ถ้าลงอีกตอนจะมีใครบ่นอะไรไหมคะ
ตอนที่ห้า "สิ้นแสงดาว"
ดอกบัวสีสวยแย้มกลีบบานอวดโฉมงามอยู่เหนือผืนน้ำกว้าง ผิวน้ำพลิ้วไหวเป็นระลอกตามกระแสลมที่พัดผ่านส่งกลิ่นหอมเย็นรวยระรื่นชื่น ใจ ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเตรียมจะลาลับ แสงสีส้มเหลือบม่วงอาบย้อมปุยเมฆที่ประดับท้องฟ้าสีน้ำเงินซึ่งเข้มจัดขึ้น ทุกที ฝูงนกตัวน้อยทยอยบินกลับรังนอนของมัน นกกาน้ำขนดำเป็นมันเลื่อมที่เกาะคาคบไม้ใหญ่ใบโกร๋นส่งเสียงร้องดัง "กา... กา... กา..." ทำลายความเงียบและบรรยากาศที่น่าอภิรมย์เสียสิ้น กระทั่งชายหนุ่มรุ่นกระทงที่เหวี่ยงแหจับปลาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลซึ่งกำลังเก็บ กู้เครื่องมือของเขาขึ้นจากน้ำอดรนทนไม่ไหว จึงยิบฉวยสิ่งที่หาได้จากใต้น้ำปาขึ้นไปบนยอดไม้เหนือหัว ทำให้นกที่คนรังเกียจตกใจและบินหนีหายไป
"กูตกใจหมดไอ้นกบ้า!” เขาสบถด่าเสียงขรม
"ขวัญอ่อนจริงนะไอ้มิ่ง แล้ววันนี้มึงได้ปลาเยอะไหมวะ" เพื่อนคู่หูวัยไล่เลี่ยกันกล่าวเยาะก่อนจะเอ่ยถามจำนวนผลผลิตที่ได้ของวันนี้
"หลายตัวอยู่ ดีกว่าไม่ได้แหละน่า เก็บชุดนี้เสร็จกูก็ว่าจะพอแล้วว่ะวันนี้" มิ่งบอกพร้อมกับใช้มือสาวแหที่มีปลาขนาดเขื่องติดอยู่กับตาข่ายหลายตัวนั้น อย่างช้า ๆ
"แล้วมึงล่ะไอ้ก้อน... ได้ปลาเยอะไหม" มิ่งถามคู่หูที่มาด้วยกัน
"เออ... กูกะว่าเหวี่ยงรอบนี้เสร็จกูก็จะขึ้นเหมือนกัน จวนจะมืดแล้วว่ะ" ก้อนบอกก่อนจะเหวี่ยงแหในมือลงสู่ผืนน้ำอีกครั้ง
มิ่งที่ค่อย ๆ เดินขึ้นจากน้ำไปยืนที่บนตลิ่งริมบึง เขาค่อย ๆ แกะปลาแน่นิ่งด้วยถึงฆาตรออกจากด้ายเหนียว ๆ ของตาข่ายก่อนจะเอามันใส่ลงไปในถังพลาสติกแห้งๆ ที่ข้างในมีเพื่อน ๆ ของมันนอนไม่ไหวติงรอท่าอยู่ก่อนแล้ว ปลาบางตัวที่ยังไม่ถึงฆาตดิ้นกระแด่ว ๆ สะบัดโบกครีบหางอย่างเอาเป็นเอาตายพยายามกระเสือกกระสนให้ลำตัวหลุดออกจาก เส้นใยเพชฌฆาตที่พรากเอามันขึ้นมาจากแหล่ง พำนักพักพิง มิ่งทำเช่นเดียวกันกับตัวที่แน่นิ่ง แต่เขาต้องใช้ความพยายามที่มากกว่าเพื่อจะเอามันออกจากสิ่งที่พันธนาการ ก่อนจะค่อย ๆ หย่อนลงถังอีกใบที่มีน้ำและปลาที่ยังหายใจใส่เอาไว้บางส่วน
"มิ่ง แหกูติดอะไรไม่รู้ว่ะ ดึงไม่ขึ้นเลย มึงลงมาช่วยกูก่อนสิ" ก้อนร้องเรียกเพื่อนมาจากในบึงน้ำ
"รอแป๊บนึง...เหลืออีกสองตัว... เดี๋ยวกูลงไปช่วย" มิ่งตะโกนกลับไป
เมื่อปลาตัวสุดท้ายที่พยายามดิ้นอย่างเหนื่อยเปล่า แต่ก็หนีอุ้งมือของมัจจุราชไปไม่พ้น ถูกหย่อนลงในถังน้ำเพื่อให้ไปอยู่กับบรรดาเพื่อน ๆ ของมัน ที่ว่ายวนแตกตื่นชนกับด้านข้างของถังกึงกัง มิ่งก็เดินลงไปในบึงอีกครั้งตรงไปทางก้อนที่กำลังพยายามดึงเก็บกู้แหของตน แต่ก็ไร้ผล ความลึกของระดับน้ำแค่คอของทั้งสองที่ยืนอยู่คู่กันไม่ได้เป็นอุปสรรคมาก นัก ด้วยการประกอบสัมมาอาชีพที่ทำอยู่ทำให้พวกเขาช่ำชองทุกที่ทางของบึงน้ำกว้าง แห่งนี้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ลดทอนคุณสมบัติข้อนั้นลงคือความมืดดำของท้องฟ้า
"ไอ้มิ่ง มึงลองพยายามดึงขึ้นมานะ เดี๋ยวกูจะงมลงไปแกะดู" ก้อนบอกก่อนจะมุดไปใต้ผืนน้ำด้วยการคลำไปตามความยาวของเครื่องมือจับปลา ทั้งสองช่วยกันดึงช่วยกันลาก จนตาข่ายและสิ่งที่ติดอยู่เคลื่อนมาสู่ตรงส่วนที่ใกล้ริมตลิ่งเข้ามาทุกที ทั้งสองถึงกับตกตะลึงยืนแข็งทื่อนัยน์ตาเบิกกว้าง ก่อนจะเป็นมิ่งที่ได้สติตะโกนออกมาเสียงดัง
"ไอ้ก้อน! ผะ... ผะ... ผีหลอก" พร้อมกับปล่อยมือออกจากปลายเชือกเครื่องมือทำมาหากินแล้ววิ่งตะเกียกตะกายหนีขึ้นไปบนฝั่ง
"หะ.. ไอ้มิ่งมึงรอกูด้วย" กว่าก้อนจะแกะมือของตัวเองออกจากตาข่ายได้ สิ่งที่ติดอยู่กับตาขายก็โผล่พ้นน้ำออกมาให้เห็นจนติดตาเสียแล้ว
"หมวดพชร... เข้าเวรที่นี่วันแรกมีคดีใหญ่ให้ทำรึยังล่ะ" ผกก.สน. ... ที่กำลังเปิดประตูออกจากห้องเดินเข้ามาถามสัพยอก ร.ต.ท.พชร พงษ์ภิญโญที่โต๊ะร้อยเวร
"ยังครับท่าน วันนี้มีแต่คดีจราจร กับคดีวิวาทเล็กน้อย ยังไม่มีเรื่องใหญ่ครับ" หมวดหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนพร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาของตน
"ตามสบายเถอะหมวด นี่ก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว เดี๋ยวแวะไปหาอะไรกินกันสักหน่อยไหมหมวด" ผู้เป็นนายเอ่ยชวนแต่ยังไม่ทันไร เสียงวิทยุสื่อสารประจำสถานีก็ส่งเสียงเรียกมาเสียก่อน
'มีผู้แจ้งเหตุ พบศพคนตาย ในบึงท้ายหมู่บ้าน... ท้องที่... ขอร้อยเวร ตรวจสอบด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน' ร.ต.ท.พชร เอื้อมคว้าหยิบไมโครโฟนมาถือไว้ในมือก่อนจะกดปุ่มที่ด้านขางแล้วกรอกเสียงลง ไป
"ทราบแล้ว เปลี่ยน"
"ไม่ทราบว่าใครรับเรื่องครับ เปลี่ยน"
"ผม... ร้อยตำรวจโทพชร พงษ์ภิญโญ ร้อยเวร สน... เดี๋ยวผมจะไปดูที่เกิดเหตุเอง...ทราบแล้วเปลี่ยน"
"รับทราบ เลิกกัน"
"ผมขอตัวไปดูที่เกิดเหตุนะครับ" ผู้หมวดหนุ่มคว้าหมวกมาสวมพร้อมกับทำความเคารพผู้เป็นนาย
"ไปเหอะ โชคดีนะหมวด" ผกก.สน. ... เอ่ยรับทราบสถานการณ์สำคัญตรงหน้า
"ทำไมยังไม่เปิดเครื่องสักทีนะอเล็กซ์ หายหัวไปทั้งวันทั้งคืนแล้วฉันจะไปตามตัวที่ไหนได้เนี่ย เค้าเลื่อนคิวมาถ่ายเป็นเช้าพรุ่งนี้แล้วด้วย ตายละฉัน ต๊าย ตาย ๆ ๆ" อ๊อบบ่นออกมาพลางเอามือทาบอก พร้อมกับพยายามจิ้มโทรศัพท์ติดต่อหาอเล็กซ์จนมือเป็นระวิง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพักบนคอนโดสูงที่ปราศจากร่อยรอยการมีตัวตนของดารา หนุ่มที่อยู่ภายใต้การดูแลของตัวเอง อ๊อบเดินไปตามทางเดินก่อนจะไปกดยืนรอลิฟต์ ระหว่างนั้นก็ยังคงเพียรพยายามโทรหาดาราหนุ่มในสังกัดแต่ก็ไร้วี่แวว เมื่อลิฟต์โดยสารที่ว่างเปล่ามาถึงเขาจึงเดินเข้าไปกดปุ่มชั้นล่างด้วยนิ้ว มือข้างที่ว่างจากการกดปุ่มบนโทรศัพท์ 'หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงอีกนะ ปีที่แล้วฉันก็เสียดาราดังอย่างนิว นวดล นรลักษณ์ไปคนนึงแล้ว ปีนี้คงไม่ต้อง... อเล็กซ์ เอกวิน นรลักษณ์...' ความคิดชั่ววูบของอ๊อบสะดุดหยุดลงทันทีก่อนที่บานระตูลิฟต์จะปิดลง
รถกระบะสีดำคาดขาวกลางลำตัวรถด้านข้างพิมพ์ตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ กำกับด้วยข้อความระบุพื้นที่ปฏิบัติการวิ่งเรียบไปตามถนน ก่อนจะหักหัวเลี้ยวเข้าถนนลูกรังแคบ ๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้สัญจรผ่านไปมา เพราะถนนเล็ก ๆ สายนี้ไปสิ้นสุดที่บึงน้ำกว้างหลังหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ ผู้หมวดหนุ่มจอดรถหยุดนิ่งใต้ต้นตะขบสูงแผ่กิ่งใบกว้าง ลำแสงจากดวงไฟหน้ารถส่องยาวไปจนถึงร่างของสองหนุ่มที่ยืนหน้าซีดปากสั่น เพราะความอกสั่นขวัญหาย ประกอบกับสภาพเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ยังคงเปียกชื้น ความเย็นเยือกของสายลมยามค่ำยิ่งส่งผลให้ความเหน็บหนาวเกาะกินเข้าไปถึง หัวใจ ร.ต.ท.พชร บิดกุญแจดับเครื่อง พร้อมกับเปิดประตูแล้วก้าวเดินเข้าไปทางที่มีคนยืนรออยู่แล้วหลายคน
"ผมร้อยตำรวจโทพชร พงษ์ภิญโญร้อยเวรสน... ตามที่มีคนแจ้งพบศพครับ" ร.ต.ท.พชร ร้องถามก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าก้อนและมิ่ง ที่ด้านหลังหน่วยกู้ภัยกำลังขะมักเขม้นตามไฟเสียจนสว่างโร่เห็นชัดราวกับ กลางวัน
"สวัสดีครับคุณตำรวจ ผมเป็นคนโทรแจ้งเองครับคุณตำรวจ ผมชื่อก้อน ส่วนนี่ไอ้มิ่งเพื่อนผมครับ" ก้อนที่ยังคุมสติตัวเองได้ดีกว่าชิงเป็นผู้บอกเสียเองก่อนจะเล่าเรื่องราว ที่เกิดขึ้นให้กับผู้หมวดหนุ่มได้ฟังทั้งหมด
"แล้วตอนนี้ศพอยู่ไหน" ร.ต.ท.พชร ซักถามถึงหลักฐานสำคัญ
"ข้างหน้านี่เองครับ" ก้อนบอกพร้อมกับยกมือชี้นิ้วไปทางชายน้ำ
"ทางนี้ครับคุณตำรวจ..." เสียงหนึ่งในทีมกู้ภัยร้องบอกออกมาจากทางชายน้ำ
กระสอบป่านใบใหญ่หนาคือพันธนาการซึ่งห่อหุ้มร่างไร้วิญญาณเอาไว้เสีย เกือบจะมิดชิดถูกลากมาวางเอาไว้ที่ชายน้ำ ส่วนของข้อมือที่นิ้วมือหงิกงอแข็งค้างโผล่พ้นปากกระสอบซึ่งใช้เชือกเส้น เล็ก ๆ มัดไว้แบบลวก ๆ จวนเจียนจะหลุดมิหลุดแหล่ นายตำรวจหนุ่มเดินเข้าไปหาหลักฐานชิ้นสำคัญก่อนจะบรรจงแกะปลายเชือกที่มัด ปากกระสอบออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเลื่อนปากกระสอบลงไป จนเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดขาวยิ่งกว่าแผ่นกระดาษ เขาค่อย ๆ เลื่อนกระสอบป่านลงไปอีกจนถึงบริเวณหน้าอกขาวซีด ผู้หมวดนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อมองเห็นรอยพาดผ่านสีม่วงอมแดง ที่รอบลำคอ ดวงตาไร้แววสีซีดเบิกโพลงแทบถลนออกมานอกเบ้าปรากฏอยู่บนใบหน้าที่ขาวปราศจาก สีเลือด ลำตัวเปลือยเปล่ามีรอยฟกช้ำจ้ำแดงเล็ก ๆ ให้เห็นแค่ประปรายบนหน้าอก ลำคอ และแผ่นหลัง แต่ไม่มีร่องรอยจากการโดนทำร้ายด้วยของมีคมอันจะก่อให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์จนทำ ให้ถึงขั้นต้องเสียชีวิต ผู้หมวดหนุ่มเดินผละออกมาจากหลักฐานชิ้นสำคัญของเขาก่อนจะเอาโทรศัพท์มือถือ ออกมากดโทรออก
หน่องอมยิ้มแก้มแทบปริขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้อ่านข้อความที่อเล็กซ์ส่งมา ให้ตั้งแต่เมื่อคืน ถึงแม้ว่าหน่องจะกดโทรศัพท์อ่านมันมาแล้วเป็นสิบรอบตลอดทั้งวัน หน่องเองก็พยายามกดโทรศัพท์ติดต่อหาเจ้าของข้อความที่ถูกแบ่งเป็นข้อความ ย่อย ๆ หลายอันส่งมาถึงเขา ข้อความที่ทำให้หน่องอารมณ์ดียิ้มได้ทั้งวัน และทุกครั้งที่อ่าน ข้อความที่ว่า
'ตอนที่หรั่งส่งข้อความนี้...หน่องคงนอนหลับอุตุไปแล้ว... แต่หรั่งก็อยากส่งความคิดถึงไปหาหน่องอยู่ดีหน่องคงกำลังหลับฝันดี... หรั่งขอแค่ในฝันของหน่องมีหรั่งอยู่ในฝันด้วยสักนิด... หรั่งก็พอใจแล้ว'
'จริงใจหรั่งอยากไปหาอยากอยู่ใกล้ ๆ กับหน่องเสมอ... แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้... งานยุ่งมาก... หน่องนอนเผื่อหรั่งด้วยนะ อิจฉาคนได้นอนจัง'
'ไว้ว่างเมื่อไหร่ จะรีบไปหาให้ถึงที่เลย... จะไปอยู่ใกล้ ๆ จะไปเฝ้าดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลยดีไหม อย่าเพิ่งเบื่อหรั่งก่อนก็แล้วกันนะ'
'หน่องอย่าลืมสัญญานะ หรั่งเองก็จะไม่ลืมสัญญาของเราเหมือนกัน สัญญานะหน่องว่าเราจะไม่มีวันลืมกัน... รักหน่องเสมอแม้จะหมดลมหายใจ... หรั่ง'