมยิ้มเป็นคำตอบเล็กน้อย

“พวกแก จะให้เรียกน้องเลยไหม เดี๋ยวเลท” หญิงเดินเข้ามาถาม

“เอาเลยสิ” ช้างน้อยตอบ ก่อนจะเดินตามหญิงไป กิจกรรมช่วงบ่ายกำลังจะเริ่มต้น

“พี่น้ำมนต์ครับ” ก่อนที่ผมจะลุกตามเพื่อนไป ก็มีรุ่นน้องเดินเข้ามาหาผม น้องเป๊ปซี่นั่นเอง

“ว่าไงครับ” ผมเงยหน้าถาม

“พี่มีแฟนยังครับ” น้องเป๊ปซี่ถาม เด็กสมัยนี้ไวจริงๆ เพิ่งเห็นหน้าผมไม่ถึงอาทิตย์ ก็กล้าถามประโยคแบบนี้ ผมยิ้มให้ก่อนตอบไปว่า

“มีแล้วครับ” ผมตอบก่อนเดินปลีกตัวมา


รู้สึกคิดถึงนายปีโป้ขึ้นมาตะหงิดๆ ถ้ามีอีกคนคอยเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น คงไม่มีชายหญิงคนไหนเข้ามาเกาะแกะแบบนี้ ผมเบื่อที่จะต้องตอบใครต่อใครว่าผมสถานภาพอย่างไร ผมเป็นคนยังไง ผมกำลังคบอยู่กับผู้หญิงหรือผู้ชาย ให้ผมควงนายปีโป้มาเปิดตัวเพื่อเฉลยคำตอบที่ใครต่อใครสงสัยไปทีเดียว ยังจะง่ายกว่า

มองไปอีกมุมหนึ่งเห็นหญิงนั่งเล่นกับพี่เอ็มอย่างอารมณ์ดี พี่เอ็มสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้านศิลปะในจังหวัด เหตุเพราะไม่อยากห่างบ้าน และคงไม่อย่างห่างหญิงด้วย สองคนนี้ดูจะคบกันยืด เพราะไม่ค่อยมีข่าวเรื่องทะเลาะอะไรให้ได้ยินเลย หญิงเคยเล่าให้ฟังว่า เวลามีปัญหากันพี่เอ็มมักจะยอม เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าหญิงผิดจริงๆ พี่เอ็มก็จะสอนด้วยความเป็นผู้ใหญ่กว่า ผมว่าพี่เอ็มในมุมที่เป็นผู้ใหญ่นี่ อบอุ่นน่าดูเลย

“ไงน้องน้ำมนต์ ไอ้โป้ติดต่อมาบ้างมั๊ย” ผมเดินไปหาพวกเขา พี่เอ็มทักมาประโยคเดิมๆที่เจอกัน

“ก็คุยกันทุกวันครับ” ผมตอบไป

“ระวังมันหลงกรุง จนลืมเราซะละ” พี่เอ็มพูดหยอกผม

“รอดูเหมือนกันครับ ว่าใครจะลืมใครก่อน” ผมก็อดแซวไปไม่ได้

“แล้วพี่โอ๊ตละครับ วันนี้ไม่มาด้วยเหรอ” ผมถามไป ปกติพี่โอ๊ตจะแวะเวียนมาที่นี่ด้วย

“เดี๋ยวคงมามั้ง” พี่เอ็มตอบมาแค่นั้น ก่อนที่จะหันไปกระหนุงกระหนิงกับหญิงต่อ ไม่อายรุ่นน้องก็เกรงใจผมหน่อยก็ไม่ได้คู่นี้


ถึงเวลาที่ผมต้องเข้าไปชี้แจงกิจกรรมของวันพรุ่งนี้ให้รุ่นน้องทราบแล้ว ต้องสวมมาดโหดๆไว้ก่อน รุ่นน้องพวกนี้เล่นมากไม่ได้ มันจะหาว่าผมไม่น่าเกรงขาม แต่จะให้ผมทำตัวโหดยังไง พวกมันก็ยังดูออกว่าตัวจริงผมไม่ดุมาก หน้าเฉยชาของผมที่เคยมีก็ลืมไปหมดแล้ว ตั้งแต่คบกับนายปีโป้

“พรุ่งนี้เวลาเดิมนะครับน้องๆทุกคน เจอกันที่ลานกิจกรรม พรุ่งนี้เป็นฐานวิบาคด้วย ให้น้องๆแต่งชุดลำลองที่คิดว่าสามารถลุยได้เต็มที่ เอาแบบสบายตัว”

“แล้วถ้าผมถอดเสื้อเข้าฐานละครับ” เด็กเป๊ปซี่พูดแทรกขึ้นมาอีกแล้ว ก่อนที่จะยืนขึ้น แล้วถอดเสื้อยืดตัวเองออก เสียงโห่ของหญิงสาว ชายแท้ชายเทียมดังมาทันทีที่เห็นหุ่นของเด็กคนนั้น

“คิดว่าหุ่นดีแล้วหรือไง ที่อยากจะอวด อยากจะโชว์เขาไปทั่ว” ผมถามกลับไป

“ไม่ได้อยากโชว์คนอื่น ผมอยากโชว์พี่คนเดียว” สิ้นประโยคเสียงโห่ก็ยังดังมาอีก

“แล้วคิดว่าพี่จะชอบเหรอ” ผมถามกลับไปหน้าตาจริงจัง

“ไม่รู้สิ แต่ผมชอบพี่” ยังไม่จบครับ

“น้องครับ เพลาๆหน่อย อย่าปีนเกลียวให้มาก” เพื่อนผู้ชายในสาขาผมดุขึ้น ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจคำพูดเด็กคนนี้

“ส่วนน้องผู้หญิงพรุ่งนี้ห้ามใส่เสื้อสีขาวมานะครับ เพราะเวลาเปียกน้ำจะไม่สุภาพ” ผมพูดต่อ

“ส่วนน้องใส่เสื้อ แล้วก็นั่งลงได้แล้ว” ผมบอกไป นี่ผมคงดุไม่พอ ผมว่าผมพูดแค่นี้ดีกว่า ที่เหลือให้คนอื่นจัดการไป ผมมองไปทางพี่เอ็มที่มองทางนี้มาเป็นระยะ แต่คงไม่อยากเข้ามายุ่ง เพราะตัวเองถือเป็นคนนอกไปแล้ว ถ้ามีเรื่องทั้งพี่เอ็ม และทั้งพวกเราจะเดือดร้อน


“น้องๆครับ พี่ขอร้อง ให้ความเคารพรุ่นพี่กันหน่อย อย่าลามปาม ไม่ว่าจะชายหรือหญิง พี่ๆเค้าไม่ใช่เพื่อนเล่นกับเรา เราอยู่กันด้วยความเคารพ และอีกอย่างพี่ก็มีแฟนแล้ว” ผมบอกไปด้วยเสียงจริงจัง  รุ่นน้องนั่งเงียบ มีบ้างที่ซุบซิบถามกัน


“ไหนละครับแฟนพี่” ไอ้น้องโค้ก เด็กกลุ่มน้ำอัดลมยังไม่วายตะโกนมาถามอีก ผมอดกลั้นไว้ก่อนที่อะไรๆมันจะระเบิดออกมา เพราะยังไงเด็กพวกนี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวผมแน่ ถึงจะจบกิจกรรมไปก็ตาม ผมต้องทำเฉยตั้งแต่เริ่ม พวกมันจะได้ถอยๆไป .. ผมสะกดจิตตัวเองเพื่อทำใจพูดต่อให้จบ ..






“กูนี่แหละ แฟนน้ำมนต์” 






ยังไม่ทันที่ผมจะพูดประโยคต่อไป เสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังผม ก่อนจะปรากฏหน้าตา และรูปร่างที่คุ้นเคย

“นายปีโป้” ผมพูดออกไป เสียงรุ่นน้องคุยกันดังขึ้นกว่าเดิม แต่ผมก็ไมได้สนใจอะไร มัวแต่ตกใจและดีใจกับคนตรงหน้าทีเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ เหมือนภาพของคนตรงหน้าค่อยๆสโลโมชั่น ใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม แต่มีแววตาที่ดุดันนั้นมองมาที่ผมตลอดเวลา หน้าตาที่ใสขึ้นรับกับทรงผมที่ไม่ยาวและไม่สั้นเพื่อเตรียมตัวเป็นนักศึกษามหาลัย รูปร่างที่ดูแลเป็นอย่างดี กับการแต่งตัวที่แตกต่างจากภาพลักษณ์เด็กช่าง ทำให้ภาพลักษณ์ในวันนี้กลบทุกคนที่อยู่ในที่นี่จนมิด หญิงสาวไม่ว่ารุ่นน้องรุ่นเดียวกันกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอก” ผมถาม พร้อมกับมือที่จับแสดงอาการดีใจ

“ถ้ากูบอกมึง มันจะเซอร์ไพรส์ได้ไง” นายปีโป้ตอบมาใบหน้ากวนๆ ก่อนจะหันไปคุยกันน้องๆของผม

“ไหน ใครอยากเจอกู” เสียงของนายปีโป้ถามขึ้นเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองหน้ารุ่นน้องแก๊งส์น้ำอัดลมนั่น

“คนนี้เหรอ ขี้อวด ขี้โม้ โชว์พาว โชว์เหนือ คงได้อยู่หรอกนะ” นายปีโป้พูดอะไรที่ผมฟังแล้วไม่ต่างจากตัวเค้ามากนักในครั้งที่มาจีบผม หน้าตาของเด็กกลุ่มน้ำอัดลมซีดและหงอยตามๆกันไป

“คิดถึงจังเลย ขอกอดหน่อยสิ” นายปีโป้หันมาคุยกับผมบ้าง นายคนนี้ครั้นจะโหดก็โหด ครั้นจะหวานก็หวาน

“ไม่เอา กอดอะไร รุ่นน้องเยอะแยะ จะบ้าหรือไง” ผมดุไป อายรุ่นน้องก็คราวนี้แหละ

“พี่น้ำมนต์คะ นี่แฟนพี่จริงๆเหรอคะ” น้องผู้หญิงใจกล้าคนหนึ่งยืนขึ้นถาม

“ใช่ครับ ถามทำไมเหรอ” นายปีโป้เป็นคนตอบไป

“เปล่าคะ หนูแค่อิจฉาพี่น้ำมนต์ คือพี่หล่อมากอ่ะ ถ้าไม่ใช่แฟนพี่น้ำมนต์จริง หนูจะได้จีบ” ใครบอกว่ามีแค่ผู้ชายใจกล้าละครับ ปีนี้ผมเจอน้องผู้หญิงใจกล้าอีกด้วย

“มึงบอกน้องเค้าไปดิ ว่าจีบกูได้มั๊ย” นายปีโป้หันมาบอกผมพร้อมยิ้มๆ

“ก็บอกเองดิ มีปากนี่” ทีของผมแล้วตอบได้ พอเค้าถามตัวเองกลับไม่อยากตอบ

“ไม่เอา มึงเป็นเจ้าของกู มึงต้องแสดงความเป็นเจ้าของบ้าง” ดูเหตุผลของคนโตกว่าครับ เข้ามาป่วนวิทยาลัยคนอื่นยังไม่พอ ยังเข้ามาป่วนใจผมเล่นอีกนะ

“โอ๊ยยย อะไรกันเนี่ย อะไรกันหนอ มันใช่เวลาพลอดรักไหมเนี่ยพี่น้ำมนต์ พากันมาหวานชื่นให้น้องๆอิจฉากันหรือไงจ๊ะ” ช้างน้อยที่หายไปคุยงานกับทีมงาน กลับมาแซวผมเสียงดัง แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้รู้ว่ากำลังจะเล่นผมแล้ว

“นั่นพี่ปีโป้ชิมิ ไปบางกอกมาหล่อเหลากว่าเดิมเชียวนะ ไม่ควงสาวเทพมาเย้ยคนแถวนี้บ้างเหรอเนี่ย” ช้างน้อยแซวนายปีโป้เล่นครับ ลืมภาพประธานรับน้องไปแล้วเหรอเนี่ย

“ไม่เอามาหรอกช้างน้อย ไว้ที่โน่นแหละดีแล้ว เอามาที่นี่คนบางคนร้องไห้ตายเลย” นายปีโป้หันไปคุยกับช้างน้อย

“ถึงพามาก็ไม่ร้องหรอก” ผมบอกไป

“ปากดีจริงๆ แฟนกูเนี่ย” นายปีโป้พูดพร้อมกับดึงมือผมเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้

“โฮฮฮฮฮฮฮฮ” เสียงโห่จากเพื่อนผม รุ่นน้องผมดังกันระงม ตายๆ หลังจากวันนี้คงไม่มีหน้ามาสู้หน้าน้องๆแน่ผม



“น้องๆครับ พี่น้ำมนต์น่ารักมั๊ย” นายปีโป้กอดผมไว้ จับตัวผมหมุนให้หน้าของอีกคนหันไปมองน้องๆที่นั่งมองพวกผมกอดกันอยู่

“น่ารักกกกกกกก”  เสียงน้องๆทั้งชายทั้งหญิงตอบกลับมาเสียงดัง

“น่ารักสิครับ ผมยังชอบเลย” เสียงของไอ้เด็กเป๊ปซี่ตะโกนมาให้หลัง

“ชอบแฟนพี่ได้ แต่อย่ารักนะ พี่ไม่อยากให้น้องๆเสียใจ”  ดูที่พูดเข้าข้างตัวเองสิครับ

“น้องๆทั้งหมดช่วยเป็นหูเป็นตาให้พี่ด้วยนะ พี่ต้องไปทำหน้าที่ลูกที่ดี พี่จะไปเรียนให้จบแล้วกลับมาทำงานไปสู่ขอพี่น้ำมนต์ พี่มีหลานให้ป๊ากับแม่พี่ไม่ได้ แต่พี่จะมีลูกชายให้ป๊ากับแม่อีกคน ที่เป็นคนที่พี่รักยิ่งกว่าคำว่าน้องชาย”  ตอนนี้เสียงโห่หายไปแล้วครับ ผมได้ยินแค่เสียงหายใจของคนที่กอด และเสียงหัวใจที่เต้นของเราสองคนเท่านั้น



“ความรักของพี่กับน้ำมนต์ไม่ใช่รักที่สวยงาม ไม่ใช่ความรักในอุดมการณ์ ไม่ใช่เรื่องราวโรแมนติก เป็นความรักธรรมดาๆที่เด็กช่างกลหลงรักเด็กศิลป์ ความหยาบกระด้างที่ถูกวาดและเปื้อนไปด้วยสีสันโดยอีกคน ทำให้ช่องว่างระหว่างความรู้สึกต่างๆถูกเติมเต็ม พี่ฝากคนรักของพี่ให้น้องๆช่วยดูแลหน่อยนะครับ”



สิ้นเสียงพูดนั้น นายปีโป้ดึงผมมามองหน้า  แววตาที่จริงจังที่ผมเคยเห็นในหลายๆครั้งถูกฉายขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่มีความเจ้าเล่ห์และอ่อนโยนถูกถ่ายทอดโดยเจ้าของปากอย่างแยบยล

“พูดบ้าอะไรเยอะแยะ” ผมพูดไปแก้เขิน

“แล้วยิ้มทำไม”

“เขิน  ยิ้มไม่ได้หรือไง” ผมบอกไปตามตรง

“ยอมรับด้วยว่าเขิน ทีเมื่อก่อนละปากแข็ง”

“เมื่อก่อนแค่รัก ..” ผมพูดแล้วหยุดพูดไป

“แล้วตอนนี้ละ” นายปีโป้ถามหาในประโยคที่ขาด





“ตอนนี้ ... รักที่สุด” ผมตอบแล้วโอบกอดนายปีโป้อีกครั้ง เสียงโห่เสียงแซวดังมาพร้อมกับอ้อมกอดนั้น แต่จะให้ทำไงได้ละครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว จะไปกลัวอะไร การที่มีแฟนที่รักเรามาก ไม่อายที่จะบอกคนอื่นว่าคบกับเรา ไม่อายที่จะบอกพ่อกับแม่ของเค้าว่านี้แหละคู่ชีวิตของเค้า .. แล้วชีวิตนี้ยังจะปกปิดอะไรอีก  ก่อนที่จะคลายอ้อมแขนมามองพยานรักของพวกผมในครั้งนี้ รุ่นน้องหลายๆต่อหลายคนนั่งเขินอายไปกับพวกเราสองคน มีบางส่วนที่ปิดตาไม่กล้ามอง กลุ่มเด็กน้ำอัดลมทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังยิ้มให้ผมอยู่  หญิงกับพี่เอ็มที่นั่งจับมืออยู่กันในมุมหนึ่งยิ้มมาให้ผมไกลๆ อีกด้านก็เห็นพี่โอ๊ตที่มาพร้อมกับพี่เดชในสภาพถือไม้เท้าฝึกเดิน พี่แกหลับไปนาน ร่างกายอ่อนแอต้องกลับมาฝึกเดินอีกครั้ง ข้างๆยังมีพี่เอกที่ส่งรอยยิ้มมาทางผมกับนายปีโป้เหมือนกัน ช้างน้อยที่ยืนฮาแซวผมอยู่เมื่อครู่ก็เดินไปดึงพี่บ่าวมาคุยเล่นกับน้องๆเสียแล้ว


โลกของผมกว้างขึ้นอีกแล้ว ผมมีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ผมเติบโตขึ้น และผมกำลังพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่ออีกครั้ง ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก  อย่าท้อซะก่อนละ เรายังต้องเดินไปด้วยกันอีกไกล .. ผมไม่ได้บอกแค่นายปีโป้นะ ผมบอกทุกคนนั่นแหละ อย่าหยุดที่จะตามหาสิ่งที่รัก เมื่อเจอแล้วก็อย่าหยุดดูแลและรักษา  อย่าคิดว่าของบางอย่างอยู่กับเราแล้วไม่หายไป แก้ปมที่มัดอยู่ที่ใจบ่อยๆ เพราะยิ่งปล่อยมันยิ่งแน่น .. แล้วเรานั่นแหละที่จะแกะมันยากเอง



“นี่ๆ” ผมสะกิดนายปีโป้ที่ยืนโอบบ่าผมยิ้มให้กับน้องๆที่ขอถ่ายรูปบ้าง ยิ้มให้บ้าง หันไปยักคิ้วกับเพื่อนๆของเค้าบ้าง

“ว่าไงครับ” ตอบเพราะเชียว

“เอาหูมา” ผมบอกพร้อมกับทำมือป้องไว้

“จะบอกรักเหรอ” อีกคนพูดก่อนที่จะอาหูมาใกล้มือผม



ใครบอกละครับว่าผมจะบอกรัก  ผมมีประโยคที่ตั้งใจอยากจะบอกตั้งแต่ก่อนไปกรุงเทพฯ คราวแรกแล้ว แต่ยังไม่กล้า และคิดว่าวันนี้ต้องบอกให้ได้ ผมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะพูดประโยคที่เก็บมาเนิ่นนาน ฝากไว้กับเด็กช่างรักจริงคนนี้ให้จำไว้








“ทิ้งกู ... มึงตาย !!!”  ลมแผ่วเบาที่พูดจากปาก ถูกถอดมากับรอยยิ้มของผม อีกคนงงเล็กน้อยกับประโยคที่ได้ยิน ผมยิ่งยิ้มชอบใจใหญ่   ก่อนที่รอยยิ้มอีกคนจะปรากฏตามมา  ตามด้วยการเหวี่ยงแขนโอบบ่าผมอย่างหมั่นเขี้ยวในอารมณ์ให้เข้าไปซบตรงอก ก่อนที่จะก้มหน้ามามองผม และพูดประโยคที่ไพเราะที่สุด เท่าที่เคยฟังมา ..







“เราไม่ทิ้งนายหรอก .. ไม่มีวัน”











แต่ก่อนเคยมีคำถาม รักนั้นดีอย่างไร

เชื่อได้ไหม ถ้าใครมาบอกรัก

ก็ยังกลัวเสมอ ฉันไม่คิดจะพัก

หรือวางใจไว้ลงตรงที่ใคร

* คำถามที่มีวันนั้น ยังค้างคาจนวันนี้

แต่แล้วเพราะเธอที่แสนดี เข้ามาย้ำ มาบอกฉัน ให้เข้าใจ

** ไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะได้พบและได้เจอคนที่แคร์ใจกัน

เธอมาเปลี่ยนวัน เก่าให้มันสวย มันดีกว่าเดิม

เธอลบความเหงาให้หาย เธอเพิ่มเธอเติมหัวใจ ไม่นึกเลยว่าจะเจอ

ฉันไม่มีอะไร ถามต่อไปเพราะใจเธอบอกแล้ว

ว่าจริงๆความรัก เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แค่เปิดใจให้คนที่รักจริง

* คำถามที่มีวันนั้น ไม่ค้างคาในวันนี้

เป็นพราะใจเธอที่แสนดี เข้ามาย้ำ มาบอกฉัน ให้เข้าใจ





จบบริบูรณ์



...





การเดินทางของเด็กช่างและเด็กศิลป์ในกลรัก..เปื้อนสีได้จบลงในตอนนี้แล้วนะครับ ถือเป็นตอนจบที่เขียนยากมาก (เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะจบตั้งแต่ตอนที่แล้ว) อาจจะไม่หวาน ไม่ซึ้ง ไม่กินใจ ไม่เขินอายตามคู่พระ – นายเท่าไหร่ หลังเขาก็ขอโทษด้วยนะครับ พยายามถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด
ที่จบนิยายเรื่องนี้ลงในตอนนี้เป็นเพราะว่าปมต่างๆของเรื่องได้คลี่ออกหมดแล้ว ที่เหลือก็คือส่วนย่อยๆของนิยาย ที่จะตามมาเป็นตอนพิเศษในอนาคต .. เห็นจากตอนจบที่ค่อนข้างจะปูเรื่องไว้ เผื่อตอนพิเศษในอนาคตจะได้ตามมาอีกเยอะแยะมากมาย ถ้านักอ่านทุกท่านไม่ทิ้ง ไม่ห่าง และไม่หายกันไป
จากที่เขียนสนุกๆแยกมาจากอีกเรื่อง ตอนนี้เรื่องนี้กลับจบก่อนเรื่อง CHOOSE ME จนได้ นักอ่านที่ตามมาจากเรื่องก่อนก็ตามกลับไปอ่านกันอีกทีนะครับ (เรื่องราวจะเกิดขึ้นก่อนตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ พยายามเรียบเรียงความคิดกันใหม่)
สุดท้ายขอขอบคุณนักอ่านทุกคนนะครับ ที่ติดตามกันมาจนถึงบทสรุปของนิยาย แม้หลายต่อหลายคนยังไม่อยากให้จบ แต่หลังเขาว่าถึงเวลาที่สมควรจริงๆเอามากๆ จึงจบในตอนนี้

สัญญาครับ ว่าจะขยันแต่งตอนพิเศษเข้ามาเรื่อย

รักนักอ่านกลรักเปื้อนสีทุกคนครับ


สุขสวัสดี .. หลังเขา


ฝากกดไลท์แฟนเพจนักเขียนหลังเขาด้วยนะครับที่ https://www.facebook.com/pages/Lungkhao/262017157203925 (เพิ่งจะทำ ครบร้อยคนเมื่อไหร่ ตอนพิเศษจะตามมาทันที)
หรือตามทวิตเตอร์ได้ที่ @lungkhao นะครับ




 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 31-01-2012 00:16:07
เย้ๆ จบแบบเต็มอิ่มในอารมณ์ทุกคู่
ไม่น่าเชื่อว่าน้ำมนต์จะพูดคำนั้น "ทิ้งกู มึงตาย" กร๊ากกก
ไม่น่าเชื่อ เหมือนไม่มีอะไร แต่มันก็ทิ้งข้อคิดในความรักของวัยรุ่นได้ดีเชียวล่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 31-01-2012 00:41:23
รอตอนพิเศษจร้าาา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 31-01-2012 00:46:20
จบแบบอ่ิมเอมไปตามๆกัน
ความรักมีหลายรูปแบบ ไม่สมหวังเหมือนนิยาย
แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายยยยมากไปกว่าชีวิตจิง....
เป็นกำลังใจให้คนเขียน ตลอดไปจ้า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 31-01-2012 00:50:17
ที่สุด เรื่องนี้ก็จบลงแล้วจริงๆ
จบลงพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุขใจของตัวละครทุกๆคู่ที่มาโลดแล่นอยู่ในเรื่อง
และจบลงพร้อมกับความสุขความพอใจของคนอ่านเช่นกัน
ขอบคุณหลังเขานะจ๊ะ สำหรับความเพลิดเพลินที่ให้กับคนอ่าน
จะรออ่านตอนพิเศษที่จะมีมาอีกเรื่อยๆ ตามที่หลังเขาว่าจ้ะ     :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-01-2012 00:55:53
หวานเรี่ยราดกันเลยทีเดียว มากันกี่คู่เนี่ย อ่านไปยิ้มไป
น้ำมนต์ห้าวมาก อย่างนี้สิถึงจะคุมนายปีโป้ได้
ขอบคุณสำหรับเรื่องรักหวาน ๆ มิตรภาพดี ๆ ระหว่างเพื่อน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 31-01-2012 01:03:23
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
ประทับใจมากกับมิตรภาพ
เป็นกำลังใจสำหรับตอนพิเศษและเรื่องใหม่
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 31-01-2012 01:17:07
อ่านแบบโหนกแก้มยกสูง จบแบบสวยงามประทับใจ ที่เหลือก็รอตอนพิเศษ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 31-01-2012 01:31:51
แก้มปริ ตีนกาแตกกันเลยที่เดียวตอนจบเนี้ย อิอิ

รักทุกตัวละครเลย จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-01-2012 01:50:26
จบแล้ว  อ่า
มีความสุขสุดตั้งแต่เริ่มอ่าน  ขอบคุณสำหรับเรื่องดีเรื่องนี้มากๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 31-01-2012 02:13:57
กลรักจบแล้ว แต่ตอนนี้เริ่มอย่ากกินแป๊ปซี่ต่อ

><
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 31-01-2012 03:38:21
อ่านไปก็เขินไป เพราะแอบคิดว่าตัวเองเป็นน้ำมนต์  :laugh:

เรื่องนี้น่ารักดีนะคะ หวานๆ ปนดราม่าน้อยๆ 
ขอบคุณคุณหลังเขานะคะที่เขียนนิยายสนุกๆ ที่เต็มไปด้วยมุมมอง และแง่คิดดีๆ เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพให้อ่าน

 :จุ๊บๆ: +1 ส่งท้ายสำหรับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 31-01-2012 04:52:42
จบแล้วอ๊ากกกก>O<
จบด้วยรอยยิ้มของทุกคนรวมทั้งเราด้วย
อ้างถึง
พี่จะไปเรียนให้จบแล้วกลับมาทำงานไปสู่ขอพี่น้ำมนต์
พี่โป้ นายแมนว๊ากกกกก
เป็นลูกที่ดีแล้วเป็นแฟนที่โครตดีเลย
กอดๆ :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ^^[/color]
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-01-2012 06:30:54
เปนตอนจบที่อิ่มเอมดีจัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 31-01-2012 09:51:17
เป็นตอนจบที่อ่านแล้วมีความสุข  ได้รู้ตอนสุดท้ายของแต่ละคู่ว่าจะเดินไปทิศทางใด   ได้แง่คิดในเรื่องของความรักในแต่ละรูปแบบ   :o8: 

:m20: แอบฮากับประโยคกระซิบของน้ำมนต์ "ทิ้งกู มึงตาย"   และวิธีการจัดการสังสอนยัยน้องเดียวของช้างน้อยและน้ำมนต์  o13


 :pig4:  คุณหลังเขาที่เขียนนิยายเรื่องนี้   มีความสนุก ครบทุกรส ให้ทั้งแง่คิดในมุมมองของการใช้ชีวิต  ครอบครัว  ความรัก เพื่อน 

รออ่านตอนพิเศษของแต่ละคู่ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 31-01-2012 10:02:49
สุดๆๆ จบดีนะให้แง่คิดและมุมมองความรักกเยอะเลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-01-2012 10:31:32
อิ่มมาก นายหัวโป้โตขึ้นเยอะมากกกก

รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ranyoo ที่ 31-01-2012 12:42:32
fine...................




 :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 31-01-2012 13:31:33
จบแล้ว   :L2:
ชอบเนื้อเรื่องอ่ะ แบบว่าได้อารมณ์เด็กช่างน่ารักๆ มีความรักแบบกุ๊กกิ๊ก
ทั้งน้ำมนต์และปีโป้เอง ก็ค่อยๆเติบโตตามเรื่องราวไป
เรื่องนี้พ่อแม่เข้าใจดี มันดีมากเลย ถึงจะมีโศกนิดหน่อย
แต่ก็กลับมาดีเหมือนเดิมได้ ขอบคุณคุณหลังเขามากค่ะ
ที่นำเรื่องดีๆมาเผยแพร่
 :pig4:

ปอลิง จะคอยติดตามเรื่องต่อไปนะคะ กดไลค์เพจแล้ว อิอิ รอตอนพิเศษค่า
อยากได้ตอนเรียนจบ หรือน้ำมนต์ไปกรุงเทพ ไรงี้ (เรื่องมากอีก) :impress2:
ตามใจคนแต่งเลยค่า  :pig4: อีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: maytarapat ที่ 31-01-2012 13:58:18
รู้สึกเขินแทนน้ำมนต์เลยอ่ะ
อ๊าก  ก ก ก !  !  ! !นายปีโป้ นายพูดได้โดนใจม๊วก กก  ก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 31-01-2012 15:54:18
จบแล้ว เต็มอิ่มจริงค่ะ หมายถึงความรู้สึกนะคะ
อะไรๆก็ลงตัวหมดแล้ว มีคู่กันหมดแล้วด้วย :o8:
ต่อไปก็เป็นเรื่องของแต่ละคนอนาคตแล้วล่ะนะ
แต่ก็มีแนวทางกันหมดแล้ว แค่เดินไปตามทาง
น้ำมนต์ก็แค่รอให้ปีโป้เรียนจบ กลับมาสู่ขอ :-[
เดี๋ยวเข้าไปกดไลค์ก่อนนะ เพื่อตอนพิเศษของเรา
ขอบคุณคนเขียนเหมือนกันค่ะ :pig4: ชอบนะ...เรื่องนี้
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากๆ ไม่ได้หวานจนเกินไป
และขมพอให้มีรสชาด ผสมกันแล้วกลมกล่อมกำลังดี
ไม่ได้อ่านทุกเรื่อง แต่จะติดตามผลงานเรื่อยๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 31-01-2012 17:24:35
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Foofong ที่ 31-01-2012 20:08:26
 o13 o13

เรื่องนี้สุดยอดจริงๆ ติดตามอ่านมานานละครับ


รักคนเขียนที่สุดครับ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ขอบคุณสำหรับความสุขที่มอบให้ผ่านงานเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 31-01-2012 20:11:08
น้ำมนต์น่ารักจังกล้าขึ้นเยอะ "ทิ้งกู....มึงตาย" ชอบที่สุด :กอด1:

รอตอนพิเศษนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 31-01-2012 20:18:41
ประทับใจในกลรัก...เปื้อนสีมาก
รักน้ำมนต์ รักปีโป้ และทุก ๆ คน

ขอบคุณหลังเขานะ ที่ทำให้เราได้อ่านเรื่องราวนี้ เรามีความสุขมากจริง ๆ

รอติดตามตอนพิเศษอยู่ทุกวันเหมือนเดิมนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 31-01-2012 21:11:35
น้ำมนต์กับนายหัวโป้ตอนนี้น่ารักมากกกกก
เขินไปกับน้องๆด้วยเลยเหอะ  :-[

ชอคนเขียนจังที่คิดว่าเรื่องมันควรจะจบ ที่เหลือก็คือตอนพิเศษ
อะไรๆมันก็ลงตัวหมดแล้ว และจบได้ประทับใจมากกกก
ขำน้ำมนต์ ร้อยวันพันปีไม่เคยมึงกู แต่กับเรื่องทิ้งๆขว้างๆนี่ขอสักที ฮ่าๆ
นายหัวโป้ก็พูดนาย ดูมีเสน่ห์ขึ้นเยอะเลย แต่ก็นะ มันไม่ใช่ ยังไงก็ต้องมึงกูกับน้ำมนต์
ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-01-2012 21:24:33
จบแล้วสิเนอะ เป็นผู้อ่านไม่ดีเท่าไหร่ เม้นท์บ้างไม่เม้นท์บ้าง
แต่ขอบคุณคุณคนแต่งมากนะคะ ที่สร้างสรรค์นิยายดีๆ มาให้อ่าน
เราได้คำพูดดีๆ จากตัวละครไปเยอะเลย :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: zaferianight ที่ 31-01-2012 21:27:29
เปนตอนจบที่อ่านแล้วยิ้มตาม แบบ แฮปปี้มากมายอ่ะ :กอด1: :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 31-01-2012 21:33:31
เป็นตอนจบที่ทำให้มีความสุขสุดๆเลย o13
เรื่องของทุกคู่ลงเอยไปในทางที่ดี
น่ารักมากๆจริง
เรื่องจบแล้วก็ยังอินค้างอยู่เลยอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 31-01-2012 22:38:34
น่ารักที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 01-02-2012 14:51:53
ทำให้คนโสดอิจฉา  ไม่ดีนะเนี่ย

 :กอด1: :pig4: :3123: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 01-02-2012 15:07:51
จบแล้ว ประทับใจมากๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 01-02-2012 20:26:49
อ่านแต่หน้าแรกจนจบ สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุนนะที่ให้อ่านนิยายดีๆ ^________^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 02-02-2012 01:48:31
 :กอด1:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-02-2012 09:40:24
อ่านจบแล้วจ๊า  ส่วนตัวชอบเดชมากอ่ะ  รู้นะว่าเป็นการรักแบบผิดๆคือตามใจตลอด  แต่ชอบตรงความทุ่มเทของเดชมากๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 02-02-2012 22:54:11
ตอนจบซึ้งมากกกกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 04-02-2012 03:24:43
เราชอบตอนสุดท้ายจัง
"ทิ้งกูเมิงตาย"

"เราไม่ทิ้งนายหรอก   ไม่มีวัน"

อบอุ่นจังเลยเรื่องนี้

มีหลายอารมณ์มาก
ให้ลุ้นตลอดเวลา ความรักของพี่เดชจะว่า เสียสละยิ่งใหญ่ก็ใช่แต่ ความรักมันเหมือนมีดดาบละมั๊ง
มันมี สอง คม มีดีและร้าย อยู่ที่เราต้องรักให้เป็น
เห้ออออ  น่าเศร้าและซึ้งในเวลาเดียวกันจริงๆ เดชโอ๊ต

ชอบนะพี่บ่าวกะน้องช้างน้อย ผู้ชายที่ซื่อ ๆที่เป็นผู้ชายไม่เคยคิดจะชอบเกย์ มันก็น่ารักและมีสเน่ห์ดี
ดีที่ยอมรับตัวเองได้ทันนะ ถ้าไม่งั้นเสียใจ เสียดายแย่เลย

และคู่ฟิน สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรนอกจากจะพูด น้ำมนต์ของพี่ปีโป้ น่าเอามาปั่นรวมกันแล้วดูด จริงๆเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: K2KARN ที่ 04-02-2012 06:05:49
โอยยยยยยยยยยย สนุกมากค่ะ
อ่านรวดเดียวจบกันเลยทีเดียว
ทั้งเรื่องนี่ครบรสเลยทีเดียว

ชอบคู่ของเดชกับโอ๊ตมาก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอ่านต่ออีกเรื่อยๆเลยล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 04-02-2012 22:30:56
อ๊ายยย หวานซ๊าาาาาาา :m1:

เเฮปปี้มากกกกกกก

ประทับใจเรื่องนี้มากๆอ่ะ

ขอบคุณ คนแต่งนะ คร้าบบบ^^

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :pig4:


หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 05-02-2012 15:35:49
น่ารักดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 05-02-2012 20:32:58
ชอบเรื่องนี้มากๆ สื่อถึงมิตรภาพได้ชัดเจนที่สุด โชคดีที่พี่เดชฟื้นไม่งั้นได้ร้องไห้เเน่ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 05-02-2012 22:36:13
เป็นอีกเรื่องที่คอยติดตามอยู่ตลอด เม้นบ้าง ไม่เม้นบ้าง
เรื่องนี้สอนอะไรหลายอย่างให้ชีวิต ความรักแบบผองเพื่อน ความรักแบบแฟน
ความรักแบบครอบครัว  แง่มุมต่างๆของชีวิต อ่านไปก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังติดตาามความรักของคนคู่หนึ่งจริง ๆ
ไม่ใช่ค่นิยายเท่านั้น
เม้นเองชักงงเองซะละ  เอาง่าย ๆ เนาะ อ่านเรื่องนี้แล้วมีฟามสุขโพด ๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 06-02-2012 20:13:00
เรื่องนี้ประทับใจกับความรักของเพื่อน เพื่อนแท้เค้าไม่ทิ้งกัน ต้องช่วยกันไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์

ขอบคุณคุณหลังเขาที่แต่งนิยายที่ประทับมาให้อ่านกันค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 07-02-2012 23:06:26
โอว พลาดตอนจบ

มาอ่านแล้วคร้าบบบบบบ


หวานมาก น่ารัก อิอิ


แต่ชอบตอนจบอะ สลับกัน ฮ่าๆ



รอตอนพิเศษนะครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: boworange ที่ 07-02-2012 23:25:20
 :กอด1:  ชอบเรื่องนี้มากๆมีครบทุกรสชาติจริงๆ.   :L2:

ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 09-02-2012 16:54:26
มีคนอยากเจอก็เลยมาให้เจอเลยเนาะนายปีโป้
แต่ปีโป้เปิดตัวแฟนน้ำมนต์ซะน้องๆเขากลัวกันเลยนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] จุดจบ กลรัก..เปื้อนสี (ตอนจบเด้อ !!) 30-1-55
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 10-02-2012 00:36:24
เพิ่งอ่านจบ โอยยย อยากบอกว่า สนุกมาก เลย 
ประทับใจ อ่านไปยิ้มไป  ดูแบบทุกอย่างมันลงตัวดีหมดแล้ว 
ขอบคุณ คุณหลังเขามากๆที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน  :L2:
หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-02-2012 00:13:29
ตอนพิเศษ  กลรัก .. สวีตตี้ !!!



ตอนพิเศษนี้เกิดขึ้นระหว่างช่วงที่เดชฟื้น และก่อนที่ปีโป้จะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ (ก่อนตอนจบ)


.

.

.




“เอ๊ย หญิง แกซื้ออะไรให้พี่เอ็มอ่ะ” เสียงช้างน้อยพูดถามหญิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามโต๊ะดังขึ้น ทำให้ผมละสายตาจากนิตยสารศิลปะที่ซื้อมาอ่านขึ้นมาสนใจ

“เราเหรอ เราชื้อตุ๊กตากับทำให้” หญิงตอบมาหน้ายิ้ม ซ่อนไปด้วยความเขินอาย

“ว้ายย โรแมนติกจังเลย สอนชั้นทำบ้างสิ อยากทำให้พี่บ่าวบ้าง” ช้างน้อยพูดพร้อมเลื่อนมือไปเขย่ามือหญิงเชิงออดอ้อน

“ได้สิ งั้นวันนี้เราไปซื้ออุปกรณ์กันนะ” หญิงตอบมา ก่อนที่สายตาของทั้งสองคนจะหันมามองผมเป็นตาเดียว

“แล้วแกละ น้ำมนต์ ทำอะไรให้พี่ปีโป้” ช้างน้อยถามผมมาด้วยสายตาจิกๆ ผมก้มลงอ่านนิตยสารอย่างเดิม เพื่อหลบสายตาที่คาดคั้นเอาความจริงนั้น

“เปล่า ของเราไม่มีอะไร” ผมตอบไป

“จริงรึ” ช้างน้อยถามขึ้นมาเสียงสูง

“จริงสิ” ผมตอบ

“แน่รึ” ถามอีก

“แน่สิ” ผมตอบเสียงหนักแน่นกว่าเดิม เหลือบไปมองหน้าสองคนนั้น เห็นยิ้มมาอย่างมีเลสนัย





จะว่าไป ผมก็โกหกใครไม่เก่งจริงๆครับ ถ้าผมโกหกสองคนนี้ได้ ถือว่าผมเก่งมากๆ เพราะคนอย่างช้างน้อยใครโกหกแล้วเธอจับไม่ติดนี่ ต้องเป็นคนที่โกหกได้เนียนมากๆ ส่วนหญิงนี่ก็ไม่แพ้กัน สนใจทุกรายละเอียด อย่าให้พลาดแม้แต่นิดเดียว

อันที่จริงผมก็เตรียมอะไรบางอย่างให้นายปีโป้ไว้เหมือนกันครับ ปีนี้เป็นวาเลนไทน์ปีแรกตั้งแต่เราคบกันมา และตั้งแต่ผมมีแฟน และคงเป็นปีแรกที่ผมสนใจวันนี้ตามกระแสคนอื่นๆ .. ทั้งที่ปีก่อนๆผมก็ไปโรงเรียนมือเปล่า แต่ก็กลับมาพร้อมกับช่อดอกไม้และกล่องของขวัญบ้าง

แต่ปีนี้คงไม่มีคนอื่นมาให้แล้ว .. แต่ก็หวังจากเด็กช่างคนหนึ่งละ ..



.

.

.






“เค้าบอกว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันเสียตัวแห่งชาติ มึงเชื่อป่ะวะ” ไอ้บ่าวถามผมมาหน้างงๆ ดูเอาจริงเอาจัง ขณะที่ผมกับเพื่อนๆกำลังนั่งเล่นกันอยู่ที่โต๊ะประจำกลุ่ม รอเวลาเข้าเรียนช่วงบ่าย

“ไม่รู้ดิ คนก่อนๆกูได้ก่อนวาเลนไทน์ทั้งนั้น” ผมตอบไป ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

“แล้วคนปัจจุบันละ ?” ไอ้พี่เอกถามขึ้นอีก

“ถามแบบนี้อยากรู้อะไรพี่เอก” ผมถามสวนกลับด้วยรอยยิ้ม

“เปล่า กูก็แค่อยากรู้ ว่าคนนี้ถึงขั้นไหนแล้ว” พี่เอกก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนกัน

“ถึงขั้นไหนไม่รู้ แต่เอาอยู่ละกัน” ผมตอบไปด้วยรอยยิ้มภูมิใจในตัวเอง

“พวกมึงจะซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์อะไรให้แฟนพวกมึงวะ” ไอ้โอ๊ตที่นั่งนิ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ถามขึ้นมา

“กูเหรอ กูว่ากูจะซื้อถุงยางซักโหล กะจัดหนักเลย ฮ่าๆๆ” ไอ้บ่าวตอบก่อนเพื่อน ทีเล่นทีจริง หน้าตาทะเล้นตลอด

“จริงเหรอไอ้บ่าว แม่งโหดว่ะ” ไอ้พี่เอกก็เชื่อตามซะงั้น

“มึงจะซื้ออะไรให้ไอ้เดชเหรอ ไอ้โอ๊ต” ผมเลิกสนใจไอ้สองตัวหื่นนั้น หันมาถามไอ้โอ๊ตอย่างจริงจัง

“ไม่รู้สิ ตอนนี้มันรู้สึกตัว ลืมตา รู้เห็นทุกๆอย่าง แต่ก็ยังพูดอะไรไม่ได้มาก มันคงไม่รู้ด้วยซ้ำมั้ง ว่าพรุ่งนี้วันวาเลนไทน์” ไอ้โอ๊ตตอบมาหน้าเศร้า เล่นเอาเพื่อนทุกคนหันมองและเศร้าไปด้วย

ถึงแม้ว่าตอนนี้ไอ้เดชจะรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วงบำบัด ทั้งการทำกายภาพ และการกระตุ้นสมอง ถึงแม้มันจะตื่นมาให้ทุกคนได้ยิ้มบ้าง แต่ก็ยังต้องคอยลุ้นกันไปเรื่อยๆ

“มึงอยากทำอะไรให้มันก็ทำไปเถอะ ถึงมันยังพูดไม่ได้ แต่มันก็รับรู้ได้นี่” ผมพูดพร้อมกับเอามือตบที่บ่ามันเล็กน้อย เพื่อนคนอื่นๆก็ยิ้มพร้อมกับตบบ่าให้กำลังใจมันเช่นกัน

“เออ ขอบใจพวกมึงมาก แล้วตกลงมึงจะให้อะไรน้องน้ำมนต์วะ” ไอ้โอ๊ตยิ้มรับคำปลอบของเพื่อน ก่อนจะถามผมอีกครั้ง



ผมยิ้มให้มันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีคำพูดอะไรออกไป .. มันไม่ได้เป็นความลับอะไรหรอกครับสำหรับวาเลนไทน์ปีนี้ของผมกับน้ำมนต์ ..








แค่ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกก็เท่านั้น  -*-


.

.

.




“มันจะขมหรือเปล่าอ่ะหญิง”  ชั้นถามหญิงไปขณะที่มือกำลังคนช็อกโกแลตอยู่บนเตา

“ช้างน้อยก็ดูอย่าให้มันไหม้นะ พอมันละลายหมดแล้วก็มาเทใส่พิมพ์ทางนี้” หญิงพูดพร้อมกับเดินมาดูช็อกโกแลตบนเตาของชั้น ก่อนจะชี้ไปที่พิมพ์ที่เธอวางไว้

“แกว่าพี่บ่าวจะประทับใจหรือเปล่านะ ชั้นลงมือทำให้ซะขนาดนี้” ชั้นถามไปหน้าตาคิดไกล

“แหม เราว่าพี่แกคงซึ้งน้ำตาเล็ดอ่ะ”

“นังหญิง จริงใจเว่อร์”  ชั้นหันไปกัดหนึ่งดอก ก่อนจะยกหม้อที่ช็อกโกแลตเดือดปุดๆออกมาจากเตา

“เทดีๆละ หกหมดเสียดาย” หญิงยืนกำชับและให้กำลังใจ หรือว่ากดดันชั้นกันแน่เนี่ย

“พิมพ์เก๋ดีนะ รูปหัวใจน่ารักจัง พี่บ่าวแกจะชอบเหมือนชั้นมั้ยนะ” ชั้นเทไปคิดไป

“ชั้นว่าแบ๊วไปนะ น่าจะเอาเป็นรูปดาบ รูปปืน กระสุนอะไรพวกนี้” นังหญิงเสนอไอเดีย

“นี่ นังหญิง แกจะบ้าเหรอ วันวาเลนไทน์นะ  ไม่ใช่วันทหารผ่านศึก ชั้นว่าหล่อนกลับบ้านไปทำให้พี่เอ็มของหล่อนเลยไป ที่เหลือชั้นจัดการเอง” พูดแล้วหงุดหงิด มาเปรียบเทียบกับพี่บ่าวแบบนี้ได้ไง

“เออ เราไปละ เจอกันพรุ่งนี้” นางพูดก่อนจะยกมือลาชั้น เก็บข้าวของแล้วเดินกลับไป





จะว่าไปวาเลนไทน์ปีนี้ก็ช่างเป็นอะไรที่ตื่นเต้นเสียจริงยิ่งกระไร ครั้งก่อนมีแต่ทำให้คนที่แอบชอบ แล้วแต่ละปีชั้นก็ดันแอบชอบคนเยอะแยะมากมาย ซื้อของให้กันจนกระเป๋าฉีก แต่มาปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆ ชั้นมีแฟนแล้ว .. มีคนเดียวด้วย และของที่จะให้ ก็ต้องทำจากมือของชั้นเท่านั้น

แม้รสชาติมันจะไม่อร่อยเท่าช็อกโกแลตที่ขายตามท้องตลาด แต่ชั้นก็เชื่อว่าถ้าพี่บ่าวเห็นก็ฟาดมันเรียบแน่ๆ เผลอๆจะไม่อิ่มพาลมากินตัวชั้นอีก แอร๊ยยยยยย แค่คิดก็เขินแล้ว



“ว๊ายย ตาเถนตกกระได หัวใจเกย์ร่วง” ตายแล้วชั้น เผลอคิดอะไรใจลอย เทช็อกโกแลตพลาดพิมพ์จนได้ หกซะงั้น หันซ้าย หันขวา เอ .. มีใครเห็นไหมนะ



ไม่มี กวาดๆๆ ใส่กลับไปในพิมพ์ใหม่ ..





เยส .. สวยสดงดงาม มันช่างน่าภูมิใจเสียจริงๆ พรุ่งนี้พี่บ่าวคงปลื้มน้ำตาไหลพรากแน่ๆ .. อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆจังเลย ..




.

.

.






“มึง น้องหญิงไม่ยอมกูเลยวะ” ผมพูดขึ้นขณะที่มานั่งเล่นในห้องนายหัวโป้ เดี๋ยวนี้ผมแวะมาห้องมันบ่อยเวลาเรียนเสร็จ เพราะไม่รู้จะไปไหน น้องหญิงก็บอกว่าวันนี้มีรายงานต้องทำ ไม่ว่างเจอ

“ยอมอะไรวะ” ไอ้โป้หันมาถามยิ้มๆ แต่หน้าก็ยังดูทีวีอยู่ สนใจกูมั่งเปล่าเนี่ย

“ก็อย่างว่าอ่ะ” ผมตอบไป ทำหน้าสื่อความหมาย

“อย่างว่าอะไร เอาให้ชัดๆดิมึง กับเพื่อนกับฝูง มาพูดงงๆอยู่ได้” ไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ รู้อยู่หรอกว่ามันเข้าใจ แต่อยากให้ผมพูดจังเลยนะ

“เบื่อมึงวะ ไม่คุยกับมึงละ กลับหอกูดีกว่า” ไม่เข้าใจ ก็ไม่คุยต่อละ เพื่อนมาปรึกษา ยังมาเล่นลิ้นอีก

“เออๆ เข้าใจแล้วๆ แล้วจะให้ช่วยไง มอมยาแล้วข่มขืนดีมั้ย” มันเลิกสนใจทีวี และหันมาทำหน้าจริงจังกับผมครับ

“มึงจะบ้าเหรอ กูโดนจับแน่ แถมยังต้องโดนเลิกอีก กูไม่เอาหรอก ความคิดมึงนี่ชั่วชิบหาย” ด่ามันหน่อยเหอะ คิดมาได้ไง

“ฮ่าๆๆ งั้นก็รอต่อไป รอจนกว่าน้องเค้าจะมั่นใจในตัวมึง และเชื่อว่ามึงไม่ฟันน้องเค้าแล้วทิ้งแน่ๆ มึงรอได้ป่ะละ”  มันถามมาหน้าตาจริงจัง

“กูรักน้องเค้าจริง ..” ผมตอบไป ก่อนจะหยุดคิด

“ถ้ารักจริง ก็เอาความใคร่ออกไป น้องเค้าเป็นผู้หญิงถึงแม้อะไรบางอย่างในโลกจะบอกว่าทุกคนเท่าเทียม โตแล้วจะเอากับใคร ท่าไหน นานเท่าไหร่ก็ได้ .. แต่สำหรับน้องหญิง มันคงไม่ใช่” ไอ้โป้เลยได้ทีสวนมาอีก

“อืม กูเข้าใจที่มึงพูด แต่กู ..”

“ถ้าเงี่ยน ก็ว่าว ง่ายออก หรือมึงจะหาแฟนเป็นผู้ชายดี ?” ข้อเสนอมันดีมากครับ จะเป็นเกย์กันทั้งกลุ่มเลยเหรอ หือ ?

“ให้กูมีหลานให้มึงอุ้มบ้างเถอะ .. นายหัวโป้” ผมบอกมันไปแล้วยิ้มๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็รอไปก่อนละกันนะมึง ยังไงซะกูก็ยังไม่อยากอุ้มหลานตอนนี้ กูยังรอได้” มันบอกพร้อมกับยิ้มๆ และหันไปสนใจทีวีของมันต่อ ผมก็หันไปสนใจรายการในทีวีตามมันด้วย



เวลามาคุยกับไอ้นายหัวโป้ของทุกคน ถึงแม้มันจะไม่ได้ชี้ทางสว่างให้ แต่มันก็ช่วยพังทางตันของเราได้ และถ้าพ้นทางตันนั้นไปได้ ต่อไปก็ต้องเดินตามทางกันต่อ .. ผมชอบเพื่อนคนนี้ที่ตรงนี้แหละ




“พรุ่งนี้วาเลนไทน์แล้วนะมึง” ผมทักท้วงขึ้น

“อืม กูรู้แล้ว” มันตอบมา ตายังจ้องในทีวี

“มึงไม่ทำอะไรให้น้องน้ำมนต์หน่อยเหรอ ?” ผมถามไป มันนิ่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไร ผมมองมันอย่างสงสัย ปกติคนก่อนๆของมัน มันก็ไม่ได้อะไรมากมาย พอถึงวันวาเลนไทน์ มันก็หาซื้อดอกไม้ ตุ๊กตาที่วางขายหน้าโรงเรียนของแฟนมันนั่นแหละ เลือกเอาแค่ช่อใหญ่ๆ ตัวโตๆ ราคาแพงที่สุดแถวนั้น ถือไปให้เด็กของมัน อย่างกับเป็นหน้าที่ แค่นั้นเด็กมันก็ยิ้มปากจะฉีกถึงหูแล้ว .. แล้วคนนี้ของมัน จะยังคงเป็นแบบเดิมหรือเปล่านะ ..  ผมละสงสัย


มันยกรีโมตขึ้นปิดทีวี แล้วหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะพูดอะไรกินใจ เท่ๆแบบบทพระเอกออกมา




“กูรักของกูอยู่ทุกวัน แล้วพรุ่งนี้มันจะสำคัญอะไร”




.

.

.






บรรยากาศวันแห่งความรักกำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างครึกครื้น หน้าโรงเรียน วิทยาลัยต่างๆเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ขายที่วางดอกไม้ ตุ๊กตา ช็อกโกแลต ของเล็กของน้อยกันเต็มท้องถนน ภาพเด็กน้อยเด็กใหญ่ ทั้งหญิงทั้งชายที่ถือช่อดอกไม้ กล่องของขวัญ บ้างก็ตุ๊กตาน้อยใหญ่ เดินขวักไขว่เต็มไปหมด



ภาพความเขินอายของผู้ให้ และภาพรอยยิ้มของผู้รับทำเอาผมเบือนหน้าหนี เพื่อให้พบกับคู่อื่นอีกที่มีการกระทำไม่แตกต่างกัน ท่ามกลางคนมีความรัก ย่อมมีคนโสด คนเหงาอยู่ในนั้น ท่ามกลางเพื่อนในกลุ่มที่มีแฟนกันหมดทั้งชายหญิง ก็ย่อมมีผมอยู่คนนึงที่ยังโสด ..




ใช่แล้วครับ .. ผมเอกเอง




ตัวละครตัวหนึ่งที่ไม่ค่อยมีบทบาทอะไร บางทีผมก็แอบคิดว่าคนเขียนจะยัดผมเข้ามาเพิ่มทำไม ในเมื่อในความเป็นจริงไม่มีผมเรื่องมันก็ค่อนข้างจะสมบูรณ์ แต่บางทีผมก็คิด ว่าคงใส่มาเพื่อเพิ่มบารมีตัวเอกให้มีมากขึ้น ความที่ผมเป็นคนที่มีอายุสุดในกลุ่ม ทำให้พวกน้องๆมันค่อนข้างจะเกรงใจ แต่เราก็คบหากันแบบมิตรสหาย ไม่ได้ถืออาวุโสอะไรมากมายแต่อย่างใด




ด้วยความที่เป็นคนง่ายๆ ไม่มีปมในการใช้ชีวิต ไม่ได้มีเสน่ห์มากมายเหมือนใครๆ ผมเลยค่อนข้างใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปตามประสา แอบรักคนนั้น แอบชอบคนโน้น แต่ก็แค่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ผมคิดเสมอว่า มีเพื่อนดีๆ แฟนก็ไม่จำเป็น .. การที่ผมมีเพื่อนดีๆอย่างไอ้โป้ ไอ้บ่าว ไอ้โอ๊ต ไอ้เอ็ม และไอ้เดช มันทำให้ผมใช้ชีวิตได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ความรักแบบมิตรภาพทำให้เวลาในวิทยาลัยของผมมีอะไรน่าจดจำเยอะขึ้น ..





ทุกวันผมมีความสุข .. ยกเว้นวันนี้





ใจจริงอยากอยู่แต่กับห้องไม่ออกไปไหน เก็บตัวหลีกหนีภาพข้างต้นที่ดูแล้วหดหู่ใจ แต่อีกใจนึงก็อยากจะออกมาทดสอบความต้องการของหัวใจ ว่าที่ตัวเองเป็นอยู่นี่ พอใจแล้วใช่ไหม ? แน่ใจหรือว่าเรามีชีวิตที่สมบูรณ์แล้ว แน่ใจเพียงใดว่าเรามีมิตรภาพ แล้วเรามีความสุขดี ..




เป็นโสดมันดีนะครับ .. จะทำอะไรก็ได้ จะไปไหนก็ไป จะกินอะไรก็กิน จะไปดื่ม ไปเมากับเพื่อนก็ไม่ต้องชวนใคร จะนอนไหนก็นอนได้ เงี่ยนเมื่อไหร่ก็ช่วยตัวเองเอา ไม่ต้องเดือดร้อนถุง ประหยัดลดโลกร้อน ..


ทุกอย่างดีหมดครับ .. เสียอย่างเดียว “เหงา”



ความเหงาจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของคนที่ชอบอิสระที่สุด .. แต่ผมคงไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะผมรู้สึกไม่ชอบมันซะเลยไอ้ความเหงาเนี่ย ..




วันนี้ผมคงมาวิทยาลัยเร็วกว่าปกติ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะบรรดาเพื่อนผมคงมาช้ากว่าปกติ ตอนนี้คงเอาช่อดอกไม้ ไม่ก็ตุ๊กตาไปให้บรรดาแฟนๆของพวกมัน .. ผมลืมสนิทที่จะบอกตัวเองให้มาสายๆ จนต้องมาดูอะไรที่ทำร้ายจิตใจตัวเองอยู่ในตอนนี้ ..






“ไงเอก ทำไมนั่งอยู่คนเดียววะ”  เสียงหนึ่งทักมาทำให้ผมหันมาสนใจ เป็นไอ้ชาติ เพื่อนผมตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่คนละเอกกัน เราเคยเรียนด้วยกันบางวิชา และตอนนี้มันก็ยังไม่จบเหมือนกัน เป็นปู่ของเด็กๆในสาขามันเหมือนกัน

“เพื่อนยังไม่มา มึงละไอ้ชาติ เพื่อนไปไหนหมดวะ” ผมถามมัน พร้อมกับยิ้มทักทาย

“ไม่รู้หายหัวไปไหน สงสัยเอาดอกไม้ไปให้บรรดาแฟนๆมัน” มันตอบมาแบบเรียบๆ ไอ้ชาติค่อนข้างเป็นคนเรียบร้อย ขัดกับสาขาที่มันเรียนอยู่มาก และค่อนข้างเรียนเก่ง แต่ที่ยังไม่จบเพราะป่วย จึงต้องออกไปพักรักษาตัวอยู่พักใหญ่

“แล้วมึงละ เมื่อไหร่จะมีแฟน” ผมถามไป เพราะหน้าตามันก็ไม่ใช่จะขี้เหร่อะไร ดูดีกว่าผมอีก ติดที่ผอมไปหน่อย แต่ก็สูงยาว ขาว ใส ตามสไตล์สเป็คทั่วไป

“ยังก่อน ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ไม่รู้จะดูแลใครได้” มันตอบมายิ้มๆ อายๆ

“หาคนมาช่วยดูแลเราไง อย่างมึงต้องหาผู้หญิงดีๆที่ดูแลมึงได้มาดูแล” ผมแนะนำมัน

“ว่าแต่คนอื่น มึงละ ทำไมไม่หากับเค้าบ้าง” มันย้อนผมครับ

“เรื่องแบบนี้ ถ้ามันจะมี มันก็มาเอง กูไม่รีบหรอก” ผมตอบมัน

“ปลอบใจตัวเองเก่งเหมือนเดิมนะมึงเนี่ย”

“ฮ่าๆๆ ดักทางถูกอีกแล้ว กูแพ้ทางมึงตลอดจริงๆเลยนะ” จับผิดผมได้อีกแล้วไอ้ชาติ ผมยิ้มหัวเราะกับมัน ไอ้ชาติยังคงเป็นคนที่ยิ้มง่ายๆ หัวเราะง่ายๆ ร่าเริงแจ่มใสอยู่ตลอด แม้มันจะผ่านเรื่องราวร้ายๆเกี่ยวกับสุขภาพมันมาเยอะ แต่มันก็ยังยิ้มสู้กับโลกนี้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์


“กูว่าน้องคนนั้นเค้ามองมึงอยู่วะ” ไอ้ชาติบอกผม พร้อมกับส่งสายตาไปทางโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกลจากที่ผมนั่งนัก ผมหันไปมองตามเห็นเด็กผู้หญิงเอกบัญชีคนหนึ่งกำลังนั่งมองมาทางผม พอผมมองไปก็หลบสายตา มีท่าทีเขินอาย

“ไม่ได้มองกูหรอก มองมึงหรือเปล่า” ผมหันมาถามไอ้ชาติ

“ไม่หรอก กูเห็นว่าน้องเค้ามองมึงก่อนกูจะเดินมาทักมึงละ สงสัยน้องเค้าจะชอบมึง” ผมหันไปมองน้องผู้หญิงคนนั้นอีกที เด็กสาวในชุดนักศึกษาเอกบัญชี ไว้ผมยาวรวบตึงอยู่บนหัว แต่งหน้าอ่อนๆพอให้ดูน่ารัก ผิวขาวรับกับชุดที่สวมใส่ ในมือถือกล่องพลาสติกที่มีริบบิ้นผูกโบว์ไว้ และกำลังเดินเข้ามาทางพวกผม

“น้องเค้าก็น่ารักดีนะ” ผมหันมาบอกกับไอ้ชาติ

“อืม” มันตอบผมมา แว๊บนึงที่ผมสบตาไอ้ชาติตอนนี้ ผมกลับเห็นความเศร้าในแววตามันที่มองมาทางผม ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปไกลกว่านี้ ผมละสายตาจากมันมามองน้องที่เดินเข้ามา


“แฮปปี้วาเลนไทน์นะคะ พี่เอก” เธอยื่นกล่องพลาสติกสีใสที่มองข้างในเห็นช็อกโกแลตเป็นชิ้นรูปหลากหลาย ผูกโบว์สีหวานได้น่ารักมาให้ผม

“ขอบคุณมากครับน้อง ..”

“น้ำฝนค่ะ”

“ครับ ขอบคุณมากครับน้องน้ำฝน แฮปปี้วาเลนไทน์เหมือนกันนะครับ” ผมตอบเธอไป สังเกตได้ถึงใบหน้าเธอที่ค่อนข้างแดงขึ้นเป็นระยะ ผมยิ้มให้กับความเขินอายของเธอ และเมื่อเธอสบตามาเห็นผมยิ้ม ก็ยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูกมากกว่าเดิม

“น้ำฝนไปก่อนนะคะ ไว้ค่อยเจอกัน” เธอตอบมาเสียงสั่น ก่อนที่จะเดินออกไป




“เดี่ยวก่อนครับ น้องน้ำฝน” ผมเรียกเธอไว้ ก่อนที่เธอจะเดินห่างไป เธอเอี้ยวตัวมามองผมทำหน้าตาสงสัย

“คะ” เธอขานรับ





“เที่ยงนี้ ทานข้าวด้วยกันนะครับ” ผมบอกเธอไป  เธอยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้า หันหลังกลับแล้วรีบเดินต่อไป ผมว่าเธอคงเดินไปไกลๆผม แล้วกรี๊ดเสียงดังๆแน่ๆ ..






“มึงชอบน้องเค้าเหรอ” ไอ้ชาติถามขึ้น

“ก็น่ารักดี ดูๆกันไป กูก็ยังไม่มีใคร ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ว่าป่ะ” ผมหันมาพูดกับมัน

“อืม ก็ดี” มันตอบมาแบบไม่เต็มเสียงนัก

“เป็นไรไปวะ ทำไมเฉาๆซะแล้ว ไม่ร่าเริงเหมือนตอนเพิ่งเดินเข้ามาเลย” ผมทักไป

“ก็มึงจะมีแฟนแล้ว ทีนี้ก็เหลือกู ที่ยังไม่มีใคร” มันพูดมาก้มหน้ามองเท้า มองดิน

“ฟงแฟนที่ไหน แค่เพื่อนกินข้าวมื้อเที่ยง ก็แค่นั้น ..” ผมพูดพร้อมกับเอามือตบไหล่มัน มันเงยหน้ามามองผมยิ้มๆ

“เออ ยังไงก็ขอให้มึงโชคดี กูไปหาเพื่อนกูก่อนละ” ไอ้ชาติพูดพร้อมกับฝืนยิ้มและยืนขึ้น

“เออๆ ไว้เจอกัน” ผมบอกมัน มันหันหลังแล้วเดินไปยังโต๊ะเพื่อนของมัน





บางทีการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ คงต้องเริ่มจากการเปิดใจเป็นอย่างแรก ในเมื่อเราต้องการในสิ่งไหน นอกจากตามหา และรอคอยแล้ว เราก็ต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เปิดใจรับฟังเสียงหัวใจตัวเอง .. คนทุกคนมีโอกาสในการพิสูจน์ แต่ต้องเลือกบทพิสูจน์ที่คิดว่าเมื่อลองทำแล้วจะได้ผลที่พอใจที่สุด  ข้อสอบที่ผมเลือกในวันนี้มีแค่ ใช่ กับไม่ใช่ ไม่ว่าข้อใดก็ข้อหนึ่งละ .. ที่มันจะใช่สำหรับผม






“ไอ้ชาติ !!” ผมเรียกมันอีกครั้ง เหมือนอยากจะพูดอะไรกับมัน มันหันหน้ามามองผมทำหน้าอย่างงงๆว่าผมจะเรียกมันทำไม

“มีไร”












“เย็นนี้ไปกินข้าวกับกูนะ”



.

.

.

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-02-2012 00:25:47


.

.



“รอนานมั๊ย”  พี่เอ็มถามขึ้นเมื่อจอดรถที่หน้าบ้าน เป็นเรื่องปกติทุกๆเช้าที่พี่เอ็มจะมารับหญิงที่หน้าบ้านเพื่อไปวิทยาลัยด้วยกัน ไม่ว่าเช้าวันนั้นพี่เอ็มมีเรียนหรือเปล่า แต่ถ้าหญิงมีเรียน พี่เอ็มต้องตื่นมารับส่งหญิงตลอด

“ไม่นานเท่าไหร่ ทำไมวันนี้มาช้า” หญิงตอบไป แต่ก็อยากรู้เหตุผล

“รถติด คนเยอะ” พี่เอ็มตอบมาแบบขอไปที พร้อมกับยิ้มแก้ขัดมาให้ แบบนี้ตลอดสินะ

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย” หญิงบอกไป พร้อมกับสะพายกระเป๋าข้างขึ้นมอไซค์ของพี่เอ็ม



หญิงพยายามมองหาช่อดอกไม้ตั้งแต่ที่รถพี่เอ็มเทียบจอดที่หน้าบ้าน พยายายามมองหากล่องของขวัญที่คิดว่าคงแอบวางไว้ที่ไหนสักแห่ง พยายามมองไปทั่วตลอดทางที่นั่งมา แต่ก็ไม่ยักเห็น อะไรกันนี่ พี่เอ็มไมได้เตรียมของขวัญอะไรมาให้หญิงเลยเหรอ  น่าน้อยใจจริงๆ


พอมาถึงหน้าโรงเรียน บรรยากาศแสนครึกครื้นก็เริ่มต้น พี่เอ็มเอามอเตอร์ไซค์ไปจอดในโรงจอดรถ ก่อนจะเดินมาที่หญิง และเราสองคนก็เดินมานั่งที่นั่งประจำของเราสองคน




“วันนี้วันอะไร ?” หญิงถามขึ้น

“วันอังคาร”

“พี่เอ็ม !!”

“จ๋าจ๊ะ” ดูที่ยังกวนไม่เลิก

“ไม่คุยด้วยแล้ว งอน !!” ขอเชิดใส่หน่อยเหอะ ถึงแม้รู้ว่ามันไม่ได้น่ารักอะไร และรู้ว่าตัวเองทำไปก็ไม่ได้ดูดีขึ้น แต่เขาบอกว่าเราจะงอนและน้อยใจกับคนที่เราให้ความสำคัญมากๆเสมอ .. และนี่คงเป็นเหตุผลที่หญิงแอบน้อยใจพี่เอ็มในครั้งนี้ ..




“น้องหญิงครับ” พี่เอ็มเรียกหญิงเสียงใส แต่หญิงไม่หันไปมองหรอก ..

“น้องหญิง” พี่เอ็มเรียกอีกครั้ง พร้อมกับการสัมผัสของมือพี่เอ็มที่มือของหญิง หญิงหันไปมองด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมีของเล็กๆสีเงินเกลี้ยงเกลากำลังสอดเข้าไปที่นิ้วนางของหญิง ..




“อะไรกันพี่เอ็ม” หญิงถามไปอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“แหวนไง ดูไม่ออกเหรอ” พี่เอ็มมาหน้ายิ้ม

“ดูออก แต่มันหมายความว่าอะไร” หญิงพูดไป น้ำตาก็เริ่มจะเอ่อล้นที่เบ้าตา ยากจะอธิบายกับภาพและความรู้สึกในตอนนี้

“พี่จองแล้วนะ ห้ามให้ใจคนอื่นอีก” พี่เอ็มบอกมายิ้มๆ ก่อนที่หญิงจะน้ำตาไหลอาบแก้ม ของขวัญที่หญิงเตรียมมาวันนี้ให้พี่แก ยังไม่รู้สึกดีเท่าของเล็กๆ และคำพูดที่พี่แกบอกตอนนี้เลย  แอบโกรธตัวเองที่พาลน้อยใจไม่ได้เรื่อง เกือบทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว ..





ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางความรักหลากสีที่เกิดขึ้นในวงจรชีวิตของเราสองคน จะมีความรักของหญิงกับพี่เอ็มที่ไมได้หวือหวา ไม่ได้ท้าทายและไม่ได้แปลกใหม่อะไร เราสองคนเริ่มต้นจากคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง จากคำว่าเพื่อนของเพื่อน จนกลายมาเป็นคนรู้จัก และตกท้ายด้วยคนรู้ใจ ..




แม้ว่าโลกจะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ วัฒนธรรม สิ่งต่างๆอาจมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เราก็ยังคงยึดมั่นและถือมั่น เชื่อว่าถ้ารักกันต้องรอได้ และถ้ารักกัน ต้องไม่เอาอะไรมายึดติด




วันนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งหนึ่งของชีวิตรักครั้งนี้ แหวนวงน้อยที่นิ้วนางข้างซ้ายจะเป็นเครื่องหมายย้ำเตือนว่าเราเป็นของกันและกัน โดยไม่ได้เกิดจากการเอาสัมพันธ์อื่นมาผูกมัด สิ่งของแม้ว่าจะไม่ได้มีค่าราคาสูง และแม้ว่าไม่ได้เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความมั่นคง .. แต่มันก็ช่วยเตือนเราว่ายังไงซะ เราก็จะมีกันอยู่แบบนี้ ..




“สุขสันต์วันแห่งความรักนะน้องหญิง พี่รักน้องหญิงนะครับ สัญญาว่าจะดูแลน้องหญิงตราบเท่าที่เรายังอยากดูแลซึ่งกันและกัน”


“อย่ามาทำซึ้งนะ เดี๋ยวร้องหน้าเละ อุตส่าห์กรีดตามา ฮือๆ ” ไอ้พี่เอ็มบ้า มาทำซึ้งอะไรเอาวันนี้ หญิงอยากจะสวยทั้งวัน ดูสิหน้าเละหมดแล้ว



“โห เละอย่างนี้จะหอมแก้มได้ไงเนี่ย”

“แล้วใครบอกว่าจะให้หอมละ อย่ามาเนียนนะ”

“ไม่ให้ได้ไง สวมแหวนแล้วต้องจูบสิ”

“พอเลย ไม่ได้ขอแต่งงานซะหน่อย”

“หรือจะแต่งงานเลยละ พี่อยากเข้าหอจะแย่ละ กิจกรรมตอนเข้าหอเค้าทำอะไรกันน้า ...”




“ไอ้พี่เอ็ม ไอ้ทะลึ่ง ไอ้หื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ..”



.

.

.





เสียงประตูเปิดตรงเวลาแบบเดิมทุกๆเช้า พร้อมกับนางพยาบาลที่ถือแฟ้มอะไรในมือพร้อมกับอุปกรณ์วัดอะไรหลายอย่างที่จะมาตรวจผม .. ผมนอนอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้  แต่ผมก็เริ่มคุ้นเคยกับที่นี่อย่างบอกไม่ถูก วันนี้นางพยาบาลคนเดิมก็เข้ามาอีกแล้ว แต่ที่แปลกไปนั้น เธอกลับถือดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกมาด้วย ..


ผมยิ้มทักทายเธอไป อยากจะพูดทักทายใจแทบขาด แต่ระบบประสาทสั่งการไป ปากกลับไม่พูดตามที่สั่งนั่น .. นางพยาบาลเดินเข้ามาเอาดอกกุหลาบไปปักแทนที่ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเต็มทีที่ข้างเตียงผม ก่อนหันมายิ้มให้




“วันนี้วันวาเลนไทน์ค่ะ สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะคุณเดช” เธอบอกผมแบบนี้ .. นี่วันแห่งความรักแล้วเหรอเนี่ย นอนอยู่ที่นี่จนลืมวันไปเลยเหรอเรา .. ผมยิ้มให้กับนางพยาบาลอีกครั้งแทนคำขอบคุณของดอกไม้ที่นำมาให้ เธอวัดไข้ผมแล้วจดรายละเอียดต่างๆลงแฟ้มอย่างเคยชิน เช่นเดียวกับผมก็อ้าปาก ยกมือยกไม้ตามสเต็ปที่ทำมาทุกๆวันอย่างคล่องแคล่ว

“เดี๋ยวตอนบ่ายคุณหมอเข้ามาตรวจนะคะ วันนี้ทำตัวดีๆหน่อยละ หมอจะได้ให้กลับบ้านไวๆ” นางพยาบาลบอกผมแบบนี้มาตลอดทุกครั้งที่เธอจะออกจากห้องไป และเธอก็ได้รับรอยยิ้มเล็กๆจากผมไปเช่นกัน



การเป็นเจ้าชายนิทราว่าทรมานแล้ว แต่การตื่นมาแล้วสื่อสารทางวาจากับคนทั่วไปไม่ได้นี่ช่างทรมานกว่า หมอบอกว่าผมต้องใช้เวลาในการเชื่อมต่อเส้นประสาทต่างๆของร่างกาย เนื่องจากผมหลับไปนาน เส้นประสาทบางเส้นได้ตายไป เพราะไม่ได้ใช้งาน ต้องรอมันสร้างเซลล์ใหม่ เพื่อให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ


ทุกวี่วันผมจะพยายามพูดให้ออกเสียง ขยับปากเพื่อลองดูว่าตัวเองกลับมาปกติหรือยังไปพร้อมๆกับการทำกายภาพบำบัด ให้ตัวเองกลับมาเดินเหินได้อย่างคนทั่วไป




เสียงประตูถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนใบหน้าของเพื่อนผมที่มาในเวลาเดิมทุกวันจะเดินเข้ามา

“ตื่นไวนะมึง” ไอ้โป้ทักผมมา มันจะมาหลังนางพยาบาลเข้าตรวจผม พร้อมกับโจ๊กหมูถ้วยหนึ่งทุกเช้าเสมอ มันเคยบอกผมว่า ถ้าไม่มีผม คนที่นอนอยู่ตรงนี้คงเป็นมัน ดังนั้นมันจึงไม่อยากรู้สึกผิด อยากมาดูแลผมเท่าที่จะดูแลได้

“กินโจ๊กก่อน ร้อนๆเลยมึง” มันพูดพร้อมกับเทโจ๊กลงในถ้วยใบเดิมที่มันใช้ป้อนโจ๊กให้ผมทุกวี่วัน ผมอยากจะตักโจ๊กกินเองเหมือนกัน แต่แขนยังอ่อนแรงเกินไปที่จะจับช้อนป้อนเองได้

“วันนี้วันแห่งความรักมึงรู้หรือยัง ทั้งเมืองเต็มไปด้วยดอกกุหลาบเลยวะ อ้าว นี่มึงก็ได้แล้วนี่ เร็วกว่ากูอีกนะ” มันพูดบอกผม ก่อนที่จะหันไปเห็นดอกกุหลาบที่นางพยาบาลเอามาเสียบไว้ให้ ผมยิ้มชอบใจในคำพูดของมัน

“นางพยาบาลคงติดตรึมสินะมึงเนี่ย เดี๋ยวเมียมึงมาเห็นเข้าแล้วจะน้อยใจ กูไม่รับผิดชอบนะเว๊ย” นั่นไง ไอ้โป้พูดให้ผมเครียดอีกแล้ว หน้าเริ่มถอดสีเลยผม จะเอาไปทิ้งก็เสียน้ำใจ จะเอาไว้ก็กลัวไอ้โอ๊ตจะเคือง

“ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นเว๊ย ไอ้โอ๊ตไม่ขี้หึงขนาดนั้นหรอก” มันพูดพร้อมกับป้อนข้าวให้ผมไปด้วย

“ป่านนี้คงวิ่งซื้อของให้มึงวุ่นวายละ ไม่รู้ว่ามันจะซื้ออะไรให้มึง ไมได้ถามซะด้วย” ไอ้โป้เล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้

“แต่กูนี่สิ ยังไม่รู้จะซื้ออะไรให้น้ำมนต์เลย คิดไม่ออกจริงๆวะ จะซื้อดอกไม้ให้ กูก็เคยให้มันแล้วตอนวันงานวิทยาลัยมัน ถ้าให้แบบเดิมก็ไม่เท่อีก ตุ๊กตามันก็ไม่ชอบ งานฝีมือกูทำไม่เป็น นี่ถ้ามันรู้ว่ากูไม่มีอะไรให้มันนะ .. มันคงงอนกูตายแน่ๆ” ไอ้โป้เล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟังไปเรื่อยๆ เรื่องมันบ้าง เรื่องคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง .. ผมยังรู้สึกว่าผมได้รู้เรื่องราวของคนอื่นก็เพราะมันนี่แหละ มีบางวันมันก็มาบ่นเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองให้ผมฟัง ผมก็พลอยเครียด อยากออกจากโรงพยาบาลไปปิดถนนประท้วงกับเขาเหมือนกัน






“ฮัลโหล ว่าไงมึง” ไอ้โป้รับโทรศัพท์ครับ

“อ๋อเหรอ เออๆ ได้ๆ เดี๋ยวกูบอกมันให้ เสร็จธุระแล้วรีบมาละ” มันพูดอีกประโยคก่อนจะกดวางสายไป



“ไอ้โอ๊ต บอกว่าวันนี้จะเข้าช้าหน่อย มีธุระ” ไอ้โป้บอกผมมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ

“มึงอยู่คนเดียวได้ใช่มั๊ย เพราะกูต้องไปรับน้ำมนต์แล้ว” และก็พูดขอตัวผม ผมพยักหน้าให้มันเล็กน้อย ก่อนที่มันจะเดินจากห้องไป

“ยังไงก็สุขสันต์วันแห่งความรักนะ ไอ้เพื่อนรัก” ก่อนที่มันจะเดินออกจาห้องมันยังหันมาบอกผมพร้อมกับโบกมือให้หนึ่งที ผมยิ้มให้กับกิริยาของมัน





เหลือผมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆแค่ห้องนี้อีกแล้ว ปกติเวลานี้ไอ้โอ๊ตจะมาหาผมหลังจากไอ้โป้ออกไปแค่ไม่นาน แต่พอรู้ว่ามันมีธุระ ผมก็เลยไม่อยากตั้งหน้าตั้งตารอมากนัก ..

สำหรับผมวันวาเลนไทน์ปีนี้มันมาแบบไม่ทันตั้งตัวนัก ผมยังไม่พร้อมที่จะทำอะไรให้มันเลย และก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากมันด้วย แค่ในทุกๆวันมีมันอยู่ข้างๆก็ค่อนข้างจะพอใจแล้ว .. แต่ตอนนี้หัวใจกลับดูเหงาๆชอบกล แค่มันมาผิดเวลาแค่นี้ ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดในใจ หรือจริงแล้วผมให้ความสำคัญกับวันนี้ .. ผมอยากเจอมันในวันนี้ ผมอยากอยู่กับมันในวันนี้


วันที่ใครหลายคนต่างให้ความสำคัญกับความรักกันแน่นะ .. แท้จริงแล้วนั้นผมก็ยากจะคิดว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่ เพียงแค่บางทีอยากต้องการไออุ่นจากกายมันแค่นั้นกระมัง ..




เวลาล่วงเลยจากเวลาเดิมที่มันเคยมามากพอสมควร ดีที่มีนางพยาบาลมาช่วยยกตัวผมให้มานั่งบนรถเข็น และให้มามองวิวข้างล่างจากตึกสูงตึกนี้ .. ภายในห้องพักของผมที่มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เพียงแค่เปิดม่าน โลกนอกกรอบสี่เหลี่ยมก็กว้างขึ้น

วันนี้เหมือนวันที่โลกเต็มไปด้วยภาพแห่งความรักจริงๆ ดอกกุหลาบสีแดง ชมพู เต็มท้องถนนไปหมด ผู้คนถือช่อดอกไม้กันขวักไขว่ .. ความรักนี่มันทำให้โลกสวยงามจริงๆ .. ผมเชื่อแล้ว


ยิ่งผมมองเห็นคนรักกันมากๆ ผมก็ยิ่งคิดถึงมัน อารมณ์ขี้อิจฉาคนอื่นนี่เกิดจากการเห็นคนอื่นได้ คนอื่นมีนั่นคงจริง ทำไมนะไอ้สมองบ้านี่ ทีเรื่องอย่างอื่นแล้วคิดแล้วจำและทำไม่ได้ แต่พอเรื่องของมันแค่เล็กน้อย มึงกลับรู้สึกทุรนทุราย ..


หรือแท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะสมอง .. แต่เป็นส่วนของหัวใจ





เสียงประตูเปิดขึ้น พร้อมกับใบหน้าของคนที่กำลังคิดถึง ผมใช้แรงที่พอมีเล็กน้อยหมุนรถเข็นไปมองหน้ามัน มันยิ้มมาเล็กน้อย พร้อมกับข้าวของในมือที่ถือมาอย่างพะรุงพะรัง .. หน้าตาผมตอนนี้คงไม่มีรอยยิ้มอะไรมาก มีเพียงแค่ความสงสัย สมองสั่งให้ปากทำงาน เพื่อพูดถามคำถามที่อยากถามขึ้นทันที ..







“ไปไหนมา คิดถึงรู้มั้ย”



.

.

.



ภาพของช้างน้อยที่ชะเง้อคอรอคอยผม ดูเป็นอะไรที่ผมมองอยู่เกือบห้านาทีกว่าๆแล้วเห็นจะได้ ก็วันนี้ผมนัดเจอเธอที่จุดนัดพบแห่งหนึ่ง เธอมาก่อนนัดเกือบสิบนาที เช่นเดียวกับผมที่มาก่อนนัดเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ไม่ได้ไปรอตรงจุดนัดพบแต่อย่างใด ผมเลือกที่จะแอบอยู่ในมุมหนึ่งเพื่อแอบมองเธอ

เมื่อถึงเวลานัดเธอก็เริ่มมองว่าผมจะไปถึงเมื่อไหร่ โทรมาสองสามครั้งผมก็บอกว่าจะถึงแล้วๆ น้ำเสียงของเธอจากใสๆ กลับดูขุ่นเคืองในตอนท้ายๆ แล้วนี่ผมจะมายืนแอบอยู่ตรงนี้ทำไมกันนะ ..


ก็จะให้ผมทำไงกับไอ้ดอกกุหลาบช่อโต ที่ผมอุตส่าห์ตื่นไปตลาดโต้รุ่งเพื่อไปเหมามาทั้งกำร้อยกว่าดอกนี่ละครับ ใจอยากถือไปให้เธอยิ้มแป้นดีใจ แต่ตอนนี้ดันไม่กล้าเอาซะงั้น .. การแสดงความรักนี่มันไม่ได้ง่ายเลยนะครับ ใครไม่เคยเขิน แสดงว่าคุณขาดรสชาติของการทำความรู้จักกัน ..

เขาบอกกันว่า ถ้าเรารู้จักกันมากๆ ความเขินเราจะลดน้อยลง .. มันคงจริงนะครับ ความกล้าทำให้เราได้เรียนรู้กัน .. แต่ตอนนี้ทำไมผมป๊อดชิบหาย .. แค่เดินไปไม่กี่ร้อยเมตร แค่ยื่นช่อดอกไม้ช่อโตนี้ให้ ทำไมผมทำไม่ได้นะ ..







“ฮัลโหลพี่บ่าว” เธอโทรมาอีกครั้งครับ และแน่นอนผมก็รับมันทันทีเหมือนกัน

“ครับ น้องช้างน้อย” ผมแสร้งทำเสียงปกติไป

“อยู่ไหน ทำไมยังไม่มา ช้างน้อยรอนานแล้วนะ” ผมเหลือบมองเธอ เห็นเธอชะเง้อมอง โถๆ น่าสงสารจริงๆแฟนผม

“พี่ใกล้ถึงแล้ว รถมันติด” ผมบอกไป

“รถติดอะไร ถนนออกจะโล่ง ตอนนี้โรงเรียนเข้าหมดแล้วนะ พี่แอบอยู่แถวนี้ใช่มั๊ย” ช้างน้อยเริ่มแผดเสียงมาอย่างสงสัยแล้วครับ

“บ้า .. พี่จะอยู่แถวนี้ทำไม ช้างน้อยมั่วแล้ว” ผมเริ่มใจสั่นรัวหมดแล้วครับ เหมือนคนกำลังทำความผิด แล้วกำลังจะถูกจับได้ ทันใดนั้นช้างน้อยก็หันมาทางผม ผมหลบเข้ามุมควับ อย่างทันที หวังว่าเธอคงยังไม่เห็นนะ ..

“แล้วทำไมพี่มาช้าจัง ช้างน้อยรอนานแล้วนะ” เสียงเธอเริ่มแผ่วเบาลง อารมณ์คงดีขึ้นบ้างแล้ว

“ก็ ก็ .. เอ่อ ..” ตอบอะไรไปดีนะเนี่ย

“พี่บ่าวเขินอ่ะดิ”

“บ้า .. เขินอะไร ช้างน้อยมั่วอีกแล้วนะ อย่างพี่เหรอจะเขินกับเค้า” ผมพูดพร้อมกับเอาหลังพิงกำแพง ที่ๆผมยืนอยู่เป็นเหมือนกับมุมถนน เราสองคนยืนเป็นมุมฉาก ผมพยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้ตื่นเต้นน้อยลง เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนอะดีนาลีนในตัวกำลังพุ่งปรี๊ด เริ่มจะคิดอะไรไม่ทันแล้ว

“ช้างน้อยรู้นะว่าพี่เขิน” ช้างน้อยยังไม่หยุดพูดเรื่องขงเขินครับ

“เขินอะไรกัน” ผมก็ยังไม่เลิกปากแข็ง

“ยอมรับมาเถอะว่าเขิน” นั่น ยังยัดเยียดอีก

“เออ เขินก็เขิน ก็ให้ทำไงละ คนมันไม่เคยนี่ ดอกไม้ซักดอกก็ไม่เคยให้ใคร แล้วนี่เป็นร้อยดอก ไม่เขินก็บ้าแล้วละ เอ๊ยย”

“ฮ่าๆๆ หลุดปากมาแล้ว แถมยังบอกด้วยว่าจะให้อะไรช้างน้อย” นั่น ดูสิ ช้างน้อยหัวเราะชอบใจใหญ่ เสียเชิงแล้วเรา

“เฮ้ออ พี่ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะ แต่พี่เขินจริงๆ พี่ไม่ได้กลัวใครมองไม่ดี ไม่ได้แคร์สายตาคนอื่น แต่พี่แค่ไม่กล้าจริงๆ” ทำไมผมป๊อดแบบนี้นะ ทำไมตอนแรกถึงกล้าขอช้างน้อยเป็นแฟน แต่ตอนนี้กลับป๊อดไม่เป็นเรื่อง อยากเอาหัวตัวเองโขกกับกำแพงที่พิงอยู่จริงๆ

“ไม่เป็นไรครับ แค่มีพี่บ่าวอยู่ตรงนี้ ช้างน้อยก็โอเคแล้ว”  ช้างน้อยบอกเสียงมาทางโทรศัพท์ แต่เสียงนั้นกลับได้ยินชัดกว่าทางช่องรับเสียงของมือถือเครื่องนี้



ไม่เพียงแค่เสียงที่ชัดเจนขึ้น แต่กลับมีมืออุ่นๆที่สัมผัสเข้ากับมือผมตอนนี้ กำแพงมุมฉากตรงที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ มีอีกคนหนึ่งยืนอยู่อีกด้านประกอบฉากอีกด้านอยู่ ..


มืออุ่นๆที่คุ้นเคย ที่เคยจับในหลายๆครั้งที่ดูหนัง หลายๆครั้งที่เดินเที่ยว หลายๆครั้งที่นั่งเล่นก็อยากจับมือไว้ด้วยกัน ไอจากมืออุ่นๆที่สัมผัสรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของคนที่จับ .. ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่เขิน อีกคนก็ไม่น้อยเลย




“สุขสันต์วันแห่งความรักครับน้องช้างน้อย พี่รักช้างน้อยนะ” ผมพูดผ่านโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้วางในตอนนี้ ช่อดอกกุหลาบที่พิงกำแพงไว้ ก็ยังคงพิงอยู่แบบนั้น

“สุขสันต์วันแห่งความรักครับพี่บ่าว ช้างน้อยก็รักพี่บ่าวนะ”






จริงอย่างที่เขาบอกครับ ตอนที่บอกรัก ไม่ได้รู้สึกดีเท่ากับตอนที่อีกคนบอกรักตอบ คำว่ารักคำเดียวธรรมดามีผลต่อการเต้นของหัวใจคนเราได้มากมาย  คนที่หมดแรงมีแรงลุกยืนต่อด้วยคำๆนี้ คนที่แพ้พ่ายทุกสิ่งอย่าง จะรู้สึกว่าตัวเองยังชนะบ้าง ถ้ามีใครสักคนเคียงข้างและพูดคำนี้ .. คนอย่างผมคงไม่ต่าง อาจนิยามไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร .. แต่ทุกอย่างมันอบอวลอยู่ข้างใน ..




ภาพของมุมถนนยังคงมีรถสัญจรไปมา มุมหนึ่งเป็นเด็กช่างเสื้อช็อบยืนพิงกำแพงพร้อมช่อดอกไม้ข้างกาย มุนหนึ่งก็คงเป็นเด็กศิลป์ตี๋น้อยน่ารักกับกล่องของขวัญในมือ ..



แต่ทั้งสองด้านนั้น กลับเชื่อมต่อกันด้วยมือที่จับไว้ ..





.

.

.

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 14-02-2012 00:33:55
.

.

.





“ชิบหายละ” มือผมหยิบมือถือขึ้นมาดูแบบเพลียๆ แต่กลับต้องมาสะดุ้งโหยงเอากับเลขนาฬิกาข้างหน้า นี่ผมไปกดนาฬิกาปลุกตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ สายแล้วๆ ผมต้องไปโรงพยาบาลสายแน่ๆ

โอ๊ยยย แล้วเนี่ยเราหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ยังทำของที่จะให้ไอ้เดชไม่เสร็จเลย ตายแน่ๆกู ไอ้โป้ยังอยู่โรงพยาบาลไหมวะ โทรไปบอกมันให้บอกไอ้เดชดีกว่าว่าจะไปสาย ..




เฮ้อ .. วุ่นวายไปหมด





ก็จะไม่ให้วุ่นวายได้ไงละครับ กว่าจะคิดได้ว่าจะให้อะไรไอ้เดชในวันวาเลนไทน์ปีนี้ ก็เหลือเวลาไม่ถึงวัน แล้วที่ต้องทำเป็นงานฝีมืออีก เล่นเอาผมปั่นงานแทบไม่ทันเลย แล้วนี่ก็ยังไม่เสร็จอีกนะ เมื่อคืนเพลียจัดหลับคางานเลย ผมรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว และออกมาเก็บงานเล็กน้อย นี่ขนาดเล็กน้อยก็ปาไปเกือบชั่วโมง .. ป่านนี้ไอ้เดชจะยังไงบ้างละเนี่ย .. จะอยู่คนเดียวได้ไหมวะ ไอ้โป้คงอยู่ด้วยได้ไม่นาน ยังไงวันนี้มันก็ต้องไปหาน้องน้ำมนต์ .. โอ๊ยยย ไหนต้องไปเอาดอกไม้ที่ร้านอีก คนละทางกับไปโรงพยาบาลเลย .. ฮ่วยยยย






แต่แล้วผมก็ถึงโรงพยาบาด้วยสภาพที่ยุ่งเหยิง ของที่ทำให้ไอ้เดชถือมือซ้าย ดอกไม้ที่ไปรับมาถือมือขาว อาหารเที่ยงของไอ้เดชก็ถือทั้งสองมือสลับไปมา ผลไม้ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ตอนค่ำก็หอบมาที่โรงพยาบาลหมด ไม่เข้าใจว่าจะรีบหอบมาทำไม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง นางพยาบาลต้อนรับที่เคยแอบมองและยิ้มให้ผมทุกครั้งยังตกใจกับสภาพที่เห็นวันนี้ ..




ไม่สนใจแล้วครับ รีบกดลิฟต์ขึ้นไปห้องไอ้เดชอย่างไว ป่านนี้น้อยใจไม่ร้องไห้โฮแย่แล้วเหรอเนี่ย คิดไปนั่นผม เปิดประตูห้องคนป่วยเข้าไป ก็เจอว่ากำลังนั่งรถเข็นมองวิวห้องอยู่  พอได้ยินเสียงประตู ผมก็ไอ้เดชใช้มือตัวเองออกแรงให้รถหมุนมาทางผม คงใช้แขนได้บ้างแล้วสิ .. ผมยิ้มให้มันทันทีที่มันหันหน้ามา .. แต่ใบหน้าของมันกลับไมได้ยิ้มอย่างที่ผมหวัง มันคงโมโหที่ผมมาสาย สายตาดูออกว่าไม่พอใจ .. ผมเลยทำท่าจะเดินเข้าไปหามันเพื่อนขอโทษมันที่มาช้าวันนี้







“ไปไหนมา คิดถึงรู้มั๊ย”







ขายังไม่ทันจะก้าวออกไป ก็ก้าวไม่ออกเสียอย่างงั้น  น้ำเสียงของคนที่ไม่ได้ยินมานาน พูดมาด้วยหน้าตาจริงจัง เล่นเอาผมตั้งตัวไม่ทันจริงๆ มือไม้อ่อนข้าวของที่ถือมาหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง น้ำตาไหลอาบสองแก้ม





“มึง มึงพูดได้แล้ว ..” ผมพูดไปมือป้องปาก เหมือนไอ้เดชจะรู้สึกตัวได้ ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดออกมาเป็นเสียง หน้าตามันเหมือนงงกับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น


“พพพพพพพพพ พุ พูด” เสียงของมันเปร่งออกมาอย่างช้าๆ พร้อมใบหน้าที่ยืนยันได้ว่ามันพูดได้แล้ว ผมรีบวิ่งเข้าไปนั่งกอดมันไว้ทั้งน้ำตา มันเองก็ค่อยๆเอามือมาโอบกอดผมไว้อย่างหลวมๆเช่นกัน ..




ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ของขวัญมากมายที่ทำมาไม่สำคัญอะไรเท่ากับคนๆนี้อีกแล้ว ไม่มีอะไรที่ผมอยากได้เพิ่มเติมจากคนนี้ๆ ขอแค่คนนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่รักผมแบบเดิม และบอกว่ารักผมได้แบบเดิมก็พอ





“เดช กูรักมึงนะ ”  ไม่รู้ว่าบอกมันไปกี่ครั้งแล้ว แต่ก็ยังอยากจะบอกมันซ้ำๆอีก หวังแค่ให้มันรับรู้ และบอกผมได้แบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง ..






“กู .. กู .. กูก็ .. รักมึง .. โอ๊ต”





.

.

.






บรรยากาศตอนเย็นของวันนี้ ดูแตกต่างจากตอนเช้าซะเหลือเกิน ร่องรอยของดอกไม้เหี่ยวเฉามีร่วงโรยตามพื้นดิน เศษกระดาษห่อของขวัญ เปลือกของช็อกโกแลตเต็มถังขยะล้นออกมาตกลงข้างๆ ผมได้รับดอกไม้ ขนม ของอื่นๆอีกเล็กๆน้อยจากเพื่อนในสาขา จากแพร จากหญิง จากช้างน้อย และมีรุ่นพี่คนอื่นๆที่แอบปลื้มผมมาเล็กน้อย ..






“ได้ของเยอะเชียว” นายปีโป้ทักผม เมื่อเจอกันตอนเย็นที่ร้านป้าตามสั่ง

“ก็คนมันมีคนรักเยอะ” ผมพูดอวดไป นายปีโป้เอื้อมมือมาช่วยถือของให้ วันนี้ป๊ากับแม่นายปีโป้ชวนผมไปทานข้าวด้วย นายปีโป้เลยมารับผม ตลอดทั้งวันผมเพิ่งจะได้เห็นหน้านายปีโป้ก็ตอนนี้แหละ ไม่รู้ไปหลบหัวอยู่ไหน ไม่เห่อวันแห่งความรักกับเค้าบ้างเลยหรือไงเนี่ย ...




ใช่สิ , ได้เป็นแฟนแล้วนี่ .. ให้กับไม่ให้ก็ค่าเท่ากัน




นายปีโป้พาผมมาเดินขึ้นรถ วันนี้เจ้าตัวพารถยนต์ของพ่อมาครับ

“ทำไมเอารถยนต์มาละวันนี้” ผมถามอย่างสงสัยก่อนที่เจ้าตัวจะปลดล็อครถและเดินเวียนไปขึ้นรถอีกด้าน ผมเลยเปิดประตูเข้าไปในรถ พอมองไปข้างหลังถึงได้พบคำตอบว่าทำไมวันนี้ต้องเอารถยนต์มา



“ก็คนมันมีคนรักเยอะ !!!” ประโยคเดียวกับที่ผมพูดไปเมื่อกี้ ตอนนี้แทบกลืนน้ำลายไม่ลง ก็จะอะไรละครับ พอมองไปข้างหลังรถ เจอกับกองกล่องของขวัญ ช่อดอกไม้ ช็อกโกแลตเยอะแยะมากมาย กองโตกว่าของผมที่นายปีโป้หอบมาสามสี่เท่า ..

“หึหึ นี่ขนาดมีแฟนแล้วนะ” ผมพูดออดไปลอยๆ

“นั่นนะสิเนอะ .. ถ้าไม่มีกูคงต้องเอารถบรรทุกมา” ดูครับดู ยกหางแล้วขี้ทันที

“วันนี้ทำไมไม่มาหาเลย” เริ่มหงุดหงิดครับ เลยยิงคำถามใส่ไปเลย นายปีโป้ก็เหมือนรู้ครับ ว่าผมไม่พอใจ ขับรถไปอย่างยิ้มๆ

“ยังไงตอนเย็นก็ได้เจออยู่แล้ว จะมาหาอีกทำไม” ดูที่ตอบมาครับ

“ใช่สิ อยู่วิทยาลัย สาวๆจะได้เอาของขวัญมาให้ละสิ  ชิ!!” พูดแล้วก็หมั่นไส้

“อยู่แล้ว นี่กูยังเวียนไปรอรับของยังไม่ครบทุกโรงเรียนในเมืองเลยนะเนี่ย  เชอะ !!”





พอ , ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยแล้ว น้อยใจจริงๆ มีแฟนก็มีไม่เหมือนชาวบ้านเค้า เจ้าเล่ห์ เพลย์บอย ขี้เก็ก ขี้อวด โอ๊ยย เยอะแยะไปหมด .. แต่ทำไมเรายังรักยังชอบได้นะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ




“โกรธเหรอ?” นายปีโป้เหมือนรู้ว่าผมไม่พอใจ ถามพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งมาจับมือผมไว้เบาๆ

“ขับรถไปเลย ไม่อยากคุยด้วยแล้ว”

“ฮ่าๆๆ งอนใหญ่ละ ไหนละของขวัญของพี่ปีโป้ จะไม่ให้พี่หน่อยเหรอ” ดูที่ดีอกดีใจที่ผมงอน แถมยังจะกล้ามาทวงของขวัญอีก


“ไม่มี ไม่ให้”

“ตกลงมี หรือไม่มี”

“มี .. แต่ไม่ให้” อยากเปิดกระจกรถขว้างทิ้งลงเสียจริงๆเลย เสียแรงที่อุตส่าห์นั่งทำหลังขดหลังแข็ง

“เป็นไรเนี่ย ทำไมวันนี้เหวี่ยงจังเลยแฟนเรา” โอ๊ยย นายปีโป้มันกวนประสาทผมจริงๆนะครับ ดูทำหน้าทำตาเข้า จะแกล้งกันไปถึงไหนเนี่ย .. เดี๋ยวก็งอนจริงซะหรอก ..









ตลอดทางกลับบ้านนายปีโป้ก็ยังยียวนกวนประสาทผมได้เรื่อยๆ หยอกผมไปขำไป ใกล้จะเสียสติเข้าเต็มทีแล้ว แต่ก็ยังดีที่มาถึงบ้านได้อย่างสวัสดิภาพ

“มากันแล้วป๊า” ผมได้ยินเสียงแม่ของนายปีโป้ตะโกนบอกป๊า

“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับป๊า” ผมยกมือไว้แม่กับป๊า

“สวัสดีจ๊ะลูก เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลย ผอมลงไหมเนี่ย” แม่นายปีโป้ทักทายผม เอามือมาจับไม้จับมือ โอบตัวผมเข้าไปกอด

“นิดหน่อยครับแม่ ช่วงนี้งานเยอะ เลยนอนดึกไปหน่อย” ผมตอบไปพร้อมกับยิ้มให้

“งั้นมาอยู่กับแม่สักสองสามวัน เดี๋ยวแม่ขุนให้อ้วนเหมือนเดิม ดีมั้ยป๊า” แม่พูดกับผมก่อนจะหันไปคุยกับป๊า

“ดีเลยๆ ดีมั้ยตาหนู” ส่วนป๊าก็พูดกับแม่ ก่อนจะหันไปคุยกับนายปีโป้ที่ยืนยิ้มมาตั้งแต่ในรถ

“ดีครับพ่อ ให้เด็กขี้งอนหายงอนซะที”

“ใครงอนใครลูก” แม่ถามขึ้นทันที

“แม่ก็ถามลูกแม่ที่กอดดูสิครับ ว่างอนอะไรหนูอยู่” นายปีโป้ซัดมาทางผมละ แม่กับป๊าหันมามองผมตาเดียว

“โห คุณหนูโป้คะ ทำไมได้ของเยอะแบบนี้ละคะ นี่ในห้องไม่มีที่เก็บแล้วนะคะเนี่ย” แต่ไม่ทันได้ตอบ เสียงของป้าแดงที่เดินหอบข้าวของของนายปีโป้ดังเข้ามาแทรกเสียก่อน

“ป้าเอาพวกตุ๊กตาไปไว้ในห้องนะครับ เอาดอกไม้ไปปัก ส่วนพวกขนมเอาไปแบ่งกันทานนะครับ” นายปีโป้หันไปบอก ก่อนที่ป้าแกจะยิ้มและเอาไปจัดการอย่างที่นายปีโป้ว่า

“นี่ขนาดมีแฟน ของขวัญยังไม่ลดเลยนะ ลูกชายป๊า” ป๊าพูดขึ้นมา

“จะให้ทำยังไงละป๊า ก็คนมันฮอตนี่” แต่นายปีโป้ตอบพร้อมกับทำหน้ากวนมาทางผม

“อ๋อ เพราะแบบนี้นี่เอง หนูน้ำมนต์ถึงงอน ผู้ชายก็แบบนี้แหละลูก เจ้าชู้ เชื่อไม่ได้”

“แต่น้ำมนต์ก็ผู้ชายนะแม่” ผมย้อน

“อุ๊ย แม่ลืมไป เอาเป็นว่าป๊ากับตาหนูโป้แล้วกัน แม่ว่าเราไปนั่งคุยกันเถอะ แม่อยากคุยกับหนู ไปๆ อย่าไปสุงสิงกับสองคนนี้เลย” แม่พูดพร้อมกับเดินลากผมตามแม่ไป มีรอยยิ้มจากนายปีโป้และป๊าส่งมาให้ปลายทาง





เป็นแบบนี้ทุกทีสินะแม่ ..

.

.

.



“อิ่มมั๊ยวันนี้” ผมถามพร้อมกับโอบกอดเจ้าดวงใจผมไว้เบาๆ ขณะที่เราสองคนกำลังยืนเล่นชมจันทร์อยู่ที่ระเบียงกระท่อม

“ไม่ต้องมากอดเลยนะ” รายนี้ยังไม่หยุดงอนครับ ทำเป็นสะดีดสะดิ้งเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่น้ำมนต์ทำไม่น่ารักนะเนี่ย

“ยังไม่หายงอนกูอีกเหรอเนี่ย” ผมกอดไว้แน่นๆ เพื่อไม่ให้มันหลุดจากพันธะใดๆของผม แต่อันที่จริงผมแสนจะคิดถึงมันมากกว่า

“แล้วง้อเราหรือยังละ จะได้หายงอน” ดูครับ ยังไม่หายจริงๆ

“ง้อก็ได้ครับ อย่างอนพี่ปีโป้เลยนะ พี่ปีโป้ขอโทษที่ไม่ได้ไปหาวันนี้” ผมพูดพร้อมกับหอมแก้มนั้นเบาๆ

“ทำไมไม่มา” เสียงที่ถามมาดูห้วนน้อยลง แต่ก็ยังคงไม่เพราะเหมือนน้ำมนต์คนก่อนๆนัก

“อยากให้มึงชิน” ผมตอบไป

“ชิน ? ชินอะไร ?”

“วาเลนไทน์ปีนี้เราอาจจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ปีหน้า ปีหน้าโน่น ปีหน้าหน้าโน่น ปีหน้าหน้าหน้าโน่น กูอาจจะไม่ได้อยู่กับมึง กูไปดูปฎิทินมาแล้วนะ สี่ปีข้างหน้าวาเลนไทน์ก็ยังตรงกับวันทั่วไป แล้วถ้าเกิดวันนี้กูไปหามึง เอาของขวัญไปให้มึง แล้วอีกสี่ปี มึงไม่คิดถึงปีก่อนๆแย่เหรอ กูไม่อยากให้มึงชะเง้อคอรอคอยกู กูกลัวว่าเวลาที่กูต้องไปเรียนกรุงเทพ กูอาจไม่มีเวลาบินมาให้ของขวัญมึงทุกปี กูอยากให้มึงชินกับวาเลนไทน์ที่ไม่ได้เจอกู ..” ผมพูดไปพร้อมกับโอบกอดแน่นเพื่อซึมซับความรู้สึกนั้นไว้ ..






“ทำไมไม่บอกเราตั้งแต่แรก” เสียงที่ถามมาอย่างอ่อนโยนแสดงถึงความเข้าใจที่ผมพูดไป

“ก็ใครกันละที่งอน ไม่ฟังอะไรเลย”

“ก็ทำไมไม่ง้อเร็วๆ คิดว่าเราเข้าใจอะไรยากหรือไง”

“ก็รู้อยู่ว่าเก่ง ก็คิดว่าจะคิดได้เอง”

“แล้วใครจะไปรู้ละ ว่าคนอย่างนายคิดอะไรลึกซึ้งขนาดนี้กับเค้าเป็นด้วย”

“มึงพูดแบบนี้ ด่ากูว่าโง่เลยดีกว่า”

“โง่” นั่นไง มันเอาจริง

“แต่ก็รักนะ .. เด็กโง่” แต่ก็ยังดีที่ยังพูดต่อมา เล่นเอาไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว

“ใครเด็กกันแน่หา ไอ้เปี๊ยกกก” ผมพูดพร้อมกับเอาจมูกตัวเองไปชนกับจมูกมัน

“พูดแบบนี้ต่อยกันเลยมั๊ย”

“โหย ที่ดุนะครับคุณน้ำมนต์”





“ไม่ดุแบบนี้ จะเอาแฟนคนนี้อยู่เหรอ  จุ๊บ”








เขินเลยสิครับ .. ไปไม่ถูกเลย .. อยู่ก็คว้าคอโน้มตัวผมเข้าไปจูมแก้มซะงั้น จะให้ต้องผมบอกพวกคุณอีกสักกี่ทีกันดีละเนี่ย ว่าคนๆนี้ไม่ว่าอยู่ด้วยกี่ครั้งก็ไม่เคยหายตื่นเต้น มักจะมีเรื่องอะไรมาให้ผมใจสั่นเสมอ ยิ่งเรียนรู้ เหมือนยิ่งค้นพบว่าต้องเรียนรู้ ..






“น้องน้ำมนต์รักพี่ปีโป้นะครับ”  ใครก็ได้มาหุบยิ้มผมหน่อย แค่จูบยังไม่พอใช่มั๊ยไอ้ตัวแสบ ยังต้องให้ผมละลายเป็นของเหลวไหลลงทะเลตอนนี้เลยใช่มั๊ย ..



“น่ารักแบบนี้ กูจะเลิกรักได้ไงวะเนี่ย”





หนักใจเหมือนผมไหมครับ , ใครอยากรับน้ำมนต์คนนี้ไปไว้ในอ้อมกอดในช่วงวันแห่งความรักนี้บ้าง .. รับรองว่ารอยยิ้มเล็กๆจะผุดขึ้นบนใบหน้าของคุณแบบไม่รู้ตัว ..  ว่าแล้วก็ไปเอากีตาร์มาร้องเพลงให้มันฟังดีกว่า ..




สุขสันต์วันแห่งความรักนะครับ ..



คือว่าคือ เอ่อ คือว่าวันนี้มัน มีไอเดียมานำเสนอให้กัน
คือว่าเรา อ่า แบบว่ามาอยู่ด้วยกัน อยู่กันไป ไปถึงไหนถึงกัน

ปีสองปี สามปี สี่ปี ห้าปี เราจะมีกันอย่างนี้ได้ไหม
เป็นสิบปี ยี่สิบปีเรื่อยไป ขอให้เธอรับไว้พิจารณา

รู้ฉันมีข้อเสียเต็มไปหมด ไม่มีอนาคตแบบสุด ๆ
ปากก็หมาระรานไม่หยุด แต่ฉัน ฉัน ฉัน ฉัน...

ฉันอยากเห็นเธอทุกวัน เช้า สาย บ่าย ค่ำ
อยากเห็นเธอตอนแก่จัง มันดีที่เราอยู่ด้วยกัน
มันดีอย่างกับฝัน จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่มั้ย

ปีสองปี สามปี สี่ปี หรือห้าปี เราจะมีกันอย่างนี้ได้ไหม
เป็นสิบปี ยี่สิบปี เรื่อยไป ขอให้เธอรับไว้พิจารณา

รู้เธอมีข้อเสียเต็มไปหมด ปี๊ด วีนแตก ขี้งอน แบบฝุดฝุด
สิวก็ขึ้นที่คางไม่หยุด แต่ฉัน ฉัน ฉัน ฉัน...

ฉันอยากเห็นเธอทุกวัน เช้า สาย บ่าย ค่ำ
อยากเห็นเธอตอนแก่จัง มันดีที่เราอยู่ด้วยกัน
มันดีอย่างกับฝัน จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่มั้ย
ถึงไหนถึงกันไปจนแก่นะ มันดีจริง ๆ นะ.




...





สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ เป็นตอนพิเศษที่ยาวมากเท่าที่เคยแต่งมา เพื่อแทนคำขอบคุณ 100 Like fanpage Lungkhao และฉลองให้กับวันวาเลนไทน์ในวันนี้ .. หวังว่าคงจะเต็มอิ่มกันนะครับ .. คิดถึงตัวละคร และก็คนอ่านทุกคนเลย ..


เจอกันใหม่ Like ที่ 200 นะครับ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: changnoy ที่ 14-02-2012 00:52:27
บ๊ะ จัดเต็มจริงไรจริง 555 โคตรซึ้งอะ T^T
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 14-02-2012 01:15:42
หวานสุดๆๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 14-02-2012 01:24:37
เอ๊ะ!!!!
เอกชาติ มันยังไง  ><
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-02-2012 01:58:34
สุขสันต์วันแห่งความรัก :L1:
ชื่นมื่นกันทุกคู่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 14-02-2012 02:48:36
ตอนนี้กดนิ้วให้พี่โป้
อ้างถึง
“เออๆ เข้าใจแล้วๆ แล้วจะให้ช่วยไง มอมยาแล้วข่มขืนดีมั้ย”
ก๊ากกกก ขำอันนี้
พี่โป้ความคิดความอ่านดุโตขขึ้นมาก
น้ำมนต์ก็น่ารักกกก :impress2: :-[

จริงๆใครว่าพี่เอกไม่สำคัญ พี่เอกออกจะน่ารัก
บทก็ออกจะเยอะ อย่าน้อยใจไปเลย โอ๋ๆๆ :กอด1:

ตอนนี้สมหวังกันทุกคู่ แต่คู่ที่กินขาดไม่พ้นคู่หลัก
คนอ่านสำลักความหวานค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 14-02-2012 14:08:22
น่ารักทุกคู่เลย :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: greensnake ที่ 14-02-2012 15:00:37
โห ยาววววมาก สุขใจสุดๆสมกับเป็นตอนพิเศษในวันพิเศษ
มีมาทุกคู่ไม่น้อยหน้ากันเลย แอบซึ้งพี่เดชกับโอ๊ตอ่ะนะ
คู่หลักและคู่อื่นก็หวานๆกันไป แต่แอบสงสัยพี่เอกกับพี่ชาติ
ตอนนี้พี่ปีโป้หวานอย่างมีสาระ ดูใส่ใจในทุกเรื่องจริงๆ
แต่น้องน้ำมนต์ อืมมม เดี๋ยวนี้หนูมีสีสันมากขึ้นนะจ๊ะ :o8:
เค้ายังชอบเลยแล้วปีโป้จะเหลือเรอะ :-[
ตอนหน้าอีก 100 like หรือเนี่ย :serius2: เดี๋ยวไปจิ้มนะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 14-02-2012 15:24:42
ครบคู่อีกแล้ว
น่ารักกันจริงเชียว
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 14-02-2012 15:42:21
 :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 14-02-2012 21:25:16
สุขสันต์วันแห่งความรัก :L2:

หวานทุกคู่ :o8:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-02-2012 21:58:07
พากันมากระจายความหวานนนให้อิจฉา
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 14-02-2012 22:12:20
หวานกันทุกคู่เลยค่า
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: なおみ™ ที่ 14-02-2012 23:54:21
โหหวานกันทุกคู่เชียว หวานกันหลากหลาบรูปแบบ หลากหลายอารมณ์จริงๆ

คุณหลังเขาเขียนเรื่องหวานๆ แบบนี้ให้อ่านในวันวาเลนไทน์ คนโสดอย่างนาโอมิก็แอบเพ้อไปเหมือนกันนะคะเนี่ย

 :จุ๊บๆ: +1 สำหรับความหวานวันวาเลนไทน์ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 15-02-2012 00:54:27
 :กอด1: กอดทุกคู่ หวานมากๆ มากกว่ารักจริงๆ
 :pig4: คนแต่งค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 15-02-2012 02:24:57
พี่บ่าวแอบแรง ไหนตอนแรกบอกว่าโหลนึง ไหงกลายเป็นกุหลาบไปได้หา ><
เขาหวานกันทุกคู่เลย ยังคิดแบบน้ำมนต์ นายหัวโป้คิดแบบนี้ก็เป็นด้วยo.o
เหมาะกันสุดๆแล้ว ทุกคู่เลย ^^
เห็นพี่เอกตัดพ้อแล้วรู้สึกว่ามันไม่จริงซะหน่อย ชอบพี่เอกนะ อยากมีพี่แบบนี้ ขอเป็นพี่ชายนะ ชอบมากกกก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 15-02-2012 09:29:42
อ่านครบทุกคู่แล้ว

คู่บ่าว-ช้างน้อย   พี่บ่าวตอนแรกจะเป็นถุงยางโหลหนึ่ง กลายเป็นกุหลาบร้อยดอก จะหวานไปไหนค่ะ ชอบที่แอบเขินหลบอยู่มุมเสา

คู่พี่เอ็ม-น้องหญิง     พี่เอ็มตอนแรกก็สุภาพบุรุษดี  ไหงตอนแรกดันหื่นกว่าเพื่อน ดีกว่าเพื่อนโป้ให้แง่คิดนะ

คู่พี่เอก-พี่ชาติ         ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ เพื่อนรักเพื่อนอีกคู่

คู่พี่เดช-โอ๊ต            ซึ้งไปกับคู่นี้  ของขวัญชิ้นไหนๆ ก็ไม่ซึ้งเท่ากับประโยค  ไปไหนมา คิดถึงรู้มั้ย ของพี่เดช

และคู่เฮียโป้-น้ำมนต์      นายหัวโป้มีแง่คิดดีๆ แบบนี้ก็เป็นด้วย เล่นเอาน้ำมนต์และคนอ่านอึ้งไปเลย แต่น้องน้ำมนต์เริ่มออกตัวแรงแล้ว  โป้นายระวังให้ดีถ้านอกใจมีหวังโป้น้อยหงอยแน่

 :pig4: คุณหลังเขา สมกับเป็นตอนที่ครบ 100 like เลย   ครบทุกคู่ ฮา ซึ้ง มากๆ   รออ่านตอนครบ like 200 ค่ะ

หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Magistel ที่ 15-02-2012 10:09:52
เรื่องนี้สนุกจัง ชอบทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 15-02-2012 12:50:48
 :-[ :L2: :L1:
+1
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-02-2012 17:16:18
น่ารักอ่ะ หวานเข้ากับชื่อตอนกิงๆ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 16-02-2012 21:30:18
หวานทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 17-02-2012 11:54:02
น่ารักทุกคู่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 21-02-2012 01:25:49
อ่านเรื่องนี้ เเล้วมีความสุขจัง  ชอบๆๆ  ขอบคุณสำหรับเรื่องดีดีนะคับบบบ 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 22-02-2012 18:39:19
นิยาย น่ารักมากครับ

/// ส่งบิลค่าทำสปาหน้าไปเรียกเก็บกับนักเขียน โทษฐานที่เขียนนิยายน่ารัก ทำให้ยิ้มตลอดเวลา หน้าเลยย่น
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 22-02-2012 19:02:09
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

หวานมากกกกกก  :กอด1:

อยากอ่านตอนพิเศษอีกน๊าาา :กอด1:
 
เรื่องนี้จบเเบบ เเฮปปึ้สุดๆชอบบบบบบ

 
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: winamp ที่ 24-02-2012 01:12:04
 :L2: อั๊ยยะ!! น่ารักสุดๆ อ่านไปเขินไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 26-02-2012 15:55:46
มาเต็มมมมม^ ^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 28-02-2012 22:21:40
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
เรื่องนี้ซึ้งมากกก


สุดยอด
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 08-03-2012 04:27:03
แฮบปี้กันทุกคู่
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 08-03-2012 07:57:48
ซึ้ง มีฟามสุข
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 09-03-2012 22:57:09
หวานกันทุกคู่

แต่สุดท้าย...

น้ำมนต์ หนูบอกรักปีโป้นี่ ทำเอาเขินตามไปเลย ให้ตายเถอะ ยิ้มตามเลยอะ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 01-04-2012 00:51:30
ขอบคุณนะคะ สนุกทุกเรื่องเลย ทุกคู่ ครบทุกอย่าง ทั้งรัก ทั้งมิตรภาพ และตัวอิจฉา :L1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-04-2012 16:56:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: tekeela ที่ 17-07-2012 08:26:56
อ่าน อีกครั้งงงงง
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 11-08-2012 17:06:00
"ไปไหนมา .. คิดถึงรู้มั๊ย"

ประโยคนี้น้ำตาร่วงเลย T^T

ขอบคุณนะคะ  เรื่องนี้สนุกมาก ^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 12-08-2012 01:12:47
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ยังอ่านไม่จบ เม้นก่อนๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 12-08-2012 17:02:12
^^
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 25-08-2012 02:06:09
ชอบอะ

ปลื้มปีโป้กับน้ำมนต์สุดๆ

แต่รักเดชโอ๊ตมากกกกกกกกกกกกกกกก

ชอบจริงจังอะ ทำเอาอ่านมาราธอนเลย 5555555

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 01-09-2012 13:37:47
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-09-2012 17:40:29
น้ำมนต์ กะ ปีโป้ ชอบๆ ;)
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 12-11-2012 00:38:42
ขอบคุณคุณครับ สำหรับนิยายเปื้อนสีสันสดใส  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 24-11-2012 02:04:02
 ชอบตอนที่เดชบอกว่ากินข้าวโอ๊ตมาทั้งวันแล้วอะ น่ารัก+หื่นซะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: ไก่จ้า ที่ 29-11-2012 22:20:10
 :n1: น่าร๊ากง่ะ+มิตภาพของเพื่อน+แฟน ไปด้วยกันได้เสมอ :n1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: gcc ที่ 30-11-2012 02:42:17
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 02-12-2012 02:10:55
อ่านรวดเดียวจบเลยแหะ :z1:
ตอนแรกนึกว่าเป็นเรื่องใสๆ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่เลย
มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลย ความรัก เพื่อน มิตรภาพ
ยังไงต้องขอบคุณคนแต่งสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ :pig4: o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] ตอนพิเศษ กลรัก .. สวีตตี้ 14-2-55
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 02-12-2012 22:40:26
ตามลุ้นจนจบ เย้ๆ
ในที่สุด ก้อแฮปปี้เอนดิ้ง
หัวข้อ: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: lungkhao ที่ 07-12-2012 23:02:17
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่หายไปนาน ไม่มีตอนพิเศษใดๆมาทำให้หายคิดถึงเลย
ช่วงนี้งานเริ่มเข้าที่เข้าทาง นั่นหมายความว่ามีเวลาว่างมานั่งแต่งนิยายน้อยมาก

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ นั่นคือจะรวมเล่นนิยายเรื่องนี้
ตอนนี้สำนักไร้กรอบ ประกาศจองรวมเล่ม "กลรัก .. เปื้อนสี" แล้วนะครับ


***รายละเอียดหนังสือ ***

หนังสือปกปีก พิมพ์สี่สีเคลือบมัน สวยงาม เนื้อในกระดาษถนอมสายตา

ตอนพิเศษ ล้นหลามตามสไตล์ คุณหลังเขาจัดเต็ม

จำนวนหน้า 390 หน้าต่อเล่ม โดยประมาณ

ราคา เล่มละ 380 บาท 2 เล่มจบ รวมเป็นเงิน 760 บาท

ค่าส่ง 45  บาท


***ของเเถมเฉพาะรอบจองเท่านั้น ***

**คิวบิค กลรักเปื้อนสี ขนาดพกพาเป็นพวงกุญเเจน่าร้ากกกกกกก

**ที่คั่นหนังสือไซส์ใหญ่ 2 ใบ

ปิดจอง   31 มกราคม 2556 

ส่วนปกก็จะตามมาติดๆครับ .. รออีกนิด รับรองสวยสมใจแน่
ใครอยากได้ อย่าพลาดน้า ..
ช่วยอุดหนุนกันคนละนิดละหน่อย หลังเขาจะได้มีกำลังใจมาเขียนนิยายให้ทุกคนได้อ่านกันต่อ


 :3123: :L1: :L2: :กอด1:


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้เลยครับ http://story.raikrob.com/index.php?topic=207.0
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 08-12-2012 13:25:30
เอ๊ะ ลืมอีกคู่ไปรึป่าว
คู่เอก-ชาติ จะเป็นยังไงต่ออ่ะ
อยากอ่านตอนพิเศษของคู่นี้จัง
จะรอตอนพิเศษน้า
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 27-12-2012 16:22:15
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 19:27:18
พี่ปีโป้มุงนี่นะ หน้าด้านจุงเบย  :m14:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:25:36
เออพี่ก็จะเล่นๆไง แต่ตอนนี้มันรักเอาจริงๆแล้วล่ะมั้ง  :really2:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:26:29
แม่งจะพูดตรงไปไหนอ่าครับพี่โป้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:27:22
พี่โป้เค้ารู้นะที่เข้าห้องน้ำบ่อยๆน่ะเพราะอะไร หึหึหึ :z1:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:28:06
พี่โป้คนดี~~ :sad11:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:29:19
ว่าแล้วไงทำไมมันทะแม่งๆ ที่แท้โอ๊ตก็ชอบนายหัวโป้นี่เอง  :man1:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:30:14
เฮ้ยสัญญาอะไรพี่โป้ ??????????

เรื่องหมวยเล็กใช่ม้ายย?????? :z3:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:30:51
แงๆพี่โป้พี่เป็นอะไรอ่า   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:31:18
พี่โป้มีีรักฝังใจ ไม่เป็นไรนะพี่ตอนนี้มีน้ำมนต์อยู่ทั้งคน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 21:31:48
พี่กระผมไม่เอานะ

กระผมไม่ชอบบทดราม่าอ่า(เหรอ?) :sad4:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 22:33:27
เออ ใช่ๆไม่เสร็จเฮียโป้ ก็ไม่รู้จะไปเสร็จเสาไฟฟ้าต้นไหนแล้วแหละ o18
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 22:35:47
555+ เมาจูบ? ตรรกะไหนอ่ะเฮ้ยโป้
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 22:37:03
555+ เอาด้วยๆ ปีปีโป้ ป่ะป่ะปีปีโป้ :m20:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 30-12-2012 22:37:15
น่าร๊ากอ่ะคับ  :n1:
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 10-01-2013 19:18:09
บอกเลยนะครับว่าชอบมากๆ
เปนเรื่องแรกที่อ่านผลงานของหลังเขา
ขอบคุนสำหรับผลงานดีๆ ที่อุส่าสร้างมานะคัป
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 12-01-2013 23:27:11
ขอบคุณมากๆเช่นกันครับ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เปิดจอง [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: m_pop91 ที่ 20-08-2013 23:59:06
ขอบคุณคนเขียนมากๆครับ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: eddiam ที่ 06-03-2014 18:05:59
สั่งหนังสือไว้นานมากแล้ว  ไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อแไหร่หรอคะ  ส่งเมลไปถามไร้กรอบหลายครั้งแล้วก้ไม่ตอบ  ปีนึงแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 09-03-2014 15:35:50
 o18 เมื่อวานอ่านม้วนเดียวจบ เรื่องน่ารักมากกกกกกกกกกก คู่พรหมลิขิต
รุ่นพ่อรุ่นแม่รู้จักกัน รุ่นลูกมาพอกัน แม่นายหัวโป้รักน้องน้ำมนต์มากๆๆๆ น้องน่ารักกกกกกกกกก
ชอบเรื่องนี้จัง อิอิ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 18-03-2014 15:29:56
ThankS
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 27-03-2014 13:05:49
 :L1:

สนุกมากกกก ประทับใจทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-06-2014 12:33:47
โป้เอ้ยจะจีบเขาแต่ยังมีชะนีมาควงป้วนเปี้ยนให้เขาเห็นอยู่เป็นเราเราก็ไม่เอานายให้ปวดหัวหรอกว่ะ :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-06-2014 15:39:28
บ๊ะ ตอนนี้ช้างน้อยเธอได้ใจพี่ไปเต็มๆ เธอนี่แหล่ะคือสตรี(มีไข่)ที่โลกรอ สวดยอดอ่ะน้อง o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-06-2014 16:04:12
เดี๋ยวๆๆ ตอนโอ๊คขอมีอะไรกับโป้นี่โอ๊คกะกดโป้ช๊ะ หรือ ให้โป้กระดื๊บๆโอ๊ค อ๊ากคิดเยอะม๊วาก :serius2:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-06-2014 16:56:29
ยกให้พี่บ่าวกะช้างน้อยเป็นคู่เอกได้ป่ะน่าเอ็นดูเกิ๊น :-[ :-[  ส่วนโอ๊ค ขอให้ไม่ได้ใครเลยซักคน ถึงไปแอบอ่านมาตอนท้ายจะขัดใจเราก้อเหอะโอ๊คแม่งเลวอย่างนี้ยังอุตส่าห์ได้คนหนักแน่นแบบเดชอีกเน๊อะความยุติธรรมอยู่หนายย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-06-2014 19:11:03
โป้ ไม่ว่านายจะโกหกเพราะเหตุผลอะไรก็ตามแต่การโกหกก็คือโกหกอยู่ดี บอกว่านักเลงขาดเพื่อนไม่ได้ งั้นขาดคนรักได้ดิ เหมือนที่น้ำมนต์บอกทำให้ไอ้เบสน้อยใจไม่ได้แต่น้ำมนต์น้อยใจก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ ยังไงสำหรับเราเรื่องโป้กับรักแรกเราไม่เคลียร์ว่ะ  :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: poonnana2533 ที่ 19-02-2015 01:53:27
หลงไปอยู่ที่ใดถึงไม่ได้อ่านเรื่องนี้ สนุกค่ะ แปลว่าจำนวนคอมเม้นไม่ได้บงชี้ถึงเนื้อหาของเรื่องนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: [x]-SayHi ที่ 20-02-2015 18:37:25
ว่าแล้วก็ร้านโรตีป้าหนอมหว่าไป หรือว่าร้านน้ำชาบังบาวดี
 :m20:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 28-04-2015 21:07:25
น่ารักมากเลยยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 22:37:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 03-07-2017 19:38:25
นอกจากโป้กับน้ำมนต์ เรายังชอบคู่เอ็มกับหญิมมากค่ะ หญิงน่ารักมาก ขอตอนพิเศษหลังจากน้ำมนต์เรียนจบ ปวช ด้วยนะค่ะ ไปเรียนที่ไหนกันต่อ ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ ที่แต่งให้เราได้ฟินกัน
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nunza.1234 ที่ 04-07-2017 18:39:50
อยากให้น้ำมนต์พูดคำนี้มากอะในตอนจบที่โดนจีบ

"น้องครับ พี่ไม่ค่อยชอบกินโค้กกับเป็ปซี่เท่าไหร่ พอดีว่าพี่ชอบกินปีโป้มากกว่า"

กรี๊ดดดดดดดดด ค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 23-04-2019 23:02:10
ชอบปีโป้
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-04-2019 09:44:56
เป็นเรื่องแรกๆที่อ่านในการเข้าสู่วงการนี้ :katai3: แต่อีกเว็บนึงนะ แถมประทับใจที่ผู้เขียนด้วย มาอ่านอีกรอบก็สนุกเหมือนเดิม  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 29-04-2019 10:02:41
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sevenny ที่ 01-05-2019 09:08:35
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย น้ำมนต์น่ารักมากกกกกกกกกก สนุกมากค่ะเรื่องนี้  o13  o13
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 01-05-2019 13:38:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 07-04-2020 18:46:59
อ่านจบหน้า22ละ คือชอบมาตลอดทั้งเรื่องชอบน้องน้ำมนต์มากด้วย มาเฟลตรงช่วงเบสท์ คือไม่เข้าใจว่าอิโป้ไปทักมันทำไม ในเรื่องอธิบายว่าเพราะเห็นเป็นเพื่อน คือถ้าชั้นมีแฟนแบบอิโป้ชั้นเลิก ไม่สนหรอกว่าจะรักเพื่อนหรืออะไร รักมากก็กลับไปคบกันดิไป อิทุเรศ ให้อิเบสพูดจาแขวะน้ำมนต์อยู่ได้ ไม่มีความหนักแน่น แม่งเสียอารมณ์วะ น้ำมนต์เลิกกับมันไปเหอะ ผช แบบนี้ ปกป้องแฟนยังทำไม่ได้เต็มที่


ขอบคุณคนเขียนค่า สนุกถูกใจ แต่เกลียดอืโป้ แบร่:(
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยศรี ที่ 16-04-2020 02:15:42
ชอบมากก ทำไมพึ่งได้อ่าน :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-04-2020 10:22:26
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 19:57:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Dekbranbran ที่ 24-07-2023 06:47:47
เรื่องนี้ 11ปีแล้วเหรอนี่ตอนนั้นทำอะไรอยู่ทำไมถึงพลาดเรื่องนี้ได้  :z3: :z3: :z3: