The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)  (อ่าน 261569 ครั้ง)

จงกลนี

  • บุคคลทั่วไป
ยินดีต้อนรับค่ะ

จงกลนี

  • บุคคลทั่วไป
ไม่กลัวผีหลอกเหคะ 5555

จงกลนี

  • บุคคลทั่วไป
ไหน ๆ ก็วันหยุด เอาไปอีกตอนแล้วกันเนอะ 555


ตอนที่สี่ "ตัวแปร"
 
 

 
พาดหัวตัวไม้หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันรุ่งขึ้น ทำเอาหนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่ลงข่าวดังกล่าวขายดีเกลี้ยงแผงด้วยเวลาอันรวด เร็ว ข่าวที่ลงทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างแพร่หลาย สื่อทุกสื่อต่างพุ่งเป้าไปที่ทั้งสองคน และพยายามติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์เป็นกรณีพิเศษทั้งทางโทรศัพท์แบบรายงานสดออก อากาศ หรือสื่อสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ก็ตามที แต่ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้เลย ทั้งสองยังคงเก็บตัวเงียบและงดกิจกรรมทั้งหมด รวมไปถึงกองถ่ายต้องหยุดถ่ายทำไปด้วยเป็นระยะเวลาถึงเจ็ดวัน แต่ทั้งนี้มีเพียง หนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียวที่ได้สัมภาษณ์พิเศษ ด้วยพระรองหน้าใหม่ตามข่าวได้โทรไปนัดแนะให้มาหาถึงห้องพักบนอาคารสูงย่านใจ กลางเมืองด้วยตนเองแถมสำทับอีกด้วยว่า จะให้ข่าวใหญ่นี้เป็นพิเศษหากนักข่าวที่มาทำข่าวคือ นายนิวัตน์ แก่นกำภู หรือที่เขาเองเรียกว่า "หน่อง" ผู้เป็นเพื่อนรักตั้งแต่วัยเยาว์ของตน
"หายากมากไหมหน่อง" อเล็กซ์ถามขณะที่เปิดประตูออกกว้างเพื่อรับหน่องเข้ามาในห้องพัก
"ไม่ยากหรอก... เอ๊ะ! หรั่งหน้าหมดหล่อเลยนะ เขียว ๆ ม่วง ๆ ด้วย" หน่องที่ก้มหน้าถอดรองเท้า ร้องทักด้วยตกใจเมื่อเงยหน้ามาเห็นใบหน้าของเพื่อน ทั้งที่รู้ข่าวมาบ้างแล้ว แต่ก็อดกระเซ้าไม่ได้ ด้วยนิสัยขี้เล่นแบบเด็ก ๆ
"เจอหน้ากันก็เล่นทักอย่างนี้เลยเหรอคนเรา" อเล็กซ์ ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเต็มตา
"เออ ลืมไป... ขอโทษทีนะหรั่ง หน่องไม่ได้ตั้งใจ แต่มันอดไม่ได้ ไม่นึกว่าจะเป็นเยอะขนาดนี้" หน่องบอกพลางส่งยิ้มปลอบใจไปให้
"ดีว่าหน่องถ่ายรูปหรั่งไปตั้งแต่วันก่อนแล้วนะ ขืนเอารูปวันนี้ไปลง... คงดูไม่จืดแน่ ๆ" หน่องบอกพลางระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
"แล้วหน่องกินอะไรมารึยัง จะกินอะไรก่อนไหม... หรือจะทำงานเลย" อเล็กซ์ถามพลางรินน้ำใส่แก้วมาให้อีกฝ่ายที่นั่งรออยู่ในส่วนรับรองแขก
"ทำงานก่อนเลยดีกว่า... เดี๋ยวค่อยกินก็ได้" หน่องบอกพลางหยิบอุปกรณ์บันทึกเสียงออกมาจากในกระเป๋าสะพายข้างของตนมาวางบน โต๊ะกลางพร้อมกับกดปุ่มบันทึกและเริ่มยิงคำถามทำงานในทันที
 
 
หลังจากที่สัมภาษณ์และรับประทานอาหารร่วมกันหน่องก็ลากลับเพื่อรีบเอา ไฟล์เสียงกลับไปทำการเขียนข่าว และบทสัมภาษณ์ส่งให้ บก.ที่สำนักงานในทันที บก.พึงพอใจผลงานและกล่าวชมหน่อง ก่อนจะเอาข่าวและบทสัมภาษณ์ส่งไปจัดหน้าลงพิมพ์ เพื่อจะให้ทันกับการวางแผง และด้วยผลงานชิ้นนี้ของหน่องทำให้เขาได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานทุกคน จนคาดว่าเจ้าตัวคงจะยิ้มหน้าบานไปได้อีกหลายวัน
 
 
ส่วนเพื่อนอีกคนที่หลังจากรอให้ร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าจางลงไปบ้างแล้ว ก็ออกมาปรากฏตัวและทำงานออกงานตามปรกติแม้ว่าจะมีนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ คอยไล่ล่าตัวเขาอยู่บ้างประปรายก็ตาม ส่วนคู่กรณียังคงเก็บตัวเงียบและงดให้ข่าวต่อไป อาจจะมีบ้างที่ทั้งสองต้องมาพบเจอกัน หรือจะต้องทำงานร่วมกันเพราะภาพยนตร์ยังถ่ายทำไปไม่ถึงครึ่งเรื่อง แต่ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่พูดคุยสุงสิงกันมากเหมือนที่ผ่านมา แล้วก็ไม่มีใครสักคนจะเอ่ยถึงเรื่องที่ล่วงมาแล้วอีกเลย
 
 
"อเล็กซ์... วันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของผู้ใหญ่ท่านนึง เจ๊ขัดไม่ได้... ถึงใจจะไม่ค่อยอยากให้เราไปเท่าไหร่" อ๊อบบอกหลังจากที่อเล็กซ์ เดินออกจากฉากที่กำลังถ่ายทำอยู่ด้วยหมดซีนของวันนี้แล้ว และกำลังจะเดินไปห้องพักเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
"ทำไมล่ะครับพี่อ๊อบ... วันเกิดของใครเหรอพี่?" อเล็กซ์ถามพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
"ก็ท่านนะสิ คนนะยังไม่เท่าไหร่... แต่สถานที่จัดงานนี่สิ บอกตามตรงนะ... ใจพี่ล่ะไม่อยากจะให้เธอไปเลยอเล็กซ์" อ๊อบบอกกระซิบด้วยความหนักใจ
"แล้วเค้าจัดกันที่ไหนเหรอพี่อ๊อบ" อเล็กซ์ถามอย่างสงสัย
"ก็เดอะบัตเตอร์ฟลายบอยน่ะสิ" อ๊อบบอกชื่อด้วยเสียงที่กระซิบเบากว่าเดิม
"อ้อ...ไม่เห็นเป็นไรเลยพี่ ว่าแต่เราต้องไปถึงกันกี่โมงล่ะพี่อ๊อบ" อเล็กซ์บอกพลางยักไหล่ก่อนถามไถ่เวลา
"ไม่ใช่เรา... แต่เป็นเธอคนเดียวต่างหากล่ะอเล็กซ์" อ๊อบบอกตามตรงพลางตีหน้ามุ่ยอย่างขัดในอารมณ์
"ไปคนเดียวเหรอพี่... แล้วพี่ไม่ไปด้วยกันหรอกเหรอ" อเล็กซ์ถามด้วยความสงสัย
"ก็เค้าเชิญเธอคนเดียวย้ำว่าแค่เธอคนเดียวนะอเล็กซ์" อ๊อบบอกพร้อมส่งสายตาสื่อความในไปให้
"หมายความว่าผมต้องไปงานท่านคนนี้คนเดียวว่างั้นเถอะ" อเล็กซ์ตอบและย้ำทำความเข้าใจกับอ๊อบอีกครั้งพร้อมถอนหายใจ
"เยส... แต่ไม่ต้องห่วงนะ ท่านปิดร้านเลี้ยงแบบลับเฉพาะท็อปซีเคร็ทกับเพื่อน ๆ ของท่านเท่านั้น ไม่มีนักข่าวหรือคนอื่นที่ไม่ได้รับเชิญปะปนเข้าไปหรอก ท่านเองก็คงไม่อยากเป็นข่าวหรือเปิดเผยเท่าไหร่ สบายใจได้อเล็กซ์" อ๊อบบอกพร้อมส่งยิ้มประจบประแจง
"จริง ๆ พี่ก็ปฏิเสธไปแล้วนะ... ตอนที่เค้าติดต่อมา แต่พอมารู้ว่าเป็นท่านพี่ก็เลยจำใจต้องรับปากท่านไป ก็ใครจะไปกล้าขัดใจใหญ่คับฟ้าขนาดนั้น... ขืนไปทำให้โมโหเรื่องคงจะยาวไม่จบง่าย ๆ" อ๊อบร่ายยาวเป็นฉาก ๆ
"ก็ได้พี่แล้วคืนนี้ผมจะไปก็แล้วกัน" อเล็กซ์บอกด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไหร่
 
 
บรรยากาศรอบ ๆ ถนนสายนี้เป็นเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา แสงไฟหลากสียามค่ำคืนสว่างไสวราวกับว่าถนนสายนี้ไม่เคยหลับใหล "เดอะ บัตเตอร์ฟลาย บอย" ก็เช่นกัน แต่ถึงแม้ว่าป้ายไฟหน้าร้านจะเปิดเอาไว้ แสงสีตระการตาเต็มที่ แต่มีเพียงประตูหน้าเท่านั้นที่ไม่ได้เปิดเพื่อรอรับแขกภายนอก มีเพียงประตูด้านข้างเท่านั้นที่เปิดเพื่อรับแขกแบบเฉพาะการ โดยมีการ์ดร่างยักษ์สองนายยืนคุมเชิงอยู่ที่หน้าประตูเพื่อคอยตรวจตราและ ตรวจบัตรเชิญของแขกแต่ละคนที่ต่างพากันจอดรถไว้บริเวณลานจอด และเดินนวยนาดมาทางประตูทางเข้าด้วยเสื้อผ้าหน้าผมหลากแบบหลายแนวตามข้อ กำหนดการแต่งกายที่ระบุไว้ในบัตรเชิญ เครื่องแต่งกายแฟนซีตามแต่ใจของผู้สวมใส่จะรังสรรค์แต่งมาเพื่อประชันกัน
"คุณอเล็กซ์ใช่ไหมครับ" หนึ่งในการ์ดทักถามขณะที่อเล็กซ์ เดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าการ์ดร่างยักษ์ 
"ใช่ครับ" 
"ท่านสั่งไว้ว่าพอคุณมาถึงให้เข้าไปแต่งตัวด้านใน... มีช่างรอคุณอยู่แล้วครับ" หนึ่งในการ์ดชุดดำบอกพลางเปิดประตูให้ชายหนุ่มเข้าไป โดยมีพนักงานของบาร์ที่สวมชุดผิดแปลกไปจากเครื่องแบบตามปกติของร้านซึ่งเป็น ผ้านุ่งไหมพื้นสีแดงตาดเงินหยักรั้งเพียง ชิ้นเดียวที่ห่อหุ้มท่อนล่างเอาไว้ได้อย่างหมิ่นเหม่ ขณะที่เครื่องแต่งกายท่อนบนกลับเป็นผ้าโปร่งสีเงินแลทะลุไปเห็นเนื้อหนุ่ม ได้โดยไม่ต้องอาศัยจินตนาการแต่อย่างใด ก่อนที่หนึ่งในพนักงานบริการจะพาอเล็กซ์ไปยังห้องที่มีช่างคอยบริการเสื้อผ้า หน้า ผม รออยู่ก่อนแล้ว
เสื้อผ้าที่ช่างแต่งตัวเตรียมไว้สำหรับอเล็กซ์เป็นเสื้อสีขาวแขนสั้นคอปาดกว้างตัวยาวคลุมลงมาถึงบั้นท้ายเกลียวเชือก ไหมสีทองพันผูกเอาไว้ที่ช่วงเอว ชายผ้าสีแดงขลิบลายทองทั้งผืนเหน็บเอวจากด้านหน้าอ้อมไปทางด้านหลังรอบลำตัว ปล่อยชายยาวอีกข้างมาคล้องเอาไว้ที่แขน รองเท้าสไตล์แกลดิเอเตอร์ซึ่งเป็นหนังโปร่งเส้นสายระโยงไปถึงหน้าแข้ง อเล็กซ์ถูกจับปรุงโฉมแต่งตัวละม้ายชาวโรมันโบราณก่อนจะถูกพาเข้าไปหาเจ้าของงาน
 
 
ห้องจัดเลี้ยงด้านในถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดประหนึ่งจำลองสวนดอกไม้หลากสีสันที่กำลังแข่งกันเบ่งบานส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ใต้ซุ้มโค้งหนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐานซึ่งมีเครื่องแต่งกายละม้ายคล้ายคลึงกัน กับอเล็กซ์ แต่ที่บนศีรษะเรือนผมสีอ่อนประดับด้วยพวงมาลาช่อมะกอกสีเงินยืนสง่าคอยต้อน รับแขกที่มาร่วมงานพร้อมกับรอยยิ้มมี เสน่ห์ ด้วยวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีและอ่อนกว่าอายุจริงไปเป็นสิบปี นักธุรกิจชั้นนำแนวหน้าของประเทศ ผู้มีส่วนผลักดันกระแสธุรกิจให้เป็นไปตามใจตนผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจ อำนาจในมือมีอยู่อย่างมากมายจนใคร ๆ ต่างต้องยำเกรงไม่กล้าขัดอกขัดใจ เพราะหากต่อกรด้วยมีแต่จะเพลี่ยงพล้ำเสียสิ้นทุกสิ่งอย่างภายใต้เงื้อมมือของคน ๆ นี้ และเรื่องที่เจ้าตัวจะไม่มีคู่ชีวิต ครองตัวเป็นโสดมาจนถึงปัจจุบันจะเป็นข้อครหา แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมาให้ระคายหู รวมถึงเรื่องรสนิยมทางเพศที่ผิดแปลกจากที่ควรจะเป็น ด้วยเจ้าตัวนิยมชมชอบหนุ่ม ๆ หน้าตาดี จึงมักมีข่าวออกมาในทำนองที่ว่าเจ้าตัวมักให้รางวัล หรือจัดเลี้ยงเป็นกรณีพิเศษแก่บรรดานักกีฬาหนุ่ม ๆ ประเภทหมัด ๆ มวย ๆ ที่สร้างชื่อเสียงมาให้แก่ประเทศในฐานะแชมเปี้ยนอยู่เสมอ ๆ อย่างไรก็ตาม ข้างกายของท่านผู้นี้ก็ยังคงแวดล้อมไปด้วยบรรดาชายหนุ่มประเภทดาราดัง ๆ และดาวรุ่งหน้าใหม่อยู่มิได้ขาด และพวกเขาเหล่านั้นก็ยินยอมพร้อมใจทำทุกอย่างเพื่อท่านผู้นี้ ผู้ที่ทะนงตนว่าอยู่เหนือคนอื่น ๆ และไม่เคยเกรงกลัวใครหน้าไหน
"สวัสดีครับ สุขสันต์วันเกิดครับ" อเล็กซ์ยกมือไหว้ทักทายพร้อมอวยพรชายสูงวัยกว่าตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"สวัสดีอเล็กซ์ ตัวจริงหล่อกว่าที่เห็นในรูปเยอะนี่เรา" ท่านเพียงแต่พยักหน้ารับและเอ่ยทักเสียงนุ่ม
"ขอบคุณครับ" อเล็กซ์จำต้องตอบกลับตามมารยาท
"ไม่ต้องเกร็งหรอกอเล็กซ์ ฉันไม่ใช่เสือใช่สางที่ไหนทำตัวตามสบายเถอะ แค่เธอมาคอยอยู่ข้าง ๆ ฉันก็พอ" ท่านเอ่ยบอกพลางยกมือกระดิกนิ้วเรียกบริกรที่ผ่านมาใกล้ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแก้วไวน์แดงจากถาดโลหะสีเงินท่านหยิบแก้วที่มีเครื่อง ดื่มสีแดงส่งไปให้อเล็กซ์ และยกแก้วในมือของตนขึ้นกระทบจนเกิดเสียงดังกังวานเบา ๆ
บรรยากาศของงานเป็นไปด้วยความรื่นรมย์ แขกที่ได้รับเชิญซึ่งแม้จะดูบางตาแต่ก็ล้วนเป็นผู้อยู่ในแวดวงและเพศรสชนิด เดียวกัน การสังสรรค์จึงเป็นไปอย่างกันเองแต่ละคนกินดื่มอย่างสนุกสนานบางคนถึงขั้น เมามายจนครองสติตัวเองไม่อยู่แต่ก็มีคน คอยให้การดูแลปรนนิบัติกันแบบถึงตัวกระทั่งล่วงเข้าสู่วันใหม่ ช่วงเวลาหฤหรรษ์ของการสังสรรค์จึงสิ้นสุดลงพร้อมกับของชำร่วยที่บรรดาแขก พิเศษแต่ละคนได้รับกลับไปอย่างทั่วถึง     ก็คือบรรดาหนุ่ม ๆ ของร้านที่หิ้วปีกกลับไปให้บริการต่อกันเป็นพิเศษ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของงานวันเกิดซึ่งก็ได้รับพระรองหน้าใหม่ไปเป็นของขวัญพิเศษสำรับค่ำคืนนี้ด้วยเช่นกัน
 
"ติ๊ด ๆ "
"ติ๊ด ๆ "
"ติ๊ด ๆ "
เสียงสัญญาณเตือนข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือของหน่องซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังติดต่อกันโดยไม่ได้รับการเปิดอ่านในทันที ด้วยเหตุที่ผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์กำลังนอนหลับอย่างเป็นสุขบนที่นอนหนานุ่มแสนสบายภายในห้องนอนของเจ้าตัว
 
 
'งานเลี้ยงเพิ่งเลิก กำลังจะกลับ'  ข้อความสุดท้ายจากอเล็กซ์ถึงผู้จัดการส่วนตัวก่อนเจ้าตัวจะปิดเครื่องไป
 
"โอ๊ย! ทำไมติดต่อไม่ได้นะ... กดปุ่มจนนิ้วจะหงิกแล้วนี่" อ๊อบบ่นออกมา เมื่อทนพยายามติดต่ออเล็กซ์หลายครั้งแต่ทุกครั้งระบบตอบรับอัตโนมัติก็เพียง แต่ตอบกลับมา
"เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"
เจ้าตัวยังคงเพียรพยายามติดต่อด้วยความง่วนงุนจนกระทั่งเผลอหลับไปในที่สุด

ภาพฝัน

  • บุคคลทั่วไป

   ในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เตชวัฒน์กำลังนั่งอ่านข้อมูลของวริศรินทร์หรือไนท์อย่างละเอียด จริงอย่างที่อาของเขาว่า ไนท์ไม่ใช่นายแบบขี้เหวี่ยง ขี้วีน ไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่ก็ไม่เคยพูดกับใคร น้อยนักที่จะมีข่าวสัมภาษณ์ให้นักข่าว จนนักข่าวเรียกไนท์ว่าเจ้าชายน้ำแข็ง ส่วนเรื่องงานไม่ค่อยมีปัญหา แต่จะมีปัญหาก็ตรงนิสัยเหมือนที่อาของเขาบอก

   เตชวัฒน์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อนึกถึงปัยหาที่ได้ฟังว่า ไนท์นั้นในบางครั้งเหมือนกับล่องลอยไปไกล และมีการกระทำที่เหมือนจะฆ่าตัวตายในทุกเมื่อ

   “อยากให้สายลม ช่วยกล่อมให้ฉันตายตาหลับ ให้ฉันลืม หมดทุก ทุกสิ่ง”

   เสียงเพลงที่ได้ยิน กับร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่บนราวระเบียง เขายอมรับว่าร่างนั้นดูเหมือนจะแหลกสลาย ภาพที่แขนเรียวยกขึ้นเหมือนจะโบยบิน เขายกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากตัวเอง ยังจำได้ถึงความเย็นที่สัมผัสมาอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มสลัดหัวไล่ความคิดฟุ่งซ่านออกไป มีเรื่องอีกเยอะที่เขาต้องทำความเข้าใจในฐานะผู้จัดการส่วนตัว แล้วเขารู้เรื่องดารานักร้องที่ไหน เท่าที่รู้มาคร่าวๆ จากผู้จัดการคนก่อนของไนท์ ไนท์มีคนไม่ชอบหน้าเยอะพอสมควร และเคยโดนกลั่นแกล้งอยู่เ็นประจำ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจหรือว่ามีปฏิกิริยาอะไร นอกจากความเมินเฉย และสิ่งที่เหล่าผู้จัดการส่วนใหญ่ทนไม่ได้คือความเงียบ และ ความหวาดผวะที่ต้องคอยดูแลไนท์

   “ผมเคยเปิดเข้าไปในห้องไนท์นอนนิ่งเย็นเฉียบอยู่กับพื้น ผมตกใจรีบพาให้หาหมอที่โรงพยาบาล แต่ที่ไหนได้กลับกินยานอนหลังมากไปทำให้หลับยาว ตอนนั้นผมหัวใจแทบวาย แล้วต่อมาไปงานที่ริมทะเล เกิดความผิดพลาดฉากจะล้มลงมาใส่ แต่ไนท์กลับไม่เดินหนีทั้งๆที่แค่ขยับตัวก็หนีได้ แต่ไม่ทำ แล้วยังมีอีกวันที่ผมเข้าไปหาในห้องไม่เจอจนผมเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ไนทืกลับนอนตัวซีดอยู่ในอ่าง ผมนึกว่าไนท์ตายไปแล้ว ผมทนไม่ไหวกับการทำงานที่เครียดตลอดเวลา ต้องคอยระแวงว่าวันนี้เปิดประตูเข้าไปไนท์จะนอนตายหรือเปล่า” อดีตผู้จัดการหลายคนเล่าการกระทำของไนท์ออกมาคล้ายๆกัน ในเรื่องของความเครียดในการทำงาน

   เตชวัฒน์ยกมืดขึ้นดึงสันจมูกของตนเอง เขายอมรับว่าหนีกใจเมื่อฟังการกระทำที่ผ่านมา และเขาเองก็เห็นมากับตา กับการที่ไนท์ขึ้นไยืนร้องเพลงอยู่บนราวระเบียงของตึกชั้น13 ซึ่งถ้ากลาดเจ้าตัวร่วงตกลงไป เขาแน่ใจว่าไนท์คงไม่รอด เตชวัฒน์ครุ่นคิดถึงอาการของไนท์ตามที่ฟังมาแล้วลองเสิร์ชหาข้องมูลใน Google เขาได้ข้อมูงมาคร่าวๆว่ามันเป็นการป่วยทางจิตชนิดหนึ่ง อาการป่วยที่เรียกว่าโรคซึมเซา เขาอ่านรายละเอียดคร่าวๆมีหลายข้อที่ตรงกับไนท์ แต่แนวทางการรักษาก็คือตจ้องทำให้เจ้าตัวอยากจะมีชีวิตอยู่ ส่วนใหญ่รักษาด้วยการใช้จิตบำบัด หรือทานยา และเขาก็ไม่รู้ว่าไนท์ได้กินยาอะไรอยู่หรือเปล่า  ถึงจะหาข้อมูลยังไงสุดท้ายเขาก็รู้ว่าเขาทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เตชวัฒน์ถอนหายใจอีกครั้ง ทุกอย่างมันดูยุ่งยากตั้งแต่ยังไม่เริ่ม อาวุฒของเขาก็เข้าใจหางานมาให้เริ่มทำ    ในที่สุดเตชวัฒน์ก็ตัดสินใจโทรหาวุฒิพล

   “อะไรกันตาเตดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก” คำทักของผู้เป็นอาทำให้เขาเหลือบมองเวลา นี่มันใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว

   “ขอโทษครับอา ผมกำลังดูข้อมูลของไนท์อยู่ แล้วสงสัยอะไรบ่างอย่าง” เขาบอกจุดประสงค์ของเขาออกไป แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากปลายสาย

   “ตาเต ข้อมูลบางทีมันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ นี่มันโลกมายา จะใส่สีตีไข่ เติมโน่นเติมยี่ยังไงก็ได้ ไอ้คนที่หน้าฉากเป็นเด็กดีหลังฉากแย่ๆมีเยอะไป เราไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นยังไง ยกเว้นจนกว่าจะสัมผัสเข้าไปในส่วนลึก เพราะฉะนั้นแกเลิกคิดมากไปนอนได้แล้ว และพรุ่งนี้ก็เริ่มงานโดยการไปรับไนท์ที่คอนโด กุญแจห้องห้องในไปเอาที่ล๊อบบี้อาจัดการให้แล้ว ไปนอนซะ” เขาเองก็ลืมคิดไป ดีที่อาของเขาเตือนสติ ข้อมูลที่หาอ่านได้ตามอินเตอร์เนตส่วนใหญ่ได้รับการใส่สีตีไข่มาเรียบร้อยแล้ว เตชวัฒน์ได้แต่บอกลาผู้เป็นอาแล้ววางสาย

   เขาปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ภาพของไนท์ยังคงอยู่ในหัว กับเสียงเพลงแผ่วๆ เสียงของไนท์ที่ไม่ได้หวานแต่ติดที่จะแหบมากกว่าด้วยซ้ำ

   “อยากจะฝันดี ไม่ตื่น มาพบความจริง”

   เสียงของไนท์ยังคงก้องอยู่ในหู ภาพรอยยิ้มจางๆกับริมฝีปากที่ประทับลงมา อะไรบางอย่างในตัวไนท์ กำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปใกล้




.......................................



   ตอนเช้าชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กับกาเกงยีนส์เข้ารูป เขาฉีกน้ำหอมจางๆ ปกติความประทับใจแรกพบนั้นสำคัญที่สุด แต่เขากับไนท์เจอกันแล้วเมื่อวานนี้ เขาสำรวจความเรียบร้อยของตนเอง ก่อนจะหยิบกุญแจรถเดินออกไป วันนี้เป็นแรกในการเริ่มงานใหม่ พอมานึกถึงตรงนี้แล้วเขาย้อนนึกกลับไปถึงวันแรกที่เรียนจบแล้วออกไปหางานทำ วันแรกๆ เขาเองก็ตื่นเต้นแบบนี้ แม้เวลาจะผ่านมานายพอสมควรแล้วก็เถอะ เตชวัฒน์เดินไปที่รถแล้วสตาร์ทรถออก หยิบจีพีอาร์เอสมาตั้งสถานที่ๆ เขาจะไป นั่นก็คือคอนโดของวริศรินทร์ นั่นเอง

   เขาไปรับคีการ์ดที่ลีอบบี้แล้วเดินตรงเข้าไปขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นบนสุด การตกแต่งของคอนโดแห่งนี้ ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูหรูหราอยู่ในตัวเอง เขาเดินไปถึงเลขห้องของไนท์ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดกริ่งที่หน้าประตู แต่ก็มีแต่ความเงียบ กดอีกหลายครั้งก็ไม่มีการตอบรับ หรือไนท์จะไม่อยู่ที่ห้องแต่ก็ไม่น่าใช่ เขาตัดสินใจไขกุญแจห้องเข้าไป

   “วริศรินทร์” ชายหนุ่มมองไปรอบๆห้อง รอบห้องมีแต่ความเงียบ เขาเปิดประตูห้องที่อยู่ใกล้มือเป็นประตูห้องน้ำ จนในที่สุดเขาก็เปิดมาถึงประตูที่คาดว่าเป็นห้องนอน

   “วริศรินทร์” เขาเรียกอีกครั้ง ก็มีแต่ความเงียบ เตชวัฒน์เปิดประตูห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ เขาพบว่าไนท์ว่านอนหมดสติอยู่ที่พื้น

   “วริศรินทร์” เขาประคองศรีษะของไนทร์ขึ้นมาแล้วอุ้มไปวางไว้บนเตียง

   “ไนท์” เขาเรียกซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่รู้สึกตัว เขาตบแก้มในแผ่วเบา จนดวงตาสีดำคู่สวยค่อยๆ ปรือขึ้นมา

   “ไนท์” ชายหนุ่มร้องอย่างดีใจปนโล่งอกที่อีกฝ่ายรู้สึกตัว แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงเรียบเฉย ดวงตาของไนท์มองเตชวัฒน์อย่างเหนื่อยอ่อน

   “พี่เต เป็นผู้จัดการของไนท์ไง เตชวัฒน์หลานชายของ วุฒิพล เมื่อวานอาวัฒบอกแล้วนี่ว่าพี่จะมาเป็นผู้จัดการให้เรา” เขาแนะนำตัวเองอีกครั้ง

   “ไหวไหมไนท์” ชายหนุ่มเป็นห่วงร่างตรงหน้าที่ยังคงสะลึมสะลืออยู่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   “พี่เต” เสียงแหบแห้งที่เอ่ยชื่อของเขาออกมากับสายตาเหนื่อยอ่อนที่แลดูอ่อนเพลีย

   “ไนท์จะเอาอะไรหรือเปล่า ไม่สบาย เจ็บตรงไหนไหมตอนล้ม” เขาสำรวจใบหน้าอีกฝ่ายลูบหลังอย่างปลอบประโลมด้วยความลืมตัว แต่ร่างที่อ่อนแรงกลับมองเขานิ่งเฉย มองเขาอยู่นานจนชายหนุ่มรู้สึกตัวเขาเลยถอยห่างออกมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิด

   “ต้องการอะไรไหม เดี๋ยวพี่ไปเอาให้” เขาถามย้ำอีกครั้ง ไนท์มองไปรอบๆห้องแล้วเงียบก่อนจะหันมามองเตชวัฒน์อีกครั้ง

   “หิว” เสียงแหบแห้งจนเหมือนจะเลือนหาย คำพูดสั้นๆที่กลาวออกมาแล้วเงียบหายไป เหลือเพียงดวงตาที่ยังคงจ้องมองมายังเขา


.............................................


เรื่องนี้ไม่ดราม่าค่า ไม่ต้องกลัววว

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
วิธีการดูแลคนอยากตายตลอดเวลาอย่างนี้ไม่ยาก
เตก็เก็บผ้าเก็บผ่อนย้ายมาอยู่ดูแลไนท์แบบใกล้ชิดซะ
ไปไหนไปด้วย  ก็ผู้จัดการส่วนตัวอยู่แล้วนี่นา

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่เตงานหนักเลย
คงต้องดูแลน้องไนท์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ปล่อยไว้หลุดไปโลกหน้าแน่ :monkeysad:

สายลมห่มฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
พออ่านถึงเรื่องนี้แล้ว รู้สึกว่านักเขียนพยายามจะเชื่อมโยงกัน
ก็รู้ว่าคงไม่วุ่นวายหรอก แต่แค่คิดๆดูว่า ชื่อตัวละครมันออกไปทางแตกต่างกันหน่อยนะครับ เหมือนมาคนละโทนไป
เช่น หน่อง-หรั่ง ปลายฟ้า-สายลม วริศรินทร์-เตชวัฒน์ อะไรอย่างเนี๊ยอ่ะฮะ เหมือนมัน Born to be มากไป
คือถ้าพี่ๆ จะเชื่อยมโยงกันจริงๆ น่าจะกำหนดชื่อตัวละครให้มันไปในโทนเดียวกันแต่แรก แล้วค่อยมาแตกย่อยซอยกันไป

หวังว่าคอมเม้นผมคงไม่ได้ทำให้ก่อดราม่านะครับ ถือว่าเป็นคำติเพื่อปรับปรุงละกันเนอะ
เพราะยังไงได้หลงกลเข้ามาอ่านเรนเจอร์ทั้ง 7 แล้ว งานนี้มีได้ตาลายกันไปข้างหนึ่งเลย 5555

ตอนหลังคุณจะรู้ว่าทุกเรื่องมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนละแนวกันเลยนะครับ เพราะมัน เกิดมาเพื่อบทนี้จริงๆ แล้วคุณจะรู้วาสีรุ้งแต่ละสีมันเป็นยังไง เม้นไม่ก่อมาม่าหรอกครับ อิ่มแล้ว  :laugh:

ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะนะครับ  :pig4:

runynam

  • บุคคลทั่วไป
เรนเจอร์สีเขียว ออกแนว ซอมบี้นี่เอง..
อยากอ่านแล้วอ่ะค่ะ
จะรอตอนแรกนะค่ะ :กอด1: :L2:

runynam

  • บุคคลทั่วไป
ชะอุ้ยยยยยย
เปิดเรื่องมาก็ร้ายสมชื่อเรื่องเลยนะค่ะ o18 o18
จะรออ่านตอนต่อไป :L2:
ปล.โปรเจคนี้ รุนแรงทุกเรื่อง o18

สายลมห่มฟ้า

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่ 2 คู่ปรับ
   

เนไรว่า โปรดักชั่น
   ตัวอักษรขนาดใหญ่หน้าตึกสูงใหญ่ระฟ้า เพื่อบอกชื่อของบริษัทผู้เป็นเจ้าของมัน เนไรว่า โปรดักชั่น เป็นบริษัทนายวุฒิพลเจ้าพ่อแห่งวงการบันเทิง ไม่มีเรื่องใดในวงการจะลอดพ้นสายตาเขาไปได้ ทำให้ค่ายเล็ก ๆ ต่างไม่อยากมีเรื่องด้วย เพราะกิจการที่มีอยู่ทั้งหมดอาจถูกทำลายลงได้เพียงชั่วข้ามคืน ด้วยอำนาจและอิทธิพลของนายวุฒิพล
   
    ปลายฟ้าถูกสั่งให้เขามาที่บริษัทแต่เช้า เพื่อถ่ายแบบคู่กับนักแสดงหนุ่มอีกคน เพราะปลายฟ้าติดงานแถลงข่าวของหม่อมเอียดในช่วงบ่าย ทำให้ต้องเสริมตารางงานเพิ่มขึ้นมา ส่วนคนที่ถ่ายแบบคู่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ทางบริษัทไม่ได้บอกมา ความสงสัยถึงจะมีอยู่แต่ก็ไม่เป็นผลต่อเขา เพราะงานก็คืองานถึงจะถ่ายคู่กับใคร เขาก็ต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดอยู่แล้ว
   ห้องสตูดิโอขนาดใหญ่ที่ชั้น 10 ถูกจัดตกแต่งไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ขาดเพียงนายแบบที่ยังเดินทางมาไม่ถึงเท่านั้น
“สวัสดีครับพี่เพชร พี่โอ ลำบากต้องตื่นแต่เช้าเพราะผมเลยนะครับ”
ปลายฟ้ายกมือไหว้ทักทายช่างภาพกับฝ่ายกราฟฟิคที่มาเซ็ตสถานที่รออยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับปลายฟ้า ปลายฟ้าต่างหากที่ลำบากต้องตื่นมาทำงานตั้งแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ไม่เหนื่อยเท่าพวกพี่หรอกมั้ง ผมซื้อขนมกับกาแฟมาฝาก เดี๋ยวพี่สายลมคงตามเอามาให้นะครับ ผมขอตัวไปแต่งหน้าก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาพวกพี่ ๆ” ปลายฟ้ายิ้มอย่างสดใสให้ทั้งสองคน
ระหว่างทางปลายฟ้าเดินทักทีมงานเกือบทุกคน เพราะส่วนมากเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว จากการร่วมงานกันบ่อย ๆ
สายลมตามหลังเข้ามาพร้อมกับหิ้วตะกร้าที่มีแก้วกาแฟร้อนอัดอยู่จนเต็ม ขนมปังหลากหลายชนิดถูกหิ้วใส่ถุงอยู่อีกข้าง
“พี่เพชรพี่โอกาแฟกับขนมครับ”
สายลมหยิบกาแฟกับขนมส่งให้ทั้งสองคนที่กำลังคุยเรื่องงานอยู่ ก่อนที่จะเรียกทีมงานคนอื่น ๆ มากิน
“สายลมพี่ว่าเอ็งโชคดีว่ะที่ได้ดูแลปลายฟ้า เด็กอะไรหน้าตาดีไม่พอนิสัยยังดีมากอีกด้วย ขนาดดังแบบนี้ยังไม่จุกจิกเรื่องมากให้เห็นเลย” เพชรตากล้องมืออันดับต้น ๆ ของบริษัทเอยชมปลายฟ้าอย่างพอใจ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่เพชร” สายลมยิ้มอย่างภูมิใจกับภาพลักษณ์ของปลายฟ้าในสายตาคนอื่น
“แต่ว่าวันนี้ปลายฟ้าต้องถ่ายแบบกับใครครับพี่ ไม่มีใครบอกผมเลยตอนโทรมาสั่งเมื่อวานนี้”
“อ๋อ!! ก็ถ่ายกับไนท์ วริศรินทร์ สายลมก็พอจะรู้จักไม่ใช่เหรอ”
“ครับ ครับ รู้จักครับ”
คำบอกของเพชรทำเอาสายลมถึงกับแปลกใจ ไนท์เป็นนักแสดงคิวบู๊ที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ด้วยบุคลิกที่ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ทำให้งานของเขาน้อยตามไปด้วย ถึงหน้าตาจะดูหล่อเหลาพอใช้ได้ แต่ถ้าเทียบกับปลายฟ้าก็ถือว่ายังห่างชั้น แถมการทำให้เขายิ้มให้ได้นั้นยากยิ่งกว่าสิ่งใด
ขณะที่กำลังคิดเรื่องไนท์อยู่ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งเดินเข้ามา สายลมหันไปมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้าราบเรียบนั้น แต่เขาก็ยังสังเกตเห็นบางอย่างในแววตาของเด็กคนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแตกต่างจากปลายฟ้า
“ไนท์มาทางนี้เลยค่ะ” ช่างแต่งหน้าตะโกนเรียกเมื่อมองเห็นนายแบบมาถึงแล้ว
ไนท์เดินผ่านทุกคนเข้าไปด้านในโดยแค่หันมองหน้าเท่านั้น
“นิสัยไม่เปลี่ยนเลย ไม่รู้ท่านประธานนึกยังไงให้มาถ่ายแบบคู่กับปลายฟ้า” โอฝ่ายกราฟฟิคกระซิบคุยกับเพชร
“คงต้องการให้ความสดใสของปลายฟ้าช่วยดึงไนท์ขึ้นมาล่ะมั้ง” เพชรตอบก่อนเดินไปตรวจอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับถ่ายรูป

“อ่าวไนท์นายเองเหรอ ผมก็นึกว่าให่มาถ่ายแบบคู่กับใครเสียอีก” ปลายฟ้ายิ้มอย่างสดใสให้เพื่อนนายแบบ
..........
ไนท์ไม่ตอบ ทำเพียงหันมามองหน้าคนที่ทักตัวเองก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างเพื่อแต่งหน้า
ปลายฟ้ากับไนท์ถือว่าเป็นนักแสดงที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน และเข้ามาอยู่ที่บริษัทนี้ใกล้ ๆ กัน และเคยร่วมงานกันมาบ้างประปราย ทั้งสองคนเหมือนเป็นขั้วต่างกันของบริษัท คนหนึ่งสดใสร่างเริ่งเป็นที่รู้จักของทุกคน กับอีกคนเก็บตัวเงียบขรึมแทบจะไม่คุยกับใครเลย
“นายนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะไนท์ ไม่คุยกับคนอื่นถ้าไม่จำเป็น” ปลายฟ้ายิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามแม่จะไม่ได้รับการตอบรับกลับมาก็ตาม
“น้องปลายฟ้านี่ดีนะค่ะกล้าทักกับน้องไนท์ด้วย เป็นพี่ไม่กล้าหรอกกลัวเขาไม่ทักตอบหน้าแตกแย่เลย” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองจีบปากพูดเบา ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง แต่พี่เจอเขาบ่อย ๆ ก็ชวนเขาคุยเยอะสิครับ ไนท์เขาก็คงอยากมีเพื่อนคุยเหมือนกัน แต่เขาคงทำตัวไม่ถูกไงครับ” ปลายฟ้ายิ้มให้คนที่พูดด้วยอย่างสดใส จนฝ่ายที่เห็นอดเขินขึ้นมาไม่ได้
“น้องปลายฟ้านี่ช่างใจดีเหลือเกินนะค่ะ อ่ะ เสร็จแล้วค่ะเดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดนะค่ะจะได้เริ่มถ่ายได้เลย ช่วงบ่ายมีงานแถลงข่าวต่อนี่นา”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” รอยยิ้มไม่เคยเลือนหายไปจากใบหน้าของปลายฟ้าเลยแม้แต่น้อย

การถ่ายแบบเป็นไปอย่างราบรื่น ไนท์ก็ไม่ได้ทำให้การทำงานของปลายฟ้าล่าช้าแต่อย่างใด
“ไนท์ถ่ายแบบออกมาดูดีมากเลยนะ” ปลายฟ้าชมขณะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากงานเสร็จ
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเหมือนเดิม ไนท์เพียงหันมามองหน้านิดหน่อยก่อนเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวกลับคืน
ปลายฟ้าออกมาก่อนเพราะว่ามีงานแถลงข่าวรออยู่ ปลายฟ้าทักทายพูดคุยกับประธานบริษัทเล็กน้อย เหมือนท่านจะแนะนำใครบางคนให้รู้จัก แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอจึงขอตัวออกมาก่อน

ปึ้ง!!
“แม่ง หยิ่งฉิบหายเลย พูดด้วยไม่คิดจะตอบสักคำ มันคิดว่าบ้านมันรวยมาจากไหนกัน”
ปลายฟ้าเตะเบาะรถด้านหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถตู้ส่วนตัว
“ใจเย็น ๆ สิฟ้า ฟ้าก็รู้นี่ว่าไนท์มันเป็นเด็กมีปัญหา อย่าไปถือสาเลย” สายลมรู้อยู่แล้วว่าต้องมีเหตุแบบนี้
“แต่พี่สายลมคิดดูสิครับ ผมพูดด้วยตั้งเยอะ จะตอบผมสักครั้งยังไม่มีเลย คนอื่นไม่มองผมเป็นตัวตลกแย่แล้วเหรอป่านนี้” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจอยู่มาก
“ไม่หรอกครับ ดีแล้วแบบนี้คนอื่นเขาคิดว่าฟ้าใจกว้างเข้าใจคนแบบไนท์ได้ไงครับ”
“ผมนะหรอเข้าใจ ตอนนี้แค่นึกถึงหน้ามันผมก็โมโหแล้ว”
“เอาน่าฟ้า ฟ้าต้องทำใจให้ได้นะครับ เพราะอีกหน่อยต้องร่วมงานกันอีกเยอะ”
คำพูดของสายลมทำเอาปลายฟ้าแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถามต่อเพราะว่ายังไม่อยากรู้รายละเอียดตอนนี้
ตรืดดดดดดด ตรืดดดดดด
โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของปลายฟ้าสั่นขณะกำลังนั่งหลับตาสงบสติอารมณ์อยู่ ปลายฟ้าหยิบขึ้นมาดูก่อนยิ้มออกมาพร้อมกดรับสาย
“ฮัลโหล พี่ก้องมีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาแต่เช้าเลย” ปลายฟ้าปรับเสียงปรับอารมณ์ทันที
“เช้าที่ไหนใกล้เที่ยงแล้ว ถ่ายแบบเช้าเป็นยังไงบ้างครับเหนื่อยไหม” เสียงถามไถ่ด้วยความห่วงใยทำให้ปลายฟ้าอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“ก็เรียบร้อยดีครับ ว่าแต่พี่เถอะ ที่กองถ่ายเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ พี่ห่วงแต่ปลายฟ้านั่นแหละ เดี๋ยวมีแถลงข่าวหนังหม่อมเอียดอีกไม่ใช่หรือครับ”
“ครับ กำลังเดินทางไปสักพักคงถึงแล้วครับ”
“งั้นตั้งใจให้เต็มที่นะครับ พี่เอาใจช่วย”
“ขอบคุณครับ พี่ก็ตั้งใจทำงานนะครับ”
“ครับ แค่นี้ก่อนนะพี่ต้องไปถ่ายต่อแล้ว เดี๋ยวพี่โทรหาใหม่”
“ครับ” ปลายฟ้าเริ่มมีรอยยิ้มกลับมาอีกครั้ง
การสนทนาของทั้งสองคนไม่พ้นการรับรู้ของสายลม ถึงเขาจะไม่เห็นด้วยกับการที่ทั้งสองคนคบกัน แต่มันก็ทำให้ปลายฟ้าพอจะมีความสุขขึ้นมาได้บ้างเขาก็เลยจำใจยอม แม่ว่าจะรู้สึกเจ็บในใจทุกครั้งที่ต้องอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้


========> โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2011 15:16:17 โดย สายลมห่มฟ้า »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






runynam

  • บุคคลทั่วไป
เอิ่มมม  เรื่องนี้ไม่ดราม่า
แต่เรนเจอร์ทุกสี เรื่องก็สุดแสนจะไม่ธรรมดาสักเรื่อง
55555
จะรออ่านตอนต่อไปปปป
ว่าแต่ เตจะดูแลไนท์อย่างไรล่ะ สงสัยคงต้องส่งเข้าเรือนหออย่างเดียวซะละมั้ง
 o18 o18

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
ทุกคนใช้ชื่อใหม่สมัครกันใหม่หมดเลยค่ะ
เพราะฉะนั้นลองเดากันดูนะคะว่าใครแปลงร่างเป็นใครกันบ้าง 555
ขอบคุณครับป้านัทที่แนะนำ  555 
ใครน้อชอบเขียนเรื่องวิญญาน  น่ากลัวๆ  55

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว ตกลงเตเป็นพี่???
รู้สึกวันแรกที่เริ่มทำงานน้องไนท์ก็หางานให้พี่เตซะและ

runynam

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: ยังไม่ได้อ่านตอนที่สิบ อยู่ดีๆ เรื่องเพลิงพราย หายไปซะังั้น
แต่ดีใจมั่กมาก พี่จงกลนีมาลงใหม่แล้ว (นึกว่าจะอดอ่านซะแล้วว :monkeysad:)
เข้ามาอ่านอีกรอบ ก็ยังคงนึกถึงภาพสยอดสยองอยู่แล้ว :freeze:
ปล. เป็นกำลังใจให้นะค่ะ มาลงต่อไวไว :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:

runynam

  • บุคคลทั่วไป
ยะฮู้...รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆๆ
ปลายฟ้านี่ท่าจะ แรงงงงงงงงงงงงง
ขบวนการเรนเจอร์สีน้ำเงิน ปะทะกับ สีม่วงแห่งเพริงพลาย
สนุกดีแท้  o18 o18
เอ...จะว่าไป หรั่งจะมาหักคอปลายฟ้าด้วยปะเนี้ยะ :confuse: :confuse:
 :laugh: :laugh: ล้อเล่นน่า..(คงไม่หรอกมั้ง...อิอิ)
จะรอตอนต่อไปค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: The rainbow project [Blue] "หยุดหัวใจ
«ตอบ #165 เมื่อ17-05-2011 15:36:06 »

"ไนท์เป็นนักแสดงคิวบู๊ที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ด้วยบุคลิกที่ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ทำให้งานของเขาน้อยตามไปด้วย ถึงหน้าตาจะดูหล่อเหลาพอใช้ได้ แต่ถ้าเทียบกับปลายฟ้าก็ถือว่ายังห่างชั้น"
ยังอ่านไม่ทันจบ  เจอประโยคนี้เข้าไปขอเมนท์ก่อน  เกทับกันจ๊างงงงงงง
แหม แหม  ไนท์ที่ว่าแน่จากอีกเรื่องกลายเป็นห่างชั้นจากปลายฟ้าในเรื่องนี้ไปเลย  กร๊ากกกกก

อ่านจบแล้วกลับมาเมนท์ต่ออีกหน่อย
คนแต่งทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าปลายฟ้านี่แหละนักแสดงจริง ๆ
ต่อหน้าคนอื่นไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
จริง ๆ อยากบอกว่าต่อหน้าอย่าง  ลับหลังอย่างก็ดูจะแรงไป
สงสารก็แต่สายลม  คอยดูแลไว้ให้คนอื่นได้เชยชมหรือเปล่าเนี่ยะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2011 15:55:31 โดย iforgive »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เปล่าแค่อัพไปหนนึงแล้วจนถึงตอนที่ 9 แล้วต้องมาอัพใหม่อีกครั้ง ยอดคนอ่าน 3 พันกว่า แต่ตอนนี้
3 ร้อยยังไม่ถึงเลยค่ะ so said มากมาย
โทะ..โถ..คุณนีขา อิ อิ อิ คนอื่นเค้าเรียกเจ๊จง แต่อิฉันจะเรียกคุณนี ก็ตอนที่มาอัพใหม่นี่พึ่งอัพได้ไม่กี่วันนี่คะ
อีกประเดี๋ยวเดี๊ยนรับรองว่า ยอดคนอ่านพุ่งปรี๊ดเจ้าค่ะ ก็โปรเจคนี้ของเค้าดีจริงๆนี่นา ดูนักเขียนแต่ละคนที่ร่วมโปรเจคดิ
มือทองทั้งนั้น เดี๊ยนรออ่านต่อตอนที่ค้างไว้อยู่นะคะ
 :o12:ไปนั่งทางในดูดีกว่า ว่าใครเป็นใครในรุ้งเจ็ดสีนี่ อยากได้ของรางวัลอ้ะ

runynam

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องแรกที่จับเอา ชะนี กับ กวาง
มาแข่งกัน
โอ้ววววววววววววววว :laugh: :laugh: สุดยอดมากกกกกกก
ขอยกนิ้วให้กับความแรงงงงงงงงงงงงง o13 o13 o13
เรนเจอร์สีแดง แร๊งงงงงงงงงงงได้ใจไปเลยยย
SHE's THE ONE
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
มาแล้วเรนเจอร์สีแดง  มาพร้อมกับความมันเลยนะครับพี่     

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หวังว่าตอนนี้นิยายโปรเจคใหญ่ของเราคงเข้าที่เข้าทางดีแล้วนะคะ

อ้าว..ปลายฟ้าที่ดูfriendlyนี่ จริงๆแล้วคือการสร้างภาพเหรอคะ อืม..ช่างสมกับคำว่าวงการมายาจริงๆเลย
อยากรู้ต่ออีกจังเลยจ้าว่า ปลายฟ้า สายลม ไนท์ ก้อง สี่คนนี้จะเกี่ยวพันกันอย่างไรต่อไป
แล้วแต่ละคนมีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วจริงๆใครจะได้หยุดหัวใจที่ปลายฟ้า จะรออ่านค่ะ


ป.ล."สายลมห่มฟ้า" ชื่อย้าวยาว อยากเรียกสั้นๆจ้ะ จะให้เรียกว่า "ลม" หรือ "ฟ้า" ก็ไปซ้ำกับชื่อตัวละครในเรื่อง
เอางั้นก็เรียกยาวๆว่า "สายลมห่มฟ้า" นี่แหละเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ คนริมคลอง

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-1
หลงอยู่ในกอบัวหลายวัน หาทางออกมาให้กำลังใจได้แล้วครับ


yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ว้าว..ว้าว..มาแล้วสีแดงร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง 
สงครามครั้งนี้คงรุนแรงยิ่งกว่าสงครามใดๆ
ใครใคร่เชียร์เมย์ หรือ ใคร่เชียร์เทียน ก็เชียร์ไป
ดิฉันไม่เชียร์ใคร รอให้สองคนนั่นฟาดฟันกันไปจนอ่อนแรง
อิ อิ อิ จะขอแซงหน้าไปโฉบคุณทานซะเอง (ถ้าไม่โดนคุณทาน ถ...บ ออกมาซะก่อน 555)
มันตั้งกะเริ่มต้นแบบนี้ ก็นั่งรอ นอนรออ่านด้วยอารมณ์มันๆจ้ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
สีคราม สีที่ใกล้เคียงกับสีม่วง เลยดูน่าค้นหาเหมือนกันรึ

เรื่องนี้ไม่มาม่า แต่ผูกเงื่อนไว้หลายเงื่อนให้ผู้อ่านคาใจ ใช่ปะคะ สงสัยดิฉันคงต้องแก้เงื่อนกันเล็บหักแน่
ไม่เคยเรียนลูกเสือซะด้วยซี เรียนยุวกาชาดก็ไม่เน้นเรื่องเงื่อน
เอาล่ะค่ะ จะค่อยๆตามไป รอให้เรื่องเค้าค่อยๆคลายเงื่อนเองดีกว่าเนาะ

 Quote from: 7~คิวปรี๊ด on 17 May, 2011, 12:40:31 PM
พออ่านถึงเรื่องนี้แล้ว รู้สึกว่านักเขียนพยายามจะเชื่อมโยงกัน
ก็รู้ว่าคงไม่วุ่นวายหรอก แต่แค่คิดๆดูว่า ชื่อตัวละครมันออกไปทางแตกต่างกันหน่อยนะครับ เหมือนมาคนละโทนไป
เช่น หน่อง-หรั่ง ปลายฟ้า-สายลม วริศรินทร์-เตชวัฒน์ อะไรอย่างเนี๊ยอ่ะฮะ เหมือนมัน Born to be มากไป
คือถ้าพี่ๆ จะเชื่อยมโยงกันจริงๆ น่าจะกำหนดชื่อตัวละครให้มันไปในโทนเดียวกันแต่แรก แล้วค่อยมาแตกย่อยซอยกันไป

หวังว่าคอมเม้นผมคงไม่ได้ทำให้ก่อดราม่านะครับ ถือว่าเป็นคำติเพื่อปรับปรุงละกันเนอะ
เพราะยังไงได้หลงกลเข้ามาอ่านเรนเจอร์ทั้ง 7 แล้ว งานนี้มีได้ตาลายกันไปข้างหนึ่งเลย 5555


อืม..ดิฉันกลับมองแบบนี้ค่ะ มองว่าสายรุ้งตัวเดียว แต่มี เจ็ดสี 
นั่นคือความแตกต่างที่อยู่ในรุ้งตัวเดียวได้อย่างสวยงามและลงตัว
หึ หึ หึ แต่จะอย่างไรก็ตามเราต่างก็หลงกล เดินตามสายรุ้งอันสวยงามเข้ามาเหมือนกันแล้ว
เราก็คงต้องมาร่วมอกร่วมใจกันตาลายโดยไม่ได้นัดหมายแน่ๆเลยเนาะ 555 (สงสัยคงต้องเปลี่ยนแว่นใหม่ด้วยแล้วมั้งดิฉันน่ะ)

ออฟไลน์ คนริมคลอง

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-1
ตาอินกับตานาแย่งปลากัน จะมีตาอยู่มาคว้าไปอีกทีไม๊เนี่ย

ร้อนแรงสมกับเป็นสีพระเพลิงเผาผลาญทุกอย่างให้มอดไหม้

k_sleepless

  • บุคคลทั่วไป
" หิวจนเป็นลม " ???? ... กรรมจริงๆ หวังว่านี่คงไม่ใช่หนึ่งในวิธีฆ่าตัวตายของนายไนท์นะนี่...ทรมานตายชัก 555555

การเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพ่อหนุ่มคนนี้นอกจากจะคอยระแวงว่าจะต้องรับมือกับการหาวิธีตายของเจ้าตัวแล้ว ยังต้องคอยกลัวว่าวันดีคืนดีจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยรึเปล่า...งานหนักจริงๆเนอะ 5555

ปอลอลิง แล้วทำไมไนท์ถึงได้เป็นโรคซึมเซาได้น๊าาาาาาาาาาาาาาาาา ???????????

เป็นกำลังให้นักสู้สีครามค่าาาาาาา   o13

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเจิมสีเขียวด้วยคนจ้ะ
วึ๋ย..เป็นตาย่าน      อุ๊ย..น่ากลัว (ขอโต๊ด..ที่ตอนแรกอุทานเป็นภาษาเสียงในฟิล์ม)

how to

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #176 เมื่อ17-05-2011 18:31:22 »

ระวังตบะแตก  :z1:

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เด็กน้อย แรงจริงอะไรจริง

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #178 เมื่อ17-05-2011 18:46:53 »

คิดว่าจะติดตามโปรเจ็คนี้ให้ครบทุกเรื่องเลยครับ  o13

how to

  • บุคคลทั่วไป
สมกับเป็นเพลิง  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด