The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)  (อ่าน 261584 ครั้ง)

Muzik

  • บุคคลทั่วไป
โว้ว เห็นทีเซอร์แล้วอยากอ่านทันทีเลยค่ะ  :a9:

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
รอออออด้วยยยยคนนนนนน

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
ตอนแรกก็แรงแล้ว  :pig4:

ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
เด็กคนนี้แรงอ่ะ   พี่แตะเค้าอยากได้วิธวิน :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #214 เมื่อ17-05-2011 23:34:15 »

ป้าเริ่ดมาก "เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้!!!"

แล้วอย่างงี้กริชจะไหวไหมเนี่ย มันข้ามลุคเกินไปป่าวววว

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #215 เมื่อ17-05-2011 23:40:36 »

 :mc4:

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #216 เมื่อ17-05-2011 23:44:52 »

เริ่มเรื่องได้สนุกเหมือนเดิมเลยนะคะ ^^

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #217 เมื่อ17-05-2011 23:46:14 »

ว้ายต้ายตาย
ดาวพระฉึก

ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #218 เมื่อ17-05-2011 23:54:08 »

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยอยากไป บัทเทอ่ร์ฟลาย บอย  พี่โมนาร์ช(ชื่อยาวไป  ขออนุญาตเรียกพี่นาร์ชนะครับ  เรียกโมเดี๋ยวผมงงกะพี่ๆโมดุ :laugh:)



 :-[ :-[ :-[สงสัยจะพบรักกะเด็กในร้านซะละมั้ง  ไม่ก้อลูกค้าประจำที่รวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :z2: :z2: :z2:



เดาเอาน่ะครับ :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
ท่าทางพี่เตจะเหนื่อย :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
โอ้วววววววววแรงพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลย  แบบนี้หนุกๆๆน่าติดตาม



ปล.เทียนบุญเรื่องนี้นิสัยคล้ายๆกะนายพลเลย :laugh: :laugh: :laugh:




เค้าคิดไปเองนะ  มั่วเอาเอง :m20:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
เด็กแก่แดด!!!


ว่าแต่ค้างจริงๆ ด้วยเน้ออออ   :laugh:

แอบมาจ๊ะเอ๋ น้องสาว  :z2: เต้นโชว์พร้อม  :laugh:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
โอ้วววววววววแรงพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลย  แบบนี้หนุกๆๆน่าติดตาม
ปล.เทียนบุญเรื่องนี้นิสัยคล้ายๆกะนายพลเลย :laugh: :laugh: :laugh:
เค้าคิดไปเองนะ  มั่วเอาเอง :m20:

จ๊วบๆ FC ผมนี่หว่า อิอิ ปอร์เจกต์นี้เค้าก็เขียนน้า ลองเดาๆดูน้า จุ๊บๆ

ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
โอ้วววววววววแรงพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลย  แบบนี้หนุกๆๆน่าติดตาม
ปล.เทียนบุญเรื่องนี้นิสัยคล้ายๆกะนายพลเลย :laugh: :laugh: :laugh:
เค้าคิดไปเองนะ  มั่วเอาเอง :m20:

จ๊วบๆ FC ผมนี่หว่า อิอิ ปอร์เจกต์นี้เค้าก็เขียนน้า ลองเดาๆดูน้า จุ๊บๆ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:เป็นมาตั้งนานแล้วพี่แต่ไม่เคยแสดงตัว :z2: :z2: :z2:

MonarcH

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 1 [16/05/2011]
«ตอบ #225 เมื่อ18-05-2011 01:25:27 »

Butterfly 2

...เมื่อก้าวเข้าไปในร้านอีกครั้งผมต้องตะลึงกับภาพที่เห็น พนักงานทุกคนอยู่ในชุดฟอร์มของบาร์ นั่นคือกางเกงชั้นในสีขาวตัวจิ๋วแทบปกปิดส่วนกลางลำตัวไม่มิด ที่ข้อมือมีสายรัดแสดงเลขประจำตัวเพื่อความสะดวกของแขกเวลาบอกกัปตันให้เรียกเด็กเบอร์ที่ถูกใจมานั่งดริ้ง หรืออ็อฟออกไปข้างนอก พี่ธัญญาเห็นผมกำลังยืนอึ้งจึงสะกิดเตือนให้ผมกลับสู่โหมดผู้บริหารบาร์เกย์คนใหม่ไฟแรง หล่อ เริ่ด เชิด รวย...
“ไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้าเหรอ”  พี่ธัญญ่าถามยิ้ม ๆ เมื่อเราอยู่ด้วยกันในห้องทำงานของผม
“ไม่เคยเห็นใกล้ ๆ แบบนี้อ่ะ”  ผมตอบเขิน ๆ
“เคยดูหนังโป๊มั้ย”
“เคยดูแต่คลิปที่ดัง ๆ เพื่อนส่งให้ดู...โห...พี่จะถามอะไรเยอะแยะ กริชเรียนอย่างเดียวไม่มีเวลาไปดูอะไรแบบนั้นหรอก”  ผมทำเสียงเข้มกลบเกลื่นอความเขิน
“ตายแล้ว เด็กใสซื่อบริสุทธิ์อย่างเธอจะไปทันเด็กบาร์พวกนี้มั้ยเนี่ย”
“เราต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป ไม่เห็นมีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันเลย”
“เดี๋ยวก็รู้” พี่ธัญญ่าทำหน้าเจ้าเล่ห์
*
*
...สี่ทุ่มแขกเริ่มทยอยเข้าร้านจนที่นั่งเกือบเต็ม ค่าเข้าของที่นี่ราคา 300 บาท ลูกค้าจะเลือกสั่งเครื่องดื่มอะไรก็ได้ฟรี 1 แก้วเป็นพวกเหล้า เบียร์ ค็อกเทล น้ำส้ม หรือน้ำเปล่าก็ไม่มีใครว่า ถ้าลูกค้าเดินเข้ามาเองที่ร้านก็จะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ถ้ามีพวกเชียร์แขกตามถนนสีลมพาเข้าร้าน เราต้องจ่ายค่าน้ำให้คนพามา 50 บาท...มิน่าล่ะ ตอนที่ผมมาซื้อของแถวนี้เมื่อสมัยเรียนถึงได้มีคนล้อมหน้าล้อมหลังชวนไปดูโชว์ในบาร์โดยคนพวกนี้แทบจะอุ้มผมเข้าร้าน...
“ไปดูโชว์กัน วันนี้เราเริ่มโชว์แบบใหม่ให้เข้ากับเทศกาลฟุตบอลยูโร”
“อะโกโก้โชว์เนี่ยนะ ทำให้เข้ากับฟุตบอลยูโร”  ผมถามขำ ๆ
“เราต้องจัดโชว์เรียกแขกให้แปลกเพื่อดึงดูดความสนใจ และนี่ก็เป็นหนึ่งในงานของกริชนะ ไปดูซะ เผื่อจะได้ไอเดียอะไรมานำเสนอในโชว์ครั้งต่อไป” พี่ธัญญ่าพูดเสียงจริงจังก่อนจะพาผมเดินลงไปที่นั่งพิเศษของร้าน
“แขกเยอะจัง”  ผมพึมพำกับตัวเอง
“ร้านเราเด็กหน้าตาดีที่สุด โชว์เริ่ดที่สุด ถึงค่าเข้าจะแพงกว่าบาร์ละแวกเดียวกัน แต่คุณภาพของเรามันคุ้มค่า”
“ให้เด็กมาเต้นอย่างนี้ถึงกี่โมงอ่ะพี่”  ผมเปลี่ยนเรื่องทำเป็นสนใจกับงานทั้งที่อายกับสายตาเด็กที่มองลงมาจากเวที
“เราจะให้เด็กทุกคนเวียนกันขึ้นเวทีเพื่อให้แขกเห็น ส่วนมากพวกดาวของร้านจะโดนจองไว้ตั้งแต่โชว์แรกนี่แหละ เต้นโยกเบา ๆ ไปถึงสี่ทุ่มครึ่งแล้วเราจะเริ่มโชว์แรก”
“คนไหนคือดาวของร้านล่ะพี่”
“คนเด่น ๆ เราจะให้ตัวเลขตัวเดียวหรือเลขเบิ้ล คนจะได้จำง่ายนี่ไง พวกดาวขึ้นมาโชว์ตัวแล้ว”  พี่ธัญญ่าชี้ไปบนเวทีผมพยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉย ทั้งที่ใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว เมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีสิบกว่าคนยืนเบียดกันโชว์สรีระอยู่บนเวทีที่ดูแคบไปถนัดตา
“ไม่เห็นเบอร์ 1 เลย โดนอ็อฟไปแล้วเหรอพี่”  ผมถามด้วยความสงสัย
“อุ๊ย รมเสีย ตอนนี้เบอร์ 1 ว่างอยู่ ไอ้หรั่งมันโดนช้อนไปได้ดิบได้ดี จากดาวเบอร์หนึ่งในบาร์อะโกโก้ กลายเป็นดาวรุ่งในวงการบันเทิงไปแล้ว”  พี่ธัญญ่าจีบปากจีบคอพูด
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ในวงการบาร์เกย์แบบนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดนี่นา”
“พี่กับเจ๊เสียดายไอ้หรั่งมันอ่ะ มันเป็นตัวเงินตัวทองของที่นี่เลยนะ หล่อ ยาว ใหญ่ อึด ลีลาเด็ด ท่ายากแค่ไหนมันทำได้หมด ลูกค้าจองคิวกันข้ามวันข้ามคืน ถึงขนาดที่ต้องประมูลกันเลยทีเดียว ใครให้เยอะกว่าได้ไปกก”
“ใครอ่ะ หรั่ง ไม่เห็นเคยได้ยินเลย”
“เคยดูทีวีด้วยเหรอเราน่ะ”  พี่ธัญญ่าแอบกัดขำ ๆ
“นั่นสิ กริชดูละครเรื่องสุดท้ายก่อนเอ็นทรานซ์ซะอีก”  ผมพูดตามความจริง
*
*
...สี่ทุ่มครึ่ง ไฟบนเวทีเริ่มหรี่ลง พนักงานทุกคนเดินกลับเข้าหลังเวทีโดยมีเด็กหลายคนโดนแขกเรียกไปนั่งดริ้งที่โต๊ะ ผมหันมาสนใจบนเวทีอีกครั้งเมื่อมีพนักงาน 6 คนขึ้นมาบนเวทีในสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงสายรัดข้อมือที่มีเบอร์ติดอยู่เท่านั้น ทุกคนเดินโชว์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนกลางลำตัวที่ผงาดชี้หน้าแขกในร้าน เป็นการเต้นที่แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง เพราะตอนนี้พวกเขาเริ่มโยกเสา ร่อนเอวไปพร้อมกับการเอามือสาวท่อนเนื้อของตัวเองพลางทำหน้าเสียวสยิวหลับตาพริ้ม และบางคนก็ส่งสายตาให้แขกที่ร้านเป็นการยั่วยวนให้เกิดอารมณ์กำหนัดในเพศเดียวกันเป็นอย่างมาก...แสงไฟในร้านสีส้มเข้มอาบผิวเห็นเห็นเงาของกล้ามเนื้อเด่นชัดขึ้นยามที่ชายหนุ่มบนเวทีเกร็งหน้าท้องและขยับมือเร็วขึ้น...เท่านั้นยังไม่พอ ผมต้องอ้าปากค้างเมื่อ 6 คนนั้น ทยอยเดินลงจากเวทีมาโชว์เรือนร่างตามโต๊ะลูกค้าเรียกทิปได้มากมาย…
“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”  ผมกัดฟันกระซิบถามพี่ธัญญ่า
“นี่เป็นแค่ชุดแรกเบา ๆ เรียกว่าโชว์ค็อก ให้ดูอุ่นเครื่อง ไม่มีฟิน ไม่มีแตก เก็บน้ำไว้โชว์รอบสอง”  พี่ธัญญ่าชะเง้อมองไปทางพนักงานที่กำลังยกโกล์ฟุตบอลเล็ก ๆ มาวางไว้บนเวทีที่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว เพราะมัวแต่มองพนักงานที่เดินไปโชว์ใกล้ ๆ ตามโต๊ะ
“แล้วนี่เค้าจะโชว์อะไรต่ออ่ะพี่”
“โชว์ใหม่ล่าสุดให้เข้ากับเทศกาลฟุตบอลยูโร”

...พี่ธัญญ่าพูดยังไม่ทันขาดคำชายหนุ่มอีกหกคนก็วิ่งขึ้นมาบนเวทีในชุดนักฟุตบอลทีมดังสองทีมแบ่งฝ่ายกันชัดเจนโดยมีกรรมการเป็นพนักงานเกย์ออกสาวนิดหน่อย พี่ธัญญ่าบอกว่าทุกร้านต้องมีแบบนี้ เพราะฝรั่งชอบ...

“เวทีเล็กนิดเดียวจะเตะบอลกันได้ยังไง”  ผมทำเสียงเบื่อ ๆ ทั้งที่ใจเต้นโครมคราม
“เค้าเตะกันเป็นพิธี” 
...ใช่แล้ว...เค้าเตะบอลกันได้ไม่กี่นาที ชายหนุ่มทุกคนก็เริ่มถอดเสื้อออก เรียกเสียงฮือฮาจากกลุ่มผู้ชม ผมเองยังต้องแอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นผู้ชายใส่เพียงกางเกงบอลตัวเดียวและแสงไฟที่ส่องไปนั้นทำให้เห็นว่าทุกคนไม่ได้สวมกางเกงชั้นใน พวกเค้าเตะบอลกันต่ออีกไม่นาน ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงบาง ๆ นั้นแกว่งไปตามจังหวะการวิ่งเหยาะ ๆ บนเวที...การแข่งขันย่อมมีแพ้ชนะ...ทีมที่แพ้ก็ต้องโดนทำโทษ และการทำโทษของโชว์นี้ พี่ธัญญ่าเรียกโชว์นี้ว่า “ฟักกี้งโชว์” ผมนั่งไขว่ห้างกอดอกหลังพิงโซฟาเกร็งไปทั้งตัว เกิดมาไม่เคยเห็นการร่วมเพศแบบใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน และมันไม่ใช่การร่วมเพศแบบกลุ่มที่เหมือนจะอิรุงตุงนังแต่กลับไม่น่ารำคาญ เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครวญคราง เสียงหอบกระเส่าดังก้องไปทั่วร้าน...
*
*
...เมื่อโชว์นี้จบ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก็ดังจากกลุ่มผู้ชม รวมทั้งผมด้วย เมื่อพนักงานทำความสะอาดขึ้นมาเช็ดน้ำรักที่กระจายเรี่ยราดบนพื้นเวทีเสร็จ ไฟสีส้มในตู้กระจกที่ผมสงสัยว่ามันมาตั้งทำไมบนเวทีก็เปิดสว่างพร้อมกับชายหนุ่มในชุดนักกีฬา เดินเอาเสื้อพาดบ่าเนื้อตัวมันปลาบมองดูคล้ายเหงื่อ เหมือนเค้าเพิ่งกลับเข้ามาหลังจากออกกำลังกาย เค้าเดินตรงดิ่งเข้าไปในตู้ และเช่นเคยแบบไม่ต้องเดา เค้าถอดกางเกงกีฬาและกางเกงชั้นในโยนออกมานอกตู้แล้วเปิดฝักบัวให้น้ำไหลผ่านเรือนร่างแกร่งที่ไม่มีไขมันแม้แต่นิด เค้าดูผ่อนคลายอาบน้ำไปอย่างเพลินเพลินเหมือนกำลังอาบน้ำที่บ้านของตัวเองพลางร้องเพลงวัยรุ่นที่กำลังฮิต...อาบไปไม่นาน เค้าก็ฟอกสบู่ไปทั่วร่าง และเมื่อถึงกลางลำตัว อวัยวะส่วนนั้นก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วผมต้องจิบน้ำอัดลมที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อกลบเสียงกลืนน้ำลายไม่ให้คนข้าง ๆ ได้ยิน...

“อันนี้เค้าเรียกว่าชาวเวอร์โชว์ แต่ร้านเราไม่ใช่แค่อาบน้ำหรอก ดูต่อไปนะ”  พี่ธัญญ่าหันมากระซิบบอก
“แค่นี้ก็โป๊จะแย่แล้วนะพี่”
“ที่นี่บาร์โชว์นะกริช ไม่ใช่วัด”  พี่ธัญญ่ากัดเบา ๆ

...ขณะที่คนนั้นกำลังอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์เอนหลังพิงกระจกแอ่นเอวมาทางผู้ชมรูดท่อนเนื้อที่มีฟองสบู่ติดอยู่ดูเร้าใจ ทันใดนั้นก็มีพนักงานอีกคนเดินขึ้นมาในชุดนักศึกษาพี่ธัญญ่าบอกว่านี่คือตัวนาง ไม่พูดพร่ำทำเพลง คนมาใหม่ถอดเสื้อผ้าออก และเดินเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับคนแรก เมื่อผู้ชายสองคนอาบน้ำด้วยกันภายใต้ฝักบัว เนื้อตัวเสียดสีกันโดยมีฟองจากสบู่ทำให้ดูลื่นไหลเป็นธรรมชาติ มือของคนทั้งคู่ลูบไล้ไปทั่วทุกส่วนสัด เสียงน้ำจากฝักบัวเริ่มเบากว่าเสียงครางกระเส่าของคนในตู้ แต่หลังจากที่ทั้งสองช่วยกันล้างฟองสบู่หมดจดก็ออกมาหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ที่ทีมงานพับวางรอไว้ข้างตู้ และช่วยกันเช็ดตัวให้กันและกันอยู่ด้านหนึ่งของเวทีโดยที่อวัยวะส่วนนั้นยังผงกหัวโชว์ความแข็งแกร่งอยู่ ผมถอนหายใจเบา ๆ แล้วจิบน้ำอีกครั้ง ขณะที่ทีมงานช่วยกันยกโซฟาเบดออกมาตั้งกลางเวที...
“อีกแล้วเหรอ”
“นี่แหละจุดเด่นของร้านเรา โชว์อลังการงานสร้าง”  พี่ธัญญ่าพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“กริชขอตัวไปห้องทำงานก่อนได้มั้ย ขอเวลาทำใจหน่อย”
“ยังเหลืออีกตั้งสองโชว์”
“พรุ่งนี้ค่อยดูละกันพี่ วันนี้ขอทำงานเอกสารดีกว่า”
“โอเคไปเถอะ หน้าแดง หูแดงเลยหนู จะรอดมั้ยเนี่ยกริช”  พี่ธัญญ่าพูดขำ ๆ
“รอดสิ แต่ขอตั้งตัวหน่อย” ผมเข้าสู่โหมดผู้บริหารร้าน กวาดสายตาไปทั่ว พนักงานที่มองผมอยู่หลบตากันวูบ
*
*
...ผมยังไม่ทันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ พี่ธัญญ่าก็ตามขึ้นมา และเปิดผ้าม่านในห้องออก ผมมองตามไปถึงได้เห็นว่าห้องนี้สามารถมองลงไปชั้นล่างได้ทั่วโดยเฉพาะบนเวที...
“ถ้าอายก็ดูจากบนนี้ไปก่อนนะ คืนนึงเราจะมีโชว์สองรอบ สี่ทุ่มครึ่ง กับเที่ยงคืน แต่ละรอบจะมีสี่โชว์ พนักงานจะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม พี่เข้าใจว่าใหม่ ๆ ก็เขินบ้างเป็นธรรมดา”
“ที่เราทำอยู่มันผิดกฎหมายนะพี่”
“........................”  พี่ธัญญ่าเงียบ
“กริชว่าแค่โชว์อะโกโก้แบบไม่เปลือยก็พอมั้ง”
“ทำอย่างนั้นใครจะเข้ามาดูล่ะจ๊ะ”
“แต่ถ้าโชว์แบบนี้ระวังเจ้าหน้าที่จะเข้ามาดูนะ”  ผมย้อนเสียงเบา
“ถ้ากลัวเจ้าหน้าที่เจ๊ธเนศเค้าคงเจ๊งไปนานแล้ว”
“แต่ตอนนี้กริชรับผิดชอบอยู่นะพี่”
“ไม่ต้องกลัว เรามีวิธี”
“วิธีอะไร”
“พี่บอกไม่ได้ เอาเป็นว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น บริหารงานต่อไปใด้ดีก็พอ”  พี่ธัญญ่าพูดจบก็หันหลังเดินออกไป
*
*
...ผมเดินไปปิดผ้าม่านตามเดิมและฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงาน ในใจกลัวว่าจะบริหารงานไม่รอด แต่พอคิดถึงบุญคุณของป้าธเนศทำให้ผมต้องฮึดขึ้นมาอีกครั้ง โดยเริ่มจากศึกษางานจากเอกสารกองใหญ่ ผมดูเรื่องบัญชี จัดซื้อ รายได้ ค่าใช้จ่าย ใบลงเวลาของพนักงาน และเอกสารประวัติพนักงานในร้านทุกคน...
“แขกกลับหมดแล้ว กริชมีอะไรจะคุยกับเด็กมั้ย ถ้าไม่มีจะปล่อยกลับแล้วนะ วันนี้เด็กโดนอ็อฟออกไปครึ่งค่อนร้าน คุ้มค่าที่ลงทุนโชว์อลังการ”
“ให้พวกเค้ากลับไปก่อนก็ได้ กริชยังไม่มีอะไรจะคุย“  ผมเงยหน้าตอบพี่ธัญญ่า
“แล้วกริชจะกลับกี่โมงล่ะ”
“คิดว่าอีกซักพักครับ”
“ดีมาก เราเป็นผู้บริหารต้องมาก่อน กลับทีหลัง”  พี่ธัญญ่าพูดยิ้ม ๆ
*
*
...รายได้หลักของร้านคือค่าเข้าจากลูกค้าและค่าอ็อฟพนักงาน เมื่อแขกถูกใจเด็กบาร์และต้องการจะพาออกไปนอกร้าน จะต้องจ่ายเงินให้ทางร้าน 300 บาท ส่วนค่าตัวให้ไปตกลงกันเอง รายได้อีกอย่างก็คือค่าเครื่องดื่มที่เราเรียกว่าค่าดริ้ง เมื่อแขกเรียกพนักงานไปนั่งด้วย จะต้องสั่งเครื่องดื่มให้เด็กในราคาแก้วละ 200 บาท กัปตันจะเป็นคนบันทึกไว้ว่าในหนึ่งคืนเด็กคนไหนได้กี่ดริ้ง ทางร้านจะแบ่งค่าดริ้งและค่าอ็อฟให้อย่างละ 100 บาท โดยเก็บไว้จ่ายทุกวันที่ 15 ของเดือน...

...ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ของร้านก็มีค่าเบี้ยเลี้ยงพนักงานนี่แหละ ถ้าเป็นระดับดาวของร้านจะมีเงินเดือนให้ไม่มากนัก ส่วนเด็กบาร์คนอื่นจะได้น้อยลงตามลำดับ แต่ทุกคนจะได้ค่าเดินทางกับค่ากินเท่านั้น สำหรับคนที่ขึ้นโชว์พิเศษ ก็จะมีเงินค่าโชว์ให้ต่างหาก เด็กบาร์มีรายได้จากค่าอ็อฟ และค่าดริ้ง แต่รายได้หลักของเค้าคือ “ค่าตัว”

...ที่นี่มีกฎโหดเพื่อบังคับเด็กพวกนี้ คือ ภายในหนึ่งสัปดาห์จะต้องมาทำงานอย่างน้อย 5 วัน ห้ามหยุดในคืนวันศุกร์และเสาร์ ถ้าหยุดเกินหรือหยุดในคืนวันศุกร์และเสาร์จะต้องโดนหักเงินคืนละ 500 บาท หยุดติดต่อกันเกิน 3 วันโดยไม่มีเหตุผลบทลงโทษคือให้ออกสถานเดียว...

******************************************************************************************************

...สองตอนแรกจะเป็นการปูเรื่อง ตอนต่อไปจะเข้าสู่เนื้อเรื่องอย่างจริงจังแล้วนะครับ แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้...

MonarcH




ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 2 [18/05/2011]
«ตอบ #226 เมื่อ18-05-2011 01:28:36 »

 :z13:ก่อน :laugh: :laugh: :laugh:



สงสัยจะได้นายเอกผู้แสนซื่อ เรียบร้อย กิริยางดงามแล้วล่ะ




ปล.เค้าบวกให้พี่นาร์ชด้วยนะ  จุ๊บๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-05-2011 01:41:45 โดย stormphoenix »

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 2 [18/05/2011]
«ตอบ #227 เมื่อ18-05-2011 01:40:10 »

ล่อแหลมดีแท้

Mountain

  • บุคคลทั่วไป
ในตอนแรกนี้ผมว่าจะเชียร์ คุณ เมย์ ครับ รู้สึกเกลียดผู้ชายตอแหaขึ้นมาทันทีเลยอ่านตอนนี้เข้าไป

Mountain

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 2 [18/05/2011]
«ตอบ #229 เมื่อ18-05-2011 02:09:06 »

 :haun4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 2 [18/05/2011]
« ตอบ #229 เมื่อ: 18-05-2011 02:09:06 »





Mountain

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้วเขินเลยอ่ะเพราะเคยโดนสั่งแนวๆนี้มาตอนเล่นไพ่พระราชากะหมู่เพื่อน
 :m25:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 2 [18/05/2011]
«ตอบ #231 เมื่อ18-05-2011 04:40:30 »

น้องกริชจะไหวมั๊ยเนี่ย

แรงเทียน

  • บุคคลทั่วไป
ตอน ๒
“พิม มีเบอร์ของป่านไหม เราขอหน่อย”
มณีอารียาบึ่งรถออกจากบ้านมารดาของธรรมทานตรงไปยังร้านนั่งดื่มประจำตรงทองหล่อ ซอย ๑๐ พอเห็นหน้าเพื่อนสาวก็เหวี่ยงกระเป๋าลงกับเก้าอี้นั่งทันที
“อะไรกันเมย์ ไปอารมณ์เสียมาจากไหนยะ จะเอาเบอร์ไปทำไมยัยป่านน่ะ”
พิมระตีถามสังเกตอาการของเพื่อนสาวที่ดูท่าทางผิดแปลกไป เพราะปกติมณีอารียาจะเป็นคนใจเย็นและสุขุมมากคนหนึ่ง
“จะให้มันไปตบกะเทยน่ะสิ”
“ว้าย ใครยะ ถึงขั้นตบตีกันเชียวหรือ มีอะไรแก”
“คนอื่นน่ะคงไม่ถึงขนาดนี้หรอกนะ แต่กับอีนี่ต้องให้ยัยป่านมันจัดการ”
“ทำไมแก ใครกันปกติแกไม่เคยคิดกับใครแบบนี้นี่เมย์ แสดงว่าคนๆนี้ต้องร้ายกาจมากๆแน่เลยใช่ไหม”
“ไม่ร้ายธรรมดานะ แต่มันจะแย่งทานไปจากฉันน่ะสิ”
“หา ทานคู่หมั้นแกน่ะเหรอ”
“เอาเบอร์ป่านมา อย่าเพิ่งถามมาก”
“จะทำอะไรก็คิดก่อนนะแก เดี๋ยวมันจะเข้าหาตัว”
“แหมพิม ฉันไม่ทำอะไรรุนแรงหรอกน่า แค่เผื่อๆไว้ท่าทางเรื่องจะไม่จบแค่นี้”
คนที่มณีอารียาอยากได้เบอร์คือสาวประเภทสอง เคยเรียนมัธยมมาด้วยกัน ตอนนี้ปานระวี หรือธนพลได้ผ่าตัดแปลงเพศเรียบร้อยแล้ว ไม่เคยติดต่อนับจากเรียนจบ ได้ยินข่าวคราวบ้างบางครั้งจากพิมระตี สายตาของมณีอารียาไม่ได้ย่อท้อหรือหวาดกลัวแต่อย่างใด แต่มันเป็นสายตาที่ฉายแววของนักรบทหารกล้า ที่ไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง
“เทียน นี่เทียนเหรอ”
จวนจะเที่ยงคืนอยู่แล้วแต่ถนนสีลมยังคงครึกครื้น เสียงแตรรถบีบดังไล่หลังกันอยู่เป็นระยะ แสงไฟจากร้านรวงข้างทางมันระคนเข้ากันเป็นอย่างดีกับผู้คนที่เดินขวักไข่ส่งเสียงจอแจ เทียนบุญยังไม่กลับบ้านของตัวเองแม้ว่าจะมีบิดาคอยท่าอยู่ที่บ้านก็ตาม แต่เป้าหมายของเขาคือร้านของเพื่อนรักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เจ้าของร้านวัยเดียวกับเขาถ้าจะมองไปแล้วยังเด็กอยู่มากกับธุรกิจประเภทนี้ ธุรกิจค้าเนื้อสดในยามราตรี ธุรกิจที่แลกความหนุ่มให้กับหมู่ภมรปีกม่วง ร้าน Butterfly Boy ที่นี่คือเป้าหมายของเทียนบุญ
“กริช สบายดีไหม คิดถึงจังเลย”
พอเดินตามพนักงานหนุ่มที่ยืนหลอกล่อคอยดึกลูกค้าเข้าร้านไปก็เจอหน้ากับเพื่อนเก่า ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในตรอกนั้นสายตาของผู้คนทั้งเป็นผู้ให้บริการและผู้รับบริการต่างมองมาเป็นตาเดียว บุรุษรูปร่างหน้าตาท่าทางสะโอดสะองคอตั้งตรงไม่วอกแวกหันไปมองผู้ใด ผิวพรรณที่สะท้อนแสงสีให้ผุดผาดขึ้นเป็นเท่าตัวมันชวนให้มองยิ่งกว่าใคร
“เทียนกลับมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นส่งข่าวกันบ้างเลย คิดถึงมากนะเทียนรู้ไหม มานั่งก่อนๆ”
“พี่ญ่าไม่อยู่เหรอ”
“อยู่สิ เดี๋ยวก็คงมาออกไปซื้อของ”
“นายดูดีขึ้นนะเนี่ย เฮ้อนะ เวลามันผ่านไปเร็วจังนะกริช ไม่น่าเชื่อว่าจากที่นายเคยพาเรามาร้านนี้ตอนเราเรียน นายกับเรายังตื่นๆอยู่เลย แต่มาตอนนี้นายดูเป็นเจ้าของกิจการเต็มตัวแล้วนะ”
“ว่าไปนะ ก็ทำทุกวันเจอทุกวันมันก็เริ่มชินล่ะเทียน เป็นยังไงบ้าง เทียนน่ะ”
“ก็ดี เราจบตั้งแต่ปีที่แล้วล่ะ แต่ทำงานอยู่ที่โน่น”
เทียนบุญบอกชื่อนิตยาสารที่เขาทำอยู่ให้กริชฟัง
“หา จริงดิ โห ดังมากนะในเมืองไทยน่ะ แล้วนี่กลับมาก็ทำให้นิตยาสารนี่เหรอ”
เทียนบุญพยักหน้า การได้พบกับเพื่อนเก่าเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง
“ว้ายตาย น้องเทียน มาเมื่อไหร่จ๊ะ”
“สวัสดีครับพี่ญ่า มาถึงเมื่อวานครับ คิดถึงพี่ญ่ามากนะเนี่ยเลยมาหา ยังไม่ได้กลับบ้านเลย”
“ปากหวานตลอดนะเรา ดูดีมากเลยเทียนพี่นึกว่าใคร มองอยู่ตั้งนาน”
“เหมือนเดิมล่ะครับพี่ญ่า พี่ญ่าก็ยังสวยไม่สร่างเหมือนเดิมนะครับ”
“แหมเข้าใจขมนะเรา ว่าไงวันนี้สนใจน้องคนไหนไหมจ๊ะ พี่จะคัดพิเศษให้”
เขาหันไปดีดนิ้วเรียกเด็กที่ยืนอยู่บนเวที ชายฉกรรจ์เหล่านั้นจ้องมองเขาอยู่ก่อนหน้าแล้ว กางเกงชั้นในตัวจิ๋วสีขาวบางที่พวกเขาสวมใส่มันเหมือนทำให้สิ่งที่ชุดชั้นในนั้นหุ้มห่ออยู่อึดอัดและสิ่งนั้นมันก็แย้งกับสิ่งที่หุ้มห่อมันอยู่โดยการนูนโปนออกมาอย่างชัดเจน
“อย่าเพิ่งเลยครับพี่ญ่า ผมมาเจอกริช คิดถึง อยากคุยกับเพื่อนก่อน”
“นั่นสิพี่ญ่า เดี๋ยวก่อนสิครับ เราเข้าไปคุยกันด้านในดีกว่าไหมเทียน”
กริชชวนเพราะเสียงเพลงด้านนอกมันอึกทึกครึกโครมเกินไปที่จะสนทนากัน
“อืมก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวมาเลือกนะครับพี่ญ่า ขอคนที่พิเศษที่สุดในแคตตาล็อกของพี่ญ่าเลยนะครับ”
เด็กหนุ่มเหล่านั้นกรูกันเข้ามายืนเรียงหน้า เทียนบุญไม่เขินไม่อาย ชินสายตา เขาเมินหน้าไปหาเพื่อนรักแล้วเดินตามเข้าไปในห้อง
“เพื่อนคุณกริชเค้าเป็นไงพวกแก น่าหม่ำมะ”
“โหแจ่มมากเจ๊ ท่าทางจะเด็ด”
“นี่อย่ามาปากดี เขานักเรียนนอกนะยะ ไอ้พงศ์ไปเตรียมตัว เผื่อเทียนเขาจะเลือก แดกยามาหรือเปล่าวันนี้น่ะ ไม่สู้มึงตายนะ”
ชายในคราบหญิงชี้ไปที่คนชื่อพงศ์ชายหนุ่มรูปงามผิวสีเข้ม มีแผงขนที่หน้าอกที่เลื้อยหายเข้าไปในกางเกงชั้นใน
“โหเจ๊ แบบนี้ไม่ต้องเพิ่งหรอกยาน่ะ แข็งสู้แล้วเนี่ยตั้งแต่เห็น ขาวมากจะยกซดให้ดู”
“เอาให้ได้อย่างปากล่ะยะ อย่าให้เพื่อนคุณกริชเขาต้องผิดหวัง”
นี่คือการเตรียมการ แต่เทียนบุญเองจะสนใจเลือกหรือไม่นั้นยังไม่มีใครล่วงรู้ พอเข้าห้องด้านหลังที่ทำเป็นเหมือนสำนักงานเล็กๆเทียนบุญก็นั่งลงบนเก้าอี้
“เดี๋ยวกินอะไรไหมเทียน เราให้เด็กเอามาให้”
“เอาอะไรก็ได้แรงๆ”
“โห ไปคึกมาจากไหนเนี่ย”
“เราหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะกริช อยากจะตบคน”
“หือ อะไรเทียน เพิ่งมาถึงเมืองไทยนะ ไปหงุดหงิดใครมา”
“ก็ทานไง กับอีคู่หมั้น”
“หา”
เทียนบุญเล่าเรื่องราวที่ตนเองก็รู้เพียงหยาบๆให้เพื่อนรักฟังคร่าวๆ
“อะไรกัน เราไม่คิดเลยนะว่าทานเขาจะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว”
“นั่นสิ เราก็ไม่คิด มันไม่เคยบอกเลยนะ ตอนอยู่โน่นไม่มีอะไรให้จับพิรุจเลย ตกใจมาก”
ปากบอกว่าตกใจแต่สายตาที่ฉายแววออกมามันคือความเคียดแค้น
“งั้นเราว่าเทียนอย่าไปยุ่งกับทานเลยดีกว่า”
“กริช ไม่ได้หรอกนะ เราไม่ผิด นังนั่นเผลอๆมาทีหลังเราเสียอีกนะ”
“แต่เขาก็ไม่น่าจะรู้เรื่องเหมือนกันนะเทียน”
“เราไม่สนใจหรอกกริช เรากับทานคบกันมาห้าหกปีนะ ไม่ใช่วันสองวัน เรารักทาน และเราเชื่อว่านทานก็รักเรา”
สายตาที่เหลือบไปมองเพื่อนทำให้เขาชะงักไม่พูดอะไรออกมาอีกแม้จะง้างปากแล้วก็ตาม
“แล้วเทียนจะทำยังไงต่อไป”
“นี่ไม่ใช่การแย่งผู้ชายนะกริช แต่เราแค่จะปกป้องคนที่เรารัก ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่เราไม่ยอมแพ้อีชะนีนี่หรอกนะ”
กริชแอบถอนหายใจออกมา ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน เขาไม่เคยยอมแพ้ให้กับผู้ใด อยากได้สิ่งใดต้องได้ ชอบพอใครต้องได้ควงแขน เขาไม่เคยแพ้ใครไม่ว่าด้วยอะไรที่สังคมเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ หน้าตา ฐานะ การศึกษา เขามีเพรียบพร้อม และเขาก็ไม่เคยจะพลาดหวังแม้แต่ครั้งเดียว
“แล้วใครเหรอคู่หมั้นของทานน่ะ”
“ไม่รู้เห็นชื่อเมย์ๆนี่ล่ะ”
เทียนบุญเบาเสียงลงเมื่อมีเด็กเข้ามาเสริ์ฟบรั่นดีที่เขาชอบ เด็กหนุ่มส่งยิ้มหวานให้เทียนเขาเองก็เล่นหูเล่นตาให้เป็นเรื่องปกติ
“เอ๊ะ นี่กริชอ่านหนังสือพวกนี้ด้วยเหรอ”
สายตาของเทียนบุญเหลือบไปเห็นกองนิตยาสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาหยิบขึ้นมาดู นิตยาสารของแวดวงสังคมไฮโซที่ธัญญ่าชอบติดตามเป็นชีวิตจิตใจประหนึ่งว่าเป็นคนในแวดวงสังคมเดียวกัน
“ของพี่ญ่าน่ะ แกชอบซื้อมาอ่าน ชอบตามข่าวดารา พวกไฮโซประมาณนั้น เราไม่ค่อยสนใจดูหรอก”
กริชเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ปกติเวลาทำงานไม่ค่อยได้แตะสักเท่าใดนักแต่วันนี้พิเศษ เพราะเพื่อนรักอุตส่าห์มาหาถึงที่ เทียนบุญยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเหมือนกัน มือหนึ่งก็พลิกหนังสือไปเรื่อยๆ
“นี่มันนี่ กริช อีนี่ล่ะคู่หมั้นของทานน่ะ”
กางหนังสือออกเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นภาพของสาวสังคมในหน้าแรกๆของหนังสือ
“ไหน”
กริชลุกจากเก้าอี้แล้วชะเง้อคอมาดูตามที่เทียนบุญชี้นิ้วไปที่รูปแรงๆจิ้มอยู่อย่างนั้น
“นี่มันเมย์ มณีอารียานี่”
“กริชรู้จักมันเหรอ”
เสียงสูงขึ้นสายตามองต้องการคำตอบ
“ก็เธอไฮโซจะตาย ทำร้านเพชรอยู่นะตอนนี้ ที่หมั้นกับทานเราพอจะรู้แล้วล่ะ แต่เอ๊ะครอบครัวของทานทำธุระกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ใช่เหรอเทียน ไม่ใช่เหมืองเพชร พลอยซะหน่อย”
“เราไม่แน่ใจเหมือนกันกริช แต่มันเป็นธุรกิจนี่ ถึงว่าทานเคยเปรยๆว่าอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรกับพลอย อ้อ แบบนี้นี่เอง ถึงว่าทานบอกว่ามันเป็นธุระกิจ ตอนแรกนึกว่าทานจะหลอกเราเสียอีก”
“ดังนะเทียน ในวงสังคมไฮโซน่ะ แต่เอ๊ะ เรานึกว่าคนชื่อโป้งที่ตามต้อยๆนั่นจะเป็นแฟนซะอีก ไม่น่าเชื่อ”
“หือ ใครนะ”
สายตาฉายแววบางอย่างออกมา
“ก็ คนชื่อโป้ง กนิฐ หลัวตระกูลน่ะ เจ้าของเหมืองเพชร เขาตามตัวติดกันจะตาย เราก็นึกว่าเป็นแฟนกัน เริ่มงงแล้ว”
“แฟนไม่แฟนเราไม่รู้ แต่ที่เรารู้คืออีนี่มันไม่ใช่เล่น ตอนมันด่าตอกหน้าเรานะแหมอยากจะโผเข้าไปจิกหัวตบให้สาแก่ใจ เออ กริช มันกัดเราเรื่องปลาสลิดล่ะ มันหมายถึงอะไรเหรอ”
ยังจำคำที่โดนกระทบกระเทียบเมื่อตอนกลางวันได้ดี
“เป็นคำด่านะเทียน ก็ปกติปลาสลิดน่ะเขาจะตัดหัวมันออกไง เปรียบกับพวกหน้าตาไม่ดีน่ะ แต่เขาไม่น่าจะว่าเทียนนะเพราะเทียนไม่ได้ขี้เหร่”
“หนอยอีนี่ แอบด่าฉันเหรอ”
เทียนบุญกัดฟันหน้าตาบึ้งตึงขึ้นทันที กริชเองพอเห็นเพื่อนหน้าตาไม่สบอารมณ์ก็รู้สึกประหม่าเหมือนกัน เพราะรู้จักนิสัยใจคอของเทียนบุญเป็นอย่างดี
“ออกไปข้างนอกเถอะเทียน ไปนั่งดูเด็กๆกัน ไปคุยกับพี่ญ่าด้วย”
เทียนบุญพยักหน้าแล้วเดินตามกริชออกมาด้านนอกที่เสียงเพลงอึกทึกครึกโครมเป็นจังหวะให้ชายหนุ่มรูปร่างกำยำบนเวทีออกลีลาส่ายเอวเพื่ออวดสายตาลูกค้าทั้งหนุ่ม ทั้งแก่ ที่นั่งรายเรียงล้อมรอบเวทีนั้นอยู่
“กริช ที่นี่มีผู้หญิงด้วยเหรอ”
เทียนบุญทำท่าตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นมุมของร้านที่มีกลุ่มลูกค้านั่งอยู่สามคนหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิง
“ไม่ใช่หรอกเทียน น่าจะผ่าแล้ว”
กริชบอกเพราะเห็นธัญญ่านินทาลูกค้ารายนี้ให้ฟังก่อนจะออกไปซื้อของ
“อ้อ แล้วไปตกใจหมด ไหนมีคนไหนน่าสนใจบ้าง”
“จะเอาจริงเหรอเทียน แล้วทานล่ะ”
“ผัวเขามีไว้ให้เฝ้าบ้าน ผู้ชายเขามีไว้แก้คันไม่เคยได้ยินเหรอกริช”
กริชทำหน้าตกใจจนเทียนบุญหัวเราะออกมา
“บ้าเหรอ เราล้อเล่น แหมเห็นเราแบบนี้เราก็ไม่ร่านนะกริช เรามาที่นี่เพราะกริชนะ”
ถอนหายใจออกมาแล้วหัวเราะไปกับเทียนบุญด้วย
“ทุกคนๆสนใจทางนี้หน่อย พี่จะแนะนำให้รู้จักกับเทียน เทียนจะมาเป็นผู้ช่วยพี่นับจากวันนี้เป็นต้นไป”
สำนักงานของนิตยาสารที่เทียนบุญทำอยู่บนถนนสุขุมวิทซอยยี่สิบกว่าๆ ภายในสำนักงานมีพนักงานเกือบ ๒๐ คนแบ่งไปตามแผนกหน้าที่นั่งแยกกันอยู่ ส่วนสำนักพิมพ์อยู่อีกที่ พอสิ้นเสียงประกาศจากวิภาวี สาวใหญ่ผู้คร่ำหวอดในวงการนิตยาสารชั้นแนวหน้าของเมืองไทย พนักงานทุกคนก็เดินมาล้อมวงจ้องมองเทียนบุญกันเป็นตาเดียว
“สวัสดีครับ ผมเทียนบุญครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
เทียนบุญแนะนำตัว ยิ้มบางๆ ตั้งคอตรงไม่มองใครเป็นพิเศษ เพราะคนในนี้ไม่มีใครพิเศษพอที่จะเป็นจุดตกของสายตา
“เทียนจบมาจากอังกฤษนะทุกคน จบแล้วร่วมงานกับบริษัทแม่ที่โน่น เรานับว่าโชคดีมากทีได้เทียนมาร่วมงาน”
คุณวิภาวีเสริม พนักงานทุกคนก็พยักหน้ารับรู้ บ้างก็ส่งเสียงอื้ออึงในคอเหมือนเป็นการชื่นชม
“เทียนมาทันเวลาพอดีเลย เนี่ยพี่มีโปรเจกต์จะเปิดตัวคอลั่มใหม่ พี่ดึงตัวนักเขียนชื่อดังมาร่วมงานได้ ดังมากนะเทียน เราช่วยพี่คิดแคมเปญจ์หน่อยสิ จะเปิดตัวยังไงให้มันดังติดตลาด”
พอแนะนำตัวเทียนบุญให้กับพนักงานทุกคนรู้จักแล้วก็พาเทียนบุญเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวที่จัดเตรียมไว้ให้เทียนบุญโดยเฉพาะ
“แล้วเขาเขียนคอลั่มอะไรให้เราล่ะครับพี่ภา”
“เดี่ยวกับซุบซิบคนในวงการน่ะจ๊ะ แล้วก็เขียนตอนท้ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีความงาม”
“อ้อ หมายถึงสองคอลั่มเลยเหรอครับ”
“จ๊ะ คอลั่มซุบซิบอยู่หน้าแรกๆ ส่วนคอลั่มความงามอยู่เกือบท้ายๆเล่ม”
“อืม เราหาดารานางแบบนายแบบมาร่วมงานสักคนดีไหมครับ เปิดตัวก็ให้เขามาเล่าเรื่องการดูแลสุขภาพผิว แล้วก็ถามเรื่องส่วนตัวประมาณนี้”
“อืม มันคนทำเยอะแล้วน่ะสิเทียน”
แย้งขึ้นตามประสาของคนที่มีความคิดต่าง
“แต่มันก็ไม่เชยนี่ครับ ที่เราจะเปิดตัวคอลั่ม พี่ภาคิดว่าคอลั่มนี้จะทำให้ยอดขายหนังสือดีขึ้นหรือเปล่าล่ะครับ ถ้าใช่ผมว่าไม่น่าจะผิดไปจากนี้ คอลั่มซุบซิบดาราก็ควรจะให้ดาราหรือคนที่กำลังอยู่ในความสนใจมากๆมาร่วมงาน ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าคนเขาทำเยอะแล้วหรือยัง แต่มันขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบของเรามันล้ำแค่ไหน หรือสิ่งที่เราจะถามเขา มันเรียกเรตติ้งได้มากแค่ไหนมากกว่าไหมครับพี่ภา”
เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเรียบแต่คนฟังเริ่มเม้มปาก คร่ำหวอดในวงการนี้มานานไม่เคยมีใครหน้าไหนมาลูบคม ทุกคำพูดหรือความคิดที่เอ่ยออกไปทุกคนต้องทำตาม เช่นกัน อีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดแค่นี้ สิ่งที่เทียนบุญคิดคือถึงเวลาที่หญิงชราคนนี้จะลงจากเก้าอี้ได้แล้ว ของเก่าบางอย่างมันก็มีคุณค่า แต่บางอย่างมันก็คร่ำครึล้าสมัยเกินไป
“งั้นพี่จะลองคิดดูก่อนนะ จะเอาเข้าที่ประชุมก่อนว่าจะเอายังไง”
“ครับ ผมต้องตรวจต้นฉบับด้วยไหมครับพี่ภา”
“ค๊ะ”
เธอทำเสียงสูงไม่มั่นใจในคำถาม
“หมายถึงก่อนอนุมัติให้พิมพ์น่ะครับ”
“เรามีแผนกตรวจอยู่แล้วจะเทียน”
“แต่ผมอยากจะดูได้ไหมครับ คอลั่มที่เป็นภาษาอังกฤษก็ได้ เผื่อผิดพลาดไป จะได้ไม่อายคนเขา”
เธอกัดฟันแน่น ได้ยินกิตติศัพท์มาบ้างแล้วว่าเด็กคนนี้ไฟแรง แต่ไม่คิดว่าจะเริ่มรู้สึกร้อนที่ตัวเธอก่อนใคร จะไม่พอใจแสดงอาการออกมาก็ไม่ดี เพราะสำนักงานใหญ่เป็นคนให้ตำแหน่งนี้กับเขา ไม่ใช่เธอ
“เปิดตัวร้านเพชรครั้งนี้เอาไงดีพิม เราอยากให้งานมันยิ่งใหญ่ที่สุด”
มณีอารียาเป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายของพิมระตี ทั้งสองทำงานด้วยกันด้วยการว่าจ้างของมณีอารียาเอง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมามณีอารียาปฎบัติกับพิมระตีเฉกเช่นเพื่อนมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ทำให้พิมระตีรักและเทิดทูนมณีอารียามากกว่าใคร
“ใช่ งานเปิดตัวครั้งนี้ต้องเอาให้ดังพลุแตกไปเลยนะ เทียบเชิญเราทำไว้แล้ว ทยอยส่งไปเชิญแล้ว เหลือแค่ตีมของงานรอเธอตัดสินใจอยู่เนี่ย”
“อืม เราว่าให้นางแบบมาเดินดีไหม”
“ก็ดีนะ เดินแบบว่าไม่เป็นทางการ เดินรอบๆงานอะไรแบบนี้”
“งั้นเธอเอาตีมมาให้เราดู เราจะเลือกนางแบบเอง”
“เอาแต่นางแบบเหรอเมย์ นายแบบล่ะ”
“เอาสิ ความจริงนะเราอยากจะได้ปลายฟ้านะ กำลังดังเชียว”
“เออเราเห็นด้วย เอาแบบนี้ไหม ให้ปลายฟ้ามาเป็นตัวหลัก แล้วให้นางแบบมาเป็นตัวรอง”
“ชุดนาฬิกายุสุลต่านนั่นไงพิม”
มณีอารียาเดินตรงไปยังตู้กระจกนิรภัยก้มลงมองนาฬิกาฝังเพชรที่เธอสั่งทำเป็นพิเศษจากตุรกี ราคาไม่เท่าไหร่สำหรับคนในแวดวงสังคมอย่างเธอ แค่ ๓๕ ล้านหน่อยๆนี่คือความภาคภูมิใจของมณีอารียาในการจะฉลองเปิดร้านเพชรร้านใหม่ในห้างดังย่านสุขุมวิท เพราะสิ่งที่กำลังจะทำมันจะต้องดังและประสบผลสำเร็จเท่านั้น เพียงเท่านั้น
“คุณน้ำหวาน ไม่ทราบว่าตอนนี้นายแบบใครดังที่สุดนะครับในเมืองไทย”
เทียนบุญเป็นคนรับผิดชอบงานนี้โดยตรงแผนงานที่ผ่านการประชุมนั้นไม่มีใครคัดค้านแต่อย่างใด ทุกคนเห็นชอบ ซึ่งความเห็นชอบของทุกคนนี้ทำให้วิภาวีเคืองใจในตัวเทียนบุญอยู่ไม่น้อย
“ต้องปลายฟ้าเลยค่ะคุณเทียน ดังมาก โฆษณาเกือบทุกตัว เอ็มวี นิตยาสารเอย มีภาพยนต์อีกต่างหากแต่คิวแน่นหน่อยนะคะ”
“เหรอครับ คนอื่นล่ะ มีดังรองๆลงมาหน่อยไหมครับ”
“อืม น่าจะเป็นไนท์ วศรินทร์นะคะคุณเทียน แต่คนหลังนี่เย็นๆหน่อย”
“หมายถึงยังไงครับเย็นๆ”
เทียนบุญขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ก็ไนท์เขาจะไม่ค่อยสุงสิงหรือคุยกับใครเท่าไหร่น่ะคะ ไม่เหมือนปลายฟ้า ปลายฟ้าเขางานเยอะเพราะอัธยาศัยดี”
“เหรอครับ แต่ผมไม่ต้องการคนอัธยาศัยดีหรือคนเย็นชา แต่ผมต้องการคนที่เวลาทำงานแล้วไม่มีปัญหา ต่อให้ดังคับฟ้าหรือเย็นเป็นเจ้าชายน้ำแข็งแต่ว่าทำงานไม่ได้เรื่องผมก็คงไม่เอา พวกดาราเขาจะรู้ไหมว่าสื่อนี่ล่ะครับที่จะสอยเขาร่วงลงกับพื้น”
“แรงค่ะคุณเทียน”
“เรื่องจริงครับ ตกลงผมสนใจปลายฟ้า รบกวนคุณน้ำหวานติดต่อคิวให้ด้วยนะครับ วันและเวลาก็ตามที่มินิทเมื่อกี๊ อ้อ คุณน้ำหวาน แผนสองผมอยากได้คุณไนท์ที่เป็นเจ้าชายน้ำแข็งนั่นด้วยนะครับ”
“แผนสองเหรอคะ”
“ผมทำอะไรมีสองแผนเสมอล่ะครับ กันพลาด อย่าบอกใครล่ะ”
เทียนบุญเดินเข้าตรงไปยังหน้าห้องของวิภาวี
“นี่น้องเทียนคะ ตกลงเราจะเอานายแบบเหรอคะที่จะลงคอลั่ม ทำไมไม่ใช่นางแบบ”
วิภาวีแหวเสียงขึ้นหน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“ก็ได้ข้อสรุปแล้ววนี่ครับพี่ภา ทำไมเหรอครับ”
“พี่คิดว่ามันจะดูเกย์ไปหน่อยไหม”
“อ้อถ้าเรื่องนี้คงไม่หรอกครับพี่ภา นิตยาสารเกี่ยวกับความงามกลุ่มลุกค้าหลักคือผู้หญิง ร้อยทั้งร้อยลูกค้าผู้หญิงก็ต้องชอบที่จะดูเนื้อหนังของผู้ชาย ผมว่ามันเป็นการตลาดนะครับ เราเอานายแบบดังมาลงคอลั่มเพื่อเป็นการสร้างกระแสในการเปิดตัว เพราะถึงแม้ว่านายแบบเองจะเป็นเกย์ แต่จากพอร์ทโฟลิโอที่ผมได้เห็น เขาดูไม่ออกครับ และผมเชื่อว่าไม่มีใครดูออก สรุปว่าเขายังขายได้ ผมจะมาคุยกับพี่เรื่องวันและเวลาที่จะดำเนินงานน่ะครับ”
ผ่อนเสียงราบเรียบลงตรงท้ายประโยคแววตาของเทียนบุญไม่ได้ยี่หระให้วิภาวีเลยแม้แต่น้อย วิภาวีเองกัดฟันจนเส้นขึ้นข้างๆขมับ
“อะไรนะคะคุณสายลม วันที่ ๒๕ มีคิวแล้วเหรอคะ แน่ใจเหรอคะงานเรามีตอน ๖ โมงเย็นนะคะไม่ได้จริงๆเหรอ”
พิมระตีร้องเสียงหลงเมื่อโทรศัพท์ไปติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวของปลายฟ้า มณีอารียาที่กำลังง่วนอยู่กับการกำกับช่างภาพที่กำลังถ่ายภาพเครื่องเพชรเพื่อลงในโปรชัวร์แจกในงานหันขวับมามองทันที
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีเรารับงานเปิดตัวคอลั่มของนิตยาสารไปแล้วน่ะครับ”
“ตายจริง เราทุ่มไม่อั้นนะคะคุณสายลม ไม่ได้จริงๆเหรอคะ”
“ไม่ได้จริงๆครับ ผมต้องขอโทษแทนน้องด้วยจริงๆ”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ เดี๋ยวจะลองถามนายดูก่อนนะคะ ยังไงถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรบกวนติดต่อกลับหน่อยนะคะ อ้อ คุณสายลมคะ ว่าแต่นิตยาสารอะไรเหรอคะ”
สายลมอึกอักแต่ก็ยอมบอกออกมา
“ว่าไงพิม”
“ไม่ได้เมย์ มีนิตยาสารมาปาดหน้าไปแล้วอ่ะแก ทำไงดี”
“มีคนเดียวเหรอนายแบบน่ะ หาคนอื่นสิยะ ทำไมต้องไปง้อ”
“อืมๆ ได้ งั้นเดี๋ยวลองติดต่อไนท์ดู”
“นิตยาสารอะไรยะ เขาจะเปิดตัวเหมือนกันเหรอ”
“อืม เห็นผู้จัดการส่วนตัวบอกจะเปิดตัวคอลั่มใหม่น่ะ”
พิมระตีเอ่ยชื่อนิตยาสารออกมา มณีอารียาฟังแต่ไม่ได้สนใจ ไม่มีอะไรเบนความสนใจของเธอไปได้ในขณะนี้นอกจากงานเปิดตัวร้านเพชรที่ต้องหรูอลังการเพียงเท่านั้น พิมระตียกโทรศัพท์ติดต่อวศรินทร์ทันที รายนี้ไม่มีงานในวันนั้นเขาตกปากรับคำด้วยค่าจ้างที่ได้มากกว่าการถ่ายแบบให้นิตยาสารเกือบเท่าตัว เขาทำให้พิมระตีไม่ต้องวิ่งวุ่นกับการหาตัวนายแบบคนใหม่อีกทั้งไม่ต้องโดนทั้งเพื่อนและเจ้านายในร่างเดียวกันตำหนิเอา

****

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
เริ่มจะมันส์แล้ว 555

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป


เล่ห์ร้าย
ตอนที่ 2.

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่อาจรู้ได้ ภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจถี่กระชั้นที่ลอดออกมาแผ่วเบาจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องเท่านั้น ใบหน้าแดงก่ำ หลับตาแน่น หน้าท้องที่เกร็งจนเห็นเป็นลอนกล้ามเนื้อขึ้นมาอย่างชัดเจน
ลลิตทำตาโตเมื่อก้มลงมองผลของคำสั่งที่ตนเองได้กล่าวออกไป แก้มขาวร้อนฉ่าเริ่มแต้มด้วยจุดแดงแสดงถึงความเขินอาย ริมฝีปากอิ่มถูกขบไว้เบาๆ เพื่อระงับความตื่นเต้น แอบเหลือบตามองชายหนุ่มดูว่ายังหลับตาอยู่หรือไม่ แล้วมองความแข็งขืนตรงหน้าอีกครั้ง มือที่กำชายเสื้อไว้แน่นสั่นน้อยๆ ต้องใช้ความกล้ามากมายที่จะปล่อยมือออกแล้วเอื้อมมาด้านหน้าช้าๆ เด็กชายกลั้นหายใจเอาไว้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัว

แกร๊ก!!
เสียงการเคลื่อนไหวแผ่วเบาจากภายนอก ทำให้เด็กชายสะดุ้งลนลานถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว
“พอได้แล้ว” เมื่อพาร่างกลับมานั่งลงที่โซฟาเดิมเรียบร้อย ลลิตก็เรียกสติวิธวินท์ที่กำลังปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด
ชายหนุ่มหยุดมือ หอบหายใจเบาๆ ใบหน้าแดงก่ำ
“ไปจัดการตัวเองในห้องน้ำนั่นก็แล้วกัน” เด็กชายเมินหน้า มือเล็กสะบัดไปทางห้องน้ำ
คำสั่งครั้งนี้วิธวินท์แทบไม่เสียเวลาคิดสักวินาที รีบเก็บเสื้อผ้าแล้วก้าวยาวๆ ไปตามทิศทางนั้นทันที
เมื่อลับหลังชายหนุ่มแล้ว ลลิตจึงถอนหายใจยาวยืดออกมา

ก๊อกๆ
“คุณหนูครับ ของที่สั่งไปได้แล้วครับ” เสียงของบอดี้การ์ดร่างใหญ่ ชื่อว่าสมบูรณ์ เป็นคนสนิทที่ดูแลลลิตมาหลายปีแล้ว
เด็กชายเดินไปรับของที่ประตู โดยไม่ให้คนสนิทเข้ามาด้วย ลลิตเปิดดูของที่ได้รับมา ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้มออกเล็กน้อย เห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มซ้ายจางๆ แล้วจึงกลับมานั่งรอวิธวินท์อยู่ที่เดิม แต่ความคิดกลับล่องลอยไปถึงสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเมื่อครู่
“ไม่เห็นเหมือนที่ดูในการ์ตูนเลย” เด็กชายพึมพำกับตัวเองเบาๆ มือก็สะกิดกล่องหนังสีดำที่ได้รับมาเล็กน้อยแก้เขิน
ในใจก็นึกเอาสิ่งที่เห็นด้วยตาไปเปรียบเทียบกับหนังสือและหนังการ์ตูนที่เด็กชายเคยผ่านตามาบ้าง
“เกือบได้แตะแล้วด้วย” ลลิตหลับตาปี๋ เอามือทั้งสองมาแนบแก้มร้อนๆ ของตัวเองแล้วออกแรงกดเบาๆ นัยน์ตากรอกไปมองยังทิศทางของห้องน้ำที่ชายหนุ่มหายเข้าไปเมื่อครู่ แล้วพยายามสงบสติตัวเองกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
ชายหนุ่มเดินก้มหน้าแล้วมาหยุดที่ตรงหน้าเด็กชายอีกครั้ง
“นั่งลงสิ ไม่ต้องกลัวฉันกัดหรอกน่า” เด็กชายเอ่ยเสียงขึ้นจมูกแสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อย
“ครับ” วิธวินท์นั่งลงแต่ก็ยังคงก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม
“จะอายอะไรนักหนา ไม่เคยช่วยตัวเองหรือไง” ลลิตขยับตัวเข้าไปใกล้โซฟาเดี่ยวที่ชายหนุ่มนั่งมากขึ้น
“เอ่อ..คือ..ก็เคยครับ แต่..”
“แล้วเคยทำอย่างว่ามั้ย” เด็กชายไม่รอช้ายิงคำถามมากมายที่วิ่งวนอยู่ในหัวออกไปทันที ตากลมใสมองจ้องวิธวินท์ที่นั่งก้มหน้า ตัวตรงหัวเข่าชิดแทบจะหลอมรวมกัน มือสองข้างผสานกันอยู่ที่หน้าตัก นิ้วโป้งเขี่ยกันไปมา
“ก็..เอ่อ คือ แบบว่า” วิธวินท์อึกๆ อักๆ
“ว่าไงล่ะเคยหรือไม่เคย” เด็กชายตวัดเสียงเล็กน้อยแสดงออกถึงความไม่พอใจที่กรุ่นอยู่ภายใน
“เคยครับ” วิธวินท์โพล่งโกหกคำโตออกไป จะให้บอกความจริงได้อย่างไร มันออกจะน่าอายสักหน่อยที่ชายหนุ่มวัยขนาดเขาจะไม่มีประสบการณ์เซ็กส์แบบเต็มรูปแบบเลยสักครั้ง แม้จะมีสาวน้อยสาวใหญ่เข้ามาส่งไมตรีอยู่เรื่อยๆ แต่แค่ตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐให้ได้กับทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยพยุงครอบครัววิธวินท์ก็แทบจะหมดเวลาหายใจแล้ว
“นายมีแฟนหรือเปล่า” ยิ่งถามเสียงเด็กชายยิ่งต่ำลง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อย
“ม่ะ ไม่มีครับ”
“ดี ระหว่างสัญญาห้ามมีแฟน ห้ามไปทำเรื่องอย่างว่ากับใคร”
“ครับ” ชายหนุ่มรับปากอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะกลัวหรือเพราะติดที่พันธะสัญญาแต่อย่างใด เป็นเพราะว่ายี่สิบปีที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ทำมาได้ แล้วทำไมจะทำต่อไปอีกไม่ได้ล่ะ
“ดีมาก อืม...บรูโน่ เข้ามาใกล้ๆ ฉันสิ” ลลิตเปล่งเสียงเรียกออกมา วิธวินท์เหลือบตามองซ้ายขวา แต่ก็ไม่เห็นใคร จนเงยหน้ามองไปยังคุณหนูที่นั่งพิงโซฟามองตรงมาที่เขา ชายหนุ่มจึงเอานิ้วชี้ที่ตัวเอง
“ผมชื่อวิธวินท์ครับ หรือจะเรียกวินก็ได้”
“ไม่ ตั้งแต่นี้ไปนายชื่อบรูโน่ มานี่ซิ” เด็กชายยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง เปิดกล่องที่อยู่ข้างตัวแล้วหยิบบางสิ่งออกมา
“มาสิ” ลลิตเรียกอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้าแรงๆ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นตามคำสั่ง
“นั่งลงกับพื้นสิ ข้างหน้าฉันเนี่ย” เมื่อชายหนุ่มจะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาข้างกาย เด็กชายกลับเอ่ยบอกเสียก่อน
วิธวินท์จึงต้องย่อตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น ความสูงของเขาตอนนี้เท่ากับลลิตที่นั่งอยู่บนโซฟาพอดิบพอดี เด็กชายเอื้อมมือไปจะสวมสายสร้อยที่คอของชายหนุ่ม ความเย็นของสร้อยทำให้ชายหนุ่มผงะออกเล็กน้อยตามสัญชาติญาณ
“อยู่นิ่งๆ” เด็กชายก้มลงไป ด้วยวงแขนที่เล็กทำให้ใกล้ชิดกันมาก จนชายหนุ่มต้องเกร็งตัวกลั้นลมหายใจ แต่ไม่ทันเสียแล้วกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผมสีดำตัดแต่งเป็นทรงสั้นๆ รับกับศีรษะได้รูปเพียงแค่เห็นด้วยหางตาก็รู้สึกได้เลยว่ามันน่าจะละมุนมือมาก จนวิธวินท์เอียงคอหลบออกไปอีกทาง จมูกของชายหนุ่มก็ไปปะทะกับต้นแขนเล็กๆ ขาวเนียนที่พ้นออกมาจากแขนเสื้อ สัมผัสนุ่มจนวิธวินท์ลืมตัวสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ หอมจัง คำนี้ผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของชายหนุ่ม แต่เมื่อลลิตขยับตัวออกไปสติของชายหนุ่มก็กลับมา จึงก้มลงมองสร้อยที่ถูกใส่ให้ที่คอ เป็นสายสร้อยทองคำขาวยาวลงมาถึงลิ้นปี่ร้อยจี้เป็นลูกกระดิ่งแต่ไม่มีเสียงขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย
“นายเป็นของฉัน” ลลิตพูดพร้อมทั้งลูบเบาๆ ที่ผมตรงขมับของวิธวินท์
“บรูโน่ อ่ะ ฉันให้ ฉันโทรไปเมื่อไหร่ต้องรีบรับ ห้ามปิดเครื่อง ห้ามแบตหมด เด็ดขาด” เด็กชายส่งกล่องบรรจุโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ราคาของมันคงพอๆ กับเงินเดือนของชายหนุ่มสองสามเดือนรวมกัน
“ถ้าผมเรียนหรือทำงานอยู่ล่ะครับ”
“ฉันไม่โง่หรอกน่า ตอนนายเรียนฉันก็เรียนอยู่เหมือนกัน ตารางงานของนายฉันก็มี ฉันรู้หรอกน่าว่าควรโทรไปตอนไหน”
เมื่อพูดจบเด็กชายก็ลุกขึ้น
“ไปสอนการบ้านฉันได้แล้ว”
“ครับๆ” วิธวินท์รับคำแล้วรีบลุกเดินตามลลิตไป
ความจริงแล้วลลิตมีครูพิเศษที่คุณท่านจ้างไว้เพื่อมาสอนที่บ้านอยู่แล้ว แต่เด็กชายก็ได้ปฏิเสธไป เพื่อให้ชายหนุ่มเป็นคนสอนแทนที่เรือนคุณปู่

ในทุกวันที่วิธวินท์มาพบคุณหนูริช พอพลบค่ำชายหนุ่มจะนั่งรถคันใหญ่ออกจากคฤหาสน์ตรงไปที่โรงพยาบาลที่แม่ของเขาพักรักษาตัวอยู่
“ขอโทษครับคุณสมบูรณ์ รบกวนแวะร้านดอกไม้ได้ไหมครับ” วิธวินท์หันไปบอกบอดี้การ์ดคนสนิทของคุณหนู ซึ่งเป็นผู้ขับรถออกมาส่งเขาด้วยตัวเองด้วยน้ำเสียงแสดงความเกรงใจที่วันนี้ต้องแวะกลางทาง เพราะร้านดอกไม้ในโรงพยาบาลมีราคาสูงจนชายหนุ่มไม่สามารถซื้อได้บ่อยนัก
“จะซื้อดอกไม้เพื่อไปเยี่ยมคุณวิสาหรือครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับรับคำเบาๆ
“คุณหนูริชสั่งดอกกุหลาบขาวไว้ให้คุณแล้วครับ” แล้วบอดี้การ์ดหนุ่มก็ขับรถต่อไป

ชายหนุ่มเดินไปตามทางเดินของโรงพยาบาลไปยังห้องพิเศษที่แม่ของเขาพักรักษาตัวอยู่ ในมือถือดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่ดอกไม้ที่แม่ของชายหนุ่มโปรดปรานเป็นที่สุด ชายหนุ่มยกช่อดอกไม้ขึ้นดมเบาๆ พาลคิดถึงคนที่สั่งดอกไม้ช่อใหญ่นั้นให้รอยยิ้มเล็กๆ จุดขึ้นที่มุมปาก ส่ายศีรษะน้อยๆ นึกไปถึงคำสั่งที่เอาแต่ใจต่างๆ นานาที่สรรหามาทำให้ชายหนุ่มลำบากใจ แต่ในที่สุดก็ต้องยอมจำนนแก่แววตาดื้อดึงคู่นั้นอยู่ดี คืนนั้นวิธวินท์ทานอาหารค่ำและนอนค้างกับแม่ของเขาโดยที่ไม่ได้กลับบ้าน

‘♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪ … ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪ …’ เสียงดนตรีจากโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางไว้ตรงหัวนอนของชายหนุ่มดังขึ้น ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบขึ้นมาดูชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอเครื่อง -คุณหนูริช- ชื่อนี้ทำให้วิธวินท์เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งตัวตรง
“ครับ” ชายหนุ่มรีบกดรับ แล้วกรอกเสียงลงไปทันที
“บรูโน่ ทำไมรับช้า” เสียงเด็กชายดังต่อว่ามาจากในสาย
“เอ่อ..”
“ช่างมัน ออกมาหาฉันที่...เดี๋ยวนี้ ฉันให้เวลา 20นาทีต้องมาถึง ..ตื้ดๆๆๆๆ” ก่อนที่วิธวินท์จะบอกเหตุผลคุณหนูก็สั่งเสียงรัวมาเสียก่อน แล้วตัดสายไม่รอคำตอบรับหรือปฏิเสธทั้งสิ้น ชายหนุ่มมองหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาห้าทุ่มสิบห้านาที
วิธวินท์มองไปที่เตียงคนไข้ก็เห็นผู้เป็นแม่นอนหลับสนิท ก้มมองตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาว ขากางเกงขาดนิดๆ บ่งบอกว่าเจ้าของสวมใส่มานานปี คงพอออกไปข้างนอกได้ ชายหนุ่มคิดในใจ จึงรีบหยิบข้าวของสำคัญ แล้วย่องออกจากห้องอย่างเงียบๆ

สถานที่ที่คุณหนูริชให้ชายหนุ่มไปพบคือหน้าโรงแรมหรูใจกลางเมือง ซึ่งถึงจะดึกป่านนี้แล้วแต่การจราจรคงยังติดขัดอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากหน้าโรงพยาบาลซอกแซกไปตามท้องถนน เพื่อให้ไปถึงจุดนัดพบในเวลาที่กำหนด

เมื่อใกล้ถึงโรงแรมที่คุณหนูบอกแต่ต้องกลับรถอีกไกล วิธวินท์จึงตัดสินใจลงจากพาหนะแล้วสาวเท้าวิ่งตัดข้ามถนนที่รถติดจนแออัด แล้วก้าวเท้ายาวๆ ไปยังลานจอดรถของโรงแรมอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มหายใจหอบนิดๆ เมื่อมาหยุดอยู่ที่ข้างรถคันใหญ่พาหนะประจำตัวของคุณหนูริช พอสูดหายใจเข้าเต็มปอดก็รีบเปิดประตูก้าวขึ้นรถทันที
“ช้าไป 2นาที 35วินาที” เด็กชายเอ่ยทักเมื่อชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วย่อตัวลงนั่ง
“ขอโทษครับ ผมรีบเต็มที่แล้ว” วิธวินท์พูดปนหอบออกมาเบาๆ
“เปลี่ยนชุดซะ ใส่ออกมาได้ยังไง” ลลิตเบะปากน้อยๆ เมื่อมองชุดที่ชายหนุ่มสวมใส่ เสื้อยืดสีขาวที่ใส่จนเนื้อผ้ามันบางลายที่พิมพ์อยู่กลางอกมองไม่ออกแล้วว่าเป็นลายอะไรชื้นเหงื่อนิดๆ กับกางเกงวอร์มย้วยๆ ชายขาลุ่ย และรองเท้าแตะแบนๆ แล้วหยิบถุงกระดาษสามสี่ใบส่งให้ชายหนุ่ม
วิธวินท์รับมาเปิดดูเป็นเสื้อกางเกง และรองเท้าผู้ชายแบบทันสมัย ราคาก็คงไม่ใช่น้อย
“ครับ” ชายหนุ่มทำท่าจะเปิดประตู ลลิตเอื้อมมือมาจับหน้าขาของเขาบีบเบาๆ
“จะไปไหนบรูโน่ เปลี่ยนในนี้แหละเสียเวลา” เด็กชายพูดออกมาเสียงเรียบ
“จะดีเหรอครับ”
“ดีสิ ฉันรอนายมานานพอแล้ว”
วิธวินท์ก็จนคำพูดที่จะทัดทาน จึงเริ่มถอดเสื้อออกเปลี่ยน เป็นเสื้อเชิ้ตสีอ่อนโชว์ไหล่กว้าง แล้วหยิบกางเกงขายาวทรงกระบอกพอดีตัวตัดเย็บจากผ้าเนื้อดี ชายหนุ่มเริ่มช้าลงอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าอายที่จะต้องเปลี่ยนชุด แต่ปัญหามันอยู่ที่ใต้กางเกงวอร์มของเขาหาได้มีปราการด่านสุดท้ายของท่านชายไม่

“คุณสมบรูณ์ออกรถได้แล้ว” เสียงคุณหนูดังขึ้น วิธวินท์หันขวับไปมอง แต่คุณหนูกลับไม่ได้สนใจที่เขา นั่งก้มหน้ากดของเล่นอิเล็กทรอนิกส์เครื่องใหม่ที่พึ่งจับจ่ายมาพร้อมกับเสื้อผ้าของชายหนุ่ม วิธวินท์แอบเหล่มองไปที่คุณสมบูรณ์ผู้ขับรถ ที่ขับไปเงียบๆ ไม่ได้สนใจสิ่งอื่น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจ ถอดกางเกงวอร์มแล้วดึงกางเกงขากระบอกสวมแทนอย่างรวดเร็ว แต่เพราะความสูงของชายหนุ่ม ขากางเกงไม่ได้ขึ้นมาได้โดยง่าย วิธวินท์ยืดตัวขึ้นจนศีรษะชนกับหลังคารถเสียงดัง จนเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมามอง ระดับสายตาของลลิตก็ไปพบเข้ากับ ชายเสื้อที่ปิดอยู่ที่ท้องน้อย ขอบกางเกงหมิ่นเหม่อยู่ที่ขาอ่อน เด็กชายตาโตตกใจยกมือปิดปากตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นแม้ภายในรถจะสลัวแต่เด็กชายก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน กรอกตามองขึ้นสูงแล้วหันหน้าช้าๆ ออกนอกกระจกรถ
ได้แต่คิดในใจวนไปวนมาไอ้บ้าบรูโน่ กางเกงในก็ไม่ใส่ เห็นหมดเลย ในสมองก็ฉายภาพติดตานั้นซ้ำๆ จนนั่งเงียบอยู่ท่านั้นเป็นครู่ แม้จะเอาแต่ใจสั่งให้ทำแบบที่พบกันครั้งแรกอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่ชินเสียที


=========> โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2011 23:46:14 โดย PrinceTae »

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป
 :m4: สีแดงแรงดีไม่มีตก

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 2 [18/05/2011]
«ตอบ #236 เมื่อ18-05-2011 08:22:30 »

 :z1: กริชขายผักหรอเนี่ย มีโชว์ฟัก โชว์บวบกันด้วย

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป
 :undecided: นี่หรือคือวงการมายา

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป
จะรอดมั้ยเนี่ย ทำงานวันแรกก็นอนสลบแล้ว

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เอิ่มมม  แอบแรงนะคุณหนู  ตัวแค่เนี๊ยะทำเป็นสั่งสมประสบกาม เอ๊ยย ประสบการณ์  ร้ายเดียงสาจริง ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด