The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)  (อ่าน 295014 ครั้ง)

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #90 เมื่อ16-05-2011 16:16:01 »

เข้ามานั่งรอติดขอบเวทีบาร์เกย์
ถ้ามีภาพประกอบด้วยจะดีมาก กร๊ากกกก!!!  :haun4:

สายลมห่มฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #91 เมื่อ16-05-2011 16:29:58 »

นั่นสิ ผมก็อยากรู้ว่าเป็นพระเอกหรือนายเอกกันแน่

เริ่มเรื่องก็เริ่มสนุกเลยครับ

hahn

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #92 เมื่อ16-05-2011 16:33:49 »

เย้ ๆ ได้เที่ยวบาร์เกย์แล้ว  :z1:

สายลมห่มฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
ปลายฟ้าผม กลายเป็นหาได้ตามตลาดไปเลย

ภาพฝัน ทำร้ายน้องฟ้าผม  :o12:

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
อ่านเรื่องนี้เจอพี่สายลมเข้าไป บรรยากาศมันดูอุ่นๆ ละมุนดีเนอะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #95 เมื่อ16-05-2011 16:44:39 »

จะกินเด็กในร้านหรือจะโดนกินเอง;)

k_sleepless

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
กั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆ มีเข้ามาตัดพ้อต่อว่ากันด้วย หุหุหุหุ....แล้วเรื่องนู้นอิมเมจไนท์จะเป็นยังไงน๊าาาาาาาาา...แอบย่องไปดูดีกว่าาาาาาา กิกิ
ปอลอลิง อ่านพร้อมกันสองเรื่องก็จะได้เห็นมุมมองสองด้าน

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
เอาไปสั้นๆ คำเดียว "ค้าง!!!"  :z3:

ออฟไลน์ papa

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 818
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-3
น่าติดตามมากก  มาต่อเร็วๆ น้า   

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เข้ามาเจิมครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
จะดราม่าไหมเนี่ย ไนท์เป็นไงอ่าทำไมถึงคิดที่จะตายง่ามีความหลังอะไรหรอ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เอะ ได้ข่าวว่า เป้นนายแบบที่หาได้ทั่วไปดาษดื่นจากเรื่องอื่น ทำไมมาเป็นนายแบบดังได้ล่ะ ปลายฟ้า



อืมเราเห็นด้วยไปอ่านเรื่องอื่นมา ปลายฟ้าเนี่ยไหนว่ามีอยู่เยอะ เอ่อ มาอ่านอันนี้กับเป็นนายแบบดังเฉยอ่ะ

เรื่องนี้เราเชียร์พี่สายลมค่า

ปล.ไรเตอรเก่งจริงๆ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เธอแรงค่ะ  ราชินีจริงๆ ชอบ อิอิ :z1:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น่าติดตามครับ

คงจะแรงไม่ใช่น้อย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เจิมสีเขียว อิอิ :mc4:

how to

  • บุคคลทั่วไป
เล็กพริกขี้หนูจริงๆ  :z1:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
สีแดงร้องแรงดั่งเพลิงพรหม เจิมๆ อิอิ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
โอ้พระเจ้า....เด็กอะไรแรงได้ใจจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เรนเจอร์สีแดงมาแล้ว

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เรนเจอร์สีเขียวมาแล้วด้วย

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เรนเจอร์สีครามมาเปิดตัวแล้ว

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #113 เมื่อ16-05-2011 20:28:31 »

เรนเจอร์สีแสดสู้ๆ

runynam

  • บุคคลทั่วไป
ออกตัวมาพร้อมกันหลายคนกับขบวนการสีรุ้ง
รอตอนแรกอยู่นะค่ะ
 :L2: :L2:

runynam

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #115 เมื่อ16-05-2011 21:21:11 »

นั่งรอติดขอบ เรนเจอร์สีแสด...
เปิดเรื่องได้สุโค่ยมากกกกก
รอตอนต่อไปค่ะ
 :L2: :L2:

จงกลนี

  • บุคคลทั่วไป
 

 
ตอนที่สอง "เพื่อนรัก"
 
แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปวูบวาบเป็นระยะ ๆ เมื่อนักข่าวบันเทิงจากทุกสื่อต่างเข้ามาแย่งถ่ายรูปในวันสำคัญวันนี้ ด้วยเป็นวันเปิดกล้องพร้อมแถลงข่าวการถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่องใหม่ยิ่งใหญ่แห่งปี ที่ทุมทุนสร้างมหาศาล อำนวยการสร้างโดย บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของวงการ ภายใต้การกำกับและดูแลโดยหม่อมเอียด นักแสดงนำและนักแสดงสมทบจึงมารวมกันคับคั่งครบทุกตัวคน นักข่าวต่างพากันแย่งสัมภาษณ์นักแสดงจนดูวุ่นวาย แต่เมื่อพิธีกรกล่าวเชิญผู้สื่อข่าวให้เข้ามานั่งยังเก้าอี้ที่ได้จัดเตรียม เอาไว้ ความโกลาหลจึงสงบลง
หลังจากช่วงเวลาของพิธีการผ่านพ้นไปความวุ่นวายก็กลับมาเยือนอีกครั้ง แต่ก็กินเวลาไม่มากนัก ด้วยเป็นเพราะนักข่าวต่างรุมสัมภาษณ์ด้วยการยิงคำถามกับนักแสดงเป็นราย ๆ ไปอย่างพร้อมเพรียงในคราวเดียวกัน จนในที่สุดก็ถึงเวลาพักรับประทานอาหารว่างที่ทางทีมงานได้จัดเตรียมรอไว้  อเล็กซ์ ที่เหน็ดเหนื่อยจากการถูกกลุ้มรุมปลีกตัวแยกออกมาหาเครื่องดื่มที่มุมกาแฟ เขาเดินเข้าไปยืนข้างชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่ง โดยที่อีกคนยังมิได้สังเกตเห็นถึงการมาของเขา มือหนาเอื้อมไปคว้าหยิบถ้วยกาแฟที่คว่ำรออยู่ แต่ก็พลาดไปฉวยเอามือของคนด้านข้างที่กำลังเอื้อมมาจับถ้วยกาแฟใบเดียวกัน ไว้ได้เสียก่อน
“ขอโทษครับเชิญคุณก่อน” อเล็กซ์ทำได้แต่เพียงกล่าวขอโทษเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มหูแบบสุภาพ พลางหันไปมองหน้าของเจ้าของมือนุ่มนั้นเต็มตาก่อนจะร้องเรียกด้วยความยินดี และเอามือออกจากมือของอีกคน
“หน่อง! หน่องใช่ไหม! เป็นหน่องจริง ๆ ใช่ไหม?” อเล็กซ์ร้องถามละล่ำละลัก
คนตรงหน้าได้แต่ทำหน้ายุ่งมองมาแบบสงสัย ว่าดาราหนุ่มรู้จักตนเองได้อย่างไร แต่เมื่อมองไปได้สักครู่ ความทรงจำเก่า ๆ ที่แสนเลือนรางก็กลับเด่นชัดขึ้นมาแทบจะทันที ภาพวงหน้าของเด็กชายเพื่อนสนิทในวัยเยาว์ซ้อนทับกันได้พอดิบพอดีกับดาราหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเปล่งเสียงร้องเรียกออกมาอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ
“หรั่ง! หรั่งจริง ๆ ด้วย หน่องจำแทบไม่ได้เลย... ไม่คิดว่าหน่องจะได้มาเจอกับหรั่งอีกนะนี่” 
 
 
หลังจากที่ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันพอประมาณ ทั้งสองก็พากันปลีกตัวไปพูดคุยอย่างออกรสอยู่ในบริเวณสวนนอกห้องจัดเลี้ยง โดยเลือกม้านั่งซึ่งถูกจัดวางไว้ริมบ่อปลาข้างสถานที่จัดงานเป็นมุมส่วนตัว เพื่อระลึกความหลังและรับรู้ความเป็นไป ของกันและกัน ภายใต้บรรยากาศของละอองน้ำฉ่ำเย็นจากน้ำพุในบ่อ และความร่มรื่นเขียวขจีของแมกไม้ในสวนซึ่งสร้างความอิ่มเอมแก่ทั้งคู่ จนเวลาผ่านมาได้ครู่ใหญ่ อ๊อบที่เดินตามหาอเล็กซ์มาซะทั่วงานก็เข้ามาถึงยังบริเวณที่เพื่อนทั้งสองคน นั่งคุยอยู่ก่อนแล้ว
“อเล็กซ์ มาอยู่นี่เอง แล้วทำไมมานั่งอยู่นี่ได้ล่ะ” อ๊อบก้าวพรวดเข้ามาพร้อมกับยิงคำถามใส่ตามวิสัยใจร้อนของเจ้าตัวแล้วก็ต้อง ชะงัก เมื่อเห็นอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันกับอเล็กซ์พลางขมวดคิ้วส่งแทนคำถามไปยัง เด็กในสังกัด
“พี่อ๊อบ... นี่หน่องเพื่อนผมเอง ไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแล้ว หน่อง... นี่พี่อ๊อบผู้จัดการเราเอง” อเล็กซ์กล่าวแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
“สวัสดีครับพี่อ๊อบ... ผมเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ๆ ของหรั่งครับ” คนตัวเล็กได้แต่กล่าวทักทายพลางกระพุ่มมือไหว้คนตรงหน้า ก่อนจะหยิบนามบัตรในกระเป๋าส่งไปให้คนอายุมากกว่า
“สวัสดีจ้ะ” อ๊อบที่ได้แต่ทักทายกลับตามมารยาท กลับต้องตาโตเมื่อเห็นว่า กระดาษใบเล็กในมือนอกจากจะระบุชื่อ  นิวัฒน์ แก่นกำภู  และเบอร์โทรศัพท์ ยังระบุตำแหน่งของคนตรงหน้าว่าเป็นผู้สื่อข่าวบันเทิงของนิตยสารชั้นดีใน เครือสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศอีกด้วย
“แหมอเล็กซ์ มีเพื่อนเป็นนักข่าวสายบันเทิงก็ไม่เคยบอกพี่สักนิดเลยนะเรา” อ๊อบทำทีแสร้งเป็นต่อว่าไปให้อเล็กซ์แบบเสียไม่ได้ แต่กลับส่งยิ้มประดิษฐ์หวานไปให้กับหน่องแบบเต็มใจ และหน่องเองก็จับสังเกตในกิริยานั้นได้
“ถ้างั้นพี่ฝากหนูเขียนเชียร์อเล็กซ์ให้พี่หน่อยได้ไหมคะ คนกันเองนะคะ ถือว่าช่วย ๆ กันทำมาหากิน แล้วนี่ได้สัมภาษณ์กันไปบ้างรึยังคะ เดี๋ยวพี่จะได้นัดสัมภาษณ์แบบส่วนตัวให้นะคะ เอาเป็นสักวันศุกร์นี้ก็ได้นะคะ อเล็กซ์เค้าว่างพอดี ส่วนเวลากับสถานที่เดี๋ยวพี่ให้อเล็กซ์เค้าโทรไปบอกตามเบอร์ในนามบัตรนะคะ” อ๊อบจีบปากจีบคอบอกระรัวตามแบบของตัวเอง
“ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมจะไปตามนัดนะครับ แต่วันนี้ผมขอถ่ายรูปหรั่งเอาไว้ก่อนนะครับพี่ วิวแถวนี้สวยดีด้วย” หน่องบอกพลางคว้ากล่องถ่ายรูปคู่มือจากกระเป๋าที่วางเอาไว้บนเก้าอี้ข้างตัว ขึ้นมาปรับโฟกัส แล้วกดชัตเตอร์เก็บภาพเพื่อนเก่าบันทึกลงในเมมโมรี่การ์ดของกล้อง
“มา ๆ เพื่อนสองคนไม่ได้เจอกันนาน มา... พี่จัดให้นะคะ น้องยืนข้าง ๆ อเล็กซ์นะ... เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” อ๊อบบอกพลางเจ้ากี้เจ้าการจัดท่าทางให้ทั้งสอง ก่อนจะแบมือขออุปกรณ์ถ่ายภาพจากมือของหน่องมากดบันทึกภาพของทั้งสองคนไปเสีย หลายรูป แล้วจึงส่งกล้องคืนกลับมาให้ผู้เป็นเจ้าของ
“เอาไว้วันศุกร์เราเจอกันใหม่นะคะ พี่ขอบคุณมากเลยค่ะ” อ๊อบบอกพลางกระพุ่มมือไหว้ด้วยความเคยชินจนคนถูกไหว้รับไหว้แทบไม่ทันจึง ต้องร้องบอก
“พี่ครับ...ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ ผมขอบคุณมากนะครับ แล้วเราเจอกันวันศุกร์นะครับ... สวัสดีครับพี่” หน่องละล่ำละลักบอกพลางกระพุ่มมือไหว้คนอาวุโสกว่า
“จ้า... วันนี้อเล็กซ์ไม่มีคิวงานที่ไหนแล้วนะคะ เชิญตามสบายเลยค่ะคุณน้อง”  อ๊อบบอกพลางหันหลังเดินจากไปช้า ๆ
เพื่อนทั้งสองใช้เวลาพูดคุยกันต่ออีกสักพักก็แยกย้ายจากกันโดยไม่ลืมที่จะแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของกันและกันเอาไว้เรียบร้อย
 
 
"แม่ครับ ทายสิว่าวันนี้หน่องไปเจอใครมา" หน่องโผกอดแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นแทบจะทันทีที่เห็นหน้า ก่อนจะเอ่ยถาม พลางเอาศีรษะถูบริเวณต้นแขนของผู้เป็นมารดาอย่างออดอ้อน
"แม่จะรู้ได้ยังไงล่ะ ไอ้ลูกคนนี้... แม่ไม่ได้ไปด้วยเสียหน่อย" คนเป็นแม่ไม่เพียงแต่เลี่ยงตอบคำถามกลับกอดรัดฟัดหอมสองแก้มของหน่องไปเสีย หลายฟอด
"หน่องถึงให้แม่ทายไงครับ" หน่องบอกพลางหัวเราะร่า
"บอกแม่มาเถอะ... แม่ไม่อยากทายแล้วจ้ะ" สุมาลีบอกพลางเอามือลูบเรือนผมนุ่มบนศีรษะของลูกชายอย่างแผ่วเบา
"แม่จำวันที่ไปรับหน่องมาอยู่ด้วยได้ไหม... ที่เพื่อนหน่องวิ่งร้องไห้ตามมาส่งหน่องจนรถของแม่กับพ่อพ้นประตูรั้วน่ะครับ" หน่องบอกพลางเอนตัวลงเอาหัวไปหนุนตักและนอนจ้องไปที่แม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย
"เพื่อนหน่องที่ชื่อ... หรั่งใช่ไหม แหมผ่านมาเป็นสิบปี ยังได้มาเจอกันอีกนะลูก ถือเป็นโชคดีของทั้งสองคนเลยนะที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง... แล้วเจอกันได้ยังไงล่ะ" สุมาลีบอกพลางยิ้มหวานส่งให้ก่อนซักถามที่มาที่ไป
"วันนี้หน่องไปทำข่าวข้างนอก เป็นงานเปิดตัวเปิดกองถ่ายหนังใหม่ของหม่อมเอียดครับ แล้วหน่องก็ไปเจอกับหรั่งที่นั่น แต่แม่รู้ไหม... ตอนนี้หรั่งเค้าเป็นดาราแล้วนะแม่ ถึงจะเป็นแค่พระรอง... แต่อีกหน่อยหน่องว่าหรั่งต้องได้เป็นพระเอกเต็มตัวแน่ ๆ เลยแม่" ชายหนุ่มเล่าพลางยิ้มตอบมารดาของตน
"ดีจัง... แม่ดีใจด้วยนะ แล้วแม่จะไปดูนะครับ แต่ตอนนี้ แม่ต้องไปทำกับข้าวก่อนแล้ว... เดี๋ยวพ่อเราเขากลับมาจะมาว่าแม่ว่าไม่ทำอาหารเย็นเอาไว้ให้ แล้วลูกหิวรึยังล่ะหน่อง" สุมาลีบอกพลางเอาหมอนอิงซุกไปใต้ศีรษะลูกชายก่อนจะกระถดตัวลุกขึ้นยืนขณะที่ ถามด้วยความเป็นห่วง
"ยังไม่หิวครับแม่ หน่องรอกินพร้อมพ่อดีกว่า" 
ลูกชายตอบพร้อมกับสำทับว่ารอผู้เป็นบิดา ด้วยรู้ดีว่าอีกไม่นานก็คงจะกลับมาถึง เพราะพ่อของเขาไม่เคยกลับถึงบ้านค่ำมากนัก หากไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้ามักจะกลับมากินข้าวพร้อมกันทุกวันอยู่เสมอ เมื่อลูกชายบอกมาแบบนั้นคุณสุมาลีจึงลุกไปเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้รอท่า ในเมื่อตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลากลับของหัวหน้าครอบครัวด้วยเช่นกัน
 
 
"เป็นไงเรา... ทำงานมาได้จะครึ่งเดือนแล้ว ได้เขียนข่าวจริง ๆ กับเขามั่งหรือยัง" ผู้เป็นพ่อถามลูกชายระหว่างมื้อค่ำบนโต๊ะอาหาร
"หน่องเขียนแล้วนะครับพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้หน่องเอาไปส่งให้ บก.ดูก่อน... แต่ข่าวนี้รับประกันว่าต้องได้ลงพิมพ์กรอบบ่ายพรุ่งนี้แน่ ๆ" เจ้าตัวตอบบิดาพร้อมสำทับด้วยความแน่ใจว่าข่าวที่เขาเขียนจะต้องได้พิมพ์ลง หนังสือ เพราะเป็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง
"มั่นใจจริงนะเรา ไปทำข่าวอะไรมาล่ะ" คนเป็นพ่อถามกระเซ้า พร้อมกับหัวเราะถูกใจ
"ก็ข่าวเปิดกล้องหนังของหม่อมเอียดไงครับ ข่าวใหญ่ขนาดนั้น... ยังไงเค้าก็ต้องเอาของหน่องลงอยู่ดีแหละครับ" ชายหนุ่มตอบเฉลยพร้อมหัวเราะร่าให้กับบิดา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"วันนี้นะ... พ่อรู้ไหมว่าหน่องไปเจอใครมาด้วยล่ะพ่อ"
"ก็ไปเจอหม่อมเอียดกับดาราน่ะสิ... ไอ้ลูกคนนี้นี่ถามแปลก ๆ" บิดาตอบกลั้วหัวเราะพลางยกยิ้มยั่วกลับไปให้ลูกชาย
"โหพ่อ... ตอบแบบนี้แล้วหน่องจะไปต่อถูกไหมนั่น  คืออย่างนี้พ่อ... พ่อจำวันที่ไปรับหน่องมาอยู่ด้วยได้ไหมครับ เพื่อนหน่องคนที่วิ่งร้องไห้ตามหลังรถพ่อมาส่งหน่องไงครับ"
"เอ... เพื่อนหน่องคนนั้น... แต่ผ่านมาหลายปีแล้วนะหน่อง พ่อจำชื่อไม่ได้แล้วนะ" ผู้เป็นบิดาตอบจริงจังพลางหยุดยิ้มและหันไปมองหน้าของบุตรชายช้า ๆ อย่างตั้งใจฟังความต่อ
"หรั่งไงครับพ่อ ตอนนี้หรั่งเค้าเป็นดาราแล้ว... เป็นพระรองด้วย เล่นประกบพระเอกดังในหนังของหม่อมเอียดด้วยนะพ่อ... หน่องมีเพื่อนเป็นดารานะพ่อ" เจ้าตัวตอบพลางหัวเราะร่าและรอยยิ้มเต็มหน้าไปให้บิดา
"อ้าว... อย่างนี้ก็ขอสัมภาษณ์ตัวต่อตัวลงสกู๊ปพิเศษเลยสิ ในฐานะดาราเพื่อนของนักข่าว" อธิปกล่าวกระเซ้าเย้ายั่ว
"หน่องนัดไว้แล้วครับ... วันมะรืนนี้แหละ ยังไงพรุ่งนี้เช้าหน่องก็ต้องไปบอก บก.ที่ออฟฟิศก่อนอยู่ดี" หน่องคลี่ยิ้มบอกอย่างภาคภูมิใจที่ตัวเองได้โอกาสนำเสนองานสำคัญ
 
 
อเล็กซ์กำลังนอนแช่ในอ่างน้ำอุ่นที่มีฟองครีมขาวละเอียดของครีมบาธหอม ฟุ้งไปทั่วทั้งห้องปกคลุมตัวอยู่ ชายหนุ่มนอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข เพราะสายน้ำและกลิ่นหอมช่วยผ่อนคลายความเมื่อล้าของร่างกายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับในวันนี้ เขาดีใจที่ได้เจอเพื่อนรักซึ่งห่างหายจากกันไปเป็นสิบปี ด้วยนับจากวันที่เพื่อนรักจากไปเขาทั้งสองก็ไม่ได้พบเจอกันอีกเลย และไม่เคยได้ข่าวของกันและกันแม้แต่น้อย วันนี้เขามีความสุข หัวใจพองฟูจนคับอก และเป็นหนึ่งในเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งของเขา จนอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมาคนเดียว
ในวันนี้เขาเหมือนได้วันเวลาเก่า ๆ ที่เลือนหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง พรุ่งนี้เขาจะโทรไปชวนหน่องให้มาที่บ้านของเขา คอนโดที่เขาอยู่ เพื่อจะได้นัดสัมภาษณ์ให้เรียบร้อย แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นข้ออ้างที่จะได้ทำให้เขากับเพื่อนได้เจอกันอีกครั้งเท่านั้นเอง 'แบบนี้ต้องฉลอง' เมื่อคิดได้ เขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกดระบายน้ำในอ่างออกก่อนเปิดฝักบัวให้สายน้ำเย็นจัด ไหลรดลงบนร่างเพื่อชะล้างฟองครีมนุ่มจนหมดจดจึงปิดน้ำแล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาซับตัวจนแห้ง ก่อนจะแต่งตัวแล้วผลุนผลันออกไปหาความสำราญยามค่ำคืน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ได้อ่านไปถึงตอนล่าสุดแล้ว  แต่ก็ยังเข้ามาอ่านอีก  ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมเลย  :m15:
ลืมบอกไป  ภาพดอกบัวสีม่วง สวย ลึกลับ ยะเยือก เข้ากับเนื้อเรื่องสุด ๆ

hahn

  • บุคคลทั่วไป

แรงเทียน

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ ๑
กุหลาบหนึ่งสีแดงดุจเปลวเพลิงกลีบดอกแย้มงามต้องตากลิ่นหอมยั่วยวนวาบหวามใจ ครั้นหากแม้นผู้ใดเพิ่งพิศพิจารณาประหนึ่งดังต้องมนต์กุพชกะไม่อาจถ่ายถอน แลหากใครได้ครอบครองลุ่มหลงสิเน่หามิรู้ลืม กุหลาบอีกหนึ่งสีแดงอมม่วง ยั่วยวนด้วยกลิ่นหอมพิศดารไม่พานพบ กลิ่นหอมประหลาดดังกลิ่นของราตรีกาลในคืนที่ดาราฉายแสงระยับพราว กลีบดอกสีเข้มดูลึกลับแต่กลับดึงดูดผู้ได้พบเห็น แข็งแกร่งดังภูผาแต่อ่อนนุ่มตาเหมือนเช่นแพรไหมหุ้มห่อศิลาอาสน์ อันกุหลาบงามสองดอกย่อมไม่พึงใจแบ่งปันแจกันทอง อันดอกไม้งามเลอค่าจะอยู่ในที่เดียวกันนั้นย่อมแข่งขันชูช่อผลิบานไม่มีดอกไหนยอมน้อยหน้าซึ่งกันและกัน แม้นภมรผู้ปีกเงินระยับบินถวิลหาหวังจะเชยชมความงามของกุหลาบนั้นยังชั่งใจ ทางซ้ายก็งามระยับจับตา ขวาก็งามบาดจิต ยิ่งเพ่งยิ่งพิศตัดใจเลือกดอกไหนไม่ได้เลย ภู่ภมรยังหนักใจแลไปทางใดก็ใจต้องปรารถนา กุหลาบนั้นแม้จะงามน่าพิศวาสเพียงใดรู้หรือไม่ว่าความงามนั้นแฝงไปด้วยมนต์มายา ภาพหลอนลวงหลอกตายยอมรบราเพียงเพื่อได้ของรักดังดวงใจปอง พิษกุหลาบร้ายกว่าความงามที่ฉาบไว้ภายนอกนัก หนามแหลมคมก็ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อป้องกันศัตรูที่คอยมารุกรานแต่พร้อมทุกเมื่อที่จะทำลายคนที่เป็นเหมือนขวากหนามให้ยอมหลบหลีกไป พิษกุหลาบแม้นหากใครต้องพิษความทุกข์ทรมานไม่อาจหายภายในช่วงเวลาแค่ข้ามรุ่ง แต่ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นแผ่ซ่านไปทั่วทุกผู้ ทุกคนที่หมายปองฝังลึกตราตรึงไปตราบนานแสนนาน
ทำไมมนุษย์เราต้องมีความรักเคยสงสัยไหม ความรักที่ใครต่อใครมองว่ามันสวยงาม มันงดงามไม่มีใครแย้ง แต่เคยมองความรักในอีกแง่มุม มุมที่เราต่างมองข้ามมันไป มุมอับที่มืดสนิทไม่มีแม้แสงใดส่องเข้าถึง มุมๆนั้นมีกิเลสเป็นผู้ยึดครอง ความรักเคลื่อนได้แม้หินผา หากมีรักแล้วไม่ว่าเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ไม่เคยหวั่นไหวยอมต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อให้ได้ซึ่งรักนั้นมา ให้ครองไว้ซึ่งรักนั้นนิรันดร เพียงเพื่อให้ได้ครอบครองอย่างที่ใจปรารถนา ไม่ว่าการได้มานั้นจะทำให้ใครอื่นรายล้อมบอบช้ำสักเท่าใด เมื่อรักพลางตา มนต์รักบังใจพร้อมจะทำแม้เรื่องที่ร้ายแรงหรือเลวร้ายที่สุดเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งเขา เขาผู้ซึ่งเป็นที่หมายปองของใครหลายคน และการที่จะได้ครอบครองเขานั้น สงครามกุหลาบจึงบังเกิด
“ทาน ลงเครื่องกี่โมงเหรอคะเมื่อคืน”
สาวสังคมแสนสวยปราดเปรียวทุกย่างก้าวของเธอคือความมั่นใจ ทุกอิริยาบถคือการจับจ้องมองดูของผู้ที่ได้พบเห็น ความงามที่ลงตัวหาที่ติได้ยาก มณีอารียา คือชื่อของเธอ
“อ้อ เมย์ เมื่อคืนถึงคอนโดฯก็ตีสามแล้วล่ะ เลยไม่ได้โทรฯหา คิดถึงเมย์จังเลย”
“ทาน”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง เขาเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ สถานที่นัดพบคือล็อบบี้ของโรงแรมที่เรียกตัวเองว่าห้าดาวใจกลางเมืองย่านแยกราชประสงค์ เสียงนั้นคลางแคลงใจยิ่งนัก เขาก้าวออกมายืนเคียงข้างชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งดูกำยำ ใบหน้าดุจเทวดาเสกสรรปั้นแต่ง ผิวของเขาละเอียดขาวนวลตา
“ใครคะทาน, ใครทาน”
ทั้งสองเสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ชายหนุ่มรูปงามอึกอักทันที มองหญิงสาวทีหนึ่งแล้วหันมามองชายหนุ่มที่งามไม่แพ้กันอีกทีหนึ่ง
“เอ่อ นี่เทียน พะ เพื่อนทานเอง นี่เมย์ คู่หมั้นของเรา”
“คู่หมั้น”
เทียนบุญร้องขึ้นเสียงสูง หน้าตาซีดเผือดลง สายตาตำหนิติเตียนธรรมทานอย่างรุนแรง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะทาน”
เสียงเข้มจิกสายตา
“เดี๋ยวก็จะไปทานข้าวด้วยกันนี่คะ ค่อยคุยกันก็ได้นี่ หรือว่ามีความลับอะไร”
หญิงสาวไม่ใช่คนสวยแต่รูปไร้สมองแต่อย่างใด เธอสังเกตดูพฤติกรรมและปฏิกิริยาของทั้งคู่อยู่ไม่วางตา
“เรื่องส่วนตัวน่ะ”
เทียนบุญจิกสายตามาทางมณีอารียา
“อ้อ เหรอคะ ได้ค่ะ ถ้างั้นเมย์ไปรอตรงโน้นนะคะทาน”
หญิงสาวแสยะยิ้มออกมา แต่ภายในใจเต้นระรัว นี่มันเกิดอะไรขึ้น พยายามสะบัดความคิดในสิ่งที่เธอคิดคาดเดาไปเองออกไปให้พ้นจาหัว มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ไม่มีทาง
“ทำไมทาน ทำไมทานไม่เคยบอกเทียนเลย”
พอลากแขนของธรรมทานเข้าไปในห้องน้ำ เทียนบุญก็ผลักหน้าอกของธรรมทานเซไปชนผนังห้องน้ำทันที
“เอ่อ เรา เราว่าจะบอกเทียนอยู่เหมือนกัน”
“จะรอถึงเมื่อไหร่ อีชะนีนั่นมันเป็นคู่หมั้นของทานเหรอ ทำไมทาน แล้วเทียนล่ะ เทียนเป็นใคร”
“ใจเย็นก่อนสิเทียน เรามีเหตุผลนะ”
“เหตุผลอะไรทาน ที่ผ่านมามันหมายความว่ายังไง เทียนเป็นใครในสายตาของทานเหรอ”
“เทียน ทานไม่มีทางเลือกนะ แม่เขาจัดการให้ มันเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ”
ท่อนปลายประโยคแผ่วเบาลงเหมือนกระซิบ ถ้าหากว่าหญิงสาวร่างงามเมื่อครู่มาได้ยิน เธอคงจะเสียดใจอยู่มิใช่น้อย
“อ้อ”
สายตาดูอ่อนลง แววตาเหมือนกำลังใช้ความคิดไตร่ตรองอยู่
“จะอีกนานไหม”
“ก็ไม่รู้ แต่เราคงต้องแต่งงานกับเมย์”
เทียนบุญกัดฟันแน่น สายตามองธรรมทานเหมือนจะกินเลือดฉีกเนื้อ
“ไม่ว่าจะยังไง เทียนไม่ยอมหรอกนะ ถ้าหากว่าทานทิ้งเทียน เราจะได้เห็นดีกัน อย่าลืมสิ ว่าอยู่ที่โน่นเรารักกันมากแค่ไหน ยังจำได้อยู่ไหมทาน”
เน้นย้ำเตือนความทรงจำที่เพิ่งข้ามคืนมาให้เขาได้ระลึกถึงอีกครั้ง
“จำได้ จำได้สิเทียน”
ธรรมทานคือหนุ่มนักเรียนนอกเพิ่งกลับถึงเมืองไทยเมื่อคืนตอนตีหนึ่งกว่าๆ เช่นกันเทียนบุญก็จบมาจากที่เดียวกัน เคหะสถานที่พำนักอยู่ในกรุงลอนดอนก็ที่เดียวกัน เตียงนอนเดียวกัน ซึ่งเทียนบุญเรียกสิ่งนี้ว่าความรัก เขาสู้รบกับใครหลายคนเพื่อได้ครอบครองธรรมทานและเขาก็ได้ครอบครองเขาสมใจ แล้วเมื่อครู่มีอิสตรีนางหนึ่งมาแจ้งให้ช้ำใจว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมาย ก็อย่าได้หวังเลย
“แหม นานจังคะทาน คุยกันในห้องน้ำเนี่ยนะ”
หญิงสาวยกคางเชิดสูงแสยะยิ้มออกมา
“อ้อ โทษทีนะเมย์ ไปกันหรือยัง เมย์อยากกินอะไรดีจ๊ะ”
“กินอาหารไทยดีไหมคะทาน”
เธอมองข้าวหัวของเทียนบุญไปเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ
“ทาน เราอยู่ที่โน่นก็กินบ่อยแล้วนะอาหารไทย เบื่อ”
เน้นคำว่าเบื่อแล้วหันมาทางมณีอารียา
“กินอาหารญี่ปุ่นดีกว่าไหม”
ธรรมทานเริ่มอึกอัก เพราะท่าทางของทั้งสองคนเหมือนกำลังก่อสงครามกันด้วยคำพูดและสายตา
“ก็เมย์เห็นว่าห่างเมืองไทยไปนาน อาหารไทยที่โนอร่อยสู้ต้นตำรับไม่ได้หรอกนะคะ จริงไหมคุณเทียน ต้นตำรับน่ะค่ะ”
เทียนบุญเม้มปากแน่นสายตากราดเกรี้ยว แต่หญิงสาวกลับยิ้มอย่างพอใจ เธอเดินเข้ามาฉวยเอาข้อแขนของธรรมทาน
“ไปเถอะค่ะ อยู่นานเริ่มเซ็ง”
เทียนบุญยืนนิ่งปล่อยให้เธอลากแขนเขาไป
“อีชะนี ระวังไว้เถอะ”
เขากัดฟันสายตาเคียดแค้น
“เดี๋ยวทานไปห้องน้ำแป๊บนะเมย์”
พอถึงร้านอาหารไทยในซอยร่วมฤดีธรรมทานก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ หล่อยให้กุหลาบงามสองดอกต่างชูคอระหงษ์เชิดหน้าใส่กัน
“เธออยากรู้ไหมว่าฉันกับทานเป็นอะไรกัน”
เทียนบุญเปิดฉากจิกสายตา
“ไม่อยากทราบค่ะ ท่าคิดไม่ผิดน่าจะเป็นเพื่อน”
มณีอารียาเน้นคำว่าเพื่อนสายตาก็ไม่ได้ยี่หระแม้แต่น้อย
“เราเป้ฯมากกว่าเพื่อน เอรู้ไว้ซะ”
“อ้อเหรอคะ แล้วยังไง แล้วคุณอยากรู้ไหมว่าฉันกับทานเราเป็นอะไรกัน”
คางเชิดสูงปรายหางตามองอย่างเหยียดหยาม
“แค่คู่หมั้น เพื่อธุรกิจไม่ใช่เหรอเท่าที่ทานบอกน่ะ”
มณีอารียาลดคางลงกัดกรามแน่น
“ทานคงเข้าใจผิดน่ะค่ะ คุณเทียน ค่ะฉันเป็นคู่หมั้นของทานและเราจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ จะเพื่อธุรกิจหรือสิเน่หาแต่อย่าลืมสิคะ ว่าฉันจะได้เป็นผู้ครอบครองเขาโดยชอบธรรมไม่ได้ลักกินขโมยกิน”
“นี่ ใครกันแน่ลักกินขโมยกิน หึหึ ก็เอาสิ อยากใช้ผู้ชายร่วมกันกับเกย์น่ะ ไม่รังเกียจเหรอ เธอไม่รู้เหรอว่าเวลาร่วมรักกันน่ะ เขาทำกันยังไง ทางไหน”
แสยะยิ้มทำท่าเหมือนผู้กำลังกำชัย
“ทางทวราหนักไงคะ แต่ไม่รังเกียจหรอกค่ะ ของมันเช็ดล้างกันได้ เพราะหลังจากแต่งงานก่อนมีอะไรกับฉัน ฉันก็คงพาทานไปให้พระท่านรดน้ำมนต์ให้ ล้างเสนียดจัญไรออกให้หมดน่ะค่ะ”
“อีชะนี”
“อีกะเทย”
ทั้งสองถลึงตาใส่กัน แม้คำพูดทุกคำจะเป็นการจิกกัดกันแต่เสียงมันเบา เบาจนไม่มีใครได้ยิน การศึกษาชั้นสูงช่วยทำให้พวกเขาดูแปลกตาไปอีกแบบแม้จะกำลังฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วงก็ตามที เทียนบุญกัดฟันแน่น ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว เขาคิดในใจ สายตามองพิจารณาตั้งแต่ปลายหัวจรดปลายเท้า เฉกเช่นเดียวกับมณีอารียาเธอเองก็หวั่นในใจอยู่ไม่ใช่น้อย ธรรมทานคือคนที่เธอหมายปองตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จะว่าหมายปองก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะเขาคือคนที่เธอคบเรื่อยมา เสียดใจไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่ารสนิยมของเขาเปลี่ยนไป เกลือกกลั้วคนเช่นนี้ แต่จากที่รอเขามานานไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้ชายที่นั่งมองจิกเธอด้วยหางตานี้จะคว้าตัวเขาไปครอบครอง ไม่มีทาง
“ว่าไงครับ สั่งอาหารกันหรือยัง”
ธรรมทานเดินกลับมา ทั้งสองเปลี่ยนสายตาทันที
“ยังเลยค่ะทาน ทานอยากสั่งอะไรคะ เดี๋ยวเมย์แนะนำให้”
มณีอารียาเอียงกายไปใกล้ๆเขา กลิ่นกายของเธอหากแม้นเดินผ่านชายหรือแม้แต่หญิงใด ไม่มีใครจะไม่หันมองตาม เธอมั่นใจ
“อืม เทียนกินไรดี”
“อะไรก็ได้”
กระแทกเสียงไม่พอใจ เทียนบุญเองเก็บอาการไม่ค่อยอยู่นัก แม้นจะมีจริตมารยาของหญิงอยู่ในร่าง กระนั้นจริตมารยามปลอมๆมีหรือจะสู้ต้นตำรับอย่างเธอได้
“สั่งเลยค่ะคุณเทียน แต่ไม่มีนะคะปลาสลิดน่ะ”
แสยะยิ้มออกมาแล้วมองก้มไปที่เมนูอาหารไม่สนใจ
“อะไรปลาสลิด”
“อ้อ เปล่าค่ะ นึกว่าอยากทาน อิอิ อุ๊ย ลองกินแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายไหมคะทาน ที่นี่รสชาติดีมากเลยนะ”
เสียงหัวเราะที่แจ่มใสมันน่าฟัง แต่มันกลับทำให้ชายที่นั่งอยู่อีกฝั่งหมั่นไส้
“ทานคะ เมย์อยากไปไหว้คุณแม่น่ะคะ พาไปหน่อยสิ ไม่ได้แวะไปหาอาทิตย์นึงแล้ว”
พอทานอาหารเสร็จมณีอารียาก็เกาะแขนไม่ยอมวาง ไม่ปล่อยโอกาสให้เทียนบุญได้เข้าใกล้
“อืม เอาสิ เทียนไปด้วยกันไหม”
หันไปทางเทียนบุญที่เดินตามมาหน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“ไปสิทาน เทียนก็อยากจะกราบคุณแม่ฝากเนื้อฝากตัวอยู่เหมือนกัน”
“งั้นรอตรงนี้นะ เดี๋ยวทานไปเอารถก่อน”
ธรรมทานอาสาขับรถให้มณีอารียา เพราะรถของเขายังจอดอยู่ที่บ้าน
“เก่งนะเธอ หึหึ แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย”
เทียนบุญเอ่ยขึ้น
“เรื่องอะไรคะ เรื่องตอแหลน่ะเหรอ”
“อีชะนี”
“อุ๊ยตาย เรียนตั้งเมืองนอกเมืองนา เขาสอนแต่คำต่ำๆพวกนี้หรือคะ ว้ายไม่ดีนะคะคุณเทียน เดี๋ยวทานเขาจะต่ำไปด้วย อย่าพูดบ่อยนักสิคะ”
“หึ เราจะได้เห็นดีกัน ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างฉันกับชะนีดีแต่ปากอย่างเธอใครมันจะมัดใจเขาได้”
มณีอารียาเองก็เม้มปากแน่น พยายามควบคุมสติอารมณ์
“เธออย่าลืมสิ ว่าเกย์อย่างฉันทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง อย่างเรื่องบนเตียง หึหึ จะสู้ฉันได้เหรอเธอ”
เท่าที่ทำงานเกี่ยวกับนิตายาสารความงามมาหลังจากเรียนจบ เพราะเทียนบุญจบก่อนธรรมทานเป็นปี เขาพอรู้ว่าสิ่งที่อิสตรีเพศไม่ชอบฟังคือเรื่องบนเตียง ยิ่งต่อหน้าเพศตรงข้าม แต่
“ค่ะ เรื่องนั้นฉันคงสู้คุณไม่ได้หรอกค่ะคุณเทียน เพราะท่าทางของคุณดูเจนจัดมากค่ะอันนั้นทราบดี แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ ถึงคุณจะขนดาวขนเดือนมาให้เขาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณจะไม่มีปัญญาหามาให้เขาได้น่ะ”
“อะไร”
เทียนบุญแหวเสียงขึ้น สายตาถลึงออกมาจากเบ้า
“มดลูกไงคะ มีปัญญาไหม”
“อี”
มณีอารียาเดินสะบัดผมแล้วเดินตรงไปยังรถที่กำลังเลียบถนนเพื่อจอด เทียนบุญกำหมัดเม้มปากแน่น นี่ศึกสงครามแห่งดอกกุหลาบมันเพิ่งจะเปิดฉากสินะ หึหึ เราจะได้เห็นกัน

******

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด